เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก 195-201

ตอนที่ 195 โกรธแล้ว

 

เฉินเยี่ยนซื้อเสื้อเนื้อผ้าดีมาสามชุด ชุดหนึ่งให้หลัวเหมย กางเกงขากระดิ่งสองตัว รองเท้าหนังสามคู่ แล้วยังมีเสื้อไหมพรม นอกจากนั้นเฉินเยี่ยนยังซื้อให้เฉินจง หวางนิวและเฉินหู่ด้วย ส่วนเฉินเวย เธอไม่สนใจ 


 


 


เธอซื้อมาแล้ว เงินกับตั๋วไม่มีขาด 


 


 


หลิวอี้ที่อยู่ข้างหลังอึ้งจนพูดไม่ออก จนตอนที่หวางฮุ่ยเรียกให้เขาซื้อรองเท้าหนังตามเฉินเยี่ยน เขาล้วงกระเป๋า ยิ้มแหะๆ เขาไม่มีเงินแล้ว 


 


 


หวางฮุ่ยโมโห แต่ก็ไม่สามารถให้เฉินเยี่ยนดูถูกได้ ดังนั้นตัวเองเลยควักเงินออกจากกระเป๋าตัวเองซื้อรองเท้าหนัง 


 


 


“คุณจะแต่งงานหรือ?” 


 


 


หลิวอี้ไม่สนใจหวางฮุ่ยที่ประชดตัวเองอยู่ แต่มองไปที่เฉินเยี่ยน สายตาเขาสับสนมาก เขารู้จักฐานะบ้านเฉินดี ต้องไม่มีเงินมากแบบนี้แน่นอน แล้วเฉินเยี่ยนใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายขนาดนี้ ซื้อของเยอะขนาดนี้ เงินที่ใช้ต้องไม่ใช่ของเธอแน่ ต้องขอผู้ชายมาแน่นอน ขอเงินผู้ชายได้นี่ เฉินเยี่ยนต้องจะแต่งงานกับผู้ชายคนนั้นแล้ว 


 


 


อันที่จริงที่หลิวอี้คิดแบบนี้ เป็นเพราะเขายังตัดใจไม่ได้ ถึงแม้ตอนนี้เขาจะมีคู่หมั้นแล้ว จะแต่งงานกันแล้ว แต่ในใจเขาเฉินเยี่ยนยังคนเป็นผู้หญิงที่เขาอยากแต่งงานด้วยมากที่สุด เขาคิดว่าเฉินเยี่ยนทิ้งเขา จะต้องเสียใจแน่ ไม่สามารถหาคนที่ดีกว่าเขาได้ 


 


 


วันนี้เห็นเฉินเยี่ยนสามารถซื้อจักรยานได้สองคันเลย ใช้เงินฟุ้งเฟ้อขนาดนี้ แม้แต่ตายังไม่กะพริบเลย ดูแล้วผู้ชายคนนั้นต้องมีเงินมากแน่ และดีกับเฉินเยี่ยนมากด้วย ไม่อย่างนั้นคงไม่ให้เงินเฉินเยี่ยนมาใช้มากมายขนาดนี้ 


 


 


ทันใดนั้นหลิวอี้ทั้งโกรธทั้งอิจฉา ในใจไม่เป็นสุข 


 


 


เฉินเยี่ยนมองหลิวด้วยความสงสัยเล็กน้อย ตัวเองจะแต่งงานหรือไม่เกี่ยวอะไรกับเขา! 


 


 


“ใช่แล้ว จะแต่งงานแล้ว ทำไม? คุณมีอะไร?” 


 


 


 


 


 


เฉินเยี่ยนตอบกลับ หวังจะให้อีกฝ่ายได้ยินแล้วรีบไป 


 


 


“ครั้งที่แล้วเจอคุณ คุณยังอยู่กับเด็กไม่มีงานอยู่เลย ตอนนี้จะแต่งงานแล้ว ใช้เงินขนาดนี้ กลัวว่าจะหาคนแก่ล่ะสิ? ทำไมเขาไม่มากับคุณล่ะ ไม่กล้าเจอคนอื่นหรือไง? จริงๆ เลย เป็นผู้หญิงดีๆ ทำไมต้องทำเรื่องต่ำทราม ผมนี่อายแทนพ่อแม่คุณจริงๆ ! 


 


 


หลิวอี้พูดจบก็ถุยน้ำลาย เหมือนทำแบบนี้แล้วสามารถระบายความโกรธในใจเขาได้ 


 


 


ครั้งนี้เฉินเยี่ยนโกรธจริงแล้ว ไม่พูดอะไรตบหน้าหลิวอี้ไปหนึ่งฉาดอย่างรวดเร็ว เสียงดังทำคนตกใจ 


 


 


“เธอ…” 


 


 


หลิวอี้กำหมัด วันนี้ซวยจริงๆ เมื่อกี้เพิ่งโดนหวางฮุ่ยตบไปหนึ่งฉาด ตอนนี้โดนเฉินเยี่ยนตบอีกหนึ่งฉาด เขาจะเอาคืนกับใคร! เขาคิดจะตบเฉินเยี่ยนกลับ แต่เห็นสายตาเยือกเย็นของเฉินเยี่ยน เหมือนสิงโตที่กำลังโกรธอยู่ เขาเลยลังเล ไม่กล้าลงมือ 


 


 


หวางฮุ่ยก็ตกใจ คิดไม่ถึงว่าเฉินเยี่ยนจะกล้าตบคน แต่ยังไม่ทันที่เธอจะทำอะไร ก็ได้ยินเฉินเยี่ยนพูด “หลิวอี้ ฉันไม่เคยคิดอยากจะรู้จักคุณเลย เพราะพวกเราไม่ใช่คนประเภทเดียวกัน แต่คุณเหยียดหยามตัวเองนั้นไม่เป็นไร แต่อย่ามาเหยียดหยามคนอื่น แฟนฉันไม่ได้แก่จนไม่กล้าเจอใคร เขาก็ไม่ใช่คนเร่ร่อนไม่มีงานทำด้วย ครั้งนั้นคุณก็เห็นแล้ว เขาหล่อมาก แต่เขาเป็นคนมีงานมีการทำ ดีกว่าคุณพันเท่า อีกอย่างเงินที่ฉันใช้เป็นเงินที่ฉันหามาได้เอง สะอาดบริสุทธิ์ ไม่ใช่ไปทำเรื่องไม่ดีมา พ่อแม่ฉันก็ไม่จำเป็นต้องขายหน้า อย่ามาใช้ความคิดสกปรกมาคิดเรื่องคนอื่น! อีกอย่าง ถึงแม้ฉันจะใช้เงินแฟนฉัน คุณก็ไม่มีสิทธิ์มาว่า ผู้หญิงแต่งงานต้องพึ่งพาสามี ผู้หญิงแต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่ง ผู้ชายมีหน้าที่รับผิดชอบเลี้ยงครอบครัว เขาไม่มีความสามารถทำให้ผู้หญิงมีชีวิตที่ดี ให้ผู้หญิงมีความสุข นั่นเป็นผู้ชายอะไร!” 


 


 


เฉินเยี่ยนพูดจบก็มองหลิวอี้อย่างดูถูก แล้วเหลือบมองหวางฮุ่ย ตั้งแต่เจอกัน สองคนนี้เอาแต่ดูถูกเธอ เธอไม่เข้าใจเลย สองคนนี้มีอะไรที่มาดูถูกเธอ 


 


 


หน้าหลิวอี้จากขาวเปลี่ยนเป็นแดง จากแดงเปลี่ยนเป็นดำ ดำแล้วเปลี่ยนเป็นแดงอีก น่าเกลียดมาก 


 


 


หวางฮุ่ยได้ยินคำพูดเฉินเยี่ยนก็โกรธก่อน แต่คิดว่าที่เฉินเยี่ยนพูดมีเหตุผล แต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่ง เขาควรจะให้ตัวเองมีชีวิตที่ดี เธอมองหลิวอี้ หลิวอี้ขี้เหนียวกับเธอ ไม่มีปัญญาซื้อจักรยานให้ ให้เขาซื้อของเขาก็ไม่มีเงิน เธอยังสู้ผู้หญิงบ้านนอกคนหนึ่งไม่ได้เลย? 


 


 


“ไม่ได้เรื่อง! แม้แต่เสื้อผ้าคุณยังเทียบไม่ได้เลย พวกเราไม่ต้องคบกันแล้ว เลิกไปเลย” 


 


 


หวางฮุ่ยต่อว่า ที่จริงเธอโกรธ คนแบบเฉินเยี่ยนที่จะใช้เงินมือเติบจะมีสักกี่คน? คนงานตอนนี้เงินเดือนหนึ่งแค่สิบยี่สิบเหรียญเอง ต้องเก็บเงินนานเลยกว่าจะซื้อจักรยานได้ หวางฮุ่ยร้องขอหลิวอี้แบบนี้ ก็เกินไปหน่อย 


 


 


“เสี่ยวฮุ่ย คุณอย่าไปฟังเธอพูด เธอหลอกคุณอยู่ ฐานะที่บ้านเธอเป็นยังไงผมรู้ เธอไม่ได้มีเงินมากขนาดนี้” 


 


 


หลิวอี้รีบอธิบาย 


 


 


“เธอไม่ได้มีเงินมาก งั้นต้องเป็นแฟนเธอให้เงินเธอมา คุณดูคุณสิ ให้อะไรฉันบ้าง? แม้แต่รองเท้าหนังยังไม่มีปัญญาซื้อเลย ฉันจะอยู่กับคุณทำไม” 


 


 


หวางฮุ่ยยิ่งต่อว่า 


 


 


หลิวอี้พูดไม่ออกแล้ว 


 


 


เฉินเยี่ยนไม่สนใจพวกเขาแล้ว วันนี้ถือว่าเจอคนโรคจิตคู่หนึ่ง คิดไม่ถึงว่าหลิวอี้จะหาผู้หญิงแบบนี้ แต่ก็ดี คนไม่มีวาสนาต่อกันก็คงไม่ได้เจอกัน ให้พวกเขาสองคนทรมานกันไปเถอะ 


 


 


เฉินเยี่ยนไปแล้ว พวกคนที่มามุงดูต่างวิพากษ์วิจารณ์กัน เฉินเยี่ยนไม่สนใจพวกเขาจะพูดอะไรกัน เอาของที่เธอซื้อใส่ที่เบาะหลังแล้วมัดให้ดี 


 


 


แต่มองดูรถจักรยานคันใหม่สองคัน เฉินเยี่ยนลำบากใจ คันหนึ่งยังพอไหว สองคันเธอจะขี่กลับยังไง 


 


 


“ก็ขี่คันหนึ่งทิ้งอีกคันสิ ฉันว่าเธอทิ้งเถอะ ทำไมไม่ทิ้งล่ะ! มีอยู่คนเดียวฉันจะดูว่าเธอจะเอาจักรยานสองคันกลับยังไง” 


 


 


หวางฮุ่ยตามเฉินเยี่ยนมาที่หน้าร้าน ด้านหลังมีหลิวอี้ตามมา สายตาที่หลิวอี้มองเฉินเยี่ยนดูสับสน เขากำลังคิดถึงคำพูดเฉินเยี่ยนก่อนหน้านี้ เฉินเยี่ยนบอกว่าเงินที่เธอใช้เป็นเงินที่ตัวเองหามา เขาคิดว่าเฉินเยี่ยนไม่ได้โกหก ถ้าผู้ชายให้เธอมาจริง ผู้ชายคนนั้นก็โง่เกินไปแล้ว ใครมีเงินแล้วไม่ใช้เอง 


 


 


แต่ตอนนั้นบ้านเฉินลำบากมาก บ้านก็พุพัง อาหารการกินก็ธรรมดา อาหาร…อาหาร อยู่ๆ หลิวอี้ก็นึกถึงตอนที่เขาไปบ้านเฉิน ทุกครั้งบ้านเฉินให้เขากินไม่แย่เลย เป็นแป้งขาว ดูแลให้เขากินจนอิ่ม แล้วยังให้เขาเอาผักดอง กิมจิกลับไปด้วย ที่บ้านบอกว่าอร่อย ตอนนั้นเขาคิดว่าของพวกนี้เอากลับไปที่บ้าน ให้แม่เอาไปขาย อย่างน้อยก็ได้เงินมาบ้าง แบบนี้ที่บ้านจะได้สบายขึ้นมาหน่อย 


 


 


ถึงแม้ว่าแต่งงานกับคนในหมู่บ้านเกษตรกรคนอื่นจะว่าเขาไม่มีความสามารถ แต่ภรรยาสวย หมู่บ้านก็มีพื้นที่ แบบนี้พวกเขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องข้าวสารและอาหาร ได้ประโยชน์หลายอย่างเลย เฉินเยี่ยนฐานะด้อยกว่าเขา ต้องปรนนิบัติเขาทั้งชีวิต ตอนนั้นเขาคิดแบบนี้ หรือว่าบ้านเฉินขายผักจนร่ำรวย? 


 


 


แต่ก็เป็นไปไม่ได้ ขายแค่ผักจะหาเงินได้เท่าไรกัน เขาไม่เชื่อ! ไม่ได้ เขาต้องไปสืบให้รู้เรื่องว่าเฉินเยี่ยนมีเงินได้ยังไง 


 


 


ส่วนสืบรู้เรื่องแล้วจะทำยังไงต่อ หลิวอี้ยังไม่ได้คิด 


 


 


“มองอะไร คนไปแล้ว สายตาคุณยังมองตามคนอื่นไปอีก แล้วยังบอกว่าไม่ได้ชอบ เธอไม่ได้ชอบคุณมากกว่าน่ะสิ” 


 


 


หวางฮุ่ยเห็นหลิวอี้มองตามเฉินเยี่ยนไปตลอด ไม่สนใจที่เธอพูด เธอโกรธมาก พูดจบก็กระทืบเท้าเดินออกไปเลย เธอคิดว่าหลิวอี้จะรีบตามมาง้อเธอ เพราะเมื่อก่อนเป็นแบบนี้ทุกครั้ง ทุกครั้งที่เธอโกรธ หลิวอี้จะมาง้อเธอ แต่ครั้งนี้เปล่าเลย หลิวอี้ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ 


 


 


หวางฮุ่ยโกรธจนตัวสั่น เธอหันกลับมาอีกครั้ง ถีบเท้าหลิวอี้ไปหนึ่งที แล้วกลับหลังหันวิ่งไป 


 


 


หลิวอี้มองทางที่เฉินเยี่ยนหายไป แล้วมองหวางฮุ่ยทิ่วิ่งออกไป ในใจหงุดหงิด ทำไมเขาถึงตกมาอยู่ในสภาพนี้ เขาเป็นผู้ชายนะ! 


 


 


หลิวอี้กำหมัดแน่น เขาจะต้องโดดเด่น ใครที่ดูถูกเขาจะต้องเสียใจ!  

 

 


ตอนที่ 196 ตกลง

 

เฉินเยี่ยนไม่รู้ว่าหลิวอี้และหวางฮุ่ยเป็นอย่างไร และเธอก็ไม่อยากรู้ด้วย เดิมทีก็เป็นคนแปลกหน้า ถ้าวันนี้ไม่บังเอิญเจอ เธออยากจะลืมคนชื่อหลิวอี้คนนี้ไปเลย 


 


 


ตอนนี้เฉินเยี่ยนขี่มาถึงถนนใหญ่แล้ว เธอใช้มือหนึ่งจับที่บังคับจักรยาน อีกมือหนึ่งประคองจักรยานอีกคัน เธอขี่หนึ่งคัน จูงอีกหนึ่งคัน แบบนี้เธอสามารถเอาจักรยานสองคันกลับไปได้ 


 


 


เฉินเยี่ยนหยุดแวะหลายครั้ง เธอไม่อยาก แต่เธอทำอะไรไม่ได้ แบบนี้เหนื่อยมาก เธอขี่ไปสักพักแล้วหยุดพัก แต่ก็สามารถขี่รถกลับไปอย่างปลอดภัย ส่วนถนนไม่ดีจนเกือบจะล้มหลายครั้ง เรื่องนี้เธอไม่บอกคนอื่น 


 


 


หวางนิวเห็นเฉินเยี่ยนซื้อจักรยานกลับมาสองคันก็ตกใจ เธอคิดว่าเฉินเยี่ยนซื้อให้เฉินเวยหนึ่งคัน ปรากฏได้ยินเฉินเยี่ยนบอกว่าจะให้หวางจวนเป็นของขวัญแต่งงาน หวางนิวอ้าปากพูดอะไรไม่ออก 


 


 


เธอพูดได้หรือ? 


 


 


เห็นได้ชัดว่าลูกสาวคนโตและลูกสาวคนเล็กไม่ลงรอยกัน หวางจวนกับลูกสาวคนโตค่อยดีกันหน่อย อีกอย่างหวางจวนเริ่มช่วยบ้านเฉินทำกับข้าว ห่อบุหรี่ ไม่เคยได้เงินมาก่อน ตอนนี้เธอจะแต่งงานแล้ว เฉินเยี่ยนให้จักรยานเธอก็ถือว่าเหมาะสม 


 


 


เห็นเฉินเยี่ยนซื้อเสื้อผ้ามา หวางนิวไม่ได้ว่าอะไร แต่เฉินเยี่ยนคิดถึงทุกคน ยกเว้นเฉินเวย 


 


 


หวางนิวเสียใจมาก เธอคิดมาตลอดว่าลูกสาวคนโตและลูกสาวคนเล็กจะดีกัน แต่ลูกสาวทั้งสองคนกลับยิ่งแตกแยก เธอไม่โทษลูกสาวคนโต ลูกสาวคนโตไม่ได้ไม่มีน้ำใจ เธอดีกับครอบครัวมาก ยังคิดถึงสะใภ้คนใหม่ด้วย ทำไมถึงไม่ให้เฉินเวย? เป็นเพราะว่าเฉินเวยทำไม่ดีกับเธอก่อน 


 


 


ที่เฉินเยี่ยนปฏิบัติต่อเธอ ต่อเฉินจง ต่อเฉินหู่นั้นไม่มีอะไรต้องพูด ทั้งหมู่บ้านเธอก็หาคนที่ดีอย่างนี้ไม่ได้แล้ว เธอมีความสุข ได้กินของดี เฉินเยี่ยนทำเสื้อผ้าใหม่ให้เธอตลอด พูดออกไปใครไม่อิจฉาเธอบ้าง แต่ว่าเฉินเยี่ยนและเฉินเวยสองคนนี้กลับเป็นปมในใจเธอ 


 


 


“เยี่ยนจื่อ แม่อยากจะหาคู่ในเสี่ยวเวย รอเธอออกเรือนแล้ว ลูกก็ซื้อจักรยานให้เธอคันหนึ่งดีไหม?” 


 


 


หวางนิวปรึกษากับลูกสาวเสียงเบา สายตาวิงวอน 


 


 


เฉินเยี่ยนไม่พูดอะไร เธอเข้าใจความหมายหวางนิว 


 


 


“เยี่ยนจื่อ แม่รู้ว่าเสี่ยวเวยทำไม่ถูก เสี่ยวเวยก็ไม่ได้เชื่อฟังเหมือนตอนเด็กแล้ว แต่แม่คลอดลูกสองคนออกมา แม่คิด ถึงเสี่ยวเวยจะไม่ดียังไง เธอก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น พวกลูกเป็นพี่น้องกัน เป็นลูกที่คลอดออกมาจากท้อง ลูกทำดีกับเธอ เธอก็จะค่อยๆ ทำตัวดีขึ้น ลูกเป็นพี่สาว เห็นแก่หน้าแม่หน่อย ดูและเสี่ยวเวยบ้างได้ไหม?” 


 


 


หวางนิวหวังเช่นนี้จริงๆ หวังจะให้ลูกสาวทั้งสองคนดีกัน 


 


 


น่าสงสารจิตใจพ่อแม่ เฉินเวยเป็นลูกสาวของหวางนิวจริงๆ เธอไม่สามารถคิดแทนเฉินเวยได้ 


 


 


“รอถึงตอนนั้นค่อยว่ากันเถอะค่ะ และก็ไม่รู้ว่าเธอจะอยากได้หรือเปล่านะ” 


 


 


เฉินเยี่ยนทนทำร้ายจิตใจหวางนิวไม่ได้ เธอต้องแต่งออกก่อนเฉินเวยแน่นอน เธอแต่งงานกับซินห้าว ถ้าเฉินเวยยอมแต่งงานดีๆ เธอก็จะให้จักรยานคันหนึ่งกับเฉินเวยไม่ใช่ปัญหาอะไร เฉินเวยออกจากบ้านเฉินไป ให้เธอไปเป็นสะใภ้บ้านอื่น ทางที่ดีแต่งกับอวี๋เหวยหมินไปทะเลาะกันให้หนำใจเลย บ้านเฉินจะได้เบาลงได้บ้าง  


 


 


“ของมีค่า ของมีค่า เธอจะต้องเห็นค่าแน่นอน เยี่ยนจื่อแม่ดีที่สุดเลย เยี่ยนจื่อรู้เรื่อง” 


 


 


หวางนิวยิ้มกว้าง 


 


 


เฉินเยี่ยนแอบส่ายหน้ากับตัวเอง อีกหน่อยถ้าเธอมีลูกจะต้องสั่งสอนให้ดี ไม่อย่างนั้นลูกนิสัยไม่ดี เธอจะต้องเสียใจมากแน่  


 


 


ตอนเย็นหวางจวนกลับมาเห็นจักรยานก็ปลื้มมาก เธอคิดว่าตอนนี้เธอมีความสุขเหลือเกิน ชีวิตแบบนี้ เป็นชีวิตที่สมัยก่อนเธอยังไม่กล้าคิดเลย 


 


 


เฉินหู่เห็นจักรยานของเฉินเยี่ยนก็ชอบมาก เพราะจักรยานผู้หญิงไม่ใหญ่มาก เป็นเฟรมเอียง เขาขี่ไม่เหนื่อยมาก เฉินเยี่ยนตอบตกลงเขา ทุกวันหลังเลิกเรียนให้เขาขี่ออกไปเที่ยวเล่นได้ เขาดีใจมาก สวมเสื้อผ้าใหม่ที่เฉินเยี่ยนซื้อ จูงจักรยานเฉินเยี่ยนออกไปอวด 


 


 


หลัวเหมยก็ได้เสื้อผ้าและรองเท้าใหม่ที่เฉินเยี่ยนซื้อให้ นัยน์ตาเธอแดง ไม่ใช่เพราะของ แต่เพราะหมายความว่าเฉินเยี่ยนยอมรับเธอแล้ว 


 


 


เธอไม่ร้องขออะไรมากมาย เธอต้องการแค่ในครอบครัวอยู่กันอย่างมีความสุข ชีวิตตอนนี้คือชีวิตในฝันเธอ 


 


 


เฉินเวยมองแต่ละคนที่ได้เสื้อผ้าใหม่ เธอยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยว เล็บจิกเข้าไปในเนื้อแล้ว เฉินเยี่ยนกำลังเหยียดหยามเธอ เฉินเยี่ยนจงใจกันเธอออกไปข้างนอก ให้คนบ้านเฉินทำกับเธอ เป็นแบบนี้ต่อไป เธอจะยังมีที่ยืนอยู่ในบ้านเฉินไหม! 


 


 


“เสี่ยวเวย พี่สาวลูกบอกแล้ว รอลูกแต่งงานจะซื้อจักรยานให้ลูกคันหนึ่ง ในใจพี่สาวยังคิดถึงลูกอยู่นะ วันนี้ที่พี่ไม่ได้ซื้อของให้ลูก เพราะเงินเธอเอาไปไม่พอ ลูกอย่าคิดมาก” 


 


 


หวางนิวเห็นลูกสาวเสียใจ เลยรีบพูดปลอบ 


 


 


“หนูรู้ค่ะ หนูรู้ว่าในใจพี่ยังคิดถึงหนูอยู่ ไม่ได้จงใจไม่ซื้อให้หนู แม่ หนูไม่ได้คิดมากค่ะ” 


 


 


เฉินเวยกัดฟันกลืนคำพูดลงท้อง ฝืนฉีกยิ้ม เธอโวยวายไม่ได้ แบบนั้นเธอจะดูไม่มีเหตุผล เธอต้องแกล้งทำน่าสงสาร แกล้งทำเป็นเข้าใจ 


 


 


เฉินเยี่ยนทำเป็นไม่เห็น และไม่ได้พูดอะไร 


 


 


“พวกลูกสองพี่น้องค่อยเป็นค่อยไป มีที่ไหน แค้นกันชั่วข้ามคืน แม่คลอดพวกลูกมา อีกหน่อยก็หวังพึ่งพวกลูกนี่ล่ะ” 


 


 


หวางนิวเห็นลูกสาวเข้าใจก็ชื่นใจ 


 


 


เฉินกุ้ยพยักหน้า เฉินหู่ไม่ได้พูดอะไร เฉินเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไร ความหวังของพ่อแม่คิดว่าชาตินี้คงไม่มีวันเป็นจริงแล้ว 


 


 


เวลาผ่านไป เฉินเยี่ยนนอกจากจะยุ่งเรื่องโรงงานม้วนบุหรี่ทุกวันแล้ว ยังช่วยหวางนิวทำผ้าห่มให้หวงจวน 


 


 


หวางนิวทำดีกับหวางจวน ผ้าห่มทักจากใยฝ้ายทั้งผืน ผืนหนึ่งหนักมาก เฉินเยี่ยนเห็นก็หนักแล้ว แต่สมัยนี้ไม่มีฮีทเตอร์ ถ้าผ้าห่มไม่หนา ฤดูหนาวก็จะหนาวตาย 


 


 


ระหว่างนั้นเจ้าอ้วนไปๆ มาๆ คนทั้งหมู่บ้านต่างรู้กันหมดแล้วว่ามีคนมาสู่ขอหวางจวน อีกทั้งฝั่งบ้านเฉินก็ตกลงแล้ว กำหนดไว้วันที่สองเดือนห้า ทั้งหมู่บ้านต่างวิจารณ์เรื่องนี้กันขึ้นมา 


 


 


มีหลายคนพูดกันคิดไม่ถึงว่าหวางจวนจะยังแต่งออก และยังมีอีกหลายคนที่นินทา ยังมีคนเอาไปบอกถึงฝั่งบ้านหวาง บอกว่าลูกสาวพวกเขาทำไมถึงแต่งบ้านคนอื่น นี่เป็นเรื่องตลก 


 


 


คนบ้านหวางมาโวยวายหนัก อันที่จริงพวกเขาไม่สนใจว่าหวางจวนจะแต่งงานกับใคร พวกเขาต้องการสินสอดพวกเขาคิดจะให้หวางจวนแต่งงานที่บ้านหวาง แบบนี้เงินของขวัญแต่งงานจะได้กลับไปที่พวกเขา 


 


 


หวางจวนกลับบ้านหวางไปหนึ่งรอบ เธอเอาเงินเดือนเธอให้แม่ บอกว่าที่บ้านเคยเลี้ยงดูเธอ ตอนนี้เธอจะแต่งงานแล้ว เงินเดือนนี้ถือว่าคืนหนี้บุคุณของครอบครัวแล้ว ถือเป็นครั้งสุดท้าย อีกหน่อยเธอก็คือเจ้าสาวของเจ้าอ้วนแล้ว เธอจะอยู่กับเจ้าอ้วนอย่างสงบสุข เธอจะไม่มายุ่งกับบ้านพ่อแม่อีก ถ้าบ้านพ่อแม่มาโวยวายอีก เจ้าอ้วนจะไม่เกรงใจพวกเขาแล้ว 


 


 


เธอพูดชัดเจนมาก อีกหน่อยเธอจะถือว่าบ้านเฉินเป็นบ้านพ่อแม่ เฉินเยี่ยนและเฉินหู่เป็นพี่น้องกับเธอ เธอจะกตัญญูต่อเฉินจงและหวางนิว เธอนับถือเฉินจงและหวางนิวเป็นพ่อแม่บุญธรรม 


 


 


ถึงแม้ครอบครัวหวางจะอึดอัดเล็กน้อย แต่หวางจวนให้เงินไม่น้อย อีกทั้งพวกเขาเห็นท่าทียืนหยัดของหวางจวน เห็นได้ชัดว่าตัดสินใจแล้ว แล้วยังมีเจ้าอ้วนนั่นอีก นั่นเป็นนักเลง ดังนั้นครอบครัวหวางเลยทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่ยอมรับ  

 

 


ตอนที่ 197 แต่งงาน

 

วันเวลาผ่านไป ปลายเดือนสี่มาถึงเร็วมาก อีกไม่กี่วันหวางจวนจะแต่งงานแล้ว ฝั่งเจ้าอ้วนและซินห้าวเตรียมของเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่รอวันแต่งงาน 


 


 


หวางจวนยิ่งใกล้ถึงวันงานก้ยื่งตื่นเต้น เฉินเยี่ยนบอกว่าให้เธออยู่บ้านพักผ่อนหลายวัน เธอไม่ยอม เพราะช่วงนี้ที่โรงงานรับออร์เดอร์มาหลายล็อต คนอื่นยุ่งอย่างกับอะไรดี ถ้าเธอหยุดพักผ่อนก็ยิ่งจะยุ่งกันใหญ่ 


 


 


เฉินเยี่ยนก็รู้สถานการณ์ รับคนงานมาแล้วอีกครั้ง แต่ลูกค้าที่สั่งบุหรี่เยอะมาก ดังนั้นทุกวันเลยยุ่งมาก 


 


 


เฉินจงบอกว่าสามารถรับคนงานมาได้อีก เฉินเยี่ยนไม่ยอม เพราะโรงงานพวกเขาเล็กเกินไป รับสมัครคนมาเยอะ ถ้าอีกหน่อยขายไม่ดี ก็จะเกิดปัญหา ถึงแม้ว่าตอนนี้ธุรกิจจะดี แต่ไม่มีใครรับประกันได้ว่าอีกหน่อยธุรกิจก็จะดีเหมือนเดิม เฉินเยี่ยนคิดว่าเผื่อให้ปลอดภัยไว้หน่อยดีกว่า 


 


 


อันที่จริงที่เฉินเยี่ยนต้องการเผื่อไว้ ยังมีอีกหนึ่งสาเหตุ นั่นคือหลายวันก่อนมีคนมาจากคอมมูน บอกว่าจะมาตรวจสอบ แต่ตอนที่เขาไปเขาเอาบุหรี่ไปด้วยหนึ่งลัง 


 


 


ตอนแรกเฉินเยี่ยนไม่อนุญาต แต่บัญชีอนุญาต บอกว่าเดิมทีโรงงานนี้ก็เปิดในนามคอมมูนอยู่แล้ว เป็นของคอมมูน แบบนี้อะไรที่คนของคอมมูนถือ ก็ถือเป็นของเขา เอาไปได้ แล้วไม่ต้องเก็บเงินด้วย 


 


 


เฉินจงก็เห็นด้วย เฉินเยี่ยนทำอะไรไม่ได้ ยอมให้เขาไป 


 


 


โรงงานไม่ใช่ของส่วนบุคคล เฉินเยี่ยนไม่มีอำนาจขนาดนั้น ทุกอย่างต้องฟังความเห็นจากคอมมูน เฉินเยี่ยนรู้ นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น ต่อไปต้องมีคนจากคอมมูนมามากขึ้นแน่นอน มาทั้งกินและรับ สถานการณ์แบบนี้เธอขัดขืนไม่ได้ นี่เป็นเหตุผลที่เธอไม่อยากรับซื้อโรงงาน เธออยากทำคนเดียว เพราะแบบนี้ไม่ช้าก็เร็วจะทำให้โรงงานบุหรี่ยกเลิกได้ แต่เธอกลับทำอะไรไม่ได้ เพราะยุคนี้เป็นแบบนี้ 


 


 


มาถึงวันที่หนึ่งเดือนห้า เฉินเยี่ยนไม่ได้ไปโรงงานแล้ว เธออยู่บ้านช่วยหวางจวนเตรียมตัว คิดว่าพรุ่งนี้หวางจวนจะแต่งงานแล้ว เฉินเยี่ยนยังรู้สึกเสียดายในใจ 


 


 


เวลาปกติยังไม่รู้สึก แต่ยิ่งใกล้วันเข้ามา เธอยังรู้สึกเสียดาย ถึงแม้ว่าหลังหวางจวนแต่งงานจะยังไปทำงานที่โรงงาน แต่เลิกงานเธอไม่กลับมาแล้ว ในบ้านหายไปหนึ่งคน ความครื้นเครงก็หายไปส่วนหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นในบ้านเฉิน ในหมู่บ้าน เธอไม่มีเพื่อนผู้หญิงเลย ไม่ค่อยพูดคุยกับผู้หญิงคนอื่น เธอถือว่าหวางจวนเป็นพี่น้อง หวางจวนแต่งงานออกไป เหลือแค่เฉินเวย ส่วนเฉินเวยเธอไม่อยากให้เฉินเวยอยู่เลยจริงๆ ถ้าเปลี่ยนเป็นเฉินเวยแต่งออกไปก็ดี 


 


 


วันนี้เฉินเยี่ยนและหวางนิวยุ่งกันมาก มีคนในหมู่บ้านไม่น้อยมาร่วมงานให้ของขวัญหวางจวน หวางนิวเก้บของขวัญและเงินไว้แล้ว จากนั้นให้เฉินหู่จดไว้ว่าใครให้อะไร อีกหน่อยต้องคืนเขา แต่ของขวัญและเงินหวางนิวเอาให้หวางจวนทั้งหมด 


 


 


หวางจวนไม่ต้องการ หวางจวนก็ยัดเยียดให้เธอ บอกว่าอีกหน่อยเธอและเจ้าอ้วนสองคนใช้ชีวิตด้วยกัน ไม่มีผู้อาวุโส ก็ไม่ง่ายเลย เวลามีเรื่องอะไรให้เธอกลับมา ที่บ้านจะช่วยเหลือพวกเขา 


 


 


เฉินเยี่ยนเห็นหวางนิวหันหลังแอบเอามุมเสื้อมาเช็ดน้ำตา รู้ว่าหวางนิวสะเทือนใจ 


 


 


แน่สิ อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปี ทำไม่จะไม่รู้สึกอะไร? เธอมองเฉินเวยที่ยืนอยู่ด้านข้างกำลังหัวเราะเยาะมา เธอเก็บคำพูดเมื่อกี้ เฉินเวยไม่มีความรู้สึก 


 


 


ตอนเย็นเฉินจงและเฉินกุ้ยกลับมา เฉินเยี่ยนเห็นเฉินกุ้ยมีสีหน้าโกรธ ถามว่าเขาเป็นอะไร เฉินกุ้ยอ้ำๆอึ้งๆ ไม่ยอมบอก 


 


 


“ตกลงเป็นอะไรล่ะ รีบพูดมา อยากรู้จะแย่อยู่แล้ว” 


 


 


หวางนิวร้อนรน เห็นเฉินกุ้ยพูดไม่ออก เลยวางชามข้าวลง 


 


 


“วันนี้มีคนจากคอมมูนมาอีกแล้ว เอาบุหรี่ไปห้าลัง เดิมทีบุหรี่ที่พวกเราส่งให้หมู่บ้านหวางพออยู่แล้ว สามารถส่งของได้ แต่พวกเขาเอาไปห้าลัง เลยไม่พอ พ่อบอกกับพวกเขาว่าให้พวกเขารออีกไม่กี่วัน พวกนั้นยังไร้เหตุผลด้วย บอกว่าเขาจะแต่งงานรอได้ไหม? จะเอาบุหรี่กลับไปให้แขก เขาพูดจาหยายคายมาก เห็นพวกเขาแบบนี้ ผมเลยโมโห” 


 


 


ถึงตอนนี้เฉินกุ้ยยังโมโหอยู่ 


 


 


เฉินเยี่ยนขมวดคิ้ว นี่เพิ่งกี่วันเอง ทำไมมีคนมาเอาบุหรี่อีกแล้ว ครั้งที่แล้วหนึ่งลัง ครั้งนี้เอาตั้งห้าลัง ป็นแบบนี้ต่อไปโรงงานจะรับไหวไหม! 


 


 


เฉินเยี่ยนมองเฉินจง เฉินจงเข้าใจความหมายเฉินเยี่ยน พูดอย่างทำอะไรไม่ได้ “ช่วยไม่ได้ ในมือเขามีหัวหน้าเป็นข้ออ้าง หัวหน้าอนุญาต พวกเราไม่ให้ไม่ได้ พูดตามตรง โรงงานเป็นของคอมมูน พวกเราต้องเชื่อฟังหัวหน้า ช่างเถอะ ยุ่งกันเพิ่มหน่อยสองวันนี้ จะได้ผลิตได้ทัน” 


 


 


เฉินเยี่ยนเข้าใจเฉินจงที่ไม่สามารถทำอะไรได้ อันที่จริงอย่าว่าแต่โรงงานพวกเขาที่ต้องดูแลให้คอมมูนเลย แม้แต่คน ก็ต้องดูแลเหมือนกัน คนของเขามา จะเอาของฟรี ไม่ให้ได้หรือ? ไม่ให้ก็รอคนมาตรวจสอบได้เลย 


 


 


“ได้ อีกหน่อยมีคนมาเอาให้หัวหน้า พวกเราก็ให้บุหรี่ไป แต่จำเป็นต้องเป็นของหัวหน้า ให้หัวหน้าไปแล้ว พ่อเอามาให้หนู หนูจะใช้” 


 


 


ถึงแม้เฉินเยี่ยนจะเข้าใจ แต่ก็ไม่อยากปล่อยไปแบบนี้ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป อย่าว่าแต่กำไรของโรงงานเลย ถึงตอนนั้นกลัวว่าแม้แต่ค่าแรงคนงานยังจ่ายไม่ไหวด้วยซ้ำ 


 


 


“ เอาของให้ลูกได้ แต่ลูกอย่าซี้ซั้ว ทุกเดือนให้พวกเราได้เงินก็พอแล้ว” 


 


 


เฉินจงรู้สึกกังวล 


 


 


“หนูรู้ค่ะ พ่อ วางใจได้” 


 


 


เฉินเยี่ยนพยักหน้า เธอรู้อะไรเป็นอะไร จะไม่ทะเลาะกับคอมมูน ยังไงตอนนี้โรงงานม้วนบุหรี่ยังเป็นแหล่งรายรับที่ดีที่สุดอยู่ 


 


 


คืนนี้เฉินเยี่ยนนอนไม่ค่อยหลับ หนึ่งเพราะหวางจวนจะแต่งงานแล้ว สองเพราะเธอกำลังคิดถึงการขยับขยายในอนาคต 


 


 


วันรุ่งขึ้นเฉินเยี่ยนโดนปลุกตื่น คนบ้านเฉินที่เหลือก็ตื่นกันหมด รวมถึงเฉินหู่ด้วย 


 


 


วันนี้เฉินหู่ขอลาหนึ่งวัน เขาจะไปส่งหวางจวน 


 


 


คนบ้านเฉินกินข้าวแต่เช้า หวางจวนกินได้น้อย ดื่มน้ำก็น้อย กลัวว่าจะอยากเข้าห้องน้ำระหว่างทาง 


 


 


มีคนไม่น้อยมามุงดู ในสนามบ้านเฉินมีเสียงพูดคุยกันจอแจเหมือนนกหลายตัวร้องอยู่ 


 


 


หวางจวนนั่งอยู่ในห้อง เธอไม่กล้าออกไป ในห้องมีหญิงสาวหลายคนอยู่เป็นเพื่อนเธอ 


 


 


เฉินเยี่ยนรู้สึกได้ว่าหวางจวนเขินอายและตื่นเต้น แต่ความตื่นเต้นนี้คนอื่นไม่ได้สามารถแทนที่ได้ 


 


 


“มาแล้ว มาแล้ว มารับเจ้าสาวแล้ว” 


 


 


เพื่อนเฉินหู่คนหนึ่งวิ่งมาส่งข่าว เฉินเยี่ยนเห็นใบหน้าหวางจวนแดงขึ้นมา มือเธออดไม่ได้กำชายเสื้อไว้ เห็นได้ชัดว่าตื่นเต้น 


 


 


“อย่ากลัว อย่าลน เธอจะต้องมีความสุข” 


 


 


เฉินเยี่ยนลูบผมหวางจวนที่หวีจนเป็นเงา มองดูดอกไม้ที่ประดับบนศีรษะหวางจวน เธอกำลังคิดถึงตอนที่เธอแต่งงานกับซนห้าวจะเหมือนหวางจวนไหม? 


 


 


ถึงแม้ว่าเธอจะเคยแต่งงานมาแล้วหนหนึ่ง กับอวี๋เหวยหมิน แต่เธอลืมไปแล้วว่าตอนนั้นเธอรู้สึกยังไง 


 


 


“พี่” 


 


 


หวางจวนตาแดงเรียกขึ้นมา 


 


 


เฉินเยี่ยนแตะมือเธอ อะไรที่จะฝากฝังก็ฝากฝังไปหมดแล้ว เรื่องมากมายระหว่างสามีภรรยาหวางนิวก็ฝากฝังหมดแล้ว ดังนั้นเฉินเยี่ยนไม่ต้องพูดอะไรอีก 


 


 


เฉินกุ้ยแบกหวางจวนมาถึงหน้าประตู 


 


 


เจ้าอ้วนขี่จักรยานมารับเจ้าสาว แน่นอน ข้างหลังยังมีรถลาก นั่นเป็นเครื่องใช้ในงานแต่ง ที่ช่วยเจ้าอ้วนจูงหวางจวน 


 


 


เห็นเฉินกุ้ยพาหวางจวนมาวางไว้บนจักรยาน นัยน์ตาเฉินเยี่ยนเริ่มเปียกชื้น มีความรู้สึกเหมือนลูกสาวที่ตัวเองเลี้ยงดูมาโดนคนพาตัวไป 


 


 


แล้วเฉินเยี่ยนก็ยิ้ม เธอเป็นพี่สาวของหวางจวน ไม่ใช่แม่ แต่เธอหาซินห้าวท่ามกลางบรรดาญาติไม่เจอ ซินห้าวน่าจะไม่ได้มา อาจจะช่วยเตรียมอยู่ฝั่งเจ้าอ้วน 


 


 


“จวนเอ๋อร์” 


 


 


เฉินเยี่ยนเห็นแม่ของหวางจวน ตอนนี้เธอเดินมาข้างหน้า ยืนอยู่ข้างหวางจวน 


 


 


หวางจวนมองแม่เธอด้วยสีหน้าสับสน  

 

 


ตอนที่ 198 ไปบ้านครอบครัวซิน

 

 


 


 


หวางจวนอยากจะเดินไปข้างหน้า แต่โดนเฉินเยี่ยนดึงไว้ วันนี้เป็นวันมงคลของหวางจวน เธอเชื่อว่าแม่หวางจวนน่าจะไม่มาโวยวาย 


 


 


เจ้าอ้วนมือหนึ่งประคองจักรยาน หันหลังกลับไปดู ถ้ามีคนกล้ามารังแกหวางจวน เขาจะไม่ไว้หน้าแน่นอน 


 


 


“นี่คุณยายลูกเก็บเอาไว้ให้แม่ ไม่มีค่าอะไร ให้ลูกเก็บไว้ดูเวลาคิดถึง แต่งออกไปแล้วอยู่กับสามีให้ดี มีเวลาก็กลับมาเยี่ยมบ้าง ไม่ว่าจะยังไง แม่ก็เป็นแม่ของลูก” 


 


 


แม่หวางจวนยัดผ้าเช็ดหน้าใส่ในมือหวางจวน ข้างในห่ออะไรไม่มีใครรู้ เฉินเยี่ยนเห็นแค่น้ำตาของแม่หวางจวน 


 


 


ไม่ใช่ว่าแม่ของหวางจวนจะไม่รู้สึกอะไรกับลูกสาวตัวเอง เพียงแต่ถ้าเทียบกับลูกชาย ลูกสะใภ้และหลานชายแล้ว ความรู้สึกนี้เบาบางกว่าเยอะ 


 


 


หวางจวนออกแรงพยักหน้า ควบคุมไม่ให้ตัวเองร้องไห้ 


 


 


เจ้าอ้วนขี่จักรยานไปแล้ว คนที่ลากเครื่องใช้ในงานแต่งก็ไปแล้วเช่นกัน บนรถลากของงานแต่งยังมีเฉินหู่นั่งอยู่ เฉินหู่เป็นเด็กคุมรถ 


 


 


เฉินเยี่ยนมองไม่เห็นเงาหวางจวนแล้ว เธอดีใจกับหวางจวน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปหวางจวนจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ จะมีเรื่องราวเป็นของตัวเอง 


 


 


หวางจวนไปแล้ว คนที่มามุงดูก็ค่อยๆ สลายตัว เฉินเยี่ยนกลับไปที่ห้องอย่างเซื่องซึม เธอรู้ว่าเฉินเวยกำลังจ้องมองเธออยู่ แต่เธอขี้เกียจสนใจ เฉินเวยน่าจะคิดว่าวันนี้ซินห้าวจะมาล่ะสิ เธอเลยรีบมาแต่เช้ส น่าเสียดายที่ซินห้าวไม่มา 


 


 


ตอนมื้อเย็นหวางนิวก็ถอนหายใจ เวลาปกติก็ไม่รู้สึก ตอนนี้คนกินข้าวหายไปหนึ่งคน เลยรู้สึกอ้างว้างขึ้นมามาก 


 


 


เฉินหู่ไม่ได้กินข้าวเย็น เขานอนหลับ เขาเป็นเด็กคุมรถ ตอนกลางวันกินเลี้ยงที่ฝั่งนั้น โดนคนกรอกเหล้า ส่วนเฉินหู่ ไม่ยอมแพ้ ปรากฏว่าเขาคนเดียวดื่มเหล้าขาวไปน่าจะเกือบครึ่งชั่ง โดนคนอุ้มกลับมา หวางนิวโมโหบ่นอยู่ครึ่งค่อนวัน แต่เฉินหู่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เอาแต่นอนหลับสลบเหมือด 


 


 


“นี่จวนเอ๋อร์ก็แต่งงานแล้ว ทำไมซินห้าวยังไม่มาขออีก หรือว่าเขาไม่ยอม?” 


 


 


หวางนิวพูดเรื่องซินห้าวอีกครั้ง 


 


 


เฉินเวยมองเฉินเยี่ยน เฉินเยี่ยนก้มหน้ากินข้าว พักหลังเธอก็ไม่ได้เจอซินห้าว แต่เธอคิดว่าน่าจะใกล้แล้ว 


 


 


เฉินเวยมองท่าทางของเฉินเยี่ยนแล้ววางตะเกียบลง ในใจเธอตื่นเต้นตอนนี้เธอรับมือกับอวี๋เหวยหมินลำบากแล้ว ถ้ายังไม่ได้ซินห้าวม ฝั่งเธอกับอวี๋เหวยหมิน ถ้าเธอไม่ยอมพลีร่างให้อวี๋เหวยหมิน เพื่อปลอบอวี๋เหวยหมิน ไม่อย่างนั้นเธอกับอวี๋เหวยหมินจะต้องทะเลาะจนความสัมพันธ์เป็นอันจบสิ้น 


 


 


ก่อนหน้าที่เธอยังไม่ได้ซินห้าว เธอไม่อยากทะเลาะกับอวี๋เหวยหมิน เธอยังต้องใช้อวี๋เหวยหมินช่วยเหลืออยู่ 


 


 


แต่ดูท่าทีของเฉินเยี่ยนแล้ว ระหว่างเธอกับซินห้าวน่าจะมีการตกลงอะไรกัน เฉินเยี่ยนอายุไม่น้อยแล้ว ถ้าใกล้ๆ นี้ซินห้าวมาสู่ขอ แล้วที่บ้านตกลง เธอจะทำยังไง? 


 


 


เธอต้องไม่ยอมให้พ่อแม่ตกลง แต่เธอกลับไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจของพ่อแม่ เธอรู้ไม่ว่าจะเฉินจงหรือหวางนิว ต่างพอใจซินห้าวมาก ซินห้าวมาสู่ขอ พวกเขาจะตอบตกลง 


 


 


เธอควรจะทำยังไงดีนะ? 


 


 


เฉินเวยคิดหาทาง 


 


 


วันที่แปดเดือนห้า คนบ้านซินมาสู่ขอแล้ว คนที่สู่ขอคือซินห้าว มาสู่ขอเฉินเยี่ยน 


 


 


ดูแม่สื่อ หวางนิวคิดว่าอากาศไม่ร้อนแล้ว อารมณ์ก็ดี ในที่สุดคนที่รอคอยก็มา 


 


 


เพราะบ้านเฉินรู้สถานการณ์บ้านซิน ดังนั้นไม่ต้องรอให้แม่สื่อพูดอะไร หวางนิวก็ตกลงเลย แต่ขั้นตอนที่ต้องทำตามก็ยังต้องทำ ยังไงก็ต้องให้แม่สื่อมาหลายครั้ง ถึงค่อยตกลงกันได้ 


 


 


แม่สื่อไปแล้ว มองดูหวางนิวที่ยิ้มไม่หุบ มองดูใบหน้าเฉินเยี่ยนที่มีความสุข เฉินเวยกัดฟัน เธอจะไม่ยอมให้งานแต่งนี้สำเร็จ เธอจะต้องยุติ 


 


 


เฉินจง หวางนิว เป็นเพราะคนพวกนี้ พวกเขาเอาแต่สิ่งที่ดีให้เฉินเยี่ยนหมด คิดถึงแต่เฉินเยี่ยน ไม่คิดถึงตัวเธอ พวกเขาทำไม่ดีกับเธอ อย่ามาโทษเธอแล้วกัน! 


 


 


เฉินเวยเริ่มเตรียมแผนการที่เธอคิดไว้ 


 


 


รอจนตอนที่แม่สื่อมาอีกรอบคือวันที่สิบหกเดือนห้า ส่งแม่สื่อกลับแล้ว เฉินเยี่ยนเจอซินห้าว 


 


 


ซินห้าวนัดเธอไปบ้านซินวันรุ่งขึ้น บอกว่าพ่อแม่อยากเจอเธอ 


 


 


เฉินจงและหวางนิวไม่ห้ามอะไร พวกเขาเคยเจอซินห้าวแล้ว ฐานะของที่บ้านเขาก็เข้าใจ เฉินเยี่ยนควรจะไปให้เขาดูตัว 


 


 


ตอนกลางคืนเฉินเยี่ยนนอนพลิกไปมา สำหรับแม่ซินห้าวแล้ว เธอรู้สึกไม่มั่นใจ ถ้าแม่ซินห้าวตกลง ซินห้าวก็คงมาสู่ขอเธอตั้งนานแล้ว ไม่ต้องซื้อบ้านตัวเอง ให้ที่บ้านเห็นความสามารถของเขา เพื่อพิสูจน์ตัวเขาเอง 


 


 


พรุ่งนี้เจอหน้ากันจะเป็นลักษณะไหนนะ? แม่ซินห้าวจะแกล้งตัวเองหรือเปล่า? ถ้าแม่เขาทำให้เธอขายหน้า ตัวเองจะทำยังไงดี? แล้วซินห้าวจะทำยังไงนะ? 


 


 


เฉินเยี่ยนค่อยๆ หลับไปพร้อมความกังวลนี้ 


 


 


วันรุ่งขึ้นเฉินเยี่ยนตื่นแต่เช้าตรู่ ส่องกระจกมองตัวเอง ค่อยยังชั่ว ขอบตาไม่ดำ อายุน้อยนี่ดีจริง ไม่อย่างนั้นคนมีอายุ นอนหลับไม่สนิท สีหน้าต้องดูแย่มากแน่ 


 


 


เฉินเยี่ยนล้างหน้า แล้วสระผมด้วย เธอต้องไปพบเจออย่างสะอาดสอ้าน 


 


 


เสื้อผ้าล่ะ? เฉินเยี่ยนเลือกกระโปรง ตอนนี้อากาศร้อน เธอชอบสวมกระโปรง เธอไม่อยากทำให้ตัวเองลำบาก 


 


 


รองเท้าเธอสวมรองเท้าแตะพลาสติก แบบนี้เฉินเยี่ยนดูสะอาดสอ้านสบายตา 


 


 


“ลูกสาวแม่สวยจริง ไปแล้วพูดจาเพราะหน่อย แม่สะใภ้เป็นคนเมือง ต้องไม่พูดจาดีกับเราแน่ ลูกพูดจาเพราะๆ จะได้ไม่ลำบาก” 


 


 


หวางนิวฝากฝังเฉินเยี่ยนอย่างไม่ค่อยวางใจ 


 


 


เฉินเยี่ยนพยักหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกตื่นเต้น 


 


 


ตอนที่ซินห้าวขี่รถมา มองดูสองคนยืนอยู่ด้วยกัน หวางนิวยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าเหมาะสมกัน ทำไมตัวเองถึงคลอดลูกออกมาหน้าตาดีแบบนี้ ยังมีเฉินเวยอีก หน้าตาดีเหมือนกัน ดูแล้วน่าจะหาสามีที่ดีได้ อีกหน่อยลูกของเฉินเยี่ยนและซินห้าวจะต้องหน้าตาดีแน่นอน 


 


 


ซินห้าวขี่พาเฉินเยี่ยนไป มองดูเบื้องหลังของพวกเขา เฉินเวยรู้สึกเต็มไปด้วยความริษยา แต่วันนี้เธอไม่ได้ออกตัว และไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่มองดูอย่างเงียบๆ 


 


 


เฉินเยี่ยนพิงศีรษะเบาๆ ลงไปบนหลังซินห้าว เธอมีจักรยาน แต่เธออยากจะนั่งซ้อนซินห้าว ให้เธอรู้สึกมั่นคง รู้สึกหวานชื่น 


 


 


“เยี่ยนจื่อ เดิมทีแม่ผมจะให้ไปสู่ขออีกคน แต่ผมไม่ยอม แม่ผมคนนี้ไม่ค่อยชอบชาวเกษตรกร เธอลำเอียง บางครั้งพูดจาไม่ค่อยน่าฟัง คุณรู้ดี ถ้าเธอพูดจาหยาบคาย คุณไต้องทนนะ 


 


 


ซินห้าวบอกเฉินเยี่ยนก่อน ช่วงนี้เขาทะเลาะกับแม่เขาแล้วยังมีพวกญาติของคุณย่าอีกด้วย เพราะเรื่องสู่ขอ เรื่องแต่งงาน จะต้องให้พ่อแม่เห็นด้วย เขาตัดสินใจแล้ว เขาแน่วแน่ ทำให้แรงที่เขาทุ่มลงไปไม่เสียเล่าเลย ในที่สุดแม่เขาก็ยอมใจอ่อน ยอมให้เขาสู่ขอเฉินเยี่ยน แต่ก่อนหน้าจะตกลงวันกัน แม่เขาอยากเจอเฉินเยี่ยน อยากจะดูด้วยตัวเองว่าเฉินเยี่ยนเป็นคนดีหรือไม่ 


 


 


“อืม ฉันไม่ตื่นตระหนก มีคุณอยู่ ฉันไม่กลัวอะไรทั้งนั้น” 


 


 


เฉินเยี่ยนยิ้ม ขอแค่เธอและซินห้าวมีใจแน่วแน่ ขอแค่ซินห้าวรักเธอ เธอเชื่อว่าพวกเขาจะต้องลงเอยด้วยดี  


 


 


ตอนที่มาถึงบ้านซินห้าว พระอาทิตยส่องกลางศีรษะพอดี เฉินเยี่ยนเห็นเหงื่อบนหน้าผากซินห้าว เธอเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดให้ซินห้าว 


 


 


แววตาซินห้าวเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาจับมือเฉินเยี่ยนขึ้นมาด้วยความอ่อนโยน วันนี้เขาพาเธอมาเจอพ่อแม่ เขาและเธอจะได้อยู่ด้วยกันอย่างเป็นทางการ รอกำหนดวันแต่งงานแล้ว เขาจะสู่ขอเฉินเยี่ยน เฉินเยี่ยนเป็นภรรยาของเขา เขาอยากจะทำอะไรก็สามารถทำได้  

 

 


ตอนที่ 199

 

บ้านซินห้าวเป็นบ้านสองชั้น ซินห้าวเปิดประตู เฉินเยี่ยนเห็นในห้องรับแขกมีคนนั่งอยู่ 


 


 


คุณพ่อซิน ซินชานเป็นเหมือนภาพที่เฉินเยี่ยนคิดไว้เลย ใส่แว่นตา ดูมีความเป็นหนอนหนังสือ 


 


 


แม่ซินห้าวชื่อซุนหม่านเซียง เป็นชื่อที่เชยมาก แต่เทียบกับชื่อเชยๆ ในหมู่บ้านเกษตรกรแล้ว ฮวาเอ๋อร์เอย ซุนหม่านเซียงคิดว่าชื่อเธอไม่แย่เลย 


 


 


นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินเยี่ยนเจอซุนหม่านเซียง 


 


 


ซุนหม่านเซียงท้วมเล็กน้อย ผมสั้น ใบหน้ารูปไข่ มองดูมีราศี แต่เครื่องหน้าของเธอดูดี โดยเฉพาะดวงตา สวยมาก มองออกเลยว่าสมัยสาวๆ เป็นผู้หญิงที่สวย เพียงแต่หางตายกขึ้นเล็กน้อย ทำให้เธอดูดุอยู่หน่อย 


 


 


ไม่เหมือนกับที่เธอคิดไว้เลย ว่ากันว่า เดิมทีเธอร่างกายไม่แข็งแรงไม่ใช่หรือ? ดังนั้นภาพในจินตนาการของเฉินเยี่ยน แม่ของซินห้าวน่าจะเป็นคนผอมบาง เป็นผู้หญิงไว้ผมยาว มองดูแล้วใบหน้าจะอมเหลืองหน่อย ดูเป็นหญิงวัยกลางคนที่อมทุกข์ คิดไม่ถึงว่าเธอจะดูขาวอวบ 


 


 


ถึงแม้พูดว่าขาวอวบจะดูพูดเกินไปสักหน่อย แต่แม่ซินห้าวทำให้เฉินเยี่ยนรู้สึกว่าในความคิดกับตัวจริงไม่เหมือนกันเลย แต่เฉินเยี่ยนไม่ได้แสดงออกมา เธอยิ้มทักทาย 


 


 


“เฉินเยี่ยนมาแล้วหรือ ซินห้าว รีบพาเธอมานั่ง” 


 


 


ซินชานยิ้ม แสดงความกระตือรือร้น แต่ก็ไม่ได้มากเกินไป ทำให้เธอรู้สึกเป็นมิตร 


 


 


ซุนหม่านเซียงก็ยิ้ม แต่เธอไม่ได้ขยับตัว และไม่ได้เรียกให้เทน้ำให้เฉินเยี่ยนอะไร แค่มองก็รู้แล้วว่าท่าทางเธอ ไม่พอใจ 


 


 


เฉินเยี่ยนไม่สนใจ นั่งลงกับซินห้าว เธอให้หางตาชำเลืองมองบ้านซิน แต่ไม่ได้มองประเมินอย่างออกหน้าออกตา 


 


 


ฐานะบ้านซินไม่แย่เลย เฟอร์นิเจอร์ในห้องไม่แตกต่างจากยุคที่เพิ่งพัฒนาที่เธอเห็นในทีวีเลย 


 


 


“เฉินเยี่ยนใช่ไหม? ฉันอยากถามหน่อยว่าเธอกับซินห้าวรู้จักกันได้ยังไง?” 


 


 


เฉินเยี่ยนเพิ่งนั่งลง ซุนหม่านเซียงก็เอ่ยปากพูด 


 


 


เธอกับซินห้าวรู้จักกันได้ยังไง? 


 


 


เฉินเยี่ยนหวนคิด ครั้งแรกที่เธอกับซินห้าวเจอกันน่าจะเป็นบนถนน แต่ครั้งแรกที่ซินห้าวเจอเธอน่าจะเป็นที่สวนผลไม้ แต่ตอนนั้นยังเป็นเจ้าของร่างเดิม ไม่ใช่เธอ 


 


 


เธอและซินห้าวถือว่ามีพรหมลิขิตจริงๆ เฉินเยี่ยนยิ้ม 


 


 


สายตาซุนหม่านเซียงมีแววดุดัน เธอคิดว่าเฉินเยี่ยนไม่ใช่ผู้หญิงดีอะไร แค่เด็กบ้านนอก แต่งตัวเหมือนคนในเมืองแสดงให้เห็นว่าเธอ ฟุ้งเฟ้อ จิตใจทะเยอทะยาน 


 


 


เธอหน้าตาสวยมาก สวยกว่าเหม่ยลี่ แต่สวยไปจะมีประโยชน์อะไร? ช่วยลูกชายไม่ได้ อาศัยหน้าตาสวยมาหลอกล่อลูกชายเธอ สะใภ้แบบนี้ เธอไม่ต้องการ 


 


 


“เด็กเพิ่งมาที่บ้านครั้งแรก ถามเรื่องนี้ทำไม เรื่องพวกพวกเขาหนุ่มสาว ให้พวกเขาจัดการเอง มา เยี่ยนจื่อ ดื่มชาสิ” 


 


 


ซินชานตอบรับคำพุดซุนหม่านเซียงไป 


 


 


เขารู้ความคิดของภรรยาตัวเอง คิดจะทำให้ซินห้าวและเฉินเยี่ยนแตกแยก เขาไม่เห็นด้วย แต่เขาก็รู้ภรรยาตัวเองมีปมในใจ เขาก็ไม่โทษภรรยา 


 


 


“พวกเขาอายุน้อยยังไม่สุขุมรอบคอบพอ ยังไม่รู้เรื่อง แค่รู้สึกดีชั่วขณะได้ที่ไหน? นี่เป็นเรื่องทั้งชีวิตเลยระ พวกเราเป็นพ่อแม่ก็ต้องตรวจสอบแทนเขา ไม่อย่างนั้นไม่ใช่ว่าทำร้ายพวกเขาหรือ!” 


 


 


ซุนหม่านเซียงไม่เห็นด้วยกับคำพูดของสามี 


 


 


“พวกเราตอนวัยรุ่นก็ไม่ใช่ว่าตัวเองดูกันเองหรือ? ซินห้าวก็เป็นหนุ่มแล้ว ตอนนี้เขาก็มีความสามารถ เขารู้ว่าเขาต้องการอะไร เขาดูดีแล้ว ผมเชื่อว่าไม่ต่างกันหรอก” 


 


 


ซินชานคิดว่าภรรยาตัวเองลำเอียง ความคิดที่เธอมีต่อเกษตรกรไม่เคยเปลี่ยนได้เลย ตอนนั้นพวกเขารักกันอย่างมีอิสระ แล้วทำไมพอเป็นลูกชายตัวเองถึงต้องให้พ่อแม่เป็นคนตัดสิน? ตอนนั้นเธอแต่งงานกับตัวเอง ที่บ้านเธอ บ้านตัวเองต่างไม่ยอมรับ แต่พวกเขาก็ได้แต่งงานกันไม่ใช่หรือ! 


 


 


“พวกเขากับพวกเราเหมือนกันหรือ? เธอเหมือนกับฉันหรือ? ฉันว่าคุณเป็นอะไร? ฉันก็แค่ถามคำเดียวเอง เธอยอมบอกก็บอก ไม่ยอมบอกก็ไม่ต้องบอก ฉันไม่ได้จะทำอะไรเธอ นี่คุณจะทะเลาะกับฉันหรือ?” 


 


 


ซุนหม่านเซียงไม่พอใจมาก คิดว่าสามีไม่ไว้หน้าเธอเลย 


 


 


เฉินเยี่ยนคิดไม่ถึงว่าตัวเองยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย พ่อแม่ซินห้าวก็ทะเลาะกันแล้ว เธอกำลังจะพูดอะไร แต่ตอนนี้มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา 


 


 


เธอเป็นแขก เธอไม่ต้องไปเปิดประตู ซินห้าวไปเปิดประตู 


 


 


“เธอมาได้ยังไง?” 


 


 


ซินห้าวเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตูเสียงเยฟังดูเย็นชา และประหลาดใจ 


 


 


“ฉันมาเยี่ยมคุณลุงกับคุณป้า ซินห้าว คุณก็อยู่บ้านหรือ” 


 


 


เสียงผู้หญิงดังกังวานมาจากหน้าประตู เสียงฟังดูออดอ้อน เห็นได้ชัดว่าดีใจมากที่ได้เจอซินห้าว 


 


 


เฉินเยี่ยนคิดถึงเรื่องที่ซินห้าวบอกเธอ หรือว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่แม่ซินห้าวดูตัวให้เขา? 


 


 


งั้นแม่ซินห้าวทำอย่างนี้หมายความว่ายังไง? วันนี้ให้ตัวเองมาบ้าน แต่ผู้หญิงคนนี้กลับปรากฏตัว เธอไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องบังเอิญ น่าจะเป็นแม่ซินห้าวจงใจ จะทำให้ตัวเองเสียหน้า ให้ตัวเองเผชิญหน้ากับผู้หญิงแปลกหน้าแล้วยอมถอยงั้นหรือ? 


 


 


เธอดูถูกตัวเองไปแล้ว เป็นคนเมืองแล้วยังไง บ้านนอกแล้วยังไง เธอเฉินเยี่ยนไม่กลัว! 


 


 


“เหม่ยลี่มาแล้วหรือ มา รีบเข้ามา เมื่อกี้ป้ายังคิดถึงหนูอยู่เลย หลายวันนี้ทำไมไม่มาหาป้า จริงๆ เลย ลืมป้าไปแล้วใช่ไหม” 


 


 


ใบหน้าซุนหม่านเซียงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้น้ำเสียงจะมีแววบ่น แต่ฟังแล้วกลับรู้สึกสนิทสนม ไม่เหมือนกับท่าทีที่เธอมีต่อเฉินเยี่ยนก่อนหน้านี้เลย 


 


 


“ได้ยังไงคะ คุณป้า นี่ก็มาแล้วไม่ใช่หรือคะ” 


 


 


ก่อนซินห้าวจะปิดประตู ซูเหม่ยลี่ก็แทรกตัวเข้ามา 


 


 


เฉินเยี่ยนมองเธอ 


 


 


ซูเหม่ยลี่สูงพอๆ กับเธอ ประมาณ 166 ซม. ไม่อ้วนไม่ผอม สัดส่วนก็ดี 


 


 


โครงหน้าก็สวย คิ้วไม่ถือว่าดำ แต่ก็ไม่บาง ดวงตาเมล็ดอัลมอนด์ ตอนที่มองคนอื่นดูมีเสน่ห์ 


 


 


สีปากแดงกุหลาบ พอยิ้มขึ้นมาเห็นเขี้ยวสองฝั่ง ดูน่ารักมาก 


 


 


เธอสวมใส่กระโปรงลายจุดสีดำเนื้อผ้าดี สวมรองเท้าหนังสีดำ 


 


 


แต่งตัวถือว่าทันสมัย หน้าตาก็ไม่แย่ มิน่าซุนหม่านเซียงถึงชอบ แม้แต่เฉินเยี่ยนเจอเธอครั้งแรกยังรู้สึกไม่แย่เลย แล้วเป็นคนในเมืองด้วย ซุนหม่านเซียงย่อมอยากได้สะใภ้แบบนี้อยู่แล้ว เฉินเยี่ยนเข้าใจได้ 


 


 


“ที่บ้านมีแขกหรือคะ?” 


 


 


ซูเหม่ยลี่เดินมาข้างหน้าซุนหม่านเซียงอย่างเป็นกันเอง วางของที่เธอซื้อมา แล้วยกแก้วน้ำ เทน้ำให้เฉินเยี่ยน แล้วเติมน้ำให้ซินชานกับซุนหม่านเซียง 


 


 


การกระทำเธอเป็นธรรมชาติมาก และคล่องแคล่ว เหมือนกับทำจนชินแล้ว ไม่มีความรู้สึกแปลกหน้า และเหมือนเธอคือเจ้าของบ้านนี้ กำลังต้อนรับแขกเฉินเยี่ยนคนนี้ 


 


 


“ดูเธอสิ มาถึงก็ทำงานเลย รีบนั่ง” 


 


 


สายตาซุนหม่านเซียงเต็มไปด้วยความพึงพอใจ ดึงมือซูเหม่ยลี่ไว้ ไม่ต้องพูดถึงความสนิทสนมเลย 


 


 


“คุณป้าเกรงใจอะไรหนูคะ หนูคิดว่าที่นี่เป็นบ้านตัวเองตั้งนานแล้ว ช่วยคุณป้าดูแลแขกเป็นเรื่องที่สมควรไม่ใช่หรือคะ” 


 


 


ซูเหม่ยลี่ยิ้มหวาน แล้วยังเรียกให้เฉินเยี่ยนดื่มน้ำ 


 


 


“ใช่แล้ว ใช่แล้ว คิดเสียว่าที่นี่เป็นบ้าน ป้าชอบที่หนูขยันแบบนี้ ดีกว่าพวกที่ไม่รู้เรื่องเยอะเลย” 


 


 


ซุนหม่านเซียงพูดจบก็มองไปที่เฉินเยี่ยน แววตาแลดูไม่พอใจ 


 


 


ซินห้าวสีหน้าเคร่งขรึม เขาคิดว่าแม่ยอมรับเฉินเยี่ยนได้แล้วจริงๆ ดังนั้นวันนี้เลยพาเฉินเยี่ยนมาด้วยความยินดี คิดไม่ถึงว่าแม่เธอกลับเรียกซูเหม่ยลี่มา เขาจะทำยังไงดี! 

 

 


ตอนที่ 200 ตรงกันข้าม

 

เฉินเยี่ยนรู้สึกได้ถึงแรงโมโหของซินห้าว แต่เธอไม่ได้โกรธเลย ท่าทีของซุนหม่านเซียงเธอเดาไว้แต่แรกแล้ว ถ้าอีกฝ่ายทำดีกับเธอ เธอจะรู้สึกว่ามีปัญหามากกว่า 


 


 


เฉินเยี่ยนยิ้มให้ซินห้าว ซินห้าวเห็นเฉินเยี่ยนไม่โกรธ เขาเลยใจเย็นลง 


 


 


ซินซานก็ทำอะไรไม่ได้ วันนี้ภรรยาเขาทำเรื่องไม่ถูกต้อง เขาไม่รู้ว่าภรรยาจะเรียกซูเหม่ยลี่มา ไม่อย่างนั้นเขาจะห้าม แต่ตอนนี้เธอมาแล้ว ไล่กลับก็ไม่ได้ เขาคิดอยากจะพูดอะไรให้บรรยากาศดีขึ้นมาหน่อย 


 


 


“น้องสาวคุณหรือ? แต่ทำไมฉันได้ยินมาว่าคุณมีน้องชาย ไม่รู้ว่าคุณมีน้องสาวคนนี้ด้วยเลย?” 


 


 


เฉินเยี่ยนแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องถามซินห้าว 


 


 


ซินห้าวอึ้งไป แต่ก็รู้สึกตัวทัน แววตาเขามีรอยยิ้ม พูดตอบ “ไม่ใช่น้องสาวผม ผมมีน้องชายคนเดียว” 


 


 


“อ้อ ตกใจหมดเลย บอกว่าเป็นบ้านตัวเอง เลยนึกว่าเป็นน้องสาวคุณน่ะ คิดว่าเป็นพี่สาวของน้องสามีก็ดีนะ คิดไม่ถึงว่าไม่ใช่” 


 


 


เฉินเยี่ยนพยักหน้า ถอนหายใจยาว น้ำเสียงฟังดูยังมีแววเสียดาย 


 


 


ซินห้าววางใจแล้ว เฉินเยี่ยนไม่ใช่คนที่ขี้น้อยใจ แม่คิดจะวางหมากนี้ให้เธอ ต้องดูว่าเฉินเยี่ยนจะกินหรือไม่กิน 


 


 


ซินซานก็มองเฉินเยี่ยนอย่างแปลกใจ เฉินเยี่ยนมาที่บ้านครั้งแรก คิดไม่ถึงว่าเธอจะกล้าเพียงนี้ เกรงว่าครั้งนี้ภรรยาต้องเป็นฝ่ายลำบากเสียแล้ว 


 


 


ซุนหม่านเซียงและเหม่ยลี่โดนเฉินเยี่ยนพูดแบบนี้จนอึ้งไป ใบหน้าซุนหม่านเซียงเต็มไปด้วยความโกรธ เธอยังไม่ยอมรับให้เธอเข้าบ้านนะ น้องสาวสามีอะไรกัน เธอคิดดีเกินไปแล้ว 


 


 


ซูเหม่ยลี่อึดอัดเล็กน้อย เดิมทีคิดจะทำให้เฉินเยี่ยนรู้สึกว่าเธอเป็นคนนอก ให้เฉินเยี่ยนรู้ว่าเธอสนิทกับซินห้าว คนที่แม่ซินชอบคือเธอ คิดไม่ถึงว่าเฉินเยี่ยนพูดประโยคนี้ เธอกลับไปไม่ถูกเลย 


 


 


“ขอโทษนะ ฉันมาบ่อย เป็นคนยกน้ำยกน้ำชาให้ ดังนั้นฉันเลยเป็นฝ่ายทำให้ เธออย่าโกรธนะ” 


 


 


ซูเหม่ยลี่เป็นฝ่ายขอโทษก่อน แล้วยังยิ้มให้เฉินเยี่ยน แสดงให้เห็นว่าเธอใจกว้าง 


 


 


เฉินเยี่ยนคับอกคับใจขึ้นมา แล้วเธอก็คิดว่าซูเหม่ยลี่คนนี้ต่อกรไม่ง่ายเลย คนนี้ใช้วิธีสูงกว่าเฉินเวย ถ้าเป็นเฉินเวย เฉินเวยจะแกล้งทำเป็นโดนแกล้ง น่าสงสาร ให้คนคิดว่าเป็นความผิดเธอ ได้รับความเห็นใจ แต่คนแบบเฉินเวยไม่มีฤทธิ์เท่าไร ซูเหม่ยลี่กลับไม่เหมือนกัน ผู้หญิงคนนี้ถ้าไม่ใช่นิสัยเปิดเผยมาก ก็ยากที่จะคาดเดา ลงมือเ**้ยมโหด เธอจำเป็นต้องระวังไว้ 


 


 


“เธอต้องขอโทษอะไร เธอมาช่วยป้า ป้าสิดีใจแทบไม่ทัน อย่าไปฟังเธอซี้ซั้วพูดเลย เธอคนนี้ มาจากบ้านนอก พูดจาไม่เป็น” 


 


 


ซุนหม่านเซียงมองบนใส่เฉินเยี่ยน 


 


 


เฉินเยี่ยนยิ้ม เหมือนไม่สนใจที่ซุนหม่านเซียงพูด 


 


 


“เธออย่าใส่ใจเลย คุณป้าไม่ได้ตั้งใจว่าเธอ เพราะฉันกับคุณป้าสนิทกัน คุณป้าเลยอยู่ข้างฉัน รออีกหน่อยเธอมาที่นี่ย่อย เธอจะรู้ว่าคุณป้าเป็นคนดีมาก” 


 


 


ซูเหม่ยลี่อธิบายกับเฉินเยี่ยน กลัวว่าเฉินเยี่ยนจะเข้าใจผิด 


 


 


“ไม่เป็นไร ฉันไม่ถือสา คนส่วนมากก็ชื่นชมคนนอกไม่ใช่หรือ? ส่วนลูกตัวเอง ลูกสะใภ้ จะไม่พูดจาดีด้วย แม่ฉันก็ชอบไปพูดกับคนอื่นว่าฉันไม่ดี อันที่จริงเธอชอบฉันมาก เธออยากจะให้คนอื่นชมฉันน่ะ ฉันเข้าใจ คุณป้าถือว่าฉันเป็นคนกันเอง” 


 


 


เฉินเยี่ยนพูดอย่างสบายๆ เธอรู้ว่าซุนหม่ายเซียงหมายถึงอะไร แต่เธอจะทำเป็นเข้าใจผิดแบบนี้ 


 


 


สายตาซินห้าวที่มองเฉินเยี่ยนนั้นอ่อนโยน วันนี้แม่เป็นฝ่ายทำไม่ถูกก่อน เฉินเยี่ยนทำแบบนี้ดีแล้ว ไม่ยอมโดนแกล้ง 


 


 


ซุนหม่านเซียงคิดไม่ถึงว่าเฉินเยี่ยนจะพูดแบบนี้ เธอรีบคว้ามือซูเหม่ยลี่แล้วพูด “เหม่ยลี่ ป้าไม่ได้เห็นหนูเป็นคนนอก ป้าไม่ได้หมายความแบบนั้น” 


 


 


“คุณป้า หนูรู้ค่ะ คุณป้าวางใจได้” 


 


 


ซูเหม่ยลี่กุมมือตอบซุนหม่านเซียง แล้วยังเผยรอยยิ้มที่ขำขันด้วย 


 


 


เฉินเยี่ยนยิ่งระมัดระวังตัวมากขึ้น ซูเหม่ยลี่คนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา อีกหน่อยจะต้องระวังเธอ 


 


 


“พอได้แล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว วันนี้ทั้งเยี่ยนจื่อและเหม่ยลี่ต่างก็มากันแล้ว นานๆ ทีจะครึกครื้น เดี๋ยวรอซินเหล่ยกลับมา พวกเราไปร้นอาหารกัน พวกเธออยากจะกินอะไร?” 


 


 


ซินชานคิดว่าเขาจำเป็นต้องออกหน้าแล้ว ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าภรรยาจะพูดอะไรออกมาอีก เจอหน้าครั้งแรก เขาไม่อยากให้ทะเลาะกันจนดูไม่ดี 


 


 


“ไปร้านอาหารทำไม ที่บ้านก็มีของกิน จะไปเสียเงินกับตั๋วทำไม” 


 


 


ซุนหม่านเซียงไม่เห็นด้วย พูดจบเธอก็เหลือบมองเฉินเยี่ยน แล้วพูดขึ้นมา “เยี่ยนจื่อเธอทำกับข้าวเป็นใช่ไหม? เที่ยงนี้เธอทำกับข้าวแล้วกัน? จะได้ให้ฉันชิมฝีมือเธอด้วย อีกหน่อยถ้าต้องแต่งเข้ามาจริง ทำกับข้าวไม่เป็นนี่ไม่ได้เลยนะ ฉันกับพ่อซินห้าวลำบากมาครึ่งชีวิตแล้ว ควรมีความสุขได้แล้ว” 


 


 


ซุนหม่านเซียงพูดจบไม่รอให้เฉินเยี่ยนตอบ แล้วพูดกับซูเหม่ยลี่ “เธอนั่งไม่ต้องขยับ วันนี้ให้เธอไปทำอาหาร พวกเราแค่กินก็พอแล้ว ถ้าเธอทำไม่ดี เธอว่าได้เลย เด็กจากบ้านนอกยังไม่เคยออกไปเห็นโลก ถ้าเธอทำไม่ดี อีกหน่อยเธอต้องดูแลสั่งสอนเธอด้วย” 


 


 


ดูจากจุดประสงค์เธอแล้ว ตอนที่เฉินเยี่ยนทำอาหารให้คนพวกนี้กิน เธอจะหาสิ่งผิดปกติ 


 


 


“คุณป้า หนูกับเยี่ยนจื่อทำด้วยกันดีไหม? น้องเยี่ยนจื่อมาครั้งแรก เธอไม่คุ้นเคย หนูกลัวว่าเธอจะทำไม่ได้ เดี๋ยวหนูบอกเธอ” 


 


 


ซูเหม่ยลี่ พูดแล้วก็ลุกขึ้นยืน ทำท่าเหมือนจะช่วย 


 


 


“เธอนะ ถือว่าใจดี” 


 


 


ซุนหม่านเซียงตอบซูเหม่ยลี่ไปหนึ่งประโยค แต่สีหน้ายังคงดูพอใจ 


 


 


ซินห้าวเหลือบมองเฉินเยี่ยน เขารู้ว่าเฉินเยี่ยนทำอาหารได้ แต่ตอนนี้สภาพแบบนี้ แม่พูดแบบนี้ เขาไม่อยากให้เฉินเยี่ยนทำเลย 


 


 


“ขอบคุณค่ะ… ใช่แล้ว พี่สาวคนนี้ชื่ออะไร? ซินห้าวคุณยังไม่ได้บอกฉันเลย” 


 


 


เฉินเยี่ยนพูด มองไปทางซินห้าว 


 


 


“เธอชื่อเหม่ยลี่ ซูเหม่ยลี่” 


 


 


ซุนหม่านเซียงตอบเฉินเยี่ยน เธอโกรธเล็กน้อย เธอเรียกมาตั้งนาน เธอไม่เชื่อว่าเฉินเยี่ยนจะไม่รู้ 


 


 


“อ้อ อ้อ พี่เหม่ยลี่ ขอบคุณพี่ค่ะ อย่าพูดเลย ของในห้องครัวฉันไม่รู้จักใช้นะ พี่เหม่ยลี่ต้องทำอาหารอร่อยมากแน่เลย? ฉันไม่มีประสบการณ์มาก ฉันทำอาหารไม่เป็น พี่ซูเหม่ยลี่ช่วยสอนฉันด้วยนะ” 


 


 


เฉินเยี่ยนพูดจบก็ยืนขึ้นมา มองซูเหม่ยลี่ หน้าตาเธอจริงจัง 


 


 


ซุนหม่านเซียงหึออกมา 


 


 


สายตาซูเหม่ยลี่ที่มองเฉินเยี่ยนมีแววเหยียดหยาม เธอไม่รู้ว่าเฉินเยี่ยนไม่รู้จริงหรือเกล้งไม่รู้ แต่ว่าในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว เธอไม่ไปก็ไม่ได้ ซูเหม่ยลี่ยิ้มเล็กน้อย เข้าไปข้างหน้าจับแขนเฉินเยี่ยน เดินเข้าไปในครัวกับเฉินเยี่ยน 


 


 


บ้านซินใช้ฟืนไม่น้อยเลย และไม่ได้ใช้เตาแบบหมู่บ้านเกษตรกรด้วย พวกเขาใช้เตาแบบเล็ก 


 


 


เฉินเยี่ยนคิดถึงเตาไฟฟ้าในยุดปัจจุบันเหลือเกิน ก๊าซธรรมชาติ แต่ยุคนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆ อยากจะใช้อันนั้น เธอยังต้องรออยู่ 


 


 


“นี่คือ… นั่นคือ…” 


 


 


ซูเหม่ยลี่แนะนำของทุกอย่างในครัวให้เฉินเยี่ยนอย่างกระตือรือร้น 


 


 


“นี่คือเนื้อ นี่คือผัก คุณลุงชอบรสเข้มข้นหน่อย เขาชอบกินมัน คุณป้ากินรสจืด เธอชอบอาหารอ่อนๆ ส่วนซินห้าว เขาชอบกินเนื้อ ซินเหล่ยชอยกินอาหารกระป๋อง ชอบรสเผ็ด เธอจำไว้นะ อย่าจำผิดล่ะ ใช่แล้ว เธอทำอะไรเป็นบ้าง ฉันจะดูว่าเที่ยงนี้พวกเราทำอะไรดี” 


 


 


ซูเหม่ยลี่บอกรสชาติคนบ้านซินให้กับเฉินเยี่ยน 


 


 


“ฉันทำก๋วยเตี๋ยวน้ำได้ แต่ฉันนวดแป้งไม่เป็น ที่บ้านแม่ฉันเป็นคนนวดแป้ง พี่นวดเป็นไหม?” 


 


 


เฉินเยี่ยนคิดแล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง  

 

 


ตอนที่ 201 ขัดแย้ง

 

ซูเหม่ยลี่ได้ยินคำพูดเฉินเยี่ยนก็กัดฟัน นวดแป้งใช้แรงเยอะที่สุดเลย เธอก็ไม่อยากทำ 


 


 


“เธอก็ทำไม่เป็นเหรอ? ฉันทำข้าวธัญพืชอบได้ แต่ตอนนี้เป็นมื้อเที่ยง ปกติมื้อเที่ยงที่บ้านจะกินก๋วยเตี๋ยวกัน” 


 


 


เฉินเยี่ยนทำเหมือนลำบากใจ แสดงสีหน้าไร้เดียงสา 


 


 


ซูเหม่ยลี่คิดไม่ถึงว่าเฉินเยี่ยนจะนวดแป้งไม่เป็น ในความคิดเธอ เฉินเยี่ยนอยากจะเป็นสะใภ้บ้านซิน ก็จะต้องเอาอกเอาใจคนบ้านซิน ให้โอกาสเธอทำกับข้าว เธอจะต้องงัดสารพัดวิธีมาทำให้อร่อย ให้คนบ้านซินชอบ ถึงตอนนั้นเธอก็แค่ลงมือนิดหน่อย ให้อาหารเฉินเยี่ยนเสียหาย แบบนั้นคนบ้านซินก็จะไม่ประทับใจเฉินเยี่ยน แต่ตอนนี้เฉินเยี่ยนให้เธอนวดแป้ง เธอไม่อยากทำ 


 


 


“คุณป้า หนูกับพี่เหม่ยลี่นวดแป้งไม่เป็น จะทำอาหารยังไงดี” 


 


 


เฉินเยี่ยนเห็นซูเหม่ยลี่ไม่พูดอะไร เธอเลยตะโกนเสียงดังถามจากในครัว 


 


 


เธอทำไม่เป็น? เธอทำเป็นแน่นอน เพียงแต่เธอไม่อยากทำ ไม่อยากให้ ไม่อยากให้ซูเหม่ยลี่เสียหาย และไม่อยากให้ผลงานที่ตัวเองลำบากทำมาโดนคนวิจารณ์ ดังนั้นเธอเลยจะไม่ทำอาหารมื้อนี้ 


 


 


“แม้แต่แป้งก๋วยเตี๋ยวยังนวดไม่เป็น พูดมาสิเธอทำอะไรเป็นบ้าง” 


 


 


ซุนหม่านเซียงโกรธจัด 


 


 


“ไม่เป็นไร คุณป้า หนูทำเองค่ะ คุณป้ากับคุณลุงนั่งเถอะ นานๆ ทีซินห้าวจะกลับมา คุณลุงคุณป้านั่งคุยกันเถอะ” 


 


 


ตอนนี้ซูเหม่ยลี่ล้างมือสะอาดแล้ว หยิบอ่างมาเริ่มตักแป้ง 


 


 


เฉินเยี่ยนมองซูเหม่ยลี่ด้วยความแปลกใจ ถามขึ้นมา “พี่บอกว่าพี่ทำไม่เป็นไม่ใช่หรือ?” 


 


 


ซูเหม่ยลี่ยิ้มให้เฉินเยี่ยน ยังคงสีหน้าใจดีเหมือนเดิม 


 


 


“อ้อ” 


 


 


เฉินเยี่ยนช่วยซูเหม่ยลี่ตักน้ำ 


 


 


ซูเหม่ยลี่คิดว่าเฉินเยี่ยนดูซื่อบื้อ ซินห้าวชอบอะไรเธอนะ? ชอบที่เธอสวย? ซินห้าวคิดตื้นขนาดนั้นเลยเหรอ? ตัวเองก็หน้าตาดีเช่นกัน แต่ซินห้าวไม่ยอมให้ตัวเองเข้าใกล้เลย เขาสะบัดตัวเองสองครั้ง แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ เธอยิ่งอยากจะได้ซินห้าว 


 


 


วันนี้ซุนหม่านเซียงบอกเธอว่าเฉินเยี่ยนจะมา ให้เธอมา เธอตอบตกลงโดยไม่ลังเลเลย เธออยากจะดูว่าเฉินเยี่ยนเป็นคนยังไง แต่ตอนนี้เจอแล้ว เธอรู้สึกผิดหวัง เฉินเยี่ยนไม่มีสมอง เธอไม่คู่ควรกับซินห้าวเลย 


 


 


“ดูสิลูกหาคนแบบไหนมา นอกจากหน้าตาที่พอดูได้ เธอทำอะไรได้บ้าง! แม้แต่นวดแป้งยังทำไม่เป็น อีกหน่อยแต่งเข้ามาแล้วหวังว่าจะให้แม่ปรนนิบัติเธอหรือ แล้วยังให้ซูเหม่ยลี่ทำอีก เธอไม่รู้จักอายบ้าง” 


 


 


ซุนหม่านเซียงอยู่ด้านนอกต่อว่าเฉินเยี่ยน เธอดูถูกเฉินเยี่ยนเป็นพันเป็นหมื่นเท่า 


 


 


“พอได้แล้ว พูดน้อยลงหน่อย ผมบอกให้ไปร้านอาหาร คุณก็จะต้องกินที่บ้านให้ได้ มาบ้านครั้งแรกมีที่ไหนให้ลูกสาวคนอื่นมาทำอาหารให้ พูดออกไปคุณไม่กลัวคนอื่นนินทาบ้างหรือ” 


 


 


ซินชานคิดว่าวันนี้ภรรยาทำไม่ถูก ถ้าอีกหน่อยซินห้าวแต่งงานกับเฉินเยี่ยน เธอทำแบบนี้กับเฉินเยี่ยน ที่บ้านจะอยู่กันอย่างสงบสุขไหม? 


 


 


สำหรับลูกชายคนโตตัวเขาเองรู้สึกเป็นหนี้ ตอนนี้ลูกชายคนโตมีหน้ามีตาแล้ว แต่กับที่บ้าน ลูกชายคนโตกลับไม่มีความรู้สึกผูกพัน 


 


 


ภรรยาเอาแต่พูดว่าลูกชายคนโตดี แต่ดีจริงหรือ? 


 


 


เขารู้อยู่แก่ใจ ภรรยายังคงบ่นลูกชายคนโตอยู่ แต่แบบนี้โทษซินห้าวได้หรือ? 


 


 


“ฉันจะพูดสักประโยคไม่ได้เลยหรือ? ฉันเป็นแม่เขานะ! ฉันลำบากขนาดไหนกว่าจะคลอดเขามา ปีนั้นร่างกายฉันทรมานขนาดไห้? ฉันเกือบจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว! ตอนนี้เขาโตแล้ว ปีกกล้าขาแข็งแล้ว เขามีหน้ามีตาแล้ว หัวหน้าโรงงาน เขาก็ไม่ใช่ลูกชายฉันอีกแล้ว? ฉันหาเหม่ยลี่มาให้เขา เหม่ยลี่เป็นผู้หญิงที่ดีขนาดนี้ เขาไม่แม้แต่มอง แล้วหาเด็กบ้านนอกนั่นมา เขาไม่ใช่ไม่รู้ว่าฉันไม่ชอบพวกบ้านนอก จะต้องให้ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียด ฉันว่าเขาไม่ได้แล้วใช่ไหม?” 


 


 


พอพูดขึ้นมาซุนหม่านเซียงก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ เธอก็ไม่สนใจว่าเฉินเยี่ยนจะได้ยินหรือไม่ ได้ยินสิยิ่งดี จะได้เลิกกันไป 


 


 


“คุณไม่ชอบคนบ้านนอก คุณดูถูกบ้านนอก คุณพูดมาตรงๆ เลยว่าคุณไม่ชอบผม!” 


 


 


ซินชานก็โมโหขึ้นมา หลายปีมานี้นับวันภรรยายิ่งหวาดระแวง ขาดความมั่นใจ พูดจาก็ไม่มีเหตุผล คนเดิมที่น่ารักที่สดใสหายไปไหน? 


 


 


คำพูดนี้ของซินชานราวกับยิ่งเป็นการยั่วยุ 


 


 


“หมายความว่าไงฉันไม่ชอบคุณ? ซินชาน คุณพูดจาดีเป็นไหม? ตอนแรกฉันไม่รังเกียจที่คุณเป็นเกษตรกร ฉันไม่สนใจที่พ่อแม่คัดค้านมาแต่งงานกับคุณ ตอนนั้นคุณบอกฉันว่ายังไง? บอกว่าจะดีกับฉันทั้งชีวิต ไม่ใช้ฉันลำบาก แต่ดูคุณตอนนี้สิ? ตอนนี้คุณมาว่าฉันเพราะคนอื่น ในสายตาคุณยังมีฉันอยู่ไหม!” 


 


 


ซุนหม่านเซียงไม่สนใจคนอื่นหาเรื่องซินชาน ที่จริงก็โทษเธอไม่ได้ ตั้งแต่ตอนนั้นที่เธอแต่งงานกับซินชาน เธอรู้สึกว่าเธอแต่งงานกับคนที่ต่ำต้อยกว่า ดังนั้นตอนที่อยู่ต่อหน้าซินชานและคนบ้านซินเธอจะทำตัวสูงส่ง 


 


 


ต่อมาบ้านซินเริ่มมีฐานะ เธอก็ย้ายกลับมาในเมือง เธอไม่กลับไปหมู่บ้านเกษตรกรอีกแล้ว เพราะช่วงชีวิตตอนนั้น เธอไม่ชอบหมู่บ้านเกษตรกรอย่างมาก ตอนปีใหม่ เธอก็ไม่กลับไปกับซินชาน นานๆ ทีจะกลับสักครั้ง เธอรู้สึกว่าหมู่บ้านเกษตรกรสกปรก จน แม่สามีทำอาหาร เธอก็รังเกียจ กินไม่ลงสักคำ 


 


 


หลายปีนี้ซินชานยุ่ง ออกแต่เช้ากลับบ้านดึก ไม่เล่าเรื่องงานให้เธอฟังเลย เธอและซินชานค่อยๆ พูดกันน้อยลง 


 


 


ส่งซินห้าวไปแล้ว เธอยังมีซินเหล่ย เธอฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ซินเหล่ย ซินเหล่ยเป็นดั่งชีวิตของเธอ 


 


 


เธอและซินชานทะเลาะกัน แต่ทุกครั้งซินชานจะปลอบเธอ ยอมเธอ เลยทำให้เธอรู้สึกว่าซินชานควรจะยอมเธอ 


 


 


หลังซินห้าวกลับมา เธอและซินชานยิ่งทะเลาะกันใหญ่ 


 


 


ซินห้าวเป็นลูกชายของเธอ ไม่ใช่ว่าเธอไม่คิดถึง แต่ตอนนั้นเธอคลอดซินห้าวลำบากไม่น้อย ร่างกายไม่แข็งแรงมาตลอด คนอื่นบอกว่าซินห้าวดวงไม่ดี แล้วยังบอกว่าถ้าไม่ส่งไปจะอยู่ได้ไม่นาน เธอไม่มีทางเลือกจึงต้องส่งซินห้าวไป 


 


 


แต่หลังซินห้าวไปแล้วสุขภาพเธอก็ดีขึ้น ดูแลซินเหล่ยก็ไม่รู้สึกเหนื่อยเหมือนเมื่อก่อน 


 


 


เธอรู้สึกเชื่อขึ้นมาบ้าง เธอคิดว่าซินห้าวกินดวงเธอจริงๆ แต่ซินห้าวเป็นลูกชายที่เธอคลอดมา ถึงแม้ว่าจะมีหนามในใจ แต่นั่นก็เป็นลูกชายเธอ 


 


 


เธอคิดว่าเธอคลอดซินห้าวลำบากขนาดนี้ เธอทำดีกับซินห้าวขนาดนั้น หลังซินห้าวกลับมาก็ควรจะเชื่อฟังเธอ 


 


 


แต่ซินห้าวเปล่าเลย 


 


 


เธอให้เขาไปเป็นคนงาน ซินห้าวก็ไม่ยอม 


 


 


เธอให้ซินห้าวหาเรื่องดีๆ ทำ ซินห้าวไม่ทำ 


 


 


เธอให้ซินห้าวไปดูตัว ซินห้าวไม่ไป 


 


 


ซุนหม่านเซียงโมโหแล้ว เธอบ่นกับซินชาน ซินชานบอกว่าลูกโตแล้ว หลายปีมานี้อยู่ข้างนอกไม่ได้ทำให้พวกเขาเดือดร้อนใจ ลูกมีความคิดของตัวเอง ก็ให้เขารับผิดชอบเอง 


 


 


เธอและซินชานทะเลาะกันใหญ่โต แต่ซินห้าวก็ยังทำตัวแบบนั้น 


 


 


ต่อมาซินห้าวขายของได้เงินมา เอาเงินมาให้เธอ เธอกลับรู้สึกว่าซินห้าวทำขายหน้าคนอื่น พวกเขาเป็นครอบครัวยังไง? ให้เขาไปประนีประนอม ในที่สุดซินห้าวก็วางมือ 


 


 


ต่อมาเขาได้เป็นหัวหน้าโรงงาน โรงงานนั้นล้มละลายจนจะปิดแล้ว คนงานก็ไม่ได้ค่าแรง เธอไม่รู้ว่าเขาไปทำอะไร ไม่ได้หาเรื่องให้ตัวเองนะ! 


 


 


แล้วยังมีคนงานมาโวยวายที่บ้าน ช่วงนั้นเธอบ่นซินห้าวไปไม่น้อย 


 


 


ต่อมาโรงงานฟื้นฟูแล้ว เลยมีคนมาเกาะมาอาศัยเธอ ต้องการให้ลูกตัวเองหรือญาติตัวเองเข้าไปในโรงงานซินห้าว เธอตอบตกลง ซินห้าวไม่ตกลงทั้งหมด ให้เธอขายหน้าต่อหน้าคนอื่น เพราะเรื่องนี้เธอเลยไปบ่นกับซินชาน แต่ซินชานบอกว่าซินห้าวมีความคิดของตัวเอง แล้วยังโทษว่าเธอไม่ควรไปซี้ซั้วตอบตกลงกับคนอื่น โกรธจนเธอและซินชานทะเลาะกันใหญ่โต 


 


 


เธออยากจะให้ซูเหม่ยลี่เป็นลูกสะใภ้เธอมาตลอด แต่ให้ตายยังไงซินห้าวก็ไม่ยอม จะต้องแต่งงานกับคนที่มาจากหมู่บ้านเกษตรกรให้ได้ ถ้าเธอยังอยู่ ก็อย่าหวังเลย! 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม