ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ 233-240

 ตอนที่ 233 เอาให้พวกเขาตะลึงจนตาค้างกันไปเลย


 


 


อวี๋กานกานมองภาพเหตุการณ์ทั้งหมดตรงหน้า ค่อนข้างประหลาดใจ


 


 


เธอนึกไม่ถึงว่าเจ้าเด็กบ้านี่จะเป็นหลานชายแสนกตัญญู เห็นได้ว่าเขารักย่าของตัวเองมาก และเพราะเป็นห่วงมากจนเกินไป เมื่อครู่เขาถึงได้แสดงพฤติกรรมแบบนั้นออกมา…


 


 


อวี๋กานกานครุ่นคิด ก่อนจะเปิดกล่องอุปกรณ์หยิบยาลูกกลอนสีดำออกมาหนึ่งเม็ด จากนั้นยื่นไปตรงหน้าแม่เฒ่า “ทานเจ้านี่…”


 


 


เมื่อเห็นอะไรกลมๆ สีดำ เยี่ยซีก็โมโหจนหน้าดำหน้าแดงอีกครั้ง หมายจะขัดขวาง “อะไรของเธอ ดำปิ๊ดปี๋กินเข้าไป…”


 


 


อวี๋กานกานถลึงตาใส่เยี่ยซี “ไม่แย่ไปกว่าตอนนี้หรอกหน่า”


 


 


เยี่ยซีกลืนคำพูดที่เหลือลงท้องไปโดยอัตโนมัติ ไม่รู้ทำไม เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ตอนดุก็ดูน่ารักดี…


 


 


หลังจากที่อวี๋กานกานเอายาลูกกลอนให้แม่เฒ่ารับประทานแล้ว เธอถกชายเสื้อแม่เฒ่าขึ้น จากนั้นฝั่งเข็มลงไปบนบริเวณหน้าท้อง


 


 


เพียงครู่เดียว อาการของแม่เฒ่าก็ทุเลาลง แม่เฒ่าผ่อนลมหายใจออกอย่างโล่งสบาย คิ้วที่ขมวดแน่นคลายออก


 


 


เยี่ยซีงงเป็นไก่ตาแตก นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะได้สติคืนกลับมา ถาม “ย่า ยังเจ็บไหมครับ”


 


 


แม่เฒ่าคลี่ยิ้มให้เยี่ยซี “ดีขึ้นเยอะแล้ว”


 


 


ตั้งแต่ล้มป่วยนี่เป็นครั้งแรกที่คุณย่ายิ้มออก เยี่ยซีดีใจเหมือนคนบ้า มองอวี๋กานกานด้วยสายตาเป็นประกาย “เร็วเข้า เธอรีบฝังเข็มให้ย่าฉันอีกหลายๆ เข็มเลย ไม่แน่อาจจะหายดีก็ได้”


 


 


อวี๋กานกานไม่สนใจเยี่ยซี เจ้าเด็กบ้า! เข็มมันฝังสุ่มสี่สุ่มห้าได้ที่ไหนกันเล่า


 


 


เฉิ่นมั่วและเสิ่นตงชิงมองหน้ากันไปมา เหมือนกับไม่อยากจะเชื่อ


 


 


เยี่ยจยาเซิงเองก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้างตาเบิกโตไม่ต่างจากคนอื่น เขาชำเลืองไปมองผู้จัดการหลี่ว์ ผู้จัดการหลี่ว์เองก็คาดคิดไม่ถึงว่าวิชาแพทย์ของอวี๋กานกานจะล้ำเลิศถึงเพียงนี้


 


 


ผู้จัดการหลี่ว์สัมผัสได้ถึงสายตาของเยี่ยจยาเซิงที่จ้องมองมา เขาเชิ่ดคางขึ้นคลี่ยิ้ม ท่าทางภูมิอกภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ราวกับกำลังบอกกลายๆ ว่า แพทย์ที่ผมเชิญมายอดเยี่ยมไปเลยใช่ไหมล่ะ!


 


 


หลังจากที่ช่วยแม่เฒ่าระงับอาการปวดแล้ว เยี่ยจยาเซิงถามอวี๋กานกาน “การฝังเข็มสามารถรักษาให้หายได้ไหม”


 


 


เยี่ยซีที่อยู่ข้างๆ พูดขึ้น “ผมค้นหามาแล้ว สาเหตุที่การฝังเข็มถูกยอมรับจากชาติตะวันตกมีความเกี่ยวข้องกับประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริการิชาร์ด นิกสันมาเยี่ยมเยียนประเทศจีน ตอนนั้นนักข่าวผู้ติดตามชื่อว่าเจมส์จากสำนักข่าวเดอะนิวยอร์กไทมส์มีอาการไส้ติ่งอักเสบกำเริบ ใช้การฝังเข็มรักษาจนหาย…”


 


 


อวี๋กานกานพูดตัดบทเยี่ยซี “กรณีของเจมส์เป็นอาการแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นหลังจากผ่าตัดไส้ติ่งออกไปแล้ว แพทย์แผนจีนที่อยู่ที่นั่นช่วยรักษาเขาไว้ ผลการรักษาออกมาเป็นที่น่าพอใจมาก ด้วยสาเหตุนี้การฝังเข็มจึงได้เป็นที่รู้จักในแทบตะวันตก”


 


 


เยี่ยจยาเซิงถาม “ฉะนั้นต้องผ่าตัดเท่านั้นใช่ไหม”


 


 


อวี๋กานกานตอบ “จะเลือกรักษาแบบไม่ผ่าตัดก็ได้ค่ะ แต่ต้องใช้เวลานาน ฉะนั้นเห็นได้ชัดว่าการตัดไส้ติ่งทิ้งเป็นวิธีที่ดีที่สุด” อวี๋กานกานเว้นจังหวะ ก่อนจะพูดต่อ “คุณไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องฝังเข็มเชิงวิสัญญีหรอกค่ะ แม้ว่าการฝังเข็มเชิงวิสัญญีจะไม่ใช่วิธีหลักในวิสัญญีชีวิทยา แต่มันเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเสริมที่มีประสิทธิภาพ มันสามารถเติมเต็มจุดด้อยของยาสลบและยาชาได้ สามารถหลีกเลี่ยงอาการข้างเคียงจากยาชาและยาสลบได้ ตัวอย่างเช่นผู้ป่วยที่แพ้ยาชาและยาสลบแบบแม่เฒ่า ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมการฝังเข็มเชิงวิสัญญีถึงไม่แพร่หลาย หนึ่งเป็นเพราะว่าประสิทธิภาพในการระงับอาการปวดสู้ยาชาไม่ได้ สองผลลัพธ์ที่ได้มีความไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าการฝังเข็มเชิงวิสัญญีเป็นเรื่องโกหกหลอกหลวง เคยมีเคสผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจสำเร็จด้วยการฝังเข็มเชิงวิสัญญีมาแล้ว”


 


 


สองพ่อลูกตระเยี่ยผลัดกันมองหน้าไปมา ลังเลตัดสินใจไม่ได้


 


 


อวี๋กานกานกล่าว “พวกคุณเชิญแพทย์ทางเดินอาหารเลื่องชื่อมาแล้วไม่ใช่เหรอ รอเขามาถึงค่อยตัดสินใจก็ได้ค่ะ”


 


 


เยี่ยจยาเซิงถามทันควัน “เอ่อ ไม่ทราบว่าคุณหมออวี๋จะลงมือฝังเข็มด้วยตัวเองไหมครับ”


 


 


เมื่อได้เห็นอวี๋กานกานเผยคมมีดออกมาครึ่งเล่ม พวกเขาเชื่อมั่นในฝีมือของเธอ


 


 


อวี๋กานกานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรับปากตกลงไป


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 234 พี่ซี ไอดอลของพี่มา!


 


 


เยี่ยจยาเซิงถามอวี๋กานกานขณะที่เดินไปส่ง “คุณหมออวี๋ คุณไม่ใช่แพทย์แผนจีนหรอกเหรอ ทำไมดูมีความรู้ความเข้าใจในแพทย์แผนปัจจุบันดีจัง”


 


 


อวี๋กานกานตอบ “ตอนมหาลัยฉันเรียนแพทย์แผนปัจจุบันน่ะค่ะ ทิศทางการพัฒนาของวงการแพทย์ในอนาคตคือแพทย์แผนบูรณาการ”


 


 


แพทย์แผนจีนเคยอยู่ในช่วงตกต่ำ ทุกคนหันไปสรรเสริญแต่แพทย์แผนปัจจุบัน


 


 


มนุษย์เราเมื่อมีจุดยืนอยู่ตรงข้ามกัน จะมีความคิดที่ว่าเธอรุ่งฉันร่วง เธอร่วงฉันรุ่ง หลายๆ คนที่ชื่นชอบในแพทย์แผนจีนจริงๆ จึงมีอาการต่อต้านแพทย์แผนปัจจุบันจากจิตใต้สำนึกบ้างเป็นบางครั้ง


 


 


เพื่อต่อลมหายใจ แพทย์แผนจีนไม่หยุดที่จะศึกษาและพัฒนาตนเอง หวังว่าวันหนึ่งแพทย์แผนจีนจะอยู่เหนือแพทย์แผนปัจจุบันและเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้สำเร็จ


 


 


แท้ที่จริงแล้ว ความคิดเช่นนี้ผิดทั้งหมด!


 


 


ไม่ว่าจะเป็นแพทย์แผนจีนหรือแพทย์แผนปัจจุบัน ต่างก็มีหลักวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ที่ตรงกัน ต้องให้ความสำคัญกับทั้งสองศาสตร์จึงจะสามารถรักษาโรคได้ดียิ่งขึ้น อีกอย่างการผ่าตัดไม่ใช่มีเพียงแต่แพทย์แผนปัจจุบันที่ทำได้


 


 


วิธีการรักษาด้วยศาสตร์ของแพทย์แผนจีนที่ได้บันทึกไว้ในตำราแพทย์ที่เก่าแก่ที่สุด ‘ตำรับจัดการโรคห้าสิบสองอย่าง’ ในตำราไม่ได้อิงการใช้ยาต้มเป็นวิธีหลักในการใช้รักษา แต่อิงการผ่าตัดเป็นหลัก


 


 


เสิ่นตงชิงเขยิบมายืนข้างๆ เฉินมั่ว กระซิบ “ผู้หญิงคนนี้เท่อะ ฉันชอบ”


 


 


เฉินมั่วพูดอย่างเสียดายเล็กน้อย “เขายังไม่ได้ตรวจให้ฉันเลย”


 


 


เสิ่นตงชิงกล่าว “ถ้าฉันได้กอดคุณหมอนอน ตกดึกเหงื่อต้องไม่ไหลแน่”


 


 


“ไปไกลๆ เลยไป!” เยี่ยซีเตะเสิ่นตงชิงด้วยความโมโห “คนเขาเป็นหมอที่เปี่ยมด้วยจรรยาบรรณ ที่ฉันพูดก่อนหน้านี้เป็นเพราะต้องการทดสอบวิชาแพทย์เฉยๆ นายดูไม่ออกหรือไง”


 


 


เสิ่งตงชิงลูบขาบริเวณที่ถูกเตะจนเจ็บ “โหย รู้สิ แล้วนี่ฉันไม่ได้ปลื้มคุณหมออยู่หรือไง”


 


 


“คุณหมอของย่าฉัน ไม่อนุญาตให้ปลื้ม!” หลังจากที่เยี่ยซีตะโกนประโยคนี้จบ เขาหันไปมองแผ่นหลังที่เดินห่างไกลออกไปของอวี๋กานกาน ค่อนข้างรู้สึกกลัดกลุ้ม ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่ากลัดกลุ้มถึงขีดสุด เขามีความรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังเดินอยู่ท่ามกลางมวลมูลบุปผา[1] จู่ๆ ก็สะดุดล้มหัวคะมำ ไม่มีผู้หญิงคนไหนทำกับเขาแบบนี้ ฉะนั้นเรื่องนี้มันยังไม่จบ ผู้หญิงที่เขาเยี่ยซีหมายตาไว้แล้ว ไม่มีคำว่าครอบครองไม่ได้!


 


 



 


 


ด้านนอกหิมะตกหนักอีกครั้ง อวี๋กานกานเดินออกมาพร้อมกับผู้จัดการหลี่ว์ ทั้งหิมะและลมหนาวโหมพัดใส่เธออย่างไม่เกรงใจ


 


 


อวี๋กานกานขมวดคิ้ว กระชับผ้าพันคอ รู้สึกทรมานเล็กน้อย


 


 


มีรถยนต์คันหนึ่งจอดอยู่ตรงหน้าประตูคฤหาสน์ ในตอนที่ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่กำยำเดินลงมาจากรถ อวี๋กานกานตะลึงไปเล็กน้อย


 


 


ผู้จัดการหลี่ว์เห็นฟังจือหัน เดินเข้าไปทักทายทันที  “คุณฟังตัวแทนบริษัทยา ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะครับ” สายตาของผู้จัดการหลี่ว์ชำเลืองไปมองอวี๋กานกานโดยอัตโนมัติ จากนั้นยิ้มอย่างมีเลศนัย หันไปพูดกับอวี๋กานกาน “วันนี้ต้องขอบคุณคุณหมออวี๋เป็นอย่างมาก ไว้คราวหน้าผมจะเชิญคุณไปรับประทานอาหารนะครับ”


 


 


หลังจากที่ผู้จัดการหลี่ว์เดินจากไป อวี๋กานกานมองหน้าฟังจือหัน “นายมาได้ไง”


 


 


“หลินจยาอวี่โทรศัพท์หาผม”


 


 


หลินจยาอวี่ยิ่งคิดก็ยิ่งเป็นกังวลเรื่องอวี๋กานกาน กลัวว่ากานกานจะโดนปีศาจน้อยแห่งตระกูลเยี่ยรังแก เนื่องจากชื่อเสียงอันเลื่องลือของเยี่ยซีมันน่าสยดสยองมากจริงๆ แต่เธอไม่สะดวกที่จะไปหาอวี๋กานกานด้วยตัวเอง ถึงไปก็คาดว่าช่วยอะไรไม่ได้ ดังนั้นจึงโทรศัพท์หาฟังจือหัน


 


 


อวี๋กานกานคลี่ยิ้ม “จยาอวี่นี่ดีกับฉันจริงๆ”


 


 


ความจริงเยี่ยซีอะไรนั่นก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น ก็แค่เด็กไม่รู้จักโตคนหนึ่งก็เท่านั้น


 


 


ฟังจือหันเอื้อมมือมาโอบไหล่ของอวี๋กานกาน “แล้วผมไม่ดีกับคุณเหรอ”


 


 


หัวใจดวงน้อยของอวี๋กานกานวูบไหว ใบหน้าแดงก่ำ “อากาศหนาว รีบขึ้นรถเถอะ”


 


 


อวี๋กานกานตั้งใจพูดเสียงสั่น เพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอหนาวจริงๆ


 


 


ฟังจือหันเปิดเสื้อโค้ทของตัวเองออก จากนั้นกอดอวี๋กานกานไว้ด้านใน ส่งมอบความอบอุ่น


 


 


ภาพอันแสนอบอุ่นนุ่มละมุมนี้ ราวกับว่าแม้แต่หิมะและลมหนาวยังต้องยอมมลาย


 


 


พวกสามหน่อเยี่ยซีเดินออกมาเห็นฉากนี้เข้าพอดี พวกเขาต่างตกตะลึงไปเล็กน้อย


 


 


เสิ่งตงชิงกระพริบตาปริบๆ ทันใดนั้นก็แหกปากร้องลั่น “พี่ซี ไอดอลของพี่มา!”


 


 


 


 


——


 


 


[1] เดินอยู่ท่ามกลางมวลมูลบุปผา หมายถึง ลายล้อมไปด้วยผู้หญิง


ตอนที่ 235 เด็กหนุ่มผู้คลั่งไคล้ฟังจือหัน


 


 


ในตอนที่อวี๋กานกานโดนฟังจือหันกอดไว้ในอ้อมอก มีประโยคหนึ่งปรากฏขึ้นมาในหัวโดยอัตโนมัติ ทำไมหมอนี่กอดเธออีกแล้ว


 


 


ร่างกายที่ถูกโอบกอดด้วยเสื้อโค้ทอุ่นขึ้นมามาก ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนเข้มข้นแฝงไว้ด้วยความแข็งกร้าวที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของฟังจือฟัน ใบหน้าจิ้มลิ้มของอวี๋กานกานขึ้นสีแดงระเรื่อ จังหวะการเต้นของหัวใจเร็วขึ้นอย่างไม่รู้ตัว


 


 


กลิ่นกายของฟังจือหันหอมมากจริงๆ ไม่ใช่กลิ่นเหงื่อบนร่างของผู้ชายทั่วไป แล้วก็ไม่เหมือนกลิ่นยาจางๆ บนร่างของอาจารย์ กลิ่นกายของฟังจือหันค่อนข้างบรรยายยาก ไม่สามารถใช้คำไหนมาอธิบายได้ รู้เพียงแค่ว่าสะอาดสดชื่น นอกจากหอมแล้ว ยังชวนให้รู้สึกหลงใหลมัวเมา


 


 


หมอนี่ชอบกอดเธอแบบนี้บ่อยๆ ไม่ได้การล่ะ


 


 


แต่พอนานวันเข้า เธอเองก็ไม่ขัดขืนเสียอย่างงั้น ทว่าแบบนี้มันไม่ถูกต้องและไม่เหมาะสม


 


 


ในตอนที่อวี๋กานกานกำลังจะอ้าปากพูดให้ฟังจือหันปล่อยเธอ ทันใดนั้นก็มีน้ำเสียงสดใสเสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านข้าง


 


 


“เฮีย!”


 


 


น้ำเสียงค่อนข้างคุ้นหู อวี๋กานกานให้ไปตามสัญชาตญาณ พลันเห็นเยี่ยซีวิ่งเข้ามาด้วยความเร็ว สายตามองฟังจือหันด้วยใบหน้าเลื่อมใสศรัทธาเคารพยกย่อง “ไม่ได้เจอกันนานนะครับ”


 


 


อวี๋กานกานตะลึงงันไปเล็กน้อย “…”


 


 


ฟังจือหันรู้จักกับเยี่ยซี?


 


 


แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ สีหน้าเย็นชาของฟังจือหันไร้คลื่นอารมณ์ใดๆ ไม่เหมือนกับเยี่ยซีที่มีสีหน้าตื่นเต้นดีใจ แววตาเย็นยะเยือกของฟังจือหันแฝงไว้ด้วยความเคลือบแคลงใจจ้องมองไปยังเยี่ยซี  


 


 


เยี่ยซีกลับไม่สนใจแม้แต่น้อย ดวงตาทั้งสองเปล่งประกายไปด้วยแสงแห่งความตื่นเต้น ยื่นมือออกมา ถามด้วยความเร่าร้อนอันแรงกล้า “เฮีย ผมขอจับมือหน่อยได้ไหมครับ”


 


 


เยี่ยซีพูดอย่างระมัดระวัง เหมือนกลัวไม่เคารพฟังจือหัน


 


 


อวี๋กานกานช็อกไปเป็นที่เรียบร้อย “…”


 


 


นี่มันแฟนบอยของฟังจือหัน


 


 


อวี๋กานกานชำเลืองมองฟังจือหัน ดวงตาเย็นชากับสีหน้าเรียบนิ่งนั่น ไม่ได้บ่งบอกว่าฟังจือหันรู้จักเด็กหนุ่มตรงหน้าแม้แต่น้อย


 


 


กระอักกระอวนซะแล้วสิ


 


 


เยี่ยซีที่ถูกเมินกลับไม่โกรธ เพียงแต่เกาศีรษะด้วยท่าทีเขินอาย “คือผมตื่นเต้นไปหน่อยที่ได้เจอเฮีย เอ่อ…เฮียช่วยเซ็นลายเซ็นให้ผมหน่อยได้ไหมครับ”


 


 


ฟังจือหันปฏิเสธอย่างเย็นชา “ไม่ได้”


 


 


เยี่ยซีถามต่อ “งั้นผมเชิญไปรับประทานอาหารสักมื้อได้ไหมครับ”


 


 


ฟังจือหันยังคงปฏิเสธ “ไม่มีเวลา”


 


 


อวี๋กานกาน “…”


 


 


เหมือนกับว่าได้อยู่ในเหตุการณ์แฟนคลับเจอดาราอย่างไรอย่างงั้น


 


 


เยี่ยซีเริ่มรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาบ้างแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาของเขาย่นเข้าหากันจนเกิดเป็นริ้วรอย ถามหยั่งเชิงฟังจือหัน “เฮีย เฮียยังจำเด็กชายที่ทะเลสาปต้าหมิง[1]เมื่อปีนั้นได้ไหม…” เยี่ยซีตื่นเต้นมากจริงๆ จนพูดผิด เมื่อรู้ตัวก็รีบอธิบายด้วยใบหน้าที่แดงแจ๋ทันที “เฮียยังจำเด็กชายที่ภูเขาต้าซิ่งเมื่อปีนั้นได้ไหม”


 


 


ดวงตาดำขลับล้ำลึกของฟังจือหันยังคงเย็นชาเย่อหยิ่ง


 


 


เมื่อเยี่ยซีเห็นว่าฟังจือหันยังนึกไม่ออก ไม่สนว่าอากาศจะหนาวเหน็บเพียงไหน ถกแขนเสื้อขึ้น ชี้ไปที่รอยแผลเป็นบนแขน พูดกับฟังจือหันอย่างร้อนรนประหนึ่งโดนไฟแผดเผา “ห้าปีก่อนผมโดนจับตัวเรียกค่าไถ่ คนพวกนั้นได้เงินจากพ่อผมไปแล้วยังต้องการฆ่าปิดปาก เหตุเกิดที่คลังสินค้าบนภูเขาต้าซิ่ง ตอนนั้นผมคิดว่าตัวเองคงตายแน่ คงไม่ได้กลับไปเจอพ่อกับย่าอีก เป็นเฮียที่สวมชุดทหารสีเขียวทั้งตัว ถือปืนกลเบาพุ่งเข้ามา ทั้งยังตะลุมบอนกับพวกโจรลักพาตัวด้วยมือเปล่า แต่ว่าพวกโจรมีมากเกินไป หนึ่งในโจรลักพาตัวคิดอาศัยจังหวะที่เฮียกำลังโดนล้อมลงมือฆ่าผม ยังดีที่ปฏิกิริยาของเฮียรวดเร็ว เข้ามาดึงผมได้ทัน ลูกกระสุนเลยถากโดนแขนของผม ไม่อย่างงั้นผมคงตายไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”


 


 


ผ่านไปแล้วห้าปี แต่เยี่ยซีไม่มีทางลืมเลือนวันวานอันมืดมัวขมขื่นตอนอายุสิบห้าปีที่ตนถูกจับตัว


 


 


ตอนนั้นเขาคิดจริงๆ ว่าชีวิตนี้คงจะจบสิ้นแล้ว!


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 236 กลับตาลปัตร


 


 


ผลปรากฏว่ามีชายคนหนึ่งชื่อฟังจือหันลงมาจากฟากฟ้า ราวกับเป็นพระเจ้าลงมาช่วยชีวิต ราวกับคนตาบอดที่ได้เห็นแสงอาทิตย์แรกอรุณอีกครั้ง ราวกับคนหลงทางได้พบพระเยซู


 


 


ซาบซึ้ง เลื่อมใส ถึงขั้นอยากติดตามฟังจือหัน ทว่าตอนที่คนของเยี่ยซีตามสืบจนรู้หน่วยสังกัดของฟังจือหัน กลับพบว่าฟังจือหันออกจากราชการทหารไปเรียนต่อต่างประเทศแล้ว


 


 


หลังจากนั้นร่องรอยก็เลื่อนลาง ไม่มีใครรู้ว่าฟังจือหันไปอยู่ที่ไหน เยี่ยซีอยากเจอฟังจือหันมาห้าปี ใช้ทุกวิถีทางแล้วก็ยังสืบหาไม่เจอ


 


 


วันนี้จู่ๆ ก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว กำลังโอบกอดคุณหมอที่เพิ่งออกมาจากคฤหาสน์ของเขา เยี่ยซีตกใจจนเกือบจะลืมแสดงสีหน้าท่าทาง


 


 


เมื่อเยี่ยซีได้ยินฟังจือหันร้อง “อ่อ” ดวงตาของเขาเป็นประกาย ถามอย่างใจจดใจจ่อ “เฮีย เฮียจำผมได้แล้วใช่ไหม”


 


 


ฟังจือหันนึกออกแล้ว นั่นเป็นภารกิจสุดท้ายที่เขายังอยู่ในกองทัพ ช่วยเหลือเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่ถูกโจรลักพาตัว “ที่แท้ก็เป็นนาย”


 


 


ฟังจือหันพูดพลางนึกถึงตอนที่หลินจยาอวี่โทรศัพท์มาหาเขา น้ำเสียงหลินจยาอวี่ตึงเครียดตอนพูดชื่อเยี่ยซี จึงเอ่ยปากถามดู “นายคือเยี่ยซี?”


 


 


เยี่ยซีมองหน้าฟังจือหันด้วยความตื่นเต้น “ใช่ใช่ใช่ ผมคือเยี่ยซี”


 


 


ที่แท้ฟังจือหันก็รู้จักชื่อของเขา ประทับใจซะจนอยากโยนกลีบดอกไม้ขึ้นฟ้า


 


 


ฟังจือหันครุ่นคิด แววตาเย็นเยียบอย่างฉับพลัน ถามอวี๋กานกาน “หมอนี่รังแกคุณหรือเปล่า”


 


 


ใบหน้าของเยี่ยซีขาวซีดในทันที ไม่รอให้อวี๋กานกานอ้าปากพูด ส่ายมือทันควัน “ไม่มีๆ ผมจะไปรังแกซ้อได้ไง เฮียผมจะบอกอะไรให้ ซ้อของผมเก่งสุดๆ ไปเลย เมื่อกี้ฝังเข็มไปเข็มเดียว ย่าผมหายเจ็บทันทีเลย เซียนจุติลงมาเกิดยังโลกมนุษย์ชัดๆ”


 


 


อวี๋กานกาน “…”


 


 


เมื่อครู่เจ้าเด็กนี่ไม่ได้พูดแบบนี้ ท่าทีก็ไม่ได้เชื่องขนาดนี้


 


 


เยี่ยซีนึกถึงพฤติกรรมของตนก่อนหน้านี้ ในใจเรียกได้ว่ารู้สึกผิด ผิดมหันต์ กลัวว่าอวี๋กานกานจะผูกอาฆาต ในอนาคตไม่รู้ว่าอวี๋กานกานจะยังคบกับเฮียของเขาอยู่ไหม แต่ตอนนี้อวี๋กานกานเป็นผู้หญิงของเฮีย เขาต้องให้ความเคารพแน่นอนอยู่แล้ว


 


 


ที่แท้ทั้งเขาและเฮียต่างก็เก่งกาจไม่แพ้กัน แม้แต่ชอบผู้หญิงก็ยังชอบคนเดียวกัน


 


 


อย่างไรก็ตามฟังจือหันเป็นเฮียของเขา เฮียอายุเยอะแล้วหาผู้หญิงยาก งั้นเขายอมถอยดีกว่า อย่างไรซะผู้หญิงที่ชื่นชอบเขาก็มีตั้งมากมาย เยี่ยซีคิดพลางส่งสัญญาณผ่านทางสายตาให้อีกสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ “พวกนายว่าจริงไหม”


 


 


เสิ่นตงชิงรับสัญญาณจากเยี่ยซี รีบก้าวเข้ามาข้างหน้า พูดประจบ “ใช่ใช่ใช่ ซ้อทั้งเก่งทั้งเท่ เสน่ห์ล้นเหลือจนแทบทะลุขอบฟ้า”


 


 


เฉินมั่วรีบประจบต่อ “ทั้งยังเหมาะสมกับเฮียเหมือนกิ่งทองใบหยก คู่สวรรค์สร้าง”


 


 


อวี๋กานกาน “…”


 


 


อวยเวอร์เกินไปแล้ว!


 


 


เยี่ยซีฉีกยิ้มอย่างใสซื่อบริสุทธิ์ พูดกับอวี๋กานกาน “ว่างเมื่อไรครับ พวกเราไปกินข้าวกันสักมื้อจะได้คุยเรื่องวิธีรักษาอาการป่วยของย่าผม?” 


 


 


อวี๋กานกาน “…”


 


 


ไม่ใช่ว่าเขาลังเลอยู่หรอกเหรอ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อฝังเข็มเชิงวิสัญญีหรอกเหรอ ไม่ใช่ว่าขอคิดก่อนหรอกเหรอ


 


 


อวี๋กานกานพูดอย่างเอือมระอา “รอหมอที่นายเชิญมาถึงก่อนแล้วค่อยปรึกษากันอีกที”


 


 


เยี่ยซีระบายยิ้มตอบ “ได้ครับ งั้นผมนัดพรุ่งนี้นะ”


 


 


ขอแค่คบหาสมาคมกับอวี๋กานกานไว้ เขาย่อมได้เจอเฮียอีก พูดถึงเรื่องนี้ เฮียของเขามีครบครันทั้งหน้าตาความสามารถและฐานะอันสูงส่ง ผู้หญิงที่อยากแต่งงานกับเฮียมีมากมายจนนับไม่หมด ทำไมถึงมาคบกันหมอบ้านๆ ธรรมดาๆ


 


 


หมอคนนี้เก่งจริงๆ ไม่รู้ว่าวางยาอะไรใส่เฮีย


 


 


แต่วางได้ดี! หลงได้เยี่ยม!


 


 


ถ้าไม่ใช่เพราะอวี๋กานกานวางยาเสน่ห์ใส่ไอดอลเขา ตอนนี้เขาก็คงยังไม่ได้เจอไอดอลที่แสนลึกลับคนนี้


 


 


 


 


——


 


 


[1] ยังจำเด็กชายที่ทะเลสาปต้าหมิงเมื่อปีนั้นได้ไหม เป็นประโยคโด่งดังจากหนังเรื่ององค์หญิงกำมะลอ มาจากตอนที่จื่อเวยตรัสกับฮ่องเต้ว่า ‘ฮ่องเต้ พระองค์ยังจำซย่าอวี๋เหอที่ทะเลสาปต้าหมิงเมื่อปีนั้นได้หรือไม่’ ซึ่งซย่าอวี๋เหอก็คือมารดาของจื่อเวยที่พบรักกับฮ่องเต้ที่ทะเลสาปต้าหมิง แต่หลังจากที่เข้าวังมาฮ่องเต้กลับไม่ได้สนใจใยดีนางเหมือนดั่งที่เคยให้คำมั่นสัญญาไว้ ประโยคนี้จึงมีไว้เสียดสีคนที่ทำผิดสัญญา โดยวิธีใช้คือให้เปลี่ยนชื่อบุคคล เช่น ยังจำXXที่ทะเลสาปต้าหมิงเมื่อปีนั่นได้ไหม  


ตอนที่ 237 โชคชะตาหรือสะกดรอย


 


 


“เมื่อก่อนนายเคยเป็นทหารด้วยเหรอ” อวี๋กานกานหันไปมองฟังจือหันที่กำลังขับรถอยู่ ค่อนข้างคิดไม่ถึง เขาแค่คนเดียวก็สามารถช่วยเยี่ยซีได้แล้ว มิน่าล่ะถึงได้ต่อสู้เก่งขนาดนั้น


 


 


“อืม”


 


 


“แล้วนายเป็นทหารอยู่กี่ปี”


 


 


“แปดปี”


 


 


นานขนาดนั้นเชียว? ปีนี้ฟังจือหันอายุยี่สิบหก ห้าปีก่อนอายุยี่สิบเอ็ดปลดประจำการ ถ้าอย่างงั้น…อวี๋กานกานตกตะลึง “ตอนสิบสามปีนายก็เป็นทหารแล้วเหรอ”


 


 


“ถือว่าใช่”


 


 


ตอนอายุสิบสามเขาก็ตามคุณตาเข้ามาในกองทัพ หลังจากนั้นก็อยู่ในกองทัพตลอด แม้ว่าจะยังต้องไปเข้าเรียนตามปกติ แต่เรียกได้ว่าเป็นทหารเต็มตัวแล้ว


 


 


อวี๋กานกานยกมือขึ้นมาปิดใบหน้าครึ่งหนึ่งไว้ เอียงลำตัวแล้วถาม “งั้นนายก็โตในค่ายทหารน่ะสิ แล้วทำไมจู่ๆ ถึงลาออกจากราชการซะล่ะ”


 


 


สายตาลึกล้ำของฟังจือหันจ้องมองมาที่เธอ มุมปากแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้ง “อยากรู้อดีตของผม แสดงว่ายอมรับผมเป็นสามีแล้วน่ะสิ?”


 


 


อวี๋กานกานเหนื่อยหน่ายเป็นอย่างยิ่ง หมอนี่ทุกวินาทีคิดแต่จะแทะโลมเธอ  


 


 


ทำไมต้องย้ำนักย้ำหนาว่าเขาเป็นสามีของเธอ


 


 


เธอไม่เคยคบหากับผู้ชายที่ไม่รู้จักและไม่เคยถอดทิ้งสามีที่มาจากตระกูลเศรษฐีเสียหน่อย


 


 


“คุณย้ายมาบ้านผม” ฟังจือหันพูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย


 


 


สายตาของอวี๋กานกานเต็มไปด้วยความตะลึงงัน สบตากับฟังจือหันนิ่งๆ สายตาเรียบเฉยและเย็นชาคู่นั้นของฟังจือหัน เหมือนกับแอบซ่อนความเร่าร้อนไว้ ราวกับว่าขอแค่เธอจุดประกายไฟเพียงน้อยนิด มันก็จะแผดเผาเธอไปทั่วร่าง 


 


 


จู่ๆ ก็รู้สึกคอแห้งขึ้นมา บรรยากาศภายในรถเงียบลงกะทันหัน จนกระทั่งโทรศัพท์มือถือของอวี๋กานกานดังขึ้น 


 


 


อวี๋กานกานรีบกลับมานั่งตัวตรง หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า ทันทีที่กดรับเสียงของหลินจยาอวี่ดังขึ้นจากอีกฝากหนึ่งของโทรศัพท์ “กานกาน สามีเธอไปรับเธอแล้วยัง”


 


 


อวี๋กานกานรู้สึกขวยเขินขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ


 


 


หลินจยาอวี่ไม่ใช่เป็นเพียงแค่คนไข้ของเธอแล้ว แต่เป็นเพื่อนของเธอด้วย ฉะนั้นเธอควรจะอธิบายกับหลินจยาอวี่ให้ชัดเจนว่าเธอกับฟังจือหันไม่ได้เป็นอะไรกัน


 


 


“ออกมาจากตระกูลเยี่ยแล้ว เธอกินข้าวแล้วยัง”


 


 


“ยังเลย รอเธออยู่นี่ไง”


 


 


อวี๋กานกานหันไปมองฟังจือหัน ฟังจือหันผงกศีรษะเชิงว่าตกลง เธอจึงพูดต่อ “งั้นเดี๋ยวพวกเราไปรับเธอแล้วไปกินข้าวพร้อมกัน”


 


 


ฟังจือหันเป็นคนเลือกร้านอาหาร เป็นหนึ่งในภัตตาคารอาหารฝรั่งเศสที่ขึ้นชื่อของปักกิ่ง


 


 


ระหว่างทางฟังจือหันบอกอวี๋กานกานว่าตอนนี้ลู่เสวี่ยเฉินเองก็อยู่ในภัตตาคารแห่งนี้ด้วย อีกทั้งยังกำลังนัดบอดอยู่


 


 


อวี๋กานกานอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างยิ่ง เธอนั่งเยื้องๆ กับลู่เสวี่ยเฉิน ตรงกลางคั่นไว้ด้วยฉากกั้นฉลุลวดลายดอกไม้


 


 


ในตอนที่ลู่เสวี่ยเฉินเห็นอวี๋กานกานเดินเข้ามา เขาไม่ตกใจแม้แต่น้อย เพราะเขาเป็นคนเรียกฟังจือหันมาเอง ทว่าตอนที่เห็นว่าคนข้างๆ อวี๋กานกานคือหลินจยาอวี่ เขามีสีหน้าที่ค่อนข้างอธิบายได้ยาก


 


 


ในใจของเขามีความรู้สึกอย่างหนึ่งว่าผู้หญิงเย็นชาคนนี้ต้องแอบหัวเราะเยาะเขาที่มานัดบอดแน่


 


 


แต่ความเป็นจริง หลินจยาอวี่นั่งหันหลังให้ลู่เสวี่ยเฉิน…


 


 


ตรงหน้าลู่เสวี่ยเฉินมีผู้หญิงสาวสวยสวมชุดเดรสสีเบจคนหนึ่งนั่งอยู่


 


 


หญิงสาวมองลู่เสวี่ยเฉินอย่างเนียมอายพร้อมกล่าว “เสวี่ยเฉิน บังเอิญจังเลยนะคะ ฉันไม่คิดเลยว่าพอนัดบอดครั้งใหม่จะเป็นคุณอีกครั้ง…”


 


 


ลู่เสวี่ยเฉินพูดอะไรไม่ออก เกรงว่าผู้หญิงคนนี้คงตามตอแยเขาไม่เลิก


 


 


“…ไม่พูดไม่ได้ว่าพวกเราช่างมีชะตาต่อกันจริงๆ เมื่อคืนก่อนฉันก็เจอคุณที่ผับไป๋ชวน แต่ว่าตอนนั้นแสงไฟในผับมืดเกินไปก็เลย…”


 


 


ลู่เสวี่ยเฉินนั่งผิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายๆ ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบเจือติเตียน “ตกลงว่าเป็นโชคชะตา หรือคุณสะกดรอยตามผมกันแน่”


 


 


สีหน้าของเหวินซินเม่ยเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว “เสวี่ยเฉิน ฉันเปล่านะคะ ทั้งหมดเป็นความบังเอิญจริงๆ ฉันรู้สึกจริงๆ นะคะว่าพวกเราควรจะลองคบหาเรียนรู้กันและกันดู”  


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 238 คนนี้คือแฟนผม


 


 


ลู่เสวี่ยเฉินมองหน้าเธอ พูดอย่างหมดความอดทน “ขอโทษนะ ผมมีแฟนอยู่แล้ว”


 


 


ตอนนัดบอดที่เจอเหวินซินเม่ยครั้งแรก เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่เลวเลยทีเดียว ดูอ่อนหวานสุภาพเรียบร้อย คิดอยากลองคบหาดูสักตั้ง ทว่าตอนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะลองคบหาดูใจกัน เขากลับพบว่าหวังซินเม่ยให้คนสะกดรอยตาม รู้ข้อมูลการเดินทางของเขาทุกก้าวเป็นอย่างดี หากเขาสนทนากับผู้หญิงคนไหนนานหน่อย เหวินซินเม่ยก็จะสั่งให้คนไปเตือนผู้หญิงคนนั้น ถึงขั้นตอนไปบ้านของเขา เหวินซินเม่ยยังแอบขโมยเสื้อเชิ้ตและกางเกงชั้นใน


 


 


นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!


 


 


ต่อให้เขาต้องโสดไปชั่วชีวิตก็จะไม่แต่งกับผู้หญิงแบบนี้เด็ดขาด


 


 


ช่วงนี้ที่เขาตอบตกลงนัดบอดอยู่ตลอด ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะต้องการหนีเหวินซินเม่ย แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากที่ปฏิเสธไปแล้ว ผู้หญิงคนนี้ยังใช้สารพัดวิธีจับคู่นัดบอดขึ้นมาอีกครั้ง


 


 


สีหน้าของเหวินซินเม่ยซีดลงไปเล็กน้อย “ไม่ เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่เห็นรู้ว่าคุณมีแฟนแล้ว”


 


 


“ก่อนหน้านี้ผมไปเมืองไป๋หยางพักอยู่ที่นั่นระยะหนึ่ง ผมรักเธอตั้งแต่แรกพบ ช่วงนี้ที่นัดบอดเป็นเพราะว่าพวกเราทะเลาะกัน แต่ตอนนี้คืนดีกันแล้ว อีกไม่กี่วันผมจะพาเธอไปพบคุณแม่”


 


 


ลู่เสวี่ยเฉินพูดพลางยืนขึ้น จากนั้นเดินตรงไปทางโต๊ะของฟังจือหัน


 


 


นี่เป็นครั้งแรกที่อวี๋กานกานได้เห็นการนัดบอดด้วยตาของตัวเอง แม้ว่าจะไม่ได้ยินว่าพวกเขากำลังคุยเรื่องอะไรกัน ทว่าก็มองดูด้วยความตื่นเต้นสนุกสนาน


 


 


เมื่อเห็นว่าลู่เสวี่ยเฉินกำลังเดินมาทางนี้ อวี๋กานกานรีบนั่งตัวตรง แกล้งทำเป็นคุยกับหลินจยาอวี่ “จานนี้อร่อยนะจยาอวี่ กินเยอะๆ…”


 


 


ลู่เสวี่ยเฉินเคาะโต๊ะ “พอได้แล้วหน่า ไม่ต้องทำมาเนียน ฉันเห็นนะว่าเธอแอบมองอยู่ตลอด”


 


 


อวี๋กานกานคลี่ยิ้ม “ก็แค่อยากรู้นิดหน่อยเอง เป็นไงนัดบอดวันนี้ราบรื่นดีไหม ผู้หญิงคนนั้นหน้าตาสวยดีนี่ ทั้งสวยทั้งอ่อนหวาน”


 


 


ลู่เสวี่ยเฉินถอนหายใจเบาๆ “เธอช่วยฉันหน่อยสิ”


 


 


ตอนอยู่ไป๋หยางลู่เสวี่ยเฉินช่วยเธอไว้ไม่น้อย แน่นอนว่าอวี๋กานกานไม่ปฏิเสธ พยักหน้าตอบรับทันที


 


 


ทว่ากลับถูกฟังจือหันขัดขึ้นมาก่อน “เธอไม่เหมาะ”


 


 


ลู่เสวี่ยเฉินถลึงตาใส่ฟังจือหัน “อย่าขี้งกไปหน่อยเลยหน่า”


 


 


“คุณหนูหลินเหมาะกว่า” ฟังจือหันพูดจบ สายตาหันไปมองหลินจยาอวี่


 


 


อวี๋กานกานคาดเดาด้วยความสงสัยใคร่รู้ ลู่เสวี่ยเฉินต้องการให้ช่วยเรื่องอะไรกันแน่นะ ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจขึ้นมาทันที ลู่เสวี่ยเฉินไม่ได้ชอบอีกฝ่าย หวังจะใช้หญิงสาวสักคนเพื่อให้อีกฝ่ายถอดใจเสีย


 


 


ลู่เสวี่ยเฉินไม่ได้พูดอะไรต่อ ทำเพียงแค่หันไปมองหลินจยาอวี่ “…”


 


 


เขารู้อยู่แล้วว่าหลินจยาอวี่เหมาะสมกว่า เดิมทีคนที่เขาจะมาขอความช่วยเหลือก็คือหลินจยาอวี่ แต่ว่านิสัยของผู้หญิงคนนี้เย็นชาจืดชืด ผีก็ยังรู้ว่าหลินจยาอวี่ไม่ยอมตอบตกลงแน่


 


 


ถ้าเขาเอ่ยปากขอความช่วยเหลือแล้วถูกปฏิเสธ นั่นคือขายขี้หน้าสุดๆ ดังนั้นเขาก็เลยจงใจมาขอความช่วยเหลือจากอวี๋กานกานก่อน ฟังจือหันฉลาดเป็นกรดขนาดนั้น ทั้งยังรู้จักเขาเป็นอย่างดี ย่อมมองออกแต่แรกว่าเป้าหมายที่แท้จริงของเขาคืออะไร นับว่าแซ่ฟังยังมีคุณธรรมที่ยอมเต็มใจช่วยเขาในเวลาแบบนี้


 


 


หลินจยาอวี่มองตาของพวกเขา ค่อนข้างลังเลใจ…


 


 


ส่วนเหวินซินเม่ยเห็นลู่เสวี่ยเฉินลุกออกไปยืนอยู่อีกโต๊ะนานสองนาน ทั้งยังคุยกับผู้หญิงสองคนที่นั่งอยู่โต๊ะนั้น ผู้หญิงหนึ่งในนั้นที่นั่งอยู่คนเดียว มีออร่าเยือกเย็นและหน้าตาสะสวย


 


 


สัญญาณอันตรายพวยพุ่งขึ้น เหวินซินเม่ยอดทนรอต่อไปไม่ไหวแล้ว ลุกพรวดเดินเข้าไปยืนข้างๆ ลู่เสวี่ยเฉิน หมายจะคล้องแขนลู่เสวี่ยเฉินแนะนำตัวเอง


 


 


ผลปรากฏว่าลู่เสวี่ยเฉินนั่งลงข้างๆ หลินจยาอวี่ทันที แขนโอบไหล่หลินจยาอวี่ ยิ้มอย่างชั่วร้าย “แนะนำให้รู้จักนะครับ คนนี้คือแฟนผม”


ตอนที่ 239 พ่อผมชอบคุณยิ่งกว่าอะไร


 


 


ร่างกายของหลินจยาอวี่พลันแข็งเกร็ง เพราะเห็นแก่หน้าอวี๋กานกาน เธอจึงไม่ได้ผลักลู่เสวี่ยเฉินออก


 


 


ดวงตาของเหวินซินเม่ยแดงก่ำอย่างฉับพลัน สายตาของเธอจดจ้องไปที่หลินจยาอวี่ สะกดกั้นอารมณ์ทำลายล้าง


 


 


ผู้หญิงประเภทหน้าตาสวยหยาดเยิ้มเย้ายวนแบบนี้ มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นพวกปีศาจจิ้งจอก[1]ที่มาเพื่อยั่วยวนผู้ชายโดยเฉพาะ ตระกูลลู่ไม่มีทางยอมรับยัยนี่เข้าสกุล


 


 


เหวินซินเม่ยคลี่ยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่แฝงแววเหยียดหยาม พูดกับลู่เสวี่ยเฉิน “ผู้หญิงที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าแบบนี้ คุณมั่นใจเหรอคะว่าเธอจะสามารถก้าวเข้าประตูบ้านคุณได้ เสวี่ยเฉิน ฉันไม่สนใจว่านอกบ้านคุณจะมีผู้หญิงกี่คน ฉันต้องการแค่ให้พวกเราแต่งงานกัน ทุกคืนคุณกลับถึงบ้านแค่นี้ฉันก็พอใจแล้ว”


 


 


ตอนงานวันเกิดอายุสิบเก้าปีของเหวินซินเม่ย เธอได้พบกับลู่เสวี่ยเฉิน ถูกรูปโฉมอันงดงามและเสน่ห์ร้ายกาจไม่เหมือนใครของลู่เสวี่ยเฉินดึงดูด เธอเคยคิดว่าหากกาลเวลาผ่านไป ความรู้สึกใจวาบหวิวนี้คงจะค่อยๆ จางหายไป ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนั้น ยิ่งนานวันความเสน่หาที่เธอมีต่อลู่เสวี่ยเฉินกลับยิ่งรุนแรงขึ้น ดุจดั่งไวน์ที่ยิ่งเก่ายิ่งหอมหวาน


 


 


จากอาการใจเต้นกลายเป็นมอบทั้งหัวใจให้เขา เธอปรารถนาอยากจะแต่งงานกับลู่เสวี่ยเฉินอย่างแรงกล้า!


 


 


ขอแค่ได้แต่งงานกัน เธอต้องทำให้ลู่เสวี่ยเฉินประทับใจและหันมาชอบเธอได้อย่างแน่นอน!


 


 


หลังแต่งงานจะออกไปทำอะไรตามใจนอกบ้านก็เชิญเลย? วลีนี้ทำให้อวี๋กานกานตกใจจนคางเกือบหล่นไปอยู่บนพื้น “…”


 


 


อวี๋กานกานตาโตอ้าปากค้าง แต่พอมองหลินจยาอวี่ ฟังจือหันและลู่เสวี่ยเฉิน พวกเขาสามคนกลับไม่มีอาการประหลาดใจแม้แต่นิดเดียว ราวกับว่าประโยคนี้เป็นเพียงประโยคบอกเล่าทั่วไปหรือไม่ก็พวกเขาได้ยินจนชินแล้ว


 


 


อวี๋กานกานรู้สึกว่าตัวเองอยู่คนละโลกกับคนเหล่านี้


 


 


ลู่เสวี่ยเฉินเลิกคิ้วขึ้น “แต่ต้องขอโทษด้วยนะครับ ผมรักแค่ที่รักของผมคนเดียวเท่านั้น นอกจากเธอผมก็ไม่ต้องใครอีก” พูดจบลู่เสวี่ยเฉินหันไปมองหลินจยาอวี่ด้วยสายตาลึกซึ้ง


 


 


เมื่อเห็นว่าสีหน้าหลินจยาอวี่ยังคงไร้คลื่นอารมณ์ หน้านิ่งตั้งแต่ต้นจนจบ ลู่เสวี่ยเฉินพลันปรากฏความคิดแผลงๆ ขึ้น ริมฝีปากของเขาขยับไปทางด้านหน้าเล็กน้อย ก่อนจะพ่นลมหายใจหอมรัญจวนใส่ใบหูหลินจยาอวี่


 


 


ลมหายใจร้อนผ่าว


 


 


หลินจยาอวี่ไม่ชอบยิ้ม ทว่าเธอไม่ใช่หญิงสาวเย็นชา เธอเพียงแค่ผิดหวังจากความรัก ทำให้ติดนิสัยยิ้มไม่ออก ต่อให้จะรักษาอาการปากเบี้ยวได้แล้ว แต่เมื่อมีเรื่องสมหวังหรือผิดหวังเกิดขึ้น ในใจของเธอกลับยังคงสงบนิ่ง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอก็ไม่สะทกสะท้าน


 


 


อย่างไรก็ตามหลินจยาอวี่ยังอายุน้อยอ่อนประสบการณ์ เมื่อถูกชายหนุ่มเย้าหยอก เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้สึกรู้สาอะไร ร่างกายของเธอแข็งแกร็ง เขยิบถอยออกไปด้านข้างโดยอัตโนมัติ


 


 


เหวินซินเม่ยเห็นท่าทีของหลินจยาอวี่แฝงไว้ด้วยความเย็นชากีดกัน มองอย่างไรก็ไม่เหมือนคู่รัก เธอไม่เชื่อว่าทั้งสองคนจะเป็นแฟนกันจริงๆ พวกเขาน่าจะกำลังแสดงละครตบตา ลู่เสวี่ยเฉินลากผู้หญิงคนนี้มาเข้ามาเกี่ยวเพื่อยั่วโมโหเธอ เมื่อคิดได้เช่นนี้ ในใจของเหวินซินเม่ยรู้สึกโปร่งโล่ง ระบายยิ้ม “เสวี่ยเฉิน ฉันเคยบอกแล้วนี่คะ เรื่องนอกบ้านฉันไม่ถือ ฉันเชื่อว่าในอนาคตคุณต้องเข้าใจฉันแน่ เหมือนกับคุณน้าไงคะ…คุณน้าชอบฉันจะตายไป”


 


 


คุณน้าในที่นี่คือแม่ของลู่เสวี่ยเฉิน แม่ของลู่เสวี่ยเฉินค่อนข้างร้อนใจอยากให้ลูกชายเป็นฝั่งเป็นฝาสักที เมื่อเห็นว่าเหวินซินเม่ยชอบพอในตัวลูกชายตนมากถึงขนาดนี้ จึงหมายรวบหัวรวบหางพวกเขาสองคน


 


 


ลู่เสวี่ยเฉินแสยะยิ้มชั่วร้าย “พ่อผมชอบคุณกว่าแม่ผมอีก เขาตาเป็นประกายทุกครั้งที่เห็นคุณ…คุณกับแม่ผมมานับญาติเป็นพี่สาวน้องสาวกันก็ไม่เลว”


 


 


อวี๋กานกานตะลึงงันตาโตอ้าปากค้าง เหลือบไปมองฟังจือหันที่นั่งอยู่ข้างๆ “…”


 


 


ฟังจือหันคีบเนื้อชิ้นหนึ่งป้อนใส่ปากอวี๋กานกาน


 


 


ส่วนเหวินซินเม่ยทั้งโกรธทั้งอาย มองลู่เสวี่ยเฉินด้วยใบหน้าแดงแจ๋


 


 


ลู่เสวี่ยเฉินเมินเหวินซินเม่ย เลียนแบบฟังจือหัน หยิบแก้วน้ำของหลินจยาอวี่ จากนั้นจับหลอดยื่นไปตรงหน้าหลินจยาอวี่


 


 


หลินจยาอวี่จำใจต้องงับหลอด


 


 


ครานี้ต่อให้เหวินซินเม่ยจะหน้าหนาเพียงไหนก็ทนอยู่ต่อไม่ไหวแล้ว เธอหมุนตัวอย่างรวดเร็วแล้วเดินออกไปทันที


 


 


 


 


 


 


——


 


 


[1] ปีศาจจิ้งจอก หมายถึง ผู้หญิงที่หน้าตาสวยหยาดเยิ้มเหมือนแม่มดปีศาจ ใช้หน้าตาและเสน่ห์ยั่วยวนผู้ชายให้ติดกับ


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 240 ตัดสินใจเก็บเด็กในท้องไว้


 


 


หลังจากที่อวี๋กานกานกลืนอาหารที่อยู่ในปากแล้ว เธอมองหน้าลู่เสวี่ยเฉินจะหัวเราะก็ไม่ใช่จะร้องไห้ก็ไม่เชิง กล่าว “ลู่เสวี่ยเฉิน ฝีปากของนายบางทีก็ร้ายกาจจริงๆ !”


 


 


ถ้าพ่อแม่ของเขารู้ว่าเขาซนขนาดนี้ เกรงว่าคงโดนแส้ฟาดแน่


 


 


“เทียบกับผู้ชายของเธอแล้ว ฉันยังห่างไกลนัก” ลู่เสวี่ยเฉินพูดอย่างไม่เห็นด้วย พลางปล่อยมือที่อยู่บนไหล่ของหลิยจยาอวี่ จากนั้นหันไปยิ้มให้หลินจยาอวี่ “ขอบคุณนะ ติดหนี้น้ำใจคุณแล้ว วันหลังถ้าต้องการให้ช่วยผมจะตอบแทนคุณแน่”


 


 


ลู่เสวี่ยเฉินต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าร่างกายเขาไม่มีความรู้สึกต่อต้านหลินจยาอวี่ แต่กลับผู้หญิงคนอื่น กลับยังไม่สามารถโดนเนื้อต้องตัวได้


 


 


ทำไมพอเป็นหลินจยาอวี่ถึงไม่เกิดอาการต่อต้าน หรือว่าเขาจะเปลี่ยนรสนิยมแล้ว จากชอบผู้หญิงเผ็ดร้อนยั่วยวนเปลี่ยนมาเป็นชอบผู้หญิงจืดชืดเย็นชาแทน?


 


 


หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ อวี๋กานกานให้ลู่เสวี่ยเฉินเป็นคนไปส่งหลินจยาอวี่


 


 


ส่งสาวงามกลับที่พักเป็นงานที่ลู่เสวี่ยเฉินไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว แถมยังเป็นสาวงามที่เพิ่งช่วยเขาไว้เมื่อครู่ เขายินดีเป็นอย่างยิ่ง


 


 


แม้ว่าหลินจยาอวี่จะเป็นเจ้าหญิงน้ำแข็ง แต่บางครั้งก็มีมุมน่ารักๆ อยู่เหมือนกัน


 


 


หลังจากที่ลงจากรถแล้ว หลินจยาอวี่พูดกับลู่เสวี่ยเฉินด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ครั้งก่อนนายช่วยฉันไว้ ถึงฉันจะไม่ได้ขอก็เถอะ ตอนนี้ถือว่าพวกเราไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว ฉันไม่ชอบเรื่องวุ่นวายมากที่สุด ฉะนั้นนี่เป็นครั้งสุดท้าย!”


 


 


หลินจยาอวี่พูดทิ้งท้ายด้วยประโยคนี้อย่างเย็นชา จากนั้นหมุนตัวเดินเข้าไปในบ้านทันที ทิ้งลู่เสวี่ยเฉินยืนทำหน้าบูดบึ้งอยู่ที่เดิม โดนเหม็นขี้หน้าเข้าให้แล้ว ลู่เสวี่ยเฉินม้วนเก็บความคิดเมื่อครู่


 


 


น่ารักกับผีนะสิ!


 


 


ต่อให้เขาต้องเป็นโสดก็ไม่มีทางไปชอบผู้หญิงจืดชืดไร้เสน่ห์แบบนี้ สาเหตุที่ร่างกายของเขาไม่ต่อต้านหลินจยาอวี่ นั่นต้องเป็นเพราะว่าใจของเขายอมรับว่าหลินจยาอวี่ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างแน่นอน!


 


 


ลู่เสวี่ยเฉินกลับถึงบ้าน แม่ของเขาเดินเข้ามาต้อนรับทันที ถามด้วยความเป็นห่วง “ซินเม่ยโทรศัพท์มาหาฉัน ร้องห่มร้องไห้บอกว่าแกหาแฟนได้แล้ว แกไปเอาผู้หญิงที่ไหนมาเป็นแฟน ริอย่าไปเลียนแบบไอพวกลูกเศรษฐีที่คั่วผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าเชียวนะ”


 


 


ลู่เสวี่ยเฉินตอบกลับอย่างรำคาญใจเล็กน้อย “ถ้าผมคั่วผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า แม่ได้เป็นย่าคนไปนานแล้ว”


 


 


แม่ของลู่เสวี่ยเฉินถึงจะเข้าสู่วัยกลางคนแล้ว ทว่ายังสวยและมีบุคลคลิกภาพงดงาม เธอคว่ำปากอย่างเศร้าเสียใจ พึมพำออกมาหนึ่งประโยค “ฉันล่ะอยากให้เป็นแบบนั้น”


 


 


เกิดเส้นขีดสีดำพาดไปทั่วบริเวณศีรษะของลู่เสวี่ยเฉิน ไม่อยากสนใจแม่แล้ว…


 


 


แม่ของเขาไม่ยอมรามือ “ตกลงแกไปเอาผู้หญิงที่ไหนมาเป็นแฟน”


 


 


ลู่เสวี่ยเฉินไม่อยากถูกตื้อถามอีก กล่าวออกไปให้จบเรื่อง “แม่วางใจได้ ชาติตระกูลแฟนผมไม่ด้อยไปกว่าเหวินซินเม่ยแน่นอน”


 


 


ลู่เสวี่ยเฉินพูดทิ้งท้ายด้วยประโยคนี้ ก่อนจะเดินเข้าไปยังห้องนอนของตนเอง


 


 


เรื่องนี้สำหรับเขาแล้วก็เหมือนกับโยนหินลงมหาสมุทร ไม่สามารถสร้างคลื่นยักษ์ได้[1]


 


 


วันต่อมา อวี๋กานกานไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนหลินจยาอวี่ ไม่ว่าจะเก็บเด็กไว้หรือไม่ อย่างไรก็จำเป็นต้องตรวจร่างกาย


 


 


อายุครรภ์เจ็ดถึงแปดสัปดาห์ ตอนทำอัลตร้าซาวด์สามารถได้ยินเสียงหัวใจของทารกในครรภ์แล้ว ผ่านเครื่องฟังเสียงหัวใจทารกของคุณหมอ หลินจยาอวี่รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองกำลังละลาย


 


 


ก่อนหน้านี้เธอไม่ต้องการเด็กในท้อง ทว่าตอนนี้กลับอยากให้กำเนิดเด็กคนนี้มากชนิดที่ว่ายากที่จะหาอะไรมาเปรียบ


 


 


อวี๋กานกานสนับสนุนหลินจยาอวี๋ สำหรับหลินจยาอวี่การทำแท้งมีสิ่งที่ต้องแลกมากเกินไป ทั้งยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเธออย่างใหญ่หลวง


 


 


หลังจากที่ตัดสินใจเก็บเด็กในท้องไว้ พวกเธอออกจากโรงพยาบาลตรงไปยังร้านขายสินค้าแม่และเด็ก ซื้อของใช้จำเป็นสำหรับเด็กมามากมาย


 


 


เนื่องจากถือของมากเกินไป ตอนลงจากรถไม่ทันได้ระวังประวัติการรักษาและใบรายงานผลตรวจจึงหลุดมือหล่นลงบนพื้น


 


 


หลินจยาอวี่กำลังก้มตัวลงไปเก็บ ทว่ากลับมีคนคนหนึ่งไวกว่าเธอ หยิบใบรายงานผลตรวจขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นผลตรวจครรภ์ อีกฝ่ายร้องลั่นด้วยความตกใจ “เธอท้อง? !”


 


 


 


 


 


 


——


 


 


[1] โยนหินลงมหาสมุทร ไม่สามารถสร้างคลื่นยักษ์ได้ อุปมาถึง สิ่งที่ทำลงไปจะไม่เกิดปัญหาขึ้นในอนาคต


ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม