หวานรักจับหัวใจท่านประธาน 223-230

 ตอนที่ 223 พวกเราสองคน


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…”


 


 


เจ้าก้อนน้ำแข็งอบอุ่นเหมือนเทพบุตรแบบนี้ เธอคิดไปเองหรือเปล่าเนี่ย


 


 


อีกเดี๋ยวเขาคงไม่พูดว่าจะหักจกเงินโบนัสของเธอ หลังจากเธอสั่งเสร็จหรอกใช่ไหม


 


 


พอคิดถึงตรงนี้ เหนียนเสี่ยวมู่ก็ส่ายหน้าเหมือนป๋องแป๋งมังกร “ฉันกินอิ่มแล้ว อิ่มมากเลย”


 


 


กลับเป็นเฉินจื่อซินที่อยู่ข้างๆ ที่รู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย เขาเป็นคนตัดสินใจเชิญเหนียนเสี่ยวมู่มากินข้าว แต่ตอนนี้อวี๋เยว่หานกลับเป็นคนจ่ายเงิน เขาจึงเกาหัวพลางพูดว่า “คุณชายหาน ตกลงกันแล้วนี่ครับว่าผมจะเลี้ยง”


 


 


เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋เยว่หานก็เลิกคิ้ว ก่อนจะขยับริมฝีปากบาง “ให้คุณเลี้ยงพวกเราสองคนคงไม่ดีหรอก”


 


 


“…”


 


 


พวกเราสองคนนี่หมายความว่ายังไง


 


 


คำพูดนี้ ทำไมฟังดูเหมือนคำสาบานตอนแต่งงานเลยล่ะ


 


 


อวี๋เยว่หานและเหนียนเสี่ยวมู่เป็นคนของบริษัทตระกูลอวี๋ ตอนนี้เหนียนเสี่ยวมู่ก็ทำงานของแผนกประชาสัมพันธ์ได้สำเร็จและราบรื่น ถ้าพูดถึงความใกล้ชิดแล้ว เธอใกล้ชิดกับอวี๋เยว่หานมากกว่าจริงๆ


 


 


แต่เฉินจื่อซินกลับรู้สึกว่าคำพูดของอวี๋เยว่หานมีความหมายมากกว่านั้น


 


 


จึงได้แต่อึ้งงันอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง จนลืมไปว่าจะพูดอะไร


 


 


อวี๋เยว่หานกลับไม่สนใจว่าเขาจะคิดอย่างไร เพียงแต่เดินนำไปก่อน เพราะได้ยินว่าเหนียนเสี่ยวมู่ไม่ต้องการห่อใส่กล่อง


 


 


หลังจากเดินไปถึงประตู เขาเห็นเหนียนเสี่ยวมู่ยังไม่ตามมา จึงหันกลับไปมองเธอครั้งหนึ่ง


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่กลัวว่าเขาจะลากเธอเดินไปอีก จึงรีบวิ่งตามเขาไป


 


 


ระหว่างทางนั้น อวี๋เยว่หานเดินเร็วมาก ทำให้เธอต้องเร่งฝีเท้าอย่างสุดชีวิต


 


 


เมื่อเข้าไปในโถงใหญ่ของบริษัทตระกูลอวี๋ ถึงจะพบว่าเฉินจื่อซินถูกทิ้งให้รั้งท้ายอยู่คนเดียว


 


 


เธอกำลังคิดจะรอสักหน่อย แต่ก็ถูกอวี๋เยว่หานลากเข้าไปในลิฟต์แล้ว!


 


 


“คุณร้อนใจอะไร กลัวเขาหาแผนกประชาสัมพันธ์ไม่เจอเหรอ” อวี๋เยว่หานดันเธอไปตรงผนังลิฟต์ ก่อนจะหลุบสายตามองดวงหน้าเล็กจ้อยสะสวย ดวงตาสีดำของเขาดูขุ่นเคืองทีเดียว


 


 


“มารยาท คุณรู้จักมารยาทไหม คุณคิดว่าทุกคนเป็นเหมือนคุณ ทำหน้าบึ้งก็พูดเรื่องธุรกิจได้งั้นเหรอ ฉันทำงานอยู่ในแผนกประชาสัมพันธ์ ก็ต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าน่าเชื่อถือ ถึงจะมอบหมายงานให้พวกฉันทำได้อย่างสบายใจ”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่พูดพร้อมทำปากจู๋


 


 


เธอนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ทันได้ดูข้อมูลที่เลขานำมาให้ตั้งแต่เช้า แยกกันแบบนี้สักพักก็ดีเหมือนกัน เธอจะได้กลับไปเตรียมตัวก่อน พอสิบโมงก็ค่อยมอบหมายงานให้ทีม


 


 


เมื่อดึงสติกลับมาได้ เธอก็พบว่าอวี๋เยว่หานยังยืนอยู่ข้างหน้า มือข้างหนึ่งของเขายันผนังลิฟต์เอาไว้ ล็อกเธอไว้ในอ้อมอกของเขาพอดี


 


 


บรรยากาศพลันอบอุ่นขึ้นมาทันใด


 


 


กลิ่นอายความบ้าอำนาจของเขาปกคลุมทั่วตัวเธอ นัยน์ตาของเขาหยั่งลึกมาก สายตาที่จ้องมองมาก็ลึกซึ้งมาก ราวกับจะมองเธอให้ทะลุปรุโปร่ง…


 


 


เหนียนเสี่ยวเม้มปากเพราะความเครียด ขณะกำลังจะถามว่าเขาเป็นอะไรไป ลิฟต์ก็ถึงแล้ว


 


 


“ติ๊ง” ประตูลิฟต์เปิดออก


 


 


เป็นชั้นของแผนกประชาสัมพันธ์


 


 


“ถึงชั้นแล้ว” เหนียนเสี่ยวมู่จิ้มหน้าอกของเขา เป็นการบอกให้เขาถอยไป


 


 


นิ้วมือขาวผ่องจิ้มอยู่บนหน้าอกของเขา ทำให้รู้สึกจั๊กจี้อยู่บ้าง


 


 


อวี๋เยว่หานขมวดคิ้ว พร้อมกับจับจ้องท่าทางระแวดระวังของเธอ


 


 


ผ่านไปเนิ่นนาน เขาถึงจะเบี่ยงตัวไปอย่างเชื่องช้า ให้เธอออกจากลิฟต์ไป


 


 


ประตูลิฟต์ปิดลงอีกครั้ง ก่อนจะขึ้นไปยังส่วนทำงานของประธานบริษัท


 


 


เมื่อเข้าไปในห้องทำงาน อวี๋เยว่หานก็ดึงเน็กไทบนคอออกด้วยร้อนรน ไม่รู้ว่าทำไม เขาถึงรู้สึกว่ามีความกระวนกระวายสุมอยู่ในอก


 


 


ครั้นหลับตาลง ใบหน้าเท่าฝ่ามือของเหนียนเสี่ยวมู่ก็ลอยอยู่ตรงหน้าเขาตลอด


 


 


เธอเห็นเขา ก็เหมือนหนูเห็นแมว


 


 


ดวงอาทิตย์กับดอกไม้สด เข้ากันมาก!


 


 


อวี๋เยว่หานสาวเท้าเดินกลับไปนั่งลงตรงหน้าโต๊ะทำงานของตัวเอง แล้วหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มน้ำ ถึงจะข่มความรู้สึกอึดอั้นในหน้าอกไปได้


 


 


ขณะเตรียมตัวเริ่มงานนั้นเอง ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น


 


 


ผู้ช่วยถือเอกสารฉบับหนึ่งเดินก้าวขายาวๆ เข้ามา สีหน้าคร่ำเคร่งทีเดียว “คุณชาย พบประวัติของถานเปิงเปิงแล้วครับ!” 


 


 


 


 


ตอนที่ 224 ความสัมพันธ์ของพวกเธอ


 


 


เมื่อพูดจบ บรรยากาศในห้องทำงานก็แข็งทื่อขึ้นมาทันควัน


 


 


ผู้ช่วยเดินมาข้างหน้า นำข้อมูลที่หามาได้วางลงตรงหน้าอวี๋เยว่หาน “ตระกูลถานเรียนหมอกันทั้งบ้าน บรรพบุรุษของถานเปิงเปิงแทบจะเป็นหมอกันหมด สืบค้นไปได้เกือบร้อยปี ในตระกูลมีหมอดังๆ อยู่หลายคน ตัวถานเปิงเปิงเองก็เป็นหมอที่มีฝีมือยอดเยี่ยมอยู่เหมือนกันครับ”


 


 


“…” อวี๋เยว่หานยื่นมือไปรับเอกสารมา ถือเป็นการบอกให้ผู้ช่วยพูดต่อ


 


 


“ตั้งแต่ถานเปิงเปิงเกิด เธอก็ถูกชักนำไปเดินอยู่บนหนทางทางการแพทย์ โตขึ้นก็เรียนจบจากมหาวิทยาลัยทางการแพทย์ชื่อดัง จากนั้นก็ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ทำการผ่าตัดที่โดดเด่นไว้ไม่น้อย ตอนนี้เป็นหมออยู่ในโรงพยาบาล…” ผู้ช่วยหยุดไป ก่อนจะเงยหน้าขึ้น


 


 


“คุณชายหาน ตระกูลถานไม่ได้เป็นแค่หมอกันทั้งบ้าน ยังเป็นครอบครัวใจบุญที่คนยอมรับนับถืออย่างมากด้วยครับ”


 


 


“ครอบครัวใจบุญ?” อวี๋เยว่หานขมวดคิ้ว ก่อนจะเลื่อนสายตาจากบนเอกสาร มามองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย


 


 


ผู้ช่วยพยักหน้า “ครับ ตั้งแต่รุ่นคุณปู่ของถานเปิงเปิง ตามข้อมูลที่พวกเราหามาได้ หลังจากที่ถานเปิงเปงเรียนจบจากคณะแพทย์ฯ เธอก็ช่วยรักษาคนไข้ตลอด คนไข้หลายคนจ่ายค่ารักษาไม่ไหวด้วยเหตุผลต่างๆ เธอก็ช่วยออกให้ ว่ากันว่าเธอรู้จักกับเหนียนเสี่ยวมู่เพราะเหตุผลนี้ครับ”


 


 


“คุณหมายความว่า เหนียนเสี่ยวมู่เคยเป็นคนไข้ของเธอเหรอ” อวี๋เยว่หานหรี่ตาลง มีเงาดำพาดผ่านอยู่ในสายตาของเขา


 


 


“ครับ เพียงแต่พวกเราจะตรวจสอบไม่พบว่าเหนียนเสี่ยวมู่เป็นอะไร คนไข้ที่ตระกูลถานเคยช่วย พวกเขาก็เก็บเป็นความลับทั้งหมดเลยครับ” ผู้ช่วยนึกอะไรบางอย่างได้ จึงเงยหน้าขึ้นมาโดยพลัน


 


 


“จริงสิ ผมเจอเหตุผลที่เหนียนเสี่ยวมู่ต้องการเงินแล้วนะครับ ถานเปิงเปิงช่วยเธอออกค่ารักษา ก็เลยเอาเงินค้ำประกันห้องของตัวเองมาจ่าย เหนียนเสี่ยวมู่เหมือนจะอยากใช้หนี้เธอคืนครับ”


 


 


“คุณจะบอกว่า ถานเปิงเปิงใช้เงินประกันทั้งหมดเพื่อเหนียนเสี่ยวมู่เหรอ” นัยน์ตาของอวี๋เยว่หานดูล้ำลึกขึ้น


 


 


ใช้เงินประกันบ้านของตัวเอง เพื่อคนแปลกหน้าคนหนึ่ง


 


 


ถานเปิงเปิงคนนี้ ถ้าไม่ได้เห็นเงินเป็นของไม่มีค่าจริงๆ ก็คงจะมีเหตุผลอื่น


 


 


อวี๋เยว่หานพลิกเอกสารตรงหน้า หลังจากอ่านข้อมูลของตระกูลถานจนจบแล้ว เขาก็มีสีหน้าซับซ้อนอยู่บ้าง


 


 


ผู้ช่วยอธิบายอย่างรวดเร็ว “เดิมทีผมก็รู้สึกว่าถานเปิงเปิงคนนี้แปลกๆ อยู่เหมือนกัน แต่หลังจากตรวจสอบแล้วถึงได้รู้ ว่าเธอไม่ใช่คนแรกที่ทำเรื่องแบบนี้ ทุกครั้งที่เจอคนไข้ที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ ถานเปิงเปิงจะไม่ขี้เหนียว บรรพบุรุษตระกูลถานมีคนเคยทำเรื่องแบบนี้ไม่น้อยเหมือนกันครับ”


 


 


ความห่วงใยที่ถานเปิงเปิงมีต่อคนไข้ เหมือนกับตกทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น


 


 


ตระกูลถานเป็นหมอกันทั้งบ้านจริงๆ


 


 


“ฐานะของถานเปิงเปิงไม่มีอะไรน่าสงสัยเลยครับ ทุกเรื่องที่เธอทำตั้งแต่เกิดจนถึงทุกวันนี้ถูกต้องตามกฎหมาย และไม่พบว่าเธอมีความสัมพันธ์ที่ผิดปกติกับเหนียนเสี่ยวมู่ เป็นหมอกับคนไข้ที่กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเท่านั้นเอง”


 


 


ผู้ช่วยรายงานอย่างระมัดระวัง


 


 


เดิมทีพวกเขาอยากจะเจาะลึกประวัติของถานเปิงเปิง เพื่อสืบไปถึงฐานะของเหนียนเสี่ยวมู่


 


 


แต่ดูจากตอนนี้แล้ว ถานเปิงเปิงอาจจะไม่รู้ว่าเหนียนเสี่ยวมู่เป็นใคร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการช่วยปกปิดฐานะของเธอเลย


 


 


ทว่าเป็นอย่างนี้ต่อไป ฐานะของเหนียนเสี่ยวมู่ก็จะกลายเป็นปริศนา


 


 


ผู้ช่วยเห็นอวี๋เยว่หานมีสีหน้าอมทุกข์ จึงลังเลอยู่หลายวินาที แล้วถึงเอ่ยปาก “คุณชาย คนที่ไปสืบข่าวบอกว่า ถานเปิงเปิงต้องจ่ายเงินประกันบ้านแล้ว เหนียนเสี่ยวมู่ถึงได้ร้อนเงิน น่าจะไม่อยากเห็นบ้านถูกขายลดราคา”


 


 


พูดอีกอย่างก็คือ ช่วงนี้เธอไม่ได้ต้องการเงิน แต่ต้องการเงินมากต่างหาก


ตอนที่ 225 กลับบ้านใครนะ!


 


 


เมื่อได้ยินดังนั้น นัยน์ตาของอวี๋เยว่หานก็เป็นประกายขึ้ยมาเล็กน้อย


 


 


ในดวงตาของเขาปรากฏภาพเธอกะพริบตาปริบๆ ขอรางวัลจากเขาอยู่หลายครั้ง


 


 


เขาไม่เคยเข้าใจเลย ว่าทำไมเธอถึงชอบเงินขนาดนั้น ในที่สุดตอนนี้เขาก็รู้แล้ว ที่เธอชอบไม่ใช่เงิน เธอแค่อยากชดใช้บุญคุณของถานเปิงเปิงเท่านั้น…


 


 


เขาหลุบตาลง ในดวงตาสีดำขลับนั้นฉายแววความสับสนออกมา


 


 


 


 


ในแผนกประชาสัมพันธ์


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ยุ่งหัวหมุนทั้งวัน นับว่ามอบหมายงานให้ทางฝั่งบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าได้เรียบร้อยดี


 


 


หลังจากเก็บข้าวของเสร็จ เธอก็รูดบัตรออกจากที่ทำงาน


 


 


เหวินหย่าไต้ไม่อยู่ เธอจึงต้องรับผิดชอบงานของบรษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าอย่างเต็มที่


 


 


เพื่อนร่วมงานในแผนกมีท่าทีเปลี่ยนไปมาก หลังจากที่ผ่านเรื่องงานปล่อยผลิตภัณฑ์ใหม่มาได้ ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ…


 


 


เธอเดินเข้าไปในลิฟต์ ก่อนจะถอนหายใจเสียงเบา


 


 


“เดี๋ยวก่อนครับ!” ประตูลิฟต์กำลังจะปิด แต่จู่ๆ ก็มีมือข้างหนึ่งสอดเข้ามา


 


 


ประตูลิฟต์เปิดออกอีกครั้ง


 


 


เงาร่างสูงโปร่งของเฉินจื่อซินเบียดเข้ามาจากข้างนอก


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่มองไปข้างนอกตามสัญชาตญาณ แต่พบว่ามีเขาอยู่คนเดียว เหมือนจะไม่มีคนจากบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าอยู่ด้วย


 


 


“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน วันนี้คุณทำงานหนักจริงๆ เลยนะครับ ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว ไม่ทราบว่าคุณมีนัดตอนเย็นหรือเปล่า พวกเราไปกินข้าวด้วยกันไหมครับ” พอประตูลิฟต์ปิดลง เฉินจื่อซินก็ถามด้วยความตื่นเต้น


 


 


ยิ่งอยู่กับเหนียนเสี่ยวมู่นานเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งชื่นชมเธอมากยิ่งขึ้น


 


 


เธอไม่เหมือนกับหญิงสาวข้างนอกพวกนั้นเลยสักนิด


 


 


เธอสวยมาก เป็นความสวยสะอาดตา


 


 


ไม่เพียงแต่ความสวยเท่านั้น ท่าทางตอนที่เธอยืนอธิบายแผนงานอยู่บนเวที ก็ดูสง่างาม ทำให้น่าหลงใหลเข้าไปอีก…


 


 


เป็นครั้งแรกที่เฉินจื่อซินอยากตามจีบผู้หญิงคนหนึ่งอย่างจริงจัง


 


 


“วันนี้คงไม่ได้ค่ะ ฉันมีธุระอีก ไว้วันหลังนะคะ” เหนียนเสี่ยวมู่ได้ยินเขาถามแล้วก็ตะลึงไปอยู่บ้าง แต่ก็ยังส่งยิ้มให้


 


 


ตอนนี้เฉินจื่อซินเป็นผู้รับผิดชอบงานของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าแล้ว ต่อไปพวกเขาคงมีโอกาสได้เจอกันบ่อยมาก


 


 


เฉินจื่อซินดูจะเข้าใจว่าเรื่องบางเรื่องรีบร้อนไม่ได้ หลังจากได้ยินเธอพูดอย่างนั้น เขาก็ตอบตกลง และถามต่ออย่างเป็นสุภาพบุรุษ “ถ้าคุณจะกลับบ้าน ผมไปส่งได้นะครับ”


 


 


“…”


 


 


“แค่ถามดูน่ะครับ ผมยังอยากขอคำแนะนำจากความคิดของคุณเกี่ยวกับงานนี้อยู่เลย…” เขายังพูดไม่ทันจบ ลิฟต์ก็มาถึงแล้ว


 


 


ประตูลิฟต์เปิดออก


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ยังไม่ทันได้ตอบ เฉินจื่อซินก็เห็นเงาร่างสูงส่งอยู่ข้างนอกลิฟต์แล้ว!


 


 


อวี๋เยว่หานสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเงียบๆ ด้านนอกเป็นสูทสีดำ มือข้างนอกล้วงกระเป๋ากางเกง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งถือเสื้อคลุมกันลมตัวยาว กำลังยืนพิงพนังอยู่


 


 


ใบหน้าสมบูรณ์แบบของเขาหันมาด้านข้างเล็กน้อย ราวกับกำลังคิดอะไรอยู่


 


 


ขณะที่ประตูลิฟต์เปิดออก และเห็นเฉินจื่อซินยืนอยู่ข้างๆ เหนียนเสี่ยวมู่ แววตาของเขาก็แหลมคมขึ้นมาทันที


 


 


จากนั้นเฉินจื่อซินก็อึ้งงันไปเช่นกัน


 


 


“คะ คุณชายหาน ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่ล่ะครับ หรือว่าคุณรอใครอยู่” เฉินจื่อซินดึงสติกลับมา แล้วรีบร้อนเอ่ยปากทักทาย ก่อนจะยิ้มยั่วเย้า “ใครกันที่ทำให้คุณชายหานลำบากมารับด้วยตัวเอง คงจะมีเกียรติน่าดูเลยนะครับ”


 


 


ครั้นพูดจบ เขาก็เห็นอวี๋เยว่หานเลื่อนสายตาออกจากตัวเขา ไปมองเหนียนเสี่ยวมู่ที่อยู่ข้างๆ


 


 


สายตานั้นทำให้คนรู้สึกหนาวยะเยือกขึ้นหลายส่วน…


 


 


เฉินจื่อซินตะลึงไปหลายวินาที แต่จากนั้นก็อึ้งเบิกตาโพลง ราวกับสมองเปิดแล้ว “คงไม่ได้…”


 


 


“ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะคะ!” เหนียนเสี่ยวมู่เห็นสีหน้าของเขา ก็รู้ว่าเฉินจื่อซินเข้าใจผิดแล้ว


 


 


เธอเพิ่งอยากเอ่ยปากอธิบาย อวี๋เยว่หานก็ขัดจังหวะเธอ พูดด้วยความรำคาญใจ “กลับบ้าน”


 


 


 


 


ตอนที่ 226 คุณดูแลผมก็ได้


 


 


กลับบ้าน…


 


 


สองคำนี้เหมือนมีเวทมนตร์ เพียงพริบตาเดียวก็ทำให้อีกสองคนตะลึงไปได้แล้ว!


 


 


สีหน้าของเฉินจื่อซินดำคล้ำสลับกับซีดขาว เขาอ้าปากอยากถามอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ประหลาดใจจนไม่ได้พูดออกมาแม้แต่คำเดียว ได้แต่มองอวี๋เยว่หานลากชายเสื้อของเหนียนเสี่ยวมู่ไปยังรถที่จอดอยู่ข้างๆ ตาปริบๆ


 


 


เขาเปิดประตูรถ แล้วให้เธอขึ้นรถ


 


 


นั่นเป็นรถส่วนตัวของอวี๋เยว่หาน


 


 


ยี่ห้อรถที่ดูเย่อหยิ่งนี้ ไม่มีใครในเมืองเอชกล้าเลียนแบบ


 


 


หลังจากประตูรถปิดลง ก็เหมือนกั้นโลกทั้งสองโลก เฉินจื่อซินตะลึงงันอยู่ที่เดิม ได้แต่มองรถขับออกจากลานจอดรถชั้นใต้ดิน ขับออกจากสายตาของเขาไป…


 


 


บนรถ


 


 


“อวี๋เยว่หาน ทำไมเมื่อกี้คุณพูดอย่างนั้น เดี๋ยวเขาก็เข้าใจผิดหรอก!” เหนียนเสี่ยวมู่นั่งไม่ติดที่ เธอหันไปมองชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ทันที


 


 


สองมือของเธอกำเข็มขัดนิรภัย พร้อมกับทำแก้มป่องไปด้วย


 


 


เมื่อครู่เธอตกใจกับคำพูดของเขาจนลืมอธิบาย ตอนนี้หันกลับไปก็เห็นแต่เฉินจื่อซินทำท่าทางงุนงงอยู่


 


 


พรุ่งนี้เธอมาทำงานแล้ว คงจะไม่ได้ยินข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วหรอกนะ อย่างเช่น ‘ท่านประธานเลี้ยงซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน’ ‘เหตุผลที่ได้รับตำแหน่งซูเปอร์ไวเซอร์ว่าน่าแปลกใจแล้ว ที่แท้เป็นกิ๊กของท่านประธานนี่เอง’ ‘เหนียนเสี่ยวมู่ได้เลื่อนขั้นแล้ว’ รวมถึงข่าวลือที่น่าสะพรึงกลัวมากกว่านี้อีก!


 


 


“มีอะไรน่าเข้าใจผิด คุณเหรอ” อวี๋เยว่หานพิงอยู่บนเบาะรถอย่างเกียจคร้าน ใช้มือข้างหนึ่งรองหัว พลางกวาดสายตามองเหนียนเสี่ยวมู่ที่ขดตัวติดขอบรถอย่างไม่ใส่ใจ


 


 


เธออยู่ห่างจากเขาขนาดนั้นทำไมกัน


 


 


กลัวเขาจะกินเธอเหรอ


 


 


เมื่อกี้เธอยังพูดคุยยิ้มแย้มกับเฉินจื่อซินอยู่เลย พอเห็นเขาก็แก้มป่องแล้ว


 


 


เธอกำลังคอสเพลย์เป็นปลาปักเป้าเหรอ


 


 


“ฉันทำไม” เหนียนเสี่ยวมู่ถูกสายตาดูถูกของเขายั่วโมโหเสียแล้ว จึงผุดนั่งตัวตรงอยู่บนที่นั่งทันที แล้วเชิดหน้าและยืดอก “ยังไงฉันก็ขาว สวย ขายาว คุณนั่นแหละสายตาไม่ดี ถึงได้มีตรงไหนไม่ถูกใจคุณ!”


 


 


“…” เมื่อสายตาของอวี๋เยว่หานผ่านหน้าอกของเธอไป นัยน์ตาสีดำของเขาก็วูบไหวเล็กน้อย


 


 


ใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือของเธอปรากฏสีแดงระเรือเป็นธรรมชาติเพราะความโมโห


 


 


รูปร่างมีโค้งเว้าได้สัดส่วน กำลังนั่งด้วยท่าที่ยั่วยวนที่สุดอยู่ตรงข้ามเขา อยากจะพิสูจน์เสน่ห์ของตัวเองอย่างสุดชีวิต แต่กลับไม่รู้เลยว่าพูดกับผู้ชายแบบนี้ เป็นการดึงดูดอย่างหนึ่ง…


 


 


อวี๋เยว่หานรู้สึกว่าลำคอตีบตันขึ้นมาบ้าง


 


 


เมื่อรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงตามสัญชาตญาณในร่างกายของตัวเองแล้ว เขาก็ขมวดคิ้วมุ่น


 


 


จากนั้นก็หลับตาลง แล้วขยับริมฝีปากบาง “ไม่น่ามอง”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…” !!


 


 


รถขับอยู่บนถนนอย่างเงียบเชียบ คนขับรถตรงเบาะหน้าสังเกตเห็นบรรยากาศผิดปกติที่เบาะหลัง จึงเงียบเชียบไปตลอดทาง


 


 


ถึงคฤหาสน์ตระกูลอวี๋


 


 


หลังจากรถจอดสนิท เหนียนเสี่ยวมู่ก็เปิดประตูรถ ก่อนจะกระโดดลงจากรถด้วยความโมโห


 


 


“เสี่ยวลิ่วลิ่วล่ะคะ?” เธอถามตามจิตใต้สำนึก เมื่อเห็นพ่อบ้านยืนต้อนรับอยู่ที่หน้าประตู


 


 


ให้เธอเจอเด็กน้อยน่ารักเร็วๆ เถอะ ไม่อย่างนั้นเธอคงจะอดใจหันไปทับเจ้าก้อนน้ำแข็งอวี๋เยว่หานให้ตายอยู่บนรถไม่ได้!


 


 


“คุณหนูอยู่กับคุณนายใหญ่ในสวนเล็ก ยังไม่กลับมา” พ่อบ้านยืดตัวตรง เขาสวมชุดทำงานยืนอยู่ที่หน้าประตู


 


 


เมื่อได้ยินเธอถาม เขาก็ตอบตามตรง


 


 


คุณนายใหญ่อายุมากแล้ว รักที่สุดก็คือเหลนสาวของตัวเองนี่แหละ


 


 


หญิงชราจะให้คนพาเสี่ยวลิ่วลิ่วไปหาและอยู่เป็นเพื่อนเธอบ่อยๆ


 


 


เสี่ยวลิ่วลิ่วถึงไม่ได้ไปบรษัทกับอวี๋เยว่หานเพราะเหตุผลนี้


 


 


ระหว่างทั้งสองคนคุยกัน อวี๋เยว่หานลงจากรถแล้ว แถมยังชำเลืองมองเหนียนเสี่ยวมู่จากหางตา ตอนเดินผ่านเธอไปด้วย


 


 


เขาเดินผ่านตัวเธอไปอย่างเฉยชา มุ่งหน้าไปที่ห้องรับแขก แล้วนั่งลงบนโซฟา


 


 


เมื่อเห็นเธอมาช้ากว่าเขา เขาก็พาดขายาวๆ บนโต๊ะน้ำชา ก่อนจะขยับปากอย่างเบื่อหน่าย “เสี่ยวลิ่วลิ่วไม่อยู่ คุณดูแลผมก็ได้”


ตอนที่ 227 นี่มันความผิดของใคร!


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ชะงักฝีเท้า ราวกับสงสัยว่าตัวเองฟังผิดไป จึงเงยหน้ามองเขาอย่างงุนงง


 


 


จากนั้นก็พิจารณาเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า…


 


 


ใช้สายตาเป็นห่วงคนพิการมองเขา


 


 


เธอไม่เข้าไปอัดเขาสักครั้งก็นับว่าปราณีเขาแล้ว เธออยากจะดูแลเขาต่อเมื่อกินอิ่มแล้วเท่านั้นแหละ!


 


 


ฝันไปเถอะ!


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่สะบัดก้น พลางใช้สายตาเมินเฉยมองเขา แล้วเตรียมจะกลับไปที่ห้องของตัวเอง


 


 


แต่เพิ่งก้าวขาออกไป ก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังมาจากข้างหลัง “มีโบนัสนะ”


 


 


“…”


 


 


หนทางแห่งการปฏิวัติให้สำเร็จ ต้องสกัลป์กระสุนเคลือบน้ำตาลของศัตรู


 


 


เวลานี้เธอควรจะกัดฟัน และกล่าวปฏิเสธอย่างเข้มแข็ง


 


 


แต่ว่า…


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ลังเลเพียงแค่ชั่ววินาที ก่อนจะกลับหลังหัน ดวงหน้าเล็กๆ ที่เพิ่งเมินเฉยมีรอยยิ้มผุดขึ้นมาทันควัน “ได้ดูแลคุณชายถือเป็นเกียรติของฉัน มีโบนัสหรือเปล่ามันไม่สำคัญหรอก แต่ถ้าคุณชายอยากให้ ฉันก็จำใจต้องรับไว้”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่รีบพุ่งไปตรงหน้าเขา พลางมองเขาตาปริบๆ “เท่าไหร่เหรอ”


 


 


“…”


 


 


อวี๋เยว่หานมองเหนียนเสี่ยวมู่ที่เปลี่ยนสีหน้าเร็วกว่าพลิกหน้าหนังสือ ก่อนที่มุมปากจะกระตุกยิ้ม


 


 


เมื่อคิดได้ว่าเธอต้องการช่วยถานเปิงเปิงไถ่บ้าน สายตาของเขาก็อ่อนลงโดยที่ไม่รู้ตัว แล้วพูดขึ้นมาเรียบๆ “ดูพฤติกรรมของคุณก่อน”


 


 


หลังจากพูดจบ เขาก็ชี้ไปที่ร่างกายของตัวเอง “ผมเมื่อยตรงบ่านิดหน่อย ปวดหัวด้วย”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่เป็นพยาบาล นอกจากดูแลคนป่วยแล้ว วิชานวดพื้นฐานเธอก็ทำเป็นอยู่บ้าง


 


 


พอได้ยินว่าเป็นเพียงคำของ่ายๆ เธอก็โยนกระเป๋าลงบนโซฟา และเดินไปข้างหลังเขาโดยไม่พูดอะไรอีก


 


 


จากนั้นก็บีบนวดให้เขา


 


 


นิ้วมือขาวผ่อง มือนุ่มๆ มีความรู้สึกเย็นวาบเล็กน้อย เมื่อปลายนิ้วของเธอสัมผัสถูกเขา


 


 


อวี๋เยว่หานตาเป็นประกาย ร่างกายของผ่อนคลายทันที พร้อมกับพิงลงบนโซฟา


 


 


ในโพรงจมูกของเขาได้กลิ่นกายหอมอ่อนๆ จากเธอ มันทำให้เขาจิตใจสงบยิ่งกว่าการนวดเสียอีก


 


 


อวี๋เยว่หานหลับตาลงอย่างรวดเร็ว…


 


 


“คุณชาย แรงแค่นี้พอหรือยัง”


 


 


“แบบนี้ล่ะ?”


 


 


“ถ้าคุณเมื่อยไหล่ ตอนเพิ่งยวดจะเจ็บนิดหน่อย คุณก็อดทน…”


 


 


จนสุดท้าย เธอแทบจะไม่ได้ยินเสียงของเขาแล้ว เหลือแค่เธอพูดอยู่คนเดียว


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่นวดอยู่พักหนึ่ง คาดว่าเขาน่าจะหิวน้ำแล้ว จึงตั้งใจเทน้ำร้อนให้เขาแก้วหนึ่งอย่างเอาใจใส่ แล้ววางไว้ตรงหน้าเขา


 


 


แต่เห็นเขาไม่พูดอะไร เธอก็นวดให้เขาต่อ


 


 


ในใจคำนวณเวลาอย่างปลื้มอกปลื้มใจ


 


 


หญิงสาวนวดเฟ้นอยู่เนิ่นนาน ท่าทางของเธอดีขนาดนี้ ถ้าอวี๋เยว่หานพอใจ วันนี้เธอคงได้โบนัสไม่น้อย…


 


 


เมื่อคิดถึงโบนัสก้อนโต เหนียนเสี่ยวมู่ก็ยิ้มกริ่มในทันใด


 


 


แถมยังนวดให้เขาอย่างเต็มแรงกว่าเดิม


 


 


 “คุณชาย? คุณชาย?”


 


 


นวดไปได้สักพัก จู่ๆ เธอก็พบว่าบรรยากาศสงบเงียบแปลกไปอยู่บ้าง


 


 


เธอนวดจนเมื่อยมือแล้ว ทำไมเขาไม่มีปฏิกิริยาอะไรสักนิดเลยล่ะ


 


 


คงจะไม่ได้หลับไปหรอกใช่ไหม


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่หยุดมือ แล้วอ้อมไปด้านหน้าโซฟา เธอพบว่าคนที่อยู่บนโซฟาหลับตาสนิททั้งสองข้าง ลมหายใจสม่ำเสมอ ดูเหมือนหลับไปแล้วจริงๆ…


 


 


ใบหน้าสมบูรณ์แบบของเขาแผ่ออร่าของความหล่อเหลาออกมา ท่ามกลางแสงจางๆ


 


 


ขนอ่อนบางๆ ชั้นนอกทำให้ผิวหนังของเขาเทียบได้กับผู้หญิงเลยทีเดียว


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่เห็นดังนั้นแล้ว ก็อดจะก้มลงเข้าใกล้เขาไม่ได้ อยากจะยื่นมือไปจับดู…


 


 


แต่เพิ่งจะแตะตัวเขา ชายหนุ่มตรงหน้าก็ลืมตาขึ้นมาทันใด!


 


 


 ตาทั้งสองคู่สบกัน เหนียนเสี่ยวมู่ตกใจจนเบิกตาโพลง ขาอ่อนยวบทันที จึงล้มลงใส่ตัวเขา


 


 


เธอเงยหน้ามองเขาด้วยความร้อนรน ส่วนเขาก้มหน้าลงมามองเธอพอดี ทั้งสองคนจึงจูบกันโดยไม่ได้ทันตั้งตัว!


 


 


 


 


ตอนที่ 228 ครั้งแล้วครั้งเล่าจริงๆ


 


 


วิชาการพยาบาลของเหนียนเสี่ยวมู่ไม่เลวเลย โดยเฉพาะวิธีการนวดและแรงมือของเธอ ได้ที่อย่างมาก


 


 


ทีแรกอวี๋เยว่หานเพียงแค่อยากหาเหตุผลให้โบนัสเธอ คิดไม่ถึงว่าเธอนวดแล้วจะผ่อนคลายขนาดนี้ ความเหนื่อยล้าจากการทำงานในหนึ่งวันหายไปทันที จากแกล้งหลับ กลับกลายเป็นงีบจริงๆ


 


 


แต่ใครก็ได้อธิบายให้เขาฟังที เขาแค่งีบไปครู่เดียว พอลืมตาขึ้นมา กลับมีผู้หญิงคนหนึ่งมาอยู่ในอ้อมกอดแล้วเหรอ


 


 


แถมตอนนี้ยัง…


 


 


เมื่อเห็นคนตรงหน้าใกล้ๆ และสบสายตาบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของเธอ พร้อมกับใบหน้าเล็กที่กำลังงุนงง นัยน์ตาของเขาหดตัวเล็กน้อย ลืมไปว่าตัวเองควรจะมีปฏิกิริยาอย่างไร


 


 


มือข้างหนึ่งของเธอยันอยู่บนหน้าขาของเขา


 


 


ท่าทางเงยหน้าดูลำบากอยู่บ้าง เหมือนจะไถลลงจากโซฟาอยู่แล้ว…


 


 


พริบตาที่เห็นเธอไหลลงไป เขายื่นมือไปโอบเอวเธอไว้โดยไม่รู้ตัว แล้วดึงเธอมาในอ้อมอกของตัวเอง!


 


 


ในที่สุดริมฝีปากของทั้งสองคนก็ผละออกจากกัน


 


 


หัวของเหนียนเสี่ยวมู่ชนกับหน้าอกของเขา นับว่าดึงสติกลับมาได้แล้ว


 


 


เธอยันโซฟา แล้วดีดตัวขึ้นจากตัวของเขาอย่างรวดเร็ว ราวกับเป็นสปริงก็ไม่ปาน


 


 


ดวงหน้าเล็กจ้อยสะสวยแดงระเรื่อขึ้นมาด้วยความเร็วที่ตามองเห็นได้


 


 


ปากเล็กๆ อ้าพะงาบๆ เดี๋ยวก็หุบ เดี๋ยวก็อ้า


 


 


เธอทำท่าทาง ‘ฉันมีอะไรจะพูด แต่เก้ๆ กังๆ จนกัดลิ้นตัวเอง’


 


 


สุดท้ายเธอก็ลุกขึ้นยืนตรงหน้าเขาด้วยความสับสน จากนั้นก็ทำคอตกเหมือนกับเด็กทำผิด แล้วเอ่ยปากเสียงเบา “ฉันคิดว่าคุณหลับอยู่ แค่อยากจะปลุกคุณเฉยๆ ไม่ได้ตั้งใจเอาปรียบคุณนะ”


 


 


ก่อนหน้านี้ยั่วโมโหเขาแล้ว เธอยังสาวเท้าวิ่งหนีได้


 


 


แต่วันนี้คงจะไม่ได้


 


 


โบนัสจะถึงมืออยู่แล้ว ถ้าหนีไปตอนนี้ งานที่เพิ่งทำไปเมื่อกี้ไม่เสียเปล่าเหรอ


 


 


บ้านของถานเปิงเปงก็จะถึงกำหนดแล้ว ตอนนี้เธอขลาดกลัวไม่ได้


 


 


เมื่อกี้เธอไม่น่ามองเขาเลย เพราะแค่มองครั้งสองครั้งก็อดใจไม่ไหวแล้ว…


 


 


ทีแรกเธออยากสัมผัสใบหน้าของเขา แต่ตอนนี้จูบเขาไปโดยไม่ได้ระวัง


 


 


ได้ยินว่าหลายปีมานี้อวี๋เยว่หานไม่เข้าใกล้ผู้หญิงเลย คงไม่ได้กลัวผู้หญิงหรอกใช่ไหม


 


 


ก่อนหน้านี้พวกเขาจูบกันอย่างไม่ระวังโดยอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของทั้งสองฝ่าย แต่ครั้งนี้เธอชนใส่หน้าอกของเขาเอง เธอหนีความรับผิดชอบไม่ได้


 


 


เขาคงจะไม่โมโหจนหักโบนัสเธอหมดหรอกใช่ไหม


 


 


พอคิดถึงตรงนี้ เหนียนเสี่ยวมู่ก็กระวนกระวายขึ้นมาทันที


 


 


นิ้วมือเล็กๆ กวัดเกี่ยวอยู่ด้วยกัน พลางถามอย่างระมัดระวัง “ถ้าคุณรู้สึกว่าเสียเปรียบ เอ่อ…งั้นฉันจะให้คุณจูบคืนดีไหม”


 


 


เธอพูดคำนี้ออกมาแล้วก็งงกับตัวเองเหมือนกัน


 


 


จากนั้นเธอก็กัดลิ้นอย่างหัวเสีย ไม่กล้าเงยหน้ามองเขา


 


 


บรรยากาศภายในห้องรับแขกแปลกประหลาดไปในทันที


 


 


“…”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ก้มหน้า ไม่ได้มองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอ หลังจากทั้งสองคนผละออกจากกันแล้ว ก็พากันหูแดงทั้งคู่


 


 


นัยน์ตาสีดำลุ่มลึกของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าที่กำลังก้มต่ำของเธอ


 


 


ร่างกายที่นั่งบนโซฟาแข็งทื่ออยู่บ้าง


 


 


เมื่อได้ยินเธอพูดอย่างนั้น ดวงตาของเขาก็ฉายแววประหลาดใจออกมา


 


 


จากนั้นสายตาของเขาก็จับต้องไปที่ริมฝีปากสีแดงเชอร์รีของเธอ…


 


 


ความรู้สึกนุ่มนวลเมื่อเธอสัมผัส แล่นปราดเข้ามาในหัวของเขาในทันที


 


 


ก่อนจะกระจายไปทั่ว…


 


 


ร่างกายของอวี๋เยว่หานแข็งทื่อยิ่งกว่าเดิม แม้แต่มือยังกำหมัดโดยที่ไม่รู้ตัว…


 


 


เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ไม่ได้ยินเขาตอบสักที จึงยิ่งกระวนกระวายใจกว่าเดิม


 


 


เขาควรจะจูบเธอกลับจริงๆ เหรอ


ตอนที่ 229 เธอพูดอะไรตกลงทั้งนั้น


 


 


เสี่ยวลิ่วลิ่วล่ะ?


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่มองไปที่ประตูอย่างมีความหวัง ตั้งความหวังไว้มากมายว่า จะเห็นเงาร่างเล็กน่ารักออกมาช่วยเธอที่กำลังจะอึดอัดจนตายในตอนนี้


 


 


แต่เธอชำเลืองมองอยู่หลายครั้ง แต่ตรงประตูกลับไม่มีใครเลย


 


 


แม้แต่พ่อบ้านก็ไม่รู้ว่าหายไปไหน!


 


 


เธอมีความรู้สึกว่าวันนี้ เธอคงจะหนีรอดไปได้ยาก…


 


 


เธอกัดฟัน กระทืบเท้า แล้วเงยหน้าขึ้นโดยพลัน ไปพร้อมกับความคิดที่ว่าตายเร็วก็ได้เกิดเร็ว จากนั้นก็หลับตาพูดเสียงดังว่า


 


 


“คุณชาย ฉันเตรียมตัวพร้อมแล้ว ขอแค่คุณไม่หักโบนัสฉัน…” เหนียนเสี่ยวมู่ยังพูดไม่จบ อวี๋เยว่หานที่อยู่บนโซฟาก็ลุกพรวดขึ้นมา


 


 


เงาร่างสูงโปร่งปิดบังแสงตรงหน้าเธอในพริบตา


 


 


เบื้องหน้ามือลงทันที เหลือก็แต่ใบหน้าสมบูรณ์แบบของเขา ที่เข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ


 


 


เขา เขาคิดจะทำอะไรน่ะ


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ตื่นเต้นจนลืมถอยหลัง ได้แต่ยืนมองเขางุนงงอยู่ที่เดิม


 


 


แต่อยู่ๆ กลับเห็นเขายืนตัวตรง


 


 


จากนั้นชายหนุ่มก็เดินผ่านเธอไป แล้วขึ้นไปชั้นบน ก่อนจะหายไปจากปากทางขึ้นบันได้ในชั่วพริบตา…


 


 


นี่เขากำลังโกรธ หรือไม่ได้โกรธกันเนี่ย


 


 


เขาเป็นอย่างนี้เสมอ จากไปโดยไม่พูด


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ทำปากจู่ ความกดอากาศรอบตัวหายไปแล้ว เธอจึงทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาด้วยความไม่มั่นใจ สองมือคว้าหมอนอิงมาด้วย


 


 


เมื่อคิดถึงจูบเมื่อกี้ ไอร้อนก็พวยพุ่งเข้าใส่สมองอีกครั้ง


 


 


ไม่มีความรู้สึกอะไรทั้งนั้น หลอกตัวเอง!


 


 


จูบครั้งที่สองและครั้งที่สามของเธอ ถูกคนคนเดียวกันฉกฉวยไป จะไม่มีความรู้สึกอะไรได้อย่างไร…


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่เม้มปาก ความรู้สึกตื่นเต้นหายไปแล้ว ตอนนี้เธอนึกถึงโบนัสของเธอ


 


 


อวี๋เยว่หานจากไปแบบนี้ แล้วโบนัสของเธอล่ะ จะทำอย่างไร


 


 


เธอปรนนิบัติเขาตั้งหนึ่งชั่วโมง จนเมื่อยมือไปหมดแล้ว เขาจะบอกปัดไม่ได้


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่โยนหมอนทิ้ง แล้วผุดลุกขึ้นจากโซฟา แต่เพิ่งเดินไปถึงปากบันได เธอก็หยุด


 


 


เมื่อกี้เขากำลังโกรธ เธอขึ้นไปถามเรื่องโบนัสแบบนี้ จะไม่เสี่ยงเกินไปหน่อยเหรอ


 


 


เห็นแก่ความปลอดภัย อีกครึ่งชั่วโมงค่อยไปแล้วกัน


 


 


รอเขาหายโกรธก่อน!


 


 


ในห้องนอนหลักบนชั้นสอง


 


 


อวี๋เยว่หานพุ่งตรงไปยังห้องน้ำ ทันทีที่เข้ามาในห้อง


 


 


เขาปิดประตูอย่างแรง แล้วเปิดฝักบัว


 


 


หยดน้ำเย็นเฉียบสาดลงบนใบหน้าที่มีเค้าโครงชัดเจน ก่อนจะไหลลงไป


 


 


เสื้อและกางเกงที่ไม่ทันได้ถอดออกเปียกไปหมดแล้ว มันแนบอยู่บนร่างกายสูงโปร่ง ยิ่งขับให้กล้ามหน้าท้องสมบูรณ์แบบของเขาชัดเจนยิ่งขึ้น


 


 


น้ำเย็นมาก แต่ก็เย็นเยียบยิ่งกว่าเดิม เมื่ออยู่บนร่างกายในอากาศแบบนี้


 


 


แต่อวี๋เยว่หานกลับไม่ขมวดคิ้ว เขายืนอยู่ท่าเดิมเนิ่นนาน ไม่ไหวติง


 


 


ในหัวของเขามีจูบโดยไม่ตั้งใจเมื่อครู่ ดวงหน้าเล็กๆ ก้มต่ำที่เหมือนจะรู้สึกผิดอย่างว่าง่ายของเธอผุดขึ้นมาไม่ยอมหยุด…


 


 


วินาทีนั้นเขามีความรู้สึกที่น่าประหลาด เขาอยากจะตอบตกลงทันทีที่เธอพูดอย่างนั้น


 


 


เลือดร้อนพุ่งเข้าใส่สมอง ร้อนแรงจนแทบจะทำให้เขาขาดสติ


 


 


ความรู้สึกแบบนั้น ไม่เคยเกิดขึ้นเลยในยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา


 


 


แปลกจนทำให้สัญชาตญาณของเขาปฏิเสธ


 


 


ตรงหน้าอกเหมือนมีบางอย่างอัดแน่นอยู่ เขายื่นมือไปเปิดฝักบัวให้แรงขึ้น ปล่อยให้กระแสน้ำสาดสมองที่ยังไม่ได้สติของตัวเอง


 


 


ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ เสียงน้ำในห้องน้ำถึงได้หยุดลง


 


 


ครั้นเปิดประตู อวี๋เยว่หานเพียงแค่พันผ้าเช็ดตัว แล้วเดินออกมา


 


 


เขาเพิ่งจะไปหยิบเสื้อผ้า ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น


 


 


ชายหนุ่มชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็เดินไปที่ประตู แล้วยื่นมือไปเปิดมันออก


 


 


คนที่ทำให้หัวใจของเขาปั่นป่วน ตอนนี้ปรากฏตัวอยู่ที่หน้าประตู แต่เธอกำลังหลับตา มีสีหน้าอยู่ไม่สู้ตาย


 


 


เธอไม่รู้ว่าประตูเปิดออกแล้ว จึงทำท่าเคาะประตูเหมือนเดิม กำปั้นเล็กๆ เคาะบนหน้าอกของเขาอย่างแรง!


 


 


 


 


ตอนที่ 230 มีเรื่อง มีเรื่องใหญ่ด้วย!


 


 


กล้ามอกเปลือยเปล่า ยังไม่ทันได้ใส่เสื้อผ้า


 


 


หน้าอกแกร่งถูกเธอทุบไปสองครั้ง ไฟที่เพิ่งลดลงไปอย่างยากเย็น พุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วอีกครั้ง


 


 


นัยน์ตาสีดำของอวี๋เยว่หานแลดูมืดคล้ำ เขากำลังคิดจะจับข้อมือของเธอ แต่ในที่สุดคนที่ยืนตรงหน้าเขาก็พบว่า ความรู้สึกของสิ่งของที่ตัวเองเคาะผ่านมือมาไม่ถูกต้อง ถึงได้หยุด


 


 


เธอเงยหน้าขึ้นมามองเขา


 


 


“เฮ้ย!” พอเห็นเหนียนคนตรงหน้าชัดเจน เธอก็ถอยหลังไปสองก้าวทันที ดวงตาสดใสเบิกโพลงเป็นระฆังทองแดงแล้ว!


 


 


เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าพันแค่ผ้าขนหนูผืนเดียว เธอก็ตะลึงอยู่เนิ่นนาน พูดไม่ออก


 


 


“มีเรื่องอะไร” อวี๋เยว่หานชำเลืองมองดวงหน้าเล็กที่กำลังหวาดกลัว พลางขมวดคิ้วถาม


 


 


เธอมาเคาะประตูห้องของเขาตอนดึกดื่น เพื่อจะแสดงท่าทางเหมือนเห็นผีอย่างนี้เหรอ


 


 


“…” ต้องมีเรื่องอยู่แล้ว!


 


 


มีเรื่องใหญ่ด้วย!


 


 


เขายังไม่ได้ให้โบนัสเธอเลยนะ


 


 


แต่ทวงเงินในสถานการณ์ตอนนี้ เธอรู้สึกว่าแปลกๆ อยู่บ้าง เหมือนกับต้องเอาตัวเข้าแลก…


 


 


เธอยื่นมือมาปิดตา ยืดคอตรง แล้วคำรามเสียงต่ำใส่เขา “คุณใส่เสื้อผ้าก่อน แล้วพวกเราค่อยคุยกันก็ได้!”


 


 


ทีแรกเธอคิดว่า ตัวเองพูดจบแล้วอวี๋เยว่หานจะเข้าไปใส่เสื้อผ้า หรือไม่ก็พูดอะไรบางอย่าง


 


 


แต่เขาแค่ยืนอยู่หน้าประตู เรือนร่างสูงชะลูดพิงอยู่บนกรอบประตู ใบหน้าหล่อเหลาเอียงไปด้านข้างเล็กน้อย กำลังเหลือบมองเธออยู่


 


 


ผมสั้นเปียกชุ่ม แผ่ออร่าอันตรายออกมาอย่างน่าประหลาด…


 


 


แค่ยืนอยู่อย่างนั้น กลับเซ็กซี่เป็นบ้าเลย!


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่มองหน้าเขา เธอกลืนน้ำลายโดยที่ไม่รู้ตัว ฝ่ามือมีเหงื่อผุดออกมาแล้ว


 


 


หญิงสาวรู้สึกกลัวขึ้นมา “เอ่อ ถ้าคุณไม่ชอบใส่เสื้อผ้า ก็ช่างเถอะ แล้วก็ถ้าคุณไม่โกรธแล้ว ให้โบนัสฉันก่อนได้ไหม…”


 


 


เธอพูดเบาลงเรื่อยๆ แถมหรี่ตาเป็นเส้นตรงแอบมองสีหน้าของเขา ก่อนจะปิดตาตัวเองอย่างรวดเร็ว


 


 


เขาไม่ใส่เสื้อผ้าแบบนี้ ถือว่าไม่ให้เกียรติกันเลย!


 


 


เสียงเธอเบามาก จนสุดท้ายแล้วอวี๋เยว่หานแทบจะไม่ได้ยินว่าเธอกำลังพูดอะไร มีแค่เสียงหึ่งๆ เหมือนยุงเท่านั้น


 


 


ชายหนุ่มยืนตัวตรงเล็กน้อย แล้วขยับริมฝีปากเล็กน้อย “พูดภาษาคนหน่อย!”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ถูกเขาตะคอกใส่ จึงหัวเสียแล้ว


 


 


เธอพุ่งไปข้างหน้า แล้วตะโกนเสียงดังใส่เขา “ถ้าคุณยังโกรธอยู่ ฉันก็ให้คุณจูบคืนแล้วไง ไม่จูบก็เอาโบนัสมาให้ฉัน!”


 


 


หลังจากเธอตะโกนเสร็จแล้ว ทั้งสองคนก็อึ้งงันไป


 


 


เธอเงยหน้ามองอวี๋เยว่หาน พบว่านัยน์ตาสีดำมืนมนของเขากำลังจ้องมองเธออยู่


 


 


หยดน้ำตรงหน้าอกของเขายังไม่แห้ง มันไหลลงข้างล่าง ผ่านกล้ามท้องสมบูรณ์แบบ และหายไปตรงวีไลน์…


 


 


เธอเห็นแล้วตื่นเต้นจนเกือบจะกัดลิ้นตัวเองแน่ะ!


 


 


คราวนี้เธอพูดติดขัดแล้ว “ความหมายของฉันคือ เมื่อกี้ฉันไม่ได้ตั้งใจ ไม่ตั้งใจจูบคุณ มองคุณที่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าก็ไม่ได้ตั้งใจ ฉันแค่อยากได้โบนัส…”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ยังพูดไม่จบ คนตรงหน้าก็ยื่นมือมาจับข้อมือของเธอ แล้วหมุนตัวกดเธอไว้บนผนัง


 


 


เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย ริมฝีปากบางแนบชิดอยู่กับปลายจมูกของเธอ ก่อนจะพูดชั้นถ้อยชัดคำ “คุณอยากให้ผมจูบคุณมากเลยเหรอ”


 


 


เสียงทุ้มต่ำของเขาแหบพร่าอยู่บ้าง แต่ก็มีเสน่ห์ทีเดียว


 


 


น่าหลงใหลอย่างน่าประหลาด


 


 


“…” ที่เธอพูดเมื่อกี้ หมายความว่าอย่างนี้เหรอ


 


 


คุณชาย เข้าใจผิดแล้ว!


 


 


เธอแค่ต้องการเงินเท่านั้น!


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่เบ้ปาก ก่อนจะมองเขาอย่างน่าสงสาร “ฉันแค่กลัวว่าคุณจะไม่ให้โบนัสฉัน”


 


 


ถ้าเป็นเวลาปกติ เธอจะไม่สร้างปัญหาน่ารำคาญแบบนี้แน่


 


 


แต่บ้านของถานเปิงเปิงจะถึงกำหนดแล้วจริงๆ ขืนเธอยังหาเงินไม่ได้อีก อย่างนั้นก็ทำได้แค่ทนมองบ้านถูกขายลดราคาไป

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม