หวานรักจับหัวใจท่านประธาน 207-214

 ตอนที่ 207 คุณดำเนินงานได้…สนุกมาก 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่เกือบจะโพล่งออกมา บอกเธอว่าถังหยวนซือคือคนที่ไปช่วยเธอในวันนี้ 


 


 


แต่พอนึกถึงคำเตือนของอวี๋เยว่หาน เหนียนเสี่ยวมู่ก็กัดริมฝีปาก และได้แต่กอดนางแบบสาวเอาไว้แน่น 


 


 


“ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่อยากให้คุณอารมณ์ดีขึ้นเท่านั้นเอง” 


 


 


“…แต่ฉันคิดถึงพี่เสี่ยวซือ” พอซ่างซินพูดถึงชื่อของเขา น้ำตาที่เพิ่งจะกลั้นไว้ก็เริ่มจะซึมออกมา 


 


 


ประตูห้องพักผ่อนถูกเปิดออกอีกครั้ง 


 


 


ผู้จัดการเดินเข้ามาจากข้างนอก “ซ่างซิน งานปล่อยผลิตภัณฑ์ใหม่จบแล้ว แฟนคลับรออยู่ข้างนอกเยอะแยะเลย อยากจะขอลายเซ็นของเธอน่ะ” 


 


 


“บอกปัดไปไม่ได้ใช่ไหม” เหนียนเสี่ยวมู่ถามขึ้นมา 


 


 


สภาพของซ่างซินในตอนนี้ อดทนเดินแบบจนจบไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ขืนให้เธอออกไปเจอแฟนคลับอีก ถ้าควบคุมอารมณ์ไม่ได้ขึ้นมา… 


 


 


ผู้จัดการตะลึงงัน “ฉันจะไปบอกฝ่ายรับผิดชอบเดี๋ยวนี้…” 


 


 


“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไม่เป็นไร ให้ช่างแต่งหน้าเข้ามาช่วยฉันเติมเครื่องสำอางก็พอ” ซ่างซินผละออกจากอ้อมกอดของเหนียนเสี่ยวมู่ พลางยื่นมือไปเช็ดน้ำตา และพยายามทำให้ตัวเองใจเย็นลง 


 


 


“ตอนนี้คุณเป็นแบบนี้ จะโอเคเหรอคะ” เหนียนเสี่ยวมู่คว้ามือของอีกฝ่ายไว้ด้วยความเป็นห่วง 


 


 


ซ่างซินกลับยิ้มให้เธอ “ฉันไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ ในเมื่อนี่คือทางที่ฉันเลือก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ต้องอดทนต่อไป นี่เป็นคำพูดที่คุณเคยพูดกับฉันตอนแรกไม่ใช่เหรอคะ” 


 


 


“…” 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ยังอยากพูดอะไรอีก แต่ช่างแต่งหน้าก็เดินเข้ามาจากข้างนอกเสียแล้ว 


 


 


ซ่างซินเป็นแขกคนสำคัญของงานปล่อนตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ หลังจากงานทุกอย่างจบลงแล้ว ก็ยังมีแฟนคลับกลุ่มเล็กๆ รอเจอเธออยู่ 


 


 


แฟนคลับที่สนับสนุนและอยู่กับเธอมาโดยตลอด 


 


 


หลังจากแต่งหน้าเสร็จเรียบร้อย ทั้งสองคนก็รีบร้อนบอกลากัน ก่อนที่เธอจะเดินไปกับผู้จัดการ 


 


 


งานจบลงแล้ว เหนียนเสี่ยวมู่ก็ต้องกลับไปรายงานสถานการณ์ที่บริษัทเช่นกัน 


 


 


เธอเพิ่งจะเดินออกจากห้องพักผ่อนของซ่างซิน ก็ชนเข้ากับคนที่เดินมาอย่างไม่ทันระวังในทันที! 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ถูกชนจนต้องถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ทำให้เธอกลับเข้าไปยืนด้านในประตูห้องพักผ่อน ขณะที่เธอยังไม่ทันรู้ตัว ก็ได้ยินเสียงสุภาพอ่อนโยนดังมาจากด้านบน 


 


 


“ขอโทษครับ คุณไม่เป็นไรใช่ไหม” 


 


 


เธอเงยหน้าขึ้น และพบว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า ท่าทางอายุยี่สิบกว่าปี สวมชุดสูทเนี๊ยบ ผมสั้นของเขาถูกเซ็ตไว้อย่างดี แม้จะไม่นับว่าหล่อเหลาเอาการ แต่ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกของดวงอาทิตย์ ที่ทำให้คนอบอุ่นสบายใจ 


 


 


หญิงสาวอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะนึกได้ว่าที่นี่คือห้องพักผ่อนของซ่างซิน และคิดว่าเขามาหาซ่างซิน จึงรีบบอกว่า “ซ่างซินเพิ่งไปค่ะ” 


 


 


คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะแย้มยิ้มอบอุ่นพร้อมฟันแปดซี่ออกมาในทันที 


 


 


จากนั้นเขาก็พุ่งมาหาเธอ แล้วกล่าวอย่างมีความสุข “ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ผมมาหาคุณ” 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…” 


 


 


มาหาเธอเนี่ยนะ 


 


 


เธอตั้งใจมองคนตรงหน้าอีกครั้ง แต่ก็จำไม่ได้อยู่ดี 


 


 


เพียงแต่คุ้นๆ อยู่บ้าง เหมือนเคยเจอกันมาก่อน… 


 


 


แต่เหนียนเสี่ยวมู่ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก คนตรงหน้าก็ยื่นมือมาหาเธอแล้ว “เฉินจื่อซิน ยินดีที่ได้รู้จักครับ งานในวันนี้สุดยอดมากเลย แถมคุณก็ดำเนินงานได้…สนุกมากครับ” 


 


 


เขาพูดจบก็บิ้มกว้างขึ้นอีกหลายส่วน 


 


 


สายตาที่มองเหนียนเสี่ยวมู่ก็เป็นประกาย 


 


 


เฉินจื่อซิน… 


 


 


เมื่อชื่อนี้ผุดขึ้นมาในหัว เหนียนเสี่ยวมู่ก็เบิกตาโพลงทันที 


 


 


ประธานเฉินแห่งบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้า มีลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอยู่คนหนึ่ง 


 


 


เขาคนนั้นก็คือเฉินจื่อซิน! 


 


 


ได้ยินว่าเขาเพิ่งกลับมาจากเมืองนอกวันนี้ และมาร่วมงานในทันที เธอก็ยุ่งหัวหมุนอยู่ตลอด จึงไม่มีเวลาไปทักทายเลย 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่เงยหน้าขึ้นและตีหน้าผากตัวเองครั้งหนึ่ง 


 


 


นับว่าเข้าใจแล้ว ว่าทำไมถึงรู้สึกว่าคนตรงหน้าคุ้นตานัก ตอนที่เธอขึ้นไปแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่บนเวทีเมื่อครู่ เขาก็นั่งอยู่ด้านล่างเวที รองจากที่นั่งประธานของอวี๋เยว่หาน! 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 208 หึง 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ดึงสติกลับมา ก่อนจะรีบฉีกยิ้ม “ที่แท้ก็เป็นรองประธานเฉินนี่เอง เป็นเกียรติมากเลยค่ะที่ได้พบคุณ ไม่ทราบว่าคุณอยากพบฉัน มีธุระอะไรเหรอคะ” 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่เคยเจอประธานเฉินแห่งบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าแค่ครั้งเดียว 


 


 


เขาเป็นชายวัยกลางคน รูปร่างท้วมเล็กน้อย แต่อ่อนโยนมากทีเดียว 


 


 


โดยเฉพาะตอนที่เขาพูดถึงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตัวเอง เขาก็ยิ้มจนตาแทบจะเป็นเส้นตรง ให้ความรู้สึกว่าเขาภูมิใจมากที่มีลูกชายแบบนี้ 


 


 


ว่ากันว่าเฉินจื่อซินเพิ่งจะโตเป็นหนุ่มใหญ่ ก็ถูกจัดให้เข้าไปฝึกงานที่บริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้า เดิมทีเตรียมจะได้นั่งตำแห่งรองผู้จัดการสักแผนกหนึ่ง แต่สุดท้ายเขาก็บอกประธานเฉิน ว่าจะขอเริ่มตั้งแต่ต้น 


 


 


เขาพยายามและก้าวหน้าไปทีละขั้น ภายในเวลาไม่กี่ปี เขาก็ได้กลายเป็นผู้จัดการของแผนกหนึ่ง 


 


 


ขณะที่ทุกคนต่างก็คิดว่าเขากำลังจะได้เข้ามาจัดการงาน และรับช่วงต่อบริษัทอย่างเป็นทางการ ชายหนุ่มก็ลาออกอย่างกะทันหัน และขอไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ 


 


 


เฉินจื่อซินคิดจะไปเรียนเพิ่มเติมที่ต่างประเทศ และถือโอกาสเรียนเกี่ยวกับการทำธุรกิจให้ลึกซึ้งไปอีกขั้นหนึ่ง 


 


 


จนกระทั่งวันนี้ ถึงได้กลับมา… 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่จับมือของเขา แต่ไม่นานก็ปล่อย 


 


 


จากนั้นก็ยิ้มเหมือนจิ้งจอกน้อย เป็นรอยยิ้มประชาสัมพันธ์แบบมาตรฐาน และถอยออกห่างอย่างมีมารยาท 


 


 


ดวงตาคู่สวยหวานฉ่ำ ดึงดูดสายตาอย่างยิ่ง 


 


 


“ผมได้ยินว่าคุณเป็นคนรับผิดชอบงานในครั้งนี้ทั้งหมด แม้แต่ที่ซ่างซินตกลงเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้เซิ่งต้า ก็เป็นเพราะคุณด้วย” เฉินจื่อซินมองเธอด้วยแววตาเป็นประกาย ก่อนจะถามอย่างอ่อนโยน “ผมอยากจะเชิญคุณไปทานข้าว ถือเป็นการขอบคุณ ไม่ทราบว่าซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนว่างไหมครับ” 


 


 


“ไม่ต้องหรอกค่ะ เรื่องพวกนั้นฉันควรจะทำอยู่แล้ว…” 


 


 


“ความจริงแล้วผมมีเจตนาส่วนตัวครับ” เฉินจื่อซินขัดคำพูดปฏิเสธของเธอ แล้วเดินมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง 


 


 


เขาตัวสูงมาก ยืนอยู่ตรงหน้าเหนียนเสี่ยวมู่แล้ว ตัวของเขาแทบจะบังตัวเธอเอาไว้มิดเลยทีเดียว 


 


 


ชายหนุ่มก้มหน้าลงมาเล็กน้อย พร้อมทั้งตั้งใจมองเธอ สายตาของเขาดูเคร่งเครียดอยู่บ้าง ราวกับกำลังจะสารภาพรักก็ไม่ปาน 


 


 


แต่เขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก หางตาของเหนียนเสี่ยวมู่ก็พลันเหลือบไปเห็นว่ามีคนหนึ่งอยู่ตรงหัวโค้ง จึงตะโกนเรียกตามสัญชาตญาณ “คุณชายหาน” 


 


 


เมื่อได้ยินดังนั้น เฉินจื่อซินก็ชะงักไปเล็กน้อย 


 


 


จากนั้นเขาก็หันไปมองข้างหลังของตนเอง… 


 


 


เงาร่างสูงส่งของอวี๋เยว่หานยืนอยู่ข้างกำแพง สายตาเย็นชากำลังชำเลืองมองมาทางพวกเขา 


 


 


ไม่รู้ว่าเขายืนอยู่ตรงนั้นนานเท่าไหร่แล้ว 


 


 


หลังจากได้ยินเหนียนเสี่ยวมู่เรียก เขาถึงจะสาวเท้าเดินมาข้างหน้า 


 


 


เฉินจื่อซินเห็นเขาแล้ว จึงรีบหมุนตัวไปทักทายพร้อมรอยยิ้ม “คุณชายหาน พ่อของผมมักจะพูดถึงคุณอยู่บ่อยๆ บอกว่าคุณเป็นอัจฉริยะที่หายากในวงการ ให้ผมเรียนรู้จากคุณให้มากๆ” 


 


 


อวี๋เยว่หานกลับไม่ได้มองเขา แต่มองตรงมาที่เหนียนเสี่ยวมู่ “ว่างแล้วเหรอ” 


 


 


“อื้ม งานจบแล้ว ฉันกำลังจะ…” 


 


 


“แล้วทำไมยังไม่ไปอีก” อวี๋เยว่หานเอ่ยปากขัดจังหวะคำพูดของเธออย่างเย็นชา 


 


 


เมื่อเห็นเหนียนเสี่ยวมู่ตะลึงงันและไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาก็หันไปมองเฉินจื่อซิน “คุณมีธุระอะไรอีกไหมครับ” 


 


 


“…ไม่มีแล้วครับ” เฉินจื่อซินมองพวกเขาทั้งคู่ เหมือนจะรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ไม่ธรรมดา แถมอวี๋เยว่หานยังถามแบบนี้อีก เขาจึงตอบไปด้วยความอึดอัดใจอยู่บ้าง 


 


 


พอเขาพูดจบ ก็เห็นอวี๋เยว่หานคว้ามือของเหนียนเสี่ยวมู่ จูงเธอเดินผ่านตัวเขาไป 


 


 


ครั้นเฉินจื่อซินได้สติกลับมา ทั้งสองคนก็หายไปจากตรงหน้าเขาแล้ว 


 


 


“อวี๋เยว่หาน รองประธานเฉินอยู่ตรงนั้นคนเดียว…คุณเดินช้าๆ หน่อยสิ ฉันตามไม่ทัน…” เหนียนเสี่ยวมู่ถูกลากอยู่ เธอวิ่งสั้นๆ จนเกือบจะล้มอยู่แล้ว ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกโมโห และสะบัดมือเขาออก พร้อมทั้งเรียกชื่อเต็มของเขา 


 


 


ทันใดนั้นอวี๋เยว่หานก็หยุดฝีเท้า และหันกลับมามองเธอ 


 


 


“คุณไม่อยากไปจากเขาหรือไง” 


ตอนที่ 209 ผู้ชายขี้น้อยใจ


 


 


น้ำเสียงของเขาราบเรียบมาก สายตาก็สงบนิ่งมากเช่นกัน


 


 


ดูไม่ออกเลยว่าเขารู้สึกอย่างไร ดวงตาที่เดิมทีล้ำลึกอยู่แล้วยิ่งดำทมิฬเข้าไปใหญ่


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่กำลังหอบ พลางตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมา “คุณเพี้ยนไปแล้วเหรอ ฉันกับเฉินจื่อซินไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลย แล้วทำไมฉันต้องไม่อยากไปจากเขาด้วย”


 


 


ครั้นเธอพูดโพล่งออกมา ความกดอากาศโดยรอบก็หายไปในทันที


 


 


ใบหน้าของชายหนุ่มตรงหน้าอ่อนลงทันควัน ถึงจะถูกด่าก็ไม่สนใจ เสียงของเขายังคงเรียบนิ่ง “พ่อบ้านบอกว่าเสี่ยวลิ่วลิ่วไม่ยอมกินข้าว จะรอคุณให้ได้”


 


 


น้ำเสียงเย็นชานั้น ราวกับเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพียงเพราะเป็นห่วงลูกสาวเท่านั้น


 


 


“เอาเสี่ยวลิ่วลิ่วมาเป็นข้ออ้างน้อยๆ หน่อยเถอะ เมื่อกี้คุณเป็นบ้าอะไร นั่นเป็นคุณชายของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้านะ เขามาคุยกับฉันเอง ฉันไม่ได้ทักทายเขาสักคำ ก็วิ่งมาแบบนี้แล้ว ไม่มีมารยาทเลย…” เหนียนเสี่ยวเสี่ยวมู่เท้าเอว เตรียมตัวจะพูดต่อด้วยความโมโห


 


 


แต่เพิ่งพูดไปได้ครึ่งเดียว อยู่ๆ ก็หนาวสันหลังวาบขึ้นมา


 


 


เหมือนเธอจะยั่วโมโหชายหนุ่มตรงหน้าแล้ว ทำให้เขาเริ่มมองเธอด้วยนัยน์ตาสำดำขลับ


 


 


ในหัวของเธอปรากฏภาพที่เธอลากเขาขึ้นลงเวทีในทันที


 


 


ตอนนั้นเขาก็มองเธอแบบนี้ ราวกับจะกินเธอทั้งเป็น


 


 


เธอรวบรวมสติ “เอ่อ ไม่เป็นไรหรอก ช่างมันแล้วกัน ถึงยังไงฉันก็ไม่ได้สนิทกับรองประธานเฉิน”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่มองใบหน้าอึมครึมของเขา แล้วรีบหาทางหนีทีไล่ให้ตัวเอง


 


 


“คุณชาย พวกเรารีบกลับบ้านเถอะ เสี่ยวลิ่วลิ่วหิวแย่แล้ว!”


 


 


เธอพูดพลางหมุนตัววิ่งไปริมทาง เมื่อเห็นรถของอวี๋เยว่หานแล้ว เธอก็เปิดประตูแล้วรีบปีนเข้าไปนั่งเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว


 


 


แต่ต่อมากลับเห็นเขายกมือโยนกุญแจรถให้เธอ


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “???”


 


 


เมื่อเธอดึงสติกลับมา ก็เห็นเขาเปิดประตูด้านหลัง และเข้าไปนั่งข้างในแล้ว


 


 


ครั้นเห็นเธออึ้งงันไม่ยอมขยับ เขาก็ทิ้งท้ายอย่างเยียบเย็น “ผมไม่สบาย ขับรถไม่ได้”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…”


 


 


แค่ต่อว่าเขาคำเดียว คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะจำได้ด้วย…


 


 


ผู้ชายขี้น้อยใจ!


 


 


จากพยาบาลรับจ้างของเสี่ยวลิ่วลิ่ว มาเป็นซูเปอร์ไวเซอร์ของแผนกประชาสัมพันธ์ ตอนนี้เธอมีสถานะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งอย่าง นั่นก็คือคนขับรถของอวี๋เยว่หาน!


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ก่นด่าเขาในใจไปพลาง ปีนขึ้นไปนั่งบนที่นั่งคนขับไปพลาง


 


 


หลังจากคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว เธอก็เป็นคนขับรถอย่างสมตำแหน่ง พาเขากลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลอวี๋


 


 


บรรยากาศระหว่างทางเงียบสงบเป็นพิเศษ


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่แอบมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านหลังผ่านกระจกมองหลัง เห็นว่าเขาไม่ได้หลับ แต่กำลังทำหน้าบึ้งอยู่


 


 


สมองของเธอแล่นอย่างรวดเร็ว เธอรู้สึกว่าควรจะคุยเรื่องอื่นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ


 


 


ดังนั้น เมื่อในหัวของเธอปรากฏท่าทางรวบรวมสติของซ่างซินก่อนจะจากไปขึ้นมา เธอก็ถามอย่างอดไม่อยู่ “คุณชาย คุณรู้จักกับถังหยวนซือไหม”


 


 


เธอถามออกไปแล้วเพิ่งจะรู้สึกเสียใจภายหลัง


 


 


ทำไมถึงรู้สึกว่า บรรยากาศสงบนิ่งที่พูดไว้เมื่อครู่กลับยิ่งอึดอัดเมื่อเกิดคำถามนี้ขึ้นมา


 


 


 ในเมื่อถามออกไปแล้ว แถมเธอก็เป็นห่วงซ่างซินจริงๆ อย่างนั้นก็ควรถามให้ถึงที่สุด


 


 


“ฉันได้ยินคนที่ส่งโทรศัพท์มือถือไปให้บริษัทตระกูลถังกลับมาบอกว่า ประธานถังเหมือนจะชอบมือถือเครื่องนั้นมาก ถืออยู่ในมือและมองซ้ำไปซ้ำมาอยู่ตลอด แถมยังเก็บไว้โดยไม่พูดอะไร ในใจของเขาสนใจซ่างซินอยู่แท้ๆ ทำไมถึงไม่อยากให้เธอรู้ล่ะ”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่พูดจบก็เม้มปาก ก่อนจะมองกระจกมองหลังด้วยความระมัดระวัง


 


 


ในกระจกนั้น อวี๋เยว่หานยังคงนั่งท่าเดิมไม่ขยับ เพียงแค่ช้อนสายตามองเธออย่างเกียจคร้านเท่านั้น


 


 


จากนั้นเขาก็ขยับริมฝีปากบาง “เรื่องของพวกเขา คุณไม่เกี่ยว”


 


 


“คุณรู้จักกับถังหยวนซือจริงๆ ใช่ไหม สนิทกันมากหรือเปล่า เขาเป็นคนยังไง” เหนียนเสี่ยวมู่จับพวงมาลัยแน่นขึ้น พร้อมถังถามด้วยความร้อนใจ


 


 


 


 


ตอนที่ 210 ตาแหลม!


 


 


เธอที่กำลังเป็นห่วงซ่างซินอยู่ ไม่ได้สังเกตเลยว่าเมื่อตัวเองพูดจบแล้ว อวี๋เยว่หานที่มีใบหน้าไร้อารมณ์ในทีแรกมีสีหน้ามืดมนลงแล้ว


 


 


จากนั้นเขาก็เลิกคิ้วมองเธอด้วยความเย็ฯชา


 


 


“คุณสนใจถังหยวนซือมากเลยเหรอ”


 


 


“แน่นอน!” เหนียนเสี่ยวมู่ตอบโดยไม่คิด แต่เขายังไม่ทันได้พูดอะไร เธอก็พูดขึ้นมาอีก


 


 


“ฉันไม่รู้ว่าพวกคุณรู้จักกัน ก็เลยไหว้วานคนไปสืบมา ได้ยินมาว่าถังหยวนซือคนนี้อยู่ที่บ้านเด็กกำพร้า ต่อมาก็มีคนมารับเลี้ยงไป จากนั้นตระกูลถังก็มารับเลี้ยงไปอีก คราวนี้เขาได้เป็นผู้สืบทอดของตระกูลถัง ทำให้ตัวเองได้เป็นประธานบริษัท”


 


 


“…”


 


 


“เรื่องข่าวของเขาน่ะมีเยอะแยะ ฉันก็เลือกดูอันที่น่าเชื่อถือ แต่ฉันได้ยินมาว่าเขาทั้งหล่อทั้งมีมารยาท แถมยังเป็นคนที่อบอุ่นมากอีก ว่ากันตามตรงนะ ถ้าเขาชอบซ่างซิน เขาก็น่าจะตื๊อเธออย่างสุดชีวิตสิถึงจะถูก ทำไมถึงได้…”


 


 


หญิงสาวกำลงพูดด้วยความตื่นเต้น แต่อยู่ๆ ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ


 


 


ครั้นเงยหน้ามองกระจกมองหลัง ถึงได้พบว่าชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงเบาะหลังมีสีหน้าดำคล้ำยิ่งกว่าก้นหม้อเสียอีก


 


 


เขาเห็นเธอหันหน้ากลับมา จึงร้อง “เฮอะ” เสียงหนึ่ง แล้วกลั้นใจพูดออกมาว่า “ไม่เคยเจอก็คลั่งไคล้แล้ว ผู้หญิงคิดอะไรตื้นๆ”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…”


 


 


ผู้ชายหล่อเป็นแหล่งแบ่งปันความสุขของจักรวาล เธอชมแค่คำสองคำจะเรียกว่าคลั่งไคล้ได้อย่างไร แล้วอะไรคือคิดตื้นๆ


 


 


แถมนี่เป็นประเด็นที่เธอพูดถึงที่ไหนกัน


 


 


แต่เมื่อเหลือบไปเห็นสีหน้าเย็นเยือกของชายหนุ่ม เธอก็รีบเปลี่ยนคำพูดอย่างชัดเจน “ฉันไม่เคยเจอถังหยวนซือหรอก แต่ทุกคนบอกว่าเขาหล่อกันทั้งนั้น ความจริงก็น่าจะไม่เท่าไหร่ ถ้าอย่างถังหยวนซือเรียกว่าหล่อ ก็น่าจะสู้คุณชายไม่ได้ล่ะมั้ง”


 


 


เธอพูดจบก็ตั้งใจฉีกยิ้มประจบให้เขาอีกด้วย


 


 


ขาดก็แต่ไม่ได้ยกมือรับประกัน ว่าเขาหล่อที่สุดในโลกหล้า


 


 


อวี๋เยว่หานเหลือบมองเธอเล็กน้อย สีหน้ายังคงเหมือนเดิม แต่มุมปากยกขึ้นบ้าง “ถือว่าตาแหลมอยู่บ้าง”


 


 


ไม่นานเขาก็พูดอีก “อยู่ห่างๆ ถังหยวนซือไว้หน่อย คุณเข้าไปยุ่งเรื่องของเขากับซ่างซินไม่ได้หรอก”


 


 


คำพูดคำพูดแบบเดียวกันถึงสองครั้งแรก


 


 


แถมครั้งนี้ยังมีน้ำเสียงคร่ำเคร่งกว่าครั้งแรกอย่างเห็นได้ชัด


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ใช้ความกล้าไปหมดแล้ว จึงหดคออยู่เงียบๆ เหมือนไก่


 


 


ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกันอีกจนถึงคฤหาสน์ตระกูลอวี๋


 


 


รถเพิ่งจอดนิ่ง แต่เงาร่างเล็กนุ่มนิ่มก็วิ่งออกมาจากห้องรับแขกเสียแล้ว


 


 


ดวงหน้าเล็กจ้อยรูปไข่ ตาโตยิ้มจนหยี เด็กหญิงสาวเท้าวิ่งมาหาอวี๋เยว่หานทันทีที่เห็นเขา “ปาปา”


 


 


เมื่ออวี๋เยว่หานอุ้มเธอขึ้นมา ปากเล็กๆ ก็จุ๊บลงบนแก้มของเขาครั้งหนึ่ง


 


 


จากนั้นเสี่ยวลิ่วลิ่วก็หันไปเห็นเหนียนเสี่ยวมู่ที่ลงมาจากรถช้ากว่าเขา ก่อนจะยื่นแขนไปหาเธอ อยากจะให้เธออุ้ม


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่กลัวว่าเจ้าตัวเล็กจะตกลงมา จึงรีบเดินเข้าไปข้างหน้าอวี๋เยว่หาน


 


 


แต่เธอยังไม่ทันรับตัวเสี่ยวมา เด็กหญิงก็โอบคอของเธอ แล้วใช้ปากเล็กๆ ที่เพิ่งหอมแก้มอวี๋เยว่หาน หอมแก้มเธอด้วยเช่นกัน


 


 


ร่างเล็กๆ ยังถูกกอดอยู่ในอกของอวี๋เยว่หาน แต่แขนกลับกอดคอเหนียนเสี่ยวมู่เอาไว้ ทำให้ร่างกายของหญิงสาวถูกดึงเข้าไป ดูเหมือนเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของอวี๋เยว่หานเช่นกัน


 


 


ในโพรงจมูกของเธอเต็มไปด้วยกลิ่นฮอร์โมนของผู้ชายในทันที…


 


 


เธอเพิ่งจะเตรียมถอยหลัง เสี่ยวลิ่วลิ่วกลับกอดคอเธอไว้ไม่ยอมปล่อย ทำให้เธอต้องพิงอยู่ในอกของอวี๋เยว่หานต่อไป ขณะที่กำลังจะหลอกล่อเสี่ยวลิ่วลิ่ว โทรศัพท์มือถือก็พลันดังขึ้นมา


 


 


เธอเหลือบมองเล็กน้อย พบว่าเป็นสายจากเหวินหย่าไต้ จึงตะลึงไปเล็กน้อย ก่อนจะรับสาย


 


 


“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน งานวันนี้ประสบความสำเร็จมาก ยินดีด้วยนะคะ”


 


 


“…”


 


 


“รองประธานเฉินจากบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าพอใจกับงานในวันนี้มาก เขาหวังให้คุณรับผิดชอบงานต่อๆ ไป พรุ่งนี้เขาจะไปพบคุณที่บริษัทด้วยตัวเอง”


ตอนที่ 211 ถูกเอาเปรียบ!


 


 


รองประธานเฉิน?


 


 


ในหัวของเหนียนเสี่ยวมู่ปรากฏภาพเฉินจื่อซิน ที่เธอเพิ่งเจอตรงประตูห้องพักผ่อนของซ่างซิน


 


 


เขาดูอัธยาศัยดี น่าจะคุยกันง่ายทีเดียว


 


 


เมื่อคิดได้ดังนั้น เธอก็สบายใจในทันที แต่เพิ่งจะบอกเหวินหย่าไต้ว่า “รับทราบค่ะ” เธอก็รู้สึกหนาวสันหลังวาบในทันใด แถมยังตัวสั่นไปทั้งตัว


 


 


เมื่อเงยหน้าขึ้น เธอก็ได้สบตาสีดำขลับของอวี๋เยว่หาน ในนั้นเหมือนจักรวาลที่กว้างใหญ่ ไกลโพ้นไม่มีที่สิ้นสุด


 


 


เธอตะลึงไปหลายวินาที ส่วนเหวินหย่าไต้ที่อยู่ปลายสายก็พูดขึ้นมาอีกว่า “ฉันยังมีเรื่องอื่นต้องทำ อีกสองวันถึงจะกลับไป งานของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าต้องฝากคุณแล้วล่ะ”


 


 


จากนั้นอีกฝ่ายก็วางสายไปก่อน


 


 


“เอ่อ เหวินหย่าไต้บอกเรื่องงานของฉันน่ะ” เหนียนเสี่ยวมู่ไม่แน่ใจว่าเขาได้ยินเสียงในโทรศัพท์หรือเปล่า ดธอจึงพูดพึมพำราวกับรายงานให้เขาฟัง


 


 


แต่เพิ่งจะใส่โทรศัพท์มือถือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ ก็ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของเสี่ยวลิ่วลิ่ว “หนูจุ๊บๆ เสร็จแล้ว ถึงตาทั้งสองคนแล้วล่ะ!”


 


 


“…”


 


 


มือของเธอแข็งทื่อไปเล็กน้อย


 


 


จากนั้นก็เบิกตาโพลงด้วยความงงงัน แล้วมองเสี่ยวลิ่วลิ่วที่พูดแบบเด็กๆ


 


 


อะไรคือถึงตาของทั้งสองคนแล้ว


 


 


ให้จูบอวี๋เยว่หานเหรอ


 


 


อวี๋เยว่หานที่ได้ยินคำได้ยินแล้วก็มีสายตาเปลี่ยนไปเช่นกัน


 


 


โทรศัพท์เมื่อครู่นี้ เขาได้ยินชัดเจน


 


 


งานของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าเป็นงานของผู้จัดการมาโดยตลอด อยู่ๆ เปลี่ยนคนแบบนี้ น่าจะเป็นเพราะเฉินจื่อซินกลับมาแน่ๆ ประธานเฉินอยากให้ลูกชายของตัวเองทำงานที่บริษัทเร็วหน่อย ถึงได้รีบร้อนมอบหมายงานที่น่าจับตามองที่สุดในปีนี้ให้เขาทำ


 


 


แต่พอคิดถึงท่าทางที่เฉินจื่อซฺนมาคุยกับเหนียนเสี่ยวมู่หลังจากงานจบ หน้าอกของอวี๋เยว่หานก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมาบ้าง


 


 


แถมสีหน้าก็ดำคล้ำลงโดยไม่รู้ตัว…


 


 


แล้วตอนนี้ก็ได้ยินเสียงของเสี่ยวลิ่วลิ่ว


 


 


ให้พวกเขาจูบกัน…


 


 


นัยน์ตาสีดำของเขาวูบไหวเล็กน้อย จับจ้องเหนียนเสี่ยวมู่ที่อยู่ตรงหน้า ดูน่ากลัวไม่น้อย


 


 


เขายังไม่ทันได้เอ่ยปากพูดอะไร เธอก็เขย่งปลายเท้าอย่างรวดเร็ว แล้วจูบบนแก้มของเสี่ยวลิ่วลิ่วครั้งหนึ่ง “เอาล่ะ จุ๊บแล้วนะ”


 


 


จากนั้นเธอก็หันมามองเขา ราวกับถามเขา ว่ายังรออะไรอยู่


 


 


อวี๋เยว่หานหรี่ตาลงเล็กน้อย พลางมองริมฝีปากแดงๆ ที่เพิ่งจูบเสี่ยวลิ่วลิ่วไปเมื่อครู่ มันดูแวววาวเปล่งปลั่งอยู่บ้าง น่าหลงใหลเสียจริง


 


 


 เพียงแค่พูดจา ก็ทำให้เขาอยากจะเชยชมแล้ว


 


 


เมื่อรู้สึกได้ถึงความรู้สึกของตัวเองที่เกิดจากเธอ อวี๋เยว่หานก็ขมวดคิ้ว แล้วก้มหน้าจูบแก้มของเสี่ยวลิ่วลิ่วครั้งหนึ่ง


 


 


วินาทีต่อมาก็ได้ยินเสียงเบิกบานใจของเสี่ยวลิ่วลิ่ว “ปาปาจุ๊บแค่เสี่ยวลิ่วลิ่วไม่ได้ ต้องจุ๊บพี่สาวคนสวยด้วยนะ!”


 


 


อวี๋เยว่หาน “…”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…”


 


 


เมื่อครู่เธอคิดว่าทำลายความอึดอัดไปได้อย่างชาญฉลาดแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าความอึดอัดที่มากกว่ากำลังรอเธออยู่


 


 


“เสี่ยวลิ่วลิ่ว หนูยังเด็ก เลยไม่รู้ว่าระหว่างผู้ใหญ่จะจูบกันตามใจชอบไม่ได้…” เหนียนเสี่ยวมู่ยังพูดไม่จบ ก็มีเงาร่างหนึ่งปกคลุมอบู่บนหัวเธอแล้ว


 


 


มือหนึ่งของอวี๋เยว่หานอุ้มเสียวลิ่วลิ่ว ส่วนมืออีกข้างโอบเอวของเธอ


 


 


บนใบหน้าหล่อเหลาของเขาไม่มีสีหน้าใดเป็นพิเศษ เขาเพียงแค่จูบบนหน้าผากของเธอเบาๆ จากนั้นก็ยืนตัวตรง


 


 


เขาทำทุกอย่างอย่างว่องไว ทำเอาเธอไม่ทันตั้งตัวเลยทีเดียว


 


 


ขณะที่เหนียนเสี่ยวมู่ยังไม่ดึงสติกลับมา เขาก็ปล่อยมือที่โอบเธอไว้แล้ว


 


 


จากนั้นก็อุ้มเสี่ยวลิ่วลิ่วหมุนตัวเดินไปด้วยความพึงพอใจ


 


 


“…”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ตะลึงอยู่ที่เดิม เธองุนงงอยู่นานมาก ไม่ได้สติสักที


 


 


หญิงสาวจับหน้าผากที่เพิ่งถูกจูบไป ก่อนจะนึกได้ว่าเมื่อครู่อยู่ๆ เขาก็ก้มลงมาจูบเธอ พลางรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วจนน่าตกใจ


 


 


ผ่านไปนานทีเดียว เธอถึงจะดึงสติกลับมาได้ นี่เธอถูกเขาเอาเปรียบนี่นา!


 


 


 


 


ตอนที่ 212 กระโดดลงแม่น้ำหวงเหอก็ล้างมลทินไม่หมด


 


 


“อวี๋เยว่หาน คุณทำแบบนี้ไม่ถูกต้องนะ!” เหนียนเสี่ยวมู่วิ่งเข้าไปในห้องรับแขกด้วยความโมโห


 


 


แต่เพิ่งวิ่งเข้าถึงห้องรับแขก กลับไม่เจอใคร เธอตะลึงไปเล็กน้อย แล้วหันหน้าเดินเข้าไปในห้องอาหาร


 


 


พอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นสองพ่อลูกเพิ่งนั่งลง เตรียมตัวจะกินข้าว ครั้นสองพ่อลูกได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว ต่างก็มองมาทางเธอเป็นตาเดียว


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่กลายเป็นจุดสนใจในพริบตา ทำเอาเธอชะงักไปเล็กน้อบ


 


 


เมื่อสบตาสีดำขลับคู่นั้นของอวี๋เยว่หาน ความกล้าที่เตรียมจะไปดึงหูของเขาเพื่อสั่งสอนสักครั้งเมื่อครู่ หายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันที


 


 


หญิงสาวหดคอ แล้วชี้ดวงหน้าเล็กจ้อยไร้เดียงสาของเสี่ยวลิ่วลิ่วพูดว่า “เสี่ยวลิ่วลิ่วยังเด็ก ยังไม่รู้ประสา คุณสอนเธอแบบนี้ไม่ได้นะ เดี๋ยวเธอจะเสียคนเอา”


 


 


เมื่อเห็นเขาไม่พูดจา เหนียนเสี่ยวมู่ก็เดินไปข้างหน้า แล้วกอดเสี่ยวลิ่วลิ่วเอาไว้ในอก


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่กอดร่างเล็กนุ่มนิ่มของเด็กหญิง แล้วถึงรู้สึกว่าตัวเองมีความอดทนเพิ่มขึ้นมาบ้าง จากนั้นกพูดต่อ “ถ้าครั้งหน้าเธอชี้ผู้หญิงคนหนึ่งตามถนนมั่วซั่ว คุณก็จะจูบผู้หญิงคนนั้นเหรอ”


 


 


“…” อวี๋เยว่หานขมวคิ้ว พลางจ้องมองเธอด้วยสายตามืดครึ้ม


 


 


เขาจ้องเธอจนเธอขนลุก จึงรีบอธิบาย “ฉันแค่ชี้ทางให้ สมมติน่ะ แค่สมมติ…”


 


 


อวี๋เยว่หาน “…”


 


 


ไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นหรอก เขาไม่เคยจูบผู้หญิงแปลกหน้าเลยสักคน


 


 


หญิงสาวเหลือบเห็นสีหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงไป คิดเอาเองว่าเขาได้ยินคำพูดของเธอแล้ว จึงพูดขึ้นมาอีก “ดังนั้น วิธีที่ปลอดภัยที่สุดก็คือบอกเสี่ยวลิ่วลิ่ว ว่าผู้ใหญ่จูบกันตามใจชอบไม่ได้…”


 


 


“คุณกำลังหารือกับผม เรื่องสอนลูกสาวยังไงเหรอ” อวี๋เยว่หานเหลือบมองเธอ พลางขยับริมฝีปากบาง


 


 


เมื่อพูดจบ เขาก็หยิบอุปกรณ์กินข้าวขึ้นมาเริ่มกินอย่างเชื่องช้า


 


 


ท่าทางกินข้าวอันสง่างาม น่าชื่นชมและน่ามองอย่างยิ่ง


 


 


ทำเอาเหนียนเสี่ยวมู่ลืมไปว่าอยากจะคัดค้าน


 


 


แต่พอได้ยินเขาพูดแล้ว เธอก็อึ้งไปเล็กน้อย


 


 


ทำไมรู้สึกว่าผิดปกติอยู่บ้าง…


 


 


แต่ผ่านไปสักพัก ก็ไม่รู้ว่ามีตรงไหนผิดปกติไป…


 


 


“ฉันไม่ได้อยากไปก้าวก่ายว่าคุณจะสอนเสี่ยวลิ่วลิ่วยังไง ฉันแค่รู้สึกว่าโอ๋ลูกมากไปไม่ได้” เหนียนเสี่ยวมู่พูด และรู้สึกเหมือนกำลังหารือกับเขา เรื่องปัญหาการสั่งสอนเสี่ยวลิ่วลิ่วจริงๆ ทำให้เธอไม่รู้ว่าจะพูดต่อไปอย่างไรขึ้นมากะทันหัน


 


 


ส่วนเสี่ยวลิ่วลิ่ว เด็กหญิงไม่ได้ว่านอนสอนง่ายกับใครก็ได้ เพียงแค่สนิทกับหญิงสาวเป็นพิเศษเท่านั้น


 


 


ถ้าเธอไปสอนเสี่ยวลิ่วลิ่วอย่างเคร่งครัดเกินไป บอกเจ้าตัวน้อยว่าทำอย่างนี้ไม่ได้ จะเท่ากับเป็นการทำลายความไร้เดียงของเด็กหรือเปล่า


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่รู้สึกสับสนขึ้นมาบ้างในทันใด


 


 


“เสี่ยวลิ่วลิ่ว หนูต้องรับปากพี่นะ นอกจากพี่สาวคนาวยแล้ว ต่อไปนี้เห็นใครแล้วจะให้พ่อหนูจูบไม่ได้นะรู้ไหม”


 


 


เมื่อพูดออกไป ทั้งห้องอาหารก็เงียบกริบไปในทันที


 


 


พ่อบ้านที่อยู่ข้างๆ และยังมีคนรับใช้ที่กำลังเตรียมยกอาหารมา ล้วนใช้สายตาประหลาดใจมองมาทางเธอกันหมด


 


 


แม้แต่อวี๋เยว่หานก็หยุดกินข้าวไปพักหนึ่ง แล้วเลิกคิ้วมองเธอ


 


 


เมื่อเหนียนเสี่ยวมู่ดึงสติกลับมา ถึงจะรู้ตัวว่าเมื่อครู่ตัวเองพูดอะไรออกไป จึงอึ้งไปบ้าง “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันไม่ได้วางแผนอะไรนะ ฉันแค่ ฉันแค่เป็นห่วงเสี่ยวลิ่วลิ่ว เธอยังเด็ก ฉันก็แค่ช่วยให้เธอมีความคิดที่ถูกต้องเท่านั้นเอง…”


 


 


“…”


 


 


“ฉันก็ไม่ได้ให้คุณจูบสักหน่อย ฉันแค่บอกว่า จะจูบคนที่ไม่รู้จักมั่วซั่วไม่ได้…” เหนียนเสี่ยวมู่อยากจะอธิบายด้วยความร้อนใจ


 


 


ครั้นพบว่ายิ่งตัวเองอธิบายก็ยิ่งไม่เข้าใจ ทำได้แค่ก้มหน้ามอง ‘ตัวการ’ ที่อยู่ในอ้อมกอดด้วยความสิ้นหวัง


 


 


หวังว่าเจ้าเด็กน้อยจะเข้าใจ


 


 


วินาทีต่อมาก็เห็นเสี่ยวลิ่วลิ่วเงยหน้าขึ้น พร้อมทั้งทำปากจู๋ “พี่สาวคนสวยโกรธแล้ว เมื่อกี้ปาปาจุ๊บพี่สาวคนสวย ไม่ได้จูบพี่สาวคนสวยสักหน่อย!”


ตอนที่ 213 ครั้งนี้เสียเปรียบมาก!


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…” !!


 


 


เธอหมายความว่าอย่างนั้นเหรอ


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่มองหน้าคนรอบๆ ทุกคนน่าจะเห็นด้วยกับคำพูดของเสี่ยวลิ่วลิ่ว จึงเงียบกริบไปโดยไม่ได้นัดหมาย


 


 


มีแต่อวี๋เยว่หาน ที่มองเธอด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ราวกับกำลังคิดว่าจะต้องจูบเธอไหม…


 


 


อยู่ๆ บรรยากาศก็เงียบสงัด น่ากลัวเป็นที่สุด


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่นั่งลงบนเก้าอี้พร้อมร่างกายแข็งทื่อ แต่ไม่นานเสี่ยวลิ่วลิ่วก็ปีนลงจากอ้อมกอดของเธอ แล้ววิ่งไปหาอวี๋เยว่หาน ก่อนจะดึงเขาเดินไปตรงหน้าเธอ


 


 


เด็กหญิงยิ้มกริ่มพูดเสียงดัง อย่างกับกำลังร้องขอความดีความชอบ “พี่สาวคนสวย ปาปามาแล้ว พี่จะจุ๊บๆ ไหม”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…” !!


 


 


เมื่อเห็นเงาร่างสูงโปร่งที่อยู่ข้างหน้าเธอ หญิงสาวก็ตัวสั่นงันงก กลัวจนเกือบจะตกเก้าอี้อยู่แล้ว


 


 


เธอยืนขึ้นโดยพลัน พร้อมทั้งโบกมือและถอยหลังไป


 


 


“ไม่ต้องหรอกๆ ไม่ต้องทำเรื่องพรรค์นี้ให้ชัดเจนขนาดนั้นหรอก ฉันเสียเปรียบนิดหน่อยไม่เป็นไร…” จูบกลับไปจริงๆ ก็เสียเปรียบมากเลยล่ะ!


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่วิจารณ์อยู่ในใจ พลางถอยหลังไปอย่างร้อนรน แต่เท้ากลับไปเกี่ยวถูกเก้าอี้ ทำให้ตัวเธอเซล้มหงายหลังไป!


 


 


“ระวัง!” อวี๋เยว่หานกลัวขึ้นมาจับใจ จึงรีบสาวเท้าไปข้างหน้า ก่อนจะยื่นมือไปโอบเอวเธอ เพื่อดึงเธอเข้ามาในอ้อมอกทันที


 


 


ทั้งสองคนแทบจะแนบชิดอยู่ด้วยกัน


 


 


มือของเธอยันหน้าอกแกร่งของเขาเอาไว้ และภายใต้ฝ่ามือนั้นคือหัวใจเต้นแรงของเขา


 


 


ครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับจะกระโดดเข้าไปในหน้าอกของเธอ


 


 


ฝ่ามือของเธอร้อนผ่าวขึ้นมา จึงรีบหดมือกลับอย่างร้อนรน จากนั้นก็โก่งคอตะโกนว่า “ฉันไม่ได้ตั้งใจเอาเปรียบคุณนะ”


 


 


อวี๋เยว่หานชำเลืองมองแก้มแดงระเรื่อของเธอ ก่อนจะเอ่ยปากอย่างเรียบนิ่ง “ไม่ต้องทำเรื่องพรรค์นี้ให้ชัดเจนขนาดนั้นหรอก ผมเสียเปรียบนิดหน่อยไม่เป็นไร”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…”


 


 


คำพูดนี้คุ้นหูดีนะ?


 


 


เธอเพิ่งพูดไปแท้ๆ…


 


 


คิดไม่ถึงว่าเขาจะนำคำพูดของเธอบีบเธอ ทำเอาหญิงสาวหัวเสียขึ้นมา “ฉันไม่ต้องการให้คุณมาสอน คุณรีบปล่อยมือ…”


 


 


เธอยังพูดไม่ทันจบ อวี๋เยว่หานก็ปล่อยมือแล้ว


 


 


วินาทีต่อมา เธอก็ล้มก้นจ้ำเบ้า เพราะยังยืนไม่มั่นคง ทำให้เจ็บจนต้องร้องครวญครางออกมา


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่เงยหน้าขึ้นด้วยความโมโห กลับเห็นสายตาเย็นชาเฉยชาของเขา ก่อนที่เขาจะขยับริมฝีปากบาง “เพิ่งเคยเห็นคนขอทำร้ายตัวเองเป็นครั้งแรก รสนิยมแปลกดีจัง”


 


 


เขาพูดจบก็หันไปอุ้มเสี่ยวลิ่วลิ่ว แล้วชี้ไปที่เหนียนเสี่ยวมู่ที่อยู่บนพื้น ถือว่าเธอเป็นสื่อการสั่งสอน


 


 


“เสี่ยวลิ่วลิ่ว ต่อไปอยู่ห่างๆ เธอหน่อยนะ ไอคิวต่ำมันติดกันได้”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…” !!


 


 


ก่อนหน้านี้เธอไม่รู้จักอวี๋เยว่หาน เธอจำได้ว่าเขาเย็นชา หน้าตาดี และรวยมาก…


 


 


หลังจากรู้จักอวี๋เยว่หาน เธอถึงจะรู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่แค่เย็นชา ใจดำ ขี้น้อยใจ และเจ้าคิดเจ้าแค้น แต่ยังชอบพูดจาไม่ดีทำให้คนโมโหด้วย!!


 


 


อาหารมื้อนี้ เหนียนเสี่ยวมู่ไม่ได้กินก็อิ่มความโมโหแล้ว


 


 


หญิงสาวลูบก้นที่ล้มจนเจ็บ พลางถลึงตามองเขา แล้วหมุนตัวกลับไปยังห้องของตัวเอง


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาส่งวีแชทให้เพื่อนสนิทของตัวเอง


 


 


เซียนสาวมู่มู่ [น่าโมโหมากๆ! ทำไมโลกนี้ถึงได้มีผู้ชายอย่างอวี๋เยว่หานนะ ถ้าคฤหาสน์ตระกูลอวี๋ไม่มีบอดีการ์ด วันนี้ฉันต้องกอดขวดแก๊สพิษตายไปกับเขาให้ได้]


 


 


เจ้าหนี้เปิงเปิง [???]


 


 


เซียนสาวมู่มู่ [มีแต่ความคับแค้นใจ เล่าสั้นๆ ยังไงก็ไม่จบ ฉันต้องการคำปลอบใจ ฮือๆๆ]


 


 


เจ้าหนี้เปิงเปิง [คิดหน่อยสิ อย่างน้อยเธอก็มีข้อดีของตัวเองนะ]


 


 


เซียนสาวมู่มู่ [???]


 


 


เจ้าหนี้เปิงเปิง [ขาว สวย ขายาว ถ้าเธอเปลี่ยนขวดแก๊สพิษเป็นไวน์แดง คืนนี้ก็ไปเคาะประตูห้องของเขา อาจจะได้ผุดจากนรกไปขึ้นสวรรค์ในวันพรุ่งนี้ก็ได้]


 


 


 


 


ตอนที่ 214 คุณชาย ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลย!


 


 


เซียนสาวมู่มู่ […เปิงเปิง เธอเปลี่ยนไปนะ ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้เป็นแบบนี้ ถ้าฉันได้รับความไม่เป็นธรรม เธอก็จะให้ฉันลาออก จากนั้นก็จะพูดกับฉันอย่างอ่อนโยนว่า ไม่เป็นไร เธอจะเลี้ยงฉันเอง]


 


 


เจ้าหนี้เปิงเปิง [ถุย! ฝันกลางวันแล้ว ตื่น! ฉันจะเข้าห้องผ่าตัดแล้ว]


 


 


เซียนสาวมู่มู่ […]


 


 


หญิงสาววางโทรศัพท์ไว้บนเตียง ก่อนจะนอนลง แล้วหยิบหมอนมาบีบเค้น พลางจินตนาการถึงอวี๋เยว่หาน


 


 


เธอนอนอยู่อย่างนั้นด้วยความอึดอัดใจ


 


 


เมื่อความโมโหหายไปแล้ว เธอก็พบว่าท้องร้องจ๊อกๆ ขึ้นมา


 


 


หลังจากนอนพลิกไปมา พร้อมกับคิดดูแล้ว เธอตัดสินใจไปต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเติมใส่ท้องของตัวเอง


 


 


แต่เพิ่งเดินไปถึงห้องรับแขก หญิงสาวก็พบว่าพ่อบ้านเฝ้าประตูห้องอาหารอยู่ เหมือนทหารเฝ้ายามก็ไม่ปาน


 


 


เมื่อพ่อบ้านเธอ สายตาของเขาเหมือนกำลังมองปิศาจที่ทำให้ประเทศชาติเจอภัยร้ายในสมัยโบราณ…


 


 


“จ๊อก”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่กำลังจะบอกว่าตัวเองอยากใช้ครัวต้มบะหมี่ แต่ท้องก็ร้องขึ้นมาก่อน


 


 


เธอกอดท้องไว้ด้วยความอึดอัด ก่อนจะเรียก “พ่อบ้าน ทำไมยังไม่นอนอีกคะ”


 


 


พ่อบ้านเหลือบมองเธอ แล้วเบี่ยงตัวไปด้านข้างหนึ่งก้าว เพื่อให้เธอเข้าไปในห้องอาหาร จากนั้นก็เปิดไฟห้องอาหารให้เธอด้วย


 


 


บนโต๊ะอาหารมีกล่องเก็บอุณหภูมิวางไว้อยู่หลายกล่อง


 


 


ฝากล่องอาหารเหล่าถูกเปิดเอาไว้ ส่งกลิ่นข้าวหอมฉุย


 


 


มีอาหารอยู่หลายชนิด ข้าวก็ร้อนด้วย!


 


 


สำหรับคนที่กำลังหิวโซ ไม่มีเรื่องไหนดีไปกว่านี้แล้ว!


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ซาบซึ้งจนน้ำตาแทบไหล “พ่อบ้าน ฉันคิดว่าคุณไม่ชอบฉันมาโดยตลอด ทำไมฉันคิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะดีกับฉันขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ฉันไม่รู้ประสาเอง…”


 


 


“…”


 


 


พ่อบ้านมองเหนียนเสี่ยวมู่ที่กำลังสำนึกผิดอย่างจริงจัง ทำเอาเขามุมปากกระตุกขึ้นมา


 


 


ในหัวของเขาปรากฏคำสั่งที่คุณชายฝากไว้ก่อนออกจากห้องอาหาร “เธอยังไม่ได้กินข้าว อีกเดี๋ยวต้องหิวจนนอนไม่หลับแน่ ให้ในครัวเตรียมของกินไว้หน่อยล่ะ”


 


 


“…” ตอนนั้นพ่อบ้านตกใจจนลืมไปหมดทุกอย่าง


 


 


ด้วยรู้กันดีว่า คุณชายของเขาไม่เคยเป็นห่วงเพศตรงข้ามเลย


 


 


คุณชายมีนิสัยเย็นชา จนแม้แต่คุณนายใหญ่ก็สงสัยในรสนิยมทางเพศของเขา แต่วันนี้เขากลับเป็นห่วงเป็นใยเหนียนเสี่ยวมู่!


 


 


แถมพูดด้วยสีหน้าเอ็นดูด้วย!


 


 


ถ้าคำพูดเหล่านี้ยังทำให้พ่อบ้านตกใจไม่พอ เขาจึงพูดต่ออีก “อย่าให้เธอรู้ล่ะ ว่าเป็นความคิดของฉัน”


 


 


เป็นห่วง แต่ก็ต้องปิดบังด้วย


 


 


การกระทำแบบนี้ มองอย่างไรก็เหมือนแอบรัก…


 


 


แต่คุณชายของเขาเป็นผู้มีอิทธิพลอันดับหนึ่งของเมืองเอช เป็นประธานบริษัทตระกูลอวี๋ มีฐานะสูงศักดิ์ และมีผู้หญิงอยากแต่งงานกับคุณชายมากมายนับไม่ถ้วน


 


 


พ่อบ้านลองนับนิ้วดูลวกๆ มีผู้หญิงทุกประเภท ทำไมถึงได้แอบรักคนอื่นเหมือนเด็กวัยรุ่นแรกแย้มล่ะ


 


 


เขาลองหยิกตัวเองอย่างแรงครั้งหนึ่ง


 


 


เมื่อดึงสติกลับมาได้ อวี๋เยว่หานก็อุ้มเสี่ยวลิ่วลิ่วออกจากห้องอาหารไปอย่างสบายใจ ทิ้งเขาให้บ่นในใจอยู่คนเดียว ว่าเหนียนเสี่ยวมู่ทำคุณไสยอะไรใส่คุณชายหรือเปล่า พร้อมกับเตรียมอาหารให้เธอไปด้วย


 


 


พ่อบ้านเห็นว่าดึกแล้ว แต่เหนียนเสี่ยวมู่ยังไม่ออกมาสักที จึงรู้สึกสบายใจได้บ้าง


 


 


คุณชายเดาผิด ระหว่างทั้งสองคนน่าจะไมมีอะไร…


 


 


แต่ผิดคาด ความคิดของเขาไม่เป็นจริง เพราะเห็นเหนียนเสี่ยวมู่กุมท้องเดินออกมาจากห้องของตัวเองแล้ว!


 


 


“พ่อบ้าน จะกินด้วยกันไหมคะ” เหนียนเสี่ยวมู่พุ้ยข้าวเข้าปากคำหนึ่ง ก่อนจะมองพ่อบ้านที่อึ้งงันอยู่ตลอด แล้วเรียกเขาอยู่หลายครั้งอย่างอดไม่อยู่


 


 


“พ่อบ้าน? พ่อบ้านคะ?”


 


 


เมื่อพ่อบ้านดึงสติกลับมาได้ เขาก็พูดโพล่งออกมา “คุณชาย ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลย”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม