หวานรักจับหัวใจท่านประธาน 185-192

 ตอนที่ 185 คุณมีคนที่ชอบหรือเปล่า


 


 


“คุณชาย ฉันก็ขอดื่มเหล้าอวยพรคุณ ถ้าไม่มีคุณ ฉันก็ไม่มีโอกาสเข้ามาทำงานในแผนกประชาสัมพันธ์…” เพื่อนร่วมงานรอบๆ เหนียนเสี่ยวมู่ดื่มกันหมดแล้ว เธอพลันนึกขึ้นได้ จึงยกแก้วไวน์หมุนตัวไปทางอวี๋เยว่หาน


 


 


แต่วินาทีต่อมาก็เหลือบเห็นสายตาเย็นชาของเขา ทำเอาเธอตัวสั่นไปทั้งตัว


 


 


เธอแสร้งทำเป็นตัวเองไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น และก้มหน้าดื่มไวน์ในแก้วจนหมดอย่างเงียบๆ จากนั้นก็นั่งลงแกะปูอย่างยากลำบากต่อไป


 


 


ไม่นานเหวินหย่าไต้ก็กลับมา


 


 


หลังจากทุกคนกินดื่มกันจนอิ่ม ก็เริ่มเล่นเกมกัน


 


 


เกมพูดความจริงหรือรับคำท้า ความหมายตรงตัว คนที่แพ้ต้องเลือกพูดความจริง หรือรับคำท้า


 


 


วิธีเล่นเกมก็แค่หมุนขวดเหล้า


 


 


สุดท้ายแล้วปากขวดชี้ไปที่ใคร ถือว่าคนนั้นแพ้


 


 


หลังจากคนที่แพ้รับบทลงโทษแล้ว ก็จะกลายเป็นเจ้ามือของรอบต่อไป ให้คนคนนั้นหมุนขวดเหล้า


 


 


กติกาง่ายมาก ทุกคนฟังครั้งเดียวก็เข้าใจแล้ว


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่เป็นหลุมดำในการเล่นเกมเสมอมา เธอจึงไม่สนใจจะเล่นสักนิดเดียว เอาแต่ตั้งอกตั้งใจกินปู


 


 


เมื่อได้ยินเสียงหมุนขวดเหล้า เธอถึงจะเงยหน้าขึ้นมาเหลือบมอง


 


 


รอบแรก เพื่อร่วมงานหญิงคนหนึ่งเป็นคนเปิดเกม


 


 


ปากขวดหมุนไปหยุดอยู่ตรงหน้าเย่หมิงหมิ่น


 


 


“ฉันเลือกรับคำท้า” เย่หมิงหมิ่นยืนขึ้นจากเก้าอี้ และพูดออกมาอย่างเปิดเผย


 


 


ทันใดนั้นก็มีคนถือกล่องเล็กๆ เข้ามา ให้เธอจับฉลากกระดาษคำท้าขึ้นมา


 


 


“กอดเพศตรงข้ามที่อยู่ใกล้กับคุณที่สุด เป็นเวลาสิบวินาที!” ผู้ดำเนินเกมอ่านเนื้อหาบทลงโทษออกมาเสียงดัง


 


 


สิ้นเสียงของของผู้ดำเนินเกม ทุกคนก็โห่ร้อง มองไปทางเพื่อนร่วมงานชายที่อยู่ใกล้กับเย่หมิงหมิ่นที่สุเ


 


 


“กอดเลย!”


 


 


“กอดเลย!”


 


 


แม้แต่เหนียนเสี่ยวมู่ยังถูกบรรยากาศคึกคักหล่อหลอมให้โหร้องตามทุกคนไปด้วย


 


 


เย่หมิงหมิ่นลังเลอยู่หนึ่งวินาทีเท่านั้น แล้วก็เดินไปกอดเพื่อนร่วมงานชายคนหนึ่งอย่างเป็นธรรมชาติ


 


 


เมื่อบทลงโทษจบลง ตาต่อไปก็เป็นหน้าที่ของเธอที่จะต้องหมุนขวด


 


 


แม้ทุกคนจะไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจก็แอบภาวนาให้อวี๋เยว่หานโดนสักครั้งอยู่เงียบๆ


 


 


คุณชายอันดับหนึ่งของเมืองเอช ประธานบริษัทชายโสดที่ค่าตัวสูงที่สุด


 


 


ทุกอย่างเกี่ยวกับเขาดูคลุมเครือ ทำให้ทุกคนอยากรู้อยากเห็น


 


 


มีเพียงอวี๋เยว่หานที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ของตัวเองอย่างสง่างาม สงบนิ่งราวกับอยู่นอกเกม


 


 


ใบหน้าหล่อเหลาฉาบไปด้วยแสงของความสูงศักดิ์ สูงส่งดุจเทพเซียน


 


 


ไม่นานขวดเหล้าก็หยุดหมุน


 


 


คนที่ปากขวดชี้ไปไม่ใช่อวี๋เยว่หาน แต่เป็นเหวินหย่าไต้!


 


 


“พูดความจริง” เหวินหย่าไต้ลุกขึ้นยืนอย่างใจกว้าง ก่อนจะยื่นมือไปทัดปอยผมที่ร่วงลงมาปรกหน้าด้านข้าง ท่าทางสง่างงาม น่าหลงใหลมาก


 


 


ถ้าไม่มีเหนียนเสี่ยวมู่ เธอต้องเป็นจุดสนใจในสายตาของทุกคนแน่


 


 


แต่น่าเสียดายที่มีเหนียนเสี่ยวมู่เพิ่มขึ้นมา ทำให้ความเจิดจรัสของเธอถูกกลบจนไร้ร่องรอย


 


 


“ผู้จัดการเหวินเก่งขนาดนี้ ต้องมีคนตามจีบเยอะแน่ๆ คุณมีคนที่ชอบไหมคะ” ไม่รู้ใครโพล่งถามออกมา เมื่อสิ้นเสียง ทุกคนก็เงียบกริบกันหมด


 


 


เดิมทีเย่หมิงหมิ่นควรจะเป็นคนถามคำถามให้เหวินหย่าไต้


 


 


แต่มีเพื่อนร่วมงานอยากรู้อยากเห็นช่วยถาม เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร


 


 


ซูเปอร์ไวเซอร์สาวได้แต่สนับสนุน และถามคำถามซ้ำอีกครั้ง


 


 


เมื่อได้ยินดังนั้น เหวินหย่าไต้ก็ตะลึงไปเล็กน้อย ใบหน้าปรากฏสีแดงระเรื่อ


 


 


เธอหลุบตาลงเล็กน้อย ก่อนจะมองไปทางอวี๋เยว่หานโดยไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นถึงจะพูดออกมา “ฉันมีคนที่ชื่นชมมาก”


 


 


เพียงคำพูดง่ายๆ ก็ทำให้บรรยากาศร้อนระอุขึ้นมาทันที


 


 


ชื่นชมกับชอบ มีความหมายคล้ายๆ กัน


 


 


หลังจากเหวินหย่าไต้พูดจบ หลายๆ คนก็เริ่มอยากรู้อยากเห็น ว่าคนที่เธอบอกว่าชื่นชมเป็นใคร


 


 


 


 


ตอนที่ 186 จบเห่! เธอต้องจบเห่แน่!


 


 


เหวินหย่าไต้พูดจบ ก็สังเกตปฏิกิริยาของอวี๋เยว่หานโดยตลอด


 


 


เดิมทีคิดว่าเขาได้ยินเธอพูดแล้วจะเกิดอาการหึง หรือไม่ก็อยากรู้อยากเห็นเหมือนกับทุกคน


 


 


แต่จนถึงตอนนี้ เขาแค่นั่งถือแก้วไวน์แดงอย่างสงบเงียบเท่านั้น แถมยังจิบไวน์แดงด้วยความเย็นชาอย่างมาก ราวกับไม่ได้ยินเธอพูดอย่างไรอย่างนั้น


 


 


เขาหันหน้าไปกลับไปมองเหนียนเสี่ยวมู่ที่เอาแต่กินอยู่บ่อยครั้ง…


 


 


ไม่สนใจอยู่แล้วว่าเหวินหย่าไต้จะชอบใคร…


 


 


รอยยิ้มที่มุมปากของเหวินหย่าไต้หายไปทันที


 


 


เธอหรี่ตาลง แล้วหยิบขวดไวน์แดงมาเล่นเกมต่อ


 


 


“ขอโทษนะคะ ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ถึงตาคุณแล้วค่ะ” เมื่อได้ยินเสียงของเหวินหย่าไต้ เหนียนเสี่ยวมู่ถึงจะเงยขึ้นมาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ก่อนจะมองขวดไวน์แดงที่ชี้มาทางตัวเอง


 


 


“พูดความจริง” เหนียนเสี่ยวมู่พูดโดยไม่ต้องคิด


 


 


เธอไม่กล้ารับคำท้า เพราะถ้าเกิดจับฉลากได้บทลงโทษให้ไปจูบใคร อย่างนั้นก็เสียชื่อใหญ่เลย


 


 


“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน คุณชอบผู้ชายแบบไหนครับ” เพื่อนร่วมงานชายที่มาขอชนแก้วกับเธอคนแรกหน้าแดง และแย่งถามทันทีที่ได้ยินเธอเลือกพูดความจริง


 


 


เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋เยว่หานที่มีสีหน้าเรียบนิ่งมาโดยตลอดก็ช้อนสายตาขึ้นเหลือบมองเธอครั้งหนึ่ง


 


 


ทีแรกเหนียนเสี่ยวมู่กังวลอยู่ว่าจะถูกถามคำถามยากๆ อะไร แต่พอได้ยินคำถามนี้ เธอก็เงยหน้าขึ้นตอบเสียงดังฟังชัดทีละคำทันที “ผู้ชายอบอุ่น! ผู้ชายอบอุ่นมากๆ! ผู้ชายที่เป็นเหมือนดวงอาทิตย์น้อยที่ปล่อยไออุ่นสามสิบหกอกศา ฉันชอบที่สุด!”


 


 


อวี๋เยว่หาน “…”


 


 


ดีมาก เธอสร้างหัวข้อใหม่ให้ตัวเองแล้ว


 


 


เหมือนกำลังกระแนกระแหนเขาที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอ


 


 


อวี๋เยว่หานไม่ลืม ว่าใครบางคนตั้งฉายาให้เขาว่าก้อนน้ำแข็ง


 


 


แตกต่างกับดวงอาทิตย์น้อยโยสิ้นเชิง


 


 


ใบหน้าที่เพิ่งผ่อนคล้ายกลับมาแข็งทื่อเหมือนฤดูหนาวทันที


 


 


“ถึงตาฉันหมุนแล้ว” เหนียนเสี่ยวมู่หยิบขวดไวน์แดงมา เธอถูมือก่อน จากนั้นก็ตั้งใจจับตรงกลางเป็นพิเศษ แล้วหมุนขวดไวน์อย่างแรง


 


 


วินาทีต่อมา ปากขวดค่อยๆ หลุดลง และชี้ไปทางอวี๋เยว่หาน


 


 


“…”


 


 


ทุกคนเงียบกริบไปสามวินาที


 


 


แม้แต่เหนียนเสี่ยวมู่เองก็เบิกตาโพลง จ้องมองขวดไวน์ อยากจะหยิกมือของตัวเองเสียเหลือเกิน


 


 


แม้เธอจะอยากนินทาอวี๋เยว่หานอย่างมาก แต่ชีวิตมีค่า


 


 


“ให้ฉันหมุนอีกครั้งดีกว่าไหม” เหนียนเสี่ยวมู่ถามอย่างระมัดระวัง


 


 


“พูดความจริง” อวี๋เยว่หานลืมตาสีดำขลับ เสียงเยียบเย็นดังขึ้นพร้อมกับเธอ


 


 


“…”


 


 


ทุกคนส่งเสียงถอนหายใจออกมาพร้อมกัน


 


 


เพื่อนร่วมงานหญิงทุกคนต่างจับจ้องไปที่เขาเป็นตาเดียว


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่นำความหวังมาให้เพื่อนร่วมงานหญิงทั้งแผนก ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องถามคำถามที่เป็นที่นิยมสักหน่อย


 


 


เธอสับสนอยู่นาน แต่ก็ฉุกคิดขึ้นได้ “คุณชายหาน คุณชอบผู้ชายหรือผู้หญิง”


 


 


“…”


 


 


หลังจากเธอพูดจบ บรรยากาศทั้งห้องจัดเลี้ยงส่วนตัวก็แข็งทื่อไปหมด


 


 


เสียงเดียวที่ยังหลงเหลือ คือเสียงเพื่อนร่วมงานบางคนที่อึ้งงันจนทำตะเกียบตกลงบนพื้นไป


 


 


ครั้นหันหน้าไปมองอวี๋เยว่หาน ก็เห็นเขาหน้าดำคร่ำเคร่งยิ่งกว่าก้นหม้อแล้ว


 


 


เป็นไปดังคาด เธอเป็นหลุมดำของเกม


 


 


งานเลี้ยงจบลงภายใต้บรรยากาศแปลกประหลาด


 


 


พวกเพื่อนร่วมงานต่างก็ติดรถกันกลับไปเป็นกลุ่มๆ มีเพียงเหนียนเสี่ยวมู่ที่นั่งอึ้งอยู่บนเก้าอี้ กลัวจนไม่กล้ากลับพร้อมอวี๋เยว่หาน


 


 


ครั้นทุกคนกลับไปกันหมดแล้ว เธอถึงจะออกจากคลับอย่างเชื่องช้า


 


 


ลมยามค่ำคืนพัดผ่านใบหน้าไป ทำงานอาการเมาหายไปบ้าง


 


 


เธอเพิ่งจะเรียกรถแท็กซี่ตรงริมถนน ก็เหลือบไปเห็นรถสปอร์ตคุ้นตาคันหนึ่งจอดอยู่ตรงประตู ซึ่งเป็นทางที่ต้องเดินผ่าน!


 


 


กระจกรถลดลงมา เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่อาจจะนำภัยมาสู่ประเทศได้


 


 


ดวงตาสีดำขลับดุจน้ำหมึกคู่หนึ่งเหลือบมองเธอด้วยความเย็นชา “ขึ้นรถ”


ตอนที่ 187 พิสูจน์ให้เธอเห็น 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ตะลึงงันอยู่ที่เดิม ลมหนาวพัดเอื่อยอยู่ข้างหู 


 


 


ลมพัดหน้าม้าตรงหน้าผากเธอขึ้นบางครั้ง เผยให้เห็นหน้าผากเนียนใสเอิบอิ่ม 


 


 


เธอกลับเหมือนเปิดดวงตาสวรรค์ และถอยหลังไปก้าวหนึ่ง 


 


 


ถ้าเป็นเวลาปกติ มีรถสปอร์ตรุ่นลิมิเต็ดแบบนี้มารับ แถมคนขับรถยังเป็นหนุ่มหล่ออีก คาดว่าเธอคงจะลุ่มหลงไปกับค่ำคืนนั้นราวกับคนบ้า 


 


 


แต่ตอนนี้ เป็นเวลาหลังจากที่ได้เผชิญกับคำถาม ‘คุณชายหาน คุณชอบผู้ชายหรือผู้หญิง’ มาแล้ว 


 


 


เธอมองรถสปอร์ตตรงหน้า รู้สึกแค่ว่าเหมือนรถวิญญาณที่กำลังมุ่งหน้าไปสู่นรก… 


 


 


แบบยังเป็นเที่ยวส่วนตัวอีกด้วย! 


 


 


เธอกลัวแต่ว่าเมื่อครู่ดื่มเหล้าไม่ได้ดื่มเหล้าไปแค่หนึ่งหรือสองแก้ว ตอนนี้แกล้งเมา ขึ้นรถแล้วหลับไปเลยก็ได้! 


 


 


ดื่มจนเมา… 


 


 


คำนี้ผุดขึ้นมาในหัว ทำเอาเธอตาเป็นประกายทันที 


 


 


หญิงสาวเดินโซเซไปข้างหน้า “คุณชาย เมื่อกี้คุณดื่มเหล้า ขับรถไม่ได้นะ!” 


 


 


ขับรถไม่ได้ ก็ไปส่งเธอไม่ได้ 


 


 


พวกเขาต่างคนต่างกลับบ้าน พอตื่นขึ้นมาพรุ่งนี้ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะลืมเรื่องในวันนี้ไปแล้ว 


 


 


ฉลาดมาก! 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่กำลังวางแผนด้วยความสุขอยู่ในใจ วินาทีต่อมาก็เห็นอวี๋เยว่หานที่นั่งอยู่ในรถยิ้มเยาะออกมา 


 


 


มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ราวกับว่ากำลังหัวเราะเยาะความไร้เดียงสาของเธอ 


 


 


เขากวาดสายตามองเธอ ก่อนจะหลุบตามองนาฬิกาข้อมือเรือนหรูของตัวเอง 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ยังไม่ทันเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เห็นรถมินิแวนที่คุ้นตามากๆ คันหนึ่งขับมาทางพวกเขา 


 


 


ก่อนจะจอดลงตรงริมถนนอย่างมั่นคง 


 


 


คนขับรถลงมา จากนั้นก็ก้าวไปข้างหน้ารถสปอร์ต แล้วเปิดประตูให้เขาอย่างนอบน้อม “คุณชาย” 


 


 


“…” 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่มองเขาก้าวขาออกมาจากรถด้วยความงุนงง 


 


 


ที่เขาบอกให้ขึ้นรถเมื่อครู่ ไม่ใช่ว่าจะส่งเธอกลับ แต่จะให้เธอขึ้นไปรอคนขับรถบนรถต่างหากเหรอ 


 


 


“คุณคิดจะยืนต่อไปอีกนานไหม” ตอนอวี๋เยว่หานก้าวขาขึ้นไปบนรถมินิแวน ดวงตาสีดำขลับของเขาชำเลืองมองมาทางเหนียนเสี่ยวมู่ ทำเอาเธอหนาวสั่นด้วยความกลัวขึ้นมาทันควัน แต่ก็เดินตัวแข็งทื่อขึ้นรถตามไป 


 


 


ระหว่างทาง เหนียนเสี่ยวมู่ขดตัวอยู่ในมุม อยากจะลืมไปว่าอวี๋เยว่หานอยู่ตรงนี้ด้วย 


 


 


เกมอะไรเนี่ย ทำร้ายคนจริงๆ 


 


 


หรือตอนนี้เธอควรขอโทษเขา? 


 


 


บอกว่าเมื่อกี้เธอนึกขึ้นได้ ไม่ได้สงสัยรสนิยมทางเพศของเขาดีไหม 


 


 


อวี๋เยว่หานพิงเบาะรถ หลุบตาลงเล็กน้อย แต่ไม่นานก็สังเกตเห็นว่าคนที่นั่งตรงข้ามตัวเองขดตัวจนจะเป็นก้อนอยู่แล้ว 


 


 


คืนนี้เธอดื่มไวน์ไปเยอะทีเดียว ใบหน้าขาวผ่องจึงเป็นสีแดงระเรื่อเล็กน้อย 


 


 


เมื่อไฟริมถนนส่องโดนใบหน้าเธอ ผิวพรรณละเอียดจนมองเห็นได้แม้กระทั่งขนอ่อน พร้อมกับดวงตาที่เหม่อลอยเล็กน้อย ดูแล้วไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอยู่บ้าง 


 


 


ราวกับดื่มมามากจริงๆ 


 


 


ท่าทางของเธอดูเคร่งเครียดมาก เธอกัดริมฝีปากจนเป็นสีแดงหมดแล้ว 


 


 


เธออ้าปากอยู่หลายครั้ง เหมือนคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็กลืนคำพูดกลับไปเงียบๆ 


 


 


มีสีหน้า ‘ฉันอยากยอมรับผิด แต่ก็ไม่กล้า’ 


 


 


บรรยากาศกดดันในรถดำเนินต่อไป 


 


 


ไม่มีใครพูดอะไร 


 


 


“เอี๊ยด” รถจอดที่หน้าประตูคฤหาสน์ 


 


 


คนขับรถหันหน้ามา “คุณชาย ถึงแล้วครับ” 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่รีบร้อนยื่นมือไป คิดจะเปิดประตูเป็นคนแรก ท่าทางอึดอัดแทบแย่แล้ว 


 


 


แต่วินาทีต่อมาก็ถูกคว้าข้อมือเอาไว้ 


 


 


เธอเงยหน้าขึ้นด้วยความงุนงง ก่อนจะสบสายตาจากดวงตาสีดำของเขา ที่ค่อยๆ ปรากฏระลอกคลื่นขึ้นมา 


 


 


นั่นทำเอาเธอกลัวจนต้องหดคอ “คุณชาย อารมณ์ชั่ววูบไม่ใช่เรื่องดี ฆ่าคน…” 


 


 


“ผิดกฎหมาย” คำนี้ยังไม่ทันหลุดออกจากปาก นิ้วเรียวยาวก็เชยคางเธอขึ้นมาเสียแล้ว 


 


 


จากนั้นเขาก็ก้มหน้าลงมาหาเธอ 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 188 ความลับที่ไม่อยากให้ใครรู้ 


 


 


ริมฝีปากบางเฉียบหยุดเคลื่อนไหว เมื่ออยู่ห่างกับเธอเพียงแค่หนึ่งเซนติเมตร 


 


 


ดวงตาสีดำจับจ้องมาที่เธอ 


 


 


ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก ใกล้จนเขาได้กลิ่นหอมหวานเป็นธรรมชาติมาจากตัวเธอ 


 


 


ดวงตาที่เหมือนกวางของเธอใสแจ๋วเหมือนหยดน้ำ กำลังมองเขาอย่างระแวดระวัง ราวกับเด็กที่ทำผิดก็ไม่ปาน 


 


 


ในหัวของเขามีคำถามที่เธอถามในห้องจัดเลี้ยงส่วนตัวผุดขึ้นมา 


 


 


เธอสนใจเรื่องรสนิยมทางเพศของเขามากเลยเหรอ 


 


 


หรือในสายตาของเธอ เขาดูเหมือนคนที่ชอบผู้ชาย… 


 


 


เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ อวี๋เยว่หานก็หลุบตาลง ริมฝีปากเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง… 


 


 


“…” 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่เหลือบเห็นสีหน้าของเขาเปลี่ยนไป ทำเอาเธอกลัวจนต้องหดตัวหลับไป 


 


 


เธอมองอวี๋เยว่หานล็อกเธออยู่ระหว่างเบาะหลังรถและหน้าอกของเขาตาปริบๆ รู้สึกเพียงว่ายมทูตเข้าใกล้ตนขึ้นเรื่อยๆ 


 


 


เธอไม่น่าเล่นเกมอะไรนั่นเลย 


 


 


จบสิ้นแล้ว 


 


 


ถามผู้ชายว่าชอบเพศตรงข้ามหรือเพศเดียวกัน ก็เท่ากับถามว่าเขาเก่งหรือเปล่า 


 


 


เป็นการรนหาที่ตายทั้งนั้น… 


 


 


กลิ่นหอมสดชื่นบนตัวชายหนุ่มนำพาความข่มขู่เข้มข้นมาด้วย 


 


 


พวกเขาอยู่ในท่าชายอยู่บน หญิงอยู่ล่าง บวกกับเขาจับคางเธอไว้ไม่ยอมปล่อย นอกจากอันตรายแล้ว ในรถคันนี้เหมือนจะมีความอบอุ่นเพิ่มขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก… 


 


 


“ผู้หญิง” เสียงน่าหลงใหลของเขาดังขึ้นในทันใด 


 


 


แถมยังแหบพร่าเล็กน้อย 


 


 


เขาทิ้งท้ายไว้อย่างเย็นชา ก่อนจะผละจากตัวเธอไป และลงจากรถ เดินเข้าไปในคฤหาสน์ก่อนโดยไม่หันหน้ากลับมาด้วยซ้ำ 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…” 


 


 


 


 


 


ตอนที่ประธานบริษัทอธิบายกับคุณด้วยสีหน้าจริงจัง ว่าตัวเขาชอบผู้หญิง คุณคิดว่าเขาจะให้อภัยคุณ หรือเตรียมตัวจะฆ่าคุณให้ตายกันแน่ 


 


 


เหมือนอยู่บนเส้นเชือก ทุกอย่างดูเร่งด่วนไปหมด! 


 


 


หลังจากเหนียนเสี่ยวมู่ถามคำถามนี้ออกไป เธอก็กอดโทรศัพท์มือถือนอนคว่ำอยู่บนเตียงด้วยความกระสับกระส่าย 


 


 


สุดท้ายหลับไปเมื่อไหร่ เธอก็ไม่รู้ตัว 


 


 


เมื่อตื่นขึ้นมาก็เป็นตอนเที่ยงของอีกวันหนึ่งแล้ว 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ขดตัวอยู่ในผ้าห่ม เหมือนกุ้งฝอยที่กำลังตัวสั่นด้วยความกลัว มือที่อยู่ใต้ผ้าห่มกำลังควานหาโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเธอโยนไปไว้ตรงไหนก็ไม่รู้ 


 


 


ครั้นหาโทรศัพท์มือถือเจอ หญิงสาวถึงจะลุกขึ้นจากเตียงโดยไม่เต็มใจนัก 


 


 


เรื่องแรกก็คือตามหากระทู้เกี่ยวกับคำถามที่เธอถามไปเมื่อวานบนเว็บไซต์หนึ่ง 


 


 


เธอพบคำตอบอยู่มากมาย มีทุกรูปแบบเลยด้วยซ้ำ 


 


 


[ถูกเข้าใจผิดแล้ว แต่คำอธิบายง่ายมาก เจ้าของกระทู้ไม่ต้องกังวลไป] 


 


 


[ถึงแม้จะไม่พอใจอยู่บ้าง แต่เวลาผ่านไปแล้วน่าจะไม่เป็นไรแล้วมั้ง?] 


 


 


[กลัวอะไร กระทู้นี้ไม่ทำ กระทู้อื่นก็ต้องทำ เจ้าของกระทู้สู้ๆ!] 


 


 


นี่ถือเป็นการตอบกระทู้ทั่วไป 


 


 


การตอบกระทู้ที่ไม่ค่อยปกติมีมากกว่าอีก 


 


 


[233333 ประธานใหญ่ถูกความจริงตอกหน้าก็คงโกรธใหญ่เลยใช่ไหม] 


 


 


[ฉันเดาว่า 80% ของคำอธิบายเป็นเรื่องโกหก มีคำพูดหนึ่งอยู่นี่นา ผู้ชายสิบคน เก้าคนรวย คนสุดท้ายเป็นเกย์!] 


 


 


[มีแค่ฉันที่คิดว่าประธานชอบเจ้าของกระทู้ใช่ไหม ไม่อย่างนั้นทำไมต้องอธิบายกับเธอด้วย ฉันนี่ฉลาดทีเดียว พบความลับที่ไม่อยากให้ใครรู้เข้าแล้วใช่ไหม ฮ่าๆๆๆๆ] 


 


 


[ฉันขอยืนยัน คนนี้แหละใช่เลย เดินผ่านไปแล้วก็พลาดไม่ได้…] 


 


 


อย่างนี้เป็นต้น 


 


 


ใต้หล้าวิปริตไปหมดแล้ว 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่วางโทรศัพท์มือถือไว้บนชั้นวางตรงหัวเตียง ก่อนจะสะบัดหัวอย่างแรง 


 


 


คำตอบตั้งมากมาย แต่ไม่มีประโยชน์สักอัน 


 


 


โชคดีที่วันนี้เป็นวันหยุด ไม่ต้องไปทำงาน 


 


 


เพราะเดี๋ยวออกไปแล้วก็ต้องเจออวี๋เยว่หาน… 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ตัวสั่นไปหมด แล้วขดตัวกลับเข้าไปอยู่ในผ้าห่ม 


 


 


เธออยากจะขลุกอยู่ในห้องตัวเอง ไม่ออกไปไหนเลยทั้งวัน 


 


 


“พี่สาวคนสวย ตื่นมากินข้าวเถอะ” เสียงเจื้อยแจ้วดังขึ้นข้างนอกประตู 


 


 


วินาทีต่อมา ประตูห้องก็เปิดออก เงาร่างเล็กและใหญ่สองสายยืนอยู่หน้าประตู 


ตอนที่ 189 น่าอึดอัดเกินไปแล้ว! 


 


 


เงาร่างสูงโปร่งของอวี๋เยว่หานยืนอยู่ข้างหลังเสี่ยวลิ่วลิ่ว เขาสวมชุดไปรเวทสีขาวทั้งตัว แลดูเปล่งประกายทีเดียว 


 


 


การตัดเย็บง่ายและเรียบลื่น ขับเน้นให้รูปร่างของเขาสมบูรณ์แบบเข้าไปใหญ่ 


 


 


เขาสวมเสื้อผ้าสีขาวสะอาดตาแบบนี้ ช่วยลดความเย็นชาบนใบหน้าของเขาลงไปได้อย่างน่าประหลาด 


 


 


ซิปเสื้อนอกบางๆ ถูกรูดขึ้นมาครึ่งหนึ่ง เสื้อยืดข้างในพิมพ์ลายการ์ตูนที่ไม่เข้ากับภาพลักษณ์ของเขา 


 


 


ทั้งหมดนี้เหมือนกับที่เสี่ยวลิ่วลิ่วสวมใส่อยู่เปี๊ยบ 


 


 


เป็นชุดพ่อลูก 


 


 


แค่มองจากท่าทางของทั้งคู่แค่ครั้งเดียว ก็รู้แล้วว่าเขาถูกเสี่ยวลิ่วลิ่วลากมา 


 


 


เวลานี้ มือข้างหนึ่งของเขาล้วงกระเป๋ากางเกง พลางเหลือบมองเธอด้วยใบหน้าเรียบเฉย 


 


 


สายตาเย็นชาของเขาทำให้เหนียนเสี่ยวมู่ตัวสั่นไปหมดแล้ว! 


 


 


หญิงสาวรีบตะเกียกตะกายลงจากเตียง แล้วยื่นมือไปจัดเสื้อผ้าบนตัวด้วยความเคร่งเครียด “คุณชาย อรุณสวัสดิ์!” 


 


 


“อีกสิบน่าทีจะเที่ยงแล้ว ไม่เช้าแล้วซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน” อวี๋เยว่หานยกมือขึ้นมามองนาฬิกาข้อมือเล็กน้อย และกล่าวอย่างเย็นชา 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…” 


 


 


“สิบนาทีก็พอแล้ว ฉันจะไปจัดการตัวเองเดี๋ยวนี้ แล้วจะไปกินข้าวกับเสี่ยวลิ่วลิ่ว!” เหนียนเสี่ยวมู่พูดพลางพุ่งตัวเข้าไปในห้องน้ำ ไม่ทันได้ใส่รองเท้าแตะด้วยซ้ำ และล้างหน้าบ้วนปากอย่างรวดเร็ว 


 


 


จากนั้นเธอก็กลับมาที่ห้อง หลังจากเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วก็หยิบเสื้อผ้ามาเปลี่ยนใส่ตามสัญชาตญาณ 


 


 


แต่เพิ่งถอดเสื้อผ้าไปได้ครึ่งหนึ่ง อยู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าสองพ่อลูกยังยืนอยู่หน้าประตูห้อง 


 


 


ท่าทางของเธอแข็งทื่อไปในทันที ก่อนจะหันไปมองอย่างลุกลี้ลุกลน 


 


 


ประตูห้องเปิดกว้าง ดวงตาโตสีดำขลับกำลังจ้องมองแผ่นหลังเกลี้ยงเกลาของเธอด้วยความตื่นเต้น 


 


 


ไม่ต้องบอกก็รู้ ว่าอวี๋เยว่หานมองเห็นแล้วแน่ๆ 


 


 


ทันใดนั้น สมองของเหนียนเสี่ยวมู่เหมือนถูกช้างเหยียบ สูญเสียความสามารถในการคิดวิเคราะห์ไปแล้ว 


 


 


ตอนนี้เธอต้องตะโกนว่าเขาว่าลามกสักครั้ง 


 


 


หรือควรก้มหน้าขอโทษ อธิบายกับเขาว่าเธอไม่ได้จงใจให้ท่า 


 


 


แต่สมองของเธอยังไม่ทันแยกแยะผลลัพธ์ของทั้งสองข้อเสร็จสิ้น อวี๋เยว่หานก็หลุบตาลง มุมปากยกขึ้นอย่างไม่เกรงใจ 


 


 


“เสียสายตา” 


 


 


จากนั้นเขาก็จูงเสี่ยวลิ่วลิ่วที่มีแต่ความสงสัยไม่จบสิ้นหมุนตัวจากไป 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…” !! 


 


 


 


 


 


เมื่อเหนียนเสี่ยวมู่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเรียบร้อย เธอก็ออกมาจากห้องของตัวเอง 


 


 


บนโต๊ะอาหารมีสองพ่อลูกที่สวมเสื้อผ้าเหมือนกันนั่งอยู่แล้ว 


 


 


อวี๋เยว่หานกำลังถือช้อน และซดน้ำแกงอย่างเชื่องช้า 


 


 


ใบหน้าสมบูรณ์แบบ โครงหน้าชัดเจน 


 


 


แสงที่ลอดมาจากหน้าต่างส่องบนใบหน้าของเขา สร้างเงาบนปีกจมูกของเขา ยิ่งทำให้เครื่องหน้าของเขาดูน่าหลงใหลเข้าไปใหญ่ 


 


 


ราวกับเป็นพรจากพระเจ้า 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่มองชายหนุ่มที่แสดงความสูงศักดิ์ออกมาในทุกท่วงท่า ในหัวพลันปรากฏคำตอบจากเพื่อนบนอินเทอร์เน็ต 


 


 


[มีแค่ฉันที่คิดว่าประธานชอบเจ้าของกระทู้ใช่ไหม ไม่อย่างนั้นทำไมต้องอธิบายกับเธอด้วย ฉันนี่ฉลาดทีเดียว พบความลับที่ไม่อยากให้ใครรู้เข้าแล้วใช่ไหม ฮ่าๆๆๆๆ] 


 


 


เหอะ! 


 


 


ผู้ชายที่ชอบคุณ จะบอกว่าเสียสายตาตอนมองคุณเปลี่ยนเสื้อผ้าไหม 


 


 


ยังมีหน้ามาบอกว่าตัวเองฉลาดอีก 


 


 


คิดผิดถนัด! 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่กลอกตา แล้วมองไปทางเสี่ยวลิ่วลิ่วที่อยู่ข้างๆ เขา 


 


 


“พี่สาวคนสวย!” เสี่ยวลิ่วลิ่วกำลังถือช้อนขนาดเล็กซดน้ำแกง เมื่อเด็กหญิงมองเห็นเธอ ก็ยกแขนขึ้นด้วยความตื่นเต้น 


 


 


ดวงตากลมโตสะสวยคู่นั้นโค้งเว้าไปตามรอยยิ้ม 


 


 


พ่อบ้านที่อยู่ข้างๆ เห็นเธอยิ้มอย่างเบิกบานใจแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะถาม “ดูเหมือนวันนี้คุณหนูจะตื่นเต้นมากเลยนะครับ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า” 


 


 


วินาทีต่อมา เสี่ยวลิ่วลิ่วก็เชิดหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มกริ่ม “หนูกับปาปาไปดูพี่สาวคนสวยเปลี่ยนเสื้อผ้ามาล่ะ” 


 


 


“…” 


 


 


“ปาปาบอกว่าเสียสายตา เสียสายตาแปลว่าสวยใช่ไหม” 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 190 อธิบายอะไร 


 


 


พ่อบ้าน “…” 


 


 


บรรยากาศในห้องอาหารเหมือนจะเปลี่ยนไปในทันที 


 


 


พ่อบ้านเบิกตาโพลงมองเสี่ยวลิ่วลิ่ว อ้าปากกว้างจนแทบจะกลืนไข่ไก่ลงไปได้ทั้งลูก เมื่อดึงสติกลับมาได้ เขาก็หันหน้าไปมองเหนียนเสี่ยวมู่อย่างแรง 


 


 


พ่อบ้านพิจารณาเหนียนเสี่ยวมู่ตั้งแต่หัวจรดเท้า ราวกับกำลังสืบเสาะว่าบนตัวเธอมีตรงไหนเห็นแล้วเสียสายตาบ้าง! 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่หน้าแดงในทันใด พร้อมกับรีบร้อนอธิบาย “ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ เสี่ยวลิ่วลิ่วยังเด็ก เธอเข้าใจผิด…” 


 


 


แต่ยังพูดไม่ทันจบ อวี๋เยว่หานก็เงยขึ้นมาเหลือบมองเธอโดยพลัน 


 


 


สายตาเยือกเย็นราวกับรำคาญที่เธอเอะอะจนเขากินข้าวไม่ลงแล้ว 


 


 


พ่อบ้านส่ายหน้า ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปด้วยใบหน้าสงสัยว่า ‘ผมไม่เข้าใจเลยว่าเด็กหนุ่มสาวอย่างพวกคุณกำลังเล่นอะไรกัน’ 


 


 


สายตาพ่อบ้านก่อนจะออกไปนั้น ชัดเจนว่ากำลังสงสัยว่าเหนียนเสี่ยวมู่ให้ท่าคุณชายของเขา แต่ทำไม่สำเร็จ 


 


 


“ทำไมเมื่อกี้คุณไม่ให้ฉันอธิบายกับพ่อบ้านล่ะ” เหนียนเสี่ยวมู่เดินมาข้างหน้า ก่อนจึงเก้าอี้นั่งลงตรงหน้าเขา พลางถามแก้มป่อง 


 


 


“อธิบายอะไร” อวี๋เยว่หานวางช้อนลง แล้วเลิกคิ้วชำเลืองมองเธอครั้งหนึ่ง 


 


 


“…” 


 


 


“อธิบายว่าทำไมคุณถึงถอดเสื้อผ้าต่อหน้าผมกับเสี่ยวลิ่วลิ่วโดยไม่พูดอะไรสักคำ” 


 


 


“…” 


 


 


“หรืออธิบายว่าตรงไหนบนตัวคุณทำให้ผมเสียสายตา” 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…” !! 


 


 


รูปร่างของเธอมีส่วนโค้งเว้าชัดเจน มีตรงไหนให้เสียสายตากัน 


 


 


เรื่องนี้ฆ่าได้หยามไม่ได้นะ! 


 


 


เธอต้องกอดถังออกซิเจน แล้วตายไปด้วยกันกับเขา! 


 


 


อวี๋เยว่หานมองท่าทางโกรธเป็นฟืนเป็นไฟของเธอ และมีภาพเธอถอดเสื้อผ้าเมื่อครู่ปรากฏขึ้นตรงหน้าอีกครั้ง 


 


 


เรือนร่างระหง ผิวพรรณขาวผ่อง เปล่งประกายดุจคริสตัลท่ามกลางแสงอ่อนๆ 


 


 


แขนขาเล็กเรียว ทำให้เขาอยากจะโอบเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมอกอย่างอดไม่อยู่ 


 


 


ในตอนนั้นสมองของเขาขาวโพลนไปชั่วขณะขริงๆ 


 


 


แต่พอได้สติกลับมา เขาก็เห็นเธอเหมือนกระต่ายที่กำลังตื่นกลัว กำลังเบิกตาโพลงมองเขาด้วยความหวาดกลัว 


 


 


ท่าทางเหมือนเมื่อวานที่เธอดื่มเยอะอย่างยิ่ง 


 


 


ทำให้เขาอยากจะขยี้หัวเล็กๆ ของเธออย่างมาก… 


 


 


อยากแกล้งเธอ 


 


 


อวี๋เยว่หานหลุบตา ก่อนจะคีบเนื้อใส่ในชามเล็กของเสี่ยวลิ่วลิ่ว “กินข้าว เดี๋ยวพวกเราจะไปเยี่ยมคุณทวดกัน” 


 


 


“พี่สาวคนสวยก็ไปด้วยใช่ไหม” เสี่ยวลิ่วลิ่วคาบเนื้อไว้ในปาก ถามเสียงอู้อี้ 


 


 


เมื่อได้ยินดังนั้น เหนียนเสี่ยวมู่ที่กำลังโกรธเลือดขึ้นหน้าก็เงยหน้าขึ้นทันที “อีกเดี๋ยวฉันมีนัดคุยเรื่องร่วมงานกับซ่างซิน” 


 


 


เธอพูดพร้อมกับมีความไม่มั่นใจผ่านสายตาไป 


 


 


คุณนายใหญ่ตระกูลอวี๋เหรอ 


 


 


หญิงชราคนที่จูงมือเธอ บอกให้เธอแต่งงานกับอวี๋เยว่หานตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน 


 


 


เธอหลบไม่ทันแล้ว ไหนเลยจะกล้าส่งตัวเองไปถึงหน้าประตูเอง 


 


 


ถ้าอวี๋เยว่หานพูดเรื่องเสียสายตาต่อหน้าคุณนายใหญ่ เธอจะยังมีชีวิตอยู่ได้ไหมล่ะ 


 


 


ไม่ไปๆ ให้ตายก็ไปไม่ได้ 


 


 


“คุยเรื่องงานในวันหยุดเนี่ยนะ?” อวี๋เยว่หานหันมามองเธอ สายตาเฉียบคมราวกับมองความคิดเธอทะลุปรุโปร่งทุกอย่าง 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่รีบยืดตัวตรง ก่อนจะพยักอย่างแรง “ไม่ต้องออกไปข้างนอก แค่คุยกันออนไลน์ วีดิโอคอลเดี๋ยวนี้สะดวกมาก” 


 


 


คำพูดนี้เป็นความจริง 


 


 


ซ่างซินตกลงเป็นพรีเซ็นเตอร์แล้ว บริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าหวังว่าจะจัดการรายละเอียดทุกอย่างได้ทันทีอยู่แล้ว 


 


 


ต้องทำแผนงานโฆษณาอย่างเป็นทางการให้เสร็จภายในหนึ่งสัปดาห์ 


ตอนที่ 191 บอกนัยๆ 


 


 


ยังมีงานปล่อยผลิตภัณฑ์ใหม่ที่กำหนดไว้สัปดาห์หน้าอีก… 


 


 


หากคิดแบบนี้ เธอยังมีงานอีกเยอะทีเดียว 


 


 


“คุณชาย ฉันยุ่งมากนะ!” เหนียนเสี่ยวมู่นึกอะไรขึ้นได้ จึงมองชายหนุ่มตรงหน้าตาปริบๆ ราวกับได้ความดีความชอบ 


 


 


เธอลืมไปได้อย่างไร 


 


 


การร่วมมือที่เธอเจรจาให้ซ่างซินตกลงได้ แม้จะมีอวี๋เยว่หานช่วยเหลือ ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ก็ต้องยกความดีให้บริษัทตระกูลอวี๋ ทำให้เขาได้เงินเต็มเม็ดเต็มหน่วย 


 


 


หรือว่าจะไม่มีของรางวัลอะไร 


 


 


หญิงสาวกลัวว่าอวี๋เยว่หานจะฟังไม่รู้เรื่อง เธอจึงแสร้งทำหน้าตาน่าสงสาร “ไม่ใช่แค่ยุ่งมากนะ แต่ยังเหนื่อยมากด้วย คุณก็เห็นนี่นา ว่าฉันต้องทำงานในวันหยุดด้วย น่าสงสารมากเลย” 


 


 


บอกเป็นนัยๆ แบบนี้น่าจะชัดเจนแล้วมั้ง? 


 


 


ถ้าเขาใจดี ก็ควรจะเห็นอกเห็นใจพนักงานใหม่อย่างเธอด้วย 


 


 


เธอไม่ต้องการคำปลอบโยนอะไร แค่ให้เงินสักหน่อยก็พอแล้ว… 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่คิดพลางยิ้มกริ่ม ดวงตาสดใสขึ้นมา แถมยังนั่งเรียบร้อยเหมือนลูกสุนัขที่กำลังรอเจ้าของมาให้อาหาร 


 


 


แล้วอวี๋เยว่หานก็ให้อาหารเธอจริงๆ 


 


 


เขาคีบเนื้อชิ้นหนึ่งให้เธอ เหมือนกับที่ทำให้เสี่ยวลิ่วลิ่วเมื่อครู่ “กินเยอะๆ หน่อย กินอิ่มถึงจะมีแรงทำงาน” 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…” 


 


 


แค่นี้เหรอ 


 


 


แค่เนื้อชิ้นเดียว ก็ปล่อยเธอไปแล้วเหรอ 


 


 


เนื้อชิ้นของเสี่ยวลิ่วลิ่วใหญ่กว่าของเธออีก…เหอะ! เธอจะเทียบอะไรกับเสี่ยวลิ่วลิ่วได้ 


 


 


แถมเธอก็ไม่ใช่เด็ก ที่เขาต้องเอาของกินมาล่อนะ! 


 


 


“คุณชาย…” 


 


 


“เปลี่ยนใจแล้วเหรอ อยากไปกับพวกผมแล้วล่ะสิ?” อวี๋เยว่หานอุ้มเสี่ยวลิ่วลิ่วขึ้น ก่อนจะเหลือบมองเธอครั้งหนึ่ง 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่กลืนคำพูดที่กำลังจะออกจากปากในทันใด 


 


 


จากนั้นก็โบกมือน้อยๆ “คุณชายค่อยๆ เดินนะ!” 


 


 


เมื่อเห็นเงาร่างของสองพ่อลูกหายไปจากประตู เธอถึงจะคว้ามือของตัวเองมาใช้มีดตัดให้ขาด 


 


 


จบกัน 


 


 


แค่ถูกมองครั้งเดียวก็กลัวเสียแล้ว 


 


 


อุตส่าห์พูดไว้ดิบดี ว่ากล้าหาญอุทิศตนได้เพื่อเงินไม่ใช่เหรอ 


 


 


ตอนนี้จบกันแล้ว ทำงานนอกเวลาแล้วยังไม่ได้ค่าล่วงเวลาอัก น่าเวทนาเสียเหลือเกิน! 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่กินดื่มจนอิ่ม ความอึดอัดภายในใจถึงจะบรรเทาลงมาได้บ้าง เธอกลับไปที่ห้อง ถึงเวลาที่นัดไว้กับซ่างซินแล้ว 


 


 


หลังจากเปิดคอมพิวเตอร์ ต่ออินเทอร์เน็ต เธอก็เปิดขั้นตอนของงานปล่อยผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ซ่างซินดู 


 


 


“เนื่องจากเราเริ่มดำเนินตามประกาศช่วงก่อนไปแล้ว ตอนนี้เหลือแต่รองานปล่อยผลิตภัณฑ์ และประกาศพรีเซ็นเตอร์ของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าอย่างเป็นทางการค่ะ” เหนียนเสี่ยวมู่อธิบายให้ซ่าวซินฟังอย่างเป็นมืออาชีพ เมื่อพบว่าอีกฝ่ายอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก เธอก็อดถามขึ้นมาไม่ได้ 


 


 


“มีเรื่องอะไรในใจหรือเปล่าคะ” 


 


 


“เขาไม่ติดต่อฉันมาเลย…” ได้ยินเหนียนเสี่ยวมู่ถามแล้ว สีหน้าของซ่างซินยิ่งแย่กว่าเดิมอีก เธอกำลังกัดริมฝีปาก พร้อมกับก้มหน้า 


 


 


ข่าวที่เธอรับง่ายพรีเซ็นเตอร์แพร่สะพัดออกไปแล้ว 


 


 


ด้วยเครือข่ายข่าวสารของถังหยวนซือ เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะไม่รู้ 


 


 


เดิมทีนางแบบสาวคิดว่า เขาได้ยินข่าวนี้แล้วจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และอาจจะใจร้อนมาหาเธอ และพาเธอกลับไปขังไว้ด้วยซ้ำ 


 


 


แต่ผ่านไปตั้งหลายวันแล้ว เขากลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยสักนิด 


 


 


ราวกับว่า…เขาไม่สนใจเธอเลย 


 


 


“คุณว่าเขาจะไม่ติดต่อฉันมาอีกเลยหรือเปล่าคะ” ซ่างซินพูดถึงตรงนี้ ขอบตาของเธอก็แดงก่ำขึ้นมาทันที 


 


 


ทำเอาเหนียนเสี่ยวมู่รู้สึกเจ็บหัวใจไปหมด 


 


 


คนสวยขนาดนี้ กำลังร้องไห้อยู่ต่อหน้าเธอ 


 


 


อย่าว่าแต่ผู้ชายเลย เธอก็รู้สึกเจ็บปวดเช่นกัน 


 


 


“คุณอย่าเพิ่งร้อนใจไปนะคะ โทรศัพท์มือถือที่บริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าทำขึ้นมาเป็นพิเศษ จะถูกส่งไปที่บริษัทตระกูลถังในวันงานปล่อยผลิตภัณฑ์ใหม่ ถึงตอนนั้นก็คงจะรู้คำตอบแล้วค่ะ” 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ปลอบใจอีกฝ่าย ครั้นเห็นซ่างซินอารมณ์ดีขึ้น ถึงจะพูดเรื่องงานต่อ 


 


 


ขณะที่ยืนยันแผนงานวันปล่อยผลิตภัณฑ์กับนางแบบสาวและผู้จัดการของเธอเสร็จแล้ว เหนียนเสี่ยวมู่ก็เตรียมตัวจะออฟไลน์ 


 


 


“เสี่ยวมู่มู่ คุณมีคนที่ชอบไหมคะ” 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 192 คนที่เธอชอบ 


 


 


คำถามนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เหนียนเสี่ยวมู่จึงอึ้งงันไปทันที 


 


 


“ฉันได้ยินเรื่องเกี่ยวกับคุณและคุณชายหานอยู่บ้าง เลยอดซุบซิบไม่ได้…” ซ่างซินยังพูดไม่จบ เหนียนเสี่ยวมู่ก็ตกใจจนต้องเด้งตัวขึ้นจากเก้าอี้แล้ว 


 


 


“ก้อนน้ำแข็งนั่นเหรอคะ คุณอย่าล้อเล่นกับฉันเลยค่ะ! ฉันยังอยากมีชีวิตอยู่อีกหลายปี” 


 


 


ซ่างซินหัวเราะกับปฏิกิริยาโอเวอร์ของเธอ “ขนาดนั้นเลยเหรอคะ คุณชายหานเป็นคุณชายอันดับหนึ่งของเมืองเอช แถมยังหล่อเหลาสง่างาม ผู้หญิงที่อยากแต่งงานกับเขาต่อแถวกันตั้งแต่หัวถนน ยาวไปถึงท้ายถนนแล้วล่ะค่ะ” 


 


 


“พวกที่ต่อแถวต้องไม่คิดว่าเขาจะมีนิสัยขี้โมโหแน่ๆ เลยค่ะ นอกจากหน้าตาแล้ว ทั้งตัวเขาไม่เห็นมีอะไรดีเลย ใครเคยลองก็รู้ค่ะ…” เหนียนเสี่ยวมู่พูดถึงอวี๋เยว่หานแล้ว ก็พูดจ้อไม่ยอมหยุด 


 


 


ขณะที่กำลังพูดอย่างออกรสออกชาติ อยู่ๆ เธอก็หนาวสันหลังวาบขึ้นมา 


 


 


จากนั้นเธอก็พบว่าสีหน้าของซ่างซินผิดปกติไปบ้าง 


 


 


แต่เหนียนเสี่ยวมู่ยังไม่ทันได้ถามอะไร ซ่างซินก็พูดกับเธอเร็วๆ ว่า “ไว้คุยกันวันหลังนะคะ” แล้วก็ออฟไลน์ไปในทันที 


 


 


เห็นผีเหรอ ถึงได้รีบร้อนขนาดนี้ 


 


 


หลังจากเธอปิดคอมพิวเตอร์และกลับหลังหันไป เธอก็ได้เห็นอวี๋เยว่หานอุ้มเสี่ยวลิ่วลิ่วด้วยสีหน้าดำคล้ำอยู่ข้างหลังเธอ 


 


 


ท่าทางเตรียมลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ของหญิงสาวแข็งทื่อไปในทันที! 


 


 


นับว่าเธอเข้าใจแล้ว แววตาสุดท้ายก่อนที่ซ่างซินจะปิดวิดีโอคอลไปหมายความว่าอะไร 


 


 


นั่นหมายความว่าขอให้เธอโชคดีอย่างไรล่ะ! 


 


 


พูดจาให้ร้ายประธานบริษัทลับหลัง แถมยังถูกจับได้คาหนังคาเขาอีก เธอจะทำอย่างไรดี 


 


 


แต่เหนียนเสี่ยวมู่ยังไม่ทันคิดได้ว่าตัวเองควรมีปฏิกิริยาอย่างไร อวี๋เยว่หานก็หมุนตัวจากไป พร้อมกับใบหน้าคร่ำเคร่ง 


 


 


“คุณชาย…” เธอดึงสติกลับมา แล้วรีบร้อนตามไป อยากจะอธิบายให้เขาเข้าใจ 


 


 


ทว่าเพิ่งเดินมาถึงห้องรับแขก ก็เห็นเขาส่งเสี่ยวลิ่วลิ่วให้พ่อบ้าน แล้วหมุนตัวเดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่ข้างนอก 


 


 


ดูท่าทางเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอก 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่วิ่งไปข้างหน้า ขณะกำลังสับสนอยู่ว่าต้องเอ่ยปากขอโทษอย่างไรดี สายตาของก็กวาดมองมาที่เธอ จากนั้นก็สั่งคนขับรถให้ออกรถไปพร้อมกับใบหน้าไร้อารมณ์ 


 


 


จากไปต่อหน้าต่อตาเธอ… 


 


 


 


 


 


สองสามวันหลังจากนั้น เหนียนเสี่ยวมู่เหมือนมีชีวิตอยู่ในโลกน้ำแข็ง 


 


 


เธอคิดหาโอกาสขอโทษอวี๋เยว่หานอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ถูกเมินเฉน 


 


 


หลังจากซ่างซินตกลงเป็นพรีเซ็นเตอร์ แผนงานของบริษัทแทคโนโลยีเซิ่งต้าก็เริ่มอย่างเป็นทางการ 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่วุ่นวายอยู่กับแผนงานในมือ จึงไม่ได้สนใจเรื่องอื่นเลย 


 


 


“ยืนยันรายชื่อแขกผู้มีเกียรติอีกครั้ง ดูว่ามาครบหรือยัง” 


 


 


“คนหนึ่งไปดูหน่อย ที่นั่งของนักข่าวจัดเตรียมไว้หรือยัง ข่าวงานปล่อยผลิตภัณฑ์ต้องดังเปรี้ยงนะ…” 


 


 


“ต้องมีคนคอยจับตาดูในงานด้วย มีอะไรเกิดขึ้นให้มารายงานฉันทันที…” 


 


 


งานปล่อยผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าในวันนี้ เหนียนเสี่ยวมู่ยุ่งหัวหมุนเหมือนลูกข่างตั้งแต่เช้าตรู่ 


 


 


เมื่อเห็นแขกผู้มีเกียรติทยอยมาถึงสถานที่จัดงานอย่างต่อเนื่อง เธอก็อดมองหาอวี๋เยว่หานในกลุ่มคนเหล่านั้นไม่ได้ 


 


 


แต่ลองหาดูแล้วกลับไม่พบเขาเลย 


 


 


น่าจะยังมาไม่ถึง 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ทำปากจู๋ แล้วเดินกลับไปยังหลังเวที อันเป็นสถานที่พักผ่อนของพนักงาน ก่อนจะรินน้ำให้ตัวเอง 


 


 


หญิงสาวเพิ่งจะเตรียมดื่มน้ำ ก็เห็นเพื่อนร่วมงานทีมดูแลแขกพุ่งเข้ามา “ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนคะ จนถึงตอนนี้แล้วซ่างซินยังมาไม่ถึงเลย ฉันติดต่อผู้จัดการของเธอแล้ว แต่โทรไม่ติดเลยค่ะ” 


 


 


“อาจจะรถติดระหว่างทางก็ได้ อย่าเพิ่งร้อนใจไป ฉันมีเบอร์มือถือของซ่างซิน เดี๋ยวฉันจะถามให้นะ” 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่รีบวางแก้วลง แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา 


 


 


เธอต่อสายได้อย่างรวดเร็ว แต่กลับไม่มีคนรับสาย 


 


 


แต่ยังไม่ทันโทรศัพท์ไปเป็นรอบที่สอง ผู้จัดการของซ่างงซินก็โทรศัพท์กลับมาแล้ว 


 


 


“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน แย่แล้วค่ะ ซ่างซินหายตัวไป!” 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม