ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ 222-229

 ตอนที่ 222 อุบัติเหตุหรือสร้างสถานการณ์ 


 


 


           “เมิ่งชิงซีก็ไปกับเขาด้วย เธอไปกับเซ่าเชิน…” ถังโจวโจวบ่นพึมพำอยู่อย่างนั้น ลั่วอิงยืนอยู่ข้างๆ เธอ ในขณะที่ลั่วเซ่าเชินตกอยู่ในความโกลาหล เขาไม่มีเวลามาสนใจเธอ เธอจึงอยู่ที่นี่ 


 


 


ลั่วอิงมองไปยังถังโจวโจวที่ตกอยู่ในภวังค์แล้วก็ตกใจกลัว เธอถลาเข้าไปในอ้อมแขนของถังโจวโจวและพูดอย่างร้อนรนว่า “แม่โจวโจวขา คุณแม่เป็นอะไรไป คุณแม่อย่าทำให้หนูกลัวสิ…” 


 


 


ถังโจวโจวไม่ได้ตอบอะไร เธอเอาแต่นั่งอยู่บนโซฟา เธอคิดถึงแต่เรื่องของตัวเองโดยไม่สนใจลั่วอิงเลยสักนิด ลั่วอิงร้องไห้สะอึกสะอื้น จนแม่นมจ้าวทนดูต่อไปไม่ไหว “คุณหนูคะ ตอนนี้คุณผู้หญิงอาจจะไม่สบายใจอยู่ คุณหนูไปที่ครัวกับดิฉันก่อนดีไหมคะ” 


 


 


“แม่นมจ้าวขา หนูอยากอยู่กับแม่โจวโจว” ลั่วอิงกุมมือถังโจวโจวแน่น สภาพของถังโจวโจวในตอนนี้ทำให้เธอตกใจกลัว เหตุการณ์ในวันนี้มันกะทันหันเป็นอย่างมาก เธอไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ คุณย่าถึงกลิ้งลงมาอยู่ตรงนั้นได้ ในขณะที่แม่โจวโจวเองก็ไม่ได้ออกไปส่งคุณย่าที่โรงพยาบาลกับคุณพ่อ 


 


 


กลับเป็นคุณน้าใจร้ายแสนน่ารำคาญคนนั้นที่ได้ไปด้วยกันกับคุณพ่อ ทำไมแม่โจวโจวถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้? สมองเล็กๆ ของลั่วอิงไม่เข้าใจว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น เธอตื่นตระหนก เธอหวาดกลัว กลัวว่าชีวิตที่มีความสุขของเธอจะพังทลายลง 


 


 


“เชื่อดิฉันเถอะค่ะ คุณหนู เราไปหาอะไรกินกันก่อน อีกเดี๋ยวคุณชายจะต้องส่งคนมารับคุณหนูไปเยี่ยมคุณนายแน่นอนค่ะ” 


 


 


“จริงเหรอคะ แม่นมจ้าว? คุณพ่อจะกลับมารับหนูกับแม่โจวโจวจริงๆ เหรอคะ” เมื่อครู่นี้ลั่วอิงสังเกตเห็นว่าลั่วเซ่าเชินมีท่าทีกลัดกลุ้มอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน คุณย่าบาดเจ็บ และดูเหมือนว่าคุณพ่อจะโทษแม่โจวโจวเต็มๆ 


 


 


“จริงสิคะ คุณหนู ดิฉันไม่หลอกคุณหนูหรอกค่ะ” เพียงแต่แม่นมจ้าวไม่ทราบว่าคุณชายจะมารับคุณผู้หญิงไปด้วยกันไหม หากเป็นคนที่สายตาดี ในตอนนั้นไม่ว่าใครก็ต้องมองออกว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับคุณผู้หญิง 


 


 


ไม่ว่าคุณผู้หญิงจะตั้งใจหรือไม่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณหญิงนั่นคือความจริง และใครก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ แล้วหลังจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างคุณชายกับคุณผู้หญิงจะเปลี่ยนไปหรือไม่ เธอเองก็ไม่อาจทราบได้ 


 


 


แม่นมจ้าวพาลั่วอิงไปที่ห้องครัวและจัดอาหารที่เตรียมไว้เป็นชุดเล็กๆ เพื่อให้ลั่วอิงกินรองท้องไปก่อน ลั่วอิงนั่งอยู่บนโต๊ะตัวใหญ่ เธอมองถังโจวโจวที่ยังนั่งอยู่ที่เดิมตรงนั้น ก่อนจะหันกลับมามองของอร่อยที่เธอโปรดปราน แต่กลับไม่มีความรู้สึกอยากอาหารเลยสักนิด 


 


 


“แม่นมจ้าวขา หนูกินไม่ลง…” ตอนนี้เธอไม่รู้สึกหิวเลยสักนิด เธอควรจะได้นั่งกินข้าวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา แม้จะมีคุณน้าใจร้ายที่ขัดตาไปบ้าง แต่มันก็ดีกว่าตอนนี้เป็นไหนๆ 


 


 


ถังโจวโจวนึกถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น เมิ่งชิงซีกำลังขอร้องอ้อนวอนเธออยู่ จากนั้นเธอก็ทนไม่ไหว แล้วพอเธอสะบัดมือ ก็เหมือนกับว่ามันได้กระทบเข้ากับอะไรบางอย่าง และเมื่อเธอได้ยินเสียงกรีดร้องของเมิ่งชิงซี คุณแม่ลั่วก็กลิ้งตกบันไดไปแล้ว 


 


 


เมื่อถังโจวโจวนึกถึงสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น เธอก็ทึ้งผมและก้มหน้าลง สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอได้ทำสิ่งนี้ลงไป เธอทำร้ายคุณแม่ของเซ่าเชิน เธอควรจะทำอย่างไรต่อไปดี? 


 


 


เธอไม่ได้ตั้งใจ เธอไม่ได้ตั้งใจจะผลักคุณแม่ลั่ว เธอจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่าคุณแม่ลั่วจะยืนอยู่ข้างหลังและถูกเธอผลักตกลงไปชั้นล่างพอดี มันเกิดเรื่องบังเอิญแบบนี้ได้อย่างไร 


 


 


ถังโจวโจวคิดซ้ำไปซ้ำมา ทุกอย่างมันบังเอิญไปหมด แม้แต่พิรุธของเมิ่งชิงซีก็ไม่มีให้เห็น ดังนั้น เหตุการณ์นี้จะนับว่าเป็นอุบัติเหตุได้ไหม? 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 223 เมิ่งชิงซีปกป้องถังโจวโจว 


 


 


ถังโจวโจวแน่ใจว่านี่เป็นอุบัติเหตุ แต่เธอไม่รู้ว่าลั่วเซ่าเชินจะเชื่อไหมว่านี่เป็นอุบัติเหตุ และเมิ่งชิงซีจะพูดใส่ไฟอะไรเธออีก 


 


 


ลั่วเซ่าเชินและเมิ่งชิงซีขับรถพาคุณแม่ลั่วไปโรงพยาบาล มองคุณแม่ลั่วเข้าไปในห้องผ่าตัดทันที ลั่วเซ่าเชินถึงได้โล่งอกลงบ้าง เขาหันไปถามเมิ่งชิงซีว่าเกิดอะไรขึ้น 


 


 


“ชิงซี คุณบอกผมได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมแม่ผมถึงตกบันไดได้” 


 


 


ตอนนั้นเขาเห็นว่าตรงนั้นมีกันอยู่แค่สามคน คือถังโจวโจว เมิ่งชิงซี และคุณแม่ลั่ว แต่ตอนนี้คุณแม่ลั่วสลบไปยังไม่ฟื้น และไม่รู้ว่าผลการตรวจร่างกายจะเจอปัญหาอะไรไหม 


 


 


เมิ่งชิงซีก้มหน้านิ่ง ลั่วเซ่าเชินจึงเห็นไม่ชัดว่าเธอมีสีหน้าอย่างไร “ชิงซี รีบตอบผมมา” 


 


 


เมื่อเขาเห็นว่าเมิ่งชิงซีเอาแต่ร้องไห้ ลั่วเซ่าเชินก็ร้อนใจ ตอนนี้คุณแม่ลั่วจะเป็นหรือตายก็ไม่รู้ เขาแค่อยากรู้เหตุการณ์ให้ชัดเจนเท่านั้น 


 


 


“เซ่าเชินคะ ไม่ใช่ความผิดของถังโจวโจวหรอกค่ะ เธอแค่ไม่ได้ระวังเท่านั้น…” เมิ่งชิงซีพูดปกป้องถังโจวโจวอย่างนี้ ยิ่งแสดงให้เห็นว่าเรื่องครั้งนี้ชี้เป้าไปที่ถังโจวโจว 


 


 


“คุณกำลังจะบอกว่าโจวโจว…” ลั่วเซ่าเชินไม่อยากจะเชื่อ เขาไม่เชื่อว่าถังโจวโจวจะมีความคิดชั่วร้ายอย่างนี้ แต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่ใช่คนอย่างนี้ 


 


 


“เซ่าเชิน ฉันรู้ว่าคุณไม่อยากจะเชื่อ ฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน แต่…”เมิ่งชิงซีกระอึกกระอัก 


 


 


ถ้าเมิ่งชิงซียืนยันว่าเป็นถังโจวโจว เขาก็อาจจะสงสัยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้เมิ่งชิงซีเป็นคนทำ แต่นี่เมิ่งชิงซีกลับกำลังพูดปกป้องถังโจวโจว ลั่วเซ่าเชินจึงเริ่มลังเลว่าเขาควรเชื่อใครกันแน่ 


 


 


แล้วครั้งนี้ถังโจวโจวก็ไม่พูดอะไรกับเขาสักคำเกี่ยวกับเรื่องนี้ ลั่วเซ่าเชินรู้ว่าถังโจวโจวไม่มีทางบอกว่าตัวเองเป็นคนทำ แต่เดิมทีเธอก็ไม่ใช่คนแบบนั้น ตกลงว่าเรื่องครั้งนี้มันเป็นอย่างไรกันแน่ 


 


 


ตอนนี้มีแค่เมิ่งชิงซีที่พูดอยู่ฝ่ายเดียว ลั่วเซ่าเชินทำได้แค่พิจารณา เดิมทีเขาก็ไม่คิดเชื่อคำพูดของเธออยู่แล้ว อย่างน้อยก็รอให้คุณแม่ลั่วฟื้นก่อนแล้วค่อยว่ากัน 


 


 


“เอาละ ชิงซี ที่คุณพูดมาผมรู้แล้ว ผมจะตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจนเอง” 


 


 


“เซ่าเชิน ฉันรับประกันได้ โจวโจวไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เธอไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณป้าตกบันได…” 


 


 


เมิ่งชิงซีอธิบายเพื่อปกป้องถังโจวโจวอยู่ตลอด ลั่วเซ่าเชินตบบ่าเมิ่งชิงซีเบาๆ “ผมรู้แล้ว คุณไม่ต้องกังวล ผมยังไม่ได้คิดโทษใคร แต่ก็จะไม่ละเว้นโทษให้ใครเหมือนกัน” 


 


 


“เซ่าเชินคิดอย่างนี้ ฉันเองก็สบายใจ” เมิ่งชิงซีถอนหายใจโล่งอก เหมือนกับว่าเธอปกป้องถังโจวโจวได้สำเร็จ แต่ลั่วเซ่าเชินกลับยังรู้สึกสงสัย เมิ่งชิงซีเกลียดถังโจวโจวมากไม่ใช่หรือ แล้วทำไมถึงได้กังวลเกี่ยวกับโจวโจวนัก 


 


 


“เซ่าเชิน คุณกำลังคิดอยู่ใช่ไหมคะว่าทำไมฉันถึงไม่บอกว่าโจวโจวเป็นคนทำ แล้วยังช่วยเธอพูดอีก” เมิ่งชิงซีมั่นใจว่าลั่วเซ่าเชินคิดอย่างนั้น ดังนั้นเธอจึงชิงพูดขึ้นก่อน แบบนี้ถึงจะทำให้ลั่วเซ่าเชินเลิกสงสัยไปได้ 


 


 


“ใช่ ในใจผมยังสงสัยอยู่ เพราะเมื่อก่อนพวกคุณสองคน…” ลั่วเซ่าเชินไม่ต้องพูดทั้งหมด เธอย่อมต้องเข้าใจดี ที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของถังโจวโจวและเมิ่งชิงซีไม่ได้ถือว่าดีนัก พูดได้ว่าทั้งสองคนเป็นปฏิปักษ์ต่อกันเพราะลั่วเซ่าเชิน 


 


 


แต่ตอนนี้เมิงชิงซีกลับช่วยพูดแทนถังโจวโจวขนาดนี้ ลั่วเซ่าเชินจึงเกิดความสงสัยเป็นอย่างมาก 


 


 


“เซ่าเชินคะ ฉันยอมรับว่าไม่ชอบโจวโจวจริงก็เพราะเรื่องของคุณ แต่ฉันก็ไม่คิดจะเล่นสกปรกกับเธอ ต่อให้โจวโจวทำเรื่องนี้จริง แต่เธอก็ไม่ได้ตั้งใจค่ะ” 


ตอนที่ 224 ความกลัวของคุณพ่อลั่ว


 


 


“ชิงซี คุณพูดตลอดว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ หมายความว่ายังไง” แววตาลั่วเซ่าเชินปรากฏความสงสัย เมิ่งชิงซีดูจากอะไรถึงเอาแต่บอกว่าถังโจวโจวไม่ตั้งใจ เมิ่งชิงซีดูออกได้อย่างไร


 


 


“เซ่าเชิน ตอนแรกฉันยืนคุยอยู่กับถังโจวโจว แล้วฉันก็บอกเธอว่าฉันมีเรื่องอยากจะพูดกับคุณ โจวโจวได้ยินอย่างนั้นก็ค่อนข้างโมโห ฉันจับมือของเธอไว้ เธอคงรู้สึกฉุนเฉียวขึ้นมาก็เลยสะบัดมือจากฉัน แต่ไม่คิดว่าตอนนั้นคุณป้าที่ยืนอยู่ข้างหลังกลับโดนแรงเหวี่ยงของมือเธอผลักให้ตกลงมา… เซ่าเชิน โจวโจวไม่ได้ตั้งใจจริงๆ คุณให้อภัยเธอเถอะนะคะ”


 


 


“ถึงจะบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ แต่ตอนนี้เรื่องก็เกิดกับแม่แกแล้ว ไม่ว่าแกจะหลงเสน่ห์ผู้หญิงคนนั้นแค่ไหน ลั่วเซ่าเชิน แกต้องจัดการเรื่องนี้ให้ฉัน!” เสียงของคุณพ่อลั่วดังขึ้นจากด้านหลัง


 


 


ลั่วเซ่าเชินได้ยินน้ำเสียงเกี้ยวกราดของคุณพ่อลั่ว ก็ต้องลำบากใจขึ้นอีก “พ่อครับ ตอนนี้เรื่องยังไม่ชัดเจน จะตัดสินอะไรก็ยังเร็วเกินไป…”


 


 


“ฉันไม่สนหรอกว่ามันจะเร็วไปไหม ฉันแค่รู้ว่าตอนนี้แม่ของแกถูกถังโจวโจวทำร้ายจนต้องเข้าโรงพยาบาล ถ้าแม่ของแกเป็นอะไรไป อาเชิน แกจะทำยังไง” คุณพ่อลั่วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ แต่อารมณ์ที่อดกลั้นเช่นนี้ของเขากลับเป็นเหมือนลมแผ่วเบาก่อนจะมีพายุฝน


 


 


เมิ่งชิงซีร้องไห้ขึ้นมา “คุณลุงคะ เป็นเพราะหนูดูแลคุณป้าไม่ดี ทุกอย่างเกิดจากหนูเองที่แนะนำคุณป้า อยากให้คุณป้าไปขอโทษถังโจวโจว เพื่อให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองดีขึ้น ซึ่งคุณป้าก็ยินยอมแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่ามันกลับทำให้เกิดเรื่องแบบนี้…”


 


 


คำพูดของเมิ่งชิงซียิ่งเหมือนเติมเชื้อไฟ “เซ่าเชิน ได้ยินที่ชิงซีพูดแล้วหรือยัง แม่ของแกพร้อมที่จะดีกับเธอแล้ว แต่เธอกลับยังใจร้ายผลักแม่ของแกตกบันไดได้ลงคอ แบบนี้จะยังวางใจได้ยังไง!”


 


 


“พ่อครับ จะตัดสินตอนนี้มันยังเร็วเกินไป เดี๋ยวรอฟังข่าวว่าคุณแม่ไม่เป็นอะไรก่อนแล้วค่อยพูดเรื่องนี้ต่อเถอะครับ” ลั่วเซ่าเชินอยากจะยื้อเวลาเพื่อถังโจวโจว เขารู้ว่าตอนนี้คุณพ่อลั่วโกรธมาก แต่สำหรับถังโจวโจว ลั่วเซ่าเชินยังทำใจไม่ได้ที่จะคิดว่าเธอเป็นคนร้าย


 


 


“นี่แกกำลังปกป้องเธออยู่ใช่ไหม ถ้ามีสักวันตระกูลลั่วถูกคนทำลายแกก็ยอมหรือ?”


 


 


“คุณพ่อครับ นี่พ่อพูดอะไรออกมา คุณแม่ยังอยู่ในห้องผ่าตัด พ่ออย่าเพิ่งพูดอะไรไปกันใหญ่สิครับ ทำลายครอบครัวอะไร โจวโจวไม่ใช่คนแบบนั้น แล้วผมก็ไม่ได้แก้ตัวแทนเธอด้วย”


 


 


“คุณลุงคะ อย่าเพิ่งโมโหค่ะ ตอนนี้คุณป้าเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ รอให้คุณป้าปลอดภัยก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะค่ะ”


 


 


คำพูดของเมิ่งชิงซีได้ผล ลั่วเซ่าเชินเห็นคุณพ่อลั่วฟังคำของเมิ่งชิงซี เขาได้แต่ขอบคุณเมิ่งชิงซีผ่านสายตาไปครั้งหนึ่ง


 


 


เมิ่งชิงซีรับรู้ถึงคำขอบคุณที่ลั่วเซ่าเชินส่งมาให้ ในใจเธอค่อนข้างภูมิใจ ในที่สุดเซ่าเชินก็เห็นความดีของเธอบ้างแล้ว ครั้งนี้เธออาจจะกำจัดถังโจวโจวได้สำเร็จจริงๆ


 


 


หลังจากรอคอยมานาน ในที่สุดประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก คุณหมอออกมาจากข้างใน คุณพ่อลั่วรีบเข้าไปหยุดยืนตรงหน้าคุณหมอ “คุณหมอ ภรรยาผมเป็นยังไงบ้าง”


 


 


“คนไข้บาดเจ็บที่ศีรษะอย่างหนัก อาจส่งผลให้เกิดอาการสมองเสื่อมได้ แล้วยังมีรอยช้ำบนร่างกาย ส่วนที่เหลือก็ปกติดีทุกอย่าง แต่ตอนนี้ต้องรอจนกว่าคนไข้จะฟื้นขึ้นมาก่อนนะครับ”


 


 


“อ้อ… ถ้าอย่างนั้นคุณหมอครับ ตอนนี้ภรรยาผมอยู่ที่ไหนครับ” คุณพ่อลั่วจับมือหมอไว้ข้างหนึ่ง ถามอย่างร้อนใจ ตอนนี้ในใจของเขาค่อนข้างกระวนกระวายมาก สิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณแม่ลั่วนับเป็นข่าวร้ายสำหรับเขา


 


 


คุณพ่อกับคุณแม่ลั่วผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกันหลายสิบปี หลายปีมานี้ร่างกายคุณแม่ลั่วนับวันมีแต่แย่ลง คุณพ่อลั่วจึงกลัวมากว่าเรื่องในครั้งนี้อาจทำให้คุณแม่ลั่วต้องจากเขาไป คุณพ่อลั่วจึงรู้สึกตื่นตระหนกอยู่ลึกๆ สำหรับเหตุการณ์นี้


 


 


 


 


ตอนที่ 225 สมองเสื่อม


 


 


“ตอนนี้เธออยู่ในไอซียูครับ พวกคุณส่งตัวแทนเข้าไปเยี่ยมเธอได้หนึ่งคนนะครับ แต่ต้องระวังอย่าเสียงดัง เพราะคนไข้กำลังพักผ่อนครับ” คุณหมอเอ่ยเตือน


 


 


“ขอบคุณครับคุณหมอ” คุณพ่อลั่วไม่สนใจว่าคุณหมอจะพูดอะไรอีกไหม หลังจากรีบขอบคุณแล้ว เขาก็ถามให้แน่ใจว่าคุณแม่ลั่วอยู่ตรงไหน และรีบไปทันที


 


 


คุณพ่อลั่วมองคุณแม่ลั่วที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ผ่านกระจก สีหน้าของคุณแม่ลั่วขาวซีด ดูอ่อนแรงมากเหลือเกิน ปกติร่างกายของคุณแม่ลั่วก็ไม่แข็งแรงอยู่แล้ว หากต้องมาเจ็บป่วยก็จะยิ่งเป็นผลเสียต่อร่างกายที่บอบช้ำของเธอ


 


 


คุณพ่อลั่วเดินไปที่ประตู เปิดประตูเข้าไป ตอนนี้คุณแม่ลั่วยังไม่ฟื้น ในห้องผู้ป่วยมีเพียงเสียงของเครื่องมือแพทย์ดังอยู่เป็นระยะ คุณพ่อลั่วนั่งอยู่ข้างเตียงคุณแม่ลั่ว จับมือของคุณแม่ลั่วไว้ เรียกด้วยเสียงแผ่วเบา “อวี้ฮุ่ย เมื่อไรคุณจะฟื้น คุณอย่าจากผมไปนะ”


 


 


เรื่องที่คุณพ่อลั่วกังวลที่สุดก็คือเรื่องคุณแม่ลั่ว เมื่อคิดว่าเธอจะไม่ฟื้น ชีวิตที่เหลือของเขาก็เหมือนตายไปครึ่งหนึ่งแล้ว


 


 


ถึงแม้บางครั้งคุณแม่ลั่วจะไร้เหตุผล แต่ท้ายที่สุดแล้วเธอกับเขาก็เป็นคู่รักคู่ชีวิตกัน ทั้งสองคนใช้ชีวิตร่วมกันมานานแล้ว แม้ว่าไม่ได้โรแมนติกเหมือนสมัยวัยหนุ่มสาว แต่ตอนนี้กลับรู้สึกอบอุ่นหัวใจมากยิ่งกว่าแต่ก่อน


 


 


คุณพ่อลั่วพูดกับคุณแม่ลั่วเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ เขาหวังว่าคุณแม่ลั่วจะได้ยินเสียงของเขาแล้วตื่นขึ้นมา คุณหมอเพิ่งจะบอกว่าคุณแม่ลั่วอาจจะสมองเสื่อมได้ ถ้าหลังจากคุณแม่ลั่วฟื้นขึ้นมาแล้วเป็นอะไรไปจริงๆ คุณพ่อลั่วก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร


 


 


ลั่วเซ่าเชินมองเข้าไปในห้องผู้ป่วยที่มีคุณพ่อลั่วเฝ้าคุณแม่ลั่วอยู่ไม่ห่าง จากนั้นก็ค่อยๆ แยกตัวออกไป เมิ่งชิงซีรีบเดินตามลั่วเซ่าเชิน “เซ่าเชินคะ คุณจะกลับแล้วเหรอ”


 


 


“ชิงซี ตอนนี้คุณแม่ผมไม่เป็นอะไรแล้ว คุณเองก็กลับเถอะ” ลั่วเซ่าเชินไม่มีอารมณ์จะสนใจเมิ่งชิงซี ตอนนี้เขาอยากแก้ไขปัญหาของถังโจวโจวให้เร็วที่สุด


 


 


“เซ่าเชิน ฉันอยากไปกับคุณด้วย แต่ยังไงเรื่องนี้คุณต้องเชื่อโจวโจวนะคะ” เมิ่งชิงซีดึงแขนเสื้อของลั่วเซ่าเชินไว้ เดิมทีลั่วเซ่าเชินอยากจะปัดมือเธอออก แต่สายตาที่จริงใจของเมิ่งชิงซี ทำให้ลั่วเซ่าเชินชะงักมือไว้


 


 


“ชิงซี คุณไม่ต้องพูดแทนเธอแล้ว ในใจผมรู้ดี” ลั่วเซ่าเชินไม่ได้บอกให้เมิ่งชิงซีไปกับเขา เขาได้แต่เดินตรงไปเงียบๆ เมิ่งชิงซียังคงเดินตามหลังเขาไป ทั้งสองคนมีช่องว่างระหว่างกันแค่หนึ่งก้าว แต่ยิ่งใกล้กลับดูเหมือนยิ่งไกล


 


 


ลั่วเซ่าเชินขับรถพาเมิ่งชิงซีกลับมาที่บ้านด้วย ถังโจวโจวยังไม่ขยับไปไหนเหมือนก่อนหน้านี้


 


 


แม่นมจ้าวให้ลั่วอิงกินข้าวไปได้บ้างแล้ว เมื่อเห็นว่าถังโจวโจวเป็นแบบนี้ จึงแนะนำอยู่ข้างๆ ว่า “คุณผู้หญิงคะ ฉันรู้ว่าในใจคุณกำลังตำหนิติเตียนตัวเอง แต่ยังไงคุณก็ควรทานอะไรสักหน่อยนะคะ ไม่อย่างนั้นคุณจะเสียสุขภาพเอาได้”


 


 


“แม่นมจ้าว ฉันไม่อยากกิน” ถังโจวโจวตกอยู่ในห้วงความรู้สึกผิดไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าเธอไม่ผลักคุณแม่ลั่ว คุณแม่ลั่วก็คงไม่ต้องไปโรงพยาบาล ตอนนี้ในบ้านเงียบเหงาว่างเปล่า บรรยากาศที่จะได้รับประทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตาไม่มีแล้ว


 


 


ลั่วเซ่าเชินเดินเข้ามาในขณะที่แม่นมจ้าวยังโน้มน้าวถังโจวโจวอยู่ “แม่นมจ้าว เตรียมอาหารให้คุณเมิ่งหน่อย ชิงซี คุณไปกินข้าวก่อนเถอะ” ลั่วเซ่าเชินพูดกับเมิ่งชิงซีด้วยน้ำเสียงปกติ


 


 


“ถ้าอย่างนั้น…เซ่าเชิน คุณก็ไปคุยกับโจวโจวก่อนเถอะค่ะ แล้วค่อยมากินข้าว”เมิ่งชิงซีมองไปที่ถังโจวโจว แล้วก็มองกลับมาที่ลั่วเซ่าเชินอีกครั้ง ก่อนจะตามแม่นมจ้าวไปที่โต๊ะอาหาร


 


 


เมื่อถังโจวโจวได้ยินเสียงของลั่วเซ่าเชิน ก็ตกใจรีบลุกขึ้นมา ไม่รู้ว่ามือเท้าเป็นอะไร มันอ่อนแรงไปหมด “เซ่า…เซ่าเชิน กลับมาแล้วหรือคะ”


ตอนที่ 226 ลั่วเซ่าเชินพูดกับถังโจวโจว


 


 


“โจวโจว พวกเราขึ้นไปคุยกันข้างบนเถอะ” ลั่วเซ่าเชินไม่แม้แต่จะมองหน้าถังโจวโจว น้ำเสียงของเขาเคร่งเครียด ทำให้ถังโจวโจวยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มากกว่าที่คิด


 


 


“เซ่าเชิน…”


 


 


“มีเรื่องอะไรไว้ค่อยไปคุยกันที่ห้องหนังสือเถอะ” เมื่อลั่วเซ่าเชินพูดจบแล้วก็ตรงขึ้นข้างบนทันที ถังโจวโจวจึงทำได้เพียงเดินตามเขาขึ้นไป


 


 


ปึง! ลั่วเซ่าเชินปิดประตูห้อง ถังโจวโจวมองไปรอบห้องหนังสือขนาดใหญ่ของคฤหาสน์ตระกูลลั่ว เธอไม่เคยเข้ามาในห้องนี้เลย สถานที่นี้ไม่เหมือนบ้านหลังเล็กๆ ของพวกเขา คงเพราะคุณพ่อลั่วใช้ทำงานมานาน ด้านในจึงให้ความรู้สึกเหมือนห้องที่มีอายุยาวนานมากแล้ว


 


 


ลั่วเซ่าเชินมาใช้ห้องนี้ไม่บ่อยนัก บนชั้นนี้ยังมีห้องหนังสือเล็กๆ อีกห้องหนึ่ง นั่นถึงจะเป็นห้องที่ลั่วเซ่าเชินใช้เป็นประจำ และวันนี้เขาพาถังโจวโจวมาที่นี่ เพราะลั่วเซ่าเชินอยากฟังคำอธิบาย


 


 


“โจวโจว คุณเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ผมฟังหน่อยได้ไหม” ลั่วเซ่าเชินได้ยินเมิ่งชิงซีอธิบายมาแล้ว พอเข้าใจเรื่องราวบ้างแล้ว แต่เขายังอยากรู้ว่าถังโจวโจวจะอธิบายกับเขาว่าอย่างไร


 


 


ในตอนนี้เขารู้สึกคลางแคลงใจต่อเธอ ใครก็ตามที่ได้เห็นแม่ของตัวเองนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น โดยที่ภรรยายังยืนตัวสั่นอยู่ใกล้ๆ ท่าทางเหมือนคนตกใจ ย่อมต้องอดไม่ได้ที่จะสงสัยเธอ


 


 


เมิ่งชิงซีพูดปกป้องถังโจวโจวอยู่ตลอด แต่คำพูดปกป้องของเธอ ยิ่งทำให้ถังโจวโจวดูแย่ลง เมิ่งชิงซีพูดไม่หยุดว่าถังโจวโจวไม่ได้ตั้งใจ แต่หลักฐานอยู่ตรงหน้า แม้ไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็เท่ากับถังโจวโจวมีส่วนผิดในเรื่องนี้ด้วย


 


 


“เซ่าเชิน ตอนนี้คุณกำลังสงสัยฉันใช่ไหม แต่ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้ยังไง” ถังโจวโจวอยากจะอธิบาย แต่กลับไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไรดี ทุกคนคิดกันไปแล้วว่าเธอเป็นคนผลักคุณแม่ลั่วลงมา เธอไม่ได้ตั้งใจทำอย่างนั้น แต่ตอนนี้ใครจะไปอยากได้ยินเธอพูดแบบนี้


 


 


“แล้วคุณแม่ตกลงมาได้ยังไง โจวโจว เมิ่งชิงซีบอกว่าคุณไม่ได้ตั้งใจ ผมก็เชื่ออย่างนั้นว่าคุณไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นแน่นอน แต่ตอนนี้คุณแม่นอนเจ็บหนักอยู่ที่โรงพยาบาล ยังไงผมก็ต้องจัดการเรื่องนี้ให้กับเธอ”


 


 


ถังโจวโจวค้นพบเรื่องหนึ่งว่า ความเย็นชาและเคร่งขรึมของลั่วเซ่าเชินที่ปรากฏต่อหน้าเธอในตอนนี้ มันเป็นการกระทำอันโหดร้ายเดียวกันที่เธอเคยเห็นเขาใช้กับผู้หญิงคนอื่น แต่วันนี้เขากลับใช้กับเธอเสียงเอง มันช่างน่าเศร้าจริงๆ


 


 


“เซ่าเชิน ฉันไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง เรื่องที่คุณแม่ตกบันได ฉันไม่รู้จริงๆ ตอนนั้นฉันทะเลาะกับคุณเมิ่งอยู่ จากนั้นฉันแค่คิดอยากจะสะบัดมือเธอออกไป แต่ใครจะรู้…”


 


 


“ใครจะรู้ว่ากลับผลักคุณแม่ลงไป” ลั่วเซ่าเชินช่วยถังโจวโจวพูดจนจบ “ถังโจวโจว คุณไม่รู้เลยจริงๆ เหรอว่าคุณแม่ยืนอยู่ข้างหลังคุณตลอด”


 


 


ถังโจวโจวส่ายหน้า ปากพึมพำเบาๆ “ฉันไม่รู้จริงๆ… ไม่รู้จริงๆ…” ถ้าตอนนั้นเธอรู้ว่าคุณแม่ลั่วอยู่ข้างหลังเธอ แล้วจะถูกผลักลงไปข้างล่างเพราะการกระทำของเธอ เธอจะยอมปล่อยให้เมิ่งชิงซีบีบแขนเธอจนเจ็บโดยไม่สะบัดมือแม้แต่น้อยเลย


 


 


เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นอยู่บนความไม่รู้ของเธอ ที่ทำให้คุณแม่ลั่วถูกผลักตกบันได ถังโจวโจวพยายามปลอบตัวเอง เสียงสะอื้นดังขึ้นในบ้าน ถังโจวโจวไม่อยากจะโต้เถียงเรื่องนี้อีก เพราะสุดท้ายไม่ว่าอย่างไรเรื่องนี้เธอก็ผิด


 


 


ไม่ใช่ว่าเธอไม่ยอมรับ แต่ตอนนี้เรื่องที่เธอกังวลมากที่สุดก็คือ อาการคุณแม่ลั่วเป็นอย่างไรบ้าง “เซ่าเชิน ตอนนี้คุณแม่…” ถังโจวโจวมองลั่วเซ่าเชินที่มีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดี ไม่รู้ว่าคำถามนี้ของเธอจะมีคำตอบเช่นไร


 


 


 


 


ตอนที่ 227 วิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้


 


 


“ยังไม่ฟื้น คุณพ่อกำลังเฝ้าอยู่” ลั่วเซ่าเชินปวดหัวมาก คุณพ่อลั่วต้องการให้เขาจัดการเรื่องนี้ แต่เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรจริงๆ


 


 


ถังโจวโจวไม่ได้ตั้งใจ แล้วเขาจะจัดการอะไรได้ แต่ลั่วเซ่าเชินรู้ชัดแน่นอนว่าคุณพ่อลั่วต้องการผลลัพธ์อย่างไร


 


 


เป็นที่รู้กันดีว่า พวกเขาต้องการให้ถังโจวโจวออกจากบ้านลั่วมาโดยตลอด เพียงแต่เพราะเขาคือตัวแปรที่คอยเจรจาต่อรองมาตลอด แต่จากเหตุการณ์ครั้งนี้ นี่จะเป็นข้ออ้างที่ดีมาก


 


 


แค่ลั่วเซ่าเชินคิดว่าถังโจวโจวจะต้องแยกจากเขา ในใจเขาก็เจ็บปวด เขารับเรื่องนี้ไม่ได้ ถังโจวโจวเป็นของเขา เป็นของเขามาตลอด ใครก็ไม่สามารถแยกเธอไปจากเขาได้


 


 


“โจวโจว ช่วงนี้คุณกลับไปอยู่บ้านสักพักหนึ่งก่อนได้ไหม…” หลังจากลั่วเซ่าเชินคิดอยู่นาน เขาก็คิดได้หนึ่งวิธี ขอเพียงคุณแม่ลั่วไม่เป็นไร ถึงเวลานั้นค่อยร้องขออีกครั้ง บางทีถังโจวโจวอาจจะผ่านมันไปได้อย่างง่ายดายก็เป็นได้


 


 


ตอนนี้ถังโจวโจวเหมือนเป็นตะปู เป็นเนื้อร้าย ในสายตาคุณพ่อลั่ว ลั่วเซ่าเชินทำได้แค่ให้เธอกลับไปอยู่บ้านตัวเองก่อน รอให้เรื่องราวนี้ผ่านไปสักพักแล้วค่อยกลับมา


 


 


ถังโจวโจวก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ฉันควรจะรู้อยู่แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ไม่ใช่หรือ “เซ่าเชิน เรื่องนี้คุณตัดสินใจแล้วหรือคะว่า…”


 


 


“ผมเอง… โจวโจว คุณก็รู้ ตอนนี้คุณแม่ยังไม่ฟื้น และคุณพ่อก็โกรธมาก ถ้าให้คุณอยู่ที่นี่ คุณต้องมาทนฟังคำพูดที่ไม่ดี คุณจะไม่สบายใจเปล่าๆ” ลั่วเซ่าเชินอธิบายกับถังโจวโจว แต่คำอธิบายของเขากลับทำให้ถังโจวโจวยิ่งปวดใจ


 


 


คุณพ่อลั่วยังอยู่ที่โรงพยาบาล คุณแม่ลั่วก็ยังไม่ฟื้น หากตอนนี้เขาพาเธอออกไป ไม่เท่ากับให้เมิ่งชิงซีเข้ามาแทนที่หรอกหรือ


 


 


“…ได้ค่ะ ฉันรู้แล้ว” ถังโจวโจวทำได้เพียงแค่ยินยอม นอกจากเห็นด้วยกับเขาแล้ว เธอก็ไม่รู้วิธีอื่นใดอีก เธอได้แต่ตำหนิตัวเอง ไม่…เธอจะไม่ร้องไห้ออกมาง่ายๆ เด็ดขาด เพราะนั่นไม่ใช่นิสัยของเธอ ตอนนี้เธอไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้ว นอกจากต้องยอมรับความจริงอยู่เงียบๆ


 


 


“เซ่าเชิน ให้ฉันไปเยี่ยมคุณแม่ได้ไหมคะ” ในใจถังโจวโจวยังไม่รู้สึกวางใจ เธออยากไปดูคุณแม่ลั่วด้วยตัวเองว่าคุณแม่ลั่วปลอดภัย


 


 


“โจวโจว ช่วงนี้คุณอย่าเพิ่งไปพบคุณแม่เลยนะ เอาอย่างนี้ดีไหม เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้ว ผมจะให้หวังหวามารับคุณพาไปเก็บของที่บ้าน แล้วค่อยไปส่งคุณที่บ้านคุณพ่อคุณแม่”


 


 


“ค่ะ อย่างนั้นก็ได้” เมื่อถังโจวโจวพูดจบ ห้องหนังสือก็ตกอยู่ในความเงียบ ถังโจวโจวได้ยินเสียงฝีเท้าของลั่วเซ่าเชินเดินออกจากห้องไป เธอก้มหน้าลง ในที่สุดน้ำตาที่กลั้นไว้ก็อดทนไม่ไหว ไหลออกมาไม่หยุด


 


 


ประตูห้องถูกปิดลง น้ำตาหยดลงพื้นทีละหยดๆ ซึมไปกับพรมพื้นห้อง “ฮือๆ…” ถังโจวโจวกัดริมฝีปาก มีเพียงเสียงสะอื้นเบาๆ ในห้อง ถ้าไม่มีใครเข้ามาก็จะไม่มีใครรู้ว่าเธอร้องไห้


 


 


ลั่วเซ่าเชินลงไปชั้นล่าง คำพูดที่เพิ่งพูดไปเมื่อครู่นี้ก็ทำให้ใจของเขาเจ็บปวด เพื่อที่จะได้อยู่กับถังโจวโจวในระยะยาว ตอนนี้พวกเขาทำได้แค่อดทนแยกจากกันสักพัก เขาเชื่อว่าเรื่องเลวร้ายนี้จะผ่านไปได้อย่างรวดเร็ว และเขาก็จะรีบพาถังโจวโจวกลับมาโดยเร็ว


 


 


ถังโจวโจวร้องไห้อยู่พักหนึ่ง เธอเช็ดน้ำตา พลางดูหน้าตัวเองผ่านกล้องโทรศัพท์มือถือ ยังมองออกอยู่ว่าเธอร้องไห้มา เธอลังเลว่าเธอควรจะอยู่ในห้องหนังสือต่อไปก่อน หรือว่าควรออกไปแล้วดี?


 


 


เมิ่งชิงซีน่าจะกินข้าวเป็นเพื่อนลั่วเซ่าเชินอยู่ เธอออกไปแบบนี้จะกลายเป็นเหมือนบุคคลที่สามหรือเปล่า ความคิดนี้ก็ทำให้ถังโจวโจวรู้สึกเสียใจขึ้นมาอีก


 


 


เมิ่งชิงซีเห็นลั่วเซ่าเชินลงมา ก็เรียกแม่นมจ้าวทันที “แม่นมจ้าว รีบไปยกอาหารออกมาให้เซ่าเชินเร็ว เซ่าเชินคะ โจวโจวล่ะ”


ตอนที่ 228 นกพิราบ


 


 


“โจวโจวยังอยู่ข้างบน แล้วทำไมคุณยังไม่กินข้าวล่ะ” ลั่วเซ่าเชินนั่งลงข้างๆ เมิ่งชิงซี เขาอารมณ์ไม่ค่อยดี เมิ่งชิงซีตักซุปให้เขาถ้วยหนึ่งอย่างเอาใจ “เซ่าเชิน คุณทานซุปหน่อยนะคะ”


 


 


สำหรับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของเมิ่งชิงซี ทำให้ลั่วเซ่าเชินไม่ปฏิเสธเธอเหมือนเคย เขากินโดยไม่ต้องลังเล แม่นมจ้าวหยิบตะเกียบและชามออกมา เห็นเมิ่งชิงซีที่ทำตัวเหมือนเป็นคุณผู้หญิงของบ้าน คอยตักอาหารให้คุณชาย และคุณชายก็ไม่รู้เป็นอะไรกลับยอมกินข้าวที่เมิ่งชิงซีตักให้แต่โดยดี ภาพแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย


 


 


“คุณชายคะ ให้ฉันไปเรียกคุณผู้หญิงลงมาทานข้าวไหมคะ”


 


 


“ไม่ต้อง รออีกเดี๋ยวเธอก็ลงมากินเอง” ลั่วเซ่าเชินเพิ่งพูดจบ ถังโจวโจวก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหัวบันไดชั้นล่าง เขาไม่แม้แต่หันมามองเธอเลย ก้มหน้าก้มตากินอาหารอย่างเดียว


 


 


แต่กลับเป็นเมิ่งชิงซีที่กระตือรือร้นเดินไปหาถังโจวโจว “โจวโจว พวกเราเพิ่งพูดถึงเธอไป รีบมากินข้าวเร็ว เดี๋ยวอาหารจะเย็นหมด”


 


 


ถังโจวโจวถูกเมิ่งชิงซีจูงมือไป เมิ่งชิงซีพาเธอมานั่งข้างๆ เธออีกข้างหนึ่ง ถังโจวโจวมองลั่วเซ่าเชิน เธอรู้สึกว่าเขาเป็นเหมือนนกพิราบของเมิ่งชิงซี ที่เอาแต่กินอาหารที่เมิ่งชิงซีให้โดยไม่พูดอะไรเลย


 


 


เธอนั่งลงเงียบๆ และเมิ่งชิงซีก็เป็นเหมือนผึ้งที่หันไปทางนู้นทีทางนี้ที ในตอนนี้จึงมีแค่เสียงของเมิ่งชิงซี ส่วนลั่วเซ่าเชินและถังโจวโจวทำได้แค่มองอาหารของตัวเอง ราวกับแข่งกันก้มหน้า


 


 


หลังจากมื้ออาหารอันไร้รสชาติผ่านไป ถังโจวโจวที่เพิ่งจะวางตะเกียบลง พลันได้ยินเสียงลั่วเซ่าเชินพูดกับเธอว่า “โจวโจว หวังหวามาถึงแล้ว ผมจะให้เขาไปส่งคุณนะ”


 


 


“เซ่าเชิน โจวโจวจะไปไหนหรือคะ ให้ฉันไปส่งเธอแทนไหม”


 


 


“คุณเมิ่ง ขอบคุณในความหวังดีของคุณนะคะ แต่ฉันคิดว่าคุณมาขลุกตัวอยู่ที่นี่ทั้งวันแล้ว คุณพ่อคุณแม่ของคุณคงจะคิดถึงคุณมากแล้วล่ะค่ะ” ไม่ต้องพูดให้ชัดเจน แต่คนฉลาดก็ต้องรู้


 


 


สีหน้ายิ้มแย้มของเมิ่งชิงซีพลันบึ้งตึงขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่นานเธอก็กลับมายิ้มดังเดิมได้ “โจวโจว ที่เธอพูดมาก็ถูก แต่ฉันยังเป็นห่วงอาการป่วยของคุณป้าอยู่ และฉันเชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ของฉันคงจะรอให้ฉันเอาข่าวดีไปบอกพวกท่าน เธอว่าจริงไหม”


 


 


คนสองคนสบตากันนิ่ง ราวกับมีประจุไฟปรากฏอยู่ในนั้น แต่สุดท้ายก็กระเด็นไปคนละทาง “เอาละ ชิงซี คุณก็กลับไปก่อนเถอะ ถึงเวลาถ้าคุณแม่ผมฟื้นแล้ว ผมจะแจ้งให้คุณทราบ”


 


 


เมื่อลั่วเซ่าเชินพูดออกมาอย่างนี้ เมิ่งชิงซีก็ทำได้แค่เก็บคำประท้วงของตัวเองลงไป “ในเมื่อเซ่าเชินพูดอย่างนี้ ฉันก็จะฟังที่คุณพูดค่ะ ถ้าคุณป้าฟื้นแล้ว คุณต้องรีบบอกฉันนะคะ ฉันจะได้ไปเยี่ยม”


 


 


“รู้แล้ว โจวโจว ไปเถอะ” ถังโจวโจวเห็นลั่วเซ่าเชินกับเมิ่งชิงซีดูสนิทสนมกันมากกว่าปกติ แต่เหตุใดกับเธอจึงดูเหมือนยิ่งห่างไกล แท้จริงแล้วนี่มันเรื่องอะไรกันแน่


 


 


“เซ่าเชิน ให้ฉันรออยู่ที่บ้านพวกเราได้ไหม ฉันต้องกลับบ้านคุณพ่อคุณแม่จริงๆ หรือคะ” เดิมทีถังโจวโจวก็ก้มหน้ายอมรับความจริงอย่างสงบแล้ว แต่เมิ่งชิงซีกลับแสดงตัวเหนือกว่าเธอให้เห็นตลอดเวลา เห็นๆ อยู่ว่าเธอเป็นภรรยาเซ่าเชิน แล้วทำไมตอนนี้ถึงเป็นแบบนี้ไปได้


 


 


“โจวโจว ผมอยากให้คุณเข้าใจนะ ที่ผมตัดสินใจแบบนี้ก็เพื่ออนาคตที่ดีของเรา หวังหวามาแล้ว ไปกันเถอะ” ลั่วเซ่าเชินจูงมือถังโจวโจวเดินออกไปหน้าประตูด้วยกัน


 


 


เมิ่งชิงซียืนอยู่ข้างหลัง มองด้วยสายตาเย็นชา ไม่คิดว่าถังโจวโจวจะมีวันนี้เร็วอย่างนี้ ในที่สุดเธอก็สามารถทำให้ถังโจวโจวออกจากตระกูลลั่วได้เสียที แค่ทำให้ถังโจวโจวกลับบ้านตัวเองไป พอคิดแล้วก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่นับจากนี้เธอจะต้องทำให้ถังโจวโจวไม่ได้กลับมาเหยียบที่นี่อีก


 


 


 


 


ตอนที่ 229 ป้องกันสุดชีวิต


 


 


           หวังหวาทำตามคำสั่งของลั่วเซ่าเชิน เอารถมาจอดไว้หน้าบ้าน จากนั้นไม่นานเขาก็พบกับลั่วเซ่าเชินและถังโจวโจว “ผอ. คุณผู้หญิง”


 


 


“มาแล้วเหรอ พาคุณผู้หญิงไปส่งเถอะ”


 


 


“เชิญครับ คุณผู้หญิง” หวังหวาเปิดรถ รอให้ถังโจวโจวขึ้นไปนั่ง ถังโจวโจวมองลั่วเซ่าเชินอย่างลึกซึ้ง จากนั้นเธอก็เดินขึ้นรถไป หวังหวาปิดประตูรถ และรีบวิ่งไปที่นั่งคนขับ


 


 


ลั่วเซ่าเชินยืนมองจนหวังหวาขับรถออกไป ถังโจวโจวไม่ได้หันมามองเขาอีกแล้ว ลั่วเซ่าเซินยังยืนอยู่ตรงนั้น และไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่


 


 


เมิ่งชิงซีรออยู่ในบ้านนานมาก ราวกับว่าลั่วเซ่าเชินไปส่งถังโจวโจวครึ่งวันแล้วยังไม่กลับมา เมื่อออกมาดูก็พบว่าลั่วเซ่าเชินยังยืนอยู่หน้าประตู “เซ่าเชิน เป็นอะไรไปคะ” พอถังโจวโจวไปแล้ว เขาก็เลยไม่มีความสุขหรือไง


 


 


“ไม่มีอะไร” ลั่วเซ่าเชินดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว ไม่ได้ให้เวลาเมิ่งชิงซีถามเซ้าซี้อะไรอีก เขาเดินเข้าไปในบ้านทันที


 


 


เดิมทีลั่วอิงถูกแม่นมจ้าวโน้มน้าวจนพาขึ้นไปข้างบนได้แล้ว แต่เมื่อลงมากลับไม่พบหน้าถังโจวโจว เธอเห็นแค่ลั่วเซ่าเชินและคุณอาคนไม่ดียืนอยู่ด้วยกัน ลั่วอิงจึงระเบิดความโกรธออกมา “คุณพ่อคะ ทำไมเธอถึงยังอยู่ที่นี่ แล้วแม่โจวโจวล่ะคะ?”


 


 


เมิ่งชิงซีตอบกลับเธออย่างใจดี “ลั่วอิง แม่โจวโจวของหนูกลับบ้านไปแล้ว ตอนนี้คุณพ่ออารมณ์ไม่ค่อยดี หนูมาเล่นกับอาไหมคะ”


 


 


ลั่วอิงไม่ยอมเล่นกับเมิ่งชิงซีเด็ดขาด จึงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นว่ามีเธออยู่ที่นี่ วิ่งเข้าไปหาลั่วเซ่าเชิน น้ำตาเอ่อนองออกมาเปื้อนใบหน้า “คุณพ่อคะ แม่โจวโจวอยู่ไหนคะ หนูอยากอยู่กับแม่โจวโจว”


 


 


เธอไม่เข้าใจว่า ‘ถังโจวโจวกลับบ้าน’ แปลว่าอะไร ใช่หมายถึงกลับไปบ้านของพวกเธอไหม ลั่วเซ่าเชินย่อตัวลงมาอุ้มลั่วอิงขึ้น แล้วช่วยซับน้ำตาให้เธอ “เอาละ ไม่ต้องร้องแล้ว พ่อยังอยู่นี่จะเป็นเพื่อนให้ลูกเอง แม่โจวโจวแค่กลับบ้านไปก่อน ลูกอยู่กับพ่อไม่ดีใจหรือครับ”


 


 


“แต่หนูอยากอยู่กับแม่โจวโจวด้วยนี่คะ หนูไม่อยากอยู่กับผู้หญิงนิสัยไม่ดี” ลั่วอิงพูดออกมาชัดถ้อยชัดคำ ใบหน้าเมิ่งชิงซีปรากฏความไม่พอใจ


 


 


เมิ่งชิงซีโกรธมากแต่ก็พูดไม่ได้ เพราะลั่วเซ่าเชินก็มองอยู่ ถ้าเธอทำอะไรลูกสาวสุดที่รักของเขา สิ่งที่เธอวาดฝันไว้ว่าจะได้กลายเป็นคุณผู้หญิงลั่วก็คงยากขึ้น


 


 


“ลั่วอิง คุณอาทำอะไรไม่ดีกับหนูหรือคะ” เมิ่งชิงซีพูดกับลั่วอิงด้วยน้ำเสียงน้อยใจ แสดงให้ลั่วเซ่าเชินเห็นว่าเธอไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดไป ทำไมลั่วอิงถึงได้พูดแบบนี้ออกมา


 


 


“ลั่วอิง ลูกพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ”


 


 


ลั่วเซ่าเชินไม่อยากให้ลั่วอิงเป็นเด็กพูดจาก้าวร้าวอย่างนี้ และเขาเชื่อว่าเมิ่งชิงซีไม่มีทางรับคำพูดเหล่านี้ได้ หากต่อไปลั่วอิงพูดจาแรงกว่านี้ เขาจะแก้ไขก็คงแก้ไม่ทันแล้ว แต่ลั่วเซ่าเชินก็ดูเมิ่งชิงซีออกว่าต่อหน้าเขาเมิ่งชิงซีคงไม่กล้าทำอะไรลั่วอิง


 


 


ลั่วเซ่าเชินหันหน้าไปขอโทษเมิ่งชิงซี “ชิงซี ขอโทษจริงๆ ลั่วอิงยังเด็ก คุณอย่าถือสาเลยนะ”


 


 


เมิ่งชิงซีย่อมต้องอยากเป็นคนใจกว้างต่อหน้าลั่วเซ่าเชินอยู่แล้ว ดังนั้น เธอจึงไม่ถือสาลั่วอิงด้วยเรื่องแค่นี้ “เซ่าเชิน ไม่เป็นไรค่ะ ลั่วอิงยังเล็ก เด็กมักชอบพูดอะไรแปลกๆ ฉันเข้าใจค่ะ”


 


 


“คุณพ่อ…” ลั่วอิงไม่พอใจ ทำไมคุณพ่อของเธอต้องขอโทษผู้หญิงนิสัยไม่ดีคนนี้ด้วย คุณพ่อเป็นของแม่โจวโจว และเป็นของเธอเท่านั้น จะถูกผู้หญิงไม่ดีคนนี้แย่งไปไม่ได้เด็ดขาด!


 


 


ลั่วอิงคิดว่า ตอนนี้ถังโจวโจวไม่อยู่ หน้าที่ดูแลลั่วเซ่าเชินอย่างใกล้ชิดก็ต้องตกเป็นของเธอแล้ว

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม