ระบบร้านค้าออนไลน์ 217-223
TB:บทที่ 217 สนามพลังเวท
“นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะให้ร่วมมือกับผมรึป่าว ถ้าคุณบอกผมมาว่าแก๊งซากุระอยู่ที่ไหน ผมก็จะปล่อยพวกเธอไป แต่ถ้าคุณไม่บอก ขู่ผมไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกนะครับ ผมไม่ได้กลัวคุณเลยสักนิด” เฉินหลงตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา
คำขู่ของสุดยอดปรมจารย์ท่านนี้ก็เหมือนกับมดตัวน้อยที่กำลังขู่ช้างให้เหยียบมันจนตายนั่นแหละ แล้วแบบนี้ใครเขาจะไปกลัวกันล่ะ?
“ผมออกจากแก๊งซากุระแล้ว ผมแค่อยากใช้ชีวิตแบบธรรมดาๆ ผมไม่อยากพูดถึงที่นั่นอีกแล้ว กรุณากลับไปเถอะครับ” โยชิดะตอบ
ทันทีที่โยชิดะพูดจบ เฉินหลงก็รู้สึกถูกใจอีกฝ่ายเข้าแล้ว ไม่ว่าเขาจะเป็นคนแบบไหน เฉินหลงก็ไม่ได้อยากจะทำให้เขาต้องรู้สึกอับอายเพราะเขาก็เป็นถึงปรมจารย์ระดับสูงสุดที่ยินดีจะใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา แถมเขายังรักภรรยาและลูกสาวของเขามากด้วย
เฉินหลงแค่ต้องการให้อีกฝ่ายตอบเขามาว่า แก๊งซากุระที่เขากำลังตามหาอยู่ อยู่ที่ไหนก็พอแล้ว
“บอกผมว่าแก๊งซากุระอยู่ที่ไหน แล้วคุณก็จะใช้ชีวิตธรรมดาๆของคุณต่อไป เหมือนก่อนหน้าที่ผมจะมาที่นี่” เฉินหลงจ้องมองโยชิดะด้วยความจริงจัง
“ถ้าอย่างงั้น คุณช่วยบอกผมมาก่อนได้ไหมครับว่าทำไมคุณถึงต้องตามหาแก๊งซากุระ” โยชิดะถามหาความจริงจากเฉินหลง
“ก็ต้อง… มาหาเรื่องอยู่แล้ว!” เฉินหลงยิ้ม
ถึงแม้ว่าแก๊งซากุระจะเป็นแค่มือเท้าให้มัตสึชิตะ เพราะพวกมันทำให้เขาโมโห พวกมันก็ต้องชดใช้ แถมเฉินหลงก็อยากเพิ่มพลังความความแข็งแกร่ง การสู้กับแก๊งซากุระจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้
“กับแก๊งซากุระเนี่ยนะ? นี่คุณรู้รึป่าวว่าแก๊งซากุระเป็นองค์กรแบบไหน? แล้วคุณรู้ไหมครับว่าพวกเขามีอิทพลมากขนาดไหน? ถ้าคุณอยากจะหาเรื่องพวกเขา ผมก็ขออวยพรให้คุณรอดตายมาได้นะ” ได้ยินว่าเฉินหลงต้องการตามหาแก๊งซากุระเพราะอยากจะมีเรื่องด้วยแล้ว โยชิดะ มัตสึอิจิคิดว่าอีกฝ่ายกำลังรนที่ตาย
“ถ้าคุณไม่อยากให้พวกเราตาย คุณช่วยบอกผมมาได้ไหมครับว่า แก๊งซากุระมีระดับกำเนิดอยู่กี่คน? ระดับพลังลมปราณกี่คน? ระดับหลอมรวมกับธรรมชาติกี่คนล่ะครับ?(ครึ่งมนุษย์ครึ่งเทพ)” เฉินหลงจ้องมองที่โยชิดะ
ในเมื่อปีศาจตนนี้กล้าดูถูกเขาว่ากำลังรนหาที่ตายแล้ว เฉินหลงก็อยากรู้จริงๆว่ามีคนที่มีความแข็งแกร่งอยู่ในแก๊งดอกซากุระกี่คน
ทันทีที่ได้ยินคำถามพวกนั้นออกมาจากปากของเฉินหลง โยชิดะถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว เขานึกไม่ถึงเลยจริงๆว่าเขาจะได้ยินอีกฝ่ายโหยหาพวกที่มีขอบเขตพลังจากปากคนธรรมดาเช่นนี้ ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขา ยกเว้นชาวญี่ปุ่นที่ดูเหมือนลูกน้องคนนี้ ต่างมีระดับกำเนิดด้วยกันทั้งหมด เอาเถอะ อีกฝ่ายก็พูดถูกนั่นแหละ คนพวกนี้แข็งแกร่งกันตั้งขนาดนี้ ก็คงจะมีเรื่องกับแก๊งซากุระได้จริงๆนั่นแหละ
“พวกคุณมีระดับกำเนิดทุกคนเลยใช่ไหมครับ?” หลังจากที่เดาว่าเฉินหลงน่าจะเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด น้ำเสียงของโยชิดะจึงอ่อนลง
“ลองทายดูสิครับ?” บนใบหน้าของเฉินหลงมีรอยยิ้มที่มั่นใจประดับอยู่
โยชิดะลอบกลืนน้ำลายลงคอ “ถ้าพวกคุณมีระดับกำเนิดจริงๆ ผมจะบอกพวกคุณว่าแก๊งซากุระอยู่ที่ไหน ถ้าเป็นไปได้ ผมหวังว่าพวกคุณจะสามารถจัดการองกรณ์นั้นได้นะครับ”
จากนั้น โยชิดะ มัตสึอิจิก็ได้บอกในสิ่งที่เฉินหลงตามหาอยู่
ปรากฎว่าแก๊งซากุระตั้งอยู่ในหมู่บ้านที่ซ่อนอยู่ในเชิงภูเขาไฟฟูจิ ในแก๊งซากุระได้แบ่งออกเป็นสองสาขา สาขาแรกคือพวกซามูไร โดยมีหน้าที่พิเศษในการรับงานต่างๆเช่นการลอบสังหาร และอีกสาขาหนึ่งคือพวกนินจาซึ่งเชี่ยวชาญในการจัดการงานต่างๆเช่นการโจรกรรมและการลักพาตัว
แต่ละสาขาจะมีทูตสองคน หัวหน้าหนึ่งคนและรองหนึ่งคน และความแข็งแกร่งของพวกเขาจะต้องเป็นระดับกำเนิดเท่านั้น
หัวหน้าแก๊งซากุระชื่อ เสิ่นเฟิง อี้เต๋า ว่ากันว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นสุดยอดกว่าระดับกำเนิด และวิชาดาบของเขาก็ทรงพลังมากเช่นกัน เขาสามารถฟันจอมยุทธ์ที่มีระดับกำเนิดให้แยกร่างออกเป็นสองส่วนได้ภายในดาบเดียว!
หลังจากที่ทราบที่อยู่ของแก๊งซากุระแล้ว เฉินหลงก็จากเขาไปพร้อมกับดาบาร์
ส่วนมัตสึชิตะ เขาไม่จำเป็นต้องพาไปด้วย แต่ถ้าเขากล้าเรียกตำรวจ เขาจะถูกสังหารในทันทีที่เขาสะสางเรื่องกับแก๊งซากุระเสร็จแล้ว
อย่างไรก็ตาม มัตสึชิตะไม่ได้ขอร้องเฉินหลงเหมือนก่อนหน้านี้ ในตอนที่เขารู้ว่าเฉินหลงกำลังจะไปสู้กับแก๊งซากุระที่เป็นอมตะแล้ว มัตสึชิตะ สึชิทำได้เพียงกลืนความผิดพลาดที่โง่เง่าของตัวเองและกลับไป อย่างกับว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เฉินหลงและคนอื่นๆเดินทางไปยังสถานที่ที่โยชิดะ มัตสิอิจิได้บอกไว้ แต่เมื่อมาถึงจุดหมายปลายทาง กลับไม่มีบ้านเลยสักหลัง ตรงหน้าพวกเขามีแค่ดอกไม้เล็กๆ หญ้าแล้วก็ต้นไม้เท่านั้น
“นายท่าน พวกเราถูกโยชิดะ มัตสึอิจิหลอกเข้าแล้ว ที่นี่ไม่มีบ้านเลยสักหลังนึง!” ดาบาร์กล่าวด้วยน้ำเสียงอาฆาต
ดาบาร์ไม่ใช่คนดีขนาดนั้น ในเมื่ออีกฝ่ายกล้ามาหลอกเขาในเรื่องสำคัญแบบนี้ เห็นทีเขาคงต้องชดใช้ให้สาสมแล้ว!
“ดาบาร์ อย่าใจร้อนสิ เขาไม่ได้โกหกพวกเรา ทางเข้าหมู่บ้านจะต้องอยู่ที่นี่แน่ๆ” เฉินหลงตอบเสียงเบา
ในสายตาเขา คนอย่างโยชิดะ มัตสึอิจิไม่มีทางโกหกเขาได้ ถึงตอนนี้ตรงหน้าพวกเขาจะไม่มีสิ่งใดปรากฏอยู่ แต่ในสายตาของเฉินหลงกลับมีอะไรอยู่ในนั้น มีสนามพลังปกคลุมที่นี่อยู่ ทำให้คนอื่นเห็นว่าที่นี่ไม่มีอะไรไปมากกว่าพื้นที่ว่าง
“ที่นี่เหรอครับ?” ดาบาร์หันไปถามเฉินหลงด้วยความประหลาดใจ
ตรงหน้าเขาไม่เห็นจะมีอะไรเลย คนสักคน บ้านสักหลังก็ไม่มี ทำไมเฉินหลงถึงบอกว่าทางเข้าหมู่บ้านอยู่ตรงหน้าเขาได้นะ แต่เฉินหลงเป็นเจ้านาย ถึงเขาจะไม่เข้าใจมันเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่กล้าถามเฉินหลงอยู่ดี
“ใช่ ทางนี้”
จากนั้นเฉินหลงก็ยืดมือขวาออกไปข้างหน้า
นิ้วทั้งห้าแผ่พลังห้าสายออกไป กลายเป็นอักขระโบราณที่เรียกว่า ‘ไค’ ในที่ว่าง หลังจากนั้นคำว่า ‘เปิด’ ก็เปล่งแสงออกมา เหมือนกับการเปิดประตูกระจก จู่ๆพื้นที่ว่างตรงหน้าก็กลายเป็นทิวทัศน์ที่ต่างออกไปจากตอนแรก
“เข้าไปกันเถอะ” เฉินหลงว่า จากนั้นก็เดินเข้าไปข้างในเป็นคนแรก
ดาบาร์ที่ตกตะลึงไปชั่วขณะ รีบเดินตามเขาไปเข้าไปในทันที
“นายท่าน เมื่อกี้..มันคืออะไรเหรอครับ?” หลังจากที่เฉินหลงเดินเข้าไป ดาบาร์ที่จู่ๆก็กลายมาเป็นคนป่าจึงหันไปถามเขาถามด้วยความตกใจ
“ที่นายเห็นเมื่อกี้คือสนามพลังเวทย์ คนที่ไม่เข้าใจโครงสร้างของมัน จะคิดว่ามันไม่มีอะไร” เฉินหลงตอบด้วยรอยยิ้ม “ไปกันเถอะ สนามพลังเวทย์จะถูกทำลายแล้ว เตรียมตัวดีๆ พวกคุณควรระวังตัวให้มากๆนะครับ”
“ทราบแล้วครับ/ค่ะ นายท่าน!”
คนทั้งห้ารวมทั้งดาบาร์ตอบแบบพร้อมเพรียงกัน
ค่อยเดินช้าๆไปตามทางในป่า นิ้วของเฉินหลงได้ปั่นใบไม้และกิ่งไม้ที่อยู่ทั้งสองข้างทางเป็นระยะๆในตอนที่กำลังเดินเข้าไปในป่า หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของที่มีน้ำหนักตกลงมาที่พื้น
เมื่อผ่านทางป่าไปแล้ว เฉินหลงเห็นหมู่บ้านเล็กๆที่ประกอบด้วยบ้านไม้หลังเล็กๆ
ในตอนนี้ ในพื้นที่โล่งของหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ มีคนยืนอยู่อย่างน้อย 100 คน หนึ่งในนั้นเป็นนินจาในชุดนินจา อีกคนเป็นนักรบญี่ปุ่นในชุดซามูไร ที่นี่น่าจะเป็นสาขาซามูไรกับนินจาที่โยชิดะพูดถึงก่อนหน้านี้
ที่ด้านหน้าของสาขาทั้งสอง มีนินจาสองคนสวมชุดดำพร้อมมีดนินจา และนักดาบสองคนในชุดขาวถือดาบซามูไรอยู่ พวกเขาน่าจะเป็นทูตทั้ง 4 คนแห่งสภาพธรรมชาติ
มีนักรบคนหนึ่งพูดขึ้นมาเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า “อาเร๊ะ*!? พวกแกคือใคร? แล้วเข้ามาที่นี่ได้ยังไงกันแน่? พวกแกต้องการอะไร!?”
“ก็ไม่มีอะไรมาก ผมแค่อยากจะสั่งสอนคุณ แล้วก็ลักพาตัวคนของคุณไปสักสองสามคน” เฉินหลงตอบกลับเป็นภาษาจีน “แต่ผมเกลียดคนหน้าตาแบบคุณอ่ะ ไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่ อืม… เอาเป็นว่า คุณสมบัติมากพอที่จะได้มาเป็นลูกน้องของผม!”
*あれ อาเระ = เอ๊ะ!?
TB:บทที่ 218 ดาบของเสิ่นเฟิง
“เจ๊ก*!?” หลังจากได้ยินคำพูดของเฉินหลงแล้ว ทันใดนั้นนักรบชาวญี่ปุ่นคนนี้จ้องมองเฉินหลงพร้อมกับกล่าวถ้อยคำดูถูก
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของนักรบชาวญี่ปุ่นคนนี้แล้ว เฉินหลงก็มีน้ำโหขึ้นมาในทันที “แม่เอ็งนะสิ! ฆ่ามัน!”
ในเมื่อเป็นคำสั่งของเฉินหลง คนทั้งห้ารวมถึงบาดาร์ก็พุ่งเข้าใส่นักรบชาวญี่ปุ่นในทันที
มือของเฉินหลงไม่ได้อยู่เฉยๆ เขาใช้กดจุดชีพจรตัดกับนินจาคนนี้ ก็แค่การโจมตีแบบซามูไร เจ้าพวกลูกพลับนิ่ม*เอ้ย! จัดการลูกน้องพวกมันก่อนก็แล้วกัน แส่ไม่เข้าเรื่องดีนัก! ไม่สบอารมณ์เลยจริงๆ!
ในตอนที่นักรบชาวญี่ปุ่นเห็นดาบาร์กับคนอื่นๆกำลังพุ่งตรงมาหาเขา ทันใดนั้นเขาก็ได้ชักดาบซามูไรที่อยู่ที่เอวออกมาทันที จากนั้นก็ฟาดมันไปตรงหน้าดาบาร์
ศัตรูของเขาชักดาบออกมาแล้วฟาดออกไปทางบอร์แมน ‘แทงค์*’ ที่อยู่ข้างๆดาบาร์
อย่างกับการต่อสู้แบบคนธรรมดา ถ้าอีกฝ่ายมีคนที่ตัวสูงกว่า เป็นธรรมดาที่ต้องจัดการคนตัวสูงก่อนเป็นคนแรก
เมื่อเห็นว่าชาวญี่ปุ่นกำลังจะหั่นเขาเป็นชิ้นๆ ดาบาร์ก็ยกแขนขวาขึ้นปะทะกับดาบซามูไรของชาวญี่ปุ่น จากนั้นก็ใช้มือซ้ายคว้าเข้าไปที่คอของคนญี่ปุ่นคนนี้ในทันที
ชาวญี่ปุ่นที่เห็นว่าดาบาร์ใช้แขนของเขากันดาบซามูไรของตัวเองอยู่ ใบหน้าของเขาได้ปรากฏรอยยิ้มที่โหดเหี้ยมออกมา เขาล่ะอยากให้ดาบาร์สังเวยแขนข้างนี้ให้กับดาบของเขาจริงๆ!
ถึงร่างสายฟ้าของดาบาร์จะไม่ได้รับการคุ้มครองอย่างระฆังทองของเฉินหลง ดาบซามูไรของชาวญี่ปุ่นก็ทำอะไรเขาไม่ได้อยู่ดี
จะเป็นฝ่ายชนะหรือแพ้ตัดสินได้โดยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
ดาบซามูไรของชาวญี่ปุ่นถูกแขนของดาบาร์สกัดไว้ ทำเอาอีกฝ่ายถึงกับตะลึงไปชั่วขณะ จริงๆควรต้องบอกว่า ดาบาร์กำลังบีบคอเขาอยู่
ดาบาร์ออกแรงบีบคอชาวญี่ปุ่น จากนั้นก็ใช้หัวตัวเองโหม่งเข้าไปที่หัวของชาวญี่ปุ่น
ดาบาร์มีร่างสายฟ้าหุ้มร่างกาย การที่เขาใช้หัวของตัวเองโหม่งหัวของชาวญี่ปุ่นแบบนี้จึงไม่ส่งผลใดๆกันเขา ส่วนชาวญี่ปุ่นที่โดนโหม่งเข้าอย่างจังนั้น… หัวแตก
การโจมตียังไม่จบเพียงแค่นี้ เขายังใช้เข่ากระแทกเข้ากับช่องท้องของชาวญี่ปุ่นอีกด้วย ส่วนมืออีกข้างที่ใช้กันดาบอยู่ เขาเปลี่ยนเป็นจับที่ข้อมือชาวญี่ปุ่นที่ถือดาบอยู่แทน จากนั้นก็ออกแรงบิดมันจนอีกดาบในมืออีกฝ่ายล่วงลงที่พื้น
หลังจากนั้น การโจมตีของดาบาร์เป็นเหมือนกับลมและฝนที่โหมกระหน่ำ เขาโจมตีนักรบชาวญี่ปุ่นตัวจ้อยจนอยู่หมัด
ร่างสายฟ้าของดาบาร์เหมาะสำหรับการโจมตีระยะใกล้มาก ถึงความแข็งแกร่งของนักรบชาวญี่ปุ่นจะมีสระดับกำเนิด แต่มันก็ทำอะไรเขาไม่ได้ ดังนั้นอีกฝ่ายจึงถูกดาบาร์โจมตีและสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไป
ชาวญี่ปุ่นที่จ้องจะทำร้ายแทงค์ก็จะมีจุดจบที่เลวร้ายแบบนี้แหละ แทงค์เองก็ไม่รู้ว่าตัวเองได้ฝึกฝนทักษะการป้องกันร่างหรือว่าเกิดมาพร้อมกับผิวหนังที่หนาและแข็ง เพราะในตอนที่คมดาบของชาวญี่ปุ่นฟาดลงมาที่เขา เนื้อเขาไม่ขาด มิหนำซ้ำยังมีแค่รอยสีแดงจางๆเท่านั้น หลังจากนั้นเขาก็ถูกแทงค์จับได้ ทำให้ดวงตาของเขากลายเป็นสีขาว และสูญเสียพลังในการต่อสู้ไปในที่สุด
ซามูไรสองคนที่มีระดับกำเนิดเกือบถูกฆ่าตายในทันที และสหายของเขาแพ้ราบคาบ ทำให้นินจาอีกสองคนเห็นว่าสถานการณ์ในตอนนี้ ดูท่าว่าจะไม่ดีแล้ว
นินจาญี่ปุ่นและซามูไรเกิดมาพร้อมกับบุคลิกทั้งแปด ถึงจะอยู่ในองค์กรเดียวกัน แต่ความขัดแย้งก็มีไม่น้อย
เดิมที ในตอนที่พวกเขาเห็นเฉินหลงกับลูกน้องของเขากำลังมีเรื่องกับนักรบ พวกเขาได้สังเกตุการณ์เหมือนกับได้ดูหนังดูละครอยู่ แต่พวกเขากลับคิดไม่ถึงว่าทั้งสองคนสู้กันแค่ไม่กี่วิผลแพ้ชนะก็ถูกตัดสิน แถมลูกน้องของพวกเขาก็เป็นฝ่ายแพ้ พวกเขาจึงหันมามองหน้ากัน เตรียมทำการเคลื่อนไหว
“ซ่อนตัว!”
นินจาทั้งสองคนทำท่าประสานมือ จากนั้นร่างของพวกเขาก็ได้หายไปในทันที
เห็นว่านินจาทั้งสองคนหายไปต่อหน้าต่อตา เฉินหลงก็นึกถึงกู่เหวิน วิชาซ่อนเร้นของพวกเขามีความคล้ายคลึงกับอะไรบางอย่าง
ในตอนที่เห็นว่านินจาทั้งสองคนหายตัวไปแล้ว คนที่เหลือห้าคนรวมถึงดาบาร์ก็กลับมาอยู่ข้างกายเฉินหลงหมายจะปกป้องเฉินหลง เฉินหลงส่ายหัวเล็กน้อยส่งสัญญาณบอกว่าพวกเขาไม่ต้องห่วง ถึงนินจาทั้งสองคนจะหายตัวได้ แต่ในสายตาของเฉินหลงกลับมองเห็นพวกเขาได้ชัดเจน ถึงพวกเขาจะลอบโจมตี เขาก็สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้อยู่ดี
นินจาสองคนนี้รู้ว่าในหมู่คนทั้งหกนี้ เฉินหลงเป็นหัวหน้า ดังนั้นเป้าหมายของพวกเขาก็คือ เฉินหลง!
นินจาสองคนพุ่งมาทางด้านหลังของเฉินหลงแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง มีดของนินจาทั้งสองคนได้แทงเข้าไปทางด้านหลังของเฉินหลง
ในเวลาเดียวกัน จู่ๆเฉินหลงก็หันกลับมาแล้วใช้แขนป้องกันมีดที่กำลังฟุงเข้ามา จากนั้น ในตอนที่นินจาทั้งสองคนเผยช่องโหว่ออกมา เฉินหลงส่งหมัดออกที่อกของพวกเขา
หมัดของเฉินหลงพุ่งไปที่อกของนินจาทั้งสอง ทันใดนั้นเขารู้สึกได้ถึงความนุ่มนวลจากฝ่ามือ แล้วตามมาด้วยพลังสายหนึ่ง
นินจาทั้งสองคนนี้คือนินจาหญิง ผู้หญิงน้อยคนนักที่จะฝึกวิชา คนหนึ่งคือคงอี้เหยียนแห่งตระกูลคง ส่วนอีกคนคือเจสสิก้า เนื่องจากจำนวนนั้นน้อยมาก ดังนั้นเฉินหลงจะยอมรับพวกธอในฐานะลูกน้อง เพราะคนของเขาก็เหลืออยู่แค่ไม่กี่คนแล้ว
ถึงเฉินหลงจึงใช้พลังไม่มาก แต่นี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่นินจาหญิงสองคนจะทนไหว ร่างกายของพวกเธอจะไม่สามารถขยับได้และสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไป
ในตอนที่เฉินหลงจัดการนินจาทั้งสองคนแล้ว พลังที่สุดยอดพุ่งออกมาจากบ้านไม้ที่สูงที่สุดในหมู่บ้าน
ประตูไม้ถูกเปิดออกจากด้านใน ปรากฏร่างหนึ่งค่อยๆก้าวออกมา
ในตอนที่ชายคนนั้นเดินออกจากบ้านไม้ เฉินหลงก็ได้เห็นอีกฝ่ายเต็มสองตา แต่เขาถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ นี่น่ะหรือปีศาจที่ทรงพลัง ทั้งอ้วนทั้งเตี้ย เขาตัวเตี้ยมาก ดูเหมือนว่าเขาน่าจะสูงไม่ถึง 1.5 เมตรเลยด้วยซ้ำ อย่างกับคนแคระแน่ะ
อีกฝ่ายเป็นแค่ชายตัวเตี้ย แต่ถ้าสังเหตุในมือของเขา เขากำลังถือดาบที่มีความยาวมากกว่าสองเมตร ใบมีดของดาบหนามาก มันแตกต่างจากดาบซามูไรของญี่ปุ่น เหมือนกับดาบฆ่าม้า มันต้องหนักมากแน่ๆ
แต่เมื่อเห็นเขาถือดาบด้วยท่าทางสบายๆแล้ว แสดงว่าน้ำหนักของดาบไม่ได้ทำให้เขารู้สึกลำบากคิดว่ามันเป็นภาระเลยแม้แต่น้อย
“ความแข็งแกร่งของนายนับว่ายอดเยี่ยมมาก ฉันจะตัดหัวนายเพื่อเป็นการไถ่โทษที่นายทำตัวไม่สุภาพ” เสิ่นเฟิงถือดาบในแนวนอน เขาใช้นิ้วแตะลงบนใบมีด พร้อมกับจ้องหน้าเฉินหลง
“จะทำได้จริงๆเหรอ? ถ้าอย่างนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าดาบของคุณจะเร็วกว่าของผมไหม” กล่าวจบ เฉินหลงก็หยิบดาบแห่งนรกออกมาจากแหวนของเขา
เสิ่นเฟิงอี้เต๋าไม่รู้เกี่ยวกับวงแหวนมิติและของวิเศษอื่นๆ แต่ทันทีที่เขาเห็นว่ามือของเฉินหลงมีดาบที่ดูแปลกตา ดวงตาของเขาก็หดลงในทันที
“หึ เยี่ยมมาก ถ้าอย่างนั้น มาดูกันว่า ‘กระแสดาบเดียว’ ที่มีวิชาดาบที่ทรงพลังแห่งสวรรค์ของฉันจะทำได้ไหม” ทันทีที่เสิ่นเฟิงกล่าวจบ เขาควงดาบแล้วพุ่งไปข้างหน้า
เขาไม่รู้ว่าชาวญี่ปุ่นใช้สเต็ปเท้าแบบไหน ถึงได้วิ่งได้ไกลหลายร้อยเมตร จู่ๆอีกฝ่ายก็มาปรากฏตัวตรงหน้าเฉินหลง แล้วใช้ดาบฟันลงมาที่เขาในทันที
เพลงดาบ‘กระแสดาบเดียว’ เร็วมาก!
ในทำนองเดียวกัน เฉินหลงได้แกว่งดาบแห่งนรกออกไปเช่นกัน เป็นการโจมตีของเขาทรงพลังที่สุดในดาบเดียว
ในตอนที่ดาบทั้งสองได้ปะทะกัน จู่ๆดาบของเสิ่นเฟิงก็เหมือนกับมีไฟฟ้าสถิต ทันใดนั้นเขาก็ได้กระโดดถอยหลัง
เขาแสดงสีหน้าตกใจออกมาผ่านใบหน้าที่พลังของ ‘กระแสดาบเดียว’ ของเขานั้นทรงพลังมาก แต่วิชาดาบของคู่ต่อสู้กลับทรงพลังมากกว่า เขารู้สึกอึดอัดราวกับว่ามีสายตานับไม่ถ้วนกำลังจับจ้องมาที่เขาอยู่
“วิชาดาบของนายเรียกอะไร?” เสิ่นเฟิงหันไปถามเฉินหลง
“สิบแปดกระบวนท่าดาบแห่งนรก… มันมีไว้ส่งปีศาจไปลงนรกยังไงล่ะ!” เฉินหลงยกดาบขึ้นมาแล้วชี้ไปที่เสิ่นเฟิง จากนั้นก็ควงดาบด้วยนิ้วทั้งห้า
“บากะ**!”
เสิ่นเฟิงบุกโจมตีเฉินหลงอีกครา
*เจ๊ก เอาไว้เรียก คนจีน
*ลูกพลับนิ่ม ประมาณว่า อ่อนแอ สู้คนอื่นไม่ได้
* แท็งค์ (Tank) ฮีโร่ในสายนี้ จะเป็นประเภท อึด ถึก ทน แต่โจมตีเบา มีเกราะ และพลังชีวิตสูง มีหน้าที่ที่สามารถอธิบายได้ง่ายๆ คือ “รับตีน” จากฝ่ายตรงข้าม ให้กับเพื่อนในทีม
*ばか บากะ = ไอ้บ้า ไอ้โง่เอ้ย
TB:บทที่ 219 ปีใหม่กำลังจะมาถึง
ผลที่ตามมาก็เหมือนอย่างก่อนหน้านี้ ดาบของเสิ่นเฟิงสั่นอีกรอบ แต่คราวนี้เฉินหลงเป็นฝ่ายตามเขาไปเหมือนร่างเงา และดาบแห่งนรกก็ได้ฟาดเขาไปที่เสิ่นเฟิง
เสิ่นเฟิงที่ไม่มีเวลาได้พักหายใจ ทำได้เพียงแค่ยกดาบขึ้นมากันอีกฝ่าย
สุดท้าย เฉินหลงก็ทำให้เสิ่นเฟิงอี้เต๋าตกใจอีกรอบ เพราะดูเหมือนว่าอีกฝ่ายก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน
แต่เฉินหลงไม่มอบโอกาสให้เขาได้หายใจอีก
หลังจากฟาดดาบออกไปสิบรอบ ดาบในมือของเสิ่นเฟิงอี้เต๋าถูกเฉินหลงฟันจนหัก มิหนำซ้ำหัวของเขาก็ถูกเฉินหลงตัดขาดอีกด้วย!
ดวงตาของเสิ่นเฟิงเบิกกว้าง คิดไม่ถึงเลยว่าดาบของอีกฝ่ายจะส่งเขาไปพบเจอกับความตายเช่นนี้ โดยที่เขาไม่รู้เหตุผลที่เฉินหลงฆ่าเขาเลยด้วยซ้ำ นี่มัน อะไรกัน….
ในตอนที่เห็นดาบกับศีรษะของเสินเฟิงถูกตัด เฉินหลงถึงกับพูดไม่ออกสักคำ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายอยู่ในระดับพลังลมปราณแต่ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่าดาบของเสิ่นเฟิงนั้นระดับต่ำกว่าเขา แถมยังไม่ได้เป็นคนแข็งแกร่งที่สุดด้วย
หลังจากนั้น พวกเขาได้เก็บกวาดสนามประลอง ส่วนลูกน้องชาวญี่ปุ่นที่เหลือ เขามอบหมายให้ดาบาร์เป็นคนจัดการเรื่องนี้ เพื่อสะสางเรื่องทั้งหมด โดยที่นินจาสาวสวยในชุดนินจาถูกทิ้งไว้ ในขณะเดียวกัน นินจาชายก็จะถูกส่งไปให้ดาบาร์จัดการ
หลังจากเก็บกวาดแล้ว เฉินหลงได้นินจาหญิงสองคนที่ได้รับบาดเจ็บเพราะเขา และนินจาหญิงหกคนที่เป็นปรมาจารย์ระดับสูงสุด
นินจาหญิงสองคนเกิดที่ประเทศจีน พวกเธอทั้งสองเป็นฝาแฝดกัน พวกธอมีชื่อว่า เสี่ยวเย่ หลิงเซียง กับ เสี่ยวเย่ หลิงฮวา แน่นอนว่าเฉินหลงจะใช้ผลซื่อสัตย์กับพวกเธอ
ใจจริงเฉินหลงเองก็ไม่ได้อยากใช้ผลซื่อสัตย์กับพวกเธอเท่าไหร่นัก แต่พวกเธอทั้งหมดถูกขนานนามว่า โอโนะ
หลังจากอยู่ในสำนักงานใหญ่ของแก๊งซากุระหนึ่งวัน เมื่อพี่น้องโอโนะหายดีจากอาการบาดเจ็บ เฉินหลงก็ได้พาพวกเธอไปด้วย แน่นอนว่าโอโนะทั้งแปดแปดคนนี้ไม่ได้สวมชุดนินจา แต่เป็นชุดธรรมดา พวกเขาจะได้ไม่ดูสะดุดตามากเกินไป
สำหรับการตัดสินใจรับเฉพาะลูกน้องที่เป็นผู้หญิง เรียกได้ว่าเฉินหลงฉลาดคิดมาก
ในตอนแรก แก๊งของเฉินหลงเต็มไปด้วยหยาง*และมีหยิน*น้อยมาก แต่ตอนนี้หลังจากที่ได้พี่น้องโอโนะทั้งแปดคนเข้ามาร่วมด้วยแล้ว ก็เท่ากับว่าหยินมากขึ้นและหยางก็น้อยลง
หลังจากนั้น เฉินหลงและพรรคพวกก็เดินทางออกจากประเทศญี่ปุ่นกลับไปยังประเทศจีนโดยเรือยอทช์
ครั้งนี้ เฉินหลงไม่ได้นั่งเรือยอทช์ลำเดียวกับตอนที่มากับดาบาร์ แต่เป็นเรือยอทช์ที่สูง 60 เมตรของแก๊งซากุระ
แน่นอนว่าดาบาร์ได้นำเรือยอทช์ของพวกเขากลับไปด้วย เขาจะทิ้งมันไว้ที่นี่ไม่ได้
พี่น้องโอโนะทั้งสองเหมือนกันราวกับแกะสำหรับเฉินหลงก็เหมือนกับขนมหวานเฉินหลงเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง เขาเห็นพวกเธอวนเวียนอยู่รอบตัวทุกวัน ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะอยากจะลิ้มลองพวกเธอ
ผู้หญิงญี่ปุ่นเหมาะกับการปรนนิบัติผู้ชายมากที่สุด ถึงจะเป็นครั้งแรกพวกเธอ แต่พวกเธอก็ยังรับใช้ได้อย่างดี
เมื่อเวลาอันแสนอ่อนหวานบนเรือยอทช์ไม่กี่วันได้ผ่านพ้นไป ในที่สุดเฉินหลงก็ได้กลับคืนสู่ประเทศจีน
หลังจากที่กลับจากธนาคาร เฉินหลงกับดาบาร์ก็ได้แยกทางกัน พวกเขาต้องหาทางไปเมืองหลวงด้วยตัวเอง ในขณะที่เฉินหลงกลับไปพร้อมกับรถส่วนตัวที่จอดอยู่ในลานจอดรถ
ก่อนออกเดินทาง เฉินหลงพบว่าแลนด์โรเวอร์ของลั่วฮุ่ยยังคงจอดอยู่ที่เดิม ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่กลับมาที่นี่
หลังจากกลับไปถึงเมืองหลวง เขาก็กลับไปที่วิลล่าของตัวเอง หลังจากซ่อมแซมอยู่หลายวัน สถานที่ที่ได้รับความเสียหายก็ได้รับการซ่อมแซมอีกครั้ง สภาพที่เห็นตรงหน้าใหม่มากราวกับว่ามันไม่เคยได้รับความเสียหายมาก่อน
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ดาบาร์และคนอื่นๆก็ได้เดินทางมาหาเขา
เฉินหลงให้พวกเขาได้พักผ่อนอยู่ที่วิลล่าหนึ่งคืน วันรุ่งขึ้น เฉินหลงได้เดินทางไปหาเกาเฟิงเซียวเพียงลำพัง
การเดินทางไปญี่ปุ่นครั้งนี้ ทำให้เฉินหลงได้รับคนที่มีระดับกำเนิดมาอีกสองคน หลังจากลิ้มรสความหอมหวาน ราวกับว่าเฉินหลงเห็นเค้กก้อนโตและเขาเองก็อยากลองกัดมันดูสักคำ ด้วยเหตุนี้เกาเฟิงเซียวจึงบอกเขาว่าองค์กรอื่นๆอยู่ที่ไหน และในขณะเดียวกัน เขาได้ให้เทคโนโลยีบางอย่างที่เขาได้รับมาจากมัตสึชิตะกรุ๊ปแก่เกาเฟิงเซียว ถึงของพวกนี้ไม่มีประโยชน์สำหรับเขา แต่สำหรับเกาเฟิงเซียวหรือคนทั่วไปในประเทศจีน มันมีประโยชน์มากทีเดียว
“น้องเฉิน นายรู้ไหมว่านายโชคดีแค่ไหนกัน? ในประเทศพวกนั้น แก๊งซากุระของญี่ปุ่นอ่อนแอที่สุด อย่าคิดถึงแก๊งที่เหลือเลย พวกเขาทั้งหมดเป็นถึงปรมาจารย์ขั้นหลอมรวมกับธรรมชาติ ครั้งนั้น ถึงนายจะไม่ได้เป็นฝ่ายที่ไปหาเรื่องพวกเขาก่อน แต่พวกเขาก็จะฆ่านายอยู่ดี” หลังจากที่ได้ฟังเรื่องที่เฉินหลงเล่ามาแล้ว เกาเฟิงเซียวคิดว่าเฉินหลงนั้นช่างโชคดีจริงๆ “ยังไงก็ช่างเถอะ ฉันจะส่งข้อมูลให้นายก็แล้วกัน เผื่อว่ามันจะมีประโยชน์กับนายบ้าง”
“ปล่อยให้พวกเขาสร้างปัญหาในประเทศจีน แล้วพวกเราสู้กลับไม่ได้เหรอครับ?” เฉินหลงหันไปถามเกาเฟิงเซียว
ได้ยินคำถามของเฉินหลง เกาเฟิงเซียวถึงกับปวดหัวตึบขึ้นมาทันที นี่ นายเป็นคนที่ชอบหาเรื่องคนอื่นใช่ไหม?
“พวกเราไม่ได้จับกุมแก๊งพวกเขา พวกเขาเองก็ไม่กลับมาที่นี่ พวกเราเป็นประเทศใหญ่ พวกเราต้องให้อภัยพวกเขาเหมือนกับคนอื่นสิ” เกาเฟิงเซียวตอบไม่ถูก “นอกจากนี้ โปรดักของบริษัทนายก็ขายดี เพราะฉะนั้น ช่างมันเถอะ นายลองคิดดูสิว่า มันสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนในประเทศจีนมากขนาดไหน”
“ก็ได้ ผมเข้าใจแล้ว” เฉินหลงไม่อยากเถียงอีกฝ่าย ยังไง อีกฝ่ายก็มีทั้งปรมจารย์ขั้นหลอมรวมธรรมชาติ ถ้าเขาบุกไปที่นั่น ดูท่าแล้วเขาคงถามหาความตายอย่างที่อีกฝ่ายพูดจริงๆนั่นแหละ
เกาเฟิงเซียวรับยูเอสบีมาจากเฉินหลง เขาตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆแล้วพูดว่า “น้องเฉิน บริษัทเว่ยหลงเทคโนโลยีของนายต้องมีอนาคตที่สดใสและก้าวไกลแน่ เชื่อฉันสิ”
พูดจบ เกาเฟิงเซียวที่ได้รับยูเอสบีแล้วก็กลับไปในทันที
เห็นเกาเฟิงเซียวกลับไปแล้ว เฉินหลงอดส่ายหัวไม่ได้ เนื่องจากความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้นั้นแข็งแกร่งเกินไป ตอนนี้อย่าเพิ่งไปยุ่งกับพวกมันดีกว่า รอให้ความแข็งแกร่งของเขาพัฒนาขึ้นอีกนิด แล้วค่อยไปหาเรื่องก็แล้วกัน!
แต่ถึงอย่างนั้น เฉินหลงเข้าใจดีว่าในช่วงเวลาสั้นๆ เขาต้องการพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองให้ก้าวไปอีกระดับ แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้สินะ
หลังจากวันนั้น เฉินหลงได้ซื้อวิลล่าหลังใหญ่อีกหลังในเมืองหลวง ให้ดาบาร์และคนอื่นๆได้พักอาศัย แถมเขายังเอาเครื่องเล่นที่เอาไว้เล่นเกมให้พวกเขาได้พัฒนาความสามารถในเกมอีกด้วย แน่นอนว่าชายฉกรรจ์ทั้งเจ็ดคนรวมถึงดาบาร์ใช้แบบฟูลเวอร์ชัน ส่วนนินจาสาวทั้งหกคนใช้แบบเวอร์ชันที่เป็นตอนๆ
จากนั้น เฉินหลงก็รอให้จี้โม่ซีมาถึงเมืองหลวง ในตอนนี้เฉินหลงมีความสามารถในการปกป้องเธอจากภัยอันตรายได้
วันเวลาได้ผ่านไป อีกครึ่งเดือนก็จะถึงวันฉลองปีใหม่
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เว่ยหลงเทคโนโลยีได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์สุดไฮเทคเช่น ‘ซุปเปอร์แบตเตอรี่’ ‘ซุปเปอร์ฮาร์ดดิสก์’ และผลิตภัณฑ์อื่นๆอย่างต่อเนื่อง
เฉินหยิงและครอบครัวของเธอได้ใช้ประโยชน์จากเหตุการณืนี้บวกกับเงินปันผลสิ้นปี ทุกคนได้เงินมากกว่าหนึ่งล้านหยวน และการเดินทางกลับก็เป็นกลุ่มเช่นกัน มีคนหนึ่งขับรถลินคอล์นเนวิเกเตอร์ของบริษัทกลับไป
ในทำนองเดียวกัน เฉินหลงและจี้โม่ซีก็กลับไปที่ซิงเฉิงด้วยกัน มีคนบอกเขาว่าเขาได้ครอบครองลูกสาวของพวกเขามาหลายเดือนแล้ว ตอนนี้ก็ใกล้จะปีใหม่แล้ว เขาควรจะส่งตัวลูกสาวของพวกเขากลับไปได้แล้ว
เฉินหลงพักอยู่ที่ซิงเฉิงหนึ่งวันแล้วค่อยกลับ
ถึงเขากับจี้โม่ซียังไม่ได้หมั้นหมายกัน และการโกหกคนอื่นที่อยู่ที่นี่เป็นเรื่องที่ไม่ดีนัก พวกเขาจะพูดถึงเรื่องนี้หลังจากที่ได้แต่งงานกัน ถึงในความคิดของเฉินหลง จี้โม่ซีจะเป็นภรรยาของเขาแล้ว และครอบครัวของจี้โม่ซีก็ยังเรียกเขาว่าลูกเขย แต่มันก็ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสมจริงๆ
*พลังด้านหยินนั้น เปรียบเสมือนกับ เพศหญิง
*พลังด้านหยาง เปรียบเสมือนกับ เพศชาย
TB:บทที่ 220 อยากไปทะเลจังเลย!
ท้ายที่สุดหลังจากทั้งหมด ในตอนที่ญาติพี่น้องตระกูลเฉินขับรถกลับไปที่หมู่บ้านพร้อมกัน ทุกคนต่างทราบดีว่าตระกูลเฉินได้รับยกระดับฐานะแล้ว และเหตุผลที่ทำให้พวกเขายกระดับฐานะขึ้นมาได้ นั่นก็คือ เฉินหลง!
ไม่มีใครคาดคิดเลยว่ามันจะเป็นวันที่ดีขนาดนี้ เนื่องจากเหล่าญาติๆของเฉินหลงสามารถหารายได้จากการพึ่งพาเฉินหลง พวกเขาจึงควรกินเนื้อแล้วดื่มน้ำแกงมากกว่าไปทำงานข้างนอกเป็นไหนๆ
ดังนั้น ตราบใดที่ตระกูลเฉินยังคงมีสัมพันธไมตรีต่อกัน พวกเขาทุกคนจะมายังบ้านของเฉินหลงทีละกลุ่ม แต่ในความเป็นจริงคือ พวกเขาอยากให้ลูกๆของตัวเองได้ดื่มน้ำแกงกับเฉินหลง
ในเมื่อพวกเขาขอมา เฉินหลงก็คงปฏิเสธไม่ลง
ถึงยังไง พวกเขาทุกคนต่างก็มาจากต้นตระกูลเดียวกัน พวกเขาใช้นามสกุลเฉินกันทุกคน ถ้ามีเรื่องอะไรที่เขาพอจะช่วยได้ เขาก็ยินดีช่วย
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขามีโรงงานแยกย่อยของบริษัทเว่ยหลงเทคโนโลยีแล้ว การที่เขาจะจัดส่งคนเข้าไปทำงานที่โรงงานนั้นไม่ได้ทำกันได้ง่ายๆ และเงินเดือนของพวกเขาก็อาจสูงขึ้นจากเดิมเล็กน้อย แต่ถ้าเขาคนนั้นเป็นคนที่มีความสามารถจริงๆ เขาจะเลื่อนตำแหน่งให้เป็นผู้จัดการแทน
สำหรับพ่อของเฉินหยิง ฉินต้าฉาง หลังจากที่เขารู้ว่าเฉินหลงได้ทำตัวเป็นยักษ์ที่ไม่เห็นหัวเขาเลย ถึงแม้ว่าเขากำลังมองอีกฝ่ายอยู่ก็ตาม หลังจากที่เฉินหลงกลับมาแล้ว เขาก็ได้พาภรรยาไปขอโทษครอบครัวของเฉินหลงจากจริงใจ
เมื่อเห็นท่าทางที่เต็มใจและจริงใจของเฉินต้าฉาง แถมอีกฝ่ายยังเป็นสมาชิกในครอบครัวของเขาอีก เฉินหลงก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะยอมให้อภัยเขาแต่โดยดีเพราะเห็นแก่เฉินหยิง
อันที่จริง ด้วยสถานะอันสูงส่งของเฉินหลงในตอนนี้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะมอบความกล้าหาญให้กับเฉินต้าฉางเป็นพันครั้ง แต่เขาก็ไม่กล้าทำผิดต่อเฉินหลง ถึงแม้ว่าคนอื่นจะเข้ามาทำลายชีวิตของเฉินหลง เขาก็ขอเป็นคนแรกที่จะยืนหยัดต่อสู้เพื่อเฉินหลง เพราะตอนนี้เฉินหลงได้กลายเป็นเสาหลักของตระกูลไปแล้ว ใครหน้าไหนที่กล้าเข้ามายุ่งก็กัดมันเลย นี่แหละ สิ่งที่มนุษย์พึงกระทำ!
“นี่! คุณพี่ชาย ทำไมพี่ไม่ขับรถลินคอล์นกลับมาอย่างพี่หยิงบ้างล่ะ? ตอนที่พวกเขากลับมา พวกเขาใช้รถแบบเดียวกับพี่หยิงเลย พี่รู้ไหมว่าคนในหมู่บ้านเห็นแล้ว อิจฉาตาร้อนกันขนาดไหน” ในตอนกลางคืน จู่ๆเฉินยี่ก็ได้เอ่ยถามเรื่องนี้กับเฉินหลง
“หึ พวกเขาก็แค่อยากอวดน่ะ ขนาดนี้แล้ว พี่ชายของเธอจำเป็นต้องอวดด้วยเหรอ?” เฉินหลงตอบพร้อมแสร้งทำเป็นว่าตัวกำลังถูกน้องสาวที่น่ารักกำลังใช้กำลังบังคับขู่เข็นอยู่
แต่จะว่าไป ที่เฉินหลงพูดมาก็ถูก คนอย่างเขาจำเป็นต้องอวดด้วยเหรอ? เหอะ คำตอบคือ ไม่จำเป็นเลยสักนิด! ถึงเขาจะขับจักรยานธรรมดาๆกลับบ้าน ชาวบ้านแถวนี้ก็ไม่กล้าดูถูกเฉินหลงหรอก!
“อี๋ พอ!” เฉินยี่ล่ะหมั่นไส้เฉินหลงจริงๆ แต่แล้วก็ถามต่อว่า “พี่ชาย พี่ทำให้พี่หยิงรวยขึ้นมาได้ยังไงอ่ะ? ฉันได้ยินมาว่าพี่ก่อตั้งบริษัทที่ปักกิ่งด้วย จริงเหรอ?”
น่าเสียดายที่ตอนนี้เฉินยี่กำลังศึกษาอยู่ ไม่อย่างนั้นเธอจะไปปักกิ่งกับพี่ชาย จะได้หาเงินได้เยอะๆเหมือนอย่างที่คนเขาทำได้บ้าง เฮ้อ… เสียดายจัง!
“นี่ไงล่ะ พี่ชายของเธอเปิดบริษัทอยู่ที่ปักกิ่ง เธอก็ตั้งใจเรียน หลังจากเรียนจบมหาลัยแล้ว เธอก็จะได้มาช่วยงานที่บริษัทของพี่ชายเธอยังไงล่ะ เรียนจบแล้วมีงานรองรับ เงินเดือนก็ดีด้วยน้า เป็นไง สุดยอดไปเลยใช่ไหมล่ะ” เฉินหลงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ทันทีที่ได้ยินว่าเฉินหลงเปิดบริษัทจริงๆ เฉินยี่จ้องหน้าเฉินหลงแล้วถามว่า “จริงเหรอ!? แต่กว่าฉันจะเรียนจบมหาลัย ก็ใช้เวลาตั้งหลายปี นี่! พี่ห้ามทำบริษัทเจ๊งเด็ดขาดเลยนะ แต่.. จะว่าไป บริษัทของพี่ชื่ออะไรนะ? เดี๋ยวหนูจะลองไปเสิร์จหาในอินเทอร์เน็ตดู”
ในตอนที่ได้ยินเฉินยี่พูดว่าบริษัทเจ๊ง เฉินหลงถึงกับกลอกตาไปมาแล้วตอบเธอว่า “ไม่ต้องห่วง บริษัทเว่ยหลงเทคโนโลยีของฉันไม่มีทางเจ๊งก่อนเธอเรียนจบมหาลัยแน่นอน แต่ถ้าเธอทำหน้าที่ของเธอไม่สำเร็จ ฉันก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว”
ทันทีที่เฉินหลงพูดจบ เขาเหลือบมองไปทางเฉินยี่และพบว่าเธออึ้งจนร่างกายแข็งเป็นหิน ราวกับว่าเธอเห็นเฉินหลงเหมือนเห็นผี
ผ่านไปซักพัก เธอได้พูดขึ้นมาว่า “เทค…เทคโนโลยี…เว่ยหลง? บริษัทเว่ยหลงเทคโนโลยีในปักกิ่งอ่ะนะ? เอ๊ะ ไม่สิ ก็ชื่อเหมือนกันนี่นา…?”
“ชื่อเหมือนกันอะไรล่ะ บริษัทของฉันชื่อว่าเว่ยหลงเทคโนโลยี เว่ยเฟิง เว่ยเว่ย เฟยหลง นิวเวิล์ด ก็คือตัวแทนของบริษัทฉันทั้งนั้น” เฉินหลงตอบพร้อมกับมองไปทางเฉินยี่
เฉินยี่จ้องหน้เฉินหลง เธอกุมมือเฉินหลงขึ้นมา จากนั้นก็อ้าปากแล้วใช้ฟันคมๆของตัวเองกัดไปที่มันแรงๆ
“อ๊ากกกก ~ ~ ~”
เฉินหลงร้องออกมาสุดเสียง
ถึงเฉินหลงจะใช้ระฆังทองสิบสองชั้น แต่ในตอนนี้เขาพยายามควบคุมมันสุดความสามารถเพื่อไม่ให้น้องสาวของตัวเองได้รับบาดเจ็บ
เมื่อได้ยินเสียงร้องของเฉินหลงแล้ว เฉินยี่ก็ยอมปล่อยมือของเฉินหลงให้เป็นอิสระ
“เฮ้! น้องสาว นี่เธอมากัดฉันทำไมเนี่ย?” เฉินหลงที่รู้สึกได้ทันทีว่าตัวเองกำลังถูกกัดจึงถามขึ้นด้วยความไม่เขาใจ
“ก็ไม่ทำไม ฉันแค่อยากพิสูจน์ว่าฉันกำลังฝันอยู่รึป่าว” เฉินยี่ตอบเสียงเรียบ
“เดี๋ยวเถอะ! ทำไมเธอไม่กัดตัวเองล่ะ มากัดพี่ทำไมเนี่ย!?” เฉินหลงถามด้วยสีหน้าขมขื่น
“เหอะ พี่คิดว่าฉันโง่นักเหรอ? ฉันจะกัดตัวเองให้เจ็บเล่นเท่าไมเล่า?” เฉินยี่เหลือบมองเฉินหลง จากนั้นก็ร้องอุทานด้วยความตื่นเต้น “เทคโนโลยีเว่ยหลง! เว่ยหลงเทคโนโลยี! นิวเวิล์ด! สุดยอด! สุดยอดไปเลยยย!!”
เห็นเฉินยี่ตะโกนออกมามอยางกับคนบ้า เฉินหลงหมดคำจะพูด น้องสาวของเขาก็อายุตั้ง 16 ปี แต่ทำไมถึงยังชอบทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโตได้นะ เฮ้อออ
“ว้าววววว! พี่ชาย! พี่นี่สุดยอดสุดๆไปเลย พี่เป็นถึงผู้บุกเบิกเว่ยหลงเทคโนโลยี พี่คิดค้นนิวเวิล์ดขึ้นมาได้ยังไงเนี่ย!?” หลังจากตื่นเต้นอยู่สักพัก เฉินยี่ก็เริ่มสงบลง
เฉินยี่มีความสุขมากเพราะเธอเคยได้ยินมาว่าเว่ยหลงเทคโนโลยีได้กลายเป็นบริษัทที่ทำกำไรได้มากที่สุดในประเทศจีน และเงินจำนวนนั้นเรียกได้ว่าทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศจีน แต่ถึงอย่างนั้นตัวตนของประธานตัวจริงของบริษัทเว่ยลงเทคโนโลยีนั้นเป็นความลับสุดยอดและไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน หลายคนเดาว่าเขาน่าจะเป็นคนในประเทศ แต่เธอก็คิดไม่ถึงเลยว่าบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศจีนคือพี่ชายของเธอเอง! กล่าวคือ เธอคือน้องสาวของบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศจีน แล้วแบบนี้จะไม่ให้เฉินยี่ตื่นเต้นได้ยังไงเล่า!? กรี๊ดดดดด!!
“ชู่ว! เบาๆสิ มันคือความลับนะ” เฉินหลงหันไปมองรอบๆตัวแบบเงียบๆ
เฉินยี่พยักหน้าหลังจากที่เห็นอีกฝ่ายทำท่าแบบนั้น
“พี่ชาย! ฉันอยากได้เครื่องเล่นนิวเวิล์ดอ่ะ” เฉินยี่อ้อนกับเฉินหลง
เครื่องสวมศรีษะที่มีราคาแค่สองพันหยวนนั้นไม่แพงเลยสำหรับเฉินยี่ แต่เพราะว่ามันขายหมดเร็วมาก บวกกับพ่อกับแม่เองก็ไม่สนับสนุนให้เธอเล่นเกมด้วย เพราะแบบนี้เธอถึงไม่ได้เป็นเจ้าของเครืองเล่นนิวเวิล์ดสักทียังไงล่ะ!
“ได้อยู่แล้ว!” เฉินหลงตอบอีกฝ่ายทันที
ถึงเครื่องเล่นนิวเวิล์ดจะได้รับความนิยมจากทุกคนในโลกปัจจุบันเป็นอย่างมาก ถ้าเขาจะยกให้น้องสาวสักชิ้นก็คงไม่เสียหายอะไร
นอกจากนี้ โดยทั่วไปร่างกายของเด็กมัธยมปลายไม่ค่อยแข็งแรง ถ้าเธอได้ใช้นิวเวิล์ด เธอก็จะได้ออกกำลังกายบ้าง
“จริงเหรอ? พี่ชายใครเนี่ย ใจดีที่สุดเลย!” เฉินยี่พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ว่าแต่ หลังปีใหม่ เธออยากไปเที่ยวที่ไหนรึป่าว?” เฉินหลงเอ่ยถาม
หลังปีใหม่ เขายังมีเวลาสำหรับวันหยุดพักผ่อนอยู่ เฉินหลงอยากพาครอบครัวไปเที่ยว พ่อกับแม่ของเขาต้องทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงลูกชายและลูกสาวทั้งสองคนมาครึ่งค่อนชีวิตแล้ว ตอนนี้จึงเป็นโอกาสที่พวกเขาจะได้เพลิดเพลินกับความสนุกและมีความสุขในชีวิตเสียที
“พี่ชาย ฉันอยากเห็นทะเล พวกเราไปเที่ยวทะเลกันเถอะ! ฉันอยากไปหย่าเฉิง ที่นั่นเป็นหน้าร้อนพอดีเลย พวกเราจะได้หลบหนีจากฤดูหนาวด้วย ไปที่นั่นกันเถอะ พี่ชาย~” ได้ยินว่าไปเที่ยว ทันใดนั้นเฉินยี่ก็บอกสถานที่ที่เธออยากไปในทันที
ชูหนานเป็นเขตเมืองในประเทศ บางคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ไม่เคยเห็นทะเลมาก่อนในชีวิต ยกตัวอย่างง่ายๆก็คือเฉินหลง ถ้าเขาไม่รวย ชีวิตนี้เขาก็คงไม่มีโอกาสได้เห็นทะเลกับตา เพราะฉะนั้น เฉินยี่ก็เหมือนกับเขานั่นแหละ เธอไม่เคยเห็นทะเลมาก่อน เธอจึงอยากเห็นชายหาดและน้ำทะเลที่สวยงาม และได้เล่นน้ำในทะเลสักครั้งในชีวิต เขาเชื่อว่านี่คงเป็นความใฝ่ฝันของทุกๆคนที่ชีวิตนี้ไม่เคยได้เห็นทะเลมาก่อนเลย
TB:บทที่ 221 งานเลี้ยงในเครื่องแบบ
“ดีไม่มีปัญหา” เฉินหลงพยักหน้า “ สายไปแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ”
เฉินยี่พยักหน้าและเดินกลับไปที่ห้องของเธอด้วยความตื่นเต้น
เมื่อใกล้จะถึงวันตรุษจีน เป็นธรรมเนียมในหมู่บ้านที่ทุกครัวเรือนต้องฆ่าหมูเพื่อนำมารมควัน เอามาทำเป็นเบคอน ไส้กรอก ฯลฯ เมื่อเขายังเป็นเด็กเฉินหลงตั้งหน้าตั้งตารอ ให้มีปลาตัวโตและเนื้อสัตว์ใหญ่ไว้รับประทานในช่วงวันปีใหม่
ใกล้จะถึงวันปีใหม่แล้ว คนที่จะไปทำงานกำลังจะกลับมาและนักเรียนก็มารวมตัวกันมากขึ้น
เฉินหยิงและเพื่อนร่วมชั้นถูกเรียกให้ไปร่วมงานเลี้ยงเพื่อนร่วมชั้น ตอนนี้พวกเขาจะได้รับโชคใหญ่ถึงล้านหยวน แต่ถ้าไม่มา ก็อดไป ช่วยไม่ได้
โดยปกติแล้วเฉินหลง จะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตราบใดที่พวกเขาไม่พูดว่าพวกเขาทำงานให้กับบริษัทเว่ยหลง
เฉินหลงก็ได้รับคำเชิญจากเพื่อนร่วมชั้น ไม่ใช่จากโรงเรียนมัธยม แต่จากระดับวิทยาลัย
เฉินหลงเคยศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยฉือหนานและเขาเป็นคนเรียนแย่ที่สุดของระดับชั้น เฉินหลงไม่ได้เก่งในทุกด้าน จึงเป็นเรื่องยากมากที่จะก้าวไปข้างหน้า ครั้งที่แล้วเฉินหลงแสร้งทำเป็นไม่เห็นเขา นอกจากนี้ พวกเขามักจะไม่ค่อยติดต่อกับนักศึกษาเท่าไร มีเพียงแค่ถาม แต่ก็ไม่ได้ถามอีกต่อไป
แต่ปีนี้ไม่รู้ว่าทำไม พวกเขาทั้งหมดบอกว่าพวกเขาต้องการมาร่วมกัน เพื่อนๆนักศึกษาทุกคนก็คิดเช่นนั้น เฉินหลงเลยปฏิเสธไม่ได้ว่าจะไม่ไป แน่นอนว่าเขาก็อยากไปเปิดตัวเองเหมือนกัน
แต่ สิ่งที่ทำให้เฉินหลงพูดไม่ออกก็คือเขาต้องสวมเครื่องแบบของวิทยาลัยไปในงานปาร์ตี้ประจำสัปดาห์ แต่เขาสัญญาว่าเขาจะสวมใส่ดีๆ
เมื่อเฉินหลงหยิบชุดประจำวิทยาลัยออกมา ความทรงจำดีๆก็เกิดขึ้นในใจ ดูเหมือนว่านักศึกษาเหล่านี้ก็กำลังมองหาความทรงจำบางอย่างในสมัยเรียนมหาวิทยาลัย
เนื่องจากมหาวิทยาลัยฉือหนานอยู่ในซิงเฉิงสถานที่นัดพบของนักศึกษาจึงอยู่ที่มหาวิทยาลัยฉือหนาน ดังนั้นเฉินจึงขับรถแลนด์โรเวอร์ไปยังเมืองนั้นล่วงหน้าก่อนหนึ่งวัน
เดิมทีเฉินหลงอยากจะพา จี้โมซี เข้าร่วม แต่เนื่องจากต้องการให้ใส่ชุดนักศึกษา ก็เลยล้มเลิกความคิดนี้
ในวันงานเลี้ยงตอนที่เฉินหลงกำลังจะออกไปข้างนอกโดยใส่ชุดนักศึกษาอยู่ เขาพบสิ่งที่น่าอายมาก เพราะตอนเรียนวิทยาลัย เสื้อยังใส่ได้ แต่ตอนนี้ ดูสิ เสื้อมันหดเล็กลง เขาใส่เสื้อได้ แต่กางเกงขายาวนั้นสั้นเต่อเหมือนใส่กางเกงสี่ส่วนเลย
เฉินหลงเลยได้แต่ใส่เสื้อนักศึกษา แต่เปลี่ยนไปใส่กางเกงตัวอื่นแทน
เมื่อเขามาถึงมหาวิทยาลัยฉือหนาน เฉินหลงเห็นว่ามีนักศึกษาหลายคนในชุดนักศึกษารออยู่ข้างนอก
เมื่อเฉินหลงเดินผ่าน เด็กเหล่านั้นก็ตะลึง ชุดนักศึกษานี่เป็นชุดของวิทยาลัยเขา แต่ เขาเป็นใครนะ เขาไม่ได้อยู่ในห้องนี้แน่เลย
“สวัสดี ไม่ได้เจอกันมาสองปีแล้ว จะลืมกันไม่ได้นะ” เฉินหลงยิ้มเมื่อเห็นพวกนั้นตกตะลีง
“เจ้าบ้าเฉินหลง ไปทำศัลยกรรมที่ประเทศเกาหลีมาหรือไง ทำไมหล่อกว่าฉันได้เนี่ย” หนึ่งในนั้นคือเพื่อนร่วมของเขา ดวงตาของเขาเบิกกว้างและทำหน้าตกใจมากว่าที่พบว่าชายคนนี้คือเฉินหลง
“ยังมีวิสัยทัศน์ดีอยู่นะเนี่ย หลี่กัว” เฉินหลงยกนิ้วให้กับหลี่กัวที่จดจำเขาได้
“เฉินหลง นายเปลี่ยนไปมาก”
“ว่ากันว่าสี่ปีของมหาลัยจะทำให้คนกลายเป็นอีกคนได้ แต่การทำให้คนหนึ่งกลายเป็นคนอื่นหลังจากเรียนจบ ไม่น่าเชื่อเลย”
……
“ ในสองปีที่ผ่านมาฉันไม่ได้ติดต่อกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนเลยโชคดีไปไหมฉันกลัวว่าเพื่อนร่วมชั้นจะมาหาคุณ” หลี่กัว วางแขนของเขาไว้รอบไหล่ของ เฉินหลง และทำเรื่องน่าขำพร้อมรอยยิ้ม
“เปล่า ฉันมันก็เป็นแค่คนเร่ร่อนของปักกิ่งขออาหารและเสื้อผ้าให้เพียงพอ” เฉินหลงกล่าว
ถ้า เฉินหลง บอกว่าเขาเป็นเจ้านายของเว่ยหลงเทคโนโลยี แล้วล่ะก็ หลี่กัว จะไม่เชื่อดังนั้น เฉินหลง จึงสามารถพูดโกหกเล็กน้อยที่พวกเขายอมรับได้
“ตกลงฉันทั้งหมดอยู่ในเมืองหลวงของจักรวรรดิฉันมีอนาคตที่สดใส” หลี่กัว เชื่อจริงๆและไม่ได้พูดอะไรอีก อย่างไรก็ตามทุกวันนี้มีคนจำนวนมากลอยคออยู่ในปักกิ่ง ไม่ใช่เฉินหลงคนเดียว
“ ยังไงตอนนี้คุณกำลังทำอะไรอยู่” เฉินหลงยังถาม
“ตอนนี้ฉันเป็นโค้ชฟิตเนส สอนการออกกำลังกายสำหรับผู้หญิงที่รวยเหล่านั้นวิชาเอกในมหาวิทยาลัยของเราเป็นที่นิยมมากเกินไป การแข่งขันกันมากเกินไปที่จะหางานที่ดีกว่านี้ โชคดีที่ฉันฟิตร่างกายมาพร้อม มิเช่นนั้นฉันจะอดตายแน่ๆ”
เมื่อพูดถึงเรื่องหลัง น้ำเสียงของ หลี่กัว ก็ดูไม่ค่อยดีเท่าไร
คำพูดของ หลี่กัว ทำให้ เฉินหลง มีความรู้สึกเหมือนกันเขาเกือบอดตายที่นี่ในซิงเฉิงถ้าไม่ใช่เพราะระบบ เขาคงต้องกลับไปช่วยพ่อแม่ปลูกผัก ตอนนั้นฉันคงเสียศักดิ์ศรี ไม่ใช่เรื่องน่าอายสำหรับนักศึกษาวิทยาลัยที่จะกลับไปที่หมู่บ้านเพื่อทำไร่ไถนา
“แต่ตอนนี้คุณสบายแล้วถ้ามีผู้หญิงรวยเข้ามารีบคว้าเอาไว้” เฉินหลงทำเรื่องตลก
วันนี้เป็นการรวมตัวของเพื่อนร่วมชั้น เรามาที่นี่เพื่อสนุก อย่าได้รับผลกระทบจากความเป็นจริงบางอย่าง
“ มันเป็นไปไม่ได้ ฉันเป็นโค้ชฟิตเนสที่มีความซื่อสัตย์ และเป็นมืออาชีพ และฉันจีบลูกค้าไม่ได้ หากเป็นนาย หน้าขาวๆหน่อย อยากให้แนะนำให้รู้จักไหมล่ะ “หลี่กัว มองเฉินหลงตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างตั้งใจ
“ไม่เหมาะกับฉัน ฉันชอบคนตัวเล็ก ๆ ” เฉินหลงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อฉันอยู่กับเพื่อนร่วมชั้นฉันรู้สึกอิสระและไม่ถูกจำกัด ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมาก
“อ่อนหัด” หลี่กัวหัวเราะ
“ถ้าผู้ชายไม่หื่นก็ไม่มีปัญหาจริงๆ” ด้วยเหตุนี้เฉินจึงมองไปที่หลี่กัวอย่างตั้งใจ
“มองอะไร ฉันอาจจะเป็นคนที่มีความสามารถ” หลี่กัว เดินไปที่เฉินหลงอีกครั้ง
“ใหญ่หรอ ใหญ่แต่ไม่ได้หมายความว่าจะแข็งแกร่งนะ” เฉินหลงพูดเบา ๆ
……
หลังจากนั้นไม่นานนักเรียนกว่า 20 คนก็เข้ามาต่อเนื่องเกือบทั้งหมด หลังจากนั้นนักเรียนบางคนก็ไปต่างประเทศและบางคนก็ไม่มีเวลามา
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาเห็นเฉินหลงพวกเขาก็ยังประหลาดใจอย่างมาก การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นเรื่องใหญ่เล็กน้อย ผู้คนเติบโตสูงและหล่อเหลาเป็นระดับเทพชาย
สายตาของนักเรียนหญิงบางคนดึงดูดเฉินหลงอย่างสมบูรณ์
“ได้เวลามาแล้วงานเลี้ยงของพวกเราเริ่มต้นขึ้นก่อนอื่นเราต้องเข้าห้องเรียนและกลับมาเป็นนักเรียนอีกครั้ง” หลี่กัว กล่าวอย่างกะทันหัน
“ขอรายงานค่ะ” นักเรียนสาวยกมือขึ้น
“พูดมาเลย”
“ตอนนี้ประตูปิดและนายประตูก็กลับบ้านไปแล้วเราไม่สามารถเข้าโรงเรียนได้เลย” หญิงสาวกล่าว
“มันง่ายมากตามฉันมา” ด้วยเหตุนี้ หลี่กัว จึงนำทางไปข้างหน้าและนำกลุ่มนักเรียนไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
เมื่อเห็นทิศทางของ หลี่กัว เฉินหลงก็รู้ว่าสถานที่นั้นอยู่ที่ไหนเพราะเฉินหลงเคยอยู่ที่นั่น
แน่นอนว่าสถานที่ที่ หลี่กัว พาคุณมาคือสิ่งที่เฉินคิด
มันคือต้นไม้รูปร่างบิดเบี้ยว มีกิ่งคดเคี้ยวเพียงพอสำหรับคนที่จะปีนเข้าไปในโรงเรียนได้ ในอดีตเฉินหลงและเพื่อนร่วมชั้นปีนเขาด้วยกันครั้งหนึ่ง เขาไม่คิดเลยว่าจะได้ปีนขึ้นไปอีกรอบหลังจากเรียนจบแล้ว
TB:บทที่ 222 ออกเดินทาง
“ หลี่กัว ไม่ใช่จะให้เราปีนต้นไม้หรอกใช่ไหม” เพื่อนร่วมชั้นหญิงถามอีกครั้ง
รั้วซึ่งสูงเกินสองเมตร ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้หญิงที่จะปีนขึ้นไป
อย่างไรก็ตามหาก “นิวเวิร์ล” เป็นที่นิยม ความสูงนี้จะไม่เป็นปัญหาเลย
“ต้นไม้ไม่สูงหรอก ปีนได้สบาย ๆ ไม่ต้องห่วงถ้าไม่กล้าลงมาหลังจากขึ้นไปฉันจะรออยู่ข้างล่าง”
หลี่กัวใส่ท่าออกกำลังกายแล้วปีนขึ้นต้นไม้สองหรือสามครั้งแล้วพลิกตัวข้ามกำแพงอย่างสวยงาม
หลังจากที่หลี่กัวขึ้นฝั่ง เขาก็พูดว่า “ฉันมาแล้วเธอมาได้แล้ว“
ในเวลานี้เด็กชายไม่เต็มใจที่จะแสดงความอ่อนแอในอดีตเพราะไม่มีเด็กผู้ชายคนใดที่เต็มใจที่จะทำตัวแย่กว่าคนอื่นต่อหน้าเด็กผู้หญิง
อย่างไรก็ตามเฉินหลงไม่รีบร้อนที่จะปีนข้ามไป
“ เฉินหลง ทำไมไม่ไปที่นั่น” หญิงสาวที่หน้าตาดีพอสมควรถามเขา
เด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ให้ความสนใจกับเฉินหลงมากนักตอนที่เธอเรียนอยู่ในวิทยาลัย ตอนนี้เฉินหลงเปลี่ยนไปแล้ว เธอมีความคิดอื่น ๆ
“ถ้าไม่มีผู้ชายทุกคนช่วยคุณ คุณจะไปที่นั่นได้อย่างไร” เฉินหลงยิ้ม
ผู้ชายทุกคนอยากแสดงตัวตน และลืมไปว่าจะทำอย่างไรถ้าผู้หญิงปีนต้นไม้ไม่ได้
คำพูดของเฉินหลงทำให้สาว ๆ รู้สึกสบายใจมาก ผู้ชายอะไร ทำไมดูอบอุ่นจังเลย ผู้ชายแบบนี้เรียกว่าผู้ชายอบอุ่น
“ เฉินหลง แฟนของคุณต้องมีความสุขมาก ๆ ” หญิงสาวถามแบบนี้เพื่อหวังจะดูว่าเฉินหลงมีแฟนหรือยัง
“ใช่แล้วเธอเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนมาก” เมื่อพูดถึงแฟนสาวของเขาใบหน้าของเฉินหลงแสดงรอยยิ้มที่อ่อนโยน
รอยยิ้มสบาย ๆ บนใบหน้าของเฉินหลงทำให้หญิงสาวเคลิ้ม
“จะมาได้หรือยัง” หลี่กัว กำลังพูดเร่งเร้าพวกเขาอยู่หลังกำแพง
“อืม คุณขึ้นไปทีละคนไม่ต้องกังวล ไม่ตกแน่ๆ” เฉินหลงยิ้มและยื่นมือออกไป
จากนั้นสาว ๆ ก็ปีนทีละคน หลังจากที่สาว ๆ ผ่านไปหมดแล้วเฉินหลงก็กระโดดขึ้นต้นไม้สองครั้งจากนั้นก็หันหลังกลับ และ กระโดดลงพื้นอย่างมั่นคง
ดังเช่นการแสดงผาดโผนที่ทำให้กลุ่มนักเรียนดู
“อย่าแปลกใจเลยฉันเล่น ปาร์กัวร์ ตอนอยู่ที่ปักกิ่ง”
“หล่อมาก“
“หล่อมาก“
สาว ๆ มองเฉินหลงด้วยตาสว่าง ปาร์กัวร์ เท่จริงๆ
“นายทำเป็นเก๊กหล่อเฉยๆป่าว” หลี่กัวกระซิบเบาๆข้างๆเฉินหลง
เฉินหลงพูดด้วยรอยยิ้ม ” ช่วยไม่ได้ ก็ฉันหล่อมากไง รีบไปที่ห้องเรียนเร็ว ๆ ไม่ได้มาสองปีแล้ว คิดถึงความหลังจัง“
“ไปกันเถอะ.”
จากนั้นกลุ่มคนก็เดินไปที่ห้องเรียนเดิม
ทุกคนหาที่นั่งของตัวเอง
ในตอนนี้ดูเหมือนว่าทุกคนจะกลับไปที่โรงเรียนย้อนกลับไปสู่ยุคนักเรียน
หลังจากสองหรือสามชั่วโมงแห่งความคิดถึงในโรงเรียนคนกลุ่มหนึ่งก็ออกจากโรงเรียน
หลังจากนั้นทุกคนก็ทานอาหารเย็นด้วยกันและพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ของตัวเองหลังเรียนจบ ทุกคนเพิ่งเรียนจบและเข้ากันไม่ได้ และบางคนจะเข้ากันได้ดี บรรยากาศของมื้อค่ำจึงดีมาก
หลังจากนั้นพวกเขาก็เปิดห้องคาราโอเกะเพื่อร้องเพลงและเต้นและพวกเขามีความสุขมากที่ได้เล่น
ไม่ว่าคุณจะล้ำเลิศแค่ไหนคุณก็ควรพักผ่อน
หลังจากบ่ายโมงแล้วงานเลี้ยงเลิกแล้วทุกคนก็ไปพักผ่อน
เฉินหลงก็ขับรถกลับบ้านพักของเขา
วันรุ่งขึ้นเฉินหลงกลับมาที่หมู่บ้าน
วันเวลาด้วยวิธีนี้ผ่านไปและในไม่ช้าก็ถึงวันที่สามสิบของปีใหม่
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทุกคนต่างอยู่ในบ้านของตัวเองสำหรับงานเทศกาล แต่ปีนี้ต่างออกไปตระกูลเฉินต่างก็มาที่บ้านของเฉินหลง
หลังจากเผาเงินกระดาษสำหรับคนสมัยก่อนและจุดประทัดแล้วผู้เฒ่าผู้แก่ก็เริ่มกินอาหารเย็นส่งท้ายปีเก่า
ตระกูลเฉินไม่เคยมีชีวิตชีวาเท่านี้มาก่อน เมื่อเห็นว่าครอบครัวของเขามีความสามัคคีกันเฉินหลงจึงคิดว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องมากที่เขาจะให้พี่น้องเข้ามาใน บริษัท มิฉะนั้นฉากดังกล่าวจะมาจากไหน? ตราบใดที่คุณเข้มแข็งครอบครัวของคุณจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกับคุณ
พวกเขาอยู่จนกระทั่งระฆังปีใหม่ดังขึ้นก่อนที่พวกเขาจะออกจากบ้านตามลำดับ
ในตอนนี้เฉินหลงยังส่งข้อความถึงจี้โมซีว่า “ขอให้ครอบครัวของเธอมีความสุขในวันปีใหม่” เขายังบอกอีกว่าหลังปีใหม่เขาจะไปเยี่ยมเธอที่บ้านด้วย
ในขณะเดียวกันโทรศัพท์ของเฉินหลงก็ดังขึ้น เฉียนชางเจีย ลั่วฮุย ฮัวหมิงเหริน เฉินชางชิง ลู่หนาน เกาเฟิงเสี่ยว หวังเจียน และ หวังชุย ต่างก็โทรหาเฉินหลงกัน,
เฉินหลงและพวกเขาแต่ละคนพูดกันสองสามคำและหลังจากวางสายครั้งสุดท้ายก็เกือบบ่ายโมงและเฉินหลงก็ได้พักผ่อน
วันแรกของปีใหม่ทุกคนอยู่บ้าน ไม่รีบ ใช้วันพักผ่อนวันที่สองของปีใหม่ การโทรหาในวันปีใหม่มีมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาครอบครัวของเฉินหลงซึ่งก็คือพี่น้องของเขาเดินไปมา ปีนี้มีคนจำนวนมากจากหมู่บ้านมาเยี่ยมเฉินหลงในปีใหม่ ถ้าพวกเขาพาลูกมา เฉินหลงก็แค่ส่งอั่งเปาให้เขาโดยตรงพร้อมเงินอย่างน้อย 600 หยวน
และถ้าญาติของพวกเขานำเด็กมาด้วยก็จะเป็นอั่งเปาขนาดใหญ่อย่างน้อย 2,000 หยวน
มันช่วยไม่ได้ ตอนนี้เฉินหลงทำเงินได้ทุกวัน
ในวันที่สามของปีมใหม่มีคนจำนวนมากมาทักทายเฉินหลง อย่างไรก็ตามคนเหล่านี้ทำให้เฉินหลงแปลกใจและไม่เคยได้ยินว่าพวกเขามา
ผู้คนเกือบทั้งหมดที่โทรศัพท์ในวันส่งท้ายปีเก่าของจีนมาถึงและของขวัญที่พวกเขานำมาก็มีค่ามาก ท้ายที่สุดทุกคนเป็นคนมีฐานะ หากของขวัญที่คุณส่งไปไม่ดีพอมันจะส่งผลกับชื่อเสียงของคุณ
เพราะพวกเขาทั้งหมดเป็นเพื่อนของเฉินหลง หลังจากที่เฉินหลงแนะนำพวกเขาให้รู้จักกับครอบครัวของเขาแล้วเฉินหลงก็ไปกับพวกเขาเป็นการส่วนตัว
หลังจากทานอาหารกับพวกเขาแล้วพวกเขาก็จากกัน หลังจากนั้นก็เป็นวันตรุษจีน พวกเขาไม่ต้องการรบกวนเฉินหลงมากเกินไป
หลังจากส่งพวกเขาไปเฉินหลงก็พูดในใจว่า “ฉันจะตอบแทนเรื่องของขวัญทีละชิ้น“
ในวันที่สี่ของปีใหม่เฉินหลงขับรถไปที่ซิงเฉิง เขาบอกว่าจะไปหา จี้โมซี เพื่อทักทายปีใหม่ที่นั่น เขาไม่สามารถผิดคำสัญญาได้
สำหรับของขวัญนั้นให้ใช้ของขวัญจาก เฉียนชางเจีย เพียงไม่กี่ชิ้น
หลังจากมาที่บ้านของจี้โมซี พร้อมกับของขวัญ เฉินหลงก็ได้รับความนิยมอย่างมาก
ในช่วงเวลานี้เฉินหลงกล่าวว่าหลังจากวันที่แปดของปีใหม่ทุกคนไปที่ ยาเชง เพื่อท่องเที่ยว
สำหรับข้อเสนอนี้ครอบครัวของจี้โมซีไม่ขัดข้อง ความสัมพันธ์ของเฉินหลงและจี้โมซีนั้นเข้ากันได้ดี เขาจะใช้โอกาสนี้เพื่อหารือเกี่ยวกับการแต่งงานของพวกเขากับพ่อแม่ของเฉินหลง และหาฤกษ์งามยามดีเพื่อแต่ง
หลังจากนั้นทั้งสองครอบครัวก็ออกเดินทางไปที่ ยาเชง เพื่อท่องเที่ยวด้วยกัน
สำหรับ เฉินหยิง และพวกคนอื่นๆสามารถทำอะไรก็ได้ที่ต้องการ ตอนนี้พวกเขามีเงินเก็บเป็นล้านพวกเขาอยากจะไปที่ไหนก็ได้ในจีน
ในไม่ช้าวันที่แปดของปีใหม่ก็มาถึง ในเวลานี้คนที่พักผ่อนอยู่บ้านเป็นเวลาหลายวันควรไปทำงานด้วย อย่างไรก็ตามครอบครัวของเฉินหลง และ จีโมซี ได้ออกเดินทางไปดูทะเลด้วยกัน
TB:บทที่ 223 หินย้ายตำแหน่ง
เนื่องจากสภาพภูมิอากาศของยาเชงเป็นแบบเขตร้อนเฉินหลงและพรรคพวกจึงไปที่ยาเชงและเสื้อผ้าของพวกเขาก็เปลี่ยนจากเสื้อผ้าที่บุด้วยผ้าฝ้ายและเสื้อโค้ทลงมาเป็นเสื้อผ้าสั้นและกางเกงขาสั้น
หลังจากพบพ่อแม่ของเฉินหลง และ จี้โมซี พวกเขาเข้ากันได้ดีมาก พ่อแม่ของเฉินหลงเป็นชาวนาที่ซื่อสัตย์และมีความรับผิดชอบและตระกูล จี้ เป็นเพียงครอบครัวชนชั้นแรงงานธรรมดา นอกจากนี้ด้วยประเด็นการแต่งงานที่เกิดขึ้นในครอบครัว จี้ ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยกันทันทีและปรึกษากันว่าจะเลือกวันใดและจะจัดการงานแต่งงานอย่างไร
แน่นอนว่าตอนที่พ่อแม่ของพวกเขาคุยกันเรื่องการแต่งงานของเฉินหลงและจี้โมซีพวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขากำลังนอนอาบแดดอยู่บนเก้าอี้อาบแดดบนชายหาด
“ ที่นี่สวยงามมาก” เมื่อมองเห็นชายหาดน้ำทะเลสีครามและเกาะในระยะไกลจี้โมซีถอนหายใจ
“ถ้าชอบ เราจะมากันบ่อยๆนะ” เฉินหลงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ตอนนี้เขาไม่ต้องดูแลกิจการของบริษัท ด้วยเจิงอี้และซวีเหม่งเหมย เขามาที่นี่ได้บ่อยตราบเท่าที่เขาแลกเปลี่ยนผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีขนาดเล็กชนิดหนึ่งจากระบบ
ยิ่งไปกว่านั้นรัฐยังเริ่มปรับปรุง “นิวเวิร์ล” โดยเตรียมที่จะเพิ่มโมดูลการเรียนรู้เข้าไปในนั้นและเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าถึงแบบสากล
“ ไม่ ถ้าคุณมาบ่อยก็หมดสนุกสิ” จี้โมซียิ้มให้เฉินหลง
“เมื่อคุณต้องการมาผมจะไปกับคุณ” เฉินหลง
ทั้งสองคนมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นเฉินหลงสบตาเฉินยี่ที่กำลังเล่นกับเกลียวคลื่น ดูเหมือนว่าเธอจะชอบทะเลมาก
หากมาที่นี้พร้อมคนรัก สิ่งอื่นก็ไม่สำคัญแล้ว
เดิมทีเฉินหลงวางแผนที่จะใช้เวลาอยู่ที่นี่กับครอบครัวมากกว่าหนึ่งวัน แต่จู่ๆเขาก็ได้รับโทรศัพท์จากเกาเฟิงเสี่ยวบอกว่าเขามีงานเร่งด่วนและขอให้เฉินหลงกลับเมืองหลวงทันที
นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินหลงได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมกลุ่มซีโร่และเขายังคงกังวลมากที่จะฟังน้ำเสียงของเกาเฟิงเสี่ยว เฉินหลงได้ แต่กลับไปเมืองหลวงด้วยตัวเอง
“ พี่เกามีงานอะไร” เฉินหลงถามเกาเฟิงเสี่ยว
สถานที่ที่เฉินหลงและเกาเฟิงเสี่ยวพบกันในครั้งนี้อยู่ในสำนักงานใหญ่ของกลุ่มซีโร่ นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินหลงมาอยู่ในกลุ่มซีโร่ เดิมทีเฉินหลงคิดว่าองค์กรลับอย่าง กลุ่มซีโร่ ควรอยู่ในที่ลับ ไม่คาดคิดว่ามันจะอยู่ในอาคารที่อยู่อาศัยธรรมดามากเท่านั้น
“ แน่นอนว่ามันเป็นงานที่สำคัญมากดังนั้นจงเก็บเป็นความลับให้มาก” เกาเฟิงเสี่ยวจริงจัง
หลังจากที่ได้ยินคำตอบของเกาเฟิงเสี่ยวเฉินหลงก็พูดไม่ออกไปชั่วขณะดังนั้นเฉินหลงอย่าเสียเวลากับเขา แต่เขามองเพื่อนร่วมงานเป็นเวลาหลายเดือน นอกจากเย่ข่ายแล้วคนอื่น ๆ ก็เป็นเพื่อนร่วมงานที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก
“ พี่หลงมาแล้วหรอ คิดว่าจะไม่มาซะอีก” เย่ ข่าย เข้าร่วมใน “ระบบภาพเสมือน” นั่นคือ “นิวเวิร์ล” เขาชื่นชมเฉินหลงผู้ซึ่งสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ยุคใหม่เช่น “นิวเวิร์ล” ได้
“อันที่จริงฉันก็ไม่อยากมาเหมือนกันฉันอยู่กับครอบครัวฉันเมื่อได้ยินว่ามีงานก็เลยมาที่นี่” เฉินหลงทำอะไรไม่ถูก “ยังไงก็ตามคุณรู้ไหมว่าภารกิจคืออะไร”
เย่ข่ายส่ายหัวแล้วพูดว่า “ฉันเป็นแค่คนช่างทำเขาไม่ได้บอกฉัน แต่ฉันได้ยินมาว่ามันน่าจะเกี่ยวกับซากโบราณหรืออะไรสักอย่าง
“ ซากโบราณงั้นเหรอ” เฉินหลงขมวดคิ้ว
“ พี่หลง อย่าคิดมากนะ หายากนะที่มีเพื่อนร่วมงานหลายคนมาให้ฉันแนะนำให้รู้จัก”
ด้วยเหตุนี้เย่ ข่ายจึงพาเฉินหลงไปพบเพื่อนร่วมงานของเขา
มีสมาชิกไม่มากใน “กลุ่มซีโร่” จำนวนช่างเทคนิคและสมาชิกของทีมปฏิบัติการคือ 68 คนมีช่างเทคนิค 15 คนและสมาชิกทีมปฏิบัติการ 53 คน
เฉินหลงไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก ความสนใจส่วนใหญ่ของเขามุ่งไปที่กลุ่มปฏิบัติการเพราะเขาอยู่ในกลุ่มปฏิบัติการ
มีสมาชิกกลุ่มปฏิบัติงานไม่มากนัก รวมทั้งเกาเฟิงเสี่ยวด้วย มีทั้งหมดแปดคน รวมเกาเฟิงเสี่ยวด้วย มีระดับกำเนิดหกคน และและระดับลมปราณ 2คน พวกเขาทั้งหมดเป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้โบราณ
นอกจากเกาเฟิงเสี่ยวแล้วยังมีระดับกำเนิด อีก 5 คน ได้แก่ หัวหยงเฟย, เจียงไป่, ฉีซิงเทียน, หม่าเป่ยและหม่าซินโดยหม่าเป่ยและหม่าซินเป็นเพื่อนกัน
และระดับพลังลมปราณ คือ ฉินลั่ว กับ เฉินอ๋าว
นี่ควรเป็นสมาชิกหลักของปฏิบัติการมิฉะนั้นจะไม่ปรากฏในสำนักงานใหญ่ในลักษณะดังกล่าว
หลังจากที่รู้ว่าเฉินหลงสร้าง “นิวเวิร์ล” สมาชิกทั้งห้าต่างก็กระตือรือร้นที่จะรู้จักเฉินหลงมาก ในฐานะสมาชิกของ “กลุ่มซีโร่” พวกเขาสามารถเข้าสู่ “นิวเวิร์ล” เวอร์ชันเต็มได้อย่างเป็นธรรมชาติ พวกเขารู้ว่า “นิวเวิร์ล” มีประโยชน์ต่อพวกเขาเพียงใด
ส่วนฉินลั่วและเฉินอ๋าวพวกเขาพยักหน้าให้เฉินหลงด้วยรอยยิ้ม จากข้อมูลเดิมเฉินหลงอยู่เพียงระดับกำเนิด การที่พวกเขาที่อยู่ระดับสูงกว่าแค่ยิ้มให้นั้นถือว่าเป็นเรื่องสมควรแล้ว
อย่างไรก็ตามหากพวกเขารู้ว่าความแข็งแกร่งของเฉินหลงถึงระดับพลังลมปราณแล้ว ทัศนคติของพวกเขาจะไม่เป็นเช่นนี้
เฉินหลงไม่สนใจเรื่องนี้เช่นกัน
หลังจากการมาถึงของเกาเฟิงเสี่ยวและชายที่มีส่วนสูงและรูปร่างหน้าตาโดยเฉลี่ยในวัยห้าสิบก็ออกมา
หลังจากเห็นชายคนดังกล่าวมาทุกคนต่างเงียบ เกือบทุกคนมองชายคนนี้ด้วยความเคาระ ฉินลั่วและเฉินอ๋าวก็ไม่มีข้อยกเว้น
เฉินหลงยังประหลาดใจที่เห็นชายคนนี้เพราะความแข็งแกร่งของชายคนนี้นั้นเหมือนกับหวังหงในการหลอมรวมกับธรรมชาติ ครั้งนี้เฉินหลงไม่ได้ใช้เครื่องตรวจจับ แต่ตัดสินจากลมหายใจของร่างกายชายคนนั้น ท้ายที่สุดเฉินหลงได้เข้าใจว่าเขาอยู่ในระดับหลอมรวมกับธรรมชาติ
“เนื่องจากการมาของสมาชิกใหม่ฉันจะแนะนำตัวเองก่อนฉันชื่ออู๋ห่าวและฉันเป็นหัวหน้ากลุ่มซีโร่” ชายคนนั้นมองไปที่เฉินหลงด้วยรอยยิ้มจากนั้นกล่าวว่า “วันนี้เราถูกเรียกว่ามีงานที่ต้องทำให้เสร็จ”
หลังจากนั้นอู๋ห่าวก็หยิบหินที่แตกคล้ายกับยาโอชิสีดำออกมาวางบนโต๊ะ
“คุณรู้ไหมว่านี่คืออะไร”
“หินสีดำหรอ”
อู๋ห่าวยิ้มและส่ายหัว
“ เครื่องรางสีดำหรอ”
……
เดาได้หลายอย่างนะ แต่ก็ยังไม่ถูก
“อย่าบอกใบ้สิ” เย่ ข่ายมองไปที่อู๋ห่าวด้วยความเงียบ
อู๋ห่าวเก่งทุกอย่าง แต่บางทีก็ชอบเล่นตลก
“ นี่ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ฉันแน่ใจว่ามันไม่ใช่สิ่งที่โลกนี้รู้จักแน่ๆ” อู๋ห่าวพูด
“วัตถุต่างดาว?” เขาใส่แว่นและพยายามมองดู
หลังจากที่เฉินหลงยืนยันการพิสูจน์ตัวตนเสร็จสิ้น
“หินย้ายตำแหน่ง จะพาเราไปที่ๆเราอยากไปได้”
ในประโยคที่เรียบง่ายมีข้อมูลมากมาย
มีหลายที่ที่เฉินหลงไม่เคยไปมากมาย เขาก็ตั้งตารอเช่นกัน
“หัวหน้านี่คือสิ่งที่คุณพบในซากโบราณนั้นหรือ”
“ใช่นั่นคือเหตุผลที่ฉันส่งคุณกลับไป เราจะไปสำรวจซากปรักหักพังและค้นหาความลับของสิ่งนี้กัน”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น