จอมใจจ้าวพิษ 192-199

 ตอนที่ 192 ไร้ยางอาย 


 


สภาพถังเฉียนไม่สู้ดีนัก แม้ว่าเวลานี้จะใช้ยาวิเศษเพื่อรักษาชีวิตนางไว้ แต่อย่างไรก็ทำให้พลังจิตของนางเสียหาย เถิงเฟิงรู้สึกถึงผลร้ายที่มีต่อตัวนาง เขาจึงตัดสินใจไปพบหงหลิงเอ๋อร์เพื่อเอาวิญญาณของถังเฉียนคืนมา หากนางไม่ยอมคืนให้ เขาก็เตรียมใช้กำลังบีบบังคับ 


 


 


เถิงเฟิงเฝ้าอยู่ข้างตัวถังเฉียนตลอดเวลา จึงไม่รับรู้เรื่องราวภายนอก ไม่รู้ว่าข้างนอกมีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วแล้ว เขาออกจากห้องตรงไปที่เรือนพักของหงหลิงเอ๋อร์ 


 


 


“คุณชายเถิงเฟิงมาผิดเวลา ตอนนี้ศิษย์น้องหลิงเอ๋อร์เข้านอนแล้ว ท่านมามืดค่ำเช่นนี้มีเรื่องสำคัญอะไรหรือ” 


 


 


ดูเหมือนถงถงเอ๋อร์แน่ใจอยู่ก่อนแล้วว่าเขาต้องมา จึงรอเขาอยู่ที่นี่ 


 


 


“หึ ในเมื่อนอนแล้ว ก็ไปปลุกนางขึ้นมา ข้ามาหาเรื่องกับนาง ไม่ใช่มาพูดคุย”  


 


 


 “เอ๊ะ นี่เป็นห้องของหญิงสาว ถ้าทำให้คุณหนูหลิงเอ๋อร์เสียชื่อเสียง คงไม่ดีแน่…” 


 


 


เถิงเฟิงเดินไปข้างหน้าสองก้าว แล้วได้ยินที่ถงถงเอ๋อร์พูด ทำให้เขาหัวเราะ แล้วหันมาพูดว่า 


 


 


“ข้ามีหญิงที่ข้าเลือกแล้ว หากทำให้นางเสื่อมเสียชื่อเสียง นางต้องใช้ความตายเป็นเครื่องตอบแทน” 


 


 


คำพูดที่เผ็ดร้อนไม่รักษาน้ำใจเช่นนี้หลุดออกจากปากเถิงเฟิง หงหลิงเอ๋อร์ซึ่งหลบอยู่หลังประตูไม่สามารถทนฟังได้ นางผลักประตูเปิดออก แล้วตะคอกว่า 


 


 


“เถิงเฟิง เจ้ามันไร้ยางอาย!” 


 


 


เถิงเฟิงเห็นนางยืนวางอำนาจอยู่ที่หน้าประตู ท่าทางโกรธเกรี้ยวสุดขีด แต่เขากลับยิ้มที่มุมปาก ถอยหลังหนึ่งก้าว มองดูหญิงตรงหน้าทั้งสองนาง แววตาฉายความเย้ยหยันและดูแคลนออกมา 


 


 


“เข้าไปพูดข้างในหรือจะพูดตรงนี้ แค่อุบายตื้นๆ ของเจ้า ยังสู้เด็กสามขวบไม่ได้” 


 


 


หงหลิงเอ๋อร์ส่งสายตา แล้วตัวเองเดินเข้าไปในห้อง ปล่อยให้เถิงเฟิงเข้ามา พอเข้ามาในห้องนางก็พูดเย้ยหยันว่า 


 


 


“ข้าสู้เด็กสามขวบไม่ได้จริง เทียบกับหญิงสาวในดวงใจของคุณชายเถิงเฟิงไม่ได้ เป็นผู้หญิงหลายใจ อายุยังน้อยก็รู้จักล่อลวงผู้ชายแล้ว” 


 


 


“หุบปากซะ อย่าบีบให้ข้าต้องลงมือกับเจ้า รีบมอบวิญญาณอาหรูน่าออกมา” 


 


 


หงหลิงเอ๋อร์รู้ดีว่าด้วยนิสัยของเขา ย่อมบุกมาถึงที่ แต่นางก็ยังรู้ว่าตอนนั้นมีเพียงเถิงเจินคนเดียวที่ตรวจสอบดวงวิญญาณของเค่อหมิง คนอื่นไม่มีใครรู้รายละเอียด 


 


 


“ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าวิญญาณนางอยู่ที่ใด ข้ามาเพื่อช่วย แม้ข้าจะไม่ชอบนาง แต่เจ้าก็อย่าใส่ร้ายข้า อะไรที่ข้าไม่ได้ทำก็คือไม่ได้ทำ” 


 


 


เถิงเฟิงฟังที่นางพูดกลับไม่โมโห 


 


 


“ได้ ขอเพียงเจ้าสาบานในนามของเทพมังกรและเทพแมลงปีศาจ สาบานว่าที่ผ่านมาไม่เคยทำร้ายอาหรูน่า ที่อาหรูน่าบาดเจ็บนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าโดยสิ้นเชิง หากมีคำโกหกแม้แต่คำเดียว ขอให้ตายตกลงในนรกแห่งเทพมังกร ได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัส ไม่ได้ผุดได้เกิด” 


 


 


“เจ้าช่างอำมหิตจริงๆ ข้าเกลียดนางจริงและเคยข่มเหงนาง แต่นางในเวลานี้ไม่เกี่ยวกับข้าแม้แต่น้อย นั่นเป็นเพราะคนเผ่าพีส่าเจ้าแอบฝึกวิชาลับของนิกายเทพมังกร เกี่ยวอะไรกับข้าด้วย ข้าไม่สาบาน เหตุใดข้าต้องสาบานด้วย” 


 


 


เถิงเฟิงมองดูด้ายแดงในมือตนเอง ครั้งก่อนเขาฝืนรักษาถังเฉียน จนตัวเองบาดเจ็บเพิ่งหายดี ขณะนี้เขากำลังจะใช้วิชาลับ ก็เกรงว่าจะส่งผลร้ายต่อตัวเอง แต่ถ้าเขาไม่ใช้วิชาลับ ย่อมไม่อาจสยบหงหลิงเอ๋อร์และถงถงเอ๋อร์ได้ 


 


 


“อ้า!” 


 


 


เถิงเฟิงไม่เกรงใจแล้ว เขาคว้าตัวหงหลิงเอ๋อร์ บีบคอนางไว้ กระพรวนในมือแบ่งเป็นสองสายมัดหงหลิงเอ๋อไว้กับผนังห้อง แล้วถามเสียงกร้าว 


 


 


“ข้าจะถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย บอกมาว่าเจ้าขังวิญญาณอาหรูน่าไว้ที่ใด หากเจ้าไม่บอก ข้าจะตรวจสอบวิญญาณเจ้า” 


 


 


“ข้าเป็นธิดาเทพแห่งเผ่าหมอผี เจ้าบังอาจทำกับข้าเช่นนี้ ข้าต้องการพบอาจารย์ เถิงเฟิง เจ้าลอบโจมตีข้า ไม่ใช่สุภาพบุรุษ” 


 


 


หงหลิงเอ๋อร์คาดไม่ถึงว่าเถิงเฟิงจะทำเช่นนี้ ถึงกับล่ามดวงวิญญาณของนางไว้ แผนนี้ช่างร้ายกาจนัก ไม่เปิดช่องให้นางเลย ถ้าจะโทษก็ต้องโทษตัวนางเองที่คิดว่าเถิงเฟิงน่าจะมีใจต่อนางบ้าง คงไม่กล้าทำเรื่องร้ายกาจเช่นนี้ 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 193 เงื่อนไขแลกเปลี่ยน 


 


 


 


 


 


หลังจากเถิงเฟิงควบคุมนางได้แล้วก็ไม่พูดอะไรที่ไร้สาระอีก หงหลิงเอ่อร์มองตาเขา รู้ดีว่าขืนตนไม่พูด เขาย่อมใช้วิชาตรวจสอบวิญญาณแน่ หงหลิงเอ๋อร์รู้นิสัยเขาดี เขากล้าพูดกล้าทำ 


 


 


“ได้ ให้เจ้าก็ได้ แต่ข้ามีเงื่อนไข” 


 


 


หงหลิงเอ๋อร์ยื่นข้อเสนอ ถงถงเอ๋อร์แอบฟังอยู่ข้างนอก นางเตรียมจะไปพาคนมาช่วย แต่เถิงเฟิงไม่ให้โอกาสนาง ด้ายแดงพร้อมกับกระพรวนในมือเขาล่ามคอถงถงเอ๋อร์ไว้ ตรึงไว้ที่ประตู 


 


 


“เผ่าพีส่าคอยสยบเผ่าหมอผีโดยเฉพาะ พวกเจ้าอย่าดิ้นรนเลย” 


 


 


ถงถงเอ๋อร์จะอ้าปาก แต่เมื่อนางขยับด้ายแดงที่คอก็รัดแน่นขึ้น ทำให้นางไม่กล้าขยับเขยื้อน ได้แต่แอบฟังเสียงพูดคุยในห้อง 


 


 


“สุนัขของเจ้า ข้าช่วยล่ามให้แล้ว วันหลังดูแลให้ดีหน่อย ถ้านางยังรังแกอาหรูน่าอีก ข้าไม่มีวันปล่อยนางแน่” 


 


 


มีแววอำมหิตวาวโรจน์ขึ้นในดวงตาเถิงเฟิง คำพูดเหล่านี้เป็นการพูดกับถงถงเอ๋อร์ พอพูดจบประตูก็ปิดจากด้านใน หงหลิงเอ๋อร์ล้วงกล่องเล็กใบหนึ่งออกจากอกเสื้อ เป็นกล่องที่มีสลัก เถิงเฟิงเห็นก็มองออกทันทีว่าเป็นเครื่องล่ามวิญญาณของเผ่าหมอผี มิน่าเขาถึงตามหาวิญญาณถังเฉียนไม่เจอ ที่แท้อยู่ที่นี่เอง 


 


 


“บอกมา เจ้าต้องการสิ่งใด” 


 


 


หงหลิงเอ๋อร์ถือกล่องเล็กไว้ในมือ ยิ้มแล้วพูดว่า 


 


 


“อาจารย์ต้องการให้สังหารนางอย่างลับๆ ป้องกันไม่ให้เราสองคนบาดหมางกัน ใครจะคิดว่าเค่อหมิงจะฝึกวิชาของนิกายเทพมังกร ข้าไม่รู้มาก่อน เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ ก็ต้องบอกว่าอาหรูน่าหาเรื่องใส่ตัวเอง ตอนนี้ข้าคืนคนให้เจ้าก็ได้ แต่เจ้าต้องเลิกการหมั้นหมายกับนาง” 


 


 


ที่บอกว่าเลิกการหมั้นหมาย ก็คือการเอาพรศักดิ์สิทธิ์ที่มอบให้กลับคืนมา แต่เถิงเฟิงไม่ทำเช่นนั้นเด็ดขาด 


 


 


“เจ้าเองก็รู้ว่านี่เป็นเงื่อนไขที่ข้าไม่อาจตกลง ทางที่ดีพูดเงื่อนไขที่ข้าทำได้จะดีกว่า อย่าให้ข้าต้องลงมือ ไม่เช่นนั้นจะไม่เป็นผลดีต่อเราทั้งคู่” 


 


 


หงหลิงเอ๋อร์ครุ่นคิด กำมือแน่นแล้วพูดว่า 


 


 


“หากข้อนี้ไม่ตกลง ข้าก็ไมมีเงื่อนไขอื่นแล้ว เจ้าเองก็รู้ดีว่าข้าต้องการเจ้า!” 


 


 


เถิงเฟิงเชิดมุมปากขึ้น เขาไม่เชื่อคำพูดนางแม้แต่คำเดียว เขายิ้มหยันแล้วพูดว่า 


 


 


“ที่เจ้าต้องการก็คืออำนาจและตำแหน่ง อาศัยการเป็นเมียข้าเพื่อควบคุมการปกครองภายใน อย่างข้าให้โอสถทิพย์เจ้าสามเม็ดดีกว่า จะช่วยให้เจ้าฝึกวิชาได้ก้าวหน้าขึ้น เจ้าไปเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากย่ารองดีหรือไม่” 


 


 


หงหลิงเอ๋อร์เหลือบมองถงถงเอ๋อร์ข้างนอก ดวงตาฉายแววคาดหวังออกมา เถิงเฟิงเข้าใจหงหลิงเอ๋อร์ดี นางมีพรสวรรค์โดดเด่นจริง แต่นางไม่ได้เก่งอย่างที่คิด เมื่อเทียบกับหญิงเผ่าหมอผีคนอื่นแล้ว นางมีของวิเศษแห่งฟ้าดินมากมายคอยกระตุ้นให้เติบโต แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งอ่อนแรง 


 


 


แม้ว่าขณะนี้นับว่านางยังพอใช้ได้ แต่ถ้าหากอยากก้าวหน้าอีกขั้นหนึ่ง ก็ต้องอาศัยของวิเศษที่ดียิ่งขึ้น และของแบบนี้จะหาได้ในเผ่าพีส่าเท่านั้น 


 


 


“เจ้าพูดจริงหรือ” 


 


 


เถิงเฟิงไม่อยากเสียเวลากับนาง เขาวางโอสถทิพย์สามเม็ดลงบนโต๊ะ หลงหลิงเอ๋อร์รีบคว้าไว้ในมือ นางอยากได้มาก แต่นางก็อยากฆ่าถังเฉียนเช่นกัน นางมองดูกล่องเล็กในมือ แล้วมีรอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปาก มองดูของเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ในนั้น 


 


 


“แลกก็แลก ถ้าเกิดข้าฆ่านางจริงๆ เจ้าคงแค้นข้าแทบตาย อาจารย์ไม่อยากทำ แต่ให้ข้าเป็นคนเลว ข้าเองก็ไม่ใช่คนโง่” 


 


 


เถิงเฟิงคาดไม่ถึงว่านางจะยอมตกลงง่ายๆ เช่นนี้ เขารับกล่องใบนั้นไว้แล้วผละไป ไม่อาลัยอาวรณ์หงหลิงเอ๋อร์แม้แต่น้อย 


 


 


ถงถงเอ๋อร์เป็นอิสระแล้ว นางอดถามไม่ได้ 


 


 


“เจ้าปล่อยอาหรูน่าแล้วหรือ เราวางแผนตั้งนาน เพื่อโอสถทิพย์สามเม็ดอย่างนั้นหรือ” 


ตอนที่ 194 ถังเฉียนฟื้นแล้ว 


 


 


 


 


 


ถงถงเอ๋อร์โกรธมาก แต่หงหลิงเอ๋อร์ไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย นางมองดูโอสถทิพย์ที่วาวใสสามเม็ดในมือ ดีใจอย่างบอกไม่ถูก  


 


 


“ตอนนี้เจ้ากับข้ารวมกันก็เอาชนะเขาไม่ได้ หากเขาใช้วิชาตรวจสอบวิญญาณขึ้นมา เราสองคนตกที่นั่งลำบากแน่ ถ้าเกิดบาดเจ็บถึงรากฐาน เปลี่ยนอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว ข้าสามารถก้าวหน้าขึ้นอีกขั้น อีกอย่างถ้าอาหรูน่าตายตอนนี้จะมีความหมายอะไร ศิษย์พี่เอ๋ย อย่าเล่นแบบเด็กเลย แม่นมพูดถูก ถ้าอยากให้นางตายมีนับพันวิธี ไม่ต้องรีบร้อนตอนนี้หรอก” 


 


 


“อะไรนะ หมายความว่าอย่างไร” 


 


 


แววตาหงหลิงเอ๋อร์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ดูเหมือนนางจะไม่ง่ายอย่างที่เห็น นางพูดไปได้ครึ่งเดียวก็มีหญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากในห้อง สวมชุดดำ ดูแปลกเป็นพิเศษ ราวกับฮว่าเหยียนที่ถังเฉียนเห็นครั้งแรก 


 


 


“ทำอย่างนี้ถูกแล้ว เราไม่จำเป็นต้องฆ่าอาหรูน่าด้วยตัวเอง ไม่เช่นนั้นวันหลังต้องเผชิญกับความแค้นของคุณชายเถิงเฟิง การฆ่านางย่อมมีคนที่เหมาะสมกว่าไปทำ” 


 


 


หงหลิงเอ๋อร์ยิ้มพลางมองดูหญิงตรงหน้า ถงถงเอ๋อร์ไม่เข้าใจ เหตุใดหญิงคนนี้จึงได้รับความไว้วางใจจากหงหลิงเอ๋อร์ ทั้งยังเชื่อทุกอย่างที่นางบอก 


 


 


“ศิษย์พี่ถง ท่านนี้คือแม่นมข้าอาซั่น หลายปีนี้นางท่องเที่ยวอยู่ข้างนอก ในที่สุดก็กลับมาช่วยข้าแล้ว” 


 


 


ถงถงเอ๋อร์มองหญิงลึกลับตรงหน้า ดูแล้วนางน่าจะอายุไม่น้อย แต่แค่แม่นมเล็กๆ เหตุใดหงหลิงเอ๋อร์จึงนอบน้อมต่อนางนัก ถงถงเอ๋อร์แปลกใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็รู้สึกปวดหัวเข่า แล้วทนไม่ไหวจนต้องเกาะมุมโต๊ะไว้ นางมองดูหญิงที่ซ่อนอยู่หลังผ้าแพรสีดำ สีหน้าเคียดแค้น แต่หงหลิงเอ๋อร์กลับบอกว่า 


 


 


“ศิษย์พี่ถง แม่นมท่านนี้อารมณ์ร้าย หากเจ้าดูถูกนาง ข้าเองก็ช่วยเจ้าไม่ได้” 


 


 


ถงถงเอ๋อร์ยื่นมือไปคลำหัวเข่าตน แล้วค่อยๆ เกาะโต๊ะยืนขึ้น 


 


 


“เป็นข้าที่มีตาหามีแววไม่ หลายปีแล้วที่ไม่ได้พบยอดฝีมือเช่นท่าน” 


 


 


อาซั่นร้องอืม แต่ไม่พูดอะไรกับนาง ดูแล้วไม่ได้ใส่ใจนางเลย วันนี้ถงถงเอ๋อร์ถูกข่มเหง นางกำหมัดแน่น แต่สีหน้าไม่กล้าแสดงความไม่เคารพออกมาแม้แต่น้อย เหตุใดนางต้องถูกคนอื่นรังแกอยู่ร่ำไป ถังเฉียนซึ่งเป็นหมอผีสมุนไพรเช่นเดียวกับนาง เหตุใดจึงมีคนมากมายคอยปกป้อง ช่างไม่ยุติธรรมเลย 


 


 


ถังเฉียนอยู่ในภาวะสลบต่อเนื่อง ยังดีที่เขาศักดิ์สิทธิ์เป็นที่ที่มีโอสถทิพย์และไอทิพย์สมบูรณ์ นางจึงไม่มีอันตรายถึงชีวิต เถิงเฟิงรอให้พ่อแม่ทำตามที่พูดไว้ไม่ไหว เขาใช้วิธีของตัวเองสามารถเอาวิญญาณคืนมาจากหงหลิงเอ๋อร์ แต่เขาไม่โง่เขลาถึงขั้นที่เชื่อว่าหงหลิงเอ๋อร์จะไม่ใช้กลอุบาย 


 


 


เขาถอดสลักออก มองดูพลังแห่งดวงวิญญาณที่ใสบริสุทธิ์ลอยอยู่ แล้วแทงปลายนิ้ว หยดเลือดลงบนนั้น 


 


 


ด้ายไหมสีดำถูกละลายอย่างรวดเร็ว 


 


 


“รู้อยู่แล้วว่าเจ้าไม่เอาออกมาง่ายๆ หรอก” 


 


 


เถิงเฟิงหยิบด้ายไหมสีดำบนนั้นออกไป แล้วเอาดวงวิญญาณของนางวางกลับคืนไป ยังดีที่ขั้นตอนนี้ไม่ทุกข์ทรมาน ส่วนถังเฉียนในฝันรู้สึกว่าภาพรอบตัวดูเหมือนภาพหลอนมากขึ้นทุกที ราวกับว่าโลกที่เถิงเฟิงสร้างให้นางกำลังเผชิญพายุฝน 


 


 


นางเหมือนอยู่บนเรือท้องแบนลำหนึ่ง ปล่อยให้พายุฝนพัดไปตลอดคืนจึงหยุดลง 


 


 


ถังเฉียนรู้สึกร่างกายอ่อนเพลียมาก แล้วอดหยัดกายนั่งขึ้นบนเตียงไม่ได้ ทั้งยังบิดขี้เกียจอย่างผ่อนคลาย บิดตัวที่ไมได้ขยับเขยื้อนนานมาก ฟังเสียงกระดูกลั่น รู้สึกผ่อนคลายทั้งกายและใจ 


 


 


“ฟื้นแล้ว แม่จอมยุ่ง!” 


 


 


ถังเฉียนหันมาเห็นเถิงเฟิงสวมชุดชั้นใน เขานั่งบนโต๊ะ หันหน้ามามองดูนาง 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 195 หลังจากฟื้น 


 


 


 


 


 


ถังเฉียนมองเขา มุมปากที่โค้ง ใบหน้ามีรอยยิ้มที่แสนอบอุ่น 


 


 


“เถิงเฟิง เมื่อวานข้าฝันร้าย ยังดีที่พอตื่นก็ได้เห็นเจ้า ทำให้ข้าไม่กลัวแล้ว” 


 


 


เถิงเฟิงกระโดดลงจากโต๊ะ ตบหน้าผากถังเฉียนหนึ่งที 


 


 


“แม่จอมยุ่ง เจ้ากลับมาในโลกแห่งความจริงแล้ว” 


 


 


“โอ๊ย…” 


 


 


ถังเฉียนรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ส่งมาจากหน้าผาก รอยยิ้มบนใบหน้าเบิกบานยิ่งขึ้น ถ้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาง อาจจะคิดว่านางเสียสติไปแล้ว เมื่อรู้ว่านางสลบไปนานเช่นนี้ แม้จะหิวจัด แต่ก็ไม่ได้ให้นางกินเยอะเกินไป แค่โจ๊กชามเล็กก็เพียงพอ 


 


 


เถิงเฟิงเพิ่งยกโจ๊กมาให้ไม่ทันไร ก็ถูกเรียกตัวไป จึงเหลือเพียงนางคนเดียว เมื่อไม่มีอะไรทำ ถังเฉียนจึงเดินเล่นในบริเวณบ้าน เถิงเฟิงบอกนางว่าอย่าเพิ่งออกไปไหนชั่วคราว เพราะเขาศักดิ์สิทธิ์มีกฎเกณฑ์มากมาย หลายคนยังไม่เคยเห็นนาง เกรงว่าอาจจะเกิดเรื่องเดือดร้อนได้ 


 


 


ถังเฉียนเดินรอบบ้านอยู่นาน เรือนหลังนี้ถูกสร้างอย่างประณีต เพียงแต่ในบริเวณบ้านมีนางเพียงคนเดียวจึงทำให้รู้สึกเหงา นางเดินไปตามทางเดินจนออกไปนอกบ้าน ไล่ตามผีเสื้อไปถึงศาลาที่มีหญิงสาวจับกลุ่มพูดคุยกันอยู่ 


 


 


“ได้ยินว่าว่าที่ฮูหยินน้อยฟื้นแล้ว ไม่รู้ว่านางเป็นหญิงงามขนาดไหนกัน” 


 


 


ถังเฉียนได้ยินคำว่าว่าที่ฮูหยินกลับไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่พอได้ยินว่าฟื้นแล้วก็รู้ว่ากำลังพูดถึงตนเอง แม้ตัวนางไม่ได้อยู่ที่นี่แต่ถูกกำหนดสถานะแล้ว คำเรียกขานนี้ทำให้ใบหน้านางแดงเรื่อ แล้วอยากฟังต่อด้วยความอยากรู้อยากเห็น  


 


 


“ถึงจะบอกว่าเป็นฮูหยินน้อย แต่ใครจะรู้ว่าจะเป็นได้สักกี่วันเชียว ก็แค่เด็กสาวบ้านนอกคนหนึ่ง แถมยังได้ยินว่าเป็นหญิงหลายใจ ไม่รักนวลสงวนตัว ฮูหยินเราคงไม่เอาผู้หญิงเช่นนี้เข้าบ้านหรอก” 


 


 


ถังเฉียนไม่รู้ว่าคำพูดเหล่านี้แพร่สะพัดมาจากที่ใด เห็นชัดๆ ว่าเป็นการใส่ร้าย แต่นางเพิ่งมาถึงที่นี่ ก็ไม่ได้ทำให้ใครไม่พอใจ ข่าวลือพวกนี้มาจากที่ใดกันแน่ 


 


 


ถังเฉียนอยากจะเดินไปข้างหน้าอีกสองก้าว ฟังดูว่าพวกนางจะพูดอะไรอีก แล้วได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งเดินมา พูดเสียงดังว่า 


 


 


“ฮูหยินเพิ่งมีคำสั่ง ห้ามพวกเจ้าซุบซิบนินทา บังเอิญที่ข้ามาได้ยินพอดี แต่ละคนตบปากตัวเองสามสิบที หากยังทำผิดอีกจะเพิ่มโทษเท่าตัว” 


 


 


“แม่นางหรูอี้ พวกเราสำนึกผิดแล้ว ไม่กล้าทำอีก โปรดยกโทษให้พวกเราสักครั้งเถอะ” 


 


 


หรูอี้? 


 


 


พอถังเฉียนได้ยินชื่อนี้ ดูเหมือนตนเองจะรู้จักในฝัน แต่นางไม่แน่ใจ แล้วได้ยินนางพูดว่า 


 


 


“ไม่ต้องมาขอร้องข้า ฮูหยินบอกแล้วว่าอย่าให้คำพูดพวกนี้ไปถึงหูคุณหนูอาหรูน่าและท่านอาวุโส ยิ่งลือก็ยิ่งสับสน ทำให้เสียแบบแผน เห็นชัดๆ ว่าพวกเจ้าไม่ใส่ใจคำพูดฮูหยิน ตบปาก!” 


 


 


พอถังเฉียนได้ยินเช่นนี้ก็รีบเดินย้อนกลับ ไม่กล้าอยู่ฟังต่อ 


 


 


เมื่อนางเข้ามาในบ้านก็ยังครุ่นคิดเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วเห็นแม่เฒ่าสองคนยืนมองซ้ายมองขวาอยู่ในลานบ้าน ถังเฉียนคาดว่าคงเป็นคนของฮูหยิน จึงรีบเดินเข้ามาทักทาย 


 


 


“คุณหนูอาหรูน่า ฮูหยินเราได้ยินว่าคุณหนูฟื้นแล้ว ให้เราสองคนมาเยี่ยม แล้วกลับไปรายงานว่าเป็นอย่างไรแล้ว” 


 


 


ถังเฉียนบอกว่านางสบายดี ขอบคุณที่ฮูหยินเป็นห่วง แต่แม่เฒ่าสองคนกลับยิ้มแปลกๆ 


 


 


“ฮูหยินเราได้ยินว่าเลือดของคุณหนูอาหรูน่ามีความพิเศษ อยากยืมเลือดจากคุณหนูสักหนึ่งหยดได้หรือไม่”  


 


 


ยืมเลือดข้า? 


 


 


ถังเฉียนไม่เคยได้ยินเรื่องทำนองนี้มาก่อน แต่อย่างไรแม่เฒ่าสองคนนี้ก็เป็นคนรุ่นอาวุโสของเถิงเฟิง ในเมื่อเอ่ยปากแล้ว นางไม่ควรปฎิเสธ เพียงแต่… 


ตอนที่ 196 สาวพรหมจารี 


 


 


 


 


 


ถังเฉียนไม่คิดมาก ใช้มีดแทงปลายนิ้วตัวเอง หยดเลือดลงในชามใส่น้ำที่พวกนางเตรียมไว้แล้ว แม่เฒ่าทั้งสองจ้องดูน้ำในชามอย่างจริงจัง พอเลือดลงไปในน้ำก็กระจายตัวออกอย่างรวดเร็ว แล้วมารวมตัวกันที่ก้นชาม แม่เฒ่าทั้งสองสบตากัน แล้วพูดว่า 


 


 


“แม่นาง หากท่านไม่มีอะไร เราจะนำน้ำกลับไปรายงาน” 


 


 


ขณะที่ถังเฉียนจะเดินออกไปส่งพวกนาง เถิงเฟิงก็ถีบประตูเปิดออก ถังเฉียนสะดุ้ง แม่เฒ่าทั้งสองใบหน้าขาวซีด 


 


 


“ยายแก่อย่างพวกเจ้าแอบทำอะไรนางลับหลังแม่ข้า” 


 


 


ถังเฉียนฟังที่เถิงเฟิงพูดก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มีลับลมคมใน โดยเฉพาะเมื่อเห็นแม่เฒ่าทั้งสองกลัวจนไม่กล้าพูดอะไร ทำให้นางนึกถึงเรื่องที่ได้ยินวันนี้ 


 


 


“คุณชายรองอย่าโมโห เราสองคนทำตามคำสั่งแม่นางหรูอี้ ไม่เช่นนั้นเราไม่กล้าทำเรื่องเช่นนี้หรอก” 


 


 


“ใช่แล้ว ใช่แล้ว ระยะนี้ในจวนมีข่าวลือเกี่ยวกับความบริสุทธิ์ของแม่นางรุนแรงขึ้นทุกที ฮูหยินคิดว่าให้เราสองคนมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของแม่นางเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด คุณชายดูสิ เราแค่เอาเลือดหยดเดียวของคุณหนูอาหรูน่า ไม่ได้ทำอย่างอื่นเลย” 


 


 


สองคนพูดจาสอดรับกัน ถังเฉียนพอจะเข้าใจจุดมุ่งหมายในการมาของพวกนางแล้ว แต่เลือดเพียงหยดเดียวจะสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนได้หรือ 


 


 


“พวกเจ้าชักจะเก่งใหญ่แล้วนะ ข้าเพิ่งกลับจากไปพบท่านแม่มา ท่านไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้แม้แต่คำเดียว เห็นชัดๆ ว่าพวกเจ้าลงมือทำกันเอง ยังกล้าทำให้มือนางบาดเจ็บ ช่างเหิมเกริมจริงๆ ไปพบท่านแม่กับข้าเดี๋ยวนี้ หากท่านแม่พูดจริงก็แล้วไป หากไม่ใช่ ข้าจะถลกหนังพวกเจ้า” 


 


 


แม่เฒ่าทั้งสองคุกเข่าลงทันที หนึ่งในนั้นร้องไห้พลางพูดว่า 


 


 


“คุณชายรอง ถ้าท่านไม่พอใจยายแก่อย่างพวกเรา ก็ไม่จำเป็นต้องถึงกับเอาชีวิตพวกเรา หากท่านพาพวกเราไปอย่างนี้ ฮูหยินย่อมต้องบอกว่าไม่ได้พูด ไม่เช่นนั้นจะเป็นผลเสียต่อความผูกพันระหว่างแม่ลูกจริงหรือไม่” 


 


 


“ใช่แล้ว ใช่แล้ว…นี่เป็นเรื่องระหว่างผู้หญิงด้วยกัน ไม่เกี่ยวข้องกับคนนอก” 


 


 


ถังเฉียนตั้งใจฟังที่พวกนางพูดตั้งแต่ต้นจนจบ เมื่อเห็นเถิงเฟิงปกป้องตัวเองขนาดนี้ก็รู้สึกซาบซึ้งใจมาก 


 


 


“ข้างนอกมีข่าวลือว่าข้าไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ ใครเป็นคนพูดเรื่องนี้ ข้าเพิ่งมาถึงเขาศักดิ์สิทธิ์ไม่นาน นอนสลบอยู่ตลอด คงไม่ใช่คนบนเขาศักดิ์สิทธิ์แน่นอน พวกเจ้าลือกันไม่หยุด แล้วชู้รักข้าเป็นใครกัน” 


 


 


ถังเฉียนฟังที่พวกนางพูด คิดถึงตรงนี้จึงเอ่ยปากออกมา แม่เฒ่าทั้งสองมองหน้ากันไปมา กลับเป็นเถิงเฟิงที่โมโห ดึงแขนถังเฉียนแล้วพูดว่า 


 


 


“ชู้รักอะไร เหตุใดเจ้าพูดเรื่องตัวเองเช่นนี้” 


 


 


ถังเฉียนใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อให้เขา เจ้าหนุ่มนี่เหงื่อเต็มหน้า ดูท่าคงจะวิ่งมา ถังเฉียนเคยเห็นมารดาทำเช่นนี้เมื่อบิดากลับถึงบ้าน รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่มีความสุขที่สุดในโลก นางเช็ดเหงื่อให้เถิงเฟิงเสร็จก็เก็บผ้าเช็ดหน้า 


 


 


“เอาล่ะ ข้าพูดเองย่อมน่าฟังกว่าที่พวกนั้นพูดลับหลัง ไม่เช่นนั้นจะให้พูดเช่นไร นั่นเป็นตัวประกอบในข่าวลือนี้ไม่ใช่หรือ ข้าเองก็อยากรู้ว่าเขาเป็นใคร” 


 


 


แม่เฒ่าจะเอ่ยปากบอก แต่เถิงเฟิงขยิบตาห้าม 


 


 


“พวกเจ้าสองคนดูออกหรือไม่ว่าอาหรูน่าเป็นสาวบริสุทธิ์” 


 


 


แม่เฒ่าบอกว่า 


 


 


“บริสุทธิ์ เป็นสาวบริสุทธิ์แน่นอน เลือดสาวบริสุทธิ์หยดลงไปในน้ำก็จะรวมตัวกัน เกาะกันไม่กระจายออกไป ถ้าเป็นหญิงที่ผ่านผู้ชายมาแล้ว เลือดจะกระจายออก ไม่สามารถรวมกันได้ คุณชายดูเลือดในน้ำสิ เราสองคนเห็นด้วยตาตัวเองเลย” 


 


 


ถังเฉียนไม่เคยได้ยินวิธีพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของหญิงสาวเช่นนี้ นางส่ายหน้าเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ นางเข้าใจดี วิธีพิสูจน์แบบนี้เป็นกฎเกณฑ์ที่พวกหมอตำแยสรุปกันขึ้นมาเอง 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 197 กฎเกณฑ์ 


 


 


 


 


 


เถิงเฟิงฟังแล้วรู้สึกว่าเป็นข่าวดี สรุปก็คือเขาไม่จำเป็นต้องไปยุ่งเกี่ยวด้วย จึงพูดขึ้นว่า 


 


 


“อย่างนั้นก็กลับไปเถอะ ในเมื่อพิสูจน์แล้วย่อมรู้ว่าควรจะทำเช่นไร ถ้าข้าได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับนางอีก ก็ระวังอย่าให้ข้าแทงหูได้เด็ดขาด” 


 


 


คำพูดเถิงเฟิงมีความหมายแอบแฝง แม่เฒ่าทั้งสองรีบขานรับทันที “เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ…” แล้วผละออกไป 


 


 


เมื่อพวกนางไปแล้ว เถิงเฟิงก็ดึงถังเฉียนเข้าไปในห้อง ตีหน้าผากนางเบาๆ ถังเฉียนพูดด้วยความไม่พอใจ 


 


 


“ข้ายังป่วยอยู่นะ เบาหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร” 


 


 


เถิงเฟิงครุ่นคิด แล้วเอื้อมมือไปคลำหน้าผากนางเบาๆ 


 


 


“พวกนั้นบอกว่า เจ้ากับจินซิวอ๋องมีความสัมพันธ์กัน พอเขามาถึงก็ไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าหมอผี ท่านย่ารับเขาไว้รักษา แล้วส่งหงหลิงเอ๋อร์มา นางก็เลยมาก่อเรื่องเดือดร้อน แต่ไม่เป็นไร ตอนนี้เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าแม่เฒ่าสองคนนี้มาตามคำสั่งท่านแม่จริงหรือไม่ ต่อจากนี้ก็จะไม่มีใครพูดคำพูดที่น่าสะอิดสะเอียนนั่นอีกแล้ว” 


 


 


ถังเฉียนฟังแล้วกลับไม่พยักหน้า หงหลิงเอ๋อร์มาได้อย่างไร นางถูกลงโทษให้กักตัวไม่ใช่หรือ ตอนนั้นเกือบทำร้ายนางจนเสียชีวิต หรือว่าจะปล่อยให้เลยตามเลยง่ายๆ อย่างนี้หรือ 


 


 


“นางถูกอาจารย์ลงโทษกักบริเวณให้สำนึกผิด เหตุใดครึ่งปีจึงเร็วนัก” 


 


 


เถิงเฟิงฟังน้ำเสียงนางก็รู้ว่านางไม่พอใจ จึงพูดปลอบว่า 


 


 


“นางเป็นลูกสาวหัวหน้าเผ่าหมอผี หัวหน้าหงมาขอร้องด้วยตัวเอง ขอโอกาสให้นางได้ทำคุณไถ่โทษ แม้ว่าย่ารองจะเห็นความสำคัญของกฎเกณฑ์ตลอดมา แต่อย่างไรท่านก็เป็นชาวเผ่าพีส่า ระหว่างสามเผ่าต้องประนีประนอมกัน” 


 


 


ถังเฉียนเข้าใจดี ฝ่ายนั้นมีชาติกำเนิดสูงส่ง อาจารย์จะทำเพื่อตนแล้วลงโทษนางจริงๆ หรือ เถิงเฟิงตบศีรษะนางเบาๆ แล้วพูดว่า 


 


 


“ไม่ต้องกลัว ข้าจะเฆี่ยนนางด้วยตัวเองสองที ถือว่าแก้แค้นแทนเจ้า อย่างไรนางก็เป็นผู้หญิง ข้าไม่สะดวกจะจัดการกับนาง ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ใช่คนของข้า ข้าไม่อาจตอบโต้ได้ แต่นับจากวันนี้เป็นต้นไป ใครกล้ารังแกเจ้าอีก เท่ากับรังแกข้า ข้าสามารถฆ่านางได้” 


 


 


ถังเฉียนรีบยกมือขึ้นห้าม เจ้าหนุ่มผู้นี้พอคลั่งขึ้นมา ก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรบ้าง 


 


 


เมื่อถังเฉียนรู้ว่าชู้รักในข่าวลือคือใคร ก็รู้ว่าที่เกิดข่าวลือระหว่างทั้งสอง เป็นเพราะฉู่จิ่งเหยาสอนวรยุทธ์ให้นาง แต่เรื่องนี้ไม่อาจประกาศออกไปโดยพลการ หงหลิงเอ๋อร์จึงใช้จุดนี้สร้างข่าวลือขึ้น 


 


 


“ข้าเพิ่งมาถึงที่นี่ ไม่อยากก่อเรื่อง ข้ามาเพื่อเยี่ยมเจ้า อีกอย่าง พรศักดิ์สิทธิ์อะไรนั่น ข้าไม่ต้องการ เจ้ารีบเอาคืนไปเถอะ” 


 


 


เถิงเฟิงได้ยินเช่นนั้นก็ร้อนใจ 


 


 


“หรือว่าเจ้าชอบฉู่จิ่งเหยา” 


 


 


ถังเฉียนดึงมือเขาออกไป แล้วพูดอย่างจริงจัง 


 


 


“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับว่าข้าชอบเขาหรือไม่ แต่เจ้าไม่ควรทำตามอำเภอใจแล้ว…แล้ว…” 


 


 


ถังเฉียนอยากบอกว่ากำหนดเรื่องสำคัญชั่วชีวิต แต่เรื่องนี้เป็นการยินยอมพร้อมใจของทั้งสองฝ่ายไม่ใช่หรือ คำนี้อาจจะแสดงเจตนาไม่ตรง จึงอยากเปลี่ยนเป็นคำอื่นแต่ยังคิดไม่ดี คิดแล้วจะทำให้ฐานะของตัวเองด้อยลงไม่ได้ จึงพูดว่า 


 


 


“การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ ต้องยึดถือคำสั่งพ่อแม่และคำแนะนำของแม่สื่อ จะทำเป็นเรื่องเล่นๆ ไม่ได้” 


 


 


เถิงเฟิงจึงยิ้มแล้วพูดว่า 


 


 


“ผู้ชายเผ่าพีส่าเราแต่ไหนแต่ไรล้วนเลือกเมียเอง เลือกนางแล้วก็จะระบุตัวนาง ไม่ทรยศ ไม่หลอกลวงชั่วชีวิต ข้าเลือกเจ้า…” 


 


 


เถิงเฟิงพูดพลางดึงมือนาง แล้วพูดอย่างมีความหมายลึกล้ำว่า 


 


 


“ข้าเลือกเจ้าแน่นอนแล้ว” 


 


 


ใบหน้าถังเฉียนแดงเรื่อ นางไม่เคยคิดว่าจะมีใครมาสารภาพกับนางเช่นนี้ จึงผลักเถิงเฟิงออกไปแล้วพูดว่า 


 


 


“ไม่ได้ ไม่ได้…” 


 


 


เถิงเฟิงเห็นว่านางยังคงปฏิเสธ จึงยิ้มแล้วว่า 


 


 


“เจ้ารู้กฎเกณฑ์ของพรศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ หากข้าตายเจ้าก็ตาย หากเจ้าตายข้าก็ตาย คนนอกไม่รู้ว่าข้าป่วย เจ้ารับปากจะช่วยรักษาข้าแล้ว แต่ข้าดูแล้ว เจ้าไม่ได้วิตกอาการป่วยของข้าเลย ข้าหาทางเอาตัวรอดเองจะดีกว่า” 


ตอนที่ 198 รักษาโรค 


 


 


 


 


 


ถังเฉียนทำตาโตทันทีที่ได้ยินเถิงเฟิงพูดเช่นนี้ แล้วโมโหมาก นางรู้ว่าไม่ใช่เพราะเถิงเฟิงชอบนาง จะต้องมีแผนร้ายแน่ 


 


 


“ข้ารู้แล้ว คนอย่างเจ้าไม่มีทางทำการค้าที่ขาดทุน เจ้าหลอกข้า” 


 


 


เถิงเฟิงดึงให้นางนั่งลง ปิดประตูห้องแล้วอธิบายว่า 


 


 


“ที่ข้าป่วยนั้นเป็นเรื่องหนึ่ง หากเจ้ารักษาข้าให้หาย ข้าจะถอนพรศักดิ์สิทธิ์ให้เจ้าแน่นอน ที่จริงเจ้าไม่ได้เสียเปรียบเลย เวลานี้ฐานะเจ้าสูงส่ง ทั้งพลังทิพย์และสติปัญญาก็ล้วนสูงขึ้น เจ้าเป็นเช่นนี้จึงจะรีบช่วยคิดหาวิธีรักษาข้าไง นี่เป็นสถานการณ์ที่ชนะทั้งสองฝ่ายจริงหรือไม่” 


 


 


ถังเฉียนได้ฟังเช่นนี้ก็ใช้นิ้วหยิกเนื้อที่เอวเถิงเฟิงแรงๆ พลางพูดว่า 


 


 


“ยังชนะทั้งสองฝ่ายอีก ถ้าง่ายๆ เช่นนี้ เหตุใดเจ้าจึงไม่ปรึกษากับข้า แต่กลับลงมือทำเลย ถ้าเกิดสิบปีแล้วข้าก็ยังหาวิธีรักษาไม่ได้ อย่างนั้นข้าก็แต่งงานไม่ได้สิ” 


 


 


เถิงเฟิงค้อมคารวะขอให้นางยกโทษให้ ถังเฉียนเองก็จนใจ ทำได้เพียงห่อปาก ท่าทางไม่พอใจมาก 


 


 


“โธ่ โลกนี้ไหนเลยจะมีแต่เรื่องดีสำหรับเจ้า ข้าเองไม่มีสิบปีหรอก ถ้าคิดหาวิธีไม่ได้ภายในสามปี เจ้าก็ไม่เจอข้าแล้ว ถึงตอนนั้นเจ้าก็เป็นอิสระ อีกอย่างฐานะปลอมของเจ้าถูกมองออกได้โดยง่าย หากข้าไม่สร้างฐานะให้เจ้า เจ้าจะมีชีวิตรอดถึงตอนนี้หรือ นะ เราเป็นเพื่อนกัน ต้องไว้ใจกันสิ” 


 


 


ถังเฉียนถอนหายใจ ที่แท้นางถูกเพื่อนหลอก เถิงเฟิงรู้ว่านางโกรธ จึงยื่นหน้าเข้ามา ยิ้มแล้วพูดว่า 


 


 


“เทพธิดาน้อยบ้านข้าโมโหแล้ว เทพธิดาน้อยโมโหก็ยังสวยขนาดนี้ โถ เยี่ยมจริงๆ” 


 


 


ถังเฉียนผลักเขาออกไป พูดด้วยความไม่พอใจว่า 


 


 


“อย่ามายั่วโมโห ข้าไม่อยากยุ่งกับคนโกหกอย่างเจ้าแล้ว” 


 


 


เถิงเฟิงไม่ตามนางไป เขาใช้มือกุมอก ร่างเริ่มโงนเงน ราวกับกำลังจะยืนไม่อยู่แล้ว ถังเฉียนโมโหจนลืมไปว่าเขายังป่วยอยู่ เมื่อเห็นเขาเป็นเช่นนี้ก็ตกใจไม่น้อย จึงรีบเข้ามาพยุงเถิงเฟิง แล้วพูดโทษตัวเองว่า 


 


 


“ต้องโทษข้า ลืมไปว่าเจ้าป่วยอยู่ ข้าไม่ควรทำร้ายเจ้า เถิงเฟิง เจ้าอย่าตายนะ” 


 


 


ถังเฉียนยิ่งพูด เถิงเฟิงก็ยิ่งโงนเงนรุนแรงขึ้น ตาปิดลงแล้วล้มลงบนพื้น ถังเฉียนใช้มือกอดเขาไว้ วางร่างเขานอนราบลงบนพื้น ครั้งนี้ร่างเขาไม่สั่นกระตุก แต่กลับเย็นเฉียบ ตัวแข็งทื่อและเย็นราวกับน้ำแข็ง 


 


 


“เถิงเฟิง เถิงเฟิง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” 


 


 


ถังเฉียนร้องเรียกสองครั้ง แต่เขาไม่ตอบ นางรีบเขย่าตัวเขา แล้วพบว่าร่างเขายิ่งเย็นลงอีก จากนั้นลมหายใจก็อ่อนลงมาก ทำให้นางลืมความไม่พอใจจนหมดสิ้น ได้แต่กอดเขาไว้ แล้วรู้สึกทรวงอกเย็นเฉียบเป็นพักๆ 


 


 


“เสี่ยวจิน เสี่ยวจิน รีบออกมาช่วยเขาด้วย” 


 


 


อาการเถิงเฟิงแปลกมาก ตัวเขาเองเคยบอกว่า เขามักมีอาการกำเริบขึ้นบ่อยๆ ส่วนสาเหตุนั้นไม่แน่ชัด อาการก็ไม่แน่นอน บางครั้งอาจอาเจียนไม่หยุด บางครั้งตัวเกร็ง บางครั้งตัวร้อนราวกับไฟ แต่บางครั้งกลับเย็นราวกับน้ำแข็ง เขาเป็นโรคนี้มาตั้งแต่เกิด ท่านทวดบอกว่าตัวเขาเป็นสิ่งที่สวรรค์ทรงประทาน แต่เมื่อเขาค้นดูตำราโบราณก็พบว่าตนเองเป็นร่างทิพย์ของเผ่าพีส่า มีพลังทิพย์สูงมากตั้งแต่เกิด ทำให้ฝึกวิชาได้รวดเร็ว แต่เขาจะมีอายุขัยไม่เกินสามสิบ 


 


 


เดิมคิดว่าพวกเขายังมีเวลาอีกนาน แต่ขณะนี้ดูแล้วเวลาเร่งด่วนมาก เพราะเขามีอาการกำเริบถี่ขึ้นทุกที ถังเฉียนรู้สึกร้อนใจ ระยะนี้เสี่ยวจินเย็นชาต่อนางมาก แต่เพราะเรื่องนี้เกี่ยวกับเถิงเฟิง เห็นเขาป่วยหนัก มันจึงบินออกมาทันที แต่คราวนี้เสี่ยวจินไม่ได้เข้าใกล้ เพียงแต่มองดูอยู่ห่างๆ 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 199 พบญาติผู้ใหญ่ 


 


 


 


 


 


เสี่ยวจินดูอยู่เฉยๆ ไม่ว่าถังเฉียนจะรบเร้าเช่นไร มันก็ยังคงเฝ้าดูเท่านั้น นางวิตกยิ่งขึ้น แต่ต่อมา ร่างเถิงเฟิงไม่เย็นแล้ว ถังเฉียนกลับรู้สึกแน่นหน้าอก แล้วหนาวสั่นเป็นพักๆ 


 


 


“จบกัน นี่แหละร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน เถิงเฟิง เจ้าคนโกหก” 


 


 


ถังเฉียนรู้สึกว่าร่างกายตนเองแข็งทื่อขึ้นทุกที ทางเถิงเฟิงกลับดีขึ้นแล้ว เขาจุดไฟอ่างใหญ่ในห้อง ฤดูร้อนแท้ๆ แต่ทั้งสองกลับกอดถุงน้ำร้อน ห่มผ้าห่มนวมก็แล้ว แต่ก็ยังคงหนาวสั่น 


 


 


“เถิงเฟิง ข้าเกลียดเจ้า” 


 


 


ริมฝีปากถังเฉียนเปลี่ยนเป็นสีม่วงแล้ว ดวงตาสีน้ำตาลอมเหลืองที่งดงามจ้องมองเถิงเฟิงด้วยความเคียดแค้น เขากลับไม่รู้สึกโกรธ ยังยื่นมือข้างหนึ่งออกจากผ้าห่ม ลูบผมถังเฉียนเบาๆ 


 


 


“ขอโทษนะ ที่ทำให้เจ้าพลอยทรมานไปด้วย แต่เจ้าอย่าบอกแม่ข้าเด็ดขาด แม่ข้าจะร้องไห้” 


 


 


ถังเฉียนได้ฟังเช่นนี้ก็คิดถึงแม่ตัวเอง แล้วกัดริมฝีปากแน่น ไม่พูดอะไรอีก ถ้าตัวนางป่วย แม่ก็จะเป็นห่วงมาก จะแอบใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาในที่ที่นางมองไม่เห็น พอคิดเช่นนี้ แม้เถิงเฟิงจะเป็นคนเลว แต่ก็ยังนับว่าเป็นคนกตัญญู จะไม่ถือสาเขาชั่วคราว  


 


 


คืนนี้ช่างทุกข์ทรมาน ต่อให้ทั้งสองคนแบ่งความรู้สึกหนาวเย็นนี้คนละครึ่ง ก็ยังคงหนาวอย่างรุนแรง คิดดูแล้ว ถ้าเขาเพียงคนเดียวจะทนได้หรือไม่นะ 


 


 


รุ่งเช้าเมื่อลุกจากเตียง ถังเฉียนเปิดประตูออก บิดขี้เกียจเต็มที่ ความรู้สึกหนาวนับว่าผ่านไปแล้ว เถิงเฟิงบอกว่าเวลาอาการกำเริบแม้จะอันตราย แต่ขอเพียงผ่านคืนนั้นไปก็จะไม่เป็นไรแล้ว จะอย่างไรเจ้าหนุ่มคนนี้ก็ไม่ได้โกหกนาง 


 


 


“ฮัดเช่ย!” 


 


 


ถังเฉียนเพิ่งเดินออกมาจากห้องก็จามสามที พอหันกลับไป เห็นเถิงเฟิงกำลังเช็ดหน้า ท่าทางราวกับว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตน นางนึกโมโห แล้วเหยียบเท้าเขา 


 


 


“ต้องโทษเจ้า ข้าเป็นหวัดแล้วเห็นหรือไม่!” 


 


 


เถิงเฟิงกอดเท้า กระโดดเหยงๆ แล้วอดพูดไม่ได้ว่า 


 


 


“ไม่แน่หรอก อาจจะมีคนกำลังด่าเจ้าลับหลังก็ได้ เหตุใดข้าจึงไม่เป็นหวัดเล่า” 


 


 


ถังเฉียนได้ยินก็สูดจมูกสองสามทีแล้วเดินไป ไม่อยากพูดกับคนสารเลวนี้แล้ว เมื่อวานไม่ได้ไปกราบคารวะผู้ใหญ่ของเถิงเฟิง วันนี้นางแข็งแรงขึ้นแล้ว ฝ่ายนั้นก็ใช้สมุนไพรอย่างดีช่วยรักษานาง คงต้องไปขอบคุณด้วยตนเองแล้ว 


 


 


ถังเฉียนกับเถิงเฟิงเดินมาถึงสวนดอกไม้ ว่าไปแล้วทัศนียภาพที่นี่สวยงามมาก มิน่าเถิงเฟิงจึงรำลึกถึงเสมอ มักจะเอ่ยถึงความงดงามของที่นี่ให้นางฟัง 


 


 


เถิงเฟิงเดินเร็วล่วงหน้าไปสองก้าว ถังเฉียนยังหลงใหลในความงามของที่นี่ ชะลอฝีเท้าลง นางหยุดอยู่ที่บริเวณศาลาในสวน แล้วได้ยินหญิงสาวในชุดสีชมพูสองนางกำลังพูดกระซิบกระซาบกันหนึ่งในนั้นใช้ผ้าเช็ดหน้าบังปากตัวเอง พูดเสียงเบาว่า 


 


 


“เจ้ารู้หรือไม่ เมื่อคืนคุณชายของเรานอนในห้องนั้นทั้งคืน” 


 


 


“อะไรนะ เป็นไปไม่ได้ คุณชายเรายึดถือกฎเกณฑ์ที่สุด” 


 


 


“เบาหน่อย อยากตายหรืออย่างไร” 


 


 


ถังเฉียนได้ยินที่สองคนนี้พูดก็รู้สึกไม่สบายใจ แต่ไม่พูดอะไร 


 


 


“อาหรูน่า เจ้าหายไปไหนแล้ว สวนบ้านข้าใหญ่มาก เดี๋ยวก็เดินหลงหรอก” 


 


 


ถังเฉียนพบว่าหญิงสาวสองคนนั้นหายไปแล้ว นางไม่ตามและไม่เอ่ยถึงพวกนาง แล้วเดินตามเถิงเฟิง เขาใช้ทางลัด นางจงใจไม่ให้เขารู้เรื่องเมื่อครู่ เป็นคำพูดที่ไม่น่าฟัง เมื่อไม่ได้ยินก็แล้วไป 


 


 


ที่นี่เป็นตระกูลใหญ่ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ล้วนมีกฎเกณฑ์ ต่อให้เป็นเถิงเฟิง เมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อแม่ก็กลายเป็นคนเรียบร้อย ราวกับคุณชายตระกูลขุนนาง ไม่เหมือนกับท่าทางเอาแต่ใจตัวเองตามปกติเลย 


 


 


“เด็กคนนี้ เหตุใดจึงสายนักนะ ทั้งครอบครัวรอพวกเจ้าอยู่”กลั้นลมหายใจทนท แลวแกลงอนหนงสอกเพอลอใหคนผนออกม ในหองม 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม