จอมใจจ้าวพิษ 204-211

 ตอนที่ 204 เครื่องทดลอง 


 


อวิ๋นเอ๋อร์สั่นหัว เชิดปากขึ้น ยิ้มแล้วพูดว่า 


 


 


“ท่าทางนางแปลกมาก ไม่เหมือนกับคนที่เสียสติ แต่กลับเหมือนยืมศพคืนวิญญาณ” 


 


 


เมื่อถังเฉียนได้ยินเช่นนี้ในใจก็เห็นด้วยทันที เป็นเรื่องที่ก่อนหน้านี้นางเองก็นึกถึง ทั้งซูซินผู้นั้นก็เคยเอ่ยถึง 


 


 


นางไม่ใช่คนของโลกนี้ แต่มาจากสถานที่ที่เรียกว่าโลก ถังเฉียนเห็นว่าจำเป็นต้องเอ่ยเรื่องนี้ให้ทุกคนตรงหน้าได้รับรู้ บางทีถ้าพวกเขารู้แล้วอาจมีประโยชน์ต่อการรักษาซูซินเหลียน แม้นางจะไม่รู้ว่าจะมีผลแค่ไหนก็ตาม แต่ก็คงมีประโยชน์บ้าง 


 


 


บิดานางเคยบอกว่าวิชาแพทย์จีนต้องให้หลักสี่ประการร่วมกันคือมองฟังถามและตรวจชีพจร จะขาดอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้ สำหรับอาการป่วยของซูซินเหลียนนั้นต้องรักษาตามอาการ ถังเฉียนคิดเช่นนี้จึงพูดออกมาว่า 


 


 


“ข้ามภพ” 


 


 


“เป็นไปไม่ได้ เรื่องนี้เหลวไหลเหลือเชื่อเกินไป เจ้าเชื่อจริงๆ หรือ” 


 


 


เมื่อนางพูดจบไม่ได้คาดหวังว่าทุกคนจะเชื่อ แต่นางก็ยังพูด เพราะนางคิดว่าในฐานะหมอควรจะรับผิดชอบต่อผู้ป่วย อิ๋นซานไม่กล้าจินตนาการถึงเรื่องการข้ามภพ กลับเป็นบรรดาผู้ชายตรงหน้าที่ยอมรับเรื่องการข้ามภพได้ง่ายกว่า 


 


 


“เจ้าว่านางยังมีอีกชื่อว่าซูซิน มาจากสถานที่ที่เรียกว่าโลก แต่นางมาที่นี่เพียงวิญญาณใช่หรือไม่” 


 


 


ถังเฉียนตอบว่า 


 


 


“ใช่ นางบอกข้ามาเช่นนี้” 


 


 


สองพ่อลูกเถิงเจินและเถิงอวิ๋นสบตากัน แล้วบอกให้คนอื่นผละออกไป แม้แต่ฉู่จิ่งเหยาก็ไม่ให้อยู่ จากนั้นจึงมองถังเฉียนแล้วถามว่า 


 


 


“เจ้าเชื่อว่านางข้ามภพมาหรือ” 


 


 


หลังจากเถิงเจินบอกให้ทุกคนออกไปแล้วจึงถามเช่นนี้ ถังเฉียนพยักหน้า นางไม่โกหกคนในครอบครัวของเถิงเฟิง นางทำใจไม่ได้ เพราะนางโกหกพวกเขามามากแล้ว 


 


 


“ท่านพ่อ ข้าก็เชื่อ” 


 


 


เถิงเจินถามอีก 


 


 


“ดี เจ้าสองคนคิดหาวิธีทำให้ข้าเห็นซูซิน ไม่ว่านางจะแกล้งทำหรือป่วยจริง ข้าอยากเห็นตัวตนที่แท้จริง ที่เราต้องดูคือวิญญาณ จึงต้องเผชิญหน้ากัน” 


 


 


เถิงอวิ๋นร้องอืม ขณะที่กำลังจะพูดซูซินเหลียนก็ชิงพูดก่อนว่า 


 


 


“อาหรูน่า เจ้าช่างต่ำช้ามาก บังอาจทำร้ายข้าเช่นนี้ ต่อให้ข้ากลายเป็นผีก็จะไม่ปล่อยเจ้า ข้าถือว่าเจ้าเป็นเพื่อน แต่เจ้ากลับเอาความลับของข้าบอกให้คนอื่นรู้” 


 


 


ถังเฉียนไม่เข้าใจ เหตุใดจู่ๆ นางก็พูดอย่างนี้ แต่ถัดมานางก็เห็นความเจ้าเล่ห์ในสายตา นี่ไม่ใช่สิ่งที่ซูซินเหลียนซึ่งเดิมเป็นคนอ่อนแอจะทำ 


 


 


“เจ้าคือซูซิน?” 


 


 


จู่ๆ ถังเฉียนก็พูดออกมา สองคนที่อยู่ข้างๆ หันมามองซูซินเหลียนทันที 


 


 


“พี่ชายช่างหล่อเหลาจริง ไม่ได้ด้อยกว่าอ๋องนั่นเลย รอให้ข้ากำจัดเขาก่อน ค่อยมาหาเจ้า” 


 


 


เถิงอวิ๋นฝืนยิ้มแล้วพูดว่า 


 


 


“วางใจเถอะ ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปหรอก มีดวงวิญญาณสองดวงจริงๆ ท่านพ่อ ดูเส้นผมสิ ยังเปลี่ยนสีเลย ของล้ำค่าที่หายากเช่นนี้ ข้าไม่มีวันปล่อยให้หลุดมือหรอก ต้องเก็บเจ้าไว้ ให้ข้าใช้เป็นเครื่องทดลอง” 


 


 


เครื่องทดลอง? 


 


 


ถังเฉียนฉุกคิดขึ้นได้ พวกหมอผีและชาวเผ่าม้งชอบใช้คนเป็นเครื่องทดลองเพื่อทดสอบยาใหม่ของพวกเขา แม้ว่าซูซินเหลียนผู้นี้จะชั่วร้ายมาก แต่ในสายตาถังเฉียนกฌเป็นเพียงคนป่วยเท่านั้น 


 


 


นางมองดูท่าทีเถิงอวิ๋น เขาไม่ได้พูดเล่นเลยสักนิด เมื่อหันมามองซูซินเหลียนหรือบอกว่าเป็นซูซิน นางก็รู้สึกกังวล บางทีนางอาจมีปัญหาหนักใจ 


 


 


“นางเป็นชายารองของจินซิวอ๋อง เราจะฝืนรั้งตัวนางไว้หรือ เกรงว่าคงจะไม่เหมาะหรอก” 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 205 ตอบแทน 


 


 


 


 


 


เถิงอวิ๋นมองถังเฉียน แต่ไม่พูดอะไร เพียงแต่เชิดมุมปากขึ้น รอยยิ้มของเขานัน้ดูสวยมาก แต่กลับให้ความรู้สึกเสียวสันหลัง 


 


 


“ของดีเช่นนี้ อย่าปล่อยให้คนนอกเด็ดขาด บอกท่านอ๋องว่าโรคของนางต้องใช้เวลารักษานาน วันหลังหากท่านอ๋องสอบถาม ก็บอกว่านางตายแล้ว…” 


 


 


ตายแล้ว? เห็นชีวิตคนเป็นผักเป็นปลาหรือ ถังเฉียนรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ไม่ได้ปฏิเสธ ไม่เช่นนั้นไม่รู้ว่านางจะมีโอกาสรอดชีวิตมายืนอยู่ที่นี่หรือไม่ 


 


 


“พวกเจ้าก็แค่คนโบราณที่ไร้ความรู้ เหตุใดจึงไม่รู้ว่าข้าต่างหากที่เป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง อุบายตื้นๆ ของพวกเจ้า ข้าเห็นแล้วรู้สึกน่าขันสิ้นดี” 


 


 


ถังเฉียนรู้สึกหวาดกลัวมาก คิดไม่ถึงว่าซูซินเหลียนจะพูดเช่นนี้ออกมา หากนางไม่ได้เป็นบ้า ก็ต้องไม่ใช่คนของโลกนี้อย่างแน่นอน แม้ว่าเดิมทีถังเฉียนจะไม่ใช่ชาวเผ่าม้ง แต่บัดนี้รู้แล้วว่าชาวเผ่าม้งนั้นโหดเ**้ยมอำมหิต นับแต่โบราณมาวิชาหมอผีก็ไม่ได้มีชื่อเสียงเพราะความเมตตา 


 


 


“เจ้าเลิกพูดจาเหลวไหลได้แล้ว ทุกครั้งที่เจ้าพูดจบต้องมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น ไม่รู้ว่าเจ้าทำนายอนาคตได้จริงหรือไม่” 


 


 


จู่ๆ ก็หวนนึกถึงครั้งก่อนที่พวกเขานั่งรถม้า ซูซินเหลียนบอกว่าจะมีคนลอบสังหาร ก็มีคนร้ายลอบโจมตีจริงๆ ต่อมานางยังลงมือลอบทำร้ายอย่างเหนือความคาดหมาย บนตัวผู้หญิงคนนี้มีเรื่องน่าสงสัยมากมาย เถิงอวิ๋นมีสีหน้าที่คาดเดาได้ยาก เห็นได้ชัดว่าที่เมื่อครู่ถังเฉียนเอ่ยเรื่องการทำนายอนาคต ทำให้เขามีความรู้ใหม่เกี่ยวกับผู้ป่วยคนนี้ 


 


 


“ทำนายอนาคต?” 


 


 


ซูซินเหลียนยืนขึ้น แม้ว่าโซ่ตรวนบนตัวจะหนักมาก แต่ก็ยืนขึ้นด้วยดวงตาที่แดงก่ำ มองคนตรงหน้าทั้งสามอยากเคียดแค้น 


 


 


“พี่ชายรูปหล่อ ท่าทางโหดเ**้ยมของเจ้าช่างน่ามอง แต่วางใจเถอะ เดี๋ยวออกไปจากที่นี่ ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าข้าชอบเจ้า ผู้ชายหล่อเหล่าเช่นนี้ ถ้าไม่ขี้โมโหบ้าง ก็ไม่คู่ควรจะเป็นพระเอกของข้า”คำพูดพิลึกพิลั่นเหล่านี้ แม้ว่าถังเฉียนจะคุ้นเคยแล้ว แต่สองคนข้างๆ กลับตื่นตระหนก 


 


 


เถิงเจินคอยสังเกตซูซินเหลียน เขาไม่เอ่ยปากพูดเลย เพราะอยากให้คนหนุ่มได้ฝึกฝนมากสักหน่อย 


 


 


“อวิ๋นเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าพระชายารองคนนี้เป็นเช่นไร” 


 


 


เถิงอวิ๋นยิ้มแล้วว่า 


 


 


“แม้ว่าคัมภีร์ประวัติศาสตร์จะไม่บันทึกไว้ แต่บรรพชนเคยกล่าวว่าโลกนี้กว้างใหญ่ไพศาล เต็มไปด้วยเรื่องแปลกประหลาด หญิงสาวผู้นี้เป็นเพียงเรื่องหนึ่งในนี้เท่านั้น เหมือนเผ่าพีส่าเราที่เป็นสิ่งแปลกบนโลกใบนี้ ขอเวลาข้าสักหน่อย ข้าจะต้องทำให้กระจ่างว่าเหตุนางจึงเป็นเช่นนี้” 


 


 


ถังเฉียนมองดูสองพ่อลูกแล้วหันมามองซูซินเหลียน อดพูดไม่ได้ว่า 


 


 


“ถ้าข้ามอบนางให้เจ้า เจ้าจะทำเช่นไรกับนาง” 


 


 


เถิงอวิ๋นหยิบคีมด้ามหนึ่งจากด้านข้าง แต่พอมองดูนางก็รู้สึกว่าไม่พอใจ จึงเปลี่ยนเป็นเหล็กนาบที่เผาไฟจนแดง ถังเฉียนเห็นแล้วรู้สึกหวาดผวา คราวนี้ซูซินเหลียนมีท่าทางหวาดกลัวแล้ว 


 


 


“พวกเจ้าอยากถามสิ่งใดก็พูดมาตรงๆ ข้าไม่มีเรื่องอะไรที่บอกพวกเจ้าไม่ได้ เหตุใดต้องใช้วิธีทรมานกันด้วย” 


 


 


ถังเฉียนเองก็ขวางไม่ให้เถิงอวิ๋นใช้การทรมาน แต่เขามองซูซินเหลียนด้วยดวงตาเจิดจ้า ราวกับกำลังมองดูของล้ำค่า 


 


 


“ไม่ต้องกล้ว ขอเพียงเจ้าร่วมมือดีๆ ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก ข้ารักทะนุถนอมศิลปวัตถุทุกชิ้น คนป่วยทุกคนของข้า” 


 


 


ซูซินเหลียนมองมาที่ถังเฉียนแล้วพูดทันที 


 


 


“เจ้าเชื่อไม่ใช่หรือว่าข้าไม่ใช่คนของโลกนี้ รีบช่วยข้าเถอะ วันหน้าข้าต้องตอบแทนเจ้าแน่” 


ตอนที่ 206 งานสกปรก 


 


 


 


 


 


เถิงอวิ๋นก้าวเข้ามาทีละก้าวไม่ได้โดยใช้คีมเหล็กนาบอันนั้นแล้ว แต่วางมือลงบนไหล่ซูซินเหลียนแล้วพูดอย่างอ่อนโยน 


 


 


“ไม่ต้องไปขอร้องนาง นางเป็นแขกของที่นี่ ที่เราเชิญนางมาก็เพื่อสอบถามข้อมูลบางอย่าง คนที่สามารถตัดสินความเป็นความตายของเจ้ามีเพียงข้าเท่านั้น” 


 


 


เถิงอวิ๋นยืนขึ้น ใช้เหล็กอันนั้นนาบลงบนร่างซูซินเหลียนกลิ่นเนื้อไหม้ทำให้ถังเฉียนรู้สึกผะอืดผะอม เถิงอวิ๋นอยากเลี่ยงเรื่องวุ่นวายนี้จึงพูดว่า 


 


 


“น้องสะใภ้ เจ้าออกไปก่อนดีกว่า งานสกปรกเช่นนี้ จะทำให้เจ้าเสียสายตา” 


 


 


ไม่ต้องให้เขาบอกหรอก ถังเฉียนคิดเองว่าขืนอยู่ที่นี่ต่อ กลิ่นเช่นนี้คงทำให้นางอาเจียนอาหารเมื่อคืนออกมาหมด โดยเฉพาะเสียงร้องโหยหวนที่น่ากลัวของซูซินเหลียน 


 


 


ถังเฉียนออกมาแล้ว ฉู่จิ่งเหยาไม่ได้รออยู่ที่นี่ เถิงเจินก็ตามออกมา เขามองดูถังเฉียน เห็นแววตานางซับซ้อน บางทีอาจจะคิดว่าเด็กสาวคนนี้แข็งกร้าวเกินไป เผ่าหมอผีก็เป็นเช่นนี้แหละ เมื่อกลับมาถึงตำหนักใหญ่ ฉู่จิ่งเหยากำลังนั่งดื่มชาอยู่ แววตาถังเฉียนลึกล้ำมาก นางรู้ว่าตนเองไม่สมควรพูด จึงมายืนอยู่เงียบๆ ข้างหลังเถิงเฟิง 


 


 


“ท่านอ๋องวางใจเถอะ มอบพระชายารองให้เถิงอวิ๋นรับผิดชอบชั่วคราวนี้” 


 


 


“ถ้าเช่นนั้นต้องรบกวนท่านผู้บวงสรวงด้วย” 


 


 


ฉู่จิ่งเหยาลุกขึ้นแสดงการคารวะ ถือเป็นการขอบคุณ ถังเฉียนเห็นท่าทางซาบซึ้งของฉู่จิ่งเหยา ก็รู้สึกใจสั่น มันไม่ควรจะเป็นเช่นนี้ ถังเฉียนบอกกับตัวเองในใจ แต่พออ้าปากออก ก็ไม่ได้พูดออกมา นั่นเพราะนางนั้นอ่อนแอ 


 


 


“อาหรูน่า เจ้าอยู่ที่จวนข้า ได้ฝึกกระบี่หลายวัน แต่น่าเสียดายที่ยังฝึกไม่ทันสำเร็จก็มาที่เขาศักดิ์สิทธิ์แล้ว เวลานี้อยู่บนเขาก็มีครูดีสอนเจ้า แต่ในเมื่อเจ้าเรียนเพลงกระบี่นั่นได้ถึงครึ่งหนึ่งแล้ว ก็น่าจะเรียนให้ครบเสียเลย นี่คือตำราเพลงกระบี่ ข้าให้เจ้า” 


 


 


ฉู่จิ่งเหยาหยิบตำราเพลงกระบี่วางลงในมือถังเฉียน แล้วพูดกำชับว่า 


 


 


“อย่าคิดว่าเมื่อเป็นฮูหยินแล้วก็จะเพิกเฉย เพลงกระบี่นี้สามารถทำให้ร่างกายแข็งแรงอายุยืนยาว อยู่บนเขาศักดิ์สิทธิ์ถ้ามีวิชาไว้ป้องกันตัว ย่อมมีประโยชน์ต่อเจ้า อีกสามวันข้าจะเดินทางกลับ หากเจ้าอยากไปก็ให้คนมาแจ้งข้า” 


 


 


ถังเฉียนมองตำราในมือ แล้วพยักหน้าอย่างขึงขัง เป็นการแสดงออกว่าตนนั้นรู้แล้ว ฉู่จิ่งเหยาจากไปแล้ว นางมองตามหลังเขาไป รู้สึกปวดร้าวในใจ เมื่อกลับมาถึงห้อง ถังเฉียนมีท่าทางอึดอัด เถิงเฟิงไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร ยิ่งไม่รู้ว่าใครกันที่ทำให้นางไม่พอใจ เขาคอยอยู่ข้างนาง แล้วถามว่า 


 


 


“มีเรื่องอะไรหรือ ที่ทำให้เจ้าไม่พอใจ หรือเรื่องการหมั้นวันนี้ ทำให้เจ้าปวดหัว เจ้าวางใจเถอะ เรื่องหมั้นหมายก็ส่วนเรื่องหมั้นหมาย อย่างไรก็ต้องรอให้เจ้าอายุสิบหกก่อน เวลาสองปี ไม่พอให้เจ้าทำอะไรตามใจชอบหรือ เมื่อถึงตอนนั้นแล้ว ย่อมต้องบอกพ่อแม่ บอกว่าเพื่อช่วยรักษาโรคของข้า ถ้าไม่ระวัง เกิดข้าตายไป หากเจ้าอยากจะแต่งงานกับข้าขึ้นมา แล้วจะแต่งกับใครเล่า” 


 


 


ถังเฉียนตีเถิงเฟิงทีหนึ่ง นางรู้ว่าเขาพูดหยอกล้อให้นางสบายใจ จึงยิ้มเพื่อให้เขาเลิกกังวล 


 


 


“เจ้ากลับไปเถอะ ข้าอยู่ที่นี่ก็ไม่มีอะไรจะทำ ข้าเพียงแต่รู้สึกเป็นห่วงซูซินเหลียน นางป่วยเป็นโรคอะไรกันแน่ ถึงจะบอกว่านางไม่คู่ควรให้สงสาร แต่ข้าแปลกใจกับโรคของนางมาก ไม่รู้ว่าเจ้าช่วยบอกพี่ชายเจ้าได้หรือไม่ ให้ข้าได้เรียนรู้วิธีรักษาจากเขา” 


 


 


ที่ผ่านมาเถิงเฟิงยอมตามที่ถังเฉียนบอกทุกเรื่อง แต่ครั้งนี้เขาสั่นศีรษะทันที 


 


 


“พี่ชายข้านิสัยไม่เหมือนข้า เจ้าอย่าไปยุ่งกับเขาดีกว่า แม้เขาจะดูเหมือนเทพบุตร แต่พอลงมือขึ้นมา แม้แต่ข้าก็ยังรู้สึกกลัว” 


 


 


วันนี้นับว่าถังเฉียนได้ประจักษ์แก่สายตาตนเองแล้ว น่าเสียดาย ต่อให้นางขอร้องเถิงเฟิงก็ยังเข้าใกล้ซูซินเหลียนไม่ได้ ถังเฉียนดูสภาพการณ์ในวันนี้ความคิดเช่นนี้ออกจะง่ายเกินไป จะทำได้หรือไม่ ก็มีความหวังไม่มากเลย ขณะที่ทั้งสองกำลังรู้สึกอึดอัด อาห่าวก็วิ่งเข้ามาจากข้างนอก พอเห็นถังเฉียนก็พูดอย่างรีบร้อนว่า 


 


 


“คุณหนูอาหรูน่า แย่แล้ว หงหลิงเอ๋อร์จะฆ่าฮุ่ยฮุ่ย” 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 207 จะฆ่าฮุ่ยฮุ่ย 


 


 


 


 


 


ถังเฉียนได้ยินก็ตกใจ รีบลุกพรวดวิ่งออกไป แต่เถิงเฟิงขวางนางไว้ เขาบอกว่า 


 


 


“ฮุ่ยฮุ่ยก็แค่สาวใช้ในจวนอ๋อง ถึงกับบังอาจจะฆ่าเจ้า หากจะฆ่านางก็ไม่เกินไปหรอก” 


 


 


ถังเฉียนไม่สามารถบอกให้รู้ว่านั่นคือน้องสาวตนเอง ทั้งรู้สึกเป็นห่วงและร้อนใจ พอฟังอาห่าวเล่ารายละเอียดจึงรู้ว่าที่แท้หงหลิงเอ๋อร์มาหาเรื่องกับนางอีก นางรู้ดีว่าตนจงใจให้อาห่าวมาเฝ้าถังเวยก็เพื่อคุ้มครองนาง แต่หงหลิงเอ๋อร์จงใจไปบอกเรื่องนี้ต่อเถิงเจิน เพื่อล่อถังเฉียนออกมา 


 


 


“ฆ่านางไม่ได้ ข้าไว้ชีวิตนางเพราะยังใช้ประโยชน์ได้ ครอบครัวนางถูกนิกายเทพมังกรสังหารหมด ถ้าพวกเราฆ่านาง แล้วเราจะต่างเช่นไรกับนิกายเทพมังกรกัน นางก็แค่ถูกคนสั่งมาเท่านั้น ไม่ควรมีโทษถึงตาย” 


 


 


ถังเฉียนพูดพลางรีบเดินออกมา ก้าวเท้าอย่างรวดเร็ว ดูรีบร้อนมาก เถิงเฟิงไม่เคยเห็นนางเป็นเช่นนี้มาก่อน จึงตามออกมาด้วย 


 


 


หงหลิงเอ๋อร์มัดถังเวยไว้กับเสามังกรเทพ ตั้งใจจะเผานางให้ตายบนแท่นบวงสรวงแห่งเขาศักดิ์สิทธิ์ แต่นี่กลับเป็นการให้เกียรตินาง เพราะนักโทษทั่วไปจะไม่ถูกพาตัวมาที่นี่ แต่ถังเฉียนเข้าใจดีถึงสาเหตุที่นางทำเช่นนี้ จุดมุ่งหมายก็เพื่อล่อให้ตนออกมา คิดว่านางน่าจะมองออกแล้วว่าถังเวยปฏิบัติต่อนางต่างจากผู้อื่น 


 


 


ไม่รู้จริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลงหลิงเอ๋อร์กันแน่ นางถูกอาจารย์ลงโทษให้กลับมากักตัวสำนึกผิดที่เขาศักดิ์สิทธิ์ แต่กลับดูฉลาดขึ้นมาก ทั้งไม่รู้ว่านางดูออกได้อย่างไรว่าถังเวยปฏิบัติต่อตนต่างออกไป 


 


 


คบไฟถูกจุดขึ้นแล้ว ถังเฉียนอยากจะบุกขึ้นไป แต่กลับถูกเถิงเฟิงขวางเอาไว้ เถิงเฟิงไม่เคยเห็นนางเป็นเช่นนี้ หากจะพูดว่าเคยเห็นนั่นคือตอนที่นางได้ข่าวการตายของน้องสาวนาง หากแต่ฮุ่ยฮุ่ยคนนี้ ไม่ใช่น้องสาวนาง หรือว่านางเจอน้องสาวอีกคนของนางแล้ว 


 


 


ถังเฉียนเคยพูดกับเขาเป็นนัยว่าตนยังมีน้องสาวอีกคน แต่ยังหาตัวไม่เจอ มีข่าวลือว่านางตายแล้ว จึงไม่ได้ใส่ใจ แต่เวลานี้ดูนางร้อนใจมาก เถิงเฟิงจึงสงสัยฐานะของคนทั้งสอง 


 


 


“เถิงเฟิงเจ้าไม่เข้าใจ ฮุ่ยฮุ่ยสำคัญต่อข้ามาก ขอร้อง ช่วยข้าชีวิตนางด้วยเถอะ อย่าให้นางถูกเผาตาย” 


 


 


บิดาเถิงเฟิงไม่ได้มา แต่หงหลิงเอ๋อร์สามารถใช้แท่นบวงสรวงได้ แสดงว่าบิดาเขาอนุญาตแล้ว เพราะจะใช้แท่นบวงสรวงตามอำเภอใจไม่ได้ เกรงว่าหงหลิงเอ๋อร์คงเตรียมการไว้ก่อนแล้ว 


 


 


เมื่อหงหลิงเอ๋อร์เห็นถังเฉียนวิ่งมา ก็มีรอยยิ้มปรากฎขึ้นอย่างเย็นชา สายตาทั้งคู่ประสานกัน ต่างเข้าใจความคิดในใจของอีกฝ่าย 


 


 


“เด็กคนนี้บังอาจทำร้ายเจ้าซึ่งเป็นฮูหยินแห่งหัวหน้าผู้บวงสรวงในอนาคต ตามความเห็นข้าสมควรถูกเผาทั้งเป็น บัดนี้ท่านผู้บวงสรวงให้มัดนางไว้บนแท่นบวงสรวง เพื่อเป็นการเตือนคนทั้งหลาย ดูไว้ ว่าวันหลังยังจะมีใครหน้าไหนกล้าคิดร้ายต่อฮูหยินผู้บวงสรวงอีกหรือไม่” 


 


 


เดิมทีฉู่จิ่งเหยาควรจะส่งนางขึ้นเขามารักษาตัว ถังเวยผ่านความยากลำบากมากมายกว่าจะมีครอบครัวที่สงบสุข ถังเฉียนยังนึกว่านางจะสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไปชั่วชีวิต แต่ยังไม่ทันผ่านฤดูร้อน เด็กสาวดีๆ คนหนึ่งก็ถูกนิกายมังกรเทพทำให้ตกใจกลัวจนพูดจาเลอะเลือน ท่าทางเซ่อซ่า ต่างจากถังเวยคนเดิมซึ่งฉลาดและมีไหวพริบทั้งยังปากกล้าอย่างสิ้นเชิงทุกครั้งที่ถังเฉียนคิดเรื่องนี้นางก็จะรู้สึกผิดมาก 


 


 


เวลานี้ก็เพราะตัวนาง ที่ทำให้ถังเวยกลายเป็นนักโทษอีก ทั้งหมดเป็นความผิดของนาง 


 


 


“ศิษย์น้องที่แสนดีของข้า ดูให้ดี ศิษย์พี่จะลงโทษเด็กคนนี้เพื่อแก้แค้นให้เจ้าเอง” 


ตอนที่ 208 พูดได้น่าฟัง 


 


 


 


 


 


หงหลิงเอ๋อร์ยืนอยู่บนแท่นสูง มองเห็นถังเฉียนสวมชุดดำในกลุ่มคนแล้ว นางจึงจงใจพูดท้าทาย จุดมุ่งหมายนั้นชัดแจ้งโดยไม่ต้องบอก 


 


 


“หงหลิงเอ๋อร์เจ้าจะทำสิ่งใด ข้าไม่เคยบอกว่าจะฆ่านาง รีบปล่อยนางไปเสีย นางเป็นเพียงผู้ป่วยที่บริสุทธิ์ นางเป็นคนของจวนจินซิวอ๋อง เจ้ามีสิทธิอะไรจะมาฆ่านาง” 


 


 


หงหลิงเอ๋อร์ได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะเสียงดัง สายตาเปี่ยมไปด้วยการดูแคลนและเย้ยหยัน ทิ่มแทงหัวใจถังเฉียนจนปวดร้าว ชีวิตของพวกนางช่างไร้ค่าในสายตาหงหลิงเอ๋อร์เช่นนั้นหรือ 


 


 


“บริสุทธิ์ ช่างพูดได้ง่ายดายจริงนะ หากบอกว่านางเป็นผู้บริสุทธิ์ ถ้าเช่นนั้นคนบนโลกนี้ก็ล้วนไม่สมควรตาย” 


 


 


ถังเฉียนฟังที่นางพูดแล้วแปลกใจมาก ชีวิตนั้นมีค่ามาก เหตุใดจึงสมควรตาย 


 


 


“แม้โลกนี้ทุกคนจะไม่เท่าเทียมกัน แต่ทุกชีวิตควรได้รับการเคารพ ฮุ่ยฮุ่ยเป็นเด็กที่น่าสงสาร พ่อแม่ละญาติทุกคนถูกนิกายเทพมังกรสังหารหมด เพราะเหตุนี้จิตใจจึงได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ทำให้นางพูดจาสับสน ถูกคนหลอกใช้ นี่ไม่ใช่ความผิดของนาง แต่เป็นความผิดของนิกายเทพมังกร หากเจ้าฆ่านาง เท่ากับช่วยเสริมบารมีให้นิกายเทพมังกร” 


 


 


“ศิษย์น้องของข้า เจ้าคารมจริงนะ กล่าวหาข้ารุนแรงเช่นนี้ ทำให้ข้าลงมือยากขึ้น นางก็แค่เด็กรับใช้คนหนึ่ง คู่ควรให้เจ้ากับข้าโต้คารมกันนานขนาดนี้เชียวหรือ เรื่องนี้พ่อสามีในอนาคตของเจ้า ท่านหัวหน้าผู้บวงสรวงอนุญาตแล้วข้าแค่ทำหน้าที่เพียงเท่านั้น เจ้าจะโทษก็โทษไม่ถึงตัวข้าหรอก” 


 


 


จะเป็นเด็กรับใช้หรือไม่ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือนางเป็นชีวิตหนึ่ง ต่อให้นางไม่ใช่ถังเวย ถังเฉียนก็ไม่ยอมปล่อยให้นางถูกหงหลิงเอ๋อร์ฆ่าตาย เรื่องนี้เกินบรรทัดฐานที่นางจะรับได้ 


 


 


“เจ้าปล่อยนางซะ ปล่อยนางเดี๋ยวนี้ อย่าบอกว่าทำเพื่อข้า ข้าไม่เคยให้เจ้าทำเช่นนี้” 


 


 


เสียงผู้คนรอบข้างดังเป็นพักๆ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังเข้าหูถังเฉียนอย่างต่อเนื่อง คนพวกนี้คิดว่าถังเฉียนเคร่งครัดไม่พอ เพื่อเด็กหญิงคนหนึ่ง ถึงกับโต้เถียงกับศิษย์พี่ซึ่งหน้า ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายทำเพื่อนาง 


 


 


ถังเฉียนรู้ตัวว่าตนทำเช่นนี้ย่อมขัดใจผู้คน ทั้งยังส่งผลเสียต่ออำนาจบารมีของตนในวันหน้า แต่ขณะนี้นางไม่อาจคำนึงอะไรมากมาย นางเห็นคบไฟค่อยๆ เข้าใกล้ถังเวย มีความรู้สึกหมือนคบไฟจะตกใส่ตัวนางเองไปด้วย 


 


 


ครั้งนั้นนางไม่มีความสามารถที่จะปกป้องน้องสาวตนเอง นางอยู่ในชุดดำของหมอผี สวมหน้ากากหมอผี ไม่ใช่เพื่อให้เวลานี้มาเฝ้ามองน้องสาวตัวเองถูกคนอื่นจับเผาจนตาย การเติบโตและความพยายามทั้งหมดก็เพื่อปกป้องตัวเองและคนในครอบครัว หากแต่ว่า… 


 


 


ขณะนี้นางช่างไร้เรี่ยวแรง ถังเฉียนไม่ต้องการให้เป็นเช่นนี้ 


 


 


“เทพหมอผีผู้ยิ่งใหญ่ ข้าจะถวายเด็กคนนี้ให้แก่พระองค์ โปรดชำระบาปบนตัวนางด้วยเถิด” 


 


 


คำพูดถังเฉียนไม่สามารถทำให้หงหลิงเอ๋อร์หยุดได้ ตรงกันข้ามเมื่อนางเห็นท่าทีร้อนรนของถังเฉียน ก็เริ่มท่องคาถาบวงสรวงอย่างจริงจัง คบไฟถูกโยนเข้าไปในกองฟืน เปลวไฟไหม้ลามพุ่งขึ้นไปในอากาศทันที ฟืนถูกราดด้วยน้ำมัน เมื่อจุดไฟก็ไหม้ลุกลามเป็นวงกว้าง 


 


 


ถังเวยยืนอยู่กลางกองไฟ ร้องตะโกนอย่างหวาดกลัว 


 


 


ถังเฉียนผลักเถิงเฟิงออกไป แล้วบุกขึ้นไปบนแท่นบวงสรวงพลางตะโกนว่า 


 


 


“อย่า เผานางไม่ได้นะ” 


 


 


ถังเฉียนตะโกนพร้อมกับล้วงมีดสั้นเรียวยาวออกมาจากแขนเสื้อ ไม่รู้ว่านางเอาพละกำลังมาจากไหน ดึงไม้ฟืนที่กำลังลุกไหม้ออกไป นางบุกเข้าไป จะช่วยถังเวย คิดไม่ถึงว่าเพิงแก้เชือกที่มัดออก ก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่เอว นางหันไป เห็นหญิงแก่ที่ซ่อนร่างอยู่ในความมืด ยิ้มอย่างอำมหิตใส่นาง 


 


 


แต่รอยยิ้มนั้นเลือนรางลงทุกที นางรู้สึกว่าตัวเองอ่อนระทวยลง 


 


 


“ไม่ได้ ไม่ได้ ฮุ่ยฮุ่ย เจ้าไม่ต้องกลัว ข้ามาช่วยเจ้าแล้ว” 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 209 ลงมาจากฟ้า 


 


 


 


 


 


ถังเฉียนแก้เชือกสุดชีวิต ยังดีที่ถังเวยไม่เป็นอะไร เชือกได้คลายออกแล้ว นางกระโดดลงมาจากแท่นบวงสรวง ดึงตัวถังเวยออกไป แต่น่าเสียดายที่ไฟไหม้ลามขึ้นอีก ทั้งสองถูกไฟล้อมไว้ 


 


 


เถิงเฟิงจะบุกเข้าไป แต่ถูกหงหลิงเอ๋อร์ดึงไว้สุดกำลัง 


 


 


“เจ้าไปไม่ได้ นางยอมตาย หรือเจ้าก็ไม่ต้องการชีวิตแล้ว นี่เป็นคำสั่งของบิดาเจ้า แค่สาวใช้คนหนึ่ง พวกเจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือ” 


 


 


เถิงเฟิงดึงมือนางออก จะบุกเข้าไป แต่หงหลิงเอ๋อร์มีพละกำลังมาก อาห่าวก็มาช่วยขัดขวาง จนเถิงเฟิงดิ้นไม่หลุด ถังเฉียนเห็นทะเลเพลิงแดงฉาน เบื้องหน้าสายตาเลือนรางขึ้นทุกที ความเจ็บปวดที่เอวทำให้นางยืนขึ้นไม่ได้ ทำได้เพียงจับมือถังเวยไว้ นางคิดว่าบางทีคงต้องพูดสั่งเสียกับน้องสาวที่นี่เสียแล้ว ครั้งนั้นนางรอดจากการที่ฮว่าเหยียนจะใช้นางสังเวยสวรรค์ แต่บัดนี้กลับไม่สามารถรอดจากการที่ หงหลิงเอ๋อร์จะใช้น้องสาวนางสังเวยสวรรค์ 


 


 


“เวยเอ๋อร์ ฟื้นสิ นี่พี่เจ้าเอง เจ้าไม่ต้องกลัว พี่จะอยู่กับเจ้า” 


 


 


เสียงถังเฉียนไม่ดัง แต่ถังเวยได้ยินชัดเจน ถังเวยบีบแขนถังเฉียนแน่น นางกลัวว่าจะหมดสติ 


 


 


“ช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วยเถอะ…” 


 


 


ถังเวยหวาดกลัวมาก นางร้องขอความช่วยเหลือกับคนข้างนอก แต่ไม่มีใครคิดจะช่วยพวกนาง เถิงเฟิงซึ่งเป็นคนเดียวที่ต้องการช่วยพวกนางก็ถูกขัดขวางไว้ 


 


 


“ปล่อยข้า หงหลิงเอ๋อร์” 


 


 


ไม่ใช่เถิงเฟิงไม่อยากช่วย แต่เขาถูกหงหลิงเอ๋อร์ใช้เชือกเอ็นวัวมัดเอวไว้ ทำให้ไม่สามารถบุกเข้าไปในกองเพลิงได้ ถังเฉียนนึกในใจว่าบางทีคงจะวันนี้และที่นี่แล้ว แต่ในใจก็ยังเต็มไปด้วยความเพ้อฝัน หวังว่าจะมีคนลงจากฟ้ามาช่วยพวกนาง 


 


 


“ท่านพี่ ข้ายังไม่อยากตาย” 


 


 


ถังเวยกอดถังเฉียนไว้ ถังเฉียนไร้เรี่ยวแรงที่จะขัดขืน นางถูกเข็มพิษแทงเข้าที่เอว รู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมร่างกายตนเองได้โดยสิ้นเชิงแล้ว 


 


 


“หงหลิงเอ๋อร์ ถ้าอาหรูน่าเป็นอะไรไป ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตายไปตามกัน” 


 


 


เถิงเฟิงโกรธแค้น แต่หงหลิงเอ๋อร์ยังไม่ยอมปล่อยมือ นางจ้องเขาอย่างเย็นชา แววตาฉายแววโหดเ**้ยมอำมหิต 


 


 


“รอให้นางตายแล้ว เจ้าจะทำเช่นไรกับข้าก็เชิญเลย แต่ข้าขอบอกเจ้าอีกครั้ง นี่ไม่ใช่คำสั่งข้า แต่บิดาเจ้าให้ข้าทำเช่นนี้ ข้าแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น” 


 


 


ถังเฉียนเห็นสองคนข้างนอกกำลังโต้เถียงกัน นางตัดสินใจว่าไม่ต้องการให้ใครมารับผลที่เกิดขึ้นแทนนาง 


 


 


“เถิงเฟิง ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากให้ข้าตาย แต่…” 


 


 


ถังเฉียนรู้ดี นี่เป็นอุบาย เป็นแผนที่นางไตร่ตรองไว้นานแล้ว เป็นนางเท่านั้น แต่ไฟลามมาถึงชายกระโปรงของนางแล้วเสียงถังเวยร้องไห้ทำให้นางปวดใจยิ่งกว่ากาย 


 


 


“ธนูทะลุเมฆา!” 


 


 


ทันใดนั้นมีลูกธนูสีดำดอกใหญ่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า พุ่งตรงไปบนแท่นบวงสรวง จากนั้นถังเฉียนก็มองเห็นคนชุดดำบนอากาศ ร่างเขาจากร่างเงาที่ไม่ใหญ่ก็ค่อยๆ ใหญ่ขึ้น สุดท้ายกลายเป็นใบหน้าของผู้ชาย ราวกับเหาะลงมาจากฟ้า คว้าตัวนางและถังเวยเหยียบลงบนธนูทะลุฟ้าแล้วกระโดดออกมาจากกองไฟ 


 


 


“หงหลิงเอ๋อร์ เจ้ารนหาที่ตาย!” 


 


 


หงหลิงเอ๋อตกใจ เผลอปล่อยให้เถิงเฟิงหลุดออกจากพันธนาการที่นางเตรียมไว้ เถิงเฟิงเตะใส่เอวนาง หงหลิงเอ๋อร์เซถลาล้มลงบนพื้น นางมองดูฉู่จิ่งเหยาช่วยถังเฉียนออกมาจากทะเลเพลิง แววตานางช่างดูอำมหิต 


 


 


“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ เพราะเหตุใดทุกครั้งจะต้องมีคนมาช่วยนาง อาหรูน่า มันเพราะอะไร” 


 


 


หงหลิงเอ๋อร์ใช้กำปั้นทุบพื้นแรงๆ เถิงเฟิงเตรียมจะเล่นงานนางอีก แต่หญิงชุดดำรีบอุ้ม  หลงหลิงเอ๋อร์หายไปต่อหน้าต่อตาเขา เดิมเถิงเฟิงตั้งใจจะใช้หงหลิงเอ๋อร์ระบายความโกรธ เวลานี้ไม่มีเป้าให้ระบายโทสะแล้วจึงหันมาตวาดใส่พวกบ่าวไพร่ที่มุงดูอยู่ 


 


 


“พวกแกไอ้บ่าวชั่วช้า ไปรับการโบยห้าสิบทีทุกคน บังอาจไม่เชื่อฟังคำสั่งคุณชายอย่างข้า หญิงผู้นี้ให้สิ่งใดตอบแทนพวกเจ้ากัน อย่าลืมว่าพวกเจ้าแซ่อะไร” 


ตอนที่ 210 รักษาบาดแผล 


 


 


 


 


 


ถังเฉียนยังรู้สึกเจ็บแปลบที่เอว ราวกับมีดทื่อเล่มหนึ่งคอยขูดกระดูกนางทีละน้อย ความเจ็บปวดนี้ทำให้เหงื่อผุดซึมออกมาจากหน้าผาก แต่ความเจ็บปวดเช่นนี้คนนอกย่อมเข้าใจยาก นางกุมมือถังเวยไว้แน่น กลัวว่าหากปล่อยมือออก น้องสาวนางจะหายไป 


 


 


“อาหรูน่า ไม่ต้องกลัว ไม่มีอะไรแล้ว” 


 


 


เถิงเฟิงประคองนางเพื่อให้นั่งขึ้น นางลังเล ไม่รู้ว่าควรจะถอดเสื้อออกหรือไม่ บริเวณที่บาดเจ็บอ่อนไหวเกินไป แต่ถึงอย่างไรพวกเขาทั้งสองก็ยังไม่ใช่ผัวเมียกัน 


 


 


ถังเฉียนรู้ว่าเขาลำบากใจ เถิงเฟิงจึงบอกว่า 


 


 


“ให้ฮุ่ยฮุ่ยช่วยเถอะ นางทำได้” 


 


 


เถิงเฟิงสั่งให้คนไปตามมารดามา แต่ยังมาไม่ถึง เขาจึงรู้สึกร้อนใจ จึงอยากดูว่าบาดเจ็บที่ไหน บาดแผลเป็นอย่างไร ฉู่จิ่งเหยายืนรอที่หน้าประตูครู่หนึ่ง เห็นเถิงเฟิงเดินออกมา จึงถาม 


 


 


“เป็นเช่นไรบ้าง” 


 


 


เถิงเฟิงส่ายหน้า เขาไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรแน่ แต่รู้สึกว่าไม่ค่อยดี เถิงเฟิงจึงไปตามมารดา ฉู่จิ่งเหยาจึงเดินเข้ามา จู่ๆ ถังเฉียนก็ปวดอย่างรุนแรง รู้สึกเหมือนเอวขาดออกจากจุดที่บาดเจ็บ 


 


 


“เจ็บมาก เจ็บจริงๆ ท่านอ๋อง” 


 


 


ฉู่จิ่งเหยาเห็นนางอยู่ในสภาพเช่นนี้ ไม่อาจรอให้คนอื่นมารักษาได้ จึงตัดสินใจด้วยตนเอง ใช้นิ้วกดที่เอวนาง พอขยับเล็กน้อย นางก็มีเหงื่อไหลซึม มือที่เกาะถังเวยไว้กำแน่นขึ้น  


 


 


“เจ้ารู้หรือไม่ว่านางใช้อาวุธอะไรทำร้ายเจ้า” 


 


 


“ดูเหมือนเข็มเล่มหนึ่ง ข้าเห็นไม่ชัด แต่รู้สึกเจ็บปวดเหมือนเข็มแทงเข้าไขกระดูก” 


 


 


พอถังเฉียนพูดจบก็เจ็บปวดที่เอวรุนแรงขึ้น ฉู่จิ่งเหยาวางมือบนเอวนาง สามารถรู้สึกถึงความอุ่น แล้วเคลื่อนมือเบาๆ แนบเอวนาง 


 


 


“เข็มพิษจริงด้วย!ข้าจะช่วยถอนออกให้!” 


 


 


ฉู่จิ่งเหยาพูดจบก็ลงมือ ถังเฉียนร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด แต่ฉู่จิ่งเหยากลับไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ถังเวยยืนอยู่ข้างๆ ไม่กล้าลืมตามอง 


 


 


“เจ็บ เจ็บจัง อย่า อย่า…” 


 


 


เมื่อเถิงเฟิงกลับมา อยู่ที่หน้าประตูก็ได้ยินเสียงร้องของถังเฉียน เขาผลักประตูเปิดออก เห็นฉู่จิ่งเหยานั่งอยู่ข้างๆ นาง มือวางอยู่ระหว่างเอวกับสะโพกของนาง 


 


 


“เจ้า ไอ้สารเลว!” 


 


 


เถิงเฟิงตวาดพร้อมกับจะลงมือ เข้าฟาดฝ่ามือใส่ แต่ฉู่จิ่งเหยาไม่หลบ เพียงใช้มือข้างหนึ่งรับไว้ จากนั้นพลิกมือคว้าข้อมือเถิงเฟิงไว้ ดึงเขาเข้ามาดู เข็มพิษสีแดงเลือดเล่มหนึ่งถูกดึงออกจากร่างถังเฉียน 


 


 


“นี่คือสิ่งใด” 


 


 


ฉู่จิ่งเหยาดึงเข็มพิษสีแดงเล่มนั้นออกมา โยนลงไปในถาดเหล็กข้างๆ อิ๋นซานเดินเข้ามาพร้อมกับเถิงอวิ๋น 


 


 


“เป็นเช่นไรบ้าง นางบาดเจ็บเช่นไรบ้าง” 


 


 


เถิงเฟิงยกถาดเหล็กใบนั้นให้เถิงอวิ๋นดู เขาร้องหึแล้วเอ่ยว่า 


 


 


“นี่คือเข็มปลิดชีพของเผ่าอี๋ซาน มีชื่อเสียงว่าทำขึ้นอย่างประณีตยอดเยี่ยม บนเข็มอาบยาพิษไว้ โดยทั่วไปเมื่อถูกเข็มจะตายทันที แต่เหตุใดนางกลับยังมีชีวิตอยู่” 


 


 


เถิงอวิ๋นเห็นถังเฉียนเพียงแต่เจ็บปวดที่เอว จึงพับชายแขนเสื้อ ลงมือตรวจร่างกายนาง แล้วจึงพูดว่า 


 


 


“แปลกแท้ๆ เจ้าไม่เป็นไรแล้ว” 


 


 


เถิงเฟิงอธิบายว่าเลือดนางไม่เหมือนคนทั่วไป สามารถสลายพิษได้ พอเถิงอวิ๋นได้ยินเช่นนี้สายตาเขาที่มองถังเฉียนก็เปลี่ยนไป นางนึกในใจว่าเขาคงอยากใช้นางเป็นเครื่องทดลองเป็นแน่ นางคอย่นทันที พยายามลดความรู้สึกนี้ลง 


 


 


“น่าสนใจ รอให้…” 


 


 


“ข้าไม่ยอมเป็นเครื่องทดลองของเจ้าหรอก พี่เถิงอวิ๋น ปล่อยข้าไปได้หรือไม่” 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 211 คนที่ถูกเลือกไว้ 


 


 


 


 


 


เถิงอวิ๋นถูกถังเฉียนแย้งแต่ไม่โกรธ กลับมีรอยยิ้มน่าดูที่มุมปากซึ่งเดิมถังเฉียนรู้สึกว่างดงามสมบูรณ์แบบ แต่เวลานี้กลับรู้สึกเสียวสันหลังวาบ ผู้ชายคนนี้ที่จริงไม่ใช่คนที่ไร้พิษภัยอย่างที่มองเห็นเปลือกนอก 


 


 


“ในเมื่อนางปลอดภัยแล้ว อย่างนั้นข้าขอลาก่อน ส่วนฮุ่ยฮุ่ย เจ้าเป็นคนช่วยนางไว่ ข้าขอมอบให้เจ้า อีกไม่กี่วันจะส่งสัญญาขายตัวของนางมาให้” 


 


 


ฉู่จิ่งเหยาไม่ได้อยู่นาน แต่ที่เขาทำเป็นเรื่องดี มอบฮุ่ยฮุ่ยให้ตน วันหลังถังเฉียนไม่ต้องกังวลว่าน้องสาวต้องอยู่รับใช้ซูซินเหลียนและได้รับความทุกข์ทรมานอีก เถิงอวิ๋นเหลือบมองคนทั้งสอง แล้วออกไปพร้อมกับฉู่จิ่งเหยา 


 


 


โลกนี้มีเรื่องราวมากมายที่ไม่สามารถอธิบายได้ หรืออาจพูดว่าอธิบายให้ชัดเจนในเวลาสั้นๆ ไม่ได้ อย่างน้อยสำหรับนางแล้ว ขณะนี้ฉู่จิ่งเหยาเป็นเหมือนปริศนา ไม่รู้ว่าเหตุใดจู่ๆ เขาก็ปรากฏตัวขึ้น ยิ่งไม่รู้ว่าเหตุใดเขาลงมาจากฟ้าและช่วยชีวิตตนไว้ แต่ความประทับใจนั้นก็เหมือนที่เขาได้พบนางครั้งแรก ยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของนาง 


 


 


‘บางทีเขาอาจเป็นผู้อุปถัมภ์ของตน’ 


 


 


ถังเฉียนคิดเช่นนี้ในใจ แต่ตัวนางยังเจ็บแผลมาก 


 


 


ถังเฉียนบาดเจ็บที่เอว แม้จะไม่ร้ายแรงมาก แต่ก็ทำให้นางรู้สึกอึดอัดเป็นมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะคนที่ทำร้ายนางนั้นยังคงเป็นปริศนา นางจึงยังรู้สึกหวาดผวาและสับสน 


 


 


ถังเฉียนแน่ใจว่าคนผู้นี้ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า และต้องการทำร้ายตน คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าในสถานที่อย่างดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ก็ยังมีคนไม่ยอมปล่อยตน ทำให้หวนนึกถึงท่าทีของหลงหลิงเอ๋อร์ในวันนั้น รวมทั้งคนชุดดำที่ลึกลับนั่น นางจึงเริ่มสงสัยว่าเบื้องหลังของหงลิงเอ๋อร์จะมียอดฝีมือคอยชี้แนะ แม้ถังเฉียนยังคงเจ็บปวดแต่สมองนางไม่หยุดที่จะครุ่นคิด นางรู้สึกว่าการเบี่ยงเบนความสนใจออกไปเช่นนี้ช่วยลดความเจ็บปวดลงได้ 


 


 


“ท่านพี่ ท่านเป็นพี่สาวข้าหรือ แต่ข้า จำท่านพี่ไม่ได้” 


 


 


แม้ถังเวยจะเรียกนางว่าพี่ แต่จนแล้วจนรอดก็นึกถึงความทรงจำที่มีต่อนางไม่ออก นางรู้เพียงแต่ว่าถังเฉียนคือคนที่เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยนาง ส่วนหลงหลิงเอ๋อร์กับซูซินเหลียนคือคนที่อยากฆ่านาง 


 


 


ถังเฉียนรู้จากเถิงเฟิงว่าที่จริงสามารถรักษาโรคของถังเวยให้หายได้ เพราะนางตกใจทำให้ดวงจิตถูกนิกายเทพมังกรปิดผนึกไว้ ยังสามารถเอาคืนกลับมาได้ แต่มีความเสี่ยงบ้าง ถ้ามีโอกาสก็น่าจะลองดู นับจากที่นางรู้เรื่องนี้ รู้ว่ารักษาหายได้ นางจึงตัดสินใจจะไปหานิกายเทพมังกร 


 


 


ถังเฉียนตั้งใจว่าถ้าบาดแผลที่เอวหายแล้ว จะพาถังเวยไปหานิกายเทพมังกร ไปเอาวิญญาณนางคืนมา แต่เถิงเฟิงไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ แม้แต่ฉู่จิ่งเหย่าก็เห็นว่าไม่เหมาะ 


 


 


“เพื่อสาวใช้คนนี้เจ้าจะทำสิ่งใดกันแน่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าจึงรีบร้อนมอบพรศักดิ์สิทธิ์ออกไป ก็เพราะถ้าไม่เลือกเจ้า ก็ต้องรับเมียที่พ่อแม่ข้าเลือกให้ คนที่จะถูกเลือกก็คือหงหลิงเอ๋อร์ เจ้าอยากให้ข้าแต่งงานกับผู้หญิงใจคอโหดเ**้ยมเช่นนี้หรือ แต่เวลานี้เจ้ายิ่งทำตัวไม่เหมือนนายแม่ขึ้นทุกที วันหลังจะทำให้ผู้คนเคารพได้หรือ ยอมทำเรื่องเสี่ยงชีวิตเพื่อบ่าวไพร่คนหนึ่ง นี่ไม่ใช่นิสัยเจ้าและไม่ใช่เรื่องที่เจ้าควรทำ” 


 


 


เถิงเฟิงอดกลั้นมานาน วันนี้ในที่สุดก็พูดออกมา พูดออกมาแม้แต่ความในใจที่เขามอบพรศักดิ์สิทธิ์ให้นาง 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม