ระบบร้านค้าออนไลน์ 210-216
TB:บทที่ 210 ข่มขู่
อย่างที่ลั่วฮุ่ยคิด เฉินหลงถูกเธอข่มขู่เข้าจริงๆ
เมื่อกี้นี้สาวผมบลอนด์ได้กระซิบข้างหูเฉินหลงว่า “ตอนนี้ มีสไนเปอร์สองคนกำเล็งไปที่ลั่วฮุ่ยกับหมินซีอยู่ ถ้านายยอมไปกับฉัน พวกเขาก็จะรอด แต่ถ้านายไม่ตามฉันมา พวกเขาก็จะตายจ๊ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของสาวผมบลอนด์แล้ว เฉินหลงก็พบว่าเธอไม่ได้พูดโกหก มีสไนเปอร์สองคนกำลังหันปืนไปทางลั่วฮุ่ยกับหมินซีอยู่จริงๆ
ไม่มีทางเลือก เพื่อความปลอดภัยของลั่วฮุ่ย เฉินหลงทำได้แค่ยอมเดินตามหญิงสาวคนนั้นไปเท่านั้น
แน่นอนว่าเฉินหลงเองก็มั่นใจในความสามารถของตัวเองอยู่พอตัว ด้วยความแข็งแกร่งโดยกำเนิด สาวผมบลอนด์คนนี้ไม่มีทางข่มเหงรังแกเขาได้แน่นอน
“ผมยอมเดินตามคุณมากแล้ว คราวนี้คุณก็สั่งให้สไนเปอร์พวกนั้นให้อยู่ห่างจากพวกเขาได้แล้วนะครับ” เฉินหลงเอ่ยขึ้นจากทางด้านหลังสาวผมบลอนด์
สาวผมบลอนด์ไม่ได้มีสีหน้ายั่วยวนอย่างก่อนหน้านี้ เธอตอบเขาอย่างเย็นชาว่า “ไม่ต้องห่วงจ๊ะ หลังจากที่นายลงจากเรือสำราญลำนี้ไปพร้อมกับฉันแล้ว พวกเขาก็จะปลอดภัย”
“ถ้าอย่างนั้น ผมก็หวังว่าคุณจะรักษาคำพูดของตัวเองนะครับ ไม่อย่างนั้น ผมจะพาคุณไปขายในซ่องแล้วปล่อยให้ชายน่ารังเกียจพวกนั้นได้เล่นกับคุณตลอดทั้งวันไปเลย” การกระทำของสาวผมบลอนด์ที่สัมผัสกับจุดสำคัญของเขา ถึงเธอจะเป็นผู้หญิง เฉินหลงก็ไม่แสดงสีหน้าที่ดีให้กับเธอแม้แต่น้อย
“นายควรจะดีใจนะที่เรายังอยู่บนเรือสำราญ ไม่อย่างนั้น ขืนพูดแบบเมื่อกี้นายได้ตายไปแล้ว!” คำพูดของเฉินหลงทำให้สาวผมบลอนด์หันหน้าไปมองเฉินหลง ด้วยสายอาฆาตและน้ำเสียงเยือกเย็น
“หึ ผมไม่กลัว”
เฉินหลงตอบ
ใช้เวลาไม่นาน เฉินหลงเดินตามสาวผมบลอนด์ลงจากเรือสำราญไปยังเรือยอชต์ลำหนึ่ง
หลังจากนั้น เรือยอทช์ลำนี้ก็มุ่งหน้าไปที่เกาะแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนัก
และก็ไม่มีใครสังเกตเห็นว่ามีชายคนหนึ่งกำลังตามพวกเขาไปทางอากาศอยู่เงียบๆ
สิบนาทีต่อมา เรือยอทช์ลำนี้ได้จอดเทียบเกาะ จากนั้นสาวผมบลอนด์ก็ได้ลงจากเรือยอทช์ไป และเฉินหลงที่ตามอีกฝ่ายไปแต่โดยดี
บนเกาะนี้ไม่มีพืชหรือต้นไม้สักต้น มีแค่หินและพื้นทรายทั้งหมด
เฉินหลงเดินตามสาวผมบลอนด์ไปยังพื้นที่โล่งกว้างบนเกาะ พื้นที่ตรงนั้นมีคนยืนสี่คนอยู่ เป็นผู้ชายทั้งสี่คน และทุกคนต่างก็มีพลังกำเนิด
“แท็งก์ นายเห็นไหม ฉันพูดถูก ทุกครั้งที่ ‘แม่มด’ ออกไปนอกหน่วย ใครหน้าไหนก็ไม่สามารถต้านทานเสน่ห์ของเธอได้เลยสักคน” ชายผิวเข้มคนหนึ่งพูดกับชายอีกคนที่อยู่ห่างจากเขามากกว่าสองเมตร คาดว่าเขาคนนั้นน่าจะเป็นคนเยอรมัน
ชายคนนั้นไม่ตอบ เขาทำเพียงแค่พยักหน้า
“คุณพาผมมาที่เกาะนี้ทำไมครับ?” เฉินหลงมองไปที่คนแปลกหน้าทั้งห้าคนตรงหน้า และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าตอนนี้เขาไม่สบอารมณ์สุดๆ
“เพื่อพิสูจน์ความไว้วางใจและภักดีต่อผู้อื่น มีคนต้องการซื้อแขนขาของคุณ และเราก็แค่รับงานนั้นมา ผมหวังว่าคุณเฉินจะเข้าใจนะครับ” ในหมู่ชายทั้งสี่คน หนึ่งในนั้นมีคนที่หน้าตาเอเชียคนหนึ่ง พูดภาษาจีนแบบมาตรฐานกับเขา
ชายหน้าตาเอเชียคนนี้อายุประมาณสามสิบปี เขาดูหน้าตาธรรมดามาก จนไม่เหมือนคนจีนเลยสักนิด
“พวกคุณอยากตัดแขนตัดขาผม ผมเข้าใจดี ก็…ถ้าพวกคุณต้องการแขนกับขาของผม เรามาดูกันสิครับว่าพวกคุณจะมีความสามารถในการทำแบบนั้นได้ไหม” เฉินหลงเริ่มใช้ระฆังทองสิบเอ็ดชั้น และค่อยๆเดินตรงไปหาคนทั้งห้าคน
ในฐานะที่พวกเขาทั้งห้าคนอยู่ในระดับกำเนิด ใช้แค่ระฆังทองสิบเอ็ดชั้นก็เกินพอแล้ว ถ้าเขาใช้ระดับสิบสองชั้น มันจะดูเป็นการกลั่นแกล้งพวกเขาไปหน่อย
“ระฆังทอง! ไม่เลวเลยนี่! ผมได้ยินมาว่าทองระฆังของคุณนั้นทรงพลังมาก ถ้างั้น เรามาดูกันว่า ระฆังทองของคุณ หรือกรงเล็บมังกรสายฟ้าฟาดของผม อะไรจะแน่กว่ากัน!”
หลังจากนั้น ก็มีร่างเงาเสมือนของคิงคองที่ดวงตาลุกวาวด้วยความโกรธโผล่ออกมาข้างหลังเขา จากนั้นร่างเงาก็เคลื่อนย้ายเข้าไปในร่างของเขา จากนั้นมือของเขาก็ได้เปลี่ยนเป็นกรงเล็บมังกร แล้วยื่นมือไปจับแขนของเฉินหลงไว้
เนื่องจากพวกเขาบอกว่าพวกเขาต้องการหักแขนหักขาเฉินหลง อีกฝ่ายจึงเล็งไปที่แขนขาของเขา
ทางด้านเฉินหลง เขาไม่ได้นิ่งเฉยรอให้อีกฝ่ายมาหักแขนขาของเขา เขากำหมัดขึ้นแล้วต่อยไปทางศัตรูเช่นกัน
ตู้ม!
หมัดของเฉินหลงและกรงเล็บของอีกฝ่ายได้ปะทะกัน เกิดเสียงระฆังทองและเหล็กกระทบกันในทันที!
การโจมตีของคนทั้งสองเสมอกัน
ความประหลาดใจเล็กน้อยปรากฏขึ้นผ่านสายตาของเฉินหลง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอคนที่มีความสามารถในการป้องกันตัวสูสีกับเขา
ในทำนองเดียวกัน ใบหน้าของอีกฝ่ายได้เผยความประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน
“สมแล้วที่เป็นถึงระฆังทอง ลำพังแค่ฉันคนเดียวคงจัดการนายไม่ได้สินะ แต่ก็ไม่เป็นไร ฉันยังมีสหายอยู่ เห้ย พวกเรา ลุย!” ใบหน้าชาวเอเชียพูดจบคนห้าคนวิ่งเข้าหาเฉินนานในคราวเดียว
ชาวเอเชียและคนอื่นๆที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินนั้น เรื่องการต่อสู้ที่ยุติธรรมระหว่างปรมาจารย์ไม่มีทางเกิดขึ้นกับพวกเขาหรอกนะ จะบอกให้
“ไม่นานมานี้ ผมคิดว่าลูกน้องของผมน้อยเกินไปหน่อยรู้สึกว่าเมื่อเร็ว ๆ ถ้าผมได้พวกคุณทั้งห้าคนมาร่วมมือด้วย พลังของผมก็จะแข็งแกร่งขึ้น” เมื่อเขาได้พบกับพวกเขาทั้งห้าคน เฉินหลงได้ตัดสินใจว่าจะชวนพวกเขามาร่วมมือด้วย คนเก่งๆมันไม่เหมือนกับกระหล่ำปลีที่ขึ้นไปทั่ว
เมื่อได้ยินชักชวนของเฉินหลง ชาวเอเชียรู้สึกตกใจเล็กน้อย ความคิดไม่เลว แต่ในเมื่อลูกศรถูกตรึงแล้วก็ต้องยิง!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เฉินหลงถูกโจมตีโดยคนทั้งห้า
หลังการโจมตีของคนห้าคน ใบหน้าของเฉินหลงยังคงปรากฏรอยยิ้มและร่างกายของเขาไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆเกิดขึ้น เหมือนกับว่าทั้งห้าคนนี้ไม่ได้ออกแรงเลยแม้แต่นิดเดียว
ในเวลาเดียวกัน ใบหน้าของคนทั้งห้าแสดงสีหน้าตกใจออกมา เพราะพวกเขาคิดสึกว่าการโจมตีของพวกเขาที่ถูกส่งไปยังเฉินหลงเป็นเหมือนกับการหย่อนหินไปในน้ำลึก ว่ามันโดนสระน้ำลึก นอกจากนี้ เฉินหลงยังได้รวบรวมพลังทั้งหมดตามร่างกายให้มารวมอยู่ที่ฝ่ามือของเขา
พลังแบบนี้เป็นหนึ่งในพลังของระฆังทองสิบสองชั้น มันทั้งนิ่มทั้งแข็งและเปราะบาง การผสมผสานระหว่างความแข็งและความนุ่มนวลเท่านั้นคือสถานะสูงสุด
ในเวลาเดียวกัน เฉินหลงชี้ไปชาวคนเอเชียคนนั้น และพลังก็ก็พุ่งไปทางเขาด้วยความรวดเร็ว
จริงอยู่ที่ร่างสายฟ้าเขานั้นแข็งแกร่งมาก แต่มันเทียบได้กับระฆังทองสิบเอ็ดชั้นเท่านั้น การโจมตีของเฉินหลง ร่างสายฟ้าถูกโจมตีเข้าอย่างจัง จากนั้นลมปราณของวิชา ‘กดจุดชีพจรตัดโลหิต’ ได้เข้าควบคุมร่างกายของเขาในทันที
จากนั้นก็ตามมาด้วยหนุ่มเยอรมันร่างหนา ชายผิวเข้ม สาวผมบลอนด์ และอินทรีตามลำดับ
“เห้ย นายทำอะไรกับพวกฉันกันแน่? แล้วทำไมพลังของนายถึงได้แตกต่างจากข้อมูลที่พวกเราได้รับมาได้ล่ะ?” หลังจากที่ชาวเอเชียถูกเฉินหลงจัดการ เขาได้หันไปพูดเฉินหลงด้วยความหวาดกลัว
เขาเคยได้ยินเรื่องการกดจุดฝังเข็มมากก่อน แต่ที่เฉินหลงทำนั้นไม่เหมือนกับการกดจุดฝังเข็มทั่วไปเลยแม้แต่น้อย และความพลังของเขาก็แข็งแกร่งกว่าที่ว่าเอาไว้ในเอกสารมาก พวกเขาไม่ได้กลายเป็นคนพิการ แค่ลมปราณถูกสะกดอยู่เท่านั้น
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่ไม่อยากให้พวกคุณวิ่งหนีผมหางจุกตูดแค่นั้นเอง อ้อ แล้วก็เรื่องพลังของผม พวกคุณจะยอมช่วยผมไหม?” เฉินหลงว่า
“ดูเหมือนว่างานนี้จะง่ายเกินไปสำหรับพวกเรา” ชาวเอเชียแสดงความเสียใจออกมาผ่านใบหน้าของเขา
“ไม่ต้องกลัวครับ ผมไม่ฆ่าพวกคุณหรอก แต่ว่า ไหนลองบอกผมมาก่อนว่า ใครเป็นคนสั่งให้พวกคุณมาจัดการผมเหรอครับ?” เฉินหลงถามเขาด้วยรอยยิ้ม
พวกเขาทั้งห้าล้วนมีระดับกำเนิด เขาสามารถทำให้พวกเขามาเป็นลูกน้องของตัวเองได้ เอาพวกเขามาใช้งานดีกว่ากำจัดทิ้งเสียอีก
“ถ้าฉันบอกว่าใครเป็นคนส่งพวกฉันมาแล้ว นายจะยอมปล่อยพวกฉันไปไหม?” ชาวเอเชียเอ่ยถาม
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นเลยครับ ผมจะปล่อยพวกคุณไปแน่นอน” เฉินหลงไม่จำเป็นต้องพูดให้เรื่องมันยาวไปมากกว่านี้
จัดการนำผลซื้อสัตย์ให้พวกเขากินเข้าไป แล้วค่อยปล่อยพวกเขาอีกที
TB:บทที่ 211 หลินหนี่
“หวงถังที่อยู่ในเซียงเจียง เป็นคนส่งพวกเรามาหักแขนหักขานาย” ชาวเอเชียตอบเสียงเรียบ
ในเมื่ออีกฝ่ายต้องการให้เขาพูดมันออกมา เป็นไปไม่ได้ที่ปรมาจารย์อย่างเฉินหลงจะไม่สนใจที่เขาพูด แต่สิ่งที่เขาคิดไม่ถึง ว่าพลังของเฉินหลงแข็งแกร่งขนาดนี้แล้ว แต่เขากลับไม่ได้วางท่าว่าตัวเองเป็นปรมาจารย์ เพราะในความคิดของเฉินหลง ความแข็งแกร่งต่างหากเป็นพื้นฐานของทุกสรรพสิ่ง ส่วนการวางตัวนั้นไม่จำเป็นเลยสักนิด
“หวงถังน่ะเหรอ?” เมื่อได้ยินชื่อหวงถัง เฉินหลงก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ ทันใดนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “อ้อ! ที่แท้ก็เป็นหมอนี่นี่เอง ไม่คิดเลยว่าเขาจะใจดีส่งของขวัญชิ้นโตมาให้ถึงที่ เห็นที เราคงต้องส่งของขวัญเล็กๆน้อยๆกลับไปให้เขาเป็นการขอบคุณซะแล้วสิ!”
บอกตามตรง ถ้าไม่ใช่เพราะหนุ่มเอเชียคนนี้พูดชื่อหวงถังออกมา เฉินหลงคงลืมหวงถังไปแล้ว ก็แค่บทบาทเล็กๆของปรมาจารย์ระดับสูง เฉินหลงไม่เก็บคนอย่างเขามาใส่ใจหรอก
“ในเมื่อตอนนี้ นายก็รู้แล้วว่าเขาคือใคร นายช่วยปล่อยเราไปได้ไหม?” หนุ่มเอเชียถามขึ้นอีกครั้ง
เฉินหลงตอบเขาด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องห่วง ผมปล่อยแน่ แต่ผมขอถามอะไรคุณสักอย่างสิ คุณคิดว่าผมจะยอมปล่อยคุณไปทั้งๆที่ผมยังไม่รู้จักชื่อกับแก๊งของคุณจริงๆเหรอครับ?”
“พวกเราคือ ‘แก๊งห้าสี’! ฉันชื่อดาบาร์ ชายผิวดำคนนั้นชื่อบอลด์วิน ชายตัวใหญ่ชื่อบอร์แมน ชายฮอว์คที่เป็นสุภาพบุรุษคนนั้นชื่อเบอร์ตัน และสาวสวยคนนั้นชื่อเจสสิก้า ในแก๊งของพวกเรามีกันทั้งหมดห้าคน” ดาบาร์กล่าว
ตอนนี้คนทั้งห้าไม่สามารถขยับได้ ทำได้แค่อยู่นิ่งๆเหมือนเงือกน้อยคอยรัก เว้นแต่ดาบาร์ที่ขยับตัวได้เยอะที่สุด ในตอนนี้เขากำลังคิดหาวิธีเอาตัวรอด
เฉินหลงเห็นว่าดาบาร์พูดความจริง จึงพยักหน้ารับด้วยความพอใจ
“ในเมื่อรู้แล้ว นายก็ปล่อยเราไปสักทีสิ!”
“รอก่อนสิ ผมยังมีเรื่องที่ต้องจัดการอีก” เฉินหลงที่กำลังจะให้พวกพ้องของดาบาร์กินผลซื่อสัตย์ จู่ๆเขาก็สังเกตุเห็นชายคนหนึ่งกลางอากาศ “คุณดูมามากพอแล้ว ตอนนี้ก็ได้เวลาเผยตัวแล้วครับ”
จากนั้น เฉินหลงก็ได้เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย
“ฮ่า! ถูกจับได้ซะแล้วสิ” ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากด้านบน และร่างของเขาคนนั้นก็ค่อยๆลดระดับลง
เขาเป็นผู้ชายอายุราวๆยี่สิบหกยี่สิบเจ็ด ผมเพ้ายุ่งเหยิงและดวงตาที่ดูสับสนเล็กน้อย เหมือนว่าเขาเพิ่งจะตื่นนอนไม่นาน ชายคนนั้นกำลังจ้องมองเฉินหลงด้วยท่าทางดูถูก
“คุณคือใครครับ?” เฉินหลงรู้สึกได้ว่าความแข็งแกร่งของชายตรงหน้าเขา อีกฝ่ายเพิ่งจะถึงระดับขอบเขตพลังลมปราณได้ไม่นาน
อายุยังน้อย แต่ความแข็งแกร่งได้มาถึงขอบเขตพลังลมปราณได้ เฉินหลงเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
“สำนักต่อต้านสวรรค์ หลินนี่” ชายคนดังกล่าวไม่ได้ปกปิดตัวตนของตัวเองเลยแม้แต่น้อย
“วิถีปีศาจ ต่อต้านสวรรค์ ตอนแรกผมคิดว่าปีศาจอย่างคุณจะไม่มาหาผม ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่อย่างที่ผมคิดสินะ” เฉินหลงกล่าว
“ไม่นานมานี้ ฉันเพิ่งจะผ่านขอบเขตพลังลมปราณ ฉันก็เลยไม่มีเวลามาหานายยังไงล่ะ แล้วฉันก็ได้ยินเรื่องที่หลินหยู่กับหลินซาแพ้นายด้วย ถ้าในตอนนั้นหลินหยู่มาไม่ทันเวลา หลินซาก็คงถูกนายฆ่าตายไปแล้ว นาย…แข็งแกร่งขนาดนี้เลยเหรอ?” เขามองลึกเขาไปในดวงตาของเฉินหลง ร่องรอยของจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ก็ได้ปรากฏให้เห็น
ความแข็งแกร่งของหลินหยู่กับหลินซานั้นติดหนึ่งในห้าอันดับแรกในบรรดารุ่นเยาว์ของแปดสำนักแห่งลัทธิเต๋าที่ชั่วร้าย หลินหนี่สนใจความแข็งแกร่งนี้เป็นอย่างมาก เพราะสุดท้ายแล้วศัตรูที่แข็งแกร่งไม่ได้พบเจอกันได้ง่ายๆ
“จะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอก็ไม่ใช่ประเด็น ยังไงอีกฝ่ายก็คือศัตรู!” เฉินหลงส่งยิ้มให้อีกฝ่าย
“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แสดงให้ฉันเห็นสิว่านายนั้นแข็งแกร่งแค่ไหนกัน!” พูดจบ หลินหนี่เอื้อมมือไปข้างหลัง หอกสีเงินได้ปรากฏในมือของเขา “ชื่อของมันคือ หอกไร้บาดแผล รับไปซะ”
หลินหนี่ย่ำเท้าเป็นจังหวะบนพื้นซ่อนเร้นและโจมตีเฉินหลง
เมื่ออีกฝ่ายเข้ามาประชิดตัวเฉินหลง หัวหอกของหลินหนี่ได้สั่นสะเสือน ทันใดนั้นก็ดวงดาวเย็นก็กระจายออกมาและพุ่งไปที่ร่างของเฉินหลง
ตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ!
ในตอนที่ดาวเย็นพุ่งมาทางร่างของเฉินหลง ทันใดนั้นเขาก็ใช้ลมปราณของระฆังทองมาคุ้มกันร่างทันที แรงที่ถูกส่งมาจากหอกของอีกฝ่ายได้กระแทกเข้ากับระฆังของเฉินหลง และได้สะท้อนกลับไปยังร่างของหลินหนี่
หลินหนี่โยนหอกด้วยมือข้างเดียว และพลังป้องกันการกระแทกถูกสกัดด้วยพลังของหลินหนี่ ทำให้ชายหาดปรากฏรูเล็กๆเหมือนกับระเบิด
“ว้าว! พลังของนายสุดยอดไปเลย! นายเป็นคนแรกเลยที่กล้าต่อต้านฉันด้วยร่างกายของนาย” หลินหนี่มองไปที่เฉินด้วยความชื่นชม
“หึ นายก็เป็นคนแรกเลยที่สามารถต้านทานแรงกระแทกของระฆังทองได้” เฉินหลงเองก็จ้องมองหลินหนี่ คนที่มีความแข็งแกร่งเหนือความคาดหมายของเฉินหลงเช่นกัน
เดิมที เขาคิดว่าคนที่จากแปดสำนักแห่งวิถีปีศาจไม่มีทางทำอะไรเขาได้ แต่วันนี้ หลินหนี่ทำให้เฉินหลงตาสว่าง เพราะยังมีคนในรุ่นเยาว์ที่สูสีกับเขาอยู่
ในเวลาเดียวกัน เฉินหลงกำลังคิดเช่นว่าอีกฝ่ายจะต้องมีวิชากังฟูที่ดีมาก ไม่อย่างนั้น ถ้าเขาถูกระฆังทองจัดการได้ มันจะดูน่าสังเวชเกินไปหน่อย
สำหรับโฮ่วเสิ่นจื่อ ดูจะน่ากลัวเกินไปหน่อย ถ้าเขาหยิบมันขึ้นมาใช้ มันสามารถพรากชีวิตมนุษย์ได้ เขาควรจะใช้ในตอนยามคับขันสุดๆแล้วจริงๆ ส่วนในตอนนี้เขาจำเป็นต้องเลี่ยงวิธีนี้ไปก่อน เพราะที่ตรงนี้ยังมีคนอื่นอยู่นอกจากเขาด้วย
“มาต่อกันเถอะ” ความแข็งแกร่งของเฉินหลงทำให้จิตวิญญาณแห่งต่อสู้ของหลินหนี่ลุกโชน
“เข้ามาเลย!”
ว่าแล้ว เฉินหลงสามารถใช้การกดจุดชีพจรตัดโลหิตโจมตีหลินหนี่เท่านั้น
เพราะสุดท้าย เราไม่จำเป็นต้องเป็นฝ่ายยอมตลอด ในเมื่ออีกฝ่ายสู้มา เขาก็ต้องสู้กลับให้ถึงที่สุด!
อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้ กดจุดชีพจรตัดโลหิตของเฉินหลง บวกกับลมปราณของระฆังทองสิบเอ็ดชั้นนั้นทำให้ทรงพลังมากยิ่งขึ้น
เมื่อเห็นการโจมตีของลมปราณและพลัง หลินหนี่ได้ก้าวเท้าออกมาจากพื้นซ่อนเร้นด้วยขาทั้งสองข้าง เขาหมุนตัวหลีกเลี่ยงการพุ่งตรงไปข้างหน้า
แต่เพราะลมปราณในการกดจุดชีพจรตัดโลหิตของเฉินหลงได้รับการพัฒนา แค่เขาคิดมันในสมอง พลังลมปราณก็ได้เปลี่ยนทิศทางและโจมตีเข้าใส่หลินหนี่อีกครั้ง
หลินหนี่เปลี่ยนการเคลื่อนไหวเพื่อหลบหลีกการโจมตีอีกครั้ง
พลังลมปราณก็ได้เปลี่ยนทิศทางในการเคลื่อนที่เข้าไปโจมตีหลินหนี่อีกครั้ง!
ในตอนนี้ พลังของเฉินหลงก็ได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเห็นว่าเลี่ยงไม่ได้ หลินหนี่จึงยืนอยู่กับที่ ใช้หอกยาวต้านพลังลมปราณพวกนั้นเอาไว้
“วายุ!”
หอกของหลินหนี่พุ่งไปที่คนที่กำลังโจมตีเขาอยู่ดั่งพายุฝน
พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!
เมื่อปลายแหลมของหอกส่งพลังไปปะทะกันกลางอากาศ พลังได้ทะลวงผ่านอากาศเหมือนลูกโป่งที่ถูกหอกแทกทะลุ และแรงสั่นทำให้ร่างของหลินหนี่สั่นสะเทือน
ปลายแหลมของหอกและแรงลมในอากาศปะทะกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้ร่างของหลินหนี่ถูกโยกย้ายราวกับใบหญ้าที่กำลังล่องลอยอยู่ในสายลม แม้แต่เท้าที่มั่นคงราวกับหินผาของเขา ยังไม่สามารถควบคุมได้เลย
หลินหนี่เป็นถึงรุ่นเยาว์ที่เก่งที่สุดในแปดสำนักแห่งปีศาจ เขามีความภาคภูมิใจเต็มเปี่ยม เขาไม่มีทางยอมให้ตัวเองได้รับความล้มเหลว แม้ว่าจะถูกโต้กลับก็ตาม
ในฉากการต่อสู้ ฝ่ายหนึ่งยังคงออกแรงโจมตี ส่วนอีกฝ่ายยังคงทำลายพลังที่พุ่งเข้ามา
เฉินหลงเริ่มรู้สึกว่าจิตวิญญาณของเขาเริ่มเหลือน้อยลงเต็มที
ในตอนนี้ ขาของหลินหนี่ได้ร่อนลงมาอยู่ที่พื้นทราย ส่วนมือกับปากของเขาแตก ดูเหมือนว่าเขาเกือบจะถึงขีดจำกัดของตัวเองแล้ว แต่ในดวงตาของเขายังคงอัดแน่ไปด้วยความพยายามอย่างบ้าคลั่ง ความพากเพียร นี้ตราบใดที่เขายังสามารถยืนหยัดที่จะสู้อยู่ได้ เขาก็จะสู้จนถึงที่สุด!
“ไอ้บ้าเอ้ย!” เฉินหลงที่หมดความอดทน ได้ใช้วิชาลับเข้าสู้
จากนั้น เฉินหลงไม่ได้ปล่อยพลังในอากาศอีกต่อไป เขาเลือกที่จะพุ่งเข้าใส่หลินหนี่แทน
หลินหนี่กระโดดขึ้นจากทราย และใช้หอกพุ่งใส่หมัดของเฉินหลงเช่นกัน
“เพชรมังกรเงิน!”
ในตอนที่หอกของหลินหนี่ปะทะกับหมัดระฆังทองของเฉินหลง ส่วนหัวและด้ามหอกก็เริ่มหมุน
TB:บทที่ 212 มัตสึชิตะ
ในตอนที่ส่วนหัวของหอกถูกควงอยู่นั้น อักษรรูนบนระฆังทองก็เริ่มทำงาน
ยิ่งอักษรรูนหมุนเร็วขึ้นเท่าไหร่ หอกสีเงินของหลินหนี่ก็ยิ่งถูกบีบและโค้งงอมากขึ้นเท่านั้น
ในตอนที่อักษรรูนทุกตัวเรียงตัวเป็นอักขระโบราณชุดหนึ่ง พลังมหาศาลก็ได้พุ่งออกไป
หอกสีเงินที่ไม่สามารถต้านพลังได้แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ ทันใดนั้นพลังที่พุ่งมาได้โจมเข้ากับร่างของหลินหนี่เข้าอย่างจัง ในตอนที่ร่างของเขาลอยอยู่กลางอากาศ เลือดสีสดได้ไหลทะลักออกมาปากของเขา แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังแสดงสีหน้าตื่นเต้นออกมา เดี๋ยวสิ นายอาการหนักขนาดนี้แล้วทำไมถึงยังทำหน้าฟินได้อีกล่ะ นายเพี้ยนไปแล้วป่ะเนี่ย!
ตุบ!
หลังจากกระเด็นไปไกลหลายสิบเมตร หลินหนี่ก็ได้ลงจอดบนพื้น
การระเบิดพลังครั้งนี้ทำให้เฉินหลงใช้พลังไปไม่น้อย เขาพักหายใจให้ร่างกายสงบลงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เดินไปตามทางที่หลินหนี่ลอยไป
ในตอนที่เฉินหลงเดินมาถึงตัวหลินหนี่ เขาได้กรอกยาชนิดหนึ่งเข้าไปในปากของอีกฝ่าย
ในตอนนี้ หลินหนี่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ทันทีที่เขาได้เห็นหน้าเฉินหลง เขากลับระบายยิ้มแห่งความสุขออกมา ถึงแม้ใบหน้าของเขาจะเต็มไปด้วยเลือดก็ตาม ช่างเป็นรอยยิ้มที่ไม่น่ามองเอาเสียเลย
“ระฆังทองของนายอยู่ในขั้นสิบสองแล้วใช่ไหม? ระฆังทองชั้นสิบสองนี่ทรงพลังจริงๆ อึก ฉันยอมรับก็ได้ว่าฉันแพ้…”
“ไม่ต้องพูดแล้ว เก็บพลังของนายเอาไว้เถอะ” เฉินหลงจ้องมองหลินหนี่ที่ยังฝืนพูดกับเขาอยู่ เจ็บขนาดนี้แล้วยังมีแรงพูดอีกหรอ จริงๆเลย
เฉินหลงขอชื่นชมหลินหนี่จริงๆ ในตอนที่เขาใช้ลมปราณกดจุดชีพจรตัดโลหิตต่อสู้กับอีกฝ่าย เขามีสิทธิ์ถอยและป้องกันการโจมตีได้ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็เลือกที่จะไม่ถอยไปแม้แต่ก้าวเดียว เฉินหลงละอยากจะถามอีกฝ่ายจริงๆว่าทำเขาถึงได้อดทนได้ขนาดนี้นะ
“อะ.. เอาเลยสิ! ตอนนี้ชีวิตของฉันอยู่ในกำมือของนายแล้ว มา จัด..จัดการฉันซะตอนนี้เลยสิ แค่กๆ” หลินหนี่ยังคงพูดกับเขาด้วยรอยยิ้ม
“หึ ฉันนี่ไม่สุภาพเอาซะเลย” ด้วยเหตุนี้ เฉินหลงกำหมัดไปทางด้านหน้า
เมื่อเห็นมือของเฉินหลงที่กำเข้าหากันตรงหน้าเขา หลินหนี่ก็ค่อยๆหลับตาลงช้าๆ แต่บนใบหน้าของเขายังคงประดับด้วยรอยยิ้มที่พึงพอใจ ครั้งนี้เขาแพ้เฉินหลงแล้ว เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ตายคามือของเขา
แต่นอนรออยู่สักพัก เขากลับไม่ได้รู้สึกถึงการโจมตีใดๆ เขาจึงค่อยๆลืมตาขึ้นมา
ในตอนนี้ เฉินหลงไม่ได้ยืนอยู่ข้างกายเขาแล้ว แต่ในร่างกายของเขามีพลังประหลาดที่ค่อยๆรักษาอาการบาดเจ็บตามร่างกายของเขาอยู่
“สุดยอด! น่าสนใจ! นายมันน่าสนใจจริงๆ! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” ในตอนนี้รู้ว่าพลังที่คอยรักษาตามร่างกายของเขามาจากเฉินหลง หลินหนี่ถึงกับต้องหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง เฮ้อ ไอ้หมอนี่มันเพี้ยนจริงๆนั่นแหละ
แต่เพราะหัวเราะมากไปหน่อย มึนจึงกระทบกับบาดแผลตามร่างของเขา ทำให้เขาอาเจียนออกมาเป็นเลือด ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังยิ้มได้
“เฉินหลง! ฉันจะเขียนเรียงความเรื่องความรักของนายที่มีต่อฉันให้ ฉันจะยอมปล่อยนายไปก่อนก็ได้ ครั้งหน้าถ้าฉันมีโอกาส ฉันจะฆ่านาย!” หลินหนี่ที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นตะโกนออกมาดังๆ
หลินหนี่ได้กระอักเลือดออกมาอีกรอบ
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้หลินหนี่เห็นว่าอาการบาดเจ็บตามร่างกายของเขาดีขึ้นมากกว่าก่อนหน้านี้
“ฝีมือของเฉินหลงช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ” หลังจากนั้นหลินหนี่ก็พยายามลุกขึ้นนั่ง และเริ่มปรับลมหายใจพร้อมกับทำการรักษาตัวเอง
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินหนี่ เฉินหลงส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ พึมพำว่า “ไอ้บ้านี่…”
ขนาดว่าหลินหนี่ได้รับบาดเจ็บยังหลงเหลือความคิดที่จะฆ่าเขา เฉินหลงไม่ได้รู้สึกแย่ที่มีศัตรูแบบนี้ เพราะมันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร มันอาจเป็นแรงปลักดันให้เขาก้าวต่อไปได้ก็ได้
หลังจากนั้นเฉินหลงเดินกลับหาแก๊งห้าสีของดาบาร์
หลังจากที่ได้รับชมการต่อสู้ระหว่างเฉินหลงกับหลินหนี่ ชายหัวหมออย่างดาบาร์ก็ได้เข้าใจพลังที่แท้จริงของเฉินหลง ก่อนหน้านี้ ที่คนๆนี้ได้สู้กับคนทั้งห้า อีกฝ่ายแทบจะไม่ต้องใช้ความพยายามเลยสักนิด
ดาบาร์พยายามปั้นยิ้มบนใบหน้า แต่รอยยิ้มนั้นกลับบิดเบี้ยวจนดูน่าเกลียดสุดๆ ถ้าพี่จะยิ้มแบบนี้ ผมว่าพี่อย่าฝืนเลยดีกว่า
“ไม่ต้องกลัว อย่างที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้ ผมจะไม่ฆ่าพวกคุณ แล้วผมก็จะปล่อยพวกคุณให้เป็นอิสระ แต่! ก่อนจะไป ต้องกินนี่ก่อนนะ” ว่าแล้ว เฉินหลงก็หยิบผลซื่อสัตย์ออกมาพร้อมกับกัดมันหนึ่งคำ แล้วยื่นไปที่ปากของดาบาร์และพูดกับเขาด้วยรอยยิ้ม
“จริงเหรอ!? ถ้าฉันกินแล้ว นายจะปล่อยฉันไปจริงๆใช่ไหม?” ดาบาร์หันไปถามเฉินหลง
ถึงเขาจะรู้อยู่แก่ใจว่าผลไม้นี้ต้องเก็บซ่อนพลังบางอย่างอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าไม่กิน ก็หนีไม่ได้น่ะสิ!
“ใช่แล้ว! คนอย่างผมพูดคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว!” เฉินหลงรับประกัน!
หลังจากจ้องมองเฉินหลงอยู่ครู่หนึ่ง ดาบาร์ก็ยอมอ้าปากแล้วกัดผลซื่อสัตย์เข้าไป
หลังจากนั้น เฉินหลงก็กัดผลซื่อสัตย์แล้วส่งให้อีกสี่คนที่เหลือ
เมื่อถึงตาของเจสสิก้า เธอไม่อยากกินผลซื่อสัตย์ที่เฉินหลงกัดมันไปแล้ว แต่เธอก็ถูกเฉินหลงบังคับให้กินมันเข้าไป ถ้าเขาอยากได้ลูกน้องเพิ่ม เขาก็ต้องไร้ความปราณี!
วิธีนี้ ทำให้เฉินหลงมีลูกน้องที่มีระดับกำเนิดเพิ่มขึ้นมาอีกห้าคน
หลังจากนั้น เฉินหลงก็เดินกลับไปหาหลินหนี่ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังมีลมหายใจ เขาจึงพาดาบาร์และคนอื่นๆขึ้นเรือยอทช์และไปจากเหาะนี้ในทันที
หลังจากที่เรือแล่นออกจากฝั่ง เฉินหลงได้ต่อสายไปหาลั่วฮุ่ย
หลังจากรู้ว่าเฉินหลงปลอดภัยดี ลั่วฮุ่ยก็รู้สึกโล่ง อย่างไรก็ตามในตอนที่เขารู้ว่าตัวเองไม่สามารถไล่ตามเฉินหลงไปได้ เขาก็ทำได้แค่รู้สึกผิดที่จะต้องบอกว่าถ้าเขากลับมาแล้ว พวกเราค่อยไปด้วยกันอีกครั้ง
ส่วนกู่เหวิน เฉินหลงไม่รู้ว่าเธออยู่บนเรือ และกู่เหวินเองไม่รู้ว่าเฉินหลงอยู่บนเรือเช่นกัน ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงคลาดกันนั่นเอง
นอกจากนี้การที่เขาโกงเงินคนทั้วไป เกรงว่าเรื่องนี้ พวกเขาคงต้องหาวิธีเอาตัวรอดด้วยตัวเองเท่านั้น
หลังจากที่วางสาย เฉินหลงถามดาบาร์ว่า “คุณรู้ไหมว่าที่นี่คือที่ไหน?”
“นายท่าน ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากญี่ปุ่นมากนัก” ดาบาร์รีบตอบ
ดาบาร์เป็นคนเลือกเกาะร้างที่ไร้สิ่งมีชีวิตแห่งนี้ แน่นอนว่าเขาจะตองรู้จักพื้นที่ตรงนี้เป็นอย่างดี
“ใกล้กับญี่ปุ่น? ดี ถ้างั้นพวกเราไปญี่ปุ่นกันเถอะ!” เมื่อเขาได้ยินว่าที่นี่อยู่ไม่จากญี่ปุ่นใกล้ เฉินหลงก็ได้บอกเรื่องนี้กับดาบาร์
เฉินหลงยังจำคนที่ตั้งใจขโมยของจากบริษัทของเขาไปได้ ในหมู่คนพวกนั้น ยังมีคนที่ได้รับคำสั่งจากปีศาจญี่ปุ่น และผู้ส่งสารคือผู้นำแห่งบริษัทมัตสึชิตะ ที่คุ้นเคยกับคนจีนเป็นอย่างดี
อย่างที่ทราบกันดีว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่อยู่ในอันดับต้นๆของโลกทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ความสามารถครอบคลุมของประเทศเป็นสองรองลงมาจากสหรัฐอเมริกาประเทศเดียวเท่านั้น แต่บางอย่างในประเทศนี้ก็ได้ล้ำหน้าสหรัฐอเมริกาไปแล้ว
แม้ว่าเฉินหลงจะดูถูกประเทศที่รับใช้ชาตินี้ แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมในความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศนี้ เพราะมันล้ำสมัยจริงๆ
อาจเป็นเพราะรูปแบบโครงสร้างของชาติของพวกเขาในแง่มุมต่างๆ ทำให้พวกเขามีความคิดสร้างสรรค์ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ไม่ธรรมดา
บริษัทเทคโนโลยีมัตสึชิตะเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่มีชื่อเสียงมากในประเทศญี่ปุ่น
หลังจากลงจากที่เกาะโยโกฮาม่า เฉินหลงก็พาคนทั้งห้าไปที่โตเกียว
ถึงเฉินหลงจะไม่รู้ว่ามัตสึชิตะ สึชิ จะมีหน้าตาแบบไหน แต่เขาก็เป็นคนที่มีชื่อเสียง ตราบใดที่คุณค้นหาชื่อเขาในอินเทอร์เน็ต คุณจะได้เห็นหน้าตาของเขาทันที ถ้าเขาอยากรู้ว่าหน้าตาของอีกฝ่ายเป็นยังไง ของแบบนี้ง่ายนิดเดียว ทันทีที่เครื่องดักจับเล็งเป้าไปที่เขา อีกฝ่ายก็ไม่มีทางหลบซ่อนจากสายตาของเขาไปได้
ที่วิลล่าแห่งหนึ่งในย่านกินซ่า โตเกียว มัตสึโมชิกำลังระบายความหงุดหงิดของตัวเองอยู่ จากที่เห็น ตัวเขาไม่ค่อยสูงและอายุสี่สิบปี เขาเป็นแค่ปีศาจตัวเล็กๆธรรมดาตัวหนึ่ง แต่ออกจะมีนิสัยหยาบคายนิดหน่อย
ความหงุดหงิดของเขาถูกส่งไปยังเด็กสาวหน้าตาสะสวยสองคนในชุดนักเรียน ที่น่าจะมีอายุประมาณสิบห้าสิบหกปี
ทั้งแส้ ทั้งเทียน เสียงของหญิงสาวที่กำลังร้องขอความเมตตาสามารถทำให้ความหงุดหงิดของมัตสึชิตะลดลงได้
ฉันใช้เงินเป็นพันล้านดอลลาร์เพื่อขอให้แก๊งซากุระไปจัดการ แต่มันก็ยังทำไม่สำเร็จ ถึงแก๊งซากุระจะคืนเงินห้าร้อยล้านมา แต่ฉันก็ยังเสียเงินตั้งห้าร้อยล้านอยู่ดี บัดซบ!
เขารู้ดีว่าแก๊งซากุระเป็นองค์กรแบบไหน เขาจึงไม่กล้าเรียกร้องอะไรไปมากกว่านี้ เขาจึงต้องระบายความโกรธที่เขามีกับเด็กสาวจนสมใจ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ มัตสึชิตะ สึชิได้ออกแรงหวดแส้ที่อยู่ในมือหนักขึ้นเล็กน้อย
เด็กสาวทั้งสองเปรียบดั่งบุปผา แม้ว่ามัตสึชิตะจะทำให้พวกเธอได้รู้จักโลกอีกใบ พวกเธอก็ทำได้แค่อดทนเท่านั้น
เศรษฐกิที่เจริญก้าวหน้า แต่ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนก็มีมากเช่นกัน คนรวยสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่พวกเขาต้องการ ส่วนคนที่ไม่มีเงินก็มีหน้าที่อดทนเยี่ยงสุนัขรับใช้เท่านั้น!
TB:บทที่ 213 สิบแปดกระบวนท่าดาบแห่งนรก
ในตอนที่มัตสึชิตะ สึชิกำลังเล่นสนุกอยู่ เฉินหลงกับดาบาร์และคนอื่นๆอีกสี่คนก็ได้ปรากฏตัวขึ้นในห้องของเขา
ถึงด้านนอกวิลล่าของมัตสึโมชิจะมีกำแพงสุดล้ำที่สามารถป้องกันเหตุเพลิงไหม้และการโจรกรรมได้ แต่มันไม่สามารถทำอะไรคนทั้งหกคนรวมถึงเฉินหลงได้เลย
ในตอนที่เจสสิก้าเห็นมัตสึชิตะกำลังเล่น ‘เกม’ อยู่ เธอก็พุ่งตรงเข้าไปหาเขาทันที เธอใช้มือกระชากหัวอีกฝ่ายจากทางด้านหลัง แล้วผลักเขาจนหน้าคะมำถูกับพื้น
ในตอนที่ใบหน้าของมัตสึชิตะได้กระแทกกับพื้น จมูกของเขาแตก ของเหลวร้อนได้ไหลออกมจากรูจมูกเล็กน้อย ตามมาด้วยฟันหน้าสองซี่ที่กระเด็นออกมาจากปาก ความเจ็บทั้งสองตำแหน่งได้แพร่กระจายไปยังกึ่งกลางจิตวิญญาณของมัตสึชิตะจากนั้นก็แล่นขึ้นไปยังสมอง ใบหน้าของเขาเริ่มเหยเก เขาอยากจะเปิดปากแล้วตระโกนด่าอีกฝ่าย แต่เขาถูกอุดปาดและไม่สามารถพูดออกมาได้ เขาทำได้แค่ส่งเสียง อู้อี้ อยู่ในลำคอ เขาขยับมือเท้าสะเปะสะปะ พยายามทำให้ตัวเองหลุดจากการควบคุมของเจสสิก้า
แต่เพราะมัตสึชิตะเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง แล้วอย่างนี้เขาจะหลุดพ้นจากการควบคุมของเจสสิก้าไปได้ยังไง?
การปรากฏตัวของคนทั้งหกคนรวมถึงเฉินหลงแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยทำให้เด็กสาวทั้งสองคนตะลึงไปชั่วขณะ พวกเธอกำลังจะอ้าปากร้อง แต่กลับถูกเฉินเล่นจัดการซะก่อน ทำให้เด็กสาวทั้งสองคนทำได้แค่หยุดนิ่งอยู่กับที่
“นี่ เจสสิก้า คุณแค่สั่งสอนเขาก็พอนะ ถ้าคุณฆ่าเขา แล้วผมจะให้เขาชดใช้มันได้ยังไงล่ะ นอกจากนี้ ผมก็จะไม่มีทางรู้เรื่องของพวกนินจาน่ะสิ” หลังจากชื่นชมมัตสึชิตะที่ถูกเจสสิก้าจัดการจนมีสภาพเยี่ยงสุนัขตัวหนึ่ง เฉินหลงจึงหันไปบอกเรื่องนี้กับเธอ
“เข้าใจแล้วค่ะ นายท่าน” เมื่อได้ยินคำพูดของฉินหลงแล้ว เจสสิก้าจึงยอมปล่อยมัตสึชิตะ สึชิไปแต่โดยดี
เมื่อเขารู้สึกว่าศีรษะของเขาถูกปล่อยให้เป็นอิสระแล้ว มัตสึชิตะรีบถอยหนีไปอีกฟากของกำแพงในทันที เขาจ้องมองไปเฉินหลงกับอีกห้าคนที่เหลือด้วยสายตาหวาดกลัว จากนั้นก็พูดเป็นภาษาญี่ปุ่นรัวๆว่า “พว..พวกแกเป็นใคร ล..แล้วเข้ามาที่นี่ได้ยังไง!? รีบ..รีบไสหัวออกไปซะ! ฉันจะแจ้งตำรวจ!”
หน่านี๊*? ใช่แล้ว เฉินหลงไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นเลยสักนิด แต่ทันใดนั้นระบบอัจฉริยะก็ได้เป็นแปลภาษาจีนให้เฉินหลง
“ไม่ใช่ว่าคุณอยากได้ของของผมเหรอครับ? ตอนนี้ ผมก็อยู่ตรงหน้าคุณแล้วไง ถ้าคุณมีความสามารถมากพอ คุณก็มาแย่งไปจากผมซะเลยสิ ไม่อย่างนั้น คุณก็หัดเรียนรู้ที่จะยอมรับมัน” จากนั้นเฉินหลงก็ได้ขยิบตาให้เจสสิก้า
ปีศาจน้อยที่กล้ามาคุกคามเขา ดูเหมือนว่าบทเรียนในครั้งนี้จะเบาไปสำหรับเขาสินะ
เจสสิก้าเดินตรงไปหามัตสึชิตะ เธอยื่นมือไปตบหน้าเขาตามด้วยเตะอีกรอบ
การที่ถูกเจสสิก้าตบหน้าอยู่หลายฉาด ทำให้เขารู้ซึ้งแล้วว่าโลกกับท้องฟ้าช่างมืดมนเสียจริง เขาไม่สามารถบอกได้แล้วว่าทิศตรงหน้าเป็นทิศใต้ ทิศเหนือหรือทิศตะวันตก แต่สุดท้ายคนที่ไม่มีลูกน้องเหลืออยู่เลยอย่างเขา กำลังถูกมือของอีกฝ่ายรัดแน่นที่คอ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้มเพราะเขาเริ่มหายใจไม่ออก
โชคดีที่เจสสิก้ายอมปล่อยให้มัตสึชิตะได้กอบโกยอากาศเข้าไปในปอดอยู่ครู่หนึ่ง
ตอนนี้เขามองเจสสิก้าราวกับว่าเขาได้เห็นปีศาจตัวเป็นๆได้ปรากฎตัวตรงหน้าเขาแล้ว
“ตอนนี้ คุณคงจะรู้แล้วสินะครับว่าควรจะพูดกับผมแบบไหน” เฉินหลงกล่าวเป็นภาษาจีน เขาเชื่อว่าปีศาจน้อยจะเข้าใจ แต่ถึงจะไม่เข้าใจยังไง ก็ต้องแสร้งทำเป็นเข้าใจ ไม่อย่างนั้นเฉินหลงจะให้เจสสิก้าจัดการเขาจนกว่าเขาจะเข้าใจ นี่แหละที่เขาเรียกว่าใช้กำลังบังคับขู่เข็ญ
“ผมเข้าใจแล้วครับ นายท่าน” มัตสึชิตะพยักหน้าซ้ำๆ พร้อมกับตอบเขาเป็นภาษาจีน
เมื่อเห็นว่ามัตสึชิตะ สึชิยอมจำนนเยี่ยงข้ารับใช้ เฉินหลงจึงพยักหน้ารับด้วยความพึงพอใจ
“แล้วตอนนี้ คุณรู้รึป่าวว่าผมเป็นใคร?” เฉินหลงหันไปถามมัตสึโมชิ
มัตสึชิตะพยักหน้าตอบซ้ำไปซ้ำมา หลังจากที่เขาถูกทุบตี ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจอะไรมากขึ้น เพราะจู่ๆเขาก็นึกออกว่าอีกฝ่ายเป็นใคร จากสุนทรพจน์ของคนอื่น เห็นได้ชัดว่าเขาคือหนึ่งในสมาชิกแห่งประเทศจีน แต่เราก็ยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนยังไงในตอนที่ได้ยินลายละเอียกจากคำพูดพวกนั้น จากนั้นเราก็นั่งในตำแหน่งนี้มาหลายปีแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นก็บอกผมมาว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง?” เฉินหลงถามต่อ
เมื่อได้ยินคำถามของเฉินหลง ทันใดนั้นมัตสึชิตะ สึชิไม่รู้ว่าตัวเองควรจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้อีกฝ่ายฟังยังไง เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร ถ้าเขาพูดอะไรผิดไป เขาอาจจะโดนทำร้ายอีกรอบก็ได้
เห็นว่ามัตสึชิตะไม่ตอบคำถาม เจสสิก้าขมวดคิ้วขึ้น เตรียมพร้อมที่เดินเข้าไปหามัตสึชิตะอีกครั้ง
“อ๊า! นายท่าน! นายท่าน! ผม…ผมยอมทำตามคุณทุกอย่างแล้ว! โอเนไกชิมัส**!” เมื่อเห็นเจสสิก้าเดิมตรงมาทางเขาอีกรอบ มัตสึชิตะรีบพุ่งเข้าไปคุกเข่าให้เฉินหลงทันที
เห็นท่าทางของเขาแล้ว เจสสิก้าถึงกับอยากกรีดร้องออกมาเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า คิโม่ย***!
เฉินหลงหันไปพูดกับมัตสึชิตะด้วยรอยยิ้มว่า “คุณพูดจริงเหรอ?”
มัตสึชิตะพยักหน้ารัวๆด้วยความหวาดกลัว
“ดี เห็นคุณทำตัวว่าง่ายแบบนี้แล้วก็คุยกันง่ายหน่อย ไม่เป็นไรนะ ถึงคุณใช้เงินตั้งหนึ่งพันล้านเพื่อส่งคนมาขโมยของของผมไป หึ ผมจะไม่ขออะไรมาก เอาเป็นว่า แค่เอาเงินมาให้ผมหนึ่งพันล้าน กับสำเนาผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทเทคโนโลยีของคุณก็พอ ว่าไง คุณทำได้ใช่ไหม?” เฉินหลงว่า
จริงๆแล้ว ด้วยระบบเถาเป่าที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขามี พวกผลิตภัณฑ์ของบริษัทเทคโนโลยีมัตสิชิตะ เฉินหลงไม่ได้สนใจมันเลยสักนิด แต่ในตอนที่เขารู้ว่ามัทสึชิตะมีด้านแบบนี้แล้ว เขาก็รู้สึกสะอิดสะเอียนขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ
“ได้! ได้เลยครับ! ไม่มีปัญหา การที่จะผมต้องชดใช้หนึ่งพันล้านให้คุณนั้นถูกต้องแล้ว แต่ว่า นายท่าน ของพวกนั้นอยู่ที่สำนักงานใหญ่ทั้งหมด ตอนนี้ผมไม่ได้ครอบครองมันเลยสักชิ้น ถ้างั้นให้ผมไปที่สำนักงานใหญ่ตอนนี้เลย ดีไหมครับ?” ด้วยความที่กลัวว่าเจสสิก้าจะเข้ามาทำอะไรเขาอีก มัตสึชิตะจึงรีบตอบตกลงในทันที
“ได้เลย อ้อ เจสสิก้าก็จะไปกับเอามันเป็นเพื่อนคุณด้วย ผมหวังว่าคุณจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีนะครับ” เฉินหลงว่าโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเห็นด้วยหรือไม่
เมื่อได้ยินว่าเจสสิก้าก็จะตามเขาไปด้วย ร่างของมัตสึชิตะก็สั่นทันที เพราะสำหรับเขา ความหวาดกลัวที่มีต่อเจสสิก้าได้ฝังลึกเข้าไปในไขกระดูกของเขาแล้ว
หลังจากนั้นมัตสึชิตะก็ได้ออกไปพร้อมกับเจสสิก้า
“พาพวกเธอไปที่ห้องอื่นเถอะ” ถึงเด็กผู้หญิงทั้งสองคนจะสวมชุดนักเรียนอยู่ แต่รองแดงขนาดใหญ่ที่เท้าของพวกเธอได้กวนใจเฉินหลงเล็กน้อย เพื่อไม่ให้เสียเรื่อง เฉินหลงจึงสั่งให้ดาบาร์พาเด็กทั้งสองคนออกไปจากห้องนี้
“นายท่าน ขอผมจัดหารพวกเธอได้ไหมครับ?” ดาบาร์ว่าพรางมองไปยังเด็กสาวทั้งสองคน
“ตามใจ ผมขอแค่อย่าฆ่าคนก็พอ” เฉินหลงตอบส่งๆ
เด็กสาวสองคนนี้เป็นคนญี่ปุ่น สาวญี่ปุ่นเกิดมาเพื่อรับใช้ผู้ชาย เฉินหลงจึงอนุญาติให้เขาได้มีความสุขเล็กๆน้อยๆ
เมื่อได้คำตอบจากเฉินหลง ชายทั้งสี่คนรวมถึงดาบาร์ก็เดินตรงไปหาเด็กสาวทั้งสองคน หนึ่งในนั้นได้อุ้มเด็กหญิงทั้งสองออกไปจากห้อง
ในตอนที่เด็กสาวถูกอุ้ม เฉินหลงได้ได้คลายการกดจุดให้เด็กสาวทั้งสองคนได้เป็นอิสระ
หลังจากที่หญิงสาวถูกอุ้มออกไปแล้ว เฉินหลงก็ได้เข้าสู่ระบบ
การต่อสู้กับหลินหนี่ทำให้เฉินหลงเข้าใจว่า ถึงเขาจะมีระฆังทองเอาไว้ปกป้องร่างของตัวเอง แต่เขาก็ยังไม่มีวิชากังฟูที่ดีมากพอ
ตัวอย่างเช่น หลินหนี่ที่ใช้หอกแล้วก็มีเทคนิคหอกในการต่อสู้ หวังเจียนใช้ดาบและวิชาตัดหัว หวังเฉียนจินมีวิชาหมัดเป็นของตัวเอง เห็นที เขาคงต้องพัฒนากระบวนท่าที่สุดยอดและทรงพลังบ้างเสียแล้ว
ด้วยเหตุนี้ เฉินหลงได้ติดต่อไปหวานซูจื่อแล้วบอกกับอีกฝ่ายว่าเขามีเรื่องที่จะขอให้เขาช่วย
“ได้เลย นายสามารถนำวิชาดาบ ‘สิบแปดกระบวนท่าดาบแห่งนรก’ ไปได้เลย ฉันคิดว่ามันคู่ควรกับนายมากเลยนะ นายควรจะฝึกมันให้เก่งๆไปเลย แถมยังมีชื่อเท่ๆด้วย ฉันว่ามันเจ๋งดีออก แล้วก็ นายจะเอา ‘ดาบแห่งนรก’ ไปด้วยก็ได้นะ ‘สิบแปดกระบวนท่าดาบแห่งนรก’ กับ ‘ดาบแห่งนรก’ เหมาะสมมาก”
หลังจากหวานจู๋จื่อนำขอทั้งสองชิ้นมาให้เฉินหลง เขาก็ได้ตัดการเชื่อมต่อกับอีกฝ่ายไป ดูเหมือนว่าเขาจะติดใจการเล่นสนุกซะแล้วสิ
*何 nani นานิ = อะไร
**おねがいします! โอเนไกชิมัส = ได้โปรดเถอะ! ฉันขอร้องคุณ!
***きもい! kimoi คิโม่ย = อี๋ ทุเรศ อุบาทว์ หยะแหยง
TB:บทที่ 214 เมดบาร์
เขาขอข้ามสิบแปดกระบวนท่าดาบแห่งนรกไปก่อนก็แล้วกัน เพราะตอนนี้เฉินหลงได้ให้ความสนใจกับดาบแห่งนรกที่อยู่ตรงหน้ามากกว่า
แค่ได้ยินชื่อดาบแห่งนรกก็น่าเกรงขามแล้ว เมื่อได้เห็นดาบกับตาตัวเอง มันช่างน่าเกรงขามจริงๆ รูปร่างของมันคล้ายกับดาบสองคม มีน้ำหนักประมาณ 20 ชั่ง*เห็นจะได้ ใบมีดมีสีเข้มแต่กลับแหลมคมมาก เฉินหลงลองดึงผมของตัวเองออกมาหนึ่งเส้น แล้วนำเส้นผมไปทดลองความคมของมัน ผลปรากฏว่าดาบเล่มนี้สามารถตัดเส้นผมของเขาได้อย่างง่ายดาย โดยที่เขาไม่ต้องออกแรงเลยแม้แต่น้อย
ส่วนด้ามจับของดาบมีการแกะสลักขนาดเล็กเอาไว้หลายตัว เฉินหลงเลื่อนสายตาเข้าไปมองมันใกล้ๆ และพบว่ามันเป็นรูปแบบนรกคู่
อย่างไรก็ตาม รูปแกะสลักขนาดเล็กเหล่านี้ไม่ได้มีผลต่อความรู้สึกในการถือดาบแต่อย่างใด
หลังจากที่ได้มองดูดาบแห่งนรกจนหนำใจแล้ว เฉินหลงก็ได้ศึกษาวิชาดาบนรกสิบแปดกระบวนท่า
วิชาดาบนี้มีทั้งหมดสิบแปดกระบวนท่า กระบวนท่าแต่ละกระบวนท่าสอดคล้องกับชั้นของนรก หากนำวิชาดาบนี้มาใช้ คู่ต่อสู้ก็จะถูกส่งไปยังนรกทันที
หลังจากศึกษาวิชาดาบแล้ว เฉินหลงได้ชักดาบออกจากฝัก เพื่อลองใช้กระบวนท่าที่หนึ่ง
ในตอนที่ลองใช้วิชาดาบ ทันใดนั้นเฉินหลงก็ได้ยินเสียงร้องของวิญญาณที่อยู่ในห้องนี้ ในเวลาเดียวกัน กระบวนท่านี้ไม่ได้ทรงพลัง เห็นได้ชัดว่าดาบเล่มนี้สามารถสังหารคนได้ แค่เขาแกว่งดาบ ศัตรูก็ถูกสังหารแล้ว คราวนี้ ถ้าคู่ต่อสู้ขยับตัว ก็เท่ากับว่าอีกฝ่ายเลือกที่จะตายไวขึ้น
‘เป็นกระบวนท่าที่ทรงพลังมาก เหมือนกับว่าอีกฝ่ายถูกนรกกระชากลิ้นไป’ หลังจากลองใช้กระบวนท่าแรกไป เฉินหลงรู้สึกได้ว่ากระบวนท่า “กระชากลิ้น” นี้รุนแรงมากจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ด้วยวิชาดาบและดาบเล่มนี้ ในการต่อสู้กับศัตรูในอนาคต เขาไม่จำเป็นต้องใช้ระฆังทองอีกต่อไปแล้ว
‘อีกอย่าง ถ้าเจสสิก้ากลับมาแล้ว เราค่อยเข้าไปที่เกมตอนกลางคืนเพื่อฝึกวิชาดาบก็แล้วกัน สงสัยจัง ว่า ‘อสูรเกราะ’ จะสามารถป้องกันการโจมตีของวิชาดาบของเราได้ไหม’ เฉินหลงพึมพำอยู่ในใจ
‘อสูรเกราะเหล็ก’ เป็นอสูรชนิดหนึ่งระดับพลังลมปราณ เนื่องจากร่างกายสามารถกลายพันธุ์เป็นผิวหนังชั้นนอกที่แข็งแกร่งซึ่งแทบจะทำลายไม่ได้ ในขอบเขตพลังลมปราณ การผสมผสานนั้นยากกว่า ‘อสูรลิงจอมคลุ้มคลั่ง’ เสียอีก มันเป็นหนึ่งในการแปลงร่างอสูรที่ยากที่สุดในขอบเขตลมปราณ
สองชั่วโมงต่อมา ในที่สุดเจสสิก้าและมัตสึชิตะก็ได้กลับมาที่วิลล่า
การที่เจสสิก้าเดินตามเขามาติดๆแบบนี้ ทำให้มัตสึโมชิไม่กล้าเล่นตุกติกเลยแม้แต่น้อย เพราะหญิงสาวที่อยู่ข้างกายเขาน่ากลัวอย่างกับนางมาร ขืนเขาทำอะไรตุกติกขึ้นมาจริงๆ มีหวัง อีกฝ่ายได้ลงมือฆ่าเขาอย่างไม่ลังเลแน่ เขาขอไม่เสี่ยงก็แล้วกัน คนอย่างเขารักตัวกลัวตาย
“นายท่าน ข้อมูลทั้งหมดอยู่ในยูเอสบีอันนี้ค่ะ” เจสสิก้าส่งยูเอสบีให้เฉินหลงด้วยความเคารพ
หลังจากที่รับยูเอสบีมาแล้ว เฉินหลงก็ได้หันไปส่งยิ้มให้เจสสิก้า “เยี่ยมมาก”
“นายท่าน แล้วเรื่องเงิน จะให้ผมทำยังไงกับมันดีครับ?” มัตสึชิตะ สึชิคุกเข่าต่อหน้าเฉินหลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ประจบประแจงอีกฝ่าย
“ดาบาร์ เอาหมายเลขบัญชีของคุณให้เขาไป” เฉินหลงกล่าว
ชายคนนี้ก็เป็นลูกน้องของเฉินหลง ยังไง พวกเขาก็ต้องอยู่ข้างกายเขา พวกเขาไม่มีทางทำอะไรลับหลังเขาแน่ นอกจากนี้ เขาก็ต้องให้พวกเขาได้กินได้ใช้เงินบ้าง เขาจึงให้อีกฝ่ายโอนเงินเข้าบัญชีดาบาร์เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน
ดาบาร์จึงรีบบอกหมายเลขบัญชีของแก๊งให้กับมัตสึชิตะ โดยที่มัตสึชิตะเองก็ได้โอนเงินหนึ่งพันล้านเข้าบัญชีของเขาไปอย่างไม่ลังเลเหมือนก่อนหน้านี้
หลังจากที่โอนเงินเข้าบัญชีตามคำสั่งแล้ว มัตสึชิตะ สึชิก็หันมามองเฉินหลงด้วยท่าทางที่เหมือนกับหมาปั๊กกำลังมองเจ้าของของมัน เขาตั้งตารอให้เฉินหลงพูดกับเขาว่า ‘เสร็จเรื่องแล้ว ไปได้’ อย่างมีความหวัง
“อ้อ ผมอยากรู้ว่าแก๊งที่เอาเงินของคุณไปชื่ออะไรแล้วก็พวกเขาอยู่ที่ไหน?” เฉินหลงเอ่ยถาม
“นายท่าน เรื่องนี้ผมไม่รู้จริงๆครับ” ถึงเฉินหลงจะเตรียมใจกับคำตอบของอีกฝ่ายเอาไว้ตั้งแต่แรก แต่ เขาก็ยังรู้สึกผิดหวังอยู่ดี
“ถ้างั้น คุณติดต่อกับพวกเขายังไงล่ะ?” เฉินหลงถามต่อ
มัตสึชิตะได้บอกว่าเขาติดต่อกับแก๊งซากุระยังไงและมอบหมายงานให้คนพวกนั้นยังไงให้เฉินหลงเข้าใจ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่รู้ว่าสมาชิกของแก๊งซากุระมีใครบ้างอยู่ดี
“อืม… ก็แค่นั้นแหละ แต่การมาที่ญี่ปุ่นในครั้งนี้ พวกผมยังไม่ได้หาที่พักเลย เอาเป็นว่า พวกผมขออาศัยอยู่ที่นี่กับคุณก่อนสักสองสามวันได้ไหม?” ในตอนนี้เขารู้วิธีติดต่อกับแก๊งซากุระแล้ว เขาจะอยู่ที่นี่ต่อและหาโอกาสตามหาตัวพวกเขา ถ้าพวกเขามีปรมาจารย์ระดับกำเนิด ค่อยลักพาตัวเขามาเป็นพวกด้วย แต่ถ้าไม่มีก็อาจไว้ชีวิตหรือไม่ก็ไล่ฆ่าให้ตายๆไปให้หมดเลยแล้วกัน
“ไฮ้**! เรื่องแค่นี้ทำไมจะไม่ได้ละครับ เชิญพวกคุณพักได้ตามสบายเลยครับ! เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่บ้านซอมซ่อของมัตสึชิตะคนนี้จะได้เป็นที่พักพิงให้พวกคุณทุกคนในช่วงสองสามวันนี้!” มัตสึชิตะรีบตอนทันควัน นอกจากนี้บนใบหน้าของเขายังแสดงถึงการให้เกียรติอย่างยิ่งอีกด้วย
ส่วนในใจของเขากลับรู้สึกขมขื่น แล้วคนอย่างเขาจะใช้ชีวิตกับปีศาจพวกนี้ในบ้านของตัวเองได้ยังไงล่ะ? อ๊ากกกกก! ม่ายยยยยน้าาาาาาาา!
เฉินหลงไม่ตอบ ทำเพียงแค่ส่งยิ้มเท่านั้น
เฉินหลงรู้ดีว่ามัตสึชิตะคิดอะไรอยู่ในใจ แต่เขาก็ไม่สนมันอยู่ดี ถ้ามัตสึชิตะ สึชิคนนี้รู้สึกยินดีอย่างที่เขาพูดไว้จริงๆ เฉินหลงคงจะประหลาดใจไม่น้อย
โชคดีที่วิลล่าของมัตสึชิตะ สึชิมีพื้นที่มากพอที่จะให้คนทั้งหกคนรวมถึงเฉินหลงอาศัยอยู่ได้
หลังจากพาเฉินหลงไปยังห้องพักแล้ว มัตสึชิตะ สึชิก็พร้อมชิ่ง แต่ก่อนที่เขาจะได้ก้าวออกจากห้อง เฉินหลงก็ได้พูดขึ้นมาว่า “นี่ คุณอย่าคิดเรื่องหนีเลยนะ เสียแรงเปล่าๆ ยังไงพวกเขาก็จะไปตามตัวคุณมาให้ได้อยู่ดี ถ้าพวกเขาจับคุณได้ ขอบอกเลยว่าคุณจบไม่สวยแน่ เพราะยังไงตอนนี้พวกเราก็ไม่ต้องการคุณแล้ว ถ้าคิดจะทำอะไร ก็คิดให้ดีๆล่ะครับ อ้อ นี่ผมไม่ได้ขู่นะครับ ผมแค่เตือนด้วยความหวังดีเฉยๆ”
“นายท่าน! ผมไม่หนีหรอกครับ!” มัตสึชิตะ สึชิที่พร้อมหนีในตอนกลางคืน ได้ล้มเลิกความคิดนี้ไปทันทีหลังจากได้ยินคำพูดของเฉินหลง ผมไม่หนีแล้ว ผมกลัวแล้ว ฮือออออ
หลังจากที่มัตสึชิตะเดินออกไปจากห้องแล้ว เฉินหลงก็ได้นำเครื่องสวมศรีษะออกมาแล้วสวมไว้บนศีรษะ เขาเข้าไปในเกมแล้วทำการฝึกวิชาดาบต่อ
สามวันต่อมา เฉินหลงได้เดินทางออกไปจากวิลล่าพร้อมกับดาบาร์เพื่อตามหาแก๊งซากุระที่มัตสึชิตะได้ติดต่อให้ก่อนหน้านี้
ด้วยระบบอัจฉริยะ ตราบเท่าที่เขาติดตามร่องรอยของมัตสึชิตะได้จากการการติดต่อกับเขาก่อนหน้านี้ เขาสามารถล็อคตำแหน่งของอีกฝ่ายได้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะกำจัดร่องรอยทั้งหมด แต่หลังจากที่ทำการติดต่อกับมัตสึชิตะแล้ว เขาก็ยังล็อคตำแหน่งของอีกฝ่ายได้ด้วยการค้นหาของระบบอัจฉริยะ ซึ่งเป็นการบดขยี้ในระดับของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
อย่างไรก็ตาม เจสสิก้าได้รับคำสั่งให้จับตาดูมัตสึชิตะ เธอจึงไม่ได้ติดตามเจ้านายของเธอไป ทำให้ตอนนี้เธอไม่สบอารมณ์สุดๆ ต้องอยู่กับไอ้สุนัขนี่ หงุดหงิดเป็นบ้าเลย! ส่วนอีกฝ่ายที่เห็นเจสสิก้าอารมณ์ไม่ค่อยดี มัตสึชิตะจึงมีท่าทางสงบเสงี่ยมเจียมตัวมากเป็นพิเศษ เขากลัวว่านางมารคนนี้จะโมโหขึ้นมาแล้วทุบตีเขาอีก
หลังจากฝึกวิชาสิบแปดกระบวนท่าดาบแห่งนรกในเกมเป็นเวลาสามวัน ทำให้ตอนนี้เฉินหลงได้พัฒนาฝีมือจนเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ อสูรเกราะประมาณหนึ่งพันหรือแปดร้อยตัวในเกม ไม่มีตัวไหนที่ไม่ตายด้วยน้ำมือของเฉินหลงเลยสักตัว
‘อสูรเกราะ’ เป็นสัตว์กลายพันธุ์ชนิดหนึ่ง ก่อนการกลายพันธุ์มีเป็นร่างกายเหมือนกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แต่หลังจากการกลายพันธุ์แล้ว ขนาดตัวของพวกมันก็จะขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดเท่ากับรถถัง และเปลือกนอกที่หุ้มร่างของมันก็จะแข็งแกร่งเหมือนกับเหล็ก ดังนั้นการโจมตีทั่วไปไม่มีทางจัดการพวกมันได้ง่ายๆ
อย่างไรก็ตาม กระบวนท่าดาบของเฉินหลงในการโจมตีแต่ละครั้งสามารถจัดการอสูรที่เหลือให้ตายได้ภายในดาบเดียว นอกจากนี้ ร่างกายของอสูรเกราะเป็นสิ่งล้ำค่ามาก เปลือกของมันสามารถใช้เป็นเกราะป้องกัน กรงเล็บสามารถใช้เป็นอาวุธและอาหารได้ หลังจากใช้งานสามารถปรับปรุงความแข็งแกร่งของพวกมันได้เล็กน้อย นอกจากพวกมันจะทำให้เฉินหลงสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองในเกมได้แล้ว ยังช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาในชีวิตจริงได้อีกด้วย แต่ถึงอย่างนั้น การวิวัฒนาการนี้ก็ยังห่างไกลจากขอบเขตพลังลมปราณอยู่ดี
ระบบอัจฉริยะได้ปักตำแหน่งในการติดต่อในครั้งนี้ที่บาร์แห่งหนึ่งในเมืองหยู่เทียนชวน จังหวัดซือกู เฉินหลงถึงกับอึ้งในทันทีที่เขาไปถึงบาร์ที่มีชื่อว่าบ้านเผิงไหล
เฉินหลงนึกว่าภายในบาร์แห่งนี้น่าจะเหมือนกับในหนังสักเรื่องที่มีพวกทหารรับจ้างกำลังนั่งดื่มกันอยู่ แต่สิ่งที่เฉินหลงได้เห็นกับตานี่มันเหนือความคาดหมายของเขาไปไกลแสนไกล
เพราะในตอนที่เขาได้เห็นคนสวมชุดเมด***ยืนอยู่หน้าประตูร้าน เฉินหลงนึกถึง ‘เมดคาเฟ่****’ ขึ้นมาทันที
* 斤 (jīn, จิน) 1 จิน เท่ากับ ครึ่งกิโลกรัม หรือ 500 กรัม มักเรียกจินว่า ชั่ง
**はい (ไฮ้) = ค่ะ/ครับ
***ชุดเมด คือชุดสาวใช้น่ารักๆ
****เมดคาเฟ่ คือคอนเซ็ปท์คาเฟ่มีสาวๆ ใส่ชุดสาวใช้สไตล์ยุโรปสุดน่ารักคอยให้บริการลูกค้า
TB:บทที่ 215 โบรกเกอร์เถื่อน
เมื่อเห็นชายทั้งห้าคนรวมถึงเฉินหลงกำลังตรงเข้ามา เมดสาวหน้าตาน่ารักสองคนที่ยืนอยู่หน้าประตูส่งยิ้มหวานพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “ยินดีต้อนรับสู่บ้านเผิงไหลค่ะ! นายท่าน!”
เหล่าเมดจะเรียกแขกทุกคนที่มาดื่มที่บาร์ว่า ‘นายท่าน’
หลังจากที่เฉินหลงและคนทั้งสี่เดินเข้าไปในบาร์ พวกเขาก็ได้พบเจอกับผนังที่ถูกตกแต่งด้วยรูปการ์ตูนต่างๆมากมาย
ในเวลาเดียวกัน หญิงสาวที่แต่งชุดเมดเดินเข้ามาพร้อมกับโค้งตัวให้พวกเขาแล้วพูดด้วยท่าทางน่ารัก “นายท่านกลับมาแล้ว!”
จากนั้นเธอก็พาชายห้าคนไปยังโต๊ะที่ยังว่างอยู่ เธอถามพวกเขาว่า “นายท่าน รับดื่มอะไรดีคะ?”
เฉินหลงสั่งไวน์ให้ทุกคน คนละหนึ่งแก้ว จากนั้นก็ได้เพลิดเพลินกับการเต้นรำของเหล่าเมดในบาร์
บาร์แห่งนี้เป็นการผสมผสานระหว่างบาร์และคาเฟ่ คุณสามารถดื่มและชมการแสดงเมดสาวได้ในเวลาเดียวกัน บาร์แบบนี้เป็นที่นิยมมากในที่นี่ สำหรับผู้ชายส่วนใหญ่ที่มีความกดดันมหาศาลจากการทำงาน พวกเขาชอบมาที่นี่เพื่อคลายเครียด
ในขณะเดียวกัน สถานที่ดังกล่าวก็เป็นสถานที่ปกปิดที่ดีที่สุดเช่นกัน ถ้าไม่ใช่เพราะระบบอัจฉริยะพบที่ติดต่อที่นี่ เฉินหลงคงไม่คิดว่านี่คือที่ติดต่อของแก๊งซากุระ ถึงแม้ว่าเขาจะเคยมาที่นี่แล้วก็ตาม
ในตอนนี้ ระบบอัจฉริยะยังได้ล็อคคอมพิวเตอร์ที่เครื่องคิดเงิน ที่เป็นครั้งล่าสุดที่มัตสึชิตะติดต่อกับเขา
คนที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นสาวน้อยในชุดเมดหน้าตาน่ารักวัยยี่สิบปี ในตอนที่เธอเห็นว่าเฉินหลงกำลังมองมาทางตัวเองอยู่ หญิงสาวจึงส่งยิ้มเห็นฟันขาวเกลี้ยงเกลาและดวงตากลมที่ได้เปลี่ยนเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวให้เฉินหลง รอยยิ้มนี้ให้ความรู้สึกว่าเธอไม่ได้เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์ คือมันน่ารักมาก น่ารักฝุดๆไปเลย
ในขณะเดียวกัน หญิงสาวคนหนึ่งได้วิ่งกลับมาดูรอยยิ้มของเธอ
สาวแคชเชียร์ทำหน้าที่ตามปกติ ในตอนที่มีแขกมาเช็คบิล เธอก็จะส่งยิ้มหวานและยื่นเงินให้แขกด้วยความสุภาพ
หลังจากที่ใช้เวลาอยู่ในบาร์ถึงหนึ่งชั่วโมงเต็ม เฉินหลงและคนอื่นๆอีกสี่คนก็ได้ออกจากบาร์ไปพร้อมกับเครื่องติดตาม หลังจากนี้ไม่ว่าหญิงสาวคนนี้จะทำอะไรอยู่ เธอก็จะอยู่ในสายตาของเฉินหลงตลอดเวลา
เวลา 23.00 น. บาร์แห่งนี้ได้ปิดการใช้บริการแล้ว พนักงานต้อนรับของบาร์จึงไปที่ห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนจากชุดเมดให้กลับมาเป็นชุดปกติ
ในทำนองเดียวกัน สาวแคชเชียร์เองก็ทำการเปลี่ยนชุดเมดที่ตัวเองสวมอยู่เช่นกัน
การเปลี่ยนเสื้อผ้าร่วมกันของเหล่าหญิงสาว เฉินหลงก็ได้ทราบชื่อของหญิงสาวที่เครื่องคิดเงิน เธอมีชื่อว่า มิจิโกะ
หลังจากปิดประตูร้านแล้ว มิจิโกะได้กล่าวลาเพื่อนร่วมงานแล้วเดินออกไปจากที่นี่ตามลำพัง
ในตอนที่เขาเห็นมิจิโกะ เธอดูไม่เปลี่ยนไปเลย เฉินหลงไม่แปลกใจเลยจริงๆว่าทำไมเขาถึงจำคนไม่ผิด
ในตอนที่เขาอยู่ในบาร์เมื้อกี้นี้ เฉินหลงไม่ได้ใช้เครื่องดักจับเพื่ออ่านข้อมูลของหญิงสาว ถ้าเขาได้พบกับเธออีกครั้ง เขาจะใช้เครื่องดักจับเพื่อดูข้อมูลของอีกฝ่าย ชีวิตของธออาจเต็มไปด้วยเรื่องสนุกและเรื่องตื่นเต้นก็ได้ ใครจะไปรู้
แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่เฉินหลงคิดจะผิดพลาดไปหน่อย จู่ๆเขาก็เห็นมิจิโกะหยุดเดินแล้วเดินวกกลับไปที่ร้าน
‘อย่างกับในละครเลยแฮะ’
มิจิโกะเดินกลับไปที่บาร์และสอดส่องดูรอบๆ หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว มิจิโกะก็หยิบกุญแจออกมาไขประตู แล้วเข้าไปข้างในพร้อมกับล็อคประตูจากด้านในบาร์อีกที
ในตอนที่เธอเดินไปจนถึงเครื่องคิดเงินสด มิจิโกะก็เปิดคอมพิวเตอร์ ป้อนตัวเลขและเข้าไปที่อินเทอร์เฟส* ในอินเทอร์เฟสมีข้อความอยู่สองข้อความ หลังจากที่อ่านข้อความทั้งสองข้อความอย่างละเอียดแล้ว มิจิโกะได้เข้าไปที่อินเทอร์เฟสอื่นและส่งทั้งสองข้อความไป
หลังจากนั้น มิจิโกะก็จ้องอยู่ที่หน้าจอคอมเพื่อรอการตอบกลับ
ใช้เวลาไม่นาน มิจิโกะก็ได้รับการตอบรับ ในนั้นส่งมาว่า ต้องทำงานทั้งสองงานให้เสร็จเรียบร้อยจึงจะได้รับค่าตอบแทน
หลังจากได้รับการตอบกลับ มิจิโกะก็ส่งข้อความตอบอีกฝ่าย จากนั้นก็ส่งกลับไปให้คนที่สั่งงานนั้น แต่ค่าตอบแทนที่เธอจะได้รับสูงแค่ 10% ซึ่งเป็นค่าตอบแทนที่เธอได้รับในฐานะตัวกลาง อย่างไรก็ตามในฐานะตัวกลาง เธอสามารถลดความเสี่ยงของทั้งสองฝ่ายได้ แต่เธอหาคำตอบได้ง่าย ดังนั้น 10% จึงเป็นราคาที่เหมาะสมมาก
บาร์แห่งนี้เป็นของคนที่รักในหนังสือการ์ตูนเรื่องนี้ แต่จริงๆแล้ว มิจิโกะต่างหากเป็นเจ้าของ จริงๆแล้วเจ้าของในนามคนนั้นเป็นเพื่อนของมิจิโกะ ในฐานะแคชเชียร์ มิจิโกะสามารถใช้คอมพิวเตอร์ได้ทุกวัน นับว่าเป็นการปกปิดข้อมูลได้ดีมาก และที่นี่คือเมดบาร์ ใครจะไปคิดล่ะว่าเมดแคชเชียร์คนนี้จะเป็นถึงโบรกเกอร์เถื่อน
หลังจากที่ได้รับเงิน มิจิโกะก็ระบายยิ้มออกมาด้วยความพอใจ
หลังจากปิดคอมพิวเตอร์ มิจิโกะก็เปิดประตูร้านและเตรียมตัวจากไปจากที่นี่ แต่ในตอนที่เธอเปิดประตูออกมาจากร้าน เธอก็ได้พบกับเฉินหลงและคนอื่นๆอีกสี่คน เธอถึงกับอึ้ง ขมวดคิ้วขึ้นและแสดงสีหน้าตกใจออกมา “คุณลูกค้าคะ ตอนนี้ร้านของเราปิดแล้วค่ะ ถ้าคุณต้องการมาดื่มที่นี่ รบกวนรอร้านเปิดพรุ่งนี้นะคะ”
หลังจากนั้นเธอก็ทำการล็อคประตู
เธอจำได้ว่าเฉินหลงเคยมาที่ร้านเธอก่อนหน้านี แต่ตอนนี้ ทำไมจู่ๆเขาถึงได้มาปรากฏตัวอยู่หน้าร้านได้ล่ะ? ในใจของมิจิโกะรู้สึกถึงรางร้าย
“เรื่องนั้น ไม่ต้องห่วง พวกเราไม่ได้จะมาดื่ม พวกเรามาหาคุณครับ” เฉินหลงตอบกลับเป็นภาษาจีนด้วยรอยยิ้ม
น่าเสียดายที่มิจิโกะเข้าใจภาษาจีน แถมยังรู้ด้วยว่าเฉินหลงหมายถึงอะไร แต่เธอก็ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้ แล้วตอบเขาเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า “เอ๋? ซุมิมาเซน** ฉันไม่เข้าใจภาษาจีนค่ะ ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะคะ ฉันขอตัวก่อนนะคะ”
เมื่อรู้ว่าเฉินหลงกำลังตามหาตัวเองอยู่ มิจิโกะก็เตรียมชิ่ง!
ในตอนที่หนุ่มจีนคนนี้มาปรากฏตัวอยู่ตรงนี้ มิจิโกะจะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมาเพื่อแสดงความรักของตัวเอง ความเป็นไปได้หนึ่งเดียวที่เธอคิดออกคือ อีกฝ่ายรู้ว่าเธอเป็นโบรกเกอร์เถื่อน!
“ผมรู้ว่าคุณเข้าใจ ไม่ใช่ว่าคุณเป็นตัวกลางของแก๊งซากุระเหรอครับ หาเงินแบบนี้ง่ายเกินไปรึป่าวเนี่ย?” ในสายตาของเฉินหลง เธอไม่สามารถปิดบังเฉินหลงได้เลย
ในเมื่อเฉินหลงรู้แล้ว เธอก็จะไม่ปิดบังมันอีกต่อไป เปิดประตูเข้าไปคุยกันในร้าน เธอได้พูดกับเฉินหลงเป็นภาษาจีนอย่างตรงไปตรงมาและคล่องแคล่ว “คุณเป็นใคร? แล้วทำไมคุณถึงรู้ตัวตนของฉันได้?”
ในเวลานี้ รอยยิ้มหวานๆที่เคยประดับอยู่บนใบหน้าของมิจิโกะได้หายไปแล้วเรียบร้อย
“คุณไม่จำเป็นต้องรู้ว่าผมเป็นใครหรอก แค่บอกผมมาว่าแก๊งซากุระอยู่ที่ไหนก็พอ พวกเราจะจากไปดีๆ แล้วคุณก็จะได้เป็นโบรกเกอร์เถื่อนได้อย่างสบายใจต่อไปครับ” เฉินหลงคลี่ยิ้มบางๆให้อีกฝ่าย
มิจิโกะเป็นแค่คนธรรมดา เฉินหลงจึงไม่ได้สนใจเธอเป็นพิเศษ
“ฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆค่ะ ฉันเป็นแค่ตัวกลาง ฉันไม่รู้ว่าแก๊งซากุระอยู่ที่ไหน…” มิจิโกะตอบด้วยรอยยิ้มหวานๆที่กลับมาประดับบนใบหน้าอีกครั้ง
“แน่ใจนะ? อ้อ ผมลืมบอกคุณไปอย่างหนึ่ง ผมมีความสามารถพิเศษนะ ผมสามารถบอกได้ว่าสิ่งที่คนอื่นพูดนั้นเป็นเรื่องจริงหรือว่าเรื่องโกหก ตอนนี้ผมรู้สึกหนักใจนิดหน่อย เพราะไม่มีใครโกหกผมได้ อีกอย่างคือผมไม่ชอบให้คนอื่นมาโกหกซะด้วยสิ… ” เฉินหลงจ้องมองมิจิโกะไม่วางตา
*Interface (อินเตอร์เฟส) คือตัวประสาน ซึ่งหมายถึง การเชื่อมต่อกันระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์กับเตรื่องคอมพิวเตอร์ สามารถถ่ายโอนข้อมูลซึ่งกันและกันได้
**すみません (สุมิมาเซน) แปลว่า ขอโทษ ในที่นี่ประมาณว่า sorry excuse me?
TB:บทที่ 216 ผมจะฆ่าคุณซะ!
ได้ยินเฉินหลงพูดแบบนั้น สีหน้าของมิจิโกะได้เปลี่ยนสีเล็กน้อย อย่างกับคนมีพิรุธ “ฉันเป็นแค่คนกลางจริงๆ ฉันติดต่อกับพวกเขาผ่านทางอินเทอร์เน็ต ฉันไม่รู้จริงๆว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน ถึงคุณจะฆ่าฉันให้ตาย ฉันก็จะบอกคุณว่าฉันไม่รู้อยู่ดีค่ะ”
มิจิโกะไม่เชื่อในสิ่งที่เฉินหลงพูด แต่เธอก็ได้ตอบคำถามของเฉินหลงไป มิจิโกะได้บอกทุกอย่างให้เขารู้ว่า เธอเป็นโบรกเกอร์เถื่อนที่ทำงานแบบนี้มานานแล้วเท่านั้น
เฉินหลงหัวเราะเบาๆอย่างกับคนใสซื่อ จากนั้นก็พูดเรื่องที่ต่างออกไปจากก่อนหน้านี้ “ผมรู้ว่าในฐานะคนกลางอย่างคุณต้องใช้คอมพิวเตอร์เก่งมาก ด้วยวิธีนี้เราสามารถล้างบันทึกทุกประเภทที่จะทิ้งร่องรอยของหลักฐานเอาไว้บนอินเทอร์เน็ตได้ อย่างเช่นการสนทนาและการโอนเงิน ด้วยวิธีนี้ ถึงตำรวจจะจับคุณได้ แต่พวกเขาก็ไม่มีพบหลักฐานในคอมพิวเตอร์ของคุณได้อยู่ดี ผมคิดว่า…”
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินหลง มิจิโกะไม่ได้ตอบอีกฝ่ายในทันที เธอรอให้เฉินพูดต่อจนจบประโยค
“ตอนนี้ คุณลองกลับไปที่ร้านแล้วลองเช็คคอมของคุณดูสิครับ คุณอาจเจอเรื่องเซอร์ไพรซ์นิดหน่อย” เฉินหลงพูดต่อจนจบประโยค
เมื่อเห็นท่าทางของเฉินหลงแล้ว เขาคงไม่ได้ล้อเธอเล่น เมื่อคิดได้ มิจิโกะก็กลับไปที่ร้านแล้วเปิดคอมในทันที
ไม่นาน ใบหน้าของมิจิโกะก็บิดเบี้ยวจนดูน่าเกลียดมาก เพราะเธอเห็นว่ารายการทั้งหมดที่เธอได้ทำการลบไปแล้ว กลับหลงเหลืออยู่ในคอมพิวเตอร์ของเธอ
“ของขวัญเล็กๆน้อยๆจากผมไม่เลวเลยใช่ไหม?” เฉินหลงเดินตรงไปยังเครื่องคิดเงิน จากนั้นก็หันไปพูดกับมิจิโกะด้วยรอยยิ้ม
“ชิ! ก็ได้ นายชนะแล้ว!” มิจิโกะไม่รู้ว่าเฉินหลงดึงบันทึกที่เธอตั้งใจลบทีละรายการนี้มาได้ยังไง เธอจึงต้องยอมรับความพ่ายแพ้ไปแต่โดยดี “เมื่อสามปีก่อน มีผู้ชายคนหนึ่งชื่อ โยชิดะ มาหาฉัน เขาให้ฉันเป็นคนกลางของแก๊งซากุระ”
“แล้วคุณรู้ไหมว่าเขาอยู่ที่ไหน” เฉินหลงเอ่ยถาม
“รู้สิ ฉันเคยถามเขาตอนที่เขามาหาฉัน”
จะว่าไป ข้อมูลที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ของมิจิโกะคือข้อมูลที่ส่งมาจากโยชิดะ มัตสึอิจิ นี่นา…
เฉินหลงอ่านข้อมูลของโยชิดะ มัตสึอิจิ จากข้อมูล เขาเป็นแค่ชาวญี่ปุ่นที่โคตรจะธรรมดาเลย
หลังจากที่เฉินหลงได้อ่านข้อมูลของโยชิดะแล้ว มิชิโกะได้พูดขึ้นมาว่า “ฉันก็รู้แค่นี้ ถ้านายไม่เชื่อ ฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้วนะ”
“เฮ้ เดี๋ยวสิ ผมยังไม่ได้บอกเลยว่าผมไม่เชื่อคุณ” เฉินหลงตอบ “อืม… จะว่าไป พวกเราก็รบกวนคุณมาสักพักแล้ว ตอนนี้คงได้เวลาที่พวกผมต้องไปแล้วล่ะ”
ด้วยเหตุนี้ เฉินจึงเดินออกไปจากบาร์พร้อมกับดาบาร์และคนที่เหลืออีกสามคน
หลังจากที่เฉินหลงกลับไปแล้ว มิจิโกะที่นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงนำเมนบอร์ด*ออกจากเมนเฟรมคอมพิวเตอร์** จากนั้นก็ออกไปจากบาร์พร้อมกับกระเป๋าหนึ่งใบ
จากนั้นเธอกลับไปที่อพาร์ตเมนต์ของตัวเอง เธอได้โยนของพวกนั้นลงในอ่างอาบน้ำจากนั้นก็เอาค้อนมาทุบให้แหลกเป็นเศษเหล็ก
เมื่อมองไปที่เมนบอร์ดกับฮาร์ดดิสก์ที่ถูกทุบจนเป็นเศษเหล็ก มิจิโกะก็เข้านอนด้วยความสบายใจ
เขาไม่รู้ว่าข้อมูลของมาซาโกะ โยชิดะจริงเท็จแค่ไหน แต่น่าจะจริงเพราะเฉินหลงค้นหาโยชิดะเจอด้วยเครื่องดักจับ ตอนนี้เขาอยู่ในเขตชิซุโอกะห่างจากโตเกียวกว่า 100 กิโลเมตร ด้วยเหตุนี้คนทั้งห้าคนรวมถึงเฉินหลงทำได้แค่กลับไปที่วิลล่ามัทสึชิตะก่อน แล้วค่อยออกเดินทางไปยังชิซุโอกะในวันพรุ่งนี้เพื่อชมภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งประเทศญี่ปุ่น
เมื่อเห็นเฉินหลงกลับมาแล้ว มัตสึชิตะ สึชิอดไม่ได้ที่จะทำการต้อนรับเจ้านายของตนเหมือนกับสุนัขตัวหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นเฉินหลงก็ไม่มีรางวัลอย่างกระดูกให้เขาหรอกนะ
หลังจากพักผ่อนเป็นที่เรียบร้อย วันรุ่งขึ้นหลังจากที่ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว เฉินหลงก็พาคนสี่คนไปยังชิซุโอกะทันที
“นายท่าน! ฉันขอไปกับคุณด้วยได้ไหมคะ? ฉันเบื่อที่ต้องมานั่งจับตาดูผู้ชายคนนี้แล้ว ถ้าคุณให้ฉันจับตาเขาอีกหนึ่งวัน ฉันอาจจะฆ่าเขาก็ได้นะคะ” จู่ๆเจสสิก้าก็พูดขึ้น
เมื่อได้ยินคำพูดของเจสสิก้า มัตสึชิตะก็ตัวสั่นแบบมีสาเหตุ จากนั้นก็ได้คุกเข่าลงต่อหน้าเฉินหลงแล้วขอร้องอ้อนวอนเขา “นายท่าน นายท่าน จริงๆแล้ว ผม…ผมก็อยากตามคุณไปด้วย ได้โปรด อย่าทิ้งพวกเราไว้ที่นี่เลยนะ”
หลังจากที่ถูกเจสสิก้าทำร้ายมาจนนับครั้งไม่ถ้วน มัตสึชิตะรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่พูดคำไหนคนนั้น ถ้าเธอบอกว่าจะฆ่าเขา เธอก็จะฆ่าเขาจริงๆ ด้วยเหตุนี้ เขาได้แต่หวังว่าเฉินหลงจะยอมพาพวกเขาทั้งสองคนไปด้วย เผื่อว่าชีวิตของเขาจะปลอดภัย
“เฮ้อ… ก็ได้ จะมาก็มา” มัตสึชิตะ สีชิคนนี้ทำให้เฉินหลงไม่มีทางเลือก เขาไม่นึกเลยว่าเจสสิก้ายังมีอารมณ์ฉุนเฉียวอยู่
เห็นว่าเฉินหลงอนุญาตให้นางมารตามไปด้วยแล้ว มัทสึชิตะ สึชิก็รู้สึกโล่งใจทันที ชีวิตของสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆอย่างเขาปลอดภัยแล้ว
หลังจากนั้น เฉินหลงและพรรคพวกก็ออกเดินทางไปยังชิซุโอกะโดยใช้รถราง
หลายชั่วโมงผ่านไป พวกเขาก็ได้มาถึงชิซุโอกะแล้ว
เมื่อเทียบกับโตเกียวแล้ว ชิซุโอกะเป็นแค่พื้นที่ชนบท แต่ก็มีทิวทัศน์ที่สวยงามมาก
ถึงอย่างนั้น เฉินหลงก็ไม่ได้มาที่นี่เพื่อชมทิวทัศน์สักหน่อย หลังจากล็อกตำแหน่งของโยชิกะ มัทสึอิจิแล้ว เฉินหลงและคนอื่นๆก็รีบออกเดินทางในทันที
โยชิดะ มัตสึอิจิอาศัยอยู่ในบ้านพักธรรมดาในชิมิซุในเขตชิซุโอกะ
ในตอนที่เฉินหลงและคนอื่นๆได้พบกับโยชิดะ มัตสึอิจิ เขาสวมชุดที่เป็นทางการ ในมือถือกระเป๋าเอกสาร ดูเหมือนกับพนักงานออฟฟิศทั่วไป ส่วนคนที่ข้างหลังเขาคือหญิงสาวคนหนึ่งกับเด็กผู้หญิงอายุประมาณสองถึงสามขวบที่เดินมาส่งเขาข้างนอก
ทันทีที่ได้เห็นโยชิดะ มัตสึอิจิ เฉินหลงก็รู้ในทันทีว่าความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายมาถึงขอบเขตของสุดยอดปรมาจารย์แล้ว
ไม่ผิดแน่ คนนี้แหละ
เห็นว่ามีคนหลายคนรวมถึงเฉินหลงยืนอยู่ คิ้วของโยชิดะย่นเข้าหากันเล็กน้อย ถึงเฉินหลงกับคนอื่นๆได้เดินเข้ามาหาเขา แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าคนพวกนั้นมาที่นี่เพื่อมาหาเขา หลังจากใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมาหลายปี ดูเหมือนว่ามันกำลังจะสิ้นสุดลงแล้วสิ
โยชิดะบอกลาภรรยาและลูกสาว จากนั้นก็เดินออกไปจากบ้านพัก
“ช้าก่อนสิครับ คุณโยชิดะ” ในเวลาเดียวกัน มัตสึชิตะ สึชิก็ได้เรียกชื่อโยชิดะ มัตสึอิจิออกมา
เมื่อรู้ว่าเฉินหลงกำลังตามหาเขาอยู่จริงๆ โยชิดะ มัตสึอิจิกลับรู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก
“คุณหมายถึงผมเหรอครับ? ไม่ทราบว่าพวกเรารู้จักกันมาก่อนเหรอครับ?” โยชิดะหันกลับไปทางมัตสึชิตะ ผู้ชายคนนี้น่าจะเป็นลูกน้องของเขา
ถ้ามัตสึชิตะ สึชิคนนี้รู้ว่าโยชิดะคิดว่าเขาเป็นลูกน้อง เขาคงจะถูกบีบคอตายแล้วแน่ๆ อีกฝ่ายเป็นถึงหัวหน้าแก๊งมัตสึชิตะได้ยังไงกันนะ?
อันที่จริง โยชิดะจะคิดอย่างนั้นก็ไม่แปลก มัตสึชิตะถูกเจสสิก้าทำร้ายเป็นเวลาสองสามวัน ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยลมหายใจของลูกน้อง
มัตสึชิตะได้ตอบเขาไปว่า “ผมมีคำถามที่ต้องการคำตอบจากคุณ มันรบกวนเวลาของคุณไม่นานหรอกครับ”
“มีอะไรจะถามก็ถามมาเลยครับ ผมต้องไปทำงาน แล้วผมก็กำลังจะสายแล้ว” โยชิดะว่า ท่าทางของเขาดูร้อนรนเล็กน้อย
“แก๊งซากุระอยู่ที่ไหน?” จู่ๆเฉินหลงก็ถามขึ้นมา
โยชิดะแสดงสีหน้าไม่เข้าใจแล้วตอบว่า “ครับ? ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดเรื่องอะไร? ผมต้องไปทำงานแล้ว อย่าทำให้ผมต้องเสียเวลาอีกเลยครับ”
หลังจากนั้น โยชิดะก็หันหลังกลับพร้อมเดินจากไปจากตรงนี้
“ที่บ้านของคุณน่ะ อบอุ่นจังเลยนะครับ มีทั้งภรรยาแล้วก็ลูกสาวที่น่ารักขนาดนี้…” เฉินหลงพูดกับโยชิดะจากทางด้านหลัง ดวงตาของเขาได้จ้องมองไปยังบ้านพักของโยชิดะ
คำพูดของเฉินหลง ฟังแล้วเหมือนจะไม่มีอะไรแอบแฝง แต่สำหรับโยชิกะ มัตสึอิจิที่ได้ยินเขารู้ดีว่าคำพูดพวกนั้นเต็มไปด้วยคำขู่
“ถ้าคุณกล้าแตะต้องภรรยากับลูกสาวของผมแม้แต่ปลายเล็บ ผมจะฆ่าคุณซะ!” โยชิดะจ้องหน้าเฉินหลงด้วยสายตาที่ดุร้าย และพูดกับเขาโดยเน้นประโยคสุดท้ายทีละคำเป็นภาษาจีน
*เมนบอร์ด (Main Board) คือ อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ควบคุมและจัดการการทำงานของอุปกรณ์ชนิดต่างๆในเครื่องคอมพิวเตอร์
**เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (mainframe computer) คือคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่ใช้ในองค์กรเพื่อประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น