ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง 209-215

ตอนที่ 209 เซียวโหรว พอได้แล้ว!

 

สองวันต่อมาถังซีก็ลุกจากเตียงลงมาเดินเล่นไปมาในห้อง การได้เห็นถังซีเคลื่อนไหวได้อย่างปกติทำให้หยางจิ้งเสียนยิ้มออกมาอย่างโล่งอก “ในที่สุดลูกก็ลุกจากเตียงได้แล้ว แม่จะไปจัดการเรื่องออกจากโรงพยาบาลให้นะจ๊ะ” 


 


 


เธออยากให้ถังซีอยู่ในโรงพยาบาลอีกสักสองวัน แต่ถังซีปฏิเสธ ตอนนี้ 008 สามารถช่วยให้ร่างกายเธอแข็งแรงขึ้นได้แล้ว และเธอเบื่อกลิ่นโรงพยาบาลเต็มที 


 


 


เมื่อได้ยินว่าหยางจิ้งเสียนกำลังจะไปจัดการเรื่องออกจากโรงพยาบาลให้ ดวงตาถังซีก็เป็นประกายสดใส เธอรีบเรียกหยางจิ้งเสียนไว้ “คุณแม่คะ เดี๋ยวก่อนค่ะ หนูจะเก็บข้าวของแล้วไปพร้อมกับคุณแม่ เราจะได้ออกจากโรงพยาบาลเลยหลังจากจัดการเสร็จ หนูไม่อยากอยู่ในห้องผู้ป่วยนี้อีกแม้แต่วินาทีเดียว” 


 


 


หยางจิ้งเสียนมองหน้าถังซีด้วยรอยยิ้ม แล้วกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นรอสักครู่ แม่จะเก็บของให้เอง” 


 


 


ถังซีพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม นั่งเท้าคางรอบนโซฟา มองดูหยางจิ้งเสียนเก็บข้าวของของเธอ หยางจิ้งเสียนชอบบุคลิกภาพสงบนิ่งโดยธรรมชาติของถังซี เธอกล่าวขณะรวบรวมข้าวของต่างๆ “ในที่สุดลูกก็ได้ออกจากโรงพยาบาลเสียที และในที่สุดแม่ก็ได้มีเพื่อนอยู่บ้าน ไม่อย่างนั้นแม่จะรู้สึกเบื่อมากที่ต้องอยู่บ้านคนเดียว” 


 


 


ถังซีเลิกคิ้วมองหยางจิ้งเสียน ขณะแกว่งขาเล่นเบาๆ บนเท้าแขนโซฟา และถามหยางจิ้งเสียนว่า “ทำไมล่ะคะ คุณพ่อกับพี่ๆ ไม่อยู่บ้านเลยเหรอคะ” 


 


 


หยางจิ้งเสียนส่ายศีรษะ “คุณพ่อของลูกไปทำงานที่เมืองหลวง บริษัทของส่าต้องปรับปรุงเกมรุ่นใหม่ลงระบบวันนี้ เขาต้องทำงานล่วงเวลาและจะกลับบ้านประมาณเที่ยงคืน ส่วนจิ่ง แม่ไม่เจอเขาเลยเกือบสัปดาห์หนึ่งแล้ว แม่ไปหาที่บริษัทเมื่อวานนี้ พบว่าเขายุ่งจนหัวปั่น แม่เลยต้มซุปให้เขา และส่งไปพร้อมกับเสื้อผ้าให้เขาเปลี่ยน” 


 


 


ถังซีพยักหน้า ไม่น่าแปลกใจที่เฉียวเหลียงกับเซียวจิ่งไม่ได้มาที่นี่ในช่วงสองวันที่ผ่านมา แม้แต่เซียวส่า ที่มาโรงพยาบาลบ่อยกว่าเข้าห้องน้ำก็ไม่ได้มา ปรากฏว่าเขายุ่งอยู่กับการปรับปรุงระบบเกมของบริษัท 


 


 


หยางจิ้งเสียนเก็บข้าวของของถังซีเสร็จในไม่ช้า ถังซีจูงมือหยางจิ้งเสียนและร้องออกมาด้วยความดีใจ ว่าในที่สุดเธอก็ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว จากนั้นก็เริ่มสาธยายสิ่งที่เธออยากทาน แต่หยางจิ้งเสียนส่ายศีรษะบอกว่า “ลูกทานอาหารเผ็ดร้อนไม่ได้นะจ๊ะตอนนี้ เดี๋ยวกลับถึงบ้านแล้วแม่จะเคี่ยวซุปอ่อนๆ ให้ อาหารแบบนี้ดีต่อสุขภาพลูก” 


 


 


ถังซีพยักหน้ารับความทรมานนั้น ขณะเข้าไปในลิฟต์เธอถามมารดาว่าหลินหรูเป็นอย่างไรบ้างตอนนี้ ใบหน้าหยางจิ้งเสียนสลดลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินถังซีพูดถึงหลินหรู “แม่ไม่อยากบอกลูกเลยจริงๆ” เธอกล่าวเสียงต่ำ 


 


 


ถังซีขมวดคิ้ว รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ ขึ้นมาทันที เธอจับมือหยางจิ้งเสียนแน่น “ร่างกายแม่มีอะไรผิดปกติไปเหรอคะ” 


 


 


หยางจิ้งเสียนส่ายศีรษะ “เธอกำลังจะหาย แต่เมื่อได้ยินว่าลูกเข้าโรงพยาบาลอีก เธอก็ตกลงมาจากเตียง ไม่แน่ว่าเธอจะลุกขึ้นยืนได้อีกหรือเปล่า ตอนนี้พ่อของลูกกำลังดูแลเธออยู่ในโรงพยาบาล” 


 


 


ใบหน้าถังซีซีดสลด “ทำไมคุณแม่ถึงบอกแม่เรื่องหนูละคะ ไปเร็วๆ ค่ะ” 


 


 


หยางจิ้งเสียนจงใจไม่เลือกโรงพยาบาลหลินอัน เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนจิตใจหลินหรู แล้วหลินหรูรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร หยางจิ้งเสียนลูบหลังถังซี ปลอบเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “โทษใครไม่ได้หรอกลูก วันนั้นตำรวจมาบันทึกคำให้การหลินหรูที่โรงพยาบาล เขาถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างเซียวจิ้นหนิงกับหลินเจียว และพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับลูกโดยไม่ได้ตั้งใจ แม่ของลูกเป็นห่วงลูกมากเธอพยายามลงจากเตียงจนตกลงมา อาการเธอก็เลยแย่ลง” 


 


 


เมื่อลิฟต์เปิดออกถังซีจับมือหยางจิ้งเสียนไว้แล้วกล่าวอย่างอ่อนโยน “คุณแม่คะ หนูรักคุณแม่มาก คุณแม่รู้ใช่ไหมคะ” 


 


 


หยางจิ้งเสียนยิ้มและพยักหน้า “ใช่จ้ะ แม่รู้” 


 


 


ดวงตาถังซีเริ่มแดงเรื่อขณะเธอกล่าวเบาๆ “แต่หนูเพิกเฉยต่อแม่หลินหรูไม่ได้ เพราะฉะนั้นตอนนี้หนูไม่สามารถกลับบ้านไปกับคุณแม่ได้ แต่…” ถังซีกอดหยางจิ้งเสียน “แต่หนูสัญญากับคุณแม่ว่า หลังจากหนูไปเยี่ยมแม่แล้วหนูจะกลับบ้าน ได้ไหมคะ” 


 


 


“เด็กโง่” หยางจิ้งเสียนยิ้ม ตบหลังถังซีเบาๆ พร้อมกับน้ำตาคลอ กล่าวอย่างนุ่มนวลว่า “ลูกควรไปหาเธอ อีกอย่างหนึ่งถ้าแม่ของลูกได้เจอลูกเธอจะรู้สึกดีขึ้น ไปเถอะจ้ะ” 


 


 


ถังซีจูบแก้มหยางจิ้งเสียนแรงๆ แล้วหันหลังเดินออกจากโรงพยาบาล 


 


 


หยางจิ้งเสียนรีบห้ามถังซีแล้วหัวเราะ “เด็กโง่ ทำไมต้องรีบร้อนขนาดนั้น ลูกจะนั่งแท็กซี่โดยไม่มีเงินได้ยังไง” เธอหยิบเงินสองร้อยหยวนจากกระเป๋าเงินส่งให้ถังซี พร้อมกับบอกว่า “แม่จะกลับบ้านก่อน และเตรียมอาหารกลางวันไว้ให้ลูก ไปหาแม่ของลูกแล้วอย่าลืมกลับไปทานอาหารกลางวันที่บ้านนะจ๊ะ” 


 


 


ถังซีขยี้จมูกตัวเองอย่างขวยเขิน แล้วเดินออกไป 


 


 


หยางจิ้งเสียนมองตามร่างถังซีที่ค่อยๆ ลับไป ส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้มและถอนหายใจ “ยิ่งฉันอยู่กับเด็กคนนี้มากเท่าไร ฉันก็ยิ่งรักเธอ” ช่างเป็นเด็กจิตใจดีอะไรอย่างนี้ 


 


 


เธอคือนางฟ้ากลับชาติมาเกิดจริงๆ  


 


 


… 


 


 


วินาทีที่หลินหรูเห็นถังซีดวงตาเธอแดงเรื่อขึ้นมา และน้ำตาก็ไหลริน เธอขยับริมฝีปากแต่ไม่สามารถพูดอะไรได้ ถังซีตกตะลึงมองหน้าเซียวหงอี้ที่ยืนนิ่งเงียบอยู่ข้างๆ และถามอย่างเคร่งเครียด “เกิดอะไรขึ้นคะ” 


 


 


ไม่เหมือนกับที่หยางจิ้งเสียนบอก หยางจิ้งเสียนบอกว่าหลินหรูเป็นอัมพาตตั้งแต่เอวลงไป ไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ แต่นี่แม่ของเธอดูเหมือนจะเป็นอัมพาตทั้งตัวและพูดไม่ได้! 


 


 


เซียวหงอี้หน้าแดงก่ำและถอนหายใจ “คุณหมอบอกว่าเส้นประสาทในสมองของแม่ได้รับการกระทบกระเทือน แม่ก็เลย…” 


 


 


ถังซีขมวดคิ้ว กล่าวกับเซียวหงอี้อย่างเย็นชา “ออกไปข้างนอก!” 


 


 


เซียวหงอี้มองถังซีด้วยความตกใจ แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่พูดอะไร หยิบซองบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าด้านในแล้วเดินออกไป เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นห่วงหลินหรูมาก หลังจากเขาเดินออกไปถังซีก็มองไปที่หลินหรู เมื่อเห็นว่าหลินหรูซูบซีดขนาดนี้ดวงตาเธอก็แดงก่ำ น้ำเสียงเธอแหบห้าว “ทำไมแม่ถึงทำให้ตัวเองเป็นแบบนี้ แม่พยายามแสดงความรักที่มีต่อหนู ด้วยชีวิตของแม่เหรอคะ” 


 


 


จากนั้นถังซีก็กล่าวด้วยเสียงหัวเราะ “หนูคิดว่าพระเจ้าเมตตาต่อหนูมาก ที่ให้หนูมีแม่สองคน ชดเชยความรักจากพ่อและแม่ที่หนูไม่เคยได้ชื่นชมในช่วงครึ่งแรกของชีวิต แต่ทำไมแม่ถึงทรมานตัวเองแบบนี้ แม่ตกใจมากเมื่อได้ยินว่าหนูเข้าโรงพยาบาลใช่ไหมคะ แม่ยอมรับไม่ได้ ก็เลยทำร้ายตัวเองแบบนี้ อย่างนั้นเหรอคะ!” 


 


 


หลินหรูส่ายศีรษะอย่างสิ้นหวัง ขณะฟังคำกล่าวหาของถังซี ไม่… ไม่… แม่ไม่ได้ตั้งใจแบบนั้น!  


 


 


ถังซีเย้ยหยัน “ไม่ใช่เหรอคะ แล้วแม่ต้องการอะไร ตอนที่หนูนอนตายอยู่ในโรงพยาบาลเดือนหนึ่ง แม่ไปทำงานได้ตามปกติ แม่มาที่โรงพยาบาลก็เพื่อด่าว่าหนูอย่างไร้ความปรานีด้วยซ้ำ ทำไมอยู่ๆ แม่ถึงอยากกลายเป็น ‘แม่ที่ดี’ ขึ้นมาละคะ ตัวแม่เองก็นอนโรงพยาบาล แม่มาห่วงหนูทำไม ดูสิคะ หนูลุกขึ้นยืนได้แล้ว แต่แม่ล่ะ แม่ทำอะไรได้ แม่เป็นอัมพาต ทำไม่ได้แม้แต่จะคุยกับลูกสาวตัวเอง!” เมื่อพูดถึงคำสุดท้าย น้ำเสียงเธอก็เกือบจะเหมือนคนบ้า 


 


 


เมื่อได้ยินเสียงเธอดังออกไปข้างนอก เซียวหงอี้ก็เปิดประตูเข้ามาและตะโกนด้วยความโกรธ “เซียวโหรว พอได้แล้ว! อย่าพูดกับแม่ของลูกแบบนี้!”  

 

 


ตอนที่ 210 ฉันไม่มีวันให้อภัยเธอ

 

ถังซีเงยหน้าขึ้นมองเซียวหงอี้อย่างเฉยชาและเกรี้ยวกราดใส่เขา “ไม่ค่ะ! ไม่พอ! ยังห่างไกลจากคำว่าพอ! พ่อก็เหมือนกัน! หนูขอให้พ่อดูแลแม่ แต่ทำไมแม่ถึงเป็นแบบนี้ หนูบอกว่าหนูจะจัดการเรื่องพวกนั้นเอง พ่อเพียงแค่ต้องดูแลแม่ของหนู แต่พ่อทำอะไรอยู่คะ แล้วยังจะมีหน้ามาตะโกนใส่หนูอีก” 


 


 


เซียวหงอี้หยุดชะงัก มองถังซีด้วยท่าทางละอายใจ เม้มริมฝีปากแล้วกล่าวว่า “พ่อไม่คิดว่าตำรวจพวกนั้นจะถามแม่ถึงความสัมพันธ์ระหว่างหลินเจียวกับเซียวจิ้นหนิง และพูดถึงลูก” 


 


 


ถังซีหายใจเข้าลึกๆ หลับตาลง ลืมตาขึ้นอีกครั้ง แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “ขอโทษนะคะ พอดีหนูโกรธมาก” 


 


 


เซียวหงอี้ตัวนิ่งแข็ง ส่ายศีรษะรีบบอกว่า “ไม่ ไม่ พ่อดูแลแม่ของหนูไม่ดี” 


 


 


ถังซีนั่งลงบนโซฟาใกล้ๆ นั้น และกล่าวกับเซียวหงอี้เบาๆ ว่า “หนูอยากอยู่กับแม่ตามลำพังค่ะ พ่อออกไปข้างนอกก่อนนะคะ หนูจะไม่พูดอะไรที่ไม่ดี ที่จะทำให้แม่เสียใจอีกแล้วค่ะ” 


 


 


เซียวหงอี้มองหลินหรูด้วยท่าทางห่วงใย น้ำตาหลินหรูไหลรินตรงหางตา แต่เธอก็พยักหน้าให้เซียวหงอี้ เขาจึงเดินออกไป 


 


 


ถังซีนั่งอยู่บนโซฟา เปิดระบบและติดต่อกับ 008 ทันที เพื่อขอคำปรึกษาจากเขา 


 


 


หลินหรูหันมาด้านข้าง มองดูถังซีทุกการเคลื่อนไหว หลังจากนั้นไม่นานเธอก็เห็นถังซีแบบมือออกด้วยท่าทางวิตกกังวล แล้วขมวดคิ้ว และเข็มเงินสองห่อก็ปรากฏขึ้นในมือถังซี จากนั้นถังซีก็ลุกขึ้นเดินมาที่เตียงหลินหรู เม้มริมฝีปากแล้วกล่าวว่า “เมื่อก่อนโน้นเวลาที่หนูไม่สบาย โรงพยาบาลไม่มีเพราะหนูอาศัยอยู่บนภูเขา บ่อยครั้งหนูต้องไปหาหมอผู้เฒ่าคนหนึ่ง เขามีความเชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนจีนโบราณ ทุกครั้งเขาจะรักษาหนูด้วยการฝังเข็ม เขารักษาผู้ป่วยมาเป็นจำนวนมาก รวมถึงผู้ป่วยโรคหัวใจและเป็นอัมพาต ปรากฏว่าท้ายที่สุดเขาสามารถรักษาคนเหล่านั้นให้หายได้ หนูก็เลยเรียนรู้วิธีฝังเข็มจากเขา แม่เชื่อมั่นไหมคะ ว่าหนูสามารถรักษาแม่ได้” 


 


 


หลินหรูอยากจะบอกว่า หนูบอกให้พ่อของหนูเชิญแพทย์แผนโบราณมาฝังเข็มให้แม่ก็ได้ แต่เมื่อเห็นประกายตาที่จริงใจของถังซี เธอก็พยักหน้าโดยไม่รู้ตัว 


 


 


เมื่อเห็นมารดาพยักหน้าถังซีก็ยิ้ม และกล่าวอย่างมั่นใจ “แม่คะ แม่วางใจได้ค่ะ หนูจะรักษาแม่เอง” 


 


 


ถังซีทำตามคำแนะนำของ 008 ในการค้นหาจุดฝังเข็มบนร่างกายหลินหรู และปักเข็มเงินลงไปทีละจุด ถังซีรู้สึกโล่งอกหลังจากใช้เข็มเงินหมดไปทั้งสองห่อ เธอรู้สึกประหลาดใจเมื่อพบว่าเข็มเงินสองห่อนั้นเพียงพอ ขณะมองดูเข็มสีเงินที่ปักอยู่ทั่วร่างกายหลินหรู ถังซีก็ถาม 008 ด้วยความไม่แน่ใจ ‘การฝังเข็มจะได้ผลจริงเหรอ’ 


 


 


[ระบบ : (ทำหน้าหยิ่ง) ไม่ต้องใช้วิธีนี้ ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน] 


 


 


ถังซีรีบประจบเขา : ‘ฉันเชื่อคุณ เชื่ออย่างแน่นอนที่สุด คุณคือศูนย์ ศูนย์ แปดผู้ยอดเยี่ยม ฉันจะไม่เชื่อคุณได้ยังไง’ 


 


 


[ระบบ : ต้องอย่างนี้สิ] 


 


 


[ระบบ : ขออนุญาตแจ้งเตือน ; เนื่องจากสมองผู้ป่วยได้รับการความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง และร่างกายเธอก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน การรักษาด้วยการฝังเข็มไม่สามารถได้ผลภายในหนึ่งหรือสองวัน การรักษาจะต้องดำเนินไปอย่างน้อยหนึ่งเดือนหรือมากกว่านั้น จากนั้นเธอจะสามารถลุกขึ้นจากเตียงเดินได้ตามปกติ และเคลื่อนไหวอย่างอิสระได้ในอีกสองสัปดาห์] 


 


 


ถังซีโกรธขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินว่าไม่สามารถรักษาหลินหรูให้หายได้ในทันที แต่ต้องใช้เวลาหลังจากนี้อย่างน้อยหนึ่งเดือน ตำรวจคนไหนกันโง่มากที่มาบันทึกปากคำที่โรงพยาบาล! เธอจะร้องเรียนเขาอย่างแน่นอน! 


 


 


สี่สิบนาทีต่อมาถังซีก็ดึงเข็มเงินออกจากร่างกายหลินหรู และให้เซียวหงอี้เข้ามาได้ เมื่อเขาเข้ามาในห้องถังซีสังเกตเห็นใบหน้าอันเหนื่อยล้าของเขา ถังซีเม้มริมฝีปากมองดูหลินหรูที่นอนอยู่บนเตียง แล้วเอ่ยเบาๆ ว่า “ช่วยไปจัดการเรื่องออกจากโรงพยาบาลให้แม่หน่อยค่ะ ไม่มีประโยชน์ที่แม่จะอยู่ในโรงพยาบาล พ่อเป็นประธานเซียวกรุป พ่อไม่ไปทำงานเลยแบบนี้ไม่ได้ หลังจากพาแม่กลับบ้านแล้ว พ่อต้องพักผ่อนให้เพียงพอแล้วไปทำงานนะคะ” 


 


 


เซียวหงอี้ขมวดคิ้ว “ลูกหมายความว่าจะเราจะไม่รักษาแม่แล้วหรือ” เซียวหงอี้ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ หลังจากจ้องมองถังซี เขาก็กล่าวออกมาด้วยความโกรธ “โหรวโหรว พ่อรู้ว่าแม่ของลูกปฏิบัติต่อลูกอย่างไม่ยุติธรรมมาก่อน แต่ลูกจะปล่อยแม่ไว้แบบนี้ไม่ได้!” 


 


 


เมื่อได้ยินคำพูดเขาถังซีก็ขมวดคิ้ว แต่ไม่อยากอธิบายอะไร เธอจึงกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “หนูบอกว่าให้พาแม่กลับบ้าน” 


 


 


เซียวหงอี้ตะโกนลั่น “เซียวโหรว พ่อจะบอกให้นะว่าไม่เป็นไรหรอก ถ้าลูกไม่ต้องการยอมรับเรา และไม่สำคัญว่าลูกจะเกลียดเรา ออกไป! พ่อจะดูแลแม่ของลูกเอง เรา…” 


 


 


“เซียวหงอี้!” ถังซีขัดจังหวะเซียวหงอี้ด้วยความโกรธ เธอเงยหน้าขึ้นมองหน้าเซียวหงอี้ และกล่าวอย่างประชดประชัน “อยู่ที่นี่จะทำอะไรได้คะ แม่ของหนูจะหายเหรอคะถ้านอนโรงพยาบาลอยู่อย่างนี้ หนูต้องการให้แม่กลับบ้าน เพราะหนูสามารถรักษาแม่ได้ พ่อรับรองกับหนูได้ไหมล่ะคะ ว่าแม่จะหายถ้ายังอยู่ที่นี่” 


 


 


เซียวหงอี้กำลังจะอ้าปากคัดค้าน แล้วทันใดนั้นเขาก็เข้าใจว่าเมื่อกี้ถังซีพูดว่าอะไร เขามองหน้าถังซีอย่างลังเลและถามว่า “เมื่อกี้ลูกบอกว่าลูกสามารถรักษาแม่ได้อย่างนั้นหรือ” 


 


 


ถังซีพยักหน้า “ใช่ค่ะ หนูจะย้ายไปอยู่กับพ่อสักพัก จะอยู่จนกว่าจะรักษาแม่หาย” 


 


 


เซียวหงอี้ยังคงไม่เชื่อคำพูดของถังซี และถามด้วยความประหลาดใจ “ลูกพูดจริงๆ หรือ แม่ของลูกจะหายได้ใช่ไหม” 


 


 


ถังซีขมวดคิ้ว “พ่อมีวิธีที่ดีกว่านี้ ที่จะทำให้แม่หายโดยเร็วที่สุดไหมล่ะคะ” 


 


 


“ตกลง พ่อจะไปจัดการเรื่องพาแม่ออกจากโรงพยาบาล” เซียวหงอี้หันหลังเดินออกจากห้องคนไข้โดยไม่พูดอะไรอีก ถังซีเห็นได้จากก้าวเดินอย่างรีบร้อนจนสะดุดขาตัวเองว่าเขาตื่นเต้นมาก 


 


 


ถังซีซึ่งเมื่อครู่นี้อารมณ์ไม่ดียิ้มออกมาได้ และมองหลินหรูด้วยรอยยิ้มนิดๆ “ถึงแม้แม่จะมีวัยเด็กที่น่าสงสารมาก แต่พระเจ้าก็ยุติธรรม ให้แม่มีสามีที่รักแม่มาก มีลูกชายที่ฉลาด และมีหนู ลูกสาวที่มีความสามารถนะคะ” เธอกล่าว 


 


 


เมื่อหลินหรูได้ยินคำพูดของถังซี เธอก็ยิ้มด้วยใบหน้าซีดเซียว 


 


 


หลังจากเซียวหงอี้กลับมา ถังซีก็บอกว่าเธอจะกลับไปที่บ้านเซียวหงลี่ก่อน 


 


 


เธอสัญญากับหยางจิ้งเสียนไว้ว่าจะกลับไปทานอาหารกลางวัน ดังนั้นเธอจะต้องทำตามสัญญา 


 


 


ทันทีที่ถังซีเดินออกจากห้องคนไข้โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น เธอมองดูหมายเลขโทรศัพท์ของคนแปลกหน้าแต่ดูคุ้นเคยแล้วขมวดคิ้ว ฉินซินหยิ่งโทรหาเธอทำไม… และรู้หมายเลขโทรศัพท์ของเธอได้อย่างไร 


 


 


ถังซีลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรับโทรศัพท์ และก่อนที่เธอจะได้พูดอะไรเสียงฉินซินหยิ่งก็ดังขึ้น “เซียวโหรว เธออยู่ในโรงพยาบาลหรือเปล่า เธอเห็นไหมว่าแม่ของเธอเป็นอย่างไร นี่คือสิ่งที่ถังซีสามารถทำได้ เพราะฉะนั้นเธอควรฟังคำแนะนำของฉัน เลิกกับเฉียวเหลียงซะ เธอรับมือถังซีไม่ได้หรอก ถังซีต้องได้ทุกอย่างที่ต้องการไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม นอกจากนี้ถังซีไม่เคยสนใจชีวิตของคนอื่น ที่แม่เธอเป็นแบบนี้เพราะถังซีขอให้ตำรวจคนนั้นจงใจทำให้แม่เธอตกใจ เธออยากเห็นคนที่เธอรักต้องทนทุกข์ทรมาน เพียงเพื่อผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่ได้รักเธอเลยอย่างนั้นหรือ” 


 


 


เมื่อได้ฟังการใส่ร้ายป้ายสีอย่างไร้ยางอายของฉินซินหยิ่ง ถังซีก็ยิ้มด้วยความรังเกียจอย่างที่สุด ทันใดนั้นประกายความเยือกเย็นก็วาววับในดวงตาเธอ เธอกล่าวอย่างเย็นชา “ฉินซินหยิ่ง ฉันไม่มีวันให้อภัยเธอ” 

 

 


ตอนที่ 211 ความเข้าใจ

 

เมื่อได้ยินคำพูดอันเด็ดขาดของถังซี ฉินซินหยิ่งก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวด้วยความโกรธ “เซียวโหรว ไม่เข้าใจที่ฉันพูดหรือ ฉันกำลังบอกว่าเรื่องนี้ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉันเลย เป็นเพราะเธอยุ่งผิดคน ฉันแค่โทรมาเตือน เธอควรขอบคุณฉัน!” 


 


 


“ฮึ? ขอบคุณเธอเหรอ” ในที่สุดเมื่อเห็นธาตุแท้ของฉินซินหยิ่ง ถังซีก็ยิ้มเยือกเย็นและกล่าวว่า “ฉินซินหยิ่งฉันจะบอกให้นะ เธอต่างหาก ไม่ใช่ฉัน ที่ยุ่งผิดคน” 


 


 


หลังจากนั้น ถังซีก็ไม่พูดอะไรกับฉินซินหยิ่งอีก และวางสายโทรศัพท์ 


 


 


บัดซบที่สุด! ฉินซินหยิ่งเป็นคนทำ! ทำไมเธอถึงได้ตาบอดขนาดที่เห็นผู้หญิงคนนี้เป็นเพื่อนสนิทมานานหลายปี เธอยืนกรานจะคบฉินซินหยิ่งเป็นเพื่อน โดยไม่สนใจคำคัดค้านของคุณปู่ และบังคับให้คุณปู่เลิกเกลียดชังคนตระกูลฉิน ซ้ำยังขอให้ท่านช่วยพวกเขาในเรื่องธุรกิจอีก 


 


 


แต่ก็ยังดี… ตามที่อาห้าบอก เพราะคุณปู่รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ในที่สุดท่านก็ได้ลงมือแก้แค้นคนตระกูลฉินโดยไม่มีอะไรติดค้างในใจ 


 


 


แต่คุณปู่แก่แล้ว ท่านจะจัดการได้ไหม 


 


 


ใกล้ถึงวันครบรอบการเสียชีวิตของคุณย่าแล้ว ในอีกเดือนหนึ่งข้างหน้า… 


 


 


ถังซีกำมือแน่น ฉินซินหยิ่ง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอคือศัตรูของฉัน มิตรภาพของเราหมดสิ้นไปนับจากวินาทีที่ฉันเสียชีวิตในอุบัติเหตุเครื่องบินตก 


 


 


ถังซีไม่รู้ว่าเธอกลับมาที่บ้านครอบครัวเซียวได้อย่างไร ในเวลาที่เธอมาถึงหยางจิ้งเสียนเตรียมอาหารกลางวันไว้พร้อมแล้ว เมื่อเห็นถังซีกลับมาเธอก็พาถังซีเข้าไปข้างใน และยกซุปคากิกับถั่วเขียวถ้วยใหญ่มาให้ “มาจ้ะ ทานซุปสักหน่อย” 


 


 


ถังซียิ้ม ถือถ้วยซุปไว้ในมือแล้วเริ่มรับประทาน หลังจากทานไปไม่กี่คำเธอก็เงยหน้าขึ้นมองหยางจิ้งเสียนอย่างลังเล เมื่อเห็นหยางจิ้งเสียนดูเธอทานซุปอย่างมีความสุข เธอก็ทำใจไม่ได้ที่จะบอกหยางจิ้งเสียน ว่าเธอจะไปอยู่บ้านเซียวหงอี้สักพักหนึ่ง ถ้าหากไม่ใช่เพราะหยางจิ้งเสียนยื่นมือออกมาโอบอุ้มเธอในเวลานั้น เธออาจจะยังคงเป็นถังซีผู้มีหัวใจเย็นชา ไม่เคยได้มีความสุขกับความรักจากพ่อและแม่ 


 


 


เมื่อเห็นเธอมีท่าทางลังเลหยางจิ้งเสียนก็ขมวดคิ้ว แต่แล้วก็เอ่ยขึ้นพร้อมด้วยรอยยิ้ม “ทานซุปอีกสิจ๊ะ นี่แม่ทำซุปไก่ตุ๋นตังกุยไว้ด้วยนะ จะได้เอาไปให้แม่ของหนูที่โรงพยาบาลด้วย เธอต้องการอาหารบำรุงร่างกาย” 


 


 


เมื่อถังซีได้ยินคำพูดของหยางจิ้งเสียนดวงตาเธอก็แดงเรื่อ มองหน้าหยางจิ้งเสียน ถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “คุณแม่ รู้แล้วเหรอคะ” 


 


 


หยางจิ้งเสียนลูบผมลูกสาวด้วยรอยยิ้ม กระซิบว่า “เธอคือแม่ของลูก ตอนนี้เธอเป็นแบบนั้น ลูกควรไปอยู่กับเธอ แม่เก็บกระเป๋าเสื้อผ้ากับของใช้ของลูกเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวแม่จะไปส่งลูกที่นั่นหลังอาหารกลางวัน บ้านพ่อของลูกอยู่ไม่ไกลจากบ้านเรา แม่จะไปหาลูกเมื่อไรก็ได้ที่แม่ต้องการ” 


 


 


ถังซีวางถ้วยซุปลงและกอดหยางจิ้งเสียน “ขอบคุณค่ะคุณแม่ หนูจะกลับบ้านเราเมื่อแม่หายดีแล้วนะคะ” 


 


 


หยางจิ้งเสียนชะงัก หลินหรูจะมีโอกาสหายดีไหม ถ้าหลินหรูไม่หายล่ะ หนูจะไม่กลับมาเหรอ จมูกหยางจิ้งเสียนเริ่มมีอาการฟุดฟิดเมื่อคิดเช่นนี้ 


 


 


หลังจากรอคอยมาแสนนานเธอก็ได้มีลูกสาวมาอยู่เคียงข้างในที่สุด แต่เป็นเวลาเพียงแค่สองสามเดือน และตอนนี้ลูกสาวที่รักกำลังจะจากเธอไปอีกแล้ว พระเจ้าไม่ยุติธรรมต่อเธอเลย… 


 


 


ถังซีดูเหมือนจะรับรู้ได้ถึงอารมณ์ของหยางจิ้งเสียน เธอเม้มริมฝีปาก จับมือหยางจิ้งเสียนไว้แน่น “คุณแม่คะ แค่เดือนครึ่งเองค่ะ เดี๋ยวก็จะถึงวันชาติแล้ว หนูสัญญาค่ะว่าเมื่อถึงวันคริสต์มาสแม่จะหายดี แล้วหนูก็จะกลับมา” เธอกล่าวอย่างอ่อนโยน 


 


 


หยางจิ้งเสียนหยุดนิ่ง เธอลืมไปว่าลูกสาวเป็นนางฟ้า ไม่ยากสำหรับโหรวโหรวที่จะรักษาหลินหรู และเมื่อโหรวโหรวบอกเธอว่าจะรักษาหลินหรูได้ภายในเวลาไม่ถึงสองเดือน ก็หมายความว่าเธอจะรักษาหลินหรูได้จริงๆ 


 


 


“ตกลงจ้ะ แม่จะรอหนูอยู่ที่นี่” หยางจิ้งเสียนค่อยๆ คลายอ้อมกอดจากถังซี มองดูลูกสาวอยู่เงียบๆ แล้วเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน “ถ้าอย่างนั้น หนูต้องสัญญากับแม่ว่าจะไม่ทำให้ตัวเองสูญเสียพลังไปจนหมด เหมือนตอนที่หนูช่วยพี่ชายของหนูอีก ถ้าหนูหายไปจริงๆ แม่ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร” 


 


 


ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านในหัวใจถังซี เธอพยักหน้า “คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ หนูจะไม่ปล่อยให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีก คราวนี้หนูจะรักษาแม่ด้วยการฝังเข็มค่ะ และหนูจะดูแลตัวเองให้ดี” 


 


 


หยางจิ้งเสียนรู้สึกโล่งอกเมื่อได้ยินอย่างนั้น หลังอาหารกลางวันถังซีต้องไปบ้านเซียวหงอี้ หยางจิ้งเสียนจะไปส่งแต่ถังซีไม่ยอม และบอกให้คนขับรถไปส่งแทน ระหว่างทางถังซีโทรหาเฉียวเหลียง บอกเขาถึงความตั้งใจของเธอ เห็นได้ชัดว่าเฉียวเหลียงไม่มีพอใจที่ได้ยินอย่างนั้น “ฝังเข็มเหรอ ให้ผมหาผู้เชี่ยวชาญมาฝังเข็มให้ก็ได้ คุณจะไปคอยรับใช้คนอื่นเหมือนเป็นสาวใช้ได้ยังไง” 


 


 


เธอรู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องพูดอะไรแบบนี้ ถังซียิ้มอย่างอ่อนใจและกล่าวว่า “ฉันเป็นลูกสาวเธอนะ ฉันควรจะดูแลเธอ” 


 


 


“คุณคือถังซี คุณไปเป็นลูกสาวเธอตั้งแต่เมื่อไหร่” น้ำเสียงเฉียวเหลียงดูขุ่นเคือง “ผมไม่อนุญาตให้คุณทำแบบนั้น” 


 


 


เมื่อได้ยินคำพูดอวดดีวางอำนาจแบบนี้ ถังซีก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร “ฉันโทรมาแจ้งให้คุณทราบ ไม่ได้โทรมาขออนุญาตคุณ ถ้าฉันต้องขออนุญาตคุณเวลาที่ต้องการทำอะไร ฉันจะเป็นควีนได้ยังไง” 


 


 


เมื่อพูดถึงควีน ถังซีก็ถามว่า “เรื่องที่ฉันขอให้พี่จิ่งกับคุณทำให้ ไปถึงไหนแล้วคะ” 


 


 


“เรียบร้อยแล้ว คุณมารับใบรับรองและใบอนุญาตของคุณได้เลย” เฉียวเหลียงกล่าวเสียงต่ำ “คุณงานยุ่งมาก แล้วยังต้องดูแล…” 


 


 


“เฉียวเหลียง ที่ฉันโทรมานี่ก็เพื่อจะขอให้คุณมารับฉันไปส่งที่บ้านคุณป้าเฉียวทุกวันนะ” ถังซีพูดเสียงดังขัดจังหวะเฉียวเหลียง เธอรู้ดีว่าถ้าปล่อยให้เขาพูดต่อไป เฉียวเหลียงจะพูดอะไรบางอย่างที่เธอไม่อยากได้ยินออกมา เธอจึงควรหยุดเขาเสียก่อน 


 


 


เฉียวเหลียงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย และกล่าวอย่างงุนงง “ไปส่งคุณที่บ้านแม่ผมหรือ” 


 


 


ขณะมองออกไปยังทิวทัศน์นอกหน้าต่างรถ และได้ยินเสียงเฉียวเหลียงทางโทรศัพท์ จู่ๆ ถังซีก็รู้สึกขึ้นมาเดี๋ยวนั้นว่า นี่คือวิถีชีวิตของเธอแบบที่ควรจะเป็น เธอส่งเสียงกระแอมในลำคอแล้วกล่าวว่า “ฉันกำลังฝังเข็มรักษาแม่ฉันอยู่ค่ะ และจำได้ว่าคุณป้าเฉียวก็มีปัญหาแบบเดียวกัน บางทีฉันอาจช่วยให้ท่านลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง เพราะฉะนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะไปหาคุณป้าเฉียวที่บ้าน และรักษาท่านด้วยการฝังเข็มทุกวัน ไม่ว่ายังไงฉันก็อยากลองดู” 


 


 


เฉียวเหลียงสั่งพักการประชุมเพื่อมารับโทรศัพท์ถังซี ตอนนี้เขายืนอยู่ตรงหน้าต่างห้องทำงาน ทอดสายตาออกไปไกล เมื่อได้ยินคำพูดของถังซีเขากำโทรศัพท์ในมือแน่น จากนั้นก็มองไปยังท้องฟ้า พยายามระงับอาการเต้นระรัวของหัวใจ “ตกลง ผมจะไปรับคุณทุกวันนับจากวันนี้” เขายิ้มนิดๆ และกล่าวกับเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนละมุน 


 


 


เมื่อถังซีได้ยินเสียงทุ้มนุ่มของเฉียวเหลียง เธอก็ยิ้มหวานกล่าวเสียงนุ่มว่า “ไว้คุยกันทีหลังนะคะ ฉันต้องวางสายก่อน”  

 

 


ตอนที่ 212 ฉันไม่ต้องการ

 

เมื่อถังซีมาถึงบ้านเซียวหงอี้ เซียวหงอี้กำลังรอเธออยู่ที่ประตู ขณะถังซีลงจากรถเซียวเจี่ยนออกมาจากบ้านพอดี เมื่อเห็นถังซีเขาก็ยิ้มให้ แล้วก้าวขายาวๆ มารับกระเป๋าเดินทางจากคนขับรถ “ยินดีต้อนรับกลับบ้าน” เขากล่าว 


 


 


ถังซียิ้ม “ขอบคุณค่ะ ฉันแค่จะมาอยู่สักพักเพียงช่วงสั้นๆ เมื่อแม่หายดีแล้วฉันก็จะไป” 


 


 


เซียวเจี่ยนเลิกคิ้ว “ยังไงก็ได้ตามที่เธอต้องการ” 


 


 


เขาศึกษาหาข้อมูลเรื่องอาการป่วยของมารดา หลินหรูเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูเขา เขาเป็นห่วงเธอมาก ทันทีที่มารดาประสบอุบัติเหตุ เขาก็หาข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องอัมพาตและการกระทบกระเทือนทางสมอง และรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะรักษาให้หาย หรือถึงแม้จะรักษาให้หายได้ แต่นั่นต้องใช้เวลาอย่างน้อยหลายปี ซึ่งในระหว่างช่วงเวลานั้นน้องสาวจะอยู่กับพวกเขา 


 


 


ถังซีทักทายเซียวหงอี้โดยเรียกเขาว่า ‘พ่อ’ เซียวหงอี้ทักตอบอย่างมีความสุข และถามเธอว่า “มีกระเป๋าใบอื่นอีกไหม” 


 


 


ถังซียิ้ม “ไม่มีแล้วค่ะ หนูจะไม่อยู่ที่นี่นานนัก ก็เลยไม่ได้เอาอะไรมามากมาย มีแค่เสื้อผ้าที่เอามาเปลี่ยนเท่านั้นค่ะ” 


 


 


เซียวเจี่ยนเลิกคิ้ว ส่งกระเป๋าให้คนรับใช้และบอกถังซีว่า “ห้องเธอเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วขึ้นไปดูสิ ถ้าไม่ชอบใจเราจะจัดห้องอื่นให้ แล้ว… ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเติมเดี๋ยวพี่พาออกไปช็อปปิ้ง” 


 


 


เมื่อได้ยินเซียวเจี่ยนบอกว่าจะพาถังซีออกไปช็อปปิ้ง คนรับใช้ทุกคนก็พากันประหลาดใจ และมองเซียวเจี่ยนด้วยท่าทางตกใจ แม้นายน้อยจะใจดีกับคุณจิ้นหนิงมาก แต่ก็ไม่เคยพาเธอไปช็อปปิ้งเลย แต่เมื่อเขาได้ยินว่าน้องสาวที่แท้จริงกำลังจะกลับมา เขาก็ออกจากที่ทำงานกลับมาบ้านตอนเที่ยง ซึ่งหาได้ยากจริงๆ และตอนนี้เขาจะไปช็อปปิ้งกับคุณหนู! 


 


 


นั่นหมายความว่าในใจนายน้อย คุณเซียวโหรวมีความสำคัญมากกว่าคุณเซียวจิ้นหนิงใช่ไหม 


 


 


ถังซีเองก็เห็นท่าทีตกใจและความประหลาดใจบนใบหน้าบรรดาคนรับใช้ เธอยิ้ม เงยหน้าขึ้นมองเซียวเจี่ยน “พี่คะ พี่ไม่ต้องไปทำงานเหรอ” 


 


 


เซียวเจี่ยนรู้สึกดีใจอย่างมากเมื่อได้ยินถังซีเรียกเขาว่า ‘พี่’ ฟังดูดีกว่า ‘ลูกผู้พี่’ ตั้งเยอะ เซียวเจี่ยนจึงอารมณ์ดีช่างพูดช่างคุยกว่าปกติ และพาถังซีขึ้นไปบนห้องเธอด้วยตัวเอง พร้อมกับตอบว่า “ไม่ไปแล้ว พี่ไม่ทำงานแล้ววันนี้ พี่พร้อมเสมอสำหรับเธอ” 


 


 


หางตาถังซีหรี่ลง ทำไมเธอถึงไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเซียวเจี่ยนเป็นคนปากหวาน! นี่ถ้าเธอเป็นสาวน้อยผู้ไร้เดียงสา เธอคงหลงคารมในคำพูดหวานๆ ของเขาแน่! 


 


 


ถังซียักไหล่กล่าวว่า “พี่เจี่ยนขอบคุณนะคะ ฉันต้องไปห้างจริงๆ ด้วยค่ะ ต้องไปซื้อของใช้ส่วนตัวบางอย่าง แล้วอีกอย่างหลังจากซื้อของเสร็จแล้ว ฉันต้องไปหาพี่จิ่งที่เฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุป ถ้าพี่จะพาฉันไปช็อปปิ้ง พี่ไปส่งฉันที่บริษัทพี่จิ่งด้วยคงไม่เป็นไรใช่ไหมคะ” 


 


 


เห็นได้ชัดว่าก้าวเดินของเซียวเจี่ยนหยุดชะงักอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่นานเขาก็ส่ายศีรษะ และตอบตกลง “ไม่เป็นไรเลย แน่นอน ไม่มีปัญหา ว่าแต่เธออยากดูห้องของเธอก่อนไหม” 


 


 


พี่น้องทั้งสองพูดคุยกัน โดยที่เซียวหงอี้ไม่สามารถพูดแทรกตรงไหนได้สักคำ เขาจึงตรงไปหาหลินหรู 


 


 


ในเมื่อเดินขึ้นบันไดมาแล้ว ถังซีก็ไม่อยากย้อนกลับลงไปเฉยๆ เธอจึงพยักหน้าแล้วบอกว่า “อ้อ แล้วมีอย่างหนึ่งค่ะ ฉันเป็นคนจู้จี้จุกจิก ฉันจะไม่อยู่ในห้องที่เคยมีคนอื่นอยู่มาก่อนนะคะ” 


 


 


เมื่อได้ยินอย่างนี้เซียวเจี่ยนก็ยิ้ม “ดูเหมือนเราจะมีอะไรหลายอย่างเหมือนๆ กัน พี่ก็ไม่ชอบแบบนั้น เพราะฉะนั้นเธอมั่นใจได้เลยว่าห้องเธอเป็นห้องว่าง อยู่ตรงกันข้ามห้องพี่ เป็นห้องที่ใช้สำหรับให้แขกพัก” 


 


 


ด้วยไม่คาดคิดมาก่อนว่าเซียวเจี่ยนจะมีน้ำใจเช่นนี้ ถังซีจึงเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ ในเวลานั้นสาวใช้ที่ยกกระเป๋าถังซีเข้าไปเก็บในห้องของเธอก็เดินออกมา พร้อมกับบอกว่า “ใช่แล้วค่ะ นายน้อยใจดีกับคุณหนูจริงๆ เมื่อได้ยินนายท่านบอกว่าคุณหนูจะกลับมาอยู่บ้าน เขาก็กลับมาตกแต่งห้องด้วยตัวเอง ห้องที่อยู่ตรงกันข้ามห้องนายน้อยนั้นใหญ่มากค่ะ คุณจิ้นหนิงอยาก…” สาวใช้ชะงัก ชำเลืองดูสีหน้าสองพี่น้องก่อนจะกล่าวต่อไปเมื่อเห็นว่าทั้งสองไม่มีร่องรอยโกรธเคือง “อยากมาอยู่ห้องนี้ เธอบอกเสมอ แต่นายน้อยปฏิเสธเธอ บอกว่านายน้อยจะใช้ห้องนี้เป็นห้องทำงาน แต่ตอนนี้เขายกห้องนี้ให้คุณหนู” 


 


 


เซียวเจี่ยนเลิกคิ้วมองถังซี ราวกับจะอธิบายว่าทำไมเขาถึงปฏิเสธเซียวจิ้นหนิง เขาเอ่ยขึ้นง่ายๆ ว่า “พี่ชอบความเงียบสงบ เลยไม่อยากให้จิ้นหนิงมาอยู่ตรงกันข้ามห้องพี่” 


 


 


ถังซียิ้ม “พี่นี่แปลกจริงๆ แล้วฉันจะอยู่ตรงกันข้ามห้องพี่ได้เหรอคะ” 


 


 


เซียวเจี่ยนตอบว่า “ได้แน่นอน เพราะเธอแตกต่าง” 


 


 


ถังซีหัวเราะเบาๆ เดินตามสาวใช้เข้าไปในห้อง ทันทีที่เดินเข้าไปสิ่งแรกที่เห็นคือสีโทนเย็น ซึ่งแตกต่างจากที่เธอจินตนาการไว้โดยสิ้นเชิง แต่สร้างความพึงพอใจให้เธออย่างมาก นี่เป็นสไตล์ที่แท้จริงของเธอ โทนสีเขียวเข้มทำให้ห้องดูกว้างขวาง การตกแต่งเรียบง่าย มีโต๊ะเขียนหนังสือกับตู้หนังสือด้วย ถังซีมองดูโดยรอบ สังเกตเห็นว่ามีห้องเก็บเสื้อผ้ากว้างกว่ายี่สิบตารางเมตร แม้จะไม่ใหญ่มากแต่ก็เพียงพอ จากการตกแต่งเห็นได้ชัดว่า ทุกรายละเอียดได้รับการปรับเปลี่ยนจนสมบูรณ์แบบที่สุด 


 


 


ทันทีที่เดินออกจากห้องเก็บเสื้อผ้า ถังซีก็เห็นเซียวเจี่ยนยืนพิงกรอบประตูมองดูเธออยู่ เธอยิ้มให้ เขาเลิกคิ้วถามว่า “เธอพอใจไหม” 


 


 


ถังซีพยักหน้า “พอใจมากค่ะ ขอบคุณนะคะพี่เจี่ยน” 


 


 


“พี่ยินดี” เซียวเจี่ยนกล่าว สำหรับเขาแล้วความพึงพอใจของเซียวโหรวคือความสุขของเขา 


 


 


ถังซียิ้มแล้วลากกระเป๋าเดินทางเข้าไปในห้องเก็บเสื้อผ้า หลังจากจัดข้าวของเสร็จเสื้อผ้าเธอมีไม่ถึงครึ่งห้อง เซียวเจี่ยนเดินเข้ามา เมี่อเห็นเสื้อผ้าและรองเท้าของถังซีแขวนเต็มเพียงตู้เดียว เขาก็ขมวดคิ้ว เขาจำได้ว่าเสื้อผ้าเซียวจิ้นหนิงนั้นมีเต็มรถบรรทุกทั้งคัน ตอนที่หลินหรูนำไปบริจาค “เธอมีเสื้อผ้าแค่นี้เองหรือ” 


 


 


ถังซีเลิกคิ้วมองเซียวเจี่ยน “ใช่ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ” 


 


 


เซียวเจี่ยนพยักหน้า “มีสิ!” เขาลากตัวถังซีออกจากประตูโดยไม่พูดไม่จา ถังซีมองหน้าเซียวเจี่ยนซึ่งทำเหมือนใช้อำนาจบังคับเธอด้วยความประหลาดใจ แล้วกล่าวอย่างเยือกเย็น “พี่เจี่ยน พี่จะทำอะไร ปล่อยฉัน!” 


 


 


เซียวเจี่ยนหยุดทันที ปล่อยมือเธอ แล้วหันกลับมามอง “จะทำให้ห้องเก็บเสื้อผ้าของเธอเต็มไงล่ะ!” 


 


 


เมื่อได้ยินอย่างนี้ถังซีก็ไม่รู้จะพูดว่าอย่างไร ได้แต่แอบถอนหายใจอยู่ภายใน แล้วกล่าวว่า “ถ้าเฉียวเหลียงรู้ว่าพี่พูดแบบนี้กับฉัน เขาต้องโกรธจนกระโจนใส่พี่อย่างแน่นอน พี่ไม่รู้หรือคะว่าคำพูดกำกวมแบบนี้ พี่พูดได้แต่กับแฟนพี่เท่านั้น พี่ใช้คำพูดแบบนี้กับน้องสาวได้ยังไง… 


 


 


…เฮ้อ พี่เจี่ยน ฉันมีเสื้อผ้ามากพอแล้วค่ะ ฉันไม่ต้องการมากไปกว่านี้ แล้วนั่นไม่ได้หมายความว่าฉันไม่มีปัญญาซื้อ ฉันแค่ไม่ต้องการ”  

 

 


ตอนที่ 213 แล้วตอนนี้ล่ะ

 

เซียวเจี่ยนไม่ถือคำพูดของเธอจริงจัง เขาคิดว่าถังซีเขินอายเพราะเพิ่งกลับมาอยู่บ้าน และยืนยันจะพาเธอไปซื้อเสื้อผ้า ถังซีไม่รู้จะจัดการกับพี่ชายที่ดื้อรั้นคนนี้อย่างไร โชคดีที่มีคนจากเซียวกรุปโทรหาเซียวเจี่ยน ขอให้เขากลับไปที่บริษัท ในที่สุดเซียวเจี่ยนก็ยอมแพ้ เขากล่าวขอโทษถังซีและสัญญาว่าคราวหน้าจะพาเธอไปซื้อ จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป 


 


 


เมื่อเห็นเขารีบร้อนกลับไปถังซีก็ส่ายศีรษะแล้วถอนหายใจ “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะ ฉันไปซื้อเองได้!” 


 


 


จากนั้นเธอหันไปมองหญิงสาวที่ยืนรอคำสั่งจากเธออยู่ข้างๆ แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าหยางจิ้งเสียนฝากซุปไก่มาให้หลินหรู เธอมองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นกระติกเก็บความร้อน จึงรีบถามว่า “เอ้อ นี่เธอเห็นกระติกเก็บความร้อนไหม” 


 


 


หญิงสาวผิวขาวร่างท้วมพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูหมายถึงซุปไก่หรือเปล่าคะ ฉันเอาไปไว้ที่ห้องครัวแล้วค่ะ” 


 


 


ถังซีพยักหน้า “ช่วยไปเทใส่ถ้วยให้ที คุณแม่ทำมาให้แม่ฉัน เดี๋ยวฉันจะเอาซุปไปป้อนแม่” 


 


 


หญิงสาวรีบไปที่ห้องครัว จากนั้นก็กลับมาพร้อมถ้วยซุปไก่และส่งให้ถังซี ถังซียิ้มขอบคุณเธอ รับถ้วยมาแล้วหันหลังกำลังจะเดินไป แต่จู่ๆ ถังซีก็หยุด หันกลับไปมองหญิงสาว “นี่ เธอชื่ออะไรน่ะ” 


 


 


หญิงสาวหน้าแดง ก้มศีรษะลงและตอบว่า “ฉันชื่อลิลลี่ค่ะ คุณหนู” 


 


 


ถังซีพยักหน้า ยิ้มแล้วถามอย่างอึกอักเล็กน้อย “ฮื่อ ลิลลี่ ห้องแม่ฉันอยู่ทางไหน” 


 


 


เซียวโหรวถูกไล่ออกจากบ้านก่อนที่จะได้มีโอกาสเห็นห้องแม่ของเธอ เธอจึงไม่รู้ว่าห้องไหนเป็นห้องหลินหรู… 


 


 


ลิลลี่ยิ้ม “ทางนี้ค่ะ คุณหนู” 


 


 


ถังซียิ้มและไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนอีกต่อไป เธอเดินตามลิลลี่ไปที่ห้องหลินหรู และขอบคุณสาวใช้หลังจากไปถึง ถังซียกมือขึ้นเคาะประตูเบาๆ เซียวหงอี้เป็นคนมาเปิดประตู เมื่อเห็นเขาถังซีก็บอกว่า “ซุปไก่ค่ะ คุณแม่ทำมาให้แม่” 


 


 


เซียวหงอี้พยักหน้า หลีกทางให้เธอ แล้วบอกว่า “พ่อจะไปอยู่ที่ห้องทำงานข้างๆ นี้นะ เรียกพ่อได้ ถ้าลูกมีอะไร” 


 


 


ถังซีพยักหน้า เข้าห้อง และปิดประตูลงตามหลัง 


 


 


ทันทีที่เซียวหงอี้เข้าไปในห้องทำงานและปิดประตู คนรับใช้ที่แอบดูถังซีอยู่ก็รวมตัวกันทันที และเริ่มนินทา “พระเจ้า เธอดูแตกต่างจากครั้งแรกที่เราเห็นอย่างสิ้นเชิง ดูท่าทางเธอสิงามสง่าจัง เซียวจิ้นหนิงดูธรรมดาไปเลย เทียบเธอไม่ติด” 


 


 


ลิลลี่ส่ายศีรษะ “ก็เธอคือคุณหนูที่แท้จริงนี่นา กลับมาบ้านตัวเองไม่เห็นต้องกลัวอะไรเลย” 


 


 


สาวใช้อีกคนกล่าวว่า “ไม่ใช่อย่างนั้นน่ะสิ ฉันจำได้ว่าตอนเธอมาที่นี่ครั้งแรก เธอไม่กล้าแม้แต่จะมองเราเวลาเราเรียกเธอว่าคุณหนู แต่วันนี้เธอดูเหมือนเคยชินมากกับการที่เราเรียกเธอว่าคุณหนู แล้วไม่ได้ยินเหรอ เธอยังบอกด้วยซ้ำว่าเธอจะไม่อยู่ห้องที่เซียวจิ้นหนิงเคยอยู่” 


 


 


“เป็นฉันก็จะทำแบบนั้นเหมือนกัน!” สาวใช้คนหนึ่งเม้มริมฝีปาก “ใครจะอยากอยู่ห้องที่เซียวจิ้นหนิงเคยอยู่ล่ะ ผู้หญิงที่น่ารังเกียจอย่างนั้น!” 


 


 


ลิลลี่กล่าวว่า “หยุดได้แล้ว ถ้าคุณหนูมาได้ยินพวกเราพูดถึงคุณหนูตัวปลอมเธออาจจะโกรธ!” 


 


 


“เฮอะ เธอคิดว่าเธอเป็นใครหรือ ก็แค่นอนโรงพยาบาลอยู่เดือนหนึ่ง แล้วหลังจากนั้นก็ไปอยู่บ้านคุณเซียวหงลี่อีกเดือนหนึ่ง” หญิงสาวอีกคนที่นิ่งเงียบอยู่นานกล่าวขึ้นอย่างเหยียดหยาม “ถึงเธอจะเป็นหงส์ตัวจริง แล้วไงล่ะ ก็แค่เด็กบ้านนอกคนหนึ่งที่ไม่รู้อะไรเลย ทำไมต้องกลัวเธอขนาดนั้นด้วย” 


 


 


ลิลลี่หน้าแดงด้วยความโกรธ เมื่อนึกถึงตอนที่คุณหนูกล่าวขอบคุณเธออย่างอ่อนโยนเมื่อกี้ เธอก็กล่าวด้วยความโมโห “เซียงเอ๋อ เธอพูดอย่างนั้นได้ยังไง ถึงอย่างไรเธอก็เป็นคุณหนูของเรานะ คุณหนูจะโกรธถ้าได้ยินคำพูดของเธอ!” 


 


 


“โอ้โห นี่เธอเพิ่งมาถึงหล่อนก็ตั้งหน้าตั้งตาประจบประแจงแล้วเหรอ? ยังมีโอกาสอีกเยอะที่จะประจบ ทำไมต้องรีบร้อนอย่างนี้ด้วย” เซียงเอ๋อสวยที่สุดในบรรดาสาวใช้ และรับผิดชอบทำความสะอาดห้องเซียวเจี่ยน ด้วยความคิดว่าตัวเองแตกต่างจากสาวใช้คนอื่น เธอจึงมักดูถูกคนรับใช้คนอื่นๆ 


 


 


“เซียงเอ๋อ!” ลิลลี่โกรธมาก แต่ไม่รู้จะตอบโต้อย่างไร 


 


 


เมื่อเห็นลิลลี่พูดไม่ออกเซียงเอ๋อก็คำรามเสียงดัง “เธอจะมาอยู่บ้านนี้ไม่กี่วัน หล่อนจะยกให้เธอเป็นเจ้านายด้วยเหรอ โง่!” 


 


 


ถังซีซึ่งนั่งอยู่บนเตียงตักอาหารป้อนให้หลินหรู ได้ยินคำพูดของพวกเธอทุกคำ เธอส่ายศีรษะแล้วกล่าวกับหลินหรู ซึ่งกำลังเพลิดเพลินกับซุปอย่างมีความสุข “สาวใช้พวกนี้ตลกจังเลยนะคะ ไม่รู้จักหลบไปหาที่ไหนสักแห่งที่มิดชิดเป็นส่วนตัวกว่านี้ ถ้าอยากนินทาหนู มาพูดกันในห้องนั่งเล่นอย่างนี้ได้ยังไง ถึงแม้ผนังบ้านจะเป็นฉนวนป้องกันเสียงได้ดีก็เถอะ แต่หนูหูไวมาก” 


 


 


หลินหรูมองหน้าถังซีอย่างงุนงง ถังซียิ้มเช็ดปากให้มารดาด้วยกระดาษเช็ดปาก แล้วถามว่า “วันนี้แม่รู้สึกยังไงบ้างคะ หลังจากรักษาด้วยการฝังเข็มแม่รู้สึกดีขึ้นบ้างไหม” 


 


 


หลินหรูรู้สึกว่าร่างกายเธอเบาสบายขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ และเธอไม่ง่วงอีกต่อไป เธอไม่ได้นอนเลยตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาล เธอยิ้มและพยักหน้า 


 


 


ถังซียิ้ม พยักหน้าและกล่าวว่า “เยี่ยมเลยค่ะ หนูดีใจมากที่ได้ยินแบบนี้ เราจะฝังเข็มรักษากันต่อในวันพรุ่งนี้นะคะ” 


 


 


ถังซีอยากให้หลินหรูทานซุปมากกว่านี้ แต่หลินหรูอิ่มแล้ว ถังซีจึงพยักหน้าด้วยความเข้าใจ เช็ดปากให้มารดาเรียบร้อย แล้วกล่าวกับเธอว่า “หนูจะออกไปทำธุระนิดหน่อยนะคะ เดี๋ยวหนูจะเรียกพ่อมาอยู่ดูแลแม่” 


 


 


เมื่อคิดว่าถังซีกำลังจะจากไปหลินหรูก็ดูกังวลขึ้นมา เธออ้าปากแต่พูดอะไรไม่ออก ถังซีรู้ว่าเธอต้องการพูดอะไรจึงรีบปลอบใจ “หนูจะออกไปสักพักเดียวค่ะ แล้วจะรีบกลับ หนูจะฝังเข็มให้แม่ทุกวัน เพราะฉะนั้นหนูจะไม่ไปไหนหรอกค่ะ” 


 


 


หลินหรูพยักหน้าเมื่อได้ยินอย่างนี้ ถังซียิ้มให้เธอแล้วเดินถือถ้วยซุปออกไป 


 


 


เมื่อได้ยินเสียงเธอเดินออกจากห้อง บรรดาสาวใช้ก็แยกย้ายกันกระจัดกระจายทันที ถังซียิ้มแล้วร้องเรียก “เซียงเอ๋อ มานี่ซิ มาเก็บเศษกระเบื้องบนพื้นให้หมด แล้วทำความสะอาดเช็ดพื้นให้เรียบร้อย” 


 


 


หญิงสาวร่างสูงหน้าตาสวยหันกลับไปมองถังซีอย่างงุนงง “คุณหนูคะ พื้นสะอาดดีแล้วนี่คะ พวกเราทำความสะอาดแล้ว… ไม่เห็นมีอะไรเศษอะไรอยู่บนพื้นเลย” 


 


 


ถังซียิ้ม เลิกคิ้วขึ้นมองเซียงเอ๋อ แล้วจู่ๆ ก็หน้าบึ้ง “อ้อ งั้นเหรอ” ในวินาทีต่อมาถังซีก็โยนถ้วยซุปในมือลงบนพื้น ถ้วยกระเบื้องกระแทกกับพื้นแตกเป็นเสี่ยงๆ ซุปไก่สาดกระจายไปทั่วพื้น สาวใช้กรีดร้องอย่างตื่นตระหนก ถังซีเลิกคิ้ว “แล้วตอนนี้ล่ะ”  

 

 


ตอนที่ 214 สั่งสอนสาวใช้ผู้อวดดี

 

ริมฝีปากเธอแย้มออกเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย ดูราวกับกำลังยิ้มด้วยความเมตตา แต่ดวงตาเธอเยือกเย็น เต็มไปด้วยถ้อยคำเย้ยหยัน เธอมองหน้าเซียงเอ๋อที่พูดไม่ออก แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าเธอก็หายไป เธอถามอย่างเย็นชา “ฉันถามเธอว่า แล้วตอนนี้ล่ะ!” 


 


 


เซียงเอ๋อสงบสติอารมณ์และมองหน้าถังซี เธอทำงานกับตระกูลเซียวมานานหลายปีแล้ว เธอคิดเสมอว่าตัวเองเป็นสาวใช้คนโปรดของเซียวเจี่ยน และเซียวเจี่ยนคุยกับเธอบ้างเป็นบางครั้ง ก่อนหน้านี้แม้แต่เซียวจิ้นหนิงก็ยังเคยติดสินบนเธอ เพื่อจะเรียนรู้อารมณ์ของเซียวเจี่ยน เธอจึงสงบลงได้อย่างรวดเร็ว แล้วมองหน้าถังซีด้วยสีหน้างุนงง ถามเบาๆ ว่า “คุณหนู ฉันทำอะไรให้คุณหนูขุ่นเคืองหรือคะ ทำไมคุณถึงลงโทษฉันคนเดียวแบบนี้” 


 


 


เมื่อได้ยินคำถามนี้ถังซีก็ยิ้มให้อย่างเย็นชา จ้องหน้าเซียงเอ๋อ “เธอพูดเหมือนว่าฉันจงใจเลือกเธอ” เซียงเอ๋อแอบยิ้มและกำลังจะอ้าปากพูด เมื่อถังซีกล่าวขึ้นก่อนทันทีว่า “ฮื่อ แล้วไงล่ะ เธอจะทำความสะอาดพื้นนี้ไหม” 


 


 


“ทำค่ะ” เซียงเอ๋อฝืนยิ้มให้ถังซี และกล่าวอย่างน่าสงสารว่า “ในเมื่อคุณหนูสั่งให้ทำ ฉันก็ต้องทำสิคะ” 


 


 


ถังซียิ้มเยาะ เลิกคิ้วขึ้น “ดีมาก ฉันอยากให้เธอจำไว้นะ ไม่ว่าเธอจะอยู่บ้านนี้มานานแค่ไหน เธอเป็นแค่สาวใช้ที่ฉันจ้างมา อย่าแอบนินทาเจ้านายลับหลัง ถ้าเธออยากนินทาว่าร้ายฉัน เอาไว้เธอมีสิทธิ์นั่งกินอาหารบนโต๊ะเดียวกับฉันก่อน!” 


 


 


ด้วยความตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ เซียงเอ๋อมองหน้าถังซีด้วยความประหลาดใจ และรีบอธิบาย “คุณหนูคะ ฉันไม่ได้พูดจาให้ร้ายคุณหนูลับหลังเลยนะคะ!” 


 


 


“ฮ่าๆๆ …” ถังซีกอดอกจ้องหน้าเซียงเอ๋อด้วยสายตาเย็นยะเยือก และหัวเราะเยาะ “เธอไม่ได้ทะเลาะกับลิลลี่ตอนฉันอยู่ในห้องเหรอ” 


 


 


สาวใช้คนอื่นๆ มองหน้ากันอย่างประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้น ตอนนั้นคุณหนูอยู่ในห้องนี่ จะได้ยินพวกเธอได้อย่างไร 


 


 


ถังซีไปหันมองสาวใช้คนอื่นที่อยู่รอบๆ แล้วกล่าวอย่างเยือกเย็น “ฉันจะให้เวลาเธอคิดสักสองสามชั่วโมง ถ้าเธอคิดว่าจะอยู่ในบ้านนี้โดยไม่นินทาอีกต่อไป เธอก็อยู่ที่นี่ได้ หรือไม่อย่างนั้นฉันอยากเห็นจดหมายลาออกของเธอ เข้าใจไหม” 


 


 


“คุณหนู…” 


 


 


“คุณหนูคะ ทำไม…” 


 


 


“คุณหนู คุณไม่ได้เป็นคนจ้างพวกเรา คุณไล่พวกเราออกไม่ได้นะคะ!” เซียงเอ๋อมองถังซีด้วยท่าทางน่าสงสาร แต่ในใจเธอคิดด้วยความหยิ่งผยอง นังเด็กบ้านนอกคนนี้กล้าดียังไงมาวางท่าเป็นเจ้านายใส่พวกเธอ! เธออยู่ที่นี่มาก่อน จะมาไล่พวกเธอออกได้อย่างไร! 


 


 


ถังซียิ้มเยือกเย็น “ถ้าอย่างนั้น เธอจะลองดูก็ได้ ว่าสิ่งที่ฉันพูดจะเป็นจริงได้ไหม” เมื่อจบคำพูดถังซีก็มองไปบนพื้นที่เปรอะเปื้อนเต็มไปหมด “คิดให้ออกก่อนที่ฉันจะกลับมา อ้อ… อีกอย่าง เธอควรทำความสะอาดตรงนี้ให้เสร็จก่อนที่ฉันจะกลับมาด้วย” 


 


 


จากนั้นเธอก็เดินไปเคาะประตูห้องทำงาน เซียวหงอี้เปิดประตูออกมา และยิ้มให้เมื่อเห็นว่าเป็นถังซี “หนูจะออกไปข้างนอกหรือ” 


 


 


ถังซีพยักหน้า “ใช่ค่ะ” เธอกำลังจะหันกลับเมื่อจู่ๆ ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอเหลือบมองบรรดาสาวใช้ เม้มริมฝีปากก่อนจะกล่าวว่า “พ่อคะ มีใครบางคนเรียกหนูว่านังเด็กบ้านนอกค่ะ ดูเหมือนว่าหนูจะไม่ได้รับการต้อนรับที่นี่ เมื่อเป็นแบบนี้ ก็ไม่ต้องให้ใครมาเสแสร้งแกล้งทำเป็นยินดีต้อนรับหนูก็ได้นะคะ” 


 


 


เซียงเอ๋อคิดไม่ถึงว่าถังซีจะพูดเรื่องนี้กับเซียวหงอี้ต่อหน้าพวกเธอ! ผู้หญิงคนนี้ไม่สนใจเลยว่าพวกเธอจะคิดอย่างไร! เธอเข้ามายุ่งกับกิจการภายในครอบครัวตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร สุภาพสตรีชั้นสูงไม่เคยมีใครทำแบบนี้! 


 


 


อย่างไรก็ตามถังซีไม่สนใจใคร ไม่มีใครรังแกเธอได้ตั้งแต่เธอยังเด็กแล้ว ในเมื่อมีใครบางคนกล้าเชิดจมูกใส่เธอ เธอควรจะโค้งคำนับให้คนพวกนั้นหรือ เสียใจ เธอไม่ใช่คนใจดีอย่างนั้น 


 


 


เมื่อได้ยินคำพูดของเธอเซียวหงอี้ก็ตกตะลึงทันที ดวงตาเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชาและคมกริบ เขามองไปยังกลุ่มสาวใช้อย่างดุดัน และกล่าวอย่างเยือกเย็น “พวกเธอไม่ต้องมาที่นี่อีกวันพรุ่งนี้ เราไม่ต้องการคนรับใช้ที่นินทาว่าร้ายเจ้านายลับหลังอย่างพวกเธอ” 


 


 


บรรดาสาวใช้ตกตะลึง งานนี้เป็นงานที่ดีมากในเมือง A ค่าจ้างดีกว่าคนทำงานนั่งโต๊ะเสียอีก และงานก็ไม่หนัก พวกเธอแค่ต้องทำความสะอาด ดูแลสวน หรือส่งเสื้อผ้าไปที่ร้านซักแห้ง… ถ้าพวกเธอตกงาน จะหางานอื่นที่ไหนได้ดีเท่างานนี้! 


 


 


สาวใช้เริ่มร้องขอให้เธอให้อภัย ลิลลี่เองก็ตะลึงงันเช่นกัน เธอตกงานเพียงเพราะโต้เถียงกับเซียงเอ๋อ! 


 


 


ถังซีไม่คิดว่าเซียวหงอี้จะโกรธขนาดนี้และไล่คนรับใช้ออกหมด เธอเลิกคิ้วมองเซียวหงอี้ “หนูแค่ไม่อยากได้ยินอะไรที่ไม่ควรได้ยินค่ะ สาวใช้คนนั้นที่ชื่อลิลลี่อยู่ต่อไปได้ค่ะ หนูอยากให้เธอทำความสะอาดห้องหนู ส่วนที่เหลือขึ้นอยู่กับพ่อ” 


 


 


ในเมื่อเธอเลือกที่จะบอกเรื่องนี้กับเซียวหงอี้ เธอจะไม่เข้าไปยุ่งกับการตัดสินใจของเขา.. 


 


 


เซียวหงอี้เลิกคิ้วมองถังซี หลังจากแน่ใจว่าเธอหมายความอย่างนั้นจริงๆ เขาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “ลิลลี่อยู่ได้ ส่วนที่เหลือไปรับเงินจากพ่อบ้าน พวกเธอถูกไล่ออก” 


 


 


“คุณหนูคะ เราไม่ได้…” 


 


 


“เธอไม่ได้อะไร” ถังซีเลิกคิ้ว “ไม่ใช่มั๊ง ฉันไม่เคยคิดใส่ร้ายใครถึงจะมีอำนาจให้ทำได้ และฉันไม่ชอบเป็นเป้าให้ใครมานินทา ถ้าเธอมีปัญหากับฉัน บอกฉันได้ แต่นี่เธอเลือกที่จะพูดไม่ดีให้ร้ายฉันลับหลัง แล้วบังเอิญเธอถูกฉันจับได้” 


 


 


“คุณหนู ฉันจะไม่ทำอีกแล้วค่ะ…” ในท้ายที่สุดเซียงเอ๋อก็ตื่นตระหนก ถ้านายท่านยืนกรานจะไล่เธอออกก่อนที่นายน้อยจะกลับมา เธอก็ต้องไป! 


 


 


ถังซียิ้ม มองกลับไปที่เซียวหงอี้ เขาบอกว่า “ไปทำธุระของหนูเถอะ หนูจะไม่เห็นเธออีกเมื่อหนูกลับมา ไม่มีใครเปลี่ยนความจริงได้หรอกว่า หนูคือคุณหนูแห่งตระกูลเซียว พ่อจะดูซิว่าใครจะกล้านินทาหนูอีก!” 


 


 


ถังซียิ้มอย่างสบายใจ “หนูต้องการคนขับรถค่ะ หนูจะไปหาพี่จิ่งที่เฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุป” 


 


 


ทันใดนั้นถังซีก็รู้สึกขึ้นมาว่าเป็นการดีที่มีพี่ชายทำงานที่เฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุป นั่นจะเป็นข้ออ้างที่ไร้ข้อกังขาสำหรับเธอ ที่จะไปที่เฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุป! 


 


 


เซียวหงอี้หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา โทรเรียกคนขับรถ “เหลาจังจะขับรถไปส่งหนูที่นั่น และรอรับหนูกลับ แล้วหนูอยากให้พ่อไปซื้อของใช้ที่จำเป็นให้ หรือหนูอยากไปซื้อเอง”  

 

 


ตอนที่ 215 แสดงความรักต่อหน้าสาธารณะ

 

เมื่อได้ยินคำพูดของเซียวหงอี้ บรรดาสาวใช้ก็ตระหนักมากขึ้นถึงสถานะของถังซีในตระกูลเซียว ดูเหมือนว่าพวกเธอต้องไม่ยุ่งกับหญิงสาวคนนี้ ลือกันว่าเซียวหงลี่กับครอบครัวปฏิบัติต่อเธอดียิ่งกว่านี้อีก และคุณปู่เซียวก็รักเธอมากเช่นกัน พวกเธอต้องระมัดระวังอย่างมากเมื่ออยู่ต่อหน้าคุณหนูเซียวโหรว


 


 


ถังซีรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินเซียวหงอี้พูดเช่นนี้ เธอส่ายศีรษะหลังจากอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่ต้องหรอกค่ะ ขอบคุณนะคะ เดี๋ยวหนูแวะซื้อตอนขากลับก็ได้ค่ะ”


 


 


เซียวหงอี้พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แล้วส่งบัตรสีดำให้ถังซี “เอาบัตรนี้ไปใช้ซื้อของที่หนูต้องการ รหัสผ่านคือวันเดือนปีเกิดของหนู”


 


 


ถังซีเลิกคิ้ว คงจะเป็นวันเดือนปีเกิดของเซียวโหรว โชคดีที่เธอรู้วันเกิดเซียวโหรวจากบัตรประชาชนของเธอ ถังซีรับบัตรสีดำนั้นมาโดยไม่ลังเล และตอบว่า “ขอบคุณค่ะพ่อ”


 


 


เธอมีเงินสามล้านหยวนอยู่แล้ว แต่นั่นยังไม่เพียงพอสำหรับการก่อตั้ง ‘เดอะควีน’ ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดที่จะไม่ใช้เงินสามล้านหยวนไปทำอย่างอื่น


 


 


เซียวหงอี้ดีใจที่เห็นว่าเธอเต็มใจที่จะใช้เงินของครอบครัวเขา


 


 



 


 


เมื่อมาถึงเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุป ถังซีก็ขอให้คนขับรถกลับไปก่อน โดยบอกว่าเธอจะอยู่ที่นี่อีกนาน ดังนั้นเธอจะนั่งแท็กซี่กลับเอง หลังจากลงจากรถถังซีก็โทรหาเฉียวเหลียง ก่อนจะสวมหมวกและหน้ากาก


 


 


ขณะรับโทรศัพท์ถังซีเฉียวเหลียงรู้สึกประหลาดใจ แต่ดวงตาเขาเปี่ยมไปด้วยความสุขและความรัก “ผมกำลังจะเข้าประชุม คุณไปนั่งรออยู่ที่ห้องทำงานผมก่อน ผมจะพาคุณไปดูสตูดิโอของคุณหลังจากการประชุม”


 


 


เมื่อนึกถึงสิ่งที่ฉินซินหยิ่งทำกับเธอ ถังซีก็เลิกคิ้ว “ฉันจะประกาศสงครามกับใครบางคน ดังนั้นฉันต้องการให้เธอเห็นคุณมารับฉัน คุณจะลงมารับฉันที่ชั้นล่างไหม”


 


 


เมื่อได้ยินน้ำเสียงวางอำนาจเฉียวเหลียงก็หัวเราะและส่ายศีรษะ เขาชอบเห็นเธอหึง เขากล่าวว่า “รอแป๊บเดียว” แล้วโทรบอกเลขานุการ “เลื่อนการประชุมออกไปสิบนาที”


 


 


เขาถามเธอว่า “คุณอยู่ตรงไหน ผมจะไปรับคุณ”


 


 


“ฉันยืนอยู่ข้างแปลงดอกไม้ด้านนอกอาคาร ฉันต้องการให้คุณลงมารับฉันด้วยตัวเอง” ถังซีวางสายโทรศัพท์ เงยหน้าขึ้นมองอาคารที่ทำการเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปด้วยรอยยิ้มบางๆ “ฉินซินหยิ่ง เธอจะคิดยังไงน้า ถ้าเห็นเฉียวเหลียงเลื่อนการประชุมเพียงเพื่อมารับฉันด้วยตัวเอง”


 


 


สองนาทีต่อมา เฉียวเหลียงในชุดสูทอย่างเป็นทางการก็ปรากฏตัวที่ทางเข้าอาคาร เขาอดมองถังซีด้วยความรักไม่ได้ ก่อนจะส่ายศีรษะแล้วเดินเข้าไปหา จากนั้นเขาก็ลูบศีรษะเธอด้วยความเสน่หา “ไปกันเถอะ ราชินีของผม”


 


 


ถังซีนั่งอยู่ข้างแปลงดอกไม้ เงยหน้าขึ้นมองเฉียวเหลียง เมื่อเห็นเขาเดินมาหาด้วยรัศมีเปล่งประกายเจิดจ้าเธอก็ตกอยู่ในภวังค์ ผู้ชายคนนี้หล่อจริงๆ! คนรักของเขาช่างโชคดีจริงๆ! เมื่อเห็นถังซีอยู่ในอาการเคลิบเคลิ้ม เฉียวเหลียงก็ดึงตัวเธอขึ้นมา โอบแขนรอบเอวเธอโดยอัตโนมัติ และกระซิบถามเบาๆ “มองผมพอหรือยัง”


 


 


ในที่สุดถังซีก็ตื่นจากภวังค์ฝันกลางวัน เธอหันมองไปรอบๆ พบว่ามีผู้คนมากมายมองดูเธอกับเขาอยู่ เธอผลักไหล่เฉียวเหลียงเบาๆ แล้วกล่าวอย่างเขินอาย “มีคนมองเราอยู่เต็มไปหมด รักษาภาพลักษณ์ของตัวเองหน่อย ปล่อยฉันได้แล้ว”


 


 


เฉียวเหลียงมองใบหน้าแดงก่ำแล้วยิ้ม “ก็คุณขอให้ผมมารับคุณไง” แทนที่จะปล่อยเธอ เขากลับกอดแน่นยิ่งขึ้น


 


 


ถังซีมองเขาด้วยสายตาอ่อนใจ “ฉันจะแกล้งให้ฉินซินหยิ่งโกรธ แต่เธอไม่ได้อยู่ตรงนี้ เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องทำแบบนี้แล้ว”


 


 


เฉียวเหลียงหน้าบึ้งมองถังซี “ตั้งสองวันแน่ะ คุณไม่คิดถึงผมเลย แล้วยังมาใช้ผมแกล้งให้ฉินซินหยิ่งโกรธอีกอย่างนั้นเหรอ”


 


 


“ก็คุณนั่นแหละเป็นต้นเหตุ!” ถังซีมองเขาด้วยรอยยิ้ม “แล้วคุณไม่ชอบเหรอที่ฉันแสดงความรักกับคุณ ถึงแม้ว่าจุดประสงค์ของฉันคือการแก้แค้นฉินซินหยิ่งก็ตาม”


 


 


เฉียวเหลียงแตะปลายจมูกเธอเบาๆ ด้วยปลายนิ้วและกระซิบว่า “คุณมั่นใจได้ ตราบใดที่คนพวกนี้เห็น ฉินซินหยิ่งก็จะเห็นเหมือนกัน… เพราะฉะนั้นเราต้องทำให้หวานมากขึ้นกว่านี้อีก…”


 


 


เมื่อรู้สึกว่าหน้าผากเธอเกือบแตะคางเฉียวเหลียง ถังซีก็เอนหลบไปข้างหลังเล็กน้อย แต่กลับพบว่าท่านี้ยิ่งน่าอายกว่าเดิม เธอจึงรีบกลับสู่ท่าเดิม แล้วถามว่า “ยังไงล่ะ”


 


 


เฉียวเหลียงโน้มลงจูบถังซีที่ริมฝีปากผ่านหน้ากาก จากนั้นเขาก็ก้มลงอีก จูบติ่งหูแดงก่ำเบาๆ แล้วกระซิบ “แบบนี้…”


 


 


ถังซีหน้าแดงก่ำ หยิกเอวเขา “คุณนี่ ร้ายกาจจริงๆ!”


 


 


เฉียวเหลียงยิ้ม กำลังจะพูดอะไรบางอย่างเมื่อเสียงเย็นเยือกดังก้องอยู่ด้านหลัง “ท่านประธานเฉียว นี่ฉันต้องเลื่อนการประชุมออกไปอีกสิบห้านาทีหรือเปล่า”


 


 


ถังซีหันไปมอง เห็นเซียวจิ่งใบหน้าถมึงทึงแล้วอุทานอยู่ในใจ ‘ฉันตายแน่!’ แต่ในทางกลับกัน ตรงกันข้ามกับความว้าวุ่นที่เธอรู้สึกในหัวใจ เฉียวเหลียงดูเหมือนจะไม่รู้สึกอะไรเลย เขายังคงโอบแขนรอบเอวถังซีพาเดินเข้าไปในอาคาร “ไม่ต้อง ขอบใจ การประชุมจะเริ่มตามกำหนด”


 


 


ถังซีเดินไปกับเฉียวเหลียงเงียบๆ ก้มศีรษะลงต่ำ หลบสายตาตำหนิของเซียวจิ่ง ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งรู้สึกกระวนกระวายใจ เธอไม่สนใจทางจนเหยียบเท้าเฉียวเหลียงโดยไม่ได้ตั้งใจ เฉียวเหลียงสะดุดเกือบล้มลง เขารีบทรงตัวก้าวเดินให้มั่นคงอย่างรวดเร็วด้วยท่าทีสงบนิ่ง เขาก้มลงมองถังซีอย่างงุนงง และพบสายตาโกรธเกรี้ยวของถังซี เขากระแอม ลูบผมเธออย่างอ่อนโยนพร้อมกับเอ่ยเสียงทุ้ม “ผมขอโทษ ผมไม่ควรทำแบบนี้”


 


 


ผู้จัดการอาวุโสคนหนึ่งเดินผ่านมาจู่ๆ ก็สะดุด แฟ้มทั้งหมดในมือร่วงลงกับพื้นทันที…


 


 


ท่านประธานเฉียวกล่าวขอโทษด้วยหรือ!


 


 


หลังจากทั้งสามเข้าไปในลิฟต์ พนักงานทั้งหมดในห้องโถงด้านหน้าก็มารวมตัวกัน จับกลุ่มเป็นกลุ่มละสองสามคน “ผู้หญิงคนนี้ที่มาที่บริษัทเมื่อครั้งก่อนใช่ไหม”


 


 


“เธอคือตัวจริงของท่านประธานใช่ไหม เท่าที่พวกเรารู้ท่านประธานเฉียวเป็นคนเย็นชา แต่เมื่อกี้จู่ๆ เขาก็จูบเธอต่อหน้าสาธารณะ!”


 


 


พนักงานต้อนรับยกมือทาบอก “เจ้าชายเจ้าเสน่ห์ของฉันกลายเป็นพ่อบ้านใจกล้าไปแล้ว!”


 


 


“โอ…!” ผู้จัดการอาวุโสคนนั้นร้องออกมา “แฟ้มเอกสารที่ฉันเตรียมมาสำหรับการประชุมหลุดจากมือกระจัดกระจายหมด ตอนที่ฉันได้ยินท่านประธานเฉียวกล่าวขอโทษสาวสวยคนนั้น! ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ท่านประธานเฉียวจะเอ่ยคำขอโทษได้อ่อนโยนและน่ารักขนาดนี้! โอพระเจ้า! เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้ พระเจ้า!”


 


 


“ไม่ ฉันจะพิมพ์ข้อความลงในอินสตาแกรมว่า ภูเขาน้ำแข็งละลายลงแล้วในที่สุด!”


 


 


“โอ ฉันก็เหมือนกัน! ฉันถ่ายวิดีโอไว้ตอนที่พวกเขาจูบกัน ฉันจะลงคลิปนี้ในไมโครบล็อก! แต่ไม่ต้องห่วง ฉันจะเบลอใบหน้าท่านประธานของเราไว้!”


 


 


“ใช่ ใช่ ฉันก็จะลงของฉันในกลุ่มเพื่อน สายตาคนมีความรักของท่านประธานเฉียว! โอ…หัวใจแก่ๆ ของฉันละลาย!” สาวสวยคนหนึ่งถือโทรศัพท์ในมือ มองไปทางลิฟต์ด้วยสายตาเคลิบเคลิ้ม


 


 


ในเวลานั้นนั่นเองชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาแต่งตัวดีก็เดินเข้ามา และวางหนังสือลงบนศีรษะเธอ “เธออายุแค่ยี่สิบสาม บอกว่าตัวเองแก่ได้ยังไง ถ้าเธอแก่แล้วฉันล่ะ”


 


 


เมื่อหญิงสาวเห็นชายหนุ่มเธอก็ร้องอุทานอย่างเคลิบเคลิ้มอีกครั้งว่า “โอ เมื่อฉันเห็นเธอ หัวใจที่กำลังล่องลอยไปกับความสวยงามของความรักก็ตื่นขึ้นทันที! “

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม