รักเล่ห์เร้นใจ 246-252

ตอนที่ 246 รักคนที่ไม่คู่ควร

 

“คุณครับ เมื่อครู่เราทำตามที่คุณบอกแล้ว แต่ท่าทีของเซียวจิ่งสือดูเหมือนจะไม่เป็นอย่างที่คุณบอกไว้ พอผมบอกว่าสิบล้าน เขาก็วางสายไปเลย”


 


 


ปลายสายอีกด้านไม่ได้พูดอะไร แต่เห็นได้ชัดว่าเสียงลมหายใจเข้าลึก และยังเร็วมากด้วย ผู้ชายคนนี้ก็คือพี่หู่ คนที่อี้อวิ๋นฉังสั่งให้มาจับตัวหลินหว่าน แต่เหตุการณ์ไม่เป็นไปตามที่พวกเขาวางแผนไว้ ส่วนผู้หญิงที่ปลายสายอีกด้าน…


 


 


พอเห็นว่าอี้อวิ๋นฉังไม่พูดอะไร พี่หู่ส่งเสียงเหมือนเป็นการถามย้ำไปอีกครั้ง ซึ่งเป็นการเตือนอี้อวิ๋นฉังว่า ตอนนี้พวกเขาควรจะทำอย่างไร


 


 


“คุณครับ”


 


 


“อ๊ะอ่า…คุณว่ามา” อี้อวิ๋นฉังถูกเสียงนี้เรียกสติกลับมา หันมาตั้งใจฟังคำพูดของพี่หู่


 


 


“คุณครับ ตอนนี้จะให้พวกเราทำยังไงกันดี”


 


 


ด้วยเรื่องเมื่อครู่ ทำให้อี้อวิ๋นฉังมีแผนใหม่ เดิมทีเธอคิดจะจับตัวหลินหว่านมา หลอกเอาเงินจากเซียวจิ่งสือ จากนั้นให้พี่หู่ข่มขืนหลินหว่าน ถ่ายคลิปลงเน็ต แล้วฆ่าหล่อนทิ้งซะ แต่ว่าเหตุการณ์ไม่เป็นไปตามแผนซะนี่! ท่าทีของเซียวจิ่งสือทำให้เธอดีใจขึ้นมา! เซียวจิ่งสือไม่ได้ให้ความสำคัญกับหลินหว่าน!!!! แค่สิบล้านยังไม่ยอมจ่าย ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นหลินหว่านแกก็จงไปตายอย่างสงบซะเถอะ ฉันจะให้แกไม่ต้องทรมานมากนัก ฉันนี่ช่างใจดีซะจริง ฮ่าๆๆๆๆ


 


 


“พี่หู่ จัดการฆ่าหลินหว่านซะ แล้วฉันจะให้คุณห้าล้าน คุณ…”


 


 


“ปึงปึง…”


 


 


“แกเป็นใคร…เฮ้ย…”


 


 


“ตุ้บๆ …”


 


 


อี้อวิ๋นฉังยังพูดไม่ทันจบคำ ปลายสายอีกด้วนก็มีเสียต่อสู้กันดังมา อี้อวิ๋นฉังแอบลุ้นอยู่ในใจ คงไม่ใช่จิ่งสือมาช่วยหลินหว่านกระมัง ไม่นะ!!!!


 


 


ข้างหูพลันได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่ง


 


 


“อี้อวิ๋นฉังคุณทำเกินไปแล้วนะ” พูดจบก็วางสายไป


 


 


พอได้ยินเสียงจากโทรศัพท์ อี้อวิ๋นฉังก็วางใจลงได้ ฮั่วเทียนอวี่!!!! ไม่ใช่เซียวจิ่งสือ ยังดีนะ ขณะที่กำลังดีใจอยู่นั้น อี้อวิ๋นฉังก็ไม่ได้สนใจคำพูดของฮั่วเทียนอวี่


 


 


สำหรับกับเธอแล้ว ฮั่วเทียนอวี่แม้จะเป็นพันธมิตรกัน แต่ผลประโยชน์ของตัวเองย่อมสำคัญที่สุด แม้ว่าอาจเป็นไปได้ที่เซียวจิ่งสือไม่รักหลินหว่าน แต่ก็ห้ามหลินหว่านไปให้ท่าเซียวจิ่งสือไม่ได้นี่นา! ดังนั้นเธอจึงต้องกำจัดความเป็นไปได้ทั้งหมด เซียวจิ่งสือต้องเป็นของเธอเท่านั้น! หลินหว่าน แกคอยดูไปเถอะ!


 


 


……


 


 


ส่วนฮั่วเทียนอวี่หลังจากวางสายกับอี้อวิ๋นฉังแล้ว ก็ค่อยๆ ประคองหลินหว่านขึ้นมา เธอถูกพี่หู่ทำให้หมดสติไป ส่วนพวกพ้องของพี่หู่ก็ถูกจับมัดไว้ด้วยกัน


 


 


“หว่านเอ๋อร์ เธอเป็นยังไงบ้างหว่านเอ๋อร์ ตื่นสิ”


 


 


หลินหว่านฟื้นคืนสติขึ้นมายังมึนงงอยู่บ้าง มองฮั่วเทียนอวี่ที่ตรงหน้า ด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก


 


 


“ฮ…ฮั่วเทียนอวี่ คุณช่วยฉันไว้หรือคะ?”


 


 


“อื้ม หว่านเอ๋อร์ ตอนนี้คุณเป็นไงบ้าง ไม่สบายที่ตรงไหนรึเปล่า”


 


 


“ฉันสบายดี แต่ทำไมคุณถึงมานี่ได้คะ”


 


 


“ผ…ผมแค่อยากจะพูดกับคุณให้รู้เรื่อง ตอนนั้น ตอนนั้นผมแค่รักคุณมากเกินไป จึงทำไปด้วยความวู่วาม ขอโทษด้วยนะหว่านเอ๋อร์ ผมอยากจะไปอธิบายกับคุณ ผมรออยู่หน้าประตูบ้านคุณ เห็นคุณถูกจับตัว ก็เลยแอบตามมา ผม…”


 


 


“ไม่ต้องพูดแล้วค่ะ”


 


 


หลินหว่านพูดขัดขึ้น


 


 


“หว่านเอ๋อร์ ผมรู้ว่าผมทำผิดไปแล้ว ผมไม่ควรทำเรื่องแบบนี้แล้วยังจะมารบกวนคุณอีก คุณวางใจได้ ต่อไปผมจะไม่มารบกวนคุณอีก”


 


 


“ไม่เป็นไรค่ะ ฮั่วเทียนอวี่ ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น เรื่องในวันนี้ฉันต้องขอบคุณคุณอย่างมากเลย”


 


 


“ขอแค่คุณไม่เป็นไรก็พอแล้ว หว่านเอ๋อร์ พวกเราไปจากที่นี่กันก่อนเถอะ”


 


 


“อื้อ แล้วคนพวกนี้ทำยังไงดีคะ”


 


 


“ทิ้งไว้นี่เถอะ คงมีคนมาจัดการพวกมันเองแหละ”


 


 


“ค่ะ”


 


 


หลินหว่านเข้าใจว่าหมายถึงมีตำรวจมาจัดการ แต่ฮั่วเทียนอวี่หมายถึงอี้อวิ๋นฉังต้องมานี่แน่


 


 


“หว่านเอ๋อร์ ยกโทษให้ผมได้ไหม? พวกเราเป็นเพื่อนกันเถอะนะ เรื่องก่อนหน้านี้เป็นเพราะผมไม่ดีเอง”


 


 


“…ได้ค่ะ”


 


 


ทั้งสองประคองกันขึ้นรถของฮั่วเทียนอวี่กำลังจะจากไป ตอนนั้นเองเซียวจิ่งสือเพิ่งจะมาถึง เซียวจิ่งสือนิ่งมองคนทั้งสองประคับประคองกันเดินมา เขาไม่ได้เข้าไปรบกวนพวกเขา ได้แต่มองดูพวกเขาจากไปเงียบๆ พวกลูกน้องที่ด้านหลังคิดจะพูดอะไร แต่กลับถูกเซียวจิ่งสือห้ามไว้


 


 


ใช่ เซียวจิ่งสือมาแล้ว พอเซียวจิ่งสือรับโทรศัพท์ของพี่หู่ก็รู้ว่าเกิดเรื่องแล้ว เขารีบให้คนหาตำแหน่งทันที เพื่อให้หลินหว่านปลอดภัย เขาจำต้องรีบวางสาย ให้พี่หู่เข้าใจว่าเขาไม่สนใจความปลอดภัยของหลินหว่าน พอเขาพาทหารรับจ้างมาหมู่หนึ่งมาถึง ก็เห็นภาพตรงหน้านี้


 


 


มาช้าไปจนได้สิน่า!


 


 


เดิมทีเซียวจิ่งสือคิดจะอธิบายกับหลินหว่าน แต่ตัวเองมาช้าไปก็คือช้าไป จึงได้แต่มองดูทั้งสองจากไป


 


 


“จัดการกับพวกคนข้างในซะ”


 


 


“ครับ”


 


 


……


 


 


ฮั่วเทียนอวี่ส่งหลินหว่านกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ ถามไถ่ปลอบโยนเสร็จก็จากไป ไม่ใช่ว่าไม่คิดจะทำอะไร แต่เขามีแผนที่ดียิ่งกว่า


 


 


หลินหว่านหนอหลินหว่าน ผมไม่ได้คิดจะเป็นเพื่อนกับคุณหรอกนะ ผมจะให้คุณรักผม อยู่กับผมไปชั่วชีวิต!


 


 


“ตู๊ด ตู๊ด…ตู๊ด ตู๊ด…”


 


 


สัญญาณมือถือดังขึ้น พอเห็นว่าเป็นสายจากจากอี้อวิ๋นฉัง ฮั่วเทียนอวี่ก็รับสาย


 


 


“ฮัลโหล พี่เทียนอวี่ คุณฟังฉันอธิบายนะ บ้านพักรับรองคราวที่แล้ว ฉันจะรอคุณที่นั่น คุณฟังฉันอธิบายนะ”


 


 


ฮั่วเทียนอวี่ฟังคำพูดอี้อวิ๋นฉังแล้ว วางสายไปโดยไม่พูดสักคำ แต่ขับรถไปทางบ้านพักรับรอง


 


 


พอเห็นฮั่วเทียนอวี่เดินเข้ามา อี้อวิ๋นฉังก็รีบเข้าไปหา


 


 


“พี่เทียนอวี่ คุณมาแล้ว นั่งสิ เชิญนั่ง”


 


 


ฮั่วเทียนอวี่ไม่ได้พูดอะไร แค่จ้องอี้อวิ๋นฉังด้วยสายตาเย็นชา


 


 


อี้อวิ๋นฉังถูกสายตาฮั่วเทียนอวี่จ้องซะเหงื่อตก อธิบายว่า


 


 


“พี่เทียนอวี่ เรื่องในวันนี้ฉันแค่คิดจะขู่ให้หลินหว่านตกใจน่ะ แต่พวกพี่หู่เขาเกิดคิดจะทำมากกว่านั้น คิดจะ…หลินหว่าน…”


 


 


อี้อวิ๋นฉังพูดเสียงเบาลงเรื่อยๆ ยิ่งพูดก็ยิ่งรู้ว่าเปล่าประโยชน์ จึงค่อยๆ หยุดพูดไปเอง


 


 


“ผมรู้ดีว่าคุณคิดจะทำอะไร หลินหว่านเป็นผู้หญิงที่ผมต้องการ คุณห้ามทำอะไรเธอ อย่างอื่นคุณจะทำอะไรก็ได้ตามใจเลย”


 


 


“ค่ะ ได้ค่ะ ฉันทราบแล้วค่ะพี่เทียนอวี่ ดื่มสักหน่อยนะคะ”


 


 


ฮั่วเทียนอวี่มองอี้อวิ๋นฉัง เห็นท่าทีอีกฝ่ายดูจริงใจซะเต็มเปี่ยม จึงรับเอาแก้วเหล้าที่อี้อวิ๋นฉังยื่นมาให้


 


 


“พี่เทียนอวี่ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อครู่ฉันให้พี่หู่เรียกเงินค่าไถ่จากจิ่งสือสิบล้าน แต่จิ่งสือปฏิเสธ คุณว่าเขาหมายความว่ายังไงคะ”


 


 


“หมายความว่าไง คุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอ? เซียวจิ่งสือเป็นใคร ผู้ชายคนหนึ่ง ผู้ชายที่ร่ำรวยมีเงินคนหนึ่ง ผู้หญิงแบบไหนที่ไม่เคยเจอบ้าง เขาจะยอมทำเรื่องแบบนี้เพื่อผู้หญิงคนหนึ่งงั้นเหรอ? กับหลินหว่าน เขาก็แค่เล่นๆ เท่านั้นเอง นานเข้าก็เบื่อไปเอง สุดท้ายก็กลับมาหาคุณ ก็คุณเป็นผู้หญิงของเซียวจิ่งสือนี่นา”


 


 


อี้อวิ๋นฉังฟังแล้ว ก็ดีใจขึ้นมา พี่จิ่งสือไม่ได้รักหลินหว่าน!! ฮ่าๆๆๆ


 


 


ถึงแม้ในใจอี้อวิ๋นฉังจะคิดแบบนี้ แต่การที่คำพูดนี้ออกมาจากปากคนอื่นมันให้ความรู้สึกไม่เหมือนกัน มันฟินสุดๆ ไปเลย


 


 


“ใช่ๆ ใช่เลย พี่เทียนอวี่พูดได้ใช่เลย ฉันขอดื่มให้พี่เทียนอวี่แก้วนึง”


 


 


“ฮ่าๆๆ”


 


 


ทั้งสองหัวเราะให้กัน ขณะที่ต่างฝ่ายก็คิดจะใช้ฝ่ายตรงข้ามให้เป็นประโยชน์ 

 

 


ตอนที่ 247 สืบ

 

“พี่เทียนอวี่ ฉันอยากจะปรึกษากับคุณเรื่องหนึ่ง…คุณจะว่ายังไงคะ”


 


 


ฮั่วเทียนอวี่มองดูอาการเหมือนอยากพูดแต่ยั้งไว้ของอี้อวิ๋นฉัง ดวงตาฉายแววสงสัย ผู้หญิงคนนี้เอาเรื่องไม่ใช่ย่อยเลย!


 


 


“คุณพูดมาสิ”


 


 


“คุณคิดดูนะ คุณอยากได้หลินหว่าน ส่วนฉันก็อยากได้เซียวจิ่งสือ พวกเราช่วยกันและกัน เพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ เป็นยังไงล่ะ”


 


 


ฮั่วเทียนอวี่ใช้สายตาเย็นเฉียบมองดูอี้อวิ๋นฉังที่เข้าใจว่าตัวเองนำเสนอความคิดที่ยอดเยี่ยมซะเหลือเกิน หึหึ ที่ผ่านมามีแต่ฉันฮั่วเทียนอวี่ใช้ประโยชน์คนอื่น วันนี้นับเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้


 


 


“พูดตรงๆ นะ อี้อวิ๋นฉังเธอนี่มัน…เห็นผมโง่นักรึไงฮะ ช่วยกันและกัน? ต่างได้คนที่ต้องการ? พูดซะน่าฟังเชียว แค่ดูจากเรื่องที่เธอทำในวันนี้…เธอคิดจะฆ่าหลินหว่านใช่ไหมเล่า ถ้าหลินหว่านตาย แล้วคนที่ผมต้องการล่ะ? ผมจะบอกคุณไว้เลยนะ ทางที่ดีหลินหว่านอยู่ดีมีสุข ถ้าหากเธอเกิดเรื่องขึ้น ผมจะคิดบัญชีกับคุณ!” ฮั่วเทียนอวี่ตวาดด่าอย่างโมโห ตบโต๊ะดังโครม ทำเอาอี้อวิ๋นฉังตกใจจนสะดุ้งเฮือก


 


 


อี้อวิ๋นฉังพยายามตั้งสติ กลืนก้อนน้ำลายลงคอ


 


 


“พี่เทียนอวี่ ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ เรื่องวันนี้เป็นอุบัติเหตุล้วนๆ เป็นอุบัติเหตุจริงๆ นะ! เป็นเพราะพี่หู่นั่น เขาชอบทำเกินหน้าที่เรื่อยเลย” พูดพลางเหลียวดูสีหน้าของฮั่วเทียนอวี่ พอเห็นว่าฮั่วเทียนอวี่ไม่ได้ทำท่าอาละวาดก็พูดต่อไป


 


 


“ถึงแม้ฉันจะชอบพี่จิ่งสือ แต่ตอนนี้พี่จิ่งสือถูกนังผู้หญิงอื่นปิดหูปิดตาชั่วคราว ไม่เห็นความดีของฉัน แต่ที่ฉันอยากได้คือกิจการของเซียวจิ่งสือ ขอเพียงฉันได้เซียวซื่อกรุ๊ปมาไว้ในกำมือ เซียวจิ่งสือย่อมต้องรักฉัน ฟังคำของฉัน หลินหว่านพอเห็นว่าพี่จิ่งสือไม่มีเงินก็ย่อมต้องหันเข้าหาอ้อมอกของคุณ” อี้อวิ๋นฉังพูดด้วยสีหน้ากระตือรือร้น แต่ฮั่วเทียนอวี่กลับมองดูเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย เหมือนมองดูตัวตลก


 


 


ถึงแม้บ้านตระกูลเซียวจะเกิดปัญหาอีก แต่อี้อวิ๋นฉังเพียงคนเดียวคิดจะเข้ากุมบังเ**ยนเครือบริษัทของบ้านตระกูลเซียว มันเป็นเรื่องละเมอเพ้อพกของคนบ้าชัดๆ


 


 


“เธออยากได้บ้านตระกูลเซียวก็ไปแย่งเอาสิ มันเกี่ยวอะไรกับผม ผมยังมีธุระอื่นอีก ไปก่อนล่ะ”


 


 


พูดพลางฮั่วเทียนอวี่ก็ตั้งท่าว่าจะจากไป คราวนี้อี้อวิ๋นฉังตะโกนออกมาอย่างของขึ้น


 


 


“คุณไม่อยากเห็นเซียวจิ่งสือตกระกำลำบากอยู่ใต้อุ้งเท้าคุณรึไง?”


 


 


ฮั่วเทียนอวี่ฟังแล้วก็ชะงักเท้าที่กำลังก้าวออกไปทันที ประโยคนี้ของอี้อวิ๋นฉังเสียบเข้ากลางใจฮั่วเทียนอวี่พอดิบพอดี ผู้ชายล้วนไม่ยอมรับว่าสู้คนอื่นไม่ได้ อย่าว่าแต่ยังเป็นศัตรูหัวใจเสียอีก


 


 


“พูดมาสิ เธอมีแผนจะทำยังไง”


 


 


พอเห็นฮั่วเทียนอวี่กลับมานั่งที่เดิม อี้อวิ๋นฉังก็รู้ว่าเธอวางเดิมพันได้ถูกแล้ว ฮั่วเทียนอวี่เป็นคนที่เห็นแก่ศักดิ์ศรีตัวเองเอามากๆ เลยนี่นา!


 


 


“พี่เทียนอวี่ เรื่องนี้พวกเราต้องวางแผนระยะยาว เรา…”


 


 


……


 


 


หลายวันที่ผ่านมาหลินหว่านรับนัดฮั่วเทียนอวี่ออกไปเที่ยวตามที่ต่างๆ ซึ่งระหว่างนี้ฮั่วเทียนอวี่ก็ดีกับหลินหว่านเป็นพิเศษ ดูแลเธออย่างดี…


 


 


เย็นวันนี้ ฮั่วเทียนอวี่กับหลินหว่านทานข้าวเสร็จก็ส่งหลินหว่านกลับบ้าน


 


 


“หว่านหว่าน ให้ผมขึ้นไปได้ไหม”


 


 


หลินหว่านมองดูฮั่วเทียนอวี่ที่ทำท่าเหมือนจะพูดแต่ยั้งไว้ แต่ท่าทีแบบนี้มันเหมือนจะคุ้นตาอยู่นะ คืนนั้นที่เธอถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ เซียวจิ่งสือก็ถามแบบนี้เหมือนกัน ตอนนั้นเธอไม่ได้รับปาก เซียวจิ่งสือก็เลยจากไป ตอนนี้ผ่านมาตั้งนานแล้ว ผู้ชายคนนั้นก็ยังไม่โผล่มาให้เห็นอีกเลย เฮ้อ คงเข้าใจว่าเธอถูกพวกโจรฆ่าตายไปแล้วกระมัง เธอในสายตาเขามีค่าไม่ถึงสิบล้านด้วยซ้ำ คำพูดของเขาล้วนแต่คำโกหกทั้งนั้นกระมัง


 


 


“พี่ฮั่ว ฉัน…”


 


 


“ไม่ได้เหรอ? หว่านหว่าน พี่ฮั่วแค่ล้อเล่นน่ะ งั้นเธอก็เดินระวังนะ พี่ไปก่อนล่ะ”


 


 


พอเห็นฮั่วเทียนอวี่แม้ปากจะบอกว่าล้อเล่น แต่ดวงตาฉายแววผิดหวังออกมา…หลินหว่านก็ลังเล


 


 


“พี่ฮั่ว…”


 


 


หลินหว่านเรียกฮั่วเทียนอวี่ที่กำลังหมุนตัวไปเอาไว้ “ขึ้นไปนั่งเล่นข้างบนเถอะค่ะ”


 


 


พริบตานั้นฮั่วเทียนอวี่ก็ยิ้มออกมา ตามติดหลินหว่านขึ้นบนตึก


 


 


คนชุดดำที่ยืนอยู่ละแวกใกล้เคียงพอเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็โทรออกไปสายหนึ่ง


 


 


“ท่านประธานเซียว คุณหลินทางนี้มีเรื่องเล็กน้อย เธอเชิญฮั่วเทียนอวี่ขึ้นตึกไปแล้ว บางทีตอนนี้คุณหลินจะไม่ปลอดภัยครับ”


 


 


เซียวจิ่งสือรู้สึกใจหายวูบ พูดว่า “ผมทราบแล้ว” จากนั้นวางสายไป


 


 


ฮั่วเทียนอวี่ติดตามหลินหว่านขึ้นตึกมาด้วยความตื่นเต้น ดูท่าว่าเขาจะได้ลิ้มรสหวานของดอกโบตั๋นซะที ฮ่าๆๆ!


 


 


“พี่ฮั่ว นั่งก่อนค่ะ ฉันจะไปรินน้ำมาให้นะคะ”


 


 


หลินหว่านยกน้ำมาวางที่ข้างตัวฮั่วเทียนอวี่ ขณะที่ฮั่วเทียนอวี่ตะครุบมือของหลินหว่านเอาไว้คิดจะพูดอะไรบางอย่างนั้นเอง


 


 


“ตู๊ด ตู๊ด…ตู๊ด ตู๊ด…”


 


 


“ฮัลโหล …อะไรนะ…รู้แล้ว…ทางบริษัทจัดการให้เรียบร้อยนะ ผมจะรีบไป”


 


 


พอได้ยินว่าบริษัทของฮั่วเทียนอวี่เกิดเรื่อง หลินหว่านก็นึกเป็นห่วง จนลืมไปว่าเมื่อครู่ฮั่วเทียนอวี่จับมือเธอ


 


 


“บริษัทมีงานหรือคะ? พี่ฮั่วรีบไปทำธุระเถอะค่ะ!”


 


 


ฮั่วเทียนอวี่มองดูหลินหว่าน เฮ้อ เนื้อกำลังจะเข้าปากเสืออยู่แล้วเชียวเผ่นซะแล้ว มันน่านักเชียว แต่ทำอย่างไรได้ ใครใช้ให้บริษัทเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้เล่า


 


 


ฮั่วเทียนอวี่ปั้นหน้าอบอุ่นอ่อนโยนกับหลินหว่าน พูดว่า “หว่านหว่าน บริษัทของพี่เกิดเรื่องนิดหน่อย งั้นพี่กลับก่อนนะ”


 


 


“อื้อ ฉันจะไปส่งพี่นะ”


 


 


บอดี้การ์ดที่หลบอยู่เห็นว่าฮั่วเทียนอวี่ออกมาแล้ว ตอนนั้นเองมีข้อความหนึ่งส่งเข้ามือถือเขา


 


 


“ไปแล้วยัง?”


 


 


“ท่านประธาน เขาเพิ่งออกไป”


 


 


เซียวจิ่งสือที่อยู่ห้องทำงาน พอเห็นข้อความที่บอดี้การ์ดส่งเข้ามาก็ถอนใจเฮือกอย่างโล่งอก ครั้งนี้เขาลงมือกับบริษัทของฮั่วเทียนอวี่ทำให้เขาจากมา แล้วคราวต่อไปเล่า? แล้วเขาจะทำยังไง หลินหว่านจะรักฮั่วเทียนอวี่จริงๆ หรือ? เซียวจิ่งสือรู้สึกว่าแค่ลองคิดดูเขาก็ปวดใจแล้ว


 


 


เขาไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด


 


 


เซียวจิ่งสือหยิบโทรศัพท์ “ถามได้ความหรือยัง?”


 


 


“ท่านประธานเซียว จากคำสารภาพของหลินหู่ พวกเราพบว่ามีผู้หญิงมาขอให้เขาทำแบบนี้ เสนอเงินค่าจ้างหนึ่งล้าน จากการสืบสวนสอบสวน พวกเรายังไม่อาจเข้าถึงข้อมูลของผู้หญิงคนนี้ครับ”


 


 


“บัดซบ ให้คนช่วยสืบสิ ต้องสืบออกมาให้ได้!”


 


 


“ครับ ท่านประธาน”


 


 


ผ่านไปอีกนานมาก เสียงสายเข้าดังขึ้น


 


 


“ฮัลโหล คราวนี้ความเร็วลดลงไปหน่อยนะ”


 


 


“อย่าบอกใครเชียว งานนี้ยุ่งยากอยู่บ้าง สืบลำบาก ข้อมูลถูกคนล้างไปหมดแล้ว”


 


 


“อ้อ งั้นก็น่าแปลกละ แม้แต่คุณยังสืบไม่ได้ ฝีมือไม่ธรรมดานะเนี่ย”


 


 


“ใคร ใครว่าสืบไม่ได้ ผมต้องการเวลาต่างหาก เข้าใจรึเปล่า เวลาน่ะ แล้วก็ผู้หญิงนั่นสืบได้แล้ว ชื่ออี้อวิ๋นฉัง ภูมิหลังขาวสะอาด แค่เห็นก็รู้ว่าปลอมขึ้น ภูมิหลังของจริงยังต้องใช้เวลาอีกหน่อย”


 


 


“เวลาผมมีให้ถมไป สืบให้ชัดแล้วกัน”


 


 


พูดจบเซียวจิ่งสือก็วางสาย หว่านเอ๋อร์ ขอแค่เธอปลอดภัย ฉันก็พอใจแล้ว


 


 


“ส่งคนไปติดตามอี้อวิ๋นฉัง ด้านคุณหลินก็เพิ่มกำลังคนด้วย ต้องรับประกันความปลอดภัยของคุณหลิน”


 


 


“ครับ ท่านประธานเซียว”


 


 


เกือบจะหนึ่งเดือนแล้วที่เซียวจิ่งสือไม่ได้ติดต่อหลินหว่านเลย หนึ่งนั้นเกรงว่าหลินหว่านจะเข้าใจผิด เขาไม่กล้าไปเจอกับสีหน้าเคลือบแคลงและผิดหวังของหลินหว่าน อีกอย่างก็คือ เรื่องของอี้อวิ๋นฉังยังไม่จัดการให้แล้วเสร็จ เขาต้องการรับประกันความปลอดภัยของหลินหว่านจึงจะวางใจที่จะอยู่กับเธอ


 


 


“ตู๊ดตู๊ด…ตู๊ดตู๊ด…”


 


 


พอเห็นว่าเป็นสายที่ไม่ปรากฏเบอร์ เซียวจิ่งสือก็รับสาย ปลายสายส่งเสียงมาว่า


 


 


“สืบได้แล้ว อี้อวิ๋นฉังเป็นคนที่ไม่ธรรมดาเลย ระวังตัวด้วย!” 

 

 


ตอนที่ 248 ต้นเหตุ

 

อันจี๋ถิงนึกไม่ถึงว่า เซียวจิ่งสือจะดีกับหลินหว่านขนาดนี้ มันทำให้เธอเห็นแล้วขัดหูขัดตาอย่างมากเช่นกัน


 


 


ทั้งๆ ที่เขาเป็นผู้ชายแบบนั้น กับคนอื่นเขาไม่เคยไว้หน้าเลย คิดไม่ถึงว่าจะเอาอกเอาใจผู้หญิงได้ถึงขนาดนี้


 


 


พอนึกถึงตรงนี้ อันจี๋ถิงก็รู้สึกว่าทั้งหมดนี้มันไม่ยุติธรรมกับลูกสาวของเธอเลย


 


 


“ทำไมเขาทำแบบนี้ นี่มันเกินไปแล้วนะ” พอฟังคนที่ด้านข้างรายงานจบ อันจี๋ถิงก็ตบโต๊ะเต็มแรง “นั่นน่ะลูกสาวฉันนะ เขาเอาฉันไปไว้ที่ไหน” 


 


 


คนด้านข้างที่มารายงานฟังแล้วไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร เนื่องจากเห็นว่าอันจี๋ถิงกำลังโกรธควันออกหู จึงพูดปลอบว่า “คุณอย่าโกรธไปเลยนะคะ”


 


 


อันจี๋ถิงมองคนที่ด้านข้าง สองมือวางบนอก คิดอยู่ว่าต่อไปเธอควรจะทำอย่างไรดี เธอจะให้ลูกสาวตัวเองลำบากไม่ได้


 


 


“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เธอไปสืบมาอีก ฉันจะได้ตัดสินใจว่าจะทำยังไง” อันจี๋ถิงพูด เธออยากดูว่าเซียวจิ่งสือจะมีท่าทีอย่างไรต่อไป แล้วค่อยตัดสินใจ


 


 


หลายวันมานี้ เซียวจิ่งสือดีกับหลินหว่านมาก อี้อวิ๋นฉังรู้เห็นอยู่กับตาก็รู้สึกไม่สบายใจเอามากๆ ตอนนี้เธอรู้สึกว่าที่จริงแล้วเซียวจิ่งสือไม่ได้ชอบหลินหว่านเลย ถ้าเขาชอบหลินหว่านจริงทำไมจึงเฉยชากับเธอขนาดนี้


 


 


แต่ตอนนี้สถานภาพของเธอเป็นเช่นนี้เอง บางทีก็อยากจะลุกขึ้นมาฉีกอกหลินหว่านซะ โดยไม่ต้องสนใจรักษาภาพลักษณ์ของตัวเอง


 


 


อี้อวิ๋นฉังยืนอยู่บนระเบียง คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในหลายวันนี้ ทบทวนว่าตัวเองทำพลาดที่ตรงไหน


 


 


ทั้งๆ ที่ตอนนี้สถานภาพของเธอเป็นคนที่เซียวจิ่งสือชอบมาตลอด แต่ทำไม? ตอนนี้กลับไม่เป็นอย่างที่คิด “ทำไมนะ เป็นเพราะอะไรกันแน่” อี้อวิ๋นฉังยืนอยู่บนระเบียงพึมพำกับตัวเองไม่หยุด


 


 


เธอนึกย้อนกลับไปว่าตัวเองทำพลาดที่จุดไหนกันแน่ “มันมีดีอะไรจึงไปทำดีกับมันขนาดนั้น” อี้อวิ๋นฉังกำหมัดแน่น คิดในใจว่าถ้าทำได้ ตอนนี้เธอก็อยากจะไล่หลินหว่านออกไปซะเลย


 


 


แต่ตอนนี้เธอต้องรักษาภาพลักษณ์ของหลินหว่านเอาไว้ ถ้าเธอใช้ไม้แข็งเข้าชน ก็มีแต่จะทำให้เซียวจิ่งสือสงสัย ถึงตอนนั้นเธอคงจบไม่สวยแน่


 


 


ส่วนอันจี๋ถิงที่ให้ลูกน้องจับตาดูพวกเขาต่อมาอีกหลายวัน เห็นว่าสถานการณ์ยังคงเป็นเหมือนกับเมื่อหลายวันก่อน ดูจากสภาพการณ์เช่นนี้แล้วเซียวจิ่งสือไม่เห็นลูกสาวของเธออยู่ในสายตาถึงปานนี้


 


 


“ดีล่ะ เซียวจิ่งสือในเมื่อคุณไม่เห็นลูกสาวฉันอยู่ในสายตา คอยแต่จะเอาใจแม่ผู้หญิงนั่น” อันจี๋ถิงแทบจะเต้น ในเมื่อเขาทำกับลูกสาวเธอแบบนี้ งั้นเธอก็ไม่จำเป็นต้องออมมืออีก


 


 


อันจี๋ถิงคิดแผนการหนึ่งขึ้นมาได้ ในเมื่อผู้หญิงนั่นทำให้เซียวจิ่งสือดีกับเธอได้ขนาดนี้ งั้นเธอก็จะดูสิว่าแม่นั่นมีอะไรดีกันแน่


 


 


ตอนนี้เธอเข้าใจว่าอี้อวิ๋นฉังเป็นลูกสาวของเธอ พอเห็นลูกถูกเซียวจิ่งสือทำเมินเฉย เธอก็ไม่อาจนั่งเฉยอยู่ได้


 


 


ดังนั้น อันจี๋ถิงจึงใช้อิทธิพลที่ทำลายบ้านตระกูลอันมาผูกติดกับหลินหว่าน คราวนี้เธอจะดูว่าคนที่กล้ามาแย่งตำแหน่งของลูกสาวเธอจะพูดว่ายังไง


 


 


อี้อวิ๋นฉังคิดไม่ถึงเลยว่าอันจี๋ถิงจะปรากฏตัวขึ้นมาในตอนนี้ และมาหาเธอ มันทำให้อี้อวิ๋นฉังตกใจมาก


 


 


แต่ตอนนี้เธอสวมรอยเป็นตัวหลินหว่านอยู่ แม้จะกะทันหันไปบ้าง แต่ก็เป็นโอกาสที่ดีของเธอ อี้อวิ๋นฉังคิดอีกวิธีขึ้นมาได้


 


 


พอได้พบกับอันจี๋ถิงซึ่งมองดูเธออย่างรักเมตตาขนาดนี้ แม้ว่าอี้อวิ๋นฉังจะไม่เกิดความรู้สึกซาบซึ้งอะไรเลย แต่นี่ก็เป็นโอกาสหนึ่งของเธอ “ไหนมาให้ฉันดูหน่อยซิ หลายวันมานี้ลูกต้องลำบากขนาดไหนบ้าง” น้ำเสียงอันจี๋ถิงสั่นเครือปนสะอื้น


 


 


พอได้ฟังคำพูดของอันจี๋ถิง อี้อวิ๋นฉังก็บีบน้ำตาออกมาสองหยด เพื่อความสุขในอนาคตของตัวเอง เธอก็ต้องทำให้ได้เหมือนกัน


 


 


“แม่คะ คิดไม่ถึงว่าแม่จะมาปรากฏตัวในตอนนี้ ความยากลำบากแค่นี้ที่หนูไม่เป็นไรหรอกค่ะ” อี้อวิ๋นฉังจงใจพูดแบบนี้ ทำให้อันจี๋ถิงยิ่งรู้สึกสงสารเด็กสาวมากขึ้นไปอีก ว่าเธอต้องได้รับความทุกข์ทรมานมากมายถึงขนาดนี้


 


 


พอนึกถึงทุกครั้งที่ฟังคนของเธอรายงานว่าเซียวจิ่งสือไม่สนใจใยดีเธอเลย อันจี๋ถิงก็อดร้องไห้ออกมาต่อหน้าอี้อวิ๋นฉังไม่ได้


 


 


ถึงแม้จะรู้สึกน่ารำคาญมาก แต่อันจี๋ถิงเป็นโอกาสของเธอในตอนนี้ อี้อวิ๋นฉังรีบเข้าไปเช็ดน้ำตาให้เธอ


 


 


“หนูไม่ได้ลำบากอะไรจริงๆ ค่ะ แม่อย่าร้องไห้สิคะ” อี้อวิ๋นฉังพูดพลาง นึกถึงเมื่อหลายวันก่อนเซียวจิ่งสือทำท่าเมินเฉยไม่สนใจเธอเลย ก็ยิ่งโมโหหลินหว่านเข้าไปอีก


 


 


ในเมื่อตอนนี้เธอมีสถานะเป็นลูกสาวของแม่หลินหว่าน อย่างนั้นคำพูดเหล่านี้เธอก็น่าจะพูดได้ “หลายวันมานี้ เขามัวแต่เอาใจแม่นั่น หนูก็ได้แต่นั่งอยู่นี่ทุกวัน มองออกไปนอกหน้าต่างคนเดียว ฟังเสียงพวกเขายิ้มหัวมีความสุขกัน” อี้อวิ๋นฉังพูดเหมือนเล่านิทานเรื่องหนึ่ง คราวนี้เธอร้องไห้ออกมาจริงๆ


 


 


พอพูดถึงตรงนี้อี้อวิ๋นฉังเองก็รู้สึกว่าเซียวจิ่งสือไม่ยุติธรรมต่อเธอ ทำไมต้องไปทำดีกับแม่นั่นด้วย แล้วจะเอาเธอไปไว้ที่ไหน?


 


 


“มันเกินไปจริงๆ เซียวจิ่งสือ ทำไมถึงทำกับลูกแบบนี้นะ” อันจี๋ถิงฟังแล้ว หอบหายใจหนักหน่วง เธอฟังหลินหว่านเล่าแล้วรู้สึกอัดอั้นตันใจนัก


 


 


อี้อวิ๋นฉังพอเห็นว่าเป็นไปตามเป้าหมายก็ตีไข่ใส่สีว่า “หนูไม่รู้ว่าทำไม แต่เมื่อก่อนเซียวจิ่งสือก็ดีกับหนูมาก แต่พอแม่นั่นโผล่มาทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมดเลย”


 


 


“หรือว่าเป็นเพราะแม่นั่น ทำให้เขาเปลี่ยนไปขนาดนี้” อี้อวิ๋นฉังโยนทุกอย่างไปกองที่หลินหว่าน


 


 


“ฉันก็ว่าแล้วผู้หญิงนั่นต้องไม่ใช่คนดีอะไร หล่อนมีดีอะไร แล้วยังเซียวจิ่งสืออีก เขาก็เหมือนกัน” อันจี๋ถิงรู้สึกว่าตัวเองนิ่งมากแล้ว ถ้าทั้งสองไม่ได้พูดกันต่อหน้า เธอคิดว่าหลายวันนี้ที่เธอให้คนไปสืบมาก็ยังได้ไม่ครบถ้วนอยู่ดี


 


 


อี้อวิ๋นฉังที่ตรงหน้าร้องไห้เสียใจขนาดนี้ เมื่อครู่ยังร้องเสียงเบาๆ อยู่ แต่ตอนนี้กลายเป็นปล่อยโฮไปแล้ว


 


 


อี้อวิ๋นฉังไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้ถึงได้มีน้ำตามากมายขนาดนี้ บางทีคงเป็นเพราะความอัดอั้นของเธอในหลายวันนี้ สิ่งที่เธอต้องการกำลังจะบรรลุเป้าหมายแล้ว ตอนนี้ในสายตาของอันจี๋ถิง คงมีความประทับใจที่ไม่ค่อยดีต่อเซียวจิ่งสือแน่


 


 


พอได้ยินคำพูดเหล่านี้ อันจี๋ถิงก็รู้สึกว้าวุ่นไปด้วย เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกสาวของตัวเอง เธอรู้สึกว่าตัวเองติดค้างลูก และก็ถึงเวลาที่ควรจะช่วยเธอแล้ว


 


 


เธอรู้สึกเจ็บใจแทนหลินหว่านมาก “ลูกวางใจเถอะ แม่จะช่วยลูกเอาคืนเซียวจิ่งสือแน่”


 


 


“แต่ว่า นี่…” อี้อวิ๋นฉังไม่ได้พูดต่อ คราวนี้ยังขาดอีกนิดเดียวก็บรรลุเป้าหมายแล้ว เธอยกมุมปากขึ้นเป็นมุมโค้งบางๆ


 


 


“แม่จะช่วยลูกเอง วางใจเถอะ นี่ไม่ใช่ความผิดของลูก เขาต่างหากเป็นฝ่ายทำผิดต่อลูก” อันจี๋ถิงตบไหล่อี้อวิ๋นฉัง อี้อวิ๋นฉังคิดไม่ถึงว่าอันจี๋ถิงจะมาช่วยเธอในเวลานี้ ถึงแม้ตัวเองจะยืมสถานะหลินหว่านมาใช้ แต่ตอนนี้ดูไปแล้ว เธอเองไม่ได้ตัดสินใจผิดเลย 

 

 


ตอนที่ 249 ความทรงจำ

 

ในเวลาเดียวกัน เซียวจิ่งสือก็พบว่าหลินหว่านหายตัวไป เขาส่งคนไปตามหาบริเวณโดยรอบก็ไม่เจอ


 


 


ตอนแรก เขาเข้าใจว่าหลินหว่านมีธุระออกไปข้างนอก แต่เขาโทรเข้ามือถือของเธอยังไงก็โทรไม่ติด


 


 


ตอนนี้ดูท่าว่าหลินหว่านคงเกิดเรื่องบางอย่าง ดังนั้นเซียวจิ่งสือจึงส่งคนออกไปตามหาร่องรอยของหลินหว่าน


 


 


ส่วนเขาตอนแรกนั่งอยู่ในห้องทำงานก็ยังจิตใจว้าวุ่น เนื่องจากผ่านไปหลายชั่วโมงก็ยังไม่มีข่าวคราวใดๆ ของหลินหว่านเลย


 


 


นี่ไม่เพียงทำให้เขาคิดถึงเหตุการณ์หลากหลายชนิด เวลาผ่านไปทุกนาที พอรู้ว่าผิดปกติ เซียวจิ่งสือก็ออกไปตามหาด้วยตัวเอง


 


 


เรื่องของบริษัท เขาไม่มีเวลาสนใจแล้ว ภารกิจสำคัญอันดับหนึ่งก็คือหาตัวหลินหว่านให้พบ แต่พอฟังรายงานของพวกลูกน้องว่ายังไม่เจอตัวหลินหว่าน เธอเหมือนกับหายตัวไปเฉยๆ อย่างนั้นเลย


 


 


แต่ส่งคนออกไปตั้งมากมายขนาดนั้นแล้วก็ยังไม่พบร่องรอยของหลินหว่าน


 


 


จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พบ และเนื่องด้วยตอนนี้เซียวจิ่งสือละเลยต่องานบริษัท ทำให้ขุมกำลังของอันจี๋ถิงแทรกตัวเข้ามาในบริษัท


 


 


ตอนนี้ถึงแม้จะยังไม่พบร่องรอยของหลินหว่าน แต่ก็ทราบข่าวหนึ่ง นั่นคืออันจี๋ถิงปรากฏตัวขึ้นแล้ว


 


 


คาดว่าการหายตัวไปของหลินหว่านคงต้องเกี่ยวเนื่องกับเธอแน่ เซียวจิ่งสือรู้สึกตกใจอยู่บ้าง ถ้าหากเป็นเช่นนี้จริง งั้นตอนนี้อันจี๋ถิงคงต้องเข้าใจผิดว่าอี้อวิ๋นฉังที่เขาไม่สนใจนั่นเป็นลูกสาวของตัวเอง พอคิดถึงตรงนี้ เซียวจิ่งสือก็รู้สึกได้ว่าหลินหว่านกำลังตกอยู่ในอันตราย


 


 


การปรากฏตัวของอันจี๋ถิงแม้ว่าจะเหนือความคาดหมายของเซียวจิ่งสือ ซึ่งเขาเองก็คิดไม่ถึงว่าอันจี๋ถิงจะมาปรากฏตัวในตอนนี้


 


 


ตัวเขาเองก็ไม่อาจจะนั่งรอความตายอยู่ที่นี่ได้ ยิ่งเวลาผ่านไปก็หมายความว่าหลินหว่านยิ่งเสี่ยงมากขึ้น


 


 


เซียวจิ่งสือตัดสินใจว่าจะไปหาอันจี๋ถิงด้วยตัวเอง อันจี๋ถิงก็รู้อยู่แล้วว่าเซียวจิ่งสือจะมาหาเธอ


 


 


“พูดสิ มาหาฉันทำไม” อันจี๋ถิงก็ไม่ไว้หน้าเซียวจิ่งสือเช่นกัน ถ้าหากเธอทายไม่ผิด เขาต้องมาหาแม่ผู้หญิงนั่นแน่


 


 


“คุณทำแบบนี้กับลูกสาวฉันนี่เอง” อันจี๋ถิงวางถ้วยชาในมือลง รู้สึกขัดเคืองใจมาก พอคิดว่าหลายปีมานี้เธอติดค้างลูกสาวไว้มาก ก็น่าจะช่วยเธอได้ในตอนนี้


 


 


“คุณแน่ใจแล้วหรือว่าเธอเป็นลูกสาวของคุณ?” อันจี๋ถิงคิดไม่ถึงเลยว่าเซียวจิ่งสือจะพูดแบบนี้ “คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง ทำไมเธอจะไม่ใช่ลูกสาวฉัน จนถึงขนาดนี้แล้วก็อย่าทำปากแข็งไปหน่อยเลย”


 


 


อันจี๋ถิงพอได้ฟัง ถึงแม้จะรู้สึกตกใจ แต่เพียงชั่วครู่ก็สงบใจลงได้ อันที่จริงเธอก็นึกถึงปัญหานี้แต่แรก เธอต้องใช้เวลานานมากกว่าจะยืนยันได้ว่าอี้อวิ๋นฉังเป็นลูกสาวเธอ


 


 


“งั้นถ้าผมบอกว่าเธอไม่ใช่ลูกสาวของคุณล่ะ?” พอนึกถึงว่าตอนนี้หลินหว่านอาจตกอยู่ในอันตราย เซียวจิ่งสือก็พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา


 


 


เธอคิดไม่ถึงว่าเซียวจิ่งสือจะพูดแบบนี้กับเธอ อันจี๋ถิงนั่งไขว่ห้าง “จนถึงตอนนี้คุณยังจะโกหกฉันอีก” อันจี๋ถิงจ้องเซียวจิ่งสือเขม็งอย่างไม่อยากเชื่อ


 


 


ตอนนี้เธอไม่ชอบใจชายหนุ่มตรงหน้านี้อย่างมาก เซียวจิ่งสือส่ายหน้าอย่างอับจน “คนที่อยู่ตอนนี้ไม่ใช่หลินหว่านตัวจริง หลินหว่านต่างหากที่ใช่”


 


 


พอได้ยินเช่นนี้ อันจี๋ถิงก็หัวเราะออกมา รู้สึกว่าถึงตอนนี้เขายังจะมาพูดโกหกแบบนี้กับเธออีก “คุณจะบอกว่าแม่ผู้หญิงที่ไปทำศัลยกรรมหน้ามานั่น เป็นลูกสาวของฉัน ตอนคุณพูดนี่ได้ใช้สมองคิดด้วยหรือเปล่าเนี่ย?”


 


 


อันจี๋ถิงหัวเราะใส่หน้าเซียวจิ่งสือ เนื่องจากเธอรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องตลกขบขันที่สุดที่เธอได้ยินมา เรื่องทั้งหมดนี้ฟังดูแปลกประหลาดจนเหลือเชื่อ


 


 


ตอนนี้เธอเข้าใจว่าเซียวจิ่งสือแค่ใช้วิธีพรางตากับเธอ “จะพูดก็ต้องมีหลักฐาน ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นลูกสาวฉันได้อย่างไรกัน” อันจี๋ถิงส่ายหน้าดิก รู้สึกว่าคำพูดของเซียวจิ่งสือเป็นแค่คำแอบอ้างลอยๆ


 


 


“ผมคิดว่าคุณก็คงรู้สึกเหมือนกันว่านี่มันเรื่องยกเมฆ แต่ที่เธอทำศัลยกรรมใบหน้าก็เพราะถูกบ้านตระกูลอันทำร้าย จึงต้องทำ” เซียวจิ่งสือรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองพูดออกจะเหลือเชื่อเกินไปหน่อย แต่ตอนนี้ดูไปแล้ว ไม่ว่าเขาจะอธิบายอย่างไรก็คงยากจะเข้าใจได้


 


 


อี้อวิ๋นฉังรู้ว่าคนทั้งสองจะพบกัน จึงแอบดูอยู่มุมหนึ่งนานแล้ว เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเซียวจิ่งสือจะพูดแบบนี้ จากเดิมที่เธอหลงเข้าใจว่าเซียวจิ่งสือไม่รักหลินหว่าน คิดไม่ถึงว่าจะค้นพบร่องรอยพิรุธ


 


 


“ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้ ทำไม?” ชั่ววูบนั้นอี้อวิ๋นฉังรู้สึกว่าตัวเองสับสนว้าวุ่นไปบ้าง คิดแต่ว่าตัวเองควรจะทำอย่างไรต่อไปดี?


 


 


พอเห็นว่าเซียวจิ่งสือยังจะพูดต่อไปอีก เคราะห์ดีที่อันจี๋ถิงไม่เชื่อเขา เธอคิดไม่ถึงเลยว่าที่แท้แล้วเซียวจิ่งสือก็รู้เรื่องบางเรื่องแล้ว


 


 


“ทำไมคุณถึงพูดแบบนี้ออกมาได้นะ ฉันต่างหากที่เป็นหลินหว่านตัวจริง” อี้อวิ๋นฉังชี้นิ้วสั่นเทามาที่ตัวเองด้วยท่าทีน่าสงสาร จากนั้นก็ร้องไห้กระซิกออกมาเหมือนดอกหลีถูกน้ำฝน


 


 


พอเห็นลูกสาวร้องไห้ออกมาตรงหน้า อันจี๋ถิงก็ไม่สบายใจขึ้นมาบ้าง ทอดถอนใจไปหลายครั้ง คิดไม่ถึงว่าหลายวันมานี้จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ ขณะที่ในใจคิดว่าลูกสาวของเธอต้องทุกข์ทรมานใจขนาดไหน


 


 


“คุณก็อย่ามาพูดจาซี้ซั้วมั่วซั่วที่นี่แล้ว” อันจี๋ถิงได้ฟังคำพูดของเซียวจิ่งสือแล้วก็โกรธมาก ตบโต๊ะไปหลายที คิดไม่ถึงว่าเซียวจิ่งสือยังจะทำปากกล้าเถียงคำไม่ตกฟาก นี่ก็คือความคิดเธอตอนนี้


 


 


อี้อวิ๋นฉังคิดว่าตอนนี้จะยังไงซะเธอก็ไม่มีทางยอมรับหรอก ยันคำเดียวว่าตัวเองเป็นหลินหว่าน อันที่จริงในใจเธอก็ตึงเครียดอยู่มากเช่นกัน


 


 


นอกจากนี้เธอยังพูดถึงเรื่องราวตอนที่สองคนอยู่ด้วยกัน พูดซะแม่นเป๊ะขนาดนั้นเลย


 


 


อันจี๋ถิงเห็นอยู่คาตา เธอรู้สึกว่าทั้งหมดนี้เซียวจิ่งสือรังแกลูกสาวเธอ “คุณอย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ว่าคุณคิดอะไรอยู่ นี่เป็นเพียงข้ออ้างที่คุณยกมาบังหน้าเท่านั้น” อันจี๋ถิงอารมณ์ขึ้นอยู่บ้าง


 


 


ทำอย่างไรเธอก็ไม่เชื่อว่านั่นเป็นความจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเธอไม่ได้เห็นว่าเรื่องนั้นเป็นความจริงด้วยซ้ำ ลองคิดดูซิว่าผู้หญิงแบบนั้นจะมาเป็นลูกสาวตัวเองได้อย่างไร


 


 


“คุณไม่เชื่อผมก็ทำอะไรไม่ได้ ที่ผมพูดนี่เป็นความจริงทั้งหมด” เซียวจิ่งสือรู้สึกว่าต่อให้พูดแค่ไหนก็คงไม่ได้ผลอะไร ดูท่าแล้วไม่ว่าเขาจะพูดอะไรอันจี๋ถิงก็คงไม่เชื่ออยู่ดี


 


 


คิดไม่ถึงว่าอี้อวิ๋นฉังนี่จะมีฝีมือขนาดนี้ พลิกขาวให้เป็นดำเธอทำได้ร้ายกาจมาก


 


 


“คุณบอกว่าเธอไม่ใช่ลูกสาวฉัน งั้นทำไมหลายวันมานี้ฉันส่งคนออกไปสืบถึงบอกเหมือนกับที่เธอพูดทุกอย่างล่ะ” อันจี๋ถิงชี้ไปที่อี้อวิ๋นฉัง น้ำเสียงสั่นเครืออยู่บ้าง ถึงกับพูดได้ว่าอารมณ์ขึ้นเล็กน้อย


 


 


“แม่คะ อย่าโมโหอย่างนี้สิ” อี้อวิ๋นฉังเห็นว่าอันจี๋ถิงเชื่อเธอขนาดนี้ เห็นเธอตบอกตัวเองไม่หยุด อี้อวิ๋นฉังจึงเข้าไปปลอบเธอ


 


 


ในเวลานั้นเซียวจิ่งสือก็รู้สึกอัดอั้นตันใจเหมือนกัน ทำไมอี้อวิ๋นฉังจึงมีความทรงจำของหลินหว่านได้ เหมือนที่เมื่อครู่อันจี๋ถิงพูด จุดนี้เขาก็อธิบายไม่ได้เหมือนกัน


 


 


ในสายตาเขา อี้อวิ๋นฉังไม่มีทางเป็นหลินหว่านไปได้ ต้องมีสาเหตุที่ทำให้เธอรู้เรื่องของหลินหว่านแน่


 


 


อี้อวิ๋นฉังถามเซียวจิ่งสือว่าชอบหลินหว่านจริงหรือ แล้วขอร้องให้อันจี๋ถิงปล่อยหลินหว่านไป 

 

 


ตอนที่ 250 อธิบาย

 

จู่ๆ ฟ้าใสกระจ่างก็ปรากฏเสียงฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา ทำให้คนเดินถนนพากันตกใจจนสะดุ้งเฮือก แล้วเงยหน้าขึ้นมองฟ้าอย่างสงสัยใจ


 


 


ไม่นานนัก ท้องฟ้าสีครามเมื่อครู่ก็ถูกเมฆฝนเข้าปกคลุม แล้วฝนก็เริ่มลงเม็ดตกเปาะแปะลงมา


 


 


อากาศที่เปลี่ยนไปกะทันหันทำให้คนเดินถนนที่ไม่ได้เตรียมร่มมาไม่ทันได้ตั้งตัว พากันวิ่งเข้าไปหลบฝนในร้านค้าข้างทาง


 


 


ภายในห้องทำงานหรู เซียวจิ่งสือใช้มือข้างหนึ่งเท้าคางไว้บนโต๊ะ เพ่งมองไปยังที่แห่งหนึ่ง คิ้วเข้มขมวดแน่น ราวกับคิดเรื่องอะไรอยู่ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าด้านนอกอากาศได้เปลี่ยนไปแล้ว


 


 


ผ่านไปอีกเนิ่นนาน ห้องทำงานที่เงียบสงบก็มีเสียงถอนใจเบาๆ ดังขึ้นอย่างอัดอั้นและเหนื่อยล้า


 


 


เซียวจิ่งสือเอนร่างพิงพนักเก้าอี้ ปิดดวงตาที่หนักอึ้งลง ขอบตาล่างมีรอยคล้ำ คิ้วที่ขมวดมุ่นยังไม่มีทีท่าว่าจะคลายออกแม้แต่น้อย มันผูกแน่นอยู่บนใบหน้าคมเข้มแต่กลับเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า


 


 


อินเสี่ยวเสี่ยวหายตัวไปหลายวันแล้ว หลายวันมานี้ เซียวจิ่งสือส่งคนกระจายกันออกไปหาตัวเธอตามที่ต่างๆ ทั่วทั้งเมือง แต่เธอก็หายตัวไปราวกับเป็นอากาศธาตุ สาบสูญไปจนไร้ร่องรอย


 


 


เซียวจิ่งสือคิดอย่างไม่เข้าใจ อยู่ดีๆ คนคนหนึ่งจะหายสาบสูญไปได้อย่างไรกัน เขาห่วงว่าเธอจะไปรับฟังใครพูดอะไรเข้าแล้วคิดจะไปจากเขาอีก แต่เขายิ่งเป็นห่วงมากกว่าว่าจะมีคนวางแผนร้ายทำร้ายเธอ


 


 


หลายวันมานี้ เซียวจิ่งสือได้รู้สึกถึงความหวาดกลัวที่ต้องสูญเสียหลินหว่านไปอีกครั้ง หวาดกลัว ทุกข์ทรมานราวอกจะแตก เขาไม่อยากจะคิดเลยว่า ถ้าหากเขาต้องสูญเสียเธอไปอีกครั้ง เขาจะยังสามารถทนรับกับความรู้สึกที่เหมือนถูกควักหัวใจออกมาได้อีกครั้งหรือไม่


 


 


ตอนนั้นเองประตูห้องทำงานถูกคนผลักเปิดเข้ามา เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นหินอ่อนดังสดใสก้องกังวานดังขึ้นในห้องทำงาน


 


 


เซียวจิ่งสือลืมตาตื่นขึ้น ผงกศีรษะขึ้นมองอย่างระวังตัว แล้วเขาก็เห็นว่าอันจี๋ถิงในชุดกระโปรงยาวเข้ารูปสีแดง ท่าทางนุ่มนวลและสูงส่ง


 


 


เซียวจิ่งสือขมวดคิ้วอย่างสงสัย คิดไม่ออกว่าอันจี๋ถิงจะมาหาเขาด้วยเรื่องอะไร


 


 


อันจี๋ถิงไม่รอให้เซียวจิ่งสือเอ่ยปาก ดูเหมือนเธอจะเข้าไปนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของเซียวจิ่งสือโดยไม่สนใจอะไรอื่น เห็นได้ชัดว่าต้องการเจรจากับเซียวจิ่งสือ และเรื่องที่ว่าก็ไม่ใช่เรื่องดีนัก


 


 


เซียวจิ่งสือนั่งตัวตรง ถามด้วยเสียงแหบพร่าว่า “คุณนายอันมาที่นี่ มีธุระอะไรหรือครับ”


 


 


เห็นได้ชัดว่าเซียวจิ่งสือไม่มีเวลามาอ้อมค้อม เขาถามคำถามที่สงสัยออกไปตรงๆ


 


 


อันจี๋ถิงยิ้มเย็น “เซียวจิ่งสือ คุณเองทำอะไรไว้ไม่รู้ตัวเลยรึไง?! คุณกล้าทำร้ายลูกสาวของฉันเพื่อนังจิ้งจอกที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า คุณไม่รู้สึกว่าตัวเองควรมีอะไรจะอธิบายกับฉันกับหลินหว่านบ้างรึไง?!”


 


 


อันจี๋ถิงแทบจะขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเมื่อตอนที่พูดคำพูดนี้ หลินหว่านเป็นลูกสาวคนเดียวของเธอ ไม่ว่าใครก็ทำร้ายเธอไม่ได้


 


 


พอฟังคำของอันจี๋ถิงจบ หัวคิ้วของเซียวจิ่งสือก็ขมวดมุ่นยิ่งขึ้นไปอีกหลายส่วน


 


 


เซียวจิ่งสือสบตาที่เต็มไปด้วยโทสะของอันจี๋ถิงอย่างไม่กลัวเกรง ถามเสียงหนักว่า “งั้นคุณรู้ไหมครับว่าใครเป็นลูกสาวของคุณกันแน่?”


 


 


อันจี๋ถิงชะงักกึก ไม่เข้าใจเซียวจิ่งสือว่าทำไมจึงถามคำถามน่าประหลาดแบบนี้ขึ้นมา


 


 


บรรยากาศสงบนิ่งไปหลายวินาที กว่าอันจี๋ถิงจะถามว่า “เซียวจิ่งสือ คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง?” น้ำเสียงที่เค้นถามและความเฉียบคมเชือดเฉือนลดลงไปหลายส่วน สิ่งที่เข้ามาแทนที่เป็นความสงสัยที่มีมากกว่า


 


 


เซียวจิ่งสือพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “คุณนายอัน คุณไม่รู้สึกหรอกหรือว่าลูกสาวคุณในตอนนี้มีอะไรผิดแปลกไป?”


 


 


“เซียวจิ่งสือ มีอะไรคุณก็พูดมาตรงๆ เลย ไม่ต้องมาอ้อมค้อมอีก!” อันจี๋ถิงพูดเสียงเข้ม ดวงตาเปี่ยมด้วยความสงสัยและโทสะ เห็นได้ชัดว่าเธอทนไม่ได้แล้ว


 


 


“ได้ ผมจะบอกคุณตรงๆ เลยก็แล้วกัน” เซียวจิ่งสือพูดด้วยสีหน้าทุกข์ใจว่า “หลินหว่านในตอนนี้ไม่ใช่ลูกสาวของคุณ ลูกสาวที่แท้จริงของคุณคืออินเสี่ยวเสี่ยว”


 


 


“ปัง!”


 


 


อันจี๋ถิงตบโต๊ะปัง ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ ชี้หน้าเซียวจิ่งสือแล้วตวาดอย่างโมโหว่า “เซียวจิ่งสือ คุณพูดบ้าอะไร! ต่อให้คุณไม่รักลูกสาวฉันก็จะมาพูดจาเลอะเทอะว่าเธอไม่ใช่ลูกสาวฉันแบบนี้ไม่ได้นะ! คุณ…”


 


 


“ผมไม่ได้พูดมั่ว คุณลืมตาดูให้ดีสิ อินเสี่ยวเสี่ยวต่างหากจึงเป็นลูกสาวคุณหลินหว่าน เธอต่างหากที่ใช่!” เซียวจิ่งสือพูดขัดอันจี๋ถิงขึ้น แล้วพูดย้ำกับเธอทีละคำ


 


 


ตอนนั้นเอง นอกหน้าต่างกระจกของห้องทำงานหรู ท้องฟ้าปรากฏสายฟ้าแลบขึ้นสายหนึ่ง ตามติดด้วยสายฟ้าฟาดเปรี้ยงดังลั่นขึ้น ท่ามกลางเสียงครืนครันของฟ้าร้อง สายฝนก็สาดเทลงมาอย่างหนักอีกครั้ง ทั้งเมืองปกคลุมด้วยสีเทาอึมครึมไปทั่ว


 


 


ภายในห้องทำงาน ทั้งสองมองสบตากันนิ่ง อุณหภูมิในอากาศลดลงถึงจุดเยือกแข็ง


 


 


“ก๊อกๆๆ”


 


 


เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังมา ทำลายบรรยากาศที่กำลังถึงจุดเยือกแข็ง


 


 


เซียวจิ่งสือกับอันจี๋ถิงต่างนิ่งงันไป ทั้งคู่ต่างพักรบไว้ชั่วคราว


 


 


“เข้ามา” เซียวจิ่งสือหันไปบอกที่หน้าประตู จัดคอปกเสื้อให้เรียบร้อยแล้วนั่งกลับไปบนเก้าอี้ทำงาน


 


 


เลขาของเซียวจิ่งสือเดินเข้าประตูมา ดูเหมือนจะรับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่ผิดปกติ เขามองเซียวจิ่งสืออย่างระวังตัวขึ้น จากนั้นกลอกตาวูบแอบตวัดสายตาไปที่อันจี๋ถิงแวบหนึ่ง


 


 


“มีเรื่องอะไรหรือ” เซียวจิ่งสือเอ่ยถาม น้ำเสียงยังแหบพร่าอย่างเหนื่อยล้า


 


 


เลขาตั้งสติได้ รีบเข้ามาที่หน้าโต๊ะทำงาน วางเอกสารในมือลงตรงหน้าเซียวจิ่งสือ “ท่านประธานเซียว นี่มีเอกสารที่ต้องให้คุณลงนาม”


 


 


เซียวจิ่งสือรับเอกสารมา กวาดตาอ่านเอกสารรอบหนึ่ง จากนั้นเซ็นชื่อเขาลงในเอกสาร


 


 


เลขารับเอกสารมาแล้วออกจากห้องทำงานไปด้วยความเร็วระดับหนีตาย ปิดประตูลง ความรู้สึกบอกเขาว่า บรรยากาศข้างในไม่ปกติเอามากๆ


 


 


ภายในห้องทำงานเหลือเพียงสองคนอีกครั้ง บรรยากาศร้อนแรงเริ่มตลบอบอวลไปทั่วห้องอีกครั้ง


 


 


อันจี๋ถิงยกมือกอดอก แค่นเสียงเย็น “เซียวจิ่งสือ คุณเห็นว่าฉันเป็นคนถูกหลอกได้ง่ายรึไง?! คุณเข้าใจว่าฉันจะยอมเชื่อเรื่องที่คุณแต่งขึ้นพวกนั้นรึไงกัน?! คุณเห็นฉันเป็นคนโง่สินะ!”


 


 


อันจี๋ถิงรู้สึกว่าเซียวจิ่งสือเป็นบ้าไปแล้ว เพราะเพื่อผู้หญิงที่ชื่ออินเสี่ยวเสี่ยว แม้แต่คำพูดที่ไม่มีใครเชื่อแบบนี้ก็ยังพูดออกมาได้


 


 


พอนึกถึงอินเสี่ยวเสี่ยว อันจี๋ถิงก็ยิ่งโมโห ผู้หญิงคนนี้ถึงกับคิดจะอยู่กับเซียวจิ่งสือแทนที่ลูกสาวเธอ! ช่างไม่เจียมตัวซะเลย! ดูท่าว่าไม่สั่งสอนเธอวะบ้างคงจะไม่รู้จักคำว่ากลัวเขียนยังไง!


 


 


สายตาคมปลาบดุดันของอันจี๋ถิงปรากฏแวบขึ้นแล้วหายวับไป ราวกับสายฟ้าที่พาดผ่านไป เซียวจิ่งสือไม่ทันได้สังเกตเห็น เขายังอธิบายต่ออย่างอดทน “ตอนนี้หลินหว่านแค่สูญเสียความทรงจำไปเท่านั้น คราวที่แล้วเธอตกลงไปในทะเลทำให้เธอสูญเสียความทรงจำ แต่คุณต้องเชื่อผม เธอต่างหากที่เป็นลูกสาวที่แท้จริงของคุณ”


 


 


เซียวจิ่งสือได้แต่สะกดกลั้นความขุ่นเคืองและอัดอั้นตันใจเอาไว้ พยายามอธิบายกับอันจี๋ถิงอย่างอดทน เขาไม่ต้องการให้แม่ของเธอจำเธอไม่ได้ สำหรับกับหลินหว่านมันน่าเศร้าเกินไป 

 

 


ตอนที่ 251 การแสดงจอมปลอม

 

“เอาล่ะ คุณก็ไม่ต้องพูดแล้ว!” อันจี๋ถิงสุดจะทน ดวงตางามทั้งคู่บิดเบี้ยวราวกับตัวหนอนที่ขดงอ “เซียวจิ่งสือ ฉันจะบอกคุณนะ คุณไม่รักลูกสาวชั้นก็ได้ แต่อย่ามาพูดว่าผู้หญิงที่ไปทำหน้ามานั่นเป็นลูกสาวฉันอีก! ฉันไม่มีลูกสาวที่เสแสร้งมีเล่ห์เหลี่ยมแบบนี้!”


 


 


ผู้หญิงที่คิดจะทำศัลยกรรมหน้าเพื่อไต่เต้าขึ้นสู่ที่สูงแบบนี้ ต้องไม่ใช่ลูกสาวเธออย่างเด็ดขาด! อันจี๋ถิงปักใจมั่น ลูกสาวเธอตอนนี้อยู่ข้างกายเธอดีๆ เธอจะจำผิดไปได้ยังไงกัน!


 


 


เซียวจิ่งสือแอบถอนใจอย่างหนักหน่วง เบนสายตาออกไปนอกหน้าต่าง ภายนอกยังเป็นฝนตกหนัก ท้องฟ้ายังปกคลุมด้วยเมฆฝนหนาทึบเต็มไปหมด สายฝนเหมือนไข่มุกเป็นเม็ดๆ สาดซัดเข้าใส่หัวใจเขาอย่างหนักหน่วง


 


 


เซียวจิ่งสือรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออกอยู่บ้าง เขาเบนสายตากลับมา หันมามองอันจี๋ถิง สะกดกลั้นความรู้สึกหงุดหงิดร้อนรุ่มไว้ในใจ ยังอธิบายต่อไปอย่างอดทน “คุณนายอัน หลินหว่านไม่ได้ตั้งใจไปทำศัลยกรรมหน้า เธอถูกบ้านตระกูลอันทำร้ายจนเสียโฉมจึงไปทำหน้ามา อินเสี่ยวเสี่ยวเธอเป็นลูกสาวของคุณจริงๆ นะครับ” เซียวจิ่งสือขมวดคิ้ว อธิบายด้วยสีหน้าจริงใจ


 


 


ขณะที่อันจี๋ถิงกำลังถูกท่าทีจริงจังจริงใจของเขาทำให้หวั่นไหวขึ้นมานั้นเอง ประตูห้องทำงานก็ถูกคนผลักเปิดเข้ามา เซียวจิ่งสือกับอันจี๋ถิงหันไปมองที่ประตู เห็นอี้อวิ๋นฉังเดินเข้ามาด้วยสีหน้าโกรธและน้อยใจ เธอเดินเข้ามาพลางว่า “จิ่งสือ ทำไมคุณถึงบอกว่าฉันไม่ใช่หลินหว่านคะ ทำไมคุณทำกับฉันแบบนี้ ต่อให้คุณไม่รักฉัน แต่คุณทำไมต้องดูถูกฉันแบบนี้ พูดว่าฉันไม่ใช่ลูกสาวของท่านต่อหน้าแม่ของฉัน คุณทำเกินไปแล้วนะ”


 


 


อี้อวิ๋นฉังเดินเข้ามาด้วยท่าทางน้อยอกน้อยใจ ทางหนึ่งก็ปาดน้ำตา ด้วยท่าทางน่าสงสาร ทำให้พริบตานั้นอันจี๋ถิงเห็นแล้วใจอ่อนยวบลง พอคิดว่าเมื่อครู่มีนาทีหนึ่งที่เธอหวั่นไหวไป อันจี๋ถิงก็รู้สึกผิดอยู่ในใจ


 


 


อี้อวิ๋นฉังทางหนึ่งปาดน้ำตา ทางหนึ่งก็สังเกตปฏิกิริยาของเซียวจิ่งสือกับอันจี๋ถิง พอเห็นสีหน้าท่าทางของอันจี๋ถิงที่มองเธอ ความรู้สึกตกใจจนว้าวุ่นเมื่อครู่ของอี้อวิ๋นฉังก็คลายลงไปได้เปลาะหนึ่ง


 


 


เดิมทีเธอตั้งใจมาหาเซียวจิ่งสือ แต่พอเดินมาถึงหน้าประตูก็ได้ยินเสียงพูดของเซียวจิ่งสือเมื่อครู่ เธอตกใจจนหัวใจเต้นโครมคราม เธอไม่รู้ว่าเซียวจิ่งสือทำไมจึงได้รู้เรื่องที่เธอสวมรอยเป็นหลินหว่าน


 


 


เธอยืนตกใจอยู่หน้าประตูเพียงชั่วครู่ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับคิดหาวิธีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า คำพูดเมื่อครู่ของเซียวจิ่งสือบอกชัดว่า เขากำลังพยายามโน้มน้าวให้อันจี๋ถิงเชื่อคำพูดของเขา นั่นหมายความว่าอันจี๋ถิงยังไม่เชื่อเขาทั้งหมดว่าเธอไม่ใช่หลินหว่าน


 


 


อี้อวิ๋นฉังคิดในใจว่า ขอเพียงอันจี๋ถิงยังเชื่อว่าเธอคือหลินหว่าน เธอก็ยังมีโอกาส


 


 


พอจับจุดได้ อี้อวิ๋นฉังก็รีบบิวท์อารมณ์อยู่หน้าประตูอย่างเร่งด่วน จากนั้นผลักประตูเดินเข้าไปด้วยสองตาที่แดงก่ำ


 


 


อันจี๋ถิงเดินเข้าไปโอบกอดอี้อวิ๋นฉังที่น่าสงสารไว้ ลูบศีรษะเธอพลางพูดปลอบใจว่า “เสี่ยวหว่าน แม่เชื่อลูกนะ ไม่ต้องเสียใจนะ อย่าร้องไห้ไปเลย” 


 


 


อี้อวิ๋นฉังซบหน้าอยู่กับอกอันจี๋ถิง มุมปากยกยิ้มขึ้นอย่างกระหยิ่มใจ แต่เพียงแวบเดียวก็หายวับไป


 


 


อี้อวิ๋นฉังบิวท์อารมณ์แล้วเงยหน้าขึ้นมองมาทางเซียวจิ่งสือ น้ำตาเม็ดโตๆ ร่วงเผาะ เธอชี้หน้าเซียวจิ่งสือแล้วพูดอย่างน้อยใจว่า “จิ่งสือ ทำไมคุณถึงบอกว่าฉันเป็นหลินหว่านตัวปลอมออกมาได้นะ พวกเราผ่านเรื่องราวด้วยกันมาตั้งมากมาย ฉันยังจำได้เมื่อก่อนคุณบอกฉันว่ารักฉันมากขนาดไหน ถึงแม้ฉันจะเข้าใจผิดว่าคุณแค่พูดเล่น แต่คุณก็ไม่เคยยอมแพ้ คุณยังเคยบอกว่าตั้งแต่ตอนเป็นเด็กฉันเคยช่วยคุณไว้ คุณก็เริ่มชอบฉันแล้ว คราวนั้นในงานแสดงคืนนั้นที่ฉันเท้าแพลง คุณยังเอาถุงน้ำแข็งมาให้ฉันโดยไม่สนอะไรเลย แล้วยังมีตอนที่ฉันถูกอันซิงรังแก คุณก็มักเข้ามาช่วยฉันเสมอ ทั้งหมดนี้ฉันยังจำได้อย่างชัดเจน แต่ทำไมตอนนี้คุณถึงบอกว่าฉันไม่ใช่หลินหว่านล่ะ? คุณไม่รักฉันแล้วเหรอ?”


 


 


สองคำถามสุดท้าย อี้อวิ๋นฉังตั้งใจพูดด้วยเสียงเบา ฟังดูแล้วให้ความรู้สึกเศร้าเสียใจและสิ้นหวังปานนั้น พอเข้าหูอันจี๋ถิง หัวใจเธอก็แทบละลาย


 


 


อันจี๋ถิงในตอนนี้เชื่อมั่นอย่างเหลือเกินว่าหลินหว่านที่ยืนอยู่ที่นี่ในนาทีนี้เป็นลูกสาวเธอ เธอเคยแอบส่งคนไปติดตามดูความเคลื่อนไหวของหลินหว่านกับเซียวจิ่งสือ คนที่ไปสังเกตการณ์จะกลับมารายงานชีวิตประจำวันของพวกเขาทุกวัน ดังนั้นเรื่องของพวกเขาสองคนไม่มีใครเข้าใจยิ่งไปกว่าอันจี๋ถิง


 


 


อันจี๋ถิงเดินเข้าไปล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาช่วยเช็ดน้ำตาให้อี้อวิ๋นฉังอย่างเบามือ


 


 


เซียวจิ่งสือมองดูภาพนี้ด้วยความรู้สึกหวาดกลัวจับใจ ผู้หญิงตรงหน้านี้รู้เรื่องราวระหว่างเขากับหลินหว่านมากมายขนาดนี้ได้ยังไงกัน ละเอียดจนเหมือนกับเธอเป็นหลินหว่านจริงๆ ถ้าหากไม่รู้มาก่อนว่าเธอไม่ใช่หลินหว่าน ไม่แน่ว่าเซียวจิ่งสือเองก็คงถูกเธอหลอกไปด้วยเช่นกัน


 


 


นอกจากนี้ที่ทำให้เซียวจิ่งสือถึงกับขนลุกก็คือ ผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงรู้เรื่องทั้งหมดของหลินหว่าน แม้แต่อิริยาบถความเคลื่อนไหวก็แทบจะเหมือนกับหลินหว่านเป็นพิมพ์เดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นยามโกรธหรือยามยิ้มการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ล้วนเลียนแบบมาได้เหมือนเป๊ะ นี่ต้องทำกันถึงขนาดไหนจึงฝึกได้จนเหมือนขนาดนี้เนี่ย! เซียวจิ่งสือรู้สึกหนาวสะท้านขึ้นในใจ ช่างน่ากลัวซะจริง!


 


 


เซียวจิ่งสือไม่สนอี้อวิ๋นฉังที่ยังร้องไห้อยู่ เอ่ยปากถามข้อสงสัยในใจไปตรงๆ เขาขมวดคิ้วเพ่งมองอี้อวิ๋นฉังอย่างเคร่งเครียด ถามย้ำทีละคำว่า “เธอเป็นใครกันแน่? ทำไมถึงได้รู้เรื่องระหว่างผมกับหลินหว่าน? แล้วหลินหว่านตัวจริงไปอยู่ที่ไหนกันแน่?”


 


 


คำพูดประโยคนี้เหมือนกับเข็มเป็นเล่มๆ ที่ทิ่มแทงเข้าในใจของอี้อวิ๋นฉัง เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเซียวจิ่งสือสือ น้ำตาคลอตา ถามกลับด้วยเสียงกลั้นสะอื้น “เซียวจิ่งสือในเมื่อคุณรักหลินหว่านขนาดนี้ ทำไมคุณถึงจำฉันไม่ได้? ฉันก็คือหลินหว่านไงคะ”


 


 


คราวนี้อี้อวิ๋นฉังเสียใจจริงๆ แล้ว น้ำตาร่วงเผาะอย่างหยุดไม่อยู่ คิดไม่ถึงว่าเธอพยายามทำตัวเป็นหลินหว่านขนาดนี้แล้ว ยังถูกเซียวจิ่งสือจับได้อีก ในใจเขายังมีแต่หลินหว่านนั่น หลินหว่านตัวจริง


 


 


เซียวจิ่งสือไม่หวั่นไหวเลยสักนิด เขาโพล่งออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ไม่ คุณไม่ใช่ คุณไม่ใช่หลินหว่าน”


 


 


คำพูดประโยคนี้ของเซียวจิ่งสือเหมือนซ้ำเติมเข้าไปอีก เสียบเข้ากลางใจที่เต็มไปด้วยบาดแผลกลาดเกลื่อนของอี้อวิ๋นฉังโดยไม่ทันตั้งตัว


 


 


คราวนี้อันจี๋ถิงทนดูไม่ไหว เธอดึงอี้อวิ๋นฉังไปไว้ด้านหลังเธอ ชี้หน้าเซียวจิ่งสือว่า “เซียวจิ่งสือ คุณอย่าทำเกินไปนะ เพื่อนังจิ้งจอกนั่น คุณใจร้ายมากนะ!”


 


 


“เธอไม่ใช่นังจิ้งจอก เธอเป็นลูกสาวของคุณ” เซียวจิ่งสือรีบพูดแก้ จากนั้นดูเหมือนเขาจะนึกอะไรขึ้นได้ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงว่า “หลินหว่านเธอหายตัวไป ผมหาตัวเธออยู่นานแล้วแต่ก็ยังไม่พบ ถ้าหากคุณนายอันพบเธอเข้า ก็ช่วยบอกผมด้วยเถอะ”


 


 


เซียวจิ่งสือพูดจบ ก็โค้งคำนับอันจี๋ถิงด้วยท่าทีให้ความเคารพอย่างจริงใจ แต่อันจี๋ถิงกลับไม่คิดจะไว้หน้าเขา เธอตอบด้วยรอยยิ้มเย็นว่า “ฮึ! คุณจะให้ฉันช่วยเธอเหรอ?! รอชาติหน้าเถอะ ทางที่ดีอย่าให้ฉันเห็นเธอ ไม่อย่างนั้นเธอได้เจอดีแน่!” 

 

 


ตอนที่ 252 ทดสอบ

 

อันจี๋ถิงรู้สึกเหลือเชื่อ เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผู้ชายตรงหน้านี้จึงได้ทิ้งลูกสาวของเธอไปแล้วกลับหันไปสนใจผู้หญิงอื่นแทน และผู้หญิงนั่นยังทำให้เธอเกลียดมากซะด้วย ทั้งๆ ที่เป็นแค่ใบหน้าที่ทำศัลยกรรมมาเท่านั้นเอง


 


 


“เซียวจิ่งสือ ฉันขอให้คุณไว้เกียรติตัวเองสักหน่อยได้ไหม และก็ช่วยให้เกียรติลูกสาวฉันด้วย อย่ามัวแต่คิดถึงเรื่องคนอื่น คุณเป็นผู้ใหญ่แล้ว ฉันก็หวังว่าคุณจะเข้าใจว่าต้องเห็นค่าคนที่อยู่ตรงหน้า!” อันจี๋ถิงตักเตือนเซียวจิ่งสือในฐานะผู้ใหญ่ ขณะเดียวกันนี่ก็เป็นวิธีการปกป้องลูกสาวของเธอเองด้วยเช่นกัน


 


 


“คุณป้าครับ ผมก็จะขอให้คุณเข้าใจความเป็นจริงสักหน่อยได้ไหมครับ ตอนนี้คุณไม่รู้อะไรเลย คุณรู้สึกว่าคนตรงหน้านี้เป็นลูกสาวของคุณจริงๆ งั้นหรือ? ผมอยากให้คุณช่วยคิดให้ดีด้วย ลองนึกดูคำพูดที่ผมพูดกับคุณวันนี้ให้ดี” เซียวจิ่งสือพูดอย่างไม่เกรงใจ เขาแค่คิดว่าคนคนนี้ไม่ยอมรับลูกสาวตัวเอง แต่กลับไปยอมรับผู้หญิงใจอรพิษนั่นแล้วก็ทำให้เขารู้สึกเศร้าใจมาก


 


 


“เรื่องของฉัน ตัวฉันรู้ดีที่สุด ไม่ต้องให้คุณมาสอน คุณเองต่างหากที่อย่าหาข้ออ้างเปลี่ยนใจให้ตัวเองอีกเลย มีใครบ้างไม่รู้ว่าคุณเจ้าชู้ ฉันรู้จักคุณดีตั้งแต่แรกแล้ว!” อันจี๋ถิงเริ่มเป็นฝ่ายรุกบ้าง เพราะเธอเห็นว่าเซียวจิ่งสือทำตัวไร้มารยาทกับเธอมาก เธอไม่อยากให้ลูกสาวของเธออยู่กับคนแบบนี้


 


 


เซียวจิ่งสือก็ไม่สนใจเธออีก ตอนนี้จะพูดอะไรไปก็เปล่าประโยชน์ ตอนนี้เขาแค่อยากจะหาตัวหลินหว่านให้เจอเท่านั้น ส่วนแม่ของเธอ คิดจะอยู่กับใคร รับใครเป็นลูกสาว ก็เป็นเรื่องของเธอเอง แค่หวังว่าเธอจะไม่มานึกเสียใจภายหลังก็พอแล้ว


 


 


พูดกันถึงที่สุดแล้ว ทั้งหมดนี้ก็เป็นอันจี๋ถิงทำมันขึ้นทั้งนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะเธอยื่นมือเข้ามา คิดว่าตัวเองฉลาด จะทำให้ลูกสาวตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายแบบนี้ได้ยังไงกัน


 


 


เธอจะพูดว่าเขาเจ้าชู้ยังไงก็ได้ ถึงยังไงเขาก็ไม่สนใจอยู่แล้ว สิ่งที่เขาทำขอเพียงไม่ผิดต่อหัวใจตัวเองก็พอแล้ว ใจของเขามีแค่หลินหว่านคนเดียวเท่านั้น ต่อให้คนอื่นทำหน้าทำตัวให้เหมือนเธออย่างไรก็ตาม ในสายตาเขาเป็นเพียงแค่สิ่งเลื่อนลอยที่ไร้ความหมายทั้งนั้น


 


 


พักนี้ เขาเอาแต่ตามหาหลินหว่านตลอด เรื่องอื่นๆ จึงถูกเขาละเลยไป แม้แต่เรื่องในบริษัทก็ไม่ได้ติดตามตรวจสอบอย่างใกล้ชิด เขารู้ว่าถ้าไม่พบตัวหลินหว่าน ก็ไม่รู้ว่าเธอจะต้องเจอกับอันตรายอะไรอีก


 


 


บางครั้งเขาก็สงสารหลินหว่านมาก ทั้งที่ตัวเองต้องเจอกับเรื่องร้ายมากมาย แม้แต่แม่แท้ๆ เพียงคนเดียวของตัวเองยังเข้าใจผิดรังเกียจเธอ เห็นเธอเป็นเศษสวะไร้ค่า เซียวจิ่งสือรู้สึกน้อยใจแทนเธอจริงๆ และก็รู้สึกเจ็บปวดใจแทนหลินหว่านด้วย


 


 


แต่ไม่เป็นไร ต่อให้คนทั้งโลกทิ้งหลินหว่านไป แต่ข้างกายเธอจะยังมีเซียวจิ่งสืออยู่ เขาจะไม่ยอมทิ้งเธอไปเด็ดขาด ต่อให้หลินหว่านจะจำเขาไม่ได้เลยก็ตาม ขอเพียงเซียวจิ่งสือยึดมั่นในความรักของตัวเอง ไม่ยอมแพ้ทิ้งหลินหว่านไป นั่นก็หมายความว่าพวกเขาทั้งสองคนยังมีความหวัง หลินหว่านจะต้องฟื้นความทรงจำได้สักวันในที่สุด


 


 


ในหลายวันมานี้จึงผ่านไปเช่นนี้ อันจี๋ถิงอยู่ร่วมกับอี้อวิ๋นฉัง ตอนแรกอันจี๋ถิงมีความสุขมาก ปกติเธอได้อยู่กับลูกสาวน้อยมาก ตอนนี้มีเวลาพูดคุยด้วยกันมากมาย สำหรับเธอแล้วเป็นการปลอบประโลมที่ดีที่สุด


 


 


ทั้งสองอยู่ด้วยกันทั้งวันคืน แต่บางทีอันจี๋ถิงกลับพบว่าอี้อวิ๋นฉังไม่ปกตินัก พอเริ่มพูดเกี่ยวกับความทรงจำในวัยเด็ก เธอก็หันเหไปพูดเรื่องอื่นแทน เหมือนกับไม่ต้องการพูดถึงมัน ทำให้อันจี๋ถิงเริ่มสงสัยขึ้นมาบ้าง


 


 


นั่นก็เพราะ ตอนที่อันจี๋ถิงยังสาว เธอต่อสู้ฟาดฟันผ่านเรื่องต่างๆ มามากมาย จนสร้างอาณาจักรของตัวเองขึ้นมาได้ เธอย่อมไม่ใช่คนโง่ ดังนั้นคนปกติที่คิดจะหลอกเธอจึงไม่ง่ายนัก


 


 


อันจี๋ถิงมักพบว่าอี้อวิ๋นฉังปฏิบัติกับเธอไม่เหมือนเป็นแม่ลูกกัน เธอรู้สึกว่าอี้อวิ๋นฉังทำตัวเหมือนคนแปลกหน้า ทั้งการพูดจาปฏิบัติตัว ทำให้อันจี๋ถิงรู้สึกประหลาดใจว่า ยิ่งไปกว่านั้น ไม่รู้ว่าอี้อวิ๋นฉังรู้ตัวหรือไม่ว่าอันจี๋ถิงเกิดความสงสัยขึ้น เธอจึงดูไปแล้วตึงเครียดอยู่บ้าง


 


 


มีครั้งหนึ่งเธอทำให้อันจี๋ถิงรู้สึกติดใจมากก็คือ เธอออกไปข้างนอกซื้อของกลับมากมาย ถือข้าวของเต็มมือ ดูแล้วท่าทางจะหนักมาก แต่อี้อวิ๋นฉังเห็นเธอเข้ามากลับไม่คิดจะเข้ามาช่วยเธอถือของเลยสักนิด กลับเดินเข้าบ้านไปซะเฉยๆ ทำให้อันจี๋ถิงอดคิดมากไม่ได้ นี่มันไม่ใช่พฤติกรรมที่ลูกสาวของเธอจะทำเลยนี่นา


 


 


นอกจากนี้ตอนที่ทั้งสองพูดคุยกัน อี้อวิ๋นฉังก็มักจะพูดถึงเรื่องของเซียวจิ่งสือ ส่วนความทรงจำวัยเด็กของเธอกับแม่กลับไม่พูดถึงเลยสักคำ นี่มันผิดปกติเกินไปจริงๆ คนทั่วไปก็น่าจะคิดถึงชีวิตที่อยู่กับคนในครอบครัวกันไม่ใช่หรือไง? ทำไมอี้อวิ๋นฉังจึงเอาแต่พูดถึงเซียวจิ่งสือนะ


 


 


ทั้งที่เซียวจิ่งสือก็ไม่ได้ทำดีกับอี้อวิ๋นฉังสักเท่าไร อี้อวิ๋นฉังยังเสนอตัวเข้าหาเขาขนาดนี้ มันทำให้อันจี๋ถิงสงสัยมาก เธอรู้สึกว่าเธอไม่เข้าใจเด็กสาวตรงหน้านี้มากขึ้นทุกที ยิ่งพวกเธออยู่ด้วยกันนานเท่าไร อันจี๋ถิงก็ยิ่งสงสัยอี้อวิ๋นฉังมากขึ้นไปทุกที


 


 


ด้วยประสบการณ์ที่เธอเคยผ่านมาอย่างโชกโชน จิตใต้สำนึกบอกกับเธอว่า คนตรงหน้านี้มีบางอย่างปิดบังเธออยู่ และไม่ใช่เรื่องเล็กด้วย ก่อนหน้านี้อันจี๋ถิงดีใจมากว่าได้อยู่ร่วมกับลูกสาวในที่สุด แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกเฉยชามาก เธอไม่รู้ว่าตอนนี้สิ่งที่เธอกำลังคิดอยู่มันถูกหรือว่าผิดกันแน่


 


 


เย็นวันนี้ พวกเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะทานอาหาร ทานอาหารร่วมกัน อี้อวิ๋นฉังกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย เธอพยายามจะไม่พูดกับอันจี๋ถิง เพราะเธอรู้ว่ายิ่งพูดมากก็ยิ่งผิดมาก ดังนั้นส่วนใหญ่แล้วเธอเลือกที่จะนิ่งเงียบซะ ประเด็นนี้เธอก็นับว่าฉลาดทีเดียว


 


 


ส่วนอันจี๋ถิงในเวลานี้กลับมองดูอี้อวิ๋นฉังอย่างครุ่นคิด อี้อวิ๋นฉังไม่รู้ตัวเลย แค่ก้มลงทานอาหารของตัวเอง อันจี๋ถิงจึงคิดจะทดสอบอี้อวิ๋นฉังดูสักหน่อย มีบางเรื่องที่เธอเก็บไว้ในใจมานานมากแล้ว บางครั้งอยากจะถามออกมา แต่ก็รู้สึกว่าไม่เหมาะจึงได้แต่เก็บเอาไว้ในใจ


 


 


“ฮ่าๆ มา แม่จำได้ว่าตอนเด็กลูกชอบทานพริกเขียวมากนี่นา ทานเยอะๆ นะ” อันจี๋ถิงยิ้มแล้วจงใจพูดขึ้น พูดพลางก็คีบพริกเขียวใส่ชามข้าวของอี้อวิ๋นฉัง


 


 


แต่คราวนี้อี้อวิ๋นฉังกลับหน้าเหวอ เธอไม่รู้เลยว่าตอนเด็กหลินหว่านชอบอะไร ไม่รู้เลยว่าเธอชอบทานอะไร

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม