หวานรักจับหัวใจท่านประธาน 199-206

 ตอนที่ 199 คนไหนคือตัวจริง


 


 


แสงแดดอ่อนๆ กระทบบนใบหน้าของเขา ชุดสูทสีขาวขับให้เขาดูสง่างามอย่างเห็นได้ชัด มีเพียงรอยแดงฉายใต้ตา ที่เผยความกังวลและเจ็บปวดใจของเขาออกมา


 


 


ตอนที่เขายื่นมือไปจับราวประตู เตรียมจะเปิดประตูรถนั้น โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อของเขาก็ดังขึ้นมา


 


 


เป็นข้อความ


 


 


ในนั้นมีเพียงคำพูดง่ายๆ [เธอไม่เป็นไรแล้ว ตอนนี้ฉันกำลังพาเธอไปที่งานแล้ว ที่มาเป็นบอดีการ์ดที่คอยคุ้มครองเธอเป็นปกติ เธอไม่สงสัยอะไร]


 


 


เมื่อได้เห็นข้อความบนโทรศัพท์มือถือ มือของถังหยวนซือที่วางอยู่บนประตูรถก็ค่อยๆ หดกลับมา


 


 


จากนั้นเขาก็พิงอยู่บนเบาะรถอย่างเหนื่อยล้า ราวกับได้ใช้เรียวแรงทั้งหมดไปแล้ว


 


 


 


 


อีกด้านหนึ่ง


 


 


งานปล่อยตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้า


 


 


อวี๋เยว่หานยืนอยู่ด้านหลัง สายตาจับจ้องไปที่เหนียนเสี่ยวมู่ที่กำลังยุ่งหัวหมุนอยู่ตลอด


 


 


ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว แต่เขาก็ยังคงยืนอยู่ท่าเดิมตั้งแต่ต้น


 


 


ดวงตาสีดำที่สงบนิ่งวูบไหวเล็กน้อย


 


 


อุณหภูมิตรงฝ่ามือลดลงแล้ว แต่ความรู้สึกตอนสัมผัวหัวของเธอเมื่อครู่กับยังคงอยู่


 


 


ผมยาวนุ่มสลวยของเธอ ดวงตาไร้เดียงสา ท่าทางจ้องเขาตาปริบๆ เหมือนลูกแมวมองคนโกยอึให้ตัวเองอย่างยิ่ง จาดก็แต่เธอไม่ได้ส่ายหางและโผเข้ามาในอ้อมกอดของเขาพร้อมดวงตาใสแจ๋ว


 


 


แต่ตอนนี้เธอดูเป็นมืออาชีพอย่างมาก


 


 


เธอเดินอยู่ท่ามกลางคนทำงาน กำลังสั่งงานทุกคนอย่างมีระเบียบแบบแผน


 


 


ทำให้เขาแทบจะแยกไม่ออก ว่าท่าทางแบบไหนคือตัวจริงของเธอกันแน่…


 


 


“คุณชาย ผมเพิ่งได้รับโทรศัพท์ ซ่างซินไม่เป็นไรแล้ว กำลังเดินทางมาที่งานครับ!” ผู้ช่วยถือโทรศัพท์ และเดินมาตรงหน้าอวี๋เยว่หานด้วยความตื่นเต้น


 


 


เสียงของเขาไม่ได้เบามาก คนงานด้านหลังเวทีจึงได้ยินกันหมด


 


 


ทุกคนอดถอนหายใจออกมาทันทีไม่ได้


 


 


แผนฉุกเฉิน ทำได้แค่ลดผลกระทบร้ายแรงที่เกิดจากการที่ซ่างซินไม่ม่ร่วมงาน อยากจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ต้องให้ซ่างซินปรากฎตัวด้วยตัวเอง


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ได้ยินว่าซ่างซินไม่เป็นอะไร เพิ่งจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา ก็เห็นผู้รับผิดชอบฝ่ายในเดินมาหาเธอ


 


 


“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน รายการที่ดำเนินไปก่อนได้ก็ทำไปพอประมาณแล้ว ถ้าไม่มีรายการอื่นที่เลื่อนขึ้นมาได้ เกรงว่าพวกเราจะรอซ่างซินไม่ไหวนะคะ!”


 


 


เมื่อผู้รับผิดชอบพูดตบ บรรยากาศด้านหลังเวทีที่เพิ่งผ่อนคลายก็คร่ำเคร่งขึ้นมาอีก


 


 


เหลือเวทีอีกประมาณครึ่งชั่วโมง


 


 


ให้เวลาพวกเขาอีกครึ่งชั่วโมง ขอแค่ซ่างซินมา งานปล่อยผลิตภัณฑ์ใหม่ก็จะดำเนินต่อไปได้ตามปกติ


 


 


ผู้รับผิดชอบร้อนใจจนเหมือนมดบนหม้อร้อนๆ “วันนี้คุณชายของทางฝั่งบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าก็มาด้วยตัวเอง เขานั่งอยู่ตรงแขกผู้มีเกียรติ กำลังรองานเข้าสู่ช่วงแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่ซ่างซินยังไม่มา…”


 


 


“ฉันแนะนำเอง!” เหนียนเสี่ยวมู่หนักใจ ราวกับตัดสินใจครั้งใหญ่ได้ แล้วเงยหน้าขึ้นมาทันใด


 


 


“ฉันเป็นคนวางแผนงานในวันนี้ สมรรถนะและข้อดีของผลิตภัณธ์รุ่นใหม่นี้ฉันจำได้แม่น ฉันจะแทนซ่างซินไปชั่วคราว แนะนำผลิตภัณฑ์แทนเธอไปก่อน พอซ่างซินมาถึง ก็ค่อยให้เธอขึ้นเวทีมาเปลี่ยนกับฉัน”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่พูดพลางเดินไปยังเวทีงานปล่อยผลิตภัณฑ์ตัวใหม่


 


 


“คุณชาย คุณก็ควรเข้างานแล้วนะครับ” ผู้ช่วยเตือนอยู่ข้างๆ


 


 


ในฐานะที่เป็นบริษัทร่วม สถานที่ที่อวี๋เยว่หานควรจะปรากฏตัว คือตรงแขกผู้มีเกียรติ


 


 


แต่เขากลับอยู่ด้านหลังเวที อยู่เป็นเพื่อนเหนียนเสี่ยวมู่ตลอด


 


 


เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋เยว่หานก็เลิกคิ้วมองไปยังคนที่เดินไปตรงเวที ก่อนจะหลุบตาลง แล้วสาวเท้าเดินไปยังตรงแขกผู้มีเกียรติ


 


 


เพียงเพิ่งเข้าไปในงาน ก็ดึงดูดความสนใจจากสื่อในงานได้แล้ว


 


 


ทุกคนอยากถ่ายรูปเขา แต่ก็ถูกบอดีการ์ดในงานขวางไว้ทัน


 


 


อวี๋เยว่หานนั่งลงพร้อมสีหน้าไร้อามรมณ์ ไม่สนใจทุกอย่างรอบตัว จนกระทั่งได้ยินพิธีกรประกาศ ว่าต่อไปเป็นแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่…


 


 


 


 


ตอนที่ 200 เหนียนเสี่ยวมู่ คุณใจกล้ามาก!


 


 


ภายในงานปล่อยผลิตภัณฑ์ใหม่เงียบกริบทันที


 


 


วินาทีต่อมาก็มีแฟนคลับตะโกนชื่อของซ่างซิน


 


 


ตามแผนงานเดิมจะเป็นการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ และควรจะให้ซ่างซินเดินแบบออกมา พร้อมทั้งถือโอกาสแนะนำสิ่งนั้นให้กับทุกคน


 


 


นี่เป็นไฮไลท์ของงานในวันนี้


 


 


เมื่อพิธีกรพูดจบ คนที่เดินออกมาจากอีกด้านหนึ่งของเวทีกลับไม่ใช่ซ่างซินที่ทุกคนชะเง้อมองหา


 


 


แต่เป็นเหนียนเสี่ยวมู่ที่กำลังถือไมโครโฟน


 


 


เกิดเสียงถอนหายใจระลอกหนึ่งขึ้นภายในงานทันที


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ตัวแข็งทื่อเล็กน้อย ฝ่ามือมีเหงื่อเม็ดบางๆ ผุดออกมาด้วยความตึงเครียด


 


 


หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อข่มความกระวนกระวายในใจไว้ เธอก็เดินต่อไปยังตรงกลางเวที


 


 


ไม่นานก็มีคนพบว่า แม้บนเวทีจะไม่ใช่ซ่างซิน แต่ก็หญิงสาวก็หน้าตาสะสวยจนละสายตาไปไม่ได้เช่นกัน


 


 


เธอสวมเสื้อผ้าง่ายๆ แต่ก็กลบความโดดเด่นของเธอไว้ไม่มิด


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่เดินไปถึงกลางเวทีพร้อมฝีเท้าที่มั่นคงและมั่นใจ ท่ามกลางสายตาสงสัยของทุกคน


 


 


ทันทีที่เงยหน้าขึ้น ก็แทบจะได้ยินเสียงถอนหายใจจากข้างล่างเวทีขึ้นมาพร้อมกัน


 


 


“สวัสดีค่ะทุกท่าน ฉันเป็นผู้วางกำหนดการของงานในวันนี้ เหนียนเสี่ยวมู่ค่ะ” เหนียนเสี่ยวมู่มีรอยยิ้มมั่นใจอยู่บนใบหน้า ดวงตาสดใสของเธอกะพริบปริบๆ ราวกับจะล่อให้หลงได้ก็ไม่ปาน “คุณซ่างซินกำลังเตรียมตัวเดินแบบอันสวยสง่าให้ทุกท่านชทอยู่หลังเวที ดังนั้นจึงให้ฉันมาแนะนำผลิตภัณฑ์ในวันนี้ให้ทุกคนฟังไปก่อนค่ะ”


 


 


เมื่อได้ยินว่าเดี๋ยวซ่างซินจะขึ้นมาบนเวที แฟนคลับข้างล่างเวทีก็นับว่าใจเย็นลงได้แล้ว


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่จับไมโครโฟนในมือให้กระชับแน่น เพื่อข่มความตื่นเต้นในใจเอาไว้ จากนั้นก็อธิบาย พร้อมทั้งแนะนำประสิทธิภาพและข้อดีของผลิตภัณฑ์ทีละข้ออย่างใจเย็น ราวกับมีภาพฉายอยู่ในหัว


 


 


เมื่อพูดถึงจุดที่น่าชื่นชม เธอก็ไม่ลืมที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือบนเวที มาแสดงฟังก์ชันนั้นให้ทุกคนได้ดู


 


 


ทำให้ทุกคนถูกโทรศัพท์มือถือในมือของเธอดึงดูดสายตาไว้อย่างช้าๆ


 


 


ดูเหมือนจะควบคุมงานไว้ได้ แต่มีเพียงเหนียนเสี่ยวมู่ที่รู้ ว่าเดิมทีคำพูดแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ที่วางเอาไว้ต้องจบลงตรงนี้แล้ว


 


 


แต่พิธีกรยังไม่ส่งสัญญาณให้เธอ นั่นหมายความว่าซ่างซินยังมาไม่ถึง


 


 


ตอนนี้ต้องคิดหาวิธีถ่วงเวลาเอาไว้…


 


 


ทำอย่างไรดี ทำอย่างไรดี


 


 


จะให้เธอสร้างบทพูดคุยกับทุกคนอยู่คนเดียวอย่างนั้นเหรอ


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่มองแขกเหรื่อที่อยู่ด้านล่าง เมื่อทุกคนเห็นเธอไม่พูดจา ก็พากันเริ่มกระสับกระส่าย หัวใจเต้นแรงขึ้นมาแล้ว


 


 


เธอกวาดสายตามองแขกผู้มีเกียรติตรงแถวหน้าสุด ก่อนจะเหลือบไปเห็นอวี๋เยว่หานที่อยู่ตรงนั้น ทำเอาเธอตาเป็นประกายทันที!


 


 


มีวิธีแล้ว!


 


 


“งานปล่อยผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ในวันนี้ เป็นการเริ่มต้นร่วมมือกันของบริษัทตระกูลอวี๋ และบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้า พวกเรา โชคดีที่วันนี้พวกเราเชิญคุณชายหานมาร่วมงานเปิดตัวของพวกเราได้ ต่อจากนี้จึงอยากจะขอเชิญคุณชายหานขึ้นมาบนเวที กล่าวอะไรกับพวกเราสักหน่อยดีไหมคะ”


 


 


อวี๋เยว่หานเป็นคุณชายผู้สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองเอช เป็นเทพบุตรของสาวหลายคน


 


 


ค่าตัวของเขาสูงเกินร้อยล้าน หน้าตาหล่อเหลายิ่งกว่าดาราชายแนวหน้าเสียอีก มาดดุดันของเขาก็สูงส่งเหมือนเทวดาจริงๆ


 


 


อย่าว่าได้แต่ให้เขาพูดสักสองสามคำเลย ให้เขาขึ้นมายืนบนเวทีได้ ก็ทำให้สถานการณ์สงบลงได้แล้ว!


 


 


เมื่อเหนียนเสี่ยวมู่พูดตบ ด้านล่างเวทีก็เกิดเสียงอื้ออึงขึ้นทันใด!


 


 


“คุณชายหาน คุณชายหาน”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่กะพริบตา พบว่าทุกคนค่อนข้างตื่นเต้นทีเดียว ชายหนุ่มที่อยู่ๆ ก็ถูกเรียกชื่อมีสีหน้าดำคล้ำ สงบนิ่งเหมือนก่อนที่พายุจะมาถึง ก่อนจะชำเลืองมองเธออย่างเย็นชา


 


 


 คนข้างๆ เขาได้ยินเหนียนเสี่ยวมู่พูดแล้ว ก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้


 


 


ราวกับไม่กล้าเชื่อว่าอวี๋เยว่หานจะขึ้นไปกล่าวในงานเล็กๆ แบบนี้จริงๆ


 


 


ครั้นเห็นเขานั่งนิ่งไม่ขยับ ทุกคนก็มองไปทางเหนียนเสี่ยวมู่ด้วยความสงสัย


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ใจร้อนรนเหมือนไฟเผา พลางใช้สายตาเว้าวอนมองไปทางชายหนุ่มด้านล่างเวที ‘คุณชาย ช่วยชีวิตคนหนึ่งครั้งเท่ากับได้ขึ้นสวรรค์เลยนะ คุณจะทนมองฉันตายได้เหรอ’


ตอนที่ 201 สร้างเรื่อง!


 


 


นัยน์ตาสีดำของอวี๋เยว่หานสงบนิ่ง บนใบหน้าเยือกเย็นนั้น ราวกับกำลังตอบเธอว่า ‘ชีวิตของคุณ เกี่ยวอะไรกับผม’


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ถลึงตาในทันที ‘ถ้าฉันตาย ใครจะช่วยคุณดูแลเสี่ยวลิ่วลิ่ว’


 


 


อวี๋เยว่หาน ‘ก็หาพยาบาลรับจ้างคนอื่น’


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ ‘…ฝันไปเถอะ!’


 


 


เมื่อเห็นอวี๋เยว่หานนั่งนิ่งอยู่นานแล้ว ด้านล่างเวทีก็เริ่มมีคนพูดซุบซิบกัน


 


 


“เกิดอะไรขึ้น ไม่ได้บอกว่าคุณชายหานจะขึ้นไปพูดหรอกเหรอ”


 


 


“ฉันก็รู้นะว่าตัวเองหวังลมๆ แล้งๆ ได้มองแผ่นหลังของเทพบุตรอยู่ไกลๆ ก็น่าจะพอแล้ว ไม่ควรหวังได้เห็นหน้าตรงของเขา…”


 


 


“คุณชายหานไม่ขึ้นเวที ซ่างซินก็ไม่มาปรากฏตัวเลย เกิดอะไรขึ้นกับงานนี้เนี่ย”


 


 


“พอเธอพูดแบบนี้ขึ้นมา ฉันก็รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติขึ้นมาเลย…”


 


 


“…”


 


 


เสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ ดังเข้ามาในหู


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่จับไมโครโฟนแน่น ตอนที่กำลังจะเตรียมพูดอะไรบางอย่าง หางตาก็เหลือบเห็นอวี๋เยว่หานที่นั่งอยู่ตรงส่วนแขกผู้มีเกียรติตลอดค่อยๆ ลุกขึ้นยืนจากที่นั่ง


 


 


นิ้วเรียวยาวติดกระดุมเสื้อสูท ก่อนจะสาวเท้าเดินมายังเวทีอย่างสบายๆ ท่ามกลางสายตาของทุกคน


 


 


“โห” วินาทีที่เห็นเขายืนขึ้น ก็เกิดเสียงร้องด้วยความประหลาดใจขึ้นมาทันที


 


 


จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงปรบมือกึกก้อง


 


 


เงาร่างสูงส่งยังคงรักษาความเยือกเย็นของตัวเองได้โดยไม่ได้รับผลกระทบใด ชายหนุ่มเดินขึ้นเวทีไปออย่างสบายๆ และเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเหนียนเสี่ยวมู่


 


 


นัยน์ตาสีดำล้ำลึกจับจ้องไปที่ดวงหน้าน้อยๆ ซึ่งกำลังอึ้งงันของเธอ ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปาก


 


 


ราวกับพอใจกับปฏิกิริยาของเธออย่างมาก…


 


 


“…”


 


 


เมื่อเหนียนเสี่ยวมู่ดึงสติกลับมาได้ เธอก็สบสายตาที่เหมือนจะหัวเราะของเขา แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ ถึงจะควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้


 


 


“ขอบคุณค่ะคุณชายหาน ที่ยอมมาแบ่งปันมุมมองที่มีต่อโทรศัพท์มือถือเครื่องนี้กับฉัน”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่พูดจบ ก็รีบประคองไมค์ด้วยสองมือ แล้วยื่นไปข้างหน้าเขา


 


 


อวี๋เยว่หานกลับไม่ได้ยื่นมือไปรับ เพียงแค่มองเธอด้วยนัยน์ตาสีดำเย็นชาเท่านั้น


 


 


รอยยิ้มของเหนียนเสี่ยวมู่กระตุกขึ้นมา ไม่เคยเห็นแขกผู้มีเกียรติคนไหนไม่ให้ความร่วมมือขนาดนี้มาก่อนเลย


 


 


ทว่าผู้คนด้านล่างเวทีได้เห็นอวี๋เยว่หานแล้วต่างก็ตื่นเต้นกันยกใหญ่ แม้แต่นักข่าวก็ยังได้กลิ่นข่าวพาดหัวครั้งใหญ่ จึงพากันเบียดมาอยู่ข้างหน้า


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ขี่หลังเสือแล้ว ทำได้แค่ถามต่อไป “ไม่ทราบว่าคุณชายหานเคยลองโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ของพวกเราหรือยังคะ คุณรู้สึกยังไงบ้างคะ”


 


 


คำถามประชาสัมพันธ์อันเป็นพื้นฐานแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องคิดเลยด้วยซ้ำ แค่ตอบตามมารยาทว่า ‘ดีมาก’ ‘ใช้ได้’ ‘ผมคิดว่าไม่เลวเลย’ ก็เป็นเกียรติมากแล้ว!


 


 


ตอนนี้เหนียนเสี่ยวมู่ไม่หวังให้อวี๋เยว่หานช่วยเธอพูดอะไร ขอแค่เขาเปิดปากตอบคำถามสักหน่อยก็พอแล้ว


 


 


แต่เธอรออยู่เกือบสิบนาทีแล้ว ชายหนุ่มตรงหน้าก็ยังไม่คิดจะเอ่ยปาก


 


 


ทำเอาเธอถลึงตาโตทันที


 


 


เขาขึ้นมาบนเวทีแล้ว แต่ไม่พูดอะไรสักคำ เตรียมจะก่อเรื่องหรืออย่างไร!


 


 


ตอนที่เหนียนเสี่ยวมู่โมโหจนขมวดคิ้วมุ่น ถึงจะเห็นว่าเขาค่อยๆ ขยับริมฝีปาก “ยังไม่เคยลอง”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…” !!


 


 


ตอนนี้เธอแน่ใจแล้ว ว่าเขาไม่ได้ขึ้นมาช่วยเธอ แต่ตั้งใจทำให้เธอดูน่าเวทนาเข้าอีก


 


 


หากเปลี่ยนให้แขกผู้มีเกียรติคนอื่นขึ้นมาพูดแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่แทน ผลสุดท้ายกลับตอบว่ายังไม่เคยลองผลิตภัณฑ์ จะต้องถูกคนอื่นก่นด่าแน่


 


 


แต่คำพูดนี้ออกมาจากปากของเขา จึงไม่มีใครด้านล่างเวทีมีสีหน้าประหลาดใจสักคน


 


 


เขาเหมาะสมกับคำพูดที่ว่า ‘เกิดมาหล่อ พูดอะไรก็ไม่ผิด’ อย่างแท้จริง


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อไปแล้ว!


 


 


ขณะที่เหนียนเสี่ยวมู่แทบจะสิ้นหวัง อวี๋เยว่หานก็พูดเสริมขึ้นมาอย่างสบายอารมณ์ “อีกเดี๋ยวก็ได้ลองแล้ว”


 


 


 


 


ตอนที่ 202 คนที่เขาชอบ


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…”


 


 


พูดอะไรออกมาแค่ครึ่งเดียว น่ากลัวจริงๆ เลย!


 


 


เมื่อได้ยินว่าเขาจะปูทางให้ตัวเองด้วยเจตนาดี เหนียนเสี่ยวมู่ก็ไปตามน้ำโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง แถมยังหาเรื่องให้เขาด้วย “ไม่ต้องรออีกเดี๋ยวหรอกค่ะ พวกเราจะเชิญให้คุณชายหานลองโทรศัพท์ใหม่ของพวกเราตอนนี้เลย!”


 


 


“…” อวี๋เยว่หานเงียบกริบ


 


 


เธอนำโทรศัพท์มือถือมาไว้ข้างหน้าเขาด้วยความเบิกบานใจ ก่อนจะเปิดเครื่องและส่งให้ถึงมือของเขา


 


 


ขอเพียงเขารับโทรศัพท์มือถือนั้นไป โพสท่าสักสองสามครั้ง พูดว่าสวยอีกสักคำ ก็พลิกสถานการณ์ได้แล้ว!


 


 


ทว่าอวี๋เยว่หานแค่ชำเลืองมองโทรศัพท์มือถือเท่านั้น แถมยังเหลือบมองเธอด้วยสายตาเย็นชา จากนั้น ไม่มีจากนั้นแล้ว…


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ร้อนใจ จึงคว้ามือของเขาขึ้นมา เตรียมจะยัดโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นใส่มือของเขา


 


 


แต่นิ้วมือของเธอเพิ่งจะสัมผัสเขา ก็ถูกอุณหภูมิเย็นเยียบตรงปลายนิ้วมือของเขาทำให้ตกใจ จนคิดจะหดมือกลับไปโดยสัญชาตญาณ


 


 


แต่พอคิดได้ว่าด้านล่างเวทีมีคนจับต้องอยู่มากมาบ จึงฝืนใจดึงมือของเขา และวางโทรศัพท์มือถือลงไปบนฝ่ามือของเขา


 


 


ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่บริษัทตระกูลอวี๋ลงทุนและร่วมมือสร้างออกมา คุณชายก็ชื่นชมสักประโยคเถอะค่ะ!


 


 


อวี๋เยว่หาน “…”


 


 


เป็นครั้งแรก ที่มีผู้หญิงกล้าจับมืออันสูงส่งของเขา อุณหภูมิที่ส่งผ่านมาจากปลายนิ้วทำให้เขาต้องหดลูกตาเลยทีเดียว


 


 


จากนั้นเขาก็หลุบตามองเหนียนเสี่ยวมู่ที่อยู่ใต้คาง


 


 


เธอก้มหน้า กำลังมองมือของเขาด้วยความเคร่งเครียด ปอยผมของเธอร่วงหล่นลงมาด้วยความดื้อดึงอยู่บ้าง มองจากมุมของเขาแล้วเธอก็น่ารักอยู่ไม่น้อย


 


 


มือที่จับเขาอยู่ทั้งนุ่ม ทั้งอุ่น ทำให้เขาอยากจะจูงมือเธอไว้ และจับมือของเธออยู่ในฝ่ามือของตัวเองอย่างอดไม่อยู่


 


 


ผ่านไปเนิ่นนาน เขาถึงจะพิจารณาโทรศัพท์มือถือในมืออย่างที่เธอหวังเอาไว้


 


 


“เป็นยังไงบ้างคะ” เหนียนเสี่ยวมู่ถือไมโครไฟ พลางถาม


 


 


เธอกลัวว่าอวี๋เยว่หานจะสร้างเรื่องอะไรอีก จึงเตรียมคำตอบสำหรับเขาไว้เรียบร้อยแล้ว “คุณชายหานรู้สึกว่าโทรศัพท์มือถือเครื่องนี้ ไม่เหมือนกับที่คุณเคยเห็นมาก่อนใช่ไหมคะ”


 


 


แค่ไม่เหมือน ไม่ทำให้เขาแสดงสีหน้าอะไรออกมาหรอก


 


 


อย่างนี้ก็นับว่าเขาให้ความร่วมมือแล้วมั้ง?


 


 


แต่ชีวิตคนไม่มีคำว่าสิ้นหวังที่สุด มีแต่คำว่าสิ้นหวังกว่าเดิม!


 


 


“ไม่เห็นความแตกต่าง” อวี๋เยว่หานช้อนลูกตาสีดำสนิทขึ้น พร้อมทั้งพูดอย่างเย็นชา


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…”


 


 


พวกเขาไม่คุยกันแล้วจะดีกว่าไหมนะ


 


 


ขืนคุยกันต่อไป เธอกลัวว่าตัวเองจะใช้โทรศัพท์มือถือเครื่องนี้ทุบเขาจนตาย!


 


 


เธอเคยเห็นการยกเลิกงานแสดง แต่ไม่เคยเห็นการยกเลิกงานแสดงแบบนี้เลย


 


 


ทั้งงานอึดอัดจนพูดไม่ออกแทนเธอกันหมดแล้ว…


 


 


“ดูภายนอกไม่มีความแตกต่างอะไร แต่ระบบกลับทำออกมาได้เหนือชั้นมาก เป็นโทรศัพท์มือถือรุ่นที่ไม่เลวจริงๆ” อวี๋เยว่หานชำเลืองมองดวงหน้าเล็กๆ ที่กำลังโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่ ก่อนจะยื่นมือไปรับไมโครโฟนมาพูดให้ทุกคนฟังด้วยเสียงทุ้มต่ำ


 


 


นี่เป็นครั้งแรก และครั้งเดียวที่เขาชมโทรศัพท์มือถือเครื่องนี้ตั้งแต่ขึ้นเวทีมา


 


 


เมื่อพูดจบ ทั่วทั้งงานก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นในทันใด


 


 


ที่ตื่นเต้นที่สุด คงจะไม่พ้นคนของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้า


 


 


จากคำตอบสองสามครั้งเมื่อครู่นี้ เมื่อได้ยินคำชมของอวี๋เยว่หานในตอนนี้ พวกเขาก็เกือบจะร้องไห้ออกมาด้วยความตื้นตัน


 


 


ขาดก็แต่คุกเข่าขอบคุณอวี๋เยว่หานแล้ว!


 


 


“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนยังมีคำถามอื่นอีกไหมครับ” อวี๋เยว่หานหันหลับมาเลิกคิ้วมองเธออย่างสบายๆ


 


 


ใบในหน้าหล่อเหลานั้นมีรอยยิ้มประดับอยู่ด้วย เรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆ ได้อย่างต่อเนื่อง


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…”


 


 


เธอไม่กล้าถามคำถามอะไรเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถืออีกแล้ว และเลือกถามคำถามที่ปลอดภัยขึ้นมาหน่อย


 


 


“ฟังจากเสียงปรบมือของแขกในงานแล้ว คุณชายหานมีชื่อเสียงโด่งดังมาทีเดียว ไม่ทราบว่าคุณชายหานชอบผู้หญิงแบบไหนคะ”


ตอนที่ 203 ไม่ทำก็ตายไม่ได้ 


 


 


พอเหนียนเสี่ยวมู่พูดคำถามออกมา ทั่วทั้งงานก็เงียบกริบไปในทันที 


 


 


จากนั้นก็เกิดเสียงอื้ออึงขึ้นมาระลอกหนึ่ง 


 


 


นักข่าวที่ยังควบคุมได้เมื่อครู่ ตอนนี้ต่างก็เบียดมาข้างหน้าอย่างสุดชีวิต เพราะกลัวจะคำไหนตกหล่นไป และพลาดข่าวใหญ่! 


 


 


ต้องรู้ไว้ว่าอวี๋เยว่หานยังอายุน้อย แต่ก็เป็นคนหนุ่มมีพรสวรรค์ที่เป็นที่ยอมรับในวงการ 


 


 


ฐานะของเขาสูงส่ง แถมยังมีหน้าตาหล่อเหลาสง่างาม 


 


 


แต่ชายหนุ่มที่ดีเลิศแบบนี้ กลับไม่เข้าใกล้ผู้หญิงคนไหน 


 


 


หลายคนเดากันว่าเขาเป็นเกย์หรือเปล่า 


 


 


จนกระทั่งเมื่อสองปีก่อน อยู่ๆ เขาก็มีลูกสาว ข่าวลือนั้นจึงหายไป 


 


 


แต่สองปีผ่านไปแล้ว แม่ของลูกสาวเขากลับไม่เคยปรากฏตัวออกมาเลย 


 


 


นักข่าวหลายคนเบียดมาข้างหน้า อยากสัมภาษณ์ความรู้สึกและชีวิตของเขา แต่ก็ไม่มีใครกล้าถามต่อหน้าอวี๋เยว่หานเลย 


 


 


คำถามของเหนียนเสี่ยวมู่เป็นข่าวดีของสื่อในงานโดยแท้! 


 


 


ตอนนี้ไม่มีใครเป็นห่วงว่าทำไมซ่างซินถึงยังไม่ปรากฏตัว ทุกคนต่างก็จับจ้องไปที่อวี๋เยว่หานบนเวที และรอคอยด้วยความเคร่งเครียด ว่าเขาจะตอบคำถามนี้หรือไม่ 


 


 


“…” 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่คิดไม่ถึง ว่าคำถามเรียกน้ำย่อยอย่างขอไปทีจะทำให้เกิดผลลัพธ์แบบนี้ 


 


 


เมื่อเงยหน้ามองไปทางอวี๋เยว่หาน กลับพบว่านัยน์ตาสีดำของเขาหยั่งลึกขึ้นมาก สายตามืดมนกวาดผ่านใบหน้าของเธอไป ก่อนจะเลิกคิ้ว ราวกับสงสัยเจตนาของเธอ 


 


 


จากนั้นเขาก็หันหน้าไปมองผู้ชมด้านล่างเวที 


 


 


แล้วพูดทีละคำด้วยเสียงน่าดึงดูด “แบบที่ไม่รนหาที่ตาย” 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…” !! 


 


 


ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าเขากำลังบอกเธอว่ารนหาที่ตาย 


 


 


ไม่ใช่ๆ ต้องคิดไปเองแน่ๆ 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่สงบสติอารมณ์ แล้วหรี่ตาพูดต่อเหมือนผู้กาศข่าวซุบซิบ “ฟังจากคำพูดของคุณชายหานแล้ว ดูเหมือนจะมีคนที่ชอบแล้วสินะคะ” 


 


 


“ตู้ม” บรรยากาศในงานระเบิดทันที 


 


 


เมื่อได้ยินว่าอวี๋เยว่หานอาจจะมีเจ้าของแล้ว คราวนี้ไม่เพียงนักข่าว แม้แต่คนอื่นๆ ในงานต่างก็เงี่ยหูฟังกันหมด 


 


 


ทุกคนต่างก็ร้อนใจอยากรู้ ว่าผู้หญิงคนไหนชาติก่อนช่วยกาแล็กซี่เอาไว้ ถึงได้ทำให้อวี๋เยว่หานถูกตาต้องใจได้ 


 


 


“…” อวี๋เยว่หานมีสีหน้าเย็นชา ราวกับไม่สนใจปฏิกิริยาด้านล่างเวทีโดยสิ้นเชิง เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ดวงตาสีดำของเขาก็ปรากฏระลอกคลื่นขึ้นมา 


 


 


จากนั้นเขาก็จ้องเขม็งไปที่เหนียนเสี่ยวมู่ 


 


 


แต่ผ่านไปเนิ่นนานแล้ว ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…” 


 


 


เมื่อสบสายตาถมึงทึงของเขา ไม่รู้ว่าทำไม หัวใจของเขาถึงได้เหมือนหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม 


 


 


หางตาของเธอเหลือบเห็นพิธีกรด้านข้างเวทีทำสัญญาณมือให้เธอ จึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “คำถามนี้พวกเราเก็บไว้ในใจก่อนนะคะ หวังว่าจะได้ยินข่าวดีของคุณชายหานประกาศออกมาโดยเร็ววัน ต่อจากนี้ ขอเชิญซ่างซินของพวกเราขึ้นมาบนเวทีค่ะ…” 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่พูดจบก็รีบลากอวี๋เยว่หานหมุนตัวเดินลงจากเวทีไป 


 


 


“…” อวี๋เยว่หานตะลึงงันไปเล็กน้อย ก่อนจะหลุบตามองมือข้างที่จูงตัวเองอยู่ 


 


 


นัยน์ตาของเขาวูบไหว ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด ปล่อยให้เธอลากเขาลงจากเวที 


 


 


เพลงเดินแบบดังขึ้น ไฟบนเวทีก็สวยงามขึ้นด้วย 


 


 


แสงเงาทับซ้อน สาดส่องไปที่ใบหน้าขาวผ่องของเธอ คิ้วโก่งคู่นั้นเหมือนกับพูดได้ 


 


 


“นับว่าตบตาไปได้ ขืนทำต่อไปนานกว่านี้ ชีวิตฉันได้สั้นลงหลายปีแน่…” เหนียนเสี่ยวมู่มองซ่างซินที่ปรากฏตัวอย่างไร้รอยขีดข่วนบนเวที แถมยังมีผู้คนที่ถูกดึงดูดสายตาด้วยการเดินแบบเอาไว้ เธอก็ตบหน้าอกถอนหายใจออกมา 


 


 


แต่เมื่อพบว่าข้างๆ ยังมีคนยืนอยู่ด้วย เธอถึงจะดึงสติกลับมา และรีบปล่อยมือ 


 


 


หญิงสาวมองอวี๋เยว่หานที่มีสีหน้าไร้อารมณ์ และเอ่ยปากอธิบายทันที “ฉันไม่ได้ตั้งใจเอาเปรียบคุณนะ แต่มันฉุกละหุก” 


 


 


“…” 


 


 


“คำถามเมื่อกี้ก็เป็นการเบี่ยงเบนความสนใจนักข่าว คุณชายคงไม่เก็บไปแค้นใช่ไหม” 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 204 จะเป็นวัวเป็นม้าชดเชยให้ 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่พูดจบ ดวงตาสดใสคู่นั้นก็จ้องมองอวี๋เยว่หานด้วยความระมัดระวัง 


 


 


เมื่อเห็นเขามีสีหน้าอึมครึม เธอก็หดคอทันที แล้วรีบแสดงสีหน้าน่าสงสาร 


 


 


“คุณชาย แม้งานในวันนี้จะเป็นงานปล่อยผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้า แต่พูดกันตามตรงแล้วก็เป็นโครงการร่วมมือของบริษัทตระกูลอวี๋ เพื่อคุณชายแล้ว ฉันถึงได้คิดแก้สถานการณ์อย่างเอาเป็นเอาตาย เมื่อกี้ฉันหมดหนทางจริงๆ ก็เลยอาศัยชื่อของคุณชาย ฉันรับประกันว่าต่อไปจะไม่ทำอีก!” 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ยกมือขวาขึ้นมา พร้อมทั้งชูสามนิ้วสาบาน 


 


 


“…” ใบหน้าเรียบเฉยของอวี๋เยว่หานกระตุกเล็กน้อย เมื่อได้ยินว่าเมื่อครู่เธอคิดหาทางสุดชีวิตเพื่อเขา 


 


 


แต่ไม่นานก็กลับคืนสู่สภาพปกติ 


 


 


เขาหลุบตามองคนที่พยายามทำตัวว่าง่าย แต่ซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้ในดวงตาตรงหน้านี้ 


 


 


ในใจรู้ชัดว่าคำพูดของเธอ เป็นคำพูดเอาใจเขาเสียแปดส่วน เชื่อเป็นเรื่องจริงไม่ได้ 


 


 


แต่มุมปากของเขากลับยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว ความอึดอัดตรงหน้าอกก็ทุเลาลงหลายส่วน… 


 


 


ส่วนจะคิดบัญชีกับเธอไหม… 


 


 


“ดูความประพฤติของคุณก่อน” อวี๋เยว่หานขยับริมฝีปากบาง พูดชัดถ้อยชัดคำ 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…” 


 


 


เธอขอโทษก็แล้ว สาบานรับประกันก็แล้ว ยังจะดูพฤติกรรมอะไรอีก 


 


 


“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน คุณไม่เจรจาก่อน ก็ลากผมขึ้นไปยืนบนเวทีงานของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้า บริษัทสอนให้คุณวางแผนให้ร้ายประธานบริษัทเหรอ” 


 


 


“…” เปล่า 


 


 


“คำถามที่คุณถามก่อนหน้าผมจะพยายามไม่สนใจ แต่ขายความเป็นส่วนตัวของผมหลังจากนั้นเนี่ย นี่ก็เป็นสิ่งที่เตรียมไว้อย่างดีในการวางแผนเหรอ” 


 


 


“…” ไม่ใช่ 


 


 


“ฝ่าฝืนกฎของบริษัท ไม่เคารพประธานบริษัท รวมความผิดสองข้อนี้แล้ว ผมคิดว่าคุณควรโดนหักโบนัสสักกี่เดือนดีนะ” อวี๋เยว่หานมองหัวเล็กๆ ของเธอที่ก้มลงจนจะชนหน้าอกอยู่ พร้อมทั้งพูดอย่างช้าๆ 


 


 


เมื่อได้ยินดังนั้น เหนียนเสี่ยวมู่ก็เงยหน้าขึ้นมาโดยพลัน 


 


 


เธอมองเขาด้วยความน้อยใจ เหลือก็แต่ไม่ได้มีหางงอกออกมาสะบัดให้เขาดู 


 


 


“ฉันทำไปเพื่อถ่วงเวลารอซ่างซินมา เจ๊ากันไปไม่ได้เหรอ” 


 


 


เมื่อคิดว่าธนบัตรกองใหญ่จะปลิวไปต่อหน้าต่อตา ใบหน้าของเหนียนเสี่ยวมู่ก็งองุ้มในทันที 


 


 


เธอยื่นมือไปจับชายเสื้อของอวี๋เยว่หานเอาไว้ 


 


 


“ฉันจะเป็นวัวเป็นม้าชดเชยให้ ไม่หักโบนัสได้ไหม” 


 


 


เขายังไม่ทันได้ตอบ ก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นมาจากในงาน พ่วงมาด้วยเสียงกรี๊ดอันฮึกเหิมของแฟนคลับซ่างซิน 


 


 


“นางฟ้า! นางฟ้า!” 


 


 


“ซ่างซินสุดยอดมาก! ฉันรักคุณ!” 


 


 


“ผมก็รักคุณ!” 


 


 


เสียงกรี๊ดถล่มทลายสร้างบรรยากาศในงานให้ครึกครื้นถึงขีดสุด 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่เห็นว่าอวี๋เยว่หานขยับริมฝีปากบางแล้ว แต่ไม่ได้ยินว่าเขากำลังพูดอะไร 


 


 


ตอนอยากจะถามเขานั้น เธอก็เห็นซ่างซินเดินลงมาจากเวที ช่วงเดินแบบหญิงสาวทำได้ไม่มีที่ติ ทุกคนในงานก็ให้การตอบรับดีมาก แต่บนใบหน้าของนางแบบสาวกลับไม่สู้ดีนัก ของตาแดงก่ำอยู่บ้าง 


 


 


ดูแล้วเหมือนอดกลั้นอะไรบางอย่างอยู่ 


 


 


ซ่างซินอดทนจนงานพรีเซ็นเตอร์จบลงได้อย่างยากลำบาก เธอจึงเสียศูนย์อยู่บ้าง เมื่อลงจากเวทีแล้ว เธอก็ปิดหน้าเดินเข้าห้องพักผ่อนไป 


 


 


“ซ่างซิน…” เหนียนเสี่ยวมู่มองเงาหลังของอีกฝ่าย แต่เมื่อนึกถึงได้ว่าซ่างซินเพิ่งถูกลักพาตัวไป หญิงก็รีบตามไปโดยไม่สนใจอวี๋เยว่หานอีก 


 


 


“…” 


 


 


อวี๋เยว่หานยืนอยู่ที่เดิม ดวงตาสีดำขลับหรี่ตามองเธอจากไป 


 


 


เขาเพิ่งจะเดินไปข้างหน้า โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อก็พลันดังขึ้นมา 


 


 


ชายหนุ่มก้มมอง ก่อนจะพบว่าเป็นสายของถังหยวนซือ จึงขมวดคิ้วพลางรับสาย 


 


 


“ผมดูไลฟ์สดแล้ว งานปล่อยผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าประสบความสำเร็จมากเลยนะ” เสียงแหบพร่าของถังหยวนซือดังออกมาจากในสาย 


 


 


“เรื่องคราวนี้นับว่าคุณติดหนี้น้ำใจผมแล้ว ผมอยากให้คุณช่วยอะไรสักเรื่อง” 


ตอนที่ 205 ทรมานตัวเองสนุกไหม 


 


 


ถังหยวนซือพูดช้ามาก น้ำเสียงดูไม่ปกติอยู่บ้าง 


 


 


อวี๋เยว่หานหยุดฝีเท้าทันที มีความคร่ำเคร่งพาดผ่านสายตาไป 


 


 


“คุณจะให้ผมช่วยยังไง” 


 


 


เขาไม่ได้เพิ่งรู้จักถังหยวนซือแค่ไม่กี่วัน จึงรู้จักนิสัยของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี ถังหยวนซือไม่ใช่คนที่ชอบพูดเรื่องบุญคุณสักเท่าไหร่ 


 


 


แต่อยู่ๆ ถังหยวนซือเอ่ยปากขอให้ช่วย เขาคงต้องหมดความอดทนแล้วแน่ๆ… 


 


 


“อย่าให้ซ่างซินรู้ ว่าผมเป็นคนที่ช่วยเธอไว้วันนี้” เสียงทุ้มต่ำของถังหยวนซือดังมาจากปลายสายอย่างชัดเจน 


 


 


“…” อวี๋เยว่หานขมวดคิ้วเงียบกริบ 


 


 


ในหัวของเขาปรากฏปฏิกิริยาตอนที่ถังหยวนซือได้ยินว่าซ่างซินเกิดเรื่อง 


 


 


ชายหนุ่มร้อนรนใช้อิทธิพลของตัวเองทั้งหมดค้นหาตำแหน่งของซ่างซิน แถมยังไม่มุ่งหน้าไปช่วยนางแบบสาวอย่างไม่สนใจอะไร แล้วคิดจะปิดบังไว้อย่างนั้นเหรอ 


 


 


แถมตอนนี้ยังขอให้อวี๋เยว่หานช่วยปิดบังอีก… 


 


 


อวี๋เยว่หานขมวดิ้วจนเป็นเส้นเดียวกัน น้ำเสียงของเขาคร่ำเคร่งขึ้น พลางพูดถากถางอย่างไม่ยอมทำตาม “ทรมานตัวเองสนุกไหม” 


 


 


“…” 


 


 


คนที่อยู่ในสายเงียบไปหลายวินาที ก่อนจะกล่าวอย่างเย็นชา 


 


 


“พวกเราไม่เหมาะสมกัน ผลลัพธ์แบบนี้ดีต่อพวกเราทั้งคู่” 


 


 


ถังหยวนซือพูดจบแล้ว เขารู้ว่าอวี๋เยว่หานจะไม่ปฏิเสธคำขอของเขา จึงชิงวางสายไปก่อน 


 


 


อีกด้านหนึ่ง 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ตามซ่างซินเข้าไปยังหลังเวที 


 


 


เมื่อเหลือบไปเห็นน้ำตาที่หางตาของนางแบบสาว เธอคิดว่าเกิดเรื่องไม่ดีอะไรขึ้นก่อนที่อีกฝ่ายจะหายตัวเอง จึงรีบร้อนทางห้องพักผ่อน และเตรียมจะเข้าไปข้างใน 


 


 


แต่มือของเธอยังไม่ทันได้จับลูกบิด ผู้จัดการของซ่างซินก็มาห้ามไว้ 


 


 


“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน เธอกำลังไม่สบายใจ ทนมาได้ถึงตอนนี้ไม่ใช้เรื่องง่ายเลย ให้เธอสงบสติอารมณ์สักหน่อยเถอะ” ผู้จัดการกล่าวอย่างมีมารยาท 


 


 


หลังจากได้ยินแบบนั้น เหนียนเสี่ยวมู่ก็รีบจับมือของผู้จัดการเอาไว้ 


 


 


“เธอไม่ได้ถูกใครรังแกใช่ไหมคะ แล้วบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า เธอไม่เป็นไรใช่ไหมคะ” 


 


 


“…” ผู้จัดการอ้าปาก เพิ่งคิดจะพูดอะไรบางอย่าง ก็เห็นอวี๋เยว่หานกำลังเดินมาทางนี้ จึงรีบโค้งด้วยความนอบน้อม 


 


 


“คุณชายหาน” 


 


 


อวี๋เยว่หานกลับไม่ได้มองเธอ แต่มองตรงมาที่เหนียนเสี่ยวมู่ แล้วขยับริมฝีปากบาง “ตามผมมา” 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…”  


 


 


ตอนนี้เธอเป็นห่วงแต่ซ่างซิน อยากจะเข้าไปเยี่ยมเธอในห้องพักผ่อน 


 


 


แต่พอคิดดูแล้ว เมื่อครู่หญิงสาวใช้อวี๋เยว่หานกู้สถานการณ์มาได้ ติดหนี้เขาครั้งใหญ่ คราวนี้ไม่ให้ความสำคัญกับเขาดูเหมือนจะไม่ค่อยดี จึงจำต้องเดินต้วมเตี้ยมตามเขาไป 


 


 


จนกระทั่งเดินมาถึงมุมที่ไม่มีคนตรงหลังเวที 


 


 


อวี๋เยว่หานหยุดฝีเท้า แล้วกลับหลังหันมามองเหนียนเสี่ยวมู่ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม 


 


 


ดูท่าทางเธอจะเห็นซ่างซินเป็นเพื่อนคนหนึ่งจริงๆ 


 


 


“ลืมสิ่งที่ได้ยินมาจากผู้ช่วยในวันนี้ซะ” นัยน์ตาสีดำของอวี๋เยว่หานจ้องมองเธอ เงาร่างสูงส่ง หลังพิงกำแพง สองมือกอดอก น้ำเสียงเรียบนิ่งมาก 


 


 


ราวกับพูดคุยเล่นกันทั่วไป 


 


 


“อะไรนะ” เหนียนเสี่ยวมู่ตะลึงงัน 


 


 


เธองุนงงอยู่หลายวินาที ราวกับไม่เข้าใจความหมายของเขา แล้วถึงจะเงยหน้าขึ้นมองเขา 


 


 


“เรื่องที่ซ่างซินถูกลักพาตัวไปในวันนี้ คนที่หาที่อยู่ของเธอเจอคือผม คนที่บอกให้ผู้จัดการพาบอดีการ์ดไปช่วยเธอก็คือผม ได้ยินชัดหรือยัง” อวี๋เยว่หานปล่อยมือขวาลงมา ก่อนจะใช้นิ้วเรียวยาวเชยคางจิ้มลิ้มของเธอขึ้น แล้วก้มหน้าเข้าไปใกล้เธอ 


 


 


ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่กะพริบตา เธอมองเห็นขนตายาวสีดำของเขาได้ชัดเจน แล้วมันก็สวยกว่าผู้หญิงเสียอีก 


 


 


ลมหายใจอุ่นๆ สัมผัสใบหน้าของเธออย่างแผ่วเบา กลิ่นมินต์จางๆ นำความเผด็จการมาด้วย ล่อลวงสติของคนได้ดีทีเดียว 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 206 ไม่ได้เรื่อง? ไม่มีหัวใจ? 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่จำได้ “คุณพูดมั่วแล้ว ฉันได้ยินผู้ช่วยบอกว่าถังหยวนซือไปช่วยซ่างซินแท้ๆ…” 


 


 


เธอพูดไปได้ครึ่งเดียว แต่อยู่ๆ ก็ดึงสติกลับมาได้ และเบิกตาโพลงด้วยความงุนงง 


 


 


แล้วมองอวี๋เยว่หานอย่างไม่อยากจะเชื่อ 


 


 


ความหมายของคำพูดเมื่อครู่ คืออยากจะให้เธอทำเป็นไม่รู้อะไร และปิดบังซ่างซินอย่างนั้นเหรอ 


 


 


“อวี๋เยว่หาน คุณคงไม่ได้…โอ๊ย!” เหนียนเสี่ยวมู่ยังพูดไม่จบ ก็ถูกเคาะหน้าผากอย่างแรง ทำเอาเธอมองค้อนชายหนุ่มพร้อมๆ กับเอามือกุมหัว 


 


 


“เก็บจินตนาการของคุณไว้ แล้วทำตามที่ผมบอก” 


 


 


“ฉันเป็นคนที่มีหลักการ ถ้าคุณอยากให้ฉันหลอกซ่างซิน ก็ต้องให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลกับฉัน” เหนียนเสี่ยวมู่ยังคงยืนกราน 


 


 


อวี๋เยว่หานจับคางของเธอแน่นขึ้น ก่อนจะจ้องมองเธออยู่หลายวินาที แล้วพูดขึ้นมาว่า “ทำเรื่องดีไม่หวังสิ่งตอบแทนเป็นคุณธรรมที่ตกทอดกันมา คุณอาจจะไม่เข้าใจสินะ” 


 


 


“…” 


 


 


นี่เป็นคำกล่าวเยาะเย้ยเหรอ 


 


 


ไม่เห็นจะตลกเลยสักนิด 


 


 


“นี่เป็นความคิดของถังหยวนซือ” อวี๋เยว่หานเห็นเธอได้รับคำตอบที่น่าพอใจแล้ว แต่ยังไม่ยอมเชื่อฟัง จึงกล่าวขึ้นอย่างเย็นชาอีก 


 


 


“…” 


 


 


เมื่อได้ยินว่าเป็นความคิดของถังหยวนซือ เหนียนเสี่ยวมู่ก็ทำหน้าอึ้งๆ ไปเล็กน้อย 


 


 


เธอกำลังคิดจะถามอะไรบางอย่าง อวี๋เยว่หานก็ปล่อยคางของเธอ แล้วพิงกำแพงอีกครั้ง 


 


 


“ก่อนที่ตระกูลถังจะรับถังหยวนซือไปเลี้ยง เขารักอยู่กับซ่างซิน ทั้งคู่อาจจะเคยผ่านอะไรมาด้วยกัน แต่ถังหยวนซือยอมแพ้แล้ว ถ้าคุณเป็นห่วงเธอจริง ก็โน้มน้าวให้เธอปล่อยวาง ต่างคนต่างอยู่ดีที่สุด แต่มันก็อาจจะไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่” 


 


 


อวี๋เยว่หานพูดจบแล้ว เขาไม่ได้มองดวงหน้าเล็กๆ ที่กำลังอึ้งงันของเหนียนเสี่ยวมู่อีก แต่เดินจากเธอไปทันที 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ขมวดคิ้ว ยืนงุนงงอยู่ที่เดิม 


 


 


คำพูดของอวี๋เยว่หานยังวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ ไม่ยอมหายไปเหมือนคำสาปแช่ง 


 


 


จนกระทั่งผู้จัดการมาเรียกให้เธอไปเยี่ยมซ่างซินที่ห้องพักผ่อน เธอถึงจะดึงสติกลับมาได้ 


 


 


“คุณเป็นยังไงบ้างคะ” เหนียนเสี่ยวมู่ถามด้วยความร้อนใจ 


 


 


ซ่างซินนั่งอยู่บนโซฟา ในอกกอดหมอนเอาไว้ใบหนึ่ง ร้องไห้จนดวงตาบวมปูดไปหมดแล้ว 


 


 


เมื่อได้ยินคำถามที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของเหนียนเสี่ยวมู่ นางแบบสาวกโยนหมอนทิ้ง และโผเข้าไปในอ้อมอกของเธอ 


 


 


เสียงร้องไห้อันอัดอั้นทำให้เหนียนเสี่ยวมู่เจ็บปวดขึ้นเรื่อยๆ 


 


 


“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร” เหนียนเสี่ยวมู่พูดปลอบใจพลางกอดอีกฝ่ายเอาไว้แน่น 


 


 


“เขาไม่มา เขาจะไม่มาหาฉันอีกแล้ว…เสี่ยวมู่มู่ เขาเคยบอกว่าจะคอยปกป้องฉันอยู่ตลอด ทำไมเขาไม่ทำตามที่พูดล่ะ” ซ่างซินเงยหน้าขึ้นมาจากอ้อมอกของเธอ แล้วถามเธออย่างไม่เข้าใจ ราวกับเด็กที่ถูกทิ้ง 


 


 


ไม่ได้เรื่อง? 


 


 


ไม่มีหัวใจ? 


 


 


ถ้าได้เห็นซ่างซินร้องห่มร้องไห้แบบนี้ก่อนจะได้คุยกับอวี๋เยว่หาน เธออาจะคิดว่าถังหยวนซือไม่ควรค่าให้ซ่างซินทุ่มเทให้ขนาดนี้ก็ได้ 


 


 


แต่ตอนนี้เธอแน่ใจดีแล้ว ถังหยวนซือไม่ได้เป็นอย่างที่ซ่างซินคิด เขาเป็นห่วงซ่างซินอยู่เสมอ 


 


 


ไม่อย่างนั้นจะรีบร้อนไปช่วยซ่างซิน ตั้งแต่ได้ยินว่าเกิดเรื่องกับเธอเหรอ 


 


 


หลังจากแน่ใจแล้วว่าเธอปลอดภัย เขาถึงจากไปเงียบๆ 


 


 


แม้กระทั่งไม่อยากให้ซ่างซินรู้ว่าเขาไปปรากฏตัวอยู่ที่นั่นด้วย… 


 


 


การกระทำที่ระแวดระวังแบบนี้ กลับทำให้เหนียนเสี่ยวมู่รู้สึกว่า ความจริงแล้วเขาใส่ใจซ่างซินมาก เพียงแต่คอยปกป้องเธออยู่เงียบๆ เท่านั้นเอง 


 


 


และไม่อยากให้เธอคิดอะไร ถึงได้อดทน ไม่ยอมปรากฏตัวให้เธอเห็น 


 


 


“ซ่างซิน สิ่งที่คุณเห็น อาจจะไม่ใช่ความจริงทุกอย่างก็ได้นะ ถ้าคุณชอบใครสักคนจริงๆ ก็อย่ายอมแพ้ง่ายๆ สิ” เหนียนเสี่ยวมู่ดึงกระดาษทิชชู่มาเช็ดน้ำตาให้เธอ พลางพูดให้กำลังใจเสียงเบา 


 


 


เมื่อได้ยินดังนั้น ซ่างซินก็กะพริบตาด้วยความประหลาดใจอยู่บ้าง 


 


 


“หมายความว่ายังไงคะ” 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม