จอมใจจ้าวพิษ 228-235

 ตอนที่ 228 ชิงช้า 


 

 


คำว่าขู่ นับว่าใช้ได้เหมาะ เพราะอย่างไรถังเฉียนก็ไม่คิดจะพูดเอาใจนาง 


 


 


“เมื่อครู่ข้าถามพี่เถิงอวิ๋น เขาบอกว่าผู้หญิงคนก่อนของเถิงเฟิงก็ชื่ออาหรูน่า เจ้ารู้จักนางหรือไม่” 


 


 


เดิมทีคิดว่าถังเฉียนจะรู้สึกลำบากใจ แต่นางกลับถามออกมาตรงๆ เลย ทำให้เหวินเยียนไม่รู้ว่าควรจะพูดดีหรือไม่ และไม่รู้ว่าควรจะพูดตามความจริงหรือไม่ 


 


 


“คุณหนูอาหรูน่า คุณชายใหญ่บอกสิ่งใดแก่ท่าน” 


 


 


ถังเฉียนนั่งลง ปล่อยเสี่ยวจินออกไปเฝ้าประตู ป้องกันไม่ไห้นางหนีไป แล้วพูดว่า 


 


 


“เขาเล่าคร่าวๆ แต่เขาบอกว่าเขาเป็นผู้ชาย บางเรื่องก็ไม่รู้ นี่เป็นเรื่องในเรือนของน้องชายเขา เขารู้เรื่องพวกนี้น้อยกว่าเจ้า นั่งลง…” 


 


 


เหวินเยียนดูที่นั่งที่ถังเฉียนชี้บอก แต่ไม่กล้านั่งลง นางยืนตรงหน้าถังเฉียน สอบถามดูว่าเถิงอวิ๋นเผยอะไรไปบ้าง 


 


 


“คุณชายใญ่…” 


 


 


“เล่าเรื่องชิงช้านั่นก่อน” 


 


 


เมื่อเหวินเยียนได้ฟังที่นางพูดก็รู้ว่านางรู้แล้วจริง จึงพูดอย่างระวังตัวว่า 


 


 


“แม่นางข้าจะบอกท่าน แต่ท่านอย่าบอกคุณชายรองเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นข้า…” 


 


 


“เจ้าต้องการอะไร วันหลังไม่ต้องขอจากเขา เจ้ามาหาข้า บ้านข้าอยู่ข้างนอก ส่งของมาให้เจ้าได้ เอาของมาให้เจ้าสะดวกกว่าเขามากจริงหรือไม่ ข้าไม่ใช่คนโง่ ถ้ามีคนบอกความจริงกับข้า ข้าจะขายคนผู้นั้นหรือ ข้าจะรับประกันให้เจ้าสูงศักดิ์ร่ำรวย วันหน้าเราจึงจะพึ่งพากันได้” 


 


 


เหวินเยียนพยักหน้าทันที แล้วพูดว่า 


 


 


“ขอบคุณคุณหนูอาหรูน่า ท่านวางใจเถอะ เหวินเยียนย่อมเล่าทุกอย่างที่รู้ อย่างไรก็เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ผู้ใดก็ย่อมมองออกว่าเวลานี้ท่านเป็นคนในหัวใจของคุณชายรอง” 


 


 


ถังเฉียนฟังที่นางเยินยอ ก็รู้สึกอึกอัดใจ 


 


 


“ผู้หญิงคนนั้นชื่ออาหรูน่าจริง แต่เป็นชื่อที่คุณชายรองเปลี่ยนให้นางภายหลัง เดิมนางเป็นสาวใช้ที่คอยรับใช้คุณชายรอง เนื่องจากคุณชายรองสุขภาพไม่แข็งแรง นางคอยต้มยาให้คุณชายรองทุกวัน คุณชายรองจึงประทับใจในตัวนาง ต่อมานางฉลองวันเกิด รู้สึกว่าชื่อตัวเองไม่เพราะ จึงขอให้คุณชายรองตั้งชื่อให้นาง คุณชายรองจึงเรียกนางว่าอาหรูน่า” 


 


 


ถังเฉียนฟังแล้วรู้สึกว่าเถิงเฟิงน่าจะมีความรู้สึกพิเศษต่อชื่ออาหรูน่านี้ เดิมนางคิดว่าเขาตั้งชื่อนี้เพื่อตัวนางโดยเฉพาะ แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะชอบชื่ออาหรูน่านี้ นางรู้สึกเสียใจบ้าง แต่ว่าวันนี้ยังเสียใจน้อยไปอีกหรือ 


 


 


“คุณชายรองได้ชื่อว่าเข้ากับผู้หญิงได้ดี ปกติชอบพูดคุยและเล่นกับพวกเรา เพราะเขากับคุณชายใหญ่อายุต่างกันมาก จึงมีความผูกพันกับคุณชายใหญ่อย่างพื้นๆ ได้ยินว่าตอนนั้นฮูหยินรักและเอ็นดูอาหรูน่า ถือว่านางเป็นว่าที่ฮูหยิน แต่ไม่รู้ว่าภายหลังเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ อาหรูน่าก็ป่วย จากนั้นก็หายไป น่าสงสารมาก” 


 


 


ถังเฉียนได้ฟังเช่นนี้รู้สึกว่าอาหรูน่าคนก่อนเป็นคนที่น่าสงสาร แล้วดูท่าทางเหวินเยียน คงต้องปิดบังบางอย่างไว้ ถังเฉียนจึงยิ้มแล้วว่า  


 


 


“นางถูกฝังอยู่หลังเขาใช่หรือไม่ รู้หรือไม่ว่านางตายเพราะเหตุใด” 


 


 


เหวินเยียนตอบว่า 


 


 


“ป่วยตายเจ้าค่ะ แต่ไม่รู้ว่าป่วยเป็นอะไร แต่หลังจากนั้นนิสัยคุณชายรองก็เปลี่ยนไป ไม่ชอบเล่นสนุกกับพวกเราแล้ว บางครั้งพูดกับข้าแค่สองสามคำ มักคอยเลี่ยงผู้คน เหมือนกลัวถูกคนอื่นพบเห็น” 


 


 


ถังเฉียนยิ้มหยัน นางกลับรู้สึกว่าไม่ใช่เถิงเฟิงกลัวคนพบเห็น เกรงว่าเหวินเยียนจงใจพูดออกมาเพื่อให้ตนไม่คิดมาก แววตาเหวินเยียนเจิดจ้าเล็กน้อย น่าจะเป็นคำพูดโกหกที่แต่งขึ้นต่อหน้านาง 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 229 น่าสงสาร 


 


 


 


 


 


“อย่างนั้นหรือ คิดว่าเหวินเยียนเองก็น่าจะเป็นคนพิเศษ สรุปแล้วเขาคงไม่ปฏิบัติต่อสาวใช้สองสามคนในเรือนเช่นนี้ เจ้าถึงหยิ่งจองหองอย่างร้ายกาจ ข้าเองจะอย่างไรก็ได้ แต่ไม่ชอบให้ใครโกหก” 


 


 


ใบหูเหวินเยียนสั่นเล็กน้อย จากนั้นก็คุกเข่าลงทันที 


 


 


“คุณหนูอาหรูน่า ข้าแค่คุยกับคุณชายรองสองสามคำ ท่านอย่าเข้าใจข้าผิดเด็ดขาด ข้าไม่ได้ยั่วยวนคุณชายรองจริงๆ บ่าวไม่มีวาสนาเช่นนั้น” 


 


 


เหวินเยียนคุกเข่าอยู่กับพื้น ดึงชายกระโปรงถังเฉียนไว้ ทำให้นางรู้สึกอึดอัด พอออกแรงเพียงเล็กน้อย นางก็ซวนเซล้มลงบนพื้น แล้วร้องครวญครางทันที 


 


 


“คุณหนูอาหรูน่า ปกติท่านดูเป็นคนมีเมตตา เหตุใดถึงไม่เชื่อข้า ข้าไม่มีความคิดในแง่อื่นกับคุณชายรองจริงๆ ข้าเป็นคนของคุณชายใหญ่ ท่านอย่าทำร้ายข้าเลย…” 


 


 


คำพูดที่เปลี่ยนไปมีความหมาย นางลงมือทำร้ายแล้วหรือ 


 


 


เดิมทีไม่รู้ว่าเหตในางจึงพูดเช่นนี้ แต่ถัดมาเถิงเฟิงก็มาเคาะประตูห้อง กระแอมแล้วพูดว่า 


 


 


“อาหรูน่า สะดวกจะเปิดประตูให้ข้าเข้าไปได้หรือไม่” 


 


 


ถังเฉียนเดินมาเปิดประตู เหวินเยียนนอนหมอบอยู่กับพื้น ท่าทางน่าสงสาร พอเห็นเถิงเฟิงก็ไม่กล้าพูดอะไร เพียงแต่เม้มปากแน่น น้ำตาคลอ 


 


 


“ช่างเป็นสาวงามที่น่าสงสารจริงๆ เจ้ามาพอดี จะมาชื่นชมด้วยกันหรือไม่” 


 


 


เถิงเฟิงเดินเข้ามาในห้อง เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เพียงแต่โบกมือให้เหวินเยียนออกไป แต่ถังเฉียนกลับปิดประตูดังปัง ทำให้เหวินเยียนตกใจคุกเข่าลงบนพื้น พอเป็นเช่นนี้ก็ต่างจากสภาพเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง ที่แท้สาวใช้คนนี้รู้จักตีสองหน้า 


 


 


ถังเฉียนใช้เท้าเตะใส่ร่างเหวินเยียนทีหนึ่ง เตะไม่หนักไม่เบา แค่ทำให้นางลุกขึ้นไม่ได้ ฟุบอยู่บนพื้นร้องโอดโอย คราวนี้ดูน่าสงสารจริงๆ แล้ว 


 


 


“ข้าอาหรูน่าไม่ชอบให้ใครใส่ร้าย ในเมื่อเจ้าอยากทำตัวน่าสงสาร ข้าเลยทำให้เจ้าน่าสงสารจริงๆ ไม่เสียทีที่ให้คุณชายรองของเจ้ามาดูเรื่องสนุกด้วยกัน” 


 


 


เถิงเฟิงฟังเช่นนี้ก็หัวเราะ เดิมสีหน้าที่เหมือนสงสารหญิงงามที่ตกทุกข์ก็ผ่อนคลายลง 


 


 


“ใครบอกว่าอาหรูน่าของข้ารังแกได้ง่ายๆ ข้ายังกลัวว่าเจ้าจะใจอ่อนเกินไป วันหน้าบ่าวพวกนี้อาจข่มเหงเจ้าได้” 


 


 


ถังเฉียนเหลือบมองเหวินเยียนซึ่งยังแสร้งทำตัวน่าสงสาร แล้วพูดว่า 


 


 


“ก่อนเจ้าจะมาถึง ยังอวดดีกับข้า นางยังบอกว่าข้าจะรุ่งโรจน์ได้เพียงไม่กี่วัน ไม่นานหรอกข้าจะย่อยยับเช่นเดียวกับอาหรูน่าคนก่อน เวลานี้ควรจะดีต่อนางบ้าง ไม่เช่นนั้นเมื่อถึงตอนนั้นจะไม่มีแม้แต่คนช่วยเก็บศพ” ถังเฉียนรู้แต่แรกแล้วว่านางย่อมไม่ยอมบอก แต่นางอยากรู้ ต้องถามออกมาให้ได้ พอถังเฉียนพูดเช่นนี้ สีหน้าเถิงเฟิงเปลี่ยนไปทันที 


 


 


“เจ้ามาพูดจาเหลวไหลสิ่งใดที่นี่” 


 


 


เถิงเฟิงเตะใส่หน้าอกเหวินเยียน ที่เขาเตะหนักกว่าที่ถังเฉียนเตะหลายเท่า ถังเฉียนมองนางพลางพูดว่า 


 


 


“นางเป็นคนของพี่ใหญ่ เจ้าทำร้ายนางไม่กลัวพี่ใหญ่จะเอาเรื่องหรือ เหตุใดต้องเตะแรงขนาดนั้นด้วย” 


 


 


เถิงเฟิงจ้องเหวินเยียนตาเขม็ง เหวินเยียนกุมหน้าอกตัวเองแล้วกระอักเลือดสีดำออกมา นั่นแสดงให้เห็นว่าถูกเตะแรงมาก 


 


 


“คุณชายรอง เหวินเยียนไม่ได้พูดอะไรเลย อาหรูน่าใส่ร้ายข้า นางทำร้ายข้า” 


 


 


ที่ผ่านมาเหวินเยียนหยิ่งผยอง เพราะรับใช้ข้างตัวคุณชายใหญ่มาหลายปี จึงมีฐานะสูงกว่าสาวใช้คนอื่นขั้นหนึ่ง ไหนเลยจะเคยเจอเรื่องเช่นนี้ นางอ้าปากแต่กลับพูดไม่ออก ลำบากแทบแย่กว่าจะพูดออกมาได้ แต่กลับถูกคุณชายรองระแวง 


ตอนที่ 230 กระอักเลือด 


 


 


 


 


 


เหวินเยียนถูกเล่นงานจนกระอักเลือด แต่กลับไม่สามารถพูดอะไรได้ ใครใช้ให้อีกฝ่ายเป็นถังเฉียนเล่า สำหรับเถิงเฟิงแล้วคำพูดถังเฉียนย่อมถูกต้อง ไม่ต้องสงสัยเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นไม่ว่านางจะพูดอะไรเขาย่อมไม่เชื่อ 


 


 


“เหวินเยียนเอ๋ย ข้าเองจะไม่ทำให้เจ้าลำบาก ไม่เช่นนั้นคนอื่นจะหาว่าข้าไม่ใจกว้าง ลำบากแทบแย่กว่าจะสร้างภาพลักษณ์ที่อ่อนโยน ไม่อยากให้ถูกทำลายเพราะเจ้า เช่นนี้เถอะ ข้าจะให้คนพาเจ้าไปพักที่เรือนเล็กด้านข้าง บาดแผลบนตัวเจ้า ไม่ว่าจะเป็นฝีมือข้าหรือเถิงเฟิง ถ้าไม่รักษาให้หายแล้วกลับไป คนอื่นจะเข้าใจว่าคุณชายใหญ่ผิดใจกับคุณชายรอง เจ้าเองก็คงไม่อยากให้เป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่” 


 


 


เถิงเฟิงไม่มีความเห็นต่อการทำเช่นนี้ ขณะนี้เหวินเยียนเข้าใจชัดเจนแล้วว่าตั้งแต่แรกถังเฉียนไม่คิดจะให้นางรีบจากไป ต้องการให้อยู่ที่นี่ ไม่ให้นางไปจากที่นี่ได้ ผู้หญิงคนนี้ช่างโหดร้ายนัก 


 


 


“”คุณหนูอาหรูน่า ข้าไม่ได้ทำผิดอะไรต่อท่าน เหตุใดจึงต้องทำกับข้าเช่นนี้ด้วย” 


 


 


ถังเฉียนพยุงเหวินเยียนให้นั่งลง แล้วพูดตอบนางว่า 


 


 


“กลัวว่าสาวใช้อย่างเจ้าจะถูกผีเข้า อีกสองสามวัน เมื่ออาการบาดเจ็บเจ้าหายดีแล้ว ข้าจะให้พี่ใหญ่ตรวจดูโรคที่สมองเจ้า บางทีอาจจะเหมือนพระชายารองก็เป็นได้ ป่วยเป็นโรคประหลาด คราวก่อนนางข่มเหงข้าในจวน ข้ายังช่วยรักษานาง หากเจ้าเชื่อฟังดีเช่นนี้ ข้าย่อมต้องดูแลเจ้าเป็นอย่างดี” 


 


 


“เจ้า! เจ้าเป็นนางอสรพิษโดยแท้ อายุน้อยเท่านี้เหตุจึงโหดเ**้ยมอำมหิตเช่นนี้” 


 


 


เถิงเฟิงนั่งบนเก้าอี้ มองดูถังเฉียนแล้วรู้สึกแปลกใจ เหตุใดนางจึงปฏิบัติต่อเหวินเยียนเช่นนี้ ปกตินางไม่ใช่อย่างนี้ 


 


 


“เหตุใดเจ้าจึงทำกับนางเช่นนี้ หรือเจ้าหึงหวงเพราะเรื่องเมื่อกลางวัน” 


 


 


ถังเฉียนสะบัดผ้าเช็ดหน้าในมือพลางพูดว่า 


 


 


“ยังดีที่เจ้าไม่ได้เข้าข้างนาง ไม่เช่นนั้นข้าคงเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงเสียแล้ว ระหว่างเจ้ามีอะไรกัน ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นเจ้านาย นางเป็นบ่าวไพร่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้ากับฮูหยินอยากจะอบรมข้าหรือ” 


 


 


เถิงเฟิงถูกนางแย้งจนไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร คิดถึงที่นางเอ่ยถึงเมื่อครู่ ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วนางรู้มากเท่าใด แต่เถิงเฟิงแน่ใจว่าถังเฉียนจะต้องอยากรู้มากและหวาดกลัวด้วย 


 


 


“วันนี้เหวินเยียนพูดอะไรกับเจ้า ต่อให้นางทำผิด แต่อย่างไรนางก็เป็นคนของพี่ใหญ่ เราไม่ควรทำอะไรเกินเลย พรุ่งนี้เอานาง…” 


 


 


“หือ” 


 


 


ถังเฉียนใช้มือเท้าคาง จงใจเลิกคิ้วขึ้นแล้วมองดูเถิงเฟิง เขาจึงไม่กล้าพูดต่อให้จบ 


 


 


“ถ้าเช่นนั้นเจ้าจัดการตามใจชอบเถอะ แต่ไม่ว่านางจะพูดสิ่งใด อย่าจำใส่ใจเด็ดขาด บางทีความโมโหก็ทำลายสุขภาพได้” 


 


 


ถังเฉียนลดมือลง ยิ้มแล้วว่า 


 


 


“ข้าไม่โมโห นี่ก็ดึกมากแล้ว รีบเข้านอนดีกว่า เจ้าก็ควรกลับไปได้แล้ว ข้าไม่ทำอะไรหญิงงามที่เจ้าอยากช่วยหรอก เจ้าควรจะวางใจได้แล้ว” 


 


 


ถังเฉียนผลักเถิงเฟิงออกไปจากห้อง จากนั้นก็ปิดประตูใส่กลอน ถังเฉียนไม่ได้บอกว่าเหตุใดนางจึงมุ่งมาที่เหวินเยียน บางทีอาจเพราะเถิงอวิ๋นบอกว่านางรู้เบื้องหลังบางอย่าง แต่นางมีฟางเอ๋อร์แล้ว ขอเพียงอดทนบ้าง ไม่ช้าก็เร็วย่อมทำให้นางเปิดปากได้ วันนี้ที่นางเตะเหวินเยียนก็เพราะเช้าวันนี้นางเห็นรอยแผลบนอกถังเวย 


 


 


ทีแรกถังเวยไม่กล้าบอกถังเฉียนว่ารอยแผลเหล่านี้เกิดจากอะไร พูดอ้ำอึ้งอยู่นานจึงบอกว่าก่อนหน้านี้นางคุกเข่าอยู่หน้าห้องเถิงอวิ๋น เพราะขวางทางเดินของเหวินเยียน จึงถูกนางเตะเข้าที่หน้าอก ยังใช้น้ำชาร้อนจัดลวกแขนนางด้วย 


 


 


รอยแผลพวกนี้ไม่สามารถทำขึ้นเองได้ ทั้งถังเวยย่อมไม่โกหกตนแน่นอน น้องสาวนางก็น่าสงสารอยู่แล้ว แต่เหวินเยียนกลับรังแกนางเหมือนนางเป็นคนเซ่อซ่า 


 


 


“เหวินเยียน นี่เป็นเพราะเจ้าติดค้างน้องสาวข้า ไม่ช้าก็เร็วต้องชดใช้คืน” 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 231 ความจริง 


 


 


 


 


 


ถังเฉียนพูดจบก็กลับไปที่เตียงของตน นางนอนลงบนเตียง นำเรื่องราวทั้งหมดที่ได้ยินในวันนี้มาสะสาง เมื่อตื่นขึ้นอีกครั้งขอบฟ้าก็มีแสงรำไรแล้ว 


 


 


พอเช้าถังเฉียนก็ยกตะเกียงไปที่ห้องของเหวินเยียน นางสะดุ้งเฮือก เมื่อคืนทั้งบาดเจ็บและเจ็บปวด เช้าอย่างนี้ยังตกใจอีก ถังเฉียนเห็นนางยังตาปรือก็ขยับเข้าไปใกล้ วางตะเกียงไว้ตรงหน้านาง ไฟตะเกียงแตกดังเพี๊ยะๆ เหวินเยียนรีบหรี่ตาลงแล้วหันไปมองด้านข้าง 


 


 


“เจ้าจะทำอะไร มาเช้าเช่นนี้ เมื่อคืนยังเล่นงานข้าไม่พอหรือ” 


 


 


ถังเฉียนนั่งลงข้างๆ นาง ยิ้มแล้วพูดว่า 


 


 


“เมื่อคืนข้าถามฟางเอ๋อร์ว่าเหตุใดเจ้าจึงสามารถเป็นสาวใช้ใกล้ชิดคุณชายเถิงอวิ๋นได้ เป็นถึงสามปี ต่อมานางจึงบอกว่าเพราะเจ้าไม่พูดมาก แต่เจ้ารู้หรือไม่ นางบอกว่าการได้เป็นคนข้างกายคุณชายใหญ่ดูเหมือนมีเกียรติ แต่ทันทีที่ถูกคุณชายใหญ่สลัดทิ้ง ก็อยากจะตายมากกว่าที่จะอยากมีชีวิตอยู่ ทุกครั้งหญิงสาวเหล่านั้นไม่ได้ไปไหน แต่กลายเป็นโครงกระดูกที่เขาซ่อนไว้ในนั้น…” 


 


 


ถังเฉียนลูบแก้มเหวินเยียนเบาๆ แล้วพูดอย่างอ่อนโยน 


 


 


“เจ้าคิดว่าถ้าข้าปล่อยเจ้ากลับไป คุณชายใหญ่จะปล่อยเจ้าโดยไม่คิดถึงความผิดที่ผ่านมาหรือว่าจะทำให้เจ้ากลายเป็นของสะสมของเขา ข้าเชื่อว่าข้ากำลังช่วยเจ้า” 


 


 


พอถังเฉียนพูดจบ เหวินเยียนปัดมือนางออกไป พูดเสียงหวีดแหลมว่า 


 


 


“เจ้าจงใจทำอย่างนี้ ข้าบอกแล้วว่าข้ากับคุณชายรองไม่มีความสัมพันธ์ลับๆ กัน เหตุใดเจ้าจึงไม่ยอมปล่อยข้า เจ้า เจ้าเองก็เป็นเด็กสาวที่น่าสงสาร มีอะไรดีถึงได้มาอวดเก่งต่อหน้าข้า หากวันนี้ข้าตายแล้ว อีกไม่กี่วันเจ้าก็ต้องไปอยู่เป็นเพื่อนข้า” 


 


 


ถังเฉียนได้ฟังที่นางพูดแต่ไม่โกรธ ดึงมือนางแล้วพูดว่า 


 


 


“เจ้าพูดให้ชัดเจน พูดชัดเจนแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า ให้เจ้าคอยติดตามข้า หากข้าผ่านหายนะครั้งนี้ไปได้ เจ้าเองก็อาจผ่านไปได้เหมือนกัน ไม่แน่นะวันหน้าอาจจะรุ่งโรจน์เสมือนลงเรือลำเดียวกัน คุณชายบ้านเราต่างจากคุณชายตระกูลอื่น แต่ตระกูลข้าก็ถือว่าอยู่ในระดับบนในเผ่า มีเด็กหนุ่มที่เหมาะสมกับเจ้า ถ้าเจ้ายินยอม ข้าจะจัดการแต่งงานให้เจ้า ไปอยู่เป็นนายแม่ในที่ไกลออกไป เป็นอย่างไร” 


 


 


คำพูดนี้ใช้ทั้งพระเดชและพระคุณ การข่มขู่ก่อนหน้านี้ผ่านเมื่อคืนแล้วนางเข้าใจดี เวลานี้ถ้านางไม่เปิดปากพูดก็จะพลาดโอกาส เมื่อคืนถังเฉียนจงใจให้ถังเวยมาเฝ้าดูนาง เพื่อป้องกันไม่ให้เถิงเฟิงมาหานาง และยังไม่ยอมให้นางหลับสนิท ป้องกันไม่ให้เถิงเฟิงเล่นงานนางในความฝัน 


 


 


ที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อนางจะได้มาพบตนเป็นคนแรกในเช้าวันนี้ 


 


 


“ต่อให้เจ้ารู้ความเป็นมาทั้งหมด เจ้าก็ไม่อาจต่อต้านได้ ทันทีที่พรศักดิ์สิทธิ์ถูกส่งออกไป เจ้าจะถูกล่ามไว้ ไม่ว่าเจ้าจะไปอยู่ที่ใด คุณชายรองย่อมรับรู้ได้ ถึงตอนนั้นเจ้าก็จะกลายเป็นเพียงยาขนานหนึ่ง เหมือนคนก่อนที่น่าสงสารไม่มีผิด” 


 


 


ถังเฉียนยิ้ม ในที่สุดนางก็ยอมพูดแล้ว แม้ว่าน้ำเสียงจะไม่เป็นมิตรนัก 


 


 


“เจ้าพูดให้เต็มที่ อย่าลืมสิ ข้ายังมีจินซิวอ๋อง ข้าไม่เหมือนกับคนก่อนหรอก นกฉลาดย่อมเลือกต้นไม้ที่จะทำรัง เจ้าเป็นคนฉลาด เวลานี้เจ้าบอกข้า เจ้าก็ยังมีโอกาสรอดบ้าง ไม่เช่นนั้นเจ้าก็จะมีแต่ทางตายเพียงเท่านั้น” 


 


 


สุดท้ายเหวินเยียนไม่อาจทนต่อการขู่ของนางได้ แนวต้านในใจสลายไปตั้งแต่ถูกเถิงเฟิงเตะเมื่อคืนรวมทั้งที่เขาไม่ได้มาปล่อยนางไปและเถิงอวิ๋นไม่ส่งคนมา ทำให้นางรู้ตัวว่าตนเองนั้นถูกทอดทิ้งแล้ว 


 


 


“ถ้าเจ้าอยากรู้ให้ได้ ข้าก็จะเล่าให้ฟัง แต่เจ้าต้องส่งข้าไปจากเขาศักดิ์สิทธิ์ทันที ถือว่าเราไม่มีบุญวาสนาต่อกัน ข้าอยากจากไปทันทีเลย” 


 


 


“ได้ ข้ารับปากเจ้า” 


ตอนที่ 232 โรคประหลาด 


 


 


 


 


 


เหวินเยียนนิ่งคิดทบทวนครู่หนึ่งแล้วจึงยอมพูด แต่ครั้งนี้นางดึงตัวถังเฉียน ขยับเข้ามาใกล้อย่างระวังตัว 


 


 


“ที่จริงเจ้าน่าจะรู้แล้วว่าคุณชายเถิงเฟิงป่วยเป็นโรคประหลาด แม้ว่าคนรับใช้อย่างพวกเราจะไม่รู้ว่าโรคที่ว่าเป็นอย่างไรกันแน่ แต่ข้าได้เห็นตอนที่นางตาย ร่างนางถูกดูดเลือดไปจนเหือดแห้ง เหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก ช่างน่ากลัวจริงๆ” 


 


 


เมื่อถังเฉียนฟังที่นางพูด ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงต้องคิดว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่ขณะนี้นางเชื่ออย่างสนิทใจ เหวินเยียนเล่าต่อด้วยเสียงที่แผ่วเบา 


 


 


“วันนั้นท่านหัวหน้าผู้บวงสรวงและฮูหยินท่าทางเครียดเป็นพิเศษ คุณชายรองถูกกักไว้ที่หลังเขา คุณชายใหญ่ท่าทางเหมือนโกรธมาก ตอนนั้นคนที่คอยรับใช้คุณชายใหญ่ไม่ใช่ข้า วันนั้นเด็กสาวที่รับใช้คุณชายใหญ่ก็หายตัวไปเช่นกัน ขณะนั้นทั้งสองคนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน คิดว่า…” 


 


 


ความหมายของเหวินเยียนคือสาวใช้คนนั้นถูกดูดเลือดจนแห้งเช่นเดียวกัน แต่ที่ถังเฉียนไม่เข้าใจก็คือเหตุใดเหวินเยียนรู้ว่าเถิงเฟิงน่ากลัว แต่นางกลับไม่หลีกห่าง 


 


 


“เหตุใดเจ้าจึงไม่กลัวเถิงเฟิง” 


 


 


เหวินเยียนยิ้มแล้วว่า 


 


 


“ก่อนนี้คุณชายรองบริสุทธิ์ไร้เดียงสา แม้เขาจะเล่นหัวกับสาวใช้อย่างพวกเรา แต่เขาก็ยังเป็นเจ้านายเสมอ แต่เขาใส่ใจคำพูดทุกประโยคของอาหรูน่า ทั้งยังให้ความสำคัญมาก ได้ยินว่าตั้งแต่แรกนางก็ถูกกำหนดให้เป็นยาของคุณชายรองแล้ว ทั้งยานี้ต้องทำพิธีบวงสรวงทุกสิบปี ต้องใช้คนที่มีจิตใจเข้าถึงกันกับคุณชายรอง ดังนั้น…” 


 


 


คำพูดของเหวินเยียนส่วนหนึ่งเป็นเสียงร่ำลือ ที่มากกว่าคือการคาดเดาของนางเอง แต่ถังเฉียนสามารถสืบหาความจริงจากในนี้ได้  


 


 


“แม่นางคนนั้นตายแล้ว ตายในสภาพที่น่าอนาถมาก เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเถิงเฟิง ที่สำคัญที่สุดคือทั้งเผ่าพีส่าล้วนเก็บเรื่องนี้เป็นความลับอย่างมิดชิด” 


 


 


เหวินเยียนสิ่งที่เล่าที่นางรู้ทั้งหมดให้ถังเฉียนฟัง ส่วนเรื่องอื่นคิดว่าสาวใช้อย่างนางคงไม่รู้ แม้ถังเฉียนจะโกรธแค้นที่นางทำร้ายน้องสาวตน แต่ถึงอย่างไรก็ลงโทษนางไปแล้ว จึงเลิกล้มความคิดที่จะปลิดชีวิตนาง ถังเฉียนยกน้ำมาชามหนึ่ง หยดเลือดของตนลงไปในน้ำเพื่อช่วยให้อาการบาดเจ็บของนางหายเร็วขึ้น วันนี้นางเล่าความจริงให้ฟังแล้ว ทั้งสองก็ถือว่าเสมอกันแล้ว 


 


 


เหวินเยียนไม่ได้นึกระแวงถังเฉียน นางไม่คิดว่าตนเองรู้อะไรที่ทำให้สมควรตาย นางเชื่อว่าถังเฉียนแค่อยากรู้เรื่องนี้ ส่วนนางเองโชคร้ายที่ถูกนางจ้องไว้ 


 


 


เหวินเยียนดื่มน้ำหมดชาม ถังเฉียนเดินออกจากห้อง สั่งอาห่าวให้ไปตามฉู่จิ่งเหยามา จะขอร้องให้เขาช่วย แต่อาห่าวเพิ่งก้าวเท้าออกไป เหวินเยียนก็หวีดร้องแล้วกระอักเลือดหลายครั้ง นางหมดสติไปทันที ถังเฉียนไม่รู้ว่าเพราะอะไรจู่ๆ นางจึงเป็นเช่นนี้ จึงรีบกรีดแขนตัวเองอยากช่วยชีวิตนาง แต่น่าเสียดายว่าเหวินเยียนยิ่งดื่มเลือดนางกลับยิ่งกระอักเลือดไม่หยุด ก่อนที่หมอผีคนอื่นจะมาถึง นางได้สิ้นใจไปแล้ว 


 


 


เถิงเฟิงกับคนอื่นๆ มาถึงแล้ว เห็นภาพที่น่ากลัว ดูเหมือนเขาอยากเชื่อว่าถังเฉียนไม่ใช่คนทำ แต่เถิงอวิ๋นลงมือตรวจสอบวิญญาณ ผลก็คือชี้ไปที่ถังเฉียน 


 


 


“เจ้ายกน้ำมาให้นางดื่ม แล้วนางก็เสียชีวิตใช่หรือไม่ ยังมีสิ่งใดจะพูดอีก” 


 


 


ถังเฉียนมองดูแขนตนเองที่หายสนิทแล้ว พูดอย่างจนใจว่า 


 


 


“ถ้าข้าจะบอกว่า เมื่อคืนข้าทำร้ายนาง วันนี้ข้าเกรงว่านางยังไม่หายบาดเจ็บจึงกรีดนิ้วตัวเองหยดเลือดลงไปในชาม หวังให้อาการของนางหายเร็วขึ้น หากข้าบอกว่าข้าคิดเช่นนี้ จะมีคนเชื่อหรือไม่” 


 


 


หากเหวินเยียนไม่ตาย เถิงเฟิงย่อมเชื่อคำพูดของถังเฉียน แต่เหวินเยียนนอนตายอยู่ตรงหน้า ทั้งในที่เกิดเหตุมีเพียงถังเฉียนเท่านั้นและนางเป็นคนเดียวที่สัมผัสกับยาพิษ 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 233 ถูกปรักปรำ 


 


 


 


 


 


“น้ำในชามนี้มีน้ำพุถังหมิงซึ่งมีพิษร้ายแรง เกรงว่าจะตรงกันข้ามกับที่เจ้าบอกว่าเป็นยาบำรุง” 


 


 


“เป็นไปไม่ได้ น้ำพุถังหมิงจะขุ่น ถ้าปนลงไปเหตุใดจึงสังเกตไม่เห็น นางก็ไม่ใช่คนโง่ เหตุใดต้องดื่มเล่า” 


 


 


ถังเฉียนพูดแก้ต่างให้ตัวเอง ในตัวนางมีน้ำพุถังหมิงจำนวนมาก หากนางจะใช้ยาพิษนี้สังหารคน ก็จะไม่มีโอกาสแก้ตัวได้ ในเมื่อมีทั้งพยานบุคคลและพยานวัตถุพร้อม ยังจะแก้ตัวเช่นไรได้อีก 


 


 


“เช่นคงต้องตรวจสอบวิญญาณเจ้า หรือตรวจค้นห้องเจ้าก็จะรู้ได้ ขออภัยด้วยอาหรูน่า” 


 


 


เถิงอวิ๋นเหลือบมองนางด้วยสายตาที่มีความหมายล้ำลึก สายตานั้นทำให้ถังเฉียนรู้สึกเหมือนตกลงไปในเหวลึก นางเพิ่งรู้ว่าอาหรูน่าคนก่อนตายอย่างไร เกรงว่าตัวเองคงต้องเดือดร้อนแน่นอนแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดนางจึงรู้สึกว่าเถิงอวิ๋นน่าจะรู้เรื่องราวทั้งหมดและน่าจะรู้ก่อนแล้ว 


 


 


“ไม่ต้องค้นหรอก” 


 


 


ถังเฉียนหยิบขวดหยกสีขาวออกจากกล่องผ้าในชายแขนเสื้อให้ทุกคนดู 


 


 


“ข้ามีน้ำพุถังหมิงเแล้วจะเป็นอย่างไร คนมากมายต่างรู้ว่าข้ามี แล้วจะอธิบายสิ่งใดได้อีก นี่เป็นอาหารของเสี่ยวจิน เถิงเฟิงรู้ อาจารย์ก็รู้ แต่ข้าไม่ได้ฆ่านาง หากข้าอยากฆ่านางจริง แค่อ้างโทษอะไรก็ได้ ถ้าทำไม่ได้ แค่ให้เสี่ยวจินเจาะรูบนคอนางก็ยิ่งง่ายดาย หากข้าไม่อยากให้ใครรู้ ยังมีอีกสารพัดวิธี คงไม่โง่เขลาถึงขั้นตัวเองมาเทยาพิษให้นางดื่มหรอก แล้วร้องเรียกให้พวกเจ้ามาจับ” 


 


 


เถิงอวิ๋นเปิดขวดหยกออกดูแล้ววางลง 


 


 


“ต่อให้เจ้าพูดแก้ตัวอย่างไร แต่มีทั้งพยานบุคคลพยานวัตถุ เหวินเยียนเป็นคนของข้า แม้นางจะเป็นคนระดับล่าง แต่ไม่ควรถูกใครฆ่าตายตามใจชอบ ถึงอย่างไรก็ต้องชี้แจ้งกับข้า” 


 


 


คำว่าชี้แจงคือคุมตัวนางไว้ใช่หรือไม่ เขาอยากทำสิ่งใดกันแน่” 


 


 


เถิงเฟิงมองดูถังเฉียน แล้วพูดว่า 


 


 


“อาหรูน่าไม่ใช่หญิงที่ใจคอโหดร้าย ในเมื่อเหวินเยียนไม่ได้ทำอะไรผิดต่อนาง ย่อมไม่จำเป็นต้องฆ่านาง เรื่องนี้น่าจะมีอะไรที่เข้าใจผิด พี่ใหญ่เป็นคนฉลาด เหตุใดจึงดูไม่ออกว่านี่เป็นอุบายที่วางไว้อย่างแยบยล” 


 


 


อุบาย? 


 


 


เถิงเฟิงไม่ค่อยพูด แต่คำพูดนี้กลับเป็นประโยชน์มาก ความปรารถนาที่จะเอาตัวรอดของถังเฉียนรุนแรงมาก เถิงเฟิงอุตส่าห์วางใจนางถึงเพียงนี้ 


 


 


“ความหมายเจ้าก็คือนางไม่มีเหตุผลที่จะฆ่าเหวินเยียน ถ้าหากข้ารู้เหตุผลและแรงจูงใจเล่า” 


 


 


คำพูดของเถิงอวิ๋นทำให้ทุกคนประหลาดใจ เหตุใดถึงมีเหตุผล ผู้คนที่นี่มากขึ้นเรื่อยๆ ท้องฟ้าสว่างแล้ว ย่อมรู้ถึงหูบรรดาผู้ใหญ่ ถังเฉียนยืนอยู่หน้าบันได เถิงอวิ๋นขอให้คนอื่นถอยห่างออกไป เหลือเพียงคนในครอบครัวรอให้เขาพูดถึงเหตุผลของถังเฉียน 


 


 


“ถ้านางรู้แล้วว่าอาหรูน่าคนก่อนตายอย่างไร ท่านพ่อ ท่านแม่ อาหรูน่าจึงคิดฆ่านางเพื่อจะได้มีความผิด จากนั้นก็ถูกส่งออกไปจากเขาศักดิ์สิทธิ์ บางทีเหตุผลนี้อาจจะฟังดูไร้สาระ แต่ข้าคิดว่านางคิดอย่างนี้จริงๆ” 


 


 


ถังเฉียนฟังที่เถิงอวิ๋นพูดถึงกับตะลึงงัน เหตุใดนางคิดไม่ถึงว่าวิธีนี้ทำให้ไปจากเขาศักดิ์สิทธิ์ได้ นางเผยอปากจะโต้แย้ง แต่เถิงเฟิงถามว่า 


 


 


“เจ้าบอกว่านางรู้ นางรู้สิ่งใดหรือ” 


 


 


พอพูดจบก็หันมาทางถังเฉียน แล้วถามอย่างจริงจัง 


 


 


“เจ้าจับเหวินเยียนไว้ เพราะอยากรู้ว่าอาหรูน่าตายอย่างไรใช่หรือไม่ พอเจ้ารู้แล้ว กลัวว่าข้าจะทำร้ายเจ้า เลยฆ่าเหวินเยียน คิดว่าทำอย่างนี้แล้วข้าจะเข้าใจเจ้าผิด แล้วไล่เจ้าออกไปจากเขาศักดิ์สิทธิ์ใช่หรือไม่” 


 


 


ถังเฉียนกำหมัดแน่น มองดูทุกคน แล้วพูดว่า 


 


 


“หงหลิงเอ๋อร์บอกข้าว่าข้าต้องตายเร็วๆ นี้ ฟางเอ๋อร์ก็พูดว่าข้าต้องตายในไม่ช้า แม้แต่บรรดาสาวใช้ในจวนก็ซุบซิบกัน ข้าบาดเจ็บหนักกลายเป็นยาให้คุณชายรอง หงหลิงเอ๋อร์ก็จะแทนที่ข้ากลายเป็นฮูหยินตัวจริง ข้านึกกลัว จึงไปหาพี่เถิงอวิ๋น เขาบอกว่าเขาไม่รู้ ให้ข้าไปถามเหวินเยียน แต่เด็กสาวคนนี้หยิ่งผยองมาก ข้าจึงใช้อุบาย…” 


ตอนที่ 234 หลังพิง 


 


 


 


 


 


ถังเฉียนสารภาพความจริงให้ฟัง แม้ว่านางจะเสริมแต่งบ้าง แต่ก็บอกถึงความหวาดวิตกของนางออกมาจริงๆ นางรู้ดีว่าถ้าเผชิญกับวิชาตรวจสอบวิญญาณ นางไม่อาจแก้ต่างได้แน่ มีแต่พูดความจริงเท่านั้นจึงจะมีโอกาสรอด 


 


 


“เหตุใดคนระดับล่างทุกคนล้วนบอกว่าข้าจะกลายเป็นยา จะถูกคนดูดเลือดจนเหือดแห้ง เจ้าไม่ได้ชอบข้า เจ้าเพียงแต่ชอบเลือดที่สามารถช่วยเจ้าได้ของข้า เจ้าให้ข้าขึ้นมาบนเขาศักดิ์สิทธิ์ เช่นนั้นก็เป็นกับดักตั้งแต่แรกแล้วใช่หรือไม่ เพื่อให้ข้าอยู่ที่นี่อย่างไร้ญาติขาดมิตร ทำให้ข้าหวาดกลัว จะอย่างไรก็ต้องตาย เช่นนั้นข้าขอบอกให้รู้ไว้ เลือดทั่วร่างของข้าเป็นได้ทั้งพิษทั้งยา นั่นคือทั้งรักษาคนและฆ่าคนได้เช่นกัน ถ้าพวกเจ้าจะใช้ก็ลองดูได้!” 


 


 


เถิงอวิ๋นซักถาม 


 


 


“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ยอมรับว่าฆ่าเหวินเยียน!” 


 


 


“ไม่! เลือดข้าสามารถเปลี่ยนเป็นพิษนับพันชนิด ทำให้ใครก็คาดเดาไม่ได้ หากข้าไม่บอก ไหนเลยพวกเจ้าจะรู้ ไม่มีใครรู้ เหตุใดข้าต้องใช้น้ำพุถังหมิงด้วย ทั้งๆ ที่เป็นยาพิษที่จะเผยตัวข้าได้ง่ายที่สุด ข้าคงบ้าไปแล้ว หรืออย่างที่พี่เถิงอวิ๋นบอก เพราะถ้าข้าต้องการผลลัพธ์เช่นนี้ ที่จริงข้าไม่จำเป็นต้องฆ่าใครเลย เพียงแต่ข้าเอ่ยปาก ท่านอ๋องก็จะพาข้าไป เหตุใดต้องปลิดชีวิตนางด้วย” 


 


 


เมื่อเถิงเฟิงได้ยินว่าดูดเลือดจนเหือดแห้งก็รู้สึกแปลกๆ แววตาเขาดูสับสน สายตาที่มองดูถังเฉียนซับซ้อนมาก 


 


 


“เจ้ากลัวข้า เชื่อคำพูดของคนพวกนั้น ก็เลยอยากหนีไป” 


 


 


ถังเฉียนเงยหน้ามองเถิงเฟิง แล้วถาม 


 


 


“ไม่ ข้าขอถามเจ้า ไม่ว่าเหวินเยียนจะพูดเช่นไร นางจะต้องเสริมแต่งเพิ่ม เชื่อได้มากเท่าใด เชื่อไม่ได้มากเท่าใด เหตุใดข้าจึงไม่ไปถามตัวต้นเหตุอย่างเจ้าเองล่ะ ถ้าเจ้าต้องการชีวิตข้า ข้าจะให้หรือไม่เป็นเรื่องของข้า แต่ถ้าใครจะแย่งชิงชีวิตข้าไป ขอโทษ ข้าไม่ยอมให้เด็ดขาด!” 


 


 


“ดี!” 


 


 


มีเสียงร้องชมดังมาจากข้างนอก ทั้งๆ ที่ให้คนเฝ้าที่นี่แล้ว เหตุใดยังมีคนเข้ามาได้ อิ๋นซานแปลกใจว่าเป็นใคร แต่นางยังไม่ทันส่งคนออกไปดู ก็เห็นเถิงเสวี่ยพาฉู่จิ่งเหยาเดินเข้ามาแล้ว 


 


 


อาจารย์… 


 


 


ถังเฉียนและคนทั้งหมดพากันลุกขึ้นค้อมคารวะเถิงเสวี่ย ตามลำดับชั้นแล้วเถิงเจินต้องคารวะเถิงเสวี่ย แต่เขาเป็นหัวหน้าผู้บวงสรวงแห่งเผ่าพีส่า จึงไม่ต้องแสดงการคารวะ จึงเพียงพยักหน้า 


 


 


“อาจารย์ ท่านกลับดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ หายดีแล้วหรือ” 


 


 


เถิงเสวี่ยพยักหน้า แล้วจูงมือถังเฉียนมานั่งลงข้างๆ เถิงเจิน 


 


 


“ช่วงที่ผ่านมาข้ากักตัวฝึกวิชา ไม่รู้ว่าอาหรูน่าได้รับบาดเจ็บรุนแรงเช่นนี้ แต่เด็กคนนี้เข้มแข็งมาก ชะตาชีวิตตัวเองไม่ได้ขึ้นกับสวรรค์ จะยอมให้ใครชิงไปง่ายๆ ได้หรือ” 


 


 


อิ๋นซานอดพูดแทรกไม่ได้ว่า 


 


 


“ท่านป้า คำพูดท่านราวกับว่าพวกเราล้วนเป็นคนเลว เรื่องราวในครั้งนั้น ท่านเองย่อมรู้ สำหรับ…” 


 


 


นางกวาดสายตามาที่เถิงเฟิงด้วยแววตาห่วงใย เถิงเฟิงก้มหน้าลง กำหมัดแน่น แต่ไม่พูดแม้แต่คำเดียว กระทั่งไม่เรียกย่ารองอย่างดีใจเหมือนที่ผ่านมา 


 


 


“ท่านอ๋องเชิญข้ามาโดยเฉพาะ ข้อแรกเพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับศิษย์สำนักข้า ไม่ว่าหงหลิงเอ๋อร์หรืออาหรูน่าล้วนเป็นศิษย์ข้า ต่อให้ทำผิดจริง ก็ย่อมไม่ควรให้คนนอกอบรม ถ้าพวกเจ้าไว้ใจข้า ข้าจะตรวจสอบวิญญาณอาหรูน่าด้วยตนเอง พวกเจ้ามีความเห็นเช่นไร” 


 


 


ถังเฉียนเป็นหญิงสาวที่มีความลับ ที่นางกลัวที่สุด ไม่สามารถรับได้เลยก็คือการถูกตรวจสอบวิญญาณ เพราะชาติกำเนิดของนางและทุกอย่างของนางจะเปิดเผยต่อหน้าเถิงเสวี่ย ถึงตอนนั้นนางจะย่อยยับไม่อาจฟื้นได้ นางไม่อยากให้ใครรู้จุดอ่อนของตน 


 


 


“อาจารย์ ตรวจสอบวิญญาณแล้วจะแก้ปัญหาทั้งหมดได้หรือ ข้ารู้ว่านี่เป็นวิธีที่ตรงและน่าเชื่อถือที่สุด แต่ก็คิดว่านี่เป็นวิธีที่น่าอัปยศที่สุด” 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 235 ความคิดสุดหยั่ง 


 


 


 


 


 


เถิงเสวี่ยรู้สึกหงุดหงิด หากเป็นคนอื่นนางจะคิดว่าไม่รู้จักชั่วดี แม้นางจะไม่ได้เข้าใจถังเฉียนอย่างลึกซึ้งนัก แต่รู้ว่านางมีความลับเรื่องชาติกำเนิด 


 


 


“ข้าไม่ดูความทรงจำเรื่องอื่นของเจ้าหรอก เพียงแต่ดึงความจำที่เกี่ยวข้องกับเหวินเยียนออกมา ถ้าเจ้าทำก็คือทำ ถ้าไม่ได้ทำก็ไม่ได้ผิด ข้าจะใช้ม่านน้ำเพื่อให้ทุกคนเห็นภาพในความทรงจำของเจ้า ทำเช่นนี้เจ้าว่าดีหรือไม่” 


 


 


นี่เป็นการยอมอ่อนข้อให้ของเถิงเสวี่ยและเพื่อทำให้นางสบายใจ ถังเฉียนก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว นางยังไม่ทันพูดว่าปฏิเสธหรือตกลง เถิงอวิ๋นก็ดึงแขนนางไว้ 


 


 


“เช่นนั้นก็ทำตามที่ย่ารองบอก เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าย่ารองจะฝึกวิชาตรวจสอบวิญญาณส่องจันทราสำเร็จแล้ว สมแล้วที่ท่านคืออัจฉริยะอันดับหนึ่งของเผ่าหมอผีและเผ่าพีส่า” 


 


 


เถิงเสวี่ยได้รับคำชมแต่สีหน้ากลับไม่ยินดีนัก นางมองมาที่เถิงเจินแล้วเอ่ยว่า 


 


 


“อวิ๋นเอ๋อร์ช่างพูดขึ้นทุกที แต่ว่ายอดฝีมืออันดับหนึ่งนั้นข้าไม่กล้ารับ ข้าเกิดในเผ่าพีส่าแต่ไปเข้าเผ่าหมอผี เพราะผู้อาวุโสทั้งสองเผ่าเอาใจใส่ข้าจึงได้ฝึกวิชาของทั้งสองเผ่า การฝึกควบอย่างนี้ที่จริงสู้ฝึกเฉพาะไม่ได้ วิชาตรวจสอบวิญญาณของข้าไม่แม่นยำเท่าบิดาเจ้า ส่วนวิชาส่องจันทราก็ไม่สว่างใสเท่ากับหัวหน้าเผ่าหง สรุปแล้วใช้ได้เพียงครึ่งๆ กลางๆ หากวันหน้าผู้เยาว์อย่างพวกเจ้าสามารถฝึกควบได้ หวังว่าจะก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง” 


 


 


เถิงเสวี่ยลุกขึ้น มองดูถังเฉียน นี่หมายความว่าจะปฏิเสธคำสั่งนางไม่ได้ 


 


 


“อาจารย์ ข้า…” 


 


 


“กลับไปค่อยว่า!” 


 


 


ถังเฉียนได้ยินเช่นนี้ก็คลายความกังวลทันที นี่แสดงว่าอาจารย์เชื่อนาง 


 


 


ที่เรียกว่าวิชาตรวจสอบวิญญาณส่องจันทรานั้น เป็นการนำภาพในสมองของผู้ที่ถูกตรวจวิญญาณมาสะท้อนลงบนผิวน้ำ เพื่อให้คนอื่นได้มองเห็นด้วย วิชาตรวจสอบวิญญาณมาจากเผ่าพีส่า วิชาส่องจันทรานั้นมาจากเผ่าหมอผี ผู้ที่สามารถนำสองวิชานี้มาใช้ร่วมกันในเวลาเดียวมีเพียงเถิงเสวี่ยเท่านั้น 


 


 


ถังเฉียนนั่งอยู่กลางห้องโถง ตรงหน้าเป็นอ่างหยกสี่ขาลายมังกรทองใส่น้ำไว้หนึ่งชาม แม้คนหนุนหลังของถังเฉียนจะมาแล้ว แต่ฉู่จิ่งเหยาไม่ใช่คนเผ่าพีส่าและเผ่าหมอผี ดังนั้นต้องเลี่ยงออกไป จึงเหลือแค่เถิงเสวี่ยเพียงเท่านั้น 


 


 


เถิงเสวี่ยวางมือข้างหนึ่งบนไหล่นาง แล้วพูดปลอบโยนเบาๆ 


 


 


“ต้องเชิญแม่เจ้ามาหรือไม่ หากเจ้าไม่วางใจ…” 


 


 


“ข้าเชื่ออาจารย์ และไม่กลัวการตรวจสอบวิญญาณ เพียงแต่ข้ารู้สึกว่าถ้าคนอื่นเชื่อข้า ในสภาพที่ข้าสามารถยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง เหตุใดต้องตรวจสอบวิญญาณด้วย การเข้าไปในวิญญาณของคนคนหนึ่ง เปิดวิญญาณเขาออกมา ทำให้ทุกคนมองเห็นความรู้สึกในใจและความเอาแต่ใจที่เธอไม่อยากเปิดเผยต่อหน้าผู้คน แล้วต่อไปข้าจะเผชิญหน้ากับคนอื่นได้อย่างไร จะคอยรู้สึกว่าวิญญาณของตัวเองถูกเปลือยออกแล้ว” 


 


 


ขณะที่ถังเฉียนพูดเช่นนี้ ควงตาไม่อาจซ่อนเร้นความเศร้าหมองไว้ได้ ถ้าหากนางปฏิเสธก็จะถูกเถิงอวิ๋นมองว่าเป็นวัวสันหลังหวะ ยังทำให้ความหวังดีของอาจารย์ไร้ค่า ในเวลานี้นางต้องการเพียงให้วิญญาณตัวเองได้สวมเสื้อผ้า รักษาความรู้สึกเร้นลับที่นางควรมี 


 


 


นางไม่ได้เกิดในเผ่าพีส่า และไม่ใช่เด็กสาวที่เติบโตในเหมียวเจียง นางไม่เคยรู้ว่ายังมีคนสามารถสอดส่องความเป็นส่วนตัวของนางโดยพลการ ความรู้สึกเช่นนั้นทำให้นางรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยเป็นพิเศษ 


 


 


“เจ้า เด็กคนนี้…” 


 


 


เถิงเสวี่ยไม่ได้พูดคำพูดข้างหลังออกมา เถิงเฟิงดึงตัวนางขึ้น แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า 


 


 


“ข้าจะพานางไปที่เขตหวงห้ามหลังเขา ย่ารอง ท่านพ่อท่านแม่ พี่ใหญ่ ข้าย่อมมีคำอธิบายต่อทุกคน นางคืออาหรูน่าของข้า ฮูหยินของข้าในอนาคต ไม่ว่านางจะฆ่าเหวินเยียนหรือไม่ เราสองคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น ข้ามีเรื่องที่ต้องพูดกับนาง” 


 


 


ถังเฉียนคาดไม่ถึงว่าจู่ๆ เขาจะพูดเช่นนี้ แล้วดึงตัวนางออกไป ขณะที่ทุกคนเตรียมพร้อมที่จะดูความทรงจำของนาง ทั้งสองก็วิ่งออกไปแล้ว 


ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม