ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ 214-221

 ตอนที่ 214 สาดอารมณ์ใส่กัน


 


 


           “ชิงซี ที่แม่ตบลูกวันนั้นเพราะแม่มีเหตุผลนะ ก็ตอนนั้นลูกทำเกินไปจริงๆ” ฉินอวิ๋นส่ายหน้า เธอไม่น่าพลาดเลย ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอคอยอบรมสั่งสอนมาตลอดยี่สิบกว่าปีนี้ มันผิดทั้งหมดเลยอย่างนั้นหรือ


 


 


“มีเหตุผลเหรอคะ?! เฮอะ น่าขำสิ้นดี น่าขำมากจริงๆ! ถ้าแม่มีเหตุผลจริง แม่ก็พูดมันออกมาสิคะ จะอมมันไว้ทำไม”


 


 


ในขณะที่ฉินอวิ๋นมองดูท่าทางบ้าคลั่งของเมิ่งชิงซี เธอก็ก้าวถอยหลังไม่หยุด คนตรงหน้าเธอไม่ใช่เมิ่งชิงซีที่เธอรู้จัก เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าลูกสาวของเธอจะตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับเธอแบบนี้ หรือว่าเธอควรจะพูดเรื่องนั้นออกมา?


 


 


“แม่ไม่กล้าพูดใช่ไหมล่ะคะ” เมิ่งชิงซีเดินเข้าไปหาฉินอวิ๋นทีละก้าว บนใบหน้าของเธอประดับด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน เธออยากจะทำอย่างนี้มานานแล้ว เพียงแต่เธอไม่อยากให้คุณพ่อรับรู้ถึงปัญหาระหว่างเธอกับคุณแม่ มิฉะนั้นเธอคงจะตัดขาดกับฉินอวิ๋นไปนานแล้ว


 


 


“ชิงซี ลูกจำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ นี่แม่รักลูกนะ!” ฉินอวิ๋นร้องเสียงดังลั่น หัวใจของเธอราวกับถูกแผดเผา นี่คือบทลงโทษของเธอใช่ไหม? ฉินอวิ๋นไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่คือผลตอบแทนที่เธอสมควรจะได้รับ ลูกสาวคนนี้ก็เป็นของเธอเหมือนกัน ดังนั้นไม่ควรตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับเธอแบบนี้สิ!


 


 


“แม่คะ แม่พูดว่าแม่รักหนูอย่างนั้นเหรอ แม่รักหนู แต่แม่กลับไม่เห็นด้วยที่หนูจะคบกับเซ่าเชิน แม่รักหนู แต่แม่บอกให้หนูตัดใจจากเขา แม่ก็รู้อยู่แล้วนี่คะว่าตั้งแต่หนูได้เจอกับเซ่าเชิน หัวใจของหนูก็รักแค่เขาคนเดียว แต่แม่ก็ยังจะบอกให้หนูลืมเขาอีก หนูเกลียดแม่! หนูเกลียดแม่ที่สุด!”


 


 


เมิ่งชิงซีไม่พอใจ ทำไมถังโจวโจวถึงมีความสุข แต่เธอกลับทำได้แค่เพียงพยายามต่อสู้อยู่ตรงนี้ ตอนนี้ลั่วเซ่าเชินไม่อยากจะพูดกับเธอเลยสักคำ ที่เธอเดินมาถึงจุดนี้ในวันนี้ มันเป็นความผิดของใครกัน?


 


 


ใช่ มันเป็นความผิดของคุณแม่ทั้งหมด หากไม่ใช่เพราะฉินอวิ๋น บางทีเธออาจจะได้ครองคู่กับลั่วเซ่าเชินไปแล้วก็ได้ เมิ่งชิงซีผลักความผิดทั้งหมดไปให้ฉินอวิ๋น เธอคิดไว้เสร็จสรรพแล้วว่าคงมีแค่เธอเท่านั้นที่จะสามารถต่อกรกับถังโจวโจวได้


 


 


“ชิงซี ลูกกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้ยังไง” ก่อนหน้านี้ลูกสาวของเธอยังเป็นเด็กที่น่ารักอยู่เลย ทำไมจู่ๆ ถึงกลายเป็นคนละคนแบบนี้ไปได้? ฉินอวิ๋นคิดว่าเรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากถังโจวโจว เป็นเพราะถังโจวโจวคนเดียว!


 


 


“หนูกลายเป็นคนแบบนี้อย่างนั้นหรือคะ… ฮึ! แม่ฟังไว้ให้ดีเลยนะ ต่อไปนี้แม่ไม่ต้องมายุ่งกับเรื่องของหนูอีก หนูจะต้องได้เป็นคุณผู้หญิงลั่วอย่างแน่นอน!” เมิ่งชิงซีกำหมัดแน่น เธอจะไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ แบบนี้หรอก ตำแหน่งคุณผู้หญิงลั่วจะต้องเป็นของเธอเท่านั้น!


 


 


ฉินอวิ๋นเห็นว่าคงไม่สามารถพูดจาดีๆ กับเมิ่งชิงซีได้อีกต่อไป เธอจึงไม่มีทางเลือก นอกจากเดินถอยหลังและออกมาจากห้องของเมิ่งชิงซี แม้ว่าเธอจะดูเข้มแข็งมากเมื่ออยู่ต่อหน้าลูกสาวของเธอ แต่ทันทีที่ฉินอวิ๋นก้าวออกมา น้ำตาของเธอก็ร่วงรินทันที


 


 


ฉินอวิ๋นไม่กล้าร้องไห้กับเมิ่งไหวเซิน และไม่กล้าให้คนรับใช้เห็น เธอกลับไปที่ห้องเพียงลำพัง เธอได้แต่คิดอย่างเงียบๆ ถังโจวโจว ตอนแรกฉันก็กะจะปล่อยเธอไปก่อน แต่ตอนนี้เมื่อเธอเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด เธอก็ไม่สมควรได้มีชีวิตบนโลกใบนี้อีกแล้ว…


 


 


ฉินอวิ๋นคิดหาแผนจะฆ่าถังโจวโจว เพื่อไม่ให้เหลืออุปสรรคในภายภาคหน้า เมื่อไรที่ถังโจวโจวตาย ชิงซีก็จะได้แต่งงานกับลั่วเซ่าเชิน หากเป็นเช่นนั้นแล้วชิงซีก็จะไม่ตำหนิเธออีก เราสองคนแม่ลูกก็จะได้กลับไปเป็นเหมือนเดิม


 


 


เมิ่งชิงซีเองก็กำลังคิดถึงปัญหาเดียวกันกับฉินอวิ๋น เธอจะต้องทำอย่างไร ถังโจวโจวถึงจะหายไปจากโลกนี้ ขอแค่ไม่มีผู้หญิงคนนี้ เซ่าเชินก็จะหวนกลับมาหาเธออีกครั้ง “ทำยังไงดีนะ…”


 


 


เมิ่งชิงซีคิดจนหัวแทบแตก ก่อนจะตัดสินใจว่าจะยืมพลังอำนาจของคุณแม่ลั่ว แต่คราวนี้เธอต้องมีหลักฐานมัดตัวที่แน่นหนามากพอ


 


 


 


 


ตอนที่ 215 อิทธิพลของเมิ่งชิงซี


 


 


           ลั่วเซ่าเชินพาถังโจวโจวและลั่วอิงกลับมาที่คฤหาสน์ตระกูลลั่ว แม้ว่าถังโจวโจวและคุณแม่ลั่วจะยังเข้าหน้ากันไม่ติด ลั่วเซ่าเชินเองก็ไม่ค่อยได้พาเธอกลับมาให้คุณแม่ลั่วเห็นหน้าแล้ว แต่ถึงอย่างไรพวกเธอก็ยังต้องพบกัน


 


 


“เซ่าเชิน โจวโจว ลั่วอิง มากันแล้วหรือคะ เดี๋ยวฉันจะรีบไปบอกคุณป้าให้”


 


 


ยังไม่ทันได้ปรากฏตัว ทั้งสามคนที่อยู่ด้านนอกก็ได้ยินน้ำเสียงกระตือรือร้นของเมิ่งชิงซี เมิ่งชิงซีมองพวกเขาสามคนด้วยรอยยิ้ม และเมื่อเธอแน่ใจว่าพวกเขากลับมาแล้วจริงๆ เธอก็รีบกลับเข้าไปในบ้าน บางทีอาจจะเป็นอย่างที่เธอว่า เธอเข้าไปแจ้งคุณแม่ลั่วแล้ว


 


 


           “คุณชาย คุณผู้หญิง คุณหนู เข้ามาก่อนเถอะค่ะ” แม่นมจ้าวรับของที่ลั่วเซ่าเชินยื่นส่งมาให้ ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน


 


 


เมื่อลั่วเซ่าเชินเห็นว่าเมิ่งชิงซีอยู่ที่นี่ด้วย เขาจึงถามแม่นมจ้าวว่า “ทำไมเธอถึงมาที่นี่อีกแล้วล่ะครับ”


 


 


แม่นมจ้าวเข้าใจดีว่า ‘เธอ’ ในที่นี้หมายถึงใคร “คุณนายเป็นคนเชิญคุณเมิ่งมาค่ะ คุณเมิ่งเธอมาถึงนานแล้ว”


 


 


เมื่อได้ยินว่าคุณแม่ลั่วเป็นคนชวนเมิ่งชิงซีมา ลั่วเซ่าเชินก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก เดี๋ยวพอกินข้าวเสร็จ เขาค่อยพาถังโจวโจวกับลั่วอิงกลับก็แล้วกัน จะได้ไม่มีปัญหากันอีก


 


 


ลั่วเซ่าเชินเคยคิดว่าเมิ่งชิงซีเป็นแค่ลูกคุณหนูที่เอาแต่ใจเท่านั้น ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้ชอบผู้หญิงแบบนี้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าความสามารถในการตามตื๊อของเมิ่งชิงซีนั้นจะไม่มีใครเทียบได้จริงๆ!


 


 


เขาเองก็หมดหนทาง เขาจึงต้องใช้คุณแม่ลั่วเป็นโล่กำบัง คิดว่าเขาไม่รู้หรือ? ทุกครั้งที่เขากลับมา เขาจะต้องเจอเธอที่นี่ตลอด มันจะบังเอิญอะไรขนาดนั้นล่ะ!


 


 


“ลั่วอิง ในที่สุดหนูก็มาเยี่ยมย่าแล้ว!” คุณแม่ลั่วพร้อมด้วยเมิ่งชิงซีเดินเข้าไปหาพวกเขาทั้งสามคน สำหรับลั่วเซ่าเชินและถังโจวโจว คุณแม่ลั่วเพิกเฉยไม่สนใจ แต่กับลั่วอิง เธอทั้งรักและเอ็นดูอย่างมาก


 


 


คุณพ่อลั่วออกไปเล่นหมากรุกกับเพื่อน เขาจึงไม่อยู่บ้าน เมิ่งชิงซีที่ยืนถัดไปจากคุณแม่ลั่วไม่รู้จะพูดอะไร คุณแม่ลั่วเงยหน้ามองถังโจวโจว “เธอก็มาด้วยเหมือนกันเหรอ เข้าไปนั่งในห้องนั่งเล่นสิ”


 


 


แม้ว่าน้ำเสียงนั้นจะไม่ได้ดีมาก แต่ถังโจวโจวก็ดีใจอยู่ไม่น้อย เธอไม่เคยนึกฝันมาก่อนเลยว่าคุณแม่ลั่วจะยอมพูดกับเธอก่อนบ้าง แต่เมื่อคิดดูดีๆ แล้ว คุณแม่ลั่วทำไปเพราะเมิ่งชิงซีต่างหาก คุณแม่ลั่วเพียงอยากแสดงให้เห็นว่าไม่ได้ชอบเธอมากนัก เธอถึงได้รับเกียรติเช่นนี้ พอคิดได้อย่างนี้ถังโจวโจวก็ดีใจไม่ออก


 


 


ในขณะที่ถังโจวโจวกำลังคิดเรื่องนี้อยู่ คุณแม่ลั่วก็แสดงสีหน้าไม่พอใจ เป็นเพราะเธอยอมเชื่อเมิ่งชิงซีหรอก เธอถึงได้เป็นฝ่ายเอ่ยทักทายถังโจวโจวก่อน ด้วยเธอไม่อยากให้ความสัมพันธ์แม่ลูกระหว่างเธอกับลั่วเซ่าเชินต้องแย่ไปมากกว่านี้ แต่ปรากฏว่าถังโจวโจวกลับเหม่อลอยและไม่พูดอะไร ช่างไม่มีมารยาทจริงๆ ไม่รู้จักเคารพผู้ใหญ่เลยสักนิด


 


 


“อาเชิน ทำไมลูกถึงไม่ทักทายชิงซีล่ะ” คุณแม่ลั่วยิ่งรู้สึกไม่พอใจเมื่อเห็นว่าลั่วเซ่าเชินมีท่าทีเย็นชาต่อเมิ่งชิงซี แม้ว่าเขาจะไม่ชอบชิงซี แต่ทั้งสองตระกูลก็รู้จักกันมานาน เขาจะให้เกียรติทักทายเธอสักนิดไม่ได้เลยหรือ


 


 


ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของถังโจวโจวคนเดียว คุณแม่ลั่วส่งสายตาโกรธเคืองไปที่ถังโจวโจว เธอรู้สึกรำคาญลูกตาเมื่อเห็นถังโจวโจวยืนอยู่กับลูกชายของเธอ ได้แต่ยืนนิ่งเป็นท่อนไม้อยู่ตรงนั้น ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่?


 


 


“คุณเมิ่ง” คำทักทายของลั่วเซ่าเชินทำให้คุณแม่ลั่วรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ต่างจากคนแปลกหน้า


 


 


คุณแม่ลั่วจึงรีบตะคอกด้วยความไม่พอใจว่า “อาเชิน นี่คือสิ่งที่แม่กับพ่อสอนให้ลูกทำอย่างนั้นหรือ”


 


 


“แม่ครับ แม่จะหยุดต่อว่าผมเรื่อยเปื่อยแบบนี้ได้หรือยัง” ลั่วเซ่าเชินเหนื่อยใจ เขาอยากจะหมุนตัวและเดินออกไปจากที่ที่น่าอึดอัดใจแห่งนี้เสียเดี๋ยวนี้เลย


 


 


เมิ่งชิงซีกระตุกแขนเสื้อของคุณแม่ลั่วเบาๆ สีหน้าของคุณแม่ลั่วผ่อนคลายขึ้นหลายส่วน “เอาละๆ ลูกคนนี้นี่ เอ็ดนิดเอ็ดหน่อยก็ไม่ได้ ลั่วอิง ไปที่โซฟากับคุณย่าดีกว่าค่ะ ย่าบอกแม่นมจ้าวให้เตรียมของโปรดของหนูไว้เต็มเลย”


 


 


“จริงเหรอคะ คุณย่า ดีจังเลย! คุณย่าดีกับหนูที่สุดเลยค่ะ!” ลั่วอิงกุมมือของคุณแม่ลั่วด้วยความดีใจ


ตอนที่ 216 สงครามไร้เสียง


 


 


           คุณแม่ลั่วจับมือข้างขวาของลั่วอิง ส่วนเมิ่งชิงซีก็หมายจะจับมือข้างซ้ายของลั่วอิง แต่น่าเสียดายที่ลั่วอิงเบี่ยงตัวหลบไปได้เสียก่อน สีหน้าของเมิ่งชิงซีเรียบเฉย ไม่มีอารมณ์โกรธเลยสักนิด เธอยังคงยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนเดิม


 


 


           หัวใจของถังโจวโจวสั่นระรัว ทำไมวันนี้เมิ่งชิงซีถึงแปลกไป เธอไม่ใช่คนที่จะสามารถเก็บอารมณ์โกรธได้แนบเนียนอย่างนี้ ลั่วอิงหักหน้าเธอขนาดนั้น เธอยังไม่ชักสีหน้าให้เห็นแม้แต่น้อย หรือเป็นเพราะว่าคุณแม่ลั่วมองไม่เห็น เธอจึงยังไม่จำเป็นต้องเล่นละคร?


 


 


ถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินจับมือกัน ก่อนจะเดินตามพวกเขาเข้าไปในห้องนั่งเล่นอย่างเงียบๆ ลั่วเซ่าเชินนั่งเงียบๆ อยู่พักหนึ่ง แต่เมื่อเขาเริ่มเห็นว่าคุณแม่ลั่วพยายามจะโยงเขาและเมิ่งชิงซีเข้าด้วยกัน เขาจึงพูดขึ้นมาอย่างหงุดหงิดว่า “แม่ครับ ผมขอตัวขึ้นไปข้างบนก่อนนะครับ”


 


 


ลั่วเซ่าเชินเดินขึ้นชั้นบนไปทันทีโดยไม่สนว่าคุณแม่ลั่วจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม ถังโจวโจวนั่งอยู่ที่โซฟาเดี่ยวเพียงคนเดียว ในขณะที่ลั่วอิงนั่งถัดจากคุณแม่ลั่ว ส่วนเมิ่งชิงซีก็นั่งติดกับคุณแม่ลั่วอีกข้างหนึ่ง และเมื่อเปรียบเทียบโซฟาทั้งสองฝั่งแล้ว ความแข็งแกร่งของถังโจวโจวนั้นดูน้อยกว่าเห็นๆ


 


 


เมิ่งชิงซีปอกส้มแล้วยื่นไปให้คุณแม่ลั่ว “คุณป้า พักมือสักหน่อยเถอะค่ะ หนูมั่นใจว่าลั่วอิงไม่อยากให้คุณป้าเหนื่อย นี่หนูปอกส้มไว้ให้คุณป้าแล้ว คุณป้าลองชิมดูสิคะ”


 


 


คุณแม่ลั่วคอยดูแลลั่วอิงอยู่ตลอด เธอรู้ว่าลั่วอิงชอบกินถั่วพิสทาชิโอ แม้ว่าลั่วอิงต้องการแกะเปลือกด้วยตัวเอง แต่คุณแม่ลั่วก็แย่งงานตรงนี้มาทำ เธอตั้งใจแกะเปลือกถั่วพิสทาชิโอให้กับลั่วอิง


 


 


ด้วยคำเตือนของเมิ่งชิงซี ทำให้คุณแม่ลั่วเริ่มรู้สึกปวดคอ เธออาจจะก้มศีรษะนานเกินไปจริงๆ “จ้ะ ชิงซี ป้าเชื่อหนู”


 


 


“เป็นยังไงบ้างคะ คุณป้า หวานไหมคะ” เมิ่งชิงซีวางส้มลงในมือของคุณแม่ลั่ว และเมื่อเธอเห็นว่าคุณแม่ลั่วกินส้มแล้ว เธอก็รีบถามทันที


 


 


“หวานดีจ้ะ ชิงซีมีน้ำใจแบบนี้ ป้าเองก็ชื่นใจ” คุณแม่ลั่วยิ้มอย่างมีความสุข ไม่เหมือนกับรอยยิ้มฝืนทนในยามที่ต้องอยู่ร่วมกันกับถังโจวโจวเลย


 


 


ถังโจวโจวนั่งเงียบอยู่ตรงนั้น เธอมองดูเมิ่งชิงซีปอกนู่นปอกนี่ให้กับคุณแม่ลั่วเป็นครั้งคราว เหมือนกับว่าทั้งสองคนเป็นแม่ผัวลูกสะใภ้ที่เข้าขากันเป็นอย่างดี ถังโจวโจวนั่งนิ่ง และไม่ว่าเมิ่งชิงซีจะพูดหรือทำอะไร เธอก็แค่มองดูเฉยๆ


 


 


อาจเป็นเพราะคุณแม่ลั่วกินผลไม้มากเกินไป เธอจึงบอกให้เมิ่งชิงซีนั่งรออยู่ที่ห้องนั่งเล่นก่อน ส่วนเธอก็ลุกไปเข้าห้องน้ำ ลั่วอิงรู้สึกว่าบรรยากาศในห้องนั่งเล่นนั้นน่าอึดอัด จึงลุกขึ้นยืน “แม่โจวโจวขา หนูจะไปดูว่าวันนี้แม่นมจ้าวทำอะไรให้ทานนะคะ”


 


 


“ไปเถอะค่ะ หนูเองก็ไม่ต้องทานของว่างแล้วนะคะ เดี๋ยวจะทานข้าวไม่ลงเอา”


 


 


“ค่ะ” ลั่วอิงหยิบแอปเปิลอีกชิ้นใส่ปากแล้วก็วิ่งหายไป


 


 


“คุณเมิ่งนั่งอยู่ตรงนี้ก่อนนะคะ ฉันจะขึ้นไปดูเซ่าเชิน” ถังโจวโจวเองก็ไม่อยากอยู่กับเมิ่งชิงซีตามลำพัง แม้ว่าตอนนี้เมิ่งชิงซีจะเป็นแขกและเธอก็เป็นเจ้าบ้าน แต่ถังโจวโจวก็คิดว่าเธอทำได้ดีมากแล้ว เนื่องจากเธอสามารถอดทนต่อท่าทางที่ดัดจริตเหล่านั้นของเมิ่งชิงซีได้


 


 


“ฉันขึ้นไปกับเธอด้วยดีกว่าโจวโจว พอดีว่าฉันเองก็มีธุระจะคุยเซ่าเชินเหมือนกัน” เมิ่งชิงซีลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามถังโจวโจวไป ราวกับว่าถังโจวโจวเดินไปทางไหน เธอก็จะไปทางนั้นด้วย


 


 


“คุณเมิ่งคะ สิ่งสำคัญที่สุดที่คุณควรตระหนักคือการรู้จักประมาณตนนะคะ” ถังโจวโจวไม่อยากพูดให้มันฟังดูใจร้ายมากเกินไป ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วว่าลั่วเซ่าเชินไม่อยากพบเธอ แต่เธอก็ยังกล้าแบกหน้ามาหา จนบางครั้งถังโจวโจวเองก็อดชื่นชมความเพียรพยายามของเธอไม่ได้จริงๆ


 


 


“โจวโจว มันไม่ใช่แบบนั้นนะ ฉันแค่มีเรื่องอยากจะปรึกษาเซ่าเชิน หากกลัวว่าฉันจะไปขัดขวางอะไรเธอ เดี๋ยวฉันค่อยขึ้นไปหลังจากที่เธอคุยธุระกับเซ่าเชินเสร็จก็ได้” เมิ่งชิงซีมองดูเล็บที่แสนสวยงามของตัวเอง วันนี้เธอจะต้องทำให้ถังโจวโจวได้เห็นดีกัน


 


 


 


 


ตอนที่ 217 แย่งหัวใจของลั่วเซ่าเชินกลับคืนมา


 


 


           ถังโจวโจวไม่อยากจะเสียเวลากับเมิ่งชิงซี เธอเดินตรงขึ้นไปชั้นบน เมิ่งชิงซีไม่ได้ตามเธอไป ได้แต่ยืนมองตามแผ่นหลังของถังโจวโจว เธอเหยียดยิ้มออกมาอย่างเงียบเชียบ ซึ่งมันค่อยๆ ดูร้ายกาจมากขึ้นเรื่อยๆ


 


 


“ชิงซี ทำไมหนูถึงมายืนอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะจ๊ะ”


 


 


           น้ำเสียงของคุณแม่ลั่วดังขึ้นทางด้านหลังของเมิ่งชิงซี แววตาเ**้ยมโหดของเธอหายวับไปในทันที ก่อนจะกลายเป็นความอบอุ่นและอ่อนโยน “คุณป้า พอดีโจวโจวขึ้นไปหาเซ่าเชินน่ะค่ะ ลั่วอิงเองก็อยู่ในครัว เธอไปดูว่าแม่นมจ้าวกำลังทำอะไรอร่อยๆ ให้เธอทาน ส่วนหนูก็กำลังรอคุณป้าค่ะ”


 


 


“ยายถังโจวโจวนี่กล้าทิ้งหนูไว้คนเดียวแบบนี้ได้ยังไง ไร้การศึกษาจริงๆ เซ่าเชินกำลังทำงานอยู่ เธอขาดอาเชินไปสักวินาทีหนึ่งไม่ได้เลยหรือ” เมื่อคุณแม่ลั่วพูดจบก็เห็นว่าเมิ่งชิงซีก้มหน้าต่ำและไม่พูดอะไร แล้วเธอก็นึกขึ้นได้ว่าเธอคงเผลอพูดอะไรบางอย่างที่ทำร้ายจิตใจของเมิ่งชิงซีเข้า


 


 


สีหน้าของคุณแม่ลั่วดูประดักประเดิด เธออยากจะพูดอะไรสักอย่างเพื่อปลอบโยนเมิ่งชิงซี แต่เธอก็ไม่ได้พูดมันออกมา เมิ่งชิงซีรีบเอ่ยด้วยความเข้าใจว่า “คุณป้าขา คุณป้าควรจะดีใจสิคะที่โจวโจวกับเซ่าเชินรักกันดี ไม่แน่ว่าคุณป้าอาจจะมีหลานในเร็ววันนี้ก็ได้นะคะ”


 


 


“ชิงซี ป้าน่ะ ไม่กล้าจะหวังเรื่องหลานอีกแล้วล่ะ”


 


 


เมื่อคุณแม่ลั่วได้ยินเมิ่งชิงซีเอ่ยถึงหลาน น้ำเสียงของเธอก็สลดลงไปไม่น้อย เมิ่งชิงซีค่อนข้างประหลาดใจ ก่อนหน้านี้เธอถึงกับเปลี่ยนท่าทีเพราะถังโจวโจวท้องไม่ใช่หรือ แล้วทำไมตอนนี้เธอถึงไม่อยากมีหลานแล้วล่ะ?


 


 


สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย “คุณป้าอยากมีหลานมากไม่ใช่หรือคะ ถ้าโจวโจวท้อง คุณป้าจะไม่มีความสุขได้ยังไงคะ”


 


 


“ฮึ! ก็ตั้งแต่ที่หลานของป้าจากไป เธอก็ไม่มีทีท่าว่าจะตั้งท้องอีกเลย และป้าเองก็คิดได้แล้วว่า ถ้าหลานของป้าออกมาจากท้องของถังโจวโจวแล้วเหมือนเธอไม่ผิดเพี้ยน ป้าคงจะต้องร้องไห้จนขาดใจตายแน่ๆ”


 


 


เมิ่งชิงซีไม่รู้จะพูดอย่างไรดี นี่คุณแม่ลั่วไม่อยากมีหลานแล้วเพียงเพราะเหตุผลเท่านี้น่ะหรือ? นี่มันชักจะ…


 


 


“คุณป้าอย่าพูดอะไรแบบนั้นสิคะ ถึงตอนนี้โจวโจวจะยังไม่ท้อง แต่เธอกับเซ่าเชินก็รักกันดี อีกไม่นานคงจะมีข่าวดีแน่นอนค่ะ” เมิ่งชิงซีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าใจ


 


 


คุณแม่ลั่วรู้สึกว่าจิตใจของเธอช่างงดงามมากจริงๆ เห็นอยู่เต็มตาว่าเมิ่งชิงซียังไม่อาจลืมลั่วเซ่าเชินได้ แต่เธอก็ยังช่วยพูดเข้าข้างถังโจวโจว “ชิงซี ป้าจะทำให้หนูมาเป็นลูกสะใภ้ของป้าให้ได้ ป้าจะรีบหาทางไล่ยายถังโจวโจวนั่นออกไป!”


 


 


เมิ่งชิงซีไม่เชื่อคำมั่นสัญญาของคุณแม่ลั่วมานานแล้ว คุณแม่ลั่วใช่ว่าไม่เคยพูดเช่นนี้มาก่อน แต่เคยลงมือทำอะไรจริงๆ จังๆ บ้างไหมล่ะ? ไม่เลย! สุดท้ายก็ทำได้แค่พูดปลอบใจเธอเท่านั้น ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับตัวเธอเอง!


 


 


“คุณป้าอย่าพูดแบบนี้เลยค่ะ หนูรู้ดีว่าเซ่าเชินไม่ได้มีหนูอยู่ในใจเลย หนูเองก็ไม่อยากฝืนใจเขา หนูขอแค่ให้เซ่าเชินมีความสุขก็พอ คุณป้าคะ เห็นแก่เซ่าเชินเถอะนะคะ คุณป้าช่วยใจดีกับโจวโจวอีกสักหน่อย แค่หนูได้เห็นว่าคุณป้าเข้ากันได้ดีกับโจวโจว เท่านี้หนูก็วางใจแล้วค่ะ”


 


 


“ชิงซี หนูช่วยพูดให้เธอทำไมกัน” คุณแม่ลั่วไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่ยืนอยู่ข้างเธอมาโดยตลอดอย่างเมิ่งชิงซีนั้นจะบอกให้เธอยอมอ่อนข้อให้กับถังโจวโจว นี่เป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อที่สุดในตอนนี้สำหรับคุณแม่ลั่ว


 


 


เมิ่งชิงซีรีบอธิบายเมื่อเห็นสายตาที่มองมาอย่างแปลกใจของคุณแม่ลั่ว “คุณป้าอย่าเข้าใจผิดนะคะ หนูรู้ว่าคุณป้าไม่อยากทำ แต่ตอนนี้โจวโจวครอบครองหัวใจของเซ่าเชินอยู่ คุณป้าคะ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณป้าในตอนนี้ก็คือ คุณป้าต้องแย่งลูกชายของคุณป้ากลับคืนมาก่อนนะคะ”


 


 


“จริงด้วย อาเชินใจร้อนกับคนเป็นแม่อย่างป้ามากขึ้นเรื่อยๆ สักวันหนึ่ง บ้านหลังนี้ก็คงจะถูกถังโจวโจวแย่งชิงไปด้วย!”


ตอนที่ 218 เมิ่งชิงซีเสนอความคิด


 


 


           คุณแม่ลั่วเริ่มคล้อยตาม ที่ผ่านมาเธอเอาแต่ต่อสู้กับถังโจวโจว โดยไม่ได้คำนึงถึงเลยว่าลูกชายของเธอนับวันยิ่งห่างเหินมากขึ้นเรื่อยๆ กลับกลายเป็นว่าเธอเร่งผลักไสลูกชายให้ไปกับถังโจวโจว


 


 


“คุณป้าขา เพราะฉะนั้นหนูถึงแนะนำให้คุณป้าสานสัมพันธ์ที่ดีกับถังโจวโจวเอาไว้ เซ่าเชินจะได้ไม่เย็นชากับคุณป้าเหมือนตอนนี้” คำพูดของเมิ่งชิงซีทะลุทะลวงเข้าไปในหัวใจของคุณแม่ลั่ว และเมื่อคุณแม่ลั่วคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าคำพูดของเมิ่งชิงซีสมเหตุสมผล


 


 


เธอคิดว่า แม้ลั่วเซ่าเชินจะไม่ค่อยแสดงออกต่อเธอกับพ่อของเขามากสักเท่าไร แต่คุณแม่ลั่วก็ทราบดีว่านั่นเป็นนิสัยของลั่วเซ่าเชิน ต้นเหตุอาจมาจากเรื่องของหันฮุ่ยซินในอดีต จิตใจและอารมณ์เขาถึงได้ดูเย็นชาเช่นนี้ คุณแม่ลั่วไม่คิดกล่าวโทษลั่วเซ่าเชิน แต่กลับยิ่งรักลูกชายของเธอมากขึ้นไปอีก


 


 


ในขณะเดียวกัน คุณแม่ลั่วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ผู้หญิงที่ฐานะต่ำต้อยอย่างหันฮุ่ยซินจะเหมาะสมกับลูกชายของเธอได้อย่างไร ดีว่าหันฮุ่ยซินยอมจากไปเอง จึงทำให้เธอไม่ต้องใช้วิธีจัดการของเธอเอง


 


 


จากเหตุเสียชีวิตของลั่วเซ่าอวี๋ ทำให้คุณพ่อและคุณแม่ลั่วยิ่งรู้สึกรักและหวงแหนลูกชายคนเดียวอย่างลั่วเซ่าเชินมากขึ้นไปอีก พวกเขาต้องการจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกชายคนนี้ ดังนั้น ลูกสะใภ้ของตระกูลลั่วจะต้องมีสกุลรุนชาติ สามารถช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระของลั่วเซ่าเชินได้


 


 


แม้ว่ามีหลานสาวอย่างลั่วอิงปรากฏตัวขึ้น แต่คุณแม่ลั่วก็ไม่ย่อท้อ เพราะถึงอย่างไรลูกชายของเธอก็ยังครบถ้วนไปด้วยคุณสมบัติที่ดี ถึงมีลูกติดแล้วก็ยังมีผู้หญิงหลายคนที่เต็มใจยอมแต่งเข้ามาอยู่ในตระกูลลั่วของพวกเขา


 


 


คุณแม่ลั่วเห็นว่าลั่วเซ่าเชินหมั้นหมายกับตระกูลเมิ่งอยู่แล้ว แต่ในขณะที่กำลังจัดเตรียมและปรึกษาหารือกับตระกูลเมิ่งเกี่ยวกับงานแต่งงานอยู่นั้น เธอนึกไม่ถึงเลยว่าลั่วเซ่าเชินจะไปที่บ้านตระกูลเมิ่งโดยไม่บอกใครเพื่อถอนหมั้น ซึ่งนั่นทำให้คุณพ่อและคุณแม่ลั่วโมโหมาก แต่ไม่รู้ทำไมผู้เฒ่าเมิ่งถึงยินยอม


 


 


แม้คุณพ่อกับคุณแม่ลั่วจะเกลี้ยกล่อมอยู่นาน แต่ผู้เฒ่าเมิ่งก็ได้ตัดสินใจไปแล้ว พวกเขาจึงไม่กล้าพูดถึงมันอีก


 


 


หลังจากนั้นไม่นาน ลั่วเซ่าเชินก็มาบอกว่าเขาแต่งงานแล้ว ซ้ำยังบอกให้พวกเขาออกมาพบและร่วมมื้ออาหารกับครอบครัวของอีกฝ่าย คุณพ่อและคุณแม่ลั่วสับสนไปหมด มีอย่างนี้ด้วยหรือ แต่งงานโดยไม่ได้รับความยินยอมจากพ่อแม่ แล้วยังบังคับกันอย่างนี้อีก มีอย่างที่ไหนกัน?


 


 


เมื่อคุณแม่ลั่วค่อยๆ ไล่เรียงเหตุการณ์ทีละเหตุการณ์ เธอก็พบว่าตั้งแต่ถังโจวโจวปรากฏตัวขึ้น ลั่วเซ่าเชินก็เปลี่ยนแปลงไปมาก เขากลับบ้านบ่อยขึ้น ยิ้มบ่อยขึ้น แต่สิ่งที่คุณแม่ลั่วรู้สึกเศร้าใจก็คือ พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของลั่วเซ่าเชินเกิดจากถังโจวโจว เขาเปลี่ยนไปเพราะผู้หญิงที่เป็นปฏิปักษ์กับเธอ


 


 


แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะยิ่งใหญ่มากแค่ไหน แต่คุณแม่ลั่วก็ไม่มีความสุข เธอไม่ชอบถังโจวโจว ไม่ว่าถังโจวโจวจะทำอะไรดีมากแค่ไหน มันก็ไร้ค่าในสายตาของเธอ เพราะผู้หญิงคนนี้คือคนที่แย่งลูกชายของเธอไป


 


 


“ชิงซี หนูว่าป้าควรจะทำยังไงดี” คุณแม่ลั่วอยากได้คำแนะนำจากเมิ่งชิงซี เธอเห็นด้วยว่าสิ่งที่เมิ่งชิงซีพูดมานั้นถูกต้อง แต่จะให้เธออ่อนข้อให้ถังโจวโจวอย่างนั้นหรือ เธอทำใจไม่ได้


 


 


เมิ่งชิงซีพูดอย่างมีความสุข เมื่อเธอเห็นว่าคุณแม่ลั่วเดินตามเกมของเธอแล้ว “คุณป้าก็แค่คุยกับถังโจวโจวดีๆ เท่านั้นเองค่ะ หากคุณป้ายอมทำ คุณป้าก็แค่ยอมรับผิดกับเธอ…”


 


 


“ไม่ได้เด็ดขาดนะชิงซี ป้าทำผิดตรงไหน ทำไมป้าต้องยอมรับผิดด้วย!” คุณแม่ลั่วคิดว่าคำพูดของเมิ่งชิงซีนั้นไร้สาระ ให้เธอยอมรับผิดกับถังโจวโจวเนี่ยนะ ตลกชัดๆ! ถังโจวโจวสมควรได้รับที่ไหนกัน!


 


 


“คุณป้าอย่าเพิ่งใจร้อนสิคะ หนูรู้ว่าคุณป้าไม่เห็นด้วย แต่ตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว หรือว่าคุณป้าอยากจะเห็นเซ่าเชินค่อยๆ ห่างจากคุณป้าไปอีกอย่างนั้นหรือคะ” น้ำเสียงปลุกเร้าของเมิ่งชิงซีดังขึ้นที่ข้างหูของคุณแม่ลั่ว


 


 


คุณแม่ลั่วได้แต่คิดแล้วคิดอีก หากต่อแต่นี้ไปลูกชายของเธอยังคงเย็นชาใส่เธอ และไม่ไว้หน้าคนที่เป็นแม่อย่างเธออีก เธอจะเลี้ยงเขามาจนโตทำไม?


 


 


 


 


ตอนที่ 219 คุณแม่ลั่วยอมจำนน


 


 


           มือที่อยู่ข้างลำตัวของคุณแม่ลั่วกำหมัดแน่น เมิ่งชิงซีจับมือของคุณแม่ลั่วไว้ “คุณป้าคะ คุณป้าแค่ต้องอดทนไปพักหนึ่ง พอเซ่าเชินไว้วางใจมากขึ้นแล้ว ต่อไปไม่ว่าคุณป้าจะอยากทำอะไรกับถังโจวโจว หนูเชื่อว่าเซ่าเชินจะต้องอยู่ข้างเดียวกับคุณป้าค่ะ”


 


 


เมิ่งชิงซีกุมมือของคุณแม่ลั่วไว้แน่น เพื่อถ่ายทอดพลังใจให้กับเธอ จนราวกับว่าเธอได้รับกำลังใจจากเมิ่งชิงซีอย่างเต็มเปี่ยมแล้ว คุณแม่ลั่วจึงพยักหน้า ก่อนจะพูดว่า “โอเคจ้ะ ป้าจะเชื่อหนู”


 


 


เมิ่งชิงซียิ้มพลางมองดูคุณแม่ลั่วด้วยสายตาพอใจ ทุกอย่างเป็นไปตามที่เธอคาดไว้ เธอเชื่อว่าครั้งนี้ถังโจวโจวจะไม่มีทางหลุดพ้นเงื้อมมือของเธอได้อย่างแน่นอน


 


 


“คุณป้าคะ โจวโจวขึ้นไปข้างบน ในเมื่อเราตัดสินใจกันได้แล้ว เราขึ้นไปหาเธอกันดีไหมคะ”


 


 


เมิ่งชิงซีเห็นว่าถังโจวโจวขึ้นไปข้างบนนานแล้ว แต่ก็ยังไม่ลงมาสักที แม้เธอจะรู้ว่าถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าพวกเขาจะใกล้ชิดกันสักเท่าไร มันก็ไม่มีอะไรผิด เพียงแต่เธอก็ยังคงรู้สึกเศร้าใจอยู่ดี เธอหวังว่าเธอจะไม่ได้เห็นฉากที่เธอไม่อยากเห็น


 


 


คุณแม่ลั่วนึกไม่ถึงเลยว่าสิ่งที่เธอเพิ่งจะพูดออกไปเมื่อครู่นี้ ตอนนี้มันกำลังจะกลายเป็นจริงขึ้นมาแล้ว ในเมื่อเธอได้ลั่นวาจาออกไปแล้ว เมิ่งชิงซีก็ยืนมองอยู่ตรงนี้ด้วย เธอจึงไม่สามารถเปลี่ยนใจได้อีก “เราขึ้นไปกันเถอะ” เมิ่งชิงซีควงแขนคุณแม่ลั่ว ก่อนที่พวกเธอทั้งคู่จะเดินขึ้นไปชั้นบน


 


 


ถังโจวโจวขึ้นมาหาลั่วเซ่าเชิน อันที่จริงเป็นเพียงข้ออ้าง จริงๆ แล้วเธอขึ้นมาหลบภัย เมิ่งชิงซีมักจะจับจ้องเธอ ถังโจวโจวไม่อยากเสียเวลาอธิบายอะไรให้เมิ่งชิงซีฟัง หากเธอทำให้เมิ่งชิงซีลำบากใจ หรือเผลอฉีกหน้าเมิ่งชิงซีเข้า คุณแม่ลั่วก็อาจจะเอ็ดเธอเอาได้ แต่ถ้าเมิ่งชิงซีเอาแต่มีความสุขบนความทุกข์ของเธอ เธอก็จะอารมณ์เสียอีก การเป็นมนุษย์นี่มันช่างยากลำบากเหลือเกิน!


 


 


“คุณป้าคะ ในเมื่อเราตัดสินใจกันแล้วว่าเราจะยอมอ่อนข้อให้กับเธอชั่วคราว คุณป้าก็ควรจะแสดงความจริงใจของคุณป้าออกมาด้วย คุณป้าต้องทำให้เซ่าเชินเห็นว่าคุณป้าเป็นแม่สามีที่ดีแล้ว และจะมีแค่ถังโจวโจวเท่านั้นที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย” เมิ่งชิงซีเอ่ยโน้มน้าวคุณแม่ลั่วอยู่ข้างๆ เพื่อให้คุณแม่ลั่วยอมทำเรื่องนี้ด้วยความเต็มใจ


 


 


คุณแม่ลั่วกุมมือของเมิ่งชิงซีกลับ “ชิงซี ป้าเข้าใจแล้วจ้ะ ในเมื่อเราตัดสินใจกันแล้ว ป้าก็ไม่กลัวจะเสียหน้า ป้าเชื่อว่าถังโจวโจวคงไม่มีไหวพริบดีขนาดนั้นหรอก”


 


 


คุณแม่ลั่วมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่า ตราบใดที่ไว้หน้าถังโจวโจว ถังโจวโจวจะต้องมีความสุขมาก แล้วต่อไปเธอจะคิดว่าคุณแม่ลั่วไปทำอะไรเธอได้อย่างไร เธอควรรู้สึกเป็นเกียรติสิ ถึงจะถูก


 


 


เมิ่งชิงซีและคุณแม่ลั่วตรงไปที่ห้องนอนของถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินก่อน หากที่นี่ไม่มีใครอยู่ พวกเธอถึงจะไปที่ห้องหนังสือ


 


 


ก๊อกๆๆ เมื่อถังโจวโจวได้ยินเสียงเคาะประตู เธอก็นึกถึงความเป็นไปได้ในทันที เธอรีบลุกขึ้นจากเตียงและจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่ ก่อนจะไปที่ประตูและค่อยๆ เปิดมันออก


 


 


“คุณแม่ คุณเมิ่ง มาที่นี่มีอะไรกันหรือคะ”


 


 


ทันทีที่คุณแม่ลั่วได้ยินอย่างนั้น เธอก็อารมณ์เสีย นี่คือบ้านของเธอไม่ใช่หรือ แล้วเธอไม่สามารถขึ้นมาชั้นบนได้หรืออย่างไร? แต่เธอก็ยังจำสิ่งที่เธอเพิ่งพูดกับเมิ่งชิงซีได้ คุณแม่ลั่วจึงพยายามฝืนยิ้มออกมา “โจวโจว แม่กับชิงซีขึ้นมาดูหนูน่ะ หนูกำลังทำอะไรอยู่เหรอจ๊ะ”


 


 


สีหน้าของถังโจวโจวแข็งชะงักไป อะไรเข้าสิงคุณแม่ลั่วกันล่ะเนี่ย ทำไมวันนี้ถึงเรียกเธอว่า ‘โจวโจว’ ได้ มันช่างแปลกประหลาดเสียจริง หากลั่วเซ่าเชินได้ยินเข้า ไม่รู้ว่าเขาจะซาบซึ้งมากแค่ไหน ที่แม่ของเขามีทีท่าเหมือนว่าจะยอมรับเธอแล้ว


 


 


แม้ว่าเธอจะตกตะลึงไปชั่วขณะ แต่ถังโจวโจวก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว “หนูไม่ได้ทำอะไรค่ะ คุณแม่ เข้ามานั่งข้างในกันก่อนไหมคะ”


 


 


ถังโจวโจวหลีกทางให้ แต่น่าเสียดายที่คุณแม่ลั่วไม่ได้ขยับตัวไปไหน คุณแม่ลั่วทราบดีว่าลูกชายของเธอนั้นรักความสะอาดและหวงความเป็นส่วนตัว หากลูกชายของเธอรู้ว่าเธอพาเมิ่งชิงซีเข้าไปในห้องนอนของเขา เขาคงจะไม่สบอารมณ์ขึ้นมาอีก ใบหน้าของคุณแม่ลั่วยังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่ “โจวโจว หนูลงไปคุยกับแม่ข้างล่างดีกว่าไหมจ๊ะ”


ตอนที่ 220 ตำหนิ 


 


 


           “คือว่า…” ถังโจวโจวลังเลเล็กน้อย คำว่า ‘คุย’ ที่คุณแม่ลั่วพูดถึงนั้นจะใช่สิ่งที่เธอคิดหรือเปล่า เธอว่าเธออยู่ในห้องดีกว่า ถึงอย่างไรที่นี่ก็เงียบสงบ 


 


 


           เมื่อคุณแม่ลั่วเห็นถังโจวโจวลังเลใจ ในใจของเธอก็เดือดดาลขึ้นมาทันที แต่สัมผัสของเมิ่งชิงซีที่มือของเธอนั้นบอกให้เธออดทน เพื่อให้ลั่วเซ่าเชินหันกลับมายืนอยู่ข้างเธอ เธอจะต้องทำดีกับถังโจวโจวเข้าไว้ 


 


 


           เมิ่งชิงซีรีบเอ่ยแทรกขึ้นมาในทันที เมื่อเธอเห็นว่าบรรยากาศมันเริ่มประดักประเดิด “โจวโจว คุณป้าอยากคุยกับเธอน่ะ คุณป้าบอกว่ามันเป็นความผิดของคุณป้าเองที่เคยทำให้เธอไม่สบายใจมาตลอด และหวังว่าต่อแต่นี้ไปครอบครัวจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข” 


 


 


           สำหรับถังโจวโจวแล้ว สิ่งที่เมิ่งชิงซีพูดออกมานั้นเหมือนกับฟ้าผ่าตอนกลางวันแสกๆ คุณแม่ลั่วน่ะหรือจะรู้สึกเสียใจ นี่เป็นสิ่งที่ถังโจวโจวไม่กล้าแม้แต่จะคิด แต่ตอนนี้มันกลับเกิดขึ้นต่อหน้าเธอเลย 


 


 


“คุณแม่คะ วันนี้คุณแม่…” …ถูกวางยาใช่ไหม? ถังโจวโจวคิดต่อในใจ ทำไมจู่ๆ คุณแม่ลั่วถึงทำอะไรแปลกๆ แม้ว่ามันจะออกมาจากปากของเมิ่งชิงซี แต่คุณแม่ลั่วก็ยืนเฉยๆ อยู่ตรงนี้และไม่ได้เอ่ยคัดค้านอะไร แสดงให้เห็นว่าคุณแม่ลั่วเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน นี่อยู่ๆ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเช่นนี้ได้อย่างไร? 


 


 


“โจวโจว วันนี้แม่อยากเปิดอกคุยกับหนูจริงๆ เมื่อก่อนแม่เคยเข้าใจหนูผิดไป ตอนนี้แม่สำนึกผิดแล้ว หนูควรจะให้อภัยแม่นะ เราลงไปข้างล่างกันดีกว่าไหมจ๊ะ จะได้คุยกันดีๆ น่ะ?” คุณแม่ลั่วขยับไปข้างหน้าและกุมมือของถังโจวโจว 


 


 


ถังโจวโจวอยากจะดึงมือข้างนั้นที่คุณแม่ลั่วจับอยู่ออก แต่เพื่อรักษาสถานการณ์ตรงหน้า ถังโจวโจวจึงพยักหน้าและพูดว่า “ค่ะ หนูจะลงไปกับคุณแม่” หากพูดอย่างนี้แล้ว เธอก็หวังว่าคุณแม่ลั่วจะคลายมือออก 


 


 


แต่คุณแม่ลั่วกลับไม่ได้ปล่อยมืออย่างที่ถังโจวโจวคิดไว้ ไม่เพียงแต่ไม่ปล่อยมือ แต่กลับกุมมันไว้แน่นมากกว่าเดิม ถังโจวโจวรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด แต่ตอนนี้คุณแม่ลั่วกำลังอารมณ์ดี ถังโจวโจวไม่สามารถปฏิเสธความเมตตาของเธอได้ จึงได้แต่ปล่อยให้คุณแม่ลั่วจับมือต่อไปอยู่อย่างนั้น 


 


 


“ไปข้างล่างกันเถอะ โจวโจว” คุณแม่ลั่วจูงมือของถังโจวโจว ถังโจวโจวเดินเคียงข้างไปกับคุณแม่ลั่ว ส่วนเมิ่งชิงซีก็เดินตามหลังพวกเธอไป 


 


 


เมื่อใกล้จะถึงหัวบันได จู่ๆ เมิ่งชิงซีก็พูดขึ้นมาว่า “โจวโจว เซ่าเชินอยู่ในห้องหนังสือใช่ไหม ฉันมีธุระกับเขานิดหน่อย เธอก็ลงไปข้างล่างกับคุณป้าก่อนแล้วกันนะ” 


 


 


“คุณเมิ่งคะ ให้ฉันพาคุณไปหาเซ่าเชินดีกว่าไหมคะ ฉันจะไปกับคุณก่อน หากเซ่าเชินไม่อยากพบคุณ ฉันจะได้สามารถช่วยพูดให้คุณได้” ถังโจวโจวหมายจะสลัดมือของคุณแม่ลั่ว แต่ก็ไม่ได้ผล 


 


 


เมิ่งชิงซีก้มหน้าต่ำ ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ถังโจวโจวก้าวไปข้างหน้าและย้ำในสิ่งที่ตัวเองเพิ่งจะพูดไปอีกครั้งหนึ่ง แต่แล้วเมิ่งชิงซีก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยน้ำตา “โจวโจว เธอตั้งแง่กับฉันไปถึงไหน” 


 


 


“อะไรนะ?” ถังโจวโจวมองเมิ่งชิงซีด้วยความประหลาดใจ เธอไปตั้งแง่กับเมิ่งชิงซีเมื่อไรกัน เธอแค่หวังดีเท่านั้น หากเซ่าเชินพูดอะไรบางอย่างที่ทำร้ายจิตใจ เดี๋ยวเมิ่งชิงซีก็จะเสียใจอีก แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ถังโจวโจวมีความเห็นแก่ตัวอยู่เล็กน้อย เพราะเธอไม่อยากอยู่กับคุณแม่ลั่วตามลำพัง 


 


 


“โจวโจว ฉันรู้ว่าตอนนี้เซ่าเชินเป็นของเธอ ฉันเองก็บอกกับคุณป้าแล้วว่าตราบใดที่พวกเธอมีความสุข เซ่าเชินมีความสุข เท่านี้ฉันก็พอใจแล้ว ทำไมเธอถึงไม่เชื่อใจฉันบ้างล่ะ” เมื่อต้องเจอกับคำตำหนิกะทันหันจากเมิ่งชิงซี ถังโจวโจวก็นิ่งอึ้งไป 


 


 


นี่เมิ่งชิงซีกำลังพูดพล่ามอะไรอยู่? มาตำหนิเธอทำไมกัน? ตอนนี้เธอต่างหากที่เป็นผู้ถูกกระทำไม่ใช่เหรอ? 


 


 


“คุณเมิ่ง ฉันไม่ได้…” 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 221 คุณแม่ลั่วถูกผลัก 


 


 


           “โจวโจว ฉันรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ฉันคิดมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ฉันจะตัดใจจากเซ่าเชิน โจวโจว เชื่อฉันเถอะนะ ฉันพูดจริงๆ” 


 


 


เมิ่งชิงซีจับแขนของถังโจวโจว ทำให้คุณแม่ลั่วต้องปล่อยมือจากถังโจวโจว “คุณเมิ่ง ปล่อยฉันก่อนได้ไหมคะ” 


 


 


ถังโจวโจวรู้สึกได้ว่าเมิ่งชิงซีบีบแขนเธอแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ ถังโจวโจวรู้สึกเจ็บจนอยากจะผลักเมิ่งชิงซีออก แต่เธอก็ไม่สามารถทำได้ เธอสังเกตว่าเมิ่งชิงซีเริ่มออกแรงมากขึ้นเรื่อยๆ “โจวโจว ถ้าเธอไม่เชื่อฉัน เธอจะให้ฉันคุกเข่าต่อหน้าเธอไหม ฉันไม่ได้คิดอะไรกับเซ่าเชินแล้วจริงๆ” 


 


 


“คุณเมิ่ง คุณพูดอะไรน่ะ ปล่อยฉันนะ…” ถังโจวโจวใช้แรงที่มีสะบัดเมิ่งชิงซีออก แต่ไม่รู้ทำไมในครั้งนี้เมิ่งชิงซีถึงปล่อยมือของเธออย่างง่ายดาย 


 


 


“อ๊ะ!…” 


 


 


“อ๊ะ! คุณป้า…” เมิ่งชิงซีมองไปทางด้านหลังของถังโจวโจวด้วยสายตาหวาดผวา ถังโจวโจวรีบหันตัวกลับไป ก่อนจะพบว่าคุณแม่ลั่วกลิ้งตกลงบันไดไปแล้ว 


 


 


“คุณแม่!” ถังโจวโจวก้มลงมองมือของตัวเอง นี่เธอเพิ่งจะ… 


 


 


เมื่อแม่นมจ้าวและลั่วอิงได้ยินเสียงกรีดร้อง พวกเธอก็วิ่งออกมาจากห้องครัว จากนั้นพวกเธอก็เห็นว่าคุณแม่ลั่วตกบันได แม่นมจ้าวรีบวิ่งเข้าไปหาคุณแม่ลั่วพลางตะโกนเสียงดังลั่นว่า “คุณนายคะ คุณนายเป็นอะไรไหมคะ? คุณชาย รีบมาเร็วค่ะ คุณนายเกิดอุบัติเหตุ!” 


 


 


เมื่อลั่วเซ่าเชินได้ยินเสียงเอะอะจากด้านนอก เขาก็รีบวิ่งออกมาดู แล้วเขาก็พบว่าคุณแม่ลั่วนอนฟุบอยู่กับพื้น ลั่วเซ่าเชินรีบวิ่งเข้าไปหาคุณแม่ลั่ว ก่อนจะประคองเธอขึ้นมาแล้วพึงร่างของเธอไว้บนเข่าของเขา “แม่ครับ แม่เป็นอะไรไหมครับ” 


 


 


คุณแม่ลั่วที่เพิ่งกลิ้งตกลงมาจากบันได สายตามีแต่ภาพพร่ามัวปรากฏขึ้นตรงหน้า เมื่อเธอได้ยินเสียงของลั่วเซ่าเชินจึงเปิดปากพูด “อา…อาเชิน…” คุณแม่ลั่วพูดได้ไม่กี่คำ จากนั้นเธอก็หมดสติไป 


 


 


เหมือนเมิ่งชิงซีเพิ่งจะหลุดออกมาจากภวังค์ เธอรีบวิ่งเข้าไปหาคุณแม่ลั่วและตะโกนใส่คุณแม่ลั่วว่า “คุณป้าคะ คุณป้าเป็นอะไร เซ่าเชิน คุณรีบพาคุณป้าไปโรงพยาบาลสิคะ!” 


 


 


“อย่าเสียงดัง! แม่นมจ้าว โทรแจ้ง 120 ที ผมจะพาคุณแม่ไปส่งโรงพยาบาล” ลั่วเซ่าเชินอุ้มคุณแม่ลั่วขึ้น เขาหันหน้าไปมองถังโจวโจวเล็กน้อย ก่อนจะรีบอุ้มคุณแม่ลั่วเดินออกไป 


 


 


เมิ่งชิงซีเดินไล่หลังไปติดๆ เธอเองก็หันกลับมามองถังโจวโจวเช่นกัน จากนั้นก็รีบวิ่งตามลั่วเซ่าเชินออกไป 


 


 


ถังโจวโจวยืนตกตะลึงอยู่อย่างนั้น เมื่อมองดูโถงทางเดินตรงหน้า มือทั้งสองข้างก็พานสั่นเทา เธอทำอะไรลงไป? เธอผลักคุณแม่ลั่วตกบันไดอย่างนั้นหรือ?… 


 


 


“คุณ…คุณผู้หญิงคะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น” เมื่อแม่นมจ้าวเห็นถังโจวโจวยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ตรงบันได เธอก็กลัวว่าถังโจวโจวจะกลิ้งตกลงมาจากบันไดเหมือนกับคุณแม่ลั่วอีกคน เธอจึงรีบเข้าไปประคองและพาถังโจวโจวไปที่โซฟา 


 


 


ถังโจวโจวถูกแม่นมจ้าวประคองลงมา เธอเดินลงมาจากบันไดราวกับร่างที่ไร้วิญญาณ และเมื่อเธอเห็นรอยเลือดที่เชิงบันไดขั้นสุดท้าย เธอก็หลับตาแน่น จนกระทั่งเธอผ่านจุดนั้นมาได้ ถังโจวโจวถึงค่อยลืมตาขึ้น 


 


 


เมื่อได้นั่งลงบนโซฟา ถังโจวโจวก็เหมือนเพิ่งจะได้สติกลับคืนมา “แม่นมจ้าวคะ คุณแม่เป็นอะไรไหม” เธอไม่รู้ว่าเธอเพิ่งผ่านอะไรมา? คุณแม่ลั่วจะเป็นอะไรไหม เธอเหมือนจะเห็นว่าคุณแม่ลั่วสลบไป? ถังโจวโจวหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้จะเป็นเพียงความฝัน 


 


 


“คุณผู้หญิงคะ ดูเหมือนว่าคุณนายจะสลบไปน่ะค่ะ ตอนนี้คุณชายกำลังพาคุณนายไปส่งที่โรงพยาบาล ฉันเองก็ไม่ทราบรายละเอียดมากนัก แล้วตกลงว่าเมื่อครู่นี้มันเกิดอะไรขึ้นหรือคะ คุณผู้หญิง?” ตอนที่แม่นมจ้าวออกมา เธอเห็นเพียงว่าถังโจวโจวยืนเหม่อลอยอยู่ตรงบันได 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม