จอมใจจ้าวพิษ 220-227

 ตอนที่ 220 ลวนลาม 


  


ถังเฉียนออกมาจากโลกแห่งจิตใจของถังเวย วิญญาณนางยังคงสั่นสะเทือน เป็นความรู้สึกราวกับสมองถูกกระแทกจากด้านหน้าและหลังไม่หยุดหย่อน นางโซเซแล้วโผเขาหาอ้อมกอดของเถิงอวิ๋น 


 


 


เถิงอวิ๋นยื่นมือไปประคองร่างที่โงนเงนของนาง จากนั้นก็กอดนางไว้แน่นขึ้น 


 


 


“ยังเวียนหัวหรือไม่” 


 


 


ถังเฉียนสั่นศีรษะ แล้วพยายามยืนตัวตรง แต่ร่างกายนางไร้เรี่ยวแรง ยังคงเวียนหัว ถึงจะสั่นหัวอย่างไรก็ยังคงเวียนหัวอยู่ เดิมเถิงอวิ๋นตั้งใจจะพยุงนางไปนั่งข้างๆ แต่เมื่อเห็นว่ามีคนหลบอยู่นอกห้อง ประตูถูกเปิดแง้มไว้ มีรอยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นที่มุมปากเขา 


 


 


“เด็กสาวอย่างเจ้านับว่าน่ารัก หากต้องมาตายในนี้ก็น่าเสียดาย” 


 


 


“ตาย เหตุใดข้าถึงจะตาย” 


 


 


เถิงอวิ๋นลูบคลำศีรษะนางเบาๆ ท่าทางทะนุถนอม แต่ไม่ได้พูดอธิบาย แต่ปล่อยให้นางกอดแน่นขึ้น 


 


 


“เวียนหัวจัง ปวดหัวมาก ช่วยพยุงข้าไปนั่งได้หรือไม่” 


 


 


เถิงอวิ๋นประคองนางเดินไปข้างหน้าสองก้าว เป้าหมายไม่ใช่เก้าอี้แต่เป็นเตียง เมื่อมาถึงขอบเตียง เถิงอวิ๋นจงใจดึงถังเฉียน ทำให้นางโผเข้าหาอ้อมกอดเขาตามแรงดึง ทั้งสองกลิ้งลงไปบนเตียง 


 


 


“ที่แท้เจ้าหมายตาข้าไว้ เพื่อน้องสาว เจ้าถึงกับยอมมอบกายให้ข้าหรือ น้องสะใภ้” 


 


 


ถังเฉียนไม่รู้ว่าเหตุใดจู่ๆ เถิงอวิ๋นจึงพูดเช่นนี้ เขาทำเช่นนี้เป็นเรื่องที่แปลกมาก แม้ว่าขณะนี้นางจะปวดศีรษะมาก แต่รู้สึกว่าเถิงอวิ๋นตรงหน้านั้นอันตรายกว่า 


 


 


“พี่เถิงอวิ๋น พี่เข้าใจผิดแล้ว ข้าเพียงแต่…” 


 


 


แต่ถังเฉียนไม่มีเรี่ยวแรง นางยังไม่ทันพูดต่อ เถิงอวิ๋นก็พลิกตัวขึ้นมาทับร่างนางไว้ 


 


 


“ไม่เป็นไร อย่างไรข้าก็ยินดีที่เป็นเช่นนี้” 


 


 


เถิงอวิ๋นทับอยู่บนร่างนาง ก้มหน้าลงเตรียมจะจูบริมฝีปากถังเฉียน 


 


 


“พี่ใหญ่ พี่จะทำอะไร” 


 


 


เถิงเฟิงเดินเข้ามาในห้อง เขาอยู่ที่นี่ก่อนแล้ว แต่ไม่ได้เข้ามา เพราะรู้ว่าจะขัดขวางพิธีของพี่ชายไม่ได้ แต่เขาคิดไม่ถึงว่าในเวลาเช่นนี้พี่ชายจะทำเรื่องเช่นนี้ ถังเฉียนยังคงไม่มีเรี่ยวแรง เมื่อครู่ยังถูกเถิงอวิ๋นฟาดจนสลบไป 


 


 


ถังเฉียนจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่ได้ พอฟื้นขึ้นมาก็พบว่าในห้องมีเพียงตนเองกับ     ฮว่าเหยียน นางไม่ได้ถอดหน้ากากออก จ้องมองถังเฉียนอย่างเย็นชา ทำให้นางรู้สึกเสียวสันหลังวาบ 


 


 


“เพื่อถังเวย เจ้าถึงกับยอมตายเชียวหรือ” 


 


 


ถังเฉียนไม่คุ้นกับเสียงที่แหบพร่าของฮว่าเหยียน นางจะรู้สึกรังเกียจทุกครั้งไป แต่บัดนี้     ฮว่าเหยียนในความคิดของถังเฉียนดูเหมือนจะต่างจากเดิม โดยเฉพาะเมื่อเถิงเฟิงบอกนางว่าฮว่าเหยียนช่วยชีวิตนางไว้ เข็มทองคำนั่นทำให้ความรู้สึกของนางต่อฮว่าเหยียนเปลี่ยนไป 


 


 


“นางเป็นน้องสาวข้า เป็นญาติคนเดียวของข้า ข้าไม่อาจทนดูนางเซ่อซ่าเช่นนี้ไปตลอด หากสามารถรักษาได้ ข้าหวังว่า…” 


 


 


“เจ้าหวังอะไร หรือเจ้าหวังว่าทุกคนจะรู้ฐานะของเจ้า เจ้าอยากตายใช่หรือไม่ แต่อย่าพลอยทำร้ายข้าไปด้วย” 


 


 


ฮว่าเหยียนโกรธมาก ยังไม่ฟังถังเฉียนพูดให้จบก็บันดาลโทสะทันที ถังเฉียนเองรู้ดีว่าที่นางทำเช่นนี้เป็นการไม่รับผิดชอบ นางก้มหน้าลงพลางพูดว่า 


 


 


“เจ้าอยากให้ข้าแต่งงานกับเถิงเฟิงใช่หรือไม่ แต่เขาต้องการเพียงแค่ให้ข้าช่วยรักษาอาการป่วยของเขาเท่านั้น ความสัมพันธ์ระหว่างเราไม่เหมือนกับที่เจ้าคิดหรอก” 


 


 


ฮว่าเหยียนพูดขึ้นทันที 


 


 


“ข้าย่อมรู้” 


 


 


ถังเฉียนกำชายเสื้อแน่น ไม่รู้ว่าตนเองจะสามารถพูดอะไรได้อีก หากฮว่าเหยียนรู้เรื่องทั้งหมด ถ้าเช่นนั้นเวลานี้นางจะบังคับให้ตนทำเรื่องที่ตนเองไม่อยากทำหรือไม่ จะเป็นเหมือนเดิมอีกแล้วใช่หรือไม่ 


 


 


“เจ้าต้องจำฐานะของเจ้าไว้ ก่อนที่เจ้ากับเถิงเฟิงจะหมั้นหมายกัน อย่าไปพบกับเถิงอวิ๋นอีก เข้าใกล้พี่น้องคู่นี้เกินไป ระวังไฟจะลามถึงตัว” 


 


 


ฮว่าเหยียนพูดจบก็เดินออกจากห้องด้วยความโมโห 


 


 


พออกจากประตู ร่างก็หายวับไปยังที่เก่า หากถังเฉียนมาเห็นฉากนี้ต้องแปลกใจมากเป็นแน่ 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 221 รอให้เจ้าตายก่อน 


 


 


 


 


 


ถังเฉียนพอจะเข้าใจอารมณ์ที่แปรปรวนของฮว่าเหยียนบ้างแล้ว นางเป็นคนขี้ขลาด ตนเองรู้ดี จึงไม่โกรธนางเพราะเรื่องนี้ เพราะไม่คู่ควรแม้แต่น้อย 


 


 


แม้ถังเฉียนจะไม่โกรธ แต่เมื่อนึกย้อนถึงเรื่องวันนี้ สิ่งที่เถิงอวิ๋นทำต่อนางนั้นก็ยังไม่ทำให้นางหายกลัว นางรู้สึกอึดอัดใจจึงเดินออกจากห้อง อยากไปสูดอากาศบ้าง  


 


 


“เจ้าทำงานประสาอะไร เรื่องแค่นี้ก็ทำได้ไม่ดี ข้าจะเอาเจ้าไว้เพื่ออะไร” 


 


 


ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทุกครั้งที่ถังเฉียนออกมาดูเหมือนจะพบเรื่องบางอย่างเสมอ บางครั้งพอแอบฟังก็จะทำให้รู้สึกหงุดหงิด นางจึงตัดสินใจเดินหนี โดยเฉพาะเมื่อได้ยินเสียงหงหลิงเอ๋อร์ ยิ่งทำให้นางอารมณ์เสีย 


 


 


“ขอโทษเจ้าค่ะ คุณหนูหง คราวหลังข้าไม่กล้าทำอีกแล้ว” 


 


 


ถังเฉียนส่ายหน้า สาวใช้คนนั้นทำให้หงลิงเอ๋อร์โมโหถือว่าโชคร้าย แต่เหมือนดังที่ฮว่าเหยียนพูดไว้ว่านางไม่สามารถปกป้องทุกคนได้ ที่จริงนางต่างหากที่เป็นคนที่ต้องการการปกป้อง ถังเฉียนเดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง แล้วได้ยินเสียงแก้วแตก ตามด้วยเสียงเกรี้ยวกราดของหงหลิงเอ๋อร์ 


 


 


“หึ นางสารเลว ดูซิ ข้าจะทำให้หน้าเจ้าเสียโฉม เจ้ายังจะออกไปหาผู้ชายได้อีกหรือไม่” 


 


 


เมื่อถังเฉียนได้ยินเสียงเด็กสาวผู้นั้นร้องไห้ ในที่สุดก็ไม่อาจผละไป 


 


 


“หงหลิงเอ๋อร์ ที่นี่เป็นเผ่าพีส่าไม่ใช่เผ่าหมอผีของเจ้า หากสาวใช้นางนี้รับใช้เจ้าไม่ดี เจ้าก็ไปจากที่นี่ได้ ไม่มีใครเชิญให้เจ้าอยู่” 


 


 


ถังเฉียนพูดอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย แต่สองคนนี้เป็นเหมือนน้ำกับไฟ ไม่ว่าเมื่อไรก็ไม่อาจเป็นเพื่อนกันได้ 


 


 


โดยเฉพาะถังเฉียนยังรู้มาว่าหงหลิงเอ๋อร์เมื่อก่อนเป็นผู้หญิงที่ถูกกำหนดไว้ของเถิงเฟิง จึงยิ่งไม่พอใจนางมากขึ้น 


 


 


“อวดเบ่งอำนาจเช่นฮูหยินออกมาแล้วหรือ เจ้าเป็นใครกัน คิดว่าตัวเองบินขึ้นไปบนกิ่งไม้แล้วหรือ เจ้าก็เป็นแค่กระสายยาให้คุณชายเถิงเฟิง รอให้เจ้าตายก่อน…” 


 


 


“หงหลิงเอ๋อร์ หุบปากเสีย!” 


 


 


ถังเฉียนรู้สึกว่าคำพูดนี้ช่างน่ากลัวมาก แต่การปรากฏตัวของอิ๋นซานทำให้นางต้องกลืนคำพูดที่เตรียมไว้ลงไป ใบหน้าฉายแววเคืองแค้น ถังเฉียนแปลกใจมาก อิ๋นซานแสดงอำนาจต่อหงหลิงเอ๋อร์ ทั้งยังพูดตำหนิว่า 


 


 


“ท่านป้าลงโทษเจ้าให้กักตัวสำนึกผิด เดิมทียกโทษให้เจ้าครั้งหนึ่งเพราะคิดว่าเจ้าสำนึกผิดแล้ว แต่ดูจากวันนี้แล้ว เกรงว่าเจ้ายังไม่สำนึกว่าตัวเองทำผิดอย่างแท้จริง พรุ่งนี้จงกลับไปเสีย ไม่ต้องอยู่ที่นี่อีก เราไม่กล้าปกป้องเจ้าแล้ว” 


 


 


ถังเฉียนรู้ว่าที่อิ๋นซานทำเช่นนี้เพื่อปิดปากหงหลิงเอ๋อร์และให้นางรู้ว่าเมื่อครู่ตนเองพูดผิดไปแล้ว แต่ยิ่งทำเช่นนี้ถังเฉียนกลับยิ่งรู้สึกว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าพีส่ายิ่งลึกล้ำสุดคาดเดา ผู้คนที่นี่ยิ่งน่ากลัว 


 


 


“หลิงเอ๋อร์สำนึกผิดแล้ว เมื่อครู่เป็นการพลั้งปากไป ฮูหยินโปรดอย่าโมโห แม้จะบอกว่าข้าอยากกลับไป แต่ยังทำเรื่องที่บิดาสั่งไว้ไม่เรียบร้อย ข้าไม่กล้ากลับไปเช่นนี้ ฮูหยินโปรดยกโทษให้ข้าสักครั้งเถอะ” 


 


 


อิ๋นซานเห็นว่านางรู้จักอ่อนข้อ จึงโบกมือให้นางออกไป แล้วหันมากุมมือถังเฉียนไว้ สีหน้าอ่อนโยนมาก 


 


 


“ได้ยินเฟิงเอ๋อร์บอกนานแล้วว่าเด็กอย่างเจ้าจิตใจงดงามที่สุด แม้แต่สาวใช้ถูกรังแกก็ยังรู้จักแยกแยะ แต่เขาศักดิ์สิทธิ์เรามีผู้คนมากมาย จะอย่างไรก็คงดูแลไม่ทั่วถึง คนเหล่านี้เป็นเด็กสาวจากห้าเผ่า ฐานะก็เป็นเช่นนี้ เจ้ายังอุตส่าห์ออกหน้าช่วยพวกเขา” 


 


 


ถังเฉียนฟังที่นางจงใจพูดชม ในใจกลับยิ่งนึกถึงคำพูดของหงหลิงเอ๋อร์ 


 


 


“เมื่อครู่นางบอกว่ารอให้ข้าตายก่อน นางก็จะมาแทนที่ข้าได้ ฮูหยิน ที่นางพูดจริงหรือไม่” 


 


 


ดวงตาฮูหยินฉายแววสับสนออกมา แต่การผ่านการอบรมที่ดีของนางช่วยปิดบังให้ผ่านไปได้ นางใช้รอยยิ้มสลายความรู้สึกกระอักกระอ่วนเมื่อครู่ 


 


 


“นางพูดจาเหลวไหล เจ้าอย่าใส่ใจเลย เจ้าต้องจิตใจหนักแน่น” 


ตอนที่ 222 ฟางเอ๋อร์ 


 


 


 


 


 


ถังเฉียนพยักหน้า นางพยุงสาวใช้ที่คุกเข่าอยู่แล้วพูดว่า 


 


 


“วันหลังรับใช้หงหลิงเอ๋อร์ก็ต้องระมัดระวังหน่อย นางเจ้าอารมณ์ เจ้าต้องอดทน วันนี้ข้ามาเจอก่อน ย่อมไม่อาจปล่อยให้นางทำให้เจ้าเสียโฉม แต่วันหลังหากข้าไม่เห็น เจ้าต้องรู้จักปกป้องตัวเอง” 


 


 


ถังเฉียนพูดจบก็จะผละไป เด็กสาวคนนั้นดึงเสื้อถังเฉียนไว้แล้วพูดว่า 


 


 


“คุณหนูอาหรูน่า ขอบคุณที่ช่วยชีวิตข้า ฮูหยิน โปรดจัดให้ข้าไปรับใช้คุณหนูอาหรูน่าเถอะ ต่อให้ต้องลดขั้นลงเป็นสาวใช้ที่ทำงานหนักก็ยังดี ข้าทำให้คุณหนูหงหลิงเอ๋อร์โมโห ท่านก็รู้นิสัยนางดี นางต้องเอาชีวิตฟางเอ๋อร์เป็นแน่ คุณหนูอาหรูน่า โปรดทำดีแล้วทำให้ถึงที่สุดเถอะนะเจ้าคะ ฮูหยินโปรดสงสารข้าด้วยเจ้าค่ะ” 


 


 


เด็กสาวคนนี้กล้าพูด อิ๋นซานไม่ใส่ใจ นางเป็นแค่สาวใช้คนหนึ่ง ต้องดูท่าทีของถังเฉียนด้วย 


 


 


“เด็กคนนี้น่าสงสาร หากส่งนางกลับไป เท่ากับวันนี้ข้าผิดใจกับหงหลิงเอ่อร์อย่างเปล่าประโยชน์ ฮูหยินโปรดมอบนางให้ข้าเถอะ” 


 


 


ฮูหยินเหลือบมองสาวใช้คนนี้ หลังจากหรูอี้พยักหน้า นางจึงตกลงยกฟางเอ๋อร์ให้ถังเฉียน 


 


 


อิ๋นซานพูดกำชับเพียงสองสามคำ ไม่ได้พูดคุยกับถังเฉียนมากมายนักก็ให้พวกนางกลับไปพักผ่อน ระหว่างทางฟางเอ๋อร์เดินตามหลังถังเฉียนมาอย่างระมัดระวัง ถังเฉียนพานางกลับมาที่ห้องตน สาวใช้คนนั้นยังยืนอยู่ที่มุมห้องด้วยท่าทางหวาดกลัว ถังเฉียนรู้ว่าเมื่อครู่ที่อิ๋นซานมองหรูอี้แวบหนึ่งนั้น เป็นการสอบถามว่าไว้ใจสาวใช้คนนี้ได้หรือไม่ ในเมื่อหรูอี้พยักหน้า ถ้าเช่นนั้นการที่จะให้นางเปิดปากพูดจึงไม่ง่ายนัก ถ้าอยากให้นางพูด ถังเฉียนต้องทำอะไรบางอย่าง 


 


 


“เจ้าชื่อฟางเอ๋อร์ใช่หรือไม่ อายุเท่าไหร่ ทำอะไรเป็นบ้าง” 


 


 


นับว่าฟางเอ๋อร์เป็นคนฉลาด นางยิ้มแล้วตอบว่า 


 


 


“เรียนคุณหนู ข้าอายุสิบห้า ก่อนนี้เคยหัดปักผ้ากับป้าจาง และพออ่านหนังสือออกบ้างเจ้าค่ะ” 


 


 


ถังเฉียนได้ยินว่าปักผ้าได้และอ่านหนังสือออก ถือเป็นบ่าวระดับหนึ่งในจวนนี้ คิดว่านางเพิ่งอายุสิบห้า ย่อมไม่ง่ายเลย จึงพยักหน้าแล้วพูดว่า 


 


 


“ข้าเป็นคนง่ายๆ เพียงแต่ปกติเป็นคนตรงไปตรงมาและปากไว มักก่อเรื่องได้ง่าย แต่เจ้าควรจะรู้ว่าข้าอยู่ที่นี่ไม่มีอำนาจอะไร วันหน้าเวลายังยาวไกล เวลานี้ด้วยนิสัยของข้า เจ้าคงรู้ว่าขอให้ผ่านไปทีละวันก็เพียงพอ” 


 


 


ฟางเอ๋อร์ฟังที่นางพูด สีหน้าระวังตัว ถังเฉียนรู้ว่านางสังเกตเห็นว่ากำลังถูกทดสอบ แต่นางไม่กลัวว่าต้องลงลึกอีก 


 


 


“เจ้าไม่ต้องกลัวหรอก ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตหนึ่งวันก็จะปกป้องเจ้าหนึ่งวัน แต่วันนี้ในเมื่อเจ้าเป็นฝ่ายขอมาอยู่กับข้า เมื่อครู่ฮูหยินอยู่ ข้าไม่สะดวกที่จะเอ่ยปาก ข้าเกิดในสกุลฮว่า ตระกูลเรามีธรรมเนียมอย่างหนึ่ง ถ้าเกิดข้าตายก่อน สาวใช้ที่รับใช้ข้าต้องถูกฝังไปพร้อมกับข้า ถ้าเป็นเช่นนี้ เจ้ายังอยากอยู่กับข้าอีกหรือไม่” 


 


 


“เอ่อ….” 


 


 


ฟางเอ๋อร์ตกใจกับธรรมเนียมที่ว่านี้ นั่งบนพื้นเหม่อมองถังเฉียน น้ำตาคลอ นางไม่ได้ร้องไห้โฮออกมาทันที เพราะยังมีความคาดหวังอย่างหนึ่ง 


 


 


นางหวังว่าที่ถังเฉียนพูดเมื่อครู่เป็นแค่การโกหกนาง 


 


 


“โลกนี้ไม่ว่าเรื่องอะไรล้วนแต่ไม่แน่นอน ข้าคอยปกป้องเจ้าเต็มที่ หากข้าตาย เจ้าก็ต้องมานอนเป็นเพื่อนข้าตลอดกาล นี่คือบุญกรรม วันนี้ข้าปกป้องเจ้า เจ้ายินยอมพร้อมใจมาติดตามข้า แต่ถ้าข้าไม่บอกเรื่องนี้ให้เจ้ารู้ ย่อมไม่ถูก ข้ารู้ว่าวันนี้ข้าบอกเจ้าเป็นการทำให้เจ้าลำบากใจ เช่นนั้นคืนนี้เจ้าลองคิดดูให้ดี ถ้าเจ้าไม่อยากอยู่รับใช้ข้า พรุ่งนี้เจ้าก็กลับไปหาฮูหยินเถอะ” 


 


 


ฟางเอ๋อร์คุกเข่าอยู่กับพื้น อ้าปากทำท่าจะพูด แต่ถังเฉียนไม่มีใจจะฟังแล้ว นางดูจากท่าทางตกใจกลัวของเด็กสาวก็รู้ว่าที่หงหลิงเอ๋อร์พูดเมื่อครู่ไม่ใช่พูดลอยๆ 


 


 


ดูแล้ว ที่ตัวนางมาถึงเขาศักดิ์สิทธิ์น่าจะเป็นแผนการที่วางไว้อย่างแยบยล 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 223 เรื่องราวซับซ้อน 


 


 


 


 


 


ถังเฉียนจำต้องยอมรับว่าทุกอย่างในขณะนี้เป็นเสมือนการต่อสู้ที่ไม่อาจรู้ว่าศัตรูเป็นใคร ที่จริงเรื่องราวทั้งหมดซับซ้อนจนสืบหาความจริงยาก คนที่นี่เริ่มฉีกโฉมหน้าที่เป็นคนดีจอมปลอมออก นางเริ่มหวาดกลัว โลกนี้ช่างไม่เหมือนกับที่นางคิดไว้ว่าจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างผ่อนคลายสบายๆ 


 


 


ลมยามค่ำคืนหนาวเย็นเล็กน้อย พอตกกลางคืนในสารทฤดูลมที่นี่จะเย็นสบาย นางกระโดดขึ้นไปบนหลังคาเลียนแบบฉู่จิ่งเหยา นั่งอยู่บนสันหลังคา มองดูแสงไฟนับหมื่น แววตาฉายแววสับสน 


 


 


เงาดำวาบขึ้นที่ด้านหลัง ถังเฉียนเงยหน้าขึ้น เห็นฉู่จิ่งเหยาในชุดขาว ถือโคมไฟถลาร่อนลงมา ท่าทางเขาต่างกับปกติที่ดูเคร่งขรึม กลับดูราวกับทวยเทพ 


 


 


“เด็กอย่างเจ้าไม่รู้ว่าคิดอะไรสับสน เหตุใดจึงขึ้นมาอยู่บนหลังคาเอาอย่างข้า ฝึกวิชาตัวเบาดีแล้วหรือ” 


 


 


ถังเฉียนก้มหน้าแล้วพูดว่า 


 


 


“นับตั้งแต่มาถึงเขาศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ได้ฝึกวิชาตัวเบาแล้ว ฝีมือก็ถดถอยลงไม่น้อย บางครั้งได้ยืดเส้นยืดสายบ้าง ก็จะมีสายตานับไม่ถ้วนคอยมองข้าดูเหมือนพวกเขาจะถูกส่งมาให้คอยควบคุมข้า ไม่ทำอะไรผิดพลาดไม่ได้ กล่าวกันว่ายากนักที่จะเข้าไปในจวนโหวคฤหาสน์แม่ทัพ ใครจะรู้ว่าเขาศักดิ์สิทธิ์ก็เช่นกัน” 


 


 


ฉู่จิ่งเหยานั่งลงข้างตัวนาง ยิ้มแล้วพูดว่า 


 


 


“มาถึงที่นี่กลับหัดท่องบทกวี ก็นับว่าเป็นเรื่องดี อีกห้าวันข้าจะไปแล้ว เจ้ายังมีโอกาสครั้งสุดท้ายที่จะไปกับข้า” 


 


 


ถังเฉียนได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกเครียดทันที นางไม่รู้ว่าควรจะตามฉู่จิ่งเหยาไปหรืออยู่ที่นี่ต่อไปดี ไม่ว่าจะอยู่ที่นี่หรืออยู่ในจวนจินซิวอ๋อง นางล้วนรู้สึกว่าตัวเองเป็นเสมือนจอกแหนที่ไร้ราก วิตกมากว่าสักวันหากฐานะตัวเองถูกเปิดเผย จะถูกประหารทันที 


 


 


ความรู้สึกตกอยู่ในอันตรายเยี่ยงนี้ ทำให้ทุกวันนางเหมือนยืนอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบางๆ เบื้องหลังของคำพูดโกหกก็คือตัวสั่นงกงั่นเพราะความกลัว 


 


 


“แล้วจะทำเช่นไรกับพระชายารอง” 


 


 


ในที่สุดถังเฉียนก็ถามถึงนาง แม้ว่าเถิงอวิ๋นตั้งใจจะเอาตัวซูซินเหลียนไว้ที่นี่ตลอดไปเพี่อเป็นเครื่องทดลองที่หายาก ทำการค้นคว้าตามใจชอบ แต่ในฐานะคนแล้ว ถังเฉียนคิดว่าไม่เหมาะ 


 


 


“อีกไม่กี่วันราชสำนักจะมีราชโองการเรียกตัวนางกลับไป ไม่ว่าหายป่วยแล้วหรือยังป่วยอยู่ก็ตาม ก็ต้องกลับไป ถ้าคนพวกนี้ส่งซากศพไป ข้าขอไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย ถือว่าเป็นชะตากรรมของนาง” 


 


 


คำพูดเช่นนี้ออกจะโหดร้ายไปบ้าง แต่ถังเฉียนรู้ดี คนอย่างซูซินเหลียนนั้นสำหรับฉู่จิ่งเหยาแล้วนางเป็นตัวอันตรายและคอยสร้างความเดือดร้อน ที่เขาออกจะโหดร้ายไปบ้างกลับไม่สามารถตำหนิได้ 


 


 


แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ถังเฉียนยิ่งเข้าใจว่านางต้องช่วยตัวนางเอง ความมีเมตตาของนางจะกลายเป็นเครื่องถ่วง นางไม่มีปีกที่เข้มแข็งพอที่จะปกป้องทุกคนได้ ไม่ว่าซูซินเหลียนหรือซูซิน นางพูดได้เพียงว่าได้พยายามเต็มที่แล้วเท่านั้น 


 


 


“ท่านอ๋อง ถือว่านางเป็นคนที่น่าสงสาร หลายวันก่อนข้าไปเยี่ยมนาง นางถูกทรมานอย่างแสนสาหัส หากมีโอกาส ท่านอ๋องปล่อยนางได้หรือไม่” 


 


 


มุมปากฉู่จิ่งเหยาขยับเล็กน้อย แล้วถามนางว่า 


 


 


“ถ้าส่งเจ้าไปยังสถานที่ที่เจ้าไม่รู้จัก เจ้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่” 


 


 


ถังเฉียนครุ่นคิด นางสามารถจับปลา ทำอาหาร สามารถใช้ฐานะของหมอผีเลี้ยงชีพ ดูแล้วไม่น่าจะลำบากนัก หลังจากนางพยักหน้า ฉู่จิ่งเหยาจึงพูดว่า 


 


 


“แต่นางทำไม่ได้ นางเป็นนกที่ได้รับการฟูมฟักมาอย่างดี พอจากที่นี่ไปก็บินไม่ได้แล้ว นางทนแรงลมไม่ได้ ทนตากฝนไม่ได้ มีแต่ต้องให้ผู้ชายคอยปกป้อง ถ้านางฉลาดเลือกคนถูก นางก็จะมีชีวิตที่สูงศักดิ์สุขสบาย หากนางเลือกคนผิด ชีวิตก็จะย่อยยับ” 


 


 


ถังเฉียนรู้สึกว่าคำพูดเหล่านี้ทำให้นางขวัญผวา แต่ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะถามต่อ 


ตอนที่ 224 ขอร้องคนอื่นสู้ขอร้องตัวเองไม่ได้ 


 


 


 


 


 


ถังเฉียนนึกทบทวนความหมายที่ลึกซึ้งของคำพูดเหล่านี้ ฉู่จิ่งเหยาไม่ได้อยู่นาน เขามาที่นี่บางทีคงเพื่อจะบอกให้นางรู้ว่าเขาจะไปแล้ว ที่เขานึกเสียดายอาจเป็นเลือดถังเฉียนซึ่งสามารถห้ามเลือดและระงับความเจ็บปวดได้ นางจำได้ว่าตอนที่เพิ่งเข้ามาในจวนอ๋อง ประโยคหนึ่งที่จื่อเย่ว์เคยพูดนั้นถูกต้องแล้ว ขอเพียงเป็นคนที่มีประโยชน์ เมื่อมีประโยชน์ก็ย่อมสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ 


 


 


“คนที่มีประโยชน์ ข้ามีประโยชน์อะไรสำหรับเถิงเฟิง” 


 


 


นางไม่ใช่คนโง่ รู้ฐานะของตัวเองดี สิ่งดีๆ ที่ได้มาอย่างคาดไม่ถึงเช่นนี้กลับทำให้นางรู้สึกหวั่นใจ นางเชื่อในคำพูดที่ว่าขอร้องคนอื่นไม่สู้ขอร้องตัวเอง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางก็รู้แล้วว่าตนเองควรจะทำเช่นไร 


 


 


กลางดึกลมค่อนข้างหนาวเย็น เมื่อวานเถิงเฟิงมอบเสื้อคลุมให้นางตัวหนึ่ง ปักลายนกยูง หางนกยูงทั้งหมดทำจากขนนกยูงจริงๆ เสื้อคลุมตัวนี้ล้ำค่ามาก ก็สวยดีหรอก แต่ไม่สามารถต้านลมได้อย่างเสื้อหนังกวาง ยังดีที่เวลานี้ไม่ได้หนาวมาก 


 


 


ถังเฉียนแอบไปที่ห้องของหงหลิงเอ๋อร์ นางรู้ความลับมากมายของที่นี่ รวมทั้งสิ่งที่ตนเองต้องการ ขณะนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกนางก็คือหงหลิงเอ๋อร์พุ่งเป้ามาที่นาง เห็นได้ชัดเจนถึงความหึงหวงในใจนาง แม้ว่าอิ๋นซานจะลงโทษนาง แต่ก็ยังมองออกได้ไม่ยากว่ายังคอยปกป้องนาง 


 


 


“อาหรูน่าคนนี้ นางเป็นใครกัน แม่นม ช่วยคิดหาวิธีหน่อย ข้าอยากให้นางตายเร็วๆ” 


 


 


ถังเฉียนเพิ่งเอาหูแนบกำแพง หูนางไวมาก ได้ยินชื่อของตัวเอง รวมทั้งความแค้นใจที่หงหลิงเอ๋อร์มีต่อนาง ถังเฉียนเม้มปาก หงหลิงเอ๋อร์ไม่ยอมรามือจริงๆด้วย 


 


 


“คุณหนู วันนี้ที่จริงสถานการณ์ดีต่อเจ้า แต่เจ้ากลับปากไว เผยความลับที่ใหญ่ที่สุดของเผ่าพีส่า เจ้าไม่รู้ว่าเรื่องนี้มีความหมายเช่นไร ยังดีที่ฮูหยินมาทันเวลา ไม่เช่นนั้นผลที่เกิดขึ้น อย่าว่าแต่เจ้า แม้แต่นายท่านก็รับไม่ไหว” 


 


 


คำพูดนางยิ่งทำให้ถังเฉียนรู้สึกว่าเผ่าพีส่านั้นแปลกมาก นางจึงแอบฟังต่อ แต่เสียงในห้องกลับเบาลงทุกที นางอดขยับเข้าไปใกล้ไม่ได้ หงหลิงเอ๋อร์ที่อยู่ในห้องนั้นยังไม่รู้ตัว แต่แม่นมคนนั้นหูไวเป็นพิเศษ นางรู้ว่าถังเฉียนนั่งยองๆ อยู่ใต้หน้าต่าง จึงซัดเข็มทองคำในมือตรงไปที่นาง 


 


 


“ใคร” 


 


 


ถังเฉียนไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เข็มทองคำของแม่นมสกัดทางถอยของนาง ถ้าหงหลิงเอ๋อร์ออกมานางย่อมหนีไม่ทัน นางคิดว่าคราวนี้คงถูกจับได้เป็นแน่ คงต้องโทษที่ตัวเองวู่วามเกินไป 


 


 


“ตามข้ามา!” 


 


 


ในเวลานี้คนที่ไม่น่าปรากฏตัวขึ้นที่สุดกลับโผล่ออกมา เถิงอวิ๋นมาปรากฏตัวตรงหน้าถังเฉียน เขาคว้าแขนนาง แล้วซัดเข็มเงินชุดหนึ่งเข้าไปในห้อง ฉวยช่องโหว่นี้พาถังเฉียนหนีออกไป ปีนข้ามกำแพง พานางไปยังที่พักของตน 


 


 


“เหตุใดจู่ๆ พี่ก็มาปรากฏตัว” 


 


 


ถังเฉียนแปลกใจมาก เพราะจุดที่เขาโผล่ออกมาน่าแปลก อีกอย่างเขาไม่ชอบตนเองไม่ใช่หรือ เหตุใดเขาต้องช่วยตนด้วย 


 


 


เถิงอวิ๋นกำลังวุ่นอยู่กับการหาของ ส่วนถังเฉียนกลับยืนอยู่กับที่ท่าทางกระอักกระอ่วน แล้วถามด้วยความสงสัย 


 


 


“พี่หาอะไรอยู่ เราปลอดภัยแล้วไม่ใช่หรือ พี่…” 


 


 


ถังเฉียนขยับเข้ามาหมายจะดึงตัวเถิงอวิ๋น แล้วชนถูกแขนเขา เขาขมวดคิ้วทันที มุมปากสั่นกระตุก 


 


 


“เจ็บ!” 


 


 


“พี่ได้รับบาดเจ็บ!” 


 


 


ถังเฉียนเห็นเขาลากตนวิ่งมาตลอดทาง คิดไม่ถึงว่าแขนเขาจะถูกเข็มทองคำเล่มหนึ่ง ท่าทางเขาดูเหมือนจะถอนออกได้ยาก 


 


 


“มัวแต่พูดจาไร้สาระ อาวุธกับบาดแผลอยู่ที่นี่ ตาบอดหรืออย่างไร นี่คือเข็มทองคำอาบยาพิษ เมื่อครู่นั้นข้าสกัดจุดได้ทัน ไม่เช่นนั้นที่อยู่กับเจ้าเวลานี้ก็คงเป็นศพไปแล้ว” 


 


 


ถังเฉียนคาดไม่ถึงว่าจะร้ายแรงถึงเพียงนี้ แต่ก็ยังอดพึมพำไม่ได้ 


 


 


“หากพี่ตายแล้ว ยังจะยืนได้หรือ” 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 225 ความลับ 


 


 


 


 


 


“เด็กบ้า เจ้าพึมพำสิ่งใด” 


 


 


เถิงอวิ๋นพลิกหาตามกองขวดและกระปุกยา แต่ก็ยังอดหันมาถามไม่ได้ ถังเฉียนไม่กล้าบอกเขา แล้วรีบช่วยเขาหายาถอนพิษ นางฉีกเสื้อเขาออก บริเวณที่เข็มทองคำแทงเข้าไปเริ่มมีสีดำคล้ำแล้ว ถึงจะบอกว่าเป็นเข็มทองคำ แต่เมื่อเถิงอวิ๋นดึงออกมาใส่ในถาดเงินก็ได้กลายเป็นสีดำแล้ว ทั้งยังเกิดเสียงดังซู่ๆ อย่างน่าประหลาด 


 


 


ถังเฉียนอดถามไม่ได้ 


 


 


“เป็นพิษอะไร” 


 


 


เถิงอวิ๋นเหลือบมองนางแล้วบอกว่า 


 


 


“แค่เศษขยะ คราวก่อนฉู่จิ่งเหยาถูกพิษที่ร้ายแรงกว่านี้มาก” 


 


 


ถังเฉียนกัดปลายนิ้วตัวเอง หยดเลือดลงไปบนบาดแผลเขา เถิงอวิ๋นงุนงงกับการกระทำของนาง แต่ถัดมาผิวหนังเขาก็เกิดเสียงดังประหลาด ทั้งยาพิษและเลือดพิษถูกขับออกมาจากบาดแผล บาดแผลสมานอย่างรวดเร็ว  


 


 


“โลหิตเจ้ามีฤทธิ์เช่นนี้เชียวหรือ” 


 


 


เถิงอวิ๋นคว้ามือถังเฉียน บีบเลือดนางให้หยดใส่ชามแก้วใบเล็กแล้วสังเกตดูอย่างละเอียด ถังเฉียนแสดงท่าทีเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย นางไม่มีอะไรต้องอวด เพียงแต่คิดว่าอีกฝ่ายช่วยตนไว้จนได้รับบาดเจ็บ จึงไม่ควรปล่อยให้เขาทรมาน เถิงอวิ๋นคลายจุดของตัวเอง ผิวหนังบริเวณนั้นหายเป็นปกติแล้ว เขาก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ ตัวถังเฉียนเป็นเสมือนปาฏิหาริย์ 


 


 


“คิดไม่ถึงว่าข้าจะมีประโยชน์มากใช่หรือไม่ แต่เจ้ายังไม่ได้บอกเลยว่าเหตุใดจึงไปปรากฏตัวที่นั่น แล้วเหตุใดจึงช่วยข้า” 


 


 


ถังเฉียนยังคงอยากถาม เถิงอวิ๋นยิ้มแล้วพูดว่า 


 


 


“เรื่องนี้มีอะไรน่าสนใจหรือ ข้าบังเอิญไปปรากฏตัว แล้วบังเอิญช่วยเจ้า ตอนนั้นพระจันทร์ทำให้น้ำขึ้น รบกวนความรู้สึกข้า” 


 


 


ถังเฉียนรู้ว่าเขาไม่ได้พูดความจริง แต่นางไม่มีวิธีที่จะทำให้เขาพูดในสิ่งที่นางอยากรู้ ถังเฉียนใช้วิธีถอยเพื่อรุกเป็นการบีบเขา  


 


 


“ข้าได้ยินหงหลิงเอ๋อร์พูดว่าคนในตำแหน่งก่อนหน้าข้าตายแล้ว ถูกเถิงเฟิงฆ่าตาย ส่วนข้าเป็นเพียงยาของเขาจริงหรือไม่ เลือดโอสถของข้าพิเศษจริง หากข้าไม่อาจรักษาเถิงเฟิงได้ พวกเจ้าจะฆ่าข้าอย่างนั้นหรือ” 


 


 


เถิงอวิ๋นฟังออกว่าในน้ำเสียงนางมีความวิตกกังวล และรู้ความคิดนาง เขาไม่ได้หันมา กำลังค้นคว้าเลือดนางด้วยความอดทนพลางพูดว่า 


 


 


“เจ้าน่าจะเป็นโลหิตแห่งราชาโอสถครึ่งหนึ่ง มิน่าอาเฟิงจึงสนใจเจ้า กลิ่นยาบนตัวเจ้า สำหรับเขาแล้วอาจจะช่วยต่อชีวิต” 


 


 


“ต่อชีวิต?” 


 


 


แม้ถังเฉียนจะรู้ว่าเถิงเฟิงร่างกายไม่แข็งแรง แต่นางไม่รู้มาก่อนว่าตัวเองมีประโยชน์เช่นนี้ เถิงเฟิงเพียงแต่ให้นางเป็นฮูหยินเพื่อรักษาตนเอง แต่เพราะเหตุใด… 


 


 


“เจ้าบอกเรื่องของแม่นางคนก่อนให้ข้ารู้ได้หรือไม่” 


 


 


ถังเฉียนกำชายแขนเสื้อไว้แน่น นางอยากรู้จริงๆ แม้จะรู้ว่าไม่ควรถามก็ตาม แต่เมื่อพูดออกมาแล้วรู้สึกเหมือนยกภาระหนักออกไป 


 


 


“ไว้ใจข้ามากหรือ ไม่กลัวข้าจะฆ่าเจ้าหรืออย่างไร” 


 


 


ถังเฉียนไม่รู้ว่าเหตุใดตัวเองจึงไม่ไปถามเถิงเฟิง แต่กลับถามเถิงอวิ๋น บางทีอาจเพราะแม้คนผู้นี้จะดูลึกลับ แต่คงไม่ปิดบังเรื่องนี้ต่อนาง บางทีอาจจะรู้สึกตามสัญชาตญาณว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขา หรืออาจพูดได้ว่าในโลกนี้นอกจากสิ่งที่เขาสนใจแล้ว เรื่องอื่นๆ ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเขา 


 


 


“เหตุใดเจ้าคิดว่าข้าต้องบอกเจ้า” 


 


 


เถิงอวิ๋นรุกกลับ แต่ไม่นั่นทำให้ถังเฉียนจนตรอก นางพูดอย่างช้าๆ ว่า 


 


 


“ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าช่วยเถิงเฟิงเช่นไร ข้ารู้จักเขาได้อย่างไร เลือดข้าเป็นเพียงความลับหนึ่งของข้า ข้ายังมีความลับที่ใหญ่กว่านั้น” 


 


 


เถิงอวิ๋นยิ้มพลางพยักหน้า ท่าทางอยากรู้มาก ดูเหมือนจะตกลง แต่ก็เหมือนเยาะเย้ย 


 


 


“ได้ ได้ข่าวว่าเจ้ามีแมลงปีศาจตัวหนึ่ง เป็นของวิเศษมาก หากเจ้าเอาให้ข้ายืมดู ข้าจะเล่าเรื่องอาหรูน่าคนก่อนให้ฟัง” 


ตอนที่ 226 ตัวแทน 


 


 


 


 


 


“การที่ความลับเป็นความลับ ที่ของล้ำค่ามีความล้ำค่า เพราะไม่อาจให้ใครล่วงรู้ง่ายๆ ไม่อาจให้ใครเห็นง่ายๆ ท่านเล่าเรื่องนางส่วนหนึ่งก่อน แล้วข้าจะปล่อยเสี่ยวจินออกมา ขอเพียงท่านมีความสามารถจับมันก็พอ” 


 


 


เถิงอวิ๋นมองดูถังเฉียนด้วยสายตาล้ำลึก ท่าทางที่นางไม่ไว้ใจ ดูหวาดระแวง กลับทำให้เขายิ่งรู้สึกว่าน่าสนใจ 


 


 


“แม่นางคนก่อน ก็ชื่ออาหรูน่า หรืออาจพูดว่าเจ้าคือตัวแทนของนาง” 


 


 


สิ่งที่น่าเศร้าที่สุดสำหรับผู้หญิงก็คือการที่กลายเป็นตัวแทนของผู้หญิงอีกคน นางอาจจะได้รับสิ่งที่ดีอย่างคาดไม่ถึงจากผู้ชายคนหนึ่ง แต่ต้องทนรับกับการที่เขามองผ่านนางแล้วเห็นผู้หญิงอีกคนหนึ่ง โดยเฉพาะแม้แต่ชื่อก็ยังตรงกับผู้หญิงคนก่อน 


 


 


“ว่าอย่างไร ยังอยากจะฟังต่อหรือไม่” 


 


 


เถิงอวิ๋นกวาดตามองถังเฉียนที่กำลังกำหมัดแน่น รู้ว่านางกำลังโกรธจัด ย่อมรับมือง่ายขึ้น เขาจงใจท้าทายนาง แต่ถังเฉียนกลับพูดอย่างไม่ใส่ใจ 


 


 


“แน่นอน!” 


 


 


เสี่ยวจินเกาะที่อกถังเฉียน ปีกสั่นไหวเล็กน้อย ดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงความโกรธเกรี้ยวของนาง รวมทั้งความรู้สึกใจสลายที่วาบผ่านไป 


 


 


“อาหรูน่าโตมาพร้อมกับเถิงเฟิง ไปจับปลาและฝึกวิชายุทธกับเขาทุกวัน อาเฟิงยังทำว่าวตัวใหญ่เป็นพิเศษให้นางที่สวนหลังบ้าน ถ้าว่างก็จะจับเจ้าพายุเงินของอิ๋นจ้านมาเป็นชิงช้าให้นางเล่น” 


 


 


ชิงช้า? เมื่อถังเฉียนได้ยินคำนี้จู่ๆ ก็นึกถึงชิงช้าที่มีฝุ่นจับในโลกแห่งจิตใจของเถิงเฟิง นางยังจำได้ว่าสถานที่แห่งนั้นเคยสวยงามมาก แต่ชั่วพริบตากลับเ**่ยวเฉาลง ตอนนั้นนางยังคิดว่าเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงอย่างสุดคาดเดาในโลกแห่งจิตใจ เวลานี้จึงรู้ว่าที่แท้เกี่ยวข้องกับเด็กสาวผู้นั้น 


 


 


“นับจากที่รู้ว่าเจ้าชื่ออาหรูน่า ข้าก็รู้ว่าเขาชอบเจ้า เพราะเขาไม่ยอมแพ้” 


 


 


คำนี้ต่างออกไปมาก เหตุใดต้องบอกว่าไม่ยอมแพ้ ควรบอกว่าเสียใจหรือเศร้าใจไม่ใช่หรือ 


 


 


“ไม่ยอมแพ้?” 


 


 


ถังเฉียนเพิ่งถามจบ เถิงอวิ๋นวางมือจากงานที่ทำอยู่ แล้วยื่นมือมาที่อกนาง แต่ไม่ได้คิดจะลวนลามนางแม้แต่น้อย แต่ที่เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยทำให้เขาดูไม่ต่างจากพ่อค้าขนานแท้ 


 


 


“แค่นี้เองหรือ” 


 


 


“เจ้าพูดเองว่าต้องการเพียงส่วนหนึ่งของเรื่อง ข้าเองก็ไม่ใช่คนรับใช้ จะได้พูดพล่ามทั้งวัน คำพูดเหล่านี้เพราะข้าได้ยินจากเหวินเยียนและสาวใช้คนอื่น ได้ยินมากเกินไปบ่อยๆ จึงจำได้” 


 


 


ถังเฉียนมองเขา แล้วรู้สึกว่าที่เขาพูดก็ไม่ผิด เขาเป็นคนที่ชอบตีสีหน้าสูงส่งเย็นชาไม่ใช่หรือ 


 


 


“เสี่ยวจินออกมา!” 


 


 


ถังเฉียนร้องเรียก คราวนี้เสี่ยวจินยอมทำตาม เพียงแต่ค่อยๆ คลานออกมาจากอกนาง แล้วเกาะที่อกเสื้อนางไม่เคลื่อนต่อ ท่าทางเหมือนกลัวเถิงอวิ๋น 


 


 


“เจ้าเรียกมันออกมา ไม่ต้องใช้เครื่องมือหรือเสียงดนตรีหรือ มันเข้าใจที่เจ้าพูดหรือไม่ แล้วเจ้าเลี้ยงมันเช่นไร” 


 


 


ถังเฉียนยังไม่บอกเถิ๋งอวิน เขาอาจจะโกรธนาง ขี้โมโหด้วยสิ 


 


 


“เล่าต่อได้หรือยังเล่า” 


 


 


ถังเฉียนรู้ว่าเขาสนใจเสี่ยวจินมาก แต่เสี่ยวจินไม่โง่ มันไม่ยอมเปิดโอกาสให้เขาเข้าใกล้ เพียงแต่เกาะอยู่บนอกถังเฉียน ถ้าเขาทำอะไรวู่วาม ถังเฉียนจะตะโกนร้องว่าเขาลวนลาม ถึงตอนนั้นใครจะสนใจแมลงตัวเล็กๆ อย่างมัน 


 


 


เถิงอวิ๋นมองออกว่าถังเฉียนคอยระวังตัว แล้วพูดต่อ 


 


 


“หากเจ้าสนใจเรื่องราวความรักของอาหรูน่ากับเถิงเฟิง เจ้าหาผิดคนแล้ว ข้าเองรู้ไม่มาก แต่ก็พอรู้จุดจบของอาหรูน่า” 


 


 


“จุดจบ” 


 


 


ถังเฉียนก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ก้าวเล็กๆ นี้แสดงให้เห็นว่านางร้อนใจอยากรู้คำตอบ 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 227 แอบฟัง 


 


 


 


 


 


“ตายแล้ว ศพถูกฝังอยู่ที่หลังเขา บริเวณนั้นเป็นเขตหวงห้าม มีเพียงเถิงเฟิงคนเดียวที่เข้าไปได้ ห้ามคนอื่นเข้าไป ข้าเล่าเรื่องจบแล้ว” 


 


 


ถังเฉียนซักต่อว่านางตายอย่างไร เถิงอวิ๋นเพียงแต่ยิ้ม ไม่พูดอะไรอีก สายตาจับจ้องที่จุดเรืองแสงสีทองบนอกถังเฉียน นางยื่นนิ้วหนึ่งออกไป ปากท่องคาถา แต่ที่จริงเป็นเพลงเด็กที่นางร้องสมัยที่ยังเล็ก ถังเฉียนไม่อยากเปิดเผยความพิเศษของเสี่ยวจิน 


 


 


เสี่ยวจินบินมาเกาะที่หยดเลือดของนาง เถิงอวิ๋นรีบยกไปค้นคว้า แต่คิดไม่ถึงว่าเสี่ยวจินจะไต่บนหยดเลือดอย่างรวดเร็ว ยื่นท่อดูดออกมาดูดเลือดจนหมด จากนั้นก็บินออกไปจากภาชนะ บินฉวัดเฉวียนหลบมือเถิงอวิ๋น กลับมาเกาะบนอกถังเฉียนทันที  


 


 


“ข้าให้เจ้าดูแล้ว ราตรีสวัสดิ์พี่เถิงอวิ๋น” 


 


 


ถังเฉียนพูดจบก็เปิดประตูเตรียมจะออกไป แต่คาดไม่ถึงว่าพอดึงประตูออกก็เห็นมีคนยืนแอบฟังอยู่ที่หน้าประตู 


 


 


“เจ้ายืนทำอะไรอยู่ที่นี่” 


 


 


ถังเฉียนไม่ได้ถาม กลับเป็นเถิงอวิ๋นที่เอ่ยถามขึ้น เหวินเยียนยืนอยู่หน้าประตูท่าทางร้อนรน ถังเฉียนนึกถึงท่าทีระหว่างนางกับเถิงเฟิงในวันนี้ ก็ยิ้มแล้วพูดว่า 


 


 


“คิดว่าคงเป็นคุณชายเถิงเฟิงให้เจ้าคอยเฝ้าดูข้าใช่หรือไม่ วันนี้ข้าเห็นและได้ยินอะไรบางอย่าง…” 


 


 


“ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้น คุณหนูอาหรูน่า ท่านจะพูดเหลวไหลไม่ได้ จะทำร้ายคนถึงตาย คุณชายใหญ่ ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอก ท่านต้องเชื่อเหวินเยียนนะ คุณชายรองเอาชาดทาหน้ากับแป้งน้ำมาฝากเหวินเยียน ไม่มีเรื่องอื่นเด็ดขาดเจ้าค่ะ” 


 


 


ถังเฉียนร้องหึ แล้วพูดว่า 


 


 


“ก็ใช่ พวกเจ้าสองคนจงใจหลบข้า ไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน บางทีอาจจะเป็นชาดทาหน้ากับแป้งน้ำก็เป็นได้” 


 


 


คำพูดของถังเฉียนเท่ากับเอาน้ำมันราดลงบนกองไฟ เหวินเยียนตกใจมาก สีหน้าเถิงอวิ๋นหมองคล้ำหนักขึ้นเรื่อยๆ หากเป็นชาดทาหน้ากับแป้งน้ำจริง เหตุใดจึงต้องคอยหลบหน้าถังเฉียน นี่เท่ากับยกก้อนหินทุ่มใส่เท้าตัวเอง 


 


 


“คุณหนูอาหรูน่า ขอร้องท่านอย่าพูดอีกเลย วันนี้เหวินเยียนทำให้ท่านไม่พอใจก็จริง แต่ท่านไม่ควรพูดเรื่องไร้สาระนะเจ้าคะ” 


 


 


ถังเฉียนยังจะพูดอีก แต่เถิงอวิ๋นคร้านที่จะฟังหญิงสาวทั้งสองโต้เถียงกัน เขามองเหวินเยียนอย่างเย็นชา แล้วพูดว่า 


 


 


“ในเมื่อเจ้าชอบติดตามอาเฟิง พรุ่งนี้ข้าจะบอกท่านแม่ ให้ส่งเจ้าไปที่เรือนของอาเฟิงก็แล้วกัน” 


 


 


เหวินเยียนคุกเข่าลงก้มศีรษะไม่หยุด ดูท่าทางนางคงตกใจกลัวมาก 


 


 


“พอเถอะ พี่เถิงอวิ๋นไม่รู้จักเอาใจใส่เจ้า ไม่เป็นไรหรอก ข้าได้ชื่อว่าเป็นคนดี ตามข้ามาเถอะ…วันนี้คุณชายใหญ่ของเจ้าอารมณ์ไม่ดี พรุ่งนี้เจ้ากลับมาขอโทษ ไม่แน่นะ เขาอาจจะยกโทษให้เจ้าก็ได้” 


 


 


เถิงอวิ๋นรู้ว่าถังเฉียนจงใจพูดเช่นนี้เพื่อยั่วโมโหตน นางจะได้พาเหวินเยียนไป นางถูกคำพูดของถังเฉียนสะกดไว้ จำเป็นต้องให้ถังเฉียนพาตัวไปในสภาพที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก 


 


 


เถิงอวิ๋นไม่ปฏิเสธ ปล่อยให้ถังเฉียนพาสาวใช้ตนเองไป เขารู้ดีว่าเป็นเพราะเมื่อครู่เขาเอ่ยชื่อเหวินเยียนออกมา ทำให้ถังเฉียนเกิดสนใจ แต่เขากลับไม่ใส่ใจ 


 


 


“เด็กสาวที่ฉลาดย่อมจะมีชีวิตยืนยาวขึ้นระยะหนึ่ง” 


 


 


เถิงอวิ๋นมองดูภาชนะที่ถูกเสี่ยวจินดูดเลือดจนแห้ง สีหน้าไม่พอใจ เด็กสาวคนนี้ไม่ฉลาดแต่เจ้าเล่ห์  


 


 


ถังเฉียนพาเหวินเยียนกลับมาถึงห้องของตน แล้วปิดประตูทันที 


 


 


เหวินเยียนเห็นถังเฉียนทำเช่นนี้ก็รู้สึกไม่พอใจ เก็บความขุ่นเคืองไว้ในใจ 


 


 


“แม้ข้าจะเป็นคนระดับล่าง ถ้าคุณหนูอาหรูน่าไม่ชอบข้าก็บอกฮูหยินได้ เหตุใดต้องฟ้องคุณชายใหญ่ด้วย เขาเป็นคนที่ไม่ยอมให้อะไรมาขัดหูขัดตา” 


 


 


ถังเฉียนฟังออกว่านางไม่พอใจ แต่ความไม่พอใจเช่นนี้ไม่พอให้นางกล้าเป็นศัตรูกับถังเฉียน ดังนั้นก็คงทำได้แค่รู้สึกแค้นใจเท่านั้น 


 


 


“ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า ถ้าเจ้าพูด พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้ากลับไป ช่วยพูดขอร้องแทนเจ้า หากเจ้าไม่พูด เช่นนั้นก็คอยติดตามข้าเถอะ อย่างไรคุณชายใหญ่ก็ไม่ต้องการเจ้าแล้ว” 


 


 


“ท่าน นี่เท่ากับขู่ข้า!” 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม