จอมใจจ้าวพิษ 200-203
ตอนที่ 200 ท่านอ๋องมาถึง
ถังเฉียนได้ยินเช่นนี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าแสดงการคารวะและยอมรับผิด แต่เถิงเฟิงพิงอ้อมอกมารดาแล้วพูดออดอ้อนว่า
“ท่านแม่ อาหรูน่าเพิ่งหายป่วย บังเอิญเห็นดอกกุหลาบแสนสวยที่ท่านปลูกไว้ ข้าจึงพานางเดินชม”
“กุหลาบเจ้าก็ชอบกุหลาบหรือ”
ถังเฉียนผงะเมื่อถูกถาม หันมามองเถิงเฟิง ทำอะไรไม่ถูก
“ชอบก็คือชอบ ไม่ต้องอายหรอก แม่ข้าเป็นผู้หญิงที่จิตใจงดงามที่สุดในโลก ปฏิบัติต่อดอกไม้ใบหญ้าอย่างอ่อนโยนมาก จะตำหนิเจ้าได้อย่างไร ไม่ต้องระวังตัวแจไปหรอก”
อิ๋นซานดูท่าทางนางแล้วหันไปมองเถิงเฟิง ก็รู้ว่านี่เป็นอุบายเล็กน้อยของเขา แต่นี่คือลูกชายของนางเอง จะพูดอะไรได้ แล้วกวักมือเรียกให้ถังเฉียนเข้ามาหา
“เขาเป็นเด็กที่ร้ายกาจมาก แต่เขาก็พูดถูก ต่อหน้าเราไม่ต้องทำตัวลีบเช่นนี้หรอก”
ถังเฉียนเหลือบมองเถิงเฟิง จากนั้นจึงแสดงการการคารวะผู้อาวุโสทั้งสอง พร้อมกับกล่าวทักทาย
“อาหรูน่าแสดงการคารวะช้าไปก้าวหนึ่ง โปรดให้อภัยด้วย”
อิ๋นซานรู้สึกว่าทำอย่างนี้ถูกต้องแล้ว อย่างไรก็เป็นผู้หญิงต้องรู้จักแบบแผนบ้าง นางดึงมือถังเฉียนเบาๆ แล้วพูดปลอบอย่างอ่อนโยน
“ถ้าเจ้าชอบกุหลาบ ข้าจะให้คนรับใช้ยกไปตั้งไว้ที่บ้านพักเจ้า ถ้าเจ้ามองดูมันทุกวัน ดูแลรักษาดีๆ ต้นไม้พวกนี้ก็มีชีวิตจิตใจ จะยิ้มแย้มให้เจ้า”
ถังเฉียนมองดูแวบหนึ่งแล้วพยักหน้า แสดงว่าตอบตกลงแล้ว นี่หมายความว่านางชอบกุหลาบ ถังเฉียนกล่าวขอบคุณสำหรับการดูแลและรักษานางในหลายวันที่ผ่านมา แต่นางเพิ่งพูดก็มีเสียงหัวเราะดังมาจากประตู ถังเฉียนหันไปมองข้างนอกด้วยความแปลกใจ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนที่นางคุ้นเคย
“ท่านอ๋อง เหตุใดถึงมาที่นี่”
จินซิวอ๋องมาถึงเขาศักดิ์สิทธิ์ จุดมุ่งหมายเพื่อหาหมอผีศักดิ์สิทธิ์ช่วยเขารักษาโรคที่ทำให้ร่างกายเจ็บปวด แต่คิดไม่ถึงว่าจะมาที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพีส่า
“ไม่ต้อนรับหรือ”
ถังเฉียนไม่กล้าพูด เถิงเฟิงจึงบอกว่า
“เกรงว่าข่าวจะแพร่สะพัดรวดเร็ว ท่านอ๋องจึงยอมมาที่นี่ บ่อหย่างหรงบนเขาหมอกศักดิ์สิทธิ์เกือบจะกลายเป็นบ่อน้ำร้อนของท่านอ๋องไปแล้ว ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะล่มสลายแล้ว”
เถิงเฟิงพูดล้อเล่นกับเขา ฉู่จิ่งเหยากลับไม่โกรธแม้แต่น้อย เขาหัวเราะแล้วถามว่า
“เจ้ากับอาหรูน่าอยู่ที่นี่ ข้าควรมาเยี่ยม ระยะนี้มีข่าวลือในทางร้ายหนาหู แพร่หลายไปทั่ว แต่อ๋องอย่างข้ากลับไม่รู้ว่าลือเรื่องอะไร จึงต้องมาดูบ้าง ทั้งจะมาเยี่ยมคารวะหัวหน้าผู้บวงสรวงกับฮูหยิน จะชักช้าได้หรือ”
ถังเฉียนคิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดเช่นนี้ ใบหน้านางแดงเรื่อ คอยหันไปมองอิ๋นซาน แม้จะบอกว่าขณะนี้นางยังไม่ใช่แม่สามีของนาง แต่ในใจก็มักระวังตัวเต็มที่ กลัวว่าจะทำให้นางไม่พอใจ ยิ่งกังวลว่านางจะคิดมาก
“อะไรผิดอะไรถูก เมื่อวานแยกแยะชัดเจนแล้ว ท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องมาเพื่อเรื่องนี้โดยเฉพาะ แต่เมื่อมาแล้วก็ย่อมเป็นแขก ยกชา”
ฉู่จิ่งเหยาได้ยินเช่นนี้ก็ไม่รู้สึกแปลก ยิ้มแล้วหาที่นั่งด้วยตนเอง จากนั้นจึงมองถังเฉียนแล้วพูดว่า
“เด็กอย่างเจ้ากลับดีจริงนะ พอมาถึงก็นอนหลับ ทำให้คนอื่นเดือดร้อน”
ถังเฉียนย่อมเข้าใจความหมายที่เขาพูด แต่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดในเวลานี้เขาพูดเช่นนี้ ฉู่จิ่งเหยาตบมือ ฮว่าเหยียนเดินเข้ามาในห้อง
“หลายวันมานี้ได้ยินคำพูดที่ไม่ควรได้ยินมากแล้ว ผู้อาวุโสสกุลฮว่าของเราไม่ได้อยู่ที่นี่ จึงต้องเชิญท่านอ๋องมา ข้อแรกเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของอาหรูน่า ข้อสองเพื่อกำหนดการแต่งงานของทั้งสองให้เสร็จสิ้น ข้าจะได้กลับบ้าน ไปเตรียมข้าวของสำหรับออกเรือน”
ข้าวของสำหรับออกเรือน งานแต่งงาน
สองคำนี้ทำให้ถังเฉียนร้อนใจจนหน้าแดง
ตอนที่ 201 หารือเรื่องแต่งงาน
สองวันก่อนเถิงเฟิงเพิ่งไปหาหงหลิงเอ๋อร์เพื่อไปขอวิญญาณถังเฉียนกลับมา เมื่อวานนี้นางเพิ่งฟื้น วันนี้นางหายดีแล้วจึงมาเยี่ยมคารวะพ่อแม่ของเขา เหตุใดเขาถึงรู้ข่าว ไม่รู้จริงๆ ว่าข่าวแพร่ออกไปได้อย่างไร
ที่เถิงเฟิงนึกออกก็มีเพียงผู้เดียว แต่ขณะนี้ไม่สะดวกที่จะพูดออกไป อย่างไรนางก็มาแล้ว สรุปแล้วไม่ใช่เรื่องร้ายสำหรับเขา
แต่สำหรับถังเฉียนแล้วต่างออกไป นางตกใจกับสองคำนั้นที่มาอย่างคาดไม่ถึง จนไม่กล้าเอ่ยปากพูด ถ้าเกิดนางบอกว่าไม่ต้องการ เถิงเฟิงจะบอกว่าเพราะนางเขินอายหรือไม่
แม้จะยืนอยู่ข้างหลังฮว่าเหยียน แต่ในใจมีความคิดมากมายคณานับ
ฮว่าเหยียนเห็นคิ้วนางขมวดแน่น เม้มปากแน่น แม่จะไม่ใช่แม่แท้ๆ แต่เห็นท่าทางนางเช่นนี้ก็พอจะคาดเดาใจนางได้ นางเชิดมุมปากขึ้นเผยรอยยิ้มที่อบอุ่นเท่าที่จะทำได้
“คุณชายเถิงเฟิง ลูกสาวสกุลฮว่าของเรา แม้จะเทียบกับคุณหนูสูงศักดิ์บนเขาศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ แต่ก็เป็นแก้วตาดวงใจของเรา ในเมื่อท่านรักชอบนาง เช่นนั้นก็มอบสถานะให้นางเถอะ ไม่เช่นนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ เมื่อวานและเมื่อวานซืน หากวันหน้าเกิดขึ้นอีก จะให้นางวางตัวอยู่ที่นี่ได้เช่นไร”
“ไม่ว่าจะกำหนดเรื่องชั่วชีวิตด้วยตัวเองหรือตามคำสั่งของบิดามารดา วันนี้ควรจะจัดการให้เรียบร้อย”
ที่ฮว่าเหยียนพูดก็เพื่อถังเฉียน นางเองอยากพูด แต่การอบรมตามแบบแผนที่ผ่านมาหลายปี ทำให้นางรู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่นางสามารถตัดสินใจได้ แต่ใจนางบอกตัวเองว่าไม่ได้
แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงไม่ได้ เพราะไม่ชอบเถิงเฟิงหรือ หรือเถิงเฟิงไม่ชอบนาง
ถังเฉียนไม่รู้ว่าเหตุใดสายตาตนเองที่มองเถิงเฟิง จึงเป็นทั้งการกล่าวโทษและเป็นการวิงวอน ในนั้นมีความรู้สึกมากมายผสมปนเปกัน แม้แต่ตัวนางเองก็แยกไม่ได้อย่างชัดเจนว่ามีความรู้สึกใดบ้าง
เถิงเฟิงฟังแล้วรู้สึกว่ามีเหตุผล จึงคุกเข่าลงต่อหน้าพ่อแม่ พูดอย่างนอบน้อมซึ่งหาได้ยากoyd
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านหมอฮว่าเหยียน ในเมื่อข้ามอบพรให้แล้ว หมายความว่าข้าต้องการอยู่กับนางชั่วชีวิต นี่เป็นเหตุผลที่ทุกคนเข้าใจดี วันนี้ที่จริงไม่ควรให้ผู้อาวุโสเอ่ยปาก ข้าเองก็อยากให้ท่านพ่อและผู้อาวุโส ช่วยกันเลือกวันฤกษ์งามยามดีตั้งแต่เนิ่นๆ เรื่องนี้จะให้ฝ่ายหญิงพูดก็คงไม่สะดวก เป็นเพราะเถิงเฟิงคิดไม่รอบคอบ หวังว่าคงจะให้อภัย”
พอถังเฉียนได้ยินเช่นนี้ก็รีบแอบดึงชายเสื้อเขา เรื่องนี้จะพูดเรื่อยเปื่อยได้หรือ ทั้งสองตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือว่าจะยกเลิกสัญญาการแต่งงาน หากตกลงหมั้นหมายตอนนี้แล้ว วันหลังย่อมจะนึกเสียใจ เจ้าหนุ่มคนนี้ นิสัยเหมือนเด็กจริงๆ วันนี้พูดตามอำเภอใจจนก่อเรื่องเดือดร้อนขึ้น ไม่คิดถึงภายหลังเลย
“ท่านหัวหน้าผู้บวงสรวง ฮูหยิน อาหรูน่าเป็นผู้หญิง เรื่องนี้ควรจะรอบคอบมากหน่อย เถิงเฟิงนิสัยเหมือนเด็ก ข้าเองก็ยังอายุน้อย รู้จักแต่ก่อเรื่องเดือดร้อน เกรงว่า…”
ถังเฉียนกำลังคิดทบทวนการใช้คำพูด ทำอย่างไรจึงจะพูดให้น่าฟังหน่อย
“อะไรกัน เจ้าไม่ยินยอมหรือ”
สีหน้าเถิงเฟิงหมองลงเล็กน้อย กลับเป็นฉู่จิ่งเหยาที่ถามขึ้น เขามองดูถังเฉียนด้วยสายตาเจิดจ้า เถิงเฟิงกระแอมทีหนึ่ง ถังเฉียนกำชายเสื้อตัวเองแน่น นางจำได้ว่านางยังรู้สึกเสียดายความสะดวกสบายที่เถิงเฟิงมอบให้ หากวันนี้นางบอกเอ่ยไม่ยินยอม ฐานะของนางก็จะถูกเปิดเผย นางต้องกลับไปจวนอ๋องหรือไม่ เกรงว่าแม้แต่จวนอ๋องก็ไม่อาจรับนางไว้ นางกับน้องสาวอาจถูกส่งกลับไปที่เดิม
“ไม่ ไม่ใช่ไม่ยินยอม”
“เพียงแต่ การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ พ่อแม่เป็นผู้ตัดสินใจ ข้าชอบก่อเรื่องเดือดร้อน ไม่เหมาะที่จะเป็นนายแม่”
ถังเฉียนหันมามองฮว่าเหยียน ฐานะของนางมีเพียงนางเท่านั้นที่รู้ เดิมทีฮว่าเหยียนยังวิตกบ้าง กลัวว่านางปากไวแล้วตอบปฏิเสธ ถึงตอนนั้นเถิงเฟิงเสียหน้า ย่ารองก็ไม่อยู่ ทั้งสองโกหกหัวหน้าผู้บวงสรวง มีโทษถึงตาย”
เมื่อได้ยินนางไม่บอกปัดก็ค่อยโล่งอก จึงยิ้มทันทีแล้วพูดว่า
“จะอย่างไรก็ยังเป็นเด็ก ต้องขอโทษด้วย ให้ผู้ใหญ่อย่างเราหารือกันเองดีกว่า ท่านอ๋องอยู่ด้วย ก็ถือเป็นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง”
ตอนที่ 202 พี่ใหญ่
ถังเฉียนตะลึงไปครู่หนึ่ง เวลานี้นางครุ่นคิดมากมาย แต่ฟังที่ฮว่าเหยียนพูดก็รู้สึกแปลกใจ ตัวนางไม่ได้ถือว่าฉู่จิ่งเหยาเป็นผู้อาวุโส แต่เมื่อดูสีหน้าฮว่าเหยียนแล้วก็ไม่อาจพูดอะไรที่จะทำให้เดือดร้อนอีก
เถิงเฟิงรีบฉวยโอกาสพูดว่า
“ท่านพ่อ ท่านพูดอะไรบางสิ หากท่านไม่พูด อาหรูน่าจะคิดว่าท่านไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้ นางขี้ขลาด เจอกันครั้งแรก อย่าทำให้นางกลัวเลย”
เถิงเฟิงเพิ่งพูดจบ ก็มีคนผู้หนึ่งเดินเข้ามา เขาสวมชุดสีม่วง ผิวขาวผ่อง บนศีรษะคาดรัดเกล้าหยก ดูราวกับเทพบุตรจำแลง เป็นครั้งแรกที่ถังเฉียนเห็นผู้ชายที่หล่อเหลาเช่นนี้ แต่วันนี้เป็นวันพบหน้าพ่อแม่สามี บรรยากาศใหญ่โตจริงๆ ทั้งยังมีคนมากหน้าหลายตา
“พี่ใหญ่ พี่มาได้อย่างไร”
เถิงเฟิงยืนขึ้นด้วยความตื่นเต้น ดึงตัวถังเฉียน ยิ้มแล้วพูดกับนางว่า
“อาหรูน่า นี่พี่ใหญ่ข้าเอง เถิงอวิ๋น”
เถิงเฟิงตั้งใจให้ทั้งสองพบหน้ากัน ถังเฉียนเห็นลักษณะของเถิงอวิ๋นเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลามาก อดพูดไม่ได้ว่า
“มิน่าล่ะ พวกสาวใช้ล้วนบอกว่าคุณชายใหญ่หาใครเทียบได้ คิดดูแล้วที่คุณชายยังหาฮูหยินไม่ได้ก็สมควรแล้ว”
“เอ๊ะ”
อิ๋นซานขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกไม่พอใจอาหรูน่า แต่แล้วนางก็พูดต่อทันที
“ท่านท่าทางราวกับเทพบุตร เกรงว่าคงต้องเสาะหาเทพธิดากระมังจึงจะคู่ควร แต่หญิงงามอย่างฮูหยินผู้บวงสรวง คิดว่าคงหาไม่ได้ง่ายๆ อาจจะต้องใช้เวลานานเสียหน่อย”
อิ๋นซานรู้สึกว่าถังเฉียนช่างพูด จึงยิ้มแล้วบอกว่า
“เอาล่ะ เอาล่ะ พวกเจ้าเด็กๆ ออกไปก่อน พวกผู้ใหญ่เราจะหารือเรื่องของพวกเจ้า อวิ๋นเอ๋อร์ มานี่…”
ขณะที่เถิงเฟิงกับถังเฉียนเตรียมจะออกไป เถิงเจินซึ่งเงียบมาโดยตลอดก็พูดขึ้นครั้งแรก
“ท่านอ๋อง มีอะไรก็พูดตรงๆ ได้ เรื่องของเด็กๆ ปล่อยให้พวกผู้หญิงตัดสินใจกันเองดีกว่า เผ่าพีส่าเราสนับสนุนการแต่งงานอย่างอิสระตลอดมาแต่ที่เมื่อครู่ท่านอ๋องรวมทั้งที่อาหรูน่าเอ่ยถึงคำสั่งพ่อแม่และคำพูดของพ่อสื่อแม่สื่อล้วนไม่สำคัญ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเด็กคนนี้อยู่ในจวนอ๋องนาน จึงติดนิสัยยึดติดแบบแผนหรือไม่”
ถังเฉียนฟังคำพูดนี้ ไม่รู้สึกว่าเป็นการเหน็บแนม แต่กลับแปลกใจ ที่ฉู่จิ่งเหยามาที่นี่ ไม่น่าจะเพื่อเรื่องเล็กๆ นี้ ฉู่จิ่งอ๋องพูดแล้ว มุมปากเขามักจะแฝงด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น แต่วันนี้กลับดูเย็นชา
“ข้ามาที่นี่ที่จริงมีเรื่องอื่น แต่ท่านผู้บวงสรวง ท่านไม่ธรรมดาจริงๆ ข้าไม่ต้องเอ่ยปากท่านก็รู้แล้ว แต่อาหรูน่าเป็นผู้มีพระคุณของข้า การแต่งงานของนาง ข้าหวังว่าท่านผู้บวงสรวงกับนายแม่จะให้ความสำคัญ”
เถิงเจินหันมาทางอิ๋นซานแล้วพยักหน้าเล็กน้อย เป็นการแสดงว่ามอบเรื่องนี้ให้นางจัดการ นางยินดีลงแรงเพื่อการแต่งงานของลูกชาย แต่เถิงเฟิงและถังเฉียนไม่ได้ผละออกไป ฟังว่าฉู่จิ่งเหยาจะพูดอะไรอีก
“ชายารองของข้าป่วย ไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุใด ท่านหมอก็ยังหาวิธีรักษาไม่ได้ จึงให้ข้ามาพบท่านผู้บวงสรวง เพื่อถามว่าจะรักษาเช่นไร”
เถิงเจินพยักหน้า แล้วพูดว่า
“เราสามเผ่าผูกพันกัน เมื่อท่านป้ากำชับลงมา ย่อมควรปฏิบัติตาม ก่อนหน้านี้ก็ส่งนักโทษหญิงคนหนึ่งมา ไม่รู้ว่าเป็นชายารองที่ท่านอ๋องเอ่ยถึงหรือไม่ ยังมีนักโทษเด็กอีกคนก็ถูกขังไว้แล้ว ข้าตรวจสอบวิญญาณทั้งสองคนนั้นแล้ว คนหนึ่งดวงวิญญาณถูกล่ามไว้ กลับจัดการง่ายแต่อีกคน น่าแปลกจริงๆ”
เถิงเจินหยุดพูด เพราะเขาไม่เคยพบเห็นอาการป่วยที่ประหลาดเช่นนี้ ทำให้เขาไม่รู้ว่าจะพูดเช่นไรดี เช้าวันนี้ทั้งสองถูกส่งตัวมาแล้ว แม้เถิงเจินจะอยู่ที่เขาศักดิ์สิทธิ์ตลอด แต่ก็รับรู้เรื่องราวภายนอก
เค่ออี้รายงานฐานะของทั้งสองให้รู้ก่อนแล้ว แต่เถิงเจินต้องแกล้งทำเหมือนไม่รู้เรื่องราว จึงจะไม่แสดงว่าเขาทำผิดพลาด
ตอนที่ 203 อาการป่วยของซูซินเหลียน
ถังเฉียนคิดไม่ถึงว่าซูซินเหลียนจะอยู่ที่นี่ด้วย รวมทั้งถังเวยน้องสาวของนาง นั่นทำให้นางวิตกเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าท่านอ๋องจะลงโทษนางเช่นไร
แม้ถังเฉียนจะร้อนใจมาก แต่ภายนอกกลับไม่แสดงออกแม้แต่น้อย ถึงจะเผชิญหน้าด้วยก็ไม่แสดงอาการกระวนกระวายออกมา
ฉู่จิ่งเหยาฟังเช่นนี้ก็ไม่รู้สึกแปลกใจ จึงพูดว่า
“เสด็จพ่อพระราชทานพระชายารองให้แก่ข้า เป็นชายาที่ถูกต้องตามแบบแผนของข้า เวลานี้นางป่วย ข้าจึงย่อมต้องรักษานางให้ดี แต่จะรักษาหายหรือไม่ จะรักษาเช่นไร คงต้องรบกวนท่าน นับตั้งแต่ที่ข้ามาถึงเผ่าม้ง ตลอดมาก็อาศัยทุกท่านทุกเรื่องทั้งอาหารการกิน ข้าไม่เคยลืมบุญคุณ ครั้งนี้ท่านช่วยพระชายารองไว้ ข้าต้องขอขอบคุณอย่างยิ่ง”
เถิงเจินได้ยินคำพูดเช่นนี้ก็ไม่มีความเห็นอย่างอื่น เพียงแต่คิดถึงอาการป่วยของซูซินเหลียนตลอดเวลา
“ท่านอ๋อง ท่านไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำว่าขอบคุณ พวกเราล้วนมีความผูกพันกัน แต่อาการป่วยของพระชายารองค่อนข้างประหลาด พวกเราเองล้วนไม่เคยพบเห็น จึงตั้งใจเรียกเถิงอวิ๋นกลับมา ช่วยกันออกความเห็น”
เถิงอวิ๋นได้ยินบิดาเอ่ยถึงตน จึงรีบออกมาคารวะ เถิงเฟิงบอกว่า
“ท่านอ๋อง อย่าเห็นว่าพี่ชายข้ายังหนุ่ม เขาเป็นถึงยอดคนที่มีชื่อเสียงของเผ่าเรา ตั้งแต่เด็กเขาก็เป็นอัจฉริยะที่อ่านอะไรผ่านตาก็สามารถจำได้หมด ศึกษาตำราโบราณมากมาย สามารถทำให้ท่านพ่อเรียกพี่ใหญ่กลับมา แสดงว่าท่านพ่อให้ความสำคัญกับอาการป่วยของพระชายารอง ท่านอ๋องวางใจเถอะ จะต้องรักษาโรคให้พระชายารองได้เป็นแน่”
ได้ยินว่าพี่ชายของเถิงเฟิงเป็นคนที่คลั่งไคล้การค้นคว้าโรคประหลาดต่างๆ โดยเฉพาะซูซินเหลียนที่ป่วยโดยไม่รู้สาเหตุ ไม่รู้ต้นตอของโรค สรุปก็คือประหลาดนั่นเอง
“เราคุยกันที่นี่ จะมีความหมายใดเล่า ไปดูคนป่วยกันดีกว่า”
ที่บอกว่าเขาคลั่งไคล้นั้นเป็นความจริง พูดเพียงสองคำก็อยากออกไปแล้ว ถังเฉียนกลับชอบคนที่ตรงไปตรงมาเช่นนี้ เห็นแล้วประทับใจ ฉู่จิ่งเหยาก็มีความเห็นตรงกัน แต่ตำหนักใหญ่ไม่สะดวก จึงเลือกห้องเล็กด้านข้าง ซูซินเหลียนกับถังเวยรออยู่ที่นั่นแล้ว
“เจ้าดูแล้ว เป็นเช่นไรบ้าง ใช้วิชาตรวจสอบวิญญาณกับนางไม่ได้ผล ราวกับว่าในตัวนางมีวิญญาณสองดวง เราไม่เคยเจอสภาพเช่นนี้มาก่อน ช่างแปลกจริงๆ”
เถิงเจินยิ่งพูดเช่นนี้ เถิงอวิ๋นก็ยิ่งตื่นเต้น เขาใช้มือค่อยๆ รวบเส้นผมซูซินเหลียนที่ยาวขึ้น หยิบมีดเล็กออกมาตัดผมปอยหนึ่ง ใส่ไว้ในถาดเล็กใบหนึ่ง จากนั้นสั่งให้คนนำตัวนางออกไป
ซูซินเหลียนเพิ่งฟื้น ก็ถูกคนดึงผมขึ้น นางมองดูทุกคนด้วยสีหน้าไม่พอใจ ดูเหมือนจะโกรธมาก ทั้งยังดูไร้เดียงสา
“ท่านหมอ ช่วยข้าด้วย!”
นางเห็นถังเฉียนในกลุ่มคน แล้วโผเข้ามาหาราวกับเจอฟางเส้นสุดท้าย ยังดีที่เถิงเฟิงยืนขวางอยู่ นางจึงทำร้ายถังเฉียนไม่ได้
“เหตุใดพระชายาจึงกลายเป็นเหมือนผีเช่นนี้ นางเสียสติจริงหรือ”
ถังเฉียนสั่นหัว แสดงว่านางเองก็ไม่รู้ นางไม่รู้ว่าซูซินเหลียนเป็นอะไรไป แต่ถังเฉียนก็ประหลาดใจมากที่จู่ๆ นางกลับกลายเป็นเช่นนี้”
“ท่านอ๋อง ข้าคือซูซินเหลียน พ่อข้าคือมหาเสนาบดีรัชกาลนี้ อาหญิงข้าเป็นกุ้ยเฟย พวกเจ้าทำอะไรข้าไม่ได้ จะทำอะไรข้าไม่ได้”
ซูซินเหลียนพูดเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมา ทำให้ทุกคนล้วนรู้สึกแปลกใจ ถังเฉียนเหลือบมองคนข้างๆ ไม่รู้ว่าเถิงอวิ๋นเอาอะไรวางไว้บนเส้นผมซูซินเหลียน จากนั้นจึงเอาเส้นผมมาเผาไฟ ในห้องมีกลิ่นแสบจมูกขึ้นทันที
“อวิ๋นเอ๋อร์ เจ้าเจอสิ่งใดหรือ”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น