ระบบร้านค้าออนไลน์ 224-237
TB:บทที่ 224 สายฟ้า
ซากปรักหักพังที่กล่าวถึงโดยอู๋ห่าวตั้งอยู่ในหุบเขาลึกของ “ประตูนรก” ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของราชวงศ์จีน คนในท้องถิ่นมีข้อห้ามอย่างมากต่อสถานที่นั้น แม้ว่าแกะของพวกเขาจะอดตาย แต่พวกเขาก็ไม่กล้าไปที่ที่มีหญ้าเขียวชอุ่มแห่งนี้
ว่ากันว่าในหุบเขาลึกมีซากศพหมาป่า กระดูกหมี และหลุมฝังศพในป่าและผู้คนจะตายอย่างลึกลับในหุบเขาลึก
ต่อมาทีมวิจัยทางวิทยาศาสตร์พิเศษได้ไปที่หุบเขาลึกเพื่อตรวจสอบและพบว่ามันคือ สนามแม่เหล็ก และมีฟ้าผ่า แต่จะจริงหรือไม่ ไม่อาจทราบได้
อย่างไรก็ตามเมื่อเฉินหลงและพรรคพวกมาถึงหุบเขาฟ้าร้องคำราม
เมื่อเห็นฟ้าร้องและฟ้าแลบเป็นครั้งคราวในหุบเขา ผู้คนทั้งหมดก็หน้าซีดเล็กน้อย
แม้ว่าระดับกำเนิดจะสามารถสื่อสารกับสวรรค์และโลกได้ แต่ก็ยังมีบางสิ่งที่เล็กเกินไปต่อหน้าพลังที่แท้จริงของสวรรค์และโลกเช่นฟ้าร้องและฟ้าผ่า
“ใส่เสื้อผ้าฉนวนของคุณ แล้วไปในหุบเขากันเถอะ” อู๋ห่าวมองไปที่ฟ้าร้องและฟ้าผ่าในหุบเขาแล้วกล่าว
เนื่องจากคุณรู้ว่าสถานที่ที่คุณกำลังจะมาเป็น “ที่วางทุ่นระเบิด” คุณจึงต้องเตรียมพร้อม แน่นอนว่าเสื้อผ้าฉนวนเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
หลังจากฟังคำพูดของอู๋ห่าวเฉินหลงและพวกเขาก็สวมชุดฉนวน
เป็นชุดสั่งทำพิเศษที่ดูเหมือนชุดรัดรูปที่สวมใส่โดยฮีโร่ชาวอเมริกัน
หลังจากใส่ชุดฉนวนแล้วฝ่ายนั้นก็เดินเข้าไปในที่วางทุ่นระเบิด
หลังจากเข้าไปในหุบเขาเฉินหลงก็เห็นหนังหมาป่าแห้งและกระดูกหมีบางส่วนเหลือแต่กระดูก
มีฟ้าร้องและฟ้าผ่าน้อยกว่าที่ปากหุบเขา เฉินหลงและพรรคพวกของเขาไม่ได้พบกับฟ้าร้องและฟ้าผ่า แต่หลังจากเดินไปลึกฟ้าร้องและฟ้าผ่าก็มากขึ้นเรื่อย ๆ ในบางครั้งฟ้าร้องและฟ้าผ่าก็เกิดขึ้น ทีมของหัวหยงเฟยเริ่มหน้าซีด
ยิ่งไปไกลฟ้าร้องและฟ้าแลบจะโจมตีเฉินหลงและคนอื่น ๆ เป็นระยะ ๆ โชคดีที่ทุกคนสวมเสื้อผ้าที่เป็นฉนวน แม้ว่าพวกเขาจะถูกฟ้าผ่า แต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ
อย่างไรก็ตามดินแดนแห่งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายยิ่งคุณเข้าไปลึกมากเท่าไหร่พลังของสายฟ้าก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
ในบางครั้งฟ้าร้องและฟ้าผ่าก็ตกลงมาเฉินหลงและพวกเขาต้องใช้ความแข็งแกร่งของตัวเองเพื่อต้านทานพลังของสายฟ้า
“นี่เป็นเพียงสาเหตุที่เกิดสนามแม่เหล็ก ใช่หรือไม่ พลังสายฟ้านี้ไม่ได้เป็นธรรมชาติเลย” เฉินหลงพูดในใจ “ แต่คนคนนั้นสามารถเอาหินเคลื่อนย้ายไปจากที่นี่ได้อย่างไร
เฉินหลงรู้ดีว่าผู้ชายที่นำ “หินเคลื่อนย้าย” ออกมาเป็นเพียงนักวิจัยทางวิทยาศาสตร์ธรรมดา เขาผ่านทุ่งระเบิดนี้ได้อย่างไรซึ่งยากที่จะผ่านแม้แต่กลุ่มของเขาเอง
ที่จริงเฉินหลงคิดผิด ฟ้าร้องและฟ้าผ่าในเขตทุ่นระเบิดแห่งนี้ไม่ได้รุนแรงทุกวัน บางครั้งแม้แต่คนธรรมดาก็สามารถเดินเข้าไปได้แม้ว่าพวกเขาจะสวมเสื้อผ้าที่เป็นฉนวนก็ตาม เป็นเพียงความโชคดีของเฉินหลงที่เขาได้พบกับวันที่ฟ้าคะนองรุนแรงที่สุด
เมื่อเขาไปด้านหลังเพราะพลังของฟ้าร้องและสายฟ้านั้นแข็งแกร่งเกินไป อู๋ห่าวจึงทำได้เพียงแค่ทำให้ฟ้าร้องและสายฟ้าหายไป
สิ่งที่ทำให้ฟ้าร้องและสายฟ้าหายไปคือเหล็กแหลมที่ติดบนปลายปืนของกองทัพคู่หนึ่งที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของอู๋ห่าว เมื่อฟ้าร้องและสายฟ้าฟาดลงมาที่ทีมของเขา เหล็กแหลมในมือของอู๋ห่าวก็จะสามารถขจัดสายฟ้าออกไป
เหล็กแหลมของอู๋ห่าวทำจากวัสดุที่ไม่รู้จัก พวกมันยิ่งสว่างขึ้นหลังจากโดนฟ้าผ่าหลายครั้ง
ภายใต้การคุ้มครองของอู๋ห่าว ในที่สุดพรรคพวกก็มาถึงถ้ำที่พบ “หินเคลื่อนย้าย” ซึ่งเป็นที่ตั้งของซากปรักหักพังโบราณด้วย
เมื่อเข้ามาในถ้ำฟ้าร้องและฟ้าผ่าภายนอกก็จะไม่ผ่าลงมาใส่หัวใครอีกต่อไป
ในถ้ำมีแคมป์เรียบง่าย ซึ่งมีชายและหญิง 2 คนกำลังดื่มน้ำและสนทนากันอยู่ มีเครื่องบางอย่างอยู่ข้างๆ เขา และมีแผนที่แปลก ๆ บนผนังถ้ำ
หลังจากที่เห็น เฉินหลงและพรรคพวกเข้าไปในถ้ำพวกเขาก็ชักปืนพกป้องกันตัวออกมาทันที
“ สหายเฮอชุนหัวหรือเปล่า” เมื่อเห็นชายทั้งสามคนรู้สึกกระวนกระวายใจอู๋ห่าวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลังจากได้ยินคำพูดของอู๋ห่าวทั้งสามคนก็ผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังถามอย่างระมัดระวัง“ คุณเป็นใคร?”
“เราได้รับสิ่งที่จางฮันเชงนำออกมาแล้วเราพร้อมช่วยเหลือคุณ” อู๋ห่าวกล่าวต่อ.
“จริงเหรอเยี่ยมมากคุณตรวจพบว่ามันคืออะไร” หญิงสาว1ในนั้น ถามด้วยความประหลาดใจว่า “หิน” คือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และโบราณคดีครั้งนี้ แน่นอนว่าเธอกังวลมากเกี่ยวกับผลลัพธ์
“สหายเฮอชุนหัว ชิ้นส่วนของวัสดุที่คุณพบหลังจากการทดสอบพบว่ามันไม่ใช่สิ่งที่อยู่บนโลกของเราแม้ว่ามันจะเสียหาย แต่ก็มีพลังงานที่แปลกประหลาดมากคราวนี้เรามาที่นี่เพื่อค้นหาความลับ” อู๋ห่าวไม่มีอะไรต้องปิดบัง
หลังจากได้ยินคำพูดของอู๋ห่าวใบหน้าของเฮอชุนหัวก็มีสีหน้าประหลาดใจ เมื่อเขาพบชิ้นส่วน เฮอชุนหัวก็รู้ว่ามันจะทำให้เขาประหลาดใจอย่างแน่นอน มันเป็นเรื่องจริง
เฮอชุนหัวอายุประมาณ 40 ปีรูปร่างหน้าตาธรรมดามาก แต่แววตาของเขาเผยให้เห็นถึงความหลงใหลที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อเป้าหมาย ความหลงใหลนี้เองที่ทำให้เขาเลือกชีวิตแบบนั้น
“ถ้าทำได้โปรดบอกเราว่าพบหินดำที่ไหน” อู๋ห่าวเห็นใบหน้าของเฮอชุนหัวแสดงสีหน้าประหลาดใจ แต่ไม่พูดอะไร เขาจึงพูดต่อ
“ คุณไม่พักผ่อนก่อนหรอ เพิ่งมามาจากข้างนอกนะ” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เฮอชุนหัวรู้ได้ว่าวันนี้เป็นวันที่ฟ้าร้องและฟ้าผ่ารุนแรงที่สุด คนที่ส่งมาจากเบื้องบนมีพลังจริงๆ
“ไม่ เราต้องเร่งไม่งั้น ไม่อย่างนั้นอาจมีคนอื่นเข้ามาคว้ามันไป” อู๋ห่าวกล่าว
เฮอชุนหัวพยักหน้าแล้วเขาและเพื่อนทั้งสองก็พากันไปหาเข้าไปในถ้ำลึก
ยิ่งเขาเข้าไปใกล้เขาก็ยิ่งรู้สึกถึงพลังงานแปลก ๆ ในขณะเดียวกันก็มีสัตว์ประหลาดบางตัวปรากฏอยู่ในภาพวาดบนผนังทั้งสองด้านของถ้ำ สิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีความคล้ายคลึงกับสัตว์กลายพันธุ์ใน “นิวเวิร์ล” แต่มีความคล้ายคลึงกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น บางทีสิ่งมีชีวิตที่น่าเกลียดอาจมีบางอย่างที่เหมือนกัน
หลังจากที่เฮอชุนหัวพาอู๋ห่าวและคนอื่น ๆ ไปยังพื้นที่ขนาดใหญ่ที่มีความสูงมากกว่า 100 เมตรเขาก็หยุดชี้ไปที่กองหินที่ดูเหมือนจะตกลงมาจากวัตถุหินขนาดใหญ่และพูดว่า “หินสีดำถูกพบในกองเหล่านั้น สงสัยว่าที่นี่เคยเป็นแท่นบูชาและหินชนิดนั้นน่าจะใช้เป็นวัสดุในการบูชายัญ”
มองไปที่กองหินอุโมงค์เฮอชุนหัวตื่นเต้นมาก
ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และโบราณคดีทุกคนหวังว่าสิ่งที่เขาค้นพบจะกลายเป็นการค้นพบครั้งสำคัญที่มีประโยชน์ต่อมนุษยชาติ เฮอชุนหัวก็ไม่มีข้อยกเว้น ความตื่นเต้นเป็นสิ่งที่เข้าใจได้
“ไปที่นั่นกันเถอะระวังตัวด้วย” อู๋ห่าวพยักหน้าแล้วพาเดินไปที่ก้อนหิน
เฉินหลงตามไปด้วย
ในสายตาของเฉินหลง นี่ไม่ใช่แท่นบูชา แต่เป็นฐานสำหรับลำเลียงหินพลังงานและหินเคลื่อนที่ ลองนึกภาพว่าเมื่อคุณเข้ามาในพื้นที่นี้ คุณจะได้ไปในที่ๆคุณอยากไป
TB:บทที่ 225 เฒ่าคงและเฒ่าซ่ง
เฉินหลงรู้สึกถึงพลังงานแปลก ๆ ก่อนหน้านี้ซึ่งน่าจะเป็นพลังงานที่เหลือจากอาร์เรย์เคลื่อนย้าย
เฉินหลงและกลุ่มของเขามีพลังมากกว่าพวกนักโบราณคดี พวกเขาใช้เวลาไม่มากในการหา หินวางตำแหน่งจำนวนมากจากกองหินเสีย ในเวลาเดียวกันยังพบหินสีเทาขนาดเท่ากำปั้น
ในหินชนิดนี้มีร่องรอยของพลังงาน แต่ตอนนี้พลังงานได้หายไปอย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามหินชนิดนี้ที่ไม่มีพลังงานก็แข็งเหมือนเพชร
หลังจากระบุตัวตนแล้วเฉินหลงได้ให้ชื่อว่า “หินเคลื่อนย้ายทรงพลัง“
หลังจากอยู่ในถ้ำเป็นเวลาสามวันเฉินหลงและพรรคพวกได้ค้นหาสถานที่แห่งนี้และพบหินตำแหน่งที่สมบูรณ์และหินพลังงานที่พบอยู่เบื้องหลังพวกเขา
ในที่สุดอู๋ห่าวก็เขียนลายเส้นบนก้อนหิน
แม้ว่าความเสียหายที่นี่จะละเอียดมาก แต่รูปแบบบางอย่างบนหินไม่สามารถทำได้ดีนัก แต่สิ่งที่สามารถค้นคว้าได้ก็ไม่สามารถสูญเปล่าได้
“เฒ่าอู๋อย่าปิดบังสิ่งดีๆคุณควรแบ่งปันให้คนอื่นบ้าง”
ขณะที่อู๋ห่าวและพรรคพวกกำลังจะออกจากถ้ำก็มีเสียงจากนอกถ้ำ
เมื่อได้ยินเสียง อู๋ห่าวก็ขมวดคิ้ว
“เฒ่าซ่งนั่นเอง เราไม่มีสมบัติอะไรที่นี่ หินเหล่านี้แตกแล้วทั้งหมด ถ้าคุณชอบฉันสามารถแบ่งคุณได้นะ” อู๋ห่าวกล่าวเบา ๆ
อู๋ห่าวไม่แปลกใจที่ชายชคนนี้จะตามเขามาเร็วขนาดนี้
หลังจากอู๋ห่าวพูดจบก็มีคนสองคนปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา
“ วันนี้ลมพัดแบบไหน เหลาคง ถึงมาพร้อมกับเหลาซ่ง” เมื่อมองไปที่คนทั้งสองที่ปรากฏใบหน้าของอู๋ห่าวปรากฏร่องรอยด้วยความประหลาดใจ
มีสองคนคนหนึ่งมีผมทรงกระเรียนและคิ้วยาวสองข้างมีรอยยิ้มบนใบหน้า พวกเขาดูใจดีมาก
อีกคนมีคิ้วยาวและตาแหลมทำให้รู้สึกอึดอัด
ขอบเขตของคนทั้งสองนี้คือ “หลอมรวมธรรมชาติ”
“เราได้ยินมาว่าเฒ่าอู๋เจออะไรดีๆเราก็มาดูด้วยกันหวังว่าคุณจะไม่ซ่อนสิ่งดีๆไว้” ชายผู้มีรอยยิ้มบนใบหน้าพูดขึ้น
“เหลาซ่ง ฉันบอกว่ามันเป็นหินที่แตกแล้วถ้าชอบฉันจะจัดให้” อู๋ห่าวพูดพลางมองไปที่ชายผมกระเรียน
นี่คือผู้อาวุโสซ่ง
“ใช่”
ซ่งเจียเทียนไม่ได้พูดอะไร แต่ชายชราที่มีคิ้วเต๋าอยู่ข้างๆเขาเปิดปากและพูดคำว่า “ใช่” ตัวตนของชายชราที่มีคิ้วคล้ายกับซ่งเจียเทียน เขาคงหวันเต๋าผู้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลคง
อู๋ห่าวออกปฎิบัติการด้วยตยเอง เห็นได้ว่าสิ่งที่พวกเขากำลังมองหานั้นจะต้องไม่ธรรมดา นอกจากนี้เฉินหลงยังอยู่ที่นี้ ซ่งเจียเทียนไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเอง ถ้าเขาอยากได้ส่วนแบ่งจากมือของอู๋ห่าวเขาต้องหาผู้ช่วยเขาจึงดึงคงหวันเต๋าเข้ามา
แม้ว่าคงอี้หยานและเฉินหลงจะมีเรื่องบาดหมาง แต่ก็ไม่มีความขัดแย้งใด ๆ ระหว่างพวกเขา อย่างไรก็ตามหลังจากที่คงอี้หยานพูดคุยเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเฉินหลงและความสัมพันธ์ของเขากับลั่วฮุ่ย เฉินหลงก็กลายเป็นศัตรูกับตระกูลคง ศัตรูที่เต็มไปด้วยศักยภาพเช่นนี้จะต้องถูกกำจัดโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาอยู่ในเมืองหลวงตระกูลคงไม่มีโอกาส ท้ายที่สุดแล้วหวังหงก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเฉินหลง แต่เขาก็เป็นกลาง ตระกูลคงไม่จำเป็นต้องตั้งตัวเป็นศัตรูของผู้อยู่ในระดับหลอมรวมธรรมชาติเพราะเฉินหลง
ครั้งนี้เฉินหลงตามหู่อู๋ห่าวไปที่ “ประตูนรก” นั่นคือโอกาสที่ดีที่สุด ปล่อยให้เฉินหลงอยู่ในขุมนรกตลอดไป
ดังนั้นคงหวันเต๋าจึงเข้าร่วมกับซ่งเจียเทียนโดยธรรมชาติ
อู๋ห่าวไม่ได้โต้แย้ง แต่ขอให้เกาเฟิงเสี่ยวส่งหินกำหนดตำแหน่งและส่งหินไปให้พวกเขาแต่ละคน
อย่างไรก็ตามซ่งเจียเทียนและคงหวันเต๋าไม่ได้รับมัน ซ่งเจียเทียนมองไปที่อู๋ห่าวแล้วพูดว่า “เฒ่าอู๋คุณคงไม่ได้เห็นพวกเราเป็นขอทานใช้ไหมถึงให้หินแค่ 2-3 ก้อนนี้”
เมื่อนั้นรอยยิ้มของซ่งเจียเทียนก็ค่อยๆแผ่วลง
และคงหวันเต๋าที่อยู่ข้างๆซ่งเจียเทียนยังปลดปล่อยพลังที่ทรงพลังราวกับมีด
“ คุณหมายความว่าอย่างไรคุณหมายความว่าทั้งสองครอบครัวของคุณร่วมมือกันเพื่อต่อต้านพวกเรางั้นหรือ?” แม้ว่าคงหวันเต๋าและซ่งเจียเทียนจะร่วมมือกัน แต่อู๋ห่าวก็ยังคงสงบอยู่มาก
ตระกูลชนชั้นสูงทั้งสี่อยู่ในสถานการณ์ของการตรวจสอบและถ่วงดุลซึ่งกันและกันในเมืองหลวงดังนั้นพวกเขาจึงถือได้ว่าสงบสุข อย่างไรก็ตามหากทั้งสองตระกูลเป็นพันธมิตรกันสถานการณ์จะเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน นี่คือสิ่งที่ “กลุ่มซีโร่” และอีกสองตระกูลไม่ต้องการเห็น ด้วยวิธีนี้กลุ่มซีโร่จะชักชวนให้สองตระกูลที่เหลือต่อสู้ร่วมกันซึ่งเป็นสิ่งที่ตระกูลชนชั้นสูงทั้งสี่ไม่ต้องการ
ดังนั้นอู๋ห่าวจึงเชื่อว่าทั้งสองตระกูลจะไม่เป็นพันธมิตรกัน
แน่นอนว่าซ่งเจียเทียนพูดว่า “ถ้าเพียงก้อนหิน 2-3ก้อนนี้พวกเราคงไม่เป็นพันธมิตรกัน อีกอย่างไม่ต้องเป็นกังวลไปพวกเราเป็นพันธมิตรกันเฉพาะกิจเท่านั้น”
คงหวันเต๋าไม่ได้พูด แต่พยักหน้าเห็นด้วยกับซ่งเจียเทียน
พันธมิตรจะทำได้เมื่อจำเป็นจริงๆเท่านั้น ตอนนี้กองกำลังของแต่ละตระกูลใกล้เคียงกันไม่จำเป็นต้องทำลายสมดุลระหว่างพวกเขา แน่นอนว่าหากมีกองกำลังระดับสูงอีกสองกองกำลังสถานการณ์จะแตกต่างกัน
“เหตุผลของนายเก็บไว้พูดให้เด็กฟังเถอะ” จู่ๆอู๋ห่าวก็มีคำพูดติดตลกขึ้นมา
ทันทีที่คุณพูดแบบนี้ไม่เพียง แต่ซ่งเจียเทียนและคงหวันเต๋าเท่านั้นที่พูดไม่ออก แต่ยังเกาเฟิงเสี่ยวและพวกเขาไม่รู้จะพูดอะไร คุณยังคงเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่ระดับหลอมรวมธรรมชาติอยู่หรือไม่? ขอแซวหน่อย
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เราจะไปก่อน” อู๋ห่าวมองไปที่ซ่งเจียเทียนเงียบ ๆ และเริ่มเตรียมนำทีมออกเดินทาง
“เดี๋ยวก่อน ท่านจะไม่ฟังพวกเราหน่อยหรอ” เห็นอู๋ห่าวเป็นคนมีฝีมือเก่าและพร้อมที่จะจากไปซ่งเจียเทียนปิดกั้นอู๋ห่าวต่อหน้าเขา
แม้แต่ในสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ก็มีปรมาจารย์ระดับหลอมรวมธรรมชาติไม่มากนัก บุคลิกภาพของทุกคนมีลักษณะเฉพาะของตัวเอง ตัวอย่างเช่นซ่งเจียเทียน เสแสร้งเป็นคนดี ทำราวกับว่าทุกคนเป็นหนี้เขาหลายร้อยล้านและอู๋ห่าวก็เป็นเหมือนพวกไม่สนใจอะไร
“ในเมื่อตอนแรกพวกคุณต้องการหิน ฉันก็ให้ไปแล้ว และมาตอนนี้ฉันต้องการจะไป ยังมาขวางทางอีกหรอ อย่าทำตัวเป็นคนพาลหน่อยเลย” อู๋ห่าวก็เริ่มแข็งกร้าวขึ้นในเวลานี้
“หยุดพูดเรื่องไร้สาระซะที” คงหวันเต๋าดุซ่งเจียเทียน
“แบ่งหินที่คุณได้รับในครั้งนี้ออกเป็นสามส่วน แบ่งกัน และเขาต้องอยู่ จากนั้นพวกนายไปได้” ซ่งเจียเทียนกล่าวแล้วชี้นิ้วไปที่เฉินหลง
TB:บทที่ 226 ของขวัญ
เมื่อเห็นว่าซ่งเจียเทียนชี้ไปที่ตัวเองเฉินหลงก็แปลกใจ
“เขาเป็นสมาชิกคนหนึ่งของกลุ่มซีโร่ของฉันถ้าคุณต้องการตัวเขา คุณต้องคำนึงถึงฉันด้วย” เมื่อได้ยินว่าซ่งเจียเทียนต้องการใครสักคนตรงหน้าเขาอู๋ห่าวก็โกรธมากและแรงผลักดันของเขาก็พุ่งออกมาจากร่างของอู๋ห่าว
แม้ว่าตัวละครของอู๋ห่าวจะดูลื่นไหล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะถูกรังแกได้ นอกจากนี้เฉินหลงซึ่งถูกกำหนดให้ได้รับการคุ้มครอง ไม่สามารถมอบเขาให้ตามคำพูดของซ่งเจียเทียน
“ฝีมือดี อย่าผิดพลาด ความแข็งแกร่งของคุณสูงกว่าเราหนึ่งเท่า แต่คุณไม่มีโอกาสชนะเราได้ทั้งสองคน” ซ่งเจียเทียนเห็นว่าอู๋ห่าวพร้อมที่จะเริ่มแล้วเขารีบบอกออกไป
ถ้าซ่งเจียเทียนและคงหวันเต๋าร่วมมือกัน อู๋ห่าวไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแน่นอน แต่ถ้า ซ่งเจียเทียน ต้องการต่อสู้เขาอาจจะใช้คงหวันเต๋าเพื่อปิดกั้นอู๋ห่าว จากนั้นตัวเขาเองก้เล็งเป้าหมายไปที่ เฉินหลง
“ไม่มีโอกาสหรอกเขาเป็นคนของฉัน ฉันจะปกป้องเขา ถ้าคุณต้องการจัดการกับเขาคุณต้องข้ามศพฉันไปก่อน” อู๋ห่าวกล่าวอย่างสง่าผ่าเผย ในตอนนี้เขาไม่ได้ดูกะล่อนเลย
“อู๋ห่าว หลีกทางไปสิ” ขณะที่เขาพูดแบบนี้ร่างกายของคงหวันเต๋าก็ขยับและฝ่ามือของเขาก็กลายเป็นมีด เขาโจมตีอู๋ห่าวด้วยพลังที่สะสมมานาน
“ เฉินหลงคุณไปก่อนฉันจะหยุดพวกเขาเอง” จากนั้นอาวุธของอู๋ห่าวก็พุ่งออกมาจากหลังของเขาหนึ่งตัดไปยังคงหวันเต๋าและอีกอันไปที่ซ่งเจียเทียน
เฉินหลงไม่ละความกล้า เมื่ออู๋ห่าวบล็อคคงหวันเต๋าเขาก็วิ่งไปที่ถ้ำทันที
“ ตระกูลซ่ง, ตระกูลคง, ความกรุณาที่ยิ่งใหญ่ของพวกคุณในวันนี้, ฉันเฉินหลงจะจดจำเอาไว้, ในอนาคตฉันจะไปส่งของขวัญในสองตระกูลเป็นการส่วนตัว”
ในเวลานี้มีเสียงมาจากรู
ซ่งเจียเทียนต้องการไล่ล่าเฉินหลง แต่ถูกอู๋ห่าวขัดขวาง ด้วยความแข็งแกร่งของอู๋ห่าว เขายังสามารถขัดขวางได้ในเวลาสั้นๆ
ในตอนนี้มีดเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือของคงหวันเต๋าและมีดที่ยึดกับวงล้อกลมตรงหน้าเขา
ในขณะเดียวกันซ่งเจียเทียนที่ แต่เดิมมีความกรุณาและใจดีจู่ๆก็มีรูปร่างใหญ่โตและใบหน้าของเขาก็ดุร้าย เขาชกล้อกลมที่อยู่ข้างหน้า
การเคลื่อนไหวนี้ตกทอดโดยตระกูลซ่งเ มันเป็นทักษะเฉพาะที่เรียกว่า “เลือดมังกรต้าฟา” สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองด้วยวิธีการลับ
“ติ๊ง”
“ตู้ม”
หลังจากที่หมัดของซ่งเจียเทียนและมีดของคงหวันเต๋าปะทะเข้ากับวงล้อกลมก็กระเด็นออกทันทีและเลือดของอู๋ห่าวก็พุ่งออกมา
“คิดว่าแค่นี้จะทำอะไรฉันได้งั้นหรอ” แม้ว่าอู๋ห่าวจะบาดเจ็บแต่เขาก็ยังคงส่งอาวุธโจมตีไปที่ซ่งเจียเทียน
ยังมีเวลาเล็กน้อยที่จะบล็อกพวกเขา เขาเชื่อว่าด้วยความแข็งแกร่งของเฉินหลง เขาต้องวิ่งไปไกลแล้ว จากนั้นตั้งสมาธิที่คน ๆ เดียว ในหมู่พวกเขาซ่งเจียเทียนเป็นสิ่งที่น่ารำคาญที่สุดสำหรับอู๋ห่าวดังนั้นเขาจะจัดการชายคนนี้ก่อน
เมื่อเห็นอู๋ห่าวหันมาจัดการกับตัวเองซ่งเจียเทียนก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ความแข็งแกร่งของอู๋ห่าวแข็งแกร่งกว่าตัวเขาเอง แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่เขาก็มีอิทธิพลเพียงเล็กน้อย เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอู๋ห่าวในตอนนี้
“ เฒ่าคงมาช่วยเร็ว” ซ่งเจียเทียนรีบพูดกับคงหวันเต๋า
อย่างไรก็ตามในเวลานี้เขาพบว่าคงหวันเต๋าไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว
“เดี๋ยวก่อนฉันจะไล่ตามเจ้าหนุ่มนั่น”
ในตอนนี้เสียงของคงหวันเต๋าดังมาจากหลุม
“ไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์” เมื่อได้ยินเสียงของคงหวันเต๋ามาจากถ้ำซ่งเจียเทียนก็บ่นอย่างขมขื่น
อย่างไรก็ตามซ่งเจียเทียนที่ติดอยู่ในถ้ำสามารถต้านทานการโจมตีของอู๋ห่าวได้เพียงลำพัง
“ไม่ต้องพูดมาก ในเมื่อกล้ายั่วยุฉัน ก็ต้องยอมรับผลตอบแทน” อู๋ห่าวกำลังโจมตีและปากของเขายังคงพึมพำ
สองล้อของอู๋ห่าวเป็นการผสมผสานระหว่างอาวุธ แม้พวกมันจะดูไม่แข็งแกร่ง แต่เมื่อรวมกันแล้วพวกมันสามารถทำให้ซ่งเจียเทียนร้องไห้หาพ่อและแม่ของเขาได้
แม้ว่า ทักษะเลือดมังกรของซ่งเจียเทียนจะแข็งแกร่ง แต่ก็สามารถทำร้ายอู๋ห่าวได้เพียงสองครั้งและในไม่ช้าสองล้อก็ฟันร่างของซ่งเจียเทียนจนเป็นแผล อย่างไรก็ตามในไม่ช้าบาดแผลก็ฟื้นตัว
“ผู้เฒ่าอู๋ ฉันยอมแพ้พวกเราไม่ต้องต่อสู้อีกแล้วเพียงมอบหินให้ฉันคนละหนึ่งก้อน ฉันก็จะไปจากที่นี่” ซ่งเจียเทียนไม่อยากทะเลาะกับอู๋ห่าวอีก
“ตกลงเอาก้อนหินแล้วไปเลย” อู๋ห่าวหยุดการโจมตี
แม้ว่าซ่งเจียเทียนจะเป็นคนเจ้าเล่ห์ แต่เขาก็ยังคงรักษาคำพูดของเขา
หลังจากเอาหินสองชนิดจากมือเกาเฟิงเสี่ยว ซ่งเจียเทียนก็รีบออกไป
“ คุณกลับไปกับก้อนหินและสหายเฮอชุนหัวก่อนฉันจะไปพบคุณหลังจากพบเฉินหลงแล้ว” หลังจากซ่งเจียเทียนจากไปแล้วอู๋ห่าวก็พูดกับเกาเสี่ยวเสี่ยวและคนอื่น ๆ
เนื่องจากซ่งเจียเทียนบอกว่าจะออกไปไม่โจมตีเกาเฟิงเสี่ยว ถ้าเขาทำเช่นนั้นอู๋ห่าวจะกล้าโจมตีตระกูลซ่งเมื่อเขากลับไป
หลังจากนั้นอู๋ห่าวก็ออกจากถ้ำอย่างรวดเร็วดูร่องรอยบนพื้นแล้ววิ่งไปด้านหนึ่ง
หลังจากไล่ตามไประยะหนึ่งแล้วอู๋ห่าวก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าคงหวันเต๋าถูกฟ้าผ่าขวางทางข้างหน้า
“ เฒ่าคงทำไรอยู่เล่นกับสายฟ้างั้นหรอ” เมื่อเห็นว่าคงหวันเต๋าถูกดักด้วยสายฟ้าทางของเขาถูกปิดกั้นแสดงว่าเฉินหลงไม่เป็นอันตราย อู่ห่าวรู้สึกใจชื้นมากขึ้น
เมื่อเห็นสีหน้าแสดงความเกลียดชังบนใบหน้าของอู๋ห่าวคงหวันเต๋าอยากจะตัดเขาสักสองสามครั้ง แต่ตอนนี้เขายุ่งเกินกว่าจะรับมือกับฟ้าร้องและฟ้าผ่าที่นี่ อย่างไรก็ตามในตอนนี้หัวใจของคงหวันเต๋ากำลังตกตะลึงเพราะเขาติดอยู่ในสายฟ้านี้เป็นผลงานชิ้นเอกของเฉินหลง
หลังจากที่เฉินหลงออกจากถ้ำเขาก็วิ่งต่อไปยังหุบเขาทันที
ในขณะนี้ฟ้าร้องและฟ้าผ่ายังคงรุนแรง แต่ระฆังทองสิบสองชั้นของเฉินหลงช่วยให้เขาอยู่ท่ามกลางสายฟ้าแลบได้โดยไม่มีข้อจำกัด
“ ตระกูลซ่งตระกูลคงรอก่อนเถอะ ฉันจะตอบแทนบุญคุณความแค้น” เฉินหลงพูดในใจ
อย่างไรก็ตามเฉินหลงคิดเช่นกันว่าอู๋ห่าวไม่สามารถปิดกั้นเฒ่าคงและเฒ่าซ่งได้นานเกินไปเขาจึงทำได้เพียงขยับมือและเท้าเพื่อหลบหนี
และดินแดนแห่งฟ้าร้องและฟ้าผ่านี้เป็นสถานที่ที่ดีที่สุด
อาศัยพลังของฟ้าร้องและฟ้าผ่า ตราบเท่าที่พลังของฟ้าร้องและสายฟ้าแข็งแกร่ง ก็เพียงพอที่จะขัดขวางระดับหลอมรวมธรรมชาติได้
น่าเสียดายที่พลังของฟ้าร้องและสายฟ้าที่นี่อ่อนแอเล็กน้อย เป็นไปไม่ได้ที่จะสังหารผู้แข็งแกร่งในระดับหลอมรวมกับธรรมชาติ แต่สามารถทำได้แค่ขัดขวางเอาไว้ชั่วคราว
ดังนั้นเฉินหลงจึงตั้งใจใช้ที่นี่
หลังจากนั้นไม่นานคงหวันเต๋าก็ไล่ตามเฉินหลงมา เมื่อเห็นว่าเฉินหลงถูกดักด้วยฟ้าร้องและฟ้าผ่า เขาจึงกระโดดใส่เฉินหลง
เมื่อคงหวันเต๋าวิ่งเข้าไปในพื้นที่ เฉินหลงยิ้มให้เขาและหายไปจากพื้นที่
คงหวันเต๋าถูกฟ้าผ่าในนั้นทันที ฟ้าร้องและฟ้าผ่านับไม่ถ้วนตกลงมาที่คงหวันเต๋า เขาทำได้เพียงยกมือป้อง กั้นตัวเองจากสายฟ้า
“พลังของคุณแข็งแกร่งกว่าฉันมาก แต่ฉันปล่อยให้คุณไปไม่ได้ นี่เป็นของขวัญที่ฉันให้คุณสนุกกับมันเลยนะเนี่ย” เฉินหลงกล่าวเสร็จแล้วก็จากไป
TB:บทที่ 227 หายไป
คงหวันเต๋าซึ่งติดอยู่ในโซนฟ้าร้อง ไม่ได้ออกจากที่นั่นจนกระทั่งสามวันต่อมา หากฟ้าร้องและฟ้าผ่าไม่ได้ทำให้เขาอ่อนแรงลง เขาอาจถูกขังอยู่ในนั้นแน่ๆ อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะหลุดพ้นมาได้ แต่เขาก็อ่อนแอมากเช่นกัน
อย่างไรก็ตามจู่ๆเฉินหลงก็หายตัวไป
เดิมทีอู๋ห่าวคิดว่าเฉินหลงจะกลับมาจากถนนสายอื่น แต่เฉินหลงไม่กลับมาเลย เฉินหลงหายไป
มีเพียงไม่กี่คนที่รู้เกี่ยวกับการหายตัวไปของเฉินหลง สำหรับครอบครัวของเฉินหลงดูเหมือนว่าพวกเขาไม่รู้จะทำอย่างไรกับการหายตัวไปของเฉินหลง
ส่วน บริษัท เว่ยหลงของเฉินหลงไม่จำเป็นต้องให้เฉินหลงเป็นผู้ควบคุม โดยมีเจิงอี้และซวีหมิงเหม่ยที่เป็นผู้ควบคุมด้วยความช่วยเหลือของรัฐทุกอย่างก็ดำเนินไปตามปกติ ยกเว้นไม่กี่คนไม่มีใครสังเกตเห็นการหายตัวไปของเฉินหลง
แล้วเฉินหลงไปไหน
ในความเป็นจริงแม้แต่เฉินหลงเองก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน
หลังจากที่เขาวางกับดัก คงหวันเต๋า วันนั้นเฉินหลงก็เดินต่อไปที่หุบเขา เขาไม่รู้ว่าซ่งเจียเทียนยอมแพ้แล้วหรือยังคงอยู่ห่างออกไปเล็กน้อยและมองหาทางกลับ
ขณะที่เฉินหลงไปไกลขึ้นฟ้าร้องและฟ้าผ่าก็อ่อนลงและอ่อนแอลง ในที่สุดฟ้าร้องและฟ้าผ่าก็หายไป เฉินหลงออกมาจากป่าแห่งหนึ่งซึ่งค่อนข้างมืดมน
หลังจากดูป่าสักพัก เฉินหลงก็ตัดสินใจเดินเข้าไปที่ป่าซึ่งเต็มไปด้วยฟ้าร้องและฟ้าผ่า
อย่างไรก็ตามทันทีที่เฉินหลงก้าวเข้ามาในป่าเขาก็รู้สึกได้ถึงโลกที่หมุนวน เฉินหลงทำได้เพียงส่งข่าวถึงเจิงอี้โดยขอให้เขาบอกครอบครัวว่าเขาจะออกไปทำธุรกิจเพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ต้องกังวลและหมดสติไป
เมื่อนเฉินหลงตื่นขึ้นมาอีกครั้งเขายังคงอยู่ในป่า แต่เฉินหลงแน่ใจมากว่านี่ไม่ใช่ป่าที่เขามาเพราะต้นไม้ทุกต้นในป่านี้มีขนาดใหญ่กว่าต้นที่เขาเข้ามาหลายสิบเท่า ต้นไม้ทุกต้นที่นี่สูงตระหง่านเป็นก้อนเมฆและใบไม้หนาทึบปกคลุมท้องฟ้าทำให้เฉินหลงไม่สามารถรู้ได้ว่าเป็นกลางวันหรือกลางคืน
“ ที่นี่คืออะไร เรายังอยู่บนโลกหรือเปล่านี่” เฉินหลงคิด
จากนั้นระบบอัจฉริยะก็ยืนยันความคิดของเฉินหลง นี่ไม่ใช่แผ่นดินโลก
“มีอะไรเหรอฉันแค่เข้าไปในป่าและมาถึงที่นี่” หลังจากระบบอัจฉริยะยืนยันว่านี่ไม่ใช่โลกเฉินหลงก็รู้สึกตื่นเต้น
แม้ว่าเขาจะถูกจับตามองจากเฒ่าซ่งและเฒ่าคง ที่อยู่บนโลก แต่เฉินหลงก็มีแผนที่จะซ่อนตัวอยู่พักหนึ่ง แต่เขาก็ไม่ต้องการจากโลกนี้ไป เขายังมีครอบครัวเพื่อนและอาชีพ ตอนนี้เขาถูกบรรจุลงในสถานที่แห่งนี้แล้ว มันน่าแปลกที่เขาจะไม่ตื่นเต้น
ขณะที่กำลังตื่นเต้นกำปั้นของเฉินหลงชกไปที่ต้นไม้ใหญ่รอบตัวเขา ถ้าเขาไม่ระบายสักทีตอนนี้เฉินหลงก็จะไม่สงบลง
เมื่อเฉินหลงลองชกไปที่ต้นไม้ เขาพบว่าต้นไม้นั้นแข็งมาก เปลือกไม้กระเทาะออกเพียงหน่อยเดียว
แม้ว่าเฉินหลงไม่ได้ใช้กำลังทั้งหมด แต่ต้นไม้ก็สูญเสียเปลือกไม้ไปบางส่วนซึ่งแข็งเกินไป
อย่างไรก็ตามต้นไม้นี้แข็งได้ในเวลาที่เหมาะสม เฉินหลงพยายามระบายความโกรธของเขา เท่านั้นเฉินหลงโจมตีอย่างดุเดือด
ภายใต้ความแข็งแกร่งของเฉินหลงต้นไม้ใหญ่หักโค่นล้มลงทีละต้น
หลังจากหักต้นไม้ใหญ่หลายสิบต้นแล้วเฉินก็สงบลง
“ลืมไปซะเถอะอย่างน้อย ตอนนี้เราก็ปลอดภัย เนื่องจากมาที่นี่ได้ ฉันเชื่อว่าจะมีทางกลับไป” เฉินหลงมองไปรอบ ๆ ตัวเขาแล้วพูดในใจ
ขณะที่เฉินหลงกำลังจะหาต้นไม้ปีนขึ้นไปจู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างในหู ดูเหมือนว่าปริมาตรของวัตถุที่เคลื่อนที่ควรมีขนาดใหญ่มาก
สิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้จักเหล่านั้นมาเร็วมากและในไม่ช้าก็มาถึงหน้าเฉินหลง
เมื่อเขาเห็นสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นเฉินหลงรู้สึกประหลาดใจ เหมือนจะเห็นเดจาวู
สิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้าเขาคือสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์สามตัวที่คล้ายกับแมงมุมบนโลกมาก อย่างไรก็ตามความรู้สึกของเฉินหลงไม่ได้มาจากการที่สิ่งนี้ดูเหมือนแมงมุม แต่เป็นการที่เฉินหลงได้เห็นสิ่งมีชีวิตที่คล้ายคลึงกันใน “นิวเวิร์ล”
อย่างไรก็ตามแมงมุมตัวใหญ่ทั้งสามนี้ไม่สามารถรอให้เฉินหลงกลับไปหาพระเจ้าได้ซึ่งแมงมุมทั้งสามพ่นใยไปที่เฉินหลง
ยิ่งไปกว่านั้นใยแมงมุมยังมีสีฟ้า ดูเหมือนว่าใยไหมจะต้องมีพิษ
“อืม มาถึงก็ได้สู้เลยแม้แต่ใยไหมที่มีพิษก็เหมือน ” นิวเวิร์ล ” แล้วแมงมุมนี่คืออะไรเนี่ย เฉินหลงคิดในขณะที่ใช้ระฆังทอง มองไปที่แมงมุมตัวใหญ่ทั้งสาม
แมงมุมชนิดนี้เรียกว่าแมงมุมขนปุยในนิวเวิร์ล ซึ่งเป็นเพราะขนปุยมาก อย่างไรก็ตาม อย่าประมาทเด็ดขาด เพราะขนปุยนั่นอาจเป็นอันตรายได้ ขนปุยบนร่างกายนี้ไม่เพียงแต่มีพิษสูงเท่านั้น แต่ยังสามารถจะฉีกเนื้อชิ้นใหญ่ออกจากตัวคุณได้ด้วย
แน่นอนว่าแมงมุมชนิดนี้ยังคงมีคุณค่าในการใช้งานเช่นเดียวกับขาของมันยังมีฟันแหลมคม และใยแมงมุมที่มีประโยชน์
อย่างไรก็ตามแมงมุมชนิดนี้ดูใหญ่ แต่ความแข็งแกร่งเราไม่รู้ เป็นเหมือนซุปเปอร์มาสเตอร์ ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเฉินหลงเขาสามารถสังหารพวกมันได้
ใยแมงมุมนุ่มนิ่มพันอยู่บนระฆังทองซึ่งไม่เป็นภัยคุกคามต่อเฉินหลง แต่อย่างใด
เมื่อเห็นใยแมงมุมไร้ประโยชน์แมงมุมขนปุยทั้งสามก็แทงเฉินหลงทันทีด้วยเท้ายาวอันแหลมคมของพวกมันพยายามแทงเหยื่อตรงหน้าด้วยขาที่แหลมคม
“ฉันมาที่ที่ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร แถมฉันยังถูกโจมตีโดยแมงมุมสองสามตัวที่ไม่รู้มาจากไหน ถ้าอย่างนั้นคงต้องแสดงฝีมือสักหน่อยแล้ว”
จากนั้นเฉินหลงก็มี “มีดดาบ” อยู่ในมือ
“ ถ้าอยากตายก็ตายเพื่อฉัน”
“ ภูเขาดาบ”
มีดจำนวนนับไม่ถ้วนหั่นแมงมุมขนปุยสามตัว
ในไม่ช้าแมงมุมขนปุยทั้งสามก็ถูกแยกชิ้นส่วนออกเป็นชิ้น ๆ ภายใต้ “ภูเขาดาบ” ของเฉินหลง
หลังจากกำจัดแมงมุมขนปุยทั้งสามตัวแล้วความโกรธในใจของเฉินหลงก็ถือได้ว่าเป็นการระบาย
เมื่อเฉินหลงกำลังจะปีนต้นไม้อีกครั้งเขาพบว่ามีของสุกใสสามอย่างในกองซอสเนื้อและแขนขาหัก
เฉินหลงไปที่นี่และหยิบขึ้นมาดู
พวกมันเป็นคริสตัลสีน้ำเงินสามอัน หลังจากที่เฉินหลงจับมือเขาเขาก็รู้สึกคุ้นเคย
ในตอนนี้จู่ๆเฉินหลงก็หยิบหินพลังงานออกมาซึ่งไม่มีพลังงานและอยู่ในซากโบราณนั้น
“มันก็เหมือนกับมันรู้สึกเหมือนมัน แต่คริสตัลสีฟ้านี้มีพลังงานน้อยเกินไปอย่างไรก็ตามเนื่องจากสิ่งมีชีวิตที่นี่มีลักษณะคล้ายกับสัตว์ที่อยู่ในนิวเวิร์ลจึงต้องมีสัตว์ประหลาดที่ทรงพลังมากกว่านี้พวกมันต้องมีหินพลังงานที่แข็งแกร่งกว่า ในร่างกายของพวกมัน เราสามารถฆ่าและรวบรวมหินพลังงานแล้วพยายามหาทางกลับไป” ด้วยศิลาพลังงานสีน้ำเงิน ทำให้หัวใจของ ‘เฉินหลง’ เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่ไม่สิ้นสุด “ ยังไงก็ตามฉันยังมีระบบเถาเป่าที่แข็งแกร่งที่สุด ต้องมีทางให้ฉันกลับไปแน่นอน”
TB:บทที่ 228 ภาษาถิ่น
เฉินหลงเอาหินพลังสีฟ้าออกจากแมงมุมแล้วปีนขึ้นต้นไม้
ปีนขึ้นไปบนต้นไม้เฉินหลงมองดูวงกว้างและตะลึงไปชั่วขณะเพราะสถานที่ทั้งหมดที่เขาเห็นเป็นต้นไม้สูงขนาดนั้น เขาถูกขังอยู่ในป่าแห่งนี้
ลองเข้าไปในระบบสิว่าเข้าได้ไหม?
หลังจากเข้าสู่ระบบเฉินหลงก็โล่งใจ เขากลัวว่าจะเข้าระบบไม่ได้
หลังจากเข้าสู่ระบบแล้วเฉินหลงก็ค้นหารายการที่จะส่งต่อทันที
อย่าบอกว่ามีรายการดังกล่าวในระบบ
“รูหนอนขนาดเล็ก ขายโดย น๊อคคีตรอน ของระบบ เซนเดอร์ บนเครื่องเทคโนโลยี วิธีการใช้งานคือสุ่มสถานที่ หลังจากเข้าสู่รูหนอน ขอแนะนำว่าอย่าใช้รูหนอนหากมีคะแนนไม่ถึงหนึ่งล้านคะแนน”
“อุปกรณ์ส่งสัญญาณทางไกลขายโดยปานามา จากดินแดนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดาวเคราะห์ชั้นสูง วิธีการใช้งานคือการตั้งจุดส่งสัญญาณทางไกลสองจุดในดาวเคราะห์และการส่งสัญญาณสามารถดำเนินการทางสายได้ สะดวกและรวดเร็ว ราคา 200,000 คะแนน“
“สำหรับพื้นที่เคลื่อนย้ายตำแหน่ง ผู้ขาย อยู่ห่างจากโลกแห่งความเป็นอมตะและอัศวินผู้หลงผิดเป็นพันเท่าวิธีใช้คือใช้หินพลังงานเพียงพอที่จะส่งตัวเองไป ใช้ 300,000 คะแนน
……
ดูเหมือนว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในระบบในครั้งนี้ ในอดีตวัตถุทั้งหมดที่ค้นหาเป็นของกาแล็กซี่หรือดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง แต่ตอนนี้มีระนาบหนึ่งซึ่งอาจเกิดจากวัตถุที่ค้นหาโดยเฉินหลง
อย่างไรก็ตามหลังจากค้นหาระบบเฉินหลงไม่พบวิธีที่จะทำให้เฉินหลงกลับมายังโลกได้อย่างแม่นยำ ท้ายที่สุดแล้วระบบเถาเป่าที่แข็งแกร่งที่สุด ไม่ใช่ทุกสิ่งที่จะปรากฏในนั้น นี่เป็นเพียงแพลตฟอร์ม อาจมีวิธีที่จะทำให้เฉินหลงพร้อมกลับสู่พื้นโลก แต่ด้วยเหตุผลบางประการผู้ขายบางรายจึงยังไม่ปรากฏ
“ดูเหมือนว่าคราวนี้ฉันต้องหาพื้นที่เทเลพอร์ตที่อาจมีอยู่ เพื่อกลับมายังโลก และจะได้กลับไปแก้แค้นซะ“
เฉินหลงกระโดดลงจากต้นไม้และมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก
เดินไปใต้ต้นไม้ทำไม? เป็นเพราะจะมีมอนสเตอร์จำนวนมากขึ้นอยู่ใต้ต้นไม้เพื่อให้เฉินหลงสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งของเขาได้
ไปทางทิศตะวันออกทำไม? เป็นเพราะมังกรอยู่ในภาคตะวันออก
ในความคิดของเฉินหลงมีความคิดอีกอย่างหนึ่งนั่นคือเขาต้องการเห็นว่าโลกนี้เหมือนกับ “นิวเวิร์ล” หรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นเฉินหลงอาจจะได้รับคำตอบจากมัน
นอกเหนือจากการเดินทางไปทางทิศตะวันออกของเฉินหลงสิ่งมีชีวิตที่อยู่ระหว่างทางต้องทนทุกข์ทรมาน ใครก็ตามที่กล้าโจมตีเฉินหลงจะถูกส่งไปยังนรกโดยมีดดาบในมือของเฉินหลงและหินคริสตัลก็ถูกเก็บโดยเฉินหลงเช่นกัน
เฉินหลงเดินไปทางตะวันออกเป็นเวลาห้าวัน แต่เขาก็ยังไม่เดินออกจากป่าทึบเหล่านี้ ไม่มีสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งเนื่องจากพวกมันตายด้วยมือเขาถึงพันแปดร้อยตัว
งูที่แข็งแกร่งที่สุดคืองูตัวใหญ่ที่มีตัวขนาดใหญ่และมีเขายาวอยู่บนหัว งูตัวนี้มีชื่อว่า “ชิงเจียวเจียว” ใน “นิวเวิร์ล” ความแข็งแกร่งของมันถึงระดับของพลังลมปราณ แต่เฉินหลงก็ยังเอาอยู่
โดยปกติเนื้อของมันมีคุณค่าสูง หลังจากขุดหินคริสตัลพลังงานของมันออกมา เขาก็โยนร่างของมันเข้าไปในแหวนของเขาเอง
ศพงูยังคงมีเลือดออก และเลือดก็หยุดไหลทันทีที่มันเข้าไปในวงแหวน
หลังจากกินเนื้อของมัน เฉินหลงรู้สึกว่ากำลังภายในของเขาแข็งแกร่งขึ้น
แม้ว่าเขาจะเดินมาห้าวันเขาก็ยังไม่ออกจากป่า แต่เฉินหลงก็ไม่ยอมแพ้ เขามีความเชื่อว่าป่าทึบแห่งนี้ไม่สามารถหยุดฝีเท้าของตัวเองได้
ในเวลานี้วานรขาวตัวใหญ่พุ่งเข้าหาเฉินหลง
“ลิงป่า” เฉินหลงใจเต้นแรงมากในนี้
หลังจากที่ลิงป่าวิ่งออกจากป่า มันก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นชายคนหนึ่งปรากฏตัวต่อหน้ามัน แต่ในเวลานี้มันรู้ดีว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะถูกยั่วยุและไม่ต้องการสร้างความเดือดร้อนมากขึ้นและหันทิศทางที่จะหนีไปโดยตรง
เมื่อเห็นว่าลิงป่าหนีไป เฉินหลงก็ประหลาดใจเล็กน้อยจากนั้นเขาก็พบว่าลิงป่าได้รับบาดเจ็บ
“เดี๋ยวก่อน ฉันรักษาคุณได้” เฉินหลงหยุดอยู่ตรงหน้าลิงป่าและกล่าว
เมื่อเห็นว่าเฉินหลงกล้าที่จะปิดกั้นตัวเองสัตว์ร้ายก็โกรธและตะครุบเฉินหลง
แทนที่จะถอยเฉินหลงชี้ไปที่ลำตัวของวานรด้วยมือขวา
ก่อนที่ฝ่ามือของลิงป่าจะตบนิ้วของเฉินหลงได้สัมผัสกับสัตว์ร้ายแล้ว
เมื่อใช้ “จุดเลือดเพื่อตัดชีพจร” ฝ่ามือของวานรไม่สามารถตีหัวของเฉินหลงได้อีกต่อไป
แม้ว่าร่างกายของลิงป่าจะแตกต่างจากมนุษย์ แต่เฉินหลงได้ต่อสู้กับมันหลายครั้งและโครงสร้างร่างกายของมันชัดเจนมากดังนั้นเขาจึงเชื่อว่าเขาสามารถชี้ให้เห็นได้
“พวกสัตว์เหล่านี้ไม่ฟังเหตุผลเอาซะเลย ฉันถึงต้องทำแบบนี้” จากนั้นเฉินหลงจึงใส่ยาเข้าไปในร่างกายของวานร
แต่เดิมลิงป่าดุร้าย ถูกจัดการโดยเฉินหลง และดวงตาของมันแสดงถึงความสิ้นหวัง แต่เมื่อเฉินหลงเริ่มรักษาบาดแผลด้วยการส่งยาเข้าร่างกาย ดวงตาของมันก็เต็มไปด้วยความสงสัย เมื่อมนุษย์ตรงหน้าจับตัวมันได้ ทำไมต้องรักษาตัวมันด้วย
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่ฆ่านาย ไปได้แล้ว” เฉินหลงพูดกับลิง
หลังจากนั้น ลิงป่าไม่ได้ออกไปทันทีและไม่โจมตีเฉินหลง แต่มันกลับมองเฉินหลงด้วยความไม่เชื่อ ด้วยความฉลาดทางสติปัญญาของมัน มันคิดเองในเรื่องเหตุผลที่เฉินหลงช่วยไม่ได้ อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่อาจแน่ใจได้ก็คือมนุษย์ที่อยู่ตรงหน้ามันไม่มีความมุ่งร้ายต่อตนเอง
“เอาล่ะไปกันเถอะผู้ไล่ตามของนายใกล้จะถึงแล้ว” ในตอนนี้เฉินหลงได้ยินเสียงมนุษย์แผ่วเบาในระยะไกล
พูดตามตรงเขาไม่ได้ยินเสียงของมนุษย์มาหลายวันแล้ว เสียงเหล่านี้ถูกใจเฉินหลงมาก แม้ว่ามันจะอยู่ไกลเกินไปที่จะได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูด
หลังจากเข้าใจคำพูดของเฉินหลงแล้วลิงป่าก็มองไปที่เฉินหลงอีกครั้งและหายตัวไปในป่าทึบ
หลังจากเห็นลิงป่าจากไปเฉินหลงก็ไปที่แหล่งกำเนิดเสียง
ยิ่งเขาอยู่ใกล้กันมากเท่าไหร่เฉินหลงก็ยิ่งประหลาดใจเพราะเขาเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด ปรากฏว่าอีกฝ่ายพูดภาษาถิ่นทางใต้ของจีน เมื่อเขาได้ยินคำเหล่านี้ครั้งแรกเฉินหลงคิดว่าเขาเป็นบ้านเกิดของเขา
อย่างไรก็ตามเฉินหลงคิดทันทีว่านี่เป็นไปไม่ได้ นี่ไม่ใช่โลก จะเป็นภาษาท้องถิ่นบ้านเกิดเขาได้อย่างไร อย่างไรก็ตามเฉินหลงได้ยินชัดเจนว่าอีกฝ่ายพูดภาษาถิ่นของเขาเอง
เมื่อเฉินหลงและพวกเขาพบกัน เฉินหลงก็ตะลึง
เนื่องจากเฉินหลงอยากมาที่นี่และพูดภาษาถิ่นของตัวเอง หน้าตาของพวกเขาก็น่าจะคล้ายกับตัวเอง อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นพวกเขา เฉินหลงรู้สึกว่าเขาคิดผิด เพราะเบื้องหน้าของเฉินหลงมีมนุษย์ห้าคนที่มีความสูงเกินสามเมตรอย่างแน่นอน และใส่ชุดที่ดูเหมือนเป็นชุดเกราะสักอย่าง ดูเหมือนคนขาวบนโลกนี้ ล้วนเกิดมาพร้อมกำลังที่มีมากมาย
TB:บทที่ 229 เขตแดนคุนหลุน
ตอนที่พวกเขาห้าคนพูดภาษาถิ่นของตัวเอง เฉินหลงเหมือนมีม้าหมื่นตัววิ่งในใจ
และเมื่อทั้งห้าคนได้เห็นเฉินหลงก็ตกตะลึงเช่นกัน หลังจากนั้นก็ทำสิ่งที่เฉินหลงไม่คาดคิด
ทันใดนั้นพวกเขาทั้งห้าก็หมอบร่างของพวกเขาลงต่อหน้า เฉินหลงพร้อมกับส่งเสียงในปากของพวกเขาอย่างตื่นเต้น: “ท่านเทพ“
พวกเขาทั้งห้าหมอบลงไปที่พื้นและคำว่า “ท่านเทพ” ที่ออกจากปากนั้น ทำให้เฉินหลงดูสับสน
เขาถูกส่งมาที่นี่โดยไม่มีเหตุผล แต่ยักษ์พวกนี้จะเรียกเขาว่าว่า “ท่านเทพ” ได้อย่างไร
เฉินหลงมองดูทั้งห้าคนโดยไม่พูดอะไร ดูเหมือนว่าถ้าเขาไม่พูด พวกเขาก็จะไม่ลุกขึ้น เฉินหลงพูดได้แค่คำว่า “ลุกขึ้น” ในภาษาบ้านเกิด
“ขอบคุณพระเจ้า“
หลังจากได้ยินคำพูดของเฉินหลง ยักษ์ทั้งห้าก็ยืนขึ้นจากพื้น
“พวกคุณทั้งห้าคนมาที่นี่ได้ยังไง?” เฉินหลงคิดในทางกลับกันห้าคนนี้ดูเหมือนจะเคารพตัวเองมากแล้วดูว่าเขาสามารถถามอะไรบางอย่างจากปากของคนเหล่านี้ได้
“ด้วยตวามเคารพ เราเป็นนักล่าจากเมืองเล็ก ๆ แห่งศีล เรามาล่าสัตว์แปลก ๆ ในป่าเหล็กและไม้หนาทึบ” ยักษ์ขาวตนหนึ่งก้มศีรษะลงและพูด แต่ตาของเขาไม่กล้ามองไปที่เฉินหลง
“ป่านี้เดิมเรียกว่าป่าเหล็กซึ่งเหมาะสมจริงๆ” เฉินหลงพูดในใจ “ที่นี่มีสัตว์จำพวกลิงป่าซึ่งเรียกว่าสัตว์แปลก ๆ “
“ในเมืองของคุณมีนักล่ากี่คน” เฉินหลงถามขึ้น
“ความแข็งแกร่งของเมืองของเราไม่แข็งแกร่งนัก มีนักล่าระดับ 6 เพียงห้าคนและที่เหลือเป็นนักล่าสำรองระดับ 5 และต่ำกว่า“
ยักษ์ขาวยังคงตอบดูเหมือนว่ายักษ์สีขาวควรจะเป็นหัวหน้าของพวกมันทั้งห้า
“พาฉันไปที่เมืองของคุณ” เฉินหลงกล่าว
“องค์ศักดิ์สิทธิ์เป็นเกียรติที่เราได้ต้อนรับท่าน” ยักษ์ขาวได้ยินเฉินหลงไปที่เมืองของตัวเองก็แปลกใจที่จะพูด
อีกสี่คนก็ประหลาดใจเช่นกัน
จากนั้นเฉินหลงตามยักษ์ขาวไป
ส่วนลิงป่าที่ได้รับบาดเจ็บจากยักษ์ขาวพวกเขาไม่สนใจ
ห้าวันต่อมาเฉินหลงตามคนเหล่านี้ไป พวกเขาทั้งห้าออกจากป่าเหล็กและไม้หนาทึบและมาที่เมืองแห่งปืนใหญ่
แม้ว่าจะเรียกว่าเมือง แต่ก็เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ บ้านในหมู่บ้านสร้างด้วยเหล็กและไม้ในป่าทึบ ลักษณะคล้ายกับบ้านไม้โบราณของจีน แต่มีขนาดใหญ่กว่าหลายเท่า ไป่ไทฮางเป็นชื่อของยักษ์ขาวและนามสกุลไป่ ได้รับการตั้งชื่อให้กับพวกเขาโดยนักปราชญ์
ในห้าวันที่เขาอยู่ร่วมกับไป่ไทฮาง เฉินหลงก็มีความเข้าใจเกี่ยวกับโลกที่เขาเดินทางมา แต่เดิมโลกเป็นถิ่นทุรกันดาร นอกเหนือจากเผ่าคุนหลุน ยักษ์เหล่านี้แล้วส่วนที่เหลือยังเป็นสัตว์แปลกใหม่ที่ทรงพลัง ก่อนการปรากฏตัวของท่านเทพชาวคุนหลุน พวกเขาทำได้เพียงเป็นอาหารเมื่อต้องเผชิญกับสัตว์แปลก ๆ เท่านั้น จนกระทั่งวันหนึ่ง “ท่านเทพ” ได้มาที่โลกนี้ เขาตั้งชื่อโลกนี้ว่า “อาณาจักรคุนหลุน” สอนภาษาความรู้และทักษะอันทรงพลังของชาวคุนหลุน เขามอบนามสกุลไป่และเฮยให้กับชาวคุนหลุนซึ่งไม่มีนามสกุล เพื่อให้ชาวคุนหลุนมีนามสกุลของตัวเอง หลังจากนั้น “ท่านเทพ” ก็ออกจากที่นี่พร้อมกับนักรบที่ทรงพลังของตระกูลและไม่กลับมาอีกเลย แม้ว่าจะผ่านมานานกว่า 2000 ปีแล้วที่ “ท่านเทพ” จากไป แต่ตำนานและความยิ่งใหญ่ของ “ท่านเทพ” ก็ยังคงตกทอดมาจนถึงทุกวันนี้
“ดูเหมือนว่ามีคนถูกส่งมาที่นี่ก่อนฉันและเขาก็จากไป เยี่ยมมาก ตราบใดที่ฉันสามารถหาทางออกของเขาได้ ฉันก็สามารถออกไปจากที่นี่ได้เช่นกัน เฉินหลงอยากจะออกไปจากที่นี่มากๆเมื่อได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับโลกนี้
เมื่อเฉินหลงมาถึงเมืองเล็ก ๆ ของชาว “คุนหลุน” ในเมืองต่างก็ส่งมอบของขวัญในเฉินหลงราวกับเขาคือพระเจ้า
เพราะเขารู้เรื่องโลกน้อย เฉินหลงอาศัยอยู่ในเมืองเล็ก ๆ เท่านั้น
และ เฉินหลงก็อาศัยอยู่ในเมืองเล็ก ๆ นี้จนชื่อเสียง“ท่านเทพ” แพร่กระจายออกไป
เฉินหลงได้เรียนรู้เกี่ยวกับการกระจายอำนาจในโลกนี้แกนระดับนั้นสูงมากโดยระดับต่ำสุดคือ 1 ระดับและระดับสูงสุดคือ 12 เพราะ ต้องต่อสู้กับสัตว์อื่นได้ตลอดเวลา. พวกเขายังมีชื่อของตัวเองระดับสูงกว่าระดับ 6 เป็นนักล่าอย่างเป็นทางการ ระดับ 7 เป็นนักรบ ระดับ 8 เป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ ระดับ 9 อัศวินศักดิ์สิทธิ์ ระดับ 10 นักบุญฝึกหัด ระดับ 11 นักบุญระดับกลาง ระดับ 12 นักบุญชั้นสูง
ยิ่งไปกว่านั้นเฉินหลงยังพบว่าทั้งชายและหญิงของชนเผ่า “คุนหลุน” เหล่านี้มีความโดดเด่นในการต่อสู้ พวกเขาแข็งแกร่งมาก พวกเขาเกิดมาเพื่อต่อสู้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ฝึก แต่ระดับเริ่มต้นของพวกเขา ก็เทียบได้กับ ปรมาจารย์ขั้นสูง ถึงแม้จะเรียกว่าแข้งแกร่ง แต่เมื่อเทียบกับโลกที่โหดร้ายใบนี้ยังถือว่าอ่อนแอ
การมาของท่านเทพคนก่อนได้เปิดประตูชีวิตให้กับชาว “คุนหลุน” เหล่านี้ทำให้พวกเขาสามารถอยู่รอดในโลกนี้ได้
ในเมืองเล็ก ๆ คนที่แข็งแกร่งที่สุดคือไป่ไทฮาง และพวกเขาทั้งห้าคน ในเมืองใหญ่ มีนักรบและนักรบศักดิ์ศิทธิ์ ที่แข็งแกร่งกว่าและท่านเทพอยู่ในวิหารศักดิ์สิทธิ์ มีกฎของเผ่า คุนหลุุน ว่า “หากใครมีความแข็งแกร่งถึงตระกูลถึงระดับ 9 พวกเขาจะไปที่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์โดยอัตโนมัติเพื่อทำหน้าที่เป็นอัศวินศักดิ์สิทธิ์”
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีเผ่าหนึ่งระเมิดกฎและถูกสังหารโดยท่านเทพ โดยใช้คำที่ว่า ผู้ที่ไม่เคารพท่านเทพ ไม่มีคุณสมบัติที่จะดำรงอยู่ในโลกนี้”
ตั้งแต่นั้นมาไม่มีใครกล้าผิดกฏข้อนี้อีก
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นถึงระดับ 6 นักล่า พวกเขาจะเกิดการบกพร่องบางอย่างนั้นคือการสืบพันธ์ แม้ว่าต้องแลกกับการสืบทอดของลูกหลาน พวกเขาก็ยังดิ้นรนที่จะต้องการไปถึงระดับ 7 เพราะกฏของโลกนี้ ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจะอยู่รอด
และเพื่อรักษาชาติพันธฺของพวกเขาเอาไว้ พวกนักบุญจึงสร้างกฏยกเว้นบางเมือง ให้มีการเพิ่มจำนวนประชากรก่อนถึงระดับ 6 นั่นก็เพื่อให้มีเชื้อสายของพวกเขา
ในขณะนี้เฉินหลงเข้าใจโลกนี้อย่างช้าๆ เขาได้ยินว่า มีปรมาจารย์แห่งดวงดาวอยู่ในโลกนี้ ดั่งนั้นเขาจึงรู้สึกไม่ปลอดภัย แต่อย่างไรเสีย โลกนี้จะเป็นโอกาสให้เขาพัฒนาขึ้น
TB:บทที่ 230 ท่านเทพเฉินหลง
เมื่อเฉินหลงอาศัยอยู่ในเมืองเล็ก ๆ เป็นเวลาสิบวันกลุ่มคนจากเมืองที่ใกล้ที่สุดคือเมืองไท่โจวเข้ามาทักทายท่านเทพ และเชิญชวนให้เขาไปเมืองของตน คนที่มีสถานะเช่นท่านเทพจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ เช่นนี้ได้อย่างไร
ครั้งนี้ “เมืองไท่โจว” ที่ส่งมา ทุกคนเป็นนักรบและผู้นำเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์
เมื่อพวกเขาเห็นเฉินหลงพวกเขาก็ทิ้งตัวลงไปยังพื้นทันทีและพูดว่า “ยินดีที่ได้พบ ท่านเทพ”
“ลุกขึ้นได้”
ในตอนนี้เฉินหลงเคยชินกับพิธีกรรมการหมอบเคารพแบบนี้ ในขณะเดียวกันเขาก็สงสัยว่าคนที่มาที่นี่เมื่อกว่า 2,000 ปีก่อนเป็นจักพรรดิองค์ไหน มิฉะนั้นชาว “คุนหลุน” เหล่านี้จะทำพิธียิ่งใหญ่นี้ได้อย่างไร
หลังจากได้ยินคำพูดของเฉินหลงผู้มาจาก “เมื่องไท่โจว” ก็ลุกขึ้นมาทีละคน
หลังจากลุกขึ้นยืนเขาก็พูดกับเฉินหลงว่า “ท่านเทพข้าคือตัวแทนของเมืองไท่โจวโปรดไปที่เมืองไท่โจวกับข้าเถิด”
“คุณชื่ออะไรตำแหน่งของคุณในไท่โจวล่ะ เฉินหลงมองไปที่นักรบยักษ์สีขาว
“ ชื่อของข้าคือไป่วูจี ซึ่งเป็นแม่ทัพของกองทัพจักรวรรดิเมืองไท่โจว” ไป่วูจีพูดขึ้น
“ ไป่วูจี ผมเป็นท่านเทพหรือไม่” จู่ๆเฉินหลงก็ถามคำถามแปลก ๆ
“ แน่นอน ท่านเป็นท่านเทพ ”
“ขอถามอีกครั้งว่าเป็นท่านเทพที่มีสถานะสูงกว่าหรือสถานะลอร์ดแห่งเมืองไท่โจวที่สูงกว่ากัน” เฉินหลงมองไปที่ไป่วูจีอย่างเย็นชา
เนื่องจากผมได้รับการยกย่องว่าเป็นท่านเทพ ผมจึงต้องแสดงจุดยืนของท่านเทพ ถ้าคุณมาชวนผม ผมจะต้องไปกับคุณไหม? ถ้าเป็นเช่นนั้นผมก็จะไม่เป็นท่านเทพที่ไร้ประโยชน์ เฉินหลงไม่ต้องการเป็นท่านเทพจอมปลอม เขาเพียงต้องการเป็นท่านเทพที่แท้จริงที่ชาวคุนหลุนนับถือและให้ความเคารพ
แม้ว่าเมื่อ 2000 ปีก่อน ที่เจอท่านเทพคนแรกนั้น พวกเขาอาจจะอ่อนแอกว่านี้จึงง่ายต่อการปราบปรามแต่ในตอนนี้เขาเองก็มีระบบเถาเป่าที่แข็งแกร่งเช่นกัน
“ท่านเป็นท่านเทพและไม่มีใครเทียบท่านได้” ไป่วูจีพูดอย่างรีบร้อน
“ในกรณีนี้ทำไม เจ้าเมืองไม่มาเชิญผมเอง หรือว่าไม่เห็นผมอยู่ในสายตา ยิ่งไปกว่านั้น ผมเป็นท่านเทพ ผมเต็มใจที่จะอยู่ที่ไหน ก็เรื่องของผม ไม่จำเป็นต้องให้พวกคุฯมาจำกัดอิสรภาพ
หลังจากได้ยินคำพูดของเฉินหลงเหงื่อเย็นก็เริ่มปรากฏบนหน้าผากของเขา
หลังจากได้ยินว่า “ท่านเทพ” หายไปกว่าสองพันปีปรากฏตัวที่เมืองปืนใหญ่เจ้าเมืองไท่โจว ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาแค่อยากเห็นท่านเทพจึงขอให้พี่ชายของเขาไปนำ “เกวียนทองคำ” ที่สูงศักดิ์ไปเชิญท่านเทพ เขาและไป่วูจีไม่คิดว่าการกระทำของพวกเขาจะทำให้ท่านเทพรังเกียจขนาดนี้
“ใช่ไป่วูจี ท่านเทพคือการดำรงอยู่สูงสุดสำหรับพวกเรา” มีเสียงดังขึ้น
“ถ้าเจ้าเมืองไป่ ต้องการเชิญท่านเทพ ก็ต้องมาด้วยตัวเอง นี่เขาไม่ได้สนใจท่านเทพจริงๆ” ในเวลานี้อีกด้านหนึ่งของเมือง ก็มีคนปรากฏตัว ซึ่งนำโดยยักษ์สีดำที่มีแผลเป็นยาวบนใบหน้าของเขาเกือบจะแบ่งใบหน้าของเขาออกเป็นสองส่วนมองไปที่ไป่วูจี
จากนั้นยักษ์ดำจึงหมอบคำนับเฉินหลงและพูดว่า “เฮยหยาง เคารพท่านเทพ”
“ลุกขึ้น” เฉินหลงพูดขึ้น
“ ขอบคุณ” ยักษ์ดำลุกขึ้นยืน
“ เฮยหยาง คุณมาชวนผมไปที่บ้านของคุณด้วยหรือ” เฉินหลงมองไปที่เฮยหยาง
“เฮยหยางไม่กล้าหรอก เฮยหยางต้องการพบท่านเทพในครั้งนี้ หากท่านเทพยินดีที่จะไปเยี่ยม” เมืองแบล็กสโตน ” คงจะเป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ “เมืองแบล็คโตน” เข้าก้มหัวลงและพูด
เฮยหยางฉลาด เขาพยายามถ่อมตัวมากๆ
“แบล็กสโตน ผมจะจดจำไว้แล้วผมจะไปเยือนแบล็กสโตนเมื่อผมมีเวลา” เมื่อพูดคุยของเฮยหยาง ทำให้เฉินหลงประทับใจมาก “ดีคุณกลับไปได้แล้ว ขอให้ผมได้อยู่ในนี้ก่อน ยังไม่อยากให้ใครรบกวน “
“ ได้ขอรับ”
“ ได้ขอรับ”
เฮยหยางและไป่วูจีพูดพร้อมกัน
จากพวกเขาก็กลับไปอยู่กับทีมของตัวเอง
เมื่อเฮยหยางและไป่หวูจีจากไป เฉินหลงกลับไปที่บ้านที่พวกเขาเตรียมไว้สำหรับตัวเอง
การได้พบเฮยหยางและไป่หวูจี ทำให้เฉินหลงรู้สึกว่า “อาณาจักรคุนหลุน” แห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ที่สงบสุข แต่ยังสอนให้พวกเขาท้าทาย เฉินหลงอยู่ในเมืองเรียบง่ายแห่งนี้พอจะอุ่นใจได้ และคิดถึงสิ่งที่เขาจะทำต่อไป
“เฮยหยวน เจ้าคิดว่าท่านเทพเป็นท่านเทพจริงๆหรือ” เฮยหยางก็ถามชายคนที่สูงไม่ต่ำกว่าสี่เมตร
“ท่านผู้นำ ข้าไม่ทราบ เราไม่เคยเห็นเขามาก่อน เราสามารถตรวจสอบได้จากข้อมูลบางส่วนจากพระราชา”
“ เข้าใจแล้ว” เฮยหยางพยักหน้ารับ และไม่พูดอะไรอีก
เฮยหยางและเฮยหยวนยังรู้ดีว่าด้วยความเชื่อของเฉินหลง แม้จะเป็นเพียงนักรบระดับ 7 แต่เขาก็มีแรงผลักดัน นี่อาจเป็นนิสัยของท่านเทพ
“ทำไมท่านไม่ไปเมืองของพวกเขา ข้าได้ยินมาว่าในเมืองของพวกเขามีบ้านทำด้วยโลหะ ทำอาวุธและมีอาหารที่น่าสนุกและอร่อยมากมาย” ไป่ไทฮางมาถึงห้องของเฉินหลง และถามเฉินหลง
ในช่วงนี้ของการได้พบกับเฉินหลงความสัมพันธ์ระหว่างไป่ไท่ฮางและเฉินหลงเริ่มดีขึ้นเขากล้าเข้าไปในห้องของเฉินหลงและคุยกับเฉินหลง
“คุณโหยหาเมืองใหญ่งั้นหรอ” เฉินหลงมองไป่ไท่ฮาง
แม้ไป่ไท่ฮาง มีความแข็งแกร่ง แต่เขาพึ่งอายุ 18 ปีและเป็นนักล่าแต่ยังเด็ก เขาจึงไม่สามารถแต่งงานและมีลูกได้ในชั่วชีวิตนี้
“ใช่” ไป่ไท่ฮางพยักหัวรับ
สำหรับไป่ไท่ฮางผู้เติบโตในเมืองเล็กๆและไม่เคยไปที่อื่นนอกจากล่าสัตว์ในป่า “เมืองไท่โจว” และ “เมืองศิลาดำ” จึงเป็นสถานที่ที่เขาปรารถนา
“อันที่จริง คุณสามารถมีบ้านที่ทำจากโลหะในเมืองเล็ก ๆ ของคุณได้เช่นกัน คุณสามารถย้ายเมืองใหญ่เหล่านั้นไปยังเมืองของคุณเพื่อทำให้สนุกสนานขึ้น” เฉินหลงมองไปที่ไท่ฮางแล้วยิ้ม
TB:บทที่ 231 ภูเขา 100000 ลูก
“เทพเจ้าแห่งทวยเทพยังทำไม่ได้เลย เพราะมีเหล็กกล้าที่เก็บไว้ไม่มากนัก และมีเพียงเมืองใหญ่ๆที่นำไปใช้ แต่คงจะเป็นการดีหากอาวุธของเราทำจากเหล็กกล้า” ไป่ไท่ฮาง รีบส่ายหัว เขารู้สึกถึงเสาเหล็กเบื้องหลังอยู่ในขณะเดียวกัน
ใช่แล้ว อาวุธของไป่ไท่ฮางคือเสาเล็กขนาดใหญ่นี่
“ไม่มีเหล็กกล้าที่เก็บไว้เพียงพอหรือ” เฉินหลงหันไปมองที่ไป่ไท่ฮางและไม่คาดหวังให้เขารู้คำตอบ “โลกนี้ช่างกว้างใหญ่ การเก็บกักเหล็กกล้าจะไร้ประสิทธิภาพไปได้อย่างไร คุณไปฟังใครมา”
ขอบเขตของ คุนหลุน นั้นกว้างใหญ่กว่าโลกเป็นสิบเท่า ตราบเท่าที่ยังมีเหล็กกล้าอยู่คงจะเก็บรักษาไว้ได้น้อย
“อัศวินศักดิ์สิทธิ์ในวิหารกล่าวกันว่า ท่านเทพมาที่นี่และค้นพบแหล่งแร่เหล็ก หลังจากทำเหมืองมาหลายปี แหล่งนั้นได้พร่องไป เรื่องนี้คงเป็นไปไม่ได้แล้ว” ไป่ไท่ฮางมีความเสียดาย
ในความคิดเขาหากมีเหล็กกล้ามากๆแล้ว อาวุธของเขาจะหนักขึ้น และเมืองของเขาจะสามารถป้องกันการโจมตีของฝูงสัตวเล็กได้ครั้งหนึ่งในทศวรรษ
“นี่คุณไม่เคยเรียนการขุดเหมืองหรือ” เฉินหลงประหลาดใจ
แหล่งเหล็กสามารถจะขุดได้เป็นสองร้อยปี และยังเป็นได้ด้วยว่าที่นี่มีแร่หลายประเภทเหลือเกิน ทว่ากลับไม่มีแร่เหล็กอยู่ เฉินหลงพูดไม่ออกเลย
ไป่ไท่ฮางส่ายหัว “ตอนที่ข้าเกิด นักบุญได้ไปจากที่นี่เป็นเวลามากกว่าสองพันปีแล้ว ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรกัน”
“เพราะเขาไม่ได้สอนคุณ ผมจะสอนคุณเอง” เฉินหลงยิ้มให้
คงมีความหวังขายอยู่ในระบบ และต้องมีความรู้จำนวนมากเกี่ยวกับแร่และการสำรวจในระบบอัจฉริยะ ไอคิวของไป่ไท่ฮางไม่ได้ต่ำนัก ดังนั้นการสอนให้สำรวจคงไม่เป็นปัญหา
“จริงหรือ ท่านเทพ ท่านจะสอนให้เราสำรวจจริงๆหรือ” เมื่อฟังคำของเฉินหลง ไป่ไท่ฮางมองเฉินหลงอย่างตื่นเต้น
“ไม่ใช่แค่การจะสอนคุณหรอกนะ แต่เพื่อจะสอนพวกคุณทั้งหมด ไม่ใช่ว่าคุณอยากจะไปเมืองใหญ่หรือ เช่นนั้นผมจะสอนวิธีให้คุณเปล่งประกายในหมู่คนที่คุนหลุนแล้วจากนั้นจะเปลี่ยนเมืองเล็กๆนี้เป็นเมืองใหญ่ ผู้คนแบบคุณที่ไม่เคยเข้าเมืองใหญ่จะได้มาที่เมืองแห่งนี้” เฉินหลงมองไป่ไท่ฮางอย่างจริงจัง
ในช่วงวันนั้นเองเมื่อเขาเข้ากับไป่ไท่ฮางได้แล้ว เฉินหลงรู้สึกได้ว่าไป่ไท่ฮางเป็นคนที่ช่างไร้เดียงสาจริงๆ เขาต้องอยู่ ใน “อาณาจักรคุนหลุน” แห่งนี้ เขาต้องการกองกำลังสนับสนุนด้วย ไป่ไท่ฮางจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
“ท่านเทพ ข้าจะเรียนรู้จากคุณอย่างดีที่สุด” ไป่ไท่ฮางรีบพยักหน้ารับ
“ตอนนี้ คุณต้องไปกับผม ไปที่เหมืองกัน” เฉินหลงว่า
หลังจากพบกับไป่วูจีและเฮยหยางแล้ว เฉินหลงรับรู้ว่าการมีคำว่าเทพในชื่อคงไม่ใช่ตำแหน่งที่ดีเท่าไหร่ ตอนนี้เขาเป็นเหมือนพระถัง ตราบใดที่เขายังมีพลังอยู่บ้าง เขาก็ต้องการจะปล่อยตัวเขาไปกับพวกเขา แม้ว่าจะมีวิหารศักดิ์สิทธิ ทว่าพวกเขาจะไม่ปฏิบัติกับตัวพวกเขาเองอย่างดี ความรู้สึกของความไม่เป็นอิสระทำให้เฉินหลงรู้สึกไม่ชอบใจเอามาก
เฉินหลงรู้จากปากของไป่ไท่ฮางว่า “เมืองไท่โจว” และ “เมืองแบล็คสโตน” ไม่ใช่เมืองที่มีกำลังแข็งแกร่ง แต่พวกเขารวดเร็วกว่าพวกที่อยู่ในเมืองปืนใหญ่ ในเมืองใหญ่ๆพวกนั้น มีแต่คนที่แข็งแกร่งๆมากกว่านี้มาก และเพื่อจะเข้าไปยุ่งกับปัญหานี้ เฉินหลงและไป่ไท่ฮางออกไปเพื่อตามหาเหมืองและหลีกเลี่ยงคนพวกนั้น
ไป่ไท่ฮางลังเลพักหนึ่ง และตอบตกลงทันที
การได้ติดตามท่านเทพเป็นโอกาสที่หาได้ยาก แม้ไป่ไท่ฮางจะไม่ต้องการออกจากบ้านก็ตาม เขารีบกลบความคิดที่ว่าไป
หลังจากนั้นเฉินหลงและไป่ไท่ฮางก็ออกจากเมืองไปยังภูเขาหนึ่งแสนลูก
ฉือหว่านต้าชาง เป็นเทือกเขาที่ยาวต่อกันในอาณาจักรคุนหลุน มีการพบแหล่งแร่เหล็กในเขาฉือหว่านต้าชางโดยท่านเทพ
“เขตแดนของคุนหลุน” ช่างที่สถานที่ที่มหัศจรรย์ ในทางตอนเหนือจะไม่อาจเห็นเหล็กกล้าและป่าที่มีต้นไม้หนาแน่นได้ ในทางทิศตะวันตกจะมีภูเขาอยู่มากเป็นหลายร้อยลูก ในทางทิศตะวันออกมีทะเลอันไร้ขอบเขต และในทางใต้มีทะเลทรายแห่งความตาย
สถานที่ทั้งสี่นั้นเป็นเจไดที่ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ของอาณาจักรคุนหลุน ทว่าพวกเขาไม่รู้ว่าจะเชื่อมโยงสถานที่พวกนั้นได้อย่างไร อีกทั้งไม่รู้วิธีล้อมรอบที่อาศัยของคนในคุนหลุนด้วย อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นเช่นนั้น สถานที่ที่ผู้คนในคุนหลุนอาศัยนั้นช่างกว้างใหญ่ ยิ่งใหญ่ไปเสียกว่าโลกทั้งใบเสียอีก
เฉินหลงได้ไปยังป่าแห่งเหล็กกล้ามาก่อน ที่แห่งนั้นเป็นเพียงขอบนอกของป่าแห่งเหล็กกล้า ทว่าเฉินหลงกลับต้องใช้เวลากว่าสิบวันเพื่อออกมา คงจะนึกภาพออกได้ว่าป่าแห่งนี้กว้างใหญ่เพียงไหน
อีกทั้งยังเนื่องจากเพราะเจไดทั้งสี่ที่กว้างใหญ่มหาศาลอย่างที่ไม่มีใครในคุนหลุนจะล่วงรู้ได้ว่าภายนอกของสี่เจไดเป็นอย่างไร
สิบวันต่อมา เฉินหลงขี่ม้าที่มีเขาและในที่สุดเขาได้ไปถึงภูเขาหนึ่งแสนลูก
ม้ามีเขาเป็นม้าเลี้ยงของผู้คนในคุนหลุน มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับม้าบนโลก ทว่ามีกำลังแข็งแกร่งกว่าม้าบนโลกเป็นสิบเท่าและมีระดับพลังถึงระดับยอดผู้เยี่ยมยุทธ์
เช่นเดียวกับเขาหนึ่งแสนลูกนั้นที่ลักษณะคล้ายกับชื่อ ที่ราวกับเป็นภูเขาลูกยักษ์หนึ่งแสนลูกวางเรียงกันอยู่เบื้องหน้าสายตา เมื่อปรายตามองไปครั้งแรก เขาพวกนั้นทั้งหมดเป็นเหมือนลูกคลื่นภูเขา
“โห”
การได้ยินชื่อภูเขาหนึ่งแสนลูกและได้มาเห็นเองช่างแตกต่างกันนัก เนื่องจากหากไม่ได้มาเห็นกับตาเองแล้วจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าสถานที่นี้เป็นสถานที่แบบไหนกัน
เช่นเดียวกัน ไป่ไท่ฮางเพิ่งได้เห็นภูเขาแสนลูกเป็นครั้งแรก และตกตะลึงไปกับเทือกเขาที่เหยียดยาวนี้
หลังจากตกตะลึงไปกับภูเขาทั้งแสนลูกแล้ว เฉินหลงหยิบ “เครื่องสำรวจครอบจักรวาล” ที่เขาแลกไปด้วยแต้มห้าร้อยแต้มจากระบบ เขาหยิบออกมาและหันเครื่องไปหาภูเขาแสนลูก
“เครื่องตรวจสอบครอบจักรวาล” นี้ มีขนาดเท่ากับนาฬิกาพก ทว่ามีลูกเล่นอันทรงพลัง
เครื่องที่ว่าไม่เพียงตรวจสอบวัตถุหลายอย่างได้เท่านั้น แต่ยังวัดปริมาณของแร่ธาตุที่มีอยู่ได้ อาจจะเรียกว่าเป็นเครื่องมือวิเศษที่ใช้ตรวจสอบก็ได้
เฉินหลงชี้เครื่อง “ตรวจสอบครอบจักรวาล” ออกไปในทิศทางของภูเขาหนึ่งแสนลูก แล้วหน้าจอของ “เครื่องตรวจสอบ” เริ่มที่จะสะบัดไปมาอย่างบ้าคลั่ง ชื่อของแร่หลายชนิดปรากฏขึ้นเรื่อยๆบนหน้าจอ
นาทีต่อมา ชื่อของแร่ทั้งหมดบนเครื่องตรวจสอบครอบจักรวาลหยุดเปลี่ยนไปมาบนหน้าจอ ในที่สุด พวกเขาก็ได้ชื่อของแร่ทั้งหมด สามหมื่นหนึ่งพันสองร้อยแปดสิบสามชนิด และปริมาณของแร่แต่ละชนิดก็สุดยอดไม่เลว
“โอ้ ช่างมีมากเหลือเกิน ในโลกมีแร่อยู่แค่สามพันชนิดเท่านั้นเอง แร่ธาตุที่นี่ยังทรงพลังกว่าที่โลกเป็นสิบเท่าด้วย แต่คงจะมากเกินกว่าเหตุไปที่จะเก็บแร่ธาตุที่ล้ำค่าพวกนี้ไว้ในเขาหากคนในคุนหลุนยังไม่มีแร่เหล็กใช้”
เฉินหลงมองไปที่ไป่ไท่ฮางที่อยู่ข้างๆเขา
“ไท่ฮาง คุณรู้วิธีจะใช้เครื่องมือตรวจสอบนี่ไหม ให้ผมสอนไหม” เฉินหลงถามไป
“ข้าจำได้” ไป่ไท่ฮางพยักหน้า
แร่บางอันเป็นสีเขียว บางอันไม่เป็นสีเขียว บางอันร้อนอย่างมาก บางอันเย็นเหยียบ
ไป่ไท่ฮางและเฉินหลงเดินเข้าไปในภูเขาที่เต็มไปด้วยพืชพรรณหลากชนิด เฉินหลงสอนหนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดและใช้งานได้ดีที่สุดให้ไป่ไท่ฮาง และนั่นคือ “วิธีการหาทองคำ” ที่เขาแลกเปลี่ยนมาจากระบบ
ในตอนแรกแล้ว เฉินหลงต้องการจะสอนไป่ไท่ฮางเรื่องความรู้ของการตรวจสอบบนโลก ทว่าเรื่องนี้อาจซับซ้อนไป เขาจึงใช้แต้มแลกเปลี่ยนยี่สิบแต้มในระบบเพื่อแลกเปลี่ยนหนังสือ “ตามหาทองคำ” และสอนวิธีการให้ไป่ไท่ฮาง
TB:บทที่ 232 ‘มดสีทอง’
วิธีอย่าง “การหาทองคำ” เป็นวิธีการใช้งานที่ง่ายมากๆ เนื่องจากมีสถานที่เก็บแร่ธาตุหลายแห่งที่พืชพรรณงอกงามอยู่ได้ด้วยแร่ธาตุ ตราบใดที่รู้สึกถึงแร่ธาตุในพืชพรรณพวกนั้นได้ ก็จะพิสูจน์ได้ว่าสถานที่ใกล้ๆจะมีแหล่งแร่
เนื่องจากภูเขาหนึ่งแสนลูกนี้มีการเรียกขานกันว่าเป็น เจได ปัจจัยความเสี่ยงจึงสูงนัก ในท้ายที่สุดแล้ว แร่ธาตุเหล่านี้ก็ไม่ได้เก็บเกี่ยวอย่างง่ายดาย
เมื่อเขาไปในภูเขาแล้ว ไป่ไท่ฮางค่อยๆจับความรู้สึกจากดอกไม้และต้นพืชที่โตบนดิน พร้อมๆกันนั้นเขาระวังพวกสัตว์ป่าที่อาจพลันปรากฏมาไปด้วย
เฉินหลงตามไป่ไท่ฮางไปอย่างสบายๆ เขากำลังเพลิดเพลินไปกับภูมิทัศน์ของภูเขาในขณะที่บันทึกข้อมูลสถานที่และจัดเก็บข้อมูลของแร่ธาตุต่างชนิดในภูเขาด้วยเครื่องมือตรวจสอบไปด้วย
ในตอนนี้วัตว์ขี่ทั้งสองตัวถูกทิ้งไว้ที่ชายเขา ความแข็งแกร่งของมันอ่อนแอร์เกินไป ถ้าพวกมันเข้ามาในภูเขามันอาจจะกลายเป็นอาหารของสัตว์ประหลาดตัวอื่น สัตว์ที่เลี้ยงจะเชื่องมากพวกมันจะอยู่ที่เดิมจนกว่าเจ้าของพวกมันจะกลับมา
แม้ไป่ไท่ฮางจะได้เรียนรู้ศาสตร์การหาทองคำไปแล้วก็ตาม ทว่ายังคงอ่อนด้อย สองวันต่อมา เขาเข้าภูเขาไป แล้วเขาได้ค้นพบแร่เหล็ก ในครั้งนี้เฉินหลงได้บันทึกแร่ธาตุไปหลายสิบชนิดด้วยอุปกรณ์ตรวจสอบของเขาแล้ว แน่นอนว่า แม้เขาจะไม่ได้ใช้เครื่องตรวจสอบก็ตาม แต่เฉินหลงค้นพบแหล่งแร่กว่าเจ็ดหรือแปดแห่งได้ด้วย “คู่มือตามหาทองคำ” ของเขา ไม่มีใครเป็นได้อย่างเฉินหลง
“ท่านเทพ ข้าค้นพบหญ้าแร่เหล็ก” ไป่ไท่ฮางชี้ไปที่หญ้าขนาดสูงที่ไม่ได้ต่างไปจากหญ้าธรรมดานัก เขากล่าวอย่างตื่นเต้น
“หญ้าแร่เหล็ก” เมื่อมองดูแล้วจะมีรูปร่างเหมือนเป็นหญ้าธรรมดา ทว่าจะมีเหล็กกล้าจำนวนมากอยู่ในต้น เนื่องจากเป็นหญ้าที่งอกงามบนแร่ธาตุมานาน แร่นี้แทบไม่มีค่าเลยในสายตาคนส่วนมาก มีเพียงผู้ที่เรียนรู้ศาสตร์แห่งการหาทองคำแล้วและคนที่มีความรู้ด้านแร่มากกว่าคนอื่นเท่านั้นที่จะพบของอย่าง “แร่ธาตุหญ้า” พวกนี้ได้
“ไปขุดดูแล้วจะรู้” เฉินหลงรู้อยู่แล้วว่าข้างใต้นี้เป็นแหล่งแร่อย่างแน่นอน และเพื่อที่จะทำให้ไป่ไท่ฮางมีความมั่นใจมากขึ้น เขาจึงบอกให้ไป่ไท่ฮางขุดดูเอง ความรู้สึกว่าประสบความสำเร็จเมื่อได้ค้นพบแร่ได้ด้วยเองจะทำให้ไป่ไท่ฮางมั่นใจในตัวเขาเองมากขึ้น
ความมั่นใจในตัวเองเป็นส่วนประกอบสำคัญของทุกๆความสำเร็จที่คนๆหนึ่งจะมีได้ ไป่ไท่ฮางก่อนหน้านี้ยังขาดความมั่นใจในตนเองไปเล็กน้อย จากนี้ไป เฉินหลงจะเพิ่มความมั่นใจในตัวเขาให้
เมื่อไป่ไท่ฮางได้ยินแล้ว เขาหยิบ “ที่ขุดดินเหล็ก” ขึ้นมา และเริ่มขุดลงไปในที่ที่ “หญ้าแร่เหล็ก” เติบโต
กล่าวได้ว่าหญ้าแร่เหล็กในที่นี้อุดมสมบูรณ์มากขนาดที่ว่าแทบจะโผล่ออกมาจากใต้ดินแล้ว ไป่ไท่ฮางขุดอยู่สักพักแล้วจึงขุดแร่เหล็กออกมาได้ในทันใด
บนโลกนั้นหลังจากขุดแร่ออกมาแล้วต้องผ่านการบด การฝน การแยกแม่เหล็กออก การนำไปลอย การแยกแรงดึงดูด และอีกหลายกระบวนการเพื่อที่จะได้แร่เหล็กออกมา ทว่าในโลกนี้หากขุดแร่ออกมาแล้วจะได้แร่ที่สมบูรณ์ซึ่งเป็นเรื่องง่ายเหมือนปอกกล้วย ไม่ต้องสงสัยไปว่าแร่เหล็กที่พบไปเมื่อสองพันปีก่อนทำไมจึงยังใช้ได้ถึงทุกวันนี้
“ท่านเทพโปรดดู ข้าได้แร่เหล็กมา และข้าพบแหล่งแร่แล้ว” ไป่ไท่ฮางหยิบเศษแร่เหล็กอันหนึ่งที่เขาขุดขึ้นมาได้อย่างตื่นเต้น และหันไปหาเฉินหลง
เฉินหลงเห็นความตื่นเต้นบนสีหน้าไป่ไท่ฮาง เขาจึงยิ้มแบบให้กำลังใจ
“หากขุดได้มากกว่านี้และนำกลับไปแล้ว ข้าจะมอบเหล็กนี่ให้ลุงเพื่อให้ซ่อมเสาเหล็กยักษ์ให้ดีๆ” สิ้นคำ ไป่ไท่ฮางยกที่ขุดไม้ขึ้นและเตรียมจะขุดหาแร่ต่อ
แต่อย่างไรเสีย ในขณะนั้นใบหน้าเฉินหลงพลันเปลี่ยนเป็นแข็งทื่อ เขาหยุดไป่ไท่ฮาง “ไท่ฮาง หยิบอาวุธออกมา ดูเหมือนว่าเราจะมี “แขก” ”
ไป่ไท่ฮางรีบโยนที่ขุดเจาะไปอีกด้านและหยิบเสาเหล็กยักษ์ที่ทำจากเหล็กกล้าแท้ๆของเขาออกมาทำท่าป้องกัน
จากนั้น เฉินหลงและไป่ไท่ฮางมองเห็น “แขก” ที่มาที่นั้น มันเป็นมดแดงที่มีขนาดใหญ่เท่ากับควาย มดแดงนี้มีเขี้ยวโค้งงอเหมือนเคียวและมีลักษณะราวทับทิม
เมื่อเห็นมดพวกนี้แล้ว ใบหน้าของไป่ไท่ฮางพลันเปลี่ยนไป “มดเขมือบทอง” เฉินหลงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว มีมดแบบนี้อยู่ใน “นิวเวิร์ล”ด้วยเช่นกัน มดนี้เป็นสัตว์กลายพันธุ์ชนิดหนึ่งที่อยู่กันเป็นฝูงและยากที่จะรับมือเป็นที่สุด แต่แม้จะเป็นสัตว์กลายพันธุ์ที่มีพลังระดับพลังลมปราณ ก็ยังต้องถอยเมื่อเจอกับฝูงมด ไม่เช่นนั้น มันคงเป็นได้เพียงกระดูกที่โดนกัดแทะเข้ากระดูกไปโดย “มดเขมือบทอง” และแม้ “มดเขมือบสีทอง” จะดำรงชีวิตได้ด้วยการกินเหล็ก ทว่าบางครั้งพวกมันไม่ได้สนใจว่าจะกินอะไรเข้าไปเพื่อเป็นอาหาร
“ท่านเทพ ตอนนี้ท่านจงหนีไปเถิด แล้วข้าจะตามไป” เมื่อเขาเห็นว่าเป็น “มดสีทอง” ไป่ไท่ฮางรีบตัดสินใจจะให้เฉินหลงหนีไปและเขาจะต้านมันไว้ให้
สิ้นคำ ไป่ไท่ฮางพุ่งเข้าไปหามดด้วยเสาเหล็กกล้าขนาดใหญ่
ในตอนนั้นเอง ที่มี “อสูรมด” อยู่มากกว่าร้อยตัว ซึ่งไม่ใช้ฝูงที่มากมายอะไร หากว่าพวกมันทั้งหมดเคลื่อนทัพ จำนวนของมันอาจมากได้ถึงหมื่นหรือแสนตัวเลยทีเดียว
เมื่อได้เห็นไป่ไท่ฮางเลือกให้ตัวเขาหนีไปก่อนแม้ว่าเขาจะไม่อยากไปก็ตาม บุญคุณของไป่ไท่ฮางต่อเฉินหลงเพิ่มขึ้นมาอย่างมากโข สำหรับคนที่ยอมสละชีวิตตน หากเขาไม่ได้ต้องการ สมองเขาคงมีปัญหา
คนอย่างเฉินหลงไม่มีทางปล่อยให้เขาตายหรอก
เฉินหลงรีบตามไป่ไท่ฮางไปยังรังมด
“ท่านเทพ ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร พวก “มดสีทอง” ช่างเป็นสัตว์ที่ร้ายกาจ ท่านไม่คิดหรือว่าท่านเป็นเทพที่ไม่ควรโดนกินเข้าไป โปรดรีบไปเสียเถิด” เขามองเฉินหลงที่ตามเขามา ไป่ไท่ฮางกล่าวไปอย่างกังวล เขายืนเบื้องหน้าเฉินหลงแล้งเสาเหล็กยักษ์ก็ได้ตกลงบนหัวของ “มดเขมือบทอง”
“เพราะว่าฉันเป็นเทพ ฉันจึงไม่อาจทนมองผู้ติดตามฉันโดนพวกมดตัวจ้อยนี่กินไปได้” เขากล่าว มือเฉินหลงปรากฏมีดจากนรก
“ภูเขาดาบ”
เงาของดาบจำนวนนับไม่ถ้วน พาดผ่านไป่ไท่ฮางไปและฟันตรงไปที่ “มดสีทอง” ที่อยู่บนพื้น
พลังของ “มดสีทอง” ไปถึงระดับกำเนิด ทว่าพละกำลังของมันไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก สิ่งที่เลวร้ายคือมดพวกนี้ฆ่าช้างได้
เมื่อเสาเหล็กกล้ายักษ์ของไป่ไท่ฮางตีลงไปบนหัวของมดสีทองพวกนี้ หัวของพวกมันแหลกเละ แต่อย่างไรเสียก็ไม่ได้มีผลกับเขี้ยวแหลมเหมือนเคี่ยวทับทิมของพวกมันเลย
ในตอนที่ไป่ไท่ฮางกำลังจะทุบพวกมันอีกครั้งนั้นเอง เขาพบว่ามีเงาดาบจำนวนนับไม่ถ้วน พาดผ่านตัวเขาไปยังข้างๆเขาและสับหัวของพวกมดสีทองนี่ไป
“ฉับ ฉับ ฉับ ฉับ ฉับ”
ดาบที่ไม่อาจคะเนจำนวนได้เริ่มจากตัดหัวของมดสีทองพวกนี้ไปจนและตัดพวกมันออกเป็นสองส่วน
ด้วยดาบเพียงเล่มเดียว เฉินหลงฆ่ามดสีทองมากกว่าร้อยตัวไปได้
“เยี่ยมจริงๆ อย่ามัวตื่นตะลึงอยู่ รีบเก็บของเร็ว เราจะไปจากที่นี่แล้ว” หลังจากฆ่า “มดสีทอง” ไปมากกว่าร้อยตัว ด้วยดาบเพียงดาบเดียว เฉินหลงกล่าวกับไป่ไท่ฮางคนที่กำลังนิ่งอึ้งอยู่เพราะตัวเขาเอง
เขาฆ่า “มดสีทอง” มากกว่าร้อยตัวได้ด้วยตัวคนเดียว ทว่ามดพันกว่าตัวหรือหมื่นกว่าตัว หรือแสนกว่าตัว หรือเป็นล้านตัว พวกเขาคงได้แต่หนีตาย
หลังจากได้ยินที่เฉินหลงว่าไป่ไท่ฮางรีบทำตามที่เขากล่าวเขาเก็บของ และหยิบฟันที่เป็นอัญมณีอันใหญ่และ “ถุงพิษ” ไป ทิ้งให้ “มดสีทอง” เกลื่อนอยู่บนพื้น
จริงๆแล้ว “มดสีทอง” พวกนี้มีอีกหนึ่งความสามารถนั่นคือการพ่นพิษที่มีแรงกร่อนรุนแรงออกมา แต่อย่างไรเสียพวกมันแทบจะโดนฆ่าในทันที จึงไม่มีเวลาจะใช้พิษที่ว่านั้นเลยพิษพวกนั้นจึงกลายเป็นของไป่ไท่ฮางไป
TB:บทที่ 233 ศิษย์คนที่สอง
หลังจากใช้เวลาอยู่สองสามนาทีเพื่อเก็บของในสนามรบ เฉินหลงและไป่ไท่ฮางออกจากที่นั่นไปด้วยกัน เนื่องจากยังมี “มดสีทอง” ในภูเขานั้นอยู่ และหาก “มดสีทอง” ยังไม่โดนกำจัดไป ก็ยังไม่มีทางที่จะขุดเหมืองได้อย่างปลอดภัยเลย ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงจำต้องเปลี่ยนสถานที่
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามแต่ภูเขายังคงมีเป็นร้อยเป็นพันลูก ดังนั้นจึงเปลี่ยนไปอีกลูกเท่านั้น
เขาไม่รู้ว่าจะมีกฏเกณฑ์อะไรในภูเขาทั้งแสนลูกหรือไม่ แต่สัตว์บนภูเขาจะไม่ไปอยู่บนเขาลูกอื่น
ครึ่งชั่วโมงหลังจากที่เฉินหลงและไป่ไท่ฮางไปจากสถานที่ที่พวกเขาเพิ่งเผชิญหน้ากับมดสีทองแล้ว รังของมดสีทองอีกรังที่มีมดกว่าพันตัวก็เข้ามา เมื่อพวกมันเห็นว่าพวกที่เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับมันตายไปหมดแล้ว พวกมันทำเสียง “ขู่” ในทันที
จากนั้นเขาทั้งลูกเริ่มจะปะทุเสียง “ขู่” ออกมา
“เอาล่ะ ดูเหมือนว่าพวกเราจะไปแหย่รังมันเข้าแล้ว” เฉินหลงคนที่วิ่งอย่างว่องไวเบื้องหน้าในเขาอีกลูกว่า เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น เขาได้ยินเสียง “ขู่” นี่ดังด้วยความโกรธที่ไม่จบสิ้น
“ท่านเทพพวกมดสีทองนี่มีชื่อในความเป็นหนึ่งเดียวกัน พวกเราฆ่าเผ่าพันธุ์ของมันในรังเก่าและจัดการกับเขี้ยวใหญ่ๆนั่น แน่นอนว่าพวกมันจะไม่ปล่อยพวกเราไป” ไท่ฮางที่เก่าแก่แบกเสาเหล็กอันยักษ์พร้อมด้วยเขี้ยวอันใหญ่ มีหินอัญมณีและถุงพิษที่ห้อยไปด้วย เขาวิ่งอยู่หลังเฉินหลง
เนื่องจากพวกมันกินเนื้อ เขี้ยวใหญ่ๆของพวกมันจึงแข็งดังเหล็กกล้าและอาจจะแข็งกว่าเหล็กกว่าด้วยซ้ำไป
และเพราะว่าเป็นเช่นนั้นพวกมันจึงขุดเหล็กได้ อีกทั้งยังกัดให้ขาดและกินเข้าไปได้ด้วย และเนื่องจาก “มดสีทอง” พวกนั้นเป็นสัตว์สังคม พวกสัตว์ที่ไม่ได้แข็งแกร่งนักจะไม่กล้าท้าทายพวกมัน และพวกสัตว์ที่แข็งแกร่งมักขยาดที่จะฆ่าสัตว์ที่อ่อนแอ ดังนั้นแล้วพวก “เขี้ยวงอของมด” พวกนี้จึงกลายเป็นของที่ยอดเยี่ยมไป
และฉะนั้น ไท่ฮางจึงเต็มใจจะเก็บของนี่ไปด้วย
ในระหว่างที่พวกเขาคุยกันอยู่นั้น มี “มดสีทอง” จำนวนหนึ่งอยู่เบื้องหน้าพวกเขาขวางทางเดินอยู่
โดยไม่กล่าวสิ่งใด มันไม่แม้มีโอกาสจะพ่นยาพิษ เฉินหลงจัดการทันที
เขาเห็นซากมดพวกนั้น ตาทั้งสองของไป่ไท่ฮางเป็นประกาย เขาพร้อมจะตัดมันเป็นชิ้นๆแล้ว
ทว่าเฉินหลงกลับกล่าวว่า “ดีล่ะ อย่ามัวอ้อยอิ่ง พวกมดสีทองทั้งภูเขาเหล่านั้นล่าพวกเราอยู่แล้ว หากเราช้าสักครึ่งนาที พวกเราคงได้ตายบนภูเขานี่”
สิ้นคำ เขาพุ่งเข้าไปหาร่างของมด เฉินหลงยิ้ม เขาหยิบหินอัญมณีขึ้นมาจากร่างของ “มดสีทอง” และใส่ลงไปในวงแหวนมิติ
เขาเห็นหินอัญมณีในมือเฉินหลงหายไป เขาเคยเห็นมีดพลันปรากฏขึ้นมาในมือเฉินหลงมาก่อน ไป่ไท่ฮางตามเฉินหลงไปและถามว่า “ท่านเทพ ท่านมีอุปกรณ์ช่องมิติติดตัวหรือ”
เฉินหลงมองไป่ไท่ฮางแบบแปลกๆ “คุณรู้จักเครื่องมือช่องมิติหรือ”
“ข้าเคยได้ยินมาบ้าง แต่ไม่เคยเห็น กล่าวกันว่าในเมืองใหญ่ทั้งหนึ่งร้อยแปดเมืองของอาณาจักรคุนหลุน เจ้าเมืองของแต่ละเมืองจะมีเครื่องมือช่องมิติอยู่ และยังกล่าวกันว่าเครื่องช่องมือมิติเหล่านี้นั้นพวกเขาได้รับต่อๆกันมาจาก “วิหารศักดิ์สิทธิ” และจะใช้โดยเจ้าเมือง” ไป่ไท่ฮางกล่าวขณะที่มองเฉินหลง ในที่ที่มีวงแหวนมิติอยู่บนตัวเฉินหลง
เจ้าเมืองทั้งหนึ่งร้อยแปดเมืองมีอุปกรณ์ช่องมิติ แล้วอะไรคือ “วิหารศักดิ์สิทธิ” นี่อีก พวกเขาสามารถสร้างอุปกรณ์ช่องมิติได้มากกว่าหนึ่งร้อยชิ้น เรื่องนี้ทำให้เฉินหลงสงสัยมากขึ้นเกี่ยวกับ “วิหารศักดิ์สิทธิ” นี่
แต่อย่างไรเสีย พลังของเฉินหลงยังคงอ่อนแอไป เขาจึงพักเรื่อง “วิหารศักดิ์สิทธิ” นี่ไปก่อนในตอนนี้
“เหมือนกับไป่วูจีและเฮยหยาง พวกเขามีอุปกรณ์ช่องมิติหรือไม่” เฉินหลงถาม
“ไม่ เมืองทั้งสองของพวกเขาเป็นเมืองเล็ก ผู้ครองเมืองไม่มีคุณสมบัติพอจะได้สนุกกับอุปกรณ์ช่องมิติ แต่อย่างไรเสียหากพวกเขาสะสมบุญมากพอและพยายามจะพัฒนาแล้ว พวกเขาจะสามารถมีอุปกรณ์ช่องมิติได้เมื่อพวกเขากลายมาเป็นเจ้าเมืองในหนึ่งร้อยแปดเมือง แต่เรื่องนี้ดูเป็นเรื่องยากเอามาก ยากมากจริงๆ” ไป่ไท่ฮางส่ายหัว
หลังจากนั้น เฉินหลงได้รู้จากไป่ไท่ฮางว่าที่คุนหลุนมีเมืองใหญ่หนึ่งร้อยแปดแห่ง เมืองขนาดกลางเจ็ดร้อยยี่สิบแห่งและเมืองเล็กสามพันหกร้อยแห่ง ดังนั้นแล้วหากเฮยหยางและไป่ไท่ฮางต้องการจะกลายมาเป็นผู้ครองเมืองละก็ พวกเขาคงทำได้เพียงฝัน สำหรับเมืองเล็กอย่างแคนน่อน(ปืนใหญ่) เมืองแบบนี้มีเยอะเหมือนกาแลกซี่
แต่อย่างไรเสีย ในทุกๆหนึ่งร้อยปี จะมีการบุกของฝูงสัตว์ครั้งใหญ่ และนอกจากเมืองใหญ่และเมืองขนาดกลางที่สามารถยืนหยัดได้นั้น เมืองเล็กๆต่างจะโดนรวมไปกับฝูงการบุกของสัตว์
“ไท่ฮาง คุณอยากจะเป็นศิษย์ของฉันไหม” เฉินหลงว่าไปในทันที
เมื่อได้ยินที่เฉินหลงว่าแล้ว ไป่ไท่ฮางอึ้งและนิ่งไป
เมื่อเฉินหลงเห็นดังนั้น เขาจับไป่ไท่ฮางและวิ่งต่อไป เขาไม่ต้องการจะเห็นศิษย์ของเขาโดนแทะจนกลายเป็นกระดูกขาวไปเพราะพวกมดสีทอง
“ท่านเทพท่านอยากจะรับข้าเป็นศิษย์จริงๆหรือ” ไป่ไท่ฮางมีสายตาอย่างตกตะลึง เขามองเฉินหลง
ตัวตนของเทพคือสิ่งใดกัน แม้ในเมืองใหญ่พวกผู้ครองเมืองพวกนั้นยังก้มกราบ เมื่อพวกเขาเห็นเฉินหลงก็ตาม ในตอนนี้เฉินหลงมีสถานะเป็นเทพ และแม้หากพวกเขาไม่ต้องการจะทำก็ไม่มีใครกล้ามาลบหลู่เฉินหลง
เนื่องจากการจะลบหลู่เฉินหลงคือการลบหลู่ “วิหารศักดิ์สิทธิ” การจะทำลายเมืองใหญ่ด้วยพลังของวิหารช่างง่ายดายราวบดขยี้มดตัวหนึ่ง แน่นอนว่าไป่ไท่ฮางตกใจเล็กน้อยด้วยข้อมูลนี้
“ใช่แล้ว แน่นอน แต่หากนายไม่อยากก็ไม่ต้องก็ได้” เฉินหลงพยักหน้า
“ได้สิ ได้เลย แน่นอนว่าข้าต้องการ” ในตอนนี้ไป่ไท่ฮางโต้ตอบราวกับเขากำลังอยู่ในภาวะปิติเคลิ้บเคลิ้ม
สิ้นคำไป่ไท่ฮางพร้อมจะให้ของขวัญชิ้นใหญ่กับเฉินหลง หลังจากนั้นเสี้ยววินาทีเขาพบว่าตัวเขากำลังโดนลากไปโดยเฉินหลง
“ไม่ต้องรีบฉลองไป รอจนกล่าวคุณจะได้ออกจากเขานี่ไปก่อนแล้วคุณจะฉลองได้” ตอนแรกเฉินหลงกำลังจะไปยังเขาอีกลูก ทว่าเขาเปลี่ยนใจ
มีเหตุผลสองอย่างที่เฉินหลงเปลี่ยนใจ เหตุผลอย่างแรกคือเขาต้องการรับไป่ไท่ฮางเป็นศิษย์ ประการที่สองคือหลังจากที่เฉินหลงเฉือน “มดสีทอง” ไปแล้ว เขาพบว่าพลังของเขาแข็งแกร่งขึ้น เขาต้องการจะเห็นว่าจะเขาพัฒนาพลังของเขาต่อไปโดยฆ่า “มดสีทอง” พวกนั้นได้หรือไม่ เนื่องจากไป่ไท่ฮางอยู่รอบตัวเขาแล้ว เฉินหลงไม่อาจจะทำสำเร็จได้ เมื่อพวกเขาเข้าไปยังภูเขา เฉินหลงและไป่ไท่ฮางใช้เวลาสองวันและเพราะพวกเขาต้องการจะเข้าไปสำรวจ ทว่าในตอนนี้ด้วยการหลบหนีแบบเต็มที่ของเฉินหลง จึงใช้เวลาเพียงสามชั่วโมงเพื่อออกไปจากภูเขา
ทว่าเมื่อพวกเขาไปถึงตีนเขาแล้ว พวก “มดสีทอง” ไม่ได้ตามไล่พวกเขามาต่อ พวกเขาจึงทำเพียงพักอยู่ที่นั้น
พวก “อาณาจักรคุนหลุน” นี่แปลกไปเล็กน้อย ตอนแรกเมื่อโลกนี้มีพลังถึงระดับลมปราณ เขาคงบินไปบนฟ้าได้ แต่อย่างไรเสีย อาณาจักรคุนหลุนนี่ ดูเหมือนจะกดไม่ให้เฉินหลงบินได้
ไป่ไท่ฮาง เขาคุกเข่าลงเบื้องหน้าและเรียกเฉินอาจารย์
“เอาล่ะ ยืนขึ้น” เฉินหลงมองตาไป่ไท่ฮางด้วยความพึงพอใจ
นี่คือศิษย์คนที่สองของเขาต่อจากฮัวหมิงเหริน เขายังเป็นศิษย์คนแรกและคนสุดท้ายในโลกนี้ด้วย หลังจากไป่ไท่ฮางแล้ว เฉินหลงไม่ต้องการจะรับศิษย์คนอื่นอีก
TB:บทที่ 234 ราชินีมด
ต้องขอบคุณไป่ไท่ฮางที่ยืนขึ้นอย่างตื่นเต้น
“เพราะคุณนับถือฉันเหมือนเป็นอาจารย์ ฉันจะต้องสอนฝีมือหลากหลายอย่างให้ และนี่เป็นความสามารถหนึ่งที่เรียกว่า “ระฆังทอง” เป็นพลังเพื่อปกป้องร่างกายของเจ้าของ ตอนนี้ฉันจะสอนให้กับคุณ คุณจะต้องฝึกฝนให้มากกว่านี้” สิ้นคำเฉินหลงสอนไป่ไท่ฮางให้รู้ความสามารถทั้งหมดของ “ระฆังทอง”
หลังจากได้ยินชื่อกระบวนท่าของระฆังทอง ไป่ไท่ฮางได้เพิ่มพูนความสามารถในทันที
และเมื่อหลังจากที่เฉินหลงได้อ่านให้เขาฟังจบแล้วนั้น เขายังคงหมกมุ่นในพลังมากจนลืมขอบคุณอาจารย์ของตน
แต่เฉินหลงไม่ได้สนใจ
ความสามารถอย่าง “ระฆังทอง” ดูเหมือนว่าจะเป็นการปฏิบัติพิเศษสำหรับคนในคุนหลุน ไม่กี่นาทีต่อมา ไป่ไท่ฮางผ่านพ้นพลังระดับแรกไป จากนั้นเป็นระดับที่สอง ระดับที่สาม และเมื่อได้ฟังกระบวนท่าของระฆังทองแล้ว ไป่ไท่ฮางผ่านพ้นพลังของระฆังทองไประดับที่หก และพลังนั่นแข็งแกร่งเกินไป
ในตอนที่เฉินหลงสามารถเรียนรู้ “ระฆังทอง” นั้น เขาไปถึงระดับสิบเอ็ด
และนั่นเป็นการเริ่มต้นของเฉินหลงที่หยุดนิ่งอยู่อย่างนั้น แต่อย่างไรเสีย ไป่ไท่ฮางผ่านพ้นพลังของระฆังทองระดับที่หกไปภายในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง และนั่นเป็นพลังและความสามารถทั้งหมดที่เขามี
หลังจากที่ได้ผ่านพ้นไประดับหกแล้ว ไป่ไท่ฮางตื่นขึ้นมาจากการทำสมาธิ เขาเห็นเฉินหลงอยู่ข้างกายเขา เขาคุกเข่าลงให้เฉินหลงและกล่าวไปว่า “ขอบพระคุณท่านอาจารย์ ข้าจะฝึกฝนให้หนักและทำให้ได้ตามที่ท่านอาจารย์คาดหวัง”
หลังจากที่เขาเรียนรู้ความสามารถอย่าง “ระฆังทองแล้ว” ไป่ไท่ฮางรู้ได้ถึงคุณค่าของพลังนี้ได้อย่างแน่ชัด เฉินหลงสามารถที่จะสอนวิชาที่แสนจะล้ำค่าอย่างความสามสารถนี้ให้เขาได้ ในใจของไป่ไท่ฮางเขาตัดสินใจจะดำน้ำลุยไฟไปได้เพื่อเฉินหลง
“ฝึกให้หนัก และผ่านพ้นระดับพลังไปเร็วเท่าที่จะทำได้ จะว่าไป เอานี่ไปซะ” สิ้นคำเฉินหลงถอดแหวนห้าเหลี่ยมที่อยู่บนมือเขา เขาหยิบขึ้นมาและส่งไปให้ไป่ไท่ฮาง
วงแหวนมิติอันนี้เป็นวงเฉินหลงที่แลกเปลี่ยนมาจากระบบ และเนื่องจากเขามีเครื่องมือที่เป็นวงแหวนมิติอยู่แล้วเขาจึงไม่ได้ใช้ของชิ้นนี้ ไป่ไท่ฮางเป็นศิษย์เขาแล้วในตอนนี้ ดังนั้นเขาเลยมอบแหวนนี่ให้
เมื่ออาจารย์มอบของบางอย่างให้ ไป่ไท่ฮางรีบยื่นมือออกไปตามที่เฉินหลงบอก
“เชื่อมต่อมันกับพลังจิตวิญญาณของนาย” เฉินหลงว่า
ไป่ไท่ฮางพยายามจะเชื่อมต่อเมื่อได้ฟังดังนั้น และเมื่อเขาเห็นว่ามีช่องว่างในแหวนอวกาศ เขานิ่งอึ้งไป
“อาจารย์นี่คืออุปกรณ์ช่องมิติ” หลังจากตัดการเชื่อมต่อ ไป่ไท่ฮางมองเฉินหลงและกล่าวไปอย่างตะกุกตะกัก
“จะว่าไป วงแหวนมิตินี่คงเล็กเกินกว่านายจะสวม แต่นายสวมเป็นสร้อยแทนได้นะ” เฉินหลงพยักหน้า
“อาจารย์ ของนี่มีค่าเกินกว่าจะรับไว้ได้” ไป่ไท่ฮางถือแหวนเล็กจิ๋วในมือ และรีบส่ายหน้า
อุปกรณ์แหวนนี่ล้ำค่ามากเพียงใดน่ะหรือ มากขนาดที่ว่ามีเพียงเจ้าเมืองเพียงหนึ่งร้อยแปดคนเท่านั้นที่ครอบครองได้ เขาเป็นเพียงนายพรานตัวเล็กๆ เขาจะไปมีอุปกรณ์ช่องมิติเช่นนี้ได้อย่างไร
“เอาไปเสีย ฉันยังมีอีกวง” เฉินหลงว่า “แล้วคุณก็เป็นลูกศิษย์ของเทพด้วย หากไม่มีวงแหวนมิติแล้ว คุณคงโดนหัวเราะเยาะใส่ ดังนั้นจงรับสิ่งที่อาจารย์ของคุณให้ไปเสีย”
“ขอบคุณสำหรับของล้ำค่าขอรับ” ไป่ไท่ฮางถือแหวนไว้ เขาก้มหัวลง และขยับสายตาไปมา
“เยี่ยม ลองใส่ดู แล้วลองสวมอีกรอบ”
ไป่ไท่ฮางรีบใส่แหวนนั้น ตอนนี้มันกลายเป็นสร้อยคอที่ไว้สวมคอแทน
“ท่านอาจารย์ ศิษย์จะปกป้องไว้อย่างดี” ไป่ไท่ฮางตัดสินใจแล้ว
จากนั้น เขาพยายามใส่สัมภาระชิ้นใหญ่ไป แน่นอนว่ามันหายวับไป แล้วเขาจึงหยิบออกมาอีกรอบ
เมื่อได้อุปกรณ์ช่องมิติมา ไป่ไท่ฮางยังมีสิ่งที่เขาเสพติดใหม่ด้วย
“ศิษย์เอ๋ย คุณต้องฝึกฝนที่นี่ก่อน เพราะอาจารย์จะไปในภูเขา” สิ้นคำ เฉินหลงไปยังภูเขาที่เต็มไปด้วย “มดสีทอง” อีกครั้ง
“อาจารย์ขอรับ ที่นั่นอันตรายเกินไป อย่าไปที่นั่นเลยขอรับ” ไป่ไท่ฮางได้ยินที่เฉินหลงบอกว่าเขายังอยากจะเข้าไปยังภูเขาอีกครั้ง เขาจึงล้มเลิกความตั้งใจจะหว่านล้อมเฉินหลงไป
“ศิษย์ คุณรู้ถึงพลังของระฆังทอง มดจ้อยร่อยพวกนั้นไม่อาจทำร้ายอาจารย์ได้หรอก ยิ่งไปกว่านั้นแม้พวกมันจะไร้คู่ต่อกร ทว่าอาจารย์สามารถจะถอยออกมาจากภูเขาได้ ดังนั้นแม้พวกมันจะเป็นเช่นนั้นก็ไม่มีทางจะจัดการอาจารย์ได้ ตอนคุณเข้าภูเขาไป คุณควรจะไปฝึก “ระฆังทอง” อย่างสุดฝีมือที่นี่ก่อน เมื่อคุณมีพลังถึงระดับสิบเอ็ดแล้วคุณจึงจะเข้าภูเขาไปกับฉันได้” เฉินหลงชี้ไปที่ตีนเขา ชี้ที่ “มดสีทอง” และชี้ไป่ไท่ฮางที่เผยยิ้มมั่นใจออกมา
“ขอรับท่านอาจารย์” ไป่ไท่ฮางพยักหน้า
เฉินหลงอยากจะตบบ่าไป่ไท่ฮาง ทว่าเมื่อเขาเห็นขนาดตัวแล้ว เฉินหลงทำได้แค่ตบสีข้างเขาและเดินไปยังภูเขา
“อาจารย์ ศิษย์จะฝึกหนักอย่างแน่นอนเพื่อไม่ให้เป็นภาระของอาจารย์” เขามองหลังของเฉินหลง ไป่ไท่ฮางตัดสินใจแล้ว
เฉินหลงเดินไปทางภูเขา ที่พวก “มดสีทอง” ยังคงเดินวนไปมาอยู่ที่ตีนเขา พวกมันตื่นตัวและเคลื่อนที่เร็วขึ้นเรื่อยๆ ฟันงอเหมือนเคียวของพวกมันเปิดและปิดอย่างสม่ำเสมอ พร้อมที่จะกัดกินมนุษย์หน้าไหนที่กล้าทำร้ายพวกของมันในเขตของพวกมันให้เป็นชิ้นๆ
“หากอยากจะต้อนรับฉันนัก ฉันจะจัดของขวัญให้ ออกมาจากภูเขาสิ”
สิ้นคำเฉินหลงโจมตีกลุ่ม“มดสีทอง”กลุ่มหนึ่ง
แต่มดยังคงเป็นมด แม้ว่าพวกมันจะตัวใหญ่ขึ้น พวกมันไม่มีชื่ออยู่ดี
มดโดนตัดครึ่งโดนมีดลมของเฉินหลงไปทีละตัวทีละตัว บางตัวที่อยู่ข้างหลังเขายังคงอ้อยอิ่งอยู่ที่ตีนเขา และรอให้เฉินหลงฆ่า
จากนั้น เฉินหลงฆ่ามดไปเกือบพันตัวที่ตีนเขา หลังจากที่ฆ่าไป“มดสีทอง”พวกนั้นไป พลังของเฉินหลงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ทว่ายังห่างไกลจากการผ่านพ้นพลังไป หากระดับลมปราณ นับเป็นระดับย่อยๆ คงต้องสะสมถึง 100 % ถึงจะทะลวงระดับ ต่อไป ทว่าพลังในตอนนี้ของเฉินหลงเพิ่มขึ้นมาเพียงยี่สิบเปอร์เซ็นเท่านั้น และ“มดสีทอง” เกือบพันตัวที่ตายไปเพิ่มพลังให้เฉินหลงได้เพิ่มศูนย์จุดหนึ่งเปอร์เซ็น อย่างไรเสียแม้จะเพิ่มเพียงศูนย์จุดหนึ่งเปอร์เซ็นก็เป็นเรื่องที่เยี่ยมยอดสำหรับเฉินหลงแล้ว หากเฉินหลงต้องการจะฆ่าฟันมากมาย คงไม่นานหนักกว่าเฉินหลงจะทะลวงระดับได้
เมื่อฆ่ามดไปกว่าพันตัวแล้ว เฉินหลงเก็บของที่มีประโยชน์ไปจากภูเขาทั้งหมดและกลับไปยังภูเขาอีกครั้ง
หลังจากนั้นเฉินหลงฆ่า “มดสีทอง” และเข้าภูเขาอีกรอบ ที่นั้นมีเสียง “ขู่” ที่ทรงพลังอยู่
เมื่อได้ยินเสียง “ขู่” ที่ว่าแล้ว เฉินหลงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเสียงนี้นั่นช่างแข็งแกร่งไปกว่าตัวเขาแม้ว่าพลังของเขาไปถึงระดับลมปราณแล้ว
“ราชินีมด”
ความคิดหนึ่งผดขึ้นมาในหัวเฉินหลง
“ราชินีมดหรือ แล้วอย่างไรละ เพื่อที่เขาจะได้เพิ่มพลัง ถึงเป็นราชินีมดเขาก็จะฆ่า”
เมื่อคิดได้ดังนั้น เฉินหลงเข้าภูเขาไปอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้เสียง “ขู่” และเสียงที่ “ขู่” ดังขึ้นไปทั่วทุกมุมของภูเขา
ในเวลาเดียวกัน เฉินหลงรู้สึกได้ถึง“มดสีทอง”ทั้งหมดในภูเขาที่กำลังเข้ามาหาเขา
TB:บทที่ 235 อี้หยูฉือหวู่
ขณะที่เฉินหลงเดินอย่างเชื่องเข้าไปในภูเขา ตลอดทางที่เขาผ่านเป็นศพของมดสีทอง และสิ่งที่มีประโยชน์จากมดพวกนั้นเฉินหลงได้นำมาใส่ในวงแหวนมิติหมดแล้ว
นี่คือวันที่สามที่เฉินหลงเข้าภูเขานี่มา หากมองข้อดีที่ว่าไม่มี “มดสีทอง” บุกเข้ามาแล้ว เฉินหลงหยิบเอาส่วนของ “งูเขาสีเขียว” ที่โดนฆ่าไปก่อนหน้าออกมาจากแหวนมิติ หลังจากที่นำไปทำอาหารแล้ว เขาได้กินอาหารมื้อดีๆ
ในเวลาสามวันที่ผ่านมาเฉินหลงฆ่ามดสีทองไปกว่าห้าหมื่นตัว ทว่ายังมีมดสีทองอีกมากมายที่เข้ามา
เป็นเวลาสามวันแล้วที่เฉินหลงไม่ได้นอน เมื่อเขาเหนื่อยล้า เฉินหลงจะปิดตาและหายใจเข้าออก
“มดสีทอง” พวกนี้คล้ายจะมีคำสั่งให้พวกมันออกรบอย่างไม่จบสิ้น พวกมันก่อกวนเฉินหลงเป็นเวลานานกว่ายี่สิบสี่ชั่วโมงต่อวัน
คล้ายกับว่าหลังจากเฉินหลงจัดการกับพวก“มดสีทอง”จำนวนมากกว่าหนึ่งโหลที่โจมตีเฉินหลง และก่อนที่พวกมันจะเข้ามาถึงตัวเฉินหลง พวกมันได้พ่นพิษสีเทาใส่เฉินหลง
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ “มดสีทอง” คล้ายกับว่าจะรู้ว่าศัตรูเบื้องหน้าพวกมันช่างแข็งแกร่ง เขาจึงไม่มีโอกาสแม้จะโจมตี
ก่อนที่พิษจะเข้ามาใกล้เฉินหลงนั้นมี“ระฆังทอง”ค่อยกันไว้อยู่นอกร่างของเฉินหลง
ทันทีที่พิษที่หยดลงบนพื้น พิษได้กร่อนให้เกิดหลุมใหญ่บนพื้น
“รนหาที่ตาย”
เมื่อมด “สิบ” ตัว พวกมันจะระเบิดพิษออกไปทุกทาง
การเคลื่อนไหวเช่นนี้เรียกว่า “รถพุ่งชน” และผลของการโจมตีนี้คล้ายกับเป็นความทรมานของรถเก่าที่แตกหัก
เมื่อเฉินหลงได้พวกของมีค่าพวกนี้มาแล้ว เขาเดินต่อไปพร้อมมีดเล่มหนึ่ง
ทางที่เฉินหลงเดินอยู่เป็นที่ที่ราชินีมดส่งเสียง เหตุผลที่พวก “มดสีทอง” ฉลาดกว่าเก่าเป็นเพราะราชินีมดของพวกมันกำลังใช้กลวิธี และหากเขาฆ่าราชานีมดได้ พวกมดในเขานี้ก็จะกลายเป็นวัตถุดิบเพื่อเพิ่มพลังให้ได้
“ราชินีมด” คล้ายจะรู้แผนของเฉินหลง จึงได้ส่งทหารมดตัวเล็กๆมาก่อกวนเฉินหลง เพื่อให้กินพละกำลังและกันไม่ให้เขาเข้าหาราชินีมดได้
แต่อย่างไรเสียเฉินหลงก็มียาพลังลมปราณรักษาอยู่ในตัว เขาจึงฟื้นพลังคืนในตัวได้อย่างรวดเร็ว พวกมดตัวน้อยไม่ได้มีพลังแข็งแกร่งพอให้เฉินหลงได้รับประสบการณ์เพิ่ม
เฉินหลงสงสัยใคร่รู้ในตัว “ราชินีมด” ที่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ย้ายที่ไปไหน อีกทั้งยังอยู่ที่เดิมมาโดยตลอด “ดูเหมือนว่าราชินีมดจะไม่ได้เคลื่อนที่เลย เยี่ยม เป็นเป้ามีชีวิต ฉันต้องฆ่ามัน”
จากนั้น มีมดเข้ามามากขึ้นอีกเรื่อยๆ
เพลงดาบของเฉินหลงที่ได้ใช้ทรงพลังมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ กระบวนท่าบางท่าที่มีสิบแปดระดับนรกสามารถทำได้อย่างง่ายดายในมือเฉินหลงและพลังของเพลงดาบนั้นยังเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย มีดธรรมดาๆมักจะมีพลังถึงระดับที่แข็งแกร่งมากๆ เมื่อเป็นเช่นนั้นการโมตีจะรุนแรงขึ้นและพลังที่ใช้จะน้อยลงไป
สิบวันหลังจากเข้าภูเขามา จำนวนของ“มดสีทอง”ที่ตายด้วยมือเฉินหลงเพิ่มมากเป็นสองแสนตัว เฉินหลงมีจิตสังหารหนักขึ้น เนื่องจากจิตสังหารที่มีพวก“มดสีทอง”ที่เข้ามาเพื่อตายยังรับรู้ได้ถึงจิตสังหารของเฉินหลง แต่อย่างไรเสีย คำสั่งของราชินีมดทำให้พวกมันไม่สนใจจิตสังหารของเฉินหลงและพุ่งเข้ามาเพื่อตาย
ในขณะนั้น เฉินหลงอยู่ไม่ไกลจากที่ที่ “ราชินีมด” อยู่ และห่างไปเพียงสิบกิโลเมตรเท่านั้น ทว่าทางเดินไม่ได้สะดวก เพราะว่าเบื้องหน้าเฉินหลงทางทั้งหมดมีมดสีทองอยู่
คล้ายกับว่าราชินีมดจะรู้ว่าการกระจายกองกำลังมดไปโจมตีเฉินหลงจะไร้ความหมาย และคงจะดีกว่าหากจะมุ่งกำลังที่มีที่ไปสู้กับเฉินหลงให้ตาย
เนื่องจากราชินีมดต้องการจะสู้กับความตายด้วยตัวเอง เขาจึงฆ่ามดสีทองทั้งหมดเบื้องหน้าเธอและฆ่าราชินีมดตัวอื่นที่อยากเอาชีวิตเขา ที่นี่คืออาณาจักรคุนหลุน เขาเป็นเทพเจ้าของเผ่าคุนหลุน มาดูกันสิ ว่าราชินีมดหรือเทพจะชนะกัน
เฉินหลงพุ่งเข้าไปในรังมดพร้อมมีดเพื่อสู้กับมดสีทองอีกสองล้านสามแสนตัวเบื้องหน้าเขา
“เกราะระฆังทอง” ปกป้องร่างเขา มีดนรกตัดผ่าศัตรู ตราบเท่าที่ยังมีอุปสรรคเบื้องหน้า เฉินหลงจะฆ่าให้หมด
เฉินหลงระบำดาบนรกอย่างบ้าคลั่ง กระบวนท่านรกทั้งสิบแปดท่าของเฉินหลงมีระดับพลังสิบแปดระดับค่อยๆประสานกันทีละน้อย ทำให้ท่านั้นร้ายกาจอย่างที่สุด
ด้วยท่าท่าเดียว ภูตผีทั้งหมดฟื้นคืนชีวิต ราวกับเป็นชาวไร่ที่เก็บเกี่ยวข้าวสาลี พวก“มดสีทอง”ล้มตายเป็นเบือ
“สิ่งนี่เรียกว่า อี้หยูฉือหวู่” เขามองพลังของกระบวนท่านี้ แล้วเฉินหลงจึงคิดชื่อได้
ด้วยความทรงพลังของ “อี้หยูฉือหวู่” เฉินหลงใช้เวลาเต็มวันเพื่อฆ่า“มดสีทอง”พวกนี้ อีกสิ่งหนึ่งก่อนหน้านี้ เฉินหลงใช้เวลากว่าสี่วันเพื่อฆ่าเพื่อฆ่ามดสีทองไปสองแสนตัว พลังฉีรักษาของเฉินหลงช่วยให้พลังเขาฟื้นคืนมา เขาไม่ได้นอนเลยแม้แต่น้อยมาสี่วันแล้ว เขาระบำมีดมาตลอดและนั่นทำให้เฉินหลงเหนื่อยมากกว่าเดิม
เมื่อทำลายพวก“มดสีทอง”พวกนี้จนสิ้นซากแล้ว เฉินหลงนั่งลงบนพื้นโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น พื้นดินปกคลุมไปด้วยเมือกที่ไหลออกมาจาก“มดสีทอง”หลังจากที่พวกมันตายแล้ว
หลังจากที่เฉินหลงนั่งลงบนพื้นมาประมาณครึ่งชั่วโมง เฉินหลงค่อยๆยืนขึ้น ในตอนนี้เขาเหนื่อยมากจริงๆ อีกทั้งเขายังเป็นกังวลมากด้วย การได้พักผ่อนตามปกติแล้วจะทำให้เขาผ่อนคลายขึ้น
เมื่อเขาลุกขึ้นแล้ว เฉินหลงหยิบ “งูยักษ์เขียว” ออกมาและย่างกิน
เฉินหลงทำเช่นนี้และพักไปอีกสามชั่วโมง แล้วเขาจึงกระโดดลงไปหาถ้ำของ “ราชินีมด”
“มดสีทอง” ยังคงเป็นมดอยู่ดี นิสัยของพวกมันเหมือนกับมดทั่วไป และถ้ำของพวกมันยังคล้ายกับรังของมดธรรมดาทั่วไปด้วย ทางลึกที่ตัดกันช่างชันนักและมีตึกเรียงรายกัน ขอบเขตเป็นถนนวงเวียนซึ่งมีซอกซอยมากมาย ซอกซอยตัดกันไปมาราวเขาวงกต
ตามปกติแล้วเขาวงกตเช่นนี้จะมี“มดสีทอง”อยู่มากมายที่เข้าออกรัง ทว่าวันนี้กลับมี“มดสีทอง”อยู่ไม่ถึงครึ่งที่เดินอย่างเร่งรีบอยู่รอบๆ เนื่องจากเฉินหลงได้ฆ่าไปอย่างสิ้นซากหมดแล้ว อีกทั้งยังไม่ง่ายเลยที่ราชินีจะฝักไข่มดสีทองใหม่ได้ อาจจะกล่าวได้ว่าในครั้งนี้ เฉินหลงกวาดมดสีทองที่เกิดจากราชินีมดในหลายปีมานี้จนหมดสิ้น
เฉินหลงตรงไปยังรังของราชินี
หลังจากนั้นเฉินหลงอยู่ห่างจากราชินีมดไปเพียงไม่กี่สิบเมตร เขามองเห็นหมอกมืดดำเบื้องหน้าเขา
“ใช้พิษหรือ ฉันควรจะกลัวไหม” เฉินหลงมองหมอกตรงหน้าและเผยยิ้มรังเกียจออกมา
ไฟสรวงสวรรค์และพสุธาของเขาแผดเผาได้ทุกสิ่ง แม้จะเป็นพิษน้อยๆนี่ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ไฟสรวงสวรรค์และพสุธาปรากฎขึ้นในหมอกพิษ
ไฟสรวงสวรรค์และพสุธาเผาได้ทุกสิ่งอย่าง จากนั้นไม่นานม่านหมอกพิษก็เผาไปจนเกลี้ยง หลุมโดนเปิดออก เฉินหลงรู้ว่ามีมดอยู่ภายใน เขาจึงยกเท้าขึ้นและก้าวไปข้างหน้า
TB:บทที่ 236 พลังของเทวากึ่งเทพ
เขาเดินเข้าไปในถ้ำ เฉินหลงเห็นว่ามีส่วนที่นูนขึ้นมาคล้ายกับเป็นภูเขาเนื้อสัตว์ในถ้ำ เบื้องหลังของส่วนที่นูนนั้น ยังมีไข่สีขาวโปร่งแสงขนาดเท่ากับมะพร้าวที่ปกคลุมด้วยเมือกวางอยู่
ในตอนนี้ เฉินหลงเดินเข้าไปในถ้ำ สิ่งที่อยู่บนภูเขาเนื้อนี้กำลังจ้องเฉินหลงด้วยสายตาเกลียดชัง มันรู้ว่าสิ่งมีชีวิตตรงหน้ามันคงฆ่าตัวอ่อนของมันไปหมดแล้ว ทว่าเขาต้องชดใช้สิ่งที่เขาฆ่าไป
“แกดูน่าเกลียด และช่างน่าละอายที่ยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นเจ้าต้องตายเพื่อฉัน” เฉินหลงว่าและยกมีดนรกในมือขึ้นมา
โดยปกติแล้วหากกล่าวถึง “ราชินีมด” มันคงมารอเพื่อจะฆ่า จากนั้นมันทำเสียง “ขู่”
หลังจากได้ยินเสียงของราชินีมดเข้ามาในระยะใกล้แล้ว เฉินหลงพลันรู้สึกมึน
ราชินีมดใช้การโจมตีจิตใจ ในตอนนั้นเองมีมดสีทองสองตัวที่มีพลังถึงระดับลมปราณพุ่งเข้ามาจากหลังของราชินีมดและเข้าโจมตีเฉินหลง
การโจมตีทางจิตใจของราชินีมดช่างทรงพลังขนาดที่ว่าเฉินหลงไม่อาจจะโต้ตอบมดสีทองทั้งสองได้
เมื่อเฉินหลงโดนโจมตีโดยจิตของราชินีมด เขารู้ว่าพลังที่แท้จริงของมันไปถึงระดับ “หลอมรวมกับธรรมชาติ”
“มดเขมือบทอง” ทั้งสองเป็นองครักของราชินีมดและเป็นกลเม็ดสุดท้ายของราชินีมดแล้ว และเพราะเฉินหลงต้องการชีวิตของแม่พวกมัน เขาจึงควรจะโดนฉีกเป็นชิ้นๆ
เขี้ยวงอทั้งสี่แทงเฉินหลงที่จิตยังคงตื่นตกใจอยู่
เมื่อเขี้ยวใหญ่ของ “มดสีทอง” ปะทะกับระฆังทองของเฉินหลง พลังงานที่ทรงพลังทำให้เครื่องรางบนระฆังทองวิ่งพล่านอย่างว่องไว ในเวลานี้ กล่าวได้ว่าระฆังทองได้แสดงพลังอย่างเต็มที่เป็นครั้งแรก
แต่อย่างไรเสีย พลังของ“มดสีทอง”ทั้งสองทรงพลังเกินไป ระฆังทองไม่อาจทานทนและแตกหักไป
ระฆังทองระดับสิบสองที่ไม่มีอะไรมาเทียบเคียงได้ในตำนาน ที่สุดแล้ว ในตอนนี้ได้แตกสลายไป
หลังจากระฆังทองได้แตกไปแล้ว เขี้ยวซี่ใหญ่ของ“มดสีทอง”เปิดขึ้นและหนีบร่างของเฉินหลงไว้ มันพร้อมจะฉีกเฉินหลงเป็นชิ้นๆ
อย่างไรเสีย ในขณะนั้นมด“มดสีทอง”ทั้งสองกลับหยุดไปในทันที แทนที่จะฉีกร่างเฉินหลงให้ขาดครึ่ง พวกมันกลับแค่หนีบร่างเฉินหลงไว้แน่นเพื่อไม่ให้เขาขยับไปมาและคาบเขาไปหาราชินีมด
ในตอนนั้นเองที่เฉินหลงพลันตื่นขึ้นจากการโจมตีของพลังจิต เขามองเห็นภูเขาเนื้อสัตว์และคล้ายกับว่า “ราชินีมด” จะกล่าวว่า “นี่แกหัวเราะด้วยใบหน้าที่น่าเกลียดนั่นหรือ”
เขามองราชินีมด แล้วเฉินหลงรู้สึกได้ว่าจู่ๆเธอก็ยิ้ม
“ราชินีมด” ไม่ได้กล่าวอะไร ทว่าตาเธอแสดงความโล่งใจว่าเธอจะไม่แก้แค้น เธอเป็นเจ้าเหนือทุกสรรพสิ่งของภูเขานี่มาตลอด และไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่กล้าพอจะลุกขึ้นมาต่อต้านเธอ แต่อย่างไรก็แล้วแต่ ไอ้แมลงตัวจ้อยเบื้องหน้าเธอฆ่าลูกน้องเธอไปจนหมด ความเคียดแค้นเช่นนั้นทำให้ไม่อาจะฆ่าเขาให้ตายง่ายๆ พวกเธอควรจะได้ลิ้มรสชาติของเขาไปทีละน้อย ให้สาสมกับสิ่งที่เขาทำกับเธอ
“ไม่ใช่ว่าคุณคิดว่าคุณอยู่ในเกมหรือ ผมจะกลายเป็นก้อนเนื้อในมือคุณ และคุณจะพยายามกินผมเข้าไป” ใบหน้าเฉินหลงแสดงยิ้มแปลกประหลาด “การโจมตีจิตของคุณช่างแข็งแกร่ง และด้วยการโจมตีที่เน้นไปที่จิตของคุณ ผมไม่อาจจะต้านทานอะไรได้เลย ทว่าคุณคงคิดว่าคุณชนะจริงๆแล้ว และนั่นแหละที่ผิดพลาดครั้งใหญ่”
ในขณะที่กล่าวไปนั้น สร้อยคอได้ปรากฏขึ้นอย่างเงียบงันบนคอของเฉินหลง
สร้อยคอนี้เป็นหนึ่งในเครื่องมือกึ่งเทพทั้งสี่สิบแปดชิ้นที่เฉินหลงได้มาจาก “วิหารพระอาทิตย์” เมื่อคราวก่อน ชื่อของสร้อยนี้คือ “โซ่แห่งจิตวิญญาณ” ตราบใดที่เขาสวมสร้อยนี้ พลังจิตวิญญาณของผู้ที่สวมสร้อยนี้จะเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่าในทันที และในขณะเดียวกันนั้นเอง สร้อยนี้จะทำให้มีคุ้มกันจิตจากการโจมตีทางจิตได้ทุกประเภทถึงระดับพลังปรมาจารย์แห่งดวงดาว
การโจมตีทางจิตของราชินีมดช่างแข็งแกร่ง ทว่าก็ไม่อาจเทียบได้กับผู้ที่แข็งแกร่งในขอบเขตของปรมาจารย์แห่งดวงดาวนี้
ด้วยสร้อยนี้เอง เฉินหลงจะไม่ต้องสู้กลับไปเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเธอเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าเฉินหลง สายตาอันหวั่นไหวปรากฏในตาของราชินีมด
แมลงตัวเล็กจ้อยนี่จะกลายมาเป็นอาหารของเธอ แล้วเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะมีความมั่นใจและไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดเลย เธอไม่ชอบความรู้สึกนี้ เธอไม่ต้องการจะลิ้มรสเขาไปช้าๆ ทว่าเธออยากให้เขาตายไปเสียตอนนี้
เฉินหลงสร้างความรู้สึกที่ไม่ดีให้กับราชินีมด ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนใจและสั่งให้ฆ่าเฉินหลงให้ตาย
หลังจากได้รับคำสั่งจากราชินีมด มดสีทองทั้งสองรีบหนีบเฉินหลงด้วยเคี้ยวยักษ์ของมันทันทีและเตรียมให้เฉินหลงได้ตัวหักครึ่ง
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกมันหนีบฟันใหญ่เข้าด้วยกัน พวกมันกลับพบว่าไม่มีทางเลยที่จะหนีบเฉินหลงได้ เนื่องจากพลังที่ป้องกันเฉินหลงไว้
เมื่อรู้ว่าราชินีมดจะฆ่าเขา เฉินหลงจึงหยิบโล่กำบังออกมา
“ตอนนี้ คุณยังคิดว่าเราเล่นเกมกันอยู่ไหม” เฉินหลงจ้องราชินีมด
เมื่อเธอเห็นว่า “มดสีทอง” ไม่อาจจะกัดเฉินหลงได้ สายตาของราชินีมดก็เปลี่ยนไป เธอใช้พลังจิตพุ่งเข้าโจมตีเฉินหลงอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามพลังจิตที่ราชินีมดใช้โจมตีนั้นไม่อาจใช้การได้
“ผมไม่คิดว่ามันแปลกนะที่พลังจิตของคุณใช้งานกับผมได้ก่อนหน้านี้แต่ตอนนี้ดันใช้ไม่ได้แล้ว” เฉินหลงมองราชินีมด
ก่อนหน้าเธอไม่อยากจะเล่นเกม “แมวจับหนู” แต่ตอนนี้เธอชักไม่อยากจะเล่นแล้ว เมื่อเธอได้ยินที่เฉินหลงว่า ตาของราชินีมดเต็มไปด้วยความลังเล
เมื่อก่อนหน้า เห็นกับตาว่าพลังจิตของเธอใช้กับแมลงนี่อย่างดี ทว่าทำไมตอนนี้จึงใช้ไม่ได้กัน ราชินีมดต้องการจะรู้สาเหตุอย่างจริงจัง
“เพราะว่า ผมเป็นมนุษย์และเป็นเจ้าเหนือทุกสรรพสิ่ง” “ค้อนแห่งแรงโน้มถ่วง” ปรากฏขึ้นในมือเฉินหลง
แรงโน้มถ่วงที่มากกว่าเดิมกว่าร้อยเท่าทุบใส่ “มดสีทอง” ตรงๆและบี้พวกมันจนกลายเป็นเนื้อบด แม้แต่เขี้ยวที่แข็งแรงของมันยังโดนบดขยี้ไปด้วย
แต่อย่างไรเสีย “หินพลังงาน” ในร่างของพวกมันไม่ได้เละไปด้วย
เมื่อเธอได้เห็น“ลูก”ที่ทรงพลังทั้งสองกลายเป็นเนื้อบดไป ตาของราชินีพลันฉายความกลัว
ในขณะเดียวกัน เธอยังพยายามปล่อยพลังจิตอย่างที่สุดด้วย เธอหวังว่าจะมีผลกับเฉินหลง ทว่าเมื่อเธออยู่เบื้องหน้าเครื่องมือกึ่งเทพแล้ว ทุกอย่างที่เธอทำกลับล้มเหลว
“ถ้าจะให้ผมบอกความจริงนะ คุณได้ทำให้ผมสัมผัสกับความรู้สึกว่าจะตาย และหากผมโดนมดสีทองสองตัวตัดครึ่งมาก่อน ผมคงไม่อาจจพลิกกลับมาได้ ดังนั้นเพื่อผมจะได้แสดงความขอบคุณที่ทำให้ผมรู้สึกถึงความรู้สึกจะตายได้ ผมจะให้คุณได้รู้สึกเช่นกัน” สิ้นคำเฉินหลงเก็บ “ค้อนแห่งแรงโน้มถ่วง” และหยิบมีดนรกออกมา
“กระชากลิ้น”
เมื่อใช้เพลงดาบ “กระชากลิ้น” มีดนรกตัดผ่านราชินีมดไปทีละส่วน
และแม้พละกำลังของราชินีมดจะไปถึงระดับหลอมรวมกับธรรมชาติแล้ว ทว่ายังเป็นเพียงระดับของพลังแห่งจิตวิญญาณ ร่างกายของเธอช่างอ่อนแอจนไม่อาจขยับได้แม้แต่น้อย ดังนั้น เธอจึงกลายเป็นชิ้นเนื้อบนเขียงให้เฉินหลงสับ
มีดตัดเนื้อ แล้วเนื้อก็โดนมีดนั้นตัด
ทุกคราวที่มีดเฉือนลงไป ราชินีมดสั่นไหวไปด้วยความเจ็บปวด ตาของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและร้องขอความเมตตา
อย่างไรเสียเฉินหลงไม่อาจจะสงสารสัตว์แปลกประหลาดนี่ที่เกือบจะเอาชีวิตเขาไปได้แม้แต่น้อย
TB:บทที่ 237 เก็บเกี่ยว
หลังจากที่ใช้ท่ากระชากลิ้นกับเธอแล้ว มีเพียงหัวหัวหนึ่งที่เหลืออยู่บนพื้น
พลังชีวิตของราชินีมดค่อยอ่อนลง และมีหัวหนึ่งของเธอที่ยังคงมีชีวิต
“ก่อนที่ผมจะนับถือคุณ ตอนนี้ได้เวลาที่คุณจะนับถือผมแล้ว ลาก่อน” หลังจากจบประโยคสุดท้าย เฉินหลงเหยียบลงบนหัวของราชินีมดและกระทืบลงไปบนหัวของเธอ
ราชินีไม่เหลืออะไรที่เป็นประโยชน์ทิ้งไว้หลังจากที่เธอตายไป สิ่งที่มีประโยชน์ที่สุดคืออัญมณีสีคราม
ในตอนที่เฉินหลงจะออกไปจากรังมดนั่นเอง เขาพลันมองเห็นไข่ที่ราชินีมดทิ้งไว้
ยิ่งไปกว่านั้น เฉินหลงยังคิดได้ว่าก่อนที่ราชินีมดจะโดนตัดเป็นชิ้นๆจนตาย เธอได้วางไข่ไว้จำนวนหนึ่ง
เฉินหลงเดินไปข้างหน้าไข่เหล่านั้นและมองดูพวกมันอย่างรอบคอบ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเขา
“ดูท่าว่าคุณจะหลงเหลือทายาทไว้นะ แต่ตอนนี้พวกมันจะภักดีต่อผมเท่านั้น”
เฉินหลงใช้ “กระบวนท่าสัตว์อสูรทั้งหมื่น” ไปกับไข่ของราชินีมดตรงๆ ตราบเท่าที่ไข่ของราชินีมดฟักออกมาและเริ่มจะกลายเป็นมดสีทอง เขาจะมีกองทัพมดสีทองได้
หลังจากที่เฉินหลงเก็บกวาดสนามรบเสร็จแล้ว ยังมีหินอัญมณีอีกมากที่เขาทิ้งไว้ไม่ได้ ใน “อาณาจักรคุนหลุน” นี้อัญมณีที่มาจากสัตว์แปลกประหลาดพวกนี้คือเงินตราที่จะนำไปแลกเปลี่ยนสินค้าที่ต้องการได้ ยิ่งเป็นของที่ดีมากเพียงไรยิ่งมีค่ามากเท่านั้น
หลังจากใช้เวลาทั้งวันเพื่อเก็บหินอัญมณีทั้งหมดแล้ว เฉินหลงเดินลงไปจากภูเขา
และดูเหมือนกับว่าจะมีกฎในภูเขาหนึ่งแสนลูกนี้ คือสัตว์ในภูเขาแต่ละลูกไม่สามารถจะไปยังภูเขาอีกลูกได้และไม่สามารถจะลงเขาได้ด้วยเช่นกัน แม้ราชินีมดจะตายไปแล้ว ทว่าเธอได้ทิ้ง “ผู้สืบทอด” ไว้ในตอนท้ายสุด และเนื่องจากที่เป็นเช่นนั้น จึงยังคงมีราชินีมดในเขาลูกนี้ ที่ยังคงเป็นเจ้านายอยู่
เนื่องจากกฎที่ว่า เฉินหลงจึงวางใจจะปล่อยราชินีมดมี่ยังคงมีไข่มดอยู่ไป และเดินลงเขา
หลังจากออกมาจากเขาแล้ว เฉินหลงเห็นไป่ไท่ฮาง ที่กำลังพัฒนา “ระฆังทอง” อย่างหนักอยู่ที่ภายนอกภูเขา
ต้องพูดว่าเห็นไป่ไท่ฮางและ “ระฆังทอง” ช่างหมาะกันจริงๆ ในตอนนั้นเองที่พลังของเขาได้เข้าสู่ระดับที่เก้าของ “ระฆังทอง” และกำลังมุ่งผ่านเข้าไปสู่ระดับสิบ เขาเห็นเห็นไป่ไท่ฮางที่กำลังฝึกฝน เฉินหลงจึงไม่ได้รบกวน เขานั่งลงข้างๆอย่างเงียบเชียบ แล้วเขาจึงนับสิ่งที่เขาเก็บได้มาจากที่เขาออกไป
สิ่งแรกคือหินอัญมณีกว่าแสนชิ้นและเขี้ยวจากมดสีทองกว่าล้านเขี้ยวต่อมาคือไข่หลังจากที่ราชินีวางไข่ อีกอย่างคือ “ฉีหยูฉือหวู่” ที่เฉินหลงทำให้ใช้ได้ง่ายขึ้นแล้วตามเห็นมาจากวิถีดาบ “นรกระดับสิบแปด” ในท้ายที่สุด พลังของเฉินหลงไม่ห่างจากพลังลมปราณนัก “มดสีทอง” ธรรมดาทั้งแสนตัว “มดสีทอง” ระดับลมปราณอีกสองตัว และ “ราชินีมด” ที่อยู่ในระดับหลอมรวมธรรมชาติ ทำให้พลังลมปราณของเฉินหลง อยู่ห่างไปเพียงแค่เอื้อม
“ยังคงมีอนาคตให้กับการฆ่าสัตว์ประหลาดอยู่ ฉันไม่รู้ว่าฉันจะพัฒนาพลังหลังจากฆ่าสัตว์อื่นได้ไหม”
หลังจากครุ่นคิดพักหนึ่ง ความรู้สึกเหนื่อยล้าได้เข้ามา
ระหว่างช่วงที่เขาขึ้นไปบนภูเขา เฉินหลงไม่ได้หลับเลย ตอนนี้เขารู้สึกผ่อนคลายเป็นที่สุดและต้องการจะได้การพักผ่อนดีๆ
แต่อย่างไรเสีย ในตอนนั้นเองที่เห็นไป่ไท่ฮางฝึกฝนอยู่ เฉินหลงทำได้เพียงหลับตาและหายใจเข้าออก
เมื่อเห็นไป่ไท่ฮางฝึกฝนจบแล้ว เฉินหลงจึงได้พักอย่างดี
ห้าชั่วโมงต่อมาเขาเปิดตา
เนื่องจากเขารู้สึกว่าเห็นไป่ไท่ฮางได้ผ่านพ้นระดับไปอีกขั้นแล้ว
ฉีจากระฆังทองของไป่ไท่ฮางวนไปมาเรื่อยๆ เละเครื่องรางบนนั้นเปลี่ยนรูปร่างไปเรื่อยๆ
เฉินหลงรู้ว่าตราบใดที่ฉีของระฆังทองได้เย็นลงและลายของเครื่องรางได้พัฒนาขึ้นแล้ว ไป่ไท่ฮางจะมีพลังของระฆังทองระดับที่สิบได้
จึงพูดได้ว่าโดยพื้นฐานของไป่ไท่ฮาง เขาเหมาะกับการใช้ระฆังทอง สิบนาทีต่อมา ระฆังทองของไป่ไท่ฮางผ่านพ้นไประดับสิบ
ในทันทีทันใด ไป่ไท่ฮางค่อยๆเปิดตาและเห็นว่าเฉินหลงนั่งอยู่ข้างๆเขา เขากล่าวว่า “อาจารย์ท่านกลับมาแล้วหรือ”
“เอาล่ะ ตอนนี้นายทำดีมากๆแล้ว” เฉินหลงชมไป่ไท่ฮาง
ในเวลาหลายวันมานี้ที่เขาจากไป ไป่ไท่ฮางต้องฝึกหนักอย่างมากเพื่อพัฒนาตัวเขาเอง เพื่อให้พลังระฆังทองของเขาไปถึงระดับสิบ ในฐานะที่เป็นศิษย์ที่ขยันหมั่นเพียร เฉินหลงจะต้องชอบใจเป็นอย่างมาก
“อาจารย์ นี่คือสิ่งที่ศิษย์ควรทำ” ไป่ไท่ฮางจริงจัง
สำหรับไป่ไท่ฮาง สิ่งที่อาจารย์สั่งให้เขาทำจะต้องสำเร็จ นี่คือการประกาศตนว่าเขาเคารพอาจารย์ของเขา
“เยี่ยมมาก ผมไม่ได้รับศิษย์มาผิดคน” เฉินหลงพึงพอใจกับการประทำนี่และกล่าวต่อไป “ตอนนี้ฉันเหนื่อยเล็กน้อย ฉันจะต้องไปพักก่อน โปรดเฝ้าฉันให้ด้วยนะ อย่าให้ฉันโดนยุงพาตัวไป”
“อาจารย์ ไม่ต้องเป็นห่วงไป ตราบใดที่ยังมีศิษย์อยู่จะไม่มียุงตัวไหนมาคอยกวนการพักผ่อนของท่าน” ไป่ไท่ฮางยังคงจริงจังอยู่
มียุงอยู่เยอะมากในอาณาจักรคุนหลุน ทว่าพวกมันมีขนาดใหญ่เท่ากับนกบนโลก อีกทั้งคนที่โดนพวกมันกัดยังโดนดูดเลือดกว่าร้อยซีซีอีกด้วย เนื่องจากเมื่อยุงพวกนั้นกัดคนแล้ว พวกมันจะส่งสิ่งที่คล้ายกับ “ยาชา” เข้าไปเพื่อไม่ให้คนที่โดนกัดรู้ตัวว่าโดนกัด
เนื่องจากว่าที่นี่คือภูเขาแสนลูกแห่งเจไดจึงมีคนไม่มากนักที่มาที่นี่ เฉินหลงหลับอย่างสบายทั้งวันทั้งคืน
หลังจากที่เฉินหลงยืดตัวอย่างพึงพอใจ ไป่ไท่ฮางยังคงมองร่างเฉินหลงด้วยตาที่เบิกกว้าง เขาไม่ให้สัตว์ตัวใดเข้ามารบกวนเฉินหลงที่พักผ่อนอยู่
“นี่ ท่านหิวหรือไม่ ท่านอาจารย์ ให้ข้าช่วยหาอาหารให้ไหม” สิ้นคำ เฉินหลงหยิบเนื้อออกมาจากแหวนและย่าง
หลังจากที่เฉินหลงและศิษย์ของเขาได้กินอาหารมื้อดีๆแล้ว เฉินหลงและไป่ไท่ฮางเข้าไปในภูเขาอีกครั้ง
ไป่ไท่ฮางไม่รู้ว่าเฉินหลงฆ่า “มดสีทอง” ในเขาไปจนหมดแล้ว ดังนั้นเขาจึงเก็บพลังชีวิตไว้เพื่อไปในภูเขา
“ไท่ฮาง ไม่ต้องกังวลไป ฉันฆ่าพวกมดสีทองในเขานี่ไปจนหมดแล้ว” เฉินหลงมองไป่ไท่ฮางและกล่าวพร้อมรอยยิ้มขวยเขิน
“ทำลายไปแล้ว อย่างหมดสิ้นหรือ”
เมื่อได้ยินคำของเฉินหลงแล้ว ไป่ไท่ฮางนิ่งอึ้งไป สิ่งที่เขาได้ยินมาช่างวิเศษสุด อาจารย์คนเดียวฆ่า “มดสีทอง” ในเขาไปหมดเพียงแค่เกือบหนึ่งเดือนที่ได้เข้าภูเขาไป นี่ช่างสุดยอดมาก
“ก็ ฉันฆ่าราชินีไปก่อนแล้ว ตอนนี้พวกเราจะเข้าไปดูไข่ที่จะฟักใหม่ของราชินีกัน” เฉินหลงว่าในตอนที่เขาเข้ารังไป
ไป่ไท่ฮางไม่เข้าใจคำบางคำของเฉินหลง เพราะว่าฆ่าราชินีมดไปแล้ว ทำไมจึงต้องฟักราชินีใหม่ออกมาอีก
เขาและเฉินหลงใช้เวลาสองวันจึงจะเข้ารังมดได้
ตลอดทาง ไป่ไท่ฮางเห็นซากอวัยวะของ “มดสีทอง” และเชื่อคำของเฉินหลงไป
หลังจากที่เฉินหลงเข้าไปในรังแล้ว ไป่ไท่ฮางมองเห็นไข่ของมดเป็นพันๆฟอง
“ไม่ใช่ว่าแปลกหรือที่ฉันให้ราชินีมดใหม่ฟักออกมา” เฉินหลงตบไปบนไข่มดอย่างอ่อนโยน ที่เขาใช้ “กระบวนท่าสัตว์อสูรทั้งหมื่น” ด้วยตัวเขาเอง
“อาจารย์ ท่านต้องมีจุดประสงค์ที่ทำเช่นนั้น ข้าไม่กล้าจะเอาไปสงสัยครุ่นคิดหรอกขอรับ” ไป่ไท่ฮางว่า
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น