หวานรักจับหัวใจท่านประธาน 215-222

 ตอนที่ 215 ต้อนรับพระอาทิตย์ 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…” 


 


 


มือที่กำลังถือช้อนชะงักไปเล็กน้อย แล้วเธอหันหน้าไปกวาดสายตามองในห้องอาหารอย่างคร่ำเคร่ง แต่ก็ไม่พบเงาร่างของอวี๋เยว่หาน 


 


 


จากนั้นเธอก็ออกแรงกลืนข้าวในปากลงไป แล้วมองพ่อบ้านด้วยความสงสัย “พ่อบ้าน คุณพูดว่าอะไรนะคะ” 


 


 


“…” 


 


 


“คุณไม่เป็นไรใช่ไหมคะ” เหนียนเสี่ยวมู่วางช้อนลง ก่อนจะยืนขึ้น แล้วเดินไปข้างหน้าพ่อบ้าน เธอเพิ่งยื่นมือจะไปสัมผัสหน้าผากของพ่อบ้าน แต่เขาก็เบี่ยงตัวหลบไปแล้ว 


 


 


ใบหน้าของชายชราคร่ำเคร่ง ยากนักที่จะปรากฏท่าทางอึดอัดจนลนลานแบบนั้น 


 


 


เทียบกับหน้าตาเคร่งเครียดในเวลาปกติ ก็ดูชัดเจนมาก 


 


 


พ่อบ้านสบสายตาช่างสังเกตของเธอ เขาเหมือนแมวที่ถูกเหยียบหาง พลางพูดเน้นย้ำอย่างไม่มั่นใจ “ฉันเป็นคนเตรียมอาหารให้เธอทั้งหมด กินข้าวของเธอให้ดีเถอะ กินเสร็จแล้วก็รีบไปนอน” 


 


 


พูดจบแล้วก็กลับหลังหันเดินไป 


 


 


ฝีเท้าของเขาเร่งร้อน ราวกับมีใครตามฆ่าอยู่ข้างหลัง 


 


 


“…” 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ยืนอยู่หน้าโต๊ะอาหาร มองพ่อบ้านที่หายวับไปกับตา แล้วหันหน้ากลับมามองอาหารบนโต๊ะ พลางขมวดคิ้วมุ่น 


 


 


เธอรู้สึกแปลกๆ 


 


 


หรือว่าพ่อบ้านจะไม่ได้เป็นคนเตรียมอาหารพวกนี้ให้เธอ?  


 


 


อย่างนั้นยังมีใครกลัวเธอหิว ถึงได้เตรียมอาหารให้เธอ… 


 


 


คฤหาสน์ตระกูลอวี๋ใหญ่มาก แต่คนที่เธอรู้จักและมีอำนาจพอจะสั่งห้องครัวได้มีอยู่ไม่มากจริงๆ 


 


 


หรือว่าจะเป็นอวี๋เยว่หาน? 


 


 


พอเหนียนเสี่ยวมู่นึกถึงชื่อของเขา ในหัวของเธอก็ปรากฏภาพใครบางคนปล่อยมือให้เธอล้มลงกับพื้น แถมยังใช้สื่อการสั่งสอนเสี่ยวลิ่วลิ่วอีกขึ้นมทันที ทำเอาเธอโมโหขึ้นมาตงิดๆ ก่อนจะนั่งลงตรงหน้าโต๊ะอาหาร แล้วหยิบน่องแกะขึ้นมาฉีกกินคำหนึ่ง 


 


 


เธอออกแรงเคี้ยว ท่าทางดูดูดัน เหมือนเห็นน่องแกะในมือเป็นอวี๋เยว่หาน! 


 


 


เจ้าก้อนนำแข็งไม่เตรียมอาหารให้เธอแบบนี้หรอก ต้องเป็นเพราะเสี่ยวลิ่วลิ่วที่เห็นเธอไม่ได้กินข้าว เลยให้พ่อบ้านเตรียมไว้ให้แน่ๆ 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่กินดื่มจนอิ่ม ถึงจะนอนหลับสนิทได้ 


 


 


วันต่อมา หญิงสาวนึกขึ้นได้ว่ายังมีงานที่ต้องทำ จึงไปบริษัทตั้งแต่เช้าตรู่ 


 


 


ตอนอวี๋เยว่หานตื่นนอน ก็ไม่เห็นเงาร่างของเธออยู่ในคฤหาสน์แล้ว 


 


 


“คุณชาย อาหารเช้าเรียบร้อยแล้วครับ” พ่อบ้านเดินมาข้างหน้า แล้วกล่าวเตือนเขาอย่างนอบน้อม 


 


 


“เหนียนเสี่ยวมู่ล่ะ” อวี๋เยว่หานหลุบตา เดินเข้าไปในห้องอาหาร และเอ่ยปากอย่างเรียบเฉย 


 


 


“เหนียนเสี่ยวมู่ไปบริษัทตั้งแต่เช้าแล้วครับ ดูเหมือนจะมีธุระสำคัญมาก” พ่อบ้านตอบด้วยความสงสัยอยู่ข้างหลังเขา 


 


 


เมื่อได้ยินดังนั้น ฝีเท้าของอวี๋เยว่หานก็หยุดชะงัก แล้วหันกลับไปมองอีกฝ่าย “เธอพูดว่ายังไง” 


 


 


“วันนี้อากาศดีจริงๆ เลย ฉันต้องไปต้อนรับพระอาทิตย์ของฉันที่บริษัท พ่อบ้าน บ๊ายบายค่ะ อย่าคิดถึงฉันเกินไปนะคะ!” พ่อบ้านพูดคำพูดของเหนียนเสี่ยวมู่ซ้ำอีกครั้งโดยไม่ตกหล่น และวินาทีต่อมาเขาก็เห็นอวี๋เยว่หานมีสีหน้าดำคล้ำลง 


 


 


ถ้าเขาจำไม่ผิด เมื่อวานเหวินหย่าไต้เตือนเธอว่า วันนี้คุณชายจากบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าจะไปที่บริษัท จึงฝากฝังงานไว้กับเธอ 


 


 


พระอาทิตย์หมายถึงใคร เฉินจื่อซินเหรอ! 


 


 


อวี๋เยว่หานขมวดคิ้วมุ่น ใบหน้าหล่อเหลามีแต่ความมืดมนปกคลุมอยู่ 


 


 


เขากวาดสายตามองอาหารเช้าบนโต๊ะ ไม่มีความอยากอาหารขึ้นมาทันใด 


 


 


จากนั้นเขาก็หมุนตัวเดินออกไปข้างนอก 


 


 


“เตรียมรถไปบริษัท” 


 


 


 


 


 


งานปล่อยผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าประสบความสำเร็จอย่างมาก 


 


 


มีการพูดถึงงานอย่างร้อนแรงทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ทำให้รอบข้างมีแต่เสียงแสดงความยินดี เมื่อเหนียนเสี่ยวมู่เดินเข้าไปในบริษัท 


 


 


“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน งานประสบความสำเร็จแบบนี้ ตอนนี้คงไม่มีใครกล้าสงสัยความสามารถของคุณแล้ว” เสี่ยวเสี่ยว นักศึกษาฝึกงานที่อยู่ข้างๆ เธอพูดอย่างเบิกบานใจ 


 


 


เลขาที่อยู่อีกข้างก็กล่าวสมทบ “ทุกคนเป็นเพื่อนร่วมงานกันหมด ประนีประนอมกันได้ดีที่สุด” 


 


 


เลขาพูดพลางส่งตารางงานให้เหนียนเสี่ยวมู่ 


 


 


“วันนี้รองประธานจากบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าจะมาถึงตอนสิบโมงเช้า คนที่มากับเขามีผู้จัดการงานคนเก่าด้วย ข้อมูลอยู่ในนี้ค่ะ” 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 216 หึง 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่เพิ่งยื่นมือไปรับข้อมูลมา และมองเห็นรูปภาพที่เสียบอยู่บนนั้นตั้งแต่ครั้งแรก 


 


 


เลขาอธิบายต่อ “นี่เป็นรูปคุณชายของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าค่ะ มีข่าวเกี่ยวกับเขาอยู่ไม่น้อยเลย ได้ยินว่าเขาเป็นคนที่ไนซ์มาก ไม่มีมาดอะไร เป็นคนที่เขาถึงได้ง่ายมากค่ะ” 


 


 


“…” 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่มองรูปภาพ ก่อนจะมีภาพชายหนุ่มที่เจอด้านหลังเวทีงานปล่อยผลิตภัณฑ์ใหม่ผุดขึ้นมาตรงหน้า 


 


 


ตัวจริงดูดีกว่าในรูปทีเดียว โดยเฉพาะตอนที่เขายิ้ม ทำให้คนรู้สึกถึงความอบอุ่นได้จริงๆ 


 


 


เขาเหมือนพระอาทิตย์ในฤดูหนาว เห็นแล้วสบายใจอย่างยิ่ง 


 


 


เมื่อวานเขาเชิญเธอไปกินข้าว หากรู้อยู่แล้วว่าเขาตะมารับช่วงต่องานนี้ เมื่อวานเธอคงจะไม่รีบร้อนวิ่งไปอย่างนั้น 


 


 


คุณชายคงจะไม่คิดว่าเธอไม่มีมารยาท และมาต่อว่าเธออย่างถึงใจในวันนี้หรอกมั้ง? 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่คิดเป็นตุเป็นตะ เธอเพิ่งจะเตรียมกลับไปนั่งดูเอกสารตรงที่นั่งของตัวเอง อยู่ๆ ก็ได้ยินคนเรียกชื่อของเธอ 


 


 


เมื่อหันไปมอง ก็เห็นใครคนหนึ่งเดินออกมาจากในลิฟต์ 


 


 


เขาสวมชุดสูทสีเงิน ผมสั้นถูกเซ็ตไว้อย่างดี จังหวะก้าวเดินมั่นคง และมีรอยยิ้มสดใสประดับอยู่บนใบหน้า 


 


 


เฉินจื่อซิน… 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่อึ้งไป แต่ก็รีบหันหน้าไปมองเลขาหลังจากที่ดึงสติกลับมาได้ 


 


 


คนของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าจะมาถึงตอนสิบโมงไม่ใช่เหรอ 


 


 


แล้วตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย 


 


 


“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขานัดไว้ตอนสิบโมงเช้า…” เลขามองตารางงาน มีสีหน้างุนงงเช่นกัน 


 


 


เพียงเวลาชั่วพริบตา เฉินจื่อซินก็เดินมาถึงหน้าประตูแผนกประชาสัมพันธ์แล้ว 


 


 


และเมื่อมองให้ดี เขามาแค่คนเดียว! 


 


 


คนอื่นๆ จากบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าล่ะ 


 


 


“ไม่ต้องมองหรอก มีแค่ผมคนเดียว ผมก็เลยมาก่อนเวลา” เฉินจื่อซินล้วงมือสองข้างอยู่ในกระเป๋ากางเกง พูดพลางยิ้มกริ่ม 


 


 


รอยยิ้มของเขาจริงใจมาก เพียงแค่มองครั้งเดียวก็อยากจะยิ้มตามโดยไม่รู้ตัวแล้ว 


 


 


เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเหนียนเสี่ยวมู่ที่กำลังอึ้งงัน ก่อนจะยื่นมือไปเกาหัวเล็กน้อย ราวกับเด็กหนุ่มขี้อาย “ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน เดิมทีเมื่อวานผมอยากนัดคุณไปกินข้าว เพื่อขอให้คุณชี้แนะเรื่องงานสักหน่อย แต่ก็ไม่สำเร็จ วันนี้ผมมาถึงก่อนเวลาแล้ว ไม่ทราบว่าคุณกินข้าวเช้าหรือยังครับ” 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ยังไม่ทันตอบ เขาก็พูดขึ้นมาเอง 


 


 


“ผมรู้มาว่าฝั่งตรงข้ามบริษัทตระกูลอวี๋มีร้านอาหารเช้าที่อร่อยมากอยู่เจ้าหนึ่ง ไม่ทราบว่าคุณจะให้เกียรติไปกินข้าวเช้ากับผมไหมครับ” 


 


 


ถ้าเป็นการเชิญไปกินข้าวธรรมดาทั่วไป เหนียนเสี่ยวมู่อาจจะปฏิเสธ 


 


 


แต่เฉินจื่อซินพูดชัดเจนแล้ว เขาต้องการคำแนะนำเรื่องงาน ถ้าเธอเอ่ยปากปฏิเสธ ก็เป็นการเสียมารยาทอย่างชัดเจน 


 


 


บวกกับวันนี้พวกเขาต้องคุยเรื่องงานกันอยู่แล้ว… 


 


 


เธอกลอกตาครั้งหนึ่ง “ก็ได้ค่ะ ฉันยังไม่ได้กินข้าวพอดี” 


 


 


“ดีจังเลยครับ งั้นพวกเราไปกันเถอะ” เฉินจื่อซินยื่นมือมารับกระเป๋าของเธออย่างเป็นสุภาพบุรุษ แล้วพยักเพยิดให้เธอเดินข้างหน้า 


 


 


ตอนที่ทั้งสองคนเกือบจะเดินมาถึงหน้าลิฟต์ เขาก็เร่งฝีเท้าขึ้นมาก้าวหนึ่ง เพื่อกดลิฟต์ให้เธอ จากนั้นก็กั้นประตูลิฟต์เอาไว้ ให้เธอเข้าไปก่อน 


 


 


ท่าทางของเขาเป็นธรรมชาติมาก ดูสง่าผ่าเผยมากด้วย 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่พึมพำอยู่ในใจ ผู้ชายคนนี้เหมือนที่เลขาพูดเอาไว้จริงๆ เข้าถึงง่าย ถ้าเป็นอย่างนี้ งานต่อไปคงจะสบายมาก… 


 


 


“ติ๊ง!” ประตูลิฟต์เปิดออก 


 


 


เธอเดินไปข้างหน้าก่อน กำลังจะถามเฉินจื่อซินว่าร้านอาหารเช้าอยู่ที่ไหน ก็ได้ยินเสียงกล่าวต้อนรับภายในโถงใหญ่ของบริษัทตระกูลอวี๋ดังขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย 


 


 


“คุณชายหาน” 


 


 


เงาร่างสูงส่งของอวี๋เยว่หานเดินเข้ามาจากข้างนอก พร้อมๆ กับผู้ช่วย กำลังเดินมาทางลิฟต์ส่วนตัวของประธานบริษัท 


 


 


วินาทีต่อมา อวี๋เยว่หานเหลือบไปเห็นเหนียนเสี่ยวมู่ยืนอยู่กับเฉินจื่อซิน ลูกตาของเขาหดลง และหยุดฝีเท้าทันควัน! 


ตอนที่ 217 อวี๋เยว่หาน คุณทำอะไร


 


 


ผู้ช่วยสังเกตเห็นสายตาของเขา แต่ยังคงรายงานต่อ “…ตารางการประชุมของวันนี้มีเท่านั้นครับ จริงสิ คุณชาย ผมถามมาแล้วนะครับ รองประธานของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าจะมาทำการรับช่วงต่องานที่บริษัทของเราตอนสิบโมงเช้า”


 


 


เขาพูดจบก็เงยหน้าขึ้น ก่อนจะพบว่าอวี๋เยว่หานหยุดฝีเท้าแล้ว


 


 


นัยน์ตาของอวี๋เยว่หานดูล้ำลึก แผ่ความเยือกเย็นออกมาทั่วตัว


 


 


เมื่อได้ยินคำพูดของผู้ช่วย ชายหนุ่มเพียงขยับริมฝีปากบางตอบว่า “อืม มาแล้ว”


 


 


ผู้ช่วย “???”


 


 


อีกฝ่ายหันหน้าไปมองตามสายตาของเจ้านาย และชำเลืองเห็นเฉินจื่อซินที่อยู่ข้างๆ เหนียนเสี่ยวมู่ ทำเอาเขาหยุดหายใจไปในทันที


 


 


เฉินจื่อซินเห็นอวี๋เยว่หานหยุดฝีเท้าแล้วก็เดินเข้ามาหา และรีบร้อนเป็นฝ่ายทักทายก่อน “คุณชายหาน อรุณสวัสดิ์ครับ! คิดไม่ถึงเลยว่าคุณก็มาบริษัทเช้าขนาดนี้เหมือนกัน”


 


 


“…” อวี๋เยว่หานเม้มริมฝีปากบางเป็นเส้นตรง แต่ไม่ได้พูดอะไร สายตาของเขามองข้ามเฉินจื่อซินไป จับจ้องอยู่ที่เหนียนเสี่ยวมู่ที่ยืนอยู่ข้างหลัง


 


 


เธอก้าวมาข้างหน้าเขาช้ากว่าเฉินจื่อซิน ก่อนจะยิ้มออกมา “คุณชายหาน อรุณสวัสดิ์ค่ะ”


 


 


“…” สายตาของอวี๋เยว่หานแลดูหม่นหมอง


 


 


คำพูดทักทายเหมือนกัน เธอมีท่าทางคล้ายกับเฉินจื่อซิน พัฒนาความสัมพันธ์กันได้เร็วมาก


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่เห็นเขาไม่สนใจ จึงก้มหน้าและแอบแลบลิ้น ก่อนจะเตรียมตัวเดินไป


 


 


แต่เพิ่งสาวเท้าออกไป ก็ได้ยินเสียงทุ่มต่ำน่าดึงดูดของอวี๋เยว่หานดังขึ้น “ไปไหน”


 


 


“กินข้าวเช้า” เหนียนเสี่ยวมู่ชะงักฝีเท้า แล้วหันหน้าไปตอบคามความจริง


 


 


เมื่อได้สบตากับเขา เธอก็รู้สึกว่ามีตรงไหนผิดปกติไป


 


 


เขาดูเหมือนอารมณ์ไม่ดี


 


 


ใครไปยั่วโมโหเขาล่ะเนี่ย


 


 


เฉินจื่อซินที่อยู่ข้างๆ ได้ยินเขาพูดแล้ว ก็อยากพูดขึ้นมาบ้าง “ผมเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก ไม่ค่อยคุ้นชินกับหลายๆ อย่างของเมืองเอช ก็เลยมาบริษัทตระกูลอวี๋ก่อนเวลา อยากทำความคุ้นเคยกับซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนสักหน่อยน่ะครับ”


 


 


ตอนนี้บริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าและบริษัทตระกูลอวี๋เป็นคู่ค้าที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้น เพื่องานเลี้ยงที่ต้องทำการนัดหมาย อย่างไรก็พูดไปหมดแล้ว


 


 


แต่คนตาบอดดูไม่ออกหรอก ว่าสายตาที่เฉินจื่อซินมองเหนียนเสี่ยวมู่เต็มไปด้วยความสนใจ


 


 


เขามาเชิญไปกินข้าวถึงที่ คงจะไม่ใช่แค่เรื่องงานอย่างเดียวหรอก


 


 


“ไม่ทราบว่าคุณชายหานกินข้าวเช้าหรือยังครับ ถ้ายังไม่ได้กินล่ะก็ สนใจไปกินด้วยกันไหมครับ ผมได้ยินมาว่าร้านอาหารฝั่งตรงข้ามไม่เลวเลย” เฉินจื่อซินถามตามมารยาท


 


 


คำพูดตามมารยาทแบบนี้ พูดแล้วก็จบกันไป


 


 


อวี๋เยว่หานมาฐานะสูงส่ง งานก็ยุ่ง อยากจะเชิญเขาไปกินข้าวต้องนัดเวลากับเลขา ไม่มีทางเชิญได้โดยง่าย


 


 


เฉินจื่อซินถามแบบนั้นออก ด้วยรู้อยู่แกใจว่าเขาต้องปฏิเสธตนแน่ๆ


 


 


แต่อวี๋เยว่หานยังไม่ทันได้เอ่ยปาก เหนียนเสี่ยวมู่ก็รีบร้อนพูดขึ้นมาก่อน “คุณชายหานงานยุ่งจะตาย จะว่างไปกินข้าวเช้ากับพวกเราได้ยังไงคะ คุณชายหาน พวกเราไม่รบกวนคุณแล้ว ค่อยๆ เดินนะ!”


 


 


เธอพูดพลางจะเตรียมตัววิ่งไป


 


 


ทว่ายังไม่ทันได้หมุนตัว ก็ได้ยินเสียงทุ้มดังมาจากข้างหู “ตกลง”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…”


 


 


เธอตัวแข็งทื่อ แยกไม่ออกว่าเขาตอบเธอ หรือตอบเฉินจื่อซิน


 


 


นี่มันมีสองความหมายนะ!


 


 


ด้านหนึ่งคือสวรรค์ ส่วนอีกด้านคือนรก!


 


 


เมื่อได้สบสายตาคาดหวังของเธอ อวี๋เยว่หานก็หลุบตาลงอย่างเฉยชา “ผมยังไม่ได้กินข้าวเช้าพอดี ไปกินด้วยกันก็ได้” เขาลากเธอลงนรกได้สำเร็จ!


 


 


หญิงสาวยังไม่ได้ดึงสติกลับมา อวี๋เยว่หานก็หมุนตัวดึงชายเสื้อของเธอเดินออกไปข้างนอกก่อนแล้ว


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ทำได้แค่เดินโซซัดโซเซ ราวกับลูกเจี๊ยบกระพือปีกก็ไม่ปาน “อวี๋เยว่หาน คุณทำอะไร ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ ฉันเดินเองได้!”


 


 


 


 


ตอนที่ 218 ผู้ชายกะล่อน!


 


 


รอบๆ มีคนอื่นด้วย เหนียนเสี่ยวมู่จึงไม่กล้าตะโกนเสียงดัง


 


 


เพียงแค่พึมพำในระดับเสียงที่พอจะได้ยินกันแค่สองคน


 


 


ถึงแม้มีคนมองมาทางพวกเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ ก็จะมองข้ามมือของอวี๋เยว่หานที่กำลังดึงชายเสื้อเธอ และคิดแค่ว่าพวกเขาสองคนกำลังเดินอยู่ข้างๆ กันเท่านั้น


 


 


มีแต่เฉินจื่อซินที่อยู่ข้างหลังพวกเขาสองคน ชายหนุ่มมองเห็นภาพที่เหนียนเสี่ยวมู่ถูกอวี๋เยว่หานจูงไปได้อย่างชัดเจน…


 


 


ขณะที่เขาตกตะลึงจนเกือบลืมว่าจะตามไปนั้น อวี๋เยว่หานก็เหลือบไปเห็นว่าทิ้งเฉินจื่อซินไว้ข้างหลัง จึงปล่อยมือจากเหนียนเสี่ยวมู่ แล้วเอ่ยปากอย่างเฉยชา ราวกับมีอะไรเกิดขึ้น “ขาสั้นก็เลยเดินช้าเนี่ย ผมช่วยคุณแล้วยังบ่นอีกเหรอ”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…” !!


 


 


ดวงตาสดใสเบิกโพลง อยากจะกำจัดเขาทิ้งใจจะขาด


 


 


หญิงสาวทำแก้มป่อง เกือบจะพองลมจนกลายเป็นปลาปักเป้าแล้ว!


 


 


เธออยากจะพูดต่อปากต่อคำกับประธานบริษัทที่อยู่ข้างหน้า แต่ก็กลัวว่าโบนัสของเธอจะไม่พอให้เขาหักเสียแล้ว


 


 


“คุณชายหานพอจะมีเวลาก็ดีเลยครับ ผมมีเรื่องงานอยากขอคำแนะนำจากคุณอยู่พอดีเลย” เฉินจื่อซินเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีมาก เมื่อเข้ามาเห็นบรรยากาศระกว่างทั้งสองคนไม่ค่อยดีนัก จึงรีบช่วยไกล่เกลี่ย


 


 


ในเมื่อเขาเป็นคนเลี้ยง เรื่องคนที่เขาเชิญมาก็ต้องเป็นคนจัดการ


 


 


เฉินจื่อซินเดินมาข้างหน้า แล้วชี้ร้านอาหารฝั่งตรงข้ามกับบริษัทตระกูลอวี๋ “ข้ามถนนไปก็ถึงแล้วครับ ผมจองที่นั่งไว้แล้ว”


 


 


หลังจากเขาพูดจบ ทั้งสามคนก็มุ่งหน้าไปยังร้านอาหารพร้อมกัน โดยไม่พูดอะไรอีก


 


 


เหลือเพียงแต่ผู้ช่วย ที่ยืนอยู่ที่เดิม ไม่ทันได้พูดอะไรเลยด้วยซ้ำ


 


 


เมื่อเห็นอวี๋เยว่หานเดินไป ผ่านไปนานที่เดียว ผู้ช่วยถึงจะมองตารางงานในมือของตัวเอง แล้วพูดพึมพำกับตัวเอง “คุณชายบอกว่าวันนี้ไม่ค่อยอยากกินข้าวเช้าไม่ใช่เหรอ…”


 


 


สมัยนี้ ทั้งผู้ชายและผู้หญิงก็กะล่อนเหมือนกันหมด!


 


 


ผู้ช่วยปิดตารางงานในมือ ก่อนจะรีบตามเจ้านายไป


 


 


บริษัมตระกูลอวี๋ตั้งอยู่บนทำเลทองของเมืองเอช ร้านอาหารที่เปิดอยู่ฝั่งตรงข้ามบริษัทได้จึงหรูหราทีเดียว


 


 


ร้านที่เฉินจื่อซินเลือกเป็นร้านอาหารส่วนตัวเล็กๆ รสชาติอาหารแบบต้นตำรับ ราคาแพงหูฉี่


 


 


ปกติที่ร้านมีคนพลุกพล่าน หากไม่ได้จองไว้ ก็คงไม่ได้ที่นั่งแน่นอน


 


 


เฉินจื่อซินเตรียมการก่อนจะมาถึงไว้ไม่น้อย เขาจองห้องส่วนตัวไว้เรียบร้อย และนำทางพวกเขาอย่างช่ำชอง


 


 


เขาเพิ่งจะนั่งลง และหยิบเมนูอาหารขึ้นมากำลังจะส่งให้เหนียนเสี่ยวมู่ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าอวี๋เยว่หานนั่งอยู่ข้างๆ จึงลังเลไปเล็กน้อย ก่อนจะยื่นเมนูอาหารไปตรงหน้าอีกฝ่าย


 


 


“คุณชายหาน เชิญดูก่อนเลยครับ ผมจะให้พนักงานเอามาอีกเล่ม”


 


 


อวี๋เยว่หานใช้นิ้วเรียวยาวคีบเมนูที่เฉินจื่อซินยื่นมาให้ โยนไปในเหนียนเสี่ยวมู่โดยไม่ได้มองเลย


 


 


“นักกิน นี่ให้คุณ”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…”


 


 


เขาทำลายภาพลักษณ์ของเธอต่อหน้าคนแปลกหน้าเหรอเนี่ย


 


 


เรียกสาวโสดยังไม่ได้แต่งงานว่า ‘นักกิน’ ถ้าเป็นคนอื่น เขาถูกต่อยจนตายไปแล้วรู้ไหม


 


 


แต่หญิงสาวนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ใช่คนอื่น และเป็นเจ้านายของตัวเอง


 


 


ต้องรักษาน้ำใจ ไม่พูดจาให้ร้าย เหนียนเสี่ยวทำได้แค่อดืนต่อไป


 


 


ขณะเตรียมกินให้เยอะๆ เพื่อปล่อยใจหัวใจดวงน้อยที่บาดเจ็บของตัวเอง เธอก้มมองราคาอาหารบนเมนู และตกใจจนเกือบจะลุกขึ้นจากเก้าอี้!


 


 


สองมือของเขาจับเมนูเอาไว้ พลางออกแรงกลืนน้ำลาย


 


 


“จะกินที่นี่จริงๆ เหรอคะ”


 


 


“ทำไมเหรอครับ อาหารไม่ถูกปากเหรอ” เฉินจื่อซินถามด้วยความร้อนใจทันทีที่ได้ยินเธอพูด


 


 


ท่าทางเอาใจใส่แบบนั้น ช่างขัดลูกตาจริงๆ


 


 


อวี๋เยว่หานหลุบตา มีความมืดมนผ่านสายตาของเขาไป


ตอนที่ 219 บอกว่าไม่คุ้นเคยไม่ใช่เหรอ


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่สังเกตเห็นสายตาของเขา แต่ได้ยินเสียงของเฉินจื่อซิน จึงตอบตามสัญชาตญาณ “ไม่ได้ไม่ถูกปากหรอกค่ะ แต่อาหารที่นี่แพงมาก แค่กินอาหารเช้าเอง คุณจะไม่กระเป๋าฉีกเหรอคะ”


 


 


เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของอวี๋เยว่หานก็ยิ่งดำคล้ำ


 


 


พวกเขาไม่ได้ว่าอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่เธออยากจะช่วยเฉินจื่อซินประหยัดเงินอย่างนั้นเหรอ


 


 


เฉินจื่อซินเองก็อึ้งไป ราวกับเพิ่งเคยพบเจอผู้หญิงที่น่ารักจริงใจแบบนี้เป็นครั้งแรก รอยยิ้มในดวงตาของเขาจึงยิ่งฉายชัดขึ้น เขารับเมนูในมือของเธอไป แล้วเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ร้านนี้แพงหน่อย แต่อาหารอร่อยจริงๆ นะครับ คุณชอบกินอะไร ผมจะช่วยคุณสั่งเอง ได้เลี้ยงสาวสวยแบบนี้ ถือเป็นเกียรติของผมเลย”


 


 


“…”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่เห็นเขาไม่ได้ใส่ใจ จึงทำตัวตามสบาย และไม่กังวลอะไรอีก


 


 


หญิงสาวยกแก้วน้ำบนโต๊ะขึ้นมาดื่ม “ฉันไม่เลือกกินหรอกค่ะ กินอะไรก็ได้ คุณคุ้นเคยกับที่นี่ดี งั้นรบกวนคุณแนะนำให้ฉันสักจานสองจานแล้วกันค่ะ”


 


 


“ได้ครับ ที่นี่ทำซาลาเปาไส้ปูอร่อยมาก ขนมปังขาหมูยูนนานก็ดี…” เฉินจื่อซินหยิบเมนูอาหารมาชี้ให้เหนียนเสี่ยวมู่ดู เมื่อเห็นเธอพยักหน้า เขาก็สั่งอาหารกับพนักงานข้างๆ ทันที


 


 


ทั้งสองคนพูดคุยกันไม่หยุด ตัวแทบจะติดกันเพราะดูเมนูอาหารเล่มเดียวกันอยู่แล้ว


 


 


อวี๋เยว่หานกำมือที่กำลังถือแก้วน้ำเข้าหากันเงียบๆ เส้นเลือดหลังมือปูดโปน ก่อนจะวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะอย่างแรงทันที


 


 


“ปัง” เสียงนี้ดึงดูดความสนใจของคนทั้งสองได้ทันที


 


 


“มือลื่น” อวี๋เยว่หานสบสายตาสองสายที่ส่งมา พลางตอบอย่างเรียบง่ายด้วยสีหน้าเฉยเมย


 


 


กลิ่นอายเย็นเยียบรอบตัวเขากลับไม่ปกติเหมือนท่าทางของเขา


 


 


กลับเหมือนมีใครติดหนี้เขาอยู่หลายพันล้าง แถมยังหนีไปอีกต่างหาก


 


 


ใบหน้าหล่อเหลาของเขาดำคล้ำลง


 


 


บรรยากาศในห้องส่วนตัวตึงเครียดขึ้น ตามความกดอากาศต่ำที่ปล่อยออกมาจากตัวเขา


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่รีบหยิบเมนูอาหารขึ้นมาวางลงตรงหน้าเขา “พวกเราสั่งเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่คุณ”


 


 


เมื่อได้ยินเธอพูดคำว่า ‘พวกเรา’ สีหน้าของอวี๋เยว่หานก็เย็นชาเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน


 


 


ชายหนุ่มชำเลืองมองเมนูอาหารที่เธอวางไว้ข้างหน้า แล้วมองเหนียนเสี่ยวมู่ที่อยู่ใกล้เฉินจื่อซินเป็นพิเศษ ก่อนจะกล่าวว่า “ผมไม่คุ้นเคยกับที่นี่ คุณก็แนะนำอาหารจานเด็ดให้ผมสักจานสิ”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…”


 


 


เธอก็เพิ่งจะมาที่นี่ครั้งแรก แล้วจะแนะนำให้เขาได้อย่างไร


 


 


แต่เขาพูดออกมาแล้ว ถ้าเธอเมินเฉยก็คงไม่ดีนัก


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ทำได้แค่ขยับเก้าอี้เข้าไปใกล้ๆ เขา ก่อนจะชี้เมนูอาหารบนโต๊ะ พลางทำหน้ามุ่ย “ฉันสั่งซาลาเปาไส้ปูไปแล้ว ปอเปี๊ยะทอดก็เหมือนกัน…ที่จริงแล้วฉันไม่เคยกินหรอก แต่รองประธานเฉินแนะนำ ดูท่าทางน่าอร่อยดี”


 


 


พอพูดถึงอาหาร สีหน้าของเหนียนเสี่ยวมู่ก็เปลี่ยนไป


 


 


ดวงตาของเธอเป็นประกาย แถมกลัวว่าอวี๋เยว่หานจะไม่เห็นอาหารที่เธอชี้ จึงกระเถิบไปข้างๆ เขาอีก คราวนี้ตัวเธอแทบจะเบียดเข้าไปในอกของเขาอยู่แล้ว


 


 


กลิ่มหอมเป็นธรรมชาติบนตัวของเธอโชยเข้ามาในจมูกของเขา หัวเล็กๆ นั่นก็ส่ายไปมาอยู่ใต้เปลือกตาของเขาด้วย…


 


 


เธอมองเมนูอาหาร แต่เขากลับมองเธอ


 


 


จนกระทั่งเธอเงยหน้าขึ้นมาถามความเห็นจากเขา อวี๋เยว่หานถึงจะรู้ตัวว่าตัวเองเหม่อลอย จึงกระแอมเสียงเบาขึ้นมาสองเสียง “ก็สั่งที่คุณแนะนำนั่นแหละ”


 


 


เธอแนะนำอะไรไป เขายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของเขา เมื่อเห็นเขาไม่มีความเห็นอื่น จึงมองพนักงานพร้อมรอยยิ้ม “เอาเหมือนกันมาอีกจานหนึ่งค่ะ”


 


 


หลังจากเธอพูดจบ ประตูห้องอาหารส่วนตัวก็ถูกเปิดออก ปรากฏคนที่เหมือนจะเป็นผู้จัดการเดินเข้ามาจากข้างนอก


 


 


คนคนนั้นเห็นอวี๋เยว่หานแล้ว ก็เข้ามาต้อนรับอย่างนอบน้อม


 


 


“คุณชายหาน คุณเป็นลูกค้าประจำของร้านเรา ทำไมถึงมานั่งในห้องส่วนตัวธรรมดาล่ะครับ ผมจะให้คนเปลี่ยนเป็นห้องพิเศษให้เดี๋ยวนี้!”


 


 


 


 


ตอนที่ 220 คุณอยู่ห่างๆ ผมหน่อย!


 


 


คำพูดที่ออกมาจากปากของผู้จัดการ ทำเอาทั้งห้องอาหารจมอยู่ในความเงียบสงบอย่างน่าประหลาดใจทันที


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่หันไปมองผู้ชายที่อยู่ข้างๆ


 


 


ลูกค้าประจำ?


 


 


เมื่อกี้เขาบอกว่าไม่คุ้นเคยกับที่นี่ไม่ใช่เหรอ ไม่คิดเลยว่าจะเปลี่ยนไปห้องพิเศษก็ได้…


 


 


ครั้นเห็นสายตาช่างสงสัยของเธอ อวี๋เยว่หานก็ยื่นมือไปตีหน้าผากของเธอเบาๆ อย่างเฉยชา ก่อนจะขยับริมฝีปากบาง “ไม่ได้มานานแล้ว ก็เลยลืม”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…”


 


 


ผู้จัดการร้านอาหารมีสายตาแหลมคม เขาเห็นว่าบรรยากาศไม่ค่อยดี และรู้ตัวว่าตนเองพูดผิดไป จึงรีบพูดเสริม “คุณชายหานไม่ค่อยมีเวลามาจริงๆ นั่นแหละครับ”


 


 


หลังจากลังเลอีกหลายวินาที เขาก็ถามขึ้นมาอย่างระแวดระวัง “คุณชายหานยังอยากเปลี่ยนไปห้องพิเศษอยู่ไหมครับ”


 


 


อวี๋เยว่หานไม่ตอบ แต่หันไปมองเหนียนเสี่ยวมู่


 


 


แค่มากินข้าวที่นี่เธอก็หวาดผวาแล้ว ขึ้นไปนั่งในห้องพิเศษอีก เธอก็คงกลัวจนกินไม่ลงแน่


 


 


เขาหลุบตาลง แล้วพูดเสียงเบา “ไม่ต้องหรอก”


 


 


ชายหนุ่มพูดจบ ก็ได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างผิดหวังดังมาจากข้างๆ อย่างชัดเจน


 


 


เขาตะลึงไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปเลิกคิ้วมองเธอ “คุณอยากเปลี่ยนห้องเหรอ”


 


 


เมื่อได้ยินคำพูดของเขา นัยน์ตาคู่นั้นของเหนียนเสี่ยวมู่ก็เป็นประกายในทันที พลางมองเขาตาปริบๆ และพยักหน้าเหมือนตำกระเทียม “ห้องธรรมดายังหรูหราขนาดนี้ ไม่รู้ว่าห้องพิเศษเป็นยังไง ถึงยังไงฉันก็ไม่ต้องจ่ายเงิน ไปเปิดหูเปิดตาก็ดีเหมือนกัน”


 


 


อวี๋เยว่หาน “…”


 


 


เขาเข้าใจความหมายของเธอได้ เธอร้อนใจอยากช่วยเฉินจื่อซินประหยัดเงิน แต่จะใช้จ่ายเงินของเขาตามใจชอบอย่างนั้นเหรอ


 


 


อวี๋เยว่หานยกมือขึ้นปิดตาของเธอ แล้วดันเธอออกจากตัวเองเล็กน้อย


 


 


“อยู่ห่างๆ ผมหน่อย”


 


 


เขากลัวว่าอีกสักพักจะทนตีเธอให้ตายไม่ไหว!


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ถูกเมินเฉยอย่างกะทันหัน จึงกลับไปนั่งที่ของตัวเองด้วยความโมโห ก่อนจะดื่มน้ำไปพลาง แขวะเขาอยู่ในใจไปพลาง


 


 


ยิ่งรวยยิ่งใจดำจริงๆ ด้วย!


 


 


เฉินจื่อซินนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเธอ เมื่อได้เห็นปฏิกิริยาของคนทั้งคู่ อยู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินขึ้นมา


 


 


เขาตะลึงไปเล็กน้อย เมื่อดึงสติกลับมาได้ ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อพูดกับเหนียนเสี่ยวมู่อย่างรู้งาน


 


 


“ก่อนผมกลับมาจากเมืองนอก เคยมีคนบอกผมว่าเบื้องหลังของซ่างซินไม่ธรรมดา อยากเชิญเธอมาเป็นพรีเซ็นเตอร์แทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ผมคิดไม่ถึงเลยว่า สุดท้ายคุณจะทำได้จริงๆ” เฉินจื่อซินกล่าวชมพร้อมรอยยิ้ม


 


 


“ถ้าเป็นคนทั่วไปคงจะยอมแพ้ไปนานแล้ว ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน คุณเก่งมากจริงๆ ครับ”


 


 


“…” เหนียนเสี่ยวมู่ได้ยินแล้วก็หันไปมองอวี๋เยว่หานโดยสัญชาตญาณ


 


 


เธอกำลังลังเล ต้องบอกว่าความจริงแล้ว เรื่องซ่างซินเป็นความดีความชอบของเขาหรือเปล่านะ


 


 


แต่เมื่อเหลือบเห็นใบหน้าเย็นชาของเขาแล้ว เธอก็หดคอกลับไปเงียบๆ แล้วมองเฉินจื่อซิน “ความจริงแล้วซ่างซินไม่ได้เข้าถึงยากขนาดนั้นนะคะ ข่าวลือข้างนอกโอเวอร์เกินไปต่างหาก เธอสวย แล้วก็อ่อนโยนมากๆ เลยค่ะ”


 


 


“อ่อนโยน?” เฉินจื่อซินมองเธอด้วยความประหลาดใจอยู่บ้าง “นี่มันขัดกับข่าวลือของคนส่วนใหญ่นะครับ ผมได้ยินว่าซ่างซินเคยต่อยตาแก่หลายคนที่จะมาเอาเปรียบเธอด้วย”


 


 


“นั่นไม่ใช่เธอ…” เหนียนเสี่ยวมู่เพิ่งพูดได้ครึ่งเดียวก็ชะงักไป


 


 


ก่อนหน้านี้หญิงสาวยังไม่รู้จักซ่างซิน ก็เคยคิดว่าซ่างซินต่อยคนหลายคนจริงๆ


 


 


หลังจากได้รู้จักกันแล้ว ถึงรู้ว่าเธอรู้วิชาป้องกันตัวอยู่บ้าง แต่อยากจะล้มผู้ชายตัวใหญ่นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย


 


 


พอได้ถามออกไป เธอถึงจะรู้ว่าเรื่องราวในข่าวลือ ยังมีอีกเวอร์ชันหนึ่ง


 


 


คนที่ลงมือต่อยตาแก่พวกนั้น คือถังหยวนซือ…


 


 


ถังหยวนซือในตอนนั้นรู้ว่าซ่างซินจะเข้าวงการ เขาทั้งต่อต้านอย่างยิ่งยวด และอดเป็นห่วงเธอไม่ได้ จึงแอบปกป้องเธออยู่ตลอด


ตอนที่ 221 ลงมือก่อนได้เปรียบ!


 


 


ตอนที่ซ่างซินได้รับคำเชิญไปเป็นพรีเซ็นเตอร์จากเสี่ยใหญ่ เธอเองพาบอดีการ์ดไปด้วย และไม่รู้เลยว่าถังหยวนซืออยู่ข้างหลังเธอ


 


 


เมื่อเสี่ยใหญ่เพิ่งจับมือของซ่างซิน คิดจะเอาเปรียบเธอ ถังหยวนซือก็เตะประตูเข้ามา ราวกับในห้องส่วนตัวมีกล้องวงจรปิดก็ไม่ปาน จากนั้นก็พุ่งไปอัดตาแก่คนนั้นอย่างคล่องแคล่ว โดยที่บอดีการ์ดยังไม่ทันได้ลงมือเลยด้วยซ้ำ


 


 


ซ่างซินแทบจะไม่ทันตั้งตัวเลยเช่นกัน


 


 


หลังจากดึงสติกลับมาได้ เธอก็เห็นถังหยวนซือฟัดอยู่กับเสี่ยใหญ่ จึงรีบเข้าไปขวางไว้ เพราะกลัวจะบานปลาย


 


 


ถังหยวนซือเกือบพลาดไปทำร้ายเธอ ถึงได้หยุด


 


 


จากนั้นเขาก็พาเธอจากไปพร้อมใบหน้าบวมช้ำ ทิ้งทุกคนไว้ตรงนั้น…


 


 


หลังจากเกิดเรื่อง ถังหยวนซือปิดข่าวทั้งหมดไว้ได้ด้วยฐานะของเขา แม้แต่เสี่ยใหญ่ก็รู้ตัวว่าเจอกับคนที่ไม่ควรเจอเข้าให้แล้ว จึงเป็นคนจ่ายค่ารักษาเองทั้งหมด


 


 


ข่าวที่ออกไปในท้ายที่สุด กลับกลายเป็นว่าซ่างซินลงมือสั่งสอนพวกที่คิดจะเอาเปรียบเธอด้วยตัวเอง…


 


 


เข้าใจผิดกันอย่างใหญ่หลวง!


 


 


“ไม่ใช่ซ่างซิน? อย่างนั้นใครล่ะครับ” เฉินจื่อซินถามด้วยความใคร่รู้


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ได้ยินเขาพูดแล้วก็ดึงสติกลับมาได้ ก่อนจะรีบส่ายหน้า “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันแค่รู้สึกว่าซ่างซินอ่อนโยนมาก ไม่เหมือนคนที่ต่อยตีคนเป็น”


 


 


เธอพูดจบก็นึกอะไรขึ้นได้ จึงหันหน้าไปมองอวี๋เยว่หาน


 


 


คนอื่นไม่รู้ แต่เธอมั่นใจมากว่า คนที่ไปช่วยซ่างซินหลังจากตกอยู่ในอันตราย ก็คือถังหยวนซือนั่นแหละ!


 


 


ไม่ใช่แค่ช่วย หลังจากงานปล่อยผลิตภัณฑ์ใหม่จบลง เธอได้ยินว่าหลินเชา คนที่ลักพาตัวซ่างซินไปก็ถูกจับด้วย แม้แต่ธุรกิจของตระกูลหลินก็ตกอยู่ในวิกฤตภายในข้ามคืน…


 


 


เรื่องพวกนี้ซ่างซินทำไม่ได้อยู่แล้ว


 


 


เห็นได้ชัดว่าถังหยวนซือรักซ่างซินมาก แล้วทำไมถึงผลักไสเธอให้อยู่ห่างๆ อย่างนั้นล่ะ


 


 


พอนึกได้ว่าเธอฝ่าฝืนคำพูดของอวี๋เยว่หาน และให้กำลังใจซ่างซินให้อดทนต่อไป เหนียนเสี่ยวมู่ก็รู้สึกไม่มั่นใจอยู่บ้าง จากนั้นก็ไม่กล้าสบตาเขาตรงๆ


 


 


เธอลอบมองขาครั้งหนึ่ง แล้วพูดคุยกับเฉินจื่อซินราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น


 


 


ดีที่อาหารมาเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว


 


 


แถมผู้จัดการร้านอาการยังเป็นคนมาเสิร์ฟด้วยตัวเอง


 


 


เขาวางอาหารลงตรงหน้าอวี๋เยว่หานก่อน แล้วบอกกล่าวอย่างระมัดระวัง “จุดเด่นของซาลาเปาไส้ปูอยู่ที่ไส้นะครับ เนื้อปูชุ่มน้ำ ใช้หลอดชิมรสชาติก่อนได้เลย…”


 


 


ซาลาเปาไส้ปูเป็นอาหารจานเด็ดในร้านของพวกเขา ก่อนหน้านี้เขาเคยแนะนำอวี๋เยว่หานอยู่หลายครั้ง แต่ชายหนุ่มไม่เคยชิมเลยสักครั้ง


 


 


วันนี้เขาสนอกสนใจอย่างหาได้ยาก ผู้จัดการต้องดูแลให้ดีอยู่แล้ว


 


 


“…” อวี๋เยว่หานรับหลอดมา ก่อนจะกวาดสายตามองซาลาเปาไส้ปูที่อยู่ตรงหน้า แต่สายตาของเขาก็มองเห็นคนที่อยู่ข้างๆ ตามจิตใต้สำนึกด้วย


 


 


พวกเขาสั่งอาหารเหมือนกัน


 


 


ตอนนี้ตรงหน้าของเธอก็มีซาลาเปาไส้ปูที่ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลเหมือนกัน


 


 


ผู้จัดการยังพูดไม่จบ เธอก็ใจร้อนดูดน้ำที่อยู่ข้างในซาลาเปาแล้ว ทำให้ลิ้นของเธอถูกลวกจนต้องแลบออกมา


 


 


เธอทิ้งหลอดไปอย่างเฉยเมย แล้วเป่าตัวซาลาเปา ใช้มือหยิบขึ้นมากัดขอบๆ เป็นคำเล็กๆ


 


 


น้ำซุปกลิ่นหอมเข้มข้นเข้าไปในปาก พร้อมกับเนื้อปูที่กระตุ้นปุ่มรับรสชาติ…ใบหน้าเล็กจ้อยของเธอมีแต่ความพึงพอใจ


 


 


อวี๋เยว่หานเห็นเธอกินอย่างเอร็ดอร่อย ก็อยากจะยกชิ้นตรงหน้าของตัวเองให้เธอ แต่ได้ยินเฉินจื่อซินพูดขึ้นมาก่อน “อร่อยไหมครับ”


 


 


“อร่อยมากเลยค่ะ!” เหนียนเสี่ยวมู่กลืนซาลาเปาในปาก ก่อนจะตอบอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดคำที่สอง


 


 


เธอไม่รู้เลยว่ากำลังยิ้มยิงฟันให้เฉินจื่อซิน ทั้งที่มุมปากเปื้อนน้ำซุปอยู่ด้วย


 


 


รอยยิ้มสดใสน่ามองเป็นพิเศษ


 


 


วินาทีต่อมา เฉินจื่อซินก็หยิบกระดาษทิชชู่มา คิดจะเช็ดปากให้เธอด้วยความเอ็นดู…


 


 


อวี๋เยว่หานหรี่ตาลง รีบดึงกระดาษทิชชู่โยนใส่หน้าเธอ จนกระดาษทิชชู่แผ่นใหญ่บังทั้งหน้าของเธอแล้ว!


 


 


 


 


ตอนที่ 222 แสดงน้ำใจ


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่กำลังกินซาลาเปาอย่างมีความสุข ดวงตาของเธอเปี่ยมไปด้วยน้ำตา แต่ยังดูเป็นประกาย


 


 


แต่อยู่ๆ ก็มีกระดาษทิชชู่แผ่นหนึ่งร่วงลงมา ปิดหน้าเธออย่างแน่นหนา


 


 


ทำเอาเธอตกใจจนตัวแข็งทื่อไปหมด


 


 


จากนั้นกระดาษทิชชู่ก็ร่วงลงจากหน้าของเธอ ตกลงบนซาลาเปาในมือ เผยให้เห็นสีหน้าหวาดกลัวของเธอ…


 


 


ฉันเป็นใคร ฉันอยู่ที่ไหน เกิดอะไรขึ้น


 


 


“กินอะไรเลอะเทอะขนาดนี้ คุณเป็นหมูเหรอ” อวี๋เยว่หานสบสายตางุนงงของเธอ ก่อนจะกระแอมเสียงหนึ่งเพื่อกลบเกลื่อนวามผิดปกติของตัวเอง แล้วค่อยพูดอย่างเมินเฉย


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…” !!


 


 


เธอกินซาลาเปาอยู่ดีๆ ทำไมกลายเป็นหมูไปได้ล่ะ


 


 


เขาสิเป็นหมู!


 


 


เมื่อเห็นเขาจ้องมุมปากของตัวเอง เหนียนเสี่ยวมู่ถึงจะรู้ตัว และยกมือขึ้นมาเช็ดมุมปากของตัวเอง


 


 


ปลายนิ้วเปื้อนน้ำซุปแล้ว เธอถึงจะดึงสติกลับมา แล้วดึงทิชชู่มาเช็ดปาก


 


 


“ไม่หรอกครับ คุณกินน่ารักมากเลย” เฉินจื่อซินพูดโดยไม่กลบเกลื่อนสักนิด


 


 


แม้บริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าจะเทียบกับบริษัทตระกูลอวี๋ไม่ได้ แต่ก็นับเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ข้างกายเฉินจื่อซินไม่เคยขาดเงินทอง ทว่าเทียบกันแล้ว เหนียนเสี่ยวมู่ที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาดึงดูดสายตาของเขาได้มากกว่าเงินตราและผู้หญิงคนไหนเสียอีก


 


 


เขาพูดพลางยื่นอาหารตรงหน้าตัวเองให้เหนียนเสี่ยวมู่


 


 


“คุณชิมจานนี้สิครับ อร่อยมากเหมือนกัน”


 


 


“ได้ค่ะ!” เหนียนเสี่ยวมู่มองเห็นของอร่อย ตาก็เป็นประกายขึ้นมา ก่อนจะหยิบขนมอบชิ้นสีขาวมาใส่ปาก


 


 


กัดไปสองคำก็หรี่ตาลงด้วยความพึงพอใจแล้ว


 


 


“อันนี้อร่อยมากเลยค่ะ!”


 


 


“เกี๊ยวลูกเล็กๆ ของร้านนี้ก็ไม่เลวนะครับ แป้งบาง ไส้หนา…” ดูเฉินจื่อซินจะรู้จักอาหารเป็นอย่างดี เขากินอาหารอย่างสง่างามไปพร้อมกับอธิบายให้เหนียนเสี่ยวมู่ฟัง


 


 


ทั้งสองคนไม่เพียงกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย แต่ยังคุยกันออกรสออกชาติด้วย


 


 


อวี๋เยว่หานที่นั่งอยู่ข้างๆ เห็นเธอมองข้ามเขาไปโดยสิ้นเชิง ดูเธออยากจะเข้าไปฟังเฉินจื่อซินพูดใกล้ๆ ทำเอาใบหน้าหล่อเหลาเริ่มดำคล้ำ บรรยากาศในห้องส่วนตัวก็เย็นเยียบขึ้นมาอย่างเงียบๆ


 


 


“ทำไมอยู่ๆ ก็หนาวขึ้นมา” เหนียนเสี่ยวมู่ที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาหดคอโดยไม่รู้ตัว


 


 


หญิงสาวหันไปมองอาหารตรงหน้าอวี๋เยว่หาน มันยังไม่พร่องไปเลยสักนิด


 


 


“คุณชายหาน ทำไมคุณไม่กินล่ะ อร่อยมากเลยนะ” เหนียนเสี่ยวมู่พูด เหมือนเธอเสียดายของอร่อยที่ถูกทิ้งขว้าง จึงหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบซาลาเปาตรงหน้าของอวี๋เยว่หานไปยังข้างๆ ปากของเขา


 


 


“อร่อยมากจริงๆ นะ ฉันไม่หลอกคุณหรอก ไม่เชื่อคุณก็ชิมสักคำสิ!”


 


 


“…” อวี๋เยว่หานหรี่ตาสีดำขลับลง มองเหนียนเสี่ยวมู่ที่นำซาลาเปามาป้อนเขาถึงปาก


 


 


หางตาของเขาเหลือบเห็นเฉินจื่อซินมีสีหน้าผิดหวังอยู่บ้าง จึงกระตุกยิ้มที่มุมปาก และอ้าปากกัดไปคำหนึ่ง


 


 


รสชาติของปูกระจายอยู่ในปาก


 


 


เขาขมวดคิ้ว ไม่ชอบรสชาตินี้นัก


 


 


แต่เมื่อเห็นสายตาคาดหวังของเธอ คำพูดที่ออกมาพลันเปลี่ยนไปอย่างน่าประหลาด “ไม่เลว”


 


 


“ฉันบอกแล้ว อร่อยมากเลย คุณก็รีบกินหน่อย ไม่อย่างนั้นจะไปทำงานสายเอานะ” เหนียนเสี่ยวมู่พูดพลางคีบซาลาเปาตรงหน้าตัวเองใส่ในมือของเขา แล้วกินต่ออย่างมีความสุข


 


 


ชายหนุ่มทั้งสองคนไม่ได้เอ่ยปากเร่ง แต่รอเธอกินดื่มจนอิ่มหนำอย่างเงียบๆ แล้วถึงจะเรียกพนักงานเก็บเงิน


 


 


เฉินจื่อซินเพิ่งหยิบบัตรเครดิตออกมา แต่อวี๋เยว่หานกลับพูดออกมาอย่างเฉยชา “ผมจ่ายเอง”


 


 


จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนจากที่นั่งอย่างสง่างาม แล้วจัดชุดสูทของตัวเองอย่างเชื่องช้า


 


 


ชายหนุ่มหันไปมองเหนียนเสี่ยวมู่ “มีอะไรอยากกินอีกไหม ใส่กล่องไปก็ได้”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม