ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ 230-237

 ตอนที่ 230 ลั่วอิงคลางแคลงใจ 


 


 


           เมิ่งชิงซีเห็นลั่วอิงมองมาที่เธอด้วยสายตาเกลียดชัง ก็รู้สึกหงุดหงิดจนปวดหัว เด็กคนนี้ช่างเป็นเด็กที่น่ารังเกียจจริงๆ ต่อให้เธอทำดีด้วยเท่าไร ดูท่าว่าจะไม่ได้อะไรตอบแทนแน่ๆ 


 


 


“ลั่วอิง ไปเยี่ยมคุณย่ากับพ่อดีไหม” 


 


 


“ดีค่ะ คุณพ่อคะ ให้แม่โจวโจวไปกับพวกเราด้วยได้ไหมคะ” ลั่วอิงชี้นิ้วของตัวเองเข้าหากัน รอคำตอบของลั่วเซ่าเชิน 


 


 


“พ่อบอกกับลูกแล้วยังไงครับว่าแม่โจวโจวกลับบ้านไปแล้ว ลูกอย่าเพิ่งพูดถึงแม่โจวโจวเลยนะ เอาละ พ่อจะไปหาแม่นมจ้าวให้เตรียมอาหารให้ ลูกรอที่นี่ก่อนนะครับ” 


 


 


“ค่ะ” ลั่วเซ่าเชินปล่อยตัวลั่วอิงลง ให้เธอนั่งอยู่บนโซฟา แล้วลั่วเซ่าเชินก็เดินเข้าไปในห้องครัว 


 


 


เมิ่งชิงซีอยู่ในห้องรับแขกด้วย เธอมองประสานสายตากับลั่วอิง “ฮึ!” ลั่วอิงสะบัดหน้าไปทันที ไม่อยากมองเมิ่งชิงซีอีก 


 


 


เมิ่งชิงซีนึกในใจ เด็กคนนี้อายุก็เท่านี้ แต่อารมณ์ร้อนไม่เบา เธอไม่เข้าใจว่าถังโจวโจวมีดีตรงไหน ลั่วอิงกับลั่วเซ่าเชินถึงได้ปกป้องกันนัก “ลั่วอิง อาชิงซีไม่ดีตรงไหนหรือคะ” 


 


 


ลั่วอิงได้ยินคำพูดเมิ่งชิงซีแล้วก็หันไปมองเธอแวบหนึ่ง พลันหัวเราะเยาะ “ถ้าเทียบกับแม่โจวโจวแล้ว คุณไม่มีตรงไหนดีเลยค่ะ” 


 


 


“นี่…” เมิ่งชิงซีชี้หน้าลั่วอิง แต่พูดอะไรไม่ได้ เธอกับถังโจวโจวเทียบกันแล้วเธอก็ยังแพ้อย่างนั้นหรือ เรื่องนี้ทำให้เมิ่งชิงซีโกรธอย่างที่สุด 


 


 


“ลั่วอิง มานี่เร็วลูก พวกเราไปเยี่ยมคุณย่ากัน” มือของลั่วเซ่าเชินถือถุงเก็บความร้อนไว้ใบหนึ่ง อีกข้างพลันกวักมือเรียกลั่วอิง ลั่วอิงรีบวิ่งไปหาทันที เธอบอกให้ลั่วเซ่าเชินก้มลงมา ลั่วเซ่าเชินไม่เข้าใจว่าเธอจะทำอะไร แต่ก็ทำตามโดยดี 


 


 


ลั่วอิงกระซิบข้างหูลั่วเซ่าเชิน “คุณพ่อคะ อาชิงซีไปกับพวกเราด้วยหรือเปล่าคะ” 


 


 


“ไม่ได้ไปครับ” 


 


 


เมื่อได้ยินว่าเมิ่งชิงซีไม่ได้ไปด้วย ลั่วอิงก็มีความสุข เธอจูงมือลั่วเซ่าเชินทันที “คุณพ่อคะ ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปกันเถอะค่ะ” 


 


 


“ชิงซี ผมไม่ว่างไปส่งคุณ คุณกลับเองได้นะ?” 


 


 


“เซ่าเชิน ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ ฉันกลับบ้านเองได้” เมิ่งชิงซีขยิบตาให้เห็น และยิ้มให้ลั่วเซ่าเชิน 


 


 


ลั่วอิงเห็นเมิ่งชิงซีมองคุณพ่อของเธอ จึงขวางหน้าลั่วเซ่าเชินไว้ แต่ตัวเธอเล็กไปจึงบังอะไรไม่ได้ รอยยิ้มบนริมฝีปากของเมิ่งชิงซีเหยียดออก เมื่อเห็นลั่วอิงทำท่าทางแบบนั้น 


 


 


ลั่วเซ่าเชินไม่อยากรอช้า จูงมือลั่วอิงพาออกไปข้างนอกทันที เมิ่งชิงซีเดินตามหลังพวกเขาออกมา มองรถลั่วเซ่าเชินจนไม่เห็นแล้วถึงได้ไปที่รถของตัวเอง 


 


 


ลั่วอิงนั่งอยู่บนรถ พยายามถามถึงเรื่องของคุณแม่ลั่วและถังโจวโจวอยู่ตลอด “คุณพ่อคะ คุณย่าคงจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ”  


 


 


“แน่นอนครับ พ่อรับรอง คุณย่าจะต้องแข็งแรงเหมือนเดิม” ลั่วเซ่าเชินเชื่อว่า คุณแม่ลั่วจะต้องกลับมาแข็งแรงดังเดิมในเร็ววันแน่ 


 


 


“คุณพ่อคะ แล้วทำไมแม่โจวโจวต้องกลับบ้านล่ะคะ คุณแม่กลับไปที่บ้านของเราหรือเปล่า” ลั่วอิงแกว่งขา ถามลั่วเซ่าเชินต่อ 


 


 


ข้างหน้าเป็นทางโค้ง ลั่วเซ่าเชินหักพวงมาลัยเลี้ยวก่อนแล้วค่อยตอบลั่วอิง “แม่โจวโจวกลับบ้านคุณยายครับ พอผ่านไปสักพักเดี๋ยวคุณแม่ก็กลับมาแล้ว” 


 


 


“แล้วทำไมคุณแม่ต้องไปอยู่บ้านคุณยายด้วยล่ะคะ คุณแม่ไม่เห็นบอกอะไรหนูเลย หนูไปอยู่กับแม่โจวโจวด้วยได้ไหมคะ” ลั่วอิงรู้สึกเสียใจมาก ที่ตัวเองและแม่โจวโจวกำลังจะถูกผู้หญิงไม่ดีคนนั้นแย่งคุณพ่อไป ตอนนี้แม่โจวโจวออกไปจากบ้านแล้วจริงๆ เหรอ 


 


 


ลั่วอิงไม่เข้าใจว่าพวกผู้ใหญ่คิดอะไรกัน ในเมื่อคุณย่าบาดเจ็บ แล้วทำไมคุณพ่อไม่พาแม่โจวโจวไปเยี่ยมคุณย่าด้วยกัน หรือว่าจะเป็นอย่างที่แม่นมจ้าวบอกว่าแม่โจวโจวผลักคุณย่าตกบันได? 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 231 คุณแม่ลั่วฟื้นแล้ว 


 


 


“ตอนนี้ลูกไปเยี่ยมคุณย่ากับพ่อก่อน ลั่วอิง ตอนนี้พ่อเหนื่อยมาก ลูกอย่าเพิ่งถามอะไรพ่อเลยนะ” 


 


 


“ก็ได้ค่ะ” ลั่วอิงก้มหน้า เล่นนิ้วมือตัวเอง ตอนนี้ลั่วเซ่าเชินอารมณ์ไม่ค่อยดี เธอก็จะไม่ยุ่งกับคุณพ่อของเธออีกแล้ว ถึงเวลาค่อยโทรหาแม่โจวโจวก็ได้ 


 


 


ในรถไม่มีเสียงพูดอะไรอีก กระทั่งลั่วเซ่าเชินเข้าไปจอดรถในลานจอดรถของโรงพยาบาล มือหนึ่งจูงลั่วอิง อีกมือถือถุงอาหาร เข้าไปในห้องผู้ป่วยของคุณแม่ลั่ว คุณแม่ลั่วยังไม่ฟื้น คุณพ่อลั่วก็ยังนั่งอยู่ข้างๆ คุยกับคุณแม่ลั่วอยู่ตลอด 


 


 


แม้คุณแม่ลั่วจะไม่ได้ยิน แต่ตั้งแต่ลั่วเซ่าเชินออกไปจนกระทั่งกลับมา คุณพ่อลั่วก็ยังไม่หยุดพูดคุย ด้วยอาจจะเชื่อว่า ขอเพียงยืนหยัดในสิ่งที่ทำ ไม่ว่าอย่างไรคุณแม่ลั่วก็จะต้องได้ยินเสียงนี้ 


 


 


“พ่อครับ กินข้าวเถอะ” ลั่วเซ่าเชินวางกล่องเก็บความร้อนไว้บนโต๊ะ ก่อนจะยกน้ำไปให้คุณพ่อลั่วดื่ม คุณพ่อลั่วหยุดพูดกับคุณแม่ลั่วชั่วคราว พลางหันมาเห็นลั่วอิง “ลั่วอิงมาได้ยังไง” 


 


 


คุณพ่อลั่วจิบน้ำ เขาพูดอยู่ตั้งนานไม่เหนื่อยสักนิด แต่คุณแม่ลั่วก็ยังไม่ขยับแม้แต่น้อย เห็นอย่างนี้ก็ค่อนข้างปวดใจ ทำไมเธอถึงยังไม่ฟื้นขึ้นมาอีก ไม่กลัวว่าเขาจะเสียใจเลยหรือ 


 


 


“คุณพ่อคะ แล้วคุณย่าจะตื่นเมื่อไรหรือคะ” ลั่วอิงยืนอยู่ข้างลั่วเซ่าเชิน มือเล็กๆ จับขากางเกงของเขา ขณะที่สายตาก็มองคุณแม่ลั่ว 


 


 


คุณพ่อลั่วกวักมือเรียกเธอ ลั่วอิงรีบวิ่งไปหาทันที คุณพ่อลั่วจับฝ่ามือเล็กๆ ของเธอ “เดี๋ยวคุณย่าก็ตื่นแล้วล่ะ” 


 


 


“พ่อครับ พ่อพักผ่อนก่อนเถอะครับ กินอะไรสักหน่อย ผมเชื่อว่าคุณแม่จะไม่เป็นอะไรครับ” ลั่วเซ่าเชินไม่รู้ว่าคุณแม่ลั่วจะฟื้นตอนไหน หมอก็ยืนยันได้ไม่เต็มปาก เพราะผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ สิ่งที่เกิดขึ้นย่อมไม่แน่นอน อาจจะฟื้นหรือไม่ฟื้นเลยตลอดชีวิตก็เป็นได้ 


 


 


ลั่วเซ่าเชินไม่หวังให้เป็นอย่างหลัง ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เขากับถังโจวโจวก็คงต้องจบกันแล้ว 


 


 


พยาบาลเข้ามาเปลี่ยนน้ำเกลือให้คุณแม่ลั่ว มองไปที่เครื่องตรวจวัดต่างๆ มันยังคงร้องดังก้องเป็นจังหวะอยู่ ส่วนคุณแม่ลั่วก็ยังปิดตาอยู่ตลอดเวลา 


 


 


“คุณพยาบาลครับ เมื่อไรแม่ผมจะฟื้นหรือครับ” ลั่วเซ่าเชินอยากได้คำตอบที่แน่นอน 


 


 


“มันขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของผู้ป่วยค่ะ ดิฉันเองก็ไม่แน่ใจ” พยาบาลตอบด้วยสีหน้าขอโทษ 


 


 


คุณพ่อลั่วกินอาหารที่ลั่วเซ่าเชินนำมาทีละคำๆ สายตาไม่ละจากคุณแม่ลั่วเลย ขอเพียงแค่คุณแม่ลั่วขยับเล็กน้อย เขาก็จะได้รู้และตอบสนองเธออย่างทันท่วงที 


 


 


ลั่วอิงนั่งเงียบๆ อยู่บนเก้าอี้ มือเล็กๆ จับมือของคุณแม่ลั่วไว้ “คุณย่าขา คุณย่าต้องฟื้นเร็วๆ นะคะ” 


 


 


จู่ๆ ลั่วอิงก็รู้สึกว่ามือของคุณแม่ลั่วขยับ สองตาเธอเบิกกว้าง หรือว่าเธอมองผิดไป ลั่วอิงรออยู่นานมาก จนเธอคิดว่าตัวเองเข้าใจผิด แต่แล้วคุณแม่ลั่วก็ขยับมือเบาๆ อีกครั้ง ลั่วอิงถึงได้ตะโกนขึ้นมา “คุณพ่อ คุณปู่ คุณย่าฟื้นแล้วค่ะ” 


 


 


คุณพ่อลั่วได้ยินลั่วอิงพูดอย่างนั้น จึงรีบวางกล่องอาหารลงทันที โดยไม่สนว่าอาหารจะหกหรือไม่ แล้ววิ่งไปที่ข้างเตียงคุณแม่ลั่ว “อวี้ฮุ่ย คุณฟื้นแล้วเหรอ” 


 


 


คุณแม่ลั่วได้ยินเสียงคนเรียกเธอ เธอจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น เธอเห็นคุณพ่อลั่วยืนอยู่ข้างๆ เตียง จ้องมองมาที่เธออย่างตื่นเต้น มุมปากเผยรอยยิ้ม “เหวินอวี๋ ฉันหลับไปนานเท่าไรแล้ว” 


 


 


“ไม่นานๆ อวี้ฮุ่ย ร่างกายยังเจ็บตรงไหนไหม” คุณพ่อลั่วได้ยินเสียงคุณแม่ลั่วแหบแห้ง จึงรีบรินน้ำส่งให้เธอ ให้เธอดื่มช้าๆ 


 


 


คุณแม่ลั่วพยายามแตะริมฝีปากของเธอบนแก้ว ก่อนจะดื่มไปได้เพียงเล็กน้อย “เหวินอวี๋ ฉันยังอยากดื่มอีก” 


ตอนที่ 232 จะรอดูผลลัพธ์ 


 


 


           “ได้ๆ รอเดี๋ยวนะ” คุณพ่อลั่วหันไปหาหลอด คุณแม่ลั่วนอนอยู่บนเตียงลุกขึ้นมาไม่ได้ ป้อนน้ำแบบนี้ก็ไม่สะดวก “เซ่าเชิน รีบไปหาหลอดมาให้ที แม่ของแกอยากดื่มน้ำ” 


 


 


“ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้” ลั่วเซ่าเชินรีบวิ่งออกจากห้องไป ไม่นานเขาก็กลับมา ในมือถือหลอดมาด้วย “พ่อครับ ผมหาหลอดมาให้แล้ว” 


 


 


คุณพ่อลั่วใส่หลอดไว้ในแก้ว และยื่นแก้วไปหาคุณแม่ลั่ว คุณแม่ลั่วก็กัดหลอดไว้ แล้วดูดน้ำจากแก้วอย่างกระหาย เพียงไม่นานน้ำแก้วนั้นก็หมด “ช้าหน่อยๆ คุณ” คุณพ่อลั่วมองตาเขม็ง เพราะกลัวว่าคุณแม่ลั่วจะสำลักน้ำ 


 


 


“เหวินอวี๋ ฉันอยากกินอีก” น้ำแก้วเดียวไม่พอ คุณแม่ลั่วดื่มไม่นานก็หมดแล้ว เธอเหมือนกับคนที่เพิ่งไปเที่ยวทะเลทรายมา คิดแต่จะอยากดื่มน้ำให้มากๆ 


 


 


“ได้ รอเดี๋ยวนะ ผมจะเอาให้คุณอีก” คุณพ่อลั่วหยิบเหยือกน้ำมา คุณแม่ลั่วดื่มน้ำไปถึงสามแก้วแล้วก็รู้สึกดีขึ้น 


 


 


“ยังอยากดื่มอีกไหม” คุณแม่ลั่วส่ายหน้า คุณพ่อลั่วจึงวางเหยือกน้ำกลับไปไว้ที่เดิม นั่งลงข้างๆ คุณแม่ลั่ว “อวี้ฮุ่ย ครั้งนี้คุณทำให้ผมตกใจจริงๆ” 


 


 


ตอนคุณพ่อลั่วรับสายโทรศัพท์แล้วได้ยินว่าคุณแม่ลั่วตกบันได ตอนนั้นหัวใจเขาแทบหยุดเต้น พอถึงโรงพยาบาลคุณหมอก็บอกว่าคุณแม่ลั่วยังไม่ฟื้น เขาเฝ้าจนถึงตอนนี้ ข้าวก็ไม่มีอารมณ์จะกิน น้ำก็ไม่คิดอยากจะดื่ม 


 


 


ตอนนี้คุณแม่ลั่วยังปวดหัวอยู่ แม้อยากจะคุยกับคุณพ่อลั่วมากแค่ไหน แต่ติดตรงที่ไม่มีกำลังพอ คุณพ่อลั่วก็รู้ดีว่าตอนนี้คุณแม่ลั่วต้องการพักผ่อน “อวี้ฮุ่ย คุณนอนพักก่อนเถอะ ผมไม่กวนคุณแล้ว รอให้คุณดีขึ้นกว่านี้ก่อน พวกเรายังมีเวลาคุยกันอีกมาก” 


 


 


คุณแม่ลั่วพยักหน้าก่อนจะหลับตาลง เพียงไม่กี่นาทีก็หลับไป คุณพ่อลั่วกวักมือเรียกลั่วเซ่าเชิน ลั่วเซ่าเชินเดินตามคุณพ่อลั่วออกมานอกห้องผู้ป่วย คุณพ่อลั่วเห็นคุณแม่ลั่วหลับสบาย จึงไม่อยากพูดคุยเสียงดังในห้อง “เซ่าเชิน ตกลงว่าเรื่องของถังโจวโจว แกจะทำยังไง” 


 


 


ครั้งนี้ถังโจวโจวก่อเรื่องใหญ่ขึ้น มันเป็นไปไม่ได้ที่คุณพ่อลั่วจะให้อภัยเธอ เมิ่งชิงซีรู้ ลั่วเซ่าเชินก็รู้ ดังนั้น ลั่วเซ่าเชินจึงให้ถังโจวโจวกลับบ้านถังไปก่อน เพราะลั่วเซ่าเชินเชื่อว่า พ่อของเขาคงจะไม่ตามไปเอาเรื่องถึงบ้านตระกูลถังแน่ 


 


 


ถ้าคุณแม่ลั่วไม่ฟื้นขึ้นมาอีก เรื่องนั้นก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ตอนนี้คุณแม่ลั่วฟื้นขึ้นมาแล้ว แล้วก็ดูเป็นสัญญาณที่ดีด้วย ดังนั้น ความเกลียดชังในใจคุณพ่อลั่ว เขาก็หวังว่ามันคงจะลดน้อยลง 


 


 


“พ่อครับ ผมส่งเธอกลับบ้านไปแล้ว” 


 


 


ถ้าคุณแม่ลั่วได้ยินคำนี้ แม้ในใจจะยังไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็คงดีใจอยู่บ้าง ลั่วเซ่าเชินจึงพูดโน้มน้าวต่อ “พ่อครับ ตอนนี้คุณแม่ก็ฟื้นแล้ว และเรื่องนี้ก็เป็นอุบัติเหตุ…” 


 


 


“เซ่าเชิน ลูกคิดว่าพ่อเป็นเด็กสามขวบเหรอ แม่ของลูกเป็นผู้ใหญ่ ถังโจวโจวก็เป็นผู้ใหญ่ อุบัติเหตุอย่างนั้นเหรอ ลูกคิดจะหลอกใคร? หลอกตัวเองยังไม่พอหรือไง” คำพูดคุณพ่อลั่วทำให้ลั่วเซ่าเชินโต้เถียงไม่ได้อีก เขาทำได้แค่ก้มหน้ารับคำต่อว่าของคุณพ่อลั่ว 


 


 


“เซ่าเชิน พ่อไม่ได้อยากบังคับหรอกนะ เพียงแต่เรื่องครั้งนี้เกี่ยวพันกับชีวิตของแม่ ลูกไม่ควรปกป้องเธออีกแล้ว เลิกกับเธอไปเถอะ แบบนี้จะดีกับทุกคน…” น้ำเสียงคุณพ่อลั่วราวกับแก่ขึ้นอีกสิบปี และเขารู้สึกเจ็บปวดจนไม่สามารถทนได้หากในอนาคตต้องเกิดเรื่องกับคุณแม่ลั่วแบบนี้อีก 


 


 


“พ่อครับ…” 


 


 


“เอาละ ไม่ต้องพูดแล้ว พ่อจะรอดูผลลัพธ์” คุณพ่อลั่วไม่อยากคุยเรื่องของถังโจวโจวอีก 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 233 สิ่งเล็กน้อยจากลั่วเซ่าเชิน 


 


 


หวังหวาพาถังโจวโจวไปส่งที่คฤหาสน์หลังเล็ก “คุณผู้หญิง ผมจะรอคุณผู้หญิงอยู่ตรงนี้นะครับ อีกเดี๋ยวผมจะไปส่งคุณผู้หญิงกลับบ้านตระกูลถัง” หวังหวาพูดอย่างเคารพ ยืนอยู่หน้าประตูรถ ถังโจวโจวพยักหน้าและเดินเข้าไปในบ้าน 


 


 


ป้าหลิวเห็นถังโจวโจวกลับมา จึงรีบไปต้อนรับ “คุณผู้หญิง ทำไมถึงกลับมาเร็วนักล่ะคะ ไม่ใช่ว่าไปกินข้าวที่บ้านลั่วหรือคะ” 


 


 


ถังโจวโจวไม่ตอบ ป้าหลิวสังเกตเห็นว่าสีหน้าของถังโจวโจวไม่ค่อยสบายใจ ป้าหลิวรีบเข้าไปประคองเธอ “คุณผู้หญิง กินอะไรมาหรือยังคะ ให้ฉันทำอะไรให้กินไหม” 


 


 


จู่ๆ ถังโจวโจวก็หยุดเดิน หันไปมองป้าหลิวและพูดว่า “ไม่ต้องค่ะ ป้าหลิว ขอบคุณที่เป็นห่วง แต่ตอนนี้ฉันไม่อยากกิน” 


 


 


ป้าหลิวเห็นถังโจวโจวดึงมือตัวเองออกจากมือของเธอ เดินขึ้นชั้นบนไปทีละก้าว เธอได้แต่มองตามและบ่นเสียงเบาว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น” 


 


 


ถังโจวโจวกลับถึงห้อง มองไปยังที่ที่คุ้นเคย อีกไม่นานเธอคงต้องออกไปจากที่นี่แล้ว ถูกไล่ออกครั้งนี้ทำให้หัวใจของเธอเจ็บปวดมาก 


 


 


ถังโจวโจวนั่งลงข้างเตียง ลูบผ้าปูเตียงสีชมพูตรงหน้า ตอนแรกลั่วเซ่าเชินไม่ยอม ถังโจวโจวต้องขอร้องถึงสามครั้งกว่าเขาจะยอมให้เปลี่ยนจากสีดำมาเป็นสีนี้ได้ คิดถึงช่วงเวลาที่เธอได้อยู่กับลั่วเซ่าเชิน ถังโจวโจวก็ยิ้มออกมา 


 


 


ทุกอย่างในห้องนี้ของลั่วเซ่าเชินถูกแทนที่ด้วยตัวตนของเธอ เขายอมทิ้งสิ่งคุ้นชินของเขา เอาสิ่งที่เธอชอบเข้ามา ถังโจวโจวสัมผัสขวดเครื่องสำอางบนโต๊ะเครื่องแป้ง ถังโจวโจวไม่ได้ชอบของพวกนี้ แต่ลั่วเซ่าเชินก็สั่งให้คนซื้อมาเตรียมไว้ให้ 


 


 


ไม่ว่าถังโจวโจวจะใช้หรือไม่ใช้ มันก็จะตั้งอยู่ที่นี่เสมอ และเมื่อถึงเวลา มันก็จะถูกทิ้งและสับเปลี่ยนไป พื้นที่บนโต๊ะนี้ไม่เคยว่างเลย ตู้เสื้อผ้าก็ด้วย แต่ละฤดูกาลจะมีคนส่งเสื้อผ้ามาให้ถังโจวโจวเลือกมากมาย 


 


 


เดิมทีถังโจวโจวชอบความรู้สึกที่ได้ไปเลือกซื้อเองที่ห้างสรรพสินค้ามากกว่า แต่ของพวกนี้ล้วนเป็นของที่ลั่วเซ่าเชินคิดว่าเหมาะกับเธอ และจัดวางไว้ให้ในตู้ ในทุกฤดูกาลจะมาปรากฏอยู่ในตู้ของถังโจวโจวไม่เคยขาด 


 


 


ถังโจวโจวสัมผัสเสื้อผ้าทีละตัว บางตัวแม้แต่ป้ายก็ยังไม่ได้เอาออกเลย ถังโจวโจวเห็นสิ่งของเหล่านี้แล้ว อดไม่ได้ที่จะดึงเข้ามาโอบกอด “ฮือๆๆ…” 


 


 


เธอพิงกำแพงและค่อยๆ เลื่อนตัวลง มือหล่นลงบนพรมผืนนุ่ม พรมสีฟ้าที่ลั่วเซ่าเชินสั่งทำขึ้นมาโดยเฉพาะ เพราะถังโจวโจวมักลืมใส่รองเท้า เดินไปเดินมาบ่อยๆ เขาก็กลัวว่าเธอจะไม่สบายเอาได้ 


 


 


ถังโจวโจวมองดูสถานที่เล็กๆ แห่งนี้ แม้บางอย่างมันดูไม่สำคัญ แต่เขาก็ยังจัดเตรียมไว้ ยิ่งทำให้ถังโจวโจวเจ็บปวด 


 


 


นั่นคือความแตกต่างระหว่างคุณกับคนอื่นๆ ใช่ไหม เมื่อเธออยากจะตีตัวออกห่าง ลั่วเซ่าเชินก็ไม่ยอม ต้องตามหาเธอ พาเธอกลับมาจนได้ แต่พอตอนนี้เธอไม่อยากไป ก็กลับถูกลั่วเซ่าเชินบังคับให้ออกไป นี่คือสิ่งที่โชคชะตาต้องการให้เกิดกับเธอหรือ? 


 


 


ความคิดของถังโจวโจวสับสนไปหมด ก๊อกๆๆ “คุณผู้หญิง คุณอยู่ข้างในไหมคะ ผู้ช่วยหวังบอกว่าเขารอคุณอยู่น่ะค่ะ” เป็นเสียงของป้าหลิว ถังโจวโจวหยุดร้องไห้ จริงสิ หวังหวายังรออยู่หน้าบ้านนี่นะ ไม่มีเวลามาร้องไห้แล้ว… 


 


 


“ค่ะ ฉันรู้แล้ว” ถังโจวโจวตอบเสียงเบา เธอไม่รู้ว่าป้าหลิวได้ยินไหม แต่เธอก็ไม่ได้ยินเสียงป้าหลิวอีก 


 


 


ถังโจวโจวเช็ดน้ำตา แล้วพูดกับตัวเอง “ถังโจวโจว เธอจะอ่อนแอไปทำไม แค่กลับไปอยู่บ้านไม่กี่วันเท่านั้นเอง สิ่งสำคัญตอนนี้คือเธอมีโอกาสได้อยู่กับพ่อแม่พร้อมหน้าไม่ใช่หรือ” 


ตอนที่ 234 ส่งถังโจวโจวกลับบ้าน 


 


 


ถังโจวโจวเรียกสติกลับมา ปลอบตัวเอง ไม่มีอะไรที่เป็นอุปสรรคสำหรับเรา จากนั้นเธอก็หันไปสนใจกระเป๋าสัมภาระ 


 


 


ถังโจวโจวเอากระเป๋าตัวเองออกมากาง เก็บเสื้อผ้าทีละตัวๆ เธอคิดว่าเธอคงไม่ได้กลับมาที่บ้านนี้อีกแล้ว ถังโจวโจวเก็บเสื้อผ้าให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ยกพื้นที่คืนให้กับลั่วเซ่าเซินไปเต็มๆ 


 


 


ท้ายที่สุด เธอหันไปมองห้องที่คุ้นเคยที่เธออาศัยอยู่มานานโดยรอบอีกครั้ง ถังโจวโจวไม่ได้ปิดประตูห้อง ป้าหลิวเห็นถังโจวโจวถือกระเป๋าออกมาก็ร้อนใจ “คุณผู้หญิง คุณจะทำอะไรคะ มีเรื่องอะไรรอคุณผู้ชายกลับมาก่อนแล้วค่อยคุยกันได้ไหมคะ” 


 


 


ป้าหลิวขวางถังโจวโจวไว้ไม่ให้เธอไป ถังโจวโจวมองป้าหลิวที่มีท่าทางร้อนรน พลันรู้สึกอบอุ่นในใจ เธอวางกระเป๋าในมือลงแล้วตรงเข้าไปกอดป้าหลิวไว้แน่น 


 


 


“ป้าหลิวคะ ฉันต้องไปจากที่นี่สักพัก ป้าไม่ต้องห่วงนะ เซ่าเซินรู้เรื่องนี้แล้ว ช่วงนี้ฉันรบกวนป้าช่วยดูแลพวกเขาด้วย ส่วนสัญญาในวันหยุดของป้าคงจะถูกเลื่อนออกไปก่อนนะคะ” 


 


 


ถังโจวโจวคิดถึงแผนการที่เธอกับลั่วเซ่าเชินตั้งใจจะไปเที่ยวก่อนหน้านี้ ตอนนี้คงต้องหยุดไปก่อน ช่วงเวลาของป้าหลิวกับคนในครอบครัว ตอนนี้ถังโจวโจวได้แต่ขอโทษอยู่ในใจ 


 


 


ป้าหลิวได้ยินคำพูดของถังโจวโจวแล้วก็เสียน้ำตา “โธ่ คุณผู้หญิง พูดอะไรอย่างนั้นคะ เรื่องวันหยุดของฉันไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถึงเวลาพวกเขาก็จะมาเยี่ยมฉันเอง …คุณผู้หญิงคะ บอกฉันได้ไหม ครั้งนี้คุณผู้หญิงทะเลาะกับคุณชายหนักเลยหรือคะ” 


 


 


ถังโจวโจวก้มหน้า อยากจะร้องไห้ “ป้าหลิว อย่าถามอีกเลยค่ะ ฉันต้องไปแล้ว ป้าอย่าลืมช่วยฉันดูแลพวกเขาด้วยนะคะ เซ่าเซินคงไม่ทำให้ป้าลำบากใจ” 


 


 


“ค่ะ ป้ารับปาก” แค่เห็นว่าสีหน้าของถังโจวโจวไม่ดีขึ้นเลย ป้าหลิวก็รู้แล้ว เรื่องนี้พวกเขาน่าจะตกลงกันแล้ว จึงรู้ว่าไม่ควรพูดอะไรอีก 


 


 


“คุณผู้หญิง ยังไงก็ดูแลตัวเองด้วยนะคะ” ป้าหลิวมองถังโจวโจวลากกระเป๋าออกจากบ้านไป ยืนน้ำตาไหลอยู่ในห้องนั่งเล่นคนเดียว เมื่อครู่คุณผู้หญิงบอกว่าไม่ต้องออกไปส่งเธอแล้ว เธอกลัวว่าเธอจะร้องไห้อีก 


 


 


ถังโจวโจวลากกระเป๋าเดินทางออกมานอกประตูรั้ว หวังหวาก็รีบเข้าไปช่วยรับกระเป๋ามา “คุณผู้หญิง เรียบร้อยไหมครับ” 


 


 


“ค่ะ” ถังโจวโจวนั่งอยู่บนรถ เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง นี่คือบ้านหลังเล็กของเธอกับลั่วเซ่าเซิน 


 


 


หวังหวาออกรถ รถค่อยๆ ห่างออกไปจากตัวบ้าน เดิมทีถังโจวโจวคิดว่าเธอจะเดินออกจากบ้านด้วยรอยยิ้ม แต่สุดท้ายเธอก็อดน้ำตาไหลไม่ได้ หวังหวานั่งมองจากกระจกมองหลัง ไม่ได้พูดอะไร ทำได้แค่ขับรถไปเงียบๆ 


 


 


รถเคลื่อนมาจอดอยู่บริเวณบ้านตระกูลถัง “คุณผู้หญิงครับ ถึงแล้วครับ” ถังโจวโจวที่หลับตาอยู่ก็ลืมตาขึ้นมอง เพียงไม่นานก็ถึงแล้วหรือนี่ เธอเคยคิดว่าระยะทางจะไกลกว่านี้มาก แต่วันนี้ไม่นานก็ถึงแล้ว ทำให้เธอยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ 


 


 


“ขอบคุณผู้ช่วยหวังนะคะ” 


 


 


“มิได้ครับคุณผู้หญิง เป็นหน้าที่อยู่แล้วครับ ให้ผมช่วยยกกระเป๋าเข้าข้างในไหมครับ” หวังหวาช่วยยกกระเป๋าลงมาจากรถ ถังโจวโจวมองไปที่หน้าต่างบ้านของเธอ ด้านบนยังมีดอกไม้เล็กๆ ของคุณแม่ถังอยู่ 


 


 


อารมณ์เธอค่อยๆ ดีขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหันไปยิ้มให้หวังหวา “ไม่ต้องแล้วล่ะค่ะ ผู้ช่วยหวัง แค่นี้ฉันก็รู้สึกขอบคุณมากแล้ว ฉันไปก่อนนะคะ คุณไม่ต้องส่งแล้วล่ะ” 


 


 


หวังหวามองถังโจวโจวลากกระเป๋าขึ้นไปคนเดียว ไม่ต้องการให้เขาช่วย บางทีเธออาจจะรู้สึกว่ามันน่าอายที่เขาต้องมาเห็นเธอเศร้าอย่างนี้ หวังหวายืนอยู่ที่เดิมเงียบๆ ครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นรถแล้วขับรถออกไป 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 235 ความห่วงใยของคุณแม่ถัง 


 


 


           คุณแม่ถังได้ยินเสียงเปิดประตูจึงเดินไปดู เมื่อประตูเปิดออกแล้วก็พบว่าเป็นถังโจวโจวที่ยืนอยู่หน้าประตูนั้น คุณแม่ถังถามอย่างประหลาดใจ “โจวโจว ทำไมจู่ๆ ก็กลับมาล่ะ แล้วกระเป๋านี่หมายความว่าอะไร” 


 


 


แม้ปากคุณแม่ถังจะถามอยู่ แต่มือก็ช่วยถังโจวโจวลากกระเป๋าเข้ามา “โจวโจว ลูกกลับมาคนเดียวเหรอ เซ่าเชินไม่ได้มาด้วยเหรอ รีบเข้ามาๆ บอกแม่เร็วว่ามันเกิดอะไรขึ้น 


 


 


โจวโจว มานั่งนี่ก่อน” คุณแม่ถังให้ถังโจวโจวนั่งลงบนโซฟา แล้วรีบไปยกน้ำมาให้เธอ เห็นสีหน้าถังโจวโจวไม่สู้ดีแบบนี้ ก็ได้แต่รอให้เธอพูดเอง 


 


 


“แม่คะ แม่อย่าตีโพยตีพายสิคะ หนูแค่กลับมาอยู่บ้านสักพักเอง หรือแม่ไม่อยากให้หนูกลับมาแล้ว?” ถังโจวโจวคิดข้ออ้างมาอย่างดีแล้ว เพื่อไม่ให้คุณแม่ถังเป็นห่วง ดังนั้น เธอจะไม่บอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลลั่วให้คุณแม่ถังฟังเด็ดขาด 


 


 


คุณแม่ถังไม่ตกหลุมพรางของถังโจวโจว “โจวโจว แม่เลี้ยงลูกมาจนโตขนาดนี้ แม่จะไม่รู้เลยหรือว่าลูกกำลังคิดอะไรอยู่ หรือว่าลูกทะเลาะกับเซ่าเชินมาอีกแล้ว ถึงได้ขนข้าวของออกมาจากที่นั่นอย่างนี้” 


 


 


คุณแม่ถังแสดงสีหน้าว่า ‘อย่าโกหกแม่’ แต่เธอก็คงต้องรอให้ถังโจวโจวสบายใจกว่านี้ก่อน 


 


 


“แม่คะ มันไม่ใช่อย่างที่แม่คิดนะ หนูรู้เหมือนกันนะคะว่าแม่กำลังคิดอะไรอยู่ หรือจะให้หนูโทรหาเซ่าเชินไหม แล้วให้แม่พูดกับเขา” 


 


 


“ได้ งั้นลูกโทรเลย แม่จะรอฟัง” คุณแม่ถังเห็นถังโจวโจวเปิดทางมา เธอจึงเริ่มจับพิรุธลูกสาวตามข้อสงสัยของตัวเอง จากนั้นเธอก็เห็นถังโจวโจวหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เตรียมกดเบอร์ของลั่วเซ่าเชิน คุณแม่ถังจึงห้ามไว้ “เอาละ พอแล้ว แม่เชื่อแล้ว ไม่ต้องโทรหรอก” 


 


 


ถังโจวโจวทำตามคำพูดของคุณแม่ถังแต่โดยดี เก็บโทรศัพท์กลับลงกระเป๋า คุณแม่ถังเข้าใจแล้ว แค่เห็นถังโจวโจวเอาโทรศัพท์ออกมา คุณแม่ถังก็ไม่สงสัยในประเด็นนั้นอีก เธอเป็นแม่ของถังโจวโจว มีหรือจะไม่รู้ว่าลูกสาวตนเป็นอย่างไร 


 


 


“แล้วลูกเอากระเป๋าเดินทางมาทำไม” เมื่อครู่ที่คุณแม่ถังเห็นกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ใบนั้น คำถามก็ผุดขึ้นมากมาย 


 


 


“เอ่อ… ก็หนูกะว่าจะกลับมาอยู่ที่บ้านสักพักหนึ่ง หนูก็เลยขนเสื้อผ้ามาน่ะสิคะ” 


 


 


คุณแม่ถังตีแขนเธอเบาๆ “แล้วที่บ้านนี้ไม่มีเสื้อผ้าของลูกหรือยังไง นี่ลูกไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม ถ้าเซ่าเชินคิดว่าลูกหนีออกจากบ้านแล้วจะทำยังไง” 


 


 


“ไม่หรอกค่ะ เขารู้ว่าหนูมาที่นี่ แม่คะ แม่อย่าเพิ่งคิดมากได้ไหม หนูยังไม่ได้กินข้าวเลย แม่รีบไปทำอะไรให้หนูกินก่อนเถอะค่ะ” ถังโจวโจวดึงคุณแม่ถังขึ้น ดันเธอเข้าไปในห้องครัว 


 


 


คุณแม่ถังได้ยินว่าถังโจวโจวยังไม่กินข้าวก็ร้อนรนขึ้นมาทันที รีบหันไปมองดูเวลา “จนป่านนี้แล้ว ทำไมลูกยังไม่กินข้าวอีก หรือลูกไปทำอะไรไม่ดีมา” ถึงแม้ว่าคำพูดของคุณแม่ถังจะไม่ค่อยน่าฟัง แต่ก็เต็มไปด้วยความปรารถนาดี 


 


 


ถังโจวโจวเข้าใจว่าคุณแม่ถังเป็นห่วงสุขภาพของเธอ เธอเข้าไปกอดคุณแม่ถังและออดอ้อนเป็นเด็กๆ “แม่คะ แม่รีบเข้าครัวเถอะ ท้องหนูหิวจะแย่แล้ว” 


 


 


รอจนกระทั่งคุณแม่ถังเข้าไปในห้องครัวแล้ว รอยยิ้มของถังโจวโจวก็จางหายไป เธอทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา ถังโจวโจวมองโทรศัพท์มือถือ ไม่มีเสียงโทร ไม่มีข้อความ นั่นสินะ ตอนนี้เซ่าเชินคงดูแลคุณแม่อยู่ แล้วเขาจะมีเวลามาสนใจเธอได้ยังไง 


 


 


“โจวโจว บะหมี่มาแล้ว” คุณแม่ถังยกชามบะหมี่มาวางไว้ตรงหน้าถังโจวโจว ในชามมีเครื่องมากมาย “แม่ใช้ซุปทั้งหมดที่เหลือจากมื้อกลางวัน ลูกรีบกินสิ พอจะถูกปากไหม” 


 


 


เธอเห็นถังโจวโจวตักเข้าปากคำใหญ่ คุณแม่ถังจึงเอ่ยเตือนอย่างร้อนรน “ระวังร้อน! ลูกก็ไม่บอกแม่ให้เร็วกว่านี้ ถ้าแม่รู้เร็วกว่านี้ว่าลูกจะกลับมาก็คงดี เพราะว่าพ่อของลูกไม่อยู่บ้าน แม่เพิ่งนั่งกินข้าวเที่ยงคนเดียวไปเมื่อกี้นี้เอง” 


ตอนที่ 236 ไต่ถาม 


 


 


“แม่คะ ไม่ว่าแม่ทำอะไรก็ต้องอร่อยแน่นอนอยู่แล้ว” ถังโจวโจวชิมไปหนึ่งคำ ก็ทำให้รู้สึกหิวมากกว่าเดิมทันที รีบตักเข้าปาก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คุณแม่ถังรู้สึกว่าถังโจวโจวต้องหิวมากแน่ๆ 


 


 


“ไหนบอกมาซิว่าทำไมลูกถึงไม่รู้จักหาอะไรกิน พอหิวจนปวดท้อง ลูกจะทรมานมาก จำไม่ได้หรือไง” ถังโจวโจวกินบะหมี่ไป คุณแม่ถังก็สั่งสอนไปพลาง เมื่อก่อนถังโจวโจวเคยรู้สึกว่าเสียงพร่ำบ่นนี้ช่างน่าเบื่อ แต่วันนี้กลับไพเราะน่าฟังเหลือเกิน 


 


 


“แม่คะ ที่แม่พูดมาทั้งหมดหนูรู้แล้ว ครั้งหน้าหนูจะจำไว้ค่ะ” บะหมี่หนึ่งชามถูกถังโจวโจวกินจนหมดในเวลาอันรวดเร็ว คุณแม่ถังรับชามกลับมา เธอรู้ดีว่าตอนนี้เธอพูดอะไรไป ถังโจวโจวก็คงทำหูทวนลม 


 


 


ถังโจวโจวเห็นคุณแม่ถังไม่ซักไซ้ถามเธออีก เธอจึงลากกระเป๋าเข้าห้องไป ถังโจวโจวสูดลมหายใจลึกๆ แล้วทิ้งตัวนอนลงบนเตียง แค่ปิดตาเท่านั้น ถังโจวโจวก็ผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว 


 


 


เมื่อถังโจวโจวตื่นขึ้นมาก็ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว คุณพ่อถังก็กลับมาแล้ว ถังโจวโจวเดินออกมาจากห้องนอน พลันได้ยินเสียงทักทายมา “โจวโจว กลับมาแล้วเหรอ” 


 


 


เห็นคุณพ่อถังไม่ประหลาดใจสักเท่าไร ถังโจวโจวจึงเดาว่าคุณแม่ถังคงจะเล่าให้ฟังหมดแล้ว “พ่อคะ หนูกลับมาอยู่เป็นเพื่อนพ่อ พ่อไม่ดีใจเหรอ” 


 


 


ถังโจวโจวลูบท้องคุณพ่อถัง เอนซบใบหน้าลงบนไหล่คุณพ่อถังพลางออดอ้อน คุณพ่อถังหัวเราะลั่น “ดีใจสิ แค่โจวโจวกลับมา พ่อก็ดีใจหมดนั่นแหละ แต่ลูกต้องบอกพ่อมาตามตรงว่าเกิดอะไรขึ้น” 


 


 


คุณพ่อถังเคยคิดฝันว่า ถ้าถังโจวโจวอยู่เป็นเพื่อนเขาตลอดไปได้ก็คงดี แต่เขาก็เข้าใจ ถังโจวโจวแต่งงานออกไปแล้ว ก็เป็นคนของบ้านอื่นแล้ว เขาจะยังทำเหมือนว่าถังโจวโจวเป็นเด็กอยู่ก็คงไม่ได้ ไม่มีทางที่เธอจะอยู่กับพ่อไม่จากไปไหนได้อีก 


 


 


เดิมทีถังโจวโจวคิดว่าคุณพ่อถังน่าจะไม่ถามถึงเรื่องนี้ เธอจึงกลอกตาเล็กน้อย “พ่อคะ แม่ให้พ่อมาถามหนูใช่ไหม หนูบอกแม่ไปหมดแล้วนี่คะ” ถังโจวโจวนั่งลงข้างๆ หยิบรีโมทมาเปิดทีวี มีรายการวาไรตี้โชว์ในโทรทัศน์ 


 


 


ถังโจวโจวดูโทรทัศน์อย่างเพลิดเพลินใจ คุณพ่อถังเห็นเธอแสร้งทำเป็นสนใจรายการนั้น จึงวางแก้วชาในมือลง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “โจวโจว ไม่ใช่แม่ให้มาถาม พ่ออยากรู้เอง ช่วงนี้ลูกกับเซ่าเชินเป็นยังไงบ้าง” 


 


 


คุณพ่อถังไม่ใช่ผู้ใหญ่ที่ไร้เหตุผล เพียงแต่ในเมื่อถังโจวโจวเป็นสะใภ้ของตระกูลลั่วแล้ว คุณพ่อถังก็ไม่สามารถก้าวก่ายได้อีก และไม่ควรไปยุ่งเรื่องในครอบครัวของลูกสาว ตั้งแต่ครั้งนั้นที่พบหน้าคุณพ่อคุณแม่ลั่ว คุณพ่อถังก็จำต้องอดทน เพราะอยากให้ชีวิตคู่ของถังโจวโจวมีแต่ความสุข 


 


 


“ไม่มีเรื่องอะไรหรอกค่ะ พ่อคะ พ่อคิดมากไปแล้ว” ถังโจวโจวหยิบส้มขึ้นมาผลหนึ่ง แกะเปลือกออก แล้ววางลงในมือของคุณพ่อถัง จากนั้นเธอก็แกะเปลือกส้มอีกผลหนึ่งและป้อนเข้าปากของตัวเอง 


 


 


“โจวโจว พ่อแค่อยากถามว่าลูกเป็นอะไรก็เท่านั้นเอง” คุณพ่อถังสังเกตได้ว่า เมื่อใดก็ตามที่ถังโจวโจวกลับมาบ้านล้วนแต่มีปัญหา ครั้งที่เธอหนีออกจากบ้าน ปฏิกิริยาตอบสนองของเธอก็ไม่ได้สงบนิ่งเหมือนครั้งนี้ คุณพ่อถังจึงไม่เชื่อว่าไม่มีปัญหาอะไร 


 


 


ถังโจวโจวยังคงไม่ยอมพูดความจริง “พ่อคะ ไม่มีอะไรจริงๆ หนูขอไปดูแม่ก่อนนะคะว่าแม่ทำของอร่อยอะไร” ถังโจวโจววางส้มในมือที่กินไปแค่ครึ่งเดียวลง ก่อนจะหนีเข้าไปในห้องครัว หวังว่าพอเธอกับแม่ออกมาแล้ว คุณพ่อถังจะข้ามคำถามนี้ไป 


 


 


“แม่คะ หนูมาดูว่าแม่จะทำอะไรให้หนูกิน” ถังโจวโจวเข้าไปในห้องครัว เพื่อดูว่าคุณแม่ถังกำลังเตรียมอาหารอะไรบ้าง 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 237 ส่งข้อความ 


 


 


“เดี๋ยวแม่ก็ออกไปแล้ว ไม่นานก็ทำเสร็จแล้วล่ะ” คุณแม่ถังไม่ได้หันไปมอง เธอไม่มีเวลาสนใจถังโจวโจวตอนนี้ 


 


 


อันที่จริงถังโจวโจวแค่ไม่อยากจะคุยกับคุณพ่อถังตอนนี้ “แม่คะ หนูยืนรอแม่อยู่ที่นี่แหละ คงไม่เกะกะใช่ไหมคะ” 


 


 


คุณแม่ถังยกจานอาหารที่ปรุงเสร็จแล้วออกไปจากห้องครัว ถังโจวโจวก็ช่วยหยิบชามกับตะเกียบไปที่โต๊ะ “แม่คะ อาหารมีแค่นี้ใช่ไหมคะ” 


 


 


“ใช่ กินได้แล้ว” 


 


 


“พ่อคะ กินข้าวค่ะ” ถังโจวโจวเรียกคุณพ่อถังที่นั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา 


 


 


ครอบครัวถังสามคนนั่งกินข้าวด้วยกันอย่างครึกครื้น คุณพ่อคุณแม่ถังไม่ได้ถามถังโจวโจวถึงลั่วเซ่าเชินอีก ด้วยกลัวว่าจะกระทบจิตใจถังโจวโจวเอาได้ อาจเพราะรู้สึกว่าบรรยากาศกำลังดี ไม่อยากทำลายความสุขนี้ แต่ไม่ว่าคุณพ่อคุณแม่ถังจะคิดอย่างไร ผู้ที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดก็คือถังโจวโจว 


 


 


 


 


 


ลั่วเซ่าเชินเห็นคุณแม่ลั่วฟื้นแล้ว ในที่สุดก็โล่งอกได้เสียที เขายังไม่กล้าพูดถึงถังโจวโจวต่อหน้าคุณแม่ลั่ว เพราะกลัวคุณพ่อลั่วจะโกรธขึ้นมา ซึ่งอารมณ์ของพวกท่านก็คาดเดาได้ยากเหลือเกิน 


 


 


ลั่วเซ่าเชินพาลั่วอิงกลับบ้าน ป้าหลิวก็รีบออกมาต้อนรับ “คุณชาย คุณหนู กลับมาแล้วหรือคะ” 


 


 


“ป้าหลิวคะ แม่โจวโจวกลับไปบ้านคุณยายแล้วหรือคะ” ลั่วอิงอยากให้ป้าหลิวให้คำตอบที่เธอต้องการ เธอไม่อยากให้ถังโจวโจวจากไป แต่น่าเสียดายที่เธอต้องผิดหวัง 


 


 


“คุณหนู คุณผู้หญิงลากกระเป๋าออกไปแล้วค่ะ” ป้าหลิวนึกถึงสถานการณ์ที่ไม่เต็มใจของถังโจวโจวขึ้นมา เธอหันไปมองลั่วเซ่าเชิน หวังจะได้เบาะแสจากสีหน้าของเขา 


 


 


ลั่วเซ่าเชินได้ยินแล้วว่าถังโจวโจวลากกระเป๋าออกไป แต่ก็ไม่แสดงสีหน้าอะไร “ลั่วอิง รีบขึ้นไปข้างบนเถอะ ป้าหลิวช่วยอาบน้ำให้ลั่วอิง แล้วให้เธอเข้านอนด้วยนะครับ” 


 


 


“คุณพ่อขา แต่หนูยังไม่ง่วงเลยนะคะ” ลั่วอิงขมวดคิ้ว ตอนนี้เธอยังไม่อยากนอนเสียหน่อย แม่โจวโจวก็ไม่อยู่บ้าน แม่โจวโจวลากกระเป๋าออกไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะไม่กลับมาอีกเลยหรือเปล่า 


 


 


“ลั่วอิง ลูกขึ้นไปกับป้าหลิวเดี๋ยวนี้” ลั่วเซ่าเชินแสดงสีหน้าจริงจังให้ลั่วอิงกลัว 


 


 


ลั่วอิงถอยหลังไปสองก้าว ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย ป้าหลิวเห็นแล้วก็ปวดใจ ตรงเข้าไปกอดเธอไว้ทันที “คุณหนู คุณผู้ชายอารมณ์ไม่ค่อยดี คุณหนูขึ้นไปกับป้าก่อนดีไหมคะ” 


 


 


“ค่ะ” ลั่วอิงก้มหน้า ลั่วเซ่าเชินไม่แม้แต่จะมองหน้าของเธออีก มือเล็กๆ ของเธอถูกป้าหลิวจูงไป แม้ใจของเธอจะต่อต้านแต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ ป้าหลิวพาเธอขึ้นไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว 


 


 


ลั่วเซ่าเชินหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ไม่เห็นสิ่งที่ตัวเองอยากเห็น หน้าจอว่างเปล่า ลั่วเซ่าเชินนั่งมองโทรศัพท์ที่ไม่มีอะไรปรากฏ 


 


 


ถังโจวโจวกินข้าวเย็นกับคุณพ่อคุณแม่ถังเสร็จ เธอก็กลับห้องของตัวเอง มองดูหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่ไม่มีแจ้งเตือนว่าใครโทรเข้ามา โดยเฉพาะชื่อของคนที่เธออยากเห็นมากที่สุด จิตใจของถังโจวโจวหดหู่ลง เธอนั่งครุ่นคิดอยู่บนเตียงว่าเธอควรจะทำอย่างไรต่อไปดี 


 


 


หรือจะส่งข้อความหาเซ่าเชินก่อน ถามว่าคุณแม่เป็นยังไงบ้าง แบบนี้เธอก็จะได้ไม่ต้องรู้สึกค้างคาในใจอีก ความคิดนี้ไม่เลว ถังโจวโจวจึงทำตามที่คิดทันที 


 


 


[เซ่าเชิน คุณยุ่งอยู่หรือเปล่า] ถังโจวโจวแตะนิ้วลงบนหน้าจอเบาๆ และรอให้ลั่วเซ่าเชินตอบเธอกลับมาอย่างอดทน 


 


 


ลั่วเซ่าเชินอยู่ในห้องหนังสือ จู่ๆ โทรศัพท์มือถือก็มีเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้า เขาหยิบขึ้นมาดู พบว่าถังโจวโจวส่งข้อความมา หลังจากเขาอ่านเนื้อความแล้ว เขาก็ตอบกลับทันที 


 


 


[ไม่ยุ่ง มีอะไรเหรอ] ลั่วเซ่าเชินมองดูกองเอกสารตรงหน้า พลันลูบหน้าผากของตัวเอง นี่ถือว่างานยุ่งไหมนะ 


 


 


ถังโจวโจวเห็นลั่วเซ่าเชินตอบกลับมาก็ยิ้มอย่างมีความสุข ลั่วเซ่าเชินยังยอมพูดกับเธออยู่ 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม