จอมใจจ้าวพิษ 244-251

 ตอนที่ 244 หนีตาย 




“โอ๊ย…” 


 


 


ทันใดนั้นถังเฉียนก็รู้สึกเจ็บขา ร่างนางถูกเครือเถาของบุปผากินคนดึงจนร่วงลงมา การตกจากที่สูงขนาดนี้ ต่อให้นางมีเก้าชีวิต ก็คงไม่รอดแน่ 


 


 


ถังเฉียนล้วงมีดสั้นออกมาจากอกเสื้อ ปักลงไปในซอกหินอย่างสุดแรงเกิด เครือเถายังคงดึงขานางเพื่อให้ตกลงไป แต่เสียงของนางทำให้คนข้างล่างรู้ตัวแล้ว เถิงอวิ๋นมองเห็นนางจากปากปล่อง แล้วรีบให้อีกคนหนึ่งหนีไป เขาจะจับนางเอง 


 


 


“เห็นไหม ข้าบอกแล้วไง ต้องกำจัดนางซะ!” 


 


 


เถิงอวิ๋นกลับไม่ร้อนใจ เขาบอกให้ชายคนนั้นรีบไปพร้อมกับพูดว่า 


 


 


“ครั้งนี้จะไว้ชีวิตนางก็คงยากแล้ว ต้องให้ข้าอธิบายความร้ายกาจของบุปผากินคนหรือไม่ เมื่อครู่เห็นนางถูกบุปผากินคนดึงลงมาจากที่สูงเช่นนั้น ถ้าไม่ตกลงมากระแทกพื้นตายก็ต้องถูกดูดเลือดจนหมด!” 


 


 


เมื่อครู่ถังเฉียนอยากจะตะโกนร้องให้คนช่วย แต่เกิดเรื่องที่น่าอึดอัดใจขึ้น บุปผากินคนร้อนรนเกินไป ถึงกับอ้าปากออกจะกินถังเฉียนที่ร่วงลงมา ไม่รู้ว่าเพราะตัวนางหนักเกินไปหรือเพราะดอกไม้อ่อนนิ่มเกินไป ทำให้นางทับมันจนแบน 


 


 


ถังเฉียนนั่งอยู่กลางดอกบุปผากินคน แม้มันจะถูกทับแบนแล้ว แต่ก้นนางคาติดอยู่ในดอกไม้จนดึงตัวออกไปไม่ได้ 


 


 


เกสรที่เหมือนฟันเลื่อยของมันงับก้นนางไว้ แต่เลือดสีดำที่ไหลออกมาจากตัวนางทำให้บุปผากินคนต้นนี้ล้มลงกับพื้นกลายเป็นใบไม้เน่าเปื่อยสีดำ เลือดนางหยดลงบนพื้น ถังเฉียนถูกงับที่ก้นทำให้เลือดไหลไม่หยุด บังเอิญคืนนี้ฝนตก ยิ่งทำให้เลือดนางไหลไปทั่วเขตหวงห้าม 


 


 


ถังเฉียนเสียเลือดมากบวกกับตกลงจากที่สูง ทำให้นางทนไม่ไหว สลบไปท่ามกลางสายฝนที่เทลงมา เมื่อนางฟื้นขึ้นก็พบว่าตัวเองอยู่ในสถานที่ที่ทั้งคุ้นเคยและแปลกหน้า 


 


 


ตอนที่ถังเฉียนปีนขึ้นไปบนชิงช้ามองเห็นภายในนี้ผ่านปล่องระบายอากาศ ในนี้ตกแต่งเหมือนห้องทดลองของเถิงอวิ๋น 


 


 


“ฟื้นแล้วหรือ” 


 


 


ถังเฉียนเพิ่งฟื้น เถิงอวิ๋นเดินอ้อมหลังนางมา ลูบเส้นผมนางเบาๆ แล้วพูดว่า 


 


 


“เจ้าควรทราบซึ้งที่ข้าช่วยพาเจ้ากลับมา ทั้งยังไม่ได้ฆ่าเจ้าด้วย” 


 


 


ถังเฉียนเห็นเขาถือภาชนะรูปร่างประหลาด แล้วใช้ปลายแทงเข้าไปในผิวหนังนาง จากนั้นนางก็รู้สึกอ่อนแรง 


 


 


“เจ้าทำสิ่งใด” 


 


 


พอเถิงอวิ๋นดึงส่วนที่แทงเข้าไปในผิวหนังนางออกมา บนนั้นยังมีคราบเลือดติดอยู่ เถิงอวิ๋นไม่จำเป็นต้องตอบแล้ว เขากำลังดูดเลือดจากตัวนาง ดูแล้วที่นางยังรอดชีวิตจนถึงตอนนี้เพราะตัวนางยังมีประโยชน์บ้าง แต่เมื่อนางแหงนมองก็เห็นปล่องระบายอากาศที่ไม่ใหญ่นั่น มีรอยยิ้มหยันผุดขึ้นที่มุมปากนาง เห็นข้างนอกฝนยังตกอยู่ หัวใจนางก็ค่อยๆ หนาวเหน็บ 


 


 


“เจ้าร่วมกับพวกเขาวางแผนสังหารจินซิวอ๋องใช่หรือไม่ เหตุใดเจ้าต้องทำเช่นนี้” 


 


 


ในเมื่อนางถูกจับตัวและถูกมัดไว้ที่นี่ ถ้าต้องเป็นผีที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ สู้ถามสิ่งที่ควรถามให้หมด จะได้ไม่นึกเสียใจภายหลัง เถิงอวิ๋นตรงหน้ามีหลายเรื่องที่ทำให้นางกังขาจริงๆ ความรู้สึกนี้ทำให้นางรู้สึกอึดอัด 


 


 


“ก็แค่ทำการแลกเปลี่ยนเท่านั้น จินซิวอ๋องสำหรับข้าแล้วไม่ใช่คนสำคัญอะไร เขาอยากสังหารจินซิวอ๋อง ข้าอยากได้ของที่ข้าต้องการ เด็กน้อยเอ๋ย เจ้าควรจะรู้ว่าในโลกนี้ความสัมพันธ์ที่มั่นคงที่สุดก็คือความสัมพันธ์ทางผลประโยชน์” 


 


 


ถังเฉียนไม่ได้เห็นต่างจากเขา ตั้งแต่ต้นจนจบเขาล้วนไม่แยแสคนอื่น ประโยคที่ว่านี้ถังเฉียนเชื่อเขาทั้งหมด 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 245 กับดัก 


 


 


 


 


 


“เจ้าไม่ได้ใช้ภาษาของเราพูดกับชายผู้นั้น เจ้าพูดภาษาเซวียนกั๋ว เขาเป็นชาวเซวียนกั๋วใช่หรือไม่ นี่พวกเจ้าลอบวางแผนก่อกบฏหรือ” 


 


 


ถังเฉียนหรี่ตาลงแล้วถามต่อ แต่เถิงอวิ๋นกลับหัวเราะเสียงดัง บางทีในใจเขาถังเฉียนเป็นก็แค่เพียงเด็กคนหนึ่งเท่านั้น 


 


 


“จะอย่างไรก็ยังอายุน้อย ไร้เดียงสา เจ้ารู้หรือไม่ว่าเผ่าพีส่าเรารุ่งโรจน์ขึ้นมาได้อย่างไร เราอาศัยการฆ่าคน ข้าไม่ใส่ใจว่าพวกเขาจะทำอะไร ข้าเพียงแต่ฆ่าคนที่พวกเขาต้องการให้ข้าฆ่าเท่านั้น” 


 


 


เถิงอวิ๋นพูดจบ ก็กรีดลำคอนางเบาๆ ด้วยมีดในมือ ถังเฉียนเอี้ยวตัวหลบแอ่นตัวไปข้างหลัง แต่มีดนั้นคมกริบ สุดท้ายก็ยังกรีดถูกลำคอนาง มีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย 


 


 


“สายตาไม่เลวนี่ เคยฝึกวรยุทธ์หรือ” 


 


 


ถังเฉียนพูดว่า 


 


 


“ข้าไม่รู้วิชาอื่นหรอก แต่พอรู้วิชาเอาตัวรอดบ้าง ที่สำคัญพี่เถิงอวิ๋นยังไม่ได้คิดจะฆ่าข้าตอนนี้” 


 


 


ถังเฉียนถูกมัดมือติดกับเก้าอี้ ถึงนางจะรู้สึกกลัว หัวใจเต้นตุ้บๆ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเถิงอวิ๋นนางต้องพยายามแสดงความกล้าออกมาอย่างเต็มที่ 


 


 


“จะอย่างไรก็นับว่าฉลาดอยู่บ้าง ไม่เช่นนั้นคงไม่ทำให้อาเฟิงรู้สึกอกหักอย่างรุนแรงเช่นนี้ แต่เจ้าก็ได้ยินในสิ่งที่ไม่ควรจะได้ยิน อีกฝ่ายโกรธมาก อย่างไรข้าก็ต้องทำตามหน้าที่” 


 


 


สมองถังเฉียนทำงานอย่างรวดเร็ว เพื่อหาโอกาสเอาชีวิตรอดในยามนี้ เดิมนางคิดว่าเสี่ยวจินจะช่วยนางที่นี่ได้ แต่เมื่อกี้นางสื่อสารกับเสี่ยวจิน พบว่ามันไม่ได้อยู่บนตัวนาง ถังเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย นางออกแรงที่มือ แม้ว่าเถิงเฉียนจะทำอย่างอื่นอยู่ แต่เขาคอยสังเกตการกระทำของถังเฉียนตลอดเวลา 


 


 


“เจ้าไม่ต้องดิ้นรนหรอก ผู้ช่วยของเจ้าติดอยู่ในกล่องหยกเวินเซียงหน่วนแล้ว เหมือนคำกล่าวที่ว่าอันความงามของหญิงสาวนั้น คือสุสานของมหาบุรุษ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ชนิดใดก็เหมือนกัน” 


 


 


ถังเฉียนอดถอนหายใจไม่ได้ แต่ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว 


 


 


“เจ้าทำใจฆ่าข้าไม่ลง สู้ให้ข้าทำงานให้เจ้าดีกว่า จะฆ่าข้าสำหรับเจ้าตอนนี้แล้วย่อมง่ายมาก แต่วิธีการของพวกเจ้าหวังจะลอบสังหารฉู่จิ่งเหยาอีกครั้ง ย่อมเป็นไปไม่ได้ หากเขาถูกลอบฆ่าง่ายๆ คงไม่มีชีวิตรอดอยู่ถึงเดี๋ยวนี้ คราวก่อนที่เขาถูกหลอกก็เพราะเขาไว้ใจพระบิดาของเขา เพราะอย่างไรเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ แต่เวลานี้เกรงว่าเขาจะไม่เหลือจุดอ่อนอีกแล้ว” 


 


 


คำพูดถังเฉียนฟังเหมือนอวดฉลาด อย่างไรเสียเมื่อครู่นางได้ยินที่พวกเขาคุยกัน คำพูดเหล่านี้ช่วยชีวิตนางในยามวิกฤต ขอเพียงนางฉลาดพอที่จะเอาตัวรอดในสถานการณ์ขณะนี้ที่ต้องตายแน่นอน หลังจากนั้นก็จะค่อยๆ ดีขึ้น 


 


 


ถังเฉียนเห็นเถิงอวิ๋นง่วนอยู่กับงาน แต่ใบหน้านางถูกคลุมด้วยผ้าดำ นางไม่รู้ว่าในนี้ซ่อนอะไรไว้ แต่รู้สึกตลอดเวลาว่าสถานที่นี้วังเวงมาก บวกกับเสียงฝนตกข้างนอก ทำให้นางยิ่งรู้สึกหวาดกลัว 


 


 


“เป็นเด็กสาวที่ฉลาดจริงๆ ข้าเองก็คิดว่าแผนของเขาล้วนไม่ได้ผล ถ้าจะสังหารจินซิวอ๋อง จะต้องให้คนใกล้ชิดเขาเป็นผู้ลงมือ รอจนวันที่เขาไว้ใจเจ้าแล้ว ยังต้องวิตกหรือว่าจะไม่มีโอกาสลงมือ” 


 


 


ถังเฉียนฟังที่เขาพูดก็ยิ่งรู้สึกหวั่นใจ แต่ใบหน้ากลับยิ้มอย่างอบอุ่น เสียงพูดอ่อนหวาน 


 


 


“”พี่เถิงอวิ๋นพูดถูก ข้ารู้ว่าพี่อยากช่วยข้า” 


 


 


ถังเฉียนแสร้งทำเป็นไม่รู้ คืนนี้เห็นชัดเจนว่าเขาเรียกนางมาเพื่อให้ขุดหาเมล็ดบุปผากินคน ผลที่เกิดขึ้นคือนางเกือบถูกฆ่า ทั้งยังได้ยินสิ่งที่ไม่ควรได้ยิน ตอนบ่ายนางถูกพบที่นี่แล้วครั้งหนึ่ง คืนนี้มาอีกครั้ง นางติดกับของเถิงอวิ๋น จึงจำเป็นต้องทำตามที่เขาพูด 


 


 


ก่อนหน้านี้นางยังไม่รู้ แต่ขณะนี้ดูจากท่าทางเขา นางฉุกคิดขึ้นได้ทันที เถิงอวิ๋นเป็นคนที่ความคิดลึกล้ำมาก น่ากลัวจริงๆ 


ตอนที่ 246 มนุษย์หนอนไหมทอง 


 


 


 


 


 


ใบหน้าถังเฉียนมีรอยยิ้มอย่างไร้เดียงสา มีแต่ต้องทำท่าทางไม่ประสีประสา นางจึงจะมีโอกาสรอด แต่ใจนางยิ่งหวาดหวั่นมากขึ้น เผ่าพีส่าน่ากลัวกว่าที่นางคิดไว้มาก นางยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าบางทีตั้งแต่นางเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เถิงอวิ๋นก็มีแผนรับมือกับนางไว้แล้ว 


 


 


“เจ้ารู้หรือไม่ ข้าเตรียมของขวัญชิ้นหนึ่งไว้ให้เจ้า” 


 


 


มีรอยยิ้มที่มุมปากเถิงอวิ๋น ถ้าเป็นเวลาปกติรอยยิ้มนี้ของเขาสามารถทำให้หญิงสาวนับพันรู้สึกชื่นมื่น เหมือนไออุ่นแห่งวสันต์ฤดูพัดมากระทบใบหน้าแต่ในขณะนี้ถังเฉียนกลับรู้สึกเสียวสันหลังวาบ นางยิ่งรู้สึกว่าผู้ชายตรงหน้านางเป็นคนหน้าเนื้อใจเสือ 


 


 


เขาค่อยๆ เลิกผ้าดำที่คลุมของขวัญชิ้นนั้นออก 


 


 


ปรากฏว่าเป็นศพเหวินเยียน ร่างนางถูกเช็ดถูจนสะอาด เปลี่ยนสวมชุดสีชมพู ดูสวยเป็นพิเศษ เถิงอวิ๋นแต่งหน้าให้นางอย่างประณีตบรรจง ถังเฉียนเห็นเหวินเยียนในลักษณะนี้ก็รู้สึกเหมือนมีลมเย็นพัดทะลุเข้าไปในกระหม่อม 


 


 


“เจ้าคงรู้จักศาสตร์ลับอีกแขนงหนึ่งของเผ่าพีส่าเรา สามารถทำมนุษย์แมลงปีศาจได้!” 


 


 


ถังเฉียนเห็นเขาใช้มือค่อยๆ ลูบคลำใบหน้าเหวินเยียน มุมปากถังเฉียนสั่นกระตุกเล็กน้อย ร่างนางแข็งทื่อ แต่ยังคงพูดเสียงแข็งว่า 


 


 


“ศาสตร์ลับของเผ่าพีส่าเจ้ามีมากมายแค่ไหนกันแน่ มีมาอย่างต่อเนื่อง จนจำแทบไม่ไหว” 


 


 


เถิงอวิ๋นกลับอธิบายด้วยความอดทน 


 


 


“มีมาก แต่ที่มีชื่อเสียงก็เพียงไม่กี่วิชา อย่างวิชาหุ่นกระบอก วิชาพิษวิญญาณ วิชาตรวจสอบวิญญาณ ยังมีค่ายกลด้ายแดงล่ามวิญญาณที่เถิงเฟิงใช้” 


 


 


ถังเฉียนพยักหน้า นางเคยเห็นมาแล้วทั้งสิ้น 


 


 


“ล้วนแต่ร้ายกาจทั้งนั้น แต่ละวิชาล้วนมีลักษณะพิเศษ ข้าคิดว่ามนุษย์แมลงปีศาจก็คือวิชาหุ่นกระบอก แม้ข้าจะรู้ว่าอาห่าวเป็นมนุษย์แมลงปีศาจ แต่ข้าไม่รู้ว่าสร้างมนุษย์แมลงปีศาจได้อย่างไร” 


 


 


ถังเฉียนถามจบก็เห็นเถิงอวิ๋นคีบหนอนสีขาวตัวหนึ่งออกมาจากถาดเล็กสีม่วง ตัวอ่อนนิ่มคล้ายหนอนแมลงวัน แต่ถังเฉียนไม่อยากเชื่ออย่างเด็ดขาดว่านี่เป็นหนอนแมลงวัน ถังเฉียนเฝ้ามองเถิงอวิ๋นใช้เข็มที่เคยแทงตนเองแทงเข้าไปในสมองเหวินเยียน แทงตรงๆ เข้าไปที่จุดไป๋ฮุ่ยกลางกระหม่อม จากนั้นก็ทาเลือดนางลงไปแล้วหยดเลือดเถิงอวิ๋นเองลงไปสองหยด  


 


 


ถัดมาก็วางหนอนตัวนั้นลงบนเลือด หนอนสีขาวที่อ้วนพีตัวนั้นคลานกระดืบๆ ไประหว่างเส้นผมสีดำ แล้วค่อยๆ มุดเข้าไปในสมองเหวินเยียน เห็นแล้วชวนให้สะอิดสะเอียน 


 


 


ไม่ช้าเหวินเยียนก็ลืมตาขึ้น แม้จะเพียงแว่บเดียวแต่ถังเฉียนก็เห็นได้อย่างชัดเจน 


 


 


ถังเฉียนมองดูจนถึงตอนนี้เริ่มรู้สึกว่านางตกลงไปในหลุมพรางที่น่ากลัวนี้ตั้งแต่แรกโดยเฉพาะหลังจากเห็นเหวินเยียนในสภาพเช่นนี้ 


 


 


เริ่มด้วยการให้หงหลิงเอ๋อร์และพวกสาวใช้พูดเพื่อให้นางระแวงว่าเถิงเฟิงอยากฆ่านาง จากนั้นค่อยๆ ให้เหวินเยียนปรากฏตัวเบื้องหน้านาง อาศัยปากเหวินเยียนทำให้ตนเองตื่นกลัวและหวาดผวาสุดขีด จากนั้นก็ฆ่าเหวินเยียน แล้วทำให้เหวินเยียนกลายเป็นมนุษย์แมลงปีศาจเพื่อมาอยู่กับนาง 


 


 


“ต่อไปนี้นางจะอยู่ข้างตัวเจ้า นางจะบอกเจ้าว่าเจ้าต้องทำอะไรให้ข้า ทั้งยังคอยเฝ้าดูว่าเจ้าทำหรือไม่” 


 


 


ถังเฉียนฟังที่เขาพูดจึงถามด้วยความแปลกใจ 


 


 


“ตอนนั้นเถิงเฟิงให้อาห่าวมาอยู่กับข้า เพื่อคอยเฝ้าดูข้าใช่หรือไม่” 


 


 


เถิงอวิ๋นยังคิดว่าถังเฉียนเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง ส่วนที่เถิงเฟิงทำทั้งหมดนั้นเพื่ออาหรูน่าคนก่อน ท่าทางเหมือนกำลังชั่งน้ำหนัก ยิ่งเขาระแวงเถิงเฟิงก็ยิ่งทำให้เถิงอวิ๋นไว้ใจตนเองมากขึ้น นี่คงเป็นเรื่องที่นางควรทำในเวลานี้ 


 


 


“แม้จะไม่กล้ายืนยัน แต่มนุษย์หนอนไหมทองจะรักษาความเชื่อมโยงกับคนที่สร้างไว้ ในร่างพวกมันมีเพียงสองวิญญาณสี่ดวงจิต คล้ายกับน้องสาวเจ้า บางตัวอาจแสดงออกว่าความจำแย่ บางตัวเคลื่อนไหวเชื่องช้า บางตัวต่อสู้ไม่เป็น สรุปคือต้องมีจุดอ่อนอย่างหนึ่ง อย่างอาห่าวที่ต่อสู้ไม่เป็น เจอเหตุร้ายจะหวาดกลัว ส่วนที่เถิงเฟิงส่งเขามาอยู่กับเจ้าเพื่อเฝ้าดูหรือเพื่ออย่างอื่น ข้าไม่รู้หรอก” 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 247 ยากที่จะได้ความจริงใจ 


 


 


 


 


 


เถิงอวิ๋นตบหน้าผากเหวินเยียนเบาๆ เหวินเยียนยืนขึ้นทันที แล้วเดินช้าๆ มาตรงหน้าเถิงอวิ๋น ค้อมคารวะแล้วกล่าวคำทักทาย เถิงอวิ๋นเชยคางนางขึ้น มองดูนาง แล้วหันมาทางถังเฉียน พาเหวินเยียนมาตรงหน้าถังเฉียน จากนั้นก็แทงปลายนิ้วของนาง ใช้เลือดนางป้อนให้เหวินเยียนกิน 


 


 


“นับจากวันนี้เป็นต้นไป นางคือมนุษย์แมลงปีศาจของเจ้า เด็กน้อย นับว่าเจ้ามีเคราะห์ แล้วนับว่าโชคดีเพราะชาวเผ่าพีส่าเราจะให้เฉพาะหญิงสูงศักดิ์เท่านั้นจึงจะสามารถมีมนุษย์แมลงปีศาจได้” 


 


 


ถังเฉียนครุ่นคิดแล้วถามว่า 


 


 


“พี่หรูอี้ก็เป็นมนุษย์แมลงปีศาจหรือ” 


 


 


เถิงอวิ๋นยิ้ม 


 


 


“นางไม่ใช่ เจ้าคงไม่เคยเห็น คนที่ได้รับใช้ในห้องฮูหยินถือเป็นโชควาสนา” 


 


 


ถังเฉียนกัดริมฝีปากตัวเอง ที่จริงนางอยากถามว่าเหตุใดจึงมีเหวินเยียนคนเดียวที่คอยรับใช้ข้างตัวเถิงอวิ๋น ถ้านางรู้ว่าตัวเองเป็นคนที่เถิงอวิ๋นเตรียมสร้างเป็นมนุษย์แมลงปีศาจให้ตน ไม่รู้ว่านางจะคิดเช่นไร 


 


 


“คืนนี้ฝนตกหนักมาก ทำให้ข้าหวนคิดถึงสมัยที่เป็นเด็กข้ากลัวฟ้าผ่าที่สุด ขอบใจที่วันนี้พี่รับข้าไว้ ยังทำให้ข้ามองเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของผู้ชายคนหนึ่ง พี่เถิงอวิ๋น พี่ดีจริงๆ มีเพียงพี่กับข้าที่มีเพียงผลประโยชน์เท่านั้น แต่กลับไม่เคยทำร้ายข้า” 


 


 


เถิงอวิ๋นไม่รับคำสรรเสริญเช่นนี้ เขาง้างปากเหวินเยียนออก ให้นางกินยาลูกกลอนเม็ดหนึ่ง จากนั้นก็ถือยาอีกเม็ดไว้ในมือแล้วพูดว่า 


 


 


“นี่คือโอสถคร่าชีวิต ตัวแม่กับตัวลูก ถ้ายาลูกแตกยาแม่ก็จะแตกตามทันที แต่ถ้ายาแม่แตก ยาลูกจะแตกหลังจากนั้นครึ่งเดือน พิษจะกำเริบอย่างช้าๆ แล้วตาย” 


 


 


ถังเฉียนฟังที่เขาพูด มองดูยาลูกกลอนสีแดงในมือเขา แล้วถามว่า 


 


 


“ยาของข้า เป็นยาลูกหรือยาแม่” 


 


 


เถิงอวิ๋นยิ้มแล้วบอกว่า 


 


 


“ยาลูก ถ้าเหวินเยียนตาย ก็น่าจะเพราะปกป้องเจ้า เจ้าสามารถมาหาข้าภายในเวลาครึ่งเดือนเพื่อให้ช่วยถอนพิษ ดังนั้นในยามวิกฤตเจ้าสามารถสละเหวินเยียนให้ตายแทนเจ้าได้ แต่ว่า…ถ้านางตายโดยไม่มีสาเหตุ อย่าคิดว่าเลือดโอสถในตัวเจ้าจะช่วยชีวิตเจ้าได้ ในนี้เป็นแมลงปีศาจชนิดหนึ่ง กินยาและเลือดคนโดยเฉพาะ” 


 


 


ถือว่าคำพูดเขาเป็นการเตือน ถังเฉียนอ้าปาก นางถูกมัดไว้ย่อมกินยาด้วยตัวเองไม่ได้ เพียงแต่ทำตัวน่ารักเพื่อลดความระแวงของฝ่ายตรงข้าม 


 


 


“เจ้าไม่มีเงื่อนไขหรือ” 


 


 


ถังเฉียนยิ้มแล้วว่า 


 


 


“ไม่มีหรอก อย่างไรพี่ก็ต้องให้ข้าไปจากที่นี่ พี่เอามีดจ่อคอข้าอยู่ ยังจะเอ่ยถึงเงื่อนไขอะไรได้ ข้อตกลงที่ไม่เสมอภาคอย่างนั้นหรือ” 


 


 


เถิงอวิ๋นยัดยาลูกกลอนสีแดงใส่ปากถังเฉียน มองดูนางเคี้ยวแล้วกลืนลงไป แล้วจึงใช้มีดตัดเชือกบนตัวนางออก 


 


 


จากนั้นจึงพูดว่า 


 


 


“ข้าจัดการเรื่องน้องสาวเจ้ากับซูซินเหลียนเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้เช้าก็จะเห็นผล แต่เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหนี น้องสาวเจ้าต้องอยู่บนเขาศักดิ์สิทธิ์ต่อไป คอยรับใช้ข้าแทนเหวินเยียน ข้ารับประกันว่าก่อนที่เจ้าจะกลับมา นางจะปลอดภัย อย่าคิดหนีเด็ดขาด เพราะข้าลงคาถาพิษวิญญาณ ไว้ ถ้านางหนีไปจากหมู่บ้านบนเขา จะต้องตาย” 


 


 


ถังเฉียนกัดริมฝีปากแน่นเมื่อได้ยินเช่นนี้ ท่าทางนางดูน่ารักจริงๆ แม้แต่เถิงอวิ๋นก็อดที่จะขยับเข้ามาเชยคางนางไม่ได้ แล้วมองดูสายตาที่เข้มแข็งของนาง 


 


 


“เผยความในใจออกมาแล้ว เจ้าคงคิดจะพาน้องสาวเจ้าหนีไป จากนั้นค่อยๆ คิดหาวิธีแก้พิษในตัวเจ้าใช่หรือไม่ เลิกฝันลมๆ แล้งๆ ได้แล้ว” 


 


 


ถังเฉียนถูกแก้มัด นางขยับร่างกายเล็กน้อย เถิงอวิ๋นไม่ได้คุมตัวนางไว้ ถ้านางอยู่ที่นี่นานเกินไป กลับจะทำให้คนอื่นสงสัย ถังเฉียนจึงเดินฝ่าสายฝนกลับไปยังห้องของตน 


 


 


วันนี้นางรู้ความลับมากเกินไปแล้ว ฝนยังตกหนักมาก เม็ดฝนตกกระแทกใส่นางจนรู้สึกเจ็บปวด ฝนหนึ่งหยดตกลงมาจากเมฆสูงหมื่นเมตร กระแทกใบหน้านางอย่างรุนแรง ไม่รู้จริงๆ ว่าพวกเขามีความแค้นมากมายมาแต่ไหน มีความไม่พอใจมากเพียงไร ตั้งแต่ต้นจนจบถังเฉียนไม่มีโอกาสต่อต้านเลย นางคิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่กลับไม่ไว้ใจคนที่ควรไว้ใจ มาไว้ใจสัตว์ป่าแทน 


 


 


ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเป็นคนที่โหดร้ายทะเยอทะยาน พอคิดถึงเถิงเฟิงก็รู้สึกปวดร้าวใจ 


 


 


นางอยู่ที่นี้มีค่าเพียงแค่ถูกใช้ประโยชน์ หรือว่าไม่มีใครจริงใจต่อนางเลย เหตุใดที่นางอยากจะได้ความจริงใจจึงยากเย็นเช่นนี้ 


ตอนที่ 248 ครั้งสุดท้าย 


 


 


 


 


 


ถังเฉียนเดินกลับมาที่ห้องของตน ทั้งร่างเปียกโชก นางอยากลงหลักปักฐานที่นี่ อยากปกป้องคนใกล้ชิดของนาง ปกป้องตัวเอง มันช่างยากจริงๆ ที่นี่เหมือนมีโซ่ตรวนหนักอึ้งหลายชั้น เพียงแค่นางมีประโยชน์ต่อคนอื่นจึงจะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ไม่เช่นนั้นก็จะถูกคนอื่นฆ่า เพียงแค่ลงมือครั้งเดียวหรือคำพูดประโยคเดียว ชีวิตช่างไร้ค่าน่าเศร้ารันทดเช่นนี้เอง 


 


 


“เจ้าไปไหนมา เหตุใดจู่ๆ ก็ได้ข่าวว่าเจ้าจะไม่หมั้นกับเถิงเฟิงแล้ว เจ้าบ้าแล้วหรือ ถ้าพลาดโอกาสดีๆ ที่หาได้ยากอย่างนี้ เท่ากับปล่อยให้หงหลิงเอ๋อร์ได้ประโยน์” 


 


 


ถังเฉวียนรู้สึกสับสนมาก เมื่อกี้กำลังว้าวุ่นใจ มีหลายเรื่องที่นางไม่เข้าใจ นางจึงจงใจเดินตากฝนกลับมา มีแต่ทำเช่นนี้สติจึงจะแจ่มใสขึ้นได้ 


 


 


“เจ้าออกไปก่อนเถอะ มีหลายเรื่องที่ข้ายังไม่เข้าใจ” 


 


 


ถังเฉียนผลักฮว่าเหยียนออกไปแล้วปิดประตูลงกลอน ไม่ว่าฮว่าเหยียนจะทุบประตูอย่างไร นางยังคงไม่ตอบ ยิ่งกลับมาคิดนางก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองตกลงไปในหลุมพรางที่ใหญ่มหึมา 


 


 


เดิมนางยังคิดว่าหลุมพรางนี้มีเพียงนางเองที่ต้องจ่ายค่าตอบแทนสำหรับความโง่เขลาและหุนหันพลันแล่นของตนเอง แต่ขณะนี้ดูแล้ว ยังมีอีกคนที่น่าสงสารที่สุด นั่นคือเถิงเฟิง 


 


 


เขากับนางมีชีวิตเชื่อมโยงกัน ถ้านางตาย เถิงเฟิงก็ต้องตาย ถ้าเขาตาย เถิงอวิ๋นจะเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด เมื่อครู่นางคิดเพียงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร คิดเพียงว่าทำอย่างไรน้องสาวนางจึงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ นางเห็นแก่ตัวเกินไป สายตาที่คับแคบทำให้นางทำผิดพลาด 


 


 


“ที่จริงข้าตายไม่ได้ ถ้าข้าตายเขาจะถูกเกี่ยวโยงด้วยมากที่สุด ถูกทำร้ายมากที่สุด” 


 


 


ระหว่างทางในที่สุดถังเฉียนก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเถิงอวิ๋นจึงช่วยหงหลิงเอ๋อร์ นางกับหงหลิงเอ๋อร์เป็นเบี้ยบนกระดาน ผู้ชนะคือเขา ผู้แพ้คือคนอื่นทั้งหมด คนอย่างเถิงอวิ๋นช่างน่ากลัวเหลือเกิน 


 


 


“ไม่ได้ ข้าจะทำร้ายเถิงเฟิงอีกไม่ได้” 


 


 


ถังเฉียนตัดสินใจจะออกไปบอกให้เถิงเฟิงรู้ แต่พอออกจากห้องก็เห็นหน้ากากที่เย็นชาของฮว่าเหยียน นางซ่อนอยู่หลังหน้ากาก น้ำเสียงเยือกเย็นเป็นพิเศษ 


 


 


“เจ้าคิดจะไปไหน เวลานี้เจ้าควรคิดให้ดีว่าจะแก้ไขการหมั้นหมายระหว่างเจ้ากับเถิงเฟิงให้กลับคืนมาได้อย่างไร” 


 


 


ถังเฉียนฟังที่นางย้ำเตือนก็หันมา บนศีรษะนางยังมีน้ำฝนหยดลงมา ดวงตาดูเลื่อนลอย แล้วพูดว่า 


 


 


“ข้ากำลังไป ท่านหมอฮว่าเหยียนจะไปด้วยหรือไม่” 


 


 


ฮว่าเหยียนคิดไม่ถึงว่าถังเฉียนจะว่าง่ายเช่นนี้ กลับทำให้รู้สึกไม่อยากเชื่อ จึงอดถามไม่ได้ 


 


 


“เจ้าคิดดีแล้วนะ จะไปหาเถิงเฟิง ไม่ใช่เถิงอวิ๋น เจ้าหนุ่มนั่นหน้าตาหล่อเหลา แต่ข้าว่าเขาเป็นคนเจ้าเล่ห์ เจ้าอย่าไปข้องแวะกับเขาจะดีว่า” 


 


 


ถังเฉียนร้องอืมแล้ววิ่งออกไปโดยไม่มีร่ม ห้องของนางอยู่ใกล้กับเถิงเฟิง เลี้ยวสองหนก็ถึงหน้าห้องเขาแล้ว 


 


 


อาห่าวซึ่งเฝ้าประตูอยู่เห็นนางก็ลังเลไม่กล้าปล่อยให้นางเข้าไป หากแต่ถังเฉียนถือว่าเป็นเจ้านายเขาเช่นกัน อาห่าวจึงไม่กล้าขัดขวาง ได้แต่มองดูถังเฉียนบุกเข้าไป แต่ไม่เหมือนกับที่นางคาดการณ์ เถิงเฟิงไม่เศร้าเสียใจ กลับอิงแอบอยู่กับหงหลิงเอ๋อร์ในศาลา ฟังเสียงฝนตกด้วยกัน 


 


 


“แม่นาง เจ้านายนาง นาง…” 


 


 


ถังเฉียนยืนมองฉากนี้กลางสายฝน ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดนางจึงรู้สึกปวดร้าวใจ บางทีนางคงคิดผิดแล้ว เหตุใดโลกนี้จึงมีคนมองทะลุหัวใจถังเฉียนตั้งแต่เห็นนางครั้งแรก รู้ว่านางจะทำอะไร ก็แค่นางคิดว้าวุ่นไปเอง คงอยากมีข้ออ้างให้เถิงเฟิง 


 


 


ที่จริงนางน่าจะเข้าใจดีแต่แรก ในใจเถิงเฟิงนั้นไม่เคยมีนาง มีเพียงเงาของอาหรูน่าเท่านั้น 


 


 


“ข้ารู้แล้ว ข้าคิดเพ้อเจ้อไปเอง บอกเจ้านายเจ้าด้วย ขอบใจที่เขาเคยดูแลข้า ข้าจะไปแล้ว คราวหน้าขอให้เขาดึงพรกลับไปด้วย ช่วงชีวิตที่เหลือข้าไม่ต้องการเกี่ยวข้องอะไรกับเขาอีก” 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 249 ความเจ็บปวดจากรักแรก 


 


 


 


 


 


ถังเฉียนไปแล้ว ครั้งนี้นางเจ็บปวดสุดขีดอย่างแท้จริง การคาดเดาและเพ้อฝันของนางกลายเป็นม่านน้ำที่ตกลงพื้นไม่อาจกลับคืนเหมือนเดิมได้อีก ครั้งนี้นางไม่อยากกลับไปเพื่อเผชิญกับการเค้นถามจากฮว่าเหยียน นางเดินไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าจะไปที่ใด สุดท้ายก็ปีนขึ้นไปถึงบนหลังคาห้องของฉู่จิ่งเหยา แต่คราวนี้นางไม่ได้ตากฝน เพราะข้างๆ มีคนกางร่มให้ 


 


 


“เด็กโง่ ร้องไห้เพราะเหตุใด” 


 


 


ถังเฉียนไม่รู้ว่าเหตุใดตนเองจึงมาที่นี่ เหตุใดต้องวิ่งมาร้องไห้ถึงที่แห่งนี้ บางทีอาจจะเป็นเพราะนางอยากหาสถานที่ที่สงบเงียบ จะได้ร้องไห้ได้อย่างเต็มที่ ฉู่จิ่งเหยาเดินไปข้างหน้า ไม่ได้ก้มลง เขาลดร่มลง ถังเฉียนกอดขาขวาฉู่จิ่งเหยาไว้แล้วร้องไห้ 


 


 


ต่อให้ลมฝนข้างนอกแรงมากก็ยังไม่แรงเท่าลมฝนในใจถังเฉียน ฉู่จิ่งเหยาเองไม่ได้พูดปลอบสิ่งใดแก่นางมาก เพียงแต่มองดูนาง ปล่อยให้นางกอดชายกระโปรงไว้แล้วร้องไห้ออกมาอย่างเต็มที่ 


 


 


ฉู่จิ่งเหยาเห็นร่างนางเปียกปอน มองไม่ออกว่าบนใบหน้าเป็นน้ำตาหรือน้ำฝน จนกระทั่งฝนซาลง นางจึงค่อยๆ หยุดร้องไห้ ร่างเล็กๆ ของนางกอดขาเขาไว้แล้วหมดสติไป ฉู่จิ่งเหยาอุ้มนางแล้วกระโดดลงจากหลังคา 


 


 


นางก็แค่อยากทำร้ายตัวเองบ้าง เพื่อให้จดจำความเจ็บปวดของรักครั้งแรกให้ลึกซึ้งเป็นพิเศษ ฉู่จิ่งเหยาให้สาวใช้ไปส่งข่าวให้เถิงเฟิง สาวใช้กลับมาบอกว่าแม่นางหงหลิงเอ๋อร์กำลังดื่มสุราอยู่กับเถิงเฟิงอยู่ในบ้าน ไม่สะดวกที่จะเข้าไปแจ้ง 


 


 


คำพูดนี้ทำให้ฉู่จิ่งเหยารู้แล้วว่าเหตุใดถังเฉียนจึงทุกข์ใจเช่นนี้ มิน่านางจึงจะไปกับเขา แต่การที่สาวใช้คนนั้นได้รับการใส่ใจจากนางมาก ไม่รู้ว่าเป็นบุญของนางหรือไม่ 


 


 


ถังเฉียนนอนป่วยหนึ่งวันเพราะตากฝนและเสียใจรวมทั้งวิตกเกินไป เพราะถังเวยได้รับวิญญาณและดวงจิตส่วนหนึ่งจากซูซินเหลียน เวลานี้ดวงตานางมีประกายขึ้นมาแล้ว ไม่พูดติดอ่างอีก ดูเหมือนเป็นคนเดิมแล้ว แต่อย่างไรนางก็นึกไม่ออกว่าถังเฉียนเป็นพี่สาวนาง แต่ซาบซึ้งในบุญคุณของถังเฉียนมาก 


 


 


“ได้ยินอาห่าวบอกว่าเมื่อคืนเจ้ามาหาข้า ข้า…” 


 


 


เถิงเฟิงมาแล้ว เมื่อเห็นถังเฉียนนอนป่วยอยู่ก็รู้สึกสับสน โดยเฉพาะฉู่จิ่งเหยานั่งอยู่ข้างๆ คอยเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของทั้งสอง ทำให้เขารู้สึกแปลก หากแต่ถังเฉียนยังไม่ตื่น ยังคงหลับตานอนพักอยู่บนเตียง เถิงเฟิงมาแล้ว หนังตาที่ปิดอยู่สั่นเล็กน้อย ย่อมดูออกว่านางตื่นแล้วเพียงแต่ไม่ยอมลืมตาขึ้นเท่านั้น 


 


 


เช้านี้เถิงเฟิงได้ข่าวว่าถังเฉียนป่วย ขณะนี้นอนพักอยู่ในห้องของฉู่จิ่งเหยา เขาทั้งโกรธและเคียดแค้น แต่ก็รีบมา เห็นร่างเล็กๆ ของนางนอนขดอยู่ใต้ผ้าห่ม กลับไม่รู้ว่าควรจะโมโหหรือทุกข์ใจดี 


 


 


“นางมาที่นี่ก็ล้มป่วย เห็นได้ว่าดวงชะตาของท่านอ๋องแข็งเกินไป ข่มดวงชะตานางโดยเฉพาะ วันหลังอย่าอยู่ใกล้นางเกินไป ป้องกันนางบุญวาสนาน้อย ถ้าไม่ระวังอาจจะทำร้ายนางได้” 


 


 


ฉู่จิ่งเหยาฟังที่เขาตำหนิตนเองทั้งทางตรงและทางอ้อม เพียงแต่ยิ้มแล้วพูดว่า 


 


 


“เมื่อคืนนางเดินฝ่าฝนไปหาเจ้า สุดท้ายไม่รู้ว่าเห็นอะไร เดินกลับมาดูเศร้าเสียใจมาก หมดสติอยู่ที่หน้าประตู ข้าคงไม่อาจถือเรื่องความแตกต่างของหญิงชายแล้วทิ้งนางไว้ข้างนอก หลังจากอุ้มนางเข้ามาก็ให้สาวใช้ไปแจ้งคุณชาย แต่ได้ยินว่าหงหลิงเอ๋อร์ค้างคืนอยู่กับเจ้า ไม่สะดวกจะเข้าไปแจ้ง จึงกลับมา” 


 


 


ฉู่จิ่งเหยาพูดพลางเดินไปที่ข้างเตียงถังเฉียน จับชายแขนเสื้อนางไว้ ถอนหายใจแล้วพูดว่า 


 


 


“เมื่อคืน ข้าคิดจะส่งนางกลับไป แม้นางจะยังเด็ก ยังไม่พูดเรื่องที่เมื่อคืนฝนตกหนัก นางยังยึดชายแขนเสื้อข้าไว้แน่นตลอดเวลา ร้องบอกว่าคนโกหก คนโกหก…” 


ตอนที่ 250 เกลี้ยกล่อมให้คืนดีกัน 


 


 


 


 


 


ฉู่จิ่งเหยายิ่งพูด สีหน้าเถิงเฟิงก็ยิ่งไม่สู้ดี แต่เขากลับหาคำพูดโต้แย้งไม่ได้ เพียงแต่ขอบตาแดงก่ำ 


 


 


“ให้นางคิดว่าข้าเป็นคนโกหกก็ดี นับจากที่รู้จักข้า นางมีแต่เรื่องเดือดร้อน นางพูดถูก ข้าเป็นคนโกหก” 


 


 


ฉู่จิ่งเหยาสั่นศีรษะแล้วพูด เขาจับชายแขนเสื้อนางไว้แน่น คราวนี้จับข้อมือนางโดยตรง แล้วพูดเลียนแบบถังเฉียนเมื่อคืน 


 


 


“เถิงเฟิง พวกนั้นเป็นคนโกหก คิดจะทำร้ายเจ้า พวกนั้นจะทำร้ายเจ้า! เถิงเฟิง พวกนั้นเป็นคนโกหก!” 


 


 


เถิงเฟิงขมวดคิ้วทันที ฉู่จิ่งเหยายังคงยิ้ม มองดูมือเถิงเฟิงที่คว้าแขนตนไว้แน่น เกรงว่าเขาจะรังแกถังเฉียน 


 


 


“นางกลัวว่าเจ้าจะถูกหลอก เด็กสาวหน้าโง่ เจ้าหนุ่มหน้าโง่” 


 


 


ฉู่จิ่งเหยาพูดจบก็ลุกขึ้น กระแอมแล้วพูดว่า 


 


 


“ข้าจะไปพรุ่งนี้ มีบางเรื่องต้องคิดให้ดีก่อนแล้วค่อยลงมือทำ คำบางคำพูดทบทวนให้ก่อนแล้วค่อยพูด จากกันคราวนี้ อาจจะพลาดกันไปตลอด” 


 


 


ฉู่จิ่งเหยาตบไหล่เถิงเฟิง เขาพูดอย่างมีความหมายลึกซึ้ง ฉู่จิ่งเหยาจะไปแล้ว ถังเฉียนกลับยื่นมือออกมาคว้าชายแขนเสื้อเขาไว้ แล้วพูดว่า 


 


 


“อย่าไป ท่านอ๋องอย่าไป!” 


 


 


ถังเฉียนยังคงไม่ลืมตา เถิงเฟิงเห็นเช่นนี้ก็ลุกขึ้นเอง เขารู้ว่าถังเฉียนไม่คิดจะให้อภัยเขาและไม่อยากอยู่กับเขาตามลำพัง ฉู่จิ่งเหยายืนอยู่กับที่อย่างอิหลักอิเหลื่อ เถิงเฟิงค้อมคารวะแล้วเดินออกจากห้องไป พอเดินมาถึงประตูก็ได้ยินฉู่จิ่งเหยาพูดว่า 


 


 


“เขาก็ไปแล้ว เจ้ายังจะร้องไห้ทำไม เด็กโง่เอ๊ย ผู้ชายมักใจอ่อน เจ้าร้องไห้ต่อหน้าเขา เขาก็จะเป็นห่วงเจ้า ต่อหน้าอ๋องอย่างข้า จะร้องไห้ทำไม ข้าไม่ใช่ผู้ชายของเจ้าสักหน่อย” 


 


 


ถังเฉียนปล่อยมือออก เช็ดน้ำตาที่หางตา หันมาพูดว่า 


 


 


“ท่านอ๋องไม่ใช่ผู้หญิง ย่อมไม่รู้ว่าผู้หญิงทำจากน้ำ ไม่มีเรื่องอะไรก็ยังร้องไห้ นี่เรียกว่าการขับพิษ” 


 


 


ถังเฉียนเพิ่งตื่นก็คารมคมคาย ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับเมื่ออยู่ต่อหน้าเถิงเฟิง เถิงเฟิงรู้ว่านางไม่เป็นไรก็เดินออกจากห้องไป ถังเฉียนไม่กล้าพูดเพราะก่อนที่เถิงเฟิงจะมา ยังมีคนอีกผู้หนึ่งมาเยี่ยมนาง คนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น เถิงอวิ๋นนั่นเอง 


 


 


เพราะการมาของเขาทำให้ถังเฉียนต้องตื่น เถิงอวิ๋นเพียงแต่พูดกับนางว่า 


 


 


“ถังเวยอยู่ที่ห้องลับ ถ้านางพูดอะไรผิด ก็อาจพลัดเข้าไปในเขตหวงห้าม ไม่รู้ว่านางจะพ้นเคราะห์ได้หรือไม่” 


 


 


เถิงอวิ๋นตั้งใจเอาปิ่นไข่มุกที่ติดอยู่บนศีรษะถังเวยมาวางบนมือนาง ให้นางไว้เป็นของที่ระลึก เพื่อให้นางจดจำตลอดไปว่าน้องสาวนางอยู่ในเงื้อมมือเขา 


 


 


ถังเฉียนหันมามองปิ่นไข่มุกในมือ นางไม่สามารถพูด ไม่อาจมั่นใจว่ารอบๆ มีคนของเถิงอวิ๋นหรือไม่ นางไม่กล้าเสี่ยง ไม่กล้าเอาชีวิตน้องสาวไปเสี่ยง นางจะแพ้ไม่ได้จริงๆ 


 


 


เดิมฉู่จิ่งเหยาอยากเกลี้ยกล่อมให้ทั้งสองคืนดีกัน คาดไม่ถึงว่าถังเฉียนจะรีบเก็บข้าวของเตรียมไป ไม่ว่าฮว่าเหยียนจะเกลี้ยกล่อมนางอย่างไร นางก็ยังเตรียมจากไป ไม่ยอมพักแม้แต่วันเดียว 


 


 


นางไปอำลาเหล่าผู้อาวุโสทั้งๆ ที่ใบหน้ายังขาวซีด แม้นางจะไม่ใช่คุณหนูสูงศักดิ์ของที่นี่ แต่ก็ทำทุกอย่างอย่างละเอียดรอบคอบ นางไม่ยากเจอหน้าเถิงเฟิง นางเชิดมุมปากขึ้น จงใจพูดเสียดสีต่อหน้าผู้คนว่า 


 


 


“คุณชายเถิงเฟิง อาหรูน่าต้องขอบคุณที่ท่านคอยเอาใจใส่ เมื่อคืนได้เห็นสายฝนโปรยปราย รู้สึกปวดร้าวใจ เดิมตั้งใจว่าจะให้คุณชายดึงพรที่ให้กลับไป เอาไปมอบให้ผู้อื่น แต่คิดว่าศิษย์พี่มีคุณสมบัติสูงเด่น เกรงว่าจะไม่ยอมมองของที่ศิษย์น้องสลัดทิ้ง จึงไม่สะดวกที่จะเอ่ยปาก” 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 251 ดูหมิ่น 


 


 


 


 


 


หงหลิงเอ๋อร์ฟังที่นางพูดราวกับถูกทิ่มแทงใบหน้า นางอยากตบหน้าถังเฉียน แต่แม่นมดึงนางไว้ ขณะนี้ถังเฉียนยังมีฐานะเป็นฮูหยินน้อยแห่งเผ่าพีส่า ถ้าหากตบนางต่อหน้าผู้คนเท่ากับตบหน้าเผ่าพีส่า เกรงว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมปล่อยนางง่ายๆ 


 


 


ถังเฉียนเห็นนางไม่ตอบโต้ จึงพูดเย้ยหยันต่อ 


 


 


“ได้ยินว่าพรศักดิ์สิทธิ์นี้ เจ้ากับข้าเป็นร่างเดียวกัน คนหนึ่งรุ่งโรจน์อีกคนพลอยรุ่งโรจน์ตาม คนหนึ่งย่ำแย่อีกคนพลอยย่ำแย่ตาม เป็นอย่างนี้คิดดูก็ดีเหมือนกัน คนอย่างข้ามีนิสัยรักและหวงแหนตัวเอง ไม่เหมือนศิษย์พี่ที่นิสัยแข็งกร้าว ข้าจะดูแลชีวิตตัวเองดีๆ เจ้าก็ต้องดูแลชีวิตตัวเองให้ดีด้วย วันหน้าเราค่อยสัญญาว่าจะอยู่กันจนแก่เฒ่า” 


 


 


คำพูดนี้ของถังเฉียนเป็นการฉีกหน้าหงหลิงเอ๋อร์อย่างแท้จริง นางจงใจหันไปมองเถิงอวิ๋น ค้อมคารวะแล้วพูดว่า 


 


 


“อาหรูน่ายังต้องขอบคุณในความเมตตาของคุณชายใหญ่ที่ผ่านมา” 


 


 


ถังเฉียนไม่ใช่คนที่พูดจาดีมีเมตตาตั้งแต่แรก ถ้านางโหดร้ายขึ้นมา ปากก็ร้ายกาจมาก แต่นางคิดเสมอว่าทำแบบนั้นเป็นการทำลายความรู้สึกกัน จึงไม่พูดเช่นนั้นง่ายๆ 


 


 


แต่ในขณะนี้ นอกจากเช่นนี้แล้วนางไม่อาจให้เถิงอวิ๋นเชื่อว่า นางไปจากที่นี่เพราะปวดร้าวทุกข์ทรมานจริง นางกลัวว่าเถิงอวิ๋นจะทำร้ายถังเวย นี่คือข้อแรก ข้อสองนางต้องการเตือนเถิงเฟิงว่าชีวิตนางกับเขาเชื่อมโยงกัน ถ้ามีคนทำร้ายนางก็เท่ากับทำร้ายเขา แต่ไม่รู้ว่าที่นางพูดยาวเช่นนี้ เขาจะเข้าใจหรือไม่ 


 


 


ข้อสามคือหงหลิงเอ๋อร์ถูกเลี้ยงอย่างตามใจมาตั้งแต่เล็ก วันนี้จงใจขอบใจเถิงอวิ๋นต่อหน้าทุกคน ดูแล้วเห็นว่านางเป็นคนไร้เดียงสาไม่เข้าใจเรื่องราวในโลก ที่จริงเป็นการบอกกับผู้หญิงทุกคนในที่นี้ เถิงอวิ๋นช่วยนางเปิดโปงโฉมหน้าที่แท้จริงของคน หวังว่าจะมีคนฟังเข้าใจ ช่วยขัดขวางเขาบ้าง เพื่อไม่ให้เขาเหิมเกริมเกินไป วันๆ คิดแต่จะหาวิธีเล่นงานนาง 


 


 


นางสลบไปหนึ่งคืน ขณะที่เก็บสัมภาระจึงคิดทบทวนคำพูดเหล่านี้ สุดท้ายพูดออกมาต่อหน้าผู้คน เพราะนางไม่มีวิธีอื่นที่จะเตือนเถิงเฟิง 


 


 


นางไม่ได้พูดความจริงกับเถิงเฟิงก็เพื่อน้องสาวตนเอง ทำได้เพียงใช้คำพูดที่ลบหลู่และตำหนิเช่นนี้ ใช้ความไม่ประสีประสาและไร้เดียงสาของเด็กสาวเพื่อกลบเกลื่อน แต่ไม่อาจรู้ได้ว่าจะมีคนมองเห็นความทะนุถนอมและห่วงใยในแววตานางหรือไม่  


 


 


ถังเฉียนสวมหน้ากากแล้วหันมา เห็นหงหลิงเอ๋อร์และแม่นมของนางยืนอยู่ด้านข้าง มีแววเคียดแค้นและอำมหิตฉายวาบขึ้นในดวงตานาง นางไม่ใช่คนดีเป็นพิเศษและไม่เคยใช้ความดีของตนเองอย่างไม่จำเป็น 


 


 


หลงหลิงเอ๋อร์เห็นแก่ตัวเกินไป ถึงกับยอมร่วมมือกับเถิงอวิ๋นเพื่อให้ได้เถิงเฟิงมาครอบครอง ถังเฉียนจำที่ถูกนางข่มเหงและลบหลู่ทุกครั้งได้ นางมีฐานะสูงส่งนานเกินไป จนเกรงว่านางคงไม่รู้ว่าคนระดับล่างก็มีจิตใจที่รักศักดิ์ศรีอย่างแรงกล้า 


 


 


ถังเฉียนนั่งเรือเหาะของเผ่าอินทรีเงิน วันนี้มีเพียงนางกับฉู่จิ่งเหยาที่จากไป เหวินเยียนและฟางเอ๋อร์จะนั่งรถม้าตามไปช้าๆ วันนี้ถังเฉียนดูหมิ่นหงหลิงเอ๋อร์ต่อหน้าทุกคน คิดว่านางคงไม่มีที่ที่จะระบาย ต้องไปกวนใจเถิงอวิ๋นแน่นอน 


 


 


ถังเฉียนนั่งในเรือเหาะก็รู้สึกน่าขำเป็นพิเศษ แต่ฉู่จิ่งเหยาไม่รู้สึกสบายใจเช่นนั้น 


 


 


“ท่านอ๋อง กลัวจะตกลงไปหรือ?” 


 


 


เรือเหาะเป็นพาหนะคล้ายเรือของเผ่าอินทรีเงิน ใช้เชือกผูกโยงกับขาอิทรีตัวผู้ห้าตัว บรรทุกได้สองคน มีความเร็วถึงวันละพันลี้ ทั้งสองนั่งบนเรือเหาะ จะอย่างไรถังเฉียนก็เคยนั่งมาแล้วครั้งหนึ่ง ยังนับว่านั่งสบาย แต่ฉู่จิ่งเหยากลับกระสับกระส่าย 


 


 


“แม้จะบอกว่าคนเผ่าอินทรีเงินยกย่องผู้ชายที่กล้าหาญ แต่เรือเหาะเช่นนี้…” 


 


 


ฉู่จิ่งเหยาพูดเพียงครึ่งเดียว เรือเหาะก็สั่นเล็กน้อย เขารีบเกาะขอบเรือเหาะทันที ค่อยๆ ยืนขึ้น มองออกไปข้างนอก การมองครั้งนี้ทำให้ฉู่จิ่งเหยาเครียดยิ่งขึ้น 


 


 


“สูงอย่างนี้เชียวหรือ เท่ากับเอาชีวิตมาเสี่ยงแท้ๆ” 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม