เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย 233-239

ตอนที่ 233 สารพิษประหลาด

 

รถยนต์ถูกขับมาจอดลงตรงหน้าโรงพยาบาล เขารีบอุ้มเฉียวซือมู่กระโดดลงจากรถ ตอนนี้หัวใจเธอเต้นอ่อนมาก ขืนยังเป็นแบบนี้ ไม่เกินสิบนาทีเธอคงเสียชีวิตระหว่างหมดสติเป็นแน่ 


 


 


เขาร้อนใจดั่งไฟเผา อุ้มเธอวิ่งพุ่งเข้าไปในโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว ทีมแพทย์ที่ได้รับแจ้งเหตุก่อนหน้านี้และเตรียมพร้อมแล้วรีบวิ่งเข้าไปรับตัวผู้ป่วย เฉียวซือมู่ถูกหามขึ้นเตียงรถเข็น และถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉินทันที 


 


 


เขาหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องฉุกเฉิน สีหน้าถมึงทึงจนน่าตกใจ ลูกน้องของเขาเห็นสีหน้าน่ากลัวของเขาแล้วไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขาสักคน สักพักเขาจึงเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้น “ผลเป็นยังไงบ้าง?” 


 


 


ลูกน้องคนสนิทของเขาที่ชื่อเจิ้งไห่เดินเข้าไปหาเขา รายงานเสียงเบา “ได้เรื่องแล้วครับ ปัญหาอยู่ตรงแก้วไวน์ที่ทางร้านใช้ครับ แก้วไวน์ของคุณเฉียวถูกคนป้ายยาพิษชนิดพิเศษเอาไว้ หลังจากดื่มเครื่องดื่มที่อยู่ในแก้วแล้ว ฤทธิ์ยาจะทำให้การทำงานของหัวใจและการหายใจช้าลง ในที่สุดคนดื่มจะเสียชีวิตระหว่างที่หมดสติ เป็นยาพิษที่ออกฤทธิ์ร้ายแรงมากครับ” 


 


 


“เป็นฝีมือใคร?” แววตาเขาเย็นเยือก คนร้ายถึงขั้นกล้าลงมือป้ายยาพิษใต้จมูกเขา นี่มันหยามกันมากเกินไปแล้ว   


 


 


เจิ้งไห่จำต้องรายงานต่อ “ทางร้านจ้างคนงานล้างจานเป็นรายวัน คนงานที่ทำหน้าที่ล้างจานวันนี้เพิ่งจะเริ่มทำงานเมื่อวาน เมื่อครู่เราตามไปถึงที่พักของเขา แต่เขาหนีไปแล้วครับ” 


 


 


นับตั้งแต่เฉียวซือมู่ถูกพิษจนถึงตอนนี้ เวลาเพิ่งจะผ่านไปเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น พวกเขาสามารถสืบจนได้เรื่องมากมายขนาดนี้ถือว่าประสิทธิภาพสูงมากแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถลากตัวคนร้ายออกมาได้ 


 


 


แสดงว่าฝ่ายตรงข้ามวางแผนมาเป็นอย่างดีตั้งแต่แรกแล้ว 


 


 


ฉีหย่วนเหิงสั่งให้ลูกน้องจองร้านอาหารเมื่อวานนี้ ปรากฎว่าคนงานน่าสงสัยคนนั้นก็เริ่มงานเมื่อวานเหมือนกัน เรื่องนี้จะต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน แสดงว่าคนพวกนั้นจะต้องรู้ว่าเขาต้องไปที่ร้านอาหารนี้อย่างแน่นอน ถึงได้วางแผนนี้ขึ้น  


 


 


แล้วคนพวกนั้นรู้ความเคลื่อนไหวของเขาได้อย่างไร? 


 


 


เขาคิดออกทันทีว่าข้างกายเขาจะต้องมีเกลือเป็นหนอนเป็นแน่ 


 


 


เจิ้งไห่ได้ข้อสรุปเช่นเดียวกันกับเขา เขาแอบชำเลืองมองเจ้านายตัวเองด้วยความรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน ฉีหย่วนเหิงหรี่ตาแคบ เอ่ยเสียงต่ำ “สืบต่อ สืบจนกว่าจะรู้ความจริงทั้งหมด” 


 


 


เจิ้งไห่ลังเลเล็กน้อย “แล้วถ้าเกิด…” 


 


 


ฉีหย่วนเหิงรู้ว่าเขาจะพูดอะไร จึงเอ่ยขัดขึ้น “ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ห้ามปล่อยให้หลุดรอดไปได้แม้แต่คนเดียว” 


 


 


“ครับ!” 


 


 


ฉีหย่วนเหิงสูดหายใจลึก รู้สึกกลัวจับใจ 


 


 


เขาปล่อยให้เธอถูกลอบทำร้ายใต้จมูกเขา… 


 


 


ช่างเป็นเรื่องเหลวไหลและน่าหัวเราะที่สุด 


 


 


เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวหน้าห้องฉุกเฉิน สายตาจับจ้องอยู่ที่ประตูห้องที่ปิดสนิท ในใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกกลัวสุดหัวใจเพราะผู้หญิงคนหนึ่ง 


 


 


เพียงไม่นาน มีนายแพทย์คนหนึ่งเดินออกมา เขาเอ่ยกับฉีหย่วนเหิงเสียงเครียด “คนไข้น่าจะได้รับสารพิษชนิดพิเศษเข้าสู่ร่างกายซึ่งทำร้ายร่างกายเธอมาก เราล้างท้องและใช้วิธีทำให้อาเจียนเพื่อขับสารพิษส่วนใหญ่ออกจากร่างกาย แต่ยังมีสารพิษบางส่วนเข้าสู่กระแสเลือดและอวัยวะภายใน ตอนนี้เราจึงต้องใช้วิธีที่ปลอดภัยต่อคนไข้ที่สุดในการขับสารพิษออกจากร่างกายเป็นการชั่วคราว ตอนนี้จึงยังบอกอะไรไม่ได้” 


 


 


“เข้าใจแล้วครับ แล้วเป็นสารพิษชนิดไหนเหรอครับ?” ฉีหย่วนเหิงเอ่ยถาม 


 


 


นายแพทย์คนนั้นชักหัวคิ้วชนกันแน่น “เป็นสารพิษที่พบได้น้อยมาก หมอเองก็เพิ่งจะเคยเจอเคสที่ยาพิษเข้าควบคุมการทำงานของหัวใจและการหายใจแบบนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน ถ้าช้ากว่านี้อีกแค่สิบนาที เราอาจจะช่วยชีวิตคนไข้ไม่ทัน แต่ยาพิษแบบนี้พบได้น้อยมาก เราเองก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร ต้องส่งไปวิเคราะห์ก่อนถึงจะรู้ผล” 


 


 


ฉีหย่วนเหิงสูดหายใจลึก พยายามสะกดกลั้นอารมณ์อยากจะด่าคนเอาไว้ เขาพยักหน้าเล็กน้อยแล้วไม่ได้พูดอะไรอีก 


 


 


นายแพทย์คนนั้นเห็นภาพแบบนี้จนชินตา เมื่อเห็นฉีหย่วนเหิงไม่ได้ถามอะไรอีกจึงหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องฉุกเฉินอีกครั้ง 


 


 


ฉีหย่วนเหิงฝังหน้าตัวเองลงบนฝ่ามือตัวเอง รู้สึกเสียใจมาก 


 


 


สักพัก เจิ้งไห่เรียกเขาเบาๆ “พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ครับ…” 


 


 


ดวงตาเขาแดงก่ำ “มีอะไร?” 


 


 


“คือว่า… คือว่าหมอนอร์แมนบอกว่าติดธุระ มาไม่…” ยังไม่ทันเอ่ยจบก็ถูกฉีหย่วนเหิงแย่งโทรศัพท์มือถือไปต่อหน้าต่อตา “นอร์แมน ถ้าคุณไม่มา ผมพังห้องวิจัยคุณแน่!” 


 


 


นอร์แมนเอ่ยเนิบนาบ “ตามใจ ผมกำลังจะย้ายบ้านอยู่พอดีเลย ถ้าคุณพังมัน ผมก็จะได้ถือโอกาสสร้างหลังใหม่ด้วย” 


 


 


เขาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “นี่คุณ!” 


 


 


“ไม่ต้องเกรงใจ” 


 


 


นอร์แมนเป็นหมออัจฉริยะ ไม่มีคนไข้คนไหนที่เขารักษาไม่หาย แต่เขาเป็นคนประหลาด จะรักษาคนไข้ก็ต้องดูอารมณ์ของเขาด้วย ครั้งนี้ฉีหย่วนเหิงใช่ว่าจะสามารถเชิญให้เขามาให้การรักษาได้ 


 


 


ตอนนี้อาการของเฉียวซือมู่เป็นตายเท่ากัน เขาจะยอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาด เขายอมอ่อนข้อลง แต่ต่อให้เขาพูดอย่างไรนอร์แมนก็ไม่ยอมมา แถมยังตัดสายเขาดื้อๆ เสียอีก 


 


 


ฉีหย่วนเหิงโกรธจัด ขว้างโทรศัพท์มือถือกระแทกกำแพงอย่างแรงจนเกิดเสียงดังลั่น 


 


 


เจิ้งไห่ตกใจจนอกสั่นขวัญหาย แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปห้ามเขา 


 


 


ฉีหย่วนเหิงยืนใจลอยอยู่หน้าประตูห้อง เขายืนแน่นิ่งอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน จากนั้นฝังใบหน้าลงบนฝ่ามือ พูดอะไรไม่ออกสักคำ 


 


 


ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน จู่ๆ เจิ้งไห่ก็เอ่ยเรียกเขาอีก “พี่ใหญ่ โทรศัพท์ของพี่ครับ” 


 


 


เขายื่นมือออกไปรับโทรศัพท์มือถือมาจากเจิ้งไห่ ตาโตทันทีที่เห็นว่าใครโทรมัน เขารีบแนบโทรศัพท์มือถือกับหู “ไอ้ตัวแสบ ไปบอกให้เขาเตรียมห้องฉุกเฉินเอาไว้ให้พร้อม อีกหนึ่งชั่วโมงถึง” 


 


 


เสียงนอร์แมนดังลอดมาตามสาย เขาเบิกตาโตด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “คุณ.. คุณจะมาใช่ไหม?” 


 


 


“พูดอะไรเหลวไหล หรือคุณไม่เต็มใจ? ถ้างั้นผมไม่ไปก็ได้” 


 


 


“เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น เดี๋ยวผมไปบอกให้เขาเตรียมทุกอย่างให้พร้อม คุณรีบมานะ” เขาวางสาย รู้สึกโล่งใจไปอีกหนึ่งเปราะ 


 


 


นอร์แมนเป็นนายแพทย์ที่วิจัยด้านเภสัชวิทยาโดยเฉพาะ พรสวรรค์ทางด้านนี้ของเขานั้นไม่มีใครสามารถเทียบเคียงได้ ถ้าเขาช่วย เฉียวซือมู่ต้องรอดแน่ 


 


 


แต่ว่า ทำไมอยู่ดีๆ เขาถึงเปลี่ยนใจล่ะ? 


 


 


เขามุ่นหัวคิ้วสงสัย หรือว่าเขาจะเปลี่ยนใจหลังจากวางสายไปแล้ว? 


 


 


มันก็ไม่แน่ เพราะนอร์แมนมีนิสัยแปลกประหลาดไม่แตกต่างจากนักวิทยาศาสตร์ทั่วไป ไม่แปลกที่อยู่ดีๆ จะเปลี่ยนใจแบบนี้ 


 


 


หนึ่งชั่วโมงต่อมา นอร์แมนมาถึงโรงพยาบาลพร้อมผู้ช่วยที่หิ้วกระเป๋าเนื้อโลหะมาด้วย 


 


 


ฉีหย่วนเหิงโล่งอก รีบเดินเข้าไปต้อนรับเขาทันที นอร์แมนยังคงยืนอยู่ที่เดิมพลางเอ่ยถาม “คนไข้ล่ะ?” 


 


 


ตอนนี้เป็นช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ ฉีหย่วนเหิงไม่มีเวลามาสนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เขาชี้ไปยังประตูห้องฉุกเฉินที่เฉียวซือมู่อยู่ข้างใน นอร์แมนเดินไปหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้อง ยกมือขึ้นเคาะประตูอย่างไม่เกรงใจ นางพยาบาลเปิดประตูออกพร้อมเอ่ยอย่างไม่พอใจ “นี่ห้องฉุกเฉิน…” 


 


 


เธอเอ่ยไม่ทันจบประโยคก็เงียบเสียงลงเพราะจำได้ว่านอร์แมนเป็นใคร 


 


 


นอร์แมนเป็นนายแพทย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในวงการแพทย์ ชื่อของเขาเปรียบได้กับบัตรผ่านพิเศษ ไม่มีโรงพยาบาลไหนกล้าปฏิเสธเขา 


 


 


น้ำเสียงไม่พอใจของนางพยาบาลคนนั้นแปรเปลี่ยนเป็นความดีใจแทน “คุณหมอนี่เอง…” 


 


 


ประตูห้องฉุกเฉินถูกปิดลงอีกครั้ง ฉีหย่วนเหิงถอนหายใจโล่งอก 


 


 


มีนอร์แมนอยู่ทั้งคน เพียงไม่นาน อาการของเฉียวซือมู่คงที่ หลังจากนายแพทย์คนหนึ่งออกมาแจ้งข่าวให้ฉีหย่วนเหิงทราบ เขาถึงปลดปล่อยตัวเองออกจากความรู้สึกผิด 


 


 


แม้ทีมแพทย์จะขับสารพิษส่วนใหญ่ออกจากร่างกายเฉียวซือมู่แล้ว แต่เธอยังคงหลับไม่ได้สติเหมือนเดิม อาการประหลาดมาก  

 

 


ตอนที่ 234 ทั้งเตะทั้งต่อย

 

นอร์แมนอธิบายว่าสารพิษเข้าสู่ร่างกายเธอจนทำให้ร่างกายเธอเสียหายอย่างหนัก สมองจึงสั่งให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะหลับสนิท  


 


 


นอร์แมนเองก็เพิ่งเคยเจอสารพิษแปลกประหลาดแบบนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน เขาเก็บตัวอย่างสารพิษแล้วเอากลับไปวิเคราะห์ทันที 


 


 


เฉียวซือมู่หลับตั้งแต่กลางคืนจนถึงเช้าอีกวัน จากเช้าอีกวันหลับจนถึงกลางคืน ระหว่างนี้ คริสยังอุตส่าห์แบกร่างกายบอบช้ำมาเยี่ยมเธอ ดวงตาสีเขียวสวยคู่นั้นฉายแววสงสารจับใจเมื่อเห็นว่าเธอยังคงหลับสนิทเหมือนเดิม 


 


 


ฉีหย่วนเหิงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ตอนที่เขาฝากฝังให้คริสช่วยดูแลเฉียวซือมู่นั้น เขาไม่เคยคิดเลยว่าคริสจะตกหลุมรักเธอ เขาเป็นคนที่แอนตี้พฤติกรรมเพื่อนแย่งแฟนเพื่อนมาก เขาจึงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นสีหน้าของเพื่อนรักในยามนี้ ได้แต่ปั้นหน้าเรียบเฉยแล้วตั้งหน้าตั้งตาดูแลเฉียวซือมู่ 


 


 


คริสถอนหายใจด้วยความเสียดาย ร่างกายเขาบาดเจ็บหนัก ไม่สามารถออกมาข้างนอกเป็นเวลานานๆ ถึงเขาจะรู้สึกเสียดายและไม่อยากกลับห้องคนไข้มากแค่ไหน แต่เขาก็ต้องค่อยๆ ลากสังขารบอบช้ำของตัวเองกลับห้องอย่างเสียไม่ได้  


 


 


ฉีหย่วนเหิงมองตามแผ่นหลังของคริสที่เดินลับตาไปแล้ว เขาหลุบตาลงต่ำ เจิ้งไห่เดินเข้าไปพูดอะไรบางอย่างข้างหูเขา เขาได้ยินแล้วชายตาขึ้น 


 


 


เขาครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วยิ้มเยาะ จากนั้นเอ่ยกับเจิ้งไห่ “ไปรองน้ำอุ่นมาให้หน่อย เอาผ้าขนหนูด้วย” 


 


 


เจิ้งไห่จัดหาสิ่งที่เขาต้องการมาให้ เขาชี้ไปยังประตูห้อง “ออกไปรอข้างนอก” 


 


 


เจิ้งไห่ชะงักเล็กน้อยแล้วเดินออกไปด้วยความเสียดาย 


 


 


พี่ใหญ่ของเขาหลอกคนเก่งมาก คนคนนั้นน่าสงสารจัง… 


 


 


ขณะที่เจิ้งไห่กำลังจะเปิดประตูนั้น จู่ๆ ประตูห้องก็ถูกใครบางคนถีบออกอย่างแรงจนเกิดเสียงดังปังใหญ่ 


 


 


ฉีหย่วนเหิงหันกลับไปมอง แขกไม่ได้รับเชิญเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในห้องอย่างชัดเจน เขาโกรธจนควันออกหู ก้าวพรวดๆ เข้าไปในห้องแล้วเหวี่ยงหมัดใส่แผ่นหลังของฉีหย่วนเหิง ฉีหย่วนเหิงเตรียมพร้อมอยู่แล้วจึงเบี่ยงตัวหลบได้ทัน 


 


 


ฉีหย่วนเหิงค่อยๆ หมุนตัวกลับ ในมือยังถือผ้าขนหนูเอาไว้ “นายช้ามากเลยนะ จิ้นหยวน” 


 


 


จิ้นหยวนสวมชุดสูทพอดีตัว ร่างกายสูงใหญ่ ท่าทางสง่างามดุจคุณชายสูงศักดิ์ แต่ใบหน้าที่กำลังโกรธจัดและดวงตาที่โกรธจนลุกเป็นไฟทำให้ความสง่างามนั้นลดทอนลงไปไม่น้อย 


 


 


แต่เขาไม่สนใจสักนิด สายตาของเขาเย็นยะเยือกทันทีที่เห็นเฉียวซือมู่ที่กำลังนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงสวมชุดคนไข้ที่ดูไม่เรียบร้อย โดยมีผ้าห่มที่ฉีหย่วนเหิงคลุมเอาไว้ให้เธออย่างลวกๆ จนดูวับๆ แวมๆ เขาเดินเข้าไปดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างกายเธอให้มิดชิด จากนั้นหมุนตัวกลับไปหาชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง เขาตวาดเสียงดังลั่น “ไสหัวออกไปให้หมด!” 


 


 


จิ้นหยวนทำทุกอย่างเร็วมาก และจากตำแหน่งที่คนที่เพิ่งเดินตามเข้ามาทีหลังยืนอยู่นั้น ทำให้มองไม่เห็นว่าเฉียวซือมู่ที่นอนอยู่บนเตียงอยู่ในสภาพไหน เสียงตวาดของจิ้นหยวนทำให้เขาต้องรีบเดินก้มหน้างุดออกจากห้องทันที และไม่ลืมปิดประตูให้สนิท 


 


 


จิ้นหยวนก้มหน้าลงมองใบหน้าของหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาพลางลูบไล้ริมฝีปากเธอเบาๆ จู่ๆ เขาก็เงยหน้าขึ้น “นายเองก็ไสหัวออกไปได้แล้ว!” 


 


 


ฉีหย่วนเหิงไม่เพียงไม่ทำตาม แต่ยังเดินเข้าไปหาเขาช้าๆ “นี่นายลืมไปหรือเปล่าว่าฉันไม่ใช่ลูกน้องของนาย ถ้าอยากแสดงอำนาจก็เชิญออกไปข้างนอกโน่น” 


 


 


จิ้นหยวนสีหน้ารังเกียจ “นายคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ถือสิทธิ์อะไรยืนอยู่ตรงนี้? หรืออยากจะคลานออกไป!” 


 


 


เขาหมายถึงคลานออกไปจริงๆ 


 


 


ฉีหย่วนเหิงไม่กลัวสักนิด “นายจะโกรธทำไม? นายแต่งงานกับหร่วนเซียงเซียงแล้วไม่ใช่หรือไง? นายกับเธอตัดขาดกันแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วจะมาทำลึกซึ้งอะไรตอนนี้?” 


 


 


สีหน้าจิ้นหยวนแย่มาก “ใครบอกว่าเราเลิกกันแล้ว?” 


 


 


“แล้วนายคิดว่าใครล่ะ เธอพูดเองหรือว่าฉันพูดเอง?” ฉีหย่วนเหิงเอ่ยอย่างไม่ไว้หน้า “ฉันสารภาพรักกับเธอสำเร็จแล้ว เพราะฉะนั้น แฟนเก่าอย่างนายควรเป็นฝ่ายออกไปเพื่อไม่ทำให้แฟนใหม่อย่างฉันหึงไม่ใช่เหรอ?” 


 


 


จิ้นหยวนทนฟังไม่ไหวอีกต่อไป เขากระโดดตัวลอยปล่อยหมัดชกหน้าฉีหย่วนเหิงอย่างแรง “ไสหัวออกไปซะ!” 


 


 


ฉีหย่วนเหิงหน้าเปลี่ยนสีทันที “ฉันให้เกียรตินาย แต่นายกลับเห็นฉันเป็นแมวป่วยอย่างนั้นเหรอ?” 


 


 


เขายกแขนขึ้นบังหมัดของจิ้นหยวนเอาไว้ได้ จากนั้นเหวี่ยงขาเตะจิ้นหยวนเป็นการตอบโต้ 


 


 


ทั้งสองตะลุมบอนกันอุตลุด ข้าวของเครื่องใช้ในห้องแตกดังโพล้งเพล้ง เสียงดังออกไปนอกห้องจนลูกน้องทั้งของจิ้นหยวนและฉีหย่วนเหิงต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก 


 


 


ทั้งสองทั้งเตะทั้งต่อยกว่าครึ่งชั่วโมง ข้าวของเครื่องใช้ในห้องถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี 


 


 


โชคดีที่ทั้งสองยังพอมีสติเหลืออยู่บ้าง ต่างเลี่ยงไม่เข้าใกล้เตียงคนไข้ หลังตะลุมบอนกันจนหนำใจ สิ่งเดียวที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ก็คือเตียงคนไข้หลังนั้น 


 


 


เฉียวซือมู่ยังคงหลับสนิทไม่ไหวติง ไร้ปฏิกิริยาใดๆ ตอบสนองต่อการกระทำที่เหมือนเด็กๆ ของพวกเขา ใบหน้าเธอแดงเรื่อ มุมปากยกขึ้นน้อยๆ ราวกับว่ากำลังนอนหลับฝันดี 


 


 


จิ้นหยวนเบนสายตามองหน้าเธอแล้วไม่อาจละสายตาจากเธอได้อีก 


 


 


จิ้นหยวนปากแตก เลือดกำเดาไหลเป็นทาง สภาพดูไม่ได้เลย แต่เขากลับไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด เขาค่อยๆ เดินไปที่เตียงคนไข้ มือหยาบใหญ่ลูบใบหน้าเธอเบาๆ จากนั้นยืดตัวตรงหันไปมองฉีหย่วนเหิงตาเขียวปั๊ด “นายไปทำอีท่าไหนเข้าเธอถึงกลายเป็นแบบนี้?” 


 


 


น้ำเสียงเขาโกรธจัด จะโทษเขาก็ไม่ได้ เขากำลังจะพาตัวเธอกลับอยู่แล้วแท้ๆ แต่กลับถูกฉีหย่วนเหิงเล่นงานเสียก่อน เขาจำใจบินกลับประเทศเพื่อบังคับบัญชาเรื่องงานด้วยตัวเอง เพิ่งจะแก้ปัญหาเรื่องงานเสร็จก็ได้รับข่าวว่าเฉียวซือมู่ตกอยู่ในอันตราย เขาจึงรีบบินมาที่มิลานทันที มาถึงก็เห็นฉีหย่วนเหิงกำลังแต๊ะอั๋งผู้หญิงของเขาพอดี 


 


 


แล้วจะไม่ให้เขาโกรธได้อย่างไร? เห็นได้ชัดว่าที่เฉียวซือมู่ยังหลับไม่ได้สติแบบนี้เป็นเพราะยังมีสารพิษตกค้างอยู่ในร่างกาย นอกจากความโกรธแล้ว ตอนนี้ยังมีความกังวลต่างๆ นานาเพิ่มเข้ามาด้วย 


 


 


ฉีหย่วนเหิงค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นจากมุมกำแพง ตาข้างหนึ่งถูกชกจนเบ้าตาเขียวช้ำ สภาพน่าตลกมาก ขาข้างหนึ่งบาดเจ็บจนต้องเดินกะเผลกๆ แต่เขาไม่ยอมแสดงความอ่อนแอออกมาเด็ดขาด “นายคิดว่าตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างนั้นเหรอ? ฉันจะบอกอะไรให้นะ เฉียวซือมู่ถูกทำร้ายก็เพราะนาย!” 


 


 


“เหลวไหล!” จิ้นหยวนโกรธจนหน้าดำหน้าแดง “นายไม่ต้องโยนความผิดมาให้ฉันเลยนะ ช่วงที่ผ่านมาฉันไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ แล้วจะเกี่ยวกับฉันได้ยังไง?” 


 


 


“นายไม่เชื่อใช่ไหม? ไม่เป็นไร ฉันมีหลักฐาน” เอ่ยจบแล้วเรียกลูกน้องที่อยู่ด้านนอก “เจิ้งไห่ เอาหลักฐานมาให้ท่านประธานจิ้นดูซิ”  

 

 


ตอนที่ 235 เริ่มการแก้แค้น

 

เจิ้งไห่เดินเข้าไปในห้อง ยื่นแฟ้มเอกสารแฟ้มหนึ่งให้เขา ฉีหย่วนเหิงพยักพเยิดไปทางจิ้นหยวน “เอาให้ท่านประธานจิ้นดูเอง จะได้รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นตัวต้นเหตุ” 


 


 


ท่าทางของเขาทำให้จิ้นหยวนรู้สึกท่าไม่ดีเสียแล้ว จิ้นหยวนที่มีสีหน้าเคร่งเครียดรับแฟ้มเอกสารมาจากเจิ้งไห่แล้วเปิดดูอย่างรวดเร็ว สายตาของเขาเย็นเยือกทันที “นี่ของจริงใชไหม?” 


 


 


เขาเชื่อสิ่งที่เห็นอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ยังคงเอ่ยถามออกมาเพราะยังมีความหวังเสี้ยวสุดท้าย 


 


 


“แล้วนายคิดว่ายังไงล่ะ?” ฉีหยวนเหิงส่ายศีรษะ จ้องจิ้นหยวนพลางถอนหายใจ “ฉันว่านะ น่าสงสาร ท่านประธานจิ้นผู้เฉลียวฉลาดมาทั้งชีวิต กลับต้องมาตกม้าตายเพราะไม่รู้ว่าเมียตัวเองก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้เอาไว้ ฮ่าๆ ฮ่าๆๆๆ” 


 


 


จิ้นหยวนสีหน้าถมึงทึง “ฉันไม่ปล่อยเธอเอาไว้แน่” 


 


 


ที่แท้ ฉีหย่วนเหิงพบโทรศัพท์มือถือของคนที่คิดจะขับรถชนเฉียวซือมู่ให้ตาย แม้บันทึกการโทรเข้าออกจะถูกลบออกจนหมด แต่ฝีมือลูกน้องของเขาเก่งฉกาจจนสามารถสืบจนได้เบาะแส พวกเขาไล่สืบตามเบาะแสนั้นจนพบว่าเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อกันนั้นเป็นเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อจากคฤหาสน์ตระกูลหย่วน 


 


 


หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ คนที่จ้างคนฆ่าคนคือคนตระกูลหย่วน และคงไม่ต้องบอกว่าเพราะอะไร เพราะเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับหย่วนเซียงเซียงอย่างแน่นอน 


 


 


ใบหน้าของจิ้นหยวนขึ้นสีแดงสลับเขียว ไม่คิดเลยว่าฉีหย่วนเหิงสืบไปสืบมา สุดท้ายหวยจะมาออกที่เขาจนได้ เขาจ้องฉีหย่วนเหิงที่กำลังดูเรื่องสนุกด้วยสายตาเย็นเยียบ “ฉันจะเป็นคนอธิบายเรื่องนี้กับเธอเอง แต่เธอจะอยู่กับนายไม่ได้ ฉันจะพาเธอกลับ” 


 


 


“นายถือสิทธิ์อะไรไม่ทราบ?” ฉีหย่วนเหิงยิ้มเยาะ “นายคิดว่าตัวเองยังเป็นจิ้นหยวนคนเก่าที่คิดอยากจะพาผู้หญิงคนไหนไปอยู่ด้วยก็ไม่มีใครกล้าพูดอย่างนั้นเหรอ? นายเชื่อหรือเปล่า ขืนนายพาเธอกลับไปด้วย ไม่ถึงครึ่งเดือนเธอได้ตายโหงแน่” 


 


 


“นายพูดเกินไปแล้ว ไม่มีทางเป็นอย่างนั้นแน่!” จิ้นหยวนเอ่ยเฉียบขาด ฉีหย่วนเหิงเห็นเขาเป็นเด็กอมมือหรืออย่างไร? นี่เขาคิดว่าหร่วนเซียงเซียงเก่งกาจขนาดนั้นเลยเชียวหรือ? 


 


 


ฉีหย่วนเหิงหัวเราะเยาะ “นายไม่เชื่อ? ว่างๆ ก็ลองไปเช็คประวัติแม่ยายของนายดูนะ ดูซิว่าหลายปีมานี้คุณนายหร่วนทำเรื่องดีๆ อะไรเอาไว้บ้าง? ถึงยังไงลูกไม้ก็หล่นไม่ไกลต้น นายคิดว่าเมียนายเป็นแม่พระหรือไง? คิดไม่ถึงว่าท่านประธานจิ้นจะเป็นผู้ชายที่ไร้เดียงสาขนาดนี้ มู่มู่คงตาบอดไปแล้วที่ชอบนาย”  


 


 


“ห้ามเรียกเธอว่ามู่มู่!” จิ้นหยวนคำรามเสียงต่ำด้วยความโกรธจัดที่ถูกฉีหย่วนเหิงฉีกหน้า  


 


 


“ฉันจะเรียก แล้วจะทำไม มู่มู่ มู่มู่ มู่มู่ …” ฉีหย่วนเหิงยั่วโทสะจิ้นหยวนอย่างไม่เกรงกลัว 


 


 


“นายมันรนหาที่เอง!” จิ้นหยวนหมดความอดทน เหวี่ยงกำปั้นออกไปเต็มกำลัง… 


 


 


เสียงชกต่อยอย่างดุเดือดดังขึ้นอีกระลอก สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือไร้เสียงสิ่งของแตกหักดังโพล้งเพล้งเหมือนรอบแรก เพราะข้าวของเครื่องใช้พวกนั้นแตกหักหมดตั้งแต่ทั้งสองวางมวยกันรอบแรกแล้ว… 


 


 


สุดท้ายจิ้นหยวนก็ไม่ได้พาเฉียวซือมู่กลับไปด้วย เพราะฉีหย่วนเหิง “เกลี้ยกล่อม” เขาจนสำเร็จ ฉีหย่วนเหิงแนะนำให้เขากลับไปหายาถอนพิษดีกว่า เพราะที่มาที่ไปของยาพิษที่เกือบคร่าชีวิตเฉียวซือมู่น่าสงสัยมาก เป็นไปได้ที่คนตระกูลหร่วนจะเป็นคนให้คนร้ายเอง ถ้าจิ้นหยวนพาเธอกลับไปด้วยแล้วเกิดเธอถูกปองร้ายอีกจะทำอย่างไร? 


 


 


จิ้นหยวนกลับไปพร้อมความโกรธเต็มพิกัด หลินจื้อเฉิงขับรถไปรับเขาที่สนามบิน เห็นสีหน้าของเขาแล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย “พี่ใหญ่เป็นอะไรไปครับ?” 


 


 


น่าแปลก ไหนบอกว่าเจอตัวคุณเฉียวแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมสีหน้าถึงแย่มากขนาดนี้ จริงสิ หรือว่าเธอไม่ยอมกลับ? 


 


 


จิ้นหยวนที่กำลังหน้าดำคร่ำเครียดนั่งเงียบไม่ตอบ เมื่อเห็นว่าหลินจื้อเฉิงกำลังขับรถมุ่งหน้าไปยังบริษัทจึงเอ่ยขึ้น “ไปบ้านใหญ่” 


 


 


หลินจื้อเฉิงเอ่ยตอบ “พี่ใหญ่ เดี๋ยวจะมีการประชุมที่บริษัท ถ้าพี่ไม่ไปล่ะก็…” 


 


 


จิ้นหยวนส่ายศีรษะ “ไปบ้านใหญ่ แล้วนายกลับไปประชุมแทนฉัน” 


 


 


เขาเอ่ยเสียงเฉียบขาด น้ำเสียงทรงอำนาจจนไม่อาจขัดขืน หลินจื้อเฉิงอยากพูดแต่พูดไม่ออก ได้แต่กลับรถแล้วขับกลับไปยังคฤหาสน์ตระกูลจิ้นตามคำสั่ง และแอบเดาไปต่างๆ นานาตลอดทางว่าจิ้นหยวนคิดจะทำอะไรกันแน่ 


 


 


แต่คิดให้สมองระเบิดเขาก็คิดไม่ตกเสียทีว่าจิ้นหยวนคิดจะทำอะไรกันแน่ 


 


 


จิ้นหยวนเดินลงจากรถ ทันทีที่เดินเข้าไปในบ้านเขาก็ได้ยินหัวเราะของหร่วนเซียงเซียงกับจิ้นเฮ่าดังลอยมา เสียงหร่วนเซียงเซียงเอ่ย “คุณพ่อยอมหนูหน่อยไม่ได้เหรอคะ? หนูแพ้จนหมดตัวแล้วเนี่ย คุณพ่อไหว้หน้าหนูหน่อยสิคะ” 


 


 


จิ้นเฮ่าหัวเราะร่า “ใครบอกให้เราออกตัวว่าจะต้องเอาชนะพ่อให้ได้ล่ะ ดูตอนนี้ซิ แพ้แล้วก็มาร้องขอความเห็นใจ หมดกัน ภาพลักษณ์ดาราเจ้าบทบาท”  


 


 


จากนั้นตามมาด้วยเสียงออดอ้อนของหร่วนเซียงเซียง จิ้นเฮ่าหัวเราะชอบใจไม่หยุด ในห้องรับแขกเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข 


 


 


จิ้นหยวนชะงักเท้าเล็กน้อย จากนั้นก้าวเดินเข้าไปอย่างมุ่งมั่น 


 


 


ทุกคนในห้องรับแขกได้ยินเสียงฝีเท้าจึงเงยหน้าขึ้นมองด้วยความแปลกใจ “อาหยวน?” 


 


 


“กลับมาแล้วเหรอ!” 


 


 


จิ้นเฮ่ากับฉินเพ่ยหรงดีใจที่เห็นจิ้นหยวนกลับบ้าน แต่หร่วนเซียงเซียงกลับวางหมากในมือลงด้วยความตกใจ จากนั้นลุกขึ้นยืนอย่างหวาดๆ “พี่จิ้นหยวน” 


 


 


จิ้นเฮ่าเห็นอาการของหร่วนเซียงเซียงแล้วสงสารเธอขึ้นมาทันที เขาชักหัวคิ้วชนกันแน่นพลางเอ่ยกับจิ้นหยวน “แกดูซิว่าทำเซียงเซียงตกใจหมดแล้ว แกจะยิ้มสักหน่อยไม่ได้เลยหรือไง?” 


 


 


ความจริงอาการของหร่วนเซียงเซียงเป็นอาการของวัวสันหลังหวะต่างหาก พอเห็นจิ้นหยวนถึงได้ประหม่ามากขนาดนี้ 


 


 


จิ้นเฮ่าไม่เข้าใจ แต่จิ้นหยวนกลับเข้าใจอย่างถ่องแท้ เขาจ้องเธอด้วยสายตาเย็นเยือก เมื่อเห็นเธอหดคอตัวสั่นเล็กน้อยจึงครางเสียงฮึอย่างเย้ยหยัน “ถ้าไม่อยากเห็นก็กลับบ้านตัวเองไปสิ” 


 


 


หร่วนเซียงเซียงน้ำตาคลอเบ้า เอ่ยออกมาด้วยสีหน้าน่าสงสาร “พี่จิ้นหยวน” 


 


 


จิ้นหยวนรู้ดีว่าเธอเล่นละครเก่งมากแค่ไหน เพราะฉายาดาราเจ้าบทบาทนั้นใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ “อยากจะบีบน้ำตาก็ไปบีบกับคนอื่น เธอคิดว่าฉันจะหลงกลเธออย่างนั้นเหรอ?” 


 


 


ยังไม่ทันที่หร่วนเซียงเซียงจะได้อ้าปากพูดอะไร จิ้นเฮ่าก็ทนดูไม่ไหวอีกต่อไป เขาตบโต๊ะดัง “ปัง” แล้วต่อว่าจิ้นหยวน “นี่แกพูดอะไรของแก? เซียงเซียงเป็นเมียแกนะ!” 


 


 


จิ้นหยวนสีหน้าเย็นชา ไม่สนใจคำพูดของจิ้นเฮ่าสักนิด เขาหมุนตัวนั่งลงบนโซฟาแล้วเอ่ย “ที่ผมกลับมาเพราะมีเรื่องจะมาบอก ผมคิดว่าให้เธออยู่ที่นี่กับคุณพ่อคุณแม่คงไม่ค่อยเหมาะสักเท่าไหร่ ผมกำลังจะพาเธอไปอยู่กับผมที่โน่น” 


 


 


หลังจบประโยค ทุกคนในห้องตะลึงงัน ฉินเพ่ยหรงเอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวัง “อาหยวน นี่ลูกพูดจริงเหรอ?” 


 


 


ต่อหน้าฉินเพ่ยหรง จิ้นหยวนสีหน้าอ่อนโยนขึ้น “ครับ คุณพ่อคุณแม่อยากอุ้มหลานมากไม่ใช่เหรอครับ? อยู่ที่โน่นน่าจะทำอะไรๆ สะดวกกว่าที่นี่” 


 


 


คำพูดเรียบๆ ของเขาทำให้หร่วนเซียงเซียงหน้าแดงซ่าน จิ้นเฮ่าและฉินเพ่ยหรงต่างยิ้มดีใจ ฉินเพ่ยหรงถลึงตาใส่จิ้นหยวน “ลูกคนนี้นี่ พูดอะไรไม่รู้จักอายเสียบ้าง เซียงเซียงยังอยู่ตรงนี้นะ” 


 


 


ตอนแรกเธอก็ไม่ค่อยชอบหน้าหร่วนเซียงเซียงสักเท่าไหร่ แต่หลังจากใช้ชีวิตยู่ร่วมกันนานหลายเดือน เธอค่อยๆ ชอบหร่วนเซียงเซียงมากขึ้น เรื่องนี้คงต้องยกความดีความชอบให้หร่วนเซียงเซียงที่พยายามเอาอกเอาใจพวกเธออย่างสุดความสามารถและอย่างไม่ละความพยายาม 


 


 


หร่วนเซียงเซียงฉลาดมาก เธอรู้ว่าจิ้นหยวนไม่ชอบตัวเอง จึงเบนเข็มไปเอาอกเอาใจคุณพ่อคุณแม่ของเขาแทน แต่น่าเสียดายที่เธอไม่รู้ว่าจิ้นหยวนมีจิตใจที่มั่นคงมาก และไม่มีทางเปลี่ยนใจง่ายๆ เพียงเพราะความฉลาดในเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ 


 


 


จิ้นหยวนหัวเราะเบาๆ “ผมพลั้งปากไปน่ะครับ” 


 


 


ในขณะที่พ่อแม่ของจิ้นหยวนกำลังดีอกดีใจมากอยู่นั้น หร่วนเซียงเซียงกลับลังเลขึ้นมาเสียดื้อๆ  

 

 


ตอนที่ 236 หร่วนเซียงเซียงกลับบ้านพ่อแม่

 

สัญชาตญาณบอกกับหร่วนเซียงเซียงว่าต้องมีอะไรซ่อนอยู่ในคำพูดของจิ้นหยวนแน่ บวกกับความกลัวที่ตัวเองก่อเรื่องเอาไว้ จึงได้แต่ยิ้มฝืดเฝื่อน “ฉัน… ฉันไม่ไปดีกว่า อยู่กับคุณพ่อที่นี่ก็ดี…” 


 


 


เธอยังไม่ทันจะเอ่ยจบ จิ้นเฮ่าก็รีบโบกมือและเอ่ยแทรกทันที “เด็กโง่ จะมัวแต่หมกตัวอยู่กับคนแก่อย่างพ่อทำไม รีบไปกับอาหยวน แล้วรีบมีหลานอ้วนๆ ให้พ่อเร็วๆ ถึงจะถูก ไปๆ ไปได้แล้ว” 


 


 


คำพูดของจิ้นเฮ่าปิดทางหนีทีไล่ของเธอเสียสนิท เธอได้แต่รับปากเบาๆ แต่ในใจยังคงคิดหาทางยืดเวลาออกไป 


 


 


แต่คำพูดต่อมาของจิ้นหยวนทำให้เธอต้องเลิกล้มความคิดทั้งหมด จิ้นหยวนเห็นว่าพ่อแม่อนุญาตแล้วจึงลุกขึ้นยืน “ถ้าอย่างนั้นผมต้องกลับก่อนนะครับ ผมยังมีธุระที่ต้องไปจัดการที่บริษัทอีก” 


 


 


ฉินเพ่ยหรงมุ่นหัวคิ้ว “ลูกจะรีบอะไรนักหนา กลับมาทั้งที ไม่มีแม้แต่เวลากินข้าวเลยหรือไง” 


 


 


จิ้นหยวนเดินเข้าไปกอดฉินเพ่ยหรง “อย่างอนสิครับ ผมเสร็จธุระแล้วจะรีบกลับมาอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่ทันทีเลย” 


 


 


ฉินเพ่ยหรงจ้องจิ้นหยวนแวบหนึ่ง “ทำไมต้องมาอยู่เป็นเพื่อนแม่ด้วย รอให้ลูกมีหลานให้แม่ก่อนเถอะ ถึงตอนนั้นหน้าลูกแม่ก็ไม่อยากเห็นแล้ว” 


 


 


จิ้นหยวนเอ่ยตอบ “ครับ ผมจะรีบๆ มีหลานให้คุณแม่เลี้ยง อยากอุ้มนานแค่ไหนก็ตามใจคุณแม่เลยครับ” 


 


 


“อย่างนี้ค่อยยังชั่วหน่อย” แค่คิดว่าอีกไม่นานก็จะได้อุ้มหลานแล้ว ฉินเพ่ยหรงก็ดีใจจนยิ้มไม่หุบ คราวนี้เธอไม่เพียงไม่รั้งลูกชายเอาไว้อีก หากแต่ยังดุนหลังให้เขารีบกลับไปเร็วๆ “อย่ามัวแต่เสียเวลา รีบกลับไปได้แล้ว” 


 


 


ท่าทางราวกับจะส่งสองหนุ่มสาวขึ้นเตียงให้ได้เสียเดี๋ยวนั้นจนจิ้นหยวนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก 


 


 


ในที่สุดสองหนุ่มสาวก็เดินออกจากบ้านโดยมีฉินเพ่ยหรงยืนส่งทั้งสองด้วยสายตาตื่นเต้นระคนกระตือรือร้น พอออกจากบ้านจิ้นหยวนก็ปั้นหน้าถมึงทึงทันที บรรยากาศผ่อนคลายเมื่อครู่มลายหายไปในฉับพลัน เขาตวัดสายตามองเธออย่างเย็นชาแวบหนึ่ง หัวใจเธอหดรัดตัวอย่างแรง เธอเอ่ยถามด้วยความลังเล “เรากำลังจะไปไหนคะ?” 


 


 


ตั้งแต่จิ้นหยวนรู้ว่าอาการหลับไม่ได้สติของเฉียวซือมู่นั้นเกี่ยวข้องกับเธอ เขาก็แทบไม่อยากจะมองหน้าเธอด้วยซ้ำ เขาก้าวขึ้นรถโดยไม่ตอบคำถามเธอ หากแต่สั่งเสียงเข้ม “ขึ้นรถ” 


 


 


หร่วนเซียงเซียงค่อยๆ ก้าวขึ้นรถช้าๆ ตอนแรกเธอคิดจะขึ้นไปนั่งข้างคนขับ แต่ถูกจิ้นหยวนมองด้วยสายตาเย็นยะเยือกจนต้องเปลี่ยนไปนั่งเบาะหลังแต่โดยดี คิดๆ แล้วก็รู้สึกน้อยใจ จึงเอ่ยถามขึ้น “พี่จิ้นหยวน พี่เป็นอะไรไปคะ?” 


 


 


จิ้นหยวนขับรถออกไปโดยไม่ตอบคำถามเธอเหมือนเดิม 


 


 


หลังจากไม่ได้คำตอบจากเขาเธอจึงไม่กล้าเอ่ยถามอะไรอีก ได้แต่มองวิวทิวทัศน์ด้านนอกไปตลอดทาง แม้ท่าทางเธอจะดูผ่อนคลาย แต่หัวใจกำลังเต้นแรงดั่งรัวกลอง เมื่อก่อนจิ้นหยวนอาจจะทำตัวแย่กับเธอ แต่ก็ไมได้แย่มากขนาดนี้มาก่อน หรือว่าเขาจะรู้เรื่องที่คุณแม่ทำแล้ว?  


 


 


เธอไม่รู้ว่าเฉียวซือมู่ตายหรือยัง คุณแม่บอกว่ายาพิษชนิดนี้ออกฤทธิ์รุนแรงมาก เฉียวซือมู่ต้องตายอย่างแน่นอน ถ้าเช่นนั้น ตอนนี้จิ้นหยวนคิดจะทำอะไร? ท่าทางเขาไม่เห็นเสียใจมากมายอะไรเลยนี่นา? 


 


 


หากเฉียวซือมู่ตายแล้วจริง ถ้าอย่างนั้นเธอก็มีโอกาสแล้วนะสิ? 


 


 


เธอแอบคิดเงียบๆ หอกข้างแคร่อย่างเฉียวซือมู่ถูกกำจัดแล้วจะต้องเป็นประโยชน์ต่อเธอมาก ไม่แน่นะ ถ้าเธอพยายามเพิ่มขึ้นอีกนิด จิ้นหยวนอาจจะหันมาทำดีกับเธอก็ได้ 


 


 


ถ้าเธอรู้ว่าจะได้ผลดีมากขนาดนี้ เธอคงลงมือฆ่าเฉียวซือมู่ให้ตายไปนานแล้ว คิดผิดจริงๆ ที่เพิ่งลงมือเอาตอนนี้… 


 


 


เธอแอบคิดในใจเงียบๆ ไม่ทันสังเกตว่าวิวทิวทัศน์ข้างทางค่อยๆ คุ้นตามากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งจิ้นหยวนขับรถเข้าไปจอดยังที่ที่หนึ่ง เธอถึงรู้สึกตัวว่าเขาขับรถพาเธอกลับบ้านพ่อแม่ตัวเอง นั่นคือหน้าคฤหาสน์ตระกูลหร่วนนั่นเอง 


 


 


“พี่… พี่จะทำอะไรคะ?” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย 


 


 


จิ้นหยวนยิ้มเย็น “เธอชอบคุยกับแม่เธอมากไม่ใช่เหรอ? ฉันก็มาส่งแล้วนี่ไง เธอจะได้คุยกับแม่ให้พอ” เอ่ยจบแล้วตวาดเสียงเข้ม “ลงไป” 


 


 


“ไม่ ฉันไม่ลง ฉันไม่กลับ” เธอนั่งนิ่งไม่ขยับ ไม่ยอมทำตามคำสั่งเขา 


 


 


พูดเป็นเล่นไปได้ อยู่ดีๆ ก็ถูกสามีตัวเองส่งกลับบ้านพ่อแม่แบบนี้ เธอจะต้องถูกญาติพี่น้องหัวเราะเยาะแน่ๆ ญาติพี่น้องตระกูลหร่วนยิ่งเยอะอยู่ด้วย แต่ละคนปากคอเราะร้ายอย่างกับอะไรดี ถ้าเกิดรู้ว่าเธอถูกไล่กลับบ้าน เธอจะต้องกลายเป็นตัวตลกให้ญาติๆ พวกนั้นเยาะเย้ยถากถางแน่ๆ 


 


 


เธอหดตัวเล็กน้อยยามนึกถึงภาพน่ากลัวพวกนั้น ยิ่งไม่ยอมลงจากรถ 


 


 


จิ้นหยวนหรี่ตามองท่าทางของเธอ เขาเอ่ยเสียงเข้ม “เธอไม่ยอมลงจากรถจริงๆ ใช่ไหม?” 


 


 


เธอตกใจจนตัวสั่น มองเขาอย่างอ้อนวอน “ฉัน… ฉันกลับไปไม่ได้ คุณพ่อได้ด่าฉันตายแน่ ขอร้องล่ะ อย่าทำอย่างนี้เลยนะคะ…” 


 


 


เอ่ยพลางโถมตัวไปข้างหน้าหวังจะจับแขนเสื้อเขาเพื่อขอความเห็นใจ แต่กลับถูกเขาสะบัดมือออกอย่างไม่ไยดี “ไปให้พ้น” 


 


 


น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ เธอได้ยินแล้วรู้สึกเย็นวาบไปทั้งร่าง “พี่จิ้นหยวน ทำไมพี่ถึงเกลียดฉันมากขนาดนี้ ให้โอกาสฉันปรับปรุงตัวนะคะ นะคะ” 


 


 


จิ้นหยวนจ้องเธอตาเขม็ง “เธอยอมปรับปรุงตัวจริงเหรอ?” 


 


 


“ค่ะ ฉันจะปรับปรุงตัว” เธอรีบพยักหน้าหงึกๆ 


 


 


“เอายาถอนพิษมา” เขาเอ่ยอย่างเย็นชา 


 


 


“ยา… ยาถอนพิษอะไรคะ…” เธอยิ้มค้าง 


 


 


“ยังจะทำเป็นไม่รู้เรื่องอีก?” จิ้นหยวนโยนเธอลงจากรถอย่างไม่ไยดี “ถ้าอย่างนั้นเธอกลับไปถามแม่เธอเองก็แล้วกัน” 


 


 


เอ่ยจบแล้วสตาร์ทรถขับออกไปทันทีอย่างรวดเร็วจนแทบไม่เห็นฝุ่น 


 


 


หร่วนเซียงเซียงนั่งหน้าตามอมแมมอยู่บนพื้นด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด นี่จิ้นหยวนรู้แล้วเหรอว่าเรื่องของเฉียวซือมู่เป็นฝีมือเธอ? 


 


 


แล้วตอนนี้เธอจะทำอย่างไรดี? 


 


 


เธอนั่งตะลึงงันอยู่อย่างนั้น พักใหญ่จึงได้ยินเสียงที่ฟังดูไม่ค่อยแน่ใจนักดังลอยมาจากเหนือศีรษะ “คุณ… คุณหนู?” 


 


 


เสียงสาวใช้เอ่ยถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจนักหลังจากเห็นภาพหร่วนเซียงเซียงนั่งอยู่กับพื้นจากภาพกล้องวงจรปิด เพราะสภาพเธอน่าอเนจอนาถเหลือเกิน 


 


 


เสียงสาวใช้ดึงสติเธอกลับมา เธอรีบกระโดดลุกขึ้น จ้องไปยังกล้องวงจรปิดตาเขม็ง “ฉันเอง ยังไม่รีบเปิดประตูให้ฉันอีก นังโง่!” 


 


 


“ค่ะ ค่ะ” สาวใช้รีบเปิดประตูให้เธอทันที 


 


 


เธอวิ่งพุ่งเข้าไปในบ้าน ร้องขอให้แม่ช่วยด้วยความตื่นตระหนก 


 


 


ตอนนี้จิ้นหยวนรู้แล้วว่ายาพิษนั่นเป็นของเธอ เขาต้องรู้แล้วแน่ๆ ว่าพวกเธอเป็นคนว่าจ้างนักฆ่าให้ไปจัดการเฉียวซือมู่ มิน่าเล่า วันนี้ท่าทางเขาถึงได้น่ากลัวมากขนาดนั้น แล้วเฉียวซือมู่ตายแล้วหรือยัง? แล้วเขาจะฆ่าเธอเพื่อชดใช้ชีวิตหรือเปล่า? 


 


 


เธอวิ่งเข้าไปในห้องของคุณนายหร่วนด้วยความตื่นตระหนก ลากตัวคุณนายหร่วนที่เพิ่งมาร์กหน้าเสร็จขึ้นมา “คุณแม่ แย่แล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว” 


 


 


ใบหน้าที่ได้รับการดูแลอย่างดีของคุณนายหร่วนฉายแววประหลาดใจ “ทำไมจู่ๆ ถึงกลับบ้านล่ะ? แล้วจิ้นหยวนอยู่ไหน?” 


 


 


“เขาไม่ได้มาด้วยค่ะ เขาทิ้งหนูเอาไว้หน้าบ้านแล้วกลับไปคนเดียว” เธอมองคุณนายหร่วนที่กำลังไม่พอใจแล้วโบกมือไปมา “นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ประเด็นคือ เขา… เขารู้แล้วว่าเราเป็นคนส่งคนพวกนั้นไป ตอนนี้ทำไงดีคะ?” 


 


 


คุณนายหร่วนหน้าถอดสี “เขารู้แล้ว? ลูกแน่ใจนะ?” 


 


 


“แน่ใจค่ะ เมื่อกี้เขายังมาถามหายาถอนพิษกับหนูอยู่เลย แต่หนูบอกว่าไม่รู้เรื่อง” เธอจับมือคุณนายหร่วนเอาไว้อย่างลนลาน 


 


 


คุณนายหร่วนเริ่มลนลาน “เขารู้ได้ยังไง? ครั้งนี้เราลงมือเงียบมากและสลับซับซ้อนมากนี่” 


 


 


ก่อนหน้านี้ลูกสาวมาระบายความกลัดกลุ้มใจให้เธอฟัง เธอจึงสั่งให้ลูกน้องไปจ้างนักฆ่าชาวต่างชาติเพื่อจัดการเฉียวซือมู่ เธอยังส่งยาพิษประหลาดที่เป็นเคล็ดลับตกทอดของตระกูลตัวเองให้นักฆ่าคนนั้นด้วย คนที่ถูกพิษนี้จะค่อยๆ หมดลมหายใจระหว่างนอนหลับโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ เอาไว้  

 

 


ตอนที่ 237 ไฟไหม้ปล้นซ้ำ

 

ตอนแรกเธอยังรู้สึกอดเสียดายไม่ได้ที่ต้องใช้ยาพิษนี้ เพราะคิดว่าแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ แค่คนเดียวคงไม่จำเป็นต้องใช้มัน แต่เพื่อไม่เป็นการประมาท เธอจึงตัดสินใจใช้ยานี้ เธอคิดว่าคราวนี้ไม่มีทางพลาดอีกเป็นอันขาด แล้วตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น? 


 


 


เธอใช้ฝ่ามือแตะหน้าลูกสาวเบาๆ เพื่อให้เธอใจเย็นลง “ลูกใจเย็นก่อน ไหนเล่ามาซิว่าเกิดอะไรขึ้น?” 


 


 


หร่วนเซียงเซียงสงบใจลง “หนูก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาหายหน้าไปหลายวัน กลับมาอีกทีก็บอกว่าจะพาหนูออกไปอยู่กับเขา จะได้มีลูกเร็วๆ ตาแก่กับยัยแก่หน้าโง่สองคนนั่นเชื่อเขาทันที แต่ตอนอยู่บนรถ จู่ๆ เขาก็มาขอยาถอนพิษกับหนู” 


 


 


“แล้วยังมีอย่างอื่นอีกหรือเปล่า?” คุณนายหร่วนซักไซ้ไล่เลียง 


 


 


“ไม่มีแล้วค่ะ” เธอร้องไห้น้ำตานองหน้าพลางส่ายศีรษะ “หนูไม่ได้พูดอะไรเลย หนูบอกว่าไม่มียาถอนพิษอะไรนั่น แล้วเขาก็โยนหนูลงจากรถ ฮือๆๆ คุณแม่ ทำไมพี่จิ้นหยวนถึงเกลียดหนูขนาดนี้ ทำไมคะ?” 


 


 


คุณนายหร่วนเคาะศีรษะหร่วนเซียงเซียงเบาๆ “ลูกคนนี้นี่ร้องไห้เป็นอย่างเดียว ฟังให้ดีนะ ไม่ว่าจิ้นหยวนถามอะไรก็ตาม ลูกห้ามพูดเด็ดขาด เข้าใจไหม?” 


 


 


“หนูรู้ค่ะ แต่ว่า ถ้าเกิดผู้หญิงคนนั้นตายแล้ว จิ้นหยวนจะฆ่าหนูหรือเปล่าคะ?” 


 


 


“เด็กโง่ ถ้าตายแล้วจะมาขอยาถอนพิษทำไม?” คุณนายหร่วนเอ่ยอย่างผิดหวัง 


 


 


“จริงด้วยค่ะ” หร่วนเซียงเซียงโล่งอก แต่ก็รู้สึกเสียดายขึ้นมาทันที “ทำไมมันถึงดวงแข็งขนาดนั้นก็ไม่รู้ ทำยังไงก็ไม่ยอมตายสักที” 


 


 


“ถ้าตายโดยที่จิ้นหยวนไม่รู้คงไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้าเกิดเขารู้เข้าต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่” คุณนายหร่วนส่ายศีรษะ 


 


 


เรื่องครั้งนี้จัดการยากจริงๆ ในที่สุดก็ถูกจิ้นหยวนรู้เข้าจนได้ ถ้าเขาจะแก้แค้น เขาจะทำแค่พาลูกสาวกลับมาส่งบ้านง่ายๆ แค่นี้หรือ? แต่เธอไม่ใช่พยาธิในท้องจิ้นหยวน จึงไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ 


 


 


เธอครุ่นคิดชั่วครู่แล้วเอ่ยกับลูกสาวอย่างเหนื่อยหน่าย “ไหนๆ ก็เป็นแบบนี้แล้ว ลูกก็กลับมาอยู่ที่นี่ก่อน รอดูไปก่อนว่าจิ้นหยวนจะทำอะไร” 


 


 


เธอไม่เชื่อหรอกว่าจิ้นหยวนจะมีหลักฐานว่าเธอเป็นคนทำ 


 


 


ถึงเวลาเธอก็แค่ยืนกระต่ายขาเดียว ให้ตายก็ไม่ยอมรับ ตระกูลหร่วนใช่ว่าจะรังแกกันได้ง่ายๆ 


 


 


แต่เธอคิดไม่ถึงว่า การที่จิ้นหยวนส่งหร่วนเซียงเซียงกลับบ้านนั้นเป็นการแก้แค้นก้าวแรกเท่านั้น เรื่องราวหลังจากนั้นต่างหากที่เป็นการโจมตีตระกูลหร่วนจนเสียหายอย่างหนัก 


 


 


ตระกูลหร่วนเป็นตระกูลใหญ่ที่มีธุรกิจใหญ่โต และยังมีญาติพี่น้องเยอะแยะ ถือเป็นหนึ่งในตระกูลที่มั่งคั่งร่ำรวยที่สุดตระกูลหนึ่ง นับตั้งแต่ตระกูลหร่วนดองกับจิ้นหยวน ทำให้ตระกูลหร่วนไม่เห็นใครในสายตาอีก 


 


 


หนึ่งในนั้นคือลูกชายของคุณลุงของหร่วนเซียงเซียง ซึ่งก็คือลูกผู้พี่ของเธอนั่นเอง เขาเป็นหนุ่มเพลย์บอลสารพัดพิษ ควงดารานางแบบเป็นกิจวัตร และเป็นขาประจำตามสถานบันเทิงยามราตรีต่างๆ 


 


 


วันที่สองหลังจากหร่วนเซียงเซียงกลับบ้านก็เกิดเรื่องที่เขาไปแย่งผู้หญิงกับแขกคนอื่น ปรากฎว่าเขาทำร้ายแขกคนนั้นจนเลือดตกยางออก ไม่เพียงเท่านั้น เขายังหัวเราะเยาะเย้ยแขกคนนั้นต่อหน้าคนเยอะแยะมากมาย จากนั้นพาผู้หญิงที่แย่งมาได้กลับบ้านอย่างลำพองใจ 


 


 


ความจริงเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องปกติมาก พวกลูกคนรวยรังแกคนอื่นถือเป็นเรื่องธรรมดามาก แต่เขาคงไม่รู้ว่าตัวเองเจอขาใหญ่เข้าให้แล้ว วินาทีที่เขาลืมตาขึ้นหลังตื่นจากความฝันอันแสนตื่นเต้นพร้อมหญิงสาวในอ้อมกอด เขาถึงได้รู้ว่ามีกระบอกปืนสีดำเมี่ยมจ่ออยู่กลางหน้าผากตัวเอง เขาตกใจกลัวสุดขีดจนฉี่ราด 


 


 


เขาตกใจกลัวจนฉี่ราดจริงๆ ได้ยินว่าตอนนั้นมีกลิ่นเหม็นคาวคละคลุ้งไปทั่วห้อง และเขาเข่าอ่อนจนยืนไม่ไหว 


 


 


สุดท้าย เขาถูกชายนิรนามลากตัวไป จากนั้นมีคนโทรศัพท์ไปที่บ้านเขา คนโทรศัพท์เป็นบิดาของชายที่ถูกเขาทำร้ายร่างกาย และยังเป็นหัวหน้าแก๊งมาเฟียอีกด้วย เขาต้องการแก้แค้นให้ลูกชายตัวเอง อยากให้เขาปล่อยตัวใช่ไหม ได้ เงินสองร้อยล้านถึงมือเมื่อไหร่ก็ปล่อยคนเมื่อนั้น 


 


 


เรื่องนี้ทำให้ตระกูลหร่วนแตกตื่นไปทั้งตระกูล สองร้อยล้านนะ! ไม่ใช่สองหมื่น และไม่ใช่สองล้านด้วย แต่เป็นสองร้อยล้าน! ฆ่าพ่อแม่ของเขาให้ตายพวกเขาก็ไม่มีปัญญาหามาให้หรอก เพราะพวกเขาเป็นพวกไร้ความสามารถ อาศัยใบบุญของนายท่านหร่วนถึงมีกินมีใช้อย่างทุกวันนี้ ตำแหน่งในบริษัทก็มีเอาไว้ประดับบารมีเท่านั้นแหละ 


 


 


หลังจากสองสามีภรรยารู้แล้วถึงกับเข่าทรุดลุกไม่ขึ้นตั้งนาน หลังจากได้สติแล้วจึงนึกขึ้นได้ว่าต้องไปขอเงินกับหร่วนจิงเทียน ไม่เป็นไร แค่สองร้อยล้านเอง พวกเขาไม่มี แต่น้องชายคนเก่งของเขาต้องมีแน่ๆ 


 


 


หร่วนจิงเทียนได้ยินแล้วระเบิดอารมณ์ทันที สองร้อยล้านเชียวนะ ไม่ใช่ตัวเลขน้อยๆ เลย ถ้าเขายอมให้เงินสองร้อยล้านกับพวกเขา บริษัทต้องเผชิญปัญหาขาดสภาพคล่องแน่ ต่อไปจะทำอย่างไร? 


 


 


หร่วนจิงเทียนปฏิเสธทันที สองสามีภรรยายังคงไม่ละความพยายาม อ้อนวอนขอให้เขาช่วยชีวิตไม่หยุดหย่อน 


 


 


ในที่สุดหร่วนจิงเทียนก็ทนเสียงรบเร้าไม่ไหว เขาบอกว่าตัวเองไม่มีเงินเยอะมากขนาดนั้น ถึงบริษัทของเขาจะมีเงิน แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องในอดีต เขาต้องใช้เวลาประมาณครึ่งเดือนถึงจะรวบรวมเงินได้ครบ 


 


 


ปรากฎว่าสองสามีภรรยาไม่เชื่อ แถมยังประณามว่าเขาเลือดเย็นไม่ยอมช่วยชีวิตหลานตัวเองอีกต่างหาก หร่วนจิงเทียนหมดปัญญา ได้แต่รับปากว่าจะขายหุ้นบางส่วนเพื่อรวบรวมเงินให้ครบ 


 


 


แต่พอเขาเข้าบริษัทแล้วถึงได้รู้ว่าราคาหุ้นบริษัทตกลงไปเกินครึ่ง และมีแต่ลูกเขยตัวดีคนเดียวเท่านั้นที่ยอมซื้อหุ้นของเขา โดยมีเงื่อนไขสุดโหดที่ทำให้เขาถึงกับโมโหเลือดขึ้นหน้า 


 


 


หร่วนจิงเทียนรับไม่ได้จนต้องไปหาเรื่องจิ้นหยวนถึงบริษัท จิ้นหยวนกำลังรอเขาอยู่พอดี เขายกยิ้มบางๆ เมื่อรู้ว่าหร่วนจิงเทียนมาหาเขาถึงที่ เขานั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ “ให้เขาเข้ามา” 


 


 


หลินจื้อเฉิงอุทานในใจ นับวันพี่ใหญ่จะโหดมากขึ้นๆ ทั้งจับลูกชายคนอื่น ทั้งฉวยโอกาสไฟไหม้ปล้นซ้ำเอาหุ้นของหร่วนจิงเทียน แถมยังเป็นหุ้นที่ราคาถูกมากเสียด้วย 


 


 


เก่งจริงๆ 


 


 


เขาแอบยกนิ้วโป้งให้พี่ใหญ่อยู่ในใจ ไม่ทันไร ลมวูบหนึ่งพัดผ่านตัวเขาไปอย่างรวดเร็ว เขาชายตาขึ้นมองพลันเห็นนายท่านหร่วนที่มีรูปร่างอ้วนท้วนเดินผ่านเขาไปอย่างรวดเร็ว 


 


 


เขาคิดว่านายท่านหร่วนคงกำลังโกรธมาก ถึงได้เดินจ้ำพรวดแบบนั้น ทำให้ชั้นไขมันตามตัวกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะแต่ละย่างก้าวจนดูน่าขันเป็นพิเศษ 


 


 


มุมปากของเขายกยิ้มน้อยๆ อย่างอดใจไม่ไหว ได้แต่ก้มหน้าก้มตาปิดประตูให้สนิท 


 


 


จิ้นหยวนนั่งอยู่บนเก้าอี้ ยกยิ้มมุมปากน้อยๆ พลางมองหร่วนจิงเทียน หรือ “พ่อตา” ในนามของเขานั่นเอง 


 


 


หร่วนจิงเทียนสีหน้าโกรธจัด ตบโต๊ะเสียงดัง “จิ้นหยวน นี่เธอยังเห็นฉันเป็นพ่อตาเธออยู่หรือเปล่า?”  


 


 


จิ้นหยวนเม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรง “ไม่ครับ” 


 


 


หร่วนจิงเทียนตะลึงนิ่งอึ้ง “นี่เธอ…” 


 


 


เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าจิ้นหยวนไม่เคยแยแสลูกสาวของเขา และเป็นเพียงแค่สามีภรรยากันในนามเท่านั้น พอได้ยินคำตอบของจิ้นหยวน เขาตะลึงจนเกือบลืมจุดประสงค์ที่ตัวเองมาถึงที่นี่ 


 


 


จิ้นหยวนยิ้มเย็น “ถ้าคุณหร่วนมาถึงที่นี่เพราะเรื่องนั้นล่ะก็ ผมคงต้องขอโทษด้วย เพราะผมไม่มีอะไรจะพูด แต่ถ้ามาเพราะเรื่องอื่น เราค่อยๆ เจรจากันก็ได้” 


 


 


ครั้งนี้ถ้าเขาทำให้ตระกูลหร่วนร้องขอความเมตตาจากเขาไม่ได้ก็ไม่ต้องมาเรียกเขาว่าจิ้นหยวน! 


 


 


หร่วนจิงเทียนโล่งอก เพราะตอนนี้คนที่มีเงินสองร้อยล้านคงมีแต่จิ้นหยวนคนเดียวเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเป็นสามีของลูกสาวของเขาอีกด้วย เขาคงไม่ทำอะไรที่เป็นการหักหาญน้ำใจกันหรอก 


 


 


เขาเปลี่ยนเรื่องพลางจ้องจิ้นหยวนตาเขม็ง “ทำไมเธอต้องกดราคาจนต่ำขนาดนั้น?” พวกเขาเป็นนักธุรกิจเหมือนกัน เขาไม่เชื่อหรอกว่าจิ้นหยวนจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวเขาบ้าง  

 

 


ตอนที่ 238 ยาถอนพิษ

 

“คุยกันอย่างนักธุรกิจ ผมคิดว่าราคาที่ผมเสนอเหมาะสมแล้ว” จิ้นหยวนเอ่ยขึ้นเนิบนาบอย่างไม่เกรงใจเขาสักนิด  


 


 


“นี่เธอ!” หร่วนจิงเทียนโกรธจนหน้าแดงจัด เอ่ยเสียงเข้ม “ไม่นึกเลยว่าเธอจะเป็นคนแบบนี้ รู้อย่างนี้…” 


 


 


“รู้อย่างนี้แล้วยังไงครับ?” จิ้นหยวนมองเขานิ่ง “รู้อย่างนี้ไม่ให้หร่วนเซียงเซียงแต่งงานกับผมดีกว่าใช่ไหมครับ? ความจริงคุณจะประกาศให้คนอื่นรับรู้ก็ได้นะครับว่าเราสองคนหย่ากันแล้ว เพราะผมไม่ถือ” 


 


 


หร่วนจิงเทียนโกรธจนหน้าอกกระเพื่อม จ้องเขาตาเขม็งอยู่นานสองนานแต่ก็พูดอะไรไม่ออกสักคำ 


 


 


จิ้นหยวนดูนาฬิกาบนข้อมืออย่างไม่อินังขังขอบ “ขอโทษนะครับคุณหร่วน คุณยังมีธุระอะไรอีกหรือเปล่า? พอดีผมยังมีประชุมอีก” 


 


 


ความหมายก็คือเขาต้องการไล่หร่วนจิงเทียนกลับไปเร็วๆ หร่วนจิงเทียนหน้าเปลี่ยนสี กัดฟันปั้นยิ้มเต็มที่ “อาหยวน เมื่อกี้พ่อพูดเกินไปหน่อย เธออย่าถือสาเลยนะ ถึงยังไงเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ก็ต้องช่วยเหลือกันใช่ไหมล่ะ…” 


 


 


เขาพูดยืดยาวอย่างลืมอาย แต่สุดท้ายก็ต้องเบาเสียงลงเพราะสายตาเย็นเยียบของจิ้นหยวน 


 


 


จิ้นหยวนมองเขาด้วยสีหน้าเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “คุณหร่วน เรามาเปิดอกคุยกันดีกว่า เรื่องหุ้น ผมก็สนใจอยู่ ถ้าคุณหร่วนยอมขาย ผมก็ยอมถอยเหมือนกัน…” 


 


 


เขาเป็นนักเจรจาต่อรองมือฉกาจ ครั้งนี้ถ้าเขาเล่นงานตระกูลหร่วนจนบอบช้ำไม่ได้ เขาก็จะไม่ใช่แซ่จิ้นอีก 


 


 


หนึ่งชั่วโมงต่อมา หร่วนจิงเทียนกลับไปพร้อมความรู้สึกขวัญหนีดีฝ่อ สีหน้าย่ำแย่เกินบรรยาย 


 


 


หลินจื้อเฉิงเห็นแล้วรู้สึกอัศจรรย์ใจมาก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านายท่านหร่วนคงเสียท่าให้พี่ใหญ่แล้ว เขาเดินเข้าไปในห้อง เห็นจิ้นหยวนกำลังจัดการกับเอกสารในมือ 


 


 


จิ้นหยวนเห็นหลินจื้อเฉิงเดินเข้ามาในห้องจึงยื่นเอกสารในมือให้เขา “นายเอาไปศึกษาดูซิว่าทำยังไงถึงจะทำให้เกิดผลกำไรสูงสุด” 


 


 


หลินจื้อเฉิงรับเอกสารมาเปิดดูแล้วถึงกับตาถลน “พี่ใหญ่ นี่พี่กินเนื้อชิ้นเบ้อเริ่มของเขาแล้วยังทำให้เขาต้องขอบคุณพี่อีกเหรอครับ ไร้ยางอายมาก” 


 


 


เขาอุทานออกมาอย่างลืมตัว จิ้นหยวนตวัดสายตามองเขาถึงรู้สึกตัว เขาลูบศีรษะตัวเองอย่างเก้อๆ พลางเอ่ยอย่างสำนึกผิด “พูดผิดครับๆ” 


 


 


ครั้งนี้จิ้นหยวนตัดสินใจแล้วว่าจะเล่นงานตระกูลหร่วน เขาเริ่มต้นด้วยการส่งตัวหร่วนเซียงเซียงกลับบ้านพ่อแม่ตัวเอง จากนั้นหาเหตุผลจับตัวหลานชายของหร่วนจิงเทียน ฉวยโอกาสรีดไถเงินก้อนหนึ่งจากหร่วนจิงเทียน แบบนี้หุ้นส่วนใหญ่ของตระกูลหร่วนก็จะตกอยู่ในมือเขา กลยุทธ์ทั้งรุกทั้งรับของเขาได้ผลสวยงาม แม้แต่หลินจื้อเฉิงที่ติดตามเขามานานยังอดชื่นชมเขาไม่ได้ 


 


 


แต่หลินจื้อเฉิงไม่รู้ว่าเรื่องนี้ยังไม่จบง่ายๆ หรอก 


 


 


หลังจากหร่วนจิงเทียนกลับถึงบ้านแล้ว เขาตบโต๊ะอย่างแรง ตวาดคุณนายหร่วนด้วยความโมโหจัด “เธอทำอะไรลงไป” 


 


 


คุณนายหร่วนมุ่นหัวคิ้วมองเขาด้วยความไม่เข้าใจ “ทำไมกลับมาถึงก็มาอารมณ์เสียใส่ฉันแบบนี้ล่ะคะ ฉันทำอะไรผิดอย่างนั้นเหรอ?” 


 


 


หร่วนจิงเทียนชี้นิ้วใส่หน้าเธอ เขาโกรธจนตัวสั่น “ก็เรื่องชั่วๆ ที่พวกเธอสองคนทำเอาไว้นะสิ!” เขาหันไปสั่งสาวใช้ “ไปตามคุณหนูมาซิ!” 


 


 


คุณนายหร่วนรีบเข้าไปขวางเอาไว้ “ไม่ได้นะคะ ตั้งแต่ลูกกลับมาก็เอาแต่เสียใจ เมื่อกี้เพิ่งจะร้องไห้จนหลับไป คุณอย่าไปกวนแกเลยนะคะ” 


 


 


หร่วนจิงเทียนโกรธจนแทบบ้าตาย “มันก่อเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ตอนนี้ยังมีกะจิตกะใจนอนหลับอีกเหรอ? อย่างนี้มันต้องตีให้ตาย!” 


 


 


เอ่ยจบทำท่าจะวิ่งขึ้นไปชั้นบน คุณนายหร่วนเห็นท่าไม่ดีรีบเข้าไปกอดหร่วนจิงเทียนเอาไว้แน่น “คุณเป็นบ้าไปแล้วเหรอ นั่นลูกสาวของเรานะคะ!” 


 


 


“ฉันไม่มีลูกสาวแบบนี้ เธอเองก็เหมือนกัน รู้ทั้งรู้ว่าจิ้นหยวนมีปัญหากับลูก ทำไมไม่แนะนำลูกดีๆ แล้วนี่ยังไปออกความคิดบ้าๆ แบบนั้นให้ลูกอีก? ผู้หญิงคนนั้นเป็นแก้วตาดวงใจของจิ้นหยวน เธอไปแตะต้องผู้หญิงคนนั้นก็เท่ากับบีบให้เขาเป็นศัตรูกับเรานะสิ เธอรู้หรือเปล่าว่าคราวนี้ฉันเกือบรักษาบริษัทเอาไว้ไม่ได้แล้ว?” 


 


 


เขาตวาดคุณนายหร่วนด้วยความโกรธจัด 


 


 


หลินฮุ่ยอวิ๋นมองเขาตะลึงค้าง “ฉันคิดไม่ถึงว่าเขาจะรู้เรื่องนี้…” 


 


 


“หุบปาก ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัวของเธอ ยาถอนพิษอยู่ไหน? รีบเอามาให้ฉันเดี๋ยวนี้ ฉันจะเอาไปให้จิ้นหยวน” ใช่แล้ว เงื่อนไขของจิ้นหยวนก็คือเขาต้องการยาถอนพิษนั่นเอง 


 


 


หลินฮุ่ยอวิ๋นเอ่ยตอบอย่างหวาดๆ “แต่ว่า… แต่ว่าฉันไม่มียาถอนพิษหรอกค่ะ” 


 


 


“เธอพูดว่าไงนะ?” หร่วนจิงเทียนเบิกตาโตจนแทบถลน เขาเงื้อมือขึ้นแล้วตบหลินฮุ่ยอวิ๋นอย่างแรงจนเธอหน้าหัน “ไม่มียาถอนพิษอย่างนั้นเหรอ?” 


 


 


“ใช่ มันเป็นยาพิษตำรับพิเศษที่แม่ฉันถ่ายทอดให้ฉัน ไม่มียาถอนพิษหรอกค่ะ” หลินฮุ่ยอวิ๋นจับแก้มตัวเองเอาไว้ อยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออก 


 


 


“แล้วตอนนี้จะทำยังไง?” หร่วนจิงเทียนใช้กำลังระบายอารมณ์ออกไปบ้างแล้ว ตอนนี้จึงไม่คิดจะตบตีหรือด่าว่าเธออีก เขาเดินกระทืบเท้าไปมาด้วยความร้อนใจ 


 


 


หลินฮุ่ยอวิ๋นครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วเอ่ยหยั่งเชิง “ฉันยังมียาพิษเหลืออยู่ คุณคิดว่าจะ…” 


 


 


ยังไม่ทันที่เธอจะเอ่ยจบก็ได้ยินเสียงหร่วนจิงเทียนตบมือดังเพียะ “ดี แบบนี้คงต้องลองดูสักตั้ง” 


 


 


เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดโทรออก พูดร่ายยาวจนจิ้นหยวนรำคาญ กว่าจะยอมพูดออกไปได้ว่าเขามีแต่ยาพิษไม่มียาถอนพิษ จิ้นหยวนเงียบไปพักใหญ่ ในที่สุดจิ้นหยวนก็ยอมตกลงในเสี้ยววินาทีสุดท้ายก่อนที่เขาจะได้ร้องไห้ออกมา 


 


 


เขาถอนหายใจโล่งอกยกใหญ่ หลังจากวางสายแล้วจึงเงื้อมือขึ้นฟาดลงบนแก้มหลินฮุ่ยอวิ๋นอีกฉาด “คราวหน้าคราวหลังคิดจะทำอะไรก็หัดใช้สมองซะบ้าง มีผู้ชายคนไหนบ้างที่ไม่มีผู้หญิงนอกบ้าน มีแต่ลูกสาวเธอคนเดียวที่มีค่าหรือไง? ไปบอกนังลูกตัวดีเลยนะ ต่อไปทำตัวให้มันดีๆ รีบๆ มีลูกชายให้เขา ไม่อย่างนั้นเราคงไม่มีที่พึ่งอีก เข้าใจหรือยัง?” 


 


 


หลินฮุ่ยอวิ๋นได้แต่โมโหอยู่ในใจโดยไม่กล้าปริปากสักคำ 


 


 


หร่วนจิงเทียนด่าเสร็จแล้วหมุนตัวเดินออกไปทันที แต่จู่ๆ ก็หมุนตัวกลับมาอย่างกะทันหันราวกับเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้ “เธอรีบส่งนังตัวดีกลับไปเลยนะ แต่งงานแล้วยังเอาแต่หนีกลับบ้านแม่นี่มันยังไงกัน ไม่กลัวจิ้นหยวนหนีหรือไง รีบส่งกลับไป แล้วพูดกันดีๆ เข้าใจไหม? 


 


 


“แต่ว่า… แต่ว่า…” จะว่าไปก็แปลก ปกติหลินฮุ่ยอวิ๋นเป็นคนจิตใจโหดเ**้ยมอำมหิต เวลาเล่นงานผู้หญิงอื่นเธอใช้สารพัดวิธีที่ทั้งโหดทั้งเ**้ยมโดยไม่รู้สึกสะดุ้งสะเทือนสักนิด แต่พออยู่ต่อหน้าสามีตัวเอง เธอกลับกลายเป็นแมวเหมียวตัวน้อยที่ยอมเป็นที่รองมือรองเท้าของเขา สมแล้วที่เป็นคู่เวรคู่กรรมกัน 


 


 


หร่วนจิงเทียนสะบัดหน้าเดินออกไปทันทีโดยไม่รอให้เธอพูดจบ ทิ้งให้เธอยืนอึ้งเป็นเบื้อใบ้อยู่ในห้องรับแขกคนเดียว 


 


 


เธอสงสารลูกสาวมากจึงตัดสินใจปล่อยให้หร่วนเซียงเซียงอยู่ที่บ้านต่ออีกสองวันจึงส่งเธอกลับ วันนั้นจิ้นหยวนไม่อยู่บ้าน มีแต่พ่อบ้านคนเดียวเท่านั้น แถมยังปั้นหน้าเฉยเมยอีก หลินฮุ่ยอวิ๋นจำใจปั้นหน้ายิ้มให้พ่อบ้าน จากนั้นพูดจาดีๆ กับเขาอีกตั้งเยอะแยะ 


 


 


จิ้นหยวนอารมณ์ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เพราะเขาคิดว่าคราวนี้ต้องได้ยาถอนพิษแน่ แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้ยาพิษมาแทน ผลเป็นแบบนี้แล้ว ถึงจะมีความหวังแต่ก็ต้องเจออุปสรรคอีก 


 


 


เขาครุ่นคิดสักพักแล้วออกคำสั่งบางอย่างกับลูกน้อง หลินจื้อเฉิงและลูกน้องคนอื่นๆ ได้รับคำสั่งแล้วถึงกับงงเป็นไก่ตาแตกอยู่ครึ่งค่อนวัน 


 


 


ในที่สุดหลินจื้อเฉิงก็ทนไม่ไหว เขาวิ่งพุ่งเข้าไปในห้องทำงานของจิ้นหยวน “พี่ใหญ่ พี่พูดจริงเหรอครับ?” 


 


 


จิ้นหยวนมองเขาแวบหนึ่ง “นายเคยเห็นฉันพูดเล่นหรือเปล่าล่ะ?” 


 


 


หลินจื้อเฉิงสีหน้างงงวย “บริษัทของเราจะพัฒนาด้านเทคโนโลยีชีวภาพเหรอครับ? แต่ผมไม่เห็นเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลยนี่นา?” 

 

 

 


ตอนที่ 239 นอร์แมนในห้องทดลอง

 

 


 


 


ในฐานะที่เขามีอำนาจรองลงมาจากจิ้นหยวน นอกจากคำสั่งโดยตรงของจิ้นหยวนที่ไม่ต้องการให้เขารู้แล้ว นอกนั้น แผนงานทุกอย่างในบริษัทไม่เคยหลุดรอดสายตาเขา  


 


 


จิ้นหยวนมองเขาอีกแวบหนึ่ง “นายคิดมากเกินไปแล้ว” 


 


 


“แล้วเพราะอะไรล่ะครับ?” หลินจื้อเฉิงอยากรู้ใจจะขาดอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้ทำเพื่อความเจริญก้าวหน้าของบริษัทแล้วทำเพื่ออะไร นี่เขามีเงินล้นเหลือมากเกินไปอย่างนั้นหรือ ถึงได้คิดสร้างห้องทดลองทางชีวภาพขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เงินมากมายมหาศาลขนาดนั้น 


 


 


“เดี๋ยวนายก็รู้เอง” 


 


 


หลินจื้อเฉิงต้องถอยทัพออกไปหน้าเศร้า 


 


 


จิ้นหยวนชายตามองแผ่นหลังที่ค่อยๆ เคลื่อนหายไปของเขา แววตาเต็มไปด้วยความเหนื่อยใจ เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าพี่น้องของเขายิ่งนับวันยิ่งทำตัวเหมือนเด็กๆ 


 


 


ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เขารับสายพลันได้ยินเสียงตะคอกด้วยความโกรธจัดดังมาตามสาย เสียงพูดภาษาอังกฤษดังทะลุเข้าไปในหูเขา “จิ้นหยวน คุณเป็นบ้าอะไร ทำไมอยู่ดีๆ ถึงให้ผมไปที่นั่น? เห็นแก่พระเจ้าเถอะ กรุณาอย่าทรมานผมแบบนี้ได้ไหม ผมแก่แล้วนะ…” 


 


 


“ครับ คนแก่ที่อายุไม่ถึงห้าสิบ” จิ้นหยวนเอ่ยต่อคำพูดของเขาเนิบนาบ “นอร์แมน คุณรู้หรือเปล่าว่าเมื่อกี้ผมเพิ่งสั่งให้สร้างสุดยอดห้องทดลองขึ้น?” 


 


 


“ห้องทดลอง?” นอร์แมนน้ำเสียงเปลี่ยนทันที “คุณหมายถึงห้องทดลองแบบที่ผมอยากได้อย่างนั้นเหรอ?” 


 


 


“ใช่แล้ว” จิ้นหยวนเอ่ยเสียงเรียบ 


 


 


“คุณนี่กล้าลงทุนจริงๆ” ดอกเตอร์นอร์แมนทำเสียงจุ๊ๆ “นึกไม่ถึงเลยว่าสาวน้อยคนนั้นจะสำคัญกับคุณมากขนาดนั้น โทรตามผมให้ไปช่วยเธอยังพอว่า นี่ถึงขั้นทุ่มทุนสร้างห้องทดลองโดยไม่เสียดายเงินสักนิด คุณเคยคิดหรือเปล่า คุณจะทำยังไงถ้าผมไม่ยอมไปที่นั่น?” 


 


 


“คุณตัดใจได้เหรอ?” จิ้นหยวนเอ่ย “เดี๋ยวผมส่งงบประมาณและงบสั่งซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ไปให้คุณดูก่อน คุณค่อยตัดสินใจว่ามาหรือเปล่า” 


 


 


เอ่ยจบแล้ววางสายทันที เขาไม่กังวลเรื่องของนอร์แมนสักนิด นักวิจัยสติเฟื่องอย่างเขา ขอแค่สามารถจัดหาอุปกรณ์และเครื่องมือที่เขาต้องการมาให้เขาได้ อย่าว่าแต่ช่วยชีวิตคนเลย ต่อให้สั่งให้เขาไปฆ่าคนเขาก็ย่อมทำได้ 


 


 


ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมเขาต้องสร้างห้องทดลองในประเทศ ใช้สารพัดวิธีหลอกล่อให้นอร์แมนมาที่นี่นั้น… 


 


 


เขายกยิ้มมุมปากน้อยๆ ใบหน้างดงามดั่งบุปผาแรกแย้มในวสันตฤดู  


 


 


ราตรีนั้น ท้องฟ้าในมิลานมืดมิดไม่แตกต่างจากในประเทศ หลังจากนางพยาบาลพิเศษหลับสนิทแล้ว ข้างกายเฉียวซือมู่ปรากฎเงาร่างสูงใหญ่ของชายคนหนึ่ง เธอยังคงหลับไม่ได้สติ ใบหน้าซีดขาวผิดปกติ 


 


 


แววตาของชายคนนั้นฉายแววสงสารจับใจ มือใหญ่ลูบไล้ใบหน้านวลเนียนของเธอเบาๆ พลางเอ่ยเสียงเบาหวิว “ผมพาคุณกลับบ้านนะ” 


 


 


เอ่ยจบแล้วก้มกายลงช้อนกายเธอขึ้นอุ้ม กอดเธอเอาไว้ในอกอย่างระมัดระวังและทะนุถนอมราวกำลังกอดตุ๊กตากระเบื้องแสนเปราะบาง จากนั้นก้าวเดินไปยังประตูห้องและหายลับไปในความมืดอย่างรวดเร็ว 


 


 


เช้าวันรุ่งขึ้น นางพยาบาลพิเศษตื่นขึ้นมาเห็นเพียงเตียงว่างเปล่า เธอกระวีกระวาดตามหาตัวคนไข้จนทั่วแต่ก็ไม่พบ จึงรีบโทรศัพท์ไปรายงานฉีหย่วนเหิงด้วยความตื่นตระหนก 


 


 


ฉีหย่วนเหิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟหลังทราบข่าว ตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้วพบแต่ความว่างเปล่า ในที่สุดเขาก็ใจเย็นลง จากนั้นต่อสายถึงจิ้นหยวนทันที “ฝีมือนายใช่ไหม?” 


 


 


จิ้นหยวนเพิ่งลงจากเครื่องบินส่วนตัวไม่นาน ตอนนี้เขากำลังกอดเฉียวซือมู่เอาไว้ในอกและอยู่ระหว่างทางกลับบ้าน ได้ยินคำถามของฉีหย่วนเหิงแล้วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “แล้วนายคิดว่าไงล่ะ?” 


 


 


ฉีหย่วนเหิงโกรธจนอกกระเพื่อม เอ่ยด้วยน้ำเสียงโกรธจัด “นายไม่รักษาสัญญา” เป็นฝีมือเขาจริงด้วย 


 


 


“อ้อ ฉันรับปากอะไรนายอย่างนั้นเหรอ?” จิ้นหยวนเอ่ยถามยียวนพลางกอดเฉียวซือมู่เอาไว้ 


 


 


“นี่นาย!” ฉีหย่วนเหิงพูดไม่ออก ก่อนหน้านี้เขาบอกกับจิ้นหยวนว่าการพาเธอกลับไปเป็นเรื่องที่อันตรายเกินไป แต่จิ้นหยวนไม่ได้ให้สัญญาอะไรทั้งนั้น 


 


 


จิ้นหยวนเอ่ยเย็นชา “รบกวนนายดูแลเธอตั้งนาน ตอนนี้ได้เวลากลับแล้ว เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ ฉันอุตส่าห์ทิ้งของขวัญเอาไว้ให้นายด้วยนะ ขอให้มีความสุขล่ะ” 


 


 


เอ่ยจบแล้ววางสายทันที 


 


 


ฉีหย่วนเหิงมองโทรศัพท์มือถือในมือตัวเอง ชักสังหรณ์ใจไม่ดีเสียแล้ว 


 


 


ในเวลาเดียวกัน เจิ้งไห่วิ่งพุ่งเข้ามาในห้องพอดี “พี่ใหญ่ แย่แล้วครับ…” 


 


 


เงินช่วยทำให้อะไรๆ ง่ายขึ้น จิ้นหยวนทุ่มเงินก้อนใหญ่เพื่อเร่งการก่อสร้างให้เสร็จเร็วขึ้น และในที่สุดห้องทดลองก็ถูกสร้างแล้วเสร็จภายในเวลาเดือนกว่าๆ ดอกเตอร์นอร์แมนรีบเก็บกระเป๋าแล้วนั่งเครื่องบินมาทันที 


 


 


จิ้นหยวนทุ่มเงินมหาศาลให้กับการสร้างห้องทดลองแห่งนี้ แม้แต่หลินจื้อเฉิงยังคิดว่ามันเยอะมากเกินไป แต่จิ้นหยวนกลับไม่สนใจแม้แต่นิดเดียว หลินจื้อเฉิงจึงห้ามอะไรเขาไม่ได้ 


 


 


ความจริงตอนนี้จิ้นหยวนกำลังร้อนใจมาก เพราะเฉียวซือมู่ยังคงหลับไม่ตื่นเสียที และหมอเองก็บอกแล้วว่าขืนเธอยังหลับไม่ได้สติอยู่แบบนี้ ต่อไปจะควบคุมอาการได้ยาก ถึงตอนนั้นหมอเองก็ไม่รู้เหมือนกันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง 


 


 


เขาร้อนใจดั่งไฟเผา ทันทีที่นอร์แมนมาถึง เขาก็ส่งยาพิษให้นอร์แมนทันที 


 


 


นอร์แมนชักหัวคิ้วชนกันแน่น หากแต่ไม่ได้สนใจเขา “ผมว่านะ คุณควรจะให้เวลาผมได้พักหายใจบ้าง นี่ผมเพิ่งลงจากเครื่องยังไม่ถึงแปดชั่วโมงเลยนะ” 


 


 


จิ้นหยวนคิ้วกระตุก “ผมให้คุณพักตั้งแปดชั่วโมงแล้ว มากเกินพอแล้ว” เขายื่นยาพิษให้เขา “ทำยาถอนพิษออกมาให้เร็วที่สุด จำไว้ว่าให้เร็วที่สุด” 


 


 


เขาเอ่ยสีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง นอร์แมนหุบยิ้มพลางยื่นมือออกไปรับยานั้น “นี่อะไร? ยาพิษเหรอ?” 


 


 


จิ้นหยวนพยักหน้า “เฉียวซือมู่ถูกพิษนี้ ผมต้องการให้คุณทำยาถอนพิษออกมาให้ได้เร็วที่สุด” 


 


 


นอร์แมนเปิดถุงที่ใส่ยาผงเอาไว้ออกมาดูและดมกลิ่น “อืม กลิ่นแปลกมาก สาวน้อยคนนั้นไม่ไหวแล้วเหรอ? อายุยังน้อยอยู่แท้ๆ ทำไมถึง…” 


 


 


เขาชายตาขึ้นมอง เห็นสีหน้าน่ากลัวของจิ้นหยวนแล้วรีบหุบปากทันที 


 


 


จิ้นหยวนเอ่ยเสียงเย็นเยียบ “ขืนยังพูดมากอยู่อีก ผมจะตัดค่าใช้จ่ายสำหรับงานวิจัยของคุณออกห้าสิบเปอร์เซ็นต์”  


 


 


นอร์แมนหน้าถอดสีทันที “ได้ ผมไปวิจัยเดี๋ยวนี้แหละ” เขาหุบปากแล้วหมุนตัวเดินจากไปทันที 


 


 


จิ้นหยวนสีหน้ายุ่งยากใจ แม้เขาจะเชื่อมั่นความสามารถของนอร์แมน แต่เขาก็อดกังวลไม่ได้ ถ้าเกิดนอร์แมนทำไม่ได้ขึ้นมาล่ะ? 


 


 


ไม่ เขาไม่ยอมเด็ดขาด เขาไม่ยอมให้อะไรมาพรากเธอไปจากเขาเด็ดขาด ต่อให้เป็นความตายเขาก็ไม่ยอม! 


 


 


นอร์แมนทุ่มแรงกายแรงใจให้กับการวิจัยหายาถอนพิษ แต่ก็แทบไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย เพราะเขาพบว่ายาพิษนี้สกัดจากพืชหายากมาก และยังผสมสารสกัดจากพืชอื่นๆ อีกหลายชนิด ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ซับซ้อนมาก 


 


 


ถ้าส่งคนออกตามหาพืชหายากพวกนั้น ใช้เวลาสามปีก็คงหาไม่เจอ เพราะตอนนี้ระบบนิเวศน์ทางธรรมชาติถูกทำลายจนเสียหายอย่างรุนแรง ส่งผลให้พืชและสิ่งมีชีวิตมากมายสูญพันธ์ ต่อให้ยังมีพืชพวกนั้นหลงเหลืออยู่ แต่ก็เป็นพืชที่พบได้ยากมาก 


 


 


แต่ถ้าไม่ไปตามหาพืชพวกนั้นแล้วควรจะทำอย่างไรดี? ร่างกายของสาวน้อยคนนั้นรอนานขนาดนั้นไม่ไหวแน่ 


 


 


เขาครุ่นคิดไปคิดมา สุดท้ายนึกถึงวิธีโง่ๆ วิธีหนึ่ง นั่นคือหาคนมาทดลองยาพิษชนิดนี้ จากนั้นค่อยๆ สังเกตอาการ หากมีความจำเป็นก็ต้องเจาะเลือดเพื่อนำตัวอย่างเลือดไปตรวจวิเคราะห์ 


 


 


ตอนแรกเขาเตรียมจะใช้ผู้ช่วยของตัวเองมาเป็นหนูทดลอง แต่พอจิ้นหยวนรู้เรื่องนี้เข้า เขานิ่งเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นเอ่ยขึ้น “ผมลองเอง” 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม