หวานรักจับหัวใจท่านประธาน 231-238

 ตอนที่ 231 ความลับของเธอ 


 


 


เมื่อคิดถึงตรงนี้ ใบหน้าเล็กของเหนียนเสี่ยวมู่ก็งองุ้มลง 


 


 


วินาทีต่อมา อวี๋เยว่หานก็ปล่อยเธอ นัยน์ตาสีดำวูบไหวเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปากเสียงเบา “รออยู่ตรงนี้” 


 


 


เขาหมุนตัวเข้าไปในห้องทันทีที่พูดจบ 


 


 


จากนั้นก็เดินไปตรงหน้าตู้เสื้อผ้า หยิบชุดนอนออกมาเตรียมใส่จากในนั้น 


 


 


สมองของเหนียนเสี่ยวมู่กำลังงุนงง จึงเดินตามเขาเข้าไปข้างในตามสัญชาตญาณ หลังจากได้ยินเขาพูดอย่างนั้น 


 


 


แต่เพิ่งเดินเข้าไป ก็เห็นอวี๋เยว่หานคว้าผ้าขนหนู เตรียมจะดึงออก เธอสบสายตาสีดำเย็นชาแต่งุนงงอยู่ในทีของเขาแล้ว ก็ตกใจจนตัวสั่น รีบวิ่งออกจากห้องอย่างลนลาน 


 


 


อยากจะเอาหัวกระแทกเสาจริงๆ 


 


 


เธอจับราวด้วยสองมือ พลางหอบหายใจเฮือกใหญ่ 


 


 


อ๊ากก! 


 


 


จะตามไปทำไมเนี่ย! 


 


 


เพิ่งจะจูบเขาไปโดยไม่ระวัง คราวนี้พุ่งเข้าไปดูเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างโจ่งแจ้ง…อย่าว่าแต่อวี๋เยว่หานเลย เธอยังสงสัยเลยว่า ตัวเองสมองมีปัญหาหรือเปล่า! 


 


 


“เข้ามา” 


 


 


ผ่านไปสองสามนาที เหนียนเสี่ยวมู่ถึงได้ยินเสียงเฉยชาของชายหนุ่มดังออกมาจากในห้อง 


 


 


หญิงสาวจึงรีบร้อยหมุนตัวเดินเข้าไป 


 


 


ทว่าเพิ่งเข้าไปในห้อง เธอก็พบว่าคนที่อยู่หน้าตู้เสื้อผ้าเมื่อครู่ กำลังนั่งอยู่บนโซฟาหรูหราแล้ว 


 


 


ใบหน้าหล่อเหลาเหมือนภาพวาดแสดงความเย็นชาและห่างเหินออกมา 


 


 


ขาเรียวยาวของเขาทับซ้อนกัน พลางหนุนหัวด้วยแขนหนึ่งข้าง ชายหนุ่มเลิกคิ้วมองเธอ ผู้กำลังเดินมาข้างๆ เขาทีละก้าวด้วยสีหน้าไม่มั่นใจ 


 


 


บนโต๊ะน้ำชาตรงหน้าเขามีเช็ควางอยู่หนึ่งใบ 


 


 


พอเหนียนเสี่ยวมู่เห็นเขา ดวงตาของเธอก็เป็นประกายขึ้นมาทันควัน 


 


 


หญิงสาวเดินมาข้างหน้าเขาอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง เตรียมจะยื่นมือไปหยิบเงินมา ลืมกลัวไปเลย  


 


 


แต่มือยังไม่ทันแตะถูกเช็คบนโต๊ะ มันก็ถูกเขาหยิบขึ้นมาเสียก่อน 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…” ไม่ได้ให้เธอหรอกเหรอ 


 


 


อวี๋เยว่หานเห็นสีหน้าสงสัยของเธอแล้ว ก็ยื่นเช็คในมือให้เธอ 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ตาไวกับตัวเลขมาโดยตลอด เพียงแค่มองปราดเดียว ก็สังเกตเห็นจำนวนเงินบนเช็คแล้ว แถมนั่นเป็นเงินที่เธอขาดอยู่ในตอนนี้ด้วย! 


 


 


เขาเตรียมให้เธอแล้วจริงๆ 


 


 


แต่มันก็เกินกว่าจำนวนเงินโบนัสไปมาก… 


 


 


เขาหมายความว่าอย่างไร 


 


 


“ฉันเอาเงินคุณไปเปล่าๆ ไม่ได้” เหนียนเสี่ยวมู่แทบจะพูดคำนี้ออกมาโดยสัญชาตญาณ 


 


 


เธอเพิ่งพูดจบ ก็เห็นอวี๋เยว่หานชำเลืองมองเธออย่างเฉยชา สายตาถากถางเหมือนกำลังหัวเราะความไร้เดียงสาของเธอ 


 


 


เขาขยับริมฝีปากอย่างสบายๆ “ส่วนที่เกินไปจากโบนัส ถือว่าผมให้คุณยืม ใช้ตัวคุณจ่ายคืน และคิดว่าจะคืนหมดเมื่อไหร่ จะไปตอนไหน” 


 


 


“ฝันไปเถอะ! ฉันไม่ขาย!” เหนียนเสี่ยวมู่ปิดหน้าอกด้วยสองมือ ก่อนจะหลังกรูดไปสองเมตร พลางจ้องมองเขาอย่างระแวดระวัง 


 


 


อวี๋เยว่หานมีสีหน้าดำคล้ำ “ผมหมายความว่า ให้คุณอยู่ที่งานทำบริษัทตระกูลอวี๋ ใช้เงินเดือนของคุณคืน!” 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…” 


 


 


คิดมากไปเองอีกแล้ว 


 


 


อึดอัดแบบนี้แล้ว จะพูดต่อไปอย่างไรดีล่ะ 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่เขยิบไปข้างๆ เขาอย่างระมัดระวัง ก่อนจะมองเช็คในมือของเขา แล้วสำนึกผิดอย่างว่องไว “คุณชาย ฉันผิดไปแล้ว คุณพูดอะไรก็ตามนั้นแหละค่ะ ต่อไปฉันจะตั้งใจทำงาน คว้าโบนัสให้ได้มากๆ แล้วจะได้คืนคุณเร็วๆ” 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่พูด พลางยื่นมือเล็กๆ ไปหาเช็คในมือของเขา 


 


 


แต่มือยังไม่ทันได้แตะโดนเช็ต นิ้วเรียวยาวของเขาก็ขยับ แล้วเลื่อนมันหนีเธอไป 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “???” 


 


 


เธอร้อนใจ เกือบจะโผไปแย่งมาจากเขาแล้ว 


 


 


แต่ก็อดทนไว้ได้ แล้วหันไปมองเขาอย่างว่าง่าย ใช้เสียงอ่อนโยนขนาดที่ทำให้ตัวเองขนลุกถามว่า “คุณชาย มีคำสั่งอื่นอีกไหมคะ” 


 


 


“ตอบคำถามผมมาข้อหนึ่ง” อวี๋เยว่หานมองใบหน้าร้อนรนของหญิงสาว ขณะที่เขาหลุบนัยน์ตาสีดำลง และขยับริมฝีปากบาง 


 


 


“ทำไมตอนนั้น คุณถึงเข้าโรงพยาบาล” 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 232 คุณชายหานผู้เอาใจใส่ 


 


 


ในเมื่อหาข้อมูลที่มีไม่ได้ ก็ให้เธอตอบคำถามข้อนี้ด้วยตัวเองแล้วกัน 


 


 


เธอเป็นใคร 


 


 


แล้วครอบครัวของเธอล่ะ 


 


 


“…” เหนียนเสี่ยวมู่คิดไม่ถึงว่าเขาจะถามเรื่องนี้ จึงตะลึงงันไปเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นก็มองไปที่เช็คในมือของเขา กลัวว่าถ้าตัวเองตอบผิดไป เช็คที่เกือบจะได้มาจะต้องปลิวไป 


 


 


ผ่านไปเนิ่นนาน เธอเอาแต่เม้มปาก 


 


 


“ผมจะฟังแต่ความจริงเท่านั้น” อวี๋เยว่หานชำเลืองมองดวงหน้าเล็กที่กำลังสับสน พลางเอ่ยปากอย่างเฉยชา 


 


 


สิ้นเสียงของเขา เหนียนเสี่ยวมู่เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ราวกับหูตาสว่างแล้ว “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” 


 


 


“…” 


 


 


“ถ้าคุณอยากได้ยินความจริง นี่แหละคือความจริง!” เธอพูดพร้อมกับยื่นมืออกไปอย่างรวดเร็ว หลังจากแย่งเช็คมาจากในมือเขาได้สำเร็จ เธอก็โบกมือให้เขา แล้วหมุนตัววิ่งหนีไปอย่างเบิกบานใจ 


 


 


เธอวิ่งกลับมาที่ห้องของตัวเองโดยไม่ได้หยุดพัก ปิดประตู แล้วถึงจะพิงบานประตูหอบหายใจ 


 


 


ในหัวมีคำถามเมื่อครู่ผุดขึ้นมา ดวงตาสองข้างของเธอพลันมืดมนลง 


 


 


เมื่อกี้นี้เธอไม่ได้พูดโกหก 


 


 


ตอนเธอตื่นขึ้นมา เธอก็อยู่ในโรงพยาบาลแล้ว 


 


 


คนที่ช่วยเธอไว้คือถานเปิงเปิง 


 


 


แต่ถานเปิงเปิงก็แค่เจอเธอที่หน้าประตูโรงพยาบาล เธอไม่มีครอบครัวอยู่เคียงข้าง ไม่มีเพื่อน แม้แต่เธอเองเป็นใครก็ยังไม่รู้.. 


 


 


ถ้าไม่ใช่เพราะโชคดีได้เจอถานเปิงเปง โลกนี้ก็คงจะไม่มีคนอย่างเธอแล้ว 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่เดินไปข้างหน้าเตียง แล้วมุดเข้าไปในผ้าห่ม 


 


 


หญิงสาวใช้ผ้าห่มพันตัวไว้ตั้งแต่หัวจรดเท้า ผ่านไปนานทีเดียว ถึงจะยื่นหน้าออกมาจากในผ้าห่ม 


 


 


ดวงตาสดใสของเธอส่องประกาย พลางจับจ้องไปที่เพดาน 


 


 


แปลกจัง 


 


 


ทำไมอวี๋เยว่หานถึงรู้เรื่องที่เธอเคยเข้าโรงพยาบาล 


 


 


แถมยังมีเงินในเช็คอีก… 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ลุกขึ้นนั่งบนเตียงอีกครั้ง แล้วเปิดไฟบนหัวนอน ก่อนจะนำเช็คไปส่องใต้แสงไฟ 


 


 


เพื่อนมองจำนวนเงินบนนั้นอย่างละเอียดอีกครั้ง 


 


 


เป็นจำนวนเงินที่เธอขาดอยู่จริงๆ… 


 


 


เขาสืบเรื่องเธอเหรอ 


 


 


แต่ก็ถูกต้องแล้ว คนรวยกลัวตาย คนอย่างเขาควรจะตรวจสอบความจริงของคนรอบข้างทุกคนอยู่แล้ว 


 


 


ดังนั้นเขารู้เรื่องที่เธอกำลังขาดเงิน เลยจงใจจะช่วยเธอสินะ? 


 


 


พอคิดอย่างนี้แล้ว เขาก็ไม่ได้เย็นชาไร้ความรู้สึกขนาดนั้น… 


 


 


 


 


 


วันต่อมา 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโทรศัพท์ปลุก 


 


 


ครั้นยื่นมือไปคว้ามาดู ก็พบว่าเป็นสายของเฉินจื่อซิน เธอจึงรีบรับสาย “รองประธานเฉิน” 


 


 


เธอพูดพลางตะเกียกตะกายจากบนเตียง 


 


 


เธอลืมไปได้อย่างไร ว่ายังมีเฉินจื่อซินอยู่! 


 


 


เมื่อนึกถึงฉากน่าอึดอัดตอนแยกกับเขาเมื่อวาน เธอก็รู้สึกว่าต้องอธิบายสักหน่อย 


 


 


“เอ่อ เรื่องเมื่อวาน ที่จริงฉันกับคุณชายหาน…” 


 


 


“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ผมอยู่ที่บริษัทตระกูลอวี๋แล้วครับ คุณจะมากี่โมงครับ แล้วผมเชิญคุณไปกินข้าวเช้าได้ไหม” เฉินจื่อซินขัดจังหวะคำพูดของเธอ แล้วสอบถาม 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ก่นด่าอวี๋เยว่หานในใจเงียบๆ 


 


 


ดูวีรกรรมที่เขาทำสิ! 


 


 


พูดว่า ‘กลับบ้าน’ ออกไป ตอนนี้รองประธานเฉินต้องเข้าใจความสัมพันธ์ของพวกเขาผิดไปแน่ๆ ถึงได้อยากเจอเธอเพื่อหาข้อพิสูจน์ 


 


 


เธอเป็นแค่ซูเปอร์ไวเซอร์คนหนึ่ง ไม่ได้มีค่าอะไร 


 


 


ไม่เหมือนกับอวี๋เยว่หานหรอก! 


 


 


เธอต้องลำบากไปอธิบายแทนเขา จะได้ไม่ทำให้ชื่อเสียงของเขา ‘แปดเปื้อน’ 


 


 


“อีกประมาณครึ่งชั่วโมงฉันจะถึงบริษัทค่ะ” 


 


 


หลังจากนัดเวลากับเฉินจื่อซินเรียบร้อยแล้ว เหนียนเสี่ยวมู่ก็รีบล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนเสื้อผ้า และออกจากบ้านทันที 


 


 


ทว่าเธอเพิ่งจะออกไป เงาร่างสูงโปร่งของอวี๋เยว่หานก็โผล่อยู่ที่ปากบันได กำลังเดินลงมาอย่างเชื่องช้า 


 


 


พ่อบ้านหันมาเห็นเขา จึงรีบเข้ามาต้อนรับ “รายงานคุณชาย เหนียนเสี่ยวมู่ไม่ได้พูดอะไร แต่ตอนใส่รองเท้าเธอบ่นว่า พระอาทิตย์จะมาเช้าอย่างนี้ทุกวันเลยเหรอ” 


ตอนที่ 233 โผเข้าสู่อ้อมกอด 


 


 


พระอาทิตย์… 


 


 


เมื่อได้ยินสามคำนี้ นัยน์ตาสีดำของอวี๋เยว่หานก็มืดครึ้มขึ้นทันใด 


 


 


พ่อบ้านถอยหลังไปหลายก้าว เพราะหวาดกลัวความเยือกเย็นที่เขาแผ่ออกมาจากร่างกาย แต่ก็ยังคงฝืนใจรายงานต่อไป “คุณชาย คุณนายใหญ่ให้คนมาบอกว่า เธออยากให้คุณหนูอยู่ที่บ้านเล็กกับเธออีกวันหนึ่ง” 


 


 


พอคุณหนูไม่อยู่ พ่อบ้านรู้สึกว่าคุณชายนิสัยไม่ดีกว่าเดิมอีก 


 


 


พ่อบ้านไม่ได้สังเกตเลยด้วยซ้ำ ว่าอวี๋เยว่หานนิสัยแย่ลงเพราะสามคำนี้! 


 


 


ขณะกำลังบอกเขาว่าเตรียมอาหารเช้าพร้อมแล้ว ก็เห็นอวี๋เยว่หานสาวเท้าออกจากคฤหาสน์ มุ่งตรงไปขึ้นรถ และสั่งให้คนขับรถออกรถทันที 


 


 


 


 


 


อีกด้านหนึ่ง 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ออกมาก่อน ขึงมาถึงบริษัทตระกูลอวี๋อย่างรวดเร็ว 


 


 


แต่เพิ่งลงจากรถ ก็เห็นเฉินจื่อซินยืนอยู่ริมทางแล้ว 


 


 


เขาไม่ได้สวมชุดสูท แต่สวมชุดไปรเวท ทำให้เขาดูเด็กลงไปอีก สองมือของเขาล้วงกระเป๋าเกงเกง และพิงอยู่บนรถสปอร์ตของตัวเอง 


 


 


หลังจากเห็นเหนียนเสี่ยวมู่ลงจากรถ ชายหนุ่มก็รีบยืนตัวตรง แล้วเดินมาหาเธอด้วยความดีใจ 


 


 


รอยยิ้มบนใบหน้าของเขา เมื่อได้แย้มเต็มที่ ก็ปรากฏให้เห็นลักยิ้มสองข้าง 


 


 


แสงแดดสาดส่องลงบนตัวเขา ราวกับเป็นแสงที่ออกมาจากตัวเขาเอง ดูอบอุ่นมาก 


 


 


เธอมองไม่เห็นนิสัยร้ายการแบบลูกคนรวยจากตัวเขาเลย มีเพียงความกระตือรือร้นที่จะมาต้อนรับเท่านั้น 


 


 


“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน คุณมาคนเดียวเหรอครับ” เฉินจื่อซินหันไปมองรอบๆ ครั้งหนึ่ง แต่ไม่เห็นอวี๋เยว่หาย รอยยิ้มในสายตาก็ยิ่งชัดเจนขึ้น 


 


 


เดิมทีเมื่อวานเห็นอวี๋เยว่หานเรียกเธอกลับบ้าน เขาคิดว่าทั้งสองคนเป็นคู่รักกัน 


 


 


ขณะที่กำลังเสียใจ และเตรียมตัวยอมแพ้อยู่นั้น ผลปรากฏว่าได้รู้ความจริงเพราะไปดื่มคลายทุกข์กับเพื่อน 


 


 


ทีแรกเหนียนเสี่ยวมู่เป็นพยาบาลรับจ้างในคฤหาสน์ตระกูลอวี๋ คอยดูแลคุณหนูของตระกูล 


 


 


เพื่อการทำงานแล้ว เธอถึงได้อยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลอวี๋ 


 


 


เขาเข้าใจผิดไปเอง! 


 


 


เฉินจื่อซินนอนหลับไม่สนิทตลอดทั้งคืน พอเช้าตรู่ ก็รีบลุกขึ้นทันที 


 


 


คราวนี้เห็นเหนียนเสี่ยวมู่แล้ว เขาจึงยื่นมือไปจับไหล่ของเธอ “ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนครับ ผมมีเรื่องอยากจะบอกคุณ!” 


 


 


เฉินจื่อซินมองเธอด้วยแววตาเป็นประกาย ราวกับว่ากำลังรวบรวมความกล้าอย่างมหาศาล 


 


 


“เรื่องเมื่อวาน ผมรู้แล้วครับว่าผมเข้าใจผิด ขอโทษครับ ความจริงแล้วผมชอบ…” 


 


 


“คุณรู้หมดแล้วเหรอคะ” เหนียนเสี่ยวมู่ได้ยินเขาพูด ก่อนจะขัดจังหวะคำของโทษของเขาพร้อมรอยยิ้ม แล้วยื่นไม่ไปตบไหล่ของเขา 


 


 


“ความจริงแล้วคุณไม่ต้องใส่ใจหรอกค่ะ เรื่องเมื่อวานน่ะ อย่าว่าแต่คุณเลย ฉันก็ตกใจเหมือนกัน ปกติคุณชายหานไม่ได้เป็นอย่างนี้หรอกค่ะ แต่ไม่รู้ว่าเมื่อวานเส้นประสาทเส้นไหนของเขาทำงานผิดพลาด อยู่ๆ ถึงได้พูดอะไรแปลกๆ ออกมา” 


 


 


“…” 


 


 


“ในเมื่อเป็นคลายความเข้าใจผิดไปได้แล้ว อย่างนั้นข้าวเช้าก็ไม่จำเป็นแล้วมั้งคะ?” เหนียนเสี่ยวมู่พูดพร้อมส่งรอยยิ้มให้เขา จากนั้นก็กลับหลังหันเตรียมเข้าไปในบริษัท 


 


 


เฉินจื่อซินเห็นอีกฝ่ายจะไป จึงร้อนใจยื่นมือไปคว้าข้อมือของเธอเอาไว้ “ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ที่จริงแล้วผม…” 


 


 


“เอี๊ยด” รถหรูหราคันหนึ่งจอดอยู่ตรงริมถนน ซึ่งห่างจากพวกเขาแค่หนึ่งเมตร! 


 


 


เมื่อประตูรถเปิดออก ก็เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาล่มเมืองของอวี๋เยว่หาน 


 


 


นัยน์ตาสีดำเฉยชาทำให้เฉินจื่อซินปล่อยมือโดยไม่รู้ตัว 


 


 


“คุณชาย อรุณสวัสดิ์!” พอเหนียนเสี่ยวมู่เห็นอวี๋เยว่หาน เธอก็วิ่งเข้าไปหาเขาทันที 


 


 


ตอนนี้อวี๋เยว่หานเป็นเจ้าหนี้ของเธอ เอาใจเจ้าหนี้ ถือเป็นเรื่องใหญ่อันดับหนึ่งในชีวิต! 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่วิ่งเร็วเกินไป จนไม่ได้มองทางข้างล่าง จึงสะดุด และโผเข้าหาอวี๋เยว่หานที่เพิ่งก้าวลงจากรถ 


 


 


หัวทิ่มใส่หน้าอกของเขาพอดี! 


 


 


ความรวดเร็วฉับไว มุมที่ได้มาตรฐาน เรียกได้ว่าเป็นการ ‘โผเข้าสู่อ้อมกอด’ ตามแบบฉบับ! 


 


 


ทันใดนั้นทั้งสามคนก็ตะลึงงันไป…  


 


 


 


 


 


ตอนที่ 234 มีพยานรู้เห็นเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน 


 


 


มือของอวี๋เยว่หานโอบเอวของเธอไว้โดยสัญชาตญาณ แล้วก้มหน้ามองหัวเล็กๆ ปุกปุยที่แนบอยู่ตรงหน้าอก 


 


 


บนนั้นมีผมสั้นๆ อยู่หลายเส้น มันลู่ลงตามลมเอื่อย แต่ก็พลิ้วไหวอย่างดื้อรั้น 


 


 


น่ารักอย่างน่าประหลาด 


 


 


ทำให้เขาอยากจะลูบหัวเธอเหลือเกิน 


 


 


เธอทำงานเก่งมาก แต่อยู่ต่อหน้าเขามักจะไม่คิดหน้าคิดหลังอยู่เสมอ เขาทำให้เธอจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวขนาดนั้นเลยเหรอ 


 


 


อวี๋เยว่หานเพิ่งคิดจะประคองเธอให้ยืนดีๆ แต่หางตาเหลือบไปเห็นเฉินจื่อซินที่ตะลึงงันอยู่ริมถนนเสียก่อน จึงกระชับมือที่โอบหญิงสาวไว้ให้แน่นขึ้นในทันใด กดเธออยู่ในอ้อมอกของตัวเองโดยที่ไม่รู้ตัว 


 


 


ท่าทางตามสัญชาตญาณดูไหลลื่นมาก ไม่มีความลังเลเลยสักนิด 


 


 


แม้แต่เขาก็ไม่รู้ตัว ว่าทำไมถึงทำอย่างนี้ 


 


 


เพียงแต่พริบตาที่เห็นใบหน้าประหลาดใจและผิดหวังของเฉินจื่อซิน ไฟที่สุมอยู่ในอกของเขาก็เบาลงไปมากทีเดียว 


 


 


เขาสังเกตแค่เฉินจื่อซิน แต่ไม่ได้สังเกตเลยว่า ตอนนี้ท่าทางของพวกเขาสองอบอุ่นมาก… 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ถูกเขากอดอยู่ในอ้อมอก ใบหน้าแนบสนิทอยู่บนหน้าอกของเขา มือข้างหนึ่งของเขาก็โอบเอวเธอไว้อย่างอ่อนโยน 


 


 


ดูท่าทางเหมือนคู่รักข้าวใหม่ปลามันกำลังกอดกันอยู่ 


 


 


อย่าว่าแต่เฉินจื่อซินจะเข้าใจผิดเลย ถ้าใครมาเห็นเข้า ก็ต้องตกใจจนพูดไม่ออกทั้งนั้น! 


 


 


“คุณชายหาน พะ…พวกคุณ…” เฉินจื่อซินเดินมาข้างหน้า อยากจะเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่าง แต่เสียงสดใสกลับดังมาจากที่ไกลจากเขาไปอีก 


 


 


“คุณชายหาน!” 


 


 


เหวินหย่าไต้เพิ่งลงจากรถ เธอปิดประตูรถอย่างแรง แล้วหมุนตัวเดินมาข้างหน้า 


 


 


ทีแรกเธอจะหลังของอวี๋เยว่หานได้ คิดจะเข้ามาทักทายเขาด้วยความตื่นเต้น คิดไม่ถึงว่าเดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วถึงพบว่าเขากอดใครคนหนึ่งอยู่ในอก… 


 


 


หลังจากเห็นเหนียนเสี่ยวมู่ชัดเจน รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็แข็งทื่อไปในทันที 


 


 


กลับกลายเป็นสีหน้าไม่น่ามองในพริบตา… 


 


 


“ผู้จัดการเหวิน คุณกลับมาแล้วเหรอคะ” เหนียนเสี่ยวมู่เงยหน้าขึ้นจากในอ้อมกอดของอวี๋เยว่หาน เธออยากจะถอยหนีหลังจากดึงสติกลับมาได้ แต่อวี๋เยว่หานยังโอบเอวเธออยู่ ทำให้เธอขยับเขยื้อนไม่ได้เลยด้วยซ้ำ 


 


 


เธอรีบยื่นมือไปตีแขนของเขา ก่อนจะพูดเสียงเบา “รีบปล่อยมือสิ!” 


 


 


ก่อนหน้านี้ไม่ต้องลำบากอธิบายให้เฉินจื่อซินเข้าใจแล้ว แต่ตอนนี้กลับมีเหวินหย่าไต้เพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่ง 


 


 


อวี๋เยว่หานได้ยินเธอพูดแล้ว จึงชำเลืองมองดวงหน้าเล็กที่กำลังกระวนกระวาย แล้วเลิกคิ้วขึ้น “คุณโผเข้ามาให้อ้อมกอดของผมเอง คราวนี้โทษผมเหรอเนี่ย” 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…” 


 


 


ใช่ๆ เธอผิดเองแหละ 


 


 


คุณชายเจตนาดีช่วยเธอไว้ เธอควรจะรู้จักบุญคุณ 


 


 


แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาพูดเรื่องนี้ ขืนเขายังไม่ปล่อยมืออีก ทั้งโลกต้องเข้าใจผิดว่าเขาคิดอะไรกับเธอแน่! 


 


 


“คุณหกล้มตรงไหนหรือเปล่า” อวี๋เยว่หานเหมือนจะไม่ใส่ใจความคิดของคนอื่น เขาปล่อยมืออย่างช้าๆ แล้วหลุบตาลงมองตรวจตราเธอ 


 


 


เมื่อเห็นเธอส่ายหน้า เขาถึงจะหันไปมองเหวินหย่าไต้ที่เรียกเขาเมื่อครู่ ก่อนจะพูดอย่างเฉยชา “กลับมาก่อนกำหนดเหรอ” 


 


 


เหวินหย่าไต้ได้ยินดังนั้นแล้ว ก็ปั้นสีหน้ามั่นใจขึ้นมาทันที จากนั้นก็กล่าวอย่างเย่อหยิ่ง “ค่ะ ฉันไปอิตาลีครั้งนี้ ติดต่อกับมิสเตอร์ลอมบาร์ดีได้อย่างยากลำบาก เขายอมให้โอกาสบริษัทของเราสักครั้งค่ะ ถ้าการตรวจสอบผ่านไปได้ด้วยดี ก็จะตกลงร่วมงานกับพวกเรา” 


 


 


มิสเตอร์ลอมบาร์ดี เป็นนักออกแบบชั้นนำของอิตาลี 


 


 


มีห้องทำงานของตัวเอง ร่วมกับกลุ่มที่มีความสามารถโดดเด่น 


 


 


บริษัทตระกูลอยากให้เขามาร่วมงานด้วยกันมาตลอด แต่ลอมบาร์ดีไม่รับปากเสียที 


 


 


คิดไม่ถึงเลยว่า เหวินหย่าไต้จะเชิญเขามาได้! 


 


 


ก็ไม่แปลกที่เธอจะเผยรอยยิ้มมั่นใจออกมาอย่างนั้น ถ้าเป็นเรื่องงานแล้ว เหวินหย่าไต้ทำออกมาได้ดีเยี่ยม และไม่มีจุดบกพร่องจริงๆ 


 


 


“ทำได้ไม่เลว” นัยน์ตาสีดำของอวี๋เยว่หานแลดูราบเรียบ เมื่อพูดจบ เขาก็เตรียมตัวเดินเข้าไปในบริษัท 


 


 


เหวินหย่าไต้กลับขวางเขาไว้อย่างร้อนรน “คุณชายหาน ฉันรีบร้อนกลับมา ยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย ในเมื่อคุณชมว่าฉันทำงานได้ไม่เลวแล้ว ช่วยเห็นแก่หน้าฉัน ไปกินข้าวกับฉันได้ไหมคะ” 


ตอนที่ 235 สั่งสอนเธอสักหน่อย


 


 


เหวินหย่าไต้พูดจบ ก็เหลือบมองเหนียนเสี่ยวมู่ครั้งหนึ่ง


 


 


เมื่อนึกถึงภาพที่เธอกอดอยู่กับคุณชายหานเมื่อครู่ นัยน์ตาของเหวินหย่าไต้ก็ดูมืดครึ้มขึ้นมาทันที


 


 


เธอทำงานหนักขนาดนี้ ก็เพื่อบริษัทตระกูลอวี๋ทั้งนั้น แต่นอกจากใช้หน้าตาล่อลวงชายหนุ่มแล้ว เหนียนเสี่ยวมู่ยังโผเข้าไปในอ้อมกอดของเขาอีก ผู้หญิงคนนี้จะทำอะไรอีกกันแน่!


 


 


ผู้หญิงคนนี้เทียบได้กับเธอเลยเหรอ!


 


 


ใจเหวินหย่าไต้ขอเพียงอวี๋เยว่หานตกลงไปกินข้าวเช้ากับตน ก็เท่ากับตบหน้าเหนียนเสี่ยวมู่อย่างแรงได้แล้ว


 


 


แต่รออยู่สิบกว่าวินาทีแล้ว เธอกลับไม่ได้คำตอบที่รอคอยจากอวี๋เยว่หาน จึงรู้สึกเคร่งเครียดขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่


 


 


เธอพูดถึงขนาดนี้แล้ว เขาจะไม่ยอมไปกินข้าวเช้ากับเธอสักมื้อเลยเหรอ


 


 


ถ้าถูกเขาปฏิเสธต่อหน้าเหนียนเสี่ยวมู่ คนเสียหน้าก็ไม่ใช่เหนียนเสี่ยวมู่ แต่เป็นเธอ!


 


 


เหวินหย่าไต้กะพริบตา ก่อนจะยื่นมือไปลูบหน้าผากของตัวเอง “ดูเหมือนฉันจะหิวเกินไป รู้สึกเวียนหัวนิดหน่อยแล้ว”


 


 


ท่าทางอ่อนแอแบบนั้น ทำให้คนเห็นอกเห็นใจได้ทีเดียว


 


 


ที่ตรงนี้ยังมีคนนอกอย่างเฉินจื่อซินอยู่ด้วย ถ้าเขารู้ว่าอวี๋เยว่หานปฏิบัติต่อพนักงานที่ทำความดีความชอบให้ ด้วยท่าทางเย็นชาไร้ความรู้สึกแบบนี้ ตัวเขาเองนั่นแหละที่ต้องผิดหวัง


 


 


“ได้” ริมฝีปากบางของอวี๋เยว่หานขยับเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกมาเพียงคำเดียวอย่างเฉยชา


 


 


เมื่อได้ยินดังนั้น บนใบหน้าของเหวินหย่าไต้ก็ปรากฏรอยยิ้มในทันใด เป็นรอยยิ้มพิมพ์ใจที่เจือความเขินอายอยู่เล็กน้อย


 


 


ขณะกำลังจะถามอวี๋เยว่หานว่าจะไปกินที่ไหน ก็พบว่าเขาไม่ได้มองเธออยู่เลย แต่มองเหนียนเสี่ยวมู่อยู่ “คุณก็ไปด้วยกันสิ”


 


 


รอยยิ้มของเหวินหย่าไต้ที่เพิ่งปรากฏขึ้นมา แข็งทื่ออยู่ที่ข้างปากอีกครั้ง


 


 


สีหน้าของเธอเดี๋ยวเขียว เดี๋ยวม่วง


 


 


เธอคิดแทบล้มประดาตายยังไม่ได้ความดีความชอบ แต่เหนียนเสี่ยวมู่กลับได้มันไปโดยง่าย!


 


 


“ฉัน?” เหนียนเสี่ยวมู่ชี้จมูกตัวเอง พลางถามด้วยความประหลาดใจ


 


 


แต่เธอยังไม่ทันได้ตอบ เฉินจื่อซินที่ถูกมองข้ามอยู่ข้างๆ ก็รีบเดินเข้ามา “คุณชายหาน ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนมีนัดกับผมแล้วครับ”


 


 


พอเหวินหย่าไต้ได้ยินเฉินจื่อซินพูด นัยน์ตาของเธอก็เป็นประกาย แล้วเดินไปข้างๆ อวี๋เยว่หาน ก่อนจะยืนอยู่เคียงข้างเขา “คุณชายหาน ในเมื่อซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนมีนัดแล้ว คุณก็อย่าฝืนใจเธอเลย ดูท่าทางเธอไปได้ดีกับรองประธานเฉินมากเลยนะคะ”


 


 


ตอนที่เธอพูด ทุกอย่างดูปกติ แต่ถ้าไตร่ตรองโดยละเอียดแล้ว มันเหมือนเป็นการบอกนัยๆ ว่าเหนียนเสี่ยวมู่มีความสัมพันธ์บางอย่างกับเฉินจื่อซิน


 


 


ถึงแม้เฉินจื่อซินจะเทียบไม่ได้เลยกับอวี๋เยว่หาน แต่เขาก็เป็นถึงคุณชายของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้า


 


 


ประวัติของเขาไม่เลวเลย นิสัยก็ดี ไม่มีนิสัยเสียแบบลูกคนรวยด้วย


 


 


ผู้หญิงที่ชอบเขาคงจะมีไม่น้อยทีเดียว


 


 


ในสายตาของเหวินหย่าไต้ เขาชอบเหนียนเสี่ยวมู่ได้ ก็ถือว่าเหนียนเสี่ยวมู่ไต่เต้าได้แล้ว!


 


 


หลังจากเธอพูดจบ สีหน้าของอวี๋เยว่หานก็ดำคล้ำลง


 


 


พร้อมทั้งปล่อยกลิ่นอายเยือกเย็นออกมาจากร่างกาย


 


 


เขากวาดมองเฉินจื่อซิน และจับจ้องที่ใบหน้าของเหนียนเสี่ยวมู่เป็นคนสุดท้าย ก่อนจะเอ่ยปากเสียงเบา “พอดีเลย ไปด้วยกันสิ”


 


 


จากสองคน เปลี่ยนเป็นสี่คน!


 


 


อย่าได้พูดถึงว่าในใจของเหวินหย่าไต้ไม่พอใจแค่ไหน เพราะเธอไม่กล้าปฏิเสธอยู่แล้ว


 


 


ตอนนี้หวังแค่ว่าเฉินจื่อซินจะไม่เห็นด้วย


 


 


เหวินหย่าไต้เพิ่งคิดจะถามความเห็นของเฉินจื่อซิน ก็เห็นอวี๋เยว่หานหมุนตัวเดินเข้าไปในร้านอาหารก่อนแล้ว


 


 


เธอกัดฟันกรอด แต่ก็ได้แต่เดินตามไป!


 


 


ร้านอาหารนี้เป็นร้านอาหารเมื่อครั้งที่แล้ว แต่ห้องส่วนตัวครั้งนี้ ถูกเปลี่ยนเป็นห้องส่วนตัวพิเศษที่เหนียนเสี่ยวมู่เฝ้าฝัน


 


 


เมื่อเข้าไปในห้องส่วนตัว เธอก็กอดอก พลางพิจารณารอบๆ ห้อง


 


 


“ดูอะไรออกไหมล่ะ” สายตาของอวี๋เยว่หานจับจ้องอยู่ที่เธอตลอด เมื่อเห็นเธอมองภาพวาดสีน้ำมันบนผนัง เขาก็สาวเท้าเข้ามายืนข้างหลังเธอ ก่อนจะถาม


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ยังไม่ทันได้พูด เหวินหย่าไต้ก็แย่งพูดก่อน “คุณชายหาน ภาพนี้เป็นหนึ่งในผลงานที่น่าภูมิใจที่สุดของอาจารย์โอลิวีโร ถึงแม้จะเป็นภาพเลียนแบบ แต่คนที่ไม่ได้มีความรู้เรื่องภาพวาดสีน้ำมัน ก็คงจะดูไม่รู้เรื่องอะไร นี่คุณตั้งใจทำให้ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนลำบากใจเหรอคะ”


 


 


 


 


ตอนที่ 236 รู้สถานะตัวเอง


 


 


เหวินหย่าไต้พูด พร้อมด้วยความลำพองใจที่ฉายชัดอยู่บนใบหน้า


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่เป็นแค่พยาบาลรับจ้างคนหนึ่ง เธอเข้ามาให้บริษัทตระกูลอวี๋ได้ ก็เพราะได้รับการแต่งตั้งเป็นพิเศษจากอวี๋เยว่หาน คนแบบนี้จะไปเข้าใจความรู้เรื่องศิลปะได้อย่างไร


 


 


เธอก็แค่ไม่เคยเห็นภาพวาดดีๆ แถมทำท่าทางชื่นชมภาพวาด เพื่อดึงดูดความสนใจของอวี๋เยว่หาน


 


 


วันนี้เหวินหย่าไต้จะขอใช้โอกาสนี้ ทำให้เหนียนเสี่ยวมู่รู้สถานะของตัวเอง!


 


 


“ผู้จัดการเหวินเหมือนจะรู้จักภาพวาดสีน้ำมันดีจังเลยนะครับ?” เฉินจื่อซินได้ยินเหวินหย่าไต้พูดแล้ว ก็พูดต่อตามสัญชาตญาณ


 


 


หลังจากเขาพูดจบ ความลำพองใจบนใบหน้าของเหวินหย่าไต้ก็ยิ่งฉายชัดขึ้น แต่กลับแสดงท่าทางถ่อมตัวออกมา “รู้แค่นิดหน่อย”


 


 


เมื่อเห็นอวี๋เยว่หานมองมาทางเธอ สายตาของเธอก็มีความคาดหวังขึ้นมา


 


 


และรอคอยคำชมจากเขา


 


 


เธอคิดไม่ผิดจริงๆ ด้วย ผู้ชายชอบผู้หญิงที่สง่างามและมีรสนิยมทั้งนั้นแหละ


 


 


ผู้หญิงอย่างเธอ ถึงจะมีสิทธิ์ยืนอยู่ข้างกายอวี๋เยว่หาน


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ทำอะไรได้


 


 


ตอนที่ออกงานเลี้ยงกับอวี๋เยว่หาน เธอคงจะติดกล่องยาไปรักษาคนอื่นด้วยสินะ


 


 


ไม่มีเกียรติเลยจริงๆ!


 


 


ขอเพียงเธอแสดงฝีมือสักหน่อย ก็ฝังเหนียนเสี่ยวมู่ลงดินได้ทันทีแล้ว!


 


 


“ภาพนี้ไม่ใช่ภาพเลียนแบบหรอกค่ะ เป็นของจริง” เหนียนเสี่ยวมู่ที่มอภาพวาดและหันหลังให้เหวินหย่าไต้ พูดขึ้นมากะทันหัน


 


 


เธอกลับหลังหันมา แต่ไม่ได้มองเหวินหย่าไต้ เธอมองตรงไปยังอวี๋เยว่หาน คนที่ถามเธอเมื่อครู่


 


 


คำพูดที่เรียบง่าย แต่ตอกหน้าเหวินหย่าไต้ได้อย่างจัง


 


 


ทันใดนั้น สีหน้าของเหวินหย่าไต้ก็เปลี่ยนไป “คุณว่าอะไรนะ”


 


 


ผู้จัดการสาวหันไปมองภาพบนผนัง เมื่อมองอย่างละเอียดแล้ว ถึงจะพบว่าภาพวาดนี้เป็นของจริง


 


 


แต่ที่นี่เป็นเพียงห้องส่วนตัวในร้านอาหาร ผลงานของนักวาดภาพฝีมือฉมังที่มีราคาแพงหูฉี่ จะมาเป็นของตกแต่งอยู่ที่นี่ได้อย่างไร


 


 


ดังนั้น เธอถึงได้ตัดสินว่าภาพนี้เป็นของเลียนแบบ


 


 


ตอนนี้ได้ยินเหนียนเสี่ยวมู่พูดใน เธอก็จิตใจว้าวุ่นขึ้นมา แต่เมื่อคิดถึงสถานะของเหนียนเสี่ยวมู่ เธอพลันนึกออกว่า อีกฝ่ายคงจะไม่เข้าใจภาพวดและกลัวเสียหน้า ถึงได้จงใจพูดออกมาว่าภาพวาดเป็นของจริงสินะ


 


 


มุมปากของเหวินหย่าไต้มีรอยยิ้มถากถางแล้ว


 


 


“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ดูไม่รู้เรื่องก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แต่คุณจะพูดเวอร์ขนาดนี้ไม่ได้ อย่าพูดว่าภาพวาดของปลอมเป็นของจริงเลยค่ะ”


 


 


“…” เหนียนเสี่ยวมู่มองผู้จัดการสาว เธอเพียงแค่ยิ้มเท่านั้น ไม่ได้พูดอะไร


 


 


แต่รอยยิ้มสบายใจของเธอ กลับทำให้เหวินหย่าไต้ยิ้มไม่ออก


 


 


“คุณดูออกที่ตรงไหน ว่าภาพนี้เป็นของจริง”


 


 


เหวินหย่าไต้พูดจบ ชายหนุ่มอีกสองคนก็มองมาทางเธอ


 


 


นัยน์ตาสีดำของอวี๋เยว่หานหยั่งลึก ดูไม่ออกเลยว่าสายตาที่เรียบเฉยของเขากำลังคิดอะไรอยู่ เพียงแต่ในนั้นแสดงความต้องการที่จะสืบค้นออกมา


 


 


ราวกับกำลังรอหญิงสาวอธิบายอยู่


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ยั่งไหล่ ก่อนจะพูดอย่างสบายใจเฉิบ “ของเลียนแบบทั่วไปจะเลียนแบบได้แค่งานวาด แต่เลียบแบบสไตล์เวลาวาดรูปของจิตรกรไม่ได้ อาจารย์โอลิวีโรเป็นคนแก่ซุกซนคนหนึ่ง เขาชอบทิ้งชื่อของตัวเองไว้บางจุดในงานของตัวเอง แล้วให้คนอื่นไปตามหาค่ะ”


 


 


“…”


 


 


“เมื่อกี้ฉันจ้องภาพวาดอยู่ตลอด อยากจะหาดูสักหน่อย ว่ามีชื่อของเขาซ่อนอยู่ในภาพวาดหรือเปล่า”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่เดินข้างหน้าก้าวหนึ่ง แล้วใช้นิ้วมือชี้ลงตรงจุดหนึ่งบนภาพวาด “ฉันเจอตรงนี้พอดี ก็เลยเดาว่า ภาพนี้น่าจะเป็นของจริง”


 


 


หลังจากเธอพูดจบ เธอก็หันไปมองอวี๋เยว่หาน


 


 


ที่จริงทีแรกเธอก็ไม่ค่อยเชื่อ ว่าห้องส่วนตัวในร้านอาหารจะใช้ภาพวาดราคาแพงลิบลิ่วมาตกแต่ง แต่พอคิดได้ว่าที่นี่เป็นห้องส่วนตัวแบบพิเศษของอวี๋เยว่หาน เธอก็เข้าใจ


 


 


เขาน่าจะให้คนมาแขวนภาพนี้เองสินะ?


 


 


“เป็นไปได้ยังไง…” เหวินหย่าไต้มองเห็นชื่อที่ซ่อนอยู่บนรูปภาพจริงๆ สีหน้าพลันซีดขาว


 


 


เธออยากทำให้เหนียนเสี่ยวมู่รู้สึกลำบากไป แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าหน้าแตกเองเสียแล้ว


 


 


ผู้จัดการสาวมองอวี๋เยว่หานพร้อมความหวังสุดท้าย “นี่ไม่ใช่ของจริง ใช่ไหมคะ”


ตอนที่ 237 ชอบก็คือชอบ


 


 


ขอแค่อวี๋เยว่หานบอกว่าเป็นของปลอม อย่างนั้นไม่ว่าเหนียนเสี่ยวมู่พูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์ทั้งนั้น!


 


 


พยาบาลรับจ้างเล็กๆ คนหนึ่ง ทำเป็นรู้แหมือนวงใน เข้าใจศิลปะที่ไหนกัน


 


 


นิสัยของจิตรกรที่ว่า จะต้องเป็นสิ่งที่เธอปั้นเรื่องพูดออกมาแน่


 


 


ต้องไม่ใช่เรื่องจริงแน่!


 


 


เหวินหย่าไต้คิดได้อย่างนี้ ก็ยื่นมือไปจับแขนของอวี๋เยว่หาน พลางมองเขาด้วยความหวังเต็มเปี่ยม


 


 


เธอไม่เชื่อเด็ดขาดเลย ด้วยสถานะของเหนียนเสี่ยวมู่ จะไปเข้าใจสิ่งที่แม้แต่เธอยังดูไม่รู้เรื่องได้อย่างไร!


 


 


อวี๋เยว่หานยืนอยู่ข้างหลังเหนียนเสี่ยวมู่โดยตลอด เดิมทีเขาจ้องมองไปที่หัวเล็กๆ ปุกปุยของเธอ ต่อมาได้ยินเธอพูด สายตาของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย


 


 


โดยเฉพาะตอนที่มองเธอพูดเรื่องภาพวาดของจิตรกรดัง ท่าทางมั่นใจอย่างนั้น ทำให้นัยน์ตาสีดำของเขายิ่งหยั่งลึก


 


 


สายตาร้อนระอุ ราวกับอยากมองเธอให้ทะลุปรุโปร่ง…


 


 


ผ่านไปเนิ่นนาน เขาถึงจะเอ่ยปากอย่างเรียบเฉย “ภาพนี้ผมให้คนส่งมาเอง”


 


 


เพียงแค่คำพูดง่ายๆ ก็ทำให้สีหน้าของเหวินหย่าไต้ซีดเผือดไปหมดแล้ว!


 


 


อวี๋เยว่หานส่งมาให้ด้วยตัวเอง ก็ไม่มีทางเป็นของปลอมไปได้…


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่พูดถูกต้องแล้วจริงๆ แต่พยาบาลรับจ้างที่มีที่มาไม่ชัดเจน กลับกดเธอลงได้จริงๆ แถมยังทำต่อหน้าอวี๋เยว่หานเสียด้วย


 


 


สีหน้าของเหวินหย่าไต้เดี๋ยวเขียวเดี๋ยวม่วง ไม่กล้าพูดต่อโดยสิ้นเชิง


 


 


ขณะกำลังคิดจะทำเป็นฟังไม่รู้เรื่อง และเรียกทุกคนกินข้าวนั้นเอง เฉินจื่อซินที่เงียบมาโดยตลอดก็เบียดมาข้างหน้าในทันที ก่อนจะพุ่งไปมองภาพวาดสีน้ำมันอยู่หลายครั้ง แล้วพูดขึ้นมา


 


 


“ผมไม่เคยศึกษาของแบบนี้ไม่ก่อนเลย ก็เลยดูไม่ออกอย่างแน่นอน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าผู้จัดการเหวินจะมองผิดไปได้…พูดแล้วซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนนี่เก่งจังเลยนะครับ มองปราดเดียวก็ดูออกแล้ว ว่าภาพนี้เป็นของจริง”


 


 


คำชมที่มาอย่างกะทันหัน ทำให้บรรยากาศในห้องส่วนตัวแปลกขึ้น


 


 


เหวินหย่าไต้ยิ้มไม่ออกแล้ว


 


 


นับว่าเข้าใจแล้ว ว่าอะไรที่เรียกว่า ยกหินมาทับเท้าตัวเอง!


 


 


ผู้จัดการสาวทำได้แค่ยิ้มตอบไป พลางมองอวี๋เยว่หานตาปริบๆ หวังว่าเขาจะหาทางออกจากสถานการณ์น่าอายให้เธอได้


 


 


แต่อวี๋เยว่หานกลับจ้องมองเหนียนเสี่ยวมู่อยู่ตลอด ไม่แม้แต่จะมองเธอสักครั้ง…


 


 


เธอยืนอยู่ตรงนั้น ก็เหมือนตัวตลก


 


 


หลังจากทั้งสี่คนไปนั่งทีโต๊ะอาหารแล้ว บรรยากาศก็เปลี่ยนแปลงไป เพราะภาพวาดภาพเดียว


 


 


เหวินหย่าไต้เพิ่งเสียหน้า ตอนนี้จึงอายที่จะเป็นคนเอ่ยปากพูดก่อน


 


 


ส่วนในสายตาของเฉินจื่อซิน ก็มีเพียงเหนียนเสี่ยวมู่ จึงเอาแต่ถามเธออยู่ตลอด “ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ร้านนี้มีของอร่อยเยอะแยะเลยนะครับ ให้ผมแนะนำให้คุณอีกสักสองสามจานไหม”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ยังไม่ทันตอบ เขาก็พูดขึ้นมาก่อน


 


 


“เกี๊ยวกุ้งจักรพรรดิดีไหมครับ”


 


 


“คุณชอบขาไก่น้ำแดงหรือเปล่า”


 


 


“แล้วหอยเชลล์ผัดกระเทียมกับวุ้นเส้นล่ะครับ”


 


 


“…”


 


 


ท่าทางอุทิศตัวแบบนั้น เหมือนในสายตาของเขามีเหนียนเสี่ยวมู่เป็นผู้หญิงอยู่คนเดียว ไม่เห็นเหวินหย่าไต้อยู่ในสายตาเลย!


 


 


เหวินหย่าไต้กัดฟันด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ยังรวบรวมความกล้า แล้วมองไปทางอวี๋เยว่หานที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม


 


 


“คุณชายหาน ฉันไม่ค่อยคุ้นเคยกับร้านนี้ คุณแนะนำอาหารให้ฉันสักสองสามจานได้ไหมคะ”


 


 


“…”


 


 


อวี๋เยว่หานนั่งอยู่บนเก้าอี้ของตัวเอง อยู่ฝั่งตรงข้ามของเหวินหย่าไต้ แต่สายตาของเขาเอียงมองฝั่งตรงข้ามอยู่ตลอด จับจ้องไปที่เหนียนเสี่ยวมู่ คนที่ถือเมนูอาหารไม่ยอมปล่อย


 


 


เพราะเธอไม่เหมือนลูกสาวตระกูลร่ำรวยคนไหน เธอก็คือเธอ จริงใจ ไร้เดียงสา


 


 


ชอบก็คือชอบ ปิดบังไม่เป็นอยู่แล้ว


 


 


แต่เธอก็เหมือนความลับ ไม่รู้ว่ามาจากไหน และผ่านอะไรมาบ้าง


 


 


ตัวเธอก็ดูแปลกๆ และมีลูกเล่นทำให้คนประหลาดใจอยู่ตลอด…


 


 


ภาพวาดสีน้ำมันที่แม้แต่เหวินหย่าไต้ก็มองไม่ออกว่าเป็นของจริงหรือปลอม แต่เธอมองครั้งเดียวก็ดูออกแล้ว


 


 


แม้เธอจะพูดออกมาอย่างคล่องแคล่ว แต่ตามที่เขารู้ คนที่รู้นิสัยที่ซ่อนอยู่ในภาพวาดของอาจารย์โอลิวีโร มีไม่เกินสิบคนหรอก แล้วเธอไปรู้มาจากที่ไหนกัน


 


 


 


 


ตอนที่ 238 อาศัยอำนาจส่วนรวมแก้แค้น


 


 


“คุณชายหาน? คุณชายหาน?” เหวินหย่าไต้รออยู่นานแล้ว แต่ไม่ได้การตอบรับ จึงเรียกเขาเบาๆ สองครั้ง


 


 


อวี๋เยว่หานถูกเสียงของเธอขัดจังหวะความคิด เขาจึงมองเธออย่างเย็นชาครั้งหนึ่ง “ในร้านไม่มีพนักงานเหรอ”


 


 


เหวินหย่าไต้ “…”


 


 


น้ำเสียงเฉยชานั้น ไม่เพียงทำให้เหวินหย่าไต้ตะลึงงัน แม้แต่เหนียนเสี่ยวมู่ที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็มองมาทางเขา ครั้นเห็นใบหน้าดำคล้ำของเขา เธอก็เทียบกับเฉินจื่อซินที่อยู่ข้างหน้าอีก


 


 


เหมือนคนหนึ่งเป็นฤดูร้อน ส่วนอีกคนเป็นฤดูหนาวจริงๆ!


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่มองเหวินหย่าไต้ที่ตัวแข็งทื่อไปด้วยความเห็นใจ เธอกอดเมนูอาหาร พร้อมกับเขยิบไปทางเฉินจื่อซิน เพราะกลัวจะซวยไปด้วย


 


 


อวี๋เยว่หานเห็นทุกการกระทำของเธอ จึงมีสีหน้าเย็นชายิ่งขึ้น


 


 


นัยน์ตาสีดำส่องประกายเยือกเย็นออกมา ทำให้เขาที่นั่งอยู่ตรงนั้น เหมือนเครื่องทำความเย็นอัตโนมัติ


 


 


ตั้งแต่ต้นจบ เขาไม่ได้พูดเลย มีแค่ตอนที่เช็คบิลกับพนักงาน ที่เขาได้เอ่ยปากพูด


 


 


“คุณชายหาน ครั้งก่อนคุณเลี้ยงแล้ว คราวนี้ให้ผมเลี้ยงได้ไหมครับ” เฉินจื่อซินยืนขึ้นจากที่นั่ง ก่อนจะรียร้อนแย่งบิล


 


 


นี่เป็นครั้งที่สอง ที่เขาเชิญเหนียนเสี่ยวมู่กินข้าว ถ้ายังให้อวี๋เยว่หานจ่ายเงินอีก ต่อไปเขาจะมีหน้ามานัดเธออีกได้อย่างไร


 


 


เฉินจื่อซินควักบัตรออกมาจากในกระเป๋าเงิน แล้วรีบยื่นให้พนักงาน


 


 


“รูดใบนี้ครับ!”


 


 


“เอ่อ…” พนักงานไม่ได้รับไปทันที แต่มองไปทางอวี๋เยว่หานอย่างนอบน้อม


 


 


เงาร่างสูงโปร่งของอวี๋เยว่หานค่อยๆ ลุกขึ้นจากที่นั่ง ทุกการกระทำของเขามีแต่ความสูงส่ง


 


 


เขากวาดสายตามองเฉินจื่อซินครั้งหนึ่ง ราวกับว่ารู้ความคิดของอีกฝ่าย และทันทีที่สายตาของเขาวาดผ่านเหนียนเสี่ยวมู่ที่อยู่ข้างหลัง นัยน์ตาของเขาก็ดำคล้ำ “ผมไม่มีนิสัยให้คนอื่นจ่ายเงิน”


 


 


พูดจบเขาก็สาวเท้าออกจากห้องส่วนตัวไป


 


 


มื้ออาหารท่ามกลางบรรยากาศแปลกประหลาดจบลงแล้ว


 


 


คนที่เป็นตัวของตัวเองที่สุดตลอดมื้ออาหาร มีแต่เหนียนเสี่ยวมู่


 


 


เธอรับผิดชอบการกิน กินอิ่มแล้วก็ไป


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่กลับไปที่แผนกประชาสัมพันธ์อย่างเบิกบานใจ แต่ตอนที่เตรียมเริ่มทำงาน ก็ได้ยินเลขาเดินมาข้างๆ เธอ “ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ผู้จัดการให้คุณไปที่ห้องทำงานของเธอค่ะ”


 


 


“…”


 


 


เมื่อกี้เพิ่งกินข้าวด้วยกันไม่ใช่เหรอ ทำไมเรียกเธอไปอีกแล้วล่ะ


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่รู้สึกสงสัย แต่นึกได้ว่าเหวินหย่าไต้เพิ่งกลับมาจากการทำงานในต่างประเทศ อาจจะอยากสอบถามความคืบหน้างานในมือเธอก็ได้


 


 


เธอไม่ได้คิดมาก เก็บเอกสารบนโต๊ะแล้ว ก็เดินไปทางห้องทำงานผู้จัดการทันที


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ยื่นมือไปเคาะประตู


 


 


เมื่อได้ยินเสียงของเหวินหย่าไต้ เธอถึงจะผลักประตูเข้าไป


 


 


“ผู้จัดการเหวิน อยากพบฉันเหรอคะ” เหนียนเสี่ยวมู่เดินมาข้างหน้าโต๊ะทำงานของอีกฝ่าย พร้อมกับยืนเรียบร้อย


 


 


คราวนี้ถึงจะพบว่า นอกจากเหวินหย่าไต้แล้ว ในห้องทำงานผู้จัดการยังมีคนที่ไม่ค่อยคุ้นหน้าอยู่อีกคน


 


 


เหวินหย่าไต้มองเธอ แล้วยืนขึ้นจากเก้าอี้ทำงาน “ฉันจะแนะนำให้รู้จักก่อนนะคะ นี่คือหวางเมี่ยวเมี่ยว เธอเป็นล่ามที่ไปอิตาลีกับฉันค่ะ”


 


 


“…”


 


 


“คืออย่างนี้ค่ะ ตอนนี้ทุกคนในแผนกยอมรับว่าคุณเก่งที่สุด ต้องเป็นคุณเท่านั้น ฉันเลยอยากมอบหมายงานที่มิสเตอร์ลอมบาร์ดีจะมาให้คุณ”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ตะลึงงัน “มอบหมายให้ฉัน? แต่ฉันยังมีงานของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าอยู่ในมือ…”


 


 


“งานนั้นยกให้ซูเปอร์ไวเซอร์เย่เลยค่ะ แถมฉันก็อยู่ ไม่เกิดปัญหาอะไรหรอกค่ะ ส่วนทางรองประธานเฉิน ฉันจะไปอธิบายเอง เชื่อว่าเขารู้ว่าฉันมาดูแล คงไม่มีความเห็นอะไรค่ะ” เหวินหย่าไต้เดินอ้อมโต๊ะมาตรงหน้าเหนียนเสี่ยวมู่


 


 


ผู้จัดการสาวส่งข้อมูลของมิสเตอร์ลอมบาร์ดีให้เธอ พร้อมกับรอยยิ้มสดใสเป็นพิเศษ “ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ทุกคนให้ความสำคัญกับการต้อนรับมิสเตอร์ลอมบาร์ดีอย่างมาก ฉันเชื่อว่าคุณจะไม่ทำให้พวกเราผิดหวัง และทำงานร่วมมือครั้งนี้ได้สำเร็จราบรื่นค่ะ”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม