เนตรเซียนทะลุสมบัติ 244-250

 ตอนที่ 244 เป็นขโมย


พ่อของหยางหลางเอนตัวกับหัวเตียงพร้อมกับสายตาที่เหม่อลอย เขาหันไปมองหยางหลางที่นั่งกัดแอปเปิ้ลอยู่ข้างๆ พร้อมกับมองมาที่เขา ภายในใจของพ่อหยางก็เริ่มเกิดอาการโมโหขึ้นมา


“ทำไมฉันถึงต้องมีลูกชายแบบแกด้วย แกมีประโยชน์อะไรบ้างเนี่ย!” พ่อหยางพูดด้วยความโมโห


หยางหลางเงยหน้าขึ้นพร้อมกับหัวเราะหึหึ “แต่พ่อก็ยังมีลูกชายอีกคนไม่ใช่เหรอ? พ่อก็ไปหาเขาสิ? เขามีปัญญาจ่ายค่าโรงพยาบาลค่ายาให้พอได้ แถมยังซื้อบ้านให้อีก ทำไมไม่ไปหาเขาล่ะ?”


พ่อหยางมองหน้าหยางหลางด้วยความโกรธที่ดูเหมือนจะทวีคูณมากขึ้น “ทำไมแกถึงไม่มีความคิดริเริ่มอะไรสักนิดเลยห๊ะ! ถ้าแกหาเงินเลี้ยงตัวเองได้ฉันเองก็ไม่ต้องอับอายชาวบ้านแบบนั้น!!!”


 


“ผมผิดอะไร? แล้วพ่อไปขายหน้าอะไรตอนไหน? ” หยางหลางกัดแอปเปิ้ลด้วยท่าทางไม่แยแส


“แก!” พ่อหยางชี้ไปที่ด้านนอกประตู “ตอนที่เราไปขายของที่ถนนใหญ่ก็มีคนเห็นหมดแล้ว ตอนนี้แม้แต่พยาบาลก็ยังมาถามฉันว่าฉันไปวางแผงที่นั่นได้ยังไง? เป็นเพราะไม่มีเงินค่ารักษาพยาบาลรึเปล่าไงเล่า!!!”


“แกลองบอกฉันสิว่าฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?” พ่อของเขามองออกไปนอกห้องก็เห็นว่ามีคนกำลังแอบฟังอยู่ ยิ่งทำให้เขาโกรธมากขึ้นไปอีก


หยางหลางส่ายหน้าพร้อมกับยิ้ม “งั้นพ่อก็บอกมาสิว่าต้องทำยังไง”


“หลังจากแจ้งความแล้วแกได้โทรศัพท์ไปถามไหม?ได้ถามไหมว่าเป็นยังไงบ้าง?” พ่อหยางถอนหายใจออกมาพร้อมกับเบาเสียงลง


 


“ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้ปล่อยหมายจับแล้ว แต่มันจะมีประโยชน์อะไร? จับไม่ได้ก็คือจับไม่ได้อยู่ดี”


“เกิดเรื่องขนาดนี้แกคิดว่าพวกฉันยังต้องจ่ายเงินให้กับคนเหลวแหลกแบบแกอีกไหมห๊ะ!?” พ่อหยางโมโหขึ้นมาอีกครั้ง


หยางหลางหัวเราะเหอะๆก่อนที่จะเงยหน้ามองพ่อของเขา “พ่อ ที่จริงก็มีอีกที่ที่มีของดีอยู่ไม่น้อยเลยนะ แถมสามารถเอาออกมาได้แถมไม่ผิดกฎหมายด้วย พ่อจะทำไหมล่ะ?”


พ่อของเขาชะงักไปพร้อมกับถาม “ที่ไหน?”


“บ้านหยางโปไง!”


 


พ่อหยางอึ้งก่อนที่จะหันไปมองหยางหลาง “ความคิดดีนิ!”


พูดจบใบหน้าของพ่อหยางก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา “ถือว่าเป็นความคิดที่ดี ตอนนี้หมอนั่นไม่อยู่จินหลิงด้วย ในเมื่อการวางแผนลอยหน้าร้านไม่ทำให้หมอนั่นกลับมาได้ ถ้างั้นเราก็ไปเอาของที่บ้านมัน พ่อเอาของๆลูกชายไปไม่ถือว่าเป็นขโมย ฮ่าๆๆ”


หยางหลางยิ้ม “ใช่ พี่ชายหยิบของของน้องชายก็ไม่ถือว่าเป็นขโมยเหมือนกัน”


“แล้วแกรู้ไหมว่าในบ้านหมอนั่นมีของดีอะไร?”


 


หยางหลางยิ้ม “ของที่ทำให้เขาสามารถเก็บกลับไปได้จะต้องเป็นของดีมากแน่นอน ถ้าได้มาสักชิ้นสองชิ้น หรือหยิบเงินมาสักนิดก็ถือว่าไม่เลวแล้วนะพ่อ”


พ่อหยางพยักหน้า “โอเค งั้นนายไปซื้อของดีๆมา คืนนี้พวกเราจะไปที่นั่นกัน รอให้แม่แกกลับมาก่อน แกไม่ต้องบอกเรื่องนี้นะบอกแค่ว่าจะออกไปหาเงินก็พอ”


“โอเคพ่อ งั้นผมไปเตรียมของก่อนนะ” หยางหลางพูดจบก็รีบเดินออกไปทันที


พ่อหยางนั่งอยู่บนเตียงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหัวเราะหึหึออกมา


 


หลังจากแม่ของเขากลับมาแล้ว พ่อหยางก็กินข้าวเย็นจนหมดก่อนที่จะโกหกแม่หยางว่าออกไปเดินเล่น ทันทีที่เดินออกมาพวกเขาก็เรียกรถมาจอดหน้าหมู่บ้านของหยางโป หลังจากนั้นพวกเขาก็แยกกันเดินเพื่อที่จะไม่ให้เป็นจุดเด่นก่อนที่จะเดินเข้าไปด้านในหมู่บ้าน


หลังจากมาถึงใต้ตึกแล้ว หยางหลางก็หันมาหาพ่อ “พ่อจำได้ไหมว่าอยู่ชั้นไหน?”


“ชั้นสิบสาม”


หยางหลางชะงักไปเพราะเขาไม่เคยมาที่นี่และเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าที่นี่มีกี่ชั้น แต่หลังจากที่ได้ยินพ่อของเขาพูดเขาก็พูดขึ้นมาด้วยท่าทางตื่นตระหนกว่า “ทำไมพ่อไม่บอกให้เร็วกว่านี้เนี่ย? ชั้นสิบสามแล้วพวกเราจะปีนเข้าไปยังไง?”


 


พ่อหยางยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ฉันดูลาดเลาที่นี่ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เดี๋ยวขึ้นไปก็รู้เองแหละ”


หยางหลางมองพ่อด้วยท่าทางประหลาดใจจนทำให้พ่อหยางหน้าแดงขึ้นมา “มองอะไรของแก?”


“พ่อ นี่พ่อมีความคิดแบบนี้แต่แรกอยู่แล้วใช่ไหม? ทำไมพ่อไม่พูดให้เร็วกว่านี้ล่ะ?” หยางหลางเกิดอาการตื่นเต้นขึ้นมา


พ่อหยางหน้าแดงขึ้นมาอีกครั้ง “พูดบ้าอะไรของแก!”


หยางหลางหัวเราะหึหึก่อนที่จะเดินขึ้นลิฟต์ไป


หลังจากที่เห็นว่าประตูล็อคอยู่หยางหลางก็หันมาถามพ่อของเขา “จะเข้าไปยังไงต่อล่ะพ่อ?”


 


พ่อหยางชี้ไปที่หน้าต่างสกายไลท์ที่อยู่ตรงกลางของชั้น “หน้าต่างสกายไลท์นั่นไง”


หยางหลางหันไปมอง “มันสูงมากเลยนะพ่อ ปีนไม่ถึงหรอก”


“ไอ้โง่เอ้ย! ก็ต่อตัวขึ้นไปสิวะ!”


หยางหลาง “พ่อไหวเหรอ?”


พ่อหยางส่ายหน้า “ต้องลองดู”


พูดจบพ่อหยางก็คุกเข่าลงก่อนที่จะหันไปหาลูกชาย “ขึ้นมา”


หยางหลางสะพายกระเป๋าก่อนที่จะใช้แรงเหยียบไปบนบ่าของพ่อหยาง


 


พ่อหยางกัดฟันแน่นในขณะที่ร่างกายกำลังสั่นไปมาด้วยความเกร็ง ตอนที่หยางหลางยืนอยู่บนบ่าของเขายิ่งทำให้เขารู้สึกร่างกายแทบจะระเบิดออกมาจนทำให้เกิดอาการหน้ามืดในทันที


โชคดีที่หยางหลางเคลื่อนไหวค่อนข้างเร็วเขาจึงสามารถปีนขึ้นไปได้อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเขาก็เอาเชือกห้อยลงมาเพื่อให้พ่อหยางดึงเชือกเอาไว้ ระหว่างนั้นเขาก็รู้สึกได้ว่าตัวเองเกิดอาการวิงเวียนขึ้นมาแต่มือของเขาก็ยังจับเชือกไว้โดยไม่ปล่อย หลังจากรู้สึกดีขึ้นเขาก็ปีนตามขึ้นมา


ทั้งสองคนรู้สึกเหนื่อยเป็นอย่างมากกับการออกแรงในครั้งนี้ พวกเขาจึงขึ้นมาเอนตัวพักบนดาดฟ้า ตอนนี้ยังเช้ามากจึงทำให้ยังมีคนเดินพลุกพล่านอยู่ด้านนอก พวกเขาจึงตัดสินใจรอให้ถึงสิบโมงก่อน


 


ต้นฤดูหนาวอากาศจะหนาวเหน็บมากเป็นพิเศษ สองพ่อลูกขดตัวอยู่ด้านข้างของห้องใต้หลังคาเล็กๆบนหลังคา แถมยังเกิดอาการหนาวสั่นอย่างช่วยไม่ได้ พวกเขาใช้มือถูกันไปมาก่อนที่จะเป่าลมออกมาทางปากเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย


หลังจากถึงเวลาแล้วคนที่อยู่ด้านล่างก็เริ่มน้อยลง ในที่สุดสองพ่อลูกก็ใช้เชือกผูกกับท่อน้ำบนชั้นดาดฟ้า


พ่อหยาง “ตอนนี้พวกเราอยู่ชั้นสิบแปด ลงไปอีกแค่ห้าชั้นก็ถึงแล้ว”


หยางหลางพยักหน้า “โอเค!”


หลังจากดูแล้วว่าด้านล่างไม่มีคนหยางหลางก็ห้อยตัวลงมาตามเชือกก่อนที่จะสไลด์ตัวเข้าไปยังชั้นล่าง


 


พ่อหยาง “ระวัง!”


หยางหลางเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาทำเรื่องแบบนี้จึงทำให้ทั้งแขนและขาของเขาไม่ได้เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วเท่าไหร่นัก แต่เป็นเพราะเขามีความกล้าหาญมากจึงทำให้เขาสามารถเคลื่อนตัวมาชั้นห้าได้อย่างรวดเร็ว หลังจากที่เห็นว่าในห้องไม่มีใครเขาก็ยิ้มออกมาก่อนที่จะเปิดหน้าต่างเข้าไปด้วยความราบรื่น


หลังจากเข้ามาในห้องแล้วหยางหลางก็รู้สึกสบายใจขึ้น เขาเดินไปเปิดไฟพร้อมกับเปิดตู้เย็น หลังจากที่เห็นว่าในตู้เย็นมีไก่ทอดวางอยู่ในนั้นเขาก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ เพราะเขาทนหนาวเย็นอยู่ด้านนอกโดยที่ไม่ได้กินอะไรตลอดทั้งคืนมันทำให้ในเวลานี้เขาหิวมากเป็นพิเศษ


 


หลังจากหยิบไก่ออกมาเขาก็ใช้มือฉีกก่อนที่จะยัดเข้าปากอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ยังไม่ลืมหน้าที่ของตัวเอง หลังจากที่นึกถึงคำที่พ่อของเขาพูดเอาไว้เขาก็รีบเดินไปหาห้องหนังสือของหยางโปทันที


ห้องหนังสือของหยางโปไม่ได้ถูกล็อคเอาไว้ ทันทีที่เข้ามาด้านในเขาก็ได้กลิ่นควันบุหรี่ตรงจมูก เขาก็อดคิดไม่ได้ว่าหยางโปเป็นคนที่ไม่สูบบุหรี่เป็นชีวิตจิตใจ ทำไมตอนนี้เขาถึงได้แอบสูบบุหรี่ได้ล่ะ? หลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่งความเกลียดชังของเขาก็เกิดขึ้น หยางโปแอบซ่อนตัวเองอยู่ในบ้านตั้งหลายวันนี่เอง แต่ทำไมถึงไม่ยอมรับสายแถมยังไม่ตอบข้อความแม้แต่ครั้งเดียว!


คิดแบบนั้นเขาก็รีบเดินเข้าไปด้านในก่อนที่จะหยิบเครื่องลายครามที่วางอยู่ตรงชั้นวางใส่ลงไปในกระเป๋าของเขาทันที!


ตอนที่ 245 ปิ่นปักผมทอง


หลังจากที่นำแจกันใส่เข้าไปในกระเป๋าแล้วหยางหลางก็ยังรู้สึกว่าไม่พอ เขาหันหลังไปมองบนโต๊ะก็พบว่ามีจานใบหนึ่งซึ่งเป็นจานสีขาวเคลือบมันวาว แต่ไม่มีลวดลายอะไร แต่สำหรับเขาแล้วสีของมันไม่ได้ต่างอะไรกับรูปปั้นกวนอิมสีขาวที่หยางโปถือวันนั้นเท่าไหร่นัก และดูเหมือนว่ามันจะต้องมีราคาไม่ต่างกันแน่ๆ


เขาหยิบจานใบนั้นขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม แต่เป็นเพราะจานมีความมันเขาจึงหยิบกระดาษข้างๆขึ้นมาเช็ด


หยางหลางรู้สึกว่าการมาของเขาครั้งนี้ได้กำไรกลับไปมหาศาลและเครื่องเคลือบลายครามทุกชิ้นในห้องนี้จะต้องมีราคาหลายแสนแน่ๆ


หลังจากหยางหลางหันไปดูรอบๆห้องแล้วไม่พบว่ามีอย่างอื่นอยู่ในนี้เขาก็เดินออกไปอย่างมีความสุข


 


หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็เริ่มคิดได้ว่าในห้องนอนของหยางโปอาจจะมีเงินซ่อนอยู่ หยางหลางจึงเดินเข้าไปในห้องนอนของหยางโปทันที


หลังจากที่เปิดประตูเข้าไปในห้องเขาก็เปิดไฟในห้องก็พบว่ามีผ้าห่มกำลังคลุมอะไรบางอย่างอยู่แถมยัง


ขยับยุกยิกไปมาพร้อมกับเสียงแปลกๆด้วย ทันทีที่เขาเห็นก็เกิดอาการตกใจจนสะดุ้งโหยงขึ้นมาทันที


เขาค่อยๆเดินออกไปด้านนอกห้องอย่างระมัดระวัง แต่ทันทีที่เขากำลังจะเปิดประตูออกจากห้องไป


จู่ๆผ้าห่มก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของชายอ้วนเปลือยกายที่หันมามอง ทันทีที่อีกฝ่ายเห็นหยางหลางเขาก็เกิดอาการตกตะลึงขึ้นมาก่อนที่จะตะโกนขึ้นมาด้วยความโมโห “แกเป็นใครวะ?!!”


 


หยางหลางเห็นอีกฝ่ายก็ตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก ตอนนี้ใจของเขาเต้นแรงเพราะเกิดอาการตกใจมาก หรือว่าที่หยางโปไม่ชอบพยาบาลสาวคนนั้นก็เป็นเพราะว่าหยางโปมีรสนิยมแบบนี้!


แต่เขาก็รีบโต้ตอบกลับไปอย่างรวดเร็วด้วยการชี้หน้าชายอ้วนคนนั้น “ไอ้อ้วน! ไอ้หมูสกปรกรีบปล่อยน้องชายของฉันนะโว้ย ไม่งั้นฉันตีแกตายแน่!”


ชายอ้วนได้ยินแบบนั้นก็นิ่งไป เขายิ้มออกมาเจื่อนๆก่อนที่จะยกมือทั้งสองข้างขึ้นพร้อมกับปีนลงมาจากเตียงและปล่อยคนที่อยู่ด้านล่างของเขาออก “พี่ชาย คุยกันดีๆก็ได้นะ”


หยางหลางก้มหน้าลงก็เห็นงูน้อยที่น่ารังเกียจของชายอ้วนจนเขารู้สึกอยากจะอ้วก ในเวลานั้นเองคุณธรรมสูงสุดก็ครอบงำจิตใจของเขา เขาจะใช้ประโยชน์จากคุณธรรมเพื่อตัดสินอีกฝ่ายและบังคับให้หยางโปเอาเงินมาให้เขาล้านหยวน ไม่สิ…ห้าล้าน…เอามาเลยสิบล้าน!!!


 


“หยางโปดูสิ่งที่แกทำตอนนี้สิ!” หยางหลางเห็นร่างที่สั่นคลอนอยู่ภายใต้ผ้าห่มก็พูดขึ้นมาด้วยความโมโห


“รีบเปิดตู้เซฟของแกแล้วเซ็นสัญญาซะไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน! ถ้าฉันเอาเรื่องนี้ไปประกาศให้คนอื่นรู้ แกลองคิดดูสิว่าแกจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?” หยางหลางพูดด้วยน้ำเสียงโมโห


ทันทีที่พูดจบหยางหลางกลับพบว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตอบกลับมา ‘หยางโป’ ที่กำลังร่างสั่นเทาอยู่ใต้ผ้าห่มค่อยๆโผล่หน้าออกมาในขณะที่เจ้าอ้วนที่คุกเข่าราวกับอ้อนวอนอยู่นั้นก็ลุกขึ้นมาเช่นเดียวกัน


“แกเป็นใครวะ?” ชายร่างผอมบางที่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มลุกขึ้นนั่งพร้อมกับมองหยางหลางด้วยความโมโห


เจ้าอ้วนที่ดูเหมือนว่าจะรู้สึกตัวอีกครั้งรีบพุ่งตัวเข้ามา “แม่งเอ้ย! นี่แกเป็นใครวะ? มาผิดห้องแล้วมั้ง!”


 


หยางหลางรอไม่ให้ชายที่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มลุกขึ้น ในเวลานั้นเองสมองของเขาก็ว่างเปล่าขึ้นมาทันที ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงแรงบางอย่างที่ผลักเขาจนกระเด็นลอยออกจากห้องนอน ทั้งหมัดและเท้ารวมถึงคำด่าทอต่างพลั่งพรูออกมาและที่สำคัญของที่อยู่ในกระเป๋าก็แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ


หยางหลางแอบด่าในใจ ‘ย้ายออกไปตั้งแต่ตอนไหนทำไมไม่บอกสักคำวะ!’


 


หลังจากที่หยางโปและคนอื่นๆนั่งลงที่โต๊ะแล้วชายหนุ่มก็นำน้ำชาเข้ามาเสิร์ฟให้กับพวกเขา


หยางโปเพิ่งสังเกตเห็นว่าตรงหน้าของทุกคนมีวัตถุโบราณวางอยู่ ซึ่งตรงหน้ามีทั้งเครื่องลายคราม เครื่องหยก นอกจากนี้ยังมีไม้แกะสลักและหยกขาวแกะสลักอีกด้วย


ตรงหน้าของแต่ละคนมีวัตถุโบราณวางอยู่ตรงหน้าคนละชิ้นสองชิ้น ส่วนคุณกาวที่พาพวกเขาเข้ามาก็มีขวดยานัตถุ์หนึ่งขวด


มีเพียงแค่พวกเขาสามคนเท่านั้นที่ไม่มีของอะไรวางอยู่ตรงหน้าเลย จึงทำให้หลังจากที่ทุกคนนำของออกมาวางตรงหน้าต่างก็พากันหันมามองหยางโปและคนอื่นๆด้วยความประหลาดใจ


 


หยางโปที่ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้ก็รู้สึกหน้าเจื่อนขึ้นมา แต่เจ้าอ้วนหลิวดูเหมือนว่าจะหน้าหนาอยู่บ้างจึงทำให้เขาไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านกับสายตาของคนเหล่านั้น ส่วนลัวย่าวหัวเองก็น่าจะรู้สึกเขินๆอยู่เช่นกันเขาจึงหยิบหยกกวนอิมที่แขวนอยู่ที่คอออกมาวางตรงหน้า


คุณกาวเห็นแบบนั้นก็หันมาถามเจ้าอ้วนหลิว “เถ้าแก่หลิว คุณทำการใหญ่ขนาดนั้นน่าจะมีของสักชิ้นสองชิ้นนะ”


เจ้าอ้วนหลิวกระแอ่มออกมาก่อนที่จะกระซิบ “ผมลืมเอามาน่ะครับ”


พูดจบเขาก็หยิบแหวนหยกออกมาวางตรงหน้า


 


หยางโปหันไปมองคุณกาว “คุณกาวครับ ของที่เอาออกมาจะต้องทำการแลกเปลี่ยนทุกชิ้นไหมครับ?”


“ใช่แล้ว ถ้าเอาออกมาวางก็จะต้องทำการแลกเปลี่ยนกันทุกชิ้น” ทันทีที่ได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย คุณกาวก็เห็นสีหน้าของลัวย่าวหัวที่เปลี่ยนไป เขาจึงรีบพูดขึ้นมาว่า “แน่นอนว่าการแลกเปลี่ยนก็ต้องหาราคาที่เหมาะสมกันด้วยและไม่ทำให้อีกฝ่ายเสียเปรียบ ถ้าหากมีราคาที่ต่างกันจริงๆ คุณอู๋ผู้ดำเนินรายการจะเป็นคนพูดเองและอีกฝ่ายจะต้องทำการจ่ายเพิ่มเพื่อชดเชยส่วนต่าง”


หยางโปพยักหน้า ก่อนที่เขาจะมาเขาไม่ได้เตรียมตัวหรือเตรียมอะไรมาเลย แต่การที่เขาทำธุรกิจด้านนี้ถ้าหากพูดไปว่าบนตัวไม่มีของดีอะไรเลยก็คงจะไม่มีใครเชื่อ จะให้เขานำกระจกแสงจันทร์ออกมาก็ไม่เหมาะสมเท่าไหร่ ถ้าเป็นหนังสือ《กวีนิพนธ์》ของราชวงศ์ถังก็น่าจะไม่มีใครมีปัญญาแลกเปลี่ยนกับเขา ยิ่งผ้าไหมเฉิงสุ่ยโป๋ยิ่งไม่ต้องพูดถึง


 


และของชิ้นสุดท้ายก็คงจะเหลือเพียงแค่เครื่องทองราชวงศ์ถัง


หยางโปหยิบกล่องออกมาก่อนที่จะหยิบปิ่นปักผมทองออกมาวางตรงหน้า


ทุกคนต่างพากันมองไปที่ของตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ เพราะของของลัวย่าวหัวและเจ้าอ้วนก็ยังจะพอเข้าใจอยู่บ้างเพราะของที่พวกเขานำมาสามารถเห็นได้ทั่วไป แต่ของที่หยางโปนำมามันทำให้คนต่างพากันเข้าใจผิด


หยางโปไม่ได้อธิบายอะไรมากเพราะถึงการแกะสลักจะเป็นไปอย่างประณีตแต่มันก็ยังห่างไกลกับของระดับสูงอยู่มาก ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉินโถวให้ของชิ้นนี้กับเขาเขาก็มองออกว่ามันไม่ใช่ของดีอะไร แต่เขาก็ไม่คิดที่จะพูดอะไรมากเพราะที่จริงเขาก็ได้เปรียบจากของชิ้นอื่นมากอยู่แล้ว


 


เมื่อพูดถึงเรื่องของราคาปิ่นปักผมในมือของหยางโปดูเหมือนว่าจะมีราคาที่แพงกว่าของที่อยู่ภายในนี้หลายชิ้นแถมมันยังเป็นของที่อยู่ในยุคเก่าแก่ที่นานกว่าของของคนเหล่านั้นด้วย


ในเวลานั้นเองชายวัยกลางคนคนหนึ่งก็เดินเข้ามาใบหน้าของเขาขาวโพลนแต่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “วันนี้มาช้าไปหน่อยขอโทษทีนะทุกคน”


“คนๆนี้คือคุณอู๋เป็นผู้จัดงานครั้งนี้ตึกแห่งนี้ก็เป็นที่ของเขาด้วย” คุณกาวกระซิบแนะนำ


หลังจากพูดทักทายอยู่ครู่หนึ่งคุณอู๋ก็หันมามองทั้งสามคน “เพื่อนใหม่ทั้งสามท่านคงจะเป็นคนที่คุณกาวแนะนำมาสินะครับ ยินดีต้อนรับทุกคนเลยนะ”


 


หยางโปและคนอื่นๆพยักหน้าตอบรับกลับไป


“เอาล่ะเพื่อไม่ให้เสียเวลา ตอนนี้ผมเห็นว่าทุกคนเอาของมาไม่น้อยเลย เอาเป็นว่าเรามาเริ่มทำการแลกเปลี่ยนกันเลยดีกว่า หวังว่าทุกคนจะมีความสุขและพึงพอใจกับสินค้านะครับ” คุณอู๋ยิ้ม


หยางโปหันมาหาเจ้าอ้วนหลิว “การแลกเปลี่ยนแบบนี้ไม่เลวเลยนะ ฉันคิดว่านายสามารถจัดงานที่ปักกิ่งและเทียนจินได้”


 


เจ้าอ้วนหลิวส่ายหน้า “งานพวกนี้เป็นของฟรีทั้งนั้นแหละถ้าจะเล่นของพวกนี้ได้อย่างน้อยๆก็ต้องมีสองเงื่อนไข อย่างแรกคือมีเงิน อย่างที่สองคือมีชื่อเสียง ถ้ามีสองอย่างนี้ถึงจะทำแบบนี้ได้”


หยางโปพยักหน้าก่อนที่จะหันไปมองคนที่นั่งอยู่ด้านในซึ่งตอนนี้เริ่มลุกขึ้นแล้วโดยวางของไว้บนโต๊ะและรอผู้คนเข้ามาเยี่ยมชมสินค้า และหากมีใครสนใจทั้งสองฝ่ายก็จะพูดคุยเจราจาเพื่อเข้าสู่กระบวนการแลกเปลี่ยนได้


ตอนที่ 246 ต้าเต๋อถาง


ลัวย่าวหัวหันมามองหยางโป “พวกเราแลกกันเองดีไหม?”


หยางโปมองหยกกวนอิมสีน้ำข้าว กวนอิมหยกสีน้ำข้าวของหยางหลางนั้นเป็นหยกในสมัยโบราณยุคราชวงศ์ชิง ราคาอยู่ที่หลักแสน และเป็นเพราะเขาไม่ทันได้ถามให้ละเอียดก่อนตอนนี้เขาเลยรู้สึกเสียดายขึ้นมา


“การแลกเปลี่ยนปลอมๆแบบนี้ไม่อนุญาตให้ทำที่นี่นะ” คุณกาวพูด


ทั้งสองคนชะงักไปก่อนที่จะหันไปหาเจ้าอ้วนหลิวราวกับจะพูดว่าทำไมคนที่เขาหามาถึงได้ตรงไปตรงมาขนาดนี้


เจ้าอ้วนหลิวเองก็ชะงักไปก่อนที่จะพูดต่อว่า “งั้นเราเดินไปหาอะไรดูกันสักหน่อยไหม?”


 


หยางโปพยักหน้าก่อนที่หยิบของของตัวเองเพื่อเดินไปด้านข้าง


หยางโปเห็นไม้แกะสลักชิ้นหนึ่งซึ่งเป็นรูปแกะสลักรูปของกวนกง การแกะสลักถือว่าดูธรรมดามากแถมยังเป็นรูปปั้นแกะสลักในยุคหมินกว๋อเขาจึงไม่สนใจมัน หลังจากนั้นเขาก็เห็นหยกสลักอีกชิ้นซึ่งเป็นรูปของพระสังกัจจายน์โพธิสัตว์ที่มีเอกลักษณ์แต่ในสมัยนี้หยกสลักราคาไม่ได้สูงเท่าไหร่นักเขาจึงไม่สนใจเช่นกัน


จู่ๆลัวย่าวหัวก็ดึงหยางโปก่อนที่จะชี้ไปที่ถ้วยลายนกกางเขนและต้นพลัมพร้อมกับถาม “ชิ้นนี้เป็นยังไงบ้าง?”


หยางโปหันไปมองเจ้าของก่อนที่จะพยักหน้าเพื่อเป็นการขออนุญาตหลังจากนั้นเขาก็หยิบถ้วยขึ้นมาก่อนที่จะดูด้านใต้ถ้วยซึ่งมีข้อความเขียนไว้ด้านล่างว่า ‘จูเหรินถางจื้อ’


 


ลัวย่าวหัวพูด “จูเหรินถางจื้อคืออะไรเหรอ? อยู่ในยุคไหนน่ะ?”


หยางโปยิ้ม “ยุคหมินกว๋อน่ะ ตัวจารึกนี้ก็คือถ้วยพอร์ชเลนหงเซี่ยนนั่นแหละ เป็นเพราะว่าหยวนซื่อค่ายทำงานและพักอยู่ที่จงหนานไห่จูเหรินถางน่ะ หลังจากที่เขาได้ครองบัลลังก์เขาก็ได้ส่งคนดูแลของเขาไปที่เมืองจิ่งเต๋อเจิ้น หลังจากนั้นก็ได้หลอมเครื่องลายครามขึ้นมาชุดนึงและเครื่องลายครามเหล่านั้นก็ใช้ตัวจารึกอันเดียวกันกับตัวนี้เนี่ยแหะ”


“แต่เครื่องลายครามหงเซี่ยนมีไม่เยอะอีกอย่างหยวนซื่อค่ายได้ครองบัลลังก์เพียงแค่ 83 วันเท่านั้น จึงทำให้มีของปลอมเกิดขึ้นในยุคหมินกว๋อเยอะมาก จนถึงตอนนี้ของแท้ที่ถูกส่งต่อๆกันมาก็เหลือน้อยมาก ในพระราชวังโบราณเองก็ยังไม่มีของแท้เก็บอยู่ในนั้นเลยสักชิ้น”


 


หยางโปพูดถึงตรงนี้ก็ยกถ้วยขึ้นมาดูอีกรอบหลังจากที่มั่นใจแล้วเขาก็หันไปพยักหน้ากับลัวย่าวหัวพร้อมกับชี้ไปที่หยกกวนอิมของเขา


เพียงไม่กี่วินาทีทั้งสองคนก็เข้าใจความหมายของอีกฝ่ายโดยที่ไม่ต้องพูดอะไร


หยางโปวางถ้วยในมือลงก่อนที่จะพูด “ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันแต่ถ้านายชอบจะแลกก็ได้นะเพราะมันก็ไม่ได้ต่างกันมากเท่าไหร่”


“พูดบ้าอะไรของนายห๊ะ!” ลัวย่าวหัวแสร้งทำเป็นโมโหขึ้นมา


“โอเคๆ ฉันพูดมั่วซั่วเอง” หยางโปยิ้มก่อนที่จะเดินไปด้านข้างเพื่อปล่อยให้ลัวย่าวหัวมีช่องว่างในการทำการแลกเปลี่ยน


 


ลัวย่าวหัวยืนอยู่ตรงหน้าถ้วยลายนกกางเขนและต้นพลัมก่อนที่จะพูดขึ้นมาว่า “คุณลองดูก่อนสิว่าหยกกวนอิมของผมเป็นยังไงบ้าง?”


อีกฝ่ายเป็นชายวัยกลางคนและพวกเขาเองก็เห็นแต่แรกแล้วว่าหยางโปและลัวย่าวหัวยืนอยู่หน้าของของพวกเขาเขาจึงพูดขึ้นมาว่า “นายไม่กลัวว่าจูเหรินถางจื้อชิ้นนี้ของฉันจะมีปัญหาเหรอ?”


ลัวย่าวหัวส่ายหน้า “จะมีหรือไม่มีปัญหาก็เป็นปัญหาในการประเมินของผมนั่นแหละครับ ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณหรอก”


“โอเค งั้นเรามาคุยกันก่อนก็แล้วกันนะ” อีกฝ่ายยิ้มออกมา


 


หยางโปที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลเห็นทั้งสองคนเริ่มเจรจากันแล้วเขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา หลังจากที่กวาดตามองไปรอบๆก็พบว่าของจำนวนมากมีราคาไม่ได้สูงมากนักและมีเพียงเครื่องลายครามหงเซี่ยนเท่านั้นที่จะทำให้ลัวย่าวหัวไม่ขาดทุน แถมยังได้กำไรเพิ่มมาอีกหน่อยด้วย และที่สำคัญคือถ้วยลายครามหงเซี่ยนเป็นของที่หาได้ยากมากหลังจากนี้ราคาจะปรับขึ้นสูงมากอย่างแน่นอน


หยางโปเคยดูข้อมูลมาบ้างแล้วและจากข้อมูลที่เจอก็ได้ระบุไว้ว่าเครื่องลายครามหงเซี่ยนถูกผลิตขึ้นมาหกพันกว่าชิ้น บางแห่งก็บอกว่ามีมากกว่าหลักพัน บางแห่งก็บอกมีไม่กี่ร้อย แต่ไม่ว่าจะยังไงราคาของมันก็จะปรับขึ้นสูงและเร็วขึ้นมากอย่างแน่นอน


 


หลังจากช่วยลัวย่าวหัวแล้วหยางโปก็หันไปมองหาวัตถุโบราณของตัวเองต่อ ของภายในนี้ส่วนใหญ่มีราคาที่ค่อนข้างต่ำและถ้าหากแลกกันคนที่เสียเปรียบก็คือเขาเอง


เขาวางปิ่นปักผมสีทองลงบนโต๊ะตรงหน้าก่อนที่จะนั่งลง จู่ๆคุณอู๋ก็เดินมานั่งข้างๆเขาโดยที่ไม่ทันให้หยางโปได้ตั้งตัว


เขาหยิบปิ่นปักผมขึ้นมาดูอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหันมาพูดว่า “ผมมีแจกันลายดอกไม้และเป็ดแมนดารินหลากสีอยู่ชิ้นนึงสนใจจะแลกเปลี่ยนกันไหม?”


 


หยางโปคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะสนใจปิ่นปักผมของเขาเขาจึงยิ้มพร้อมกับตอบกลับไป “งั้นขอดูหน่อยสิครับ”


คุณอู๋กวักมือเรียกเด็กหนุ่มที่เพิ่งจะมาเสิร์ฟชาให้กับเขา หลังจากกระซิบอยู่เพียงครู่เดียวเด็กหนุ่มคนนั้นก็รีบเดินออกไป


“ปิ่นปักผมทองนี่ไม่เลวเลยนะครับ” คุณอู๋พูด


หยางโปยิ้มก่อนที่จะพยักหน้าตอบรับ


“แจกันต้าเต๋อถางของผมชิ้นนั้นยิ่งไม่เลวเข้าไปใหญ่เลย เดี๋ยวถ้าคุณเห็นคุณก็จะรู้เองล่ะครับ” คุณอู๋พูดซ้ำอีกครั้ง


 


หยางโปไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้นเพราะเขารู้ดีว่าถ้าหากเห็นของตรงหน้าเขาก็จะรู้ในทันทีว่ามันจริงอย่างที่อีกฝ่ายพูดหรือเปล่า


ในเวลาอันรวดเร็วขวดแจกันลายดอกไม้และนกแมนดารินก็ถูกนำออกมา คุณอู๋หันไปพยักหน้าให้เด็กหนุ่มคนนั้นก่อนที่เขาจะนำมันมาวางด้านหน้าหยางโป


หยางโปหันกลับมาก่อนที่จะยกขวดแจกันขึ้นมาดู


“ต้าเต๋อถาง” ชื่อนี้มีความหมายของ 《นโยบายของรัฐบาล》ระบุถึงข้อควรระวังอีกทั้งถ้าหากไม่มีคุณธรรมอยู่ในจิตใจบุคคลผู้นั้นก็จะไม่สามารถดูแลและจัดการชาติได้ ซึ่งมันเป็นความหมายเกี่ยวกับหลักคุณธรรมขั้นสูง โดยช่วงที่มีการผลิตขึ้นมาเริ่มแรกคือยุคของคังซีแต่ยุคที่ผลิตออกมาเยอะที่สุดคือช่วงหมินกว๋อ


 


หยางโปยกแจกันขึ้นมาดูด้านใต้ก่อนที่จะพบว่าตัวอักษรทั้งสี่ตัวไม่มีขอบด้านนอก ตัวอักษรถูกเขียนไว้อย่างเรียบร้อย แต่ไม่มีเส้นแนวนอนในคำว่า ‘เต๋อ’ ตรงตำแหน่งที่เป็นตัวอักษร’ซิน’ด้านล่าง และไม่มีจุดตรงคำว่า ‘จื้อ’ ที่อยู่ตรงตำแหน่งคำว่าตัวอักษร ‘อี’ ซึ่งทำให้ตัวอักษรยังดูไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร


ภายในห้องมีแสงไฟสว่างแต่แสงไฟภายในห้องกับแสงอาทิตย์มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เช่นเดียวกันกับเวลาที่เลือกซื้อเสื้อผ้าในห้างสรรพสินค้า ภายใต้แสงไฟในห้างมันทำให้เสื้อผ้าดูสว่างและสดใหม่ แต่หลังจากที่ออกมาด้านนอกแล้วก็จะพบว่าสีของเสื้อผ้ามีสีที่ดรอปลงจากเดิม


เครื่องลายครามก็เช่นเดียวกัน หยางโปมองตัวอักษร ‘ต้าเต๋อถางจื้อ’ สี่ตัวที่อยู่ด้านล่างหากมองด้วยตาเปล่าก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้ามองให้ละเอียดก็จะพบว่าเส้นกลางของตัวอักษร ‘เต๋อ’ ดูเหมือนว่าจะถูกขูดออกไป


 


ทันใดนั้นหยางโปก็เห็นแสงปรากฏขึ้นก่อนที่จะรวมกันตรงที่คอขวดแจกันจนทำให้เขาเกิดอาการตกใจขึ้นมา เพราะรูปร่างตรงหน้ากำลังบอกเขาว่าแจกันต้าเต๋อถางนี้ถูกผลิตขึ้นในปียุคของคังซี!


ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่โกงเพื่อผลประโยชน์ในเวลานี้ ถึงได้สร้างความสับสนขึ้นมาได้ขนาดนี้


เครื่องลายครามต้าเต๋อถางที่ผลิตในช่วงหมินกว๋อมีราคาสูงสุดอยู่ที่สองสามหมื่นหยวน แต่ถ้าหากเป็นเครื่องลายครามที่อยู่ในยุคคังซีที่หาได้ยากมากจะมีมูลค่าถึงหลักแสน!


หยางโปหันไปมองคุณอู๋ก่อนที่จะวางขวดแจกันลง “ปิ่นปักผมอยู่ในยุคราชวงศ์ถังถ้ายึดจากราคาตลาดแล้วอย่างน้อยๆก็สามารถขายได้หลักล้าน แต่เครื่องลายครามต้าเต๋อถางชิ้นนี้มีราคาสูงสุดอยู่ที่สามหมื่น คุณอู๋นี่รู้จักทำธุรกิจเหมือนกันนะครับ”


 


ใบหน้าของคุณอู๋แข็งทื่อไป “พ่อหนุ่มดูให้ดีก่อนเถอะของชิ้นนี้เป็นของที่ทำได้อย่างประณีตมากอย่างน้อยๆก็สามารถทำราคาได้หลักแสน แต่ของที่นายมีอยู่มากสุดก็เป็นแค่ปิ่นปักผมในยุคราชวงศ์ชิงเท่านั้น มันจะไปถึงราชวงศถังได้ยังไงกัน?”


ได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้นหยางโปก็แอบดีใจขึ้นมา เพราะเขาคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะไม่รู้ประวัติความเป็นมาของเครื่องลายครามชิ้นนี้


เขายิ้ม “คุณอู๋จะเรียกเพื่อนมาดูก่อนก็ได้นะครับ ผมไม่ว่าอะไร”


คุณอู๋เกิดอาการลังเลและเขาเองก็ไม่อยากจะขายหน้าต่อหน้าหยางโปด้วยแต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะเรียกเพื่อนของเขาให้มาช่วยดูให้


 


ในเวลานั้นเองที่ลัวย่าวหัวได้ทำการแลกเปลี่ยนสิ้นสุดลงเขาเห็นหยางโปเองก็เริ่มทำการเจรจาแล้วจึงเข้ามาดูด้วย


ในขณะเดียวกันเจ้าอ้วนหลิวก็ได้ใช้แหวนหยกเพื่อแลกเปลี่ยนกับกำไรมรกต ตอนนี้สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและดีอกดีใจราวกับว่าได้ของดีและสามารถทำกำไรจากของชิ้นนั้นได้สำเร็จ


ตอนที่ 247 รีบกลับไป


เพื่อนของคุณอู๋ที่เดินเข้ามาดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่มีอายุมากที่สุดและดูเหมือนจะมีอายุหกสิบเจ็ดสิบปีแล้วด้วย


คุณหมาวเดินเข้ามาพร้อมกับแว่นหนาๆของเขาเวลาจ้องมองผู้คนก็ต้องหรี่ตาเพื่อมองให้ชัดเจน ตอนที่เขาจ้องปิ่นปักผมเขาก็หยิบแว่นขยายออกมาดูเพื่อให้ขยายให้ใหญ่ขึ้น หลังจากจ้องดูอยู่นานเขาก็เงยหน้าขึ้นมา


“ของชิ้นนี้น่าจะเป็นปิ่นปักผมทองในยุคราชวงศ์ถัง” คุณหมาวพูด


หยางโปชะงักไป โดยปกติแล้วคำว่า “น่าจะเป็น” จะไม่ใช้ในการสรุปการประเมินวัตถุโบราณเพราะถ้าหากประเมินแบบนี้มีโอกาสที่จะไม่แม่นยำด้วยเช่นเดียวกัน


 


คุณอู๋ในเวลานี้รู้สึกได้เกิดปัญหาขึ้นแล้วเขาจึงหันไปมองคุณหมาวพร้อมกับถามอีกครั้ง “คุณหมาว?”


“ลักษณะของปิ่นปักผมสีทองนี้เป็นรูปแบบของราชวงศ์ถัง อืม…ใช่แล้ว…อยู่ในราชวงศ์ถัง” คุณหมาวตอบ


หยางโปหันไปมองคุณหมาวก่อนที่จะยิ้มออกมา ชายผู้นี้ถือว่าเป็นคนจริงใจมากคนนึงเลย ถ้าหากมีประสบการณ์เล็กน้อยเขาคงจะต้องตอบกลับมาด้วยความมั่นใจอยู่แล้ว จะมีใครพูดคำที่ไม่ชัดเจนแบบก่อนหน้านี้กัน?


คุณอู๋ที่ดูเหมือนว่าจะคุ้นชินกับความสามารถของคุณหมาวได้ยินแบบนั้นก็คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเงยหน้ามอง


หยางโป “เอาล่ะฝั่งผมตัดสินใจได้แล้ว แล้วของคุณล่ะตกลงไหม?”


 


“ปิ่นปักผมทองนี้มีราคาหลักล้านแต่แจกันลายดอกไม้และนกแมนดารินต้าเต๋อถางของคุณมีราคาหลักหมื่น คุณอู๋ต้องจ่ายส่วนต่างให้ผมด้วยนะครับ”


คุณอู๋พยักหน้า “ได้ แน่นอนอยู่แล้ว”


หยางโปเห็นอีกฝ่ายตอบแบบนั้นก็ไม่พูดอะไรต่อ


คุณอู๋เริ่มทำการคิดคำนวณขึ้นมา “ของชิ้นนี้ถึงแม้ว่าจะเป็นของในยุคราชวงศ์ถัง แต่คุณสมบัติของรูปร่างก็ไม่ได้มีอะไรมากนักแถมยังไม่ได้ประณีตขนาดนั้น ดังนั้นฉันจะออกเงินเพิ่มให้อีกหกแสน แจกันต้าเต๋อถางของฉันมีความประณีตในเรื่องของลายเส้น สีเคลือบก็มีความมันวาวสดใหม่ แถมยังมีการเก็บรักษาอย่างดีราคาที่สามารถตั้งได้อยู่ที่หนึ่งแสนหยวน”


 


หยางโปแอบยิ้มขึ้นมาในใจแต่ปากก็ยังพูดต่อว่า “คุณอู๋พูดแบบนั้นดูเหมือนจะให้ค่าปิ่นปักผมของผมน้อยไปหน่อยนะครับ เครื่องทองในราชวงศ์ถังไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเก็บมาจนถึงตอนนี้ ความหายากของมันนี้ทำให้ราคาอยู่ที่แปดแสนครับ”


คุณอู๋ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้นมาว่า “ราคานี้สูงเกินไปแล้ว”


“ฉันว่าพวกคุณลองถอยออกมาคนละก้าวดีไหม” คุณกาวพูดแทรกขึ้น


หยางโปได้ยินแบบนั้นก็แอบชมอีกฝ่ายที่พูดประโยคนั้นขึ้นมาแต่สีหน้าของเขาก็ยังมีความลังเลแสดงให้เห็น


“นายว่ายังไงล่ะ?” คุณอู๋ถามหยางโป


 


“งั้นก็ตามนี้ก็แล้วกันครับ” หยางโปตอบ


ทั้งสองคนรีบทำการแลกเปลี่ยนของในมืออย่างรวดเร็วโดยที่คุณอู๋โอนเงินเพิ่มให้กับหยางโปอีกหกแสนหยวน!


ทันทีที่หยางโปได้ของมาเขาก็แอบเกิดอาการดีใจขึ้นมา แต่หลังจากที่หันไปด้านข้างแล้วก็พบว่ามีคนได้ไม้กฎษณาแกะสลักไปเขาก็เกิดอาการอยากจะซื้อมาเป็นของตัวเองอีกชิ้น


ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้น หยางโปวางของในมือลงก่อนที่จะกดรับ


“ฮัลโหล สวัสดีครับนี่ใช่คุณหยางโปรึเปล่า?”


หยางโปชะงักไป “สวัสดีครับผมหยางโป คุณคือ?”


 


“ผมโทรมาจากสถานีตำรวจเมืองจินหลิงอำเภอเสวียนอู่ถนนเฟิงอู่ครับ” อีกฝ่ายตอบ


หยางโปได้ยินแบบนั้นก็ชะงักไปเพราะเขาจำได้ว่านั่นเป็นเขตแถวบ้านของเขาเองและเขาก็ไม่เคยโทรหาหรือมีตำรวจติดต่อหาเขามาก่อน


“เอ่อครับ มีธุระอะไรรึเปล่าครับ?” หยางโปถาม


“คุณหยางครับ เมื่อคืนที่ผ่านมาพวกเราจับขโมยมาได้สองคนที่หมู่บ้านของคุณ พวกเขาใช้เชือกปีนเข้าไปในที่พักอาศัยชั้นเดียวกันกับที่พักของคุณครับ แต่สองคนนี้บอกว่าพวกเขาเป็นพ่อและพี่ชายของคุณและตั้งใจจะเข้าไปขโมยของในบ้านคุณแต่เกิดความเข้าใจผิดปีนเข้าไปผิดห้องครับ”


 


หยางโปชะงักอีกครั้งเขาทั้งโกรธและรู้สึกขำไปในเวลาเดียวกัน เพราะเขาคิดไม่ถึงว่าสองคนนี้จะสุดยอดจนถึงขั้นปีนมาขโมยของของเขา


“พี่ของผมชื่อหยางหลาง” หยางโปพูด


“ใช่ครับ ถ้าหากคุณมีเวลารบกวนมาที่นี่เพื่อเคลียร์เรื่องด้วยนะครับ ดูเหมือนว่าด้านนอกจะมีอีกคนรออยู่คิดว่าน่าจะเป็นแม่ของคุณครับ”


หยางโปพยักหน้า “ตอนนี้ผมอยู่ฉางอานเดี๋ยวคืนนี้จะรีบกลับไป แต่คิดว่ากว่าจะถึงจินหลิงก็อาจจะเป็นพรุ่งนี้เช้าครับ”


“ได้ครับ” อีกฝ่ายตอบ “ตอนนี้พวกเขาถูกจับข้อหาพยายามลักทรัพย์ ถ้าหากคู่กรณีไม่เอาเรื่องก็ยังมีโอกาสที่จะผ่อนปรนกันได้”


 


“ครับ ขอบคุณมากนะครับ” หยางโปตอบ


หลังจากวางสายหยางโปก็หันไปหาลัวย่าวหัว “เดี๋ยวคืนนี้ฉันต้องกลับจินหลิงแล้ว พ่อกับพี่ของฉันถูกจับ”


ลัวย่าวหัวตกตะลึง “ถูกจับได้ยังไง?”


“ขโมย” หยางโปกระซิบ “พวกเขาจะเข้าไปขโมยของที่ห้องฉันน่ะแต่ดันเข้าผิดห้องไปขโมยของของห้องด้านบนแทน”


ลัวย่าวหัวหัวเราะหึหึ “งั้นก็ควรจะกลับไปแหละ ฉันเองก็จะกลับด้วยเหมือนกัน น่าสงสารลุงอ้วนไม่มีคนอยู่เป็นเพื่อนแล้วสิเนี่ย”


 


เจ้าอ้วนหลิวได้ยินบทสนทนาของทั้งสอง แม้ว่าเขาจะไม่รู้เรื่องระหว่างหยางโปและครอบครัวของเขาแต่เขาก็ยังเข้าใจ “ไม่เป็นไร ถ้าพวกนายกลับเดี๋ยวฉันค่อยไปหาเพื่อนฉันก็ได้ “


หลังจากเสร็จเรื่องแล้วหยางโปและลัวย่าวหัวก็เรียกรถไปส่งที่สนามบินทันที ระหว่างทางหยางโปก็ทำการจองตั๋วเครื่องบินกลับจินหลิงผ่านโทรศัพท์มือถือในตอนนั้น


เพียงไม่นานในที่สุดหยางโปก็กลับมาถึงจินหลิงหลังจากลงจากเครื่องแล้วพวกเขาก็เรียกแท็กซี่ไปยังสถานีตำรวจทันที ตอนที่พวกเขาไปถึงเจ้าหน้าที่ยังคงทำงานกันอยู่แต่ก็มีคนที่เดินเข้าออกไปมาเพื่อเปลี่ยนเวรด้วย


 


ตำรวจหนุ่มคนหนึ่งที่เพิ่งจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จได้ยินหยางโปพูดว่ามารายงานตัวเขาก็รีบเดินออกมา “คุณหยางสินะครับ เมื่อคืนผมเป็นคนโทรหาคุณเองครับ”


หยางโปยื่นมือออกไปจับมืออีกฝ่ายเพื่อทักทายและขอบคุณ “ขอบคุณมากเลยนะครับ ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คุณต้องวุ่นวาย”


อีกฝ่ายยิ้ม “พวกเขาปีนลงมาจากชั้นสิบแปด แล้วก็คิดว่าประตูชั้นที่ห้าจะเป็นชั้นสิบสาม สรุปว่าเขาดันเข้าไปผิดห้องซึ่งเป็นห้องที่อยู่ด้านบนห้องของคุณ เขาทำการขโมยของซึ่งเป็นขวดแจกันประดับบ้านของคู่กรณีใส่กระเป๋าแล้วก็มีจานใส่อาหารอีกหนึ่งใบครับ”


 


หยางโปได้ยินแบบนั้นก็เข้าใจทันทีว่าหยางหลางคงคิดว่าตัวเองได้ของดีกลับไปเลยหยิบแจกันที่เป็นเพียงแค่ของประดับบ้านแถมยังหยิบจานกินข้าวของคนอื่นใส่ไปในกระเป๋าอีก


“พวกเขาบอกว่าลืมหยิบกุญแจมาก็เลยใช้วิธีการปีนแทน”


หยางโปชะงักไปและในเวลานี้เองที่เขาไม่อยากจะพูดเรื่องแย่ๆหรือใส่ไฟให้กับทั้งสองคน “ครับ พวกเขาไม่ได้เอากุญแจไป”


ตำรวจยิ้ม “ตอนนี้พวกเรากำลังพักอยู่ เดี๋ยวกลับมาจะทำการลงบันทึกประจำวัน คุณไม่ต้องห่วงนะครับ”


หยางโปยิ้ม


 


“แต่คนที่อยู่ห้องชั้นบนห้องของคุณก็ดูแปลกๆนะครับ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่ชายของคุณไปทำอะไรเอาไว้ อีกฝ่ายถึงได้ทำเหมือนอยากจะฆ่าสองพ่อลูกนี้ เขาพูดเรื่องที่เกิดขึ้นจนทำให้ดูร้ายแรงมาก หลังจากนี้ผมคิดว่าคุณคงจะต้องทำตามอีกฝ่ายว่าแล้วล่ะครับถ้าหากพวกเขาให้ความร่วมมือมันก็สามารถที่จะทำให้โทษเบาลงได้”


หยางโปพยักหน้า “ผมทำงานเกี่ยวกับธุรกิจวัตถุโบราณ พวกเขาคงจะเข้าไปหยิบวัตถุโบราณในบ้านของผมแต่ก็คงจะรู้เท่าไม่ถึงการเลยทำให้เข้าผิดชั้น”


อีกฝ่ายพยักหน้า “แบบนี้นี่เองสินะครับ”


ลัวย่าวหัวที่ยืนอยู่ข้างๆ จู่ๆก็ทำท่าจะเดินเข้าไปด้านใน ตำรวจคนนั้นเห็นเข้าก็รีบรั้งแขนอีกฝ่ายไว้ “คุณจะไปไหนครับ?”


 


ลัวย่าวหัวไม่ได้สนใจแต่หันไปมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า “พี่ข่ง!”


ชายคนนั้นที่กำลังจะเดินขึ้นไปด้านบนได้ยินเสียงเรียกก็รีบหันมา ทันทีที่เห็นลัวย่าวหัวเขาก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแปลกใจปนดีใจว่า “ลัวย่าวหัว! เป็นนายจริงๆด้วย!”


ตอนที่ 248 แก้ปัญหา


ลัวย่าวหัวเคยอยู่ในสายงานพวกนี้มาก่อนนอกจากนี้เป็นเพราะพ่อของเขาที่รู้จักคนเป็นจำนวนมากและเป็นเพราะเคยฝึกงานในตำแหน่งรากหญ้ามาก่อนจึงทำให้เขารู้จักกับผู้กำกับและหัวหน้างานจำนวนไม่น้อย


” อย่าเรียกผมแบบนั้นเลยครับ ผมลาออกตั้งนานแล้ว ” ลัวย่าวหัวเดินเข้าไป


ผู้กำกับข่งเดินเข้ามาพร้อมกับยิ้ม ” ลาออกแล้วแต่ก็ยังเป็นผู้บัญชาการลัวอยู่ดีนิ ! “


ผู้กำกับข่งเองก็ต้อนรับอย่างเป็นมิตรถึงแม้ว่าลัวย่าวหัวจะลาออกไปแล้วแต่เขาก็ยังสนิทกับอีกฝ่ายอยู่ดี พ่อของลัวย่าวหัวทำงานที่นี่มาหลายปีและเขาเองก็มีนักเรียนและเพื่อนเก่าของเขาอยู่ไม่น้อยและคนเหล่านั้นก็เป็นหัวหน้าของเขาอีกที เขาจึงต้องวางตัวอย่างระมัดระวัง


 


” ผู้บัญชาการลัวมาทำอะไรที่นี่เนี่ย ? ” ผู้กำกับข่งถาม


ลัวย่าวหัวชี้ไปที่หยางโป ” นี่เพื่อนของผมเองพ่อกับพี่ของเขาเพิ่งจะถูกจับมาเมื่อคืน พวกเราเลยต้องมาเคลียร์น่ะ “


ลัวย่าวหัวพูดแบบนี้ผู้กำกับข่งก็เข้าใจในทันที เรื่องการจับกุมคนเป็นเรื่องที่จะต้องนำมารายงานผ่านเขาก่อนแต่เขาไม่ได้เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเขาจึงหันไปถามตำรวจหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหยางโป ” เสี่ยวหวางเกิดอะไรขึ้น ? “


เสี่ยวหวางรีบอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นอีกรอบ


ผู้กำกับข่งได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นก็มองไปที่หยางโปด้วยสายตาและสีหน้าที่ยากจะคาดเดาได้ อันที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรแต่เมื่อมันเข้าสู่รูปคดีโทษฐานลักทรัพย์แล้วมันไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถปล่อยออกไปได้ง่ายๆ


 


หยางโปรู้ดีว่าอีกฝ่ายก็คงจะลำบากใจเขาจึงรีบพูดขึ้นมาว่า ” ผู้กำกับข่ง ตอนนี้ พวกเราแค่อยากจะดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างแล้วก็ดูว่าผู้เสียหายต้องการให้ชดใช้ตรงไหน ถ้าให้ดีก็อยากจะให้ลดโทษให้เบาลงน่ะครับ “


การดูแลเขามาตลอดเวลายี่สิบปีถ้าหากจะบอกให้เขาทอดทิ้งคนที่เคยดูแลเขามันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะฉะนั้น


หยางโปจึงทำได้เพียงแค่ช่วยอย่างเต็มที่


ผู้กำกับข่งพยักหน้า ” ความคิดของพวกคุณถูกต้องแล้ว เรื่องนี้ยังไงก็ต้องติดต่อกับผู้เสียหายก่อนและถ้าให้ดีก็ต้องให้พวกเขาให้การโดยใช้คำที่เบาที่สุด “


พูดจบผู้กำกับข่งก็หันไปหาเสี่ยวหวาง ” เสี่ยวหวางเรื่องนี้ฝากนายดูแลด้วยนะ หวังว่านายจะสามารถทำให้อีกฝ่ายยอมเจรจาแต่โดยดีได้นะ “


 


เสี่ยวหวางพยักหน้า ” ครับผม ! “


หลังจากพูดไม่กี่ประโยคผู้กำกับข่งก็ขอตัวออกไปก่อน หยางโปหันไปหาลัวย่าวหัว ” นายเองก็เหนื่อยมาทั้งคืนแล้ว ฝั่งนี้ไม่ต้องสนใจหรอก นายกลับไปพักผ่อนได้แล้ว เดี๋ยวถ้ามีอะไรฉันจะโทรหานายเอง “


ลัวย่าวหัวเองก็เหนื่อยแล้วเช่นเดียวกันเขาจึงพยักหน้าก่อนที่จะขอตัวกลับไปพักผ่อน


หลังจากที่ลัวย่าวหัวกลับไปแล้วหยางโปและเสี่ยวหวางก็เดินมาที่ด้านหน้าประตูซึ่งเขาก็เจอแม่ที่กำลังเดินถือแป้งทอดเข้ามา


ทันทีที่แม่เห็นหยางโปเธอก็หยุดเดินในขณะที่แป้งทอดในมือของเธอก็ร่วงลงไปอยู่ที่พื้น ” เสี่ยวโปกลับมาแล้วเหรอ ! “


 


พูดจบแม่หยางก็สะอึกสะอื้นออกมา


สองวันมานี้พ่อหยางและหยางหลางเจอแต่ปัญหาและมันทำให้แม่หยางเกิดความกดดันอย่างมาก แม้ว่าเธอจะรู้ว่าสามีและลูกชายของตัวเองเข้าไปลักขโมยของในบ้านหยางโปและเธอก็รู้สึกละอายใจ แต่ทันทีที่เห็นหยางโปแม่หยางก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา


ทันทีที่เขาเห็นแม่หยางร้องไห้และเห็นว่าอาหารเช้าของแม่มีแค่แป้งทอดเพียงแค่แผ่นเดียวเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกบีบหัวใจขึ้นมา ” แม่เข้าไปรอในสถานีตำรวจก่อนเถอะ เดี๋ยวผมเข้าไปพูดกับทางตำรวจก่อน แม่ไม่ต้องห่วงนะทุกอย่างจะเรียบร้อย “


แม่หยางพยักหน้า ” โอเคๆ “


 


พูดจบน้ำตาของแม่หยางก็ไหลลงมาอีกครั้ง


หยางโปไม่ได้พูดอะไรแต่เลือกที่จะเดินตามเสี่ยวหวางไปในทันที


หลังจากนั่งรถตำรวจเดินทางกลับมาถึงหมู่บ้าน หยางโปก็รู้สึกลังเลขึ้นมา อันที่จริงเขาก็ไม่อยากจะต้องเจอหน้าพ่อหยางและหยางหลาง แต่ในที่สุดเขาก็ต้องรีบกลับมาจนได้


หลังจากเสียบการ์ดแล้วหยางโปและเสี่ยวหวางก็ขึ้นลิฟต์มา เสี่ยวหวางหันมามองหยางโปด้วยความแปลกใจ ” คุณหยางทำงานเกี่ยวกับวัตถุโบราณแถมยังอาศัยอยู่ที่นี่ คงจะมีเงินเยอะมากแน่ๆ แต่ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะครับ ? “


 


หยางโปส่ายหน้า เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ อีกฝ่ายคงกำลังคิดว่ามีเงินมากขนาดนี้แต่ทำไมถึงไม่ให้เงินพ่อและพี่ชายของตัวเองจนทำให้พวกเขาทำเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้


หยางโปส่ายหน้า ” แต่ละครอบครัวก็มีเรื่องที่ยากเกินกว่าที่จะคาดเดาได้ บางเรื่องมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คุณคิดหรอกครับ “


หยางโปไม่ได้อธิบายต่อจากนั้นแต่เสี่ยวหวางเองถึงแม้ว่าอยากจะรู้รายละเอียดแต่เขาก็เลือกที่จะไม่ถามต่อ แต่รีบเดินขึ้นไปด้านบนอย่างรวดเร็ว


เสี่ยวหวางเคาะประตู ในเวลาอันรวดเร็วประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับชายร่างอ้วนท้วมที่เดินออกมา ” คุณตำรวจหวางยังมีเรื่องอะไรอีกเหรอครับ ? “


 


เสี่ยวหวางหันมาชี้ด้านหลังพร้อมกับพูด ” วันนี้ผมเชิญคุณหยางเจ้าของห้องที่อยู่ห้องด้านบนมาหาคุณครับ เขาอยากจะมาขอโทษเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ “


ชายคนนั้นมองออกมานอกประตู ” คุณตำรวจครับ ไม่ต้องแสดงความขอโทษหรอก เพราะตอนนี้ผมต้องการบทลงโทษสถานหนักเท่านั้น ! “


เสี่ยวหวางพูดโน้มน้าวใจ ” คุณจูครับทุกคนต่างก็อยากจะร่วมมือกับเรื่องนี้ หลังจากนี้ก็อาจจะยังต้องเจอหน้ากันอีก อีกอย่างคุณหยางเองก็รีบเดินทางกลับมาที่นี่เพื่อที่จะมาหาคุณเลยนะครับ “


คุณจูเงยหน้าก่อนที่จะพยักหน้า ” ก็ได้ งั้นเข้ามาก่อนก็ได้ “


 


หลังจากเดินเข้ามาด้านในหยางโปก็มองหน้าอีกฝ่าย ” คุณจูครับ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ผมเองก็รู้สึกละอายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกัน “


อีกฝ่ายมองหยางโป ” คุณหยางเองก็เป็นคนมีหน้ามีตา ทำไมถึงมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับคนในครอบครัวของคุณได้ล่ะ ? “


หยางโปยิ้มเจื่อนๆพร้อมกับส่ายหน้า ” คุณจูครับ พวกเราอาศัยอยู่ชั้นล่างเลยทำให้ไม่เคยเห็นหน้ากัน การที่เกิดเรื่องนี้ขึ้นทำให้ผมและคนได้มีโอกาสเจอหน้ากัน อันที่จริงก็ถือว่าเป็นเรื่องของโชคชะตาเหมือนกันนะครับ “


” ถ้าคิดว่ามันเป็นโชคชะตาก็ตามใจ แต่ผมไม่ต้องการ ” คุณจูพูด


 


หยางโปพยักหน้า ” แบบนี้นี่เอง “


” แต่เราก็ยังต้องรักษาความสัมพันธ์ที่มีอยู่นะครับ ” หยางโปพูดพร้อมกับกวาดตามองไปรอบๆ เขาเองก็รู้ดีว่าคำพูดพวกนี้มันไม่ได้ช่วยอะไรหรอก มีเพียงแค่เงินเท่านั้นแหละที่จะสามารถแก้ไขและชดเชยทุกอย่างได้


หยางโปหันไปมองแจกันดอกไม้สีแดงที่วางอยู่ข้างๆโทรทัศน์ในห้องรับแขก ซึ่งในแจกันมีดอกไม้ถูกเสียบเอาไว้อยู่ หลังจากมองเพียงแวบเดียวเขาก็เดินเข้าไป ” คุณจูนี่คือดอกอีหมี่ใช่ไหมครับเนี่ย ? “


คุณจูเกิดความแปลกใจขึ้นมาเพราะความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคนถือว่าไม่ได้มีความสนิทอะไรกันเลยสักนิด แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเขาก็พยักหน้าตอบกลับมา ดอกไม้นี่เป็นดอกไม้ที่เขาเห็นระหว่างทางเป็นเพราะมันสวยดีเขาจึงเด็ดกลับมา แต่เขาไม่ได้รู้เลยว่ามันคือดอกอะไร


 


หยางโปยิ้ม ” ดอกไม้นี้หายากมากเลยนะครับแถมยังมีราคาด้วย ถ้าหากผมขอแลกมันด้วยการซื้อดอกไม้นี้ในราคาสามหมื่นหยวนเพื่อเป็นการขอโทษคุณจะโอเคไหมครับ ? “


คุณจูหันมามองหยางโปพร้อมกับยิ้ม ความโกรธบนใบหน้าของเขาที่เคยมีอยู่ได้มลายหายไปจนหมด เพียงเพราะมีเรื่องเงินหลุดออกมาจากปากของเขา คุณหยางช่างเป็นคนที่เข้าใจคนอื่นซะจริงๆ


คุณจูมองหน้าหยางโป ” ราคานี้ต่ำไปหน่อยรึเปล่าครับ ของหายากแบบนี้ “


หยางโปจ้องอีกฝ่าย ” คุณจูครับ คุณตีราคาสูงไปรึเปล่า ราคาจริงๆของมันคุณเองก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้ว ที่จริงผมก็แค่อยากจะสมานฉันท์เท่านั้น เพราะหลังจากนี้เราจะได้ใช้ชีวิตกันต่อไปและทุกคนก็จะได้ไม่มีความบาดหมางต่อกัน “


 


สีหน้าของคุณจูเริ่มเจื่อนลง


เสี่ยวหวางรีบพูด ” ใช่ครับ เรื่องนี้ต้องรีบแก้ไขให้เร็วที่สุดนะครับ “


คุณจูลังเลก่อนที่จะพยักหน้าตอบตกลง ” ก็ได้ครับ “


หยางโปยิ้ม ” ครับ ถ้างั้นผมขอเอาพืชสีเขียวต้นนี้ไปเลยก็แล้วกันนะครับ เอ่อ ที่วางนี่ผมขอด้วยก็แล้วกันนะครับเพราะมันเข้าคู่กันพอดี “


คุณจูพยักหน้าโดยไม่ได้พูดอะไรอีก


ตอนที่ 249 ขอร้อง


ตำรวจเสี่ยวหวางรีบช่วยย้ายต้นไม้สีเขียวในขณะที่หยางโปย้ายชั้นวางที่ทำมาจากไม้เรดวู้ดออกมาก่อนที่จะเดินลงชั้นล่างไป


เสี่ยวหวางหันมาหาหยางโป ” ต้นไม้ถาดนี้มีราคามาก เดี๋ยวผมช่วยย้ายชั้นวางดอกไม้ให้ก็แล้วกันนะครับ “


หยางโปแม้ว่าจะรู้สึกถึงความหนักแต่เขาก็ส่ายหน้า ” อ๋อ ไม่เป็นไรครับ “


เสี่ยวหวางได้ยินอย่างนั้นก็ไม่ได้คะยั้นคะยอแต่เลือกที่จะถือต้นไม้ต่อ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าหยางโปเป็นคนฉลาดเพราะเขาเลือกซื้อของชิ้นนี้ในราคาสามหมื่นหยวนเพื่อเป็นการไถ่โทษและชดเชยเรื่องที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังเป็นการไว้หน้าอีกฝ่ายโดยที่ไม่ใช้เงินให้อีกฝ่ายแบบตรงๆ


 


หลังจากวางต้นไม้ลงในห้องรับแขกแล้วหยางโปก็หันมา ” คุณจูรอแป๊บนึงนะครับ เดี๋ยวผมไปหยิบเงินก่อน “


คุณจูพยักหน้า ” ได้ครับ “


หยางโปรีบเข้าไปในห้องก่อนที่จะหยิบเงินสดออกมาสามหมื่นหยวน ทันทีที่คุณจูเห็นเขาก็รีบลุกขึ้นจากโซฟาก่อนที่จะยื่นมือมารับ


หยางโปยังคงดึงเงินกลับมาพร้อมกับพูด ” พวกเรานับพร้อมกันตรงนี้เลยดีกว่านะครับ “


หยางโปวางเงินลงบนโต๊ะก่อนที่จะเริ่มหยิบกระดาษนำออกมาเขียน ระหว่างที่เขียนเขาก็หันไปมองอีกฝ่าย ” คุณจูรู้ไหมครับว่าอีหมี่ฮัวคืออะไร ? “


เขาส่ายหน้า ” ไม่รู้สิ “


 


” อีหมี่ฮัวเป็นต้นไม้เขตร้อนที่สามารถผลิดอกออกมาได้สามสีซึ่งสวยงามมากๆ แต่มันก็ยังมีพิษอยู่ในตัวเองด้วย ปกติแล้วจะมีอยู่ในเขตแอฟริกาทางฝั่งตะวันออก ในประเทศไม่ค่อยมีหรอกครับ ” หยางโปพูด


คุณจูที่นั่งอยู่บนโซฟาหน้าเจื่อนลง เรื่องเมื่อคืนทำให้เขารู้สึกอับอายมากแต่เป็นเพราะเงินของหยางโปจึงทำให้เขารู้สึกดีขึ้น ถึงมันจะไม่ได้เยอะแต่ก็ถือว่าไม่ได้น้อย ของชิ้นนี้มันก็เป็นแค่กระถางดอกไม้และจานรองเท่านั้นไม่ได้มีค่าอะไรมากนัก แพงสุดก็แค่พันแปดร้อยหยวนเท่านั้นแหละ ดังนั้นตอนที่หยางโปพูดเขาจึงไม่ได้โต้ตอบอะไร


หยางโปยิ้มก่อนที่จะเขียนรายการลงไปพร้อมกับถามอีกว่า ” คุณจูซื้อชั้นวางนี้มาจากที่ไหนเหรอครับ ผมรู้สึกว่ามันไม่ค่อยจะเหมาะกับดีไซต์บ้านของคุณเท่าไหร่เลย “


 


” ตอนที่ซื้อถาดวางต้นไม้น่ะครับ ผมก็เลยซื้อมันกลับมาด้วยที่ตลาดฮวาเหนี่ยวในราคาหมื่นกว่าหยวน “


หยางโปยิ้ม เขาไม่เชื่อหรอกว่าจะราคาเท่านี้จริงๆ เพราะถ้าหากมันราคาหมื่นกว่าหยวน อีกฝ่ายจะยอมขายให้เขาในราคานี้เหรอ? แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่ยังคงก้มหน้าเขียนรายละเอียดและข้อตกลงในการตกลงกันของทั้งสองฝ่าย


คุณจูอ่านข้อความก่อนที่จะเซ็นยอมรับแล้วขอตัวกลับห้องไป


เสี่ยวหวางนั่งอยู่ครู่หนึ่งก็ขอตัวกลับไปเช่นเดียวกัน


ระหว่างที่หยางโปกำลังนั่งอยู่บนโซฟาเขาก็รู้สึกได้ถึงความเบื่อหน่าย มันไม่ใช่ความรู้สึกสับสนแต่มันเป็นความรู้สึกที่ไม่ดีเลย เขารีบกลับมาจากฉางอานโดยไม่ได้พักผ่อน ความเหนื่อยล้าที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้หลายวันก็ยังไม่หายดี มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะรู้สึกแบบนี้


 


แต่หลังจากที่หันกลับไปมองชั้นวางหยางโปก็ยิ้มออกมา


อีกฝ่ายได้มันมาจากตลาดฮวาเหนี่ยวแต่คงจะนึกไม่ถึงว่ามันจะมีราคา ไม้ที่เอามาทำเป็นที่วางแจกันนี้ไม่ใช่ไม้ที่หาได้ทั่วไปแต่มันเป็นไม้จื่อถานที่มีราคา !


ก่อนหน้านี้หยางโปไม่ได้คิดอยากจะแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้ เขาอยากจะควักเงินแล้วให้อีกฝ่ายต่อหน้าเลยด้วยซ้ำ แต่หลังจากที่เขาเห็นไม้จื่อถานชิ้นนี้ เขาก็เปลี่ยนใจและคิดไม่ถึงด้วยว่าอีกฝ่ายจะไม่รู้เรื่องนี้ จึงทำให้การแลกเปลี่ยนของเขาบรรลุเป้าหมายได้อย่างง่ายดาย


 


หยางโปย้ายชั้นวางดอกไม้ไปที่ห้องทำงานของเขาก่อนที่จะดูมันอย่างละเอียดอีกครั้ง และพบว่ามันมีรอยขูดจำนวนไม่น้อยเลย เขาเองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียดายขึ้นมา ของชิ้นนี้มีราคาอย่างน้อยๆ 4-5 แสนหยวน แต่ถ้าหากมีรอยขีดข่วนก็อาจจะเหลือแค่ครึ่งราคา แถมเส้นที่เป็นรอยข่วนแต่ละเส้นยังมีราคาหลายร้อยหยวนด้วย !


หยางโปหยิบผ้าสะอาดขึ้นมาปูเอาไว้ก่อนที่จะวางมันลง


หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเขาก็รีบเดินทางไปที่สถานีตำรวจทันที


เขาเจอแม่หยางอีกครั้งแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าแม่หยางจะดีขึ้นมาแล้ว หลังจากที่เจอหน้าหยางโปแม่หยางก็ยังคงร้องไห้ไม่หยุด เขาจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากปลอบใจแม่หยางให้ใจเย็นลง อีกทั้งยังบอกแม่หยางด้วยว่าคู่กรณีไม่คิดจะเอาเรื่องพ่อหยางกับหยางหลางแล้วและคดีนี้ก็จะได้รับโทษสถานเบาเท่านั้น


 


แม่หยางรีบเงยหน้าขึ้นพร้อมกับพูด ” งั้นถ้าคู่กรณีไม่เอาเรื่องแล้ว พ่อกับหยางหลางจะอยู่ในนั้นแค่ไม่กี่วันใช่ไหมลูก ? “


หยางโปส่ายหน้า ” คดีบุกรุกและลักทรัพย์สินไม่ได้เหมือนกับคดีลักขโมยทั่วไป ถ้าหากขโมยตามถนนแต่ไม่สำเร็จก็อาจจะถูกคุมประพฤติแต่ถ้าหากบุกรุกโทษจะไม่เหมือนกัน “


พูดจบหยางโปก็เงียบไป หลังจากที่เขารู้ว่าตัวเองเป็นลูกบุญธรรมความรู้สึกของเขาที่มีต่ออีกฝ่ายก็เริ่มห่างเหินมากขึ้น เขาเองก็รู้ดีว่าทำไมพ่อและแม่ถึงเลือกที่จะทำดีกับหยางหลางมากกว่าเขา อีกอย่างเขาก็รู้ดีว่าแม่หยางไม่มีทางเชื่อเขาได้อย่างสนิทใจอย่างแน่นอน


” แม่ ผมว่าพวกเราไปถามผู้กำกับดูก่อนก็แล้วกัน ” หยางโปพูด


 


แม่หยางไม่รู้ว่าหยางโปรู้จักกับผู้กำกับข่ง ตอนนี้เธอเองก็หมดหนทางแล้วจึงทำได้เพียงแค่พยักหน้าตอบกลับไป ” โอเคๆ พวกเราลองไปขอร้องให้เขาช่วยกันเถอะ ให้เขาช่วยพ่อกับพี่ชายของลูกออกมา ” แม่หยางพูด


หยางโปได้ยินแบบนั้นก็รู้ทันทีว่าแม่ของเขาไม่ได้รู้เรื่องที่เขารู้จักกับผู้กำกับ เขาจึงพูดไปว่า ” โอเค งั้นพวกเราไปกันเถอะ “


ก่อนหน้านี้หยางโปรู้จักห้องทำงานของผู้กำกับข่งแล้ว จึงทำให้เขาสามารถเดินไปถึงที่ห้องได้อย่างสบายโดยไม่มีใครมาดักทางเขาไว้ หลังจากเดินมาถึงหน้าห้องเขาก็เคาะประตูเรียก


” เชิญครับ “


หลังจากเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าผู้กำกับข่งนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเขา หยางโปเดินเข้ามาพร้อมกับสีหน้าเกรงใจ ” ผู้กำกับข่งครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับที่รบกวน “


 


” อ้าว น้องหยาง นั่งก่อนสิ ! นั่งก่อน ! ” อีกฝ่ายต้อนรับอย่างเป็นกันเอง


พูดจบเขาก็เดินไปหยิบแก้วน้ำชามาก่อนที่จะรินชาใส่แก้วให้ทั้งสองคน


หยางโปยกมือขึ้นก่อนที่จะพูด ” ไม่ต้องก็ได้ครับผู้กำกับ “


” ดื่มก่อนเถอะ ด้านนอกหนาวจะตายดื่มก่อนเถอะร่างกายจะได้อุ่นๆ ” อีกฝ่ายพูด


หยางโปยิ้มก่อนที่จะรีบกล่าวขอบคุณ


แม่หยางร้อนใจจนเอ่ยปากขึ้นมาโพล่งๆว่า ” ผู้กำกับคะ คุณช่วยดูหน่อยเถอะค่ะว่าสามีกับลูกของดิฉันจะออกมาได้ตอนไหน ? “


 


อีกฝ่ายชะงักโดยไม่ได้ตอบ แต่หันมามองหยางโป ” ไปคุยมาแล้วเหรอครับ ? “


หยางโปพยักหน้า ” เรียบร้อยแล้วครับ อีกฝ่ายยอมยกโทษให้แล้วครับ “


ผู้กำกับพยักหน้าก่อนที่จะมองหน้าหยางโป ถึงแม้ว่าคดีนี้จะยังไม่ได้รับการจัดการแต่เขาก็รู้ดีว่าคู่กรณีคงจะเกรงใจหยางโปจนทำให้เขาสามารถเคลียร์ได้รวดเร็วขนาดนี้ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ


” ถ้าสามารถเคลียร์ได้แล้ว งั้นพวกเราก็จะดำเนินการขั้นต่อไป ” อีกฝ่ายมองหยางโป


” รบกวนหน่อยนะครับผู้กำกับ ” หยางโปพูด


 


” มันเป็นงานทั้งนั้นแหละครับ ” ผู้กำกับตอบก่อนที่จะหันไปหาแม่หยาง ” พวกเราเป็นคนกันเองทั้งนั้นถ้างั้นผมขอพูดตรงๆเลยนะครับ คดีบุกรุกและลักทรัพย์ไม่เหมือนกับคดีลักทรัพย์ทั่วไป และมันจะต้องอ้างตามกฎหมายและระเบียบการนะครับ “


” แต่พวกเขาไม่ได้ขโมยของมีค่าอะไรเลยนะคะ ” แม่หยางเริ่มกังวล


อีกฝ่ายส่ายหน้า ” มันเป็นกฎครับ พวกเราไม่สามารถทำอะไรได้ “


แม่หยางหันมามองหยางโปก่อนที่จะใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้ถูวนไปมา


 


หยางโปส่ายหน้า เขารู้ดีว่าแม่หยางต้องการจะให้เขายัดเงินใต้โต๊ะให้อีกฝ่าย แต่หยางโปไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ ถ้าหากอีกฝ่ายสามารถช่วยได้จริงๆ ในฐานะของคนรู้จักของลัวย่าวหัวแล้ว เขาก็ต้องช่วยอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องใช้เงินเพื่อแก้ปัญหาพวกนี้


ตอนนี้หยางโปเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าภายในใจของเขามันกำลังเกิดความปั่นป่วนอะไรขึ้นกันแน่ ! ! !


ตอนที่ 250 จบปัญหา


ที่ผู้กำกับข่งพูดเขาแสดงให้เห็นชัดแล้วว่าเขาไม่มีอิทธิพลที่จะเข้าไปยุ่งกับคำพิพากษาของศาลได้ นอกจากนี้เขาก็ยังตอบกลับมาอีกว่า ” อาจจะจำคุก 1 ปีครับ “


แม่หยางลังเลอยู่นานโดยไม่ได้พูดอะไร ตอนนี้เธอรู้สึกได้ว่าเธอไม่มีหน้าที่จะไปเจอใคร หลังจากเงียบไปพักใหญ่แม่หยางก็เงยหน้ามองผู้กำกับ ” พวกเราขอไปเจอพวกเขาหน่อยได้ไหมคะ ? “


ผู้กำกับลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้า ” ได้ครับ “


ในเวลาอันรวดเร็วผู้กำกับก็พาแม่หยางและหยางโปไปที่ห้องขัง


 


ภายในห้องเล็กๆ สองพ่อลูกกำลังนั่งด้วยท่าทางอิดโรยตอนนี้ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยหนวดเครารุงรัง มองจากจุดนี้พวกเขาพ่อลูกมีใบหน้าที่เหมือนกันมาก ในขณะที่หยางโปไม่มีอะไรที่เหมือนพวกเขาเลยสักนิด


พ่อหยางเงยหน้าขึ้นมองหยางโปที่กำลังพยุงแม่หยางเข้ามาด้านใน ทันทีที่เห็นหยางโปเขาก็รีบลุกขึ้นพร้อมกับตะโกนด่า ” มันเป็นเพราะไอ้เด็กนอกคอกนี่คนเดียวเลย ถ้าแกตอบตกลงแล้วเอาเงินมาให้ฉันแต่แรกพวกเราก็ไม่ต้องทำเรื่องแบบนี้ ! ! ! “


หยางโปที่ความอดทนถึงขีดจำกัดได้ยินดังนั้นก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า ” ถ้าคุณยังพูดอีกแค่คำเดียว เราขาดกัน ! “


 


พ่อหยางได้ยินอย่างนั้นก็ชะงักไปพร้อมกับจ้องอีกฝ่ายโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ความจองหองที่มีอยู่ก็มลายหายไปในทันที


หยางหลางที่อยู่ด้านหลังก็รีบกระตุกแขนพ่อหยางเพื่อให้นั่งลง


หลังจากที่ถูกหยางหลางดึงให้นั่งลงเขาก็หันกลับไปพูดกับลูกชายของตนเองต่อว่า ” ก็ถ้าไม่ใช่เพราะแก แกคิดว่าพวกเราจะทำเรื่องแบบนี้รึไง ? “


หยางหลางกรอกตามองบน ” นี่พ่อจะโทษฉันอย่างงั้นสิ ? “


” ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อเห็นด้วย ฉันจะลากพ่อขึ้นไปที่นั่นได้ยังไง ? ถ้าพ่อไม่


เออออไปกับฉัน ฉันจะขึ้นไปบนนั้นคนเดียวได้ยังไง ? ” หยางหลางพูด


 


พ่อหยางได้ยินแบบนั้นก็ไม่สบอารมณ์ขึ้นมาในทันที ” แก ! ไอ้ลูกเวร ! ! ! “


แม่หยางรีบเดินเข้ามาก่อนที่จะจับหน้าอกพ่อหยางพร้อมกับพูดขึ้นว่า ” คุณใจเย็นๆก่อน “


พูดจบเธอก็หันไปดุหยางหลาง ” ลูกก็หยุดพูดได้แล้ว ! “


” เสี่ยวโปเองก็ต้องรีบมาจากต่างจังหวัดเพื่อมาที่นี่ เขาอดหลับอดนอนทั้งคืนเพื่อไปชดใช้ค่าเสียหายให้กับคู่กรณี แถมยังไปเจรจาขอความเห็นใจอีก มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนะ ! ” แม่หยางพูด


หยางหลางได้ยินแบบนั้นก็หันไปมองหยางโป ” งั้นพวกเราก็ออกไปได้แล้วสิ ? “


ดวงตาของพ่อหยางเริ่มมีประกายแวววาวพร้อมกับจ้องไปที่หยางโป


 


หยางโปส่ายหน้าโดยไม่ได้พูดอะไร เขารู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร สองคนนี้ก็ไม่มีทางที่จะพอใจเขาอยู่ดี


” น่าจะหนึ่งปี ” แม่หยางพูดเสียงเบา


” หนึ่งปีอะไร ? ” พ่อหยางหันมาถาม ” พวกฉันยังไม่ได้ขโมยของอะไรซะหน่อย มากสุดก็แค่กักตัวไว้ไม่ใช่เหรอ ! ! ! “


” ด้านนอกบอกว่าการลักทรัพย์โดยการบุกรุกมันไม่เหมือนกับคดีลักทรัพย์ธรรมดา ” แม่หยางพูด


หยางหลางได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกร้อนใจขึ้นมา ” เสี่ยวโป นายมีเพื่อนสนิทที่พ่อเป็นผู้อำนวยการไม่ใช่เหรอ ? เขาต้องช่วยพวกเราได้แน่ๆ ให้เขาช่วยเปลี่ยนเป็นคุมพฤติกรรมไม่ก็เป็นกักบริเวณก็พอ เขาต้องทำได้แน่ๆ “


 


หยางโปส่ายหน้า ” พ่อของเขาโยกย้ายตำแหน่งไปแล้ว มันเปลี่ยนอะไรไม่ได้หรอก “


พูดจบหยางโปก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขารู้ดีว่าถ้าหากเขาพยายามก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ เพียงแต่เขาไม่คิดจะทำเรื่องแบบนี้ก็เท่านั้น


” หยางโปแกมันเจ้าเล่ห์ ! ไอ้บ้าเอ้ย ! เปลี่ยนไม่ได้อะไรวะ ! มันต้องทำได้ ! ต้องทำได้สิวะ ! ฉันไม่ยอมติดคุกแน่ๆ ! ฉันจะออกไป แล้วต้องออกไปตอนนี้ด้วย ! ! ! ” หยางหลางตะโกนได้ความโมโห


หยางโปเดินออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมามองอีก เขารู้สึกผิดหวังกับสองพ่อลูกนี้มาก และเขาไม่อยากจะเห็นหน้าคนพวกนี้อีก แค่ได้ยินว่าสองพ่อลูกนี้ถูกจับเพียงเพราะต้องการจะเข้าไปขโมยของในบ้านของเขา เขาก็แทบอยากจะเป็นบ้าอยู่แล้ว ช่างเป็นพ่อลูกที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ! ! !


 


ท่าทางของพวกเขายิ่งทำให้หยางโปรู้สึกหมดความอดทนและไม่คิดจะสนใจ ครั้งนี้แหละที่เขาจะปล่อยให้สองคนพ่อลูกได้รับบทเรียนที่แท้จริงสักที !


ภายในห้องเงียบเสียงลงแล้วในขณะที่หยางหลางนั่งลงอย่างไร้เรี่ยวแรง ใบหน้าของเขาในเวลานี้เต็มไปด้วยความสับสน ในเวลาอันรวดเร็วน้ำตาก็ไหลลงมาอาบแก้ม ” แม่…ผมยังไม่มีเมียเลยทำไมผมต้องมาอยู่ในนี้ด้วย ? ถ้าผมติดคุกแบบนี้หลังจากนี้ผมคงจะหาเมียยากแน่ๆ แม่อยากให้ผมเป็นแบบนี้ไปทั้งชีวิตเลยเหรอ ? “


แม่ได้ยินแบบนี้ก็ร้องไห้ออกมา


หยางหลางรีบเช็ดน้ำตาก่อนที่จะพูดตะคอกขึ้นมาว่า ” แม่รีบไปขอให้หยางโปช่วยสิ ! รีบไปหามัน มันต้องมีทางออกและช่วยเราได้แน่ๆ ให้มันจ่ายเงินไปสิสักแสนสองแสน ไม่ก็ล้านนึงไปเลย ! ! ! ถ้ามันจ่ายเงินให้คนพวกนั้นพ่อกับผมต้องออกไปได้แน่ๆ ! ! ! “


 


แม่หยางน้ำตาไหลลงอาบแก้ม หยางหลางรู้ดีว่าตอนนี้แม่คงจะรู้สึกหนักใจ คนนึงก็ลูกชายแท้ๆ ส่วนอีกคนก็เป็นลูกที่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก ความสมดุลที่อยู่ในใจมันต้องไม่เท่ากันอยู่แล้ว


พ่อหยางนั่งลงพร้อมกับเปล่งเสียงหึออกมา ” หึ ! ไอ้เด็กเวร ! ! ! ก็แค่ติดคุกแค่ปีเดียว ฉันใช้มาทั้งชีวิตอะไรที่กินได้ฉันก็กินมาหมดแล้ว เหลือแต่ข้าวในคุกนี่แหละที่ยังไม่เคยกิน ! ! ! “


แม่หยางไม่ได้พูดอะไรแต่เลือกที่จะวิ่งออกไปทันที เธอต้องไปหาหยางโป ต้องให้หยางโปจ่ายเงินเพื่อพาสองคนนี้ออกมา ! ! !


” อ้าวคุณป้าออกมาแล้วเหรอครับ ? “


 


แม่หยางเงยหน้าขึ้นก็พบกับสารวัตเสี่ยวหวางที่ยืนอยู่ด้านหน้า


เธอรีบเช็ดน้ำตาพร้อมกับพูด ” เสี่ยวหวาง ขอบคุณมากนะ ขอบคุณจริงๆ “


” ไม่เป็นไรหรอกครับคุณป้า “เสี่ยวหวางยิ้ม ” คุณป้าจะไปหาคุณหยางเหรอครับ ? “


แม่หยางพยักหน้า ” ใช่ๆ เขาไปไหนแล้วล่ะ ? “


” ไม่รู้สิครับ แต่เขาทิ้งอันนี้เอาไว้ให้คุณป้าด้วยนะครับ ” เสี่ยวหวางพูดจบก็หยิบจดหมายสีเหลืองยื่นให้


 


แม่หยางรับจดหมายมาก็ต้องชะงักไปในทันที เพราะภายในซองมีของที่บรรจุอยู่แถมยังดูหนามากอีกด้วย ทันทีที่เปิดซองจดหมายก็พบว่ามีเงินสามหมื่นอยู่ในนั้น แม่ของเขาเห็นเงินก็ยืนนิ่งไปพร้อมกับความรู้สึกสับสนที่เกิดขึ้นภายในใจ


หลังจากเสร็จเรื่องหยางโปก็หาโรงแรมเพื่อเข้าไปพักผ่อน เรื่องนี้เขาไม่คิดที่จะออกหน้าอยู่แล้ว ที่เขาให้เงินนั้นไปแม่หยางเองก็น่าจะเข้าใจความหมายที่เขาต้องการจะบอก เพราะเงินจำนวนนั้นมันคือเงินที่จะให้แม่หยางเอาไว้ใช้ในช่วงระยะเวลาหนึ่งปีต่อจากนี้


 


หลังจากที่หลับไปเขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปนานมากขนาดไหนแล้ว ทันทีที่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเขาก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นจากเตียง ตอนนี้เขารู้สึกแปลกใจมากว่าเขาอาจจะไม่สบายแล้วในเวลานี้


เขาหยิบโทรศัพท์บนหัวเตียงก่อนที่จะกดโทรไปที่หน้าเคาท์เตอร์ ” ผมไม่สบาย ช่วยโทรหารถพยาบาลให้หน่อยครับ “


พูดจบเขาก็เอนตัวลงบนเตียงอีกครั้ง


สมองของเขาหนักอึ้งไปหมด ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนร่างกายของตัวเองกำลังลอยอยู่บนอะไรสักอย่างแถมยังไม่รู้ด้วยว่ามันจะลอยไปไหน


 


ความรู้สึกเย็นเฉียบสัมผัสเข้ากับตัวเขาจนเขารู้สึกสบายตัวขึ้น ก่อนที่จะหลับไปและไม่รู้สึกอะไรอีก


หลังจากลืมตาขึ้นมาอีกครั้งหยางโปก็เห็นลัวย่าวหัวนั่งอยู่ข้างเตียงพร้อมกับใครบางคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ห่างออกไปไม่ไกลซึ่งกำลังก้มหน้างีบอยู่


ทันทีที่เห็นว่าหยางโปรู้สึกตัวแล้วลัวย่าวหัวก็เงยหน้าขึ้น ” ตื่นแล้วเหรอ ! “


หยางโปยิ้มด้วยสีหน้าที่ดีขึ้นแต่ก็ยังรู้สึกไม่มีแรงที่จะลุกขึ้นมา


หลังจากที่ได้ยินเสียงดังขึ้นชายอีกคนที่นั่งสัปหงกอยู่ก็ตื่นขึ้นมาด้วยท่าทางสลืมสลือ ทันทีที่เห็นว่าหยางโปตื่นแล้วเขาก็รีบเดินเข้ามา ” อ้าว ตื่นสักทีนะ “


หยางโปเห็นชุยอี้ผิงมาที่นี่ก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมา…ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะเนี่ย ?


ลัวย่าวหัวยิ้ม ” ฉันกับอี้ผิงมานั่งเฝ้านายทั้งวันทั้งคืนเลยนะ “

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม