เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก 241-248

 ตอนที่ 241 รูป 


 


 


สวีอิ๋งอิ๋งกินข้าวเสร็จก็เดินตามเหยียนเฟิงออกมา 


 


 


คุณแม่เหยียนเห็นว่าสวีอิ๋งอิ๋งไม่ได้ไม่พอใจอะไรในตัวเหยียนเฟิงก็วางใจ 


 


 


ในหลายครอบครัวที่พี่น้องแก่งแย่งทรัพย์สมบัติกัน มีจำนวนเกินครึ่งที่โดนภรรยายุยงส่งเสริม เมื่อเห็นว่าสวีอิ๋งอิ๋งและเหยียนเฟิงเข้ากันได้ดี คุณแม่เหยียนก็วางใจว่าต่อไปเหยียนเค่อและเหยียนเฟิงจะพูดคุยกันได้อย่างสงบ 


 


 


สวีอิ๋งอิ๋งเดินตามเหยียนเฟิงออกมา เร่งฝีเท้าขึ้นเพื่อตามเขาให้ทัน 


 


 


“เหยียนเฟิง ช้าหน่อยสิ” 


 


 


เหยียนเฟิงหยุดเดินแล้วหันกลับไปมองเขา คิ้วขมวดขึ้นโดยไม่รู้ตัว ผู้หญิงคนนี้อยากจะบอกคนทั้งโลกว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ลับๆ กันหรืออย่างไร ทำไมถึงโง่เง่าได้ถึงขนาดนี้ 


 


 


“ในที่สุดพี่ก็หยุด” สวีอิ๋งอิ๋งคว้าแขนของเขาไว้ 


 


 


เหยียนเฟิงเบี่ยงหลบอย่างเบื่อหน่าย “เธอรู้ไหมว่าเราต้องคอยหลบ ถ้าพ่อแม่ฉันเห็นแล้วพวกท่านจะว่ายังไง” 


 


 


“พี่อย่าโกรธสิ” สวีอิ๋งอิ๋งเห็นสีหน้านิ่งขรึมของเขา ก็กลัวจนถอยหลังไปสองก้าว เอ่ยขึ้นอย่างน้อยอกน้อยใจ “ฉันเข้าใจแล้ว จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว” 


 


 


เหยียนเฟิงเห็นท่าทางของเธอจึงเพิ่งรู้ตัวว่าปฏิกิริยาของตนรุนแรงเกินไปจนเกือบจะแสดงสิ่งที่อยู่ภายในใจออกมา จึงยกมือขึ้นลูบหัวเธอแล้วแสร้งทำเป็นหึงหวง “เธอไม่ต้องกลัวฉันหรอก ฉันก็แค่คิดถึงตอนที่เธอต้องแต่งงานกับเหยียนเค่อแล้วก็ห้ามตัวเองไม่อยู่น่ะ” 


 


 


“พี่หึงเหรอเนี่ย” สวีอิ๋งอิ๋งได้ยินเช่นนี้ก็มองเขาอย่างประหลาดใจแล้วดึงแขนเขาไว้ 


 


 


เหยียนเฟิงเบือนหน้าหนีอย่างขัดเขิน ไม่ให้เธอได้สบตากับเขา 


 


 


สวีอิ๋งอิ๋งอ้อมไปด้านหน้าเพื่อมองหน้าเขา ก่อนจะแย้มยิ้ม “หึงจริงๆ เหรอเนี่ย” 


 


 


“หยุดพูดเลย ถ้าพูดอีกฉันจะโกรธแล้วนะ” เหยียนเค่อโมโหกลบเกลื่อนความเขินอายแล้วดันหัวเธอออก “ไปแล้วนะ กลับบริษัทแล้ว” 


 


 


สวีอิ๋งอิ๋งเดินตามอยู่ด้านหลังปิดปากลอบยิ้ม เห็นแผ่นหลังสูงใหญ่ของเขาแล้ว ก็รู้สึกหวานชื่นในใจ 


 


 


เมื่อเหยียนเฟิงหันหลังให้เธอแล้วมุมปากก็เรียบตึง ความเหยียดหยามพาดผ่านในดวงตา สีหน้ารำคาญเป็นอย่างมาก 


 


 


ตอนที่เซ่าหมิงฟ่านได้รับรูปภาพเหล่านั้นก็หัวเราะลั่น 


 


 


ผู้ช่วยหวังที่ยืนอยู่ด้านข้างแอบตำหนิในใจ ‘นี่เพื่อนคุณจริงหรือเปล่าครับเนี่ย’ 


 


 


เหยียนเค่อเป็นคนที่ฮ็อตที่หมู่สาวๆ มากที่สุดในพวกเขาห้าคน แถมยังเป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วไปอีกด้วย ตอนนี้มีคนประหลาดอย่างสวีอิ๋งอิ๋งเข้ามา แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องที่สมควรโดนพวกเขาหัวเราะเยาะ 


 


 


“เอารูปพวกนี้ไปให้ประธานเหยียนของพวกคุณเถอะ ให้เขารีบหายไวๆ” 


 


 


ตอนที่ผู้ช่วยหวังใช้ให้คนเอารูปไปให้เหยียนเค่อนั้น เขาก็กำลังนั่งดูของขวัญชุดใหญ่ที่ได้มาโดยไม่ต้องเสียเงินจากเสิ่นจิ้งเฉินอยู่ 


 


 


เหยียนเค่อจ้องโทรศัพท์ของเสิ่นจิ้งเฉิน ไม่ได้สนใจซองจดหมายที่ผู้ช่วยเอาวางไว้บนโต๊ะ 


 


 


รูปซย่าเสี่ยวมั่วในโทรศัพท์กอดคอผู้ชายคนหนึ่งอยู่ ศีรษะชนกัน แต่ผู้ชายคนนั้นไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรเลย รูปก่อนหน้าเอาแต่หลุบตามองต่ำไม่รู้ว่ามองอะไรอยู่ รูปสุดท้ายจึงเหลือบตาขึ้นมองอย่างไม่ใส่ใจนัก น่าจะจับภาพไว้ได้ทันพอดี หลังจากมองกล้องแล้วเห็นว่าไม่มีอะไรน่าสนใจแล้วก็ก้มหน้าก้มตาต่อ 


 


 


“คนนี้ใคร” เหยียนเค่อถามเสียงขรึม หล่อกว่าเขาเสียอีก เขาต้องหาคนไปทำให้นายนี่เสียโฉมเสียแล้ว 


 


 


เสิ่นจิ้งเฉินเก็บโทรศัพท์กลับมา เห็นท่าทางราวกับคนเสียสติของเขาแล้วก็พูดปลอบใจ “ผู้ชายคนนี้มีแฟนแล้ว ไม่สนใจซย่าเสี่ยวมั่วหรอก” 


 


 


เพียงแต่แฟนสาวที่ว่านั่นไม่ใช่คนก็เท่านั้น 


 


 


เหยียนเค่อหยิบซองจดหมายบนโต๊ะมาแล้วเทรูปภาพลงบนพื้น 


 


 


เสิ่นจิ้งเฉิน “นายเกลียดสวีอิ๋งอิ๋งขนาดไหนวะเนี่ย ไม่ให้เกียรติเธอเลย” 


 


 


เหยียนเค่อมองเพียงชั่วครู่ก็เบนสายตาออกอย่างไร้ซึ่งความสนใจ “นายส่งรูปซย่าเสี่ยวมั่วให้ฉันสักสองสามรูปสิ” 


 


 


“นายไม่สงสัยเหรอว่าฉันกับซย่าเสี่ยวมั่วเป็นอะไรกัน” เสิ่นจิ้งเฉินเห็นท่าทางเขาไม่เหมือนคนที่ไม่สนใจเลยสักนิด แต่ทำไมไม่ถามกันล่ะ 


 


 


เหยียนเค่อส่ายหัวแล้วเปิดบลูทูธ “ถ้าเขาเป็นคนของบ้านเสิ่นถึงฉันสืบหาก็หาไม่เจอหรอก แต่ถ้าจะถามก็มีความเสี่ยง เพราะนายคงไม่บอกฉันหรอก” 


 


 


เสิ่นจิ้งเฉินตบบ่าเขา แล้วพูดออกมาสามคำอย่างจริงใจ “นายพูดถูก” 


 


 


เหยียนเค่อไม่พอใจ พูดแค่นี้จะพูดทำไมเนี่ย 


 


 


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 242 รอโจมตีจากด้านหลัง 


 


 


สวีอิ๋งอิ๋งเดินตามเหยียนเฟิงเข้าไปด้านในแล้วคิดในใจ สักวันหนึ่งเธอจะต้องเข้ามาในฐานะนายหญิงได้อย่างสง่าผ่าเผย ไม่ใช่ขึ้นลิฟต์ตรงไปห้องทำงานอย่างเช่นตอนนี้ 


 


 


เหยียนเฟิงเองรู้ว่าในใจของเธอคิดอะไรอยู่ก็ไม่ได้ปริปากพูดอะไร ปล่อยให้เธอเพ้อฝันต่อไป 


 


 


“พี่งานยุ่งจัง” สวีอิ๋งอิ๋งนั่งเฉยๆ ก็รู้สึกเบื่อ 


 


 


เหยียนเฟิงโดนขัดขึ้นก็อารมณ์เสีย “ช่วยเงียบหน่อยได้ไหม” 


 


 


“ค่ะ” สวีอิ๋งอิ๋งเหมือนกับภรรยาที่ต้องรองรับอารมณ์อย่างไรอย่างนั้น นั่งดูเขาทำงานเงียบๆ ไม่กล้าส่งเสียง 


 


 


ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาของเหยียนเฟิง คิ้วขมวดขึ้นเจือความหงุดหงิดเล็กน้อยนั่น ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ดูมาดแมน 


 


 


สวีอิ๋งอิ๋งนั่งมองเขาอย่างเคลิบเคลิ้ม ส่วนเหยียนเฟิงก็ไม่ได้สนใจสายตาที่มองมาของเธอเลยสักนิด ทำงานของตัวเองต่อไป 


 


 


คราวก่อน เหยียนกรุ๊ปต้องเสียแหล่งเงินทุนจากบริษัทหนึ่งให้กับ YAN เอนเตอร์เทนเม้นต์ คราวนี้ YAN ซื้อบริษัทที่มีเงินทุนมากที่สุดของเหยียนกรุ๊ปไป แถมยังทำลายแหล่งเงินทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเหยียนกรุ๊ปอีก 


 


 


เขากดต่อสายเรียกผู้จัดการเข้ามาด้านในอย่างร้อนใจ 


 


 


“ค่ะท่านประธาน” ‘เบลล์’ ผู้จัดการของเหยียนเฟิงเดินเข้ามาด้านใน 


 


 


หญิงสาวทรวดทรงพราวเสน่ห์ หน้าตาสะสวยในชุดกระโปรงของพนักงาน ปลายแขนเสื้อเชิ้ตพับขึ้นหนึ่งทบ ทั้งดูลวกๆ ไม่เป็นระเบียบแต่ก็ดูเรียบร้อยเช่นกัน 


 


 


สวีอิ๋งอิ๋งหน้าเปลี่ยนสี เห็นเหยียนเฟิงยิ้มให้ผู้หญิงคนนั้นแล้วยื่นเอกสารให้เขา “ลำบากหน่อยนะ ในส่วนนี้ต้องหาบริษัทอีก เราจะขาดแหล่งเงินทุนหมุนเวียนไปไม่ได้ แล้วอย่าให้ประธานใหญ่รู้ล่ะ” 


 


 


“ค่ะ” เบลล์ขยิบตาให้เธออย่างซุกซน ตอนรับเอกสารมาก็แอบสัมผัสนิ้วของเขา 


 


 


สวีอิ๋งอิ๋งที่ถูกบังอยู่ด้านหลังผู้หญิงคนนั้นไม่เห็นว่าพวกเขาแอบสัมผัสกัน ทำได้เพียงเก็บงำความไม่พอใจไว้เงียบๆ 


 


 


เบลล์รับเอกสารมาแล้วก็หันตัวเดินออกไปอย่างปราดเปรียว ไม่ชายตามองสวีอิ๋งอิ๋งแม้แต่น้อย 


 


 


มีผู้หญิงรอบกายเหยียนเฟิงมากมาย สวีอิ๋งอิ๋งก็เป็นแค่หนึ่งในนั้น 


 


 


เหยียนเฟิงเองก็แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นท่าทางฉุนเฉียวของสวีอิ๋งอิ๋ง จัดการงานของตัวเองต่อ 


 


 


สวีอิ๋งอิ๋งใช้สายตาจับจ้องเหยียนเฟิงอยู่นาน แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงสายตาของเธอเลยแม้แต่นิด สุดท้ายจึงคว้ากระเป๋าแล้วผลักประตูห้องออกไปอย่างโมโห 


 


 


จนกระทั่งประตูถูกปิดลง เหยียนเฟิงจึงเงยหน้าขึ้นมาบีบนวดขมับ ถ้าวันนี้เธอเดินออกประตูใหญ่ ก็คงจะรู้แล้วว่าเธออยู่ห่างไกลจากเหยียนกรุ๊ปมากเพียงใด เขาอยากดูว่าสวีอิ๋งอิ๋งจะมีความอดทนอดกลั้นมากแค่ไหน เขารำคาญที่จะรับมือกับเธอเต็มทนแล้ว 


 


 


“ประธานเหยียนคะ คุณสวีออกไปทางประตูใหญ่ค่ะ” น้ำเสียงไพเราะของเบลล์ดังลอดออกมาจากโทรศัพท์ 


 


 


“อืม ลบภาพวงจรปิดให้หมด” เหยียนเฟิงลูบคอของตน เอนตัวพิงกับพนักเก้าอี้แล้วเอ่ยอย่างเกียจคร้าน “คืนนี้ไปบ้านผมนะ” 


 


 


“ค่ะ” เบลล์ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังเช่นเดิม ไม่มีความสั่นไหวใดๆ 


 


 


เหยียนเฟิงพึงพอใจในตัวเบลล์มาโดยตลอด ไม่เคยทะนงตัวเพราะได้รับความรัก จัดการปัญหาได้ดีและเอาตัวรอดเก่ง ถึงแม้ว่าบางครั้งเขาจะรู้สึกเฟลอยู่บ้าง แต่นี่เป็นผู้หญิงที่เขาต้องการ ไม่ใช่ผู้หญิงไร้สมองอย่างสวีอิ๋งอิ๋ง 


 


 


เมื่อสวีอิ๋งอิ๋งเดินผ่านทุกห้องทำงานบนชั้นนั้นก็ได้รับสายตาจำนวนนับไม่ถ้วนที่จับจ้องมา เมื่อลงลิฟต์แล้วออกไปยังห้องโถงใหญ่ของบริษัทก็ต้องเจอกับสายตาของผู้คนมากมายที่มองมา พนักงานของ 


 


 


เหยียนกรุ๊ปไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้โผล่ออกมาจากไหน 


 


 


สวีอิ๋งอิ๋งเห็นว่ามีคนมองเธอก็ถลึงตาจ้องกลับไป สะพายกระเป๋าแล้วก็เดินเชิดหน้าอกผายไหล่ผึ่งออกไป สักวันหนึ่งเธอจะทำให้พนักงานของเหยียนกรุ๊ปทุกคนรู้ถึงการมีอยู่ของสวีอิ๋งอิ๋งคนนี้เอง 


 


 


เหยียนเฟิงมองสวีอิ๋งอิ๋งเดินออกจากประตูใหญ่ของเหยียนกรุ๊ปแล้วก็เหยียดยิ้ม ก็แค่ใช้ประโยชน์ของกันและกันเท่านั้น หมากตานี้ของสวีอิ๋งอิ๋งก็ใช้ได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น สักวันหนึ่งเธอจะคงยอมแพ้ไปเอง 


ตอนที่ 243 ออกจากโรงพยาบาล 


 


 


คุณพ่อเหยียนออกมาจากห้องหนังสือก่อนจะนั่งเหม่ออยู่บนโซฟาในห้องรับแขก 


 


 


คุณแม่เหยียนเห็นท่าทางเหม่อลอยของคุณพ่อเหยียนแล้วก็ถามขึ้นอย่างประหลาดใจ “คุณเป็นอะไรไป ทำไมทำหน้าแบบนี้” 


 


 


“ไม่ได้เป็นอะไร” คุณพ่อเหยียนโบกปัด “เหยียนเค่อจะแต่งงานแล้วก็รู้สึกใจหายน่ะ” 


 


 


คุณแม่เหยียนลูบหลังเขาอย่างประหลาดใจ “ตอนนี้ไม่อยากให้แต่งแล้วเหรอคะ เมื่อก่อนตอนคุณส่งเขาไปเรียนยังไม่ไปส่งที่สนามบินเลย ตอนปิดเทอมก็ไม่ให้เขากลับบ้าน มัวทำอะไรอยู่” 


 


 


คุณพ่อเหยียนฟังภรรยาตนพูดก็หน้าแดง “เอาเถอะๆ ผมก็แค่พูดนิดหน่อยเอง ทำไมคุณตอบมาซะเยอะเลยล่ะ” 


 


 


“ถ้าเหยียนเค่อแต่งงานฉันก็สบายใจแล้ว เจ้าเด็กดื้อนั่นทำให้กลุ้มใจอยู่เรื่อย” 


 


 


คุณพ่อเหยียนดื่มชา ไม่ได้พูดอะไร 


 


 


การพัฒนาของเหยียนเค่อตลอดหลายปีมานี้ เขาเห็นมันมาโดยตลอด แต่สุดท้ายก็ไม่สนับสนุนให้เขาออกไปทำธุรกิจของตัวเองอยู่ดี กลัวว่าเขากับเหยียนเฟิงจะแข่งขันกันในโลกธุรกิจ แล้วจะพ่ายแพ้ยับเยินกันทั้งคู่ 


 


 


“ลูกหลานได้ดิบได้ดีแล้ว เราไม่ต้องห่วงหรอก ถึงตอนนี้อยากดูแลก็ดูแลไม่ได้แล้ว” 


 


 


รอยช้ำเขียวม่วงบนแผ่นหลังของเหยียนเค่อไม่สามารถจางหายไปได้ภายในระยะแค่สองสัปดาห์ แต่ตอนนี้สามารถเดินเหินได้ปกติแล้ว นอนหงายก็ไม่เป็นปัญหาอะไร แต่ให้คนมาโดนแผลไม่ได้ 


 


 


“ฉินซื่อหลาน นายจะฆ่าฉันหรือไงวะ!” เหยียนเค่อกำผ้าปูเตียงแน่น มุดหัวลงไปใต้ผ้าห่ม 


 


 


ฉินซื่อหลานถูยาในมือ ก่อนจะลูบลงบนร่างของเขา 


 


 


“นี่เป็นยาที่เสี่ยวฝูเอ๋อร์ทำขึ้นมาช่วงก่อนหน้านี้ ให้นายใช้ขวดแรกเลย” 


 


 


“ไอ้ห่า ฉันคงไม่ใช่หนูทดลองหรอกนะ” เหยียนเค่อผงกหัวออกมา 


 


 


ฉินซื่อหลานออกแรงทา ให้ตัวยาสามารถออกฤทธิ์ได้เต็มที่ “ก่อนหน้านี้ฉันเคยใช้ นี่เป็นตัวยาที่อัปเกรดแล้ว ใช้ดีกว่าอันเก่าอีก” 


 


 


“ระวังผิวฉันแพ้นะ” 


 


 


“รู้แล้วว่าผิวนายบอบบางกว่าพวกผู้หญิงเสียอีก ก็ระวังอยู่นี่ไง” ฉินซื่อหลานตบหลังเขาดังแปะๆๆ หลังจากทายาเสร็จแล้วก็ดึงเสื้อผ้าเขาลง “นายออกจากโรงพยาบาลไปได้แล้ว” 


 


 


เหยียนเค่อพลิกตัวนอนหงายแล้วหารือกับเขา “คืนนี้ฉันนอนนี่ก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยไปทำงานได้ไหม” 


 


 


“นายคิดว่าโรงพยาบาลเป็นบ้านนายหรือไง” ฉินซื่อหลานไม่ยอม 


 


 


เสิ่นจิ้งเฉินเองก็ไม่เห็นด้วย “ฉันก็อยากกลับบ้านนะเว้ย ฉันไม่อยากอยู่โรงพยาบาลแล้ว” 


 


 


“นายหยุดคิดไปเลย คืนนี้นายต้องอยู่เฝ้า” 


 


 


เสิ่นจิ้งเฉินอยากร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก “สาวๆ ข้างนอกนั่นนึกว่าเราสองคนเป็นคู่ขากันหมดแล้ว ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ” 


 


 


เหยียนเค่อกวนประสาท “ดูซิ ชื่อเสียงของฉันด่างพร้อยเพราะนายหมดแล้ว ถ้านายไม่อยู่เฝ้าแล้วจะให้ใครเฝ้า” 


 


 


“เอิ่ม” เสิ่นจิ้งเฉินที่ถูกตอกกลับทำหน้างง “นายจะบ้าหรือเปล่า! ใครทำให้ใครด่างพร้อยกันแน่หา!” 


 


 


เหยียนเค่อไม่อยากกลับบ้าน แล้วก็ไม่อยากกลับห้องตัวเองด้วย จึงหารือกับเสิ่นจิ้งเฉิน “เอาอย่างนี้ ฉันออกจากโรงพยาบาลไปอยู่ห้องนายได้ไหม” 


 


 


“พี่ครับ พี่ก็มีห้องชุดหนึ่งอยู่ตรงข้ามห้องผมไงครับ จะมาอยู่กับผมเพื่อ?” 


 


 


ห้องชุดตรงข้ามห้องของเสิ่นจิ้งเฉินเป็นของเหยียนเค่อ เพียงแต่เสิ่นจิ้งเฉินอยู่ที่เมืองหลวงเป็นเวลานาน ดังนั้นเหยียนเค่อจึงไม่ค่อยได้ไปเท่าไรนัก แทบจะลืมไปแล้วว่าตัวเองมีห้องชุดอยู่ตรงนั้นอีกห้อง 


 


 


“ก็ได้ ในเมื่อนายชวนฉันแบบอ้อมๆ แบบนี้ งั้นคืนนี้ฉันจะไปที่นั่น” คนที่แสร้งทำเป็นเรียบร้อยเชื่อฟังเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ก็คือคนแบบเขานี่ล่ะ 


 


 


ฉินซื่อหลานยื่นยาให้เสิ่นจิ้งเฉินด้วยสีหน้าเรียบนิ่งและเคร่งขรึม “งั้นฝากคนไข้ด้วยนะครับ” 


 


 


“ฉันขอปฏิเสธได้ไหม” เสิ่นจิ้งเฉินไม่ได้ยื่นมือออกไปรับ 


 


 


“น่าจะไม่ได้นะครับ” ฉินซื่อหลานมองคนที่กำลังเปลี่ยนชุด แล้วยัดยาใส่มือเขา 


 


 


เสิ่นจิ้งเฉินคิดออกแล้ว เขาจะไลฟ์โชว์การทายาให้เหยียนเค่อทุกคืนเลย… 


 


 


เหยียนเค่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ไม่ถืออะไรไปทั้งนั้น เสิ่นจิ้งเฉินโยนหมาตัวนั้นใส่เขา “สาวที่ตามจีบนายให้มาเลยนะ นายไม่เก็บรักษาไว้เลยหรือไง” 


 


 


เหยียนเค่อรับมาก็วางไว้บนหัวเตียง “คราวหน้าฉันค่อยมาเล่นกับมันต่อแล้วกัน” 


 


 


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 244 ทายาเลย 


 


 


ห้องพักผู้ป่วยถูกเก็บรักษาไว้เป็นเวลานาน เหยียนเค่อเองก็นอนพักแต่ห้องนี้เช่นกัน ของในนี้ก็ไม่มีใครกล้ามาทำความสะอาด 


 


 


“เอาผลไม้ไปแบ่งคนอื่นแล้วกัน ส่วนหมาตัวนั้นเก็บไว้ให้ฉันด้วย เดี๋ยวจะเอาให้ลูกสาวฉันดู สอนให้เขารู้จักความยากลำบากเสียบ้าง” 


 


 


เสิ่นจิ้งเฉินฟังจบก็หมดคำพูด “ทำไมนายไม่สอนเมียนายให้รู้จักความยากลำบากบ้างล่ะ” 


 


 


“เมียฉันยุ่งพออยู่แล้ว ดังนั้นก็แบ่งศัตรูหัวใจตัวน้อยคนนี้ให้ลูกสาวไปแล้วกัน” เหยียนเค่อพูดราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติ 


 


 


“ยังไม่ทันจะมีเมียเลย จะไปหาลูกสาวมาจากไหน” 


 


 


หลังจากทั้งคู่ออกจากโรงพยาบาลแล้วก็มุ่งหน้าไปยังคอนโดของเสิ่นจิ้งเฉินทันที 


 


 


เหยียนเค่อหยิบกุญแจเดินขึ้นตึกไปก่อน ทิ้งให้เสิ่นจิ้งเฉินเอารถไปจอดในลานจอดรถ 


 


 


“ชีวิตดีนี่” เหยียนเค่อมองห้องรับแขกอันกว้างขวาง เดินไปหยุดอยู่ที่ริมหน้าต่างเพื่อมองทิวทัศน์ด้านล่าง 


 


 


เสิ่นจิ้งเฉินเดินเข้าห้องมาก็เห็นเหยียนเค่อกำลังก้าวเท้าเดินไปเดินมาอยู่ 


 


 


“นายทำอะไรน่ะ” 


 


 


“ฉันรู้สึกว่าห้องรับแขกนายก็ใหญ่อยู่นะ” 


 


 


“แล้วไง” 


 


 


“แต่เล็กกว่าห้องฉัน” เหยียนเค่อลูบคาง หรือว่าการตกแต่งจะมีปัญหา? 


 


 


เสิ่นจิ้งเฉินแนะนำ “นายก็ลองแต่งให้เป็นแบบนี้สิ อาจจะใหญ่ขึ้นก็ได้” 


 


 


เหยียนเค่อเบ้ปาก “เท่านี้กำลังดี ถ้าใหญ่มากก็โล่งเกินไป” 


 


 


ซย่าเสี่ยวมั่วนั่งอยู่บ้านเฉยๆ อยู่ครึ่งค่อนวัน ว่างจะตายชัก 


 


 


จึงลองกินขนมหลากหลายประเภท และวาดต้นฉบับของเดือนตุลาคมที่นัดแนะไว้ล่วงหน้าจนเสร็จ 


 


 


“ฉันป่วยเป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย” เธอรับตัวเองที่เป็นคนขยับมุมานะเช่นนี้ไม่ได้จริงๆ 


 


 


แม้แต่น้องนักเขียนที่นัดเอาต้นฉบับภาพวาดยังชมเปาะว่าเธอขยันขันแข็ง… 


 


 


ความรู้สึกเดียวของซย่าเสี่ยวมั่วก็คือโลกนี้ช่างแฟนตาซีจริงๆ 


 


 


“ฉันจะบอกให้นะ ฉันทำงานเสร็จหมดแล้ว” 


 


 


อันหร่าน ที่ได้รับหน้าที่จากบอสใหญ่กะทันหันกำลังยุ่งจนหัวหมุน จึงตอบกลับแบบขอไปที “เดือนตุลาคมน่าจะงานน้อยเกินไปสินะ นี่เพิ่งจะต้นเดือน เดี๋ยวกลางเดือนก็เยอะเองแหละ” 


 


 


“ก็จริง” ซย่าเสี่ยวมั่วพยักหน้า “มีข่าวดีอีกเรื่อง ฉันวาดต้นฉบับของสิ้นเดือนตุลาคมเสร็จแล้วด้วย” 


 


 


อันหร่านกุมหน้าผาก “นั่นคือข่าวดีของเธอ แต่ไม่ใช่ของฉันจ้ะที่รัก แล้วก็นะ เพื่อจะได้โชว์ว่าเราสามารถอัปการ์ตูนได้อย่างรวดเร็ว เธอต้องอัปการ์ตูนติดต่อกันสามวัน ตามนี้ ฉันไปทำงานต่อแล้ว” 


 


 


หัวใจอันว่างเปล่าโดดเดี่ยวของเด็กน้อยผู้ถูกทอดทิ้งอย่างซย่าเสี่ยวมั่วโดนทำร้ายอย่างหนักหน่วง จึงต้องวาดเพิ่มอีกหลายตอน 


 


 


ตอนค่ำคุณแม่ซย่ามีงานจึงนอนที่หอพัก ซย่าเสี่ยวมั่วจึงนั่งดูโทรทัศน์อย่างเบื่อหน่ายอยู่ในห้องรับแขกอันกว้างใหญ่นี่คนเดียว 


 


 


เวลาสองทุ่ม เสิ่นจิ้งเฉินก็ทายาให้เหยียนเค่ออย่างตรงเวลา อยากลองเชิงดูปฏิกิริยาตอบรับของเขาก่อน สุดท้ายยังไม่ทันได้จับเลย เหยียนเค่อก็เริ่มแหกปากร้องแล้ว 


 


 


เขาทำได้เพียงไปล้างมือให้สะอาดแล้วไปวิดีโอคอล 


 


 


เหยียนเค่อเพิ่งจะได้ลองโดนเขาทายาให้เป็นครั้ง แต่ก็เห็นว่าเสิ่นจิ้งเฉินลุกออกไปแล้ว 


 


 


คงไม่ได้จะไม่ทายาให้ฉันหรอกนะ เขาชะโงกหัวมองหาเสิ่นจิ้งเฉินที่เดินไปเข้าห้องน้ำ 


 


 


เสิ่นจิ้งเฉินถือโน้ตบุ๊กออกมาจากห้องแล้ววางไว้บนโต๊ะกลมตัวเล็ก 


 


 


เหยียนเค่อมองเขาอย่างหวาดระแวง “นายคิดจะทำอะไรน่ะ การปล่อยคลิปฉันออกไปตามอำเภอใจมันผิดกฎหมายนะเว้ย” 


 


 


เสิ่นจิ้งเฉินหันหน้าหนี “นายหลงตัวเองเกินไปแล้วมั้ง” 


 


 


ก่อนจะทำการวิดีโอคอล ซย่าเสี่ยวมั่วยังไม่ทันรู้ตัวก็ได้ยินเสิ่นจิ้งเฉินพูดขึ้นก่อน “เดี๋ยวฉันจะไลฟ์ทายาให้เหยียนเค่อโชว์ วันนี้เธอไม่ได้ดูไม่ใช่เหรอ ฉันจะชดเชยให้” 


 


 


เหยียนเค่อมองใบหน้ามึนงงของซย่าเสี่ยวมั่วบนหน้าจอแล้วก็ปากอ้าตาค้าง กำเสื้อผ้าตัวเองแน่นไม่ยอมปล่อย “ฉันไม่อนุญาต!” 


 


 


เสิ่นจิ้งเฉินตีมือเขา “เชื่อฟังหน่อย ฉันจะได้ทายาให้นาย” 


 


 


ซย่าเสี่ยวมั่วรอดูเรื่องสนุก เธอนั่งขัดสมาธิอยู่หน้าจอคอมพ์ เห็นเหยียนเค่อถลึงตาโตจนน้ำตาเอ่อคลอ เหมือนเด็กผู้หญิงชะมัด อารมณ์ก็ดีขึ้นโดยไม่รู้สาเหตุ 


 


 


“รีบลงมือเลย” เธอส่งเสียงเชียร์อยู่ข้างๆ “นายจะอายทำบ้าอะไร” 


ตอนที่ 245 ต่างคนต่างฝัน 


 


 


“ซย่าเสี่ยวมั่ว ยายผู้หญิงหื่นกาม” เหยียนเค่อให้ตายก็ไม่ยอมง่ายๆ 


 


 


“ใช่ว่าจะไม่เคยเห็นสักหน่อย ฉันก็แค่มาดูว่านายจะสภาพแย่ขนาดไหนเท่านั้น” ซย่าเสี่ยวมั่วจ้องหน้าจอตาเป็นประกาย 


 


 


เหยียนเค่อจับคอเสื้อของตัวเองแน่น “เธอมาแอบดูตอนไหนกัน! อย่ามาพูดมั่วๆ นะ” 


 


 


เสิ่นจิ้งเฉินดึงเสื้อเขาออกอย่างป่าเถื่อนรุนแรง ดึงปกคอด้านหลังแล้วถอดเสื้อเขาออก “ถ้าพวกนายยังมัวแต่คุยไร้สาระกันอีก คืนนี้ก็ไม่ต้องนอนแล้ว” 


 


 


ซย่าเสี่ยวมั่วเห็นแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยรอยช้ำสีม่วงเขียวแล้วก็หายใจเฮือก เธอยังรู้สึกเจ็บแทนเลย ไม่กล้ามองตรงๆ 


 


 


เหยียนเค่อหยิบหมอนมาบังหน้าอกตัวเองไว้อย่างหวาดระแวง “แผ่นหลังอันบริสุทธิ์ผุดผ่องของฉันต้องมาถูกพวกนายเห็นซะได้ พวกคนที่มองแล้วก็ไม่รับผิดชอบ!” 


 


 


“เหอะๆ” ซย่าเสี่ยวมั่วแสร้งปิดปากหัวเราะ “แล้วพยาบาลที่ทำคลอดให้นายล่ะ จะทำยังไง” 


 


 


เหยียนเค่อไม่รู้จะตอบอย่างไร หันหน้ากลับไปนอนคว่ำเงียบๆ 


 


 


เสิ่นจิ้งเฉินมือไม่หนัก และก็ไม่ได้อาศัยโอกาสนี้ล้างแค้น กดนวดให้เหยียนเค่อด้วยแรงที่กำลังพอเหมาะ สบายตัวจนเหยียนเค่อเอาแต่ครางอืม ซย่าเสี่ยวมั่วมองใบหน้าด้านข้างที่สุขสมของเขาแล้วก็นึกสงสารพี่ชายตนเองขึ้นมา 


 


 


“สบายจริงๆ กดทางซ้ายหน่อย อืม…” 


 


 


“เสียงนายทำให้ฉันคิดไปไกลนะ” ซย่าเสี่ยวมั่วที่วาดรูปอยู่เหลือบมองปราดหนึ่ง 


 


 


“คิดไปไกลอะไรกันเล่า” เหยียนเค่อพึมพำ ฝังศีรษะลงบนหมอน พอร่างกายสบายแล้วก็อยากจะนอนหลับ 


 


 


ซย่าเสี่ยวมั่วเห็นเขาใกล้หลับแล้วก็ไม่ไปรบกวน นั่งมองเงียบๆ อยู่ด้านข้างไม่ส่งเสียง 


 


 


เสิ่นจิ้งเฉินนวดให้เขาเสร็จก็หมุนข้อมือมองคนที่นอนหลับสบายใจเฉิบ หยิบผ้าห่มผืนบางมาคลุมให้เหยียนเค่อ กำลังจะหันไปคุยกับซย่าเสี่ยวมั่วสักหน่อย ก็เห็นว่าคนที่อยู่อีกด้านหนึ่งของหน้าของหน้าจอคอมพิวเตอร์ก็หลับลงบนโซฟาเสียแล้ว 


 


 


เขาแค่ทายาถึงกับหลับกันเลยเหรอ 


 


 


เหยียนเค่อนอนหลับไปเลยได้ แต่ซย่าเสี่ยวมั่วไม่ได้ นอนไม่ห่มผ้าแบบนี้จะป่วยเอา 


 


 


“มั่วมั่ว! ตื่นแล้วลุกไปนอนในห้องไป” 


 


 


ตอนแรกเสิ่นจิ้งเฉินก็ยังตะโกนเรียกเธอด้วยเสียงนุ่มนวลอยู่หรอก ตอนหลังถึงกับแหกปากตะโกน ซย่าเสี่ยวมั่วที่สะดุ้งตื่นเพราะเขาขยี้ตาอย่างไม่พอใจ 


 


 


“ทำไมพี่ต้องตะโกนเสียงแหลมขนาดนั้นด้วยเล่า” เธอเก็บของแล้วกลับห้อง “ฉันไปนอนแล้วนะ ฝันดีค่ะ” 


 


 


“อืม” เสิ่นจิ้งเฉินโบกมือให้เธอรีบกลับห้องไปนอน 


 


 


ผู้ชายไม่มีเมียน่ะได้ แต่ผู้หญิงถ้าไม่แต่งงานออกไปก็มีหลายอย่างที่ไม่สะดวก 


 


 


แนวรบของเสิ่นจิ้งเฉินและคุณแม่ซย่าค่อยๆ มาบรรจบกันแล้ว 


 


 


หลังจากเสร็จกิจกรรมรักแล้ว ในอากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวโลกีย์ที่ทำให้อดขัดเขินไม่ได้ 


 


 


เหยียนเฟิงปล่อยคนในอ้อมอก สวมชุดคลุมอาบน้ำแล้วเข้าไปชำระร่างกาย 


 


 


เบลล์รู้สึกว่าความอบอุ่นด้านหลังของตนเลือนหายไป ก็ยืดมือออกไปดึงผ้าห่มมาห่อตัวเองเป็นดักแด้ ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทรา 


 


 


เสียงน้ำในห้องน้ำไม่นานก็เงียบลง แต่คนด้านในนั้นไม่ได้กลับไปนอนที่เตียงอีก 


 


 


เหยียนเฟิงจุดบุหรี่ขึ้นสูบ ในมือหยิบรายงานการสำรวจใหม่ล่าสุดขึ้นมาดู รายชื่อด้านบนเรียงรายกันแน่นขนัด แต่กลับระบุด้วยเครื่องหมายที่ไม่แน่นอน 


 


 


เหยียนเค่อมีอสังหาริมทรัพย์ในครอบครองทั้งหมดเท่าไรนั้น จนถึงวันนี้เขาก็ยังสืบจนแน่ชัดไม่ได้ ธุรกิจภายใต้การควบคุมของ YAN เป็นเพียงธุรกิจส่วนหนึ่งที่คนอื่นได้เห็นเท่านั้น แต่ธุรกิจที่เหยียนเค่อกุมอำนาจอยู่ลับๆ กลับยังไม่ได้ปรากฏออกมา  


 


 


ธุรกิจอาหารในนามของสวีอันหรานที่ความจริงแล้วอยู่ในการควบคุมของเหยียนเค่อก็มีมากมายนับไม่ถ้วนแล้ว ส่วนธุรกิจอื่นมีมากเท่าไรนั้น นอกจากเจ้าตัวแล้วก็ไม่มีใครล่วงรู้ข้อมูลที่แท้จริง… 


 


 


น้องชายของเขาคนนี้ช่างมีความสามารถมากเสียจริง 


 


 


เหยียนเฟิงกวาดตามองรายชื่อที่เรียงรายกัน ไล่สายตาไปยังท้ายกระดาษ ก่อนจะใช้ไฟของบุหรี่จี้ลงบนเอกสารชุดนั้น 


 


 


ผู้หญิงที่มาจากครอบครัวธรรมดาอย่างซย่าเสี่ยวมั่ว ไม่ว่าอย่างไรก็เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเหยียนไม่ได้ ทว่าถ้าน้องชายของเขายังมุ่งมั่นเช่นนั้นล่ะก็ เขาจะช่วยอีกแรงก็ย่อมได้ 


 


 


เหยียนเฟิงหรี่ตาลงอย่างเคยชิน ใบหน้าเย็นชาเจือความชั่วร้าย 


 


 


เขาทุ่มเทเพื่อตระกูลเหยียนมากมายขนาดนั้น เหยียนเค่ออย่าหวังจะแย่งชิงทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของเขาไปได้เลย 


 


 


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 246 หยิ่งผยอง 


 


 


เมื่อเบลล์ตื่นก็รู้อยู่ก่อนแล้วว่าเหยียนเฟิงคงไม่อยู่เคียงข้างตน จึงล้างหน้าแปรงฟันเปลี่ยนเสื้อผ้า มองรอยรักสีแดงบนคอของตนแล้วขมวดคิ้วมุ่น ไม่ได้เอ่ยทักทายเหยียนเฟิงก็กลับออกไปก่อน 


 


 


เมื่อเหยียนเฟิงเดินออกมาจากห้องหนังสือ ในบ้านก็ไม่มีใครอยู่แล้ว อาหารเช้าแบบเดลิเวอร์รี่ที่วางอยู่บนโต๊ะก็ไม่ร้อนแล้วเช่นกัน 


 


 


เขายกกาแฟขึ้นดื่มอึกหนึ่ง รสชาติขมเจือหวานของกาแฟอันเย็นชืดทำให้เขารู้สึกคลื่นไส้ 


 


 


ซย่าเสี่ยวมั่ว…เขามองแสงอรุณเบิกฟ้าด้านนอกหน้าต่าง ถึงเวลาที่สวีอิ๋งอิ๋งจะได้แสดงความสามารถแล้ว 


 


 


หลังผ่านการตกตะกอนความคิดมาเป็นเวลาหนึ่งคืน อารมณ์ของสวีอิ๋งอิ๋งจึงสงบลง เธอปลอบใจตัวเอง ผู้ชายมักจะไม่เข้าใจความรู้สึกของฝ่ายตรงข้ามเสมอ เธอต้องเข้าใจเหยียนเฟิง ต้องแสดงอำนาจของคุณนายใหญ่ของตระกูลออกมา 


 


 


เหยียนเฟิงได้รับโทรศัพท์จากสวีอิ๋งอิ๋งก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย แต่ก็พอจะคาดเดาได้บ้าง 


 


 


“มีอะไรเหรอ” 


 


 


“ทำไมพี่เย็นชากับฉันแบบนี้ล่ะ” สวีอิ๋งอิ๋งบ่นว่าอย่างไม่พอใจ แต่ก็กลัวว่าจะทำให้เหยียนเฟิงหงุดหงิดขึ้นมาอีก จึงรีบพูดต่อ “พี่อย่าโกรธไปเลยนะคะ ฉันมีเอกสารที่เหยียนเค่อกับสวีอันหรานร่วมมือกันตรงที่ดินหนานซานในช่วงก่อนหน้านี้ จะให้ฉันเอาไปส่งให้หรือเปล่าคะ” 


 


 


ในที่สุดเหยียนเฟิงก็ได้ยินประเด็นหลักของคำพูดนี้เสียที พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “อืม ดีมาก เอามาให้ฉันเลยแล้วกัน” 


 


 


พอสวีอิ๋งอิ๋งได้ยินว่าเสียงเขาอ่อนลงก็ลิงโลดในใจ “ค่ะ รอแป๊บหนึ่งนะคะ” 


 


 


“เบลล์ เดี๋ยวไปรับคุณสวีที่หน้าประตูลิฟต์ด้วย” 


 


 


“ค่ะ” เบลล์ได้รับคำสั่งก็น้อมรับโดยไร้เงื่อนไข อย่างไรเสียคุณสวีก็เป็นแค่คนน่าสงสารที่มอบความรักให้ไม่ถูกคนเท่านั้น 


 


 


สวีอิ๋งอิ๋งที่เดินออกมาจากลิฟต์ส่วนตัวก็เห็นผู้หญิงคนเดียวกับเมื่อวาน สีหน้าเรียบนิ่งลงทันที 


 


 


“เธอเป็นใคร” 


 


 


“ฉันเป็นผู้ช่วยของประธานเหยียน เบลล์ค่ะ ประธานเหยียนให้ฉันมาต้อนรับคุณ” เบลล์เดินนำอยู่ด้านหน้า 


 


 


สวีอิ๋งอิ๋งพูดเสียงดุดัน “อย่านึกว่าเธอได้นอนกับเหยียนเฟิงแล้วจะหมายความว่าเธอเป็นผู้หญิงของเขานะ” 


 


 


“คุณสวีคะ ฉันไม่คิดว่าฉันไปทำให้คุณรู้สึกว่าฉันเป็นผู้หญิงของประธานสวีตรงไหนเลยนะคะ ฉันเป็นแค่ผู้ช่วยของเขาเท่านั้นค่ะ” 


 


 


เสียงของเบลล์เรียบนิ่ง ความแตกต่างเพียงหนึ่งเดียวของเธอกับสวีอิ๋งอิ๋งก็คือ เธอรู้สถานะของตัวเองดี แต่คุณสวีคนนี้ดูท่าแล้วจะหลงเหยียนเฟิงจนโงหัวไม่ขึ้น 


 


 


สวีอิ๋งอิ๋งร้องเหอะ “เป็นอย่างนั้นก็ดี” เดินผ่านเบลล์ไปอย่างหยิ่งผยอง 


 


 


เบลล์ชินเสียแล้วกับการที่เหยียนเฟิงเปลี่ยนผู้หญิงบ่อยอย่างกับอะไรดี บางทีผู้หญิงที่เมื่อวานยังชี้นิ้วสั่งเธออยู่ วันนี้ก็อาจจะมาอ้อนวอนเธอให้เธอพาเขาเข้าไปด้านในก็ได้ เรื่องแบบนี้เห็นมาเยอะจนเธอไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว 


 


 


เมื่ออันหร่านเห็นเหยียนเค่อในการประชุมตอนเช้า กาแฟที่กำลังจะไหลลงคอก็เกือบสำลักเข้าจมูก 


 


 


“แค่กๆๆ” 


 


 


“หัวหน้าอันมีปัญหาอะไรกับผมหรือเปล่าครับ” หลังจากเหยียนเค่อนั่งลงแล้วก็มองหญิงสาวที่นั่งเยื้องกับเขาปราดหนึ่ง ก่อนจะพลิกดูรายงานในมือ 


 


 


อันหร่านกล้าที่ไหนกันล่ะ รีบโบกมือปัด “ไม่กล้าหรอกค่ะ” 


 


 


ห้องประชุมที่เคยครบองค์วันนี้กลับมีอยู่หร็อมแหร็มไม่ถึงสิบคน 


 


 


“วันนี้มีประชุมตอนเช้าไม่ใช่เหรอ” อันหร่านสะกิดผู้จัดการแผนกที่รับผิดชอบออกแบบสิ่งพิมพ์ 


 


 


“ค่ะ ได้เจอบอสแล้วคุณตื่นเต้นหรือเปล่า” หญิงสาวนั่งหลังตรง ขยับปากขมุบขมิบ 


 


 


อันหร่านไม่ตื่นเต้นเลยสักนิด เธอนึกว่าตัวเองอ่านประกาศผิดเสียอีก คนที่นั่งอยู่รอบด้านต่างก็เป็นผู้มีตำแหน่งสูงและมากอำนาจอย่างผู้อำนวยการและผู้จัดการ มีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้นที่เป็นหัวหน้าบก.ตัวน้อยๆ…สิ่งที่พวกเขาพูดกันนั้นเธอไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย 


 


 


เหยียนเค่อมือหนึ่งเท้าคาง นั่งดูรายงานความคืบหน้าในไตรมาสนี้อันยืดยาวของแต่ละแผนก 


 


 


ผู้จัดการแผนกการ์ตูนยังคงยืนพูดอยู่ด้านบนไม่หยุดหย่อน “ช่วงหลายปีมานี้ ธุรกิจการ์ตูนในประเทศเราพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทั้งคุณสมบัติของนักวาดและทางด้านอุปกรณ์ต่างก็มีความก้าวหน้ามากขึ้น แผนกการ์ตูนหยิบเลือกเอาหนังสือการ์ตูนที่โดดเด่นของนักวาดจากบริษัทเรามาทำเป็นแอนิเมชันแบบ 3D คาดว่าจะดำเนินการในเดือนพฤศจิกายนนี้…” 


ตอนที่ 247 เชือดไก่ให้ลิงดู 


 


 


เหยียนเค่อยกมือขึ้นขัดจังหวะการแสดงความคิดเห็นที่หลุดประเด็นของผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า “คุณช่วยพูดอะไรที่เป็นรูปธรรมหน่อยได้ไหมครับ มีแนวโน้มการพัฒนาที่ดีในภายภาคหน้าแล้วยังไงครับ? ให้บริษัทลงทุนจำนวนมากโดยไร้เงื่อนไขอย่างนั้นเหรอครับ?” 


 


 


ผู้จัดการแผนกการ์ตูนหน้าแดงด้วยความอับอาย ก่อนจะพยักหน้า “ครับ” 


 


 


เหยียนเค่อปิดเอกสารแล้วถามเขาอย่างจริงจัง “ถ้าอย่างนั้นคุณคิดว่าจะไปหาเงินทุนที่คุณต้องการก้อนนี้มาจากไหนครับ” 


 


 


“แผนกพัฒนาเกมใช้ทรัพยากรและเงินทุนจำนวนมากมาโดยตลอด แม้แต่นักวาดที่ดีที่สุดพวกเขาก็ยึดไปใช้หมด” 


 


 


เหยียนเค่อทำให้ทั้งสองแผนกโต้เถียงกันได้โดยไม่ต้องทำอะไรมากมายเลย อันหร่านมองดูผู้จัดการสองคนที่ปกติแล้วก็ยังดีๆ กันอยู่ แต่ตอนนี้กลับกำลังทำสงครามน้ำลายเพราะปัญหาเงินทุน ก่อนจะแอบยกนิ้วโป้งให้เหยียนเค่อเงียบๆ 


 


 


เจ้านายคือคนมีความสามารถในการควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดได้อย่างแท้จริง 


 


 


“พวกคุณไม่ต้องทะเลาะกันแล้วครับ หลังประชุมเสร็จไปคุยกันที่ห้องทำงานผมแล้วกัน คนต่อไปครับ” เหยียนเค่อโบกมือ แล้วให้คนถัดไปขึ้นมาพูด 


 


 


อันหร่านนั่งฟังประชุมอย่างุนงงตลอดสามชั่วโมง ในตอนสุดท้ายหลังเลิกประชุมแล้ว เหยียนเค่อจึงจะเรียกชื่อเธอ 


 


 


“ค่ะประธานเหยียน” 


 


 


“คุณไปถามมั่วอวี๋ ว่าเขามีความคิดอะไรให้กับแผนกพัฒนาเกมและแผนกการ์ตูนของบริษัทเราบ้าง” 


 


 


อันหร่านไม่พอใจ ง่ายดายขนาดนี้เลยเหรอ 


 


 


เหยียนเค่อเองก็ไม่ได้พูดคุยกับสองผู้จัดการนานเท่าไรนัก ที่เขาพุ่งเป้าไปที่คนอื่นก็เพราะมีเหตุผล 


 


 


“คุณ” เขาพยักพเยิดคางไปทางผู้จัดการแผนกการ์ตูน “รับผิดชอบด้วยการลาออกเถอะครับ แล้วก็ ถ้าคุณออกไปจากที่นี่แล้ว ก็ห้ามเอาสิ่งที่ไม่ใช่ของคุณออกไปด้วย” 


 


 


ผู้จัดการแผนกการ์ตูนยังอยากพูดหลักวิชาการต่ออีกสักหน่อย แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาคู่นั้นของ 


 


 


เหยียนเค่อที่มองมาอย่างทะลุปรุโปร่งแล้วก็กลัวจนเหงื่อตก “ครับ” 


 


 


“ส่วนคุณรอฟังคำสั่งใหม่แล้วกัน ความคิดสร้างสรรค์ของแผนกพัฒนาเกมดีมาก ตั้งใจทำงานล่ะ” 


 


 


“ครับ” ผู้จัดการแผนกพัฒนาเกมตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัว รับเอกสารที่ผ่านการอนุมัติจากเหยียนเค่อ เมื่อเดินออกนอกประตูก็ยังรู้สึกหวาดผวาอยู่ ในการประมูลในช่วงก่อนหน้านี้ ไอเดียของแผนกการ์ตูนถูกขโมยไป คาดไม่ถึงว่าผู้จัดการแผนกการ์ตูนจะเป็นคนขโมยไปเสียเอง 


 


 


การเชือดไก่ให้ลิงดูเช่นนี้ กำลังส่งสัญญาณเตือนเขาอยู่ 


 


 


แผนกพัฒนาเกมมีปัจจัยสำคัญส่วนใหญ่ของบริษัทอยู่ในมือ ถ้าไม่กระตุ้นสักหน่อย เมื่อเจอกับปัญหาแล้ว ไม่ใช่แค่รับผิดชอบด้วยการลาออกแล้วจะสามารถแก้ไขได้ 


 


 


หลังจากอันหร่านกลับห้องทำงานก็เอากาแฟที่เย็นชืดแล้วไปเททิ้ง ดื่มน้ำอุ่นสองสามอึกแล้วจึงไปหาซย่าเสี่ยวมั่ว 


 


 


ซย่าเสี่ยวมั่วมาทำงานวันแรก ขณะกำลังนั่งฟุบเหม่ออยู่บนโต๊ะ ก็เห็นอันหร่านเดินเข้ามา 


 


 


“เธอคงไม่รู้สึกเบื่อหรอกนะ” อันหร่านเปิดหน้าต่างรับลมให้เธอ 


 


 


ซย่าเสี่ยวมั่วพยักหน้า ก่อนจะฟุบลงไปกับโต๊ะต่อ “ฉันเป็นนักวาดการ์ตูนจะวาดที่ไหนก็ได้ แต่ตอนนี้ฉันอยากนั่งที่พื้นยังนั่งไม่ได้เลย” 


 


 


อันหร่านเอือมระอา “เธอก็ทนๆ ไปก่อนแล้วกัน ผ่านช่วงนี้ไปแล้วเดี๋ยวฉันจะปรับปรุงให้แล้วกันนะ” 


 


 


“ปรับปรุง?” ซย่าเสี่ยวมั่วนั่งเอามือเท้าศีรษะอย่างหมดแรงแล้วเล่นปากกาลูกลื่นบนโต๊ะ “เธออย่ามาแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจความหมายที่ฉันพูดได้ไหม” 


 


 


“เธอรู้ไหมว่าตอนนี้บริษัทเราเกิดเรื่องมากมายเลย เมื่อกี้ผู้จัดการแผนกการ์ตูนก็เพิ่งลาออกไป” 


 


 


ซย่าเสี่ยวมั่วพูดขัดขึ้น “เดี๋ยวก่อน ฉันยังไม่รู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ อย่าเพิ่งพูดคำว่า ‘บริษัทเรา’ ได้ไหม” 


 


 


อันหร่านหัวเราะ พูดเข้าประเด็นของตัวเองอย่างเหนื่อยหน่ายใจ “แฟ้มของบริษัทเธอดูแล้วใช่ไหม” 


 


 


“ดูแล้ว” ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกว่าบริษัทใหญ่อย่างนี้บ้าบอชะมัด เรื่องอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมด 


 


 


“ดูแล้วก็ดี” อันหร่านพลิกรื้อของบนโต๊ะทำงานเธอก่อนจะถาม “เธอมีความคิดอะไรให้กับแผนกพัฒนาเกมและแผนกการ์ตูนไหม” 


 


 


“ไม่มีอะ” ซย่าเสี่ยวมั่วเอาดินสอวางไว้ระหว่างริมฝีปากบนและจมูก ไม่ให้ความร่วมมือในการตอบคำถามเลยแม้แต่น้อย 


 


 


“ฉันกำลังทำสำรวจแบบสอบถามอยู่ เธอให้ความร่วมมือหน่อย” อันหร่านโมโหแล้วหยิบปากกามาวงชื่อสองแผนกสำคัญบนแฟ้มเอกสารของแผนก 


 


 


ซย่าเสี่ยวมั่วเห็นสีหน้าที่คาดเดาอารมณ์ไม่ได้ของเธอแล้ว จึงหยิบแฟ้มเอกสารมาดูด้วยท่าทางที่ตัวเองคิดว่าดูตั้งอกตั้งใจ ก่อนจะแสดงความคิดเห็น “ฉันคิดว่านะ เอาสองแผนกนี้มารวมกันน่าจะดีกว่า” 


 


 


ซย่าเสี่ยวมั่วเห็นว่าทั้งสองแผนกนี้มีจุดที่ซ้อนทับเกี่ยวพันกันค่อนข้างมาก ยกเว้นที่แผนกหนึ่งเป็นเกมและอีกแผนกหนึ่งเป็นการ์ตูนแล้ว ทีมบุกเบิกที่อยู่เบื้องหลังก็มีความเหมือนกันมาก มีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงพูดเช่นนี้ออกไป 


 


 


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 248 ไม่เข้าใจ 


 


 


“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว เธอนั่งเบื่อๆ ไปก่อนแล้วกันนะ เดี๋ยวฉันจะกลับมาสั่งงาน” 


 


 


อันหร่านเองก็ไม่ได้หยุดรอนานนัก เมื่อได้รับการตอบกลับก็รีบไปบอกเหยียนเค่อ 


 


 


“ไปง่ายๆ อย่างนี้เลยเหรอ…” ซย่าเสี่ยวมั่วมองแผ่นหลังของเขาที่จากไปอย่างไร้เยื่อใยก็อัดอั้นตันใจ “ถ้ารู้แต่แรกฉันไม่บอกเธอหรอก” 


 


 


“เข้ามาได้ครับ” เหยียนเค่อได้ยินเสียงเคาะประตูก็กลับไปนั่งที่เก้าอี้ 


 


 


“ประธานเหยียนคะ มั่วอวี๋บอกให้รวมสองแผนกนี้เข้าด้วยกันค่ะ” อันหร่านก็ไม่ได้พิธีรีตองมากนัก พูดเข้าประเด็นทันที 


 


 


เหยียนเค่อพยักหน้า “ให้เขาไปเขียนแผนการดำเนินการเป็นรูปธรรมมาให้ผม วาดเป็นการ์ตูนก็ได้” 


 


 


อันหร่านสะใจ คงทำให้ซย่าเสี่ยวมั่วไม่รู้สึกเบื่ออีกเลย “ได้ค่ะ รับทราบ” 


 


 


หลังจากที่อันหร่านเดินออกไป เหยียนเค่อก็ลุกขึ้นเดินไปเดินมา 


 


 


เขาเข้ามาที่ฮุยเถิงไม่บ่อย แทบนับครั้งได้ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าช่วงก่อนหน้านี้ฮุยเถิงประมูลล้มเหลวกลางคันล่ะก็ ปีนี้เขาก็คงไม่ได้เข้ามาเลย 


 


 


เหยียนเฟิงใช้วิธีที่พบเห็นได้บ่อยและต่ำช้าที่สุดมารับมือกับเขาแล้ว มีหลายครั้งที่เหยียนเฟิงจับจุดได้ว่าเขาทำอะไรที่ไหน แต่หนอนบ่อนไส้ของ YAN อยู่ที่ไหน เขาก็จับต้นชนปลายไม่ถูกเช่นกัน เขาแอบทอดถอนใจ บอกได้เลยว่า วิธีการที่ต่ำช้าเช่นนี้ได้ผลชะงัดจริงๆ 


 


 


เหยียนเค่อเดินไปรอบๆ ชั้นเจ็ดและชั้นแปด โครงสร้างของสำนักงานเป็นแบบเปิด คนด้านในกำลังทำอะไรอยู่ แค่มองเข้าไปก็รู้แล้ว 


 


 


เมื่อเซียวอู๋อี้เห็นเหยียนเค่อที่กำลังเดินเล่นอยู่ ปากกาในมือก็หยุดชะงักลง 


 


 


ผู้ช่วยของเธอมองตามสายตาเธอก็พบกับชายหนุ่มที่อยู่ด้านนอกหน้าต่างกระจกบานใหญ่ จึงเอ่ยบอกเธอเสียงเบา “ได้ยินว่าวันนี้บอสใหญ่มาตรวจการณ์ น่าจะคนนี้แหละ” 


 


 


เซียวอู๋อี้เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ หัวใจกระตุก แต่ไม่แสดงออกทางสีหน้า “เด็กขนาดนี้เลยเหรอ” 


 


 


“นั่นสิ อายุน้อยแต่ก็เก่งนะ มีผู้หญิงอยากนอนกับเขาตั้งเยอะ” ผู้ช่วยไม่รู้สึกตัว ยังคงพูดต่อไป 


 


 


ซย่าเสี่ยวมั่ว เธอนี่มันโชคดีจริงๆ…เซียวอู๋อี้มองผู้ชายที่เดินเลี้ยวไปตรงทางลงบันไดจากไกลๆ ก่อนจะหันมาคุยกับผู้ช่วยของตนต่อ 


 


 


เมื่อซย่าเสี่ยวมั่วได้รับงานที่อันหร่านนำมาบอกต่อก็ต่อต้านทันที 


 


 


“ฉันไม่เคยทำอะไรแบบนั้นเลยนะ” เธอพูดตามตรง 


 


 


อันหร่านก็รู้สึกว่าเหยียนเค่อกลั่นแกล้งมากเกินไปหน่อย เอ่ยปลอบประโลมซย่าเสี่ยวมั่วที่ยังโมโหอยู่ “เธอก็เขียนแบบนี้ ย่อหน้าแรกเขียนความเห็นของเธอ ย่อหน้ากลางเขียนสาเหตุ ย่อหน้าสุดท้ายก็เขียนขั้นตอนการดำเนินการ” 


 


 


“อ๋อ” ซย่าเสี่ยวมั่วพยักหน้า ฟังแล้วก็คิดว่าไม่ได้ยากนัก 


 


 


อันหร่านไม่รู้ว่าเหยียนเค่อคิดอะไรอยู่ เมื่อเห็นซย่าเสี่ยวมั่วว่าง่ายเช่นนี้จึงรีบกลับไปตรวจต้นฉบับในห้องทำงานของตนต่อ 


 


 


ซย่าเสี่ยวมั่วเขียนรายงานขึ้นมาอย่างคนที่จับต้นชนปลายไม่ถูก เสียแรงไปไม่น้อยกว่าจะร่างเค้าโครงออกมาได้ ก่อนจะเพิ่มตรงนั้นเติมตรงนี้ ต่อสู้กับรายงานฉบับนี้ตลอดช่วงเช้า ต่อไปนี้เธอจะตั้งใจวาดรูป จะไม่บ่นว่าตัวเองเบื่ออีกต่อไปแล้ว 


 


 


ฮุยเถิงเป็นธุรกิจที่เหยียนเค่อลองทำหยั่งเชิงก่อนในตอนแรก นึกไม่ถึงว่าจะพัฒนามาได้จนถึงทุกวันนี้ นอกจากซิงอี้เอนเตอร์เทนเม้นต์ของซูอี้แล้ว ลำดับถัดที่ตามมาติดๆ ก็คือฮุยเถิง แต่ในขณะเดียวกัน บริษัทที่พบปัญหาก่อนใครก็คือฮุยเถิง ดูท่าเหยียนเฟิงน่าจะสืบจนรู้จำนวนทรัพย์สินของตนในระดับหนึ่งแล้ว และสิ่งที่เขาเลือกจะจัดการเป็นอย่างแรกก็คือฮุยเถิง 


 


 


เขาไม่เจออะไรที่น่าสนใจ เดินวนรอบหนึ่งก็กลับเข้ามานั่งในห้องทำงานของตน 


 


 


เซ่าหมิงฟ่านที่ยุ่งอยู่ที่ YAN ไม่ได้หลับได้นอนมาสามวันแล้วยังคงนั่งดูเอกสารอยู่ที่โต๊ะตามเดิมราวกับคนใกล้จะตาย แต่หารู้ไม่ว่าเหยียนเค่อนั่งว่างเอกเขนกจนขนแทบจะขึ้นตามลำตัวแล้ว 


 


 


เหยียนเค่อสองมือรองศีรษะ ดวงตากลมโตงดงามหรี่ลงมองดูแสงอาทิตย์ที่แยงตา สองขาพาดอยู่บนโต๊ะอาบไล้แสงอาทิตย์ 


 


 


ช่วงเวลาที่หาได้ง่ายที่สุดในช่วงวัยเยาว์กลายเป็นสิ่งที่ในตอนนี้ถึงร้องขอก็คงไม่ได้มันมา เพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียงและผลประโยชน์ จำต้องแข่งขันแย่งชิงด้วยวิธีการอันจอมปลอมและวกวน มีหลายคนที่สูญเสียสิทธิ์ในการก้าวเดินภายใต้แสงอาทิตย์ไปแล้ว 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม