จอมใจจ้าวพิษ 184-191
ตอนที่ 184 ออกจากเขตหวงห้าม
แม้เถิงเฟิงจะพูดเช่นนี้ แต่ถัดมาก็ตามถังเฉียนมายังสถานที่อีกแห่งหนึ่ง รอบๆ เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวครึ้ม ขึ้นสูงเป็นร่มเงาบดบังบ้านเรือนที่อยู่ด้านล่าง บ้านสร้างอย่างประณีตดูแปลกตา บ้านหลังนี้หันหลังให้ลมสามด้าน อีกด้านมองเห็นเป็นทิวทัศน์ของทะเล เป็นครั้งแรกที่ถังเฉียนได้เห็นทิวทัศน์ที่งดงามเช่นนี้ ดังนั้นนางจึงไม่รู้สึกเหมือนว่าตนเองนั้นอยู่ในความฝัน แล้วจึงถามเถิงเฟิงซึ่งอยู่ข้างตัวว่า
“ที่นี่เป็นที่ใดหรือ”
เถิงเฟิงตอบว่า
“เป็นสวนดอกไม้หลังบ้านข้าเอง ข้าปลูกต้นอิงเถากับต้นกุ้ยฮวา ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นถือว่าต้นกุ้ยฮวาเป็นต้นไม้สูงส่ง อิงเถาเป็นต้นไม้มงคล เจ้าชอบหรือไม่”
ถังเฉียนเข้าไปดู ต้นอิงเถาเพิ่งสูงนิดเดียว แต่ก็ถือว่าเขาอุตส่าห์มีน้ำใจเช่นนี้ จึงรู้สึกปลาบปลื้ม แม้ว่าที่นี่จะเป็นเหมือนความฝัน แต่ทุกสิ่งอย่างช่างเหมือนจริงมาก หากสามารถอยู่ที่นี่ได้ชั่วชีวิตก็คงนับว่าเป็นเรื่องที่ดี
ถังเฉียนเพิ่งมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็อยู่ในสภาพสลบไสลไม่ฟื้น คงเพราะเกี่ยวพันถึงเถิงเฟิง คนทั้งระดับบนและล่างต่างพากันรับมือกับเรื่องนี้อย่างวุ่นวาย อาการโรคเช่นนี้จะดูผ่านๆไม่ได้ ท่านทวดได้ยินว่าถังเฉียนถูกอาคมของคนอื่นดูดดวงวิญญาณ จึงรีบมาตรวจดูอาการ เถิงเฟิงซึ่งนอนอยู่ในเขตหวงห้ามตลอดเวลา ทำเช่นนี้แล้วจะสามารถเป็นเพื่อนนางในความฝันได้
“ท่านทวด ดูเด็กคนนี้สิ โชคชะตาแปลกมาก เหตุใดอยู่ดีๆ ถึงมีคนดูดวิญญาณนางออกไป นี่เป็นเข็มทองช่วยชีวิตที่สืบทอดกันในตระกูลฮว่า นี่ถือเป็นการที่พวกเขาขอร้องให้เราช่วย”
อิ๋นซานเห็นถังเฉียนครั้งแรกก็รู้ฐานะของนาง เพราะหลังจากที่นางได้รับพรศักดิ์สิทธิ์แล้วใน สายตาอิ๋นซานบนร่างนางราวกับมีแสงสีทองเรืองออกมา เป็นปาฏิหาริย์ที่เกิดจากการที่ชายชาวพีส่าสามารถมอบให้เท่านั้น
“บนตัวนางบ่งบอกว่านางถูกอาคมเล่นงาน สามารถลงมือภายใต้สายตาของเค่ออี้ได้ คนผู้นี้นับว่าไม่ธรรมดาเลย”
คำพูดของท่านทวดยิ่งมีความหมายลึกซึ้ง อิ๋นซานเองก็เข้าใจ แม้เค่ออี้จะไม่ใช่ผู้สืบเชื้อสายของสกุลเถิง แต่เขานั้นรับใช้ข้างกายท่านทวดมาตั้งแต่ยังเด็ก มีฝีมือเป็นที่ประจักษ์ เกรงว่าคงไม่ใช่ง่ายๆ แค่มือผีหรือเงาผี อาจจะเป็นผู้อื่น
“อาหรูน่าเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง ประมุขนิกายนั้นคงไม่ลงมือด้วยตนเองหรอก”
ท่านทวดพูดอีกครั้ง อิ๋นซานเข้าใจดี คนที่ลงมือได้มีเพียงคนใกล้ชิดเท่านั้นหรือเป็ฯพวกเดียวกัน ความคิดเช่นนี้ทำให้นางระวังตัวยิ่งขึ้น
“จะอย่างไรนางก็เป็นคนที่เถิงเฟิงชอบ ท่านทวดวางใจเถอะ ข้าจะดูแลนางเป็นอย่างดี”
อิ๋นซานจัดให้ถังเฉียนอยู่ในเรือนรับแขก ให้สาวใช้ข้างกายคอยดูแลนาง เพราะไม่ไว้ใจคนอื่น สมุนไพรบนเขาศักดิ์สิทธิ์ช่วยรักษานางสองวันแล้ว เถิงเจินหัวหน้าผู้บวงสรวงแห่งเผ่าพีส่าออกไปจากเขตหวงห้ามแล้ว วันที่ถังเฉียนมาถึง เขาตรวจรู้ถึงสาเหตุแล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ยังจำเป็นที่ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนอีกขั้นหนึ่ง จึงสั่งให้ปิดเขตหวงห้ามเพื่อตรวจสอบ แล้วมอบถังเฉียนให้อิ๋นซานเป็นผู้ดูแล
“เฟิงเอ๋อร์รบเร้าจะออกนอกเขตหวงห้ามก่อนเวลา เขายังไม่หายดี ถ้าอาหรูน่ายังไม่หาย เขาก็ย่อมเป็นห่วง”
เถิงเจินโอบไหล่อิ๋นซาน แล้วบอกว่า
“จะกังวลสิ่งใด ขอเพียงเด็กคนนี้อยู่ที่เขาศักดิ์สิทธิ์ ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียชีวิต เรื่องอื่นข้ามีแผนในใจแล้ว ให้เจ้าหนูนั่นพักรักษาตัวในนี้ดีๆ ใครใช้ให้เขาทำอะไรโดยไม่คำนึงถึงกำลังของตัวเองเล่า”
อิ๋นซานรู้ว่าเถิงเจินทำทุกอย่างเพื่อเถิงเฟิง แต่ก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้ ใบหน้าไร้รอยยิ้มตลอด เถิงเจินดูอาการถังเฉียนแล้วบอกว่า
“ข้าส่งคนไปตามท่านป้าแล้ว เหตุจนถึงเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่มา หรือท่านได้รับบาดเจ็บภายในจากพิธีอัญเชิญเทพครานี้”
เขาไม่สามารถรักษาอาการป่วยของถังเฉียนได้ตามลำพัง ต้องให้เถิงเสวี่ยมาช่วยอีกแรง แต่รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่มาเสียที
ตอนที่ 185 ผู้ใหญ่สองฝ่ายพบกัน
รออยู่นานเถิงเสวี่ยก็ยังไม่มาสักที กลับเป็นคณะของจินซิวอ๋องและฮว่าเหยียนมาถึงก่อน ฮว่าเหยียนเห็นถังเฉียนยังมีสภาพเช่นนี้ก็วิตกมาก แต่อยู่บนเขาศักดิ์สิทธิ์นางไม่กล้าที่จะพูดตามอำเภอใจ
“พอจะรักษาอาหรูน่าได้หรือไม่ ไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับเด็กคนนี้ ท่านหัวหน้าผู้บวงสรวงต้องช่วยนางด้วย”
เถิงเจินสวมชุดสีแดงเข้ม ปักลายมังกรดำด้วยด้ายดำ บนศีรษะใช้รัดเกล้าหยก แม้จะเข้าสู่วัยกลางคนแล้วแต่ยังคงสง่างาม เถิงเจินเห็นฮว่าเหยียน แม้ว่านางจะไม่เหมือนที่เขาคาดคิด แต่อย่างไรก็เป็นการที่ผู้ใหญ่ของสองฝ่ายพบกัน
“ท่านหมอฮว่าเหยียนไม่ต้องยึดถือแบบแผนเกินไป แม้สองคนนั้นจะตัดสินเรื่องชั่วชีวิตกันเอง แต่สำหรับเผ่าพีส่าเรากฎเกณฑ์ก็คือกฎเกณฑ์ อาหรูน่าเป็นคนของสกุลเถิงเราแล้ว ในเมื่อมีคนบังอาจมาคุกคาม ย่อมเท่ากับทำตัวเป็นศัตรูกับข้าสกุลเถิง”
ฮว่าเหยียนดูสีหน้าเถิงเจินแล้วก็คลายความวิตกลงบ้าง แววตานางยังฉายแววสงสัยออกมา แล้วพูดว่า
“ตามเหตุผลแล้ว เลือดของเด็กคนนี้สามารถทำลายภูตผีได้ เมื่อกลางวันมือผีเพิ่งพ่ายแพ้ไป แม้นางจะสูญเสียพละกำลังไปบ้าง แต่ก็ไม่น่าจะถูกเล่นงานได้ง่ายๆ ท่านหัวหน้าพอจะมีความคืบหน้าใดบ้าง”
เถิงเจินพยักหน้า แล้วว่า
“เราต้องสืบหาคนร้ายให้ได้ แต่ตอนนี้คงต้องขอความช่วยเหลือจากท่านหมอฮว่าเหยียน ช่วยถอนเข็มสกุลฮว่าออกก่อน ไม่เช่นนั้นเราจะไม่สามารถตรวจหาดวงวิญญาณได้ ไม่อาจรู้ว่าวิญญาณนางไปที่ใดแล้ว”
ก่อนหน้านี้ฮว่าเหยียนใช้เข็มทองคำปิดกั้นชีพจรของถังเฉียน อนึ่งก็เพื่อรักษาชีวิตถังเฉียนไว้ อีกประการหนึ่งเพื่อป้องกันสกุลเถิงตรวจสอบวิญญาณนาง
“สกุลฮว่าเราเร้นกายมาหลายปี ท่านย่อมรู้ว่ามีความลับหลายอย่างที่ไม่อาจเปิดเผยต่อภายนอกได้ ดังนั้นเราจึงไม่สามารถให้ตรวจสอบดวงวิญญาณได้ ส่วนคนร้ายนั้นเราจับได้หนึ่งคน หากแต่…”
ฮว่าเหยียนมองซ้ายมองขวา เถิงเจินสั่งให้คนอื่นออกไปทันที ในห้องเหลือเพียงพวกเขาสองคนและอิ๋นซาน
“เรื่องนี้ยิ่งมีคนรู้น้อยก็ยิ่งดี ที่เราสามารถอยู่ในเผ่าม้งมานานหลายปี แต่ละเผ่าย่อมมีความลับของตนเอง ในเมื่อท่านหมอฮว่าเหยียนไม่เห็นด้วยให้ตรวจสอบวิญญาณ ก็ไม่เป็นไร ค่อยๆ จัดการก็ย่อมได้”
ฮว่าเหยียนรู้ดีว่าการทำเช่นนี้ทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ แต่นางมีเหตุผลที่ต้องทำเช่นนี้
“แม้จะไม่สามารถหาดวงวิญญาณของอาหรูน่า แต่พระชายารองของจินซิวอ๋องคนนี้แปลกมาก คิดว่าท่านหัวหน้าคงสนใจเป็นแน่”
เค่ออี้เอ่ยถึงเรื่องนี้ในจดหมายแล้ว แต่ฮว่าเหยียนเอ่ยถึงเรื่องนี้เป็นพิเศษ จึงรู้สึกว่าซูซินเหลียนน่าจะเกี่ยวข้องกับการที่ถังเฉียนป่วยอย่างกะทันหัน
“ซูซินเหลียนคนนี้นับว่าแปลกมาก หลายวันมานี้ตามข่าวที่พวกเจ้าแจ้งในจดหมาย ข้าได้พลิกอ่านตำราที่เกี่ยวข้องของหนานเจ้าและดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เรื่องนี้มีความเป็นไปได้เพียงสองประการ แต่ขณะนี้ยังไม่เจอนาง จึงไม่อาจสรุปอย่างชัดเจน รอให้ข้าพบนางก่อน ย่อมต้องแจ้งต่อท่านหมอฮว่าเหยียน”
คำพูดเขาเป็นการทำให้ฮว่าเหยียนต้องกลับไปก่อนเป็นนัยๆ รอจนในห้องเหลือเพียงสองสามีภรรยาแล้ว อิ๋นซานก็อดเอ่ยขึ้นไม่ได้
“ท่านพี่รู้แล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงไม่พูดออกมา ฮว่าเหยียนเป็นญาติผู้ใหญ่ฝ่ายนั้น ไม่ใช่คนนอก ท่านพี่กังวลสิ่งใดหรือ”
เถิงเจินส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ หลายปีมานี้เขาจัดการทุกเรื่องอย่างละเอียดรอบคอบ ดังนั้นสำหรับอาหรูน่ารวมทั้งฮว่าเหยียนด้วย เขาจึงเลือกที่จะระวังตัวเช่นเดิม เขาอยากรู้ว่าสองคนนี้จงใจเข้ามาตีสนิทกับเถิงเฟิงหรือไม่ เพียงแต่เขารู้ว่าคำขอร้องนี้ต้องถูกปฏิเสธ แต่เขารู้สึกว่าแม่ลูกคู่นี้ดูแปลกๆ
“เจ้าไม่คิดหรือว่าฮว่าเหยียนกับอาหรูน่าหน้าตาไม่เหมือนกันเลย อีกอย่างท่านป้ายังไม่มา ทุกอย่างรอให้ท่านป้ามาก่อนก็ยังไม่สาย
ตอนที่ 186 หลอกล่อ
ฮว่าเหยียนกลับมาที่ห้องของตน แต่ยังไม่คลายความวิตก แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่นางมาที่เขาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ แต่นางรู้สึกว่าหัวหน้าผู้บวงสรวงที่พบหน้ากันวันนี้มีความหวั่นวิตกต่อนาง ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้นางไม่สบายใจ ยิ่งอยู่ในห้องก็ยิ่งรู้สึกอึดอัด
นางจึงออกมานอกห้อง เดินเล่นในสวนดอกไม้ แล้วคิดทบทวนท่าทีในวันนี้ของเถิงเจิน
เมื่อเดินออกจากทางเดินคดเคี้ยว ด้านหลังของเขาศักดิ์สิทธิ์มีป่ารกทึบ มีภูเขาเทียมและสวนดอกไม้ นางเดินไปข้างหน้าระยะหนึ่ง เนื่องจากจิตใจนางรู้สึกสับสน จึงทำให้นางหลงทาง นางเดินหลงอยู่ในสวนดอกไม้ด้านหลัง
“ข้าไม่ควรเดินตามลำพังไกลเช่นนี้ เดินหลงในสวนบ้านคนอื่น ช่างน่าอายเสียจริงๆ”
ฮว่าเหยียนอยากเจอคนเพื่อจะถามทาง หากแต่ยิ่งเดินก็ยิ่งดูเปลี่ยวขึ้น
“ช่างไม่เอาไหนเสียเลย ไหนเจ้าบอกว่าได้ผลแน่นอนไม่ใช่หรือ เหตุใดตอนนี้นางจึงยังมีชีวิตอยู่”
ฮว่าเหยียนเดินมาถึงหลังก้อนหินใหญ่ ได้ยินเสียงพูดดังขึ้นข้างๆ เดิมนางตั้งใจจะไปสอบถามเส้นทาง แต่แล้วกลับได้ยินคำพูดเช่นนี้ ทำให้นางตกใจ รีบหาที่ซ่อน แอบฟังพวกเขาคุยกัน
“ตอนนี้นางมีชีวิตแล้วต่างจากตายแล้วตรงไหน คุณหนูใหญ่ นางเป็นถึงฮูหยินหัวหน้าผู้บวงสรวงในอนาคต หากข้าเล่นงานนางถือเป็นความผิดอย่างมหันต์ ที่นี่คือเขาศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่ข้างนอก ถ้าไม่ใช่เพราะ…”
เสียงคนผู้นั้นเบาลงทุกที ฮว่าเหยียนได้ยินไม่ชัด นางจึงขยับเข้าไปใกล้ อยากฟังให้รู้แน่ว่าเป็นใคร แต่เกิดเหยียบพลาด ทำให้คนพวกนั้นรู้ตัว
“มีคนแอบฟัง!”
พอได้ยินเสียงผู้หญิงพูดเช่นนี้ ฮว่าเหยียนจึงรู้ตัวว่าตนเองเผยตัวออกไปแล้ว นางไม่กล้าอยู่ต่อ รีบมุดเข้าไปในพงหญ้าข้างๆ ทันที แอบดูว่าเป็นใครเดินออกมา ผู้หญิงที่ออกคำสั่งไม่ได้ออกมา ที่ออกมากลับเป็นชายผู้หนึ่ง ฮว่าเหยียนเห็นหน้าเขาชัดเจน นางรู้จักชายคนนี้
“คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเจ้า”
ชายคนนั้นมองดูรอบๆ ไม่กล้าอยู่ที่นี่ต่อ แล้วผละจากไปทันที ฮว่าเหยียนนั่งยองๆ อยู่ในพงหญ้าครู่หนึ่ง จะอย่างไรนางก็ไม่สามารถกลับไปได้ สู้นั่งครุ่นคิดว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรดีกว่า
ฮว่าเหยียนเดินหลงอยู่ในสวนเป็นเวลานานกว่าจะสามารถกลับมาที่ห้องได้ ขณะที่กำลังผลักประตูเปิดออกไปก็รู้สึกถึงความผิดปกติ เหตุใดรอบๆ จึงเงียบสงบเช่นนี้ กลิ่นในอากาศก็เกิดการเปลี่ยนแปลง นางจำสภาพที่นี่ก่อนจะออกไปได้
นางรู้ว่าในห้องมีคนอื่น แต่นางไม่กระโตกกระตาก ล้วงมีดสั้นออกมา ร้องเรียกผึ้งดำของตนเบาๆ จากนั้นจึงเปิดประตูออก เดินเข้าไปในห้อง และหันกลับมาปิดประตู ยังจงใจใส่กลอนประตู จากนั้นจึงพูดขึ้นลอยๆ ว่า
“เขาศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่สถานที่วิเศษอะไร แม้แต่คนรับใช้ก็ไม่รู้จักทำหน้าที่ จนถึงเวลาต้องจุดไฟแล้วยังปล่อยให้ห้องพักของแขกมืดสนิทเช่นนี้ หรือว่าดูถูกญาติผู้ใหญ่อย่างข้า”
ฮว่าเหยียนพูดพลางใช้หินเหล็กไฟจุดเทียนไข แล้วจุดเทียนที่เหลือในห้อง จากนั้นจึงถือตะเกียงเดินไปที่โต๊ะหนังสือ พลิกอ่านหนังสือบนโต๊ะ อ่านอยู่นาน คืนนี้นางไม่ได้นอน พลิกอ่านหนังสือเล่มเดิม ตรงที่ไม่เข้าใจยังพลิกอ่านซ้ำๆ
“ท่านหมอฮว่าเหยียน ท่านหัวหน้าผู้บวงสรวงเชิญท่านไปพบ”
ข้างนอกเป็นเสียงของหรูอี้ ฮว่าเหยียนได้ยิน แต่แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน นางใช้มือยันศีรษะอ่านหนังสือพลางพยักหน้าไม่หยุด แล้วดูเหมือนจะผล็อยหลับไปแล้ว
ในห้องมีเงาดำกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้น มันค่อยๆ ลอบไปที่หน้าต่าง เงาดำดูเหมือนคน แต่กลับไม่เห็นร่างคน
ตอนที่ 187 จับเงาดำ
ที่หน้าประตูไม่มีความเคลื่อนไหวใดใด หรูอี้ทำหน้าที่มาถ่ายทอดคำเชิญ นางไม่กล้ารบกวน ฮว่าเหยียนโดยพลการ แม้นางจะไม่ใช่หมอผีศักดิ์สิทธิ์ แต่ด้วยความสัมพันธ์กับอาหรูน่า ทำให้ฐานะนางสูงขึ้น หรูอี้ยืนลังเลอยู่ที่หน้าประตู
แต่กลอนประตูเคลื่อนเล็กน้อย แม้เสียงจะเบา แต่หรูอี้ได้ยินทันที จึงชะงักเล็กน้อย แล้วเห็นเงาร่างบนหน้าต่าง นางตกใจ แล้วรีบหาที่ซ่อนตัว
กลอนประตูถูกถอด ประตูเปิดออกเล็กน้อย หรูอี้เห็นเงาดำยืนอยู่ที่ปากประตู แต่ไม่เห็นร่างคน นางแน่ใจทันทีว่านี่คือเงาผีของนิกายเทพมังกร พวกนี้กล้าขึ้นมายังเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วหรือ รนหาที่ตายชัดๆ
หรูอี้คีบเข็มทองคำไว้ในมือ จากนั้นก็เห็นประตูกลับถูกปิดดังปัง มีเสียงตะโกนหวีดแหลมดังขึ้น จากนั้นในห้องก็เกิดความวุ่นวาย หรูอี้ตะโกนเรียกให้คนช่วย ตัวนางเฝ้าอยู่นอกห้อง
ในห้องฮว่าเหยียนใช้เข็มทองคำประจำตระกูลแทงใส่ร่างเงาดำ เข็มเล่มหนึ่งแทงถูกที่จุดสำคัญบนร่างมัน เงาดำส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดสุดขีด
เข็มทองตระกูลฮว่าไม่อาจถอนออกได้ง่ายๆ ตอนที่เพิ่งเข้ามาในห้องฮว่าเหยียนสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ ก่อนหน้านี้นางได้ยินในสิ่งที่ไม่ควรได้ยิน ย่อมรู้ว่ามีคนต้องการฆ่านางเพื่อปิดปาก เมื่อนางได้กลิ่นประหลาดในห้อง จึงกลั้นลมหายใจ แกล้งอ่านหนังสือเพื่อล่อคนผู้นี้ออกมา ในห้องมีมุมมืดมากเกินไป เข็มทองคำในมือก็มีจำนวนจำกัด ถ้าไม่สามารถแทงถูกเงาผีอย่างน้อยสามจุด มันก็ยังสามารถหนีไปได้
“หรูอี้ เข้ามาล่ามเขาไว้!”
หรูอี้ได้ยินที่ฮว่าเหยียนสั่งก็ผลักประตูเข้ามาทันที ใช้ด้ายแดงร้อยใส่เข็มแล้วพันรอบร่างมัดคอเงาผีไว้ ฮว่าเหยียนใช้เข็มทองคำอีกเล่มแทงเข้าไปในร่างมัน นอกห้องมีเสียงตะโกนร้องดังขึ้น จากนั้นก็เห็นคนผู้หนึ่งเดินมาถึงหน้าประตูแล้วล้มลงหมดสติทันที
เถิงเจินและอิ๋นซานได้รับรายงานเรื่องนี้ พอมาถึงทุกอย่างก็เรียบร้อยแล้ว คนผู้นี้ชื่อเค่อหมิง เป็นหนึ่งในคนที่ลงเขาไปกับเค่ออี้เพื่อไปรับถังเฉียน เขาหน้าตาคมสัน บนใบหูมีไฝดำเม็ดหนึ่งทำให้จำได้ง่าย
“เกิดอะไรขึ้นกับเค่อหมิง”
อิ๋นซานร้อนใจเมื่อเห็นเค่อหมิงนอนหมดสติอยู่บนพื้น เตรียมสั่งให้คนพาไปดูแล แต่หรูอี้บอกว่า
“พระแม่ เค่อหมิงฝึกวิชาแยกวิญญาณของนิกายเทพมังกร คิดจะใช้เงาผีทำร้ายคน”
ฮว่าเหยียนเดินออกมาจากห้อง เงาผีในมือนางเป็นหลักฐาน ร่างแยกเงาผีเป็นเหมือนดวงวิญญาณของคนผู้นี้ ถ้าได้รับบาดเจ็บจะส่งผลอย่างใหญ่หลวงต่อตัวคน หลายคนเสียสติหรือพิการเพราะสาเหตุนี้ ฮว่าเหยียนลงมือทำลายดวงตาข้างหนึ่งของเขา เมื่อเงาผีตกอยู่ในมือคนอื่น อยากจะทำร้ายอย่างไรก็ได้ ไม่สามารถขัดขืนได้
“เค่อหมิง ไฉนเป็นเค่อหมิง เขาเป็นเด็กที่ซื่อที่สุด”
อิ๋นซานพึมพำ นางไม่อยากเชื่อว่าเขาจะทำเรื่องเช่นนี้ ดวงตาฉายแววไม่มั่นใจออกมา แต่สิ่งที่เห็นตรงหน้าเป็นเครื่องพิสูจน์ สรุปก็คือคนอื่นย่อมไม่สามารถทำให้เขาปล่อยเงาผีออกมา จึงไม่อาจปฏิเสธได้
“วันนี้ข้าบังเอิญได้ยินเขาพูดคุยกับเด็กสาวผู้หนึ่งในสวนดอกไม้ด้านหลัง คงถูกเขามองออกว่าข้าเป็นใคร ถึงฉวยโอกาสตอนค่ำมาสังหารข้า คิดว่าเขาอยู่บนเขานาน จึงไม่รู้ว่าคนภายนอกก็มีเล่ห์เหลี่ยมสูง ข้าจุดธูปฮุ่ยหมิง ไว้ในห้อง ไม่ว่าอะไรจะเข้ามาข้าจะสามารถรู้ได้”
ตอนที่ 188 เถิงเฟิงออกมาแล้ว
ฮว่าเหยียนถอนเข็มทองคำออก เค่อหมิงยังคงถูกพวกเขาคุมตัวไว้ เถิงเจินไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาใช้วิชาตรวจสอบวิญญาณกับเค่อหมิงทันที หลังจากเถิงเจินมองดูแล้ว ก็ใช้ฝ่ามือฟาดลงไปบนศีรษะเขาทันที กะโหลกแตกกระจาย กลิ่นเลือดคละคลุ้งน่าสะอิดสะเอียน
“โยนศพลงเขาไป ลบชื่อออกจากป้ายศิลา เขาศึกษาวิชาเงาผีของนิกายเทพมังกรจริง คนทรยศเช่นนี้ไม่ควรมีชีวิตต่อไป”
ฮว่าเหยียนรีบถาม
“เขาทำร้ายอาหรูน่าใช่หรือไม่ ผู้สมรู้ร่วมคิดเป็นใครกันแน่”
เถิงเจินบอกให้นางอย่าเพิ่งวู่วาม ระฆังลายมังกรบนเขาศักดิ์สิทธิ์ดังขึ้นสามครั้ง อิ๋นซานพูดด้วยความดีใจ
“เฟิงเอ๋อร์จะออกจากเขตหวงห้ามแล้ว”
เถิงเจินพยักหน้าพลางพูดว่า
“แม่อาหรูน่า วางใจเถอะ ข้าจะคืนความเป็นธรรมให้พวกเจ้า จะไม่ปล่อยคนผู้นี้ไปได้เด็ดขาด แต่เจ้านี่จะระเบิดวิญญาณ พวกเราล้วนมิอาจรับได้ ในเมื่อรู้ว่าเป็นใครแล้ว เขาไม่เสียดายชีวิตหรอก”
แม้ฮว่าเหยียนจะรู้สึกว่าเถิงเจินพูดบ่ายเบี่ยง แต่สำหรับเรื่องนี้นั้น เมื่อคนตายไปแล้ว หากนางยังดึงดันคงจะไม่เหมาะ จึงต้องทำใจยอมรับ เวลานี้เถิงเฟิงจะออกจากเขตหวงห้ามแล้ว นางเชื่อว่าหากเถิงเฟิงอยู่ จะต้องช่วยถังเฉียนให้รอดชีวิตได้เป็นแน่
เรื่องวุ่นวายในค่ำคืนนี้จึงยุติลงเพียงเท่านี้ ฮว่าเหยียนกลับมาที่ห้องของตน ท้องฟ้าเริ่มสลัวแล้ว ส่วนเถิงเจินพาคนออกไปจากเรือนหลังนี้ แล้วให้คนสนิทไปตามคนผู้หนึ่งมาทันที อิ๋นซานแปลกใจเมื่อเห็นหญิงที่เข้ามา แล้วจึงรู้ว่าเหตุใดเถิงเจินจึงขอให้นางอยู่ก่อน
“หงหลิงเอ๋อร์ เจ้าอาศัยบนเขาศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่เล็ก คงจะรู้วิชาตรวจสอบวิญญาณของเผ่าเรา วันนี้ข้ากุมวิญญาณของเค่อหมิงด้วยตัวข้าเอง เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเห็นสิ่งใด”
ก่อนมาหงหลิงเอ๋อร์รู้ข่าวว่าพวกเขาจับเค่อหมิงได้แล้ว รู้แล้วว่าตนเองถูกเปิดเผย ระหว่างทางนางเฝ้าครุ่นคิดว่าจะรับมืออย่างไรดี
“ท่านลุง ท่านเห็นหลิงเอ๋อร์โตขึ้นตั้งแต่เล็ก ข้าเองไม่ใช่คนที่โหดเ**้ยมอำมหิต แต่อาหรูน่าไม่ใช่ง่ายๆ อย่างที่พวกท่านคิด นางเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก ไม่คู่ควรเป็นฮูหยินแม้แต่น้อย ไม่คู่ควรกับเขาศักดิ์สิทธิ์”
อิ๋นซานได้ฟังเช่นนั้นก็สนใจ นางคุ้นเคยกับหงหลิงเอ๋อร์ดี คิดว่านางไม่ใช่เด็กสาวที่พูดจาเหลวไหล จึงเอ่ยถาม
“อาหรูน่ากับเจ้าต่างเป็นศิษย์ท่านป้า เป็นความจริงที่พรสวรรค์นางอาจจะด้อย แต่เฟิงเอ๋อร์บอกว่านางเป็นหญิงที่จิตใจดีงาม เราเลือกสะใภ้ไม่ใช่เลือกผู้อาวุโสเผ่า ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่สูงส่ง สรุปแล้วที่สำคัญที่สุดคือขอเพียงเฟิงเอ๋อร์ชอบ ไม่ว่าจะพูดอย่างไร การพูดให้ร้ายคนลับหลังย่อมไม่ถูกต้อง”
หงหลิงเอ๋อร์ร้องหึ แล้วพูดว่า
“ท่านป้าอิ๋น ท่านไม่รู้หรอกว่าอาหรูน่าคนนี้ทำท่าตัวน่าสงสาร แต่ที่จริงแล้วเป็นหญิงหลายใจ เจ้าเล่ห์ นางแอบมีความสัมพันธ์กับจินซิวอ๋องนานแล้ว เหตุใดท่านจึงยอมให้ผู้หญิงที่ด่างพร้อยมาเป็นฮูหยินของเถิงเฟิง ที่ข้าทำเช่นนี้ก็เพื่อเถิงเฟิง ข้าโตมากับเขาตั้งแต่เล็ก ไม่อาจนิ่งดูดายให้เขาถูกหลอกได้”
เสียงหงหลิงเอ๋อร์ดังขึ้นทุกที ประตูถูกผลักเปิดออกดังโครม เถิงเฟิงยืนอยู่ที่หน้าประตู มองหงหลิงเอ๋อร์ด้วยสายตาแข็งกร้าว
“เจ้าบอกว่านางเป็นคนหลายใจ มีหลักฐานหรือ? หงหลิงเอ๋อร์ อาหรูน่าเป็นเมียที่ยังไม่ได้แต่งของข้า ห้ามไม่ให้เจ้าลบหลู่นางตามใจชอบ อย่าอ้างเด็ดขาดว่าเจ้าเป็นเพื่อนข้าแล้วจะทำเช่นนี้ได้”
มีรังสีอำมหิตแผ่ซ่านออกมาจากร่างเถิงเฟิง หงหลิงเอ๋อร์คิดไม่ถึงว่าเขาจะมาจากด้านหลังเขาได้เร็วเช่นนี้ นางมองอิ๋นซานแว่บหนึ่ง แล้วพูดเสียงแข็ง
“นางเป็นเช่นนั้นหรือไม่ ให้คนไปตรวจสอบก็จะรู้ อีกอย่างเรื่องนี้ไม่ใช่ข้าพูด เป็นคำพูดของชายารองของจินซิวอ๋อง อาหรูน่าของเจ้าอยู่กับฉู่จิ่งเหยาเพียงสองคนในห้องหนังสือเป็นเวลานาน หลังจากออกมาก็จะเปลี่ยนเสื้อผ้า หากถ้าไม่ใช่เรื่องชู้สาว แล้วพวกเขาทำสิ่งใดกัน”
ตอนที่ 189 ตรวจสอบ
เถิงเฟิงได้ยินเช่นนี้ก็โกรธมาก
“เจ้าพูดเหลวไหล! อาหรูน่าไม่ใช่คนเช่นนั้น”
เมื่อหงหลิงเอ๋อร์พูดเช่นนี้แล้วก็ไม่ได้รู้สึกกลัวอีกแล้ว สู้พูดให้ชัดเจนไปเลยจะดีกว่า
“ข้าพูดเหลวไหล เจ้าลองจับคนในจวนจินซิวอ๋องมาสักคน แล้วใช้วิชาตรวจสอบวิญญาณ ดูว่าที่ข้าพูดจริงหรือไม่ หรือเจ้าใช้วิธีกุมวิญญาณกับอาหรูน่าก็ย่อมได้ ดูว่านางยังเป็นสาวบริสุทธิ์หรือไม่ ทรยศเจ้าหรือไม่”
“พอแล้ว!”
เถิงเจินฟังจนรู้สึกปวดหัว ห้ามไม่ให้สองคนเถียงกันต่อ แล้วจึงพูดอย่างสงบนิ่งว่า
“คนของจวนจินซิวอ๋องล้วนเป็นแขก เผ่าพีส่าไม่มีธรรมเนียมในการทำร้ายแขก ทั้งอาหรูน่ายังเป็นคนที่เถิงเฟิงเลือกแล้ว เราย่อมไม่สงสัยในความบริสุทธิ์ของนาง ดังนั้นเรื่องนี้รอให้อาหรูน่าฟื้นเสียก่อน แล้วให้พวกเขาจัดการกันเอง”
หงหลิงเอ๋อร์เม้มริมฝีปากแน่น ทั้งสองจ้องมองฝ่ายตรงข้ามด้วยความเคียดแค้น อิ๋นซานเห็นท่าทีของคนทั้งสองก็ถอนหายใจ แล้วพูดปลอบอย่างอ่อนโยนว่า
“ไม่ว่านางจะเป็นอย่างไร หลิงเอ๋อร์ เจ้าไม่ควรลงมืออย่างโหดเ**้ยมเช่นนี้ เวลานี้แม่ของนางก็อยู่ที่นี่ เด็กคนนี้เผชิญความทุกข์ยากไม่น้อย คืนนี้ที่เรียกเจ้ามาไม่ใช่เพื่อตำหนิ แต่เราหวังว่าเจ้าเองคงมีความลำบากใจ เวลานี้ไม่ว่าจะอย่างไร เจ้าต้องปล่อยวิญญาณอาหรูน่าก่อน เรื่องอื่นเราค่อยว่ากันทีหลัง”
อิ๋นซานพูดเรื่องสำคัญ ทั้งสี่คนในที่นี้หงหลิงเอ๋อร์ช่างโดดเดี่ยวเดียวดาย แต่นางไม่กลัว ตั้งแต่เล็กนางก็คือเจ้าหญิงที่หยิ่งยโสที่สุดบนเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ หงหลิงเอ๋อร์พูดเสียงแข็ง
“พวกท่านรู้หรือไม่ว่าเหตุใดอาจารย์ข้าจึงยังไม่มา แม้จะบอกว่าท่านงานยุ่งก็เถอะ แต่ที่สำคัญเป็นเพราะท่านกลัวเสียงครหา เราหมอผีศักดิ์สิทธิ์ล้วนบริสุทธิ์และสูงส่งที่สุด อาหรูน่าทำให้หมอผีศักดิ์สิทธิ์เสื่อมเสียจะต้องถูกขับออก เวลานี้ข้ากำลังทำตามกฎสำนัก ตอนนี้ถ้านางตายซะก็สิ้นเรื่องไป แต่ถ้าเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป พวกท่านไม่กลัวเสียหน้าก็แล้วไป แต่จะพลอยทำให้อาจารย์เสื่อมเสียชื่อเสียง”
“เจ้า!”
เถิงเฟิงถูกนางยั่วโมโหอย่างรุนแรง จนอยากบีบคอนางให้ตายคามือ แต่พอเถิงเจินได้ฟังเช่นนี้ก็เริ่มกังวล หากเรื่องนี้เป็นความจริง ที่หงหลิงเอ๋อร์ทำก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด
“เจ้ากลับไปก่อน เรื่องนี้รอให้เราปรึกษากันก่อนแล้วค่อยตัดสิน”
เถิงเฟิงคาดไม่ถึงว่าบิดาจะพูดเช่นนี้ เขาตกตะลึง ยืนมองบิดาด้วยแววตาครุ่นคิด
“ท่านพ่อ อาหรูน่าไม่ใช่คนเช่นนั้นเด็ดขาด ท่านอย่าเชื่อที่หงหลิงเอ๋อร์พูดจาเหลวไหล สองคนนี้เดิมมีความแค้นต่อกันอยู่ก่อน”
เถิงเจินยื่นมือออกไปห้ามไม่ให้เถิงเฟิงพูดต่อ สิ่งที่เถิงเฟิงจะพูดนั้นเขารู้อยู่แล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้แสดงท่าทีที่ชัดเจนออกมา เพราะเขาต้องการสยบหงหลิงเอ๋อร์ไว้ชั่วคราวก่อน
“เจ้าไม่รู้หรือว่าหงหลิงเอ๋อร์มีนิสัยใจคอเช่นไร เจ้าทำได้แค่ฆ่านาง แต่สามารถปิดปากนางได้หรือ คำพูดของคนเป็นสิ่งที่น่ากลัว ถ้าเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป มีแต่จะทำให้ฐานะอาหรูน่าที่เขาศักดิ์สิทธิ์ดิ่งลงเหว ยังส่งผลกระทบต่อเจ้า ดังนั้น…”
เถิงเฟิงจ้องมิดาไม่วางตา เขากลัวว่าบิดาจะพูดในสิ่งที่เขาไม่อาจรับได้ เถิงเจินโบกมือบอกให้เขากลับไปก่อน เขายังไม่ได้คิดให้ดี เรื่องนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด
อิ๋นซานมองเห็นความลำบากใจของสามี นางจึงเกลี้ยกล่อมให้เถิงฟังกลับไปก่อน ทั้งคู่อยู่ต่อ สีหน้าทุกข์ร้อน
“เรื่องนี้จำเป็นต้องให้จินซิวอ๋องยืนยันความบริสุทธิ์ต่อหน้าหรือไม่ เรากับเขามีความสัมพันธ์ที่นับว่าไม่เลวเลย ท่านทวดเคยพูดใช่ไหมว่าคนคนนี้เป็นคนซื่อตรง ส่วนเด็กอย่างอาหรูน่าก็ดูไม่เหมือนเด็กเลว อย่าให้เรื่องนี้ทำให้นางต้องเสื่อมเสีย”
ถิงเจินพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม แต่ดวงตายังคงฉายแววลังเล
เถิงเฟิงไม่ได้กลับไปที่ห้องตน แต่รีบไปเยี่ยมถังเฉียนทันที พอเขาเข้ามาในห้องก็ใช้นิ้วเคาะหน้าผากนางทันที แต่น่าเสียดายที่ครั้งนี้นางไม่ได้ยกมือขึ้นกุมหัวแล้วหันกลับมาตอบโต้เขา และไม่ได้ร้องโอยออกมา นางเพียงแต่หลับตาอย่างสงบนิ่ง เหมือนนอนหลับ
“แม่จอมยุ่ง เตือนเจ้าแล้วว่าให้คอยระวังตัว จนแล้วจนรอดก็ไม่รู้จักดูแลตัวเอง อยู่ในฝันยังสุขสบายดีหรือไม่”
เถิงเฟิงมาอยู่ข้างกายนาง กุมมือถังเฉียนไว้ แล้วเข้าสู่โลกแห่งวิญญาณที่นางอยู่
ตอนที่ 190 เสียงซุบซิบนินทา
เถิงเฟิงเข้ามาในสวนดอกไม้แห่งหนึ่ง เขาตามหาอยู่นาน จึงเห็นถังเฉียนนอนหลับอยู่บนกลีบดอกไม้สีแดงสดหยาดเยิ้ม เขาขยับเข้าไปใกล้ เอามือลูบเส้นผมนางเบาๆ ใบหูถังเฉียนขยับเล็กน้อยแล้วเงยหน้าขึ้น มองดูเถิงเฟิงอย่างสะลึมสะลือ
“เถิงเฟิง เจ้ามาแล้วหรือ ที่นี่น่าสนุกจริงๆ เพียงแต่อยู่คนเดียวนั้นเหงาเกินไป”
เถิงเฟิงจ้องมองท่าทางของนางอย่างจริงจัง ทำอย่างไรก็ซ่อนความรักของตนไว้ไม่อยู่ เนื่องจากถังเฉียนสูญเสียดวงวิญญาณไป แม้แต่ในฝันก็ยังดูอ่อนล้ามาก เถิงเฟิงเข้ามาอยู่ใกล้นาง ให้นางนอนหนุนตัก แล้วเป่าขลุ่ยกล่อมนาง
อิ๋นซานมีความเห็นไม่ตรงกับเถิงเจิน แต่นางก็ไม่ได้โต้แย้งการตัดสินใจของสามี แต่พอกลับมาที่ห้องก็ยังรู้สึกไม่ยอมรับ แต่เรื่องทำนองนี้ไม่เหมาะที่จะทำให้เอิกเกริก โดยเฉพาะที่เถิงเฟิงคอยปกป้อง ทำให้นางเสียใจ
หงหลิงเอ๋อร์กลับมาที่ห้อง บังเอิญถงถงเอ๋อร์มาถึงพอดี เดิมหงหลิงเอ๋อร์สำนึกผิดอยู่ในเขตหวงห้าม แต่บิดานางขอร้องเถิงเสวี่ย จึงยอมให้นางสร้างความชอบลบล้างความผิด ครั้งนี้ให้นางมาช่วยถังเฉียน แต่คิดไม่ถึงว่านางจะเป็นคนที่เป็นมือมืดอยู่เบื้องหลัง
“เจ้ามาทำไม อาจารย์ต้องการอะไร”
หงหลิงเอ๋อร์รู้สึกไม่พอใจ เมื่อเจอหน้าถงถงเอ๋อร์จึงพูดเสียงกร้าว ถงถงเอ๋อร์เคยชินกับนิสัยของนาง เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ก็รู้ว่าความเป็นไปข้างนอกนั้นไม่ราบรื่น จึงทำให้นางอารมณ์เสีย
“อาจารย์ย่อมต้องการให้เราทุ่มเทอย่างเต็มที่ หากเราทำไม่ได้ก็ส่งข่าวกลับไป อาจารย์จะมาด้วยตัวเอง เจ้าเองก็รู้ว่าครั้งนี้อาจารย์สูญเสียพละกำลังไปมาก ไม่อาจฟื้นฟูได้ภายในเวลาครึ่งปี เวลานี้ในเผ่าหมอผี หัวหน้าหงมีอำนาจตัดสินใจเด็ดขาด”
น้ำเสียงถงถงเอ๋อร์อ่อนน้อมมาก สีหน้าดูเคารพยำเกรง หงหลิงเอ๋อร์เห็นท่าทีนางเช่นนี้ก็ยิ้มแล้วพูดว่า
“เวลานี้เราปิดบังข้างบนเล่นงานข้างล่าง หากนางตาย ถึงตอนนั้นจะอาจารย์จะโกรธข้าก็ไม่มีประโยชน์แล้ว”
ถงถงเอ๋อร์ชอบติดตามหงหลิงเอ๋อร์มากว่า เมื่อเทียบกับการที่วันๆ ต้องแสร้งทำตัวเป็นคนดีแล้ว นางชอบนิสัยของหงหลิงเอ๋อร์มากกว่า อย่างไรเสียนางก็เป็นคนโง่เขลา ถูกปั่นหัวได้ง่าย
“จะลงมือคืนนี้หรือไม่ เค่อหมิงคนนี้ไร้ประโยชน์ เราควรจะใช้คนผู้นั้นหรือไม่”
เป็นถงถงเอ๋อร์ที่สะกิดนาง เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลา คืนนี้นางฉุกคิดแผนการขึ้นได้ เป็นการฆ่าคนอย่างไร้ร่องรอย ตอนแรกก็แค่ข่าวที่ไร้ประโยชน์ แต่วันนี้ดูท่าทีอิ๋นซานแล้ว คิดว่านางเองก็ห่วงเรื่องนี้ไม่น้อย ไม่ใช่อย่างที่พูด
“เรื่องนี้ไม่ต้องรีบร้อน เราทำเรื่องอื่นก่อน”
หงหลิงเอ๋อร์กระซิบพูดอะไรบางอย่างข้างหูถงถงเอ๋อร์ เช้าวันรุ่งขึ้นข่าวเมื่อคืนก็แพร่สะพัดไปทั่วเขาศักดิ์สิทธิ์ อิ๋นซานตื่นเช้า ทำธุระเสร็จก็เตรียมไปหาถังเฉียนที่เรือนรับแขก แต่เพิ่งออกมานอกเรือนก็ได้ยินบรรดาสาวใช้กำลังสุมหัวซุบซิบกัน
“ได้ยินหรือยัง คู่หมั้นของคุณชายเถิงเฟิงไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ ได้ยินว่าที่แท้เป็นเมียน้อยของจินซิวอ๋อง”
“อะไรนะ เป็นไปได้อย่างไร ไหนบอกว่ามาจากตระกูลใหญ่ไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงทำเรื่องเช่นนี้ได้”
“ข้าเองก็ได้ยินมา สองคนนี้มักพบกันลับๆ แม้แต่ศิษย์พี่ของนางก็ดูถูกนาง นางต้องใช้มารยาหญิงล่อลวงคุณชายเราแน่ๆ”
เพียงชั่วข้ามคืน พอเช้าข่าวลือก็แพร่สะพัดมาถึงที่นี่แล้ว อิ๋นซานไม่ใช่คนโง่ นางย่อมรู้ว่าเป็นฝีมือใคร เมื่อคืนสิ่งที่เถิงเจินไม่ได้พูดออกมา วันนี้เกิดขึ้นแล้ว
“ใครเป็นคนเอาเรื่องพวกนี้มาโพนทะนา รีบไล่พวกนางออกไป”
หรูอี้สังเกตสีหน้าอิ๋นซาน แล้วให้คนลากตัวพวกสาวใช้ปากพล่อยออกไป แต่พวกนางยิ่งอยากแอบพูดอีก ทั้งยังยิ่งสงสัยมากขึ้น ขอเพียงหาโอกาสได้ ใจคนสุดคาดเดา ข่าวลือยิ่งแพร่ออกไปก็ยิ่งสับสน ย่อมทำลายชื่อเสียงของถังเฉียน
“บอกคนรับใช้ทุกคน ถ้าใครขืนเผยแพร่เรื่องไม่จริง หากจับได้จะถูกตบปากสามสิบที ไม่มีข้อยกเว้น”
ตอนที่ 191 จุดรักษาพรหมจารี
การทำเช่นนี้เป็นแก้ปัญหาเพียงผิวเผิน ไม่ได้แก้ปัญหาให้ลึกถึงราก สุดท้ายก็ยิ่งมีคำพูดที่ไม่น่าฟังยิ่งขึ้นมาเข้าหู หงหลิงเอ๋อร์คนนี้เป็นตัวปัญหาโดยแท้ อิ๋นซานหมดอารมณ์ที่จะไปเยี่ยมถังเฉียน แล้วกลับมาที่ห้องตน คิดไม่ถึงว่านางไม่ได้ไปพบหงหลิงเอ๋อร์ แต่นางกลับเป็นฝ่ายมาหาเอง
“ฮูหยิน นี่เป็นของขวัญที่ท่านแม่ของข้ามอบให้ท่าน ได้ยินว่าท่านชอบไข่มุก น่าเสียดายที่เขตของพวกเราไม่มี ก่อนหน้านี้พี่ชายข้าเดินทางไปที่อื่น จึงเอากลับมาได้หลายเส้น แม่ข้าเลือกสร้อยที่ดีที่สุดมอบให้ท่าน ลองดูว่าชอบหรือไม่เจ้าค่ะ”
สร้อยไข่มุกสีชมพูห่อด้วยผ้าแพรสีแดงสด เป็นของที่ล้ำค่ามาก แต่ละเม็ดมีขนาดเท่าเล็บนิ้วมือ อย่าว่าแต่หนานเจียง ต่อให้ที่เซวียนกั๋วก็ถือเป็นของล้ำค่า
“ของขวัญราคาแพงเช่นนี้ ข้ารับไว้ง่ายๆ ไม่ได้หรอก ขอบใจในความปรารถนาดีของแม่เจ้า แต่เอาคืนไปเถอะ”
อิ๋นซานดื่มชาแล้วพูดช้าๆ หงหลิงเอ๋อร์เหลือบมองสร้อยไข่มุก กลับไม่รู้สึกอะไร เพียงแต่ยิ้มแล้วพูดว่า
“ฮูหยิน เช้าวันนี้หลิงเอ๋อร์ได้ยินคนพูดนินทากัน บอกว่าอาหรูน่าเป็นภรรยาน้อยของจินซิวอ๋อง เรื่องนี้แพร่สะพัดออกไปหนักขึ้นทุกที เลยคิดว่าน่าจะมาบอกให้ท่านรู้ ข้ารู้ว่าท่านไม่เชื่อที่ข้าพูด แต่…”
หงหลิงเอ๋อร์พลิกชายแขนเสื้อขึ้น ที่ข้อมือนางมีจุดรักษาพรหมจารีสีแดงเม็ดหนึ่ง อิ๋นซานตะลึงเมื่อเห็น จนมือที่ถือถ้วยชาไว้สั่นระริก น้ำชากระฉอกออกมาเล็กน้อย เปียกกระโปรงนาง
“ฮูหยิน บาดเจ็บหรือไม่เจ้าคะ”
หรูอี้รีบคุกเข่าลงช่วยจัดการแทนอิ๋นซาน ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดคราบน้ำชา อิ๋นซานรีบตั้งสติ แล้วพูดว่า
“นี่หมายความว่าอย่างไร”
หงหลิงเอ๋อยิ้มแล้วว่า
“ฮูหยิน ท่านลืมไปแล้วหรือ หญิงเผ่าหมอผีเรา เมื่อเกิดก็จะถูกแต้มจุดรักษาพรหมจารี วันที่ออกเรือน ต้องให้ฝ่ายสามีตรวจดู นี่เป็นของข้า ข้าไม่เคยเห็นของอาหรูน่า ท่านเคยเห็นหรือไม่”
อิ๋นซานกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น
“นี่เป็นเรื่องภายในของเผ่าพีส่าเรา ขอบใจที่เจ้าเตือน ส่วนด้านนี้เป็นความบกพร่องของข้าเอง ไม่สามารถควบคุมคนรับใช้ ปล่อยให้พวกนางเชื่อข่าวลือ แล้วยังพูดต่อๆ กันไป”
หงหลิงเอ๋อร์ดึงมือกลับ ค้อมคารวะอิ๋นซานแล้วผละออกมาทันที เมื่อคืนนางพูดเรื่องนี้กับถงถงเอ๋อร์ นางพูดเตือนว่าบนแขนถังเฉียนไม่มีจุดสีแดง เมื่อนางทราบข้อมูลนี้ ไหนเลยจะปล่อยให้ผ่านไปเฉยๆ
อิ๋นซานจัดกระโปรงให้เข้ารูป สีหน้าหม่นหมอง หรูอี้จึงถาม
“ฮูหยิน หญิงสาวชนชั้นสูงของเผ่าหมอผีล้วนมีจุดรักษาพรหมจารีจริง เราไปดูว่าบนตัวคุณหนูอาหรูน่าว่ามีหรือไม่ก็สิ้นเรื่อง เหตุใดท่านต้องกังวลขนาดนี้”
อิ๋นซานถอนหายใจแล้วว่า
“หลายวันมานี้นางอยู่บนเขาศักดิ์สิทธิ์ ข้าดูแลนางด้วยตนเอง แต่ไม่เคยเห็นร่องรอยของจุดรักษาพรหมจารีเลย”
“นี่…”
หรูอี้ลังเลเล็กน้อย เม้มปากแล้วพูดว่า
“ไม่มี…”
ในห้องมีเพียงพวกนางสองคน อิ๋นซานไม่จำเป็นต้องทำตัวเคร่งขรึม นางถอนหายใจแล้วพูดว่า
“เวลานี้ข้าไม่สนใจว่าอาหรูน่าคนนี้จะเป็นสาวบริสุทธิ์หรือไม่ แต่ถ้าเรื่องนี้แพรสะพัดต่อไป นางก็จะเสียหายมาก อีกอย่างนางไม่มีจุดรักษาพรหมจารีจริงๆ แต่ถ้าเป็นแค่การหมั้น เราสามารถถอนหมั้นได้ แต่เฟิงเอ๋อร์เขา…”
อิ๋นซานกังวลมาก พวกเขาไม่อาจรับหญิงที่ไม่บริสุทธิ์เป็นสะใภ้ แต่เถิงเฟิงเป็นคนหัวรั้น ถ้าพวกเขาฝืนทำอะไรลงไป อาจส่งผลต่อความผูกพันระหว่างแม่ลูก
“ฮูหยิน มอบเรื่องนี้ให้เผ่าหมอผีจัดการดีหรือไม่ มอบให้ท่านย่ารองโดยตรง นางจะช่วยให้ท่านคลายความวิตกได้”
พอหรูอี้พูดเช่นนี้ อิ๋นซานจึงคลายความกังวลลง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น