Black Tech Internet Cafe System 220-227

ตอนที่220

 

“หรือตอนที่เจ้าของร้านสร้างกฏในการแข่งขัน เขาอาจจะลืมกฏสำหรับหมอผี” เห็นได้ชัดว่าหลินเซียวเริ่มคุ้นเคยกับการเล่นมากกว่าเก่า “สัตว์ประหลาดและซากศพโครงกระดูกมีผลกระทบต่อการแข่งขันมาก แต่หากหมอผีคนนี้ไม่มีพวกมันเขาจะเล่นได้อย่างไร!? ท้ายที่สุดเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนแมพเพื่อรับตัวช่วยอย่างซากโครงกระดูก”


 


“เจ้าพูดถูก!” ซูเหลียวตอบ “เจ้าของร้านแนะนำอาชีพนี้ให้กับเจ้าอ้วน แต่หากใช้สกิลนั้นไม่ได้เขาจะทำอย่างไร”


 


นาหลันหมิงสื่อนั่งขมวดคิ้วเมื่อได้ยินทักษะของหมอผี หากมีซากศพหรือโครงกระดูกหวังใต้ก็จะสามารถต่อสู้ได้ชั่วขณะหนึ่ง แต่ตอนนี้ทักษะของเขาถูกจำกัด เธอจึงได้แต่ส่งความเสียใจต่อเขาเท่านั้น


 



 


เนื่องจากนี่เป็นการแข่งขันและต่อสู้ที่ดีที่สุดที่พวกเขาเคยแข่งมา อย่างไรก็ตามการแข่งขัน Diablo รอบนี้เป็นโอกาสเดียวที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ของพวกเขา!


 


ท้ายที่สุดคนๆ หนึ่งมีโอกาสเพียงครั้งเดียวในสนามรบ ซึ่งมันเป็นเรื่องยากในการตั้งสติเมื่อเจอเหตุการณ์แต่ละครั้ง แม้ว่าจะเป็นเพียงก็ตามแต่มันก็ชวนตื่นเต้น


 


ในขณะนี้มือของหวังใต้นั้นเต็มไปด้วยเหงื่อ .. เวลาเดียวกันคนกลุ่มใหญ่เองต่างจับตาเฝ้าดูเขาที่กำลังจะต้องทำการต่อสู้กับศัตรูที่เป็นถึงอาจารย์ในชีวิตจริง


 


หวังใต้ไม่ได้เป็นอัจฉริยะอย่างซงฉิงเฟิงและนาหลันหมิงสื่อ เขาไม่ได้ดีเด่นไปกว่าคนอื่นๆ ในความเป็นจริงเขาเองด้วยซ้ำที่ไม่เป็นที่ยอมรับ แต่ในที่สุดเขาก็ผ่านมันมาจนเดินทางมาไกลขนาดนี้


 


เนื่องจากสนามรบนี้ไม่มีซากศพเขาจึงไม่สามารถใช้สกิลเรียกโครงกระดูกออกมาได้ ดังนั้นทักษะที่ดีที่สุดของหมอผีในช่วงต้นอย่างสกิลเรียกโครงกระดูกจึงกลายเป็นสกิลที่ไร้ประโยชน์ในการต่อสู้ในครั้งนี้


 


การต่อสู้ในครั้งนี้จะง่ายกว่านี้ถ้าที่นี่เต็มไปด้วยซากศพพร้อมด้วยเหล่าวิญญาณที่คอยอยู่เบื้องหลังเขา ทำนองเดียวกันเขาไม่สามารถใช้ทักษะการระเบิดอันทรงพลังของหมอผีได้เลย


 


แม้ว่ากฏนี้จะไม่ได้ห้ามหมอผีไม่ให้ใช้สกิลเหล่านั้น แต่พวกในพื้นที่แบบนี้จึงเป็นเหตุสุดวิสัยส่งผลให้สกิลถึงสองสามอันไร้ประโยชน์ไปโดยปริยาย แตกต่างจากคนอื่นๆ ที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ระหว่างการแข่งขัน ทั้งๆ ที่แท้จริงแล้วแต่ละคนควรจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่เนื่องจากสถานการณ์เปลี่ยนเราก็ต้องแปรเปลี่ยนตามเพื่อให้ได้ชัยชนะ


 


นี่เป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ส่งผลให้เขาไม่ติดอันดับหนึ่งในสิบหกในรอบแรก แม้เขาเองจะอยู่ในระดับสูงพร้อมไอเทมดีๆ


 


ความจริงเขาเองยังคงปรับเปลี่ยนรูปแบบการต่อสู้ของเขาไปเรื่อย เขายังคงลังเลเกี่ยวกับทักษะและจำนวนการคอมโบในแต่ละรอบอย่างมาก


 


ตัวอย่างเช่นเขาเองยังถกเถียงกับตัวเองว่าเวลาที่เขาเรียกใช้โครงกระดูกนี่เขาควรจะปลุกมันด้วยธาตุอะไร หรือควรใส่ทักษะลงในโกเล็มดีมั้ย เนื่องจากโกเล็มของเขามีแบบโลหะและดินปั้น โกเล็มโลหะต้องการไอเทมโลหะที่มีคุณสมบัติสูงเพื่อจะสามารถปลดปล่อยพลังได้อย่างเต็มที่ แต่เขาก็กลัวจะมีผลข้างเคียงเขาจึงเลือกใช้โกเล็มดินปั้นแทน


 


อย่างไรก็ตามสิ่งเดียในตอนนี้ที่เขาสามารถเรียกใช้ได้คือโกเล็มดินปั้น เนื่องจากโลเล็มชนิดอื่นๆ ไม่สามารถดำรงอยู่ได้ในเวลาเดียวกัน นี่จึงเป็นเหตุผลให้เขาเลือกเรียกมัน


 


อีกฝั่งด้านผู้เฒ่าฟูเองก็กำลังตรวจสอบจำนวนการใช้งานของคฆา, เทเลพอร์ตและรายการไอเทมอื่นๆ พร้อมทักษะต่างๆ ซึ่งมันเป็นเรื่องง่ายที่จะจัดการกับหมอผีที่ไม่สามารถวิ่งเร็วได้


 


ความจริงแล้วผู้เฒ่าเองมีเทเลพอร์ตเก็บไว้นานแล้ว แต่เขาเก็บงำเอาไว้สำหรับที่จะนำมาใช้ในการแข่งขันในรอบนี้ ..


 


​หลังจากที่พวกเขาต่างปรับไอเทมและทักษะกันเสร็จแล้ว ก็ได้เวลานับถอยหลัง .. ทั้งสองถูกเคลื่อนย้ายไปยังสนามรบโดยทันที


 


ผู้เฒ่าฟูวางแผนที่จะจัดการกับหมอผีโดยการกระแทกโล่ใส่เขา ทีนี่การต่อสู้จะสามารถยุติลงทันที


 


อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลาที่ทั้งสองต้องเผชิญหน้ากัน ผู้เฒ่าฟูพบว่าข้างหน้าเขาเป็นกำแพงสูงที่มั่นคงและแข็งแรงมันสร้างจากกระดูกสีขาวที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มองเขาไปในรอยแยกของกระดูก เจ้าเด็กอ้วนกำลังร่ายเวทย์เพื่อสร้างกรง .. มันเป็นเหมือนคุกโครงกระดูก


 


กำแพงกระดูกขนาดใหญ่รอบตัวเขาค่อยๆ สูงขึ้นก่อตัวเป็นกรงสี่เหลี่ยมกักขังเขาไว้ตรงกลาง


 


มีไม่กี่คนที่ได้อาชีพนี้ แต่ไม่เคยเห็นใครเลยที่ใช้ทักษะแบบนี้มาก่อนนอกจากหวังใต้ การใช้สกิลนี้ทำให้ผู้ชมต่างงุนงงและเกิดความสงสัยในทันทีว่าเขากำลังทำอะไร?


 


หากมีใครพยายามที่จะออกจากคุกกระดุกหรือพยายามเข้าไป พวกเขาจะถูกยิงด้วยตะแกงกระดูกเป็นแน่


 


ผู้คนที่ต่างส่งเสียงโห่ร้องแสดงความเสียใจต่อเจ้าอ้วน .. เงียบลงโดยทันที


 


ในเวลาเดียวกันผู้เฒ่าฟูเองรู้ตัวว่าเขาไม่สามารถรอได้อีกต่อไป วิธีเดียวที่จะเข้าไปได้คือการใช้คฆาเพื่อเทเลพอร์ต ไม่เช่นนั้นเขาจะตายอย่างแน่นอนหากไม่ใช้มัน


 


ขณะที่เขากำลังทำการเทเลพอร์ต หวังใต้เองก็ร่ายคาถาตามลำดับ พวกเขาใช้คาถาทางจิตวิญญาณในเวลาพอๆ กัน แต่ความเร็วในการร่ายเวทย์ของพาลาดินนั้นช้ากว่าหมอผีอย่างมาก


 


ดิเครปพิไฟล์!


(ผู้แปล : Decrepify เป็นสกิลของหมอผีที่ทำให้ความเร็วในการเคลื่อนที่ของศัตรูลดลงพร้อมสร้างความเสียหาย)


 


เวลาเสี่ยววิ .. ผู้เฒ่าฟูปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของหวังใต้


 


แกร๊ก!


 


หวังใต้ไม่รับรู้ถึงการปรากฏตัวของผู้เฒ่าที่อยู่เบื้องหลังเขาจนกระทั่งเสียงเกราะกระดูกล้มลงข้างหลังเขา เขากระเถิบเพิ่มระยะห่างระหว่างเขากับคู่ต่อสู้ในทันที


 


ทุกคนจับตามองด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นผู้เฒ่าฟูโบกมือป้องกันตัวด้วยความเชื่องช้า หลังจากผู้เฒ่าฟูสามารถทำลายเกราะของหวังใต้เขาก็พยามที่จะโจมตีอย่างต่อเนื่อง แต่หวังใต้สามารถหลบการโจมตีของเขาได้


 


“เกิดอะไรขึ้น!?”


 


ผู้เฒ่าฟูเองก็ประหลาดใจเช่นกันเมื่อพบว่าร่างกายของเขาหนักมากจนรู้สึกราวกับว่าเขาแก่กว่าตัวเองในโลกความเป็นจริงแถมเขายังปลดปล่อยพลังได้น้อยกว่าครึ่งเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้


 


ในขณะเดียวกันโกเล็มดินปั้นของหวังใต้ก็พุ่งเข้ามาโจมตี


 


ผู้เฒ่าฟูที่ถูกสาปด้วยสกิลดิเครปพิไฟล์ไม่สามารถหลบหลีกการโจมตีได้เลย!


 


เขาเคลื่อนไหวเพื่อไม่ให้โกเล็มโจมตีโดนจุดสำคัญ มันจึงโจมตีได้แค่แขนและบางส่วนเท่านั้น มันจึงทำให้เกิดความเสียหายต่ำ .. อย่างไรก็ตามเขาพบว่าร่างกายของเขาหนักมาเหมือนกับว่าถูกแขวนลูกตุ้มที่หนักถึงพันปอนด์!


 


นอกจากจะโดนสาปให้ช้าแล้วยังโดนโกเล็มโจมตีอีก ทุกคนมองดูผู้เฒ่าฟูที่เคลื่อนตัวช้าเป็นเต่า มันเป็นผลจากคำสาปของหมอผี


 


“โอ้  แล้วเขาจะต่อสู้อย่างไร!?”


 


“พาลาดินของเราจะทำยังไง?”


 


“มันยากที่จะจัดการจริงๆ”


 


“เขาจะรับมืออย่างไร?”


 


ผู้คนที่เฝ้ามองหน้าจอรู้สึกหัวใจกำลังจะพัง


 


เซียวผู้ผู้ซึ่งอ้างว่าหวังใต้ไม่สามารถชนะได้ ตอนนี้เขารู้สึกเขิน “ผู้เฒ่าฟูหายตัวไปพร้อมโล่สิ เขาน่าจะยังพอมีหวัง!”


 


“เขาคควรใช้เทเลพอร์ทหลายๆ ครั้งติดกัน เพื่อจะได้มีระยะห่างที่จะต่อสู้กับศัตรู!” คนอื่นๆ ออกความเห็น


 


“ข้ากำลังดูอะไรอยู่!? หมอผีกำลังตามไล่ล่าพาลาดิน?”


 


“นี่มันอะไรกัน!” พวกเขามองดูฉากเบื้องหน้าที่หวังใต้กกำลังไล่ตามผู้เฒ่าฟูพลางเรียกวิญญาณออกมา


 


วิญญาณที่ถูกเรียกออกมาเคลื่อนไหวอย่างรถเร็วราวกับว่าพวกมันได้กลิ่นมนุษย์ พวกมันลอยมุ่งหน้าไปหาผู้เฒ่าโดยตรง


 


“เขาเสร็จแล้ว!” หลายคนเอื้อนเอ่ยเสียงเศร้า


 


ณ สนามรบเราสามารถดื่มมานาได้เพียงครั้งเดียวและไม่สามารถเติมเลือดได้ นอกจากนี้การเทเลพอร์ตยังจำกัดให้ใช้ได้เพียงสิบครั้งเท่านั้น ตอนนี้ผู้เฒ่าฟูได้ใช้มันไปแล้วหนึ่งครั้ง


 


“ผู้เฒ่าฟูเรียกใช้สกิลป้องกันและเทเลพอร์ตกลับไปโจมตี!” หลายคนออกความเห็น


 


ตอนนี้สกิลดิเครปพิไฟล์ได้หมดลงแล้ว .. เวลานี้ผู้เฒ่าฟูเองได้หายตัวไปด้านหลังอีกครั้ง!


 


“ค้อนสายฟ้า! พุ่งโจมตีเป้าหมาย” โดยไม่มีสกิลดิเครปพิไฟล์ผู้เฒ่าร่ายสกิลด้วยดาบของเขาและหลบการโจมตีของโกเล็มดินปั้นอย่างต่อเนื่อง


 


เกราะกระดูกของหวังใต้พังลงทันทีและเขาเองเกือบตกอยู่ภายใต้แรงผลักดันอันมหาศาลนี้!


 


เลือดของเขาลดลงไปทันทีครึ่งหลอด!


 


อย่างไรก็ตามหวังใต้ที่เพิ่งร่ายสกิลเรียกวิญญาณกระดูก มันพุ่งเข้าหาผู้เฒ่าฟูโดนทันทีส่งผลให้เลือดของเขาตกลงไปถึงก้นหลอด


 


“ข้าจะจัดการกับเขาอีกครั้ง!” หวังใต้ยกมือขึ้นเพื่อร่ายคาถา


 


“เขาหายตัวไป!” ผู้คนที่ยืนดูหน้าจอกรีดร้อง


 


พวกเขาดูผู้เฒ่าฟูหายตัวไปก่อนที่หวังใต้จะร่ายคาถา


 


“เขาไปไหน!”


 


“สุดยอด!”


 


“อ่า วิญญาณอยู่ข้างหลังเขา”


 


“เขาเทเลพอร์ตอีกแล้ว!” ผู้ชมต่างพูดคุยกันอย่างคึกคัก


 


“เขาโดนแน่!” มีวิญญาณสองตรอยู่ใกล้เขา มันพุ่งเขาชนกับเขาด้วยความเร็ว ตึง!


 


.. หวังใต้ชนะการแข่งขัน


 


ทุกคนมองดูฉากนี้ด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ


 


พวกเขาเงียบลงเมื่อพบกับผลลัพท์


 


เจ้าเด็กอ้วนที่ดูธรรมดา .. ชนะการแข่งขัน!

 

 

 


ตอนที่ 221

 

หมอผีนี่น่ากลัวมาก .. พวกเขาเป็นชนชั้นที่แปลกและน่ากลัวที่สุด!


 


ในกลุ่มผู้ชมทุกคนไม่เคยตระหนักมาก่อนเลยว่าอาชีพนี้ทั้งน่ากลัวและมีกลไกมากมายเพียงใดจนเขาได้เห็นกับตาตัวเองในครั้งนี้!


 


แม้ว่าจะไม่มีซากศพโครงกระดูกหรือกองทัพวิญญาณ ก็ยังสามารถปลดปล่อยพลังที่ชวนขนลุกได้ขนาดนี้ถ้ามีละจะขนาดไหนกัน!?


 


นอกจากสกิลคุกโครงกระดูกที่หวังใต้สร้างขึ้นแล้วยังมีสกิลภาพหลอนที่ชวนให้ผู้คนตื่นตาไปตามๆ กัน หากพูดถึงทักษะของหมอปผีในการแข่งขันแล้ว หวังใต้อาจเป็นม้ามืดที่มาแรงที่สุดในการแข่งขันครั้งนี้!


 


“ข้าชนะแล้ว!” หวังใต้วางหูฟัง VR พลางมองไปรอบๆ


 


เขารู้สึกเหมือนยังไม่ได้ชนะ .. มันรู้สึกราวกับความฝัน


 


ถึงแม้ในตอนแรกเขาเองก็คิดว่าเขาจะต้องแพ้แน่นอนเนื่องจากการใช้สกิลครั้งนี้ไม่ถูกใจเขาเท่าไรนัก การใช้สกิลดิเครปพิไฟล์เพื่อให้คู่ต่อสู้ช้าลงและยังให้โกเล็มดินปั้นโจมตีถ่วงเวลา


 


มันแอบแย่นิดนหน่อย .. ตัวอย่างเขาตั้งใจสร้างคุกโครงกระดูกเพื่อเป็นกำแพง หากเขามีความมั่นใจมากกว่านี้คุกโครงกระดูกอาจแข็งแรงและทำให้เขามีเวลาใช้คาถาอื่นๆ อีก


 


หากเขาใช้สกิลสะท้อนความเสียหายผลลัพท์อาจออกมาอีกแบบ .. เพราะคู่ต่อสู้ของเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญทั้งในเกมและชีวิตจริงมันจึงทำให้เขาตื่นเต้นมาก!


 


ตอนนี้มือของเขาสั่นอย่างประหม่า


 


“ไม่เลวเลย!” ฟางฉีเดินเข้ามาตบไหล่เขา “เจ้าเป็นหมอผีอันดับหนึ่งที่นี่!”


 


“หมอผี .. อันดับหนึ่ง!? ” หวังใต้รู้สึกอึ้งเมื่อได้ยิน เขาโบกมือและตอบกลับทันที “ข้าไม่!”


 


“เจ้าเด็กอ้วน! เจ้านั้นแหละเป็นหมอผีคนเดียวที่ติดอันดับหนึ่งในแปดมันสูงกว่าคนอื่นๆ เขา ถือว่าอาชีพที่เจ้าเล่นเจ้าคืออันดับหนึ่ง!” ผู้เฒ่าฟูตะโกน ด้วยความเขินเล็กน้อย


 


เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ หวังใต้เป็นเด็กอ้วนที่ดูธรรมดาเขามีใบหน้ากลมตาเล็กตี่ ช่างเหลือเชื่อที่เขาสามารถเล่นเกมรูปแบบทีมได้ดี เขามีพรสววรค์เมื่อได้เข้าร่วมทีมกับเหล่าซงฉิงเฟิง พวกเขาเขากันได้ดีมากทีเดียว


 


เช่นเดียวกับคนอื่นๆ พวกเขาทุกคนรู้สึกถ่อมตนแต่ในความถ่อมตนพวกเขารู้สึกภูมิใจในตนเองไม่น้อยเมื่อประสบความสำเร็จไม่ว่าจะกับอะไรก็ตาม หลายคนใช้ความถ่อมตัวและใจในแต่ละวันเป็นประจำ ซึ่งในบางครั้งในสายตาคนที่อยู่สูง เขาเองก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้มีตัวตน แต่อย่างไรก็ตามในโลกใหม่เขาพบว่าที่นี่ไม่มีการแบ่งชั้นที่แน่นอน ความสูงต่ำและอัจฉริยะมันสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนแม้แต่คนธรรมดา!


 


ในโลกความจริงเขาเป็นคนอ้วนที่ถ่อมตัว แต่ในโลกเสมือนจริงเขาค่อยๆ กำจัดสถานะที่ต้อยต่ำของเขาออกไป เขาไม่ใช่หวังใต้ที่อ่อนแออีกแล้ว!


 


ความมั่นใจเล็กน้อยค่อยๆ ซึมซับลงแทนที่ในหัวเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน การใช้ชีวิตธรรมดาต่อหน้าเหล่าขุนนางหรือชนชั้นสูงไม่ได้เลวร้ายอย่างที่แล้วมา


 


“ขอบคุณ!” ไม่ต้องมีพิธีรีตองใดๆ เขาน้อมรับและตอบกลับเพียงแค่คำสุภาพสองคำ


 


นัดต่อๆ ไปจะต้องดีกว่าเดิม!


 


ขณะเดียวกันที่หวังใต้กำลังคิดพิจารณาทบทวนว่าเขาควรจะปรับปรุงรูปแบบการต่อสู้ของเขาอย่างไรจากความผิดพลาดในครั้งก่อนๆ การแข่งขันในรายการต่อไปก็เริ่มขึ้น


 


เป็นการแข่งขันระหว่างซงฉิงเฟิลกับโอหยางเชง


 


“กงซีเซียว แล้วคู่นี่ละ!?” บางคนที่ไม่คุ้นเคยกับ Diablo เอ่ยถามเขา


 


“ข้าคิดว่าพวกเขาอยู่ในระดับเดียวกัน ..” เซียวหยูกล่าว “หลังจากที่ดูแล้วพวกเขาสูสีกัน ซึ่งต้องใช้การเตรียมตตัวไม่น้อย”


 


ก่อนที่เขาจะพูดจบ มีเสียงคนตะโกนขึ้น “นั้นเทเลพอร์ตถูกขัดจังหวะ”


 


“เขาใช้ทักษะอะไร!?”


 


เสียงอุทานดังขึ้นรอบตัวเขา!


 


ช่วงเวลาเดียวกับที่โอหยางเชงเข้ามาในสถนามรบและกำลังจะหายตัวไปกับการเทเลพอร์ต แต่จู่ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนมีคนทุบหัวเขา


 


แม้แต่เทเลพอร์ตเองยังถูกขัดจังหวะ!


 


Diablo นั้นแตกต่างจากเกมอื่นๆ ผู้เล่นยังคงสามารถโจมตีและร่ายเวทย์ได้แม้จะยังคงมีอาการวิงเวียนจากการโดนโจมดี มันสามารถใช้สกิลได้หากพวกเข้ามุ่มเน้นและมีสมาธิมากพอ


 


นาหลันหมิงสื่อหรี่ตามองฉากข้างหน้าตั้งแต่เธอสังเกตเห็นว่าซงฉิงเฟิงนั้นใช้เวทย์มนตร์ทันทีที่เข้าสู่สนามรบ เห็นได้ชัดว่าเขาจงใจขัดจังหวะการเทเลพอร์ตของคู่ต่อสู้!


 


เธอประหลาดใจที่นักฆ่าอย่างแอสซาซินสามารถขัดขวางเทเลพอร์ตจากระยะไกลได้!


 


ช่วงเวลาหลังจากซงฉฺงเฟิงหายตัวไปกับเทเลพอร์ตของเขาและโจมตีอีกครั้งเพื่อขัดขวางการเทเลพอร์ตของโอหยางเชง!


 


ฟางฉีนั่งมองการต่อสู้อย่างเงียบๆ ทักษะการเคลื่อนย้ายทางไกลที่ธรรมาไม่ได้พิเศษเท่าไรนักเมื่ออยู่ในสายตานักรบหรือผู้เชี่ยวชายในชีวิตจริง ครั้งแรกก่อนที่เขาจะเล่นเกมเป็นหรือก่อนจะเดินทางมายังโลกใบนี้ การขัดจังหวะการเทเลพอร์ตถือว่าเป็นเรื่องยากมาก แต่ตอนนี้สำหรับเขามันเหมือนปลอกกล้วย!


 


เมื่อนักฆ่าเข้าใกล้พวกนักเวทย์มันจะส่งผลให้นักเวทย์ดูไม่มีอำนาจในทันที เนื่องจากตอนนี้โอหยางเชงไม่สามารถเคลื่อนย้ายหรือเดินทางไกลได้ เขาจึงเลือกที่จะตรึงขาซงฉิงเฟิงไว้ แต่ .. ไร้ประโยชน์ เพราะซงฉิงเฟิงนั้นสวมใส่ชุดที่ป้องกันการแช่งแข็งหรือตรึงขา ผลลัพท์ชัดเจน!


 


ต่อมาเป็นคู่ของใบลัง เขาสูญเสียเลือดทั้งหลดภายใต้การโจมตีของสกิลหมาป่าที่ถูกอันเชิญโดยบูเช่ ตามมาด้วยม้ามืดอย่างฟูเจียงเฮเขาเองได้รับการช่วยเหลือจากสกิลของนักเวทย์ แม้ตัวเขาจะมีข้อจำกัดในการมองเห็นจากสกิลคลื่นแห่งเงามืด แต่เขาก็สามารถเคลื่อนย้ายในทางไกลอย่างคล่องตัว


 


นักเวทย์ผู้ช่วยเหลือคือหัวหน้าตระกูลโอหยาง เขาคือ โอหยางเฉิน!


 


ในท้ายสุดตอนนี้เหล่านักเวทย์ผู้ที่เคยมีชื่อเสียงในรอบแรกที่เคยติดหนึ่งในสิบหกคน ตอนนี้พวกเขาถูกฝ่ายตรงข้ามควบคุมเกือบหมดแล้ว


 


นักเวทย์เหลืออยู่เพียงแค่สองคนเท่านั้นในตอนนี้คืออันหูเว้ยและหลี่เฮารัน!


 


ในการแข่งขันครั้งนี้ เป็นการเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ!


 


ตามกฏแล้วนัดแรกของรอบนี้ คือ นักเวทย์อันหูเว้ยกับดรูอิดบูเช่ ..

 

 

 


ตอนที่ 222

 

“นี่พวก!” หลันโมได้รับข้อความ ใบหน้าของเขาเจื่อนลงเมื่อได้อ่านข้อความจากนั้นเขาเรียกซัวเต๋าและเยซงเต๋าเพื่อรวมตัว


 


“ข้าเพิ่งได้รับข้อความว่าครอบครรัวใหญ่ฝั่งนั้นตัดสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณและช่องทางการค้าขายทรัพยากรแร่ของพันธมิตรวู่เว้ยของเรา!”


 


“นี่มันชักน่ากลัวขึ้นทุกทีๆ” ใบหน้าของเยซงเต๋าเปลี่ยนไปราวกับกำลังครุ่นคิด


 


“พวกเขารังแกเราได้ .. แต่พวกเขาทำอะไรร้านนี้ไม่ได้หรอก!” ซัวเต๋าพูดอย่างโกรธเคือง


 


“ท่านอาจารย์หลันท่านคิดว่าพวกเราควรทำอย่างไรกันดี!?”


 


“ข้ามีความเห็นว่า” หลันโมกล่าว “เราสามารถถ่วงเวลาและรักษาสถานการณ์นี้ได้ชั่วขณะ”


 


“ถ้าเช่นนั้น ..”


 


“เราจะทำไรกันดี” หลันโมเอ่ย “เราวางเดิมพันแล้ว หากเราส่งข้อความกลับไปตอนนี้เขาก็ขะคิดว่าพวกเขาอ่อนแอและกลัวพวกเขา พวกท่านคิดว่าพวกเขาจะดีกับเรามั้ย!?”


 


“มันจะดีหากเราลองเสี่ยง แต่เราต้องร่วมมือกัน!”


 


เยซงเต๋าและซัเต๋าไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี่นอกจากพยักหน้าและยิ้มให้กันอย่างขมขื่น พวกเขาสงสัยว่าพวกเขาจะทำอย่างไรกันต่อไปดี


 



 


“ดรูอิดเข้าใกล้คู่ต่อสู้ของเขาด้วยการเทเลพอร์ท เมื่อเข้าสู่สนามรบ“ ผู้บังคับบัญชาการอันเฉิงหายตัวในเวลาเดียวกันกับที่ดรูอิดเทเลพอร์ต


 


ทุกคนจ้องมองหน้าจออย่างตื่นเต้นราวกับเล่นเอง


 


“บุเช่ติดตามเขาด้วยการพกเทเลพอร์ตเข้าไปหลายอัน ในขณะที่อันเฉิงเองหายตัวได้เกือบตลอดเวลา!” เซียวหยูพึมพำ “เขากำลังแก้ไขอะไรบางอย่างเหมือนท่านอันเฉิงกำลังพบวิธีแก้ไขปัญหาในการใช้เวทย์มนตร์ของเขา”


 


“ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถเพิ่มความคล่องตัวแถมยังลดระยะร่ายเวทย์อีกด้วย”


 


ผู้คคนต่างคคลั่งไคล้ในตัวละครของอันหูเว้ยที่ปรากฏตัวอยู่บนหน้าจอยักษ์


 


“เขานี่ขั้นปรมาจารรย์!”


 


“เขาทำได้แน่ ..”


 


“เจ้าจับเค้าไม่ได้หร๊อก!” หลันโมและเยซงเต๋าจะโกนขึ้นระหว่างที่กำลังกัดขนมแท่งรสเผ็ด


 


“ในไม่ช้าบุเช่ก็จะใช้เทเลพอร์ตอีก แต่ถึงใช้ยังไงเขาก็ไม่ถึงสักที” ด้วยสายตาที่กำลังจ้องมองหน้าจออย่าตั้งใจ


 


ทันใดนั้นเซียวหยูก็ตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น “นั่น! คลื่นแห่งเงามืดครั้งนี้ท่านอันหูเว้ยไม่เห็นการเคลื่อนไหวของบุเช่ เขาจึงไม่สามารถเคลื่อนย้ายในเวลาพร้อมกันได้”


 


“ว้าว! เจ้าขนมแท่งรสเผ็ดนี่มันอร่อยและนุ่มนวลที่สุดในโลก!” หลันโมพูดขึ้นหลังจากที่ฟังคำวิจารย์ของเซียวหยูพร้อมเคี้ยวขนมไปด้วย “น่าแปลกใจที่เราไม่สามารถต่อสู้ได้แบบในเกมบ้าง”


 


“ใช่!” จุนหยางชีหยิบขนมแท่งรสเผ็ดขึ้นมา “มันสนุกกว่าการเข้าร่วมการประชุมอาณาจักรเสียอีก”


 


“เทเลพอร์ตถูกขัดจังหวะอีกครั้ง” เซียวหยูตบต้นขาตัวเอง “นักเวทย์กำลังเสียเปรียบ!”


 


ในไม่ช้าเลือดของอันหูเว้ยก็หมดหลอด ..


 


“จบแล้ว!?”


 


“ใครคือคู่ต่อไป?”


 


“ข้าอยากดูอีก!”


 


“ผู้อาวุโสนาหลันกับฟูเจียงเหอคือม้ามืดที่แรงมาในอันดับสอง” เซียวหยูมองที่หนา้จอ “เอ่อ .. แล้วพวกเขาหายไปไหน?”


 


[นาหลันฮงวูชนะการแข่งขัน เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามขอถอนตัว] ข้อความปรระกาศลอยเด่นบนหน้าจอ


 


“อะไรวะ!?”


 


“เกิดอะไรรขึ้น!?”


 


“เพราะรู้ว่าตัวเองจะแพ้งั้นหรอ?”


 


โชคดีที่มันเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาหยุดชะงักเล็กน้อยไม่ได้ส่งผลกระทบต่อกระบวนการแข่งขันแต่อย่างใด .. ไม่มีทักษะใดถูกห้ามหรือมีปัญหาเกิดขึ้นในการแข่ง ฟางฉีพบว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยธรรมดา


 


แต่ละคนมีความคิดและความสามารถที่แตกต่างกันไป ฟางฉีไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนความจริงนี้เพราะท้ายที่สุดแล้วผู้คนสามารถจะนำคาถาทางจิตวิญญาณและเทคคนิคการต่อสู้ในเกมมาใช้ในโลกแห่งความจริงได้ แต่ .. มันก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถ


 


การแข่งขันในเกมมักมีกฏเกณฑ์และขุมพลังของแต่ละคนเสมอ .. ในโลกแห่งความจริงทุกคนสามารถแสดงออกมาได้อย่างไม่จำกัด


 


“นัดต่อไป หลันยันเจอกับซงฉิงเฟิง”


 


ทั้งสองคนมีความสามารถทั้งการต่อสู้ระยะประชิดแถมยังมีทักษะการต่อสู้ดีทั้งคู่ คู่นี้คงจะเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดไม่เบา เนื่องจากพวกเขาทั้งสองเป็นนักสู้ในระดับเดียวกันในโลกแห่งความจริง ซงฉิงเฟิงมีความเชี่ยวชาญในการใช้ดาบและการต่อสู้ระยะประชิดด้วยความเชี่ยวชาญ ในทางกลับกันพาลาดินของนาหลันเองก็ได้เปิดใช้งานโล่และเธอเองไม่ได้หวั่นเกรงการต่อสู้ระยะใกล้อยู่แล้ว!


 


บนหน้าจอใหญ่ในตอนนี้ผู้คนต่างเห็นประกาบของดาบที่แผ่ออกมา


 


แอสซาซินในชุดเกราะหนังสีดำกำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราวกับผีในขณธเดียวกันเกราะของพาลาดินเองก็ทำหน้าที่ป้องกันการโจมตี มันทำหน้าที่ของมันได้ดีทีเดียว


 


“ศิษย์พี่เซียวท่านมีความเห็นอย่างไร!?”


 


“ข้าไม่รู้” เซียวหยูขมวดคิ้วตอบ


 


“ซงฉิงเฟิง .. ชนะ!”


 


“นัดต่อไป หวังใต้เจอกับหลี่เฮารัน!”


 


เจ้าอ้วนหวังใต้กำลังเป็นดาวเด่นในการแข่งขันครั้งนี้อย่างมาก เขาใช้สกิลลดการหยั่งรู้ของศัตรูจากนั้นก็ใช้สกิลลดิเครปพิไฟล์และโครงกระดูกต่อสู้อย่างต่อเนื่อง .. ในที่สุดเขาก็อยู่เหนือกว่า!


 


หลี่เฮารันเองเห็นภาพหลอนของวิญญาณและรอบตัวเขาล้อมรอบไปด้วยโครงกระดูกรุมเร้าจากทุกทิศทางในความมืด เขาเหมือนถูกบังคับจากทางไกล เมื่อเขาได้สติและกำลังจะร่ายเวทย์แต่มันก็ช้าไปคำสาปประดังเข้ามาหาเขาอีกครั้ง!


 


มันเป็นครั้งที่สองของผู้ชมที่ได้เห็นพลังอันยิ่งใหญ่ของวันนี้ ความสามารถในการติดตามอันทรงพลังของโครงกระดูกนั้นสุดยอดมากมันจำกัดวิสัยทัศน์ของคู่ต่อสู้อย่างเหลือเชื่อ!


 


แม้ว่าการเล่นสายเวทย์จะพบกับปัญหาการร่ายเวทย์ที่ใช้ระยะการคลูดาวน์นานแต่ด้วยความมั่นใจในตัวเอง ผู้คนมองว่าหวังใ้สามารถชนะการแข่งขันได้โดยไม่พบกับปัญหาเหล่านี้


 


“มันเป็นรูปแบบของเจ้าของร้าน” นาหลันหมิงสื่อออกความเห็นขณะกัดขนมแท่ง


 


การแข่งขัน Diablo และ CS ถูกจัดขึ้นในวันถัดๆ มาในวันต่อมากองกำลังขนาดใหญ่ได้แสดงพลังอันยิ่งใหญ่และกลยุทธ์อย่างชาญฉลาดในการแข่ง CS อย่างไรก็ตามทีมราชวงศ์หรือทีมบลูเฟรมเองไม่ได้ติดอันดับหนึ่งในแปด พวกเขาแพ้ให้กับทีมจากสำนักหลิงหยวน


 


ท้ายที่สุดสี่อันดับแรกตอนนี้คือทีมจากสำนักหลิงหยวน, ทีมหลิวหยุนนำโดยซูเทียนจิและทีมนักรบอิสระรวมถึงทีมของเหลียงชี


 


และ Diablo เองแม้ว่าแอสซาซินของซงฉิงเฟิงจะเอาชนะพาลาดินของหลันยันได้ แต่ก็เกือบพลาดไปอยู่ไม่น้อย แต่หากเทียบกับพาลาดินแล้วถือว่าสูสีกันกินกันไม่ขาดจริงๆ


 


หวังใต้เองพบว่าเป็นเรื่องยากที่จะจัดการกับกลลยุทธ์การเคลื่อนย้ายโดยระยะทางไกล แม้ว่าจะมีพลังอันยิ่งใหญ่ แต่หากต่อสู้ตัวต่อตัวเมื่อเทียบกับดรูอิดแล้ว นั้นทำให้เขาเสียเปรียบอย่างมาก


 


ดรูอิดสามารถเรียกหมาป่าเพื่อล้อมรอบฝ่ายตรงข้ามได้อย่างง่ายดาย ผลลัพท์ชัดเจน


 


ตอนนี้นาหลันฮงวูก็ไต่อันดับขึ้นไปอยู่ในอันดับหนึ่งตามที่ทุกคนคาดหวัง แต่พวกเขารู้วึกประหลาดใจไม่น้อยเมื่อเห็นบุเช่และหวังใต้อยู่ในอันดับรองลงมา


 


ซงฉิงเฟิงไม่สามารถทำอะไรได้นอกจายืนยิ้มอย่างขมขื่น เนื่องจากต้องยอมรับว่าคำสาปนั้นทรงพลังจริงๆ แม้ในการต่อสู้ระยะประชิดจะรุนแรงเพียงใด นอกจากนี้หวังใต้ยังเป็นนักรบธรรมดาเมื่อเทียบกับเขา


 


อีกด้านหนึ่งของทีม CS ก็สิ้นสุดลงแล้วเช่นกัน


 


ทีมหลิงหยวนที่นำโดยนาหลลันหมิงสื่ออยู่ในอันดับหนึ่งด้วยความแข็งแกร่งสำหรับความน่าประหลาดใจคือหลิงหยวนทีมสองพ่ายแพ้ให้แก่ซานชิที่นำทีมโดยเหลียงชีในรอบรองชนะเลิศ


 


สำหรับทีมหลิงหยวนนั้นชนะได้เพราะความแข็งแกร่งของแต่ละบุคคลในทีม ทุกคนต่างยอดเยี่ยมการพัฒนาของพวกเขาค่อยๆเป็นค่อยๆ ไป ในที่สุดเพื่อนร่วมทีมของเธอก็ช่วยกันคว้าชัยชนะมาในที่สุด


 


การแข่งขันสามสัปดาห์สิ้นสุดลง!


 


“เจ้านาย! ไหนของรางวัลละ!?” เจียงเสี่ยวหยูมองไปรอบๆ “เรายังไม่ได้มอบของรางวัลกันเลย!”

 

 

 


ตอนที่ 223

 

“ของรางวัลอยู่นี่แล้ว!” ฟางฉีเปิดตู้ข้างในนั้นมีทั้งกล่องขนาดเล็กและใหญ่วางเรียงอยู่


 


ฟางฉีหยิบกล่องสี่เหลี่ยมกล่องที่ใหญ่ที่สุดออกมา ทุกคนต่างพากันตื่นเต้นเมื่อเห็น


 


“นี่คือปืนไรเฟิลหรือเปล่า!?” พวกเขาเอ่ยถามเมื่อเห็นเหมือนกับว่าพวกมันคล้ายกับส่วนประกอบต่างๆ เช่นตัวปืน กระสุนสีส้มดูธรรมดาแต่ชวนขนแขนตั้ง


 


นาหลันหมิงสื่อที่ยืนอยู่ตรงนั้น เธอมองพลางนึกถึงทักษะที่เคยได้รับจาก Resident Evil เธอลองจับและหยิบมันขึ้นมาเธอพบว่ามันหนักไม่น้อย เธอมองสำรวจรอบๆ ของในมืออย่างละเอียด


 


ข้างๆ เธอซูเทียนจิหยิบรางวันออกมาแจกทีมของเธอ ในฐานะผู้เล่นที่มีประสบการณ์ เธอจับมันอย่างถนัดมือ แม้ว่าผู้คนรอบๆ จะรู้ว่านี่คือปืนเปล่าไร้ลูกกระสุนใดๆ แต่พวกเขารู้สึกกลัวเมื่อผู้ลองปืนได้เล็งไปทางพวกเขา


 


เหลียงชีและเพื่อนร่วมทีมของเขาตื่นเต้นไม่น้อยที่พวกเขาได้อันดับสามในฐานะนักรบอิสระ เพราะรอบๆ ตัวพวกเขาคนอื่นๆ เป็นผู้ฝึกฝนและผู้คนระดับสูง


 


หนึ่งในนั้นกำลังจับปืนสั้นด้วยความหลงไหล เพื่อนร่วมทีมของเขาหยิบมันมาจากชายคนนั้นและชื่นชมมันด้วยความประหลาดใจ


 


“นี่!” ฟางฉีหยิบถ้วยรางวัลออกมา รางวัลนีี้ได้รับมอบจากคณะรัฐมนตรีเพื่อมอบให้แก่ผู้ชนะการแข่งขัน “ผู้เล่นสามอันดับแรกของการแข่งขัน Diablo โปรดระบุชื่อไอเทมท ี่พวกท่านต้องการ ข้าจะทำการแจกรรางวัลในวันพรุ่งนี้!”


 


“หืม .. พวกเขาได้รางวัลตามใจด้วย” ผู้คนรอบช้างต่างอิจฉา


 


“ดูรายละเอีดยนั่นสิ” ตุนหยางชีที่กำลังจับปืนยืมมาจับจากซูเทียนจิ เขามองมันด้วยความชื่นชม “มองดูจากเทคนิคการประดิษฐ์สิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณนี้แล้วช่างมีีความชำนาญในการสร้างการประกอบทุกอย่างได้อย่างลงตัว”


 


หลี่เฮารันพยักหน้าและพูดเสิรม “แน่นอน มันเยี่ยมยอดมากกว่าผลิตภัณฑ์ของเราเสียอีก เทคนิคการสร้างสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณนี้ รวมถึงรายละเอียดส่วนประกอบเล็กๆ มันเป็นการเข้าถึงในระดับสูงโดยไม่ต้องมีรอยแกะสลักของรอยจิตวิญญาณเลย”


 


“ถ้าอย่างนั้น ..” นาหลันหมิงสื่อหรี่ตามอง “ถ้าเราแกะสลักเพิ่มรอยทางจิตวิญญาณลงไปในกระสุนหรือปืนเหล่านี้ มันก็จะสามารถฆ่านักรบบรรพบุรุษในระยะไกลได้อย่างง่ายดายสินะ!?”


 


แตกต่างจากไรเฟิลซุ่มยิง .. ซูเทียนจิที่ยืนอยู่มองไปรอบและเอ่ยเบาๆ “นี่เจ้า ข้าขอลองปืนได้มั้ย!?”


 


ทุกคนถอยหลังกลับทันทีโดยมิได้นัดหมาย


 


“ท่านจะลองอย่างไร?” ฟางฉีทำหน้าสงสัย​ ”ท่านจะยิงในร้านหรือ!?”


 


“ไปข้างนอกกันเถอะ” หลี่เฮารันกล่าว “ข้ามีเป้าหมายสำหรับการทดลองสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ”


 


“อืมมม ..” ฟางฉีพยักหน้า


 


ผู้คนเกือบทั้งหมดเดินตามกันออกไปข้างนอกและมองดู ขณธเดียวกันหลี่เฮารันหยิบหินสีดำเรียบๆ ออกจากจากที่เก็บของเขา “นี่เป็นหินทดสอบสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณระดับต่ำ ลองปืนกับมันสิ”


 


“โอ้ย!” ซงฉิงเฟิงและคนอื่นๆ มองดูกระบอกปืนด้วยความอิจฉาและตื่นเต้น


 


“มันคือของจริง!” มีผู้เล่นหลายคนจาก Resident Evil และ CS มองดูปืนที่อยู่ข้างหน้าพวกเขา พวกเขาตะโกนด้วยความตื่นเต้น


 


“หินทดสอบถูกเจาะ!”


 


“ข้าอยากทดสอบบ้าง ..” จียูและคนอื่นๆ มองด้วยสายตาอิจฉา พวกเขากลายเป็นคนคลัล่งปืนเมื่อได้ฝึกอบรบเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ปืน


 


ข้าต้องการสิ่งนี้มาอยู่ในวังของข้า! จีวูโวยวายขณะที่มองดู เขาลำลึกได้ว่าทีมราชวงศ์ของเขาไม่ติดหนึ่งในแปด ช่างน่าละอายใจเสียจริง


 


“ข้าขอลองบ้าง!” เหลียงชีไฝ่ฝันว่าจะถือปืนในชีวิตจริงมานานแล้วและในที่สุดความฝีนของเขาก็เป็นจริงสักที ด้วยความแข็งแกร่งของแขนเขาจึงสามารถยกปืนสั้นมือเดียวได้อย่างง่ายดาย


 


ปัง!


 


เสียงปังดังขึ้นผู้คนต่างมองด้วยสายตื่นเต้น “มันมีพลังมาก!”


 


สมาชิกจากทีมหลิงหยวนทีมสองที่ได้อันดับสี่มองดูของรางวัลด้วยความหงุดหงิดใจ เกือบแล้วพวกเขาเกือบทำได้แล้วอีกนิดเดียว!


 


“ขอทางๆ!” หลินเซียวและซูเหลียวตะโกนขึ้นอย่างใจร้อน “ขอพวกข้าลองบ้าง!”


 


ผู้ชมที่กำลังมองนาหลันหมิงสื่อยกปืนไรเฟิลขึ้นมาทดลอง พวกเขาถอยหลังกลับกันอย่างไม่รู้จัว


 


ด้วยกระสุนปืนที่ได้รับแรงอัดจากปืน เมื่อถูกยิงออกไปแล้วมันสร้างความเสียหายทิ้งรูไว้กับก้อนหิน อีกทั้งมันยังทำให้ตอนนี้หินถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน!


 


ผู้คนมองดูและพิจารณาถึงพลังอันยิ่งใหญ่และความรุนแรงของปืนนี้!


 


“กงซีเซียว เจ้ามีความเห็นเช่นไร!?” มูตงไหล่ถาม


 


“ข้าจะตายแล้ว!” เซียวหยูจ้องไปที่ปืน “ข้าขอลองบ้างได้มั้ย!?”


 


เขายืนมองซูเทียนจิเล่น CS ก็อยากพอทนแล้วยิ่งตอนนี้ได้เห็นของจริง เขายิ่งกระหายเข้าไปใหญ่


 


“พี่เฟงหัว!” เขาเดินเข้ามาหาเธอ “ข้าขอสัมผัวมันสักนิดได้มั้ย!?”


 


“อ่ะแฮ่มม!” ฟางฉีกระแอม “คนที่มีรายชื่อติดอยู่ในบัญชีดำของร้าน”


 


“ท่าน .. เขาไม่ได้รับอนุญาติให้แตะต้องมันหรอ!?” เฟงหัวชักปืนออกจากเขาอย่างเหยียดยามและตอบกลับว่า “ข้าให้เจ้าจับมันไม่ได้!”


 


เซียวหยูรู้สึกเหมือนถูกมีดทิ่มกลางอก เขาจ้องมองฟางฉีตาเขม็ง “เจ้าช่างน่ารังเกลียดจริงๆ”


 


ฟางฉีตบหัวและพูดว่า “ขอโทษนะ ข้าเข้าใจผิด รางวันนี้อยู่ในมือของพวกเขา กฏในร้านค้าไม่มีผลต่อมัน”


 


“จริง .. จริงหรอ!?” เซียวหยูทำตาอ้อนวอน


 


“ฮ่าๆๆ” เซีียวหยูกระโดดโลดเต้นด้วยความตีใจ “ในที่สุดข้าก็สามารถจับได้มัน!”


 


“มันก็แค่ปืนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร!” นาหลันฮงวูเดินออกมาจากร้าน


 


เขาเรียกหานาหลันหมิงสื่อ “มาเลย หมิงสื่อยิงมาทางข้า ข้าจะดูประสิทธิภาพของมัน!”


 


ปัง! เสียงดังขึ้นโดยนาหลันหมิงสื่อ เธอลั่นไกโดยไม่ลังเล


 


ชิบ! เธอยิงใส่เขา ฟางฉีทำหน้ามุ่ย


 


นาหลันฮงวูรวบรวมพลังภายในของเขาย่อตัวหายกลืนเข้ากับกำแพงทันที


 


“ฮี่ๆ เจ้าพวกเด็กน้อย ยังอ่อนแอเกินไป!” นาหลันฮงวูมองเย้ยฟางฉีี


 


“!!!” ฟางฉีขมวดคิ้ว


 


“เยี่ยม!”


 


“เขาหลบกระสุนได้!”


 


ฟางฉีทำหน้าเซง “เดี๋ยวข้าจะให้ท่านหลบกระสุนนิวเคลียร์!”


 


บ้าจริง!


 


จุนหยางชีมองดูฉากข้างหน้าแล้วหัวเราะร่า “มันมีพลังมากจริงๆ เพียงแต่พวกเขายังไม่ได้แกะสลักรอยจิตวิญญาณเพิ่มเติม เราสามารถลองใช้มันอีกครั้งเมื่อสลักรอยลงไป และจับเขาตรึงขาไว้ด้วย!”


 


“ทำไมทำอย่างนั้นละ!” นาหลันฮงวูตะโกนหยอกล้อ “ข้าจะเป็นคนแรกที่จะทดสอบพวกนั้นเอง!”


 



 


ในขณะเดียวกันหลันโมถอนหายใจอย่างโล่งอก กลุ่มพันธมิตรวู่เว้ยตอนนี้อย่างร้อยพวกเราก็ได้รับรางวัล แม้ว่ากลุ่มบลูเฟรมจะไม่ได้ก็เถอะ


 


ตระกูลบุและตระกูลเพาะปลูกอื่นๆ ในตาจินมีความใกล้ชิดกับกลุ่มพันธมิตรวู่เว้ยตั้งแต่ตั้น หากพวกเขาและพวกเราร่วมมือกันได้มันจะสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ปัจจุบันได้แน่!


 


ที่สำคัญ ตอนนี้เขามองเห็นโอกาสที่จะก้าวพัฒนาไปอีกขั้น!


 


มันเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่ยอมแพ้ .. แม้ตอนนี้จะเกิดการคว่ำบาตรอย่างสมบูรณ์กับกลุ่มแล้วก็ตาม!

 

 

 


ตอนที่ 224

 

“เนื่องจากอยู่กันหลายคนที่นี่ ข้ามีข้อเสนอเบื้องต้น” นาหลันฮงวูกล่าวขึ้น


 


“โปรดฟังข้า” ทุกคนหันมองเขา


 


“ทุกคนรู้ต่างรู้ว่าเจ้าฟางฉี, หลีเฮารันและนาหลันหมิงสื่อพวกเขาต่างกำลังทำวิจัย ..” นาหลันฮงวูรู้สึกเหมือนชื่อแปลกๆ “ข้าพูดถูกมั้ย”


 


“พวกเขาได้รับความก้าวหน้าจากการทำวิจัยและได้ผลิตภัณฑ์ ซึ่งพวกเขาเป็นหุ้นส่วนกัน ข้ามีความเห็นว่าเราทุกคนสามารถเป็นหุ้นส่วนได้เช่นกัน”


 


นาหลันฮงวูพูดถึงครอบครัวและกลุ่มพันธมิตรวู่เว้ย แม้ว่าครอบครัวนาหลันจะได้รับรางวัลสูงสุดในการแข่งขันทั้งสองเกมก็จริงอยู่ แต่การพัฒนาในเรื่องต่างๆ นั้นก็ต้องใช้ความร่วมมือกัน พันธมิตรวู่เว้ยนั้นทรงพลังและมีความสามารถในการหาอุปกรณ์เพื่อนำมาสร้างสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ อีกทั้งเขายังมีความสัมพันธ์กับตระกูลบุและกลุ่มบลูเฟรมอีกด้วย


 


แทนที่เราจะซ่อนไอเทมจากกันและกันมันเป็นการดีเสียกว่าที่เราจะจัดตั้งหุ้นส่วน ท้ายสุดแม้ว่าครอบครัวนาหลันจะมีผู้ฝึกฝนหลายคน แต่พวกเขาก็ยังขาดทักษะในการประดิษฐ์สิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณหรืออาวุธอยู่ดี ซึ่งหากเทียบเขากลุ่มพันธมิตรวู่เว้ยแล้วพวกเขาเป็นรองอย่างมาก


 


ในขณะเดียวกันตอนนี้ครอบครัวนาหลันมีสิ่งที่ไม่เหมือนใครคือปืนไรเฟิลซุ่มยิง


 


“นอกจาก ..” นาหลันฮงวูปรายตาไปที่เหลียงชีและคนอื่นๆ “ถ้าพวกเจ้าอยากขายปืนให้ข้า ข้าจะให้ราคาที่น่าพอใจสำหรับพวกเจ้า”


 


“อืม ..” เหลียงชีและคนอื่นๆ ลังเล พวกเขาต้องการปืนที่ดีี แต่คริสตัลก็มีความสำคัญต่อพวกเขาเช่นกัน ที่สำคัญกว่านั้นคือรางวัลที่พวกเขาชนะการแข่งขัน มันค่อนข้างมีความหมายสำหรับพวกเขามาก


 


“จากความคิดข้า ท่านไม่จำเป็นต้องขายมัน” ฟางฉีมองไปที่นาหลันฮงวูและพูดว่า “พวกเขาสามารถยืมปืนสั้นของท่านได้ไม่ใช่หรือ ส่วนการวิจัยหากในอนาคตมีรายได้เราก็สามารถร่วมลงทุนและนำรายได้มาแบ่งกัน ท่านว่าไง!?”


 


ฟางฉีกล่าวเพื่อผลประโยชน์ในอนาคตและเพื่อนหวังใต้เพื่อนอ้วนของเขาด้วย หากว่าหวังใต้เองสามารถใช้เวทย์มนตร์อย่างเดียว เขาเองก็จะตกอยู่ในอันตราย เช่นเดียวกับเหลียงชีและเพื่อนๆ พวกเขาควรใช้เป็นทั้งอาวุธและเวทย์มนตร์คาถา


 


อย่างไรก็ตามหากพวกเขารวมมือสามัคคีกันในอนาคตและรวมเข้ากับกลุ่มพันธมิตรวู่เว้ยแล้ว พวกเขาจะปลอดภัยกว่า


 


“วิธีการนี้ ..” เหลียงชีและเพื่อนของเราคิดว่ามันเป็นทางออกที่ดีสำหรับพวกเขาเช่นกัน


 



 


“อ่า!” เหลียงชีและผองเพื่อนกำลังเดินออกจากคาเฟ่ด้วยความโล่งใจเต็มปอด พวกเขารู้สึว่าสองสามวันที่ผ่านมาพวกเขากำลังฝัน


 


เหลียงชีไม่ต้องการเข้าร่วมกองกำลังใดๆ เพราะเขากลัวการถูกบังคับให้ทำสิ่งต่างๆ ที่ขัดกับหลักการในหัวของเขา อย่างไรก็ต้องตอนนี้เขากลายเป็นหุ้นส่วนกับพันธมิตรวู่เว้ยและตระกูลนาหลันสองกองกำลังขนาดใหญ่!


 


มันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยกล้าคิดเลยสักนิด .. ดูเหมือนว่าชีวิตของเขากำลังจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง


 


เหลียงชีจับมือของตัวเองประสานไว้หลังศรีษะด้วยความพึงพอใจ “ข้าเคยฝันว่าข้าจะได้รับเงินมากพอเพื่อให้เด็กๆ ที่มีความสามารถในเมืองของข้าได้เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ ตอนนี้ฝันของข้ากำลังจะกลายเป็นจริง!”


 


เช่นเดียวกับคนทั่วไปส่วนใหญ่ความฝันของพวกเขาไม่ใหญ่นัก ..


 


“ฮ่าๆๆๆ” หนวดของวู่ฉานขยับไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ “ข้าคิดว่าในเวลานั้นเราฉลองด้วยโค้กกันเถอะ!”


 


“ทำไมเราไม่ฉลองตอนนี้เลยละ!?”


 


“เอ่อ .. ข้ามีเงินไม่มากพอ” วู่ฉานทำหน้าเจื่อนเล็กน้อย


 



 


“ขอบคุณนะฉี”


 


ลูกค้าต่างเข้าออกร้านเขาเป็นกลุ่มทั้งกลุ่มเล็กใหญ่แล้วแต่วัน เวลาเย็นตอนนี้พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้วบางคนใช้เวลาทั้งวันในคาเฟ่และกำลังจะเดินทางกลับบ้านตน


 


ช่วงระหว่างกานแข่งขันและหลังจากวันนั้นหวังใต้ได้ยินหลายคนพูดถึงเจ้าของร้านอย่างหนาหู เจ้าของร้านแนะนำอาชีพให้เขาโดยนึกถึงการแข่งขันในอนาคตหากได้จัดขึ้นอีกอย่างที่ผ่านมา


 


ในความจริงเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคำแนะนำง่ายๆ ของฟางฉีจะทำให้ทุกวันนี้เขามีความสุข!


 


แน่นอนว่าเขาไม่รู้เลยว่าอาชีพและสิ่งที่เขาเลือกเล่นได้ทิ้งตำนานเรื่องราวที่น่ากลัวไว้ในอีกโลกหนึ่ง!


 


ฟางฉีหยักไหล่ “ไม่ต้องขอบคุณข้า เจ้าสมควรได้รับมัน!”


 


“ยังไงก็แล้วแต่ข้าก็อยากจะขอบคุณเจ้า” เจ้าอ้วนหวังใต้ยิ้มให้เพื่อนของเขา “โอ้ ข้าเลือกรายการของข้าแล้ว ข้าเพิ่มคะแนนให้กับสกิลโครงกระดูกอีกสองคะแนน และโกเล็มดินปั้นอีกหนึ่ง อ้อแถมอีกอันคำสาปให้ศัตรูอ่อนแอลง”


 


“เป็นความคิดทีดี พรุ่งนี้มาใหม่ละ” ฟางฉีพยักหน้าให้เขา


 



 


“อาวุธของข้าหายไปไหน!?”


 


“ไอเทมหายากของข้าอยู่ที่ไหน!?”


 


วันนี้นาหลันฮงวู, บุเช่และหวังใต้เดินทางมาถึงคาเฟ่ในเวลาเช้าตรู่ .. แม้แต่จุนหยางชีและผู้ขำนาญการสร้างสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณเองก็เดินทางมาพร้อมกับพวกเขา


 


Razortine (ตรีศูล)


เลเวลที่ต้องการ : 12


สร้างความเสียหาย : 49%


เป้าหมายช้าลง : 25%


เพิ่มความเร็วในการโจมตี : 30%


การป้องกันความเสียหายของเป้าหมายลดลง : -50%


Dex +8


Str +15


 


ตรีศูลโลหะสีขาวถูกเติมแต่งด้วยสีทองอ่อน มันถูกนำออกมาชมเชยผู้คนในร้านต่างหันมองมองด้วยความสนใจทุกคนสังเกตเห็นสัญลักษณ์แปลกๆ มากมายที่ถูกสลักจาลึกอยู่บนพื้นผิวของตรีศูลอันหนักหน่วงมันมีความยาวเกือบเท่าตัวคน นาหลันฮงวูวางมันลงบนมือเขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังที่ซ่อนอยู่ภายใต้ตรีศูลอันนี้


 


ไม่มีข้อมูลหลักฐานใดที่ชัดเจนในโลกแห่งความจริง แต่เขาสามารถบอกได้ว่ามันเป็นอาวุธที่มีคุณภาพสูงมาก


 


“ข้าขอลองก่อน” นาหลันฮงวูเฉือนหัวแม่มือของเขาเล็กน้อยด้วยใบมืดสามง่าม


 


โดยปกติร่างกายแล้ว ไม่มีอาวุธธรรมดาใดสามารถทำร้ายเขาได้แม้ว่าเขาจะไม่ใช่พลังภายในป้องกัน อย่างไรก็ตามตรีศูลนี้ทิ้งบาดแผลเล็กๆ ไว้ที่นิ้วหัวแม่มือของเขา


 


“ข้ารู้สึกว่าข้าช้าลง!” นาหลันฮงวูกล่าว “นอกจากนี้ตอนที่ข้าสัมผัสลงบนตรีศูลข้ารู้สึกถึงความแข็งแกร่งและความชำนาญหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายราวกับมีเวทย์มนตร์!”


 


“ข้าขอดูบ้างสิ” จุนหยางชีรับตรีศูลจากนาหลันฮงวูอย่างกระตือรือร้น เขาสัมผัสได้ถึงการไหลผ่านของพลังภายใน เขาพูดด้วยความตื่นเต้น “ใช่ ข้าสัมผัสได้พลังของอักษรรูน!”


 


“สัญลักษณ์รูน!?” ทุกคนหันมองจุนหยางชีด้วยความประหลาดใจ


 


“ข้าสัมผัสได้ถึงพลังของรูน!” จุนหยางชีกล่าว “เฮารันและข้าได้ศึกษาสิ่งประกิษฐ์เหล่านี้มาเป็นเวลานานและพบว่าพลังพวกนี้ใช้สื่อกลาง รูนเป็นพลังที่ต้องแปรผ่านสื่อกลาง เทคนิคการสร้างสิ่งประดิษฐ์นี้คล้ายกับสัญลักษณ์ของคาถาแต่ค่อนข้างแตกต่างกัน เพราะพลังนั้นลึกซึ้งกว่า”


 


“เห็นได้ชัดว่าความรู้ที่ศึกษาเรื่องการใช้งานพลังของรูนนั้นลึกกว่าสัญลักษณ์ ซึ่งสัญลักษณ์ของรูนเองก็มีความสำคัญในการแปลตัวแปร”


 


“สิ่งนี้สามารถอธิบายได้ว่าทำไมเราจึงเริ่มประสบความสำเร็จแม้จะเพียงเริ่มต้นก็ตามหลังจากได้ทำการวิจัยเป็นเวลานาน” จุนหยางชีพูดอย่างมั่นใจ “อย่างไรก็ตามอาวุธนี้จะเป็นตัวอย่างแนวทางในการรพัฒนาของเราเร็วๆ นี้!”

 

 

 


ตอนที่ 225

 

“ข้ารู้สึกเหมือนมันส่งผลกระทบให้ข้ารู้สึกช้าแปลกๆ” นาหลันฮงวูขมวดคิ้ว


 


“ท่านรู้สึกอย่างไร? มันเป็นยังไงบ้าง?” จุนหยางชีเอ่ยถามอย่างสนใจ


 


“พลังนี้มันอยู่ในร่างกายของข้าและมันกำลังกระจาายไปทั่ว ไม่รู้จะบรรยายยังไงคงต้องรอให้มันหายไปเอง” นาหลันฮงวูเอ่ย


 


“ท่านเอามันออกไม่ได้หรือ!?” หลันโมพูดอย่างสงสัย “เทคนิคหรือพลังภายในของท่านอาจน้อยกว่าพวกข้า ให้พวกข้าลองดูสิ!”


 


แทนที่จะทำทำให้เกิดบาดแผลเขาเลือกที่จะนำตรีศูลมาตีีที่แขนของเขา .. เขาพบว่าตรีศูลเกิดผลช้ากว่าการทำให้เกิดบาดแผลโดยตรง แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะไม่ออกฤทธิ์เลย


 


พลังประหลาดค่อยๆ เข้าสู่ร่างกายของเขาช้าๆ มันให้ความรู้สึกเหมือนคำสาป จากนั้นเขาลองขยับร่างกายและพบว่ามันช้าลง


 


“เจ้ารู้สึกอย่างไร?”


 


“มันแปลก .. มาก .. รู้สึก” หลันโมเบลอเขารู้สึกว่าจิตวิญญาณของเขาขนานเข้ากับพลังนี้ มันกำลังต่อต้านกันเล็กน้อย


 


ทันใดนั้นจิตวิญญาณที่หลั่งไหลขนานกันพุ่งออกจากบริเวณแกนกลางภายในร่างกาย นั่นทำให้ร่างกายของเขากลับมาเคลื่อนไหวเหมือนเดิมอีกครั้ง


 


“ประทับตา .. พังทะลายพลังอันบริสุทธิ์” แสงส่องจ้าออกมาจากดวงตาของเขาในขณะที่เขาตะโกน


 


“เป็นไงบ้างละ!?” นาหลันฮงวูถาม


 


หลันโมสูดหายใจเข้าเต็มปอด “หากข้าเป็นคนธรรมดาไม่มีพลังข้าคงโดนทำลายร่างไปแล้ว มันเป็นสิ่งที่มีพลังงานมาก!”


 


นาหลันฮงวูหัวเราะ “เจ้ารู้มั้ยว่าทำไมข้าถึงเลือกสิ่งนี้”


 


เขาชี้นิ้วไปที่ตรีศูลทองคำในมือหลันโม “ข้าสามารถกำจัดปีศาจและเหล่าสัตว์ประหลาดด้วยสิ่งนี้ ดังตำนานในเกมได้เล่าขานไว้!”


 


บุเชเลือกของรางวันเป็นหมวกหมาป่าสีขาวที่หายากพร้อมออร่าสีเหลืองเปล่งประกายรายล้อมแถมยังเพิ่มระดับทักษะพื้นฐานของดรูอิดอีกด้วย


 


นับว่าเป็นของหายากที่มีค่าที่สุดที่เขาสามารถหาได้เลยก็ว่าได้ ..


 


ตอนนี้พวกเขากำลังทดลองพลังกันอย่างสนุกสนาน หวังใต้เองที่อยู่ตรงนั้นหยิบไม้เท้าขึ้นมาและเสกคาถาดินปั้นออกมา


 


“นั้นมันโกเล็มดินปั้น!” ผู้คนทั้งหมดอ้าปากค้างเมื่อเห็นสัตว์ประหลาดกำลังเดินอยู่นอกร้าน “ชิบ!”


 


บุเชเองวิ่งออกจากร้านแล้วตะโกนขึ้น “เปลวไฟของข้า!” เขายกมือขึ้นเพลิงไฟปรากฏขึ้นเป็นรูปงูยักษ์!


 


“โอ้ย ของเจ้าน่ะชั่งอ่อน!” ซงฉิงเฟิงพุ่งตัวไปที่โกเล็มดินปั้น “ดูข้า ข้าจะใช้เทคนิคดาบแห่งวิญญาณนักบวช! ดาบหนึ่ง ดาบสอง ดาบสาม”


 


ในขณะที่เขากำลังใช้เทคนิคดาบที่ค่อยๆ ขยายออกทีละหนึ่ง พลังของดาบย่อส่งผลให้โกเล็มได้รับบาดแผลลึก


 


“ทำไมเจ้าถึงสามารถใช้เทคนิคดาบแห่งวิญญาณนักบวชได้!?” ผู้ปลูกฝังหลายคนงุนงง


 


“ในช่วงสองสามตอนสุดท้ายของละครเรื่องขี่พายุทะลุฟ้า มีการเล่าว่าในที่สุดบูจิงหยุนก็ได้รับม้วนหนังสือที่มีการบันทึกเกี่ยวกับเทคนิคดาบแห่งวิญญาณนักบวชไว้!” ซงฉิงเฟิงใช้เทคนิคอย่างประณีตและต่อเนื่อง


 


“ดูข้าสิ!” เจียงเสี่ยวหยูรีบวิ่งออกจากร้านด้วยดาบไม้ในมือของเธออย่างกระตือรือร้นและเปล่งเสียงตะโกนออกมาว่า “เทคนิคการควบคุมดาบ!”


 


เงาของดาบไม้กำลังพุ่งออกไปมันเจาะเข้าที่หัวของโกเล็มดินปั้นอย่างจัง!


 


แกร่ก! แตก!


 


โกเล็มดินปั้นถึงกับทรุดตัวลงกองกับพื้นบนเปลวไฟ


 


หวังใต้มองดูโกเล็มที่เขาเพิ่งเรียกออกมาเมื่อสิบวิก่อน .. เขาพูดไม่ออก


 


“ไม่มีสิ่งใดสามารถแข่งขันกับตรีศูลทองคำของข้าได้!” นาหลันฮงวูโบกตรีศูลของเขาอย่างสง่างาม


 


“พอแล้ว!” ฟางฉีทำหน้าเพลียขณะที่สายตาของเขามองไปที่พื้นถนน “พวกท่านกำลังทำลายพื้นดิน!”


 


“มาเลย ข้าจะศึกษาอย่างระมัดระวัง!” จุนหยางชี, เทียนเฟงฉีและตวนบูยี่ เกิดความร้อนวิชาในดวงตา สำหรับพวกเขาสิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ทรงพลังก็จริงแต่อาจยังไม่มากเท่าตรีศูลทองคำ เพราะในตอนนี้สิ่งที่สัมผัสได้แม้แต่ตาเปล่าก็รู้สึกได้ว่าตรีศูลในตอนนี้คือที่สุด มันมีพลังและประสิทธิภาพมาก!


 


สำหรับคุณสมบัติอื่นๆ ไม่ได้ประสิทธิภาพหรือความแตกต่างเท่านี้ แถมสิ่งนี้ยังเป็นเอกลักษณ์อย่างมากอีกทั้งมันยังทำให้ความคิดของพวกเขาแตกซ่านเพิ่มขึ้นอีกด้วย


 


วงการการประดิษฐ์จะต้องสั่นสะเทือน!


 


“อย่างไรก็ตาม ..” นาหลันฮงวูดึงจุนหยางชีไปข้างๆ เขาพลางกระซิบ “ถ้าสิ่งเหล่านี้เลียนแบบหรือประดิษฐ์ขึ้นง่ายอย่างที่พวกเจ้ากล่าว แล้วมันจะปลอดภัยมั้ย!?”


 


ในฐานะผู้นำครอบครัวใหญ่มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขาที่จะต้องพิจารณาหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อความรอบครอบ เช่นเขาเองกังวลว่าศัตรูของพวกเขาจะสามารถเลียนแบบอาวุธเหล่านี้ได้เช่นกัน


 


เขาจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น!


 


“อย่าประมาทพวกเขาสิ!” จุนหยางชีชี้ไปที่ตรีศูลและพูดด้วยเสียงหัวเราะ “ข้าได้ศึกษาแล้วพบว่ามีการป้องกันอย่างลึกลับบนอาวุธและรูนนั้น”


 


“มันถูกสร้างขึ้นในโลกที่กำลังจะถูกทำลายและไม่มีใครสนใจที่จะลอกเลียนหรอก!” จุนหยางชีกล่าวต่อว่า “แน่นอนสิ่งต่างๆ เช่นวัสดุพื้นฐานของผู้ดูแลหรือผู้สร้างจะต้องใช้เวลานานหรือเกือบตลอดชีวิจเพื่อทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง”


 


“ถ้าอย่างนั้นทำไมเจ้าบอกว่าเจ้าทำได้ละ!?” นาหลันฮงวูขมวดคิ้ว


 


จุนหยางชีหัวเราะ “ทันคิดว่าเฮารันใช้เวลาใน Diablo มานานแค่ไหน!?”


 


“แล้วเขาทำอะไร!?”


 


“เขาถูกถามเกี่ยวกับวิธีการใช้งานพื้นฐานของการใช้รูน” จุนหยางชีตอบ “ในตอนแรกช่างตีเหล็กและนักเวทย์จะไม่พูดแต่เมื่อถามไปถามมาพวกเขาจึงเริ่มเล่าสิ่งต่างๆ”


 


“เมื่อเฮารันเข้าสู่โลกของพวกเขาอย่างจริงจัง เขาจึงได้เรียนรู้การสอนจากช่างตีเหล็ก การสอนของพวกเขาหากเราสามารถทำความเข้าใจด้วยหัวใจ ไม่ว่าจะฉลาดแค่ไหนหากปราศจากหัวใจและความอดทนก็จะไม่มีวันเข้าใจ!”


 


“…” นาหลันฮงวู


 


“ในอนาคตของกลุ่มพันธมิตรวู่เว้ยของเรา เราจะต้องแกะสลักรอยจิตวิญญาณเพื่อป้องกันไม่ให้กองกำลังอื่นทำการคัดลอกไปได้ ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งประดิษฐ์ที่เกี่ยวข้องในโคงการนี้ล้วนเป็นเหล่าสมาชิกแกนหลักของแต่ละฝ่าย พวกเขาจะต้องเซ็นสัญญาในระดับสูงก่อนที่จะได้รับการเข้าร่วม ข้าทำสิ่งนี้มาหลายร้อยปีแล้ว ข้าจะไปพลาดได้อย่างไร?” จุนหยางชีพูดอย่างลึกลับ “ข้าจะทำสัญญากับท่านจะไม่มีใครสามารถเลียนแบบสิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ได้!”


 


พวกเขายิ้มให้กันอย่างมีเล่ห์นัย


 


ในขณะที่จุนหยางชีพยักหน้าเพื่อรับสาร เขาหันไปหาหลันโมที่ยืนข้างๆ “พี่อาวุโส เราสามารถอันเชิญผู้ชำนาญการวัตถุโบราณได้มั้ยในตอนนี้!”


 


“เราจะมีโครงการสร้างสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณใหม่และศึกษาเรื่องรูนใน Diablo อีกทั้งยังทำการฝึกฝนเทคนิคต่างๆ อีก โอ้ยข้าละลรอไม่ไหวที่จะได้เห็นโครงการเติบโต” นาหลันฮงวูหัวเราะพร้อมพูดด้วยแววตาเปล่งประกาย

 

 

 


ตอนที่ 226

 

ณ ห้องประดิษฐ์ของจุนหยางชีในสำนักงานใหญ่ของพันธมิตรวู่เว้ย ผู้เชี่ยวชาญจากสำนักหลิวหยุน, จากกลุ่มโอเชียนและกลุ่มอื่นๆ ที่เป็นสมาชิกในกลุ่มพันธิมิตรวู่เว้ยต่างเดินทางมารวมตัวกันด้วยความตั้งใจ


 


โครงการนี้เป็นโครงการเกี่ยวข้องกับเรื่องในอนาคตของกลุ่มพันธมิตรวู่เว้ย เผลอๆ อาจส่งผลต่ออนาคตของตาจินก็เป็นได้ .. ใจกลางห้องตอนนี้มีกระจกบานใหญ่ปรากฏอยู่มันถูกห่อหุ้มด้วยกรอบจิตวิญญาณ


 


“ทุกคนดูนี่!” จุนหยางชีพูดอย่างภูมิใจ


 


“นี่คือกระจกเทียนหลู่ เป็นหัวใจหลักของฝ่ายบลูเฟรม กระจกนี่มีมนตร์ขลังเพราะสามารถเปิดเผยถึงต้นกำเนิดของภาพลวงตาอีกทั้งมันยังสามารถช่วยในเรื่องการวิเคราะห์วัสดุและอัตราส่วนในองค์ประกอบของสิ่งประดิษฐ์ให้ผู้เชี่ยวชาญอย่างเราสะดวกสบายมากขึ้น”


 


“สิ่งสำคัญยิ่งมันสามารถเก็บสะสมพลังที่ยิ่งใหญ่ยังสะสมมากเท่าไรพลังก็จะถูกปลดปล่อยออกมาได้มากเท่านั้น” จุนหยางชีกล่าวต่อ


 


“ทุกคนโปรดปฏิบัติตามตำแนะนำอย่างเคร่งคัด”


 


“เฮารันข้าขอกระสุน” จุนหยางชีเอ่ย หลี่เฮารันที่ยืนข้างๆ พยักหน้ารับแล้วส่งกระสุนให้เขา


 


จุนหยาสงชีหยิบมีดแกะสลักออกมาและฉีดสารทางจิตวิญญาณลงไป ทันใดนั้นแสงแห้งจิตวิญญาณก็ค่อยๆ ไหลผ่านมีดจมเข้าสู่กระสุนด้วยการกรีดเพียงครั้งเดียว


 


เขาโบกมือซ้ายเพื่อเรียกหม้อทองสัมฤทธิ์ผลลงมาตรงหน้าแสงสีฟ้าสดใสปรากฏขึ้นภายในหม้อ .. จุนหยางชีเทผงกระสุนปืนลงในหม้อทันที


 


“ได้โปรดฉีดสารสำคัญทางจิตวิญญาณตามสำดับ”


 


“ตอนนี้เรากำลังใช้เวลาดำเนินการในลำดับต่อไป”


 



 


เหลือเพียงอีกสิบวันก่อนที่จะถึงเวลาสำหรับการขยายร้านอินเตอร์เน็ต


 


“เสี่ยวหยู ..”


 


ฟางฉีปิดร้านในเวลาเที่ยงคืนตามปกติ เขามองดูผู้คนที่กำลังเดินออกจากร้านพลางพึมพำเบาๆ “ข้าอาจต้องเดินทางไกล”


 


“เดินทางไกล ..” เจียงเสี่ยวหยูขมวดคิ้วบนหน้าตาที่น่ารักของเธอ “ท่านไม่ได้เดินทางไปแค่จิงฉีหรอกหรอ!?”


 


ฟางฉีตอบกลับ “จิงฉีนั้นไม่ไกลเท่าไร คราวนี้จุดหมายปลายทางของข้านั้นอยู่ไกลกว่าเก่า”


 


“ท่านใช้เวลานานเท่าไร? แล้วท่านจะกลับมาเมื่อไร!?”


 


“ข้าไม่รู้ แต่ข้าเดาว่ามันคงไม่นานนัก” ฟางฉีหันไปมองหน้าเธอด้วยแววตาจริงจัง “เจ้าช่วยข้าจัดการที่นี่ได้มั้ย ในขณะที่ข้าไม่อยู่”


 


“หืม” เจียงเสี่ยวหยูหันหน้าหนี “ท่านไม่ได้บอกให้ข้าจัดการกับที่นี่สักหน่อย ท่านแค่บอกให้ข้าซํกผ้าทำอาหารและเป็นคนเก็บเงินเท่านั้น!”


 


“ไม่สิ ..​ เมื่อข้าไม่อยู่เจ้าต้องรู้จักวิธีเล่นเกม”


 


“อ่า!” เจียงเสี่ยวหยูตาโต “ข้าทำได้!”


 


ฟางฉีพยักหน้า “ยามที่ข้าไม่อยู่ เจ้าสามารถเลือกเล่นสักเกมสองเกมในระหว่างวันได้ โดยเฉพาะตอนเช้าหรือในเวลาเย็นเมื่อลูกค้าน้อยลง”


 


“ข้าเข้าใจแล้ว!” เจียงเสี่ยวหยูพูดอย่างตื่นเต้น “ท่านไม่ต้องกังวล! ข้าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ข้าจะจัดการกับทุกคนที่มาสร้างปัญหาที่นี่!”


 


“ผู้สร้างปัญหา!?” ฟางฉีเหลือบมองรอบๆ ร้าน “ผู้อาวุโสท่านนั้นจะจัดการกับเรื่องนั้นเอง ดังนั้นเข้าไม่ต้องไปกังวลกับมัน เจ้าสามารถตะโกนได้เลยทันทีเมื่อมีคนสร้างปัญหา!”


 


ฟางฉีจ้องมองที่หน้าอินเทอร์เฟซของระบบและดำเนินการต่อ “ใครก็ตามที่ก่อปัญหาจะถูกลงโทษด้วยสายฟ้าและถูกโยนออกนอกร้าน!”


 


“นอกจากนี้” ฟางฉีพูดต่อว่า “การใช้จ่ายเงินของเจ้าจะถูกจ่ายด้วยของว่างหนึ่งมื้อต่อสัปดาห์ยกเว้นขนมแท่งรสเผ็ด หรือสิบห้าคริวตัลต่อเดือน”


 


“ข้าสามารถเล่นเกมและกินของว่างได้ด้วย!?” เจียงเสี่ยวหยูพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นพลางปลายตามองหัวหน้าคนใจดำด้วยสายตาไม่เชื่อใจนัก


 


ฟางฉียักไหล่ แม้ว่าธุรกิตของร้านจะเรีนบง่าย แต่มันก็ไม่ง่ายเลยที่จะหาพนักงานที่สามารถทำงานได้ดีและเชื่อถือได้ในระยะยาว ดังนั้นการเพิ่มผลประโยชน์ของพนักงานจึงเป็นเพียงการจ่ายเล็กๆ น้อยๆ


 


อย่างไรก็ตามข้ามีเงินมากพอ เขาคิดในใจขณะที่มองไปที่กองหินคริสตัลกองโตที่เขาเก็บรักษาไว้อย่างดี


 


ขณะเดียวกันระบบส่งเสียงปิ้ปเตือนอีกครั้ง


 


[เนื่องจากโฮสต์กำลังเริ่มดำเนินการตามแผนเพื่อให้การทำงานการสร้างร้านอินเตอร์เน็ตเสร็จสมบูรณ์ระบบการดูแลร้านได้เปิดใช้งาน!]


 


ภารกิจแรก : ร้านค้าที่มีคุณค่า


 


ความต้องการ : ร้านใหม่จะต้องไม่อยู่ในสถานที่ห่างไกล จะต้องจัดขึ้นในเมืองที่มีความหนาแน่นของประชากร ร้านค้าจะต้องสะอาดเรียบร้อยและใหญ่พอที่จะบรรจุคอมพิวเตอร์อย่างน้อย 100 เครื่อง


 


รางวัล :  เกมออนไลน์ Legend of Mir (เจ้ากระบี่ขั้นเทพ)เวอร์ชั่นเสมือนจริง (นี่จะเป็นเพียงเกมเดียวในร้านใหม่และเกมอื่นๆ จะตามมาหลังสองสามเดือน)


 


คำอธิบาย : เป็นช่วงยุคเวลาแห่งโลกอินเตอร์เน็ตและต้องการความลุ้นละทึก


(ผู้แปล : เกม Legend of Mir เป็นเกมแนว MMORPG เหมือนเวอร์ชั่นดั้งเดิมที่มีประยุกต์นำระบบบางอย่างจากเวอร์ชั่นพีซีมาใส่ในเวอร์ชั่นมือถือมีการพัฒนาต่อยอดระบบต่างๆ ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น)


 


ภารกิจที่สอง : ฟังเสียงความเจริญรุ่งเรืองของอีกส่วนหนึ่งของโลก


 


ความต้องการ : ปรับระยะทางเทเลพอร์ตข้ามภูมิภาคให้ระยะทางลดลง


 


รางวัล : QQ รุ่นปรับปรุง


 


คำอธิบาย : อินเตอร์เน็ตเชื่อมต่อทั่วโลก


 


ฟางฉีมองไปที่โลโก้เพนกวินบนหน้าจอ


(ผู้แปล : QQ เป็นโปรแกรมรับ-ส่งข้อความทางอินเทอร์เน็ต ที่สามารถใช้งานได้ Video chat, Group chat, SMS, Mobile QQ, การโอนถ่ายรับส่งไฟล์แบบเรียลไทม์, ค้นหาเพื่อนใหม่แบบเจาะจง)


 


เกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพ? QQ? เอาจริงดิ? ฟางฉีมองดูระบบ


 


ภารกิจที่สาม :  ออกไปเที่ยวสนุกสนานกับเพื่อนของท่านเป็นเวลาหนึ่งวัน เพราะท่านอาจไม่ได้เจอพวกเขาสักพักในโลกแห่งความจริง


 


รางวัล : QQ Qzone


 


คำอธิบาน : ถามนั่นที่ท่านได้รับมอบหมาย


(ผู้แปล : Qzone เป็นเหมือน My Space เป็นส่วนหนึ่งของ QQ )


 


ฟางฉีมองพลางคิดในหัวว่าระบบช่วยทำให้เขารู้สึกนอยน้อยลงหน่อยได้มั้ย ข้าไม่ได้ไปแล้วไปลับซะหน่อย!


 



 


“มีหลายอย่างที่ยังคงต้องใช้เวลาอธิบาย แต่ต้องทำความเข้าใจลึกลงไปอีก” จุนหยางชีขมวดคิ้ว “อย่างไรก็ตามเราต้องมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับการใช้งานและความแข็งแกร่งตามข้อกำหนด”


 


จุนหยางชีลูบหนวดเคราของเขาแล้วมองไม้เท้าที่ดูธรรรมดาที่อยู่ตรงหน้า “อืม .. พื้นฐานบนโลกใบนี้คงไม่ยากเท่าไร”


 


จุนหยางชีย่อร่องรอยความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณบางอย่างให้เล็ก เขาดึงบางสิ่งบางอย่างสีฟ้าอ่อนที่ไหลอยู่ในอากาศเข้ามาในมือ มันดูแปลกมากมีลักษณ์คล้ายกับรูน


 


“ลองดู!” เขาตะโกนขึ้นและผลักอักษรรูนเข้าไปในแท่งไม้และทำเครื่องหมายคำด้วยสีน้ำเงินเข้ม


 


จุนหยางชีถือไม้เท้าไว้ในมือ “ดูนี่สิ ข้าเริ่มเข้าใจเทคนิคการสร้างสิ่งประดิษฐ์ขึ้นมาบ้างแล้ว มันแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือการแกะสลักรอยจิตวิญญาณถือเป็นคุณลักษณะพื้นฐาน ส่วนที่สองคือสิ่งที่เราเพิ่งทำไปคือการฝังรูนเพื่อทำให้มันมีคุณสมบัติเพิ่มขึ้น”


 


แม้ว่าคุณลักษณะจะมองไม่เห็นชัดผลชัดเท่าไรในตอนนี้ แต่จุนหยางชีและหลี่เฮารันเริ่มเข้าใจอย่างวบลึกซึ้ง “ข้าสามารถบอกได้เลยว่าคุณลักษณะพื้นฐานนี้ให้ความแข็งแกร่งอย่างน้อยในระดับหกถึงเก้าและในส่วนเสริมความแข็งแกร่งของตรีศูลคือรูน”


 


“และเพื่อให้คุณสมบัติทางเวทย์มนตร์แก่สิ่งประดิษฐ์ ผู้เริ่มต้นจะต้องมีสมาธิในจิตใจและลองวัสดุทุกชนิดก่อนที่จะนำมาประดิษฐ์ เพื่อความสำเร็จ” จุนหยางชีกล่าวว่า “แต่ด้วยสาระที่สำคัญทางจิตวิญญาณของเรา เราเพียงแค่ต้องควบคุมจิตใจของเราและมั่นคงกับสิ่งที่เราประดิษฐ์!”


 


“มันหมายความว่ายังไง แล้วเราทำสำเร็จหรือไม่!?”


 


“ฮ่าๆๆๆๆ”


 


“ในที่สุดเราก็ประสบความสำเร็จอีกขั้น!” เสียงเชียร์และเสียงหัวเราะดังขึ้นในห้องประดิษฐ์

 

 

 


ตอนที่ 227

 

“เจ้าของร้าน นั่นเจ้ากำลังจะเดินทางไกลหรือ!?”


 


ซงฉิงเฟิง, นาหลันหมิงสื่อ, ซูเทียนจิ,หลันโมและเยซงเต๋ากำลังนั่งกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรงโตต๊ะน้ำชาโซฟาพลางพูดคุยเอ่ยถามทุกข์สุข


 


หลายคนเมื่อได้ยินคำถามนี้ถึงกับส่งสายตาไปหาฟางฉี “ท่านจะไปเมื่อไร!? ทำไมท่านต้องเดินทางไกล?”  ซูฉีซินมองหน้าฟางฉีอย่างสงสัย เด็กสาวคนนี้อยู่ในชุดสีม่วงเธอเป็นหนึ่งในผู้เล่นไม่กี่คนแรกของร้าน เธอรู้สึกประหลาดใจ เจ้าของร้านที่อยู่ที่นี่เกือบทุกวันกำลังจะออกเดินทางไกล


 


“ฉี เจ้าจะไปไหน!?” หวังใต้เองก็ประหลาดใจเช่นกัน เขารู้จักฟางฉีนานที่สุดและไม่เคยเห็นเขาเดินทางไกลมากก่อน อาจเป็นเพราะจิงฉีคือสถานที่ที่ไกลที่สุดที่เขาเคยไป


 


“เจ้าทำดีแล้ว ทำไมเจ้าถึงอยากไปไหนอีก?” นาหลันฮงวูรู้สึกไม่เข้าใจ


 


ฟางฉียักไหล่และตอบว่า “เพื่อขยายสาขาเวลาแบบนี้เป็นเวลาที่ธุรกิจกำลังเจริญเติบโตมันเหมาะสมที่จะหาทำเลที่ตั้ง”


 


“เปิดสาขาใหม่!?” จียูตื่นเต้น “เจ้าจะเปิดในจิงฉีหรือไม่?”


 


“จากที่นี่ไปจิงฉีใช้เวลาไม่นานนัก” ฟางฉีกล่าวว่า “หากพวกท่านมีความชำนาญในการใช้เทคนิคการคควบคุมดาบจะสามารถเดินทางได้รวดเร็วขึ้นและไม่จำเป็นที่ข้าต้องไปเปิดอีกสาขาที่นั่น”


 


“…” จียู


 


“เจ้ากำลังจะเดินทางไกล แต่ไม่เห็นคิดจะไปเยี่ยมเยียนกลุ่มของข้าบ้างเลย” เยเสี่ยวเย้บ่นอย่างน้อยใจ


 


“ไปดูเจ้าของร้านกันเถอะ” ซูฉีซินเอ่ยชวน


 


“ไม่จำเป็น” ฟางฉีโบกมือ “ข้าจะใช้เทคนิคการควบคุมดาบ”


 


“อย่าประมาทพวกเรา!” ซูฉีซินพูดด้วยความไม่พอใจ “ตอนนี้ข้าสามารถบินด้วยดาบได้แล้ว!”


 


“ข้าด้วย!” ซงฉิงเฟิงเสริม


 


“ข้าก็เหมือนกัน” นาหลันหมิงสื่อเอ่ยเสียงเรียบ เธอยังดูเย็นชาไม่เปลี่ยน


 


“ข้าด้วย!” เจียงเสี่ยวหยูพูดอย่างพอใจ


 


อย่างไรก็ตามฟางฉีลูบหัวเธอเบาๆ “เจ้าน่ะอยู่ที่นี่และคอยดูแลร้าน”


 


เจียงเสี่ยวหยูมองคนรอบข้างเขาและเอ่ยถามอย่างขุ่นเคืองและถามว่า “พวกเจ้าแน่ใจหรอว่าจะไม่ตกจากฟ้า!?”


 


“เป็นไปไม่ได้!” ซูฉีซินกลอกตาหลังจากปรุงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเสร็จ เธอเดินออกไปข้างนอกและพูดว่า “ดูข้าสิ!”


 


เธอร่ายคาถาด้วยมือของเธอและพึมพำเล็กๆ ดาบของเธอค่อยๆ ลอยขึ้นอย่างมั่นคง


 


“ไม่เห็นจะมีอะไรเลย” อันเชงก้าวออกไป เขาร่ายคาถาและเหยียบขึ้นบนดาบ


 


ในฐานะบุตรชายของท่านผู้บังคับบัญชาเขารู้ว่าจะต้องล้มแน่หากบินสูงขึ้น ด้วยความไม่ไว้ใจอันหูเว้ยเดินออกมาดุ “ข้าจะขังเจ้าเพราะเจ้าละเมิดกฏหมายโดยเจตนา!”


 


เห็นได้ชัดว่าไม่มีการอนุญาติให้บินภายในเมืองจิวหัว


 


หน้าของฟางฉีซีดเมื่อเขาพบว่าคนส่วนใหญ่เริ่มมีความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคการควบคุมดาบอีกทั้งพวกเขายังสามารถแสดงมันออกมาได้อย่างมั่นใจ


 


ฟางฉีเปิดประตูแล้วบินออกไปพร้อมดาบ “มาสิมาจับข้าถ้าทำได้!”


 


“ชิบ! แน่จริงอย่าหนีสิ!” ซงฉิงเฟิงยังคงซุ่มซ่ามไม่น้อย ด้วยเทคนิคนี้เขาจึงเกือบชนเข้ากับกำแพง เขาจึงหยุดบินด้วยดาบก่อนจะเกิดความผิดพลาดไปมากกว่านี้


 


“นาหลันหมิงสื่อไปกันเถอะ!” หลันยันพูดอย่างตื่นเต้นและพวกเขาก็บินออกไปในเวลาไล่เลี่ยกัน


 


ในไม่ช้าหลายคนก็บินพุ่งออกจากร้านตามๆ กัน พวกเขาบินตามฟางฉีอยู่ด้านหลัง


 


อันหูเว้ยที่ยืนอยู่ในร้านทำหน้าเซ็ง


 


“ลืมเสียเถอะศิษย์พี่! ปล่อยให้พวกเขาไปมีความสุข!” โอหยางเฉินหัวเราะและตบบ่าอันหูเว้ยเบาๆ


 


บนท้องฟ้าเหนือท้องถนนของเมืองจิวหัว มีสำแสงทางจิตวิญญาณจำนวนมากกำลังบินผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผู้ฝึกฝนและนักรบบนถนนต่างเงยหน้ามองดาบที่กำลังลอยอยู่บนฟ้า


 


“นู้นอะไร!?”


 


“พวกเขาบินด้วยดาบหรือ!?”


 


“ดูเหมือนว่า .. นั่นเทคนิคการควบคุมดาบหรือ!?”


 


“ท่าน! หยุดก่อน!” ซงฉิงเฟิงตะโกนและเร่งความเร็วขึ้นทันที จากนั้นเขากรีดร้องอย่างช้าคลั่ง ดาบหมุนวนบนท้องฟ้าอย่างไม่สามารถบังคับได้


 


“ช้าหน่อย!” หลันยันโบกมือเตือนเขา


 


“ฮ่าๆๆ เจ้าโง่!” เยเสี่ยวเย้บินแซงไปข้างหน้า


 


“ซงฉิงเฟิง เจ้าต้องการความช่วยเหลือหรือไม่!?” หลินเซียวและซูเหลียวที่บินตามมาด้วยความเร็วคงที่เอ่ยถาม พวกเขาไม่กล้าบินเร็วนักเพราะผู้ถ่ายทอดวิชาคือซงฉิงเฟิง!


 


ในขณะเดียวกันองค์หญิงจียู, เหล่าสาวกของเฉิงจิ้งและซียี่ที่กำลังยืนอยู่นอกร้านหันมองลำแสงของดาบด้วยความอิจฉา เพราะพวกเขาสามารถทำได้เพียงควบคุมดาบเท่านั้นแต่ยังไม่สามารถบินได้!


 


ดาบของฟางฉีแยกตัวออก เงาใต้เท้าฟางฉีในตอนนี้นั้นปรากฏขึ้นเป็นเงาของดาบหลายสิบเล่ม!


 


ดาบหลายสิบเล่มได้บินกลับมาที่ด้านนอกร้านค้า หน้าจอยักษ์กำลังถ่ายทอดสด เสียงตะโกนดังขึ้น “นี่เป็นประสบการณ์ครั้งเดียวในการบินฟรี ใครต้องการสัมผัสประสบการณ์แบบนี้สามารถขึ้นไปได้เลย!”


 


หวังใต้รีบวิ่งออกจากคาเฟ่และก้าวขึ้นเหยียบดาบ


 


นาหลันฮงวูที่ดูตกใจเมื่อเห็นดาบลอยอยู่ “มันเหมือนกับ ..”


 


เขาหันมองหน้ากับอันหูเว้ย “บอร์ดดาบบิน!?”


 


ดาบคริสตัลนั้นดูสูงส่งและสง่างามในขณะที่เดียวกันมันมีความละเอียดและหรูหรา


 


“อืม ..” หวังใต้เกาหัว ดูเหมือนว่าดาบที่ฉีขอให้ข้าเพิ่มช่องให้ให้ผลตอบรับดี ..


 


“มันมีสัญลักษณ์รูน! สี่ช่อง! ดูเหมือนว่า .. มันมีพลังอย่างมาก!”


 


“มันบวกทุกทักษะถึงสองระดับ!” ซูเทียนจิแสดงความอิจฉาทางแววตา “ไม่แปลกใจที่เทคนิคการควบคุมดาบของเจ้าเด็กคนนี้จะดีขึ้นมาก ข้าจะติดต่อเจ้าเด็กคนนี้และขอยืมตัวมายังวังหลิวหยุนของเรา เพื่อศึกษาอย่างละเอียด”


 


“ข้าไปด้วย!” อันหูเว้ยวิ่งออกไป เขาก้าวขาขึ้นดาบ


 


“ข้าด้วย!” ตามด้วนาหลันฮงวูวิ่งไปสบทบ


 


ในขณะเดียวกันหน้าจอยักษ์ยังคงถ่ายทอดสดอย่างต่อเนื่อง “การแสดงที่ภูเขาฮารุนะกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว กรุณาขึ้นเครื่องในตอนนี้!”


(ผู้แปล : ภูเขาฮารุนะ เป็นภูเขาไฟที่สงบแล้วเป็นภูเขาที่มีชื่อเสียงมากๆของจังหวัดกุนมะ)


 


“ภูเขาฮารุนะอยู่ที่ไหน!?” ผู้คนที่อยากลองบินด้วยดาบอย่าง จียูและองค์ชายทั้งสองต่างก็ก้าวขึ้นดาบด้วยความสัยสน


 


“อ๊ะ!” จากนั้นพวกเขาแหกปากด้วยความตกใจเมื่อดาบเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง!


 


ยามและคนเดินเท้าหน้าประตูเมืองต่างอ้าปากค้างเมื่อมองเห็นเงาของดาบที่บินขึ้นสู่ท้องฟ้า


 


ผู้ฝึกฝนบางคนที่กำลังก้าวลงจะเรือจิตวิญญาณที่ท่าเรือมองขึ้นไปบนฟ้า “นั่นผู้คนสามารถบินแบบนี้ได้กันทุกคนเลยหรือ!?”


 


ยามที่ประตูเมืองร้องออกมา “นั่นคนมากมายกำลังบินด้วยดาบ .. น่าทึ้งมาก!”


 


“มันใช้เงินเท่าไร? ข้าอยากจะไปเรียนรู้บ้างจัง” ผู้คนแถวนั้นพูดคุยกันอย่างคึกคัก


 


เหนือก้อนเมฆฟางฉีเองชะลอความเร็วลงเพื่อให้ผู้อื่นได้ติดตามเขาทัน


 


“ดูแสงนั่นบนท้องฟ้าสิ!” ผู้คนที่อยู่ข้างล่างมองลำแสงที่แพร่กระจายออกมาจากดาบของฟางฉี เขามองลงไป ดาบเองทำหน้าที่ของมันได้ดีมันพุ่งลงตามที่เข้ามอง ฟางฉีจึงแอบกลับหัวกลับหางเล็กน้อย


 


“อ้ากกกกกกก!” เขาร้องออกมาโดยไม่ทันตั้งตัว ดีนะพวกนั้นยังตามไม่ทันไม่งั้นขายหน้าแหง

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม