ระบบร้านค้าออนไลน์ 238-244
TB:บทที่ 238 เมืองใต้ดิน
“มีวิธีลับที่ไว้ใช้ควบคุมสัตว์ ฉันได้ควบคุมราชินีมดนี่ ตราบใดที่พวกมันโตขึ้น มันจะช่วยฉันไม่มากก็น้อย” เฉินหลงมองไป๋ไท่ฮาง
เมื่อได้ฟังคำของเฉินหลง ใบหน้าของไป๋ไท่ฮางเต็มไปด้วยความหวั่นเกรง ในอาณาจักรคุนหลุน สิ่งที่มีอยู่ทั่วไปไม่ใช่คนของคุนหลุนหากแต่เป็นสัตว์ป่าประเภทต่างๆ หากมีผู้ใดที่ควบคุมสัตว์ป่าได้ คนคนนั้นจะควบคุมคุนหลุนทั้งอาณาจักรได้
เมื่อเขาเห็นความแตกตื่นที่ฉายบนสีหน้าของไป๋ไท่ฮาง เฉินหลงรู้ว่าไป๋ไท่ฮางต้องเข้าใจผิดพลาด “ไท่ฮาง ความลับของฉันไม่ได้เกินความจริงอย่างที่คุณคิดหรอก ทว่ามีความเฉพาะอย่าง ไม่เช่นนั้นอาจเกิดความเสียหายรุนแรงแก่ผู้ใช้ได้”
ในตอนนั้นเองที่ใบหน้าของไป๋ไท่ฮางดูดีขึ้น หากไม่มีข้อจำกัดแล้วคงจะต้านธรรมชาติเกินไป
แต่อย่างไรเสีย เฉินหลงบอกเรื่องพวกนี้กับเขาได้ แสดงว่าเฉินหลงมองว่าเขาเป็นคนของเฉินหลง ไป๋ไท่ฮางรู้สึกว่าได้รับความเชื่อใจมากขึ้น
จากนั้น เฉินหลงและไป๋ไท่ฮางได้รอเพื่อให้ “ราชินีมด” ฟักตัวอยู่ในเขานั้นเอง
การที่ราชินีมดฟักจะตัวนั้นกินเวลากว่าหกวัน ระหว่างนั้นเฉินหลงและไป๋ไท่ฮางสำรวจไปทั่วภูเขาจนทะลุปรุโปร่ง
ในช่วงวันนั้นเอง ไป๋ไท่ฮางพบแหล่งเหล็กสองแหล่งและเหมืองขุดถ่านหินอย่างดี
ก่อนหน้านี้ เหล็กกล้าและไม้ใน “อาณาจักรคุนหลุน” จะใช้งานเพื่อตีเหล็ก เป็นเรื่องโชคดีที่มีแหล่งแร่และไม้ที่หนาแน่นชุกชุมที่จะนำมาใช้เผาได้อย่างยาวนานโดยที่จะไม่มีการขาดแคลนเชื้อเพลิง แต่อย่างไรก็แล้วแต่ หากเหล็กกล้าและไม้เมื่อมาเทียบกับถ่านหินแล้ว ระยะเวลาการเผาไหม้นั่นต่างกันมากโข หลังจากที่เฉินหลงโผล่มา ก็มีเหมืองถ่านหินได้ปรากฎใน “อาณาจักรคุนหลุน” ด้วย ทำให้เกิดการปฏิวัติใน “อาณาจักรคุนหลุน”
เฉินหลงยังพบเจอกับแหล่งแร่ที่ล้ำค่าอีกหลายประเภท บ้างเล็กบ้างเกิดขึ้นได้ยากเช่นแหล่งไททาเนียม
เมื่อคุณมีไททาเนียมอยู่แล้วจะสามารถทำไททาเนียมอัลลอยด์ได้
หกวันต่อมา ในตอนที่ราชินีมดกำลังจะฟักตัว เฉินหลงและไป๋ไท่ฮางกลับไปยังรังมด
ไข่ของราชินีมดกำลังสั่นไหวอย่างสม่ำเสมอ แล้วสิ่งที่รู้ร่างคล้ายเขี้ยวสองชิ้นที่คมดังมีดได้แทงทะลุผ่านเปลือกไข่ นั่นคือมดสีทอง มีมดสีทองที่ไม่ได้ต่างไปจากมดปกติเลยโผล่ออกมา
ก่อนที่จะกลายเป็นราชินีมด ราชินีจะเหมือนกับมดสีทองธรรมดา เว้นเสียแต่ว่าเธอจะตัวใหญ่กว่า หลังจากนั้นเมื่อกลายมาเป็นราชินีแล้ว มันจะเริ่มวางไข่ ร่างกายของมันจะแปรเปลี่ยนให้เหมาะสมกับการสืบพันธุ์ ดังนั้นแล้วด้วยประชากรนี่เองที่สร้างให้เกิดอาณาจักร
หลังจากที่ฟักตัวออก เธอมองเฉินหลง คล้ายกับเห็นแม่ เธอเดินโซเซไปหาเฉินหลง
“เอาล่ะ อย่าเข้ามาที่นี่เลย อยู่ที่นั่นแหละ” เขาเห็นราชินีมดที่มีเมือกอยู่เต็มตัวแล้ว เฉินหลงจึงรีบหยุดราชินีมดนั่นไว้
เป็นไปตามที่เฉินหลงสั่ง ราชินีมดหยุดอยู่ที่นั่นไม่ได้ขยับมาต่อ เธอส่ายหัวให้เฉินหลง
“ฉันจะตั้งชื่อให้ เธอตัวเล็กและมีสีแดง เช่นนั้นชื่อเสี่ยวหง” คล้ายกับที่ตั้งชื่อให้เสี่ยวเฮย เฉินหลงตั้งชื่อให้ราชินีมดโดยไม่คิดให้มากความ
หลังจากที่เจ้าของเธอตั้งชื่อให้แล้ว เสี่ยวหงพลันตื่นเต้นมากขึ้น
ทว่าเฉินหลงไม่ได้ต้องการจะอยู่ที่นั้นอีกต่อไป เขาจึงขอให้เสี่ยวหงทำหน้าที่ของเธอในฐานะราชินีมดและปล่อยเรื่องเขาแสนลูกไว้กับไป๋ไท่ฮาง
เมื่อออกจากเขาแสนลูกแล้ว เฉินหลงและไป๋ไท่ฮางเตรียมพร้อมเพื่อจะไปเมืองใหญ่ที่ใกล้ที่สุด
เมืองใต้ดินกำลังหาคนมาร่วมมือทำการขุดเหมืองแร่ที่นั้น แต่อย่างไรก็ตามเขาได้พบคนที่ช่วยทุ่นแรงอย่างมาก
ในขณะที่เฉินหลงและไป๋ไท่ฮางเดินออกไปจากภูเขานั้น พวกเขาเจอกับยักษ์สีดำที่ขี่ม้ามีเขาอยู่ ดูอายุราวห้าสิบปี เขาเกิดมากับพละกำลัง เขาแบกตะกร้าไม้อันใหญ่และถือที่เจาะเหล็กไว้ในมือ
หลังจากที่ยักษ์นั่นเห็นเฉินหลงและไป๋ไท่ฮางแล้ว มันแสดงสีหน้าประหลาดใจ แล้วมันจึงโยนที่เจาะด้านข้างและเหวี่ยงตัวเองลงพื้น มันกล่าวว่า “เฮยจุ่ย เคารพท่านเทพ”
เฉินหลงตอบกลังพิธีนี้และกล่าวไปว่า “ยืนขึ้น”
หลังจากที่เฉินหลงว่า เฮยจุ่ยได้ยืนขึ้น
“ท่านเทพ ข้าไม่คาดคิดว่าเฮยจุ่ยจะมาเจอท่านเทพที่นี่ ช่างเป็นเกียรติอย่างมากสำหรับเฮยจุ่ย” เฮยจุ่ยกล่าวไปอย่างตื่นเต้น
เขาเห็นที่เจาะเหล็กในมือของเฮยจุ่ย เฉินหลงจึงถามไป
“คุณมาทำอะไรที่นี่ ภูเขาแสนลูกนี้เป็นสถานที่อันตราย คุณมาที่นี่ด้วยพละกำลังและไม่มีเพื่อนร่วมเดินทาง ผมแนะนำให้คุณกลับไป”
“ท่านเทพ ข้าเป็นช่างตีเหล็กอยู่ในเมืองแห่งใต้ดิน ข้ามาที่ภูเขาแสนลูกเพื่อมาดูว่าข้าจะโอกาสได้ขุดแร่เหล็กหรือไม่ แหล่งแร่กำลังจะหมดไป ท่านเทพ ท่านช่วยให้เราได้ค้นพบแหล่งแร่เมื่อท่านกลับมาในครั้งนี้ได้หรือไม่” เฮยจุ่ยว่าอย่างหมดทาง
สิ้นคำเฮยจุ่ยมองเฉินหลงด้วยสายตาคาดคั้น
“เฮยจุ่ย ไม่ต้องกังวลไป อาจารย์ของข้าและตัวข้าได้เจอแหล่งแร่ใหม่ ในการเข้าไปภูเขาในครั้งนี้ ในตอนนี้อาจารย์และข้ากำลังจะไปยังเมืองใต้ดินเพื่อจะพูดคุยกันกับเจ้าเมืองเพื่อจะขุดแหล่งแร่นี้” ไป๋ไท่ฮางที่อยู่ข้างเฉินหลงกล่าว
คำของไป๋ไท่ฮางทำให้เฮยจุ่ยงุงงง ไม่ใช่เพียงเฉินหลงพบแหล่งแร่ทว่าไป๋ไท่ฮางที่เป็นลูกศิษย์ของเทพด้วย นี่ทำให้สมองของเฮยจุ่ยไม่สามารถจะทำความเข้าใจได้
หลังจากนั้นพักหนึ่ง ใบหน้าของเขาแสดงความตื่นเต้น เขากล่าวว่า “ท่านเทพ นี่ท่านกล่าวความจริงหรือ” เขามองเฮยจุ่ยที่ไม่แน่ใจในคำพูดของเขาอย่างคาดไม่ถึงแล้ว คิ้วของไป๋ไท่ฮางขมวดเข้าหากัน ความรู้สึกบนสีหน้าแสดงความไม่ชอบใจ “ไม่เชื่อหรือ”
เฮยจุ่ยไม่อาจเชื่อในตัวเขา ทว่าอาจารย์ของเขาเป็นเทพ เขากล้าแม้แต่จะตั้งคำถาม เรื่องนี้คงไม่ดีนัก
“ไม่หาญกล้า ไม่หาญกล้า นี่เฮยจุ่ยสับสนหรือ คำของเทพเจ้าไม่มีวันผิดไปอย่างแน่นอน ข้าน้อยผิดไปแล้วข้าน้อยผิดไปแล้ว” เขาฟังคำของไป๋ไท่ฮางแล้วมีสีหน้าไม่ชอบใจ เฮยจุ่ยรีบคุกเข่าและกล่าวออกไป
“ขอร้องเถอะ หยุดทำให้เวลาเสียไปแล้วพาพวกเราไปเมืองใต้ดินเถอะ ตราบใดที่พวกเรามีแร่เหล็กพอ พวกเราคงลดความเสียสละที่ต้องเสียไปจากฝูงสัตว์ที่มาครั้งหนึ่งในศตวรรษได้ อีกอย่างคือในครั้งนี้ท่านเทพได้นำพาความประหลาดใจครั้งใหญ่มาสู่พวกเรา” และในตอนนั้นไป๋ไท่ฮางเป็นเสียงให้เฉินหลง สิ่งที่เขาทำควรจะมีประสิทธิภาพ
“ใช่แล้ว พวกเทพเจ้า เหล่าทวยเทพ ข้าจะพาท่านไปเมืองใต้ดินตอนนี้เลย” ถึงแม้ว่าเฮยจุ่ยจะสงสัยเป็นอย่างมากเกี่ยวกับความประหลาดใจที่ท่านเทพได้นำพามา ไป๋ไท่ฮางไม่ได้กล่าวอะไรอีก เขาจึงไม่กล้าจะถามต่อ
“อย่างไรก็แล้วแต่ เหล่าเทพไม่ชอบปัญหามากนัก เมื่อพวกเขาจะทำสิ่งใด พวกเขาจะนำพาพวกเราไปหาผู้ครองเมืองตรงๆ และไม่ต้องเทศก์เรื่องนั้นเลย” ไป๋ไท่ฮางกล่าวต่อไปอีกประโยค
เฮยจุ่ยควรรีบพาเฉินหลงและพวกเขารวมสองคนไปยังเมืองใต้ดิน
หลังจากนั้นสามวัน ในที่สุดเฉินหลงได้ไปยังเมืองใต้ดิน หนึ่งในเมืองทั้งหนึ่งร้อยแปดเมือง
เมื่อเขาเห็นเมืองใต้ดินเป็นครั้งแรก เฉินหลงตื่นตกใจไปกับกำแพงเหล็กสูงกว่าสามสิบเมตรภายนอกเมือง
ตึกสูงบางตึกในเมืองมีความสูงมากกว่ากำแพงเมือง สิ่งที่อยู่ภายนอกกำแพงเมืองนั้นคือสิ่งที่คล้ายกับสายล่อฟ้าทว่ามีความหนาและคมกว่า
TB:บทที่ 239 วิหาร
“ท่านเทพ เมืองใต้ดินมีพื้นที่กว่าสามพันหกร้อยกิโลเมตร และมีคนของคุนหลุนอาศัยอยู่หลายล้านคน เมืองทั้งเมืองอยู่ภายใต้การป้องกันของกำแพงเหล็ก” เขาเห็นเฉินหลงมองเมืองใต้ดินแล้ว เฮยจุ่ยจึงแนะนำให้เขาฟังสั้นๆ
เฉินหลงพยักหน้า
จากนั้น เฉินหลงและคนอีกคนจึงเข้าไปในเมืองใต้ดินพร้อมกับเฮยจุ่ย
เนื่องจากเฉินหลงซ่อนในผ้าขนาดใหญ่ จึงไม่มีใครรู้ว่าได้มีเทพเข้าไปในเมืองใต้ดินแล้ว
ดูเหมือนว่าเฮยจุ่ยจะมีฐานะยิ่งใหญ่ในเมืองนี้ จึงเป็นเรื่องไม่ยากเลยที่จะพาเฉินหลงและไป๋ไท่ฮางเข้าไปยังบ้านของเจ้าเมือง
เจ้าเมืองใต้ดินเป็นยักษ์สีดำเหมือนกัน ทว่าเขาแก่กว่าเฮยจุ่ยนิดหน่อย เขาสวมเกราะเป็นประกาย ดูแล้วช่างสง่างาม
เมื่อได้เห็นเฮยเตีย เฉินหลงจึงทักทายก่อนที่เขาจะกล้าที่จะลังเล ไป๋ไท่ฮางต้องการจะกล่าวอะไรออกมา ทว่าเฉินหลงได้ห้ามเอาไว้ กล่าวได้ว่าเจ้าเมืองของเมืองใหญ่ทั้งหนึ่งร้อยแปดเมืองนั้น คนที่มีตำแหน่งสูงมาตลอดหลายปีนี้ ในตอนนี้คงเป็นเรื่องไม่แปลกหากจะรู้สึกไม่แน่ใจเมื่อจู่ๆเทพก็โผล่มาหา
แต่อย่างไรเสีย คงจะต่างออกไปหากมีใครรู้สึกไม่แน่ใจกับการที่เขาทักทายหลังจากที่ได้เคารพกับท่านเทพแล้ว
“ลุกขึ้น” เฉินหลงมีท่าทีสบายๆ
“ท่านเทพ ข้าได้ฟังน้องชายของข้าที่บอกว่าท่านพบแร่เหล็กในภูเขาทั้งแสนลูกแล้ว ในตอนนี้ท่านมีแผนการใดหรือไม่” เมื่อเฮยเตียได้กล่าวมาหมดแล้ว เฉินหลงจึงกล่าวไป
แท้จริงแล้วเฮยจุ่ยเป็นน้องชายของเจ้าเมือง นี่เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดจริงๆ
“ข้า (อยู่ในโลกนี้ขอเปลี่ยนคำเฉินหลงเป็นข้า เพื่อความกลมกลืน)มาที่นี่เพื่อจะพูดคุยกับท่านเจ้าเมืองเฮยเตียว่าจะขุดเหมืองพวกแร่นี้อย่างไร เพราะท้ายที่สุดแล้วเรายังเหลืออีกเพียงสองปีก่อนที่ฝูงสัตว์เล็กจะมา และอีกเพียงยี่สิบปีก่อนสัตว์ใหญ่จะมา หากเราไม่ทำการเตรียมการล่วงหน้า “คนคุนหลุน” จะต้องสูญเสียไปเป็นจำนวนมากแน่ๆ” เฉินหลงว่าไปง่ายๆ
“ท่านเทพ มีสัตว์ป่าอยู่ในเขาทุกลูกในภูเขาหนึ่งแสนลูก คงเป็นเรื่องยากหากจะขุดเหมือง มีเพียงแต่ต้องกำจัดพวกสัตว์ให้สิ้นซากหากเราจะทำเมืองได้เต็มประสิทธิภาพ ข้าว่าเราควรรายงานเรื่องนี้ให้กับเจ้าวิหารได้ทราบก่อน” เฮยเตียกล่าวอย่างจริงจัง
วิหารศิกดิ์สิทธิในตอนนี้ช่างมีพลังที่แข็งแกร่งในอาณาจักรคุนหลุน แม้ว่าพวกเมืองใหญ่ๆนี่จะบริหารด้วยตนเอง ทว่าบารมีของวิหารศักดิ์สิทธิทำให้เจ้าเมืองเกรงกลัวความศักดิ์สิทธิของวิหารอย่างแท้จริง เขาเกรงกลัวว่าหากเหตุการณ์ที่ใหญ่มากๆแล้วเขาจะรับมือได้ไม่เหมาะสม และเขาจะโดนถอดถอนออกจากชื่อแห่งเจ้าเมือง ดังนั้นแล้วคงจะดีกว่าหากจะรายงานเรื่องนี้ไปก่อน
“เป็นเรื่องที่ถูกที่จะรายงานกับวิหารศักดิ์สิทธิก่อน แต่อย่างไรเสีย ข้าจะบอกว่าสัตว์ป่าในภูเขาที่มีแหล่งแร่อยู่นั้นได้โดนข้ากำจัดไปหมดจนสิ้นซากแล้ว ท่านส่งคนไปขุดเหมืองและรายงานวิหารได้ในเวลาเดียวกันเลยจะได้ไม่ต้องเสียเวลา อีกอย่างหนึ่ง ข้ายังพบด้วยว่ามีแร่ที่เรียกว่า “เหมืองถ่าน” อุณหภูมิสูงสุดที่แร่นี้จะหลอมได้นั้นสูงกว่าไม้เหล็กกล้าแน่นอน หากว่าใช้แร่นี้แทนไม้เหล็กแล้ว จะเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีได้” เฉินหลงพยักหน้าและกล่าวอะไรบางอย่างเกี่ยวกับถ่านหิน
“ถ่านหินหรือ คือแร่สีดำใช่ไหม” เมื่อเขาได้ยินเฉินหลงกล่าวถึงถ่านหินแล้ว เฮยจุ่ยอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างและรู้สึกตื่นเต้น
เขาไม่คาดหวังว่าความน่าประหลาดใจของเฉินหลงจะเป็นเช่นนี้ นี่ช่างน่าประหลาดใจมากจริงๆ
เฉินหลงมองเฮยจุ่ยด้วยสายตาแปลกๆ เขาไม่ได้คาดหวังว่าคนคนนี้จะรู้เรื่องเกี่ยวกับเหมืองถ่าน เขาจึงควรจะทำได้ดีกว่านี้ “ใช่แล้ว ชื่อของที่นั้นคือเหมืองถ่าน”
สิ้นคำ เฉินหลงหยิบถ่านออกมาจากวงแหวนมิติ
“พี่ชาย ท่านจำแร่ประหลาดที่ข้าเล่าไปครั้งก่อนได้หรือไม่ นี่คือแร่ชนิดนั้น อุณหภูมิหลอมละลายของแร่นี้สูงกว่าเหล็กกล้ากว่าสามเท่า หากการขุดเหมืองใช้ถ่านเพื่อทำเหล็กแล้ว ผลคงจะดีกว่ามาก” เฮยจุ่ยมองถ่านหินในมือเฉินหลงอย่างตื่นเต้น
“อุปกรณ์ช่องมิติ เขามีอุปกรณ์ช่องมิติด้วย” และเขาได้ฆ่าสัตว์ทั้งเขาได้ด้วยตัวคนเดียว เขามีพลังถึงระดับสิบแล้วหรือไม่ เพราะพลังของเขาเองอยู่ในระดับเจ็ด เขาจะไปทำลายสัตว์พวกนั้นบนเขาหมดได้ด้วยตัวเองได้อย่างไร
เฮยเตียครุ่นคิดครู่หนึ่งและตกลง วิหารไม่อาจจะมาต่อว่าเขาได้และไม่อาจจะต่อว่าเฉินหลงได้เช่นกัน เนื่องจากเฉินหลงเป็น ท่านเทพ จู่ๆได้ปรากฏตัว ท่าทีของวิหารจึงไม่แน่นอน ทว่าพวกเขาไม่ได้ส่งคนมาเชิญท่านเทพไปยังวิหาร และไม่ได้กล่าวว่าเฉินหลงเป็นเทพปลอมเช่นกัน ดังนั้นแล้วเฮยเตียไม่กล้าจะต่อรองเฉินหลงได้ง่ายๆ
หลังจากนั้น มีรถลากสีทองหลายสิบคันส่งออกไปจากเมืองใต้ดินไปสู่ภูเขาแสนลูก พร้อมกับเฉินหลงและไป๋ไท่ฮางพร้อมด้วยเฮยจุ่ย ในตอนนั้นเองที่มีข้อความจากวิหารส่งมาทางช่องทางพิเศษ
รถเข็นสีทองเหล่านั้นเป็นรถบรรทุกพิเศษที่มีความสูงกว่าสิบเมตรและกว้างร้อยเมตร ชื่อของรถเข็นนี้ได้มาจากพื้นผิวที่เคลือบด้วยเลือดสีทองจาก “สัตว์สีทอง”
เลือดสีทองแบบนี้มีพลังพิเศษที่จะป้องกันสนิมและการกัดกร่อนได้
สิ่งที่ลากรถลากมาคือสัตว์ประหลาดที่ชื่อว่า “สัตว์เยเบล” ที่รู้ร่างเหมือนยูนิคอร์นทว่าตัวใหญ่กว่าหลายเท่า
สัตว์ประหลาดนี้มีชื่อว่า “สัตว์เยเบล” มันมีระดับพลังเพียงระดับห้าทว่ากลับแข็งแกร่งอย่างมาก มันสามารถลากเครื่องมือที่หนักกว่าน้ำหนักมันเป็นร้อยเท่าได้ อีกทั้งพวกมันยังว่องไวมากอีกด้วย
เนื่องจากธรรมชาติที่อ่อนโยนของพวกมัน คนของคุนหลุนจึงทำให้พวกมันเชื่องได้เพื่อใช้ลากจูงสินค้า
ในขณะที่เฉินหลงกำลังเดินทางไปยังเขาแสนลูกอยู่นั้น ข่าวคราวได้ไปถึงวิหารแปลกประหลาดในอาณาจักรคุนหลุน
ในเวลาต่อมาข่าวคราวได้ไปถึงมือของคนสิบสองคนที่มีขนาดตัวเท่ากับเฉินหลง
พวกเขาทั้งหมดมีพลังระดับ “ปรมาจารย์แห่งดวงดาว”
“ท่านเทพเจ้า คำทำนายถูกต้อง ชายคนนั้นกำลังมา” หนึ่งในนักบุญเฮยว่า
“เราจะเชิญเขามาที่วิหารไหม” นักบุญพระเจ้าเฮยอีกคนกล่าว
“ไม่ใช่ในตอนนี้ ท่านเทพเจ้าได้กล่าวว่าพลังของเขามากถึงระดับหลอมรวมธรรมชาติแล้ว และเขาจะยังสามารถนำพาเขามาได้ด้วย” นักบุญไป่ตอบ
“แต่หากว่าเขาอยู่ในอันตรายล่ะ เขาเป็นทายาทที่พระเจ้าได้แต่งตั้ง พวกเราไม่อาจเสี่ยงอันตรายได้”
“หลังจากนี้ส่งนักบุญรุ่นเยาว์มาสองคนเพื่อคุ้มกันเขาเงียบๆ ผู้สืบทอดที่แต่งตั้งโดยพระเจ้าจะต้องไม่ตายไปง่ายๆ” หนึ่งในนักบุญว่า คนที่ผิวของเขาแทบเป็นสีเหลือง “ให้เมืองใต้ดินเฮยเตียตอบรับมา แล้วให้พวกเขารับใช้เทพเฉินหลงอย่างเต็มที่”
เมื่อนักบุญได้กล่าวจบไปแล้ว คนอื่นอีกสิบเอ็ดคนไม่ได้กล่าวอะไร
จากนั้นนักบุญรุ่นเยาว์สองคนได้ออกจากวิหารไป
ในทันทีที่นักบุญรุ่นเยาว์สองคนออกจากวิหารไปแล้ว พวกเขายังอยู่ในท่าทีสูงส่ง แต่อย่างไรเสียพลังของพวกเขามีมากพอจะบินขึ้นไปในอากาศ หลังจากที่พวกเขาหาทิศทางได้ พวกเขารีบพุ่งไปในทางที่เฉินหลงอยู่
สามวันต่อมา ขบวนรถลากได้ไปถึงเขาหนึ่งแสนลูก
ภายใต้คำสั่งของเฉินหลงกองทัพขุดเหมืองได้เริ่มเดินทำไปยัง “เขามด”
เขาแต่ละลูกนั้นไม่มีชื่อ ทว่าเพื่อที่จะให้จดจำได้ เฉินหลงจึงตั้งชื่อเขานี้ว่า “เขามด” ที่ตอนนี้เป็นของเขาแล้ว ในท้ายที่สุด เขาทั้งหมดนั้นก็เคยเป็นของ “มดสีทอง”
TB:บทที่ 240 น้ำผึ้งและตัวอ่อนผึ้ง
เมื่อกองทัพขุดเหมืองของเมืองใต้ดินเคลื่อนพลเข้ามาที่ “เขามด” เพื่อขุดเหมือง เฉินหลงออกจาก “เขามด” เขาไปยังเขาป่าที่อยู่ในเขาถัดไป
ตอนแรก ไป๋ไท่ฮางต้องการจะตามไปด้วย ทว่าเฉินหลงไม่ยอมให้ไป๋ไท่ฮางตามไปด้วย ไป๋ไท่ฮางต้องการจะเป็นผู้ประกาศประจำตัวเขา เขาเคยจัดการการขุดเหมืองได้ดี เขาสร้างความภาคภูมิ และเขาทำให้คนอื่นรู้ว่าเขาสำรวจได้เพื่อเพิ่มความสำคัญให้ตัวเขาเอง
ยิ่งไปกว่านั้นเฉินหลงยังได้บอกกับไป๋ไท่ฮางไม่ให้เขาลืมฝึกฝนอย่างหนักด้วย เขาต้องพัฒนาระดับพลัง และมีระฆังทองที่สมบูรณ์พร้อมให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
หลังจากที่ฟังคำของเฉินหลงแล้ว ไป๋ไท่ฮางทำได้เพียงอยู่ต่อ
เฉินหลงไปยังเขาลูกอื่นเพื่อสู้กับสัตว์ประหลาด เขาต้องหารจะดูว่าเขายังเพิ่มพลังได้หรือไม่ หากว่าเขาทำได้เขาคงไม่อาจจะเสียเวลาอีก
ต้นไม้ที่เติบโตในป่าที่เขียวชอุ่มนี้ไม่เหมือนกับต้นไม้สูงลิ่วในป่าเหล็กกล้า ทว่าก็สูงกว่าสิบเมตร แถมมีใบดกและใบหนา เฉินหลงไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ที่โลก แต่ต้นไม้ที่เขาเห็นนี่ช่างคล้ายกับต้นไม้บนโลกที่เรียกว่า “ต้นปาล์ม” เนื่องจากว่าใบของต้นไม้นี้คล้ายคลึงกับใบปาล์มในโลกมนุษย์
เฉินหลงขมวดคิ้วเมื่อเขาเห็นใบปาล์มเพราะว่าในโลกใหม่นี้ มีสัตว์สองแบบที่ยากจะจัดการและแปรเปลี่ยนไปหลากหลาย ตัวแรกคือเสือที่มีหางเป็นแมลงป่อง อีกสิ่งหนึ่งคือผึ้งสังหาร
พลังระดับกำเนิดของเสือหางแมลงป่องสืบทอดจากแมลงป่องปกติ รูปร่างของมันคล้ายกับสุนัขในโลกนี้ หางที่เป็นแมลงป่องมีลวดลายคล้ายกับเสือ หางของเสือนี้มีพิษที่ร้ายแรงนักและหลังจากที่โดนต่อยแล้ว หากไม่ได้รับการรักษาดีๆ ก็ไม่อาจทำอะไรได้นอกจากตาย
พลังของผึ้งสังหารเป็นระดับกำเนิดเช่นกัน และยังเป็นสายพันธุ์ที่แปลงมาจากตัวต่อทั่วไป ร่างของมันใหญ่กว่าเป็นสิบเท่า และเมื่อมันต่อยแล้วหางของมันจะงอกขึ้นมาใหม่ได้ อีกอย่างหนึ่งคือผึ้งสังหารเป็นสัตว์สังคม หากว่าไปฆ่าผึ้งสังหารหรือทำลายรังของผึ้งนี้เข้า พวกมันจะไม่ปล่อยให้คนคนนั้นรอดไป มีสิ่งมีชีวิตอยู่สองประเภทใน “นิวเวิร์ล”ทว่าเขาไม่รู้ว่าพวกมันจะปรากฏตัวในเขานั้นหรือไม่
ในทันทีที่เฉินหลงรู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตทั้งสองอยู่ที่นั้น เขาเดินผ่านแถวต้นปาล์มไป หลังจากนั้นไม่นานเฉินหลงพบกับเสือที่มีหางเป็นแมลงป่อง เฉินหลงมาที่นี่เพื่อลองดูว่าหากเขาฆ่าพวกสัตว์ประหลาดพวกนี้แล้วเขาจะยังพัฒนาพลังได้หรือไม่ เขาจะไม่ปล่อยเสือหางแมลงป่องนี่ไป เขาจึงถือมือของเขาชี้ไปข้างหน้า
มีดเพียงเล่มเดียว
เสือหางแมลงป่องโดนเฉินหลงตัดขาดครึ่ง
เหลือไว้เพียงหินอัญมณี เฉินหลงเดินต่อไปยังเสือหางแมลงป่องหนึ่งตัวไม่อาจจะให้คำตอบกับเฉินหลงได้ แต่เสือหางแมลงป่องพันตัวอาจให้คำตอบได้
เขาเดินไปตามทาง พวกเสือหางแมลงป่องไม่รู้ว่าเฉินหลงกำลังมา พวกมันซ่อนตัวในรังทีละตัว
แต่อย่างไรเสีย โชคของเฉินหลงยังดี เนื่องจากเขาไม่เจอพวกเสือหางแมลงป่อง ทว่าเจอรังผึ้งยักษ์ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางสิบกว่าเมตร
เฉินหลงไม่ต้องการจะเข้าไปหารังผึ้งตรงๆ
มีดตัดผ่านรังผึ้งขาดครึ่ง และฆ่าผึ้งหลายตัวในรังไป
ในตอนนั้นเอง ถือได้ว่าเฉินหลงเป็นม้าที่แหย่รังผึ้งให้กระเด็นไปบนฟ้า ผึ้งหลายพันตัวบินมาทางเฉินหลงในทันใด
เฉินหลงหัวเราะและโบกมีดนรกในมือเขา เขาขยับ “สิบห้ากรกฎ(ท่าฉีหยูฉือหวู่)” ไปพร้อมกับคำเรียกผีสางที่ไม่จบสิ้น เขาลดตัวลงไปข้างหน้าเพื่อเผชิญหน้าการฆ่าฟัน
ในกระบวนท่าเดียว เศษของเมฆที่ดำมืดก่อตัวขึ้นโดยผึ้งในรังได้หายไป
แต่อย่างไรก็แล้วแต่ ธรรมชาติของผึ้งสังหารนั้นยังคงอยู่ ฉะนั้นจึงยังมีการต่อสู้อีก
ในทันทีที่ใช้ “สิบห้ากรกฎ” แล้ว กลุ่มของ “ผึ้งสังหาร” ได้โดนกำจัดไปหมด
“ช่างเป็นกระบวนท่าที่ยอดเยี่ยม” หลังจากที่เห็นเพลงดาบของเฉินหลง สองเทพรุ่นเยาว์บนฟ้าต่างประหลาดใจ
ด้วยพลังที่พวกเขาทั้งคู่มีพลังที่การฆ่าผึ้งสังหารไม่ใช่เรื่องยากอะไร ทว่าหากพวกเขามีพลังเท่ากับเฉินหลงแล้ว พวกเขาคงทำได้เพียงหนีไปหากต้องเผชิญหน้ากับฝูง “ผึ้งสังหาร”
หลังจากที่ฆ่าฝูง “ผึ้งสังหาร” ไปแล้ว เฉินหลงพบว่าพลังของเขาได้เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย
“ฮะฮ่า ดูเหมือนว่าการทำแบบนี้จะเพิ่มพลังฉันได้จริงๆ” เมื่อเฉินหลงรู้ว่าพลังของเขาเพิ่มขึ้นมาแล้ว เขารู้สึกตื่นเต้นเสียจริง
นี่หมายความว่าหากเขาหาทางไปกลับโลกและอาณาจักรคุนหลุนได้ โลกนี้จะกลายมาเป็นแหล่งทรัพยากรที่สองของเขา ที่ที่เขาจะฆ่าสัตว์ประหลาดและเพิ่มพลังได้ ที่นี่มีแหล่งแร่ที่อุมดมสมบูรณ์และมีคนของคุนหลุนที่ทรงพลัง ที่สำคัญที่สุดที่นี่ไม่มีค่าเงินตรา
แม้ว่า “นิสเวิร์ล” นี้จะสามารถใช้เพิ่มพลังได้จริงๆ ทว่าเรื่องหลักๆคือพลังระดับต่ำจะเพิ่มขึ้นไปได้เรื่อยๆ และไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเพิ่มพลังเมื่อมีพลังระดับกำเนิดแล้ว ในท้ายที่สุดก็ไม่มีใครที่แตกต่างไปอย่างเฉินหลงแล้ว นิวเวิร์ลนี่เป็นเพียงการพัฒนาตามขั้น แต่อย่างไรเสีย “นิวเวิร์ล” นี่ยังมีผลประโยชน์ดีๆของการไม่ต้องกังวลว่าจะตายจากไปจริงๆอยู่
หลังจากที่เก็บหินอัญมณีไปจาก “ผึ้งสังหาร” ไปจนหมดแล้ว เฉินหลงมองรังผึ้งยักษ์ที่ขาดท่อน
หลังจากนั้น เฉินหลงเจอกับอัญมณีสีเหลืองอร่ามดังน้ำผึ้งที่เป็นทรงกระบอกจากรังผึ้ง อัญมณีนั้นมีขนาดเท่ากับกระสุนปืนกล สัมผัสของมันลื่นและยืดหยุ่น กลิ่นของมันคล้ายกับกลิ่มหอมของดอกไม้ เฉินหลงหยิบชิ้นหนึ่งเข้าปากไป แต่ก่อนที่เขาจะกัดมัน อัญมณีนั่นได้ละลาย
รสชาติหวานของมันอร่อยกว่าน้ำผึ้งในโลกเป็นร้อยเท่า
มีออร่าจากสรวงสวรรค์มากกว่าบนโลกกว่าร้อยเท่า ตามปกติแล้ว ดอกไม้ ต้นพืช และต้นไม้ จะมีออร่าของสรวงสวรรค์และโลกหล้า น้ำหวานจากละอองเกสรที่เก็บมาจากดอกไม่อันหลากหลายช่างยอดเยี่ยมกว่าน้ำผึ้งบนโลก
“นี่ช่างรสชาติดีเยี่ยม” เฉินหลงลิ้มรสอร่อยของอาหารที่อยู่ในปาก เขาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
จากนั้นเฉินหลงพบน้ำผึ้งอัญมณีทั้งหมดในรังผึ้งทั้งรังมีอยู่กว่าเป็นหมื่น อีกทั้งยังมีเยลลี่ชั้นเยี่ยมที่สุดอยู่ในน้ำผึ้งด้วย เยลลี่ชั้นเยี่ยมมีสีเหลืองทองทว่าไม่ได้มีจำนวนมาก เฉินหลงพบเพียงแค่ประมาณร้อยชิ้นเท่านั้น รสชาติของเยลลี่ชั้นเยี่ยมนี้อร่อยยิ่งหว่าน้ำผึ้งธรรมดาๆ เฉินหลงยังรู้สึกด้วยว่าพลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างราบรื่นอย่างเส้นไหม เขารู้คุณค่าของสิ่งของต่างๆ เฉินหลงจึงใส่ของพวกนั้นในวงแหวนมิติ
ยิ่งไปกว่านั้น ในรังของผึ้ง เฉินหลงยังพบตัวอ่อนผึ้งอีกกว่าสองพันตัว
ตัวอ่อนผึ้งเป็นของดีบนโลก ตัวอ่อนนั้นไม่ได้มีเพียงคุณค่าทางโภชนาการที่อุดมสมบูรณ์และอร่อยแล้ว ตัวอ่อนผึ้งยังใช้เป็นยาได้ ดังนั้นแล้วของดีๆเช่นนี้จึงไม่ควรให้เสียประโยชน์ไป เขาจึงใส่ของพวกนี้ลงวงแหวนมิติ
แน่นอนว่า ราชินีผึ้งในรังได้โดนเฉินหลงฆ่าตายไปแล้ว
แต่อย่างไรก็แล้วแต่ หลังจากที่เขาค้นพบของดีๆเหล่านี้ เฉินหลงรู้สึกเสียดายที่เขาฆ่าราชินีผึ้งไป ไม่เช่นนั้นเขาคงเก็บพวกมันและใช้ “กระบวนท่าอสูรทั้งหมื่น” และปล่อยให้พวกมันผลิตน้ำผึ้งและให้กำเนิดตัวอ่อนผึ้ง
อย่างไรเสียเมื่อคิดอีกครั้งหนึ่งแล้วเขารู้ว่าจะต้องมีผึ้งรังอื่นในภูเขานี้อย่างแน่นอน ดังนั้นเฉินหลงจึงออกไปหารังผึ้งอื่นอย่างมีความสุข
“เรา คนธรรมดาสามัญช่างมีความสุขเหลือเกินวันนี้”
เฉินหลงกำลังอารมณ์ดี เขาฮัมเพลงไปและตามรังหาผึ้งต่อไป
TB:บทที่ 241 แหล่งหยกเจไดต์
ในตอนนี้ความคิดของเฉินหลงได้เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อเขาได้เผชิญหน้ากับ “เสือหางแมลงป่อง” มันธรรมดามาก แต่เขาจะต้องตายโดยทันทีหากเขาเผชิญหน้ากับ “ผึ้งสังหาร” และถ้าจำนวนของผึ้งพวกนั้นไม่ได้มีมาก เขาจะฆ่าพวกมันได้ในทันที เขาจะเก็บน้ำผึ้งและตัวอ่อนผึ้งได้ แต่ถ้าเขาเจอกับพวกตัวใหญ่เขาจะเก็บพวกมันไปก่อนและค่อยให้พวกมันทำงานให้เขาอย่างซื่อสัตย์
“เขามีเครื่องมือช่องมิติด้วยหรือ”
เมื่อพวกเขาเห็นสิ่งของของเฉินหลงที่หายไปอย่างไม่อาจอธิบายได้แล้ว นักบุญรุ่นเยาว์ทั้งสองรู้ได้ทันทีว่าเฉินหลงมีเครื่องมือช่องมิติ
แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาโล่งใจเมื่อคิดได้ว่านักบุญระดับสูงขอให้พวกเขาปกป้องเฉินหลงอย่างลับๆ
หลังจากนั้นวันหนึ่ง เฉินหลงเข้าไปในภูเขา ของที่เขาเก็บมาได้ยังคงอุดมสมบูรณ์ ในส่วนหลังของภูเขา เฉินหลงเจอรังผึ้งห้ารังที่มีขนาดเท่ากับรังก่อนหน้าที่เขาเจอ และเพื่อที่จะจัดการได้ง่ายๆ เฉินหลงตัดรังผึ้งเป็นสองส่วน แล้วเขาก็ฆ่าผึ้งทั้งหมดในรัง “ผึ้งสังหาร”ก่อน โดยไม่ทำให้น้ำผึ้งและตัวอ่อนต้องเสียไปแม้แต่น้อย แล้วเขาจึงหยิบของพวกนั้นใส่ไว้ในวงแหวนมิติ
ตอนเย็น เฉินหลงกินตัวอ่อนผึ้งย่างมื้อใหญ่ แล้วเขาจึงพักผ่อน
ในภูเขานี้มีราชันย์ที่เป็นเอกลักษณ์อย่าง “มดภูเขา” ดังนั้นเฉินหลงจึงมีเวลาพักผ่อน
เมื่อเฉินหลงเข้าระบบไป เขาจึงได้พัก
“ลูกศิษย์ เจ้าไม่ได้นำอาหารให้ข้ามาเสียหลายวัน” เมื่อเทียนซิงจื่อเห็นเฉินหลง เขาบ่นกับเฉินหลงว่าเขาไม่ได้นำอาหารมาให้
“อาจารย์ ไม่ใช่ว่าศิษย์ไม่อยากจะเอาอาหารอร่อยๆให้ท่านหรอกนะ แต่เป็นเพราะว่าศิษย์ของคุณไม่สามารถที่จะกลับบ้านตอนนี้ ผมจึงไม่สามารถหาอะไรอร่อยๆในตอนนี้ ผมมีเพียงสิ่งนี้เท่านั้น” เขาว่าด้วยสีหน้าขมขื่น เฉินหลงส่งน้ำผึ้งและตัวอ่อนผึ้งจำนวนหนึ่งในให้ไป
แน่นอนว่าเฉินหลงไม่ต้องการจะให้เทียนซิงจื่อไม่พอใจในตอนนี้
“โห ผึ้งของเจ้าอร่อยจริงๆ” หลังจากที่กินน้ำผึ้งไปนิดหนึ่ง ใบหน้าของเทียนซิงจื่อเต็มไปด้วยความสุข จากนั้นเขาแสดงสีหน้าประหลาดใจและกล่าวกับเฉินหลงว่า “ศิษย์เอ๋ย น้ำผึ้งของเจ้านั้นไม่ใช่ของที่เจ้าจะผลิตได้ที่นั้น ตอนนี้เจ้าอยู่ที่ใด”
เทียนซิงจื่อเป็นนักกินผู้ยิ่งใหญ่ ในทันทีที่อาหารเข้าปากเขา เขาจะแยกแยะพวกมันได้ในทันที น้ำผึ้งประเภทนี้แน่นอนว่าไม่ได้มาจากที่มาอาหารที่เขาเคยกินมาก่อน
“ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน แต่อย่างไรตอนนี้ผมไม่ได้อยู่โลก” จากนั้นเฉินหลงได้บอกเกี่ยวกับสถานที่ที่เขาอยู่ เขาหวังว่าเทียนซิงจื่อจะช่วยเขาได้
หลังจากได้ฟังที่เฉินหลงว่า เทียนซิงจื่อขมวดคิ้วเบาๆ แล้วเขาก็หยิบน้ำผึ้งจำนวนหนึ่งเข้าปากไป หลังจากที่เขาเพลิดเพลินไปสักพักเขาได้กล่าวว่า “พลังของคนที่ทำเรื่องอย่างการเดินทางข้ามจักรวาลและส่งผ่านรังสีได้จะต้องมีระดับศิรา(น้ำ)อย่างแน่นอน เขาสามารถเคลื่อนย้ายสสารที่โลกเจ้าอยู่ คนคนนั้นจะต้องมีเหตุผลสักอย่าง และเนื่องจากที่มีคนเคยเคลื่อนย้ายสสารมาก่อนเจ้าและได้จากไปแล้ว แปลว่า บนโลกของเจ้าจะต้องมีคนที่เคยเคลื่อนย้ายสสารออกไปก่อนหน้านี้ และตราบใดที่เจ้าเจอรังสีการเคลื่อนย้ายสสารเจ้าก็จะกลับไปยังโลกได้” คำของเทียนซิงจื่อทำให้เฉินหลงพูดอะไรไม่ออก เขาพูดมากมาย แต่ไม่มีคำแนะนำที่เป็นประโยชน์เลย ช่างไร้สาระ
“แล้วตอนนี้ผมออกไปจากที่นี่ไม่ได้หรือ” เฉินหลงถาม
“เป็นไปไม่ได้หากจะออกไป ตราบเท่าที่พลังของเจ้าเป็นขั้นปรามาจารย์แห่งดวงดาว แล้วข้าจะสอนเจ้าให้ใช้รังสีเคลื่อนย้ายสสาร และเจ้าจะได้เคลื่อนย้ายกลับมาโลกได้โดยตรง” เป็นอีกครั้งที่เทียนซิงจื่อกล่าวไร้สาระ
เฉินหลงอดไม่ได้ที่จะกรอกตา หากว่าพลังของเขาไปถึงระดับขั้นปรมาจารย์แห่งดวงดาว เขาจะต้องไปยังวิหารและถามพวกนักบุญว่าเขาจะกลับไปได้อย่างไร
“ศิษย์เอ๋ย เนื่องจากเจ้าโดนส่งไปที่นั้น จะต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่าง ดังนั้นโปรดจงอยู่ที่นั้นอย่างสงบใจ แน่นอนว่าหากเจ้าต้องการความช่วยเหลือใด ขอแค่ถามไถ่” เทียนซิงจื่อพูดอย่างใจกว้าง
สำหรับศิษย์อย่างเฉินหลงแล้ว เทียนซิงจื่อพึงพอใจนัก ในตอนแรกเฉินหลงจะให้อาหารอร่อยๆกับเขาเพื่อให้เขาติดปาก อีกอย่างคือคุณสมบัติของเฉินหลงที่ไม่เลว เทียนซิงจื่อที่เป็นคนคิดบวกคิดว่าเฉินหลงจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งระดับโลกได้ ในอดีตเทียนซิงจื่อเคยขี้งกกับเฉินหลง เนื่องจากอาหารที่เฉินหลงส่งมาให้เขา เขาจึงรู้ได้ว่าพละกำลังของมนุษย์ในโลกของเฉินหลงนั้นไม่ได้แข็งแกร่งนัก ดังนั้นเขาจึงหวังว่าเฉินหลงจะเป็นคนแข็งแกร่งได้ด้วยความพยายยามของเขาเอง ทว่าในตอนนี้เฉินหลงอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่แปลกประหลาดไป พลังที่แข็งแกร่งนั้นช่างทรงพลังมากกว่าบนโลก เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงเรื่องใดๆก็ตามที่จะเกิดขึ้นกับเฉินหลง เขาจึงครุ่นคิดถึงเรื่องของศิษย์ของเขา
เฉินหลงต้องการจะกล่าวว่าเขาไม่มีอะไรเช่นนั้น ทว่าเมื่อเขาคิดดูแล้ว เรื่องนี้คงอันตรายจริงๆ สุดท้ายแล้วทักษะที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาอย่างระฆังทองคงเป็นสกิลระดับโลกเพียงหนึ่งเดียว เมื่อเขาเจอกันคนที่แข็งแกร่งและสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติแล้วเขาไม่ได้มีอะไรเช่นนั้นเลย เขากล่าวไปว่า “ท่านอาจารย์ ทักษะการป้องกันร่างกายของศิษย์ที่นี่อ่อนแอไปเล็กน้อย โปรดจงให้ทักษะสร้างการป้องกันตัวกับผมอีก”
หลังจากที่ฝึกฝนระฆังทองแล้ว เฉินหลงรู้ถึงสิ่งสำคัญของการฝึกฝนร่างกาย
ไม่ว่าจะเป็นในกลุ่มการออกศึกหรือเป็นการประลองเดียว พวกคนที่ได้ฝึกฝนร่างการจะอยู่ได้นานกว่าพวกคนที่ไม่ได้ฝึกฝน
“ศิษย์มี “โฮวชิงจื่อ”ที่ได้สอนไป ตราบใดที่พลังของเจ้าไปถึงระดับลมปราณ แล้วเจ้าจะฝึกท่าโฮวชิงจื่อ ที่เป็นอมตะได้ และตราบเท่าที่เจ้าได้ฝึกขั้นพื้นฐาน เจ้าจะป้องกันการโจมตีส่วนมากของพวกที่แข็งแกร่งที่มีระดับต่ำกว่าปรมาจารย์แห่งดวงดาวได้ และหากว่าฝึกไปถึงขั้นระดับค่อนสูงไป เจ้าจะป้องกันการโจมตีในทุกระดับของความแข็งแกร่งที่ไม่เกินระดับปรมาจารย์แห่งดวงดาวได้ และแม้แต่ปรมาจารย์แห่งดวงดาวก็ยังทำร้ายไม่ได้” เทียนซิงจื่อกล่าว
เขารู้สึกซาบซึ้งที่มีทักษะแข็งแกร่งอย่าง “โฮวชิงจื่อ” เฉินหลงรีบขอบคุณเทียนซิงจื่อ
“เพื่อการฝึกฝนที่ดี ต้องส่งน้ำผึ้งและตัวอ่อนผึ้งให้ข้ามากกว่านี้ในอนาคต” หลังจากที่เทียนซิงจื่อกล่าวจบ เฉินหลงได้ตัดการติดต่อไป
หลังจากที่ตัดการติดต่อ เฉินหลงรู้สึกตื่นเต้นที่ “โฮวชิงจื่อระดับสูง และปรมาจารย์แห่งดวงดาวไม่อาจจะทำร้ายเขาได้ นี่ช่างวิเศษสุด”
ก่อนหน้าเฉินหลงไม่ได้มีโฮวชิงจื่อระดับสูงในความทรงจำ อาจเป็นเพราะพละกำลังนั้นไม่เพียงพอ ในตอนนี้เขาจะต้องพยายยามเพิ่มพลังของลมปราณ
หลังจากที่พักผ่อนในยามค่ำคืนไปแล้ว เฉินหลงเริ่มจะทำการเพิ่มพลังอีกครั้ง
ในขณะเดียวกันเฉินหลงไม่หยุดที่จะมีความหวัง ในวันต่อมาเฉินหลงพบเจอแหล่งหยกเจไดต์ในภูเขา เขาเห็นว่ามีการรักษาแหล่งหยกเจไดต์ไว้ เฉินหลงพลันตื่นเต้นในทันใด
ตราบใดที่เขากลับไปที่โลกได้ แหล่งการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของหยกเจไดต์จะไม่อยู่ที่พม่าอีกต่อไปแต่จะเป็นที่ของเขา
และเนื่องจากได้พบแหล่งแร่แล้ว พวกเขาจึงควรไปดู
“หินแห่งแสง” ที่แลกกับ อู๋หยิง (ไร้เงา) เป็นสิ่งของที่ดี เฉินหลงใช้ “หินแห่งแสง” ทั้งสามสิบก้อนไปจนหมดในตอนนี้ตราบใดที่เฉินหลงมีแหล่งหยกเจไดต์ เฉินหลงจะต้องมี “หินแห่งแสง” อย่างไม่จบสิ้น
เมื่อนำทางโดยความหวัง เฉินหลงค่อยๆเจอกับแหล่งหยกเจไดต์
TB:บทที่ 242 ร่างอันเป็นอมตะของเทพเจ้าแห่งไฟ
ในตอนที่เฉินหลงเข้าไปใกล้แหล่งแร่มากและมากขึ้น ก็ยิ่งมี “แมลงป่องหางเสือ” มากขึ้นด้วย มีดเขายังเหวี่ยงไปมาอย่างไม่เรียบร้อนเท่าไร
*** แมลงป่องหางเสือ (เสือหางแมลงป่อง) เนื่องจากอ่านจากบริบทของบทนี้ แอดจึงคิดว่า มันน่าจะมีร่างต้นเป็นแมลงป่องมากกว่าเสือ ก่อนหน้านี้แปลผิดต้องขออภัยด้วย เนื่องจากแปลจากจีน คำบางคำอาจมีผิดพลาด 0Z
“แหล่งหยกนี่เป็นรังของ “แมลงป่องหางเสือ” หรือนี่” อย่างไรก็ตาม เรื่องนี่ก็เยี่ยมยอดเช่นกันนอกจากที่เขาเข้าไปใกล้เหมืองมากขึ้น “อีกอย่างฉันยังเพิ่มพลังไปได้ด้วย ฉันชอบนะ” เฉินหลงกล่าวในใจ
จากนั้นเขาโยนชิ้นเยลลี่ชั้นเยี่ยมเข้าปากไป
ในตอนนี้ ของเยี่ยมยอดอย่างเยลลี่ชั้นเยี่ยมนี่กลายเป็นขนมของเฉินหลงไปแล้ว ไม่ใช่แค่จะได้เพลิดเพลินไปกับรสชาติที่อร่อยของเยลลี่ชั้นเยี่ยมเท่านั้น แต่พลังยังเพิ่มขึ้นเล็กน้อยด้วย ช่างเป็นสิ่งที่เยี่ยมอะไรเช่นนี้
ในทางเข้าของเหมือง จำนวนของ“แมลงป่องหางเสือ”ที่ตายเนื่องจากน้ำมือของเฉินหลงมีมากถึงสามพันตัว เขาฟังเสียงของพวก“แมลงป่องหางเสือ”ที่คลานอยู่ในถ้ำแล้วทำให้เขารู้ว่ายังมี“แมลงป่องหางเสือ”อยู่ในถ้ำอีก
เฉินหลงเดินเข้าไปในหลุม ที่ที่มีแมลงป่องหางเสืออยู่จำนวนนับไม่ถ้วน พวกมันเข้ามาหาเฉินหลง เขารีบโจมตีมันอย่างรวดเร็ว
อย่างไรเสีย พลังของพวก“แมลงป่องหางเสือ”นั้นอ่อนแอขนาดที่ว่าไม่สามารถจะทำลายระฆังทองของเฉินหลงได้
เฉินหลงยังต้องพยายามอย่างหนักเพื่อรับมือกับพวกมันอยู่ดี แม้ว่าพลังของพวกมันจะอ่อนแอก็ตาม ทว่าเปลือกบนหลังของพวกมันกลับแข็งอย่างมาก เมื่อใช้มีดนรกฟันลงไปแล้วยังทิ้งไว้เพียงรอยข่วนสีขาวเท่านั้น
การฆ่าพวกมันมีทางเดียว นั่นคือ เมื่อพวกมันยกก้ามหนีบขึ้นและเปิดปากออก เฉินหลงจะตัดมันขาดครึ่งด้วยมีด
ดูเหมือนว่าเหมืองนี้จะเป็นรังของพวก“แมลงป่องหางเสือ”จริงๆ หลังจากที่เฉินหลงผ่าครึ่งพวกมันไปฝูงหนึ่ง อีกฝูงก็โผล่ออกมาทันที
เนื่องจากพวก“แมลงป่องหางเสือ”ไม่อาจจะทำอะไรเฉินหลงได้ เฉินหลงจึงใช้เวลาในการมองผนังถ้ำ เขาเห็นว่ามีหยกเจไดต์โผล่ออกมาจากผนังถ้ำอยู่บ้าง และดูเหมือนว่าเนื้อหยกยังยอดเยี่ยมด้วย
หลังจากที่เขาเห็นหยก เฉินหลงเพ่งความสนใจไปยังการต่อสู้กับสัตว์ประหลาดต่อและเพิ่มพลังของเขาเอง
และเท่าที่เขาเก็บกวาดพวกแมลงป่องพวกนี้ ของของพวกมันจะเป็นของของเขา
ฆ่า ฆ่า ฆ่า
ฆ่าต่อไปเรื่อย
เฉินหลงใกล้จะเข้าสู่ระดับการปลดปล่อยพลังลมปราณแล้ว
ครึ่งวันต่อมา เฉินหลงได้เข้าไปลึกในเหมือง ตอนนั้นเองที่พวก“แมลงป่องหางเสือ”เข้ามาล้อมเฉินหลง พวกมันได้เปลี่ยนรูปร่างจากตัวสีดำเป็นตัวสีเหลืองอ่อน พลังของพวก“แมลงป่องหางเสือ”นี้มีระดับลมปราณ
ทว่าแม้แต่พวก“แมลงป่องหางเสือ”นี้ก็ยังไม่อาจทำลายระฆังทองของเฉินหลงได้
เปลือกสีเหลืองอ่อนของ“แมลงป่องหางเสือ”นั้นแข็งกว่าตัวสีดำ มีดนรกไม่อาจทิ้งร่องรอยใดบนเปลือกพวกมันได้ แต่อย่างไรเสียพวกมันมีจุดอ่อนเดียวกัน ตราบเท่าที่พวกมันยังโจมตีเขา เขาก็ยังตัดพวกมันขาดครึ่งได้
นอกจากอัญมณี แล้วเปลือกของพวก“แมลงป่องหางเสือ”ยังเป็นสิ่งที่เฉินหลงต้องเก็บด้วย
นักบัญรุ่นเยาว์ทั้งคู่รู้สึกถึงกระบวนท่าของเฉินหลงอย่างลับๆ พวกเขารู้สึกหวั่นเกรงกับความแข็งแกร่งของเฉินหลง
พวกนักรบที่มีพลังระดับเจ็ดเข้าไปในรังของ“แมลงป่องหางเสือ” เป็นเวลานานได้ และหากว่าเฉินหลงไม่ได้มีชีวิตอยู่ตรงนี้และไล่เตะปากของพวกมันอยู่ พวกเขาคงคิดว่าเฉินหลงคงตายในรังไปแล้ว
ทั้งสองมองหน้ากันและเห็นความประหลาดใจในตาของกันและกัน
ดูเหมือนว่าคนที่พวกผู้อาวุโสขอให้พวกเขาคอยปกป้องจะมีความพิเศษนัก
และในตอนนั้นเอง เฉินหลงยังคงเดินเข้าไปเรื่อยๆ เขาทิ้งซากของแมลงป่องไว้ตลอดทาง
และในตอนนี้ เขาอยู่ในรังของ“แมลงป่องหางเสือ”ทำให้แม้เขาจะอยากพักผ่อนก็ไม่อาจทำได้เลย มีเพียงต้องฆ่าเพื่อเปิดทางเข้าไปเท่านั้น
หนึ่งวันและหนึ่งคืนต่อมา ในที่สุดเฉินหลงก็ได้ลงไปถึงชั้นล่างสุด
คงไม่อาจจะกล่าวได้ว่าเส้นทางได้โดนทำลายไปแล้ว เบื้องหน้าหลุมนี้กว้างอย่างน้อยสองเมตรและลึกกว่าสองร้อยเมตร ภายในหลุมนั้น มี“แมลงป่องหางเสือ”สีเหลืองอ่อนอยู่อย่างหนาแน่นและทับกันไปมา บนชิ้นของหยกสีเขียวแบบพิเศษที่วางอยู่บนพื้นมี ‘แมลงป่องสีทอง’ หยกนั้นยาวกว่าหกเมตรและกว้างกว่าสี่เมตร มันมีขนาดใหญ่กว่า “แมลงป่องหางเสือ” ธรรมดาๆกว่าสองเท่า และใหญ่กว่าทั้งตัวของ “แมลงป่องหางเสือ” สีทองทั้งตัว
พลังของ“แมลงป่องหางเสือ”นี้ได้มากถึงระดับหลอมรวมธรรมชาติ
“เยี่ยม หลอมรวมธรรมชาติอยู่ในระดับเดียวกัน เช่นนั้นมาเป็นค่าประสบการณ์ให้ฉันก้าวผ่านไปสู่ระดับปลดปล่อยพลังลมปราณที” สิ้นคำ เฉินหลงกระโดดลงไปที่ก้นหลุม
ขณะที่ลอยอยู่ในอากาศ เฉินหลงหยิบโล่ป้องกันและค้อนแห่งแรงโน้มถ่วงออกมา ในตอนนั้นเองที่เขาต้องการจะยกระดับ ไม่ว่าจะยุติธรรมหรือไม่ก็ตาม เฉินหลงก็ไม่เป็นคนโง่ที่จะไม่ต้องใช้เครื่องมืออาวุธ
พวก “แมลงป่องหางเสือ” ที่อยู่ภายใต้หลุมที่เฉินหลงกระโดดลงไป พวกมันมีโทสะขึ้นมาทันทีนี่คือรังเก่าของพวกมันและคนที่กล้าบุกเข้ามาจะต้องโดนฆ่า
เนื่องจากมีโล่ป้องกัน เฉินหลงจึงไม่บาดเจ็บหลังจากที่กระโดดลงไป แทนที่จะเจ็บตัวเฉินหลงบดขยี้“แมลงป่องหางเสือ”ไปสองสามตัว
“แมลงป่องหางเสือ” สีทองมองที่เฉินหลงครั้งหนึ่ง มันไม่ได้มองเขาต่ออีก
โดยไม่คาดคิดเฉินหลงโดนแมลงป่องเกลียดชัง เฉินหลงมองอย่างโกรธๆว่า “มาฆ่าฉันสิ”
เขาเพิ่มแรงกดเป็นร้อยเท่า
แล้วค้อนนั้นก็ทำให้พลุระเบิดในหลุมนั้น
มีเสียงของ“แมลงป่องหางเสือ”ที่โดนกระทืบและระเบิดออกในหลุม
อีกทั้งค้อนแห่งแรงโน้มถ่วงยังทรงพลังชนิดที่ว่าน้องๆของพวกมันโดนฆ่าไปโดยไก่อ่อนอย่างมนุษย์ตรงหน้ามันในทันที “แมลงป่องหางเสือ”สีทองนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง แล้วมันจึงรีบพุ่งเข้าหาเฉินหลงด้วยโทสะ มันต้องการจะฉีกเฉินหลงเป็นชิ้นๆเพื่อแก้แค้นให้น้องๆของมัน
แต่อย่างไรเสีย เฉินหลงไม่ได้สนใจเรื่องการโจมตีของ“แมลงป่องหางเสือ”นัก
การโจมตีของ“แมลงป่องหางเสือ”สีทอง ที่กระทบกับโล่ป้องกันที่ขวางการโจมตีไว้ เฉินหลงไม่เคลื่อนที่ไปแม้แต่น้อย
เขามองเฉินหลงที่ไม่ขยับเขยื้อน “แมลงป่องหางเสือ” สีทองสับสน มนุษย์ตรงหน้ามันช่างอ่อนแออย่างแน่ชัด ทว่ามันกลับทำอะไรเขาไม่ได้
“ไม่ต้องดิ้นรน ยอมตายเพื่อฉันซะเถอะ” สิ้นคำ แรงโน้มถ่วงที่มากกว่าเดิมร้อยเท่ากดทับลงบนตัวของ “แมลงป่องหางเสือ” สีทอง
เมื่อโดนแรงกดกว่าร้อยเท่าทับลงไปแล้ว“แมลงป่องหางเสือ”สีทองโดนกดลงไปตรงๆ จากนั้นมันโดนกดลงไปจนระเบิดออกและเหลือไว้เพียงเปลือกสีทอง
หลังจากที่ฆ่า“แมลงป่องหางเสือ”แล้ว พลังของเฉินหลงได้ก้าวเข้าสู่ปลดปล่อยลมปราณ
ในขณะเดียวกัน สูตรพลังที่มีร่างอมตะของโฮวชิงจื่อได้ปรากฏในจิตสำนึกของเฉินหลง
“ใช้ไฟเป็นรากฐานเพื่อสกัดไฟให้เป็นร่างกาย เพื่อร่างกายที่ไม่อาจทำลายได้มาเป็นหมื่นกลวิธีที่ไม่อาจดับทำลายได้”
เนื่องจากการปรากฎของสูตรพลัง ร่างของเฉินหลงไม่อาจรู้สึกได้ว่า “โฮวชิงจื่อ” เริ่มไหลในร่างกายเขา อีกทั้งยังหลอมเข้ากับจิตวิญญาณแห่งสรวงสวรรค์และโลกหล้า
เมื่อพลังของเฉินหลงยกระดับไปสู่ระดับปลดปล่อยลมปราณ นักบุญรุ่นเยาว์ทั้งสองไม่อาจเชื่อสายตา เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงว่าเฉินหลงจะแสดงพลังออกมาเช่นนี้ได้
เนื่องจากว่าพวกเขาประหลาดใจ พวกเขาจึงรู้สึกถึงอากาศจากสวรรค์และโลกหล้าจำนวนมากได้มารวมกันในแหล่งแร่นี้ คล้ายกับเป็นหลุมอันใหญ่ยักษ์ที่ปรากฏในแหล่งแร่ที่ต้องการพลังชี่แห่งสรวงสวรรค์จำนวนมากเพื่อเติมเต็ม
“อะไรกันละเนี่ย”
นักบุญรุ่นเยาว์ทั้งสองต้องการจะเห็นว่าอะไรคือสิ่งที่เข้าไปข้างในนั้น คนที่อายุมากกว่าทำได้เพียงปกป้องอีกคนอย่างลับๆ ในตอนนี้ชีวิตของเฉินหลงไม่ได้อยู่ในอันตรายอีกต่อไปแล้ว พวกเขาจึงต้องเก็บความสงสัยใคร่รู้ไว้ข้างนอกนั่น
แต่อย่างไรเสีย นักบุญรุ่นเยาว์ทั้งสองที่มองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในแหล่งแร่แล้ว พวกเขาประหลาดใจ เนื่องจากเฉินหลงมีไฟขนาดใหญ่ล้อมรอบอยู่ทั้งในและนอกร่างของเฉินหลง ทุกๆครั้งที่เปลวไฟเข้าและออกไป เปลวไฟจะนำส่วนที่ไม่บริสุทธิ์ที่ใช้การไม่ออกมาจากร่างเฉินหลงและสกัดมันในร่างของเขา
TB:บทที่ 243 เครื่องขุดเหมืองอัจฉริยะ
ไฟแห่งสวรรค์และโลกหล้าสกัดร่างของเขาหนึ่งวันหนึ่งคืน
เมื่อเฉินหลงตื่นขึ้นมาจากความรู้สึกอันแปลกประหลาดแล้ว ร่างอมตะของโฮวชิงจื่อในระดับต้นก็เริ่มทำงาน
โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่ใช้โฮวชิงจื่อจะฝึกฝนอย่างน้อยครึ่งปีเพื่อให้พลังเข้าถึงระดับเริ่มต้น ร่างของผู้ที่ฝึกจะยังโดนชะล้างและเปลี่ยนแปลงไปโดยพลังแห่งสรวงสวรรค์และโลกหล้า พวกเขายังมีร่างของมนุษย์ที่มีความไม่บริสุทธิ์จำนวนมากในร่างอยู่ดี ดังนั้นแล้วพวกเขาต้องใช้เวลาอย่างมากเพื่อจำกัดส่วนที่ไม่บริสุทธิ์ เพื่อคุณภาพแล้วแม้การจัดการจะกินเวลาถึงหนึ่งหรือสองปี กระบวนการนี้ก็ไม่ได้มากเกินไปเลย
เหตุผลที่เฉินหลงสามารถจะฝึกฝนได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้เนื่องจากในเมื่อเขามีร่างพิเศษอยู่ ร่างกายของเขาได้เปลี่ยนไปเนื่องจากผลไฟ ที่ทำให้ร่างของเขาเข้าใกล้การเป็นร่างแห่งไฟ
ดังนั้นแล้วจึงใช้เวลาเพียงไม่นานที่จะพัฒนาให้กลายเป็นร่างอมตะของเทพเจ้าแห่งไฟสมบูรณ์ได้
“นี่หรือคือความเป็นอมตะ” เฉินหลงรู้สึกได้ว่าร่างของเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
จากนั้น เขาได้ส่งพลังทั้งหมดไปที่ช่วงอกของเขา
เมื่อฝ่ามือของเฉินหลงสัมผัสกับช่วงอกแล้ว เขาพลันพบว่าร่างของเขาได้เปลี่ยนไปในจังหวะที่เขาจับตัวของเขาด้วยมือ ร่างของเขาดูเหมือนจะกลายเป็นร่างที่มีพื้นฐานเป็นธาตุ
เมื่อพลังที่ทรงพลังจากฝ่ามือของเขาโจมตีร่างกายก็เหมือนกับการสัมผัสความว่างเปล่า คือไม่มีความบาดเจ็บอะไรเกิดขึ้นกับร่างของเขา
หลังจากนั้น เฉินหลงตบฝ่ามือใส่ตัวเองอีกสองสามครั้ง แต่เขาไม่เจ็บตัวเลยแม้แต่น้อย
เขารู้สึกได้ถึงร่างที่ทนทานของเขา เฉินหลงประหลาดใจที่ “ร่างอมตะนี้ ยอดเยี่ยมจริงๆ”
ระฆังทองเป็นพลังที่ทำให้ศัตรูโจมตีไม่ได้ พลังนั้นจะต้องรับมือกับพลังโจมตีบางอย่าง ทว่าคนโจมตีจะไม่โดนโจมตีกลับด้วยพลังของตนเอง นั่นเหมือนฝูงสัตว์มากกว่า
หลังจากที่รู้สึกความยิ่งใหญ่ของร่างกายอันอมตะ เฉินหลงเก็บกวาดหลุมที่มีเปลือกแมลงป่องและหินอัญมณีเข้าไปในวงแหวนมิติ แน่นอนว่าเฉินหลงไม่ลืมใส่หยกสีเขียวชั้นยอดนี้เข้าไปในแหวนด้วย
เมื่อเขาเก็บกวาดเสร็จแล้ว ในตอนที่เฉินหลงกำลังจะออกไปจากหลุมเพื่อหารังผึ้งในเขาต่อ เขาเห็นว่ามีมรกตอยู่เต็มหลุม เฉินหลงจึงขุดขึ้นมาอีกครั้ง
สุดท้ายแล้วเขาก็เห็นสิ่งของดีๆที่ไม่มีเจ้าของอยู่และเขาไม่อาจจะเอาไปเองได้ เฉินหลงรู้สึกไม่สบายใจ
หลังจากที่คิดเรื่องนี้แล้ว เฉินหลงเข้าระบบไปอีกครั้ง ในครั้งนี้เฉินหลงมองหาเครื่องมือแหลมๆสำหรับใช้ขุดเหมือง
“ที่ขุดโชคดี หากใช้ที่ขุดนี่เพื่อขุดแล้ว จำนวนของแร่ที่ขุดได้จะเพิ่มสูงขึ้นตามระดับ พลั่วนี้ใช้ได้กับแร่ระดับดวงดาวเท่านั้น คนขายพลัวนี้คือลาก้าบาร์ จากกาแลกซี่แร่ลาโด ในราคาหนึ่งแสนแต้ม”
“มีช่องมิติที่ไม่มั่นคงอยู่ในส่วนของผู้เก็บเกี่ยวขนาดเล็ก ช่องมิติที่ไม่มั่นคงนี้มีระยะทางกว่าหนึ่งหมื่นกิโลเมตร มีเวลาชีวิตหนึ่งปี คนที่ขายแห่งลาก้าบาร์จากระบบแร่ลาโดขายของนี้ห้าหมื่นแต้มแลกเปลี่ยน”
“หุ่นยนต์ขุดเหมืองอัจฉริยะ ที่มีพลังงานจากแบตเตอรี่ในตัวเอง สามารถทำงานติดต่อกันได้สามสิบปี เมื่อพลังของมันล้าไปแล้ว จะมีการแทนที่ด้วยแบตเตอรี่เพื่อให้ใช้งานต่อได้ คนที่ขายคือคนลาก้าบาร์จากกาแลกซี่แร่ลาโด ของนี้ขายอยู่ที่หนึ่งหมื่นแต้มแลกเปลี่ยน”
“ถุงมือขุดเหมืองที่มีพลังเพื่อใช้ขุดเหมืองนั้นสามารถเพิ่มพลังได้สิบเท่า…..”
……
ในที่สุดเฉินหลงเลือกรถบรรทุกขุดเหมืองอัจฉริยะจากโลกกูลาลินเทคโนโลยี หมิงกูนักขุดเหมือง คนที่ขายรถนี้คือเบอเลย์และมีราคามากถึงแสนห้าหมื่นแต้มแลกเปลี่ยน
เครื่องขุดเหมืองอัจฉริยะมาพร้อมกับแหล่งพลังงานถาวรที่จะขุดต่อเนื่องไปได้จนกว่าจะเจอกับแสงแร่ที่เฉพาะ หากว่ามีความเสียหาย เครื่องนี้จะซ่อมแซมตัวเองได้ ส่วนที่สำคัญที่สุดคือเครื่องขุดเหมืองอัจฉริยะนี้บิดเข้ากับช่องมิติได้ เพื่อให้ง่ายขึ้น เฉินหลงซื้อรถบรรทุกขุดเหมืองอัจฉริยะนี้และใช้เครื่องนั้นขุดหยกเจไดต์ที่นี่ แล้วส่งหยกเจไดต์ที่ขุดได้มาใส่แหวนของเฉินหลงโดยตรง
แน่นอนว่ามีความจำกัดอยู่ นั่นคือเครื่องนั้นสามารถใช้ได้บนโลกใบเดิมเท่านั้น
เนื่องจากมีค่าแลกเปลี่ยนที่แพงมากถึงแสนแต้ม เฉินหลงจึงซื้อเพียงเครื่องเดียวไว้ใช้ขุดมรกต
หลังจากที่เขาแลกเปลี่ยนรถบรรทุกขุดเหมืองอัจฉริยะมาแล้ว เฉินหลงรู้สึกโง่เล็กน้อย ของนี้เล็กกระจ้อยร่อยขนาดนี้ได้อย่างไร
ในตอนแรก เครื่องขุดเหมืองอัจฉริยะนั้นมีขนาดเท่ากับรถของเล่น
แต่อย่างไรเสีย เนื่องจากคำแนะนำเครื่องมือนี่ช่างน่าสนใจนัก เฉินหลงจึงไม่คิดให้มากความ อย่างไรก็แล้วแต่ระบบก็ไม่อาจจะขายของปลอมได้ เขาจึงทำตามชุดคำสั่งอย่างในคำแนะนำเพื่อให้รถบรรทุกขุดเหมืองนี่ผูกมัดมิติสองช่องเข้าไว้ด้วยกัน
ในนาทีเดียว ก็ทำเสร็จ
ความเป็นจริงแล้ว คงจะกล่าวได้ว่า เป็นการใส่รถบรรทุกขุดเหมืองเข้าไปในวงแหวนอวกาศและทำให้รถบรรทุกนั้นออกมา จากนั้นเฉินหลงจึงตั้งรถบรรทุกขุดเหมืองไว้บนพื้น
ในทันทีที่รถบรรทุกขุดเหมืองวางลงบนพื้น เครื่องนั่นก็เริ่มทำงาน
ในตอนแรกสุด มีแสงสีม่วงส่องสว่างออกมาจากรถยนต์ที่รายล้อมบริเวณนั้น จากนั้นมันจึงเริ่มวิเคราะห์ภูเขานี้ จากนั้นก็มีแสงสีขาวเปล่งออกมาจากรถคันนั้น หลังจากที่แสงนี้เข้าไปในเขาแล้ว เขาไม่รู้ว่าจะใช้วิธีใดต่อเพื่อให้ได้มาซึ่งหยกเจไดต์ออกมาจากเขา
หลังจากนั้น แสงสีขาวได้ห่อหุ้มหยกเจไดต์ออกมาจากยอดของรถบรรทุกขุดเหมือง และปล่อยลงมา
เมื่อหยกเข้าไปบนยอดสุดของเครื่องเก็บเกี่ยวแล้ว ก็มีประตูมิติบนเครื่องเก็บเกี่ยว หลังจากนั้นหยกเจไดต์ก็ตกลงพื้นและหายไป
ในตอนนั้นเอง เฉินหลงพบว่าหยกนั้นจะต้องอยู่ในแหวนเขาแล้วแน่นอน
“ยอดเยี่ยม” เขาเห็นเครื่องขุดเหมืองที่ส่งเสียงตามทางที่ขุดแล้ว เฉินหลงทำได้เพียงประเมินค่าเป็นคำเท่าที่ทำได้
จากนั้นเฉินหลงโล่งใจที่ได้ออกจากถ้ำ เขาออกตามหารังผึ้งต่อ
ในตอนนั้นเองที่พลังของเฉินหลงไปถึงระดับปลดปล่อยพลังลมปราณและมีพลังของเทพเจ้าแห่งไฟในขั้นต้นที่เป็นอมตะ “ผึ้งสังหาร” ในเขานี้ไม่อาจจะคุกคามเฉินหลงได้อีกแล้ว น้ำผึ้งและตัวอ่อนผึ้งในรังผึ้งอันเล็กกลายมาเป็นของล้ำค่าของเฉินหลงไป
แน่นอนว่าเฉินหลงจะเก็บน้ำผึ้ง ตัวอ่อนผึ้ง ราชินีผึ้งและผึ้งงาน ดังนั้นแล้วเฉินหลงจึงขี้เกียจเกินกว่าจะฆ่า
ทว่าหากพวกมันไม่มีตาแล้ว พวกมันก็จะโดนทำลายไป
หลังจากที่เฉินหลงตามหาของในเขาไปอีกสามวัน ในที่สุดเฉินหลงก็เจอรังผึ้งขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่าหนึ่งกิโลเมตร รังผึ้งนี้ได้ห้อยอยู่กับต้นไม้ ทว่ามันร่วงลงมาบนพื้น เมื่อมองจากที่ไกลๆรังผึ้งนั้นช่างคล้ายกับยอดเขา
เมื่อเขาเห็นรังผึ้งแล้ว สายตาของเฉินหลงเป็นประกายและน้ำลายเกือบไหลออกมา หลังจากที่ได้ลองชิ้มเยลลี่รสเลิศชั้นเยี่ยม เฉินหลงไม่อาจจะทำอะไรโดยไม่มีเยลลี่แสนอร่อยนี่ได้
เมื่อมันรู้ว่ามีคนกำลังมาทางพวกมัน “ผึ้งสังหาร” จำนวนนับไม่ถ้วนก็บินออกมาจากรังและพุ่งเข้าหาเฉินหลง แต่อย่างไรเสียเฉินหลงไม่ได้ตั้งใจจะสนใจพวกมัน เขาตรงเข้าไปตามหาราชินีผึ้ง
หลังจากนั้น เขาก็เจอราชินีผึ้ง เป็นราชินีผึ้งที่ตัวใหญ่มากกว่าขนาด “ผึ้งสังหาร” ปกติเป็นสิบเท่า พลังของมันเหมือนกับพลังของราชินีมด เพื่อที่จะผลิตผึ้งให้เหมาะสมกับจำนวน ราชินีผึ้งจึงไม่มีปีก ส่วนท้องของมันใหญ่โตและโปร่งใส จะเห็นตัวอ่อนผึ้งข้างในได้เรื่อยๆ
เมื่อเธอเห็นเฉินหลงเข้ามา ราชินีผึ้งโกรธขึ้นมาทันทีและโจมตีเฉินหลงด้วยพลังจิต
แต่อย่างไรเสีย เฉินหลงได้เตรียมพร้อมแล้วสวมเครื่องมือกึ่งเทวาไว้นานแล้ว การโจมตีทางจิตจึงไม่มีผล
“ยาหยีตัวน้อย จงเชื่อฟัง แค่ไม่นาน” เฉินหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ายวน
TB:บทที่ 244 นักฆ่าทั้งเจ็ด
พลังจิตของราชินีผึ้งไม่มีทางเข้าไปหาเฉินหลงได้ เธอขยับตัวเองไม่ได้ ลูกๆของเธอไม่มีทางเข้าหาเฉินหลงได้ด้วย ในตอนนี้มันจึงปล่อยเฉินหลงไปเลยตามเลย
แม้ว่าพลังของราชินีผึ้งจะมีถึงระดับ “หลอมรวมธรรมชาติ”
แต่พลังของเฉินหลงได้ก้าวไปถึงระดับปลดปล่อยลมปราณแล้ว อีกอย่างหนึ่งคือมีพลังที่เพิ่มขึ้นจากสร้อยเครื่องมือ เขาจึงควบคุมพวกมันได้โดยใช้พลังกระบวนท่าปราบสัตว์อสูรทั้งหมื่น
สิบนาทีต่อมา นอกจากราชินีผึ้งแล้ว เฉินหลงยังมีราชินีผึ้งอีกตัวหนึ่ง
หลังจากนั้นเขาเดินเข้าไปหาราชินีผึ้ง เฉินหลงเก็บเอาน้ำผึ้งทั้งหมดไปด้วย ตัวอ่อนผึ้งและเยลลี่ชั้นเยี่ยมจากรังโดยไม่ต้องเกรงใจ เขาสั่งราชินีผึ้งให้ขยายรังต่อ ทำน้ำผึ้งให้มากขึ้นและวางไข่เพิ่ม หลังจากนั้นเขาออกจาก “เขาผึ้ง” ไป เช่นเดียวกับที่เขาเคยทำ หลังจากนั้น“แมลงป่องหางเสือ”ในเขานี้โดนกำจัดไปหมดแล้ว เขาจึงเรียกภูเขานี้ว่า “เขาผึ้ง”
หลังจากออกจากเขาผึ้งไปแล้ว เฉินหลงเข้าไปด้านในภูเขา
ในเขาทุกลูกมีสัตว์ป่าอยู่ ราชาสัตว์ป่าที่แข็งแกร่งที่สุดในเขาที่ไกลที่สุดมีระดับพลังหลอมรวมธรรมชาติ มีระดับพลังเวทย์มนต์อยู่สิบระดับ ภายในระดับสิบเอ็ดนั้นมีพลังจิตวิญญาณที่สกัดในร่างกาย ภายในส่วนลึกสุดของภูเขามีปรมาจารย์แห่งดวงดาวระดับสิบสองอยู่ ทว่าในตอนนี้พลังของเฉินหลงได้ผ่านพ้นไปถึงระดับแปดของระดับ “ปลดปล่อยพลังลมปราณ” หากว่าเขายังคงจัดการกับพวกลูกน้องแบบนี้ เขาคงไม่อาจจะเพิ่มระดับพลังได้ เขาจะต้องเข้าไปด้านในป่า
“จะมีอะไรอย่างอื่นให้เขาทำอีก” เมื่อเห็นว่าเฉินหลงเขาไปในภูเขาอีกรอบ นักบุญรุ่นเยาว์ทั้งสองที่ซ่อนอยู่ในเมฆพูดอะไรไม่ออก
“ไม่รู้สิ แต่ไม่ต้องคิดมากไป เราควรจะตามไปให้ทันดีกว่า เพื่อกันไม่ให้เขาตกอยู่ในอันตราย” นักบุยไป่รุ่นเยาว์อีกคนว่า
“ข้าหวังว่า เขาจะไม่เข้าไปมากไปนะ ไม่เช่นนั้นเราคงปกป้องเขาไม่ได้” นักบุญเฮ่ยรุ่นเยาว์ว่าอย่างทำอะไรไม่ได้
เฉินหลงในสายตาพวกเขาก็เหมือนเป็นปิศาจ เขาปรับความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ที่ทำให้เขาคิดได้ว่ามีคนเช่นนี้อยู่จริงๆบนโลก
เขาทุกลูกช่างกว้างใหญ่ และด้วยพลังของเฉินหลงในตอนนี้ เขายังไม่สามารถจะบินได้ เขาจึงใช้เวลากว่าสิบวันเพื่อจะข้ามเขาไป การเดินเท้าช่างเชื่องช้าเสียจริง
ห้าวันต่อมาเฉินหลงไม่อาจจะผ่านเขาลูกที่อยู่เบื้องหลังเขาผึ้งไปได้
เนื่องจากสัตว์ประหลาดในเขานี้คือสัตว์ประหลาดที่คล้ายหมาป่า ทว่าร่างกายของมันใหญ่โตกว่าหมาป่าหลายเท่า ชื่อของมันที่เรียกขานกันใน “นิวเวิร์ล” นี้คือ “อสูรหมาป่ายักษ์” พลังของมันไปถึงระดับ “ลมปราณ”
“ไม่ ฉันทำไม่ได้ ถ้าเข้าไปทางนี้จะต้องใช้เวลาเข้าเขาไปหลายวันทีเดียว เขานี้ยังมีสัตว์ที่แข็งแกร่งอยู่อีกด้วย นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ”
หลังจากที่เฉินหลงตัดอสูรหมาป่าให้ขาดครึ่งแล้วด้วยมีดแล้ว เขารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
ด้วยความเร็วขนาดนี้ เวลาจะเสียไปกับการเดินทาง
ในตอนนั้นเองที่เฉินหลงกำลังจะเข้าระบบไปเพื่อดูว่ามีเครื่องมืออะไรใช้บินได้บ้าง เขาพลันได้ยินคนบางคนคุยกัน
“น่าแปลก มีใครคนอื่นมาที่นี่ด้วยหรือ” เฉินหลงมีสายตาที่แปลกไป
เขาทั้งแสนลูกเป็นหนึ่งในสี่สถานที่อันตรายที่ยิ่งใหญ่ในอาณาจักรคุนหลุน เป็นที่ที่อันตรายยิ่งนัก เว้นเสียแต่จะเป็นคนอย่างเฮยจุ่ยที่อยากจะเข้าในภูเขานี้ไปเพื่อขุดเหมือง คนส่วนมากก็จะไม่เข้าไปที่นั่นเลย ทว่าในตอนนี้ คงจะเป็นเรื่องไม่บ่อยนักที่จะมีคนเข้าไปในเขาแสนลูกนี้
เขาไม่ได้คุยกับใครมาหลายวันแล้ว เฉินหลงต้องการจะคุยกับใครสักคน
ไม่นาน คนของ “คุนหลุน” เจ็ดคนก็ปรากฏกายเบื้องหน้าเฉินหลง ห้าคนจากเจ็ดคนนั้นคือยักษ์ขาวอีกสองคนเป็นยักษ์ดำ
คนของ “คุนหลุน” ทั้งเจ็ดได้เปลี่ยนสีหน้าไปเมื่อเห็นเฉินหลง ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีทักทายอย่างที่คนคุนหลุนห้าคนนั้นทำเมื่อเห็นเฉินหลงก่อนหน้านี้
“ดูสิ นั่นคือพวกเวรทั้งเจ็ดนี่ เราควรจะลงไปแล้วฆ่าพวกมันไหม คงจะเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่นะ” หลังจากที่พวกเขาเห็นคน “คุนหลุน” ทั้งเจ็ดคนแล้ว นักบุญเฮยรุ่นเยาว์ที่ลอยอยู่ในอากาศพลันตื่นเต้นขึ้นมา
“ไม่ต้องขยับสักครู่ ขอดูให้รู้ก่อน” นักบุญไป่รุ่นเยาว์อีกคนหนึ่งหยุดเพื่อนที่มาด้วยกันไว้ก่อนเขาจะพุ่งลงไป
ในหมู่คนคุนหลุนทั้งเจ็ดคน หกคนในกลุ่มนั้นมีพลังจิตที่ทรงพลังระดับแปดเท่ากับเฉินหลง คนหนึ่งมีพลังระดับเก้า “หลอมรวมธรรมชาติ” แม้ว่าคนทั้งเจ็ดจะบดขยี้เฉินหลงได้เมื่อมองจากระดับพลัง ทว่าพวกเขากลับมีความรู้สึกว่าสถานการณ์จะกลับกัน
ท่านเทพคนสุดท้ายในรุ่นนี้ได้มอบสติปัญญาให้กับคนในคุนหลุน และมีคนไม่ดีที่ปรากฏตัวในประชากรคุนหลุนด้วย อาจจะกล่าวได้ว่าที่ที่มีผู้คน ย่อมมีทั้งแม่น้ำและทะเลสาบ
คนทั้งเจ็ดนี้เป็นพี่น้องแห่งความศรัทธา เนื่องจากพลังของสามพี่น้องที่ไปถึงระดับเก้าแล้ว แต่พวกเขาไม่ได้อยากจะเข้าไปยังวิหารศักดิ์สิทธิ ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงทำได้เพียงหลบหนีการไล่ล่าของวิหารศักดิ์สิทธิไปรอบๆอาณาจักรคุนหลุน
ในเวลาเดียวกัน ในตอนที่พวกเขาซ่อนตัวอยู่ พวกเขาก็ได้ทำผิดกฎหมายมากมาย ชาวหมู่บ้านบางคนโดนปล้นและโดนคนทั้งเจ็ดนี้สังหาร
โทษทางกฎหมายที่คนพวกนี้ทำนั้นได้ทำให้ “คนคุนหลุน” ต้องการตัวพวกเขา อีกทั้งยังมีชื่อฉายาให้ด้วยว่า “ฆาตกรทั้งเจ็ดแห่งคุนหลุน”
“เจ้าคือท่านเทพนี่” คนยักษ์เฮยที่มีไม้เท้าเหล็กแนบที่หลังมองเฉินหลงด้วยเจตนาร้าย
ชายคนนี้คือไม้เท้าดำ (เฮยกุน)ในหมู่ฆาตกรทั้งเจ็ด เมื่อเขาฆ่าใครแล้ว เขาชอบที่จะใช้ไม้เท้าเหล็กของเขาไปเสียบจากเท้าของคนนั้นถึงมือ นี่จะทำให้คนที่โดนเขาฆ่าทรมานไปจนตาย
หลังจากที่เห็นเฉินหลง เฮยกุน รู้ว่าคนคนนี้จะต้องเป็นเทพแน่นอน ทว่าพวกเขาไม่กล้าจะเข้าไปสู้กับทางวิหารศักดิ์สิทธิ อีกอย่างเฉินหลงนั้นอ่อนแอเกินไปขนาดที่ว่าตามปกติแล้วพวกเขาคงไม่ให้ความสนใจกับเฉินหลง
“เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร” เฉินหลงขมวดคิ้วเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็น “คนคุนหลุน” ที่ไม่อยู่อย่างสุขสงบและจองหอง
“ที่นี่ไม่ใช่ที่ศักดิ์สิทธิของเจ้า แล้วทำไมข้าจะมาที่นี่ไม่ได้กัน อีกอย่าง ด้วยพลังของเจ้าแล้ว พวกเทพคงไม่กลัวจะโดนสัตว์อื่นกินเข้าไปหรอกเวลาจะเข้ามาที่เขาแสนลูกนี่” ยักษ์ขาวอีกคนที่มีมีดแขวนอยู่บนเอวมองเฉินหลงด้วยเจตนาไม่ดีเช่นกัน
คนนี้คือ “ดาบขาว(ไป๋เต๋า)” ยักษ์ขาวในกลุ่มฆาตกรทั้งเจ็ด เขาไม่ชอบการทรมานผู้คนนักอย่างที่ไม้เท้าดำชอบ ทว่าเขาชอบที่จะเฉือนคนให้ขาดท่อนด้วยมีดเล่มเดียว
“เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องนี้ไป ข้ามั่นใจว่าเจ้ามาที่นี่ได้ แค่อย่าโดนสัตว์ป่าแปลกๆแถวนี่ฉีกเป็นชิ้นๆแล้วกัน” สิ้นคำเฉินหลงอยากจะออกไปจากที่นั้น
เขาเพียงต้องการจะหาใครสักคนมาคุยด้วย แต่เนื่องจากว่าเขาคงไม่อาจจะเป็นมิตรกลับคนพวกนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงไป
“ท่านเทพท่านกำลังจะไปไหนหรือ” ไป่เต๋า พลันกล่าวไปและหยุดเฉินหลงไว้
“มีอะไรละ เจ้าจะไม่ปล่อยให้ข้าไปหรือ ที่นี่เป็นเขตเจ้าหรือ” แม้เฉินหลงจะไม่รู้ว่าใครคือฆาตกรทั้งเจ็ดทว่าเขาไม่ชอบคนพวกนี้และอยากจะตบพวกนี้ให้ตาย
“ที่นี่คือเขาแสนลูก จะเป็นเขตของเราไปได้อย่างไร ข้าคิดว่าดาบของท่านคงจะใช้ดีมากเลยละ แต่ของข้าน่ะไม่ได้ดีเท่าของท่าน โปรดเอาดาบท่านมาให้ข้าเถอะ” ไป่เต๋าไม่เกรงกลัวความตาย เขาทำแม้กระทั่งล้อเลียนมีดนรกของเฉินหลง
“เจ้าชอบมีดข้าหรือ ตาดีนี่ ชื่อของมีดนี้คือนรก หากว่าชอบมีดนี่ก็เอาไปสิ” เฉินหลงถือมีดในแนวนอน เขาจับคมมีดและกล่าวกับพวกนั้น
เนื่องจากไป่เต๋าท้าทายเฉินหลงเอง เขาจึงอยากให้พวกนี้ได้ลิ้มลองรสชาติของนรก
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น