จอมใจจ้าวพิษ 212-219

 ตอนที่ 212 ทะเลาะกันครั้งแรก 


 

 


ถังเฉียนรู้ว่าที่เขาจงใจพูดเช่นนี้เพราะต้องการให้นางยอมรับโดยไม่ต้องมีภาระทางใจ เขารู้ดีว่าถังเฉียนมีจิตใจรับผิดชอบสูงกว่าคนอื่น 


 


 


“มิน่าพ่อเจ้าถึงเอาใจนางเช่นนี้ ที่แท้พวกเจ้าหมั้นหมายกันก่อนแล้ว ที่จริงนางก็นับว่าเป็นผู้หญิงที่ล้ำเลิศ คู่ควรกับเจ้าไม่ใช่หรือ เหตุใดต้องเอาข้ามาแบกรับเรื่องนี้ด้วย ข้าก็แค่ทำในสิ่งที่ข้าอยากทำ ข้ารู้ว่าที่ข้าเสี่ยงอันตรายเพื่อฮุ่ยฮุ่ยนั้น พวกเจ้ารู้สึกว่าไม่คู่ควร เพราะในใจพวกเจ้า ชีวิตเราไม่เคยมีค่า” 


 


 


“เจ้า เจ้ารู้ดีว่าข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น เจ้ากับนางจะเหมือนกันได้อย่างไร” 


 


 


ถังเฉียนได้ฟังคำพูดเช่นนี้ก็รู้สึกปวดใจ รู้สึกว่าเหนือความคาดหมาย กระทั่งรู้เหตุผลที่หงหลิงเอ๋อร์คอยทำร้ายนาง ก็ผู้หญิงนี่ ที่ใส่ใจที่สุดก็คือผู้ชายของตน เมื่อมีเหตุผลเช่นนี้ ต่อให้วันหน้านางอยากจะกล่าวโทษหงหลิงเอ๋อร์ ก็คงจะทำไม่ได้ 


 


 


“เจ้าอยากแต่งกับนางก็แต่งไป ข้าไปทำเรื่องของข้า มีสิ่งเกี่ยวข้องกัน” 


 


 


เถิงเฟิงร้องหึแล้วพูดว่า 


 


 


“เจ้าต้องอยู่เพื่อเตรียมการหมั้น หลังจากหมั้นแล้ว เจ้าต้องอยู่ที่เขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อรับการอบรมเป็นนายแม่ เจ้าคิดว่านายแม่เป็นได้ง่ายๆ เช่นนั้นหรือ” 


 


 


“ว่าอย่างไรนะ” 


 


 


ถังเฉียนไม่รู้ว่านางยังต้องอยู่เรียนที่นี่ 


 


 


“เผ่าพีส่าไม่ใช่แค่ดูแลเขาศักดิ์สิทธิ์ของเราเท่านั้น ยังต้องควบคุมดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าอินทรีเงินและเผ่าหมอผี เจ้ารู้หรือไม่ว่าเฉพาะผู้คนมีมากน้อยแค่ไหน ทั้งญาติพี่น้อง ทั้งที่แต่งงานข้ามเผ่า ยังมีพิธีบวงสรวงต่างๆ ของเผ่าพีส่า ของเผ่าหมอผี เวลานี้เจ้าจะไปจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เจ้าบ้าไปแล้วหรือ” 


 


 


ถังเฉียนเริ่มหงุดหงิดแล้ว เดิมนางคิดว่ายอมรับแต่ในนามก็สิ้นเรื่อง ใครจะคิดว่าจะมีเรื่องมากมายเช่นนี้ตามมา จึงพูดอย่างไม่พอใจ 


 


 


“อย่างนั้นข้าก็ไม่เป็นแล้ว ในเมื่อหงหลิงเอ๋อร์เป็นคนที่ถูกกำหนดไว้ภายใน เจ้าแต่งกับนางก็ดีออก เหตุใดต้องทำให้ข้าลำบากไปด้วย” 


 


 


เถิงเฟิงก็พลอยโมโหด้วย เขาจึงพูดเสียงแข็ง 


 


 


“ข้าไม่มีวันแต่งกับนางเด็ดขาด ต่อให้ไม่มีเจ้า ข้าก็ไม่แต่งกับนาง ข้ากับนางดวงไม่สมพงษ์กัน ทั้งนางยังใจคอโหดเ**้ยม ไม่คู่ควรที่จะเป็นเมียข้า เจ้าไม่อยากเป็นก็ไม่ต้องเป็นแล้ว เพราะอย่างไรในใจเจ้าข้าเทียบเด็กผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ เสียทีที่ข้าคอยช่วยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า” 


 


 


ถังเฉียนได้ฟังเช่นนี้ก็ถอนหายใจ เขายังมีนิสัยเป็นเด็กจริงๆ อยากทำอะไร ไม่อยากทำอะไร ล้วนทำตามใจตัวเอง ไม่เคยไตร่ตรองให้ดี ตนเองถูกเขาดึงเข้ามาวุ่นวาย นางไม่เคยบอกว่าอยากเป็นนายแม่อะไรนั่น ล้วนแต่เขาเป็นคนจัดแจงทั้งสิ้น ส่วนนางก็แค่ตกกระไดพลอยโจนเท่านั้น 


 


 


ถังเฉียนยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห แล้วเบือนหน้าหนีไม่พูดกับเถิงเฟิงอีก ทั้งสองคนต่างมีโทสะ เวลานี้พูดอะไรก็รังแต่จะทำให้อีกฝ่ายโกรธ สู้ต่างฝ่ายต่างปล่อยให้ใจเย็นลงก่อนดีกว่า เถิงเฟิงเห็นว่าถังเฉียนโกรธจริงๆก็หันมามองนาง แล้วยื่นมือออกมาดึงชายแขนเสื้อนาง 


 


 


“นี่ โมโหจริงๆ หรือ” 


 


 


ถังเฉียนร้องหึ แล้วพูดว่า 


 


 


“ไม่ได้โมโห ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ชอบข้า มีอะไรให้ต้องโมโหด้วย” 


 


 


“เด็กโง่ ยังบอกว่าไม่โมโห ทำปากเบ้ออกเช่นนั้นแล้ว” 


 


 


เถิงฟังจงใจผลักนางเบาๆ จากนั้นก็ทำปากเบ้เลียนแบบถังเฉียน แต่เพียงครู่เดียวก็ตีสีหน้าเคร่งขรึมตามเดิม แล้วพูดอย่างจริงจังว่า 


 


 


“แม้ว่าที่ข้าทำอย่างนี้จะมีเหตุผลมากมาย แต่เจ้าก็น่าจะรู้ว่าข้าชอบเจ้า ถ้าไม่ใช่อย่างนี้ แผ่นดินกว้างใหญ่ข้ายังจะหาผู้หญิงที่ข้าชอบไม่ได้หรือ อยากเป็นผู้หญิงที่โดดเด่น ทั่วดินแดนเผ่าม้ง อยากได้เท่าไรก็ได้ แต่ผู้หญิงที่ข้าสามารถนึกถึง มีเจ้าคนเดียวเท่านั้น”  


 


 


ถังเฉียนโมโหเขาจนเจ็บแผล แต่เมื่อฟังคำพูดนี้แล้วก็รู้สึกวาบหวามในใจ แล้วมองดูท่าทางเถิงเฟิงจึงไม่อาจทำใจตำหนิเขาได้ จะอย่างไรเขาก็เป็นคนป่วย 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 213 จริงใจ 


 


 


 


 


 


แม้จะพูดเช่นนี้ก็ตาม แต่เมื่อเห็นท่าทีเขาเช่นนี้ ถังเฉียนก็ยังผลักเขาทีหนึ่ง แล้วพูดด้วยความไม่พอใจ 


 


 


“เถิงเฟิง ข้าเชื่อเจ้า เพราะเจ้าเป็นเพื่อนคนเดียวของข้าในเผ่าม้ง ฮุ่ยฮุ่ยไม่ใช่คนธรรมดา นางเป็นน้องสาวข้า เป็นญาติใกล้ชิดของข้า เจ้าไม่รู้หรอกว่าข้ารู้สึกผิดต่อนางแค่ไหน ข้าต้องช่วยนาง ทุกครั้งที่ข้าเห็นนางมีท่าทางเหม่อลอย ก็รู้สึกว่าพี่สาวอย่างข้านั้นใช้ไม่ได้เลย เจ้าเองก็มีพี่ชาย เจ้าน่าจะเข้าใจความรู้สึกเช่นนี้” 


 


 


เถิงเฟิงคาดไม่ถึงว่าถังเฉียนจะเปิดเผยความจริงให้ตนรู้ ถึงกับไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี แต่เขาเข้าใจความหมายที่ลึกซึ้งในคำพูดนี้ และรู้ว่าถังเฉียนบอกความลับให้แก่คนที่นางไว้ใจเท่านั้น ความรู้สึกนี้ทำให้เขาปลื้มใจ ครู่หนึ่งจึงพูดว่า 


 


 


“หรือว่า นางก็คือถังเวยที่ถูกช่วยขึ้นมาหลังจากการพลัดตกเหว” 


 


 


ถังเฉียนพยักหน้า แล้วพูดว่า 


 


 


“ใช่ เป็นนาง น้องสาวข้าโชคร้าย ลำบากแทบแย่กว่าจะมีครอบครัวหนึ่งช่วยเลี้ยงดู ข้ายังคิดว่านางจะสามารถอยู่อย่างสงบสุขไปชั่วชีวิต แต่เมื่อกลับมาที่จวนอ๋องถึงได้รู้ว่าครอบครัวนางถูกนิกายเทพมังกรฆ่าตายหมด ส่วนนางต้องอยู่ตัวคนเดียว ตกใจจนเสียสติ เวลานี้ดูแล้วว่ามีวิธีที่จะรักษานางได้ ข้าจึงหวังว่าเจ้าจะช่วยข้า” 


 


 


เถิงเฟิงเมื่อได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกกังวลใจแทนถังเฉียน ความกังวลและห่วงใยเช่นนี้มีพื้นฐานจากความเป็นห่วงถังเฉียน แต่หากจะไปที่นิกายเทพมังกรเดี๋ยวนี้เพื่อเอาวิญญาณถังเวยคืนมา ย่อมเป็นไปไม่ได้ เขาจึงต้องใช้วิธีพิเศษ หากแต่ณ ตอนนี้เขายังไม่รู้วิธีพิเศษดังกล่าว จึงจำเป็นต้องไปถามเขา บางทีพี่ชายเขาอาจะมีวิธีหรืออาจจะไม่มี แต่ต้องลองดู ถือว่าเป็นหนึ่งโอกาส 


 


 


เมื่อถังเฉียนรู้เรื่องนี้ก็คลายความกังวลลงบ้าง เถิงอวิ๋นเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยาก เขาต่างจากคนอื่นและยังต้องคำนึงถึงชื่อเสียงของตัวเอง เขาเพียงทำสิ่งที่ตนเองสนใจ ส่วนฐานะและแบบแผนเป็นเรื่องรองสำหรับเขา 


 


 


“เรื่องพี่ใหญ่ เจ้ามีวิธีอะไร เขาเป็นเหมือนก้อนหินหัวรั้น เว้นแต่เขาจะสนใจ ไม่เช่นนั้นอย่าหวังว่าจะรู้อะไรจากปากเขาแม้แต่น้อย” 


 


 


ถังเฉียนได้ฟังเช่นนี้ก็รู้สึกเศร้าใจ แต่นางเชื่อว่าถ้านางไปปรากฏตัวข้างกายเถิงอวิ๋น ทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ ไม่ใช่เพื่อเรื่องอื่น ก็แค่เพื่อตีสนิทกับเขาและพูดคุยกัน ทำเช่นนี้เรื่อยๆ ก็น่าจะมีโอกาสบ้าง 


 


 


“เจ้ารู้อยู่แล้วว่าใกล้ชิดเขายาก หากเจ้าใช้วิธีนี้ เจ้าคิดว่าต้องใช้เวลานานเท่าใดจึงจะใกล้ชิดเขาได้ รวมทั้งถามคำถามที่เจ้าอยากรู้” 


 


 


ถังเฉียนกุมหน้าผากแล้วถอนหายใจ นางเองรู้ดีว่านี่เป็นวิธีที่โง่เขลา แต่เมื่อเถิงเฟิงพูดเช่นนี้นางจึงต้องทิ้งวิธีนี้ไป 


 


 


“ถ้าเช่นนั้นข้ายอมเป็นเครื่องทดลองของเถิงอวิ๋น ขอเพียงไม่คิดเอาชีวิตข้า ข้าจะร่วมมืออย่างเต็มที่” 


 


 


“โง่จริง! เมื่อพี่ชายข้าทำการทดลอง จะคำนึงถึงชีวิตเจ้าหรือ” 


 


 


ถัวเฉียนเบ้ปาก คิดวิธีไม่ออกแล้ว 


 


 


“พอเถอะ ข้าจัดการเอง แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าถังเวยไปที่ใดแล้ว” 


 


 


ถังเฉียนตีเถิงเฟิงทีหนึ่ง แล้วบอกว่า 


 


 


“นางชื่อฮุ่ยฮุ่ย!” 


 


 


ถังเฉียนมองดูรอบๆ ไม่เห็นถังเวย จึงออกไปบอกให้อาห่าวไปตามหา เถิงเฟิงไม่วางใจจึงตามไปด้วย ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้ไปไหนเสียแล้ว ทำให้ทุกคนเป็นห่วงมาก 


 


 


“ฮุ่ยฮุ่ยไปหาพี่ใหญ่แล้ว รีบตามข้ามา” 


 


 


เถิงเฟิงกลับมาบอก แล้วดึงถังเฉียนวิ่งออกไป 



ตอนที่ 214 หาหมอรักษา 


 


 


 


 


 


ฮุ่ยฮุ่ยคุกเข่าอยู่นอกห้องของเถิงอวิ๋น แม้ว่าเขาศักดิ์สิทธิ์จะไม่ร้อนจัดแล้ว แต่ช่วงนี้ก็ยังถือทนได้ยาก ฮุ่ยฮุ่ยคุกเข่าครู่หนึ่งก็เหงื่อออกเต็มใบหน้า เถิงอวิ๋นไม่ใส่ใจเด็กคนนี้แม้แต่น้อย ที่ไม่ตายก็ถือว่าเป็นบุญแล้ว ต่อให้นางคุกเข่าที่นี่จนตายก็ไม่ได้ส่งผลใดใดต่อเขา 


 


 


“ฮุ่ยฮุ่ย เหตุใดจึงคุกเข่าอยู่นี่” 


 


 


ร่างฮุ่ยฮุ่ยโงนเงน เกือบจะเป็นลมล้มลงกับพื้น นางดึงเสื้อถังเฉียนแล้วพูดเบาๆ ว่า 


 


 


“ท่านพี่ ข้าได้ยินที่พี่คุยกับคุณชายแล้ว มีเพียงคุณชายใหญ่ที่จะช่วยให้ข้าจำท่านพี่ได้ ข้าอยากจำท่านพี่ได้ ข้าจึงมาขอร้องคุณชายใหญ่ หวังว่าเขาจะช่วยข้า” 


 


 


ถังเฉียนได้ยินเช่นนี้ก็ปวดร้าวใจ เมื่อเห็นท่าทางถังเวยจึงอดถามไม่ได้ 


 


 


“เหตุใดเจ้าต้องจำพี่ให้ได้ แค่เจ้าเชื่อก็พอแล้วไม่ใช่หรือ” 


 


 


ฮุ่ยฮุ่ยสั่นหัว แววตาเธอยังคงหวาดกลัวถังเฉียนอยู่ นางรู้ว่าถังเวยกังวลว่าถ้านางเป็นคนร้าย เป็นคนที่ฆ่าครอบครัวนาง แล้วจะทำอย่างไร 


 


 


“ท่านพี่ ท่านพี่เป็นพี่สาวข้า แต่ข้ากลับไม่รู้อะไรเลย ไม่แน่ใจ ไม่มีทางรู้และไม่อาจแน่ใจ แต่ข้ายังกลัวท่านพี่ ข้า…” 


 


 


ฮุ่ยฮุ่ยพูดพลางร้องไห้ ถังเฉียนช่วยเช็ดน้ำตาบนใบหน้าน้องสาว แต่น้ำตาไม่อาจหยุดไหลราวกับน้ำจากเขื่อนที่แตก 


 


 


“วางใจเถอะ พี่จะคิดหาวิธี เจ้ากลับไปก่อนเถอะ” 


 


 


ถังเฉียนอยากเกลี้ยกล่อมให้ถังเวยกลับไป แต่ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้หัวรั้นตั้งแต่เกิดหรือไม่ ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่ยอมจากไป จะคุกเข่าอยู่ที่นี่ ถังเฉียนเห็นน้องสาวเป็นเช่นนี้ จึงไปเคาะประตูห้องเถิงอวิ๋น 


 


 


เถิงอวิ๋นเดินออกมา มองสำรวจสภาพตรงหน้า ยิ้มแล้วพูดว่า 


 


 


“เดิมทีได้ยินพวกคนรับใช้บอกว่าน้องสะใภ้เอาใจใส่คนระดับล่างเป็นพิเศษ ทีแรกก็ยังไม่เชื่อ คิดไม่ถึงว่าเจ้ามีใจเหมือนแม่พระจริงๆ” 


 


 


ถังเฉียนเดินไปข้างหน้าสองก้าว แล้วว่า 


 


 


“ฮุ่ยฮุ่ยมีเรื่องขอร้อง ต้องทำอย่างไรท่านจึงจะตกลง” 


 


 


เถิงอวิ๋นมองฮุ่ยฮุ่ยแวบหนึ่ง มีรอยยิ้มอย่างเย็นชาผุดขึ้นที่มุมปาก แล้วพูดว่า 


 


 


“ก็แค่สาวใช้คนหนึ่ง แม้จะบอกว่าเราเผ่าพีส่าไม่เคยปฏิบัติต่อคนระดับล่างอย่างเลวร้ายก็ตาม แต่ไม่ได้ถึงขั้นที่ทำตามคำขอร้องของพวกเขา ไม่เช่นนั้นนายกับบ่าวสลับกัน จะเป็นภัยร้ายแรง เจ้านายควรปกป้องคนรับใช้ แต่ไม่ควรเอาใจเกินไป” 


 


 


ถังเฉียนเข้าใจความหมายของเถิงอวิ๋น เขาต้องการบอกว่านางทำเพื่อคนระดับล่างมากเกินไปแล้ว ถังเฉียนมองดูฮุ่ยฮุ่ยแล้วหันมา แววตานางดูลึกล้ำ 


 


 


“ข้ามาที่เขาศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีใครที่จะไว้ใจได้ นี่เป็นข้อแรก แต่ไม่ใช่ข้อสุดท้าย การที่ข้าเอาใจใส่คนของตัวเองบ้างย่อมเป็นเรื่องดี วันหน้าจะได้ซื่อสัตย์ต่อข้า พี่ใหญ่ ท่านบอกมาว่าข้าต้องทำเช่นไร ท่านจึงจะรับปากตามที่นางขอร้อง” 


 


 


เมื่อถังเฉียนพูดจบ เถิงอวิ๋นก็สั่นหัว 


 


 


“เมื่อครู่อาห่าวพูดถึงจุดมุ่งหมายของพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้าสองคนเข้ามาเถอะ อย่าทำให้อาเฟิงขายหน้า” 


 


 


ถังเฉียนเม้มปากแน่นแล้วเดินตามเถิงอวิ๋นเข้ามาในห้อง เถิงเฟิงอยู่ในห้อง เมื่อเขาเห็นถังเฉียนก็ส่ายหน้าเล็กน้อย ความหมายก็คือเขาเกลี้ยกล่อมพี่ชายไม่สำเร็จ 


 


 


ถังเฉียนคาดเดาถึงผลลัพธ์เช่นนี้ก่อนแล้ว เพียงแต่หากนางไม่ลองพยายามดู ก็คงรู้สึกคาใจ เถิงอวิ๋นชิงพูดขึ้นก่อนที่นางจะเอ่ยปาก 


 


 


“ข้ารู้ว่าเจ้ามาที่นี่เพื่อยอมเป็นเครื่องทดลอง จุดมุ่งหมายก็คือให้ข้าช่วยหาและชิงวิญญาณเด็กคนนี้คืนจากนิกายเทพมังกร ข้าขอบอกให้รู้ไว้ เจ้าเลิกล้มความคิดนี้เสีย ข้าไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ต่อให้รู้ก็ไม่บอกเจ้าหรอก” 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 215 ใช้วิธียั่วแม่ทัพ 


 


 


 


 


 


คำพูดเถิงอวิ๋นทำให้ถังเฉียนพูดไม่ออก ได้แต่กำหมัดแน่นพลางมองดูเถิงเฟิง เขาทำได้เพียงแต่ส่ายหน้าตลอดเวลา 


 


 


“ที่แท้พี่ใหญ่ไม่รู้วิธี เช่นนั้นข้าก็ไม่ควรฝืนขอร้อง เถิงเฟิงบอกกับอาหรูน่าเสมอว่าไม่มีอะไรที่พี่ใหญ่ของเขาไม่รู้หรือทำไม่ได้ ที่จริงก็แค่นี้เอง วันนี้ถือว่ารบกวนพี่ใหญ่แล้ว” 


 


 


มีรอยยิ้มอย่างรู้ทันผุดขึ้นที่มุมปากถังเฉียน นางหันมาดึงตัวฮุ่ยฮุ่ยพลางพูดว่า 


 


 


“เขาไม่รู้ว่าจะช่วยเจ้าอย่างไร เช่นนั้นก็ช่างเถอะ” 


 


 


แววตาฮุยฮุ่ยฉายแววทุกข์ทรมานออกมา แต่เมื่อฝ่ายนั้นเป็นเช่นนี้ จึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องอยู่ต่อแล้ว 


 


 


“วิธียั่วแม่ทัพ อย่าคิดว่าทำเช่นนี้กับข้าแล้วจะได้ผล” 


 


 


ถังเฉียนเดินออกไปไม่ถึงสองก้าว เถิงอวิ๋นก็เอ่ยขึ้น นางหันหลังให้พวกเขา แล้วอดยิ้มไม่ได้ ก่อนเข้าไปในห้อง เถิงเฟิงเคยบอกความลับเรื่องหนึ่งให้ถังเฉียนรู้ นั่นคือพี่ใหญ่เขาเป็นผู้ชายที่หยิ่งผยองมาก 


 


 


นางเข้าใจความหมายของคำพูดนี้ จึงทำให้นางคิดหาวิธีที่จะปลุกขวัญการต่อสู้ของเขา 


 


 


“อ้อ? อาหรูน่าพลั้งปากไป ไม่ใช่พี่ใหญ่ไม่เก่ง เพียงแต่แก้ปัญหานี้ไม่ได้เท่านั้นเอง” 


 


 


จากนั้นถังเฉียนก็ดึงมือถังเวยแล้วปลอบใจว่า 


 


 


“ฮุ่ยฮุ่ย ที่ข้าเคยพูดกับเจ้า เจ้าก็อย่าเสียใจเกินไปนักเลย เจ้าเป็นสาวใช้ เรื่องของเจ้านั้นง่ายมาก ต่อให้คุณชายเถิงอวิ๋นไม่รู้จะช่วยเจ้าเช่นไร ยังมีคนมากมายที่รู้ จะอย่างไรในเผ่าก็มีผู้อาวุโสมากมาย พวกท่านคงมีวิธีหรอก เจ้าอย่าอยู่ขัดหูขัดตาที่นี่เลย จะทำให้พี่เถิงอวิ๋นเสื่อมเสียชื่อเสียง” 


 


 


“ท่านพี่ ท่านพี่หมายความว่าอย่างไร” 


 


 


ถังเฉียนเห็นท่าทางถังเวยไม่เข้าใจ ก็ยิ้มทันทีแล้วบอกว่า 


 


 


“เด็กโง่ ต้องให้ข้าพูดออกมาหรือ เจ้าช่างโง่จริง ต่อให้เจ้าคุกเข่าอยู่ที่นี่ พี่เถิงอวิ๋นก็คิดไม่ออก ถ้าเจ้าทำให้เขาลำบากใจ ระวังจะเขาจะฆ่าเจ้า” 


 


 


ถังเวยร้องด้วยความตกใจ แล้วรีบดึงถังเฉียนไป ครั้งก่อนถูกหงหลิงเอ๋อร์จุดไฟเผา ไฟลามถูกแขน ยังเจ็บอยู่เลย ทำให้นางไม่ยอมให้คนแปลกหน้าเข้าใกล้ตัว  


 


 


ใบหน้าขาวซีดของเถิงอวิ๋นถูกถังเฉียนพูดยั่วจนแดงก่ำ แต่ยังคงกำหมัดแน่นไม่เอ่ยปากพูด เถิงเฟิงเห็นว่าน่าจะได้โอกาสแล้ว จึงตบไหล่เถิงอวิ๋นพลางพูดว่า 


 


 


“พี่ใหญ่ไม่เป็นไรหรอก ข้ารู้ดี ข้าจะพาอาหรูน่ากลับก่อน นางไม่ประสีประสา กลับไปแล้วข้าจะอบรมนางเอง” 


 


 


มุมปากเถิงอวิ๋นกระตุก ทั้งๆ ที่รู้ว่านี่เป็นการจงใจท้าทาย แต่เขาก็ยังอดใจไม่อยู่ หลุดปากพูดออกมาว่า 


 


 


“ไม่ต้อง!” 


 


 


จากนั้นก็มองถังเฉียนแล้วพูดว่า 


 


 


“พานางกลับมา ข้าอยากดูนางดีๆ โรคอะไรที่ข้าดูไม่ออก” 


 


 


ถังเฉียนดึงมือถังเวย เกือบจะหัวเราะออกมาเพราะอดใจไม่อยู่ นางพยายามอดกลั้น ในที่สุดก็กลั้นหัวเราะได้สำเร็จ แล้วหันกลับมา ท่าทางจริงจัง สีหน้าเหมือนจะบอกว่าข้าไม่เชื่อเจ้าหรอก 


 


 


“พี่เถิงอวิ๋น จะลองตรวจนางเท่านั้นหรือ” 


 


 


ถังเฉียนตั้งใจยั่วเขา และแล้วใบหน้าที่หล่อเหลาของเถิงอวิ๋นก็กระตุกเล็กน้อย แสดงว่าเขาโมโหไม่น้อยเลย แล้วพูดออกมาอย่างยากเย็นว่า 


 


 


“อาหรูน่า อย่าได้ทีขี่แพะไล่ วิธียั่วแม่ทัพต้องมีขีดจำกัด” 


 


 


ถังเฉียนรีบดึงถังเวยมาอยู่ตรงหน้าเถิงอวิ๋น แล้วทำเป็นปากแข็ง แสร้งพูดว่า 


 


 


“ไม่เป็นไร ถึงจะรักษาเด็กคนนี้ไม่ได้ก็ไม่มีอะไรเสียหาย พี่เถิงอวิ๋นไม่ต้องวิตกหรอก” 


 


 


เถิงอวิ๋นถูกถังเฉวียนยั่วจนโมโหแทบคลั่ง แล้วไล่สองคนนั้นออกไปจากห้อง เมื่อนางเดินออกจากประตูห้องก็หันมายิ้มให้เถิงเฟิง เขาดึงนางไปข้างๆ แอบหัวเราะแล้วว่า 


 


 


“คำพูดเจ้าร้ายกาจนัก พี่ใหญ่ถูกเจ้ายั่วโมโหจนควันออกหู ไม่เสียทีที่เป็นสหายร่วมกินไก่ เป็นเพื่อนที่รู้ใจขนานแท้” 


ตอนที่ 216 สงสัย 


 


 


 


 


 


“ดีนี่ พวกเจ้าหลอกคุณชายใหญ่” 


 


 


เถิงเฟิงกับถังเฉียนยังไม่ทันดีใจ ก็มีเสียงที่แกล้งทำเป็นโมโหของหญิงสาวดังมาจากด้านหลัง ปรากฏว่าเป็นเหวินเยียนสาวใช้คนสนิทของเถิงอวิ๋น เถิงเฟิงเห็นท่าทางโมโหของนางก็รีบใช้มืออุดปากนางไว้ แล้วดึงตัวนางออกไปห่างจากที่นั่น 


 


 


“นี่เหวินเยียน อย่างนี้ไม่เรียกว่าหลอกใช้ พี่ชายข้านิสัยเหมือนท่อนไม้ หากไม่ใช้อุบายบ้าง ก็จะทำแต่เรื่องที่ไม่มีความหมายจริงหรือไม่”  


 


 


เหวินเยียนไม่ใช่คนโง่ นางผลักเถิงเฟิงออกไป แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า 


 


 


“คุณชายรอง แม้ว่าเหวินเยียนจะเป็นคนระดับล่าง แต่ก็ไม่ใช่คนโง่ พวกท่านหลอกคุณชายใหญ่ได้ก็หลอกไปเถอะ อย่างไรพวกท่านก็เป็นพี่น้องกัน ว่าไปแล้วก็ทำเพื่อฮูหยินของท่าน วางใจเถอะ ข้าไม่บอกคุณชายใหญ่หรอก เพียงแต่…” 


 


 


ดวงตาเหวินเยียนฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมา แล้วพูดว่า 


 


 


“ข้าจะได้อะไรตอบแทนเล่า” 


 


 


ถังเฉียนคิดไม่ถึงว่าบรรดาสาวใช้บนเขาศักดิ์สิทธิ์จะกล้าเรียกร้องผลประโยชน์อย่างเปิดเผยเช่นนี้ เถิงเฟิงมองเหวินเยียนและถังเฉียน แล้วลังเลเล็กน้อย จากนั้นจึงพูดเบาๆ กับถังเฉียนว่า 


 


 


“อย่างนี้ดีหรือไม่ เจ้าไปรอข้าข้างๆ ก่อน” 


 


 


ถังเฉียนพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ แล้วผละออกไป แต่นางเดินวนแล้วซ่อนอยู่ในที่ลับ นางเองก็ไม่ใช่วิญญูชนอะไร โดยเฉพาะเมื่อเกิดอยากรู้อยากเห็น ที่จริงก็ไม่ต่างกับเถิงอวิ๋นนัก 


 


 


“คุณชายรอง ท่านช่างขี้ลืมจริงๆ ท่านรับปากกับข้าแล้วว่าจะมีของมาฝากข้าจริงหรือไม่” 


 


 


เถิงเฟิงเห็นชายเสื้อที่ซ่อนอยู่หลังภูเขาเทียม ก็รู้ว่าถังเฉียนไม่ได้ผละไป ในใจเขาไม่รู้ว่ารู้สึกอย่างไร ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดี เขากวักมือแล้วพูดเสียงเบาว่า 


 


 


“ข้าเก็บของของเจ้าไว้ในห้อง ข้าคงเอาติดตัวตลอดเวลาไม่ได้ แต่วางใจเถอะ ข้านึกถึงเจ้าอยู่” 


 


 


ถังเฉียนได้ยินที่เขาจงใจแกล้งพูด นางกำหมัดแน่น แอบนึกในใจว่าเมื่อกลับไปนางจะเล่นงานเถิงเฟิงแน่ ผ่านไปครู่หนึ่งเหวินเยียนก็จากไป ไม่รู้ว่าเถิงเฟิงจู่ๆ มาปรากฏตรงหน้านางได้อย่างไร เขาใช้มือพิงภูเขาเทียม มองดูถังเฉียนด้วยสายตาลึกล้ำและอ่อนโยน 


 


 


“แม่จอมยุ่ง ได้ยินหมดแล้วใช่หรือไม่” 


 


 


เถิงเฟิงใช้นิ้วปัดจมูกนาง เห็นนางยังกำหมัดแน่น จึงยื่นมือออกไปช่วยคลายมือนางออก 


 


 


“ได้ยิน ทุกคำพูดเลย ที่คุณชายรองมักเอ่ยว่าทิวทัศน์บนเขาศักดิ์สิทธิ์สวยมาก แม่นางคนนี้สวยเป็นพิเศษหรือเปล่า” 


 


 


คำพูดถังเฉียนช่างแดกดันนัก เถิงเฟิงฟังแล้วรู้สึกจั๊กจี้หัวใจ เห็นริมฝีปากน้อยๆ ที่เชิดขึ้นของนางก็อยากขยับเข้าไปใกล้แล้วจุมพิต 


 


 


“เจ้า…” 


 


 


ถังเฉียนใช้มือดันเถิงเฟิงออกไป รู้สึกอายจนหน้าแดง กลางวันแสกๆ เขายังกล้าทำเช่นนี้ น่าไม่อาย 


 


 


“แค่กแค่ก…” 


 


 


มีเสียงไอดังขึ้นที่ด้านหลังของเถิงเฟิง เขาจำเป็นต้องหยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่ แล้วยืนมือไปตบศีรษะนางเบาๆ ถังเฉียนเอียงหน้าไปเห็นฉู่จิ่งเหยา สีหน้าเขาดูกระอักกระอ่วนยิ่งกว่าเขากับนาง 


 


 


“ขอโทษที่มารบกวนพวกเจ้า แต่มีเรื่องด่วนจริงๆ ข้าเจอของสิ่งนี้ในลานบ้าน ไม่รู้ว่าเป็นของผู้ใด” 


 


 


ถังเฉียนไม่รู้สึกคุ้นตาจึงสั่นศีรษะ แต่เถิงเฟิงเดินมาข้างหน้าสองก้าวแล้วหยิบจี้หยกสีแดงอันนั้นขึ้นมา 


 


 


“ท่านอ๋องเก็บได้ที่ใด” 


 


 


ฉู่จิ่งเหยากระซิบข้างหูเถิงเฟิง เถิงเฟิงหันมาทางถังเฉียน บอกให้นางกลับไปก่อน เขากับฉู่จิ่งเหยาผละไปอย่างรวดเร็ว 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 217 ศาสตร์ลับ 


 


 


 


 


 


ถังเฉียนรู้สึกว่าการกระทำของสองคนนั้นดูแปลกๆ แต่ครั้งนี้นางไม่ได้ตามไป เพราะประตูด้านหลังเปิดออกแล้ว ถังเวยเดินออกมา ท่าทางสับสน เมื่อเพิ่งเดินออกมาจากห้อง ก็ทรุดตัวลงบนพื้น 


 


 


“ฮุ่ยฮุ่ย เป็นอะไรไป” 


 


 


ถังเฉียนรีบประคองน้องสาว แต่ถังเวยต่อต้านสุดแรงราวกับเห็นผี เถิงอวิ๋นเดินตามออกมา เหลือบมองถังเฉียนแว่บหนึ่งแล้วพูดว่า 


 


 


“ถ้าอยากค้นหาต้นตอที่ทำให้เด็กคนนี้ป่วย วิธีที่ตรงที่สุดคือย้อนกลับไปตอนที่นางป่วย นี่เป็นศาสตร์ลับของเผ่าพีส่าเรา เจ้าเพียงแต่ต้องรู้ว่านางเพิ่งย้อนกลับไปรอบหนึ่ง สำหรับนางแล้วเป็นความทรงจำที่ทุกข์ทรมานที่สุด” 


 


 


“พี่เถิงอวิ๋น เจอวิธีที่จะรักษาฮุ่ยฮุ่ยหรือยัง” 


 


 


เถิงอวิ๋นสั่นหัว แล้วพูดทันทีว่า 


 


 


“บาดแผลในใจนางรุนแรงมาก ข้าจำเป็นต้องตามย้อนกลับไปกับนาง ไปหาสถานที่ที่วิญญาณนางสูญหายไป แต่ใจนางต่อต้านรุนแรงเกินไป อาจจะต้องทำอย่างน้อยเจ็ดครั้งจึงจะสามารถหาที่นั่นพบ ถึงเวลานั้นจึงจะรู้ว่าจะตามกลับมาอย่างไร” 


 


 


ถังเฉียนได้ยินเช่นนั้นจึงรู้ว่าถังเวยยังต้องผ่านความทุกข์ทรมานเช่นนั้นอย่างน้อยหกครั้ง จึงรู้สึกยากจะทำใจได้ เถิงเฟิงเคยบอกว่าตอนที่ถังเวยสูญเสียความทรงจำนั้น ไม่ได้มีอาการไม่สบายอย่างอื่น หรือบางที… 


 


 


“นางเคยพลัดตกหน้าผา หากย้อนกลับไปตอนนั้นจะพบเบาะแสอะไรหรือไม่ ข้าอยากตามหาพร้อมกับท่าน หากทำอย่างนี้จะเพิ่มโอกาส…” 


 


 


พลัดตกหน้าผา? 


 


 


“ระหว่างที่นางตกหน้าผากับที่พ่อแม่ถูกฆ่าเกินครึ่งปีหรือไม่” 


 


 


ถังเฉียนบอกทันที 


 


 


“ไม่ถึง ไม่ถึงสามเดือน เวลาที่แน่นอนต้องถามฮุ่ยฮุ่ย” 


 


 


ถังเฉียนจึงถามถังเวย ห่างจากที่นางพลัดตกหน้าผาสามเดือนพอดี นางยังจำได้ว่าตนเองได้รับบาดเจ็บ รักษาตัวครึ่งเดือนจึงหาย นางจำเรื่องเหล่านี้ได้ แต่กลับจำเรื่องราวก่อนหน้านี้ไม่ได้เลย 


 


 


เถิงอวิ๋นมองถังเวยแล้วถามว่า 


 


 


“ยังสามารถลองอีกครั้งได้หรือไม่” 


 


 


ถังเวยดึงชายแขนเสื้อถังเฉียนด้วยความรู้สึกกลัว เม้มปากแน่น มีอาการปฏิเสธ แต่นางรู้ดีว่าบางทีนี่อาจเป็นโอกาสเดียวที่จะรักษานางได้ หากทำให้เถิงอวิ๋นไม่พอใจ นางอาจไม่มีวิธีฟื้นความจำได้เลย 


 


 


บางทีอาจเป็นเพราะนิสัยแข็งกร้าวในตัวถังเวยแสดงบทบาท นางเกาะแขนถังเฉียนลุกขึ้นมา 


 


 


“ได้!”  


 


 


ในห้องมืดสลัวมาก ด้ายแดงรอบๆ มีกระพรวนแขวนไว้ ถังเฉียนแปลกใจตลอดมา เหตุใดเถิงอวิ๋นจึงห้อยกระพรวนแดงไว้บนศีรษะเพียงอันเดียว ส่วนเถิงเฟิงกลับห้อยไว้สามอัน เถิงเจินเองก็ห้อยไว้สามอัน น่าจะมีความหมายพิเศษเพียงแต่เวลานี้ไม่สะดวกที่จะเอ่ยถาม แต่เมื่อดูห้องลับที่มืดมิดนี้ ก็พบว่ามีการตกแต่งอย่างประหลาด 


 


 


“ไว้ใจข้า รออยู่ในนี้” 


 


 


ถังเวยเดินตามเข้าไป ถังเฉียนยืนอยู่ห่างออกมา มองดูสถาพข้างหน้าแล้วรู้สึกสงสัย สำหรับนางแล้วพูดได้ว่านางล้วนล่วงรู้ความลึกลับต่างๆ ของเผ่าพีส่าภายหลัง ตอนที่นางพบเถิงเฟิง จู่ๆ อาการป่วยเขาก็กำเริบขึ้น เป็นการตัดความอยากรู้อยากเห็นของนางต่อเขา เมื่อพบกันอีกครั้งความปรารถนาที่จะศึกษาของนางก็เหนือกว่าทุกสิ่ง ดังนั้นความเข้าใจต่อเผ่าพีส่า จึงเป็นเรื่องที่เขาโอ้อวดและไม่มีสิ่งใดที่ทำไม่ได้ 


 


 


“นี่คือศาสตร์ลับของท่านหรือ” 


 


 


เถิงอวิ๋นชี้ให้นางไปยืนที่มุมหนึ่ง แล้ววางมือสองข้างลงบนไหล่ถังเวย พูดปลอบว่า 


 


 


“ไม่ต้องกลัว ทุกอย่างล้วนผ่านไปแล้ว เวลานี้เจ้าแค่ค้นหารายละเอียดในนั้น ส่วนที่เจ้ารู้สึกว่าทุกข์ทรมานที่สุด เป็นส่วนที่รู้สึกว่าจะหลุดออกจากร่าง” 


ตอนที่ 218 แรงกระแทกของวิญญาณ 


 


 


 


 


 


ถังเวยพยักหน้า เขาพูดคำพูดเหล่านี้กับเธอรอบหนึ่งแล้ว ส่วนตัวนางต้องเรียนรู้ที่จะไว้ใจเถิงอวิ๋น เขาเงยหน้าขึ้นมองถังเฉียน แล้วกำชับนางว่า 


 


 


“เจ้าจงเตรียมตัวรับแรงกระแทกของวิญญาณ” 


 


 


แรงกระแทกของวิญญาณ? 


 


 


นี่เป็นคำศัพท์ใหม่อีกแล้ว มือถังเฉียนกดลงตรงตำแหน่งที่เถิงอวิ๋นบอกนาง นิ้วมือรู้สึกเจ็บเล็กน้อยเหมือนถูกแทง เมื่อก้มหน้าลงก็เห็นเลือดหยดหนึ่งหยดลงในน้ำสีแดง นางยิ่งจ้องมองก็ยิ่งรู้สึกว่าน้ำกลายเป็นน้ำวน ดิ่งลึกลงไปทุกที 


 


 


“เวยเอ๋อร์”  


 


 


ถังเฉียนรู้สึกเหมือนในสมองเกิดเสียงระเบิดขึ้น ร่างโงนเงน ล้มลงบนพื้นสีเขียว แล้วทรุดนั่งลงบนพื้น นางเห็นถังเวยกำลังวิ่งไม่หยุด ดูเหมือนมีคนกำลังไล่ตามนาง แต่มองไม่เห็นคนที่อยู่ข้างหลังนาง แล้วนางก็กระโจนลงไปจากหน้าผา 


 


 


“ยังไม่ตามไปอีก” 


 


 


ขณะที่ถังเฉียนกำลังตกใจแทบแย่ จู่ๆ ก็มีชายคนหนึ่งโผล่ขึ้นที่ข้างตัว ใช้มือข้างหนึ่งดึงตัวนางขึ้น จากนั้นก็ไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว แล้วกระโดดลงไปตรงจุดที่ถังเวยกระโดด 


 


 


ความรู้สึกว่ากระโดดลงไปนี้เสมือนจริงมาก ขณะนี้ถังเฉียนรู้สึกเวียนหัว เถิงอวิ๋นดึงตัวนางราวกับพาสัมภาระไปด้วย 


 


 


“เวียนหัวเหลือเกิน ปวดหัวเหลือเกิน!”  


 


 


ที่เถิงอวิ๋นพูดอย่างไม่ใส่ใจว่าครั้งแรกย่อมเป็นเรื่องปกติ แม้จะพูดเช่นนี้ แต่เธอยังรู้สึกไม่สบายตัวมาก แต่คำพูดประโยคต่อมาทำให้นางมีกำลังใจขึ้น 


 


 


“รีบลุกขึ้น เราต้องตามให้ทัน เวลานี้เจ้ากำลังผ่านประสบการณ์ทั้งหมดของฮุ่ยฮุ่ย ถ้าอยากให้นางเจ็บปวดน้อยลง ก็ต้องดูโลกของนางให้ละเอียด” 


 


 


ถังเฉียนตะเกียกตะกายลุกขึ้น ไล่ตามร่างถังเวยที่ลอยไป เห็นนางกอดท่อนไม้ลอยไปถึงแม่น้ำสายหนึ่งนอกหมู่บ้านเล็กๆ แล้วมีคนจับปลาใจดีช่วยนางขึ้นจากน้ำ 


 


 


“ที่แท้นางถูกรับเลี้ยงไว้ นางคงเป็นน้องสาวเจ้าสิ นางชื่ออะไร” 


 


 


ทันใดนั้นเถิงอวิ๋นก็เอ่ยถาม ถังเฉียนไม่รู้ว่าควรตอบดีหรือไม่ แต่เปลี่ยนไปเป็นฉากอื่นอย่างฉับไว เป็นตอนที่ถังเวยถูกถามชื่อ 


 


 


“เร็วหน่อย ไม่เช่นนั้นอาจจะพลาดอะไรบางอย่างได้” 


 


 


ถังเฉียนบอกทันที 


 


 


“เวยเอ๋อร์! ถังเวย!” 


 


 


เถิงอวิ๋นยิ้ม แล้วพูดว่า 


 


 


“ที่แท้เจ้าก็ไม่ใช่ลูกสาวฮว่าเหยียน ข้านึกแล้วว่ารุ่นนี้ของสกุลฮว่าไม่มีสาวน้อยอายุเท่านี้ หลายวันก่อนส่งป้ายหยกมา ข้ายังนึกว่าจำผิดไป สกุลถัง? สามเผ่าบนไม่มีแซ่นี้ เจ้าคงเป็นคนของห้าเผ่าล่างสินะ” 


 


 


ถังเฉียนไม่พูดอะไร เรื่องนี้เป็นความลับของนาง ไม่เกี่ยวกับอาการป่วยของถังเวย นางรู้ว่าเมื่อครู่เถิงอวิ๋นจงใจใช้ความกังวลของนางที่มีต่อถังเวย เขาฉลาดมาก ดูออกแต่แรกแล้วว่าพวกนางสองคนมีความเกี่ยวข้องกัน 


 


 


“สายตาท่านไม่ผิด ความคิดเชื่อมโยงก็ไม่เลว ถึงข้าจะไม่พูดท่านก็ดูออกได้ ถ้าเช่นนั้นท่านเดาเองเถอะ” 


 


 


ถังเฉียนไล่ตามไป อยู่ในโลกนี้ไม่มีใครมองเห็นพวกเขาได้ ต่อให้เป็นถังเวยก็ทำได้เพียงเดินไปข้างหน้าตามที่นางเคยเดินทีละก้าว ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้และจะไม่คิดถึงเรื่องอื่น 


 


 


“ร้องเรียกชื่อนาง ถ้านางสามารถตื่นขึ้นตอนนี้ เรื่องภายหลังก็จะง่ายขึ้น ให้นางนึกชื่อตัวเองออก บางทีก็อาจจะดีขึ้น เจ้าต้องสังเกตสถานที่ที่นางเปลี่ยนไป” 


 


 


ถังเฉียนพยักหน้า แสดงว่านางรู้แล้ว ถังเวยนั่งกอดขาตัวเอง ร้องไห้จนตาบวมแดง นางตะโกนไม่หยุด 


 


 


“ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย อย่านะ หมอผีจะฆ่าข้า หมอผีจะฆ่าข้า…” 


 


 


ถังเฉียนได้ยินก็รู้สึกเศร้าใจ บางทีคนที่ฮว่าเหยียนส่งไปอาจทำให้นางตกใจกลัว 


 


 


“ครั้งก่อนก็เป็นเช่นนี้ ดูเหมือนหมอผีตามฆ่านาง แต่ความทรงจำส่วนนี้ ได้มาถึงตรงนี้ แต่ความจำข้างหน้า ล้วนแต่ไม่เห็น” 


 


 


การตกลงไปเมื่อครู่เป็นจุดเริ่มต้นความทรงจำของถังเวย ความจำก่อนหน้านี้ทั้งหมดหายไปแล้ว 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 219 วิญญาณถังเวย 


 


 


 


 


 


“แม่หนู เจ้าชื่ออะไร บ้านอยู่ที่ไหน เราจะได้ส่งเจ้ากลับบ้านได้ถูก” 


 


 


ป้าคนนั้นถามด้วยความสงสาร ยังเตรียมอาหารให้นางด้วย ถังเฉียนเห็นเช่นนี้ก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่ แต่นางไม่อยากให้เถิงอวิ๋นเห็นนางทุกข์ใจ 


 


 


ภาพฉากต่างๆ ผ่านไปเร็วมาก ล้วนเป็นการใช้ชีวิตของนางในครอบครัวนี้ สองผัวเมียดูแลนางเหมือนลูกสาวแท้ๆ แม้จะไม่ใช่ชีวิตที่เลิศหรู แต่ก็พยายามทำให้นางเท่าที่ทำได้ 


 


 


เถิงอวิ๋นพูดข้างตัวนาง 


 


 


“ถังเวยหน้าตาคล้ายเจ้ามาก คนที่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเจ้าล้วนต้องสงสัยความเกี่ยวข้องของพวกเจ้า โดยเฉพาะที่หว่างคิ้วที่มักจะอมทุกข์” 


 


 


ถังเฉียนไม่พูดอะไร เพียงแต่ติดตามภาพเหล่านั้นต่อไป ในนั้นมีคนของเถิงเฟิงมาถึงที่นี่ เห็นภาพเช่นเดียวกับที่ถังเฉียนเห็น นางใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ท่าทางเหมือนไม่อยากรบกวนนาง แล้วคนของเถิงเฟิงได้มอบเงินจำนวนหนึ่งให้ครอบครัวนี้เพื่อให้พวกเขามีชีวิตที่สุขสบายขึ้น  


 


 


แต่เพราะเงินก้อนนี้ที่ก่อปัญหา ทำให้มีคนหวังจะชิงเงิน อันธพาลใหญ่ของหมู่บ้านนั้นจึงคอยที่จะจ้องเล่นงานพวกเขา ถังเฉียนเห็นแล้วก็นึกแค้นใจ ความอึดอัดในทรวงอกทำให้นางที่อยู่ในโลกแห่งจิตใจนั้นยิ่งหายใจไม่ออก 


 


 


“ผ่อนคลายหน่อย เรื่องก็ผ่านไปแล้ว เจ้ารู้สึกเครียดเช่นนี้จะยิ่งจะทำให้ถังเวยไม่สบาย” 


 


 


เถิงอวิ๋นพูดเตือนด้วยความหวังดี ถังเฉียนพยายามไม่มองภาพที่ทำให้นางรู้สึกเศร้า ลุงป้าคู่นี้ดีต่อถังเวยด้วยใจจริง กลัวว่านางจะถูกอันธพาลใหญ่รังแกจึงซ่อนนางไว้ในห้องใต้ดิน เตรียมว่าอีกสองสามวันจะพานางไปจากที่นี่ ไปอาศัยอยู่กับญาติ 


 


 


ถังเฉียนกับเถิงอวิ๋นตามถังเวยมาอยู่ในห้องใต้ดิน แต่คิดไม่ถึงว่าขณะที่มืดค่ำผู้คนหลับใหล นิกายเทพมังกรมาที่หมู่บ้านแห่งนี้เพื่อตามหาของบางอย่าง และสังหารทุกคนที่เจอ ลุงป้าคู่นี้ก็ไม่รอดชีวิต   ถังเวยเห็นด้วยตาตนเอง เมื่อฟื้นขึ้นก็ป้ำๆ เป๋อๆ พูดติดอ่าง 


 


 


“ชั่วเวลาเมื่อครู่ ข้าขยายใหญ่หลายครั้งแล้ว แต่ฉากห้องใต้ดินที่นางถูกซ่อนไว้นั้นมีจำกัด แน่ใจได้ว่าวิญญาณนางอาจถูกคร่าไปในตอนนี้ เวลานี้ดูแล้วเราคงจะต้องใช้วิญญาณอีกดวงทำให้บริสุทธิ์เสียก่อน ตัดวิญญาณอื่นออกไปแล้วเสริมลงไปในร่างนาง ทำเช่นนี้แล้วนางก็จะสามารถกลับเป็นปกติได้” 


 


 


ถังเฉียนฟังแล้วก็รู้สึกแปลกมาก จะทำให้วิญญาณบริสุทธิ์ได้อย่างไร 


 


 


“เมื่อคนคนหนึ่งเกิด วิญญาณจะบริสุทธิ์มาก แล้วถูกโลกนี้ทำให้แปดเปื้อน ขอเพียงเราทำให้วิญญาณคืนสู่สภาพเดิม ทุกอย่างก็จะง่าย” 


 


 


ถังเฉียนคิดทบทวนก็ยังไม่ค่อยเข้าใจนัก 


 


 


“ข้าต้องการพาเจ้ากลับไปในเสี้ยวเวลานั้นที่นี่ นับครั้งไม่ถ้วน จนรู้เวลาที่แม่นยำที่สุด จากนั้นใช้อีกวิญญาณหนึ่งเติมลงไป นางก็จะค่อยๆ เติบโตขึ้น ค่อยๆ กลับคืนเป็นปกติ” 


 


 


หลังจากที่เถิงอวิ๋นอธิบาย ถังเฉียนรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน 


 


 


“วิญญาณคนคนหนึ่งจะปล่อยให้เจ้าจัดวางตามใจชอบเช่นนี้หรือ” 


 


 


เถิงอวิ๋นสั่นศีรษะแล้วว่า 


 


 


“ใช่ว่าจะข่มเหงพวกเขาได้ง่ายๆ เพียงแต่เราต้องหาวิญญาณที่ค่อนข้างอ่อนแอ ทั้งต้องมีอายุใกล้เคียงกับน้องสาวเจ้า ชีวิตและประสบการณ์คล้ายกัน วิญญาณแบบนี้จึงจะประกันว่าจะเข้ากันได้ดี” 


 


 


ถังเฉียนยังไม่วางใจ จึงถามอีกว่าจะสามารถหาวิญญาณเดิมของถังเวยคืนมาได้หรือไม่ เถิงอวิ๋นสั่นศีรษะ เห็นได้ชัดเจนว่าที่พวกนั้นทำเป็นการใช้เครื่องมือวิเศษเพื่อชิงวิญญาณไป เกรงว่าเวลานี้วิญญาณนางคงถูกบดจนละเอียดในเครื่องมือวิเศษนั่น หรือถูกหลอมรวมกับวิญญาณอื่นไปแล้ว 


 


 


“หรือนี่คือเหตุผลที่เจ้าไม่ยอมช่วย” 


 


 


เนื่องจากไม่สามารถทำได้ เขาจึงต้องหาข้ออ้าง 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม