ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง 216-222

ตอนที่ 216 ยินดีต้อนรับ

 

ชายหนุ่มกอดคอเธอพาเดินเข้าไปในอาคาร “ไปกันเถอะ วันนี้เธอมาที่นี่เพื่อมาสัมภาษณ์ที่แผนกบุคคลไม่ใช่หรือ ฉันจะไปกับเธอเอง”


 


 


“เรื่องอะไรของเธอด้วยล่ะ ที่จะไปสัมภาษณ์ที่แผนกบุคคล ฉันไปคนเดียวได้!” ถึงแม้จะพูดแบบนี้ แต่ใบหน้าหญิงสาวแอบเต็มไปด้วยความสุข “กลัวฉันจะหลงทางหรือไง”


 


 


“ฉันเป็นห่วงว่าเธอจะมาสร้างความวุ่นวาย เข้าใจไหม” ชายหนุ่มคว้าแขนหญิงสาวพาเดินไปทางซ้าย แล้วลากเธอไปทางขวา “แผนกบุคคลอยู่ทางขวา!”


 


 


“เฮ้ นี่เธอจูงมือฉันก็ได้ ลากฉันไปแบบนี้อายคนเขา” หญิงสาวบ่นและตบที่หลังมือเขา ชายหนุ่มไม่หลบ แม้จะไม่ยิ้มออกมาแต่ใบหน้าหล่อเหลาก็เต็มไปด้วยความสุข เขาแกล้งทำสีหน้านิ่งเฉย “เธอเดินไปไม่ถูกหรอก ถ้าฉันไม่ลากเธอไป”


 


 


“เฮ้ จินฮั่นทำไมเธอถึงชอบทำให้ฉันขายหน้า” หญิงสาวดิ้นรน “กลับไปเลย ฉันจะไปสัมภาษณ์เองคนเดียว!”


 


 


เมื่อเห็นเธอเดินนำหน้าไปด้วยความโกรธ จินฮั่นก็ทำปากยื่น ตามเธอไปจนทันและจูงมือเธอ “ก็ได้ ฉันจูงมือเธอแทน ไม่ลากเธอก็ได้”


 


 


หญิงสาวยิ้มให้จินฮั่น ปล่อยให้เขาจูงมือ ขณะมองเขาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าเธอก็ถามเสียงอ่อย “ครอบครัวเธอไม่อนุญาตให้เธอมาที่นี่ใช่ไหม”


 


 


“ฮื่อ ครอบครัวฉันบังคับฉันได้แต่ตัว บังคับหัวใจฉันไม่ได้หรอก เพราะฉะนั้นตอนนี้หัวใจฉันอยู่กับเธอ” รอยยิ้มถมึงทึงปรากฏบนใบหน้าจินฮั่น หญิงสาวแกล้งทำเป็นกลัว “โอ ช่างน่ากลัวจริงๆ! นี่เธอเป็นผีหรือเป็นคนกันแน่”


 


 


“ตอนยังมีชีวิตฉันเป็นคนของเธอ ตอนฉันตายไปแล้วฉันก็เป็นผีของเธอ ตกลงไหม”


 


 


“ตกลงตามนั้น!” หญิงสาวจับมือจินฮั่น “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต หรือในอนาคตของอนาคต เธอเป็นของฉันได้คนเดียวเท่านั้น ฉันจะไม่ยอมยกเธอให้ผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น เข้าใจไหม”


 


 


“หลี่ม่านหยาง เธอต้องจำสิ่งที่เธอพูดวันนี้ไว้ให้ดี ถ้าเธอกล้าเลิกกับฉัน เธอก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”


 


 


หลี่ม่านหยางหัวเราะ “โอ ใจฉันละลายอีกแล้ว!”


 


 


จินฮั่นจ้องหน้าหลี่ม่านหยาง “ฉันจริงจัง!”


 


 



 


 


เฉียวเหลียงพาถังซีไปที่ห้องทำงานเขา บอกเธอว่าเดี๋ยวจะมีคนมาที่นี่ ขอให้เธอจัดการด้วยตัวเอง ก่อนที่ถังซีจะเข้าใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น เฉียวเหลียงก็ไปประชุม เธอจึงเดินไปนั่งที่โซฟาและเล่นเกมบนโทรศัพท์มือถือ “เขาอยากให้ฉันช่วยงานเขาเหรอ หรือฉินซินหยิ่งจะมาที่นี่”


 


 


เมื่อคิดถึงตอนที่ฉินซินหยิ่งมาที่ห้องทำงานเฉียวเหลียงคราวก่อน ถังซีก็ขมวดคิ้ว คิดว่าถ้าฉินซินหยิ่งมาอีกจริงๆ เธอควรจะคุยให้รู้เรื่อง!


 


 


เป็นไปตามที่เฉียวเหลียงคาดไว้ ฉินซินหยิ่งเห็นเฉียวเหลียงกับถังซีจูบกันจากโซเชียลมีเดีย เธอระเบิดความโมโหออกมาอย่างแรง เหวี่ยงโทรศัพท์มือถือลงกับพื้นและกัดฟันแน่น “บัดซบที่สุด! เซียวโหรว ในเมื่อแกไม่เชื่อคำแนะนำของฉัน ก็อย่าโทษฉัน ถ้าฉันจะร้ายกับแก!”


 


 


เธอเก็บโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดหมายเลข “หาคนให้ฉัน…”


 


 


ถังซีนั่งอยู่ในห้องทำงานเฉียวเหลียงด้วยความเบื่อหน่ายอยู่ประมาณยี่สิบนาที ทันใดนั้นก็มีคนมาเคาะประตู ถังซีลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว รีบสวมหน้ากากและหมวกทันที “เข้ามาค่ะ”


 


 


อันเฮาเดินเข้ามา ยิ้มให้ถังซีและกล่าวว่า “ฝ่ายบุคคลแจ้งว่า ท่านประธานเฉียวจัดให้มีคนสองคนมารับการสัมภาษณ์จากคุณที่ห้องท่านประธานค่ะ คุณจะให้พวกเขาเข้าพบเลยไหมคะ”


 


 


ประกายความประหลาดใจกะพริบในดวงตาถังซี เธอเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย “รับการสัมภาษณ์จากฉันหรือ”


 


 


“ใช่ค่ะ ผู้จัดการฝ่ายบุคคลจะพาพวกเขามาที่นี่ คุณต้องการพบพวกเขาไหมคะ” อันเฮายิ้ม


 


 


ด้วยไม่ทราบจุดประสงค์ของเฉียวเหลียง ถังซีจึงพยักหน้า “ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ ให้พวกเขาเข้ามาได้เลย”


 


 


อันเฮายิ้ม กล่าวว่า “ยินดีค่ะ” จากนั้นก็หันหลังกลับ เดินไปเรียกผู้จัดการฝ่ายบุคคลเข้ามา ผู้จัดการเข้ามาพร้อมกับคนสองคน หนึ่งในสองนั้น คนที่เป็นหญิงสาวร้องอุทานว่า “แฟนตัวจริงท่านประธาน!” ทันทีที่เห็นถังซี


 


 


ถังซีมองหญิงสาวด้วยความงุนงง ชายหนุ่มที่เดินตามเธอมาดึงคอเสื้อเธอ และกล่าวกับถังซีว่า “ขอโทษด้วยครับ บางครั้งเธอก็ไม่ค่อยมีสติ”


 


 


ถังซีส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้ม มองไปที่ผู้จัดการฝ่ายบุคคล ผู้จัดการเป็นชายหนุ่มวัยสามสิบ ท่าทางเรียบร้อยและนิ่งขรึม ถังซีลุกขึ้นจับมือกับผู้จัดการ “สวัสดีค่ะ จะให้ฉันสัมภาษณ์พวกเขาใช่ไหมคะ”


 


 


ผู้จัดการพยักหน้าและกล่าวว่า “ท่านประธานเฉียวแจ้งให้ผมทราบเมื่อเช้านี้ว่า จะมีคนสองคนมารับการสัมภาษณ์ในตำแหน่งนักออกแบบและนักออกแบบศิลป์ของเดอะควีนวันนี้ครับ ท่านสั่งให้ผมพาคนทั้งสองมาพบคุณที่ห้องทำงานท่านประธาน”


 


 


ถังซีเลิกคิ้ว “เดอะควีนหรือ” ท่ามกลางความประหลาดใจของเธอ นี่เขาเริ่มคัดเลือกคนที่มีความสามารถสำหรับบริษัทของเธอแล้วเหรอ! พระเจ้า เธออยากจูบเขาให้หนักๆ จริงๆ!


 


 


ผู้จัดการฝ่ายบุคคลยิ้ม “ใช่แล้วครับ ท่านประธานบอกอย่างนั้น มีแต่ผมเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ คนอื่นไม่มีใครรู้”


 


 


ถังซีกล่าวขอบคุณผู้จัดการฝ่ายบุคคล และมองตามขณะเขาเดินออกไป จากนั้นเธอก็เชิญทั้งสองคนนั่งลง ถอดหน้ากากและหมวกออก แล้วยิ้มให้พวกเขา “สวัสดีค่ะ”


 


 


จินฮั่นตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าแสนสวยของถังซี แต่ดูเหมือนความสวยของเธอจะไม่มีผลใดๆ ต่อความรู้สึกเขา เขาพยักหน้าให้เธอ “ครับ ผมชื่อจินฮั่น ส่วนเธอ…”


 


 


“ฉันหลี่ม่านหยางค่ะ!” หลี่ม่านหยางจ้องมองถังซีด้วยดวงตาเป็นประกายวาววับ และอุทานด้วยความตื่นเต้น “ฉันสงสัยอยู่ว่าทำไมคุณถึงสวมหน้ากากและหมวก ตอนนี้ฉันรู้เหตุผลแล้วค่ะ เพราะถ้าคุณเดินไปตามถนนโดยเปิดเผยใบหน้า คุณจะต้องเป็นต้นเหตุของอุบัติเหตุบนท้องถนนแน่ๆ!”


 


 


ถังซีมองหลี่ม่านหยางด้วยท่าทางเคอะเขิน จินฮั่นยิ้มให้ถังซีในเชิงขอโทษ แล้วคว้าคอปกเสื้อด้านหลังหลี่ม่านหยางอีกครั้ง พร้อมกับกล่าวเสียงเรียบ “นี่เธอมาสัมภาษณ์งานนะ อย่าพูดเยอะ!”


 


 


ในที่สุดหลี่ม่านหยางก็นึกออกว่าเธอมาทำอะไรที่นี่ เธอหยุดยิ้ม จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่และนั่งอย่างเรียบร้อย


 


 


ถังซีรู้สึกว่าหญิงสาวคนนี้ตลกมาก เธอนั่งลงบนโซฟา ยิ้มแล้วมองไปที่พวกเขา “คุณสองคนเป็นแฟนกันเหรอ”


 


 


“ฮึ? …” ดวงตาหลี่ม่านหยางเป็นประกายขึ้น เธอกำลังจะพูดบางอย่างออกมา เมื่อจินฮั่นจับแขนเธอไว้และกล่าวกับถังซี “ถ้าคุณไม่รับคู่รักให้ทำงานด้วยกัน ผมก็จะไม่สมัครงานนี้ครับ”


 


 


“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ” ถังซียิ้ม “ฉันแค่อยากรู้ ขอดูประวัติส่วนตัวของคุณหน่อยได้ไหม หรือจะดีมากถ้าจะให้ฉันดูผลงานออกแบบของคุณด้วย ได้ไหมคะ”


 


 


เมื่อพูดถึงผลงานออกแบบ หลี่ม่านหยางก็กลับคืนสู่อารมณ์ปกติในทันที เธอหยิบภาพสเก็ตช์งานออกแบบสองแผ่นออกมาจากกระเป๋าเป้ แล้วส่งให้ถังซี “นี่คืองานออกแบบของฉันที่ได้รับรางวัล ในการแข่งขันออกแบบของมหาวิทยาลัยค่ะ อีกชุดหนึ่งคือชุดที่ฉันออกแบบมาสำหรับการสัมภาษณ์ในวันนี้ ชื่อชุดว่า ‘ความกล้าหาญ’ ค่ะ”


 


 


ถังซีมองดูชุดสีทอง ดูคล้ายเสื้อคลุมจักรพรรดิ ซึ่งจะช่วยให้คุณดูทรงอำนาจเมื่อสวมใส่ เธอยิ้ม “หลี่ม่านหยาง ยินดีต้อนรับสู่เดอะควีนค่ะ” 

 

 


ตอนที่ 217 หลงใหลในความหล่อเหลาของเขา

 

หลี่ม่านหยางยิ้มด้วยความยินดี ลุกขึ้นยืนและกำลังจะจับมือกับถังซีเมื่อจินฮั่นห้ามเธอ ถังซีมองจินฮั่นด้วยความประหลาดใจ จินฮั่นมองหน้าถังซีแล้วยิ้ม “ขอโทษนะครับ คุณรู้จักเราแล้ว ตอนนี้เราต้องการทราบเกี่ยวกับเดอะควีนครับ” 


 


 


ถังซีเลิกคิ้ว ยิ้มแล้วหดมือกลับ จากนั้นก็นั่งลงบนโซฟาด้วยท่าทางเป็นกันเอง เงยหน้าขึ้นมองจินฮั่น “คุณจินฮั่นก็สมัครตำแหน่งนักออกแบบและนักออกแบบศิลป์ของเดอะควีนด้วยใช่ไหม” 


 


 


ทันใดนั้นหลี่ม่านหยางก็หันขวับไปมองจินฮั่น และผุดลุกขึ้นด้วยความประหลาดใจ หลังจากนิ่งขึงไปสองวินาที “จินฮั่น นี่เธอก็สมัครงานนี้ด้วยเหรอ เธอบอกไม่ใช่เหรอว่าเธอไม่สนใจ ทำไมอยู่ๆ ก็มาสัมภาษณ์” ขณะพูดอย่างนี้หลี่ม่านหยางก็มองจินฮั่นด้วยสายตาขัดเคือง “โอ…” 


 


 


สีหน้าจินฮั่นสลดลง เขาขมวดคิ้ว “ฉันมาที่นี่ด้วยก็เพราะฉันกลัวเธอจะหลงทาง และสร้างความวุ่นวาย” 


 


 


ถังซีมองดูคู่รักหนุ่มสาว รอยยิ้มเปล่งประกายบนใบหน้าเธอ ทั้งคู่ชอบตามติดกันเหมือนที่เธอกับเฉียวเหลียงเคยเป็น ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าช่างเป็นพฤติกรรมคู่รักที่แสนหวาน… ถังซีมองหน้าหลี่ม่านหยางแล้วยิ้ม แต่ถ้าเป็นแบบนี้โดยทั่วไปผู้หญิงจะยิ่งทรมานใจและรู้สึกหวั่นไหวมากขึ้น 


 


 


ถังซีตื่นจากภวังค์และยิ้มให้จินฮั่น “จินฮั่น ขอดูประวัติกับภาพสเก็ตช์งานออกแบบของคุณหน่อยสิ คุณมีโน๊ตบุ๊คมาด้วยหรือเปล่า ออกแบบเว็บเพจให้ฉันดูหน่อยได้ไหม” ถังซียิ้มน้อยๆ “เดอะควีนจะทำเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ หลังจากเริ่มดำเนินงานไปได้สักระยะ และคุณอาจเป็นผู้รับผิดชอบ” 


 


 


“ได้เลยครับ” จินฮั่นนำประวัติส่วนตัวและภาพสเก็ตช์งานออกแบบออกมา แล้วหยิบแล็ปท็อปออกมาจากกระเป๋าเป้และเปิดเครื่องทันที “ผมมีคำถามครับ ทำไมบริษัทไม่แยกนักออกแบบศิลป์ออกจากนักออกแบบล่ะครับ” 


 


 


ถังซีเลิกคิ้ว “ฉันก็เคยมีความคิดจะทำอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ตอนนี้ฉันยังมีเงินทุนไม่พอ…” 


 


 


“ท่าทางคุณดูไม่เหมือนคนขาดแคลนเงินทุนเลยนะครับ” จินฮั่นเงยหน้ามองถังซี จากนั้นก็ก้มลงเปิดโปรแกรม และเริ่มสร้างหน้าเว็บไซต์ 


 


 


ถังซียิ้ม “บริษัทของเราเพิ่งเริ่มต้น ถ้าไม่จำเป็นก็ยังไม่ควรใช้เงินลงทุนมากนัก เดี๋ยววันนี้ฉันจะไปดูสำนักงานของเรา” เธอวางประวัติส่วนตัวและภาพสเก็ตช์งานออกแบบลงบนโต๊ะน้ำชา แล้วมองพวกเขา “ไม่ทราบว่าพวกคุณมีเวลาไหม ไปดูสำนักงานของเรากับฉันได้ไหม” 


 


 


จินฮั่นยักไหล่ด้วยท่าทางสุดเท่ “ผมไปได้” 


 


 


หลี่ม่านหยางพยักหน้า “ได้สิคะ ได้เลย เราไปกันเลยค่ะ” 


 


 


ถังซียิ้ม “ดีค่ะ ถ้าอย่างนั้นพวกคุณลงไปรอฉันที่ชั้นล่าง ขอเวลาแป๊บหนึ่ง เดี๋ยวฉัน…” 


 


 


“ผมขับรถมาครับ คุณบอกผมก็ได้ว่าสำนักงานอยู่ที่ไหน ผมจะขับรถไปกับหลี่ม่านหยางเอง” 


 


 


ถังซีก้มดูนาฬิกาแล้วกล่าวว่า “ตกลง บางทีพวกคุณอาจยังไม่ได้ทานข้าวกลางวัน เพราะจะรีบมาให้ทันเวลา ทำไมพวกคุณไม่ไปทานอาหารกลางวันก่อนล่ะ” 


 


 


หลี่ม่านหยางมองหน้าถังซีด้วยความประหลาดใจ “คุณรู้ได้ยังไงคะ ว่าเรารีบมาที่นี่โดยยังไม่ได้ทานอาหารกลางวัน” 


 


 


ถังซีรู้สึกว่าหลี่ม่านหยางผู้มีพรสวรรค์ด้านการออกแบบแต่ดูโก๊ะกังมากนี่ช่างน่ารักจริงๆ เธอยิ้ม “เมื่อกี้เขาบอกว่าคุณอาจสร้างความวุ่นวาย ทำให้เขาไม่สบายใจ เขาจึงตามคุณมาที่นี่ นั่นหมายความว่าคุณสองคนไม่ได้นัดมาที่นี่ด้วยกัน และ…” ถังซียิ้ม เมื่อมองหลี่ม่านหยางที่ดูท่าทางจะร้อน ทั้งๆ ที่สวมแค่เสื้อเชิ้ตขาวกับกางเกงยีนสีขาว “ท้องคุณร้อง” 


 


 


หลี่ม่านหยางหัวเราะอย่างขวยเขิน จินฮั่นลุกขึ้นทันที แล้วจ้องมองหลี่ม่านหยาง จากนั้นก็ดึงหลี่ม่านหยางให้ลุกขึ้นแล้วบอกถังซีว่า “ในประวัติส่วนตัวผมมีหมายเลขโทรศัพท์อยู่ครับ กรุณาโทรหาผมตามเบอร์นั้นเมื่อคุณพร้อม หรือส่งที่อยู่สำนักงานมาที่โทรศัพท์ผมก็ได้” 


 


 


ถังซียิ้ม “ตกลง พวกคุณไปทานอาหารกลางวันกันก่อนเถอะ” 


 


 


หลี่ม่านหยางโบกมือให้ถังซี ขณะที่จินฮั่นลากเธอออกไป หลังจากประตูปิดลงถังซีก็ได้ยินเสียงจินฮั่นเรียกหลี่ม่านหยาง “เธอนี้ไร้สาระจริงๆ ปกติกินอาหารวันละห้ามื้อ ทำไมวันนี้ถึงไม่กินข้าวเที่ยงมาก่อน” 


 


 


“เธอก็น่าจะรู้ว่าฉันไม่ได้ทานข้าวกลางวัน ตอนที่เธอได้ยินเสียงกระเพาะฉันคำราม… และ… ฉันไม่อยากมาสาย…” 


 


 


“ใช่ ฉันได้ยินแล้ว แต่ฉันคิดว่า…” จินฮั่นทำน้ำเสียงอ่อนใจ “ฉันคิดว่าเธอหิวอีกทั้งๆ ที่ทานข้าวเที่ยงมาแล้วน่ะสิ!” 


 


 


ถังซีเงี่ยหูฟังเสียงพวกเขาที่ค่อยๆ เบาลงและยิ้มออกมา แฟนคุณมักคิดเสมอว่าคุณหิว 


 


 


ถังซีหยิบประวัติส่วนตัวของทั้งสองขึ้นมาและเริ่มอ่าน หลี่ม่านหยางสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยการออกแบบของมหาวิทยาลัยแห่งเมือง A และจินฮั่นก็จบการศึกษาจากวิทยาลัยการออกแบบเช่นกัน และกำลังศึกษาต่อระดับปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจ 


 


 


“ฉันอิจฉาพวกเขาจัง! เห็นพวกเขาทะเลาะกัน ฉันรู้สึกเหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง…” ถังซีเอนหลังพิงพนักโซฟา เงยหน้าขึ้นมองเพดานสีขาวแล้วถอนหายใจ เธอกับเฉียวเหลียงไม่เหมือนพวกเขาเลย คู่เธอเหมือนคู่รักที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่พระเจ้ารู้ดีว่าเธออายุแค่ยี่สิบสามเท่านั้น 


 


 


“ถ้าอย่างนั้นคุณก็คิดว่าคุณแก่แล้วน่ะสิ” เสียงทุ้มต่ำมีเสน่ห์ของเฉียวเหลียงดังขึ้นที่ประตู ถังซีตกใจรีบหันหลังไปมอง เห็นเฉียวเหลียงยืนพิงประตูมองมาที่เธอ ดวงตาเขาเปี่ยมด้วยความเสน่หา ถังซีอดยิ้มไม่ได้ แล้วเธอก็ส่ายศีรษะ “ไม่ใช่สักหน่อย ฉันแค่เสียใจที่เราไม่ได้ร่าเริงสดใสแบบนี้ในวันเวลาเหล่านั้น เราเอาแต่ทะเลาะกัน แล้วในช่วงเวลาที่ดีที่สุดเราก็อยู่ในสงครามเย็น… ไม่ใช่สิ ในช่วงเวลาที่ดีที่สุด เราไม่ได้อยู่ในชีวิตของกันและกัน” 


 


 


จู่ๆ เฉียวเหลียงก็ล็อกประตูแล้วเดินเข้ามาหาถังซี ถังซีตื่นตกใจขึ้นมาทันที เธอผุดลุกขึ้นจากที่นั่งก้าวถอยหลัง เอ่ยตะกุกตะกัก “คุณ… เอ้อ… คุณจะทำอะไร” 


 


 


เฉียวเหลียงมองหน้าถังซีด้วยรอยยิ้มน้อยๆ บนริมฝีปาก ขณะที่แผ่นหลังถังซีกำลังจะสัมผัสโต๊ะทำงานเขา เฉียวเหลียงก็โยนแฟ้มในมือลงบนโต๊ะน้ำชา คว้าร่างถังซี ดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขน จากนั้นก็ยกเอวเธอขึ้นแล้ววางเธอลงบนโต๊ะเขา… 


 


 


ถังซีตกตะลึง “…เอ้อ ท่านประธานเฉียว… ไม่นะ… ท่านประธานเฉียว… คุณต้องควบคุมตัวเอง!” 


 


 


เฉียวเหลียงแนบศีรษะลงที่ต้นคอถังซี สูดลมหายใจเข้าลึกๆ กล่าวว่า “ผมควบคุมตัวเองไม่ได้ ซีซี เมื่อไหร่คุณจะแต่งงานกับผม” 


 


 


ถังซีกลืนน้ำลาย แล้วดันเฉียวเหลียงออกเบาๆ “นี่ไม่ใช่เวลา…” 


 


 


เฉียวเหลียงมองถังซีด้วยประกายตาลึกซึ้ง แล้วทันใดนั้นเขาก็ดึงเธอเข้ามาแนบชิด ถังซีกลืนน้ำลายอีก และร่ำร้องในใจอย่างบ้าคลั่ง บ้าชะมัด! นี่เขากำลังใช้เสน่ห์บนใบหน้าเย้ายวนเธอ! น่าอายที่สุด! 


 


 


เฉียวเหลียงโน้มศีรษะลง… โน้มลงไปเรื่อยๆ … ขณะเขากำลังจะจุมพิตริมฝีปากเธอ ถังซีก็หลับตาลงทันที แต่เมื่อถึงตอนนี้จู่ๆ ก็มีใครบางคนมาเคาะประตูห้อง…  

 

 


ตอนที่ 218 คุณเก่งที่สุดในสายตาฉัน

 

หัวใจถังซีที่กำลังเต้นระทึกสงบลงทันที เธอผลักเฉียวเหลียงออกไปและกระโดดลงจากโต๊ะ วิ่งไปนั่งลงที่โซฟา ยกมือกุมแก้มทั้งสองข้างที่แดงก่ำ กะพริบตาปริบๆ มองเฉียวเหลียงและกระซิบว่า “มีคนเคาะประตู จะไม่ให้เขาเข้ามาเหรอ” 


 


 


เฉียวเหลียงมองหน้าถังซีอยากจะจูบเธอให้ได้ เขาไม่ตอบคำถามถังซี แต่เดินตรงเข้าไปหาเธอ ถังซีตกใจรีบสวมหน้ากากและหมวกแล้วตะโกนว่า “เข้ามาได้ค่ะ!” 


 


 


เฉียวเหลียงเดินไปที่โต๊ะน้ำชา ก้มลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่ถังซีกำลังจะหลับตาลงอีกครั้ง เฉียวเหลียงก็หยิบแฟ้มบนโต๊ะขึ้นมา และในเวลานั้นประตูห้องทำงานก็เปิดออกพอดี ถังซีรู้สึกโล่งอกที่เห็นบุคคลนั้น และร้องเรียกออกมา “พี่จิ่ง” 


 


 


เซียวจิ่งมองเฉียวเหลียง เม้มริมฝีปากก่อนจะกล่าวว่า “ตอนนี้เรามีสัดส่วนการถือหุ้นเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปร้อยละหกสิบห้า สำหรับส่วนที่เหลืออีกสามสิบห้าเปอร์เซ็นต์นั้น สิบห้าเปอร์เซ็นต์ถือโดยสมาชิกครอบครัวเฉียวคนอื่นๆ และยี่สิบเปอร์เซ็นต์อยู่ในมือลู่กวงสยง ถ้าเราต้องการได้หุ้นของพวกเขา ฉันเกรงว่าเราอาจต้องใช้วิธีพิเศษ” 


 


 


เฉียวเหลียงกลับไปที่โต๊ะทำงานแล้ว และนั่งอยู่บนเก้าอี้ เขาเงยหน้ามองเซียวจิ่งด้วยสีหน้าเรียบเฉย “มีอะไรอีกไหม” 


 


 


เซียวจิ่งขมวดคิ้วมองหน้าเฉียวเหลียง เฉียวเหลียงยกขาขวาขึ้นไขว่ห้างด้วยท่าทางการเคลื่อนไหวตามปกติ ไม่มีความขัดเขินแต่อย่างใด เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เคาะนิ้วเบาๆ บนโต๊ะ “ฉันไม่สนใจว่านายจะใช้วิธีอะไร ฉันแค่ต้องการหุ้น” 


 


 


เซียวจิ่งเลิกคิ้วแล้วยิ้มออกมา “ฉันรู้ว่าต้องทำยังไง ฉันต้องไปแล้ว” 


 


 


เซียวจิ่งหันไปมองถังซี “แล้วการสัมภาษณ์ของเธอล่ะ เป็นยังไง” 


 


 


ถังซีถอดหมวกและหน้ากากออกแล้ว เธอยิ้มให้เซียวจิ่ง “ฉันพอใจพวกเขามาก พี่จิ่ง พี่ช่วยฉันเรื่องการดำเนินงานบริษัท กับช่องทางการขาย…” 


 


 


“ไม่… คุณไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเขาหรอก” ก่อนที่ถังซีจะพูดจบ เฉียวเหลียงซึ่งนั่งอยู่ที่เก้าอี้ทำงานก็ขัดจังหวะเธอ ถังซีและเซียวจิ่งหันไปมองเขาพร้อมกัน เขากล่าวต่อไปว่า “ผมจะจ้างผู้เชี่ยวชาญมาช่วยคุณเอง เพื่อหลีกเลี่ยงข้อครหา เซียวจิ่งไม่สามารถช่วยเหลือคุณได้ในเรื่องพวกนี้” 


 


 


ถังซีถามด้วยความสงสัย “ทำไมคะ” 


 


 


เฉียวเหลียงลุกขึ้นยืน เหลือบมองหน้าถังซีและกล่าวว่า “แผนกออกแบบของเฉียว” 


 


 


“อ้อ ค่ะ” ถังซีพยักหน้า “ใครๆ จะเอาเรื่องนี้ไปนินทา ถ้าพี่จิ่ง ประธานคนหนึ่งของเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปมาช่วยโปรโมตเสื้อผ้าและเครื่องประดับของอีกแบรนด์หนึ่ง ขอโทษที ฉันคิดน้อยไปจริงๆ” เธอมองเฉียวเหลียง “คุณจะจ้างผู้เชี่ยวชาญคนไหนมาให้ฉันคะ” 


 


 


เฉียวเหลียงยิ้ม “ผมจะแนะนำคุณให้รู้จักเขาในอีกไม่กี่วันนี้ ผมคิดว่าเขาสามารถช่วยคุณนำบริษัทเข้าสู่วงการได้ แม้ว่าอาชีพหลักของเขาจะไม่ใช่การบริหารงานบริษัทก็ตาม” 


 


 


“เขาเป็นเพื่อนคุณเหรอ” ถังซีมองหน้าเฉียวเหลียงด้วยดวงตาเป็นประกาย เท่าที่เธอรู้จักเขามา เขาแทบไม่เคยเอ่ยปากชื่นชมใคร แต่บุคคลนี้ได้รับการยกย่องจากเฉียวเหลียง เขาจึงต้องเก่งมาก! 


 


 


เมื่อเห็นถังซีตื่นเต้นยินดี เฉียวเหลียงก็ขมวดคิ้วกล่าวอย่างเยือกเย็นว่า “ถ้าคุณยังแสดงท่าทางยินดีมากมายขนาดนี้เมื่อผมพูดถึงเขา ผมจะเลิกจ้างเขา” 


 


 


เมื่อเห็นเฉียวเหลียงหึงออกนอกหน้าอย่างหน้าไม่อาย เซียวจิ่งก็ส่งเสียงคำรามเบาๆ “ไอ้บ้า!” จากนั้นก็เปิดประตูแล้วหันหลังเดินจากไป 


 


 


ถังซีเองก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร ได้แต่มองหน้าเฉียวเหลียง เฉียวเหลียงเดินมาสวมหมวกและหน้ากากให้ถังซีและกระซิบว่า “เราไม่ได้เป็นเพื่อนกัน แต่เขาเป็นหนี้บุญคุณผม ผมก็เลยขอให้เขามาช่วยคุณ” 


 


 


“เป็นหนี้บุญคุณคุณเหรอ” เฉียวเหลียงเคยปล่อยให้ใครเป็นหนี้อะไรเขาด้วยเหรอ 


 


 


เฉียวเหลียงดึงหมวกฮูดที่เสื้อเธอคลุมศีรษะที่สวมหมวกอยู่แล้วอีกชั้นหนึ่ง และกล่าวเบาๆ ว่า “ครั้งสุดท้ายที่เขามาเมือง A ศัตรูของเขาหาตัวเขาพบโดยบังเอิญ และเขาถูกทำร้ายจนบาดเจ็บ ตำรวจสากลก็ต้องการตัวเขา ผมจึงพาเขาไปต่างประเทศกับผมด้วย ตอนที่ผมต้องเดินทาง ผมแค่ช่วยเหลือเขานิดหน่อย…” 


 


 


“ตำรวจสากล?” ถังซีตกใจ “เขาเป็นผู้ก่อการร้ายหรือเปล่า” 


 


 


เฉียวเหลียงยิ้มมองหน้าถังซี “คุณคิดว่าผมเป็นคนเลวหรือเปล่าล่ะ” 


 


 


“ไม่ แน่นอนค่ะ!” ถังซียิ้มหวานให้เขาและจับมือเขา “ถ้าคุณเป็นคนเลว ฉันคิดว่าประธานบริษัททั่วโลกจะต้องปวดหัวแน่” 


 


 


“ทำไมล่ะ” เฉียวเหลียงมองถังซีทางด้านข้างขณะพาเธอเดินออกไปข้างนอก “ทำไมคุณถึงแน่ใจว่าผมไม่ใช่คนเลว” 


 


 


“ก็… เพราะเฉียวเหลียงของฉันจะไม่มีวันเป็นคนเลว” ถังซีมองหน้าเฉียวเหลียง “แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะตัดสินว่าใครเลวใครดี แต่… ฉันเลือกได้ที่จะอยู่ใกล้ใคร หรืออยู่ห่างจากใคร และฉันไม่จำเป็นต้องอยู่ห่างจากคนที่คนอื่นเห็นว่าเป็น ‘คนเลว’ ถ้า… ใจฉันคิดว่าเขาไม่ได้ ‘เลว’ เลย” 


 


 


“ทฤษฎีของคุณแปลกๆ” เฉียวเหลียงพาถังซีเข้าไปในลิฟต์ “ผู้ชายคนนั้นค่อนข้างประหลาด ถึงเขาจะตกลงช่วยคุณ แต่บางทีเขาอาจพูดอะไรที่สร้างความระคายเคือง หรือคุณอาจรับไม่ได้ ถ้าเขาทำแบบนั้นคุณก็บอกผม แล้วผมจะจัดการให้” 


 


 


ถังซีพยักหน้า “ตกลงค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว เขาชื่ออะไรเหรอ” 


 


 


“ฉูหลิง” 


 


 


“โอพระเจ้า! เขาคือคนที่เปลี่ยนบริษัทที่กำลังจะล้มละลาย ให้กลายเป็นบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ระดับโลกใช่หรือเปล่า” ถังซีมองหน้าเฉียวเหลียงด้วยความตกใจ “ฉันได้ยินมาว่าเขายังเด็กมากใช่ไหม” 


 


 


เฉียวเหลียงขมวดคิ้วมองถังซีที่ร้องอุทานอย่างชื่นชม “เป็นเรื่องใหญ่มากเลยหรือ กับการกอบกู้ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์” 


 


 


ถังซีพยักหน้าอย่างหนักแน่น “แน่นอนสิ! บริษัทนั้นคือหลิงเฟิงอิเล็กทรอนิกส์! บริษัทอิเล็กทรอนิกส์อันดับหนึ่งของโลก! แน่นอนว่าต้องเป็นภารกิจที่ใหญ่มาก! และเขายังเด็กมาก…” 


 


 


“แล้วคุณคิดยังไงกับหลงเซี่ยวกรุป” ขณะเดินออกจากลิฟต์เฉียวเหลียงจูงมือถังซีและมองหน้าเธออย่างจริงจังมาก “คุณคิดยังไงกับหลงเซี่ยว” 


 


 


“หลงเซี่ยวเหรอคะ” ถังซีหัวเราะเบาๆ เงยหน้ามองเฉียวเหลียง “เป็นกลุ่มองค์กรธุรกิจที่แทบจะกำเส้นเลือดใหญ่ของเศรษฐกิจโลกไว้เลย”  


 


 


เฉียวเหลียงพยักหน้า “ใช่ คุณคิดว่าหลงเซี่ยวกรุปกับหลิงเฟิงอิเล็กทรอนิกส์ ธุรกิจไหนยิ่งใหญ่กว่ากัน”  


 


 


ถังซีหัวเราะคิกคัก “แน่นอนสิ หลงเซี่ยวต้องยิ่งใหญ่กว่า ไม่มีบริษัทไหนแข่งกับหลงเซี่ยวได้หรอก แม้แต่… เอ็มไพร์กรุปก็ไม่อาจเป็นคู่แข่งได้”  


 


 


เฉียวเหลียงพอใจที่ได้ยินอย่างนี้ แต่ถังซีหัวเราะหนักขึ้น “ทำไมคุณเงียบล่ะ ตอนฉันยกย่องหลงเซี่ยว หรือว่าคุณ…”  


 


 


เฉียวเหลียงหยุดก้าวเดิน หันกลับมามองถังซี ดวงตาเขาลึกล้ำจนไม่อาจหยั่งได้ เขาพยักหน้า “ใช่ เป็นอย่างที่คุณคิด” 


 


 


“…” ถังซีอึ้ง กระโดดเข้ามาหาเขาและจับมือเขาไว้ “อาเหลียง เราไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบตัวเองกับใครเลย คุณเก่งที่สุดในสายตาฉัน!” 


 


 


เฉียวเหลียงพูดไม่ออกขึ้นมาทันที  

 

 


ตอนที่ 219 ถ้อยคำเสียดสีอันเจ็บแสบ

 

เฉียวเหลียงถอนหายใจ เอาล่ะ เขาจะเล่าเรื่องหลงเซี่ยวให้เธอฟังภายหลัง ถ้าเขาบอกตอนนี้เธออาจยอมรับไม่ได้ เอาไว้เมื่อถึงเวลาที่ใช่เขาจะพาเธอไปประเทศ M แล้วเธอจะเห็นด้วยตาตัวเอง


 


 


หลังจากทั้งคู่ขึ้นรถแล้วถังซีก็อุทานออกมาทันที “โอ…ไม่!”


 


 


เฉียวเหลียงหันมามอง “มีอะไรหรือ”


 


 


ถังซีเกาศีรษะอย่างเคอะเขิน “ฉันชวนหลี่ม่านหยางกับจินฮั่นที่มาสัมภาษณ์วันนี้ ไปที่สำนักงานของเรากับฉันด้วย แต่ทั้งคู่ยังไม่ได้ทานอาหารกลางวัน ฉันก็เลยบอกให้พวกเขาไปทานก่อน จินฮั่นขอให้ฉันส่งที่อยู่สำนักงานไปที่โทรศัพท์มือถือ” เธอขมวดคิ้วด้วยความวิตกกังวล “แต่ฉันลืมประวัติส่วนตัวพวกเขาไว้ที่ห้องทำงานคุณ…”


 


 


เฉียวเหลียงมองหน้าถังซีอย่างพูดไม่ออก ถังซีทำหน้ามุ่ยเหมือนเด็กๆ “ฉันคงไม่ลืมหรอก ถ้าคุณไม่ทำอย่างนั้นกับฉัน… คุณก็รู้…”


 


 


“ทำอะไร”


 


 


ถังซีหน้ามุ่ยยิ่งขึ้น “คุณก็รู้ว่าฉันไม่เคยต้านทานเสน่ห์คุณได้เลย! ถ้าฉันยังจำได้ว่าจะหยิบประวัติของพวกเขามาด้วย ทั้งที่ฉันถูกคุณยั่วยวนขนาดนั้น ฉันก็ไม่ใช่ถังซีที่รักคุณน่ะสิ”


 


 


เมื่อได้ยินคำสารภาพรักอย่างฉับพลันจากเธอ เฉียวเหลียงก็เงียบกริบ เขาจ้องมองแก้มนวลนุ่มนิ่มและริมฝีปากสีชมพูด้วยดวงตาเปล่งประกาย เขายื่นมือมาดึงถังซีเข้าไปในอ้อมแขน แล้วทำสิ่งที่เขาอยากทำตอนอยู่ในห้องทำงาน ถังซีตกตะลึง จ้องหน้าเขาที่อยู่ใกล้ใบหน้าเธอเหลือเกิน แล้วเขาก็แง้มริมฝีปากเธอด้วยปลายลิ้น…


 


 


เฉียวเหลียงไม่ยอมปล่อยถังซีจนกระทั่งเธอหายใจไม่ออก หน้าเธอแดงก่ำขณะที่เฉียวเหลียงดูปกติ ยกเว้นสายตาที่เร่าร้อน ถังซีผลักประตูรถเปิดออก กระโดดลงจากรถ และกระแทกประตูปิดลง แล้วทันใดนั้นเธอก็เปิดประตูรถอีกครั้ง หยิบหมวกและหน้ากากมาสวม กล่าวกับเฉียวเหลียงว่า “ฉันจะกลับไปเอาประวัติส่วนตัวของพวกเขา!”


 


 


เฉียวเหลียงยื่นคีย์การ์ดเข้าลิฟต์ให้เธอ “คีย์การ์ด”


 


 


ถังซีคว้ามาแล้วหันหลังกลับรีบวิ่งไปโดยไม่มองหน้าเฉียวเหลียง เฉียวเหลียงมองตามร่างเธอที่วิ่งห่างออกไป ทำไมเธอช่างน่ารักอย่างนี้


 


 


แม้จะสวมหมวกและหน้ากาก แต่ถังซีก็ยังรู้สึกว่าคนอื่นเห็นใบหน้าแดงก่ำของเธอ เธอรีบเข้าไปในลิฟต์ กดปุ่ม ก้มศีรษะลง รอให้ประตูลิฟต์ปิด อย่างไรก็ตามในขณะที่ประตูกำลังจะปิด ก็มีใครคนหนึ่งกั้นปิดประตูไว้และเดินเข้ามา


 


 


ถังซีเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นบุคคลนั้นเธอก็ขมวดคิ้ว รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปทันที และสีหน้าเธอเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง แม้ใบหูแดงก่ำจะค่อยๆ เป็นปกติ แต่น้ำเสียงถังซีเยือกเย็น ขณะลิฟต์กำลังเคลื่อนขึ้นไป “ถ้าความจำของฉันถูกต้อง คุณไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ลิฟต์นี้นี่คุณฉิน คุณเข้ามาทำไม”


 


 


เมื่อได้ฟังคำพูดเสียดสีของถังซี ฉินซินหยิ่งก็ยิ้มอย่างเย็นชากล่าวว่า “เซียวโหรว เข้าใจภาษามนุษย์หรือเปล่า แม่เธอเจ็บหนักจนลุกไปไหนไม่ได้อย่างนี้แล้ว เธอยังจะรีบมายั่วยวนเฉียวเหลียงที่บริษัทเขาอีกหรือ ไม่กลัวจะโดนอีกหรือไง”


 


 


ถังซีเหลือบตามองและเย้ยหยันฉินซินหยิ่ง “คุณฉิน ถ้าฉันเป็นคุณฉันคงไม่มีเวลามายุ่งเรื่องนี้หรอก คุณควรเอาเวลาไปกังวลเรื่องงานออกแบบจะดีกว่าไหม ฉินซินหยิ่ง ถึงคุณจะไม่ปริปากบอกใคร คุณก็อาจจะไม่สามารถเก็บความลับสุดยอดของคุณไว้กับตัวเองได้ ถ้ามีคนรู้ว่าฉินซินหยิ่ง ที่ใครๆ เรียกว่านักออกแบบผู้มีพรสวรรค์ ไม่รู้แม้กระทั่งวิธีเขียนภาพสเก็ตช์งานออกแบบ พวกเขาจะว่ายังไงกันน้า”


 


 


ใบหน้าฉินซินหยิ่งแข็งทื่อเป็นน้ำแข็งทันที น้ำเสียงเธอกระด้าง ประกายวาววับกะพริบตาในดวงตา ขณะที่เธอกล่าวอย่างเยือกเย็น “ใครบอกเรื่องนี้กับแก!”


 


 


“ถังซีไง” ถังซียิ้ม มองหน้าฉินซินหยิ่ง “คุณบอกว่าถังซีทำร้ายแม่ฉัน ฉันก็เลยขอให้อาเหลียงพาฉันไปพบถังซี แต่ถังซีบอกว่าเธอไม่ได้สนใจเรื่องของฉันเลย เฉียวเหลียงเลิกกับเธอเมื่อห้าปีก่อนและเธอไม่สนใจเขาแล้ว เธอบอกฉันว่าคุณร้ายกาจมาก และไม่ลังเลที่จะทำลายผู้อื่นเพื่อผลประโยชน์ของคุณเอง และแม้แต่… ภาพสเก็ตช์งานออกแบบของคุณ คนที่สเก็ตช์ภาพพวกนั้นจริงๆ แล้วคือเธอ ตอนนี้เธอไม่เห็นคุณอยู่ในสายตาแล้วเพราะผิดหวังกับคุณมาก… ดังนั้น… เธอจึงนำภาพสเก็ตช์งานออกแบบของเธอไปซ่อน เผื่อว่าคุณจะไปขโมย”


 


 


“เป็นไปไม่ได้!” ฉินซินหยิ่งกัดฟันแน่น จ้องหน้าถังซีเขม็ง และตะโกนอย่างเจ็บแค้น “เป็นไปไม่ได้ที่ถังซีจะพูดอย่างนั้น! และฉัน…”


 


 


“และฉันอะไร” เมื่อลิฟต์มาถึงชั้นหกสิบสาม ถังซีก็ก้าวออกไป เธอยิ้มขณะมองกลับไปที่ฉินซินหยิ่งซึ่งยังคงยืนอยู่ในลิฟต์ “ฉินซินหยิ่งฉันจะแนะนำให้นะ ไม่ว่าคุณจะทำอะไร อย่าคิดทำให้คนอื่นหลงทางด้วยการสร้างเรื่องหลอกลวง ไม่อย่างนั้นจะไม่มีใครช่วยเมื่อคุณตกอยู่ในปัญหายุ่งยาก… ดูตัวเองสิ เห็นไหมว่าท่าทางคุณเป็นยังไง”


 


 


“ไม่จำเป็นต้องให้แกมาบอกฉันแบบนี้!”


 


 


“ดี แล้วเราจะได้เห็นกัน รอดูก็แล้วกันว่าใครจะเป็นผู้ชนะเมื่อสิ้นสุดสงคราม”


 


 


รอยยิ้มบนใบหน้าถังซีหายไป เธอไปที่ห้องทำงานเฉียวเหลียง หยิบประวัติส่วนตัวของสองคนนั้นใส่กระเป๋าแล้วเดินออกไป อย่างไรก็ตามเมื่อเปิดประตูลิฟต์ เธอพบฉินซินหยิ่งยังยืนอยู่ในนั้น เธอเลิกคิ้ว แล้วกดปุ่มลงไปชั้นหนึ่ง


 


 


เมื่อถึงตอนนี้ฉินซินหยิ่งก็ก้าวเข้ามาหาเธอ และถามอย่างเยือกเย็น “เธออยู่ที่ไหน”


 


 


ถังซีเลิกคิ้ว เธอรู้ว่าฉินซินหยิ่งถามถึงที่อยู่ของเธอ เธอพูดในใจว่า ‘ฉันก็อยู่ตรงหน้าเธอนี่ไง!’ แต่เธอกล่าวออกมาว่า “คุณเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเธอไม่ใช่หรือ คุณไม่รู้หรือว่าเธออยู่ที่ไหน ทำไมถึงมาถามฉันล่ะ”


 


 


“บอกฉันมาว่าเธออยู่ที่ไหน!” ไม่น่าแปลกใจที่เฉียวเหลียงยังคงสงบนิ่งเมื่อรู้ข่าวว่าถังซีตายแล้ว! เขาต้องร้องไห้อย่างหนักแน่นอนถ้ามั่นใจว่าถังซีเสียชีวิต จากนั้นเธอก็จะมีโอกาสเข้าหาเขา แต่ไม่มีอะไรเป็นไปตามที่เธอวางแผนไว้เลย เฉียวเหลียงไม่เศร้ากับการเสียชีวิตของถังซี แต่กลับไปตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้! ที่แย่ไปกว่านั้นคือ ถังซียังมีชีวิตอยู่! และถังซีนำภาพสเก็ตช์งานออกแบบชิ้นสำคัญไปซ่อน!


 


 


บัดซบที่สุด! ถังซี! ทำไมเธอถึงทำกับฉันอย่างนี้! ในเมื่อเธอตกลงแล้วที่จะให้ฉันได้มีชื่อเสียงและฐานะที่ดี เธอมาซ่อนภาพสเก็ตช์งานออกแบบของเธอแบบนี้ได้ยังไง!


 


 


ทำไมเธอถึงใจดำกับฉันอย่างนี้!


 


 


“ฉันถามเธอว่าถังซีอยู่ที่ไหน!” บ้าที่สุด! ไม่แปลกใจเลยที่เธอหาภาพสเก็ตช์งานออกแบบพวกนั้นไม่พบ! ปรากฏว่าถังซีเล่นกลตลบหลังเธอ นำภาพสเก็ตช์ทั้งหมดไปซ่อนจนเธอหาไม่เจอ!


 


 


ถังซีมองฉินซินหยิ่งด้วยสายตาดุดัน ยิ้มอย่างเย็นชา ผลักฉินซินหยิ่งออกไป และกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ตามหาเธอเองสิ!” 

 

 


ตอนที่ 220 ยุยง

 

ถังซีก้าวออกจากลิฟต์แล้วหันกลับไปมองฉินซินหยิ่งด้วยสีหน้าเย็นชา “ฉินซินหยิ่ง รู้ไหมตอนนี้คุณดูเป็นยังไง คุณเหมือนคางคก ส่วนเฉียวเหลียงเหมือนหงส์ขาว คางคกพยายามรวบหัวรวบหางหงส์! แต่น่าเสียดายที่หงส์ไม่ชอบคางคก คุณก็เลยทำได้แค่ตามตื๊อเขา คุณนี่มันไร้ยางอายสิ้นดี!”


 


 


ฉินซินหยิ่งแทบระเบิดด้วยความโกรธ เธอจ้องหน้าถังซีอย่างดุดันและขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ฉันขอท้า ถ้าเธอกล้าพูดอีกครั้ง!”


 


 


ถังซียิ้มเยาะ มองเธออย่างสบายใจ “คุณนี่มันไร้ยางอายสิ้นดี!” จบคำพูดเธอก็หันหลังจากไป


 


 


ฉินซินหยิ่งกำมือแน่น จ้องเขม็งไปที่ร่างถังซีที่ค่อยๆ ลับสายตา แล้วกล่าวขึ้นอย่างเยือกเย็น “เซียวโหรว สักวันหนึ่งฉันจะทำให้เธอมาคุกเข่าต่อหน้าฉัน ขอความเมตตาจากฉัน ไม่เพียงแค่เธอ…” เธอจะทำลายเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปด้วย “คิดว่าเธอจะทำให้ฉันย่อยยับได้โดยมีเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปหนุนหลังอย่างนั้นหรือ ดี… ฉันจะทำให้เฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปหายไปจากโลกนี้!”


 


 


ด้วยความคิดนี้ฉินซินหยิ่งจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กดหมายเลขโทรออก ค่อนข้างนานกว่าปลายสายอีกด้านหนึ่งจะรับ ฉินซินหยิ่งเอ่ยขึ้นทันที “คุณปู่ถังคะ โปรดช่วยชีวิตซีซีด้วยค่ะ”


 


 


ถังเจิ้นหวาตอบกลับหลังจากนิ่งอยู่นาน “นั่นซินหยิ่งหรือ เกิดอะไรขึ้นกับซีซี”


 


 


ฉินซินหยิ่งออกจากลิฟต์ หยุดนิ่งอยู่สองวินาที แล้วเดินพลางร้องไห้พลางออกจากอาคารเฉียว “คุณปู่ถังคะ เป็นความผิดของหนูคนเดียว ถ้าไม่ใช่เพราะหนูซีซีก็จะไม่ไปต่างประเทศด้วยความเศร้าอย่างนั้น เป็นเพราะหนู แต่คุณปู่ช่วยเธอก่อนนะคะได้ แล้วคุณปู่ค่อยโกรธหนู”


 


 


ถังเจิ้นหวายืนอยู่หน้าแผ่นป้ายจารึกผู้วายชนม์ในห้องโถงบรรพบุรุษ มองดูรายงานผลการตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดาในมือ ขมวดคิ้ว และเผารายงานนั้นด้วยเปลวเทียนในมืออีกข้าง ขณะมองดูแผ่นกระดาษมอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน ท่านก็ถามเสียงเรียบ “ซินหยิ่ง เธอหมายความว่ายังไง ฉันไม่เข้าใจ”


 


 


ท่านค่อนข้างมั่นใจว่า คนอย่างฉินซินหยิ่งจะไม่สารภาพผิดในสิ่งที่เธอกระทำลงไป เธอเป็นคนไร้ยางอาย ทายาทของพวกเลือดเย็น และไม่เคยตระหนักว่าตัวเองทำอะไรผิด ไม่เคยสำนึกที่จะขอโทษ


 


 


“คุณปู่ถังคะ เป็นความผิดของหนูเองค่ะ หนูไม่ควรบอกซีซีเลยว่าเฉียวเหลียงไปตกหลุมรักผู้หญิงอื่น…”


 


 


ฉินซินหยิ่งเดินเข้าไปนั่งในสวนหน้าอาคารเฉียว เฝ้ามองถังซีเดินไปขึ้นรถเฉียวเหลียง ประกายตาเธอวาววับด้วยความไม่พอใจ แต่เธอกล่าวอย่างนุ่มนวล “ผู้หญิงคนนั้นร้ายกาจเหลือเกินค่ะ ซีซีไม่ควรลดตัวลงไปเป็นคู่แข่งกับเธอ เฉียวเหลียงอยากเลิกกับซีซี หลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นสร้างความบาดหมางระหว่างเขาสองคนหลายครั้ง ซีซีผิดหวังมาก เธอจึงยอมเลิก… คุณปู่ถังคะ เป็นความผิดของหนูค่ะ ถ้าเพียงแต่หนูไม่บอกซีซีเรื่องนี้ และห้ามไม่ให้เธอมาตามหาผู้หญิงคนนั้นที่เมือง A”


 


 


ถังเจิ้นหวาตกอยู่ในความเงียบ และคิดในใจอย่างเยือกเย็น ฉินซินหยิ่งคิดว่าท่านโง่หรือ ท่านสามารถรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับชีวิตของเฉียวเหลียงได้อย่างง่ายดาย ตราบใดที่ท่านต้องการ…


 


 


ท่านไม่เปิดเผยอารมณ์ที่แท้จริง แต่ถามด้วยน้ำเสียงโกรธว่า “ทำไมเธอไม่บอกฉันก่อนหน้านี้ ทำไมเธอไม่บอกฉันก่อนหน้านี้”


 


 


“หนูไม่แน่ใจค่ะ แต่ตอนนี้ซีซีไม่ยอมกลับบ้าน และหนูทำงานที่เฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุป วันนี้หนูเห็นเฉียวเหลียงกับผู้หญิงคนนั้นต่อหน้าต่อตาหนู ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะเยาะซีซีใส่หน้าหนู หนูก็เลย… โทรหาคุณปู่ เพราะหนูเป็นห่วงซีซีค่ะ”


 


 


ถังเจิ้นหวามองแผ่นป้ายจารึกตรงหน้า แผ่นป้ายมีตัวหนังสือจารึกไว้บนนั้นว่า ‘ถังซี หลานสาวสุดที่รักของฉัน’ มีธูปและเทียนจุดอยู่ที่หน้าแผ่นป้าย ดวงตาท่านลึกล้ำไม่อาจหยั่งถึง ท่านถามอย่างเยือกเย็น “ทุกอย่างที่เธอพูดเป็นความจริงหรือ ซีซีของฉันทนทุกข์ทรมานมานานหลายปี เพราะผู้หญิงอีกคนก้าวเข้ามาระหว่างเธอกับเฉียวเหลียงอย่างนั้นหรือ”


 


 


เมื่อได้ยินคำพูดของถังเจิ้นหวา ฉินซินหยิ่งก็รู้ว่าเธอใกล้จะประสบความสำเร็จแล้ว ประกายความตื่นเต้นกะพริบอยู่ในดวงตา แต่น้ำเสียงเธอยังดูไม่พอใจ เธอกล่าวต่อไปทันทีด้วยความขุ่นเคือง “ใช่ค่ะ หนูเผชิญหน้ากับเธอ และถามว่าทำไมเธอถึงทำอย่างนี้กับซีซี แต่เธอบอกให้หนูหุบปากเสีย และระวังเรื่องของตัวเองให้ดีดีกว่า ไม่อย่างนั้นเธอจะพูดใส่ร้ายซีซีให้เฉียวเหลียงฟัง คุณปู่ถังคะ ผู้หญิงคนนี้หน้าด้านมากเลยค่ะ!”


 


 


ถังเจิ้นหวาแอบเยาะหยันในใจ ความเหยียดหยามส่องประกายอยู่ในดวงตาท่าน ผู้หญิงคนนี้ต้องการใช้ประโยชน์จากท่าน เธอต้องการยืมมือท่านกำจัดผู้หญิงคนนั้น คนที่สร้างโทสะให้เธอในวันนี้


 


 


“เธอคนนั้นชื่ออะไร” ถังเจิ้นหวาถามด้วยน้ำเสียงเ**้ยมโหด


 


 


ดวงตาฉินซินหยิ่งเปล่งประกายขึ้นทันที เธอรีบตอบว่า “เธอชื่อเซียวโหรวค่ะ เป็นคุณหนูตระกูลเซียว เธอมีเซียวกรุปหนุนหลังถึงได้เชิดหน้าใส่คนอื่นๆ แล้วยังดูถูกว่าเอ็มไพร์กรุปไม่อยู่ในสายตาเธออีกด้วย!”


 


 


“เอาล่ะ ฉันเข้าใจแล้ว” ถังเจิ้นหวาวางแผ่นป้ายจารึกในมือลง แล้วหันหลังเดินออกจากห้องโถงบรรพบุรุษ ท่านกล่าวว่า “ฉันจะจัดการกับเซียวกรุปนี้เอง อย่าไปใส่ใจ ซีซีอยู่อย่างมีความสุขดีในต่างประเทศ ฉันคุยวิดีโอคอลกับซีซีเมื่อคืน ไม่ต้องเป็นห่วงซีซี ตั้งใจทำงานของเธอไปก็แล้วกัน”


 


 


ทันทีที่ถังเจิ้นหวาเดินออกจากห้องโถงบรรพบุรุษ ประตูหินก็ปิดลงโดยอัตโนมัติ และล็อคด้วยการสแกนม่านตาที่ประตู


 


 


เมื่อได้ยินคำสัญญาของถังเจิ้นหวา ฉินซินหยิ่งก็กล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “ตกลงค่ะ ขอบคุณนะคะคุณปู่ถังที่ห่วงใยหนู” หลังจากวางสายโทรศัพท์เธอก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ จ้องมองไปยังทิศทางที่ถังซีจากไปและหัวเราะเยือกเย็น “เซียวโหรว เราจะได้เห็นกัน ถ้าเอ็มไพร์กรุปต้องการให้ใครตกที่นั่งลำบากแล้วละก็ เฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปก็ช่วยอะไรไม่ได้ ฉันจะคอยดูซิว่าใครจะช่วยเธอได้คราวนี้!”


 


 



 


 


ทางด้านถังซี ขณะนั่งอยู่ในรถเฉียวเหลียง เธอบ่นว่าเธอช่างโชคร้ายเหลือเกินที่มาเจอฉินซินหยิ่ง ทำให้เสียอารมณ์ “ฉันนี่ตาบอดจริงๆ! คบคนแบบนี้เป็นเพื่อนได้ยังไง”


 


 


ตอนนี้เธอได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งในตัวตนของเซียวโหรว ถ้าเธอเสียชีวิตไปจริงๆ เธอก็จะกระโดดออกจากโลงศพมาด่าฉินซินหยิ่งให้หนำใจ เมื่อได้ยินคำพูดอันน่ารังเกียจของผู้หญิงคนนี้


 


 


เฉียวเหลียงจับมือเธอไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ขณะขับรถด้วยมืออีกข้าง เขากล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “ตาคุณบอดข้างหนึ่ง แต่อีกข้างไม่บอดนะ”


 


 


เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ถังซีซึ่งกำลังค้นหาหมายเลขโทรศัพท์ของจินฮั่นอยู่ก็เลิกคิ้วขึ้น “ทำไมล่ะคะ”


 


 


เฉียวเหลียงยิ้ม ยกมือเธอขึ้นแตะริมฝีปาก จูบอย่างนุ่มนวลแล้วกล่าวว่า “เพราะคุณได้มองเห็นผมด้วยดวงตาอีกข้างหนึ่งไงล่ะ”

 

 

 


ตอนที่ 221 ฉันต้องเรียนรู้เขาใหม่แล้ว...

 

ถังซีสั่นสะท้านราวกับอยู่ท่ามกลางอากาศหนาว แต่จริงๆ แล้วหัวใจเธอกำลังละลายเพราะคำพูดของเขา นี่เฉียวเหลียงของเธอไปเรียนรู้วิธีพูดคำหวานๆ แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร โอ…ช่างหวานเหลือเกิน!


 


 


ถังซีหน้าแดงก่ำ มองค้อนเฉียวเหลียงอย่างเขินอาย ดึงมือเธอกลับมา “เฮ้! นี่คุณคิดอะไรอยู่! ไปเรียนพูดคำแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่”


 


 


เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว ประกายเย็นชาเปล่งออกมาจากดวงตาเขา ขณะคิดว่า ‘ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่อยู่ในเว็บไซต์ก็โกหกน่ะสิ! ดี ฉันจะขึ้นบัญชีดำให้หมดเมื่อกลับถึงบ้าน!’


 


 


เฉียวเหลียงเม้มริมฝีปาก “ก็คุณอิจฉาความโรแมนติคของคู่รักหนุ่มสาวไม่ใช่เหรอ”


 


 


ความโรแมนติกของคู่รักหนุ่มสาวอย่างนั้นเหรอ ถังซีจำได้ว่าเธอแค่พูดตอนอยู่ในห้องทำงานเขาว่าการเป็นหนุ่มสาวนั้นช่างดีเหลือเกิน ถ้าอย่างนั้น… ถังซีหัวเราะอย่างซุกซน มองเฉียวเหลียงด้วยสายตามีความหมาย “คุณรู้สึกแย่เพราะฉันอายุแค่ยี่สิบสาม ส่วนคุณยี่สิบเจ็ดเข้าไปแล้วใช่ไหม”


 


 


เฉียวเหลียงขมวดคิ้วมองเธอในกระจกมองหลัง แล้วกล่าวอย่างไม่แยแสว่า “ผมก็อายุยี่สิบสามเหมือนกัน! ผมไม่ได้ดูเด็กเหมือนคนอายุเท่านั้นหรอกเหรอ” เขามองค้อนถังซีแล้วกล่าวเสียงเศร้า “คุณคิดว่าผมแก่เกินไปหรือเปล่า”


 


 


ถังซีมองหน้าเฉียวเหลียงที่ดูแปลกไป หางตาเธอหรี่ลง ประกายแวววาวกะพริบอยู่ในดวงตา เธอแตะหน้าผากเฉียวเหลียงและพึมพำว่า “คุณไม่ได้มีไข้ใช่ไหม”


 


 


เฉียวเหลียงซึ่งกำลังขับรถเหยียบเบรกทันที ปัดมือถังซีออก จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโยนทิ้งข้างๆ ตัว “บ้าที่สุด!” ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ และเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์กลับคืน แต่ถังซีหยิบขึ้นมาก่อนแล้ว เธอรู้รหัสผ่าน และป้อนวันเดือนปีเกิดของเธอลงไปอย่างรวดเร็ว หน้าจอปลดล็อก และเธอเห็นหน้าเว็บไซต์ที่อ่านค้างไว้ ‘หนึ่งร้อยวิธีทำให้แฟนสาวหัวเราะ’


 


 


ถังซีเงยหน้าขึ้นมองเฉียวเหลียง สีหน้าเขาดุดัน ‘ไอ้บ้าเอ๊ย! ถ้าผู้หญิงคนนี้รู้ว่าเขาค้นหาวิธีทำให้เธอหัวเราะ รวมถึงวิธีทำให้เขาดูอ่อนเยาว์และมีเสน่ห์เร้าใจยิ่งขึ้นจากอินเทอร์เน็ต เธอต้องหัวเราะท้องแข็งแน่!’


 


 


ถังซีค่อยๆ แอบสังเกตสีหน้าเฉียวเหลียง เมื่อเห็นว่าเขาโกรธ เธอก็รีบแตะหน้าจอเพื่อปิดหน้าเว็บไซต์นั้นลง แต่กลับกลายเป็นไปเปิดประวัติการค้นหาเว็บไซต์โดยไม่ตั้งใจ ซึ่งมี ‘วิธีทำให้แฟนคุณคิดว่าคุณมีชีวิตชีวา’ ‘วิธีทำให้ตัวเองดูมีชีวิตชีวาเหมือนนักศึกษามหาวิทยาลัย’ และ ‘ทำอย่างไรให้ตัวเองดูสดใสร่าเริง’


 


 


เฉียวเหลียงซึ่งกำลังขับรถอยู่เหลือบมอง เมื่อเห็นเป็นหน้าประวัติการค้นหา ดวงตาเขาก็เบิกกว้างทันทีด้วยความอับอาย เขารีบคว้าโทรศัพท์จากมือเธอ แล้วกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก “คุณบอกว่าจะส่งข้อความถึงคนที่มาสมัครงานสองคนนั้นไม่ใช่หรือ”


 


 


ถังซีไม่ตอบ เธอโยนโทรศัพท์มือถือและประวัติส่วนตัวของสองคนนั้นบนตักทิ้งไป ดึงศีรษะเขาเข้ามาหา แล้วจูบอย่างหนักหน่วงบนริมฝีปากเขา เฉียวเหลียงรีบเปิดไฟกะพริบทันที พารถเข้าจอดข้างทาง แล้วจ้องมองเธอ ถังซีประคองใบหน้าเขาไว้และแนบริมฝีปากเธอกับริมฝีปากเขา…


 


 


ถังซีแทบไม่ต้องเป็นคนเริ่มในคราวนี้ เฉียวเหลียงไม่ปล่อยโอกาสแน่นอน เขาแง้มริมฝีปากเธอด้วยปลายลิ้นเขาทันที…


 


 


ครู่ใหญ่ผ่านไปกว่าเฉียวเหลียงจะปล่อยเธอ ถังซีกอดคอเฉียวเหลียงไว้ แนบหน้าผากเธอกับหน้าผากเขา กระซิบว่า “คนโง่ คุณไม่ต้องเปลี่ยนตัวเองเลย เพราะไม่ว่าคุณจะเป็นยังไง คุณก็ดีที่สุดในสายตาฉันอยู่แล้ว คุณต้องเป็นคุณแบบนี้ ไม่ต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อฉัน ฉันรักคุณในแบบที่คุณเป็น เข้าใจไหม”


 


 


หัวใจเฉียวเหลียงวาบไหวขึ้นมาในฉับพลัน เขาก้มลงจูบเธออีกครั้ง…


 


 


ก๊อก ก๊อก…


 


 


ขณะที่ทั้งสองกำลังดื่มด่ำกับรสจุมพิตก็มีคนมาเคาะกระจกหน้าต่าง ถังซีรีบผลักเฉียวเหลียงออก เฉียวเหลียงตาหวานฉ่ำมองหน้าเธออย่างไม่เต็มใจ แล้วหันไปเปิดกระจกด้วยสีหน้าบึ้งตึง มองหน้าตำรวจจราจรที่ดูท่าทางเคอะเขินอย่างเย็นชา “มีอะไรครับ”


 


 


“ผมขอถามหน่อย ว่าคุณกำลังทำอะไรกันอยู่” คราวนี้นายตำรวจมองชายหนุ่มผู้หล่อเหลาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด


 


 


ถังซีรีบปิดบังใบหน้า เธอรู้สึกอับอายมาก พระเจ้า! เกิดอะไรขึ้น! เมื่อกี้เธอกับเขาจูบกันในรถ แล้วทำไมจู่ๆ ตำรวจถึงปรากฏตัวขึ้นมา


 


 


เฉียวเหลียงมองหน้าตำรวจด้วยความโกรธ น้ำเสียงเขาเยือกเย็น “คุณตาบอดหรือ”


 


 


“คุณ!” สีหน้านายตำรวจเข้มขึ้นทันที ขณะกล่าวออกมาด้วยความโมโห “คุณฝ่าฝืนกฎจราจร จอดรถในช่องทางเร่งด่วน กรุณา…” แต่ก่อนที่นายตำรวจจะพูดจบเฉียวเหลียงก็ขัดจังหวะเสียก่อน เขาหยิบนามบัตรออกมา วางลงบนใบสั่งของตำรวจ “เอานามบัตรนี้ไปที่เฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุป คนที่นั่นจะจ่ายค่าปรับให้คุณ” จากนั้นโดยไม่เปิดโอกาสให้ตำรวจได้พูด เขาก็กล่าวอย่างเย็นชา “เราไปได้แล้วใช่ไหม”


 


 


และก่อนที่ตำรวจจะตอบ เขาก็เหยียบคันเร่งพารถพุ่งออกไป


 


 


ถังซียังคงปิดหน้าและมองเฉียวเหลียงอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร “ถ้าคุณจัดการเรื่องนี้อย่างไม่ถูกต้อง จะเป็นข่าวพาดหัววันพรุ่งนี้ ‘ประธานเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุป จูบกับหญิงสาวลึกลับบนถนนในช่องทางเร่งด่วน ทำให้เกิดการจราจรติดขัด แล้วแค่ทิ้งนามบัตรไว้ให้ตำรวจ…’ เป็นข่าวอื้อฉาวแน่!”


 


 


เฉียวเหลียงยิ้ม “พวกเขากล้าเหรอ”


 


 


ถังซียกมือตบอกตัวเองเบาๆ บางทีก็อาจจะไม่…


 


 


เมื่อเห็นเธอยังคงเงียบ เฉียวเหลียงก็ลูบผมเธอแล้วถามอย่างอ่อนโยน “คุณกลัวเหรอ”


 


 


“กลัวสิ!” ถังซีมองเขาด้วยสายตาขุ่นเคือง “คุณทำแบบนี้ได้ยังไง…” ถังซีอยากหารูสักรูหนึ่งมุดลงไปซ่อนตัว เมื่อจำได้ว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น “คุณจูบฉันบนถนนตรงนั้นได้ยังไง”


 


 


เฉียวเหลียงมองตาถังซีลึกลงไป แล้วขับรถต่อไปโดยไม่พูดอะไร ครู่หนึ่งเขาจึงเอ่ยออกมาในที่สุดว่า “ผมอดใจไม่ได้”


 


 


ถังซีหน้าแดงก่ำขึ้นมาอีก ตอนนี้เขากลายเป็นคนปากหวานปานน้ำผึ้งไปแล้ว!


 


 


เฉียวเหลียงโทรหาอาห้าซึ่งกำลังง่วงงุนเพราะทำงานล่วงเวลาเมื่อคืนนี้ ขณะรับโทรศัพท์เขาก็ยังคงงัวเงีย ตาปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง หลังจากได้ยินชื่อถนนและตอบว่า “ได้ครับ” เขาก็ผล็อยหลับไปอีก แต่ทันใดนั้นเขาก็ผุดลุกขึ้นจากเตียงด้วยดวงตาเบิกกว้าง “ถนนซินเฉิงหรือ ลบวิดีโอกล้องวงจรปิดเฝ้าระวังการจราจร! นายน้อยประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ใช่ไหม หรือว่าเขาขับรถเร็วเกินกำหนด แต่ฟังจากน้ำเสียงแล้วไม่น่าจะใช่อะไรแบบนั้นเลย!”


 


 


แม้ว่านายน้อยแทบจะไม่เคยขับรถเอง แต่เขาไม่มีทางละเมิดกฎจราจรอย่างแน่นอน เขามักปฏิบัติตามกฎจราจรเสมอ


 


 


อาห้ารีบไปหาอาหกเพื่อบอกเรื่องนี้ เมื่ออาหกเปิดวิดีโอให้ดูเขาก็ต้องขยี้ตา “นายน้อยไปจอดรถทำไมตรงนั้น”


 


 


อาหกเม้มริมฝีปาก และขยายภาพวิดีโอ เมื่อเห็นชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นในรถ ทั้งสองก็จ้องหน้ากันและกันด้วยความตกใจ อาหกถึงกับอึ้ง “…” นี่คือนายน้อยของเขาจริงๆ หรือ


 


 


อาห้าอุทาน “โอ พระเจ้า! คนคนนั้นคือนายน้อยจริงๆ หรือ เขาคือนายน้อยจริงๆ หรือ บ้าบอที่สุด เขาดูเร่าร้อนจริงๆ! โอ… ฉันคิดว่าฉันต้องเรียนรู้เขาใหม่แล้วล่ะ!” 

 

 


ตอนที่ 222 ฉันไม่ต้องการของหมั้นใดๆ

 

ไม่น่าแปลกใจที่นายน้อยของพวกเขาโดนใบสั่ง สองคนนั้นทำให้รถติด!


 


 


พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่านายน้อย ‘มิสเตอร์ภูเขาน้ำแข็ง’ จะทำให้รถติดเพราะจูบผู้หญิง!


 


 


อาห้าได้สติก่อนและกล่าวว่า “เร็วเข้า ลบวิดีโอ และตรวจสอบสัญญาณบนถนนใกล้ๆ บริเวณนั้นด้วย แล้วถ้ามีใครลงข้อความเกี่ยวกับเรื่องนี้บนโซเชียลมีเดีย ก็รีบลบออกเร็วๆ เลย”


 


 


แม้นายน้อยจะไม่สนใจภาพลักษณ์ของตัวเอง แต่เฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปจำเป็นต้องสนใจ หากพวกเขาไม่ลบข้อความพวกนั้น เฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปจะได้พาดหัวข่าวพรุ่งนี้แน่ ‘มิสเตอร์ภูเขาน้ำแข็ง ประธานเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุป กลายเป็นคนคลั่งรักไปแล้ว’


 


 


พระเจ้า! อาห้าเชื่อว่าหุ้นเฉียวต้องดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดหากมีข่าวแบบนั้น!


 


 


นอกจากนี้เฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปยังอยู่ในช่วงเวลาวิกฤติ ศัตรูพร้อมจะเคลื่อนไหว หากคนเหล่านั้นสร้างปัญหาจากเรื่องนี้ นายน้อยจะต้องเจอเรื่องยุ่งยากมากมาย…


 


 


เขาไม่ได้ห่วงว่าเจ้านายจะกลัวเกรงเรื่องนี้ เขาแค่ไม่ต้องการให้คนพวกนั้นมีโอกาสข่มขู่เจ้านายโดยใช้คุณหนูเซียวเป็นเครื่องมือ หากนายน้อยถูกทำให้ระคายเคือง บางสิ่งที่น่าสะพรึงอาจเกิดขึ้น


 


 


จากที่อาห้ารู้จักนายน้อยมา นายน้อยจะแก้แค้นอย่างโหดเ**้ยมที่สุดอย่างแน่นอน หากเขาโกรธ!


 


 



 


 


ทางอีกด้านหนึ่ง เมื่อเฉียวเหลียงวางสายโทรศัพท์ ถังซีก็อดถามไม่ได้ว่า “ทำไมคุณถึงให้นามบัตรกับตำรวจจราจรไปล่ะ”


 


 


ในเมื่ออาห้าจัดการกับเรื่องนี้ได้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องให้นามบัตรเขากับตำรวจคนนั้น อาห้าจะลบวิดีโอทั้งหมดที่มีภาพเฉียวเหลียง จริงๆ แล้วเขาสามารถขับรถหนีไปได้เลยตอนที่ตำรวจกำลังเขียนใบสั่ง ถ้าเขาขับเร็วพอ เขาไม่จำเป็นต้องให้นามบัตรกับตำรวจเพราะนั่นจะเป็นหลักฐาน…


 


 


เฉียวเหลียงเลิกคิ้ว “นั่นเป็นนามบัตรของรองประธาน”


 


 


“ฮะ?” ถังซีตะลึงงัน ประธานเฉียว ทำไมคุณถึงมีนามบัตรของรองประธานติดมาด้วย คุณแอบหลงรักเขาอยู่หรือเปล่า!


 


 


เฉียวเหลียงยิ้ม ลูบผมถังซี หักพวงมาลัยเปลี่ยนเลนแล้วอธิบายว่า “ช่วงที่ผ่านมารองประธานคนนั้นเงียบเกินไป ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เลยต้องหาอะไรสักอย่างให้เขาทำ”


 


 


“คุณก็เลยเอานามบัตรเขาติดตัวมาด้วย อย่างนั้นเหรอ” ถังซีถามพลางคิดอยู่ในใจ ถึงคุณจะอยากสร้างปัญหาให้เขา แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมีนามบัตรเขาติดตัวมาด้วยนี่


 


 


“ผมแค่ใส่ไว้ในกระเป๋า ไม่คิดเหมือนกันว่าวันนี้จะได้ใช้ ผมคิดว่าถ้าตำรวจจราจรหาวิดีโอกล้องวงจรปิดไม่เจอ พวกเขาอาจประกาศทางออนไลน์ ผมควรหาอะไรให้เขาทำ เผื่อว่าตอนนี้เขาจะเผลอคิดไปว่าเขากำลังอยู่ดีมีสุข”


 


 


ถังซีเข้าใจในสิ่งที่เขาพูดทันที เธอเลิกคิ้ว “สิ่งที่คุณทำอยู่ตอนนี้ มีส่วนเกี่ยวข้องกับรองประธานคนนี้ใช่ไหม”


 


 


เฉียวเหลียงเปิดไฟเลี้ยว รถเปลี่ยนเลนและเลี้ยวเข้าไปจอดที่หน้าอาคารสำนักงานสามชั้น หลังจากขับมาประมาณสองร้อยเมตร “ถึงแล้ว”


 


 


เมื่อเห็นอาคารสำนักงานหลังนี้ ดวงตาถังซีก็เป็นประกายสดใส ลืมเรื่องที่เพิ่งถามเฉียวเหลียงเมื่อครู่ไปทันทีและลงจากรถ เมื่อเห็นว่ามีสัญลักษณ์ ‘เดอะควีน’ อยู่บนอาคาร เธอก็หันกลับไปมองเฉียวเหลียงด้วยความประหลาดใจ “คุณเช่าอาคารนี้ให้ฉันทั้งหลังเลยเหรอ”


 


 


เฉียวเหลียงลงจากรถ เมื่อเห็นรอยยิ้มอย่างพึงพอใจบนใบหน้าเธอ เขาก็ส่ายศีรษะ “ผมซื้ออาคารหลังนี้เพื่อเป็นการลงทุนในบริษัทคุณ คุณจ่ายเงินคืนให้ผมได้เมื่อธุรกิจของบริษัทคุณประสบความสำเร็จ หรือไม่ก็…”


 


 


ถังซีมองหน้าเขาภายใต้แสงอาทิตย์ ฉีกยิ้มกว้างอย่างสดใส “หรือไม่ก็อะไรคะ”


 


 


“หรือคุณจะใช้เป็นของหมั้นของผมก็ได้” เฉียวเหลียงรีบเดินเข้ามาหาแล้วกอดเอวเธอจากด้านหลัง วางคางบนไหล่เธอ มองไปยังอาคารสามชั้นที่อยู่ท่ามกลางตึกสูงระฟ้า ซึ่งได้รับการตกแต่งแล้วอย่างงดงาม พร้อมกับกระซิบว่า “ผมจะเป็นผู้ลงทุน คุณเป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินงาน ให้อาคารหลังนี้เป็นของหมั้นที่ผมมอบให้คุณ ได้ไหม”


 


 


“ไม่ได้ค่ะ” ถังซีหันกลับไปมองเฉียวเหลียงและยิ้ม “ฉันจะจ่ายเงินคืนให้คุณ ฉันจะเป็นผู้ลงทุนบริษัทของฉันเอง ฉันไม่ต้องการของหมั้นใดๆ”


 


 


เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว “ทำไมล่ะ”


 


 


“เพราะฉันจะไม่รู้สึกถึงความสำเร็จเลย ถ้าฉันพึ่งพาคุณหมดทุกอย่าง” ถังซีมองขึ้นไปยังอาคารขนาดใหญ่ แม้จะมีเพียงสามชั้นแต่ก็เพียงพอสำหรับการเริ่มต้น อันที่จริงชั้นเดียวก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้องถึงสามชั้นแบบนี้


 


 


เฉียวเหลียงเลิกคิ้ว “อะไรหรือ ที่จะทำให้คุณรู้สึกถึงความสำเร็จ”


 


 


ถังซียิ้ม หันกลับไปมองเฉียวเหลียงแล้วกล่าวอย่างมั่นใจ “ฉันจะรู้สึกถึงความสำเร็จ ถ้าฉันมีบริษัทนี้เป็นสินสอดติดตัวไปหลังแต่งงาน”


 


 


เฉียวเหลียงยิ้ม “ตกลง เอาที่คุณสบายใจ”


 


 


ถังซีหัวเราะเบาๆ แล้วจูบแก้มเขา “ขอบคุณค่ะ เบย์แมกซ์ของฉัน”


 


 


เฉียวเหลียงยิ้มกว้างด้วยท่าทางพึงพอใจ เขาจูบแก้มเธอด้วย และถามว่า “แล้วคุณจะอนุญาตแค่ให้ผมจูบแก้ม ตอบแทนการช่วยเหลืออันยิ่งใหญ่ของผมเหรอ”


 


 


ถังซีเขิน แต่ไม่โกรธเขา “แล้วคุณต้องการอะไรล่ะ”


 


 


“จูบแบบฝรั่งเศส เดี๋ยวนี้…”


 


 


“หยุดเลย! เดี๋ยวจินฮั่นกับหลี่ม่านหยางก็มาถึงแล้ว น่าอายจะตายถ้าพวกเขามาเห็นเราแบบนั้น!” ใบหน้าถังซีร้อนผ่าวแดงก่ำไปทั้งหน้า ทำไมเมื่อก่อนหน้าโน้นเธอถึงไม่เคยรู้เลยว่าแฟนเธอชอบจูบเธอมากขนาดนี้!


 


 


“ฮ่าๆ … ใช่ค่ะ… จริงด้วย…” ทันทีที่ถังซีพูดจบ เสียงหัวเราะของหลี่ม่านหยางก็ดังลั่นอยู่ข้างหลังพวกเขา “จริงๆ แล้ว เรามาถึงได้สักพักแล้วล่ะค่ะ…”


 


 


หลี่ม่านหยางหันกลับไปจ้องหน้าจินฮั่นขณะบ่นว่า “เป็นความผิดของเธอคนเดียวเลย ถ้าเธอไม่ส่งเสียงดัง เราคงได้ดูเจ้าชายกับเจ้าหญิงจูบกันแบบฝรั่งเศส!”


 


 


ถังซีอายมากยิ่งขึ้น เธอรีบออกจากอ้อมแขนเฉียวเหลียง ยิ้มให้หลี่ม่านหยางแล้วกล่าวอย่างเขินอาย “ในเมื่อคุณสองคนมาแล้ว เราก็เข้าไปดูข้างในกันเถอะ เนื่องจากคุณสองคนเป็นพนักงานสองคนแรกของบริษัทเรา ฉันให้สิทธิ์คุณเลือกห้องทำได้”


 


 


สองหนุ่มสาวทักทายถังซีกับเฉียวเหลียง ถังซีตอบอย่างเคอะเขินด้วยใบหน้าแดงก่ำ แล้วหมุนตัวเดินไปยังทางเข้าอาคาร ขณะที่เฉียวเหลียงพยักหน้าให้พวกเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วตามถังซีไป


 


 


ขณะมองตามเฉียวเหลียง หลี่ม่านหยางอุทานอย่างหลงใหลคลั่งไคล้ เธอยกมือทาบอก ใช้ข้อศอกกระทุ้งจินฮั่น ซึ่งมีสีหน้าถมึงทึงอย่างที่สุด “เธอเห็นอะไรไหม ท่านประธานเฉียว! ประธานเฉียวผู้เป็นตำนาน! โอ…เขาเหมาะที่จะเป็นท่านประธานสุดๆ! ช่างโรแมนติกเหลือเกินตอนที่พวกเขากอดกัน! ใจฉันละลายหมดแล้ว! ละลายกลายเป็นแอ่งน้ำไปแล้ว! โอย หวานจัง!”


 


 


จินฮั่นจ้องมองหลี่ม่านหยางอย่างเย็นชา พร้อมกับกล่าวเย้ยหยัน “น่าอายจะตายที่ทำแบบนี้ในที่สาธารณะ! น่าอับอายที่สุด!”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม