ระบบร้านค้าออนไลน์ 182-188

 TB:บทที่ 182 ไป๋ซี่


 


เมื่อได้ฟังคำของเจิ้งอี้ เซียจินมีสีหน้าผิดหวัง แต่ผลที่ว่าก็ไม่เกินที่เขาคาดไปนัก สุดท้ายแล้วก็มีคนตั้งมากมายที่ดีกว่าเขา หลังจากที่ผิดหวังไปเล็กน้อยเขาก็โล่งใจ แล้วเขาก็เห็นว่าเฉินหลงมองเขาอยู่ เขาต้องการคำตอบอะไรละ


ตอนนี้ในเมื่อเขามาที่นี่แล้ว ไม่มีทางที่เฉินหลงจะได้งานที่สมัครงานด้วย เขาและเฉินหลงจนตรอกจนถึงที่สุด


ซวีหมิงเหม่ยยิ้มให้เฉินหลงและกล่าวว่า “คุณเฉิน คุณก็ต้องบอกข้อดีที่มีด้วยนะคะ”


“ข้อดีของผมนั่นง่ายมาก ผมร่วมการค้นคว้าและพัฒนาระบบของบริษัทคุณ และผมคุ้นเคยกับระบบ ดังนั้นผมว่า ผมแข่งตำแหน่งผู้ควบคุมได้อยู่นะ” เฉินหลงกล่าวพร้อมร้อยยิ้มมั่นใจ


 


ระบบฉายภาพเสมือนในตอนแรกพวกเขาทำขึ้นมาเอง ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาที่เขาจะกล่าวเช่นนั้น อีกอย่าง เขาเป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัทนี้ ตามปกติแล้วเขาคงแข่งเพื่อตำแหน่งผู้ควบคุมได้


เจิ้งอี้ได้ยินคำของเฉินหลงแล้ว เขารีบมองเฉินหลงอย่างจริงจังทันที “คุณเคยร่วมการค้นคว้าและพัฒนากับเราหรือ”


 


จะกล่าวไม่ได้เลยว่าฝีมือการแสดงของเจิ้งอี้ไม่เลวเลย หากเฉินหลงไม่รู้ว่าเป็นการแสดง เขาคงโกหกกลับไป


 


เมื่อฟังที่เฉินหลงว่าแล้วเซียจินประหลาดใจกับเฉินหลงไปด้วย นี่เขาเข้าร่วมทีมค้นคว้าและพัฒนาระบบของบริษัทเว่ยหลงจริงๆ เรื่องจริงหรือนี่


เฉินหลงยิ้มและผงกหัว


 


เจิ้งอี้มองเฉินหลง และเคาะบนโน้ตบุคเขาเร็วๆ หนึ่งนาทีต่อมา เขาผลักโน้ตบุ๊คไปทางเฉินหลงและกล่าวว่า “หากคุณทำได้ ทำให้โค้ดในคอมพิวเตอร์นี้ให้สมบูรณ์สิ”


เซียจินมองโน้ตบุ๊คนั่น ที่เป็นเพียงหน้าจอแสดงผลที่สามารถเข้าถึงได้โดยการใส่รหัสผ่านเท่านั้น


“ดูเหมือนว่าการทดสอบนี่จะไม่ง่ายเลย” เซียจินคิดในใจ


เซียจินคิดถูกแล้ว การทดสอบนี่ไม่ง่ายดาย อย่างแรกที่สุดจะต้องเข้าระบบให้ได้ก่อนที่จะทำให้ขั้นตอนเสร็จสมบูรณ์ เป็นการทดสอบสองชั้น


 


เซียจินยังอยากใช้โอกาสนี้ดูว่าเฉินหลงจะทำได้จริงหรือไม่


เฉินหลงลากเก้าอี้มาใกล้โต๊ะและหัวเราะใส่เจิ้งอี้กับซวีหมิงเหม่ย เขาเริ่มจะเคาะแป้นพิมพ์ของคอมพิวเตอร์


 


เขาไม่รู้ว่าเฉินหลงใช้วิธีอะไร แต่เพียงแค่ใส่ตัวเลขไปเล็กน้อย เฉินหลงเข้าหน้าระบบได้ และหน้าจอก็แสดงส่วนของโปรแกรมที่ยังไม่สมบูรณ์


ได้เห็นเฉินหลงเข้าหน้าแสดงผลอย่างรวดเร็วแล้ว เซียจินนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง นี่ดูท่าเฉินหลงจะมีความสามารถจริงๆ


 


หากกล่าวตามความจริงแล้ว การเข้าหน้าแสดงผลได้ว่องไวแบบนี้ หากไม่รู้รหัสผ่านมาก่อน เขาจะใช้เครื่องอัจฉริยะช่วยให้เขาผ่านเข้าชั้นป้องกันไปได้


จากนั้น ก็ต้องทำโปรแกรมให้สมบูรณ์ ด้วยความช่วยเหลือจากระบบอัจฉริยะ เฉินหลงจึงสามารถทำให้โปรแกรมสมบูรณ์ได้ไม่ยาก


เมื่อเขาเขียนโปรแกมจบ เขาผลักโน้ตบุ๊คกลับไป


 


เจิ้งอี้มองคอมพิวเตอร์ แล้วมองเฉินหลง เขายื่นมือไปหาเฉินหลงและกล่าว


“คุณเฉิน ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวใหญ่ของเรานะครับ”


“ขอบคุณครับ” เฉินหลงยื่นมือไปและจับมือเจิ้งอี้


 


ในตอนนั้นเฉินหลงและเจิ้งอี้ดูคล้ายกับเป็นดาราหนังใหญ่สองคนกำลังจับมือตกลงกัน


และขณะนั้นเซียจินสับสนเป็นที่สุด เกิดอะไรขึ้น นี่โลกเปลี่ยนไปจริงหรือ เราทำได้ดีไหม


จากนั้น เจิ้งอี้ถามเฉินหลงว่าเขาจะมาทำงานในวันจันทร์ได้หรือไม่


และเจิ้งอี้กับซวีหมิงเหม่ยก็ลุกจากไป


 


“ขอบคุณครับ ดูเหมือนว่ารวมๆแล้วคุณจะมีประสบการณ์มากกว่านะ คุณอยากให้ผมแนะนำคุณให้เข้าทำงานที่บริษัทนี้หลังผมทำงานแล้วไหมละ” เฉินหลงมองเซียจินที่เหย่อหยิ่งกว่าจะพูดอะไร


หากจะกล่าวตามตรงถ้าเซียจินไม่ดูถูกเขา เขาคงไม่หลอกเซียจินแบบนี้


 


เซียจินขมวดคิ้วและฝืนยิ้มออกมา


“ยินดีด้วย แต่ก็ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจ ฉันยังไม่ต้องการ ความสามารถฉันจริงๆก็อ่อน คงจะดีกว่าถ้าฉันมุ่งเรื่องเรียนตอนนี้” เขาคงดูถูกเฉินหลงจริงๆก่อนหน้านี้ แต่เขาคาดไม่ถึงว่าเฉินหลงจะกลายเป็นหัวหน้าแผนกเทคโนโลยีของบริษัทเว่ยหลงเทคโนโลยีไปได้ แล้วเขาก็


“โดนกระทืบจนเละ”ตรงๆเลย ช่องว่างของความมั่นใจของเซียจินกว้างมากกว่าเดิม


 


แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ในสังคมนี้ หากไม่มีฝีมือจริงๆแล้วก็จงเป็นหมาเสียดีกว่า


จากนั้น เฉินหลงและเซียจินได้ออกไปจากบริษัทด้วยกัน


เมื่อเฉินหลงปรากฏตัวมาต่อหน้าเซียจินด้วยรถเฟอรารี่สี่แปดห้า ใบหน้าของจินกลายเป็นแหยเกไป


พวกคนที่ขับเฟอรารี่สี่แปดห้านี่ เขาไม่รู้ว่าทั้งชีวิตนี้ที่เขาทำงานจะได้เงินซื้อรถคันนี้ไหม แล้วมีดีอะไรจะไปดูถูกคนอื่นละ ดูเหมือนว่าคนที่คนที่มีความสามารถจริงๆจะไม่ชอบทำตัวเด่น


 


ตอนแรก เซียจินอยากปฏิเสธที่จะขึ้นรถ แต่เมื่อคิดดูแล้วว่าคงทำตัวชัดเจนไปหากทำเช่นนั้น เขาทำได้เพียงชื่นชมรถและขึ้นไปนั่ง


หลังเขาไปส่งเซียจินกลับมหาวิทยาลัยแล้ว เฉินหลงกลับไปบริษัทอีกครั้ง


 


ครั้งนี้ที่เขากลับไปบริษัท เฉินหลงพบว่าบริษัทนี้มียามรักษาความปลอดภัยก็จริงแต่การป้องกันไม่ได้แน่นหนาเลย ครั้งนี้เฉินหลงจึงกลับมาเพิ่มประกันให้บริษัทเขา ตราบเท่าที่บริษัทของเขาออกสินค้าประเภทระบบฉายภาพเสมือน คงจะไปปลุกความอิจฉาของใครก็ได้ขึ้นมา ในขณะเดียวกันประเทศอื่นพวกนั้นยังส่งผู้เชี่ยวชาญมาแย่งข้อมูล ตอนนี้พวกเขาต้องระแวดระวังไว้ให้มากๆ


และเมื่อเขาเข้าบริษัทมาแล้ว เฉินหลงกลับไปที่ห้องทำงานหัวหน้า


 


ห้องทำงานของเขาตั้งอยู่บนชั้นบนสุดของตึก ห้องนี้มีพื้นที่กว้างถึงสามร้อยตารางเมตร กระจกแก้วทำให้แสงระหว่างวันเยี่ยมมาก ในห้องนี้ ของตกแต่งที่ใช้แต่งห้องสร้างบรรยากาศหรูหราและทำให้คนที่เข้ามาในห้องนี้รู้สึกโอ่อ่าไปด้วย


อย่างไรก็ตามเฉินหลงไม่มีเวลามารู้สึกเช่นนั้น หลังเข้าห้องทำงานมาแล้ว เขานั่งลงบนโซฟาและเริ่มเข้าไปในระบบ


หลังเข้าระบบไปแล้ว เฉินหลงเข้าไปเยี่ยมชมร้านค้าที่เขาเคยซื้อ “เครื่องติดตามจิ๋วยุง” ที่เมื่อครั้งก่อนโดนบดขยี้ ร้านนี้มีสินค้าที่เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงมากมาย เฉินหลงเห็น “ใยแมงมุมสังเกตการณ์” ด้วย


“ใยแมงมุมสังเกตการณ์” นี่เป็นเหมือนใยแมงมุมที่ทำให้สามารถสังเกตการณ์คนและสิ่งของในใยแมงมุมนี่ได้


ตอนที่เข้าดูของในร้านปาชิอีกรอบ เฉินหลงไม่คิดว่าเขาจะเห็นปาชิ


อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นรูปลักษณ์ของปาชิแล้ว เฉินหลงก็นิ่งอึ้งไป


ปาชิเป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธ์หิมะขาวปลอด ระบบเครื่องอัจฉริยะตรวจสอบอย่างรวดเร็วว่าเป็นอสูรในตำนาน ชื่อไป๋ซี่ และมีรูปร่างคล้ายกับปาชิเหลือเกิน


“คุณเฉินหลง ผมดีใจที่คุณกลับมาเยี่ยมร้านผมอีกรอบ คุณจะต้องประหลาดใจมากว่าทำไมจู่ๆผมมาพบคุณ” ปาชิยิ้มให้เฉินหลง


แม้ปาชิจะไม่รู้ว่าจะแสดงสีหน้าอย่างไรแต่เฉินหลงรู้ได้แบบแปลกๆว่าปาชิกำลังหัวเราะอยู่


เฉินหลงพยักหน้า


“เอาละ ผมชื่อปาชิ ผมมีอีกชื่อบนโลกคุณด้วย ชื่อไป๋ซี่” ปาชิว่าต่อ


เขาได้ยินที่ปาชิกล่าว เฉินหลงรู้สึกตกใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดไป “คุณเคยมาที่โลกผมหรือ”


ปาชิกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “จะเป็นไปได้อย่างไร ผมไม่ได้มีชีวิตมานานขนาดนั้น แต่ว่านะผมคิดว่าคงเป็นคนบนดาวผมมากกว่าที่ไปดวงเคราะห์ที่ชื่อว่าโลกและทิ้งวัตถุดิบบางอย่างที่เขียนขึ้นโดนคนบนโลกตอนนั้นไว้ให้”


“อ๋อ คุณกำลังจะบอกอะไรกับผม” เฉินหลงยังคงไม่รู้ว่าทำไมปาชิถึงอยากเจอเขา


“ก็ ผมอยากจะขอให้คุณช่วย” ปาชิว่า


TB:บทที่ 183 “โลกใหม่”


 


“ช่วยคุณหรือ ว่ากันว่าไป๋ซี่ เป็นอสูรเทพที่มีความรู้เรื่องดาราศาสตร์และภูมิศาสตร์ตั้งแต่ก้นบึ้ง และคงไม่เกินไปด้วยที่จะกล่าวว่าไป๋ซี่สามารถทำนายอนาคตได้ พลังของคุณช่างทรงพลัง จะมีสิ่งใดอื่นให้ผมช่วยเล่า” เฉินหลงมองไป๋ซี่


 


พลังของอสูรในตำนานอย่างไป๋ซี่นั่นแข็งแกร่งมาก เฉินหลงไม่รู้เลยว่าจะเป็นอะไร


“คุณเฉินหลง หลายๆอย่างในตำนานก็กล่าวเกินจริงไปครับ ผมคิดว่าเมื่อตอนที่คนของโลกผมมาที่โลกนี้ ระดับเทคโนโลยีของโลกคุณยังล้าหลังอยู่ และเมื่อพวกคนในโลกของคุณเห็นพลังของพวกเราไปบ้าง จึงเป็นธรรมดาที่จะรู้สึกว่าช่างทรงพลังเทียบเท่าพระเจ้า พวกเราจึงโดนกล่าวไปเกินจริงครับ หากพวกเราแข็งแกร่งขนาดนั้นจริง ผมคงไม่มาขอให้คุณช่วยหรอก” ปาชิแสดงสีหน้าหมดทาง


 


“อย่างไรก็ตาม คุณคงเคยได้ยินว่าพวกเรามีพลังทำนายอนาคตได้ แต่พลังที่ว่าจะใช้ได้เพียงผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในครอบครัวเราเท่านั้น และจะใช้ได้เพียงสามครั้งในชีวิตด้วยครอบครัวผมคนที่แข็งแกร่งที่สุดได้ใช้พลังแล้ว และเขาได้รับข้อความที่บอกว่าในอนาคตอันใกล้ครอบครัวผมจะโดนทำลาย ในขณะเดียวกันยังมีแสงแห่งพลังชีวิต พลังชีวิตที่ว่าแสดงให้เห็นเป็นคุณเฉินหลง แม้ว่าผมจะไม่ทราบวันโลกาวินาศคือวันใดและผมไม่รู้ด้วยว่าคุณมีพลังอะไรที่จะช่วยเป็นแสงให้กับครอบครัวผมได้ แต่เป็นเพราะคุณมาปรากฏในคำทำนายที่จะไม่มีวันผิดพลาด”


 


“คุณปาชิ อย่ามาล้อเล่นนะครับ เทคโนโลยีบนดาวเคราะห์คุณระดับสูงกว่าโลกของผมไปมาก ถ้าผมต้องช่วยคุณ ไม่ใช่ว่ามีแต่ผมที่จะโดนผลักตกในหลุมไฟหรือครับ อีกอย่างด้วยเทคโนโลยีที่โลกผมมียังไม่มีทางที่จะเดินทางข้ามจักรวาลด้วย ผมไม่รู้ว่าโลกคุณอยู่ที่ไหนและจะช่วยคุณได้อย่างไร” เฉินหลงรู้สึกไม่มีหนทางหลังฟังคำของปาชิ


 


เป็นเรื่องน่าขันที่คุณไปปรากฏตัวในคำทำนายของคนอื่นในฐานะผู้กอบกู้ แค่จะจัดการกับพวกหนทางปิศาจที่โผล่มาในตอนนี้ยังไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับพลังเขา เขาจะไปมีพลังอะไรไว้ช่วยดาวนั้นละ


 


“คำทำนายของคนบนโลกผมไม่มีทางผิดพลาด และเพราะทำนายไว้ว่าคุณจะปรากฏตัวบนโลกเราและจะกลายเป็นผู้กอบกู้ เรื่องนี้จะเกิดขึ้นแน่นอน คุณอาจยังทำไม่ได้ในตอนนี้ แต่คำทำนายไม่ผิดพลาดหรอก” ปาชิว่าอย่างจริงจัง


 


“หากคุณหมายความอย่างที่ว่า แล้วคำทำนายที่ยิ่งใหญ่นั้นจะเกิดขึ้นจริง ก็แปลว่าผมจะไปปรากฏตัวบนดาวเคราะห์คุณแน่ๆ ว่าแบบนี้แล้วไม่ว่าผมจะตอบตกลงหรือไม่ ผมจะไปปรากฏตัวบนโลกคุณอยู่ดี” เฉินหลงรู้สึกไม่ชอบใจนัก หากเป็นดังว่าโชคชะตาก็กำหนดไว้แล้ว เรื่องนี้ทำให้เฉินหลงไม่สบายใจ


 


“กล่าวตามคำทำนาย คุณจะปรากฏตัวบนโลกของพวกเราแน่นอนครับ แต่พวกเรายังอยากเป็นเพื่อนกับคุณด้วย” ปาชิมีสีหน้าที่จริงจัง และนั่นคือความนับถือต่อเฉินหลง “ดังนั้นแล้ว ในอนาคตต่อไป คุณเฉินครับ คุณจะสามารถแลกเปลี่ยนสินค้าในร้านผมไปได้เลยโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ชิ้นไหนก็ได้เลยครับ”


“เช่นนั้น ผมจะไม่รักษามารยาทละนะ” เฉินหลงว่าอย่างไม่สุภาพ


 


แม้จะโดนบังคับให้รับตำแหน่งผู้กอบกู้ซึ่งทำให้เฉินหลงไม่ชอบใจเอาเสียมากๆ ทว่าก็ยังเป็นเรื่องดีที่จะได้ของมาเปล่าๆ ในร้านของปาชิมีสินค้าที่ใช้แต้มแลกเปลี่ยนอย่างน้อยหนึ่งหรือสองพันแต้ม ในขณะที่ “ใยแมงมุมสังเกตการณ์” ที่เขาอยากแลกเปลี่ยนในตอนแรกต้องใช้ถึงสองหมื่นแต้มแลกเปลี่ยน นี่ประหยัดไปได้สองหมื่นแต้มเลย จะปฏิเสธทำไม


 


“คุณเอาอะไรไปก็ได้เลยครับ ตราบเท่าที่คูณไม่ลืมว่าจะยื่นมือมาช่วยครอบครัวเราตอนที่จะโดนทำลาย” ปาชิกล่าวด้วยรอยยิ้ม


เมื่อเฉินหลงตอบตกหลงปาชิโล่งใจ


 


พลังในการทำนายของเขาไม่มีวันจะผิดพลาด ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่พึ่งคำทำนายเพื่อเข้า “ระบบเถาเปาสุดแข็งแกร่ง” หรอก ดังนั้น เพราะเขาทำนายว่าเฉินหลงจะเป็นผู้กอบกู้ของโลกเขาแล้ว เขาจะไม่มีทางจะพลาด


 


“ไม่มีปัญหา” สิ้นคำ เฉินหลงแลกเปลี่ยนใยแมงมุมสังเกตการณ์จากร้านของปาชิโดยไม่ใช้แต้มแลกเปลี่ยนสักแต้ม


แต่อย่างไรก็แล้วแต่ เขายังไม่แน่ใจว่าจะไปยังโลกของปาชิหรือไม่ แต่เขาจะหาประโยชน์เข้าตัวไว้ก่อน


เฉินหลงกล่าวลากับปาชิตอนที่เขาได้ “ใยแมงมุมสังเกตการณ์แล้ว”


หลังจากเฉินหลงตัดการติดต่อไป ปาชิก็ไม่ใด้สนใจอะไรอีก


 


“ฟันเฟืองแห่งโชคชะตาเริ่มหมุนแล้ว ไม่มีใครหลุดพ้นไปได้ เราจะเจอกันอีกครั้ง บนดาวเคราะห์ของผม”


เฉินหลงไม่ได้ใส่ใจว่าปาชิจะคิดอย่างไรหลังเขาได้ของมาแล้ว เฉินหลงเริ่มใช้งานเครื่องมือดังกล่าวในตึกของเขา


 


“ใยแมงมุมสังเกตการณ์” เป็นสิ่งที่คล้ายใยแมงมุม หลังจากที่เขาแลกเปลี่ยนมา เฉินหลงรู้วิธีใช้แล้ว เขาโยน “ใยแมงมุม” ไปบนหลังคาของบริษัท และเมื่อเครื่องมือยึดติดกับหลังคาแล้ว เครื่องมือก็แยกไปตามหลังคา


 


จากนั้น เฉินหลงรู้สึกได้ว่า “ใยแมงมุม” เริ่มจะขยายไปทั่วทั้งตึก ทุกครั้งที่ใยแมงมุมไปถึงจุดใด สถานที่นั้นจะอยู่ภายใต้สายตาสอดส่องของเฉินหลงทันที


 


หลายนาทีต่อมา ทั่วทุกซอกทุกซอยของตึกก็ตกอยู่ใต้การควบคุมของเฉินหลง


หนึ่งอาทิตย์ต่อมา ข้อความที่ทำให้แฟนเกมทั่วโลกต้องตื่นตะลึงก็ปรากฏ เมื่อบริษัทเทคโนโลยีแห่งหนึ่งชื่อ “เว่ยหลง” ในอาณาจักรจีนอันยิ่งใหญ่ได้ปล่อยเกมเสมือนจริงที่ชื่อ “โลกใหม่” มา เกมนี้เป็นเกมประเภทที่ต้องสวมหมวกและผู้เล่นจะละทิ้งคอมพิวเตอร์ไปเพื่อใช้จิตใต้สำนึกควบคุมการเล่น หมวกแต่ละใบราคาสองพันหยวน เพราะราคาของหมวกและเรื่องที่ว่าเกมนี้ไม่เคยออกสู่สาธารณะมากก่อน ทำให้มีเพียงผู้คลั่งไคล้ในการเล่นเกมไม่มากที่มาซื้อในวันลงขาย แต่อย่างไรก็ตาม ในวันต่อมา เกมนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนในจีนไปทันที


 


ด้วยความสมจริงเป็นที่สุดของการเล่น ที่ไม่มีตัวละครเอนพีซี และการเล่นเกมทั้งหมดอยู่บนฐานของประสบการณ์จากตัวเกมเอง ทำให้คนที่ซื้อเกมนี้ไปคลั่งไคล้เกมนี้ทีละคนทีละคน


เครื่องสวมศีรษะกว่ายี่สิบล้านเครื่องที่บริษัทเทคโนโลยีเว่ยหลงลงจำหน่ายไปตอนแรก ขายหมดในวันถัดไป จึงเป็นผลให้ผู้เล่นหลายคนที่ไม่ได้ซื้อเกมนี้ร่วมลงชื่อในอินเทอร์เน็ตเพื่อขอให้บริษัทเทคโนโลยีเว่ยหลงขายเครื่องใส่ศีรษะรอบที่สอง


เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่ผู้ที่จะซื้อเครื่องสวมศีรษะพวกนั้นแต่ละคนจะแสดงความตื่นเต้นเป็นอันมากออกมา ขั้นตอนที่เชื่องช้าซื้อใจใครไม่ได้ และหัวใจโดยปกติก็เหมือนโดนกรงเล็บข่วน กรงเล็บแห่งความอดรนทนไม่ได้


 


อย่างไรเสีย การจะเร่งพวกเขาเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ เพราะคนแต่ละคนซื้อเครื่องสวมศีรษะได้เพียงเครื่องเดียว


และยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่ซื้อได้ต้องอายุสิบสองปีขึ้นไป ในการซื้อจะมีนำบัตรประชาชน ทะเบียนบ้านและสิ่งที่ใช้ยืนยันตัวตนอื่นก่อนจะซื้อได้


 


ในห้องทำงานของเฉินหลงที่บริษัทเทคโนโลยีเว่ยหลง เฉินหลงและคนสนิทอีกหลายคนกำลังประชุมกัน เจิ้งอี้ ซวีหมิงเหม่ย หวังหู และ หวังเฟิง เป็นกลุ่มแรกที่พูดขึ้น


“หัวหน้า คนพวกนี้นี่บ้าคลั่งจริงๆ พวกคนที่ไม่ได้ซื้อเครื่องสวมศีรษะไปเดินขบวนประท้วงอยู่หน้าบริษัทเราจริงๆด้วย เรารีบขายรอบที่สองเร็วๆเถอะ”


TB:บทที่ 184 คว่ำบาตร“โลกใหม่”


 


“เพราะพวกเขาช่างคลั่งไคล้ พวกเราจะทำตามอย่างที่พวกเขาต้องการและขายเครื่องสวมศีรษะรอบที่สอง จำนวนห้าสิบล้านเครื่อง” เฉินหลงยิ้ม เกมของเขาได้รับความนิยมมาก แม้เขาจะคาดไว้แล้วแต่พอได้เห็นกับตา ความพึงพอใจเช่นนี้ในใจเขาช่างทำให้รู้สึกว่าสุดยอดมากไปเลย


 


“ได้เลย ฉันจะส่งคนไปจัดการอย่างที่ว่าทันที” เจิ้งอี้พยักหน้า


ซวีหมิงเหม่ยกล่าวต่อไปว่า “หัวหน้าคะ คนต่างชาติบางคนกล่าวในอินเตอร์เน็ตด้วยว่าพวกเขาอยากให้เราเปิดตลาดในต่างประเทศ”


 


“ปัญหานี้ควรละไว้ก่อนตอนนี้ แล้วเราจะคุยกันในอีกหนึ่งเดือน เวลาคนต่างชาติปล่อยสินค้าใหม่มา พวกเราไม่ได้ของในทันที ตอนนี้คือเวลาให้พวกเขาลิ้มรสนี้บ้าง” เฉินหลงลำพองใจ


 


เมื่อก่อน พวกสินค้าทั้งหลายที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่บริษัทต่างชาติออกจำหน่ายมักจะใช้เวลาสักพักเข้าอาณาจักรจีนที่ยิ่งใหญ่ ครั้งนี้เฉินหลงอยากจะเล่นกลับไปแบบนั้นบ้าง


“ค่ะ ฉันจะจัดการทันที” ซวีหมิงเหม่ยผงกหัว


“หวังหู” เฉินหลงมองหวังหู


“ครับ หัวหน้า” หวังหูยืดหลังของเขา


“ตอนนี้เกรงว่าบริษัทของเรากำลังจะเข้าช่วงที่จะมีปัญหา แผนกรักษาความปลอดภัยของนายจะต้องตื่นตัวไว้” เฉินหลงว่า


 


ตอนนี้ที่บริษัทเขาวางจำหน่ายเกมนี้แล้ว คงนึกภาพได้ว่าคนต่างชาติจะเข้ามาทีละรายเหมือนแมวที่ได้กลิ่นคาวปลา การรักษาความปลอดภัยจะหละหลวมไม่ได้


หวังหูยืนขึ้นและกล่าวอย่างจริงจัง “หัวหน้า คุณวางใจให้สบายได้เลย ผมจะไม่ปล่อยให้ใครหน้าไหนมาเอาความคิดของบริษัทของเราไป”


 


หลังเขาอยู่กับบริษัทเทคโนโลยีเว่ยหลงมานาน หวังหูนับว่าบริษัทนี้คือบ้านเขา อีกทั้งอนาคตของบริษัทนี้ยังเยี่ยมมากอีกด้วย โชคชะตาของเขากับน้องสาวเปลี่ยนไปมากหลังจากตอนนั้น เขาดีใจมากจริงๆที่เขาติดตามคนถูกคน ตอนนี้หากใครกล้ามาทำลายมัน หวังหูจะสู้ด้วยชีวิตเขา


 


“ฉันแน่ใจว่านายทำได้” เฉินหลงยิ้ม เขาเห็นหวังเฟิง เฉินเซิน และ ลี่เหม่ย ที่กำลังกังวล เขาจะกล่าวเสริมไป “ว่าตามจริงแล้วพวกเราไม่ควรจะกังวลมากจนเกินไป มีคนหนุนใหญ่ๆให้บริษัทนี้อยู่ หากเราตกอยู่ในอันตราย พวกที่หนุนหลังจะออกมาและกำราบพวกตัวปัญหาไปให้หมด” คนหนุนหลังของบริษัทคือประเทศนี้ ใครที่กล้ามาจับหนวดเขาจะต้องโดนทุกอย่าง หลังกล่าวคำนั้นไปแล้ว เฉินเซินและลี่เหม่ยก็มีสีหน้าที่ดีขึ้น สุดท้ายแล้วพวกเขาเป็นเพียงคนธรรมดา พวกเขารู้สึกกลัวได้ เป็นเรื่องปกติ


 


จากนั้นการประชุมก็จบลง และเฉินหลงก็จากไปพร้อมเฉินเซินและลี่เหม่ย


“พี่ชายและพี่สะใภ้ ไม่ต้องห่วงไป สิ่งที่พูดตอนนี้คือเพื่อให้พวกเขาตั้งใจมากขึ้นและเรื่องที่ว่าอาจจะไม่เกิดขึ้น อีกอย่างพวกเราอยู่ในเมืองหลวงของประเทศจีนที่ยิ่งใหญ่นี่ ใครจะไปกล้าก่อปัญหา ดังนั้นพี่ทั้งสองคนคงจะทำงานให้ดีได้ใช่ไหม” เฉินหลงตบบ่าเฉินเซินและยิ้มให้


 


“ฉันเข้าใจแล้ว” เฉินเซินพยักหน้า


“จะว่าไป พี่ชาย พี่ชายของเราและพี่สาวตอนนี้ไปอยู่กันคนละที่หมดแล้ว หากเราทำได้ก็ควรให้พวกเขามาช่วยในบริษัทนะ ผมอยากจะผ่อนคลายกว่านี้” เฉินหลงว่า


 


การมีเพื่อนร่วมงานเป็นคนที่ไว้ใจคือปรัชญาของบริษัทเฉินหลง สุดท้ายแล้วหากคุณไม่เชื่อใจครอบครัวคุณแล้วคุณจะไปเชื่อใคร  อีกสิ่งหนึ่งคือตอนนี้บริษัทของเขาอยู่ในอำนาจเขาโดยสมบูรณ์แล้ว หากมีปัญหาใด เฉินหลงจะแก้ปัญหาพวกนั้นได้ด้วยความสามารถเขาเอง


 


หากเขามีเงินแล้วและเขาได้เงินนี้มาเอง ตอนนี้เขาก็พัฒนาไปได้อย่างดี นี่เป็นเวลาที่ญาติพี่น้องจะได้มีชีวิตที่ดีแล้ว


เฉินเซินดีใจที่ได้ยินคำของเฉินหลง เขามีความคิดที่ไม่เคยมีโอกาสได้พูดให้เฉินหลงฟัง ตอนนี้เฉินหลงพูดมาก่อนแล้ว เฉินเซินจึงตกลงทันที “ได้สิ ฉันจะติดต่อพวกเขา หากพวกเขาอยากจะมาด้วย ฉันจะให้พวกเขามาที่เมืองหลวง”


 


“ได้เลย” เฉินหลงรับคำและไปจากเฉินเซิน


“โลกใหม่” เกมนี้ปรากฏขึ้นมาอย่างฉับพลับและก่อพายุไปทั่วโลก


หากไม่นับพวกผู้เล่นในอาณาจักรจีนที่ยิ่งใหญ่แล้ว ผู้เล่นจากประเทศอื่นทั่วโลกต่างไม่พึงพอใจเท่าไร ดังนั้นพวกเขาจึงทำการคว่ำบาตรเกม “โลกใหม่” นี่


คำตอบที่ “เว่ยหลงเทคโนโลยี” ให้ คือเนื่องจากตัวมาตรฐานนานาชาติในเกมยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี พวกเขาจึงปล่อยไปได้เพียงหลังเสร็จสมบูรณ์แล้ว หากคุณรอได้ คุณก็จะได้เครื่องสวมศีรษะภายในหนึ่งเดือน หากว่าคุณรอไม่ได้และพยายามคว่ำบาตรแล้ว เว่ยหลงเทคโนโลยีจะไม่ส่งเครื่องสวมหัวให้ใครในประเทศนั้นเลย ในขณะเดียวกันก็จะทำการลงชื่อประเทศที่ปล่อยการคว่ำบาตรในอินเทอร์เน็ตไว้ในบัญชีดำด้วย


 


“เว่ยหลง เทคโนโลยี” จู่ๆก็เล่นมุกนี้ จากนั้นเสียงในอินเทอร์เน็ตก็อ่อนลงไปทันที ตราบเท่าที่เกมสนุกจริงๆจะกี่เดือนก็รอได้


เมื่อประเทศทำการคว่ำบาตรก็มีการต่อต้านทันที


เมื่อเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ผู้เล่นในประเทศนั้นๆต่างไม่พอใจ พวกเขารีบออกขบวนประท้วงเพื่อขอให้ประเทศของพวกเขาอธิบาย


 


ตอนแรกเมื่อเกมยังไม่ออกขายในต่างประเทศ ประเทศต่างๆยังควบคุมสถานการณ์ได้ แต่เมื่อ “โลกใหม่” ขายในต่างประเทศแล้ว สถานการณ์ก็ควบคุมไม่ได้อีกต่อไป ไม่มีทางที่ประเทศต่างๆจะยอมก้มหัวให้ “เว่ยหลงเทคโนโลยี” ในท้ายที่สุด “เว่ยหลงเทคโนโลยี” ได้ยอมรับคำขอโทษแบบฝืนๆของประเทศนั้นๆ และท้ายที่สุดราคาของเครื่องสวมหัวได้เพิ่มขึ้นไปร้อยเปอร์เซ็น ในขณะที่ความยากของเกมเพิ่มขึ้นห้าสิบเปอร์เซ็น แน่นอนว่าเขาทำเช่นนี้เพื่อผู้เล่นที่ไม่ได้เก่งมากในประเทศต่างๆแต่ยังมีผู้เล่นที่เก่งกาจอยู่ด้วย


แต่แน่นอนว่าเรื่องนั้นไว้ทีหลังได้


 


หนึ่งเดือนต่อมาหลัง “เว่ยหลงเทคโนโลยี” ประกาศการขายในต่างประเทศ หลายๆบริษัทมองเห็นโอกาสทางธุรกิจภายในบริษัท และพวกเขาค่อยมายังประเทศจีนที่ยิ่งใหญ่นี้เพื่อปรึกษาขอเข้าร่วมกับ“เว่ยหลงเทคโนโลยี”แต่“เว่ยหลงเทคโนโลยี”ยังไม่เตรียมจะติดต่อกับใครทั้งนั้น


“แปดสิบกว่าครั้ง นี่พวกเขาเพิกเฉยกับพวกเราจริงๆหรือ” คนคนหนึ่งที่ไม่ได้ตัวสูงนักและมีหนวดเล็กๆบนปากว่า หลังได้ยินคำรายงานจากลูกน้อง ชายญี่ปุ่น อายุห้าสิบปีคนนี้พลันโกรธจัด


 


“ครับ พวกเขาไปเจอบริษัทเกมในประเทศอื่น แต่พวกเราไม่ได้ไปเจอด้วย”


“บากะ โคอิซึมิ กลับมา ฉันจะหาทางอื่น” ชายญี่ปุ่นหน้ามืดกล่าวไป


จบคำ ชายญี่ปุ่นคนนั้นก็วางสาย


 


“ไม่รู้วิธีตอบแทนบุณคุณเสียแล้วพวกนี่ อย่ามาโทษกันแล้วกัน”


จากนั้น ชายญี่ปุ่นก็ไปยังเครือข่ายลับและเริ่มภารกิจ “จารกรรมเทคโนโลยีหลักของโลกใหม่”


ไม่นานหลังจากนั้นชายญี่ปุ่นก็ได้รับคำตอบกลับ ภารกิจนี้มีความยากระดับเอส รางวัลของภารกิจคือหนึ่งล้านดอลลาร์ ชายญี่ปุ่นแทบสำลักน้ำลายตาย


อย่างไรเสีย หากเขาไม่ช่วย เขาจะต้องใช้เงินจำนวนมากอยู่ดี


และอีกทั้งหากได้เทคโนโลยีหลักมาครอบครองจะเป็นดังได้ภูเขาทองเป็นแน่ คงเป็นเรื่องไม่ยากที่จะหาเงินพันล้านดอลลาร์


หลังตัดสินใจแล้ว ชายญี่ปุ่นก็ยอมทำ


เรื่องแบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นในอีกหลายประเทศ


TB:บทที่ 185 การสำรวจเว่ยหลงในยามค่ำคืน


 


“เฟิงหยาน นายจะไป “เว่ยหลงเทคโนโลยี” จริงๆหรือ” หลานหลี่เย่ (หลานรีเย่)หันหน้าไปสบตาจางเฟิงหยาน


ข้างๆหลานหลี่เย่มีเครื่องสวมศีรษะของ “โลกใหม่” อยู่


แต่แม้หลานหลี่เย่จะไม่ได้มีตัวตนที่นี่ แต่ก็ไม่ยากที่จะหามาได้จากพลังของสวรรค์เบื้องบน ดังนั้นเลยไม่แปลกที่เขาจะมีเครื่องเกมสวมศีรษะ


 


“หลี่เย่ นายก็มีเล่นเกมนี่ด้วยหรือ นายคิดว่าเกมนี่เป็นเกมธรรมดาจริงๆไหม” จางเฟิงหยานอยู่ในชุดพรางกลางคืนตอนนี้ เขามองตาของหลานหลี่เย่


จางเฟิงหยานเล่นเกม “โลกใหม่” นี่เช่นกัน ในเกมนี้เขาสังเกตได้ว่ามีสิ่งที่ต่างไปอยู่ในเกม แม้เกม “โลกใหม่” จะมีหลายลูกเล่นที่โดนลบออกไปแล้ว แต่ผู้เล่นเก่งๆอย่างจางเฟิงหยานยังรู้สึกได้ถึงความแตกต่างตอนที่เข้าเขาเกมไป


อย่างแรกสุด หลังจางเฟิงหยานเข้าไปในเกมแล้ว เขาได้ฝึกฝนด้วยสกิลที่เขามี แต่การเริ่มต้นนั้นง่ายเกินไป อย่างที่สองกระบวนท่าที่เขาฝึกในเกม หลังเขากลับมาสู่โลกแห่งความจริงแล้ว พลังเขาไม่ได้พัฒนาขึ้นแต่กลับใช้ได้ง่ายดายกว่าเดิม ตรงจุดนี้จางเฟิงหยานรู้ว่าเกมนี้ต้องไม่ใช่เกมธรรมดาแน่นอน


และอีกทั้งยังมีจุดสำคัญอีกนั่นคือ หากใครมีของดีๆแล้ว และคนคนนั้นเอาของที่ว่าไปซ่อนและแม้จะหยิบออกมาแต่ของนั่นจะไม่กลับออกมาทั้งหมด


 


ดังนั้นแล้วจางเฟิงหยานคิดว่าเกมนี้จะต้องมีลูกเล่นที่ทรงพลังแน่นอน เขาจึงอยากไปเอาเกมนี้มา อีกอย่าง วันก่อนหนทางปีศาจได้ส่งข่าวคราวมาหาจางเฟิงหยานว่าอยากให้เขามีตัวหลักของเกมนี้ในครอบครอง


 


“เกมนี้ช่างวิเศษสุดๆ ฉันต้องขอชื่นชมคนที่สร้างเกมนี้ขึ้นมาจริงๆนะเนี่ย สุดยอดไปเลย มีพืชตั้งหลายประเภทใน “โลกใหม่” มีทั้งประเภทที่ฉันเคยเห็นและไม่เคยเห็น ด้วยพืชพวกนี้ฉันจะสามารถทำงานทุกแบบออกมาได้เลย จะต้องเยี่ยมยอดมากแน่ๆ หากนายจะไปเอาเกมนี่ออกมาจริงๆ ให้ฉันเล่นเวอร์ชั่นเต็มๆด้วยนะ” หลานหลี่เย่ว่า


 


หลานหลี่เย่รู้สึกสนใจโลกใหม่นี้เสียมากๆ


“อย่าห่วงไป นายลงทุนให้ฉันไว้มาก ฉันจะไม่มีทางลืมนายหลังได้เกมมาหรอก” จางเฟิงหยานตบกระเป๋าเล็กๆตรงเอวเขา


 


กระเป๋านี้มียาที่หลานหลี่เย่ให้จางเฟิงหยานไว้ เขาให้จางเฟิงหยานไว้เผื่อกรณีฉุกเฉิน สุดท้ายแล้วใครจะรู้ว่าจะมีอะไรใน“ตึกเว่ยหลง”กัน


“เอาเถอะหน่า รีบไปรีบกลับ ฉันจะเล่มเกมอีกรอบ” หลานหลี่เย่กล่าวจบ ก็สวมเครื่องเกมบนหัวอีกรอบ


 


เขาเห็นหลานหลี่เย่เล่นเกมอีกครั้ง จางเฟิงหยานจึงออกจากห้องไปทางหน้าต่างทันที และจากนั้นด้วยความช่วยเหลือจากตะขอเหินหาว เขาจึงกระโดดออกจากโรงแรมได้


 


ตอนนี้เฉินหลงอยู่ในวิลล่าของเขา เขากำลังสัมผัสประสบการณ์ของ“โลกใหม่” อยู่ แน่นอนว่าเฉินหลงเล่นแบบเวอร์ชั่นเต็ม


ใน“โลกใหม่”นี้ เฉินหลงยังรู้สึกว่าเขาช่างไร้เทียมทาน ใน“โลกใหม่”มีความท้าทายทุกรูปแบบ อย่าง “ผีดิบ” “สัตว์กลายพันธุ์” สิ่งแวดล้อม การเอาชีวิตรอดและอีกมากมาย มีเพียงตัวเขาที่พัฒนาไปอย่างต่อเนื่องเท่านั้นที่อยู่รอดในโลกใหม่นี่ได้


 


ในเรื่องอย่างเดียวกันนี้คงไม่ต้องกล่าวถึงพี่น้องสี่คนที่เล่นด้วยเครื่องสวมศีรษะเช่นกัน และพวกเขาทั้งสี่กำลังเล่นแบบ “ขันที​”  (พี่น้องทั้งสี่=สี่พระไร้เหตุผล)​


ในตอนที่เฉินหลงกำลังหันหน้าเพื่อมองสิ่งที่เหมือนกับกิ้งก่า แต่เป็น “สัตว์กลายพันธุ์” ที่ตัวใหญ่กว่ากิ้งก่าสิบเท่า อยู่นั้น และเขากำลังจะย่างพวกมันกิน จู่ๆเขาได้รับข้อความจาก “ใยแมงมุมสังเกตการณ์” ว่ามีคนกำลังลอบเขามาใน “ตึกเว่ยหลง”


 


คนที่เขาเห็นในเครื่องสังเกตการณ์คือจางเฟิงหยาน ครั้งนี้ จางเฟิงหยานแต่งตัวด้วยชุดพรางตัวกลางคืน และเขาสวมหน้ากากไว้ที่มีเพียงสองตาที่โผล่ออกมา


 


“การป้องกันที่นี่เยี่ยมไปเลย แต่ก็แค่พอใช้ได้กับคนธรรมดา เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะจัดการฉัน”


 


จางเฟิงหยานเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างระแวดระวังในตึก ขณะที่ตรวจสอบใจเขาด้วยเครื่องป้องกันทั้งหลายที่นี่


แม้จางเฟิงหยานจะไม่รู้ว่าเทคโนโลยีหลักของเกมนี่อยู่ไหน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดจะต้องอยู่ในที่ปลอดภัยที่สุดแน่นอน และที่ที่ปลอดภัยที่สุดจะต้องไม่ใกล้กับตัวเขามากไปด้วย


ในที่แบบนี้ก็เหมือนบ้านของคนคนหนึ่ง และอีกที่คือห้องทำงานของคนคนนั้น


ระบบประเมินการรักษาความปลอดภัยของบริษัทนี้ดีไม่เลว เทคโนโลยีเช่นนี้จะต้องตั้งอยู่ในบริษัทนี้ ในตอนนั้นเองจางเฟิงหยานรีบพุ่งไปยังสถานที่ที่เป็นห้องทำงานของเฉินหลง


เขาเห็นคนคนหนึ่งแอบเขาบริษัท เฉินหลงออกมาจากเกมและปลุกพี่น้องสี่คนโดยไม่กล่าวอะไร


คนบางคนที่ดูแลบริษัทของตน แน่นอนว่าเฉินหลงจะต้องไปและดูว่าใครกันที่สนใจบริษัทเขาขนาดนี้ เขายังเดินไปเรื่อยเปื่อยตอนกลางดึกด้วย


 


แต่อย่างไรก็ตาม เฉินหลงจะได้ลองดูพลังของพี่น้องทั้งสี่คนนี้


ไม่ต้องกล่าวถึงว่าพี่น้องทั้งสี่เล่นเกมอย่างมีความสุขแล้ว หลังเขาเรียกออกมาจากเกม พวกนี้หงุดหงิดมาก อย่างไรก็แล้วแต่เพราะพวกเขากล่าวไว้แล้วว่าจะแก้ปัญหาให้เฉินหลง เฉินหลงจึงทำเช่นนั้น ดังนั้นจะไม่มีทางอื่น นอกจากจะโทษผู้บุกรุกที่ทำให้พวกเขาไม่มีความสุข


“คุณเฉิน เดี๋ยวก่อน หากว่าเราเจอผู้บุกรุก เราจะกระทืบเขาได้ไหม” เขาไม่ได้ว่าด้วยเสียงต่ำ แต่ด้วยสีหน้าราบเรียบ คล้ายกับพูดเรื่องสัตว์เลี้ยง


 


“ได้ หากว่านายเจอผู้บุกรก และนายกระทืบเขาได้ ฉันไม่มีความเห็นอะไร” เฉินหลงกางแขนและหยักไหล่


จากนั้น เฉินหลงและพี่น้องทั้งสี่ไม่พูดเรื่อยเปื่อยต่อ พวกเขามุ่งไปที่ตึกด้วยกัน


ใช้เวลาเพียงสิบนาที เฉินหลงได้มาถึง “ตึกเว่ยหลง” ในตอนนั้นจางเฟิงหยานยังคงมองหาห้องทำงานของเฉินหลงในตึกอยู่


 


หลังเฉินหลงหาตำแหน่งของจางเฟิงหยานได้ เฉินหลงตรงไปยังชั้นที่จางเฟิงหยานอยู่พร้อมด้วยคนอีกสี่คน


จากนั้นพวกเฉินหลงรวมห้าคนก็ออกจากลิฟต์ จางเฟิงหยานรู้สึกทันทีว่ามีคนกำลังมา เขาจึงหาห้องทำงานเจอและรีบซ่อนตัว ตอนนั้นเองที่เสื้อผ้าเขาเริ่มเลียนแบบสีและล้อไปกับสิ่งรอบตัว ในแสงที่ดำมืด เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่ามีใครซ่อนอยู่หากไม่มองดีๆ


 


อย่างไรเสียด้วยเครื่องมือ เฉินหลงได้จับตำแหน่งเขาไว้แล้ว เว้นเสียแต่ว่าเขาจะออกไปจากตึก หรือไม่เขาก็ซ่อนตัว


เฉินหลงไปที่ห้องทำงานพร้อมด้วยพระสี่คนและหยุด


หลังได้ยินว่าพวกเฉินหลงห้าคนหยุดแล้ว จางเฟิงหยานมีความรู้สึกว่าเขาจะต้องโดนเจอตัว แต่อย่างไรก็ตามเขายังคงมีหวังเล็กๆในในอยู่ เขาหวังว่าพวกเฉินหลงทั้งห้าคนจะแค่บังเอิญเข้ามาในนี้


แต่แล้วครั้งนี้คำพูดของเฉินหลงได้ทำลายความหวังไป


 


“เพื่อนฉัน ไม่ต้องซ่อนอีกต่อไป หากนายอยากโดนไล่อย่างหมา นายก็ยอมเสียหน้าซะ” เฉินหลงกล่าวอยู่ข้างนอก


เมื่อได้ยินคำของเฉินหลงแล้ว จางเฟิงหยานทำได้เพียงทิ้งความหวังเล็กๆไว้ในใจและวางแผนเพื่อสู้กับศึกหนัก


“ฉันนึกไม่ออกเลยว่า การป้องกันในเว่ยหลงเทคโนโลยีจะฉลาดแบบนี้ ฉันระวังมากเลยนะเนี่ย แต่นายก็หาเจอจนได้”


จบคำจางเฟิงหยานค่อยๆโผล่ออกมาจากความมืด


TB:บทที่ 186 ผงกระดูก


 


หลังจางเฟิงหยานโผล่ออกมาแล้ว เขานิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นเฉินหลง จากนั้นเขาเห็นพระทั้งสี่ข้างหลังเฉินหลง เขารู้สึกว่าความขมขื่นในใจเขาปะทุออกมา


“พวกพระสี่คนอยู่ที่นี่ และดูเหมือนจะไม่อยู่ข้างเขา”


 


“ประสก คุณไม่หลับตอนกลางดึกหรือ คุณมาทำอะไรที่นี่”” ไม่พูด” ใช้มือข้างหนึ่งทำท่าเคารพให้จางเฟิงหยาน


ชายตรงหน้าเขาคงเล่นตุกติกไม่ได้ เขาจะทำให้ดูดีเองทีหลัง


จางเฟิงหยานรู้ว่าพระทั้งสี่ตรงหน้าเขามีชื่อเสียงเรื่องความไม่มีเหตุไม่มีผล ดังนั้นเขาจึงกล่าวได้แค่  “ฉันจะบอกว่าฉันนอนไม่หลับ เลยมาเดินเล่น จะเชื่อหรือไม่เชื่อกันละ”


 


“ประสก พระที่น่าสงสารพวกนี้เป็นแค่พระ พวกเขาไม่ได้มีปัญหาทางสติปัญญา คุณหลอกว่าพวกเขาชัดๆเลยที่พูดแบบนี้ พวกพระนี่กำลังอารมณ์ดี แต่คุณกำลังจะทำให้พวกเขาโกรธที่พูดไปแบบนั้น” “ไม่พูด” กล่าวน้ำเสียงเขาเย็นชา


 


เขารีบพุ่งใส่ทันที


จางเฟิงหยานรู้ทันและรีบหลบกลับไปในห้องทำงานข้างหลังเขา และหยิบยาสีม่วงในมือออกมา เขาบีบยาอย่างแรงจนเข้าไปถึงผงยา แล้วโปรยยาไปข้างหน้า “ไม่พูด”


“ไม่พูด”ได้กลิ่นที่จู่ๆก็แปลกขึ้นมา ใบหน้าเขาเปลี่ยนไปทันที “ผงกระดูกหรือ นายมีได้อย่างไร”


 


“ไม่พูด” เขาโบกมือไปมา และด้วยมือนั่นทำให้ผงยากระจายไป


อย่างไรก็ตามในตอนที่ยานี่กระจายไปกลิ่นที่ว่าพลันคลุ้งเต็มห้องทำงาน


ไม่ต้องกล่าวถึงจางเฟิงหยานที่ออกไปนอกห้องทำงานแล้ว


 


“ฮี่ฮี่ นายไม่ต้องรู้หรอกว่าฉันได้มาจากไหน นายแค่ต้องรู้ว่านี่คือผงกระดูก ฉันว่านายคงรู้การทำงานแล้ว ที่เมื่อได้กระจายออกไปแล้วก็ไม่สามารถหยุดได้ด้วยการกลั้นหายใจ ฉันกินยาแก้มาก่อนหน้านี้แล้ว หากนายสู้กับฉันที่นี่ นายไม่ใช่คู่ต่อสู้ฉันหรอก” จางเฟิงหยานกล่าวด้วยรอยยิ้ม


 


ในขณะเดียวกัน เขาดีใจอย่างมากที่หลานหลี่เย่เตรียมของพวกนี้ไว้ให้เขา ไม่เช่นนั้น นี่คงยากจะหนีไปจากคนทั้งสี่จริงๆ


เขามองเฉินหลงอย่างไม่สมัครใจ จางเฟิงหยานพูดค่อนข้างถูก ตราบใดที่เขาหายใจเข้าไปแม้เล็กน้อย คนธรรมดาจะรู้สึกอ่อนล้าและไร้พลังในทันที และนั้นทำให้พวกเขาโดนฆ่า แม้เขาจะไม่ได้กล่าวไปตอนนี้ว่าเขาหายใจเข้าไปแล้ว แม้เขาจะไม่ได้รู้สึกอ่อนล้าอย่างคนทั่วไปแต่พลังของเขาก็ได้รับผลกระทบด้วย อย่างมากที่สุดเขาคงสู้ได้แค่ครึ่งหนึ่งของกำลังที่มี


 


เฉินหลงมองจางเฟิงหยานที่ไม่ได้แสดงสีหน้าใดและกล่าวว่า “นายอยากให้พวกเราปล่อยนายไปอย่างนั้นหรือ”


 


“คงดีกว่าจะทิ้งฉันไว้ที่นี่มากๆนะ” คำของจางเฟิงหยานเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ


ด้วย “ผงกระดูก” จางเฟิงหยานมั่นใจเรื่องเฉินหลงได้ร้อยเปอร์เซ็น พวกเขาไม่มีทางจัดการได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นเสียงเขาจึงมั่นใจเหลือเกิน


จริงอยู่ที่ว่า “ผงกระดูก” มีความเด็ดขาดอย่างมากและมีผลต่อสิ่งทั่วไปในธรรมชาติ แต่ใช้จัดการกับเฉินหลงไม่ได้ “นายคิดว่าเราได้ผู้ชนะกันแล้วหรือ”


สิ้นคำ ยิ้มแปลกๆก็ปรากฏบนใบหน้าเฉินหลง


 


“ได้แล้วไม่ใช่หรือ” จางเฟิงหยานรู้สึกได้ว่า “ผงกระดูก” รอบๆเขาเริ่มหายไป


“ไม่ล่ะ นายควบคุมมาตลอด และนายพูดไปเรื่อยมาก” เฉินหลงพูดขึ้น ร่างเขาเคลื่อนไป กรงเล็บจับคอของจางเฟิงหยานเบื้องหน้า


 


เขาเห็นเฉินหลงพุ่งผ่านมาข้างหน้าจางเฟิงหยาน โดยไม่แม้แต่จะทำท่าทีอย่าง “ระวังตัว”


เมื่อจางเฟิงหยานเห็นเฉินหลงที่พุ่งเข้ามาหาแล้ว รอยยิ้มอย่างดูถูกปรากฏบนหน้าเขา ในตอนเดียวกันนั้น เขาตัดสินใจว่าจะใช้โอกาสนี้ฆ่าเฉินหลงเสีย เขาจะทำภารกิจที่กลุ่มเขามอบหมายสำเร็จและสู้ให้กับเกียรติของกลุ่มเขาได้


 


แต่อย่างไรก็ตามใบหน้าของจางเฟิงหยานได้แสดงความตกใจทันที เพราะเขาพบว่า “ผงกระดูก” ในห้องทำงานนี้ได้หายไปแล้วในทันใดเฉินหลงพุ่งเข้ามา


ตอนที่เฉินหลงพุ่งเข้ามาในห้องทำงานนั้น “ไฟกำเนิด” ได้เผาไหม้ “ผงกระดูก” ในห้องไปเรียบร้อย


จางเฟิงหยานที่ตกใจอยู่นั้นดึงดาบที่เบาบางออกมาเพื่อจะป้องกัน


 


แม้ว่าจางเฟิงหยานตกใจด้วยการที่จู่ๆ“ผงกระดูก” ได้หายไป แต่อย่างไรเสีย เมื่อพลังเขาไปถึงขั้น “กำเนิด” แล้ว การตอบโต้ของเขาจึงเกินกว่าคนทั่วไป


 


การโต้กลับกลายเป็นเรื่องของจิตใต้สำนึกไป


เฉินหลงจับดาบที่เบาบางของจางเฟิงหยานด้วยมือขวาและนั้นทำให้เกิดเสียงของทองกระทบเหล็กกล้า


เมื่อได้ยินเสียงแล้ว ใบหน้าจางเฟิงหยานเปลี่ยนไปอีกครั้ง


“นายคือฉือเฮยหูหรือ”


“ใครบอกนายว่าฉันคือฉือเฮยหู ระฆังทองนี่ไม่ใช้กระป๋องของใครคนใดคนหนึ่งนะ” เฉินหลงว่า เขาต่อยจางเฟิงหยาน


 


ตอนจางเฟิงหยานเห็นหมัดของเฉินหลง ใจของเขารู้สึกขัดขืนอย่างไม่มีเหตุผล เขาไม่สามารถหาความมั่นใจมารับหมัดของเฉินหลงได้


เขารีบกระโจนถอยไป และชนเข้ากับกระจกด้วยหลังเขาอย่างจัง เขาตกลงจากตึก ในขณะเดียวกัน ตะขอเหินหาว ในมือเขาออกบินอีกครั้ง และเขาพร้อมจะออกไปจากตึก


ปัญหาแค่นี้ก็พอแล้วสำหรับพระที่ไม่มีเหตุมีผล อีกอย่างเฉินหลงได้ฝึกระฆังทองด้วย เขาไม่ต้องสู้ต่ออีกแล้ว เขาทำภารกิจไม่สำเร็จคราวนี้ เขาจะรายงานเรื่องนี้กับกลุ่มของเขาและเมื่อเขากลับไปเขาจะต้องจัดการด้วยตัวเอง


 


เฉินหลงเห็นจางเฟิงหยานบินมุ่งไปตึกอื่นราวกับเป็นสไปเดอร์แมน แล้วเขาจึงโยนดาบเบาบางไปให้จางเฟิงหยาน


“เอาคืนไป”


ร่างของจางเฟิงหยานเปลี่ยนมุมเล็กน้อยในอากาศเพื่อหลบการโจมตีของเฉินหลง เขายังยื่นมือออกไปและจับดาบเขาไว้ในมือ


“ฉันจะจ่ายค่าหน้าต่างที่พัง”


กล่าวจบจางเฟิงหยานยื่นมือออกมาและโยนบางสิ่งให้เฉินหลง


เฉินหลงกางมืออกมาและจับสิ่งของเล็กๆนี่ไว้ในมือ เมื่อเขากางมือออกดูของนั่นกลายเป็นเหรียญทอง


ตอนที่จางเฟิงหยานพังหน้าต่าง นั่นทำให้เรียกหวังหูและพวกมา


“เจ้านาย ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ เกิดอะไรขึ้นครับ” เมื่อหวังหูมาแล้วและเห็นเฉินหลง พวกเขานิ่งไปพักหนึ่ง แล้วสีหน้าพวกเขาก็เปลี่ยนไป


 


“ไม่เป็นไรหรอก แค่โจรตัวเล็กๆ พวกเราไล่อออกไปแล้ว” เฉินหลงกล่าวให้เป็นเรื่องเล็ก “แต่ว่านะ นายให้ใครมาทำความสะอาดที่นี่ และก็ปิดกระจกด้วย แล้วพรุ่งนี้ค่อยซ่อม”


เฉินหลงไม่พูดต่อ หวังหูจึงไม่ถามอะไร เขาตรงไปสั่งให้คนเริ่มทำความสะอาด


เฉินหลงออกจากตึกไปพร้อมคนสี่คน


 


“ประสกเฉิน คุณกำจัด “ผงกระดูก”ไปได้อย่างไร ” หลังขึ้นรถแล้ว “ไม่พูด” อดถามไม่ได้


ตอนแรกเมื่อเฉินหลงพุ่งเข้าไปและไม่ได้รับผลกระทบจาก “ผงกระดูก” เขาคิดว่าเป็นเพราะการทำงานของระฆังทอง แต่เมื่อหวังหูและพวกมาถึง พวกเขาก็ไม่ได้รับผลอะไรเลยด้วย ไม่ต้องคาดการณ์อะไร เฉินหลงมีวิธีที่จะกำจัด “ผงกระดูก” ในตอนที่เขาพุ่งเขาไป


“ใช้ไฟ” เฉินหลงตอบง่ายๆในสองคำ


เมื่อเขาใช่เวลาสองสามวันอยู่กับพระพวกนี้แล้วเฉินหลงรู้ว่าพวกเขาไม่ใช่คนร้ายกาจอะไร พวกเขาแค่มีความเชื่อในหัวใจ ร่วมกับวิธีที่จะรับมือสิ่งต่างๆ คนอื่นเลยรู้สึกว่าพวกเขาช่างไร้เหตุและไร้ผล แต่อย่างไรก็แล้วแต่ พวกเขาไม่ได้ทำร้ายชีวิตใคร ดังนั้นเฉินหลงจึงพร้อมจะบอกเรื่องพลังเล็กๆน้อยๆของเขากับพวกพระเหล่านี้


TB: บทที่ 187 เทียนเจียการเงิน


 


“ไฟหรือ ไฟอะไรกัน” เขามองเฉินหลงอย่างแปลกใจ


ตอนนี้ เขาไม่เห็นไฟอะไรเลย


เฉินหลงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไฟนี้อย่างไรละ”


 


เขากล่าวจบ เบื้องหน้าโดยไม่ต้องเอ่ยสิ่งใด จู่ๆก็มีเปลวไฟเล็กๆปรากฏขึ้น


เมื่อไฟพลันปรากฏเช่นนี้ทำให้ทั้งสี่สะดุ้งด้วยความตกใจ


ในขณะเดียวกัน พวกเขาทั้งสี่ยังรู้สึกได้ว่าเปลวไฟนี้มีพลังที่ชั่วร้าย หากไฟลามมายังพวกเขาแล้ว พวกเขาคงต้านทานไม่ได้


 


“คุณ คุณยังมีพลังอื่นอีกหรือนี่” “ไม่พูด” ตกใจ


“คิดว่ามีนะ”


เขากล่าวจบ และโดยไม่เอื้อนเอ่ยเปลวไฟขนาดเล็กก็ดับไป


 


ตอนนั้นเองที่ไม่อาจกล่าวได้ว่าสายตาที่พวกเขามองเฉินหลงนั่นเปลี่ยนไปจากเดิม


ก่อนหน้านั้น ไม่ต้องพูดอะไรพวกเขาก็คิดว่าเฉินหลงแข็งแกร่งกว่าพวกเขาเพียงเล็กน้อย หากเขาฝึกหนัก คงสามารถจัดการกับเฉินหลงได้  แต่ตอนนี้ พวกเขาเห็นได้ว่าเฉินหลงเพียงแค่สบัดมือ


เขาก็สามารถฆ่าพวกเขาทั้งสี่ได้ด้วยไฟในทันทีเลยก็ทำได้


 


เมื่อเฉินหลงเห็นสายตาของทั้งสี่คนแล้ว รอยยิ้มได้ปรากฏขึ้นบนมุมปากที่เห็นพระทั้งสี่ตื่นตกใจ


จางเฟิงหยานออกจาก “ตึกเว่ยหลง” และรีบกลับโรงแรมเขาทันที


ขณะเดียวกันนั้น หลานหลี่เย่กำลังเล่นเกมอยู่ และเมื่อเขารู้ว่ามีใครเข้าห้องมา เขาออกจากเกมในทันใด หลังเขาเห็นจางเฟิงหยานแล้วเขาก็ตกใจและกล่าวไปว่า “นายกลับมาเร็วจัง นายได้ของอะไรมาหรือไม่”


จางเฟิงหยานถอดหน้ากากเขาออกและถอนหายใจยาวนาน เขาส่ายหัว


“เกิดอะไรขึ้น” หลานหลี่เย่ถาม


เขาและจางเฟิงหยานเป็นเพื่อนกันมานานเหลือเกิน เขาแน่ใจมากๆจากสีหน้าของจางเฟิงหยานว่าเขาจะต้องผ่านความล้มเหลวที่เลวร้ายมา


“ฉันเจอเฉินหลง”


แล้วจางเฟิงหยานก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับหลี่เย่


“อะไรนะ เฉินหลงก็มีระฆังทองเช่นกันหรือ คนสี่คนนั้นจริงๆแล้วช่วยเฉินหลง และ “ผงกระดูก” ของฉันโดนเฉินหลงทำลายไปได้ในทันที เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร” หลังจากที่เขาฟังคำของจางเฟิงหยาน หลานหลี่เย่แทบไม่เชื่อหูตัวเอง


 


“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอก ในโลกใบนี้ ดูเหมือนว่าฉันจะดูถูกเฉินหลงไปจริงๆ เฉินหลงคนนี้แข็งแกร่งกว่าที่คิดไว้อีก คนสี่คนที่ควรจะไปท้าทายเฉินหลง ตอนนี้กลับทำงานให้เฉินหลง บางทีนี่อาจเป็นข้อตกลงของพวกเขา” จางเฟิงหยานว่า


 


อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้น จิตใต้สำนึกของหลานหลี่เย่ได้ล่องลอยไปที่อื่นแล้ว “ผงกระดูก” ของเขาโดนเฉินหลงทำลายได้ทันที เป็นไปได้อย่างไรกัน


เขาเห็นหลานหลี่เย่มีสีหน้าอึ้งตะลึงไป จางเฟิงหยานจึงไม่ได้เรียกเขา เขาติดต่อกลุ่มของเขา


ก่อนหน้าจะเจอเฉินหลง จางเฟิงหยานได้รับคำสั่งจากกลุ่มของเขามาแล้ว ทว่าหากเขาไม่อาจบังคับให้ได้เทคโนโลยีนี่มา เขาก็จะเข้าไปพูดคุยและร่วมมือด้วย ในนามของเทียนเจีย บริษัทการเงิน เขาจะไปคุยเกี่ยวกับการร่วมมือกับเว่ยหลงเทคโนโลยี


 


แน่นอนว่าจางเฟิงหยานจะรับฟังคำสั่งจากกลุ่มของเขาและค่อยไปคุยเรื่องการร่วมมือ แต่อย่างไรเสียเรื่องนี้คงไม่ง่ายดายหากเฉินหลงจะเอาชีวิตเขา เมื่อตัดสินจากสถานการณ์แล้ว จางเฟิงหยานยังทำไม่ได้


 


“เฟิงหยาน นายสัมผัสได้ถึงอะไรไหมตอนที่เขาทำลายผงกระดูกของฉัน” หลานหลี่เย่กลับคืนสติ


เฉินหลงสามารถทำลาย “ผงกระดูก” ของเขาได้ด้วยพลังเขา อย่างไรก็ตามหากเขารู้ว่าทำลายได้อย่างไร เขาอาจจะเข้า “โลกใหม่” และพัฒนา “ผงกระดูก” ได้ ตอนนี้เขารู้สึกว่า “โลกใหม่” ช่างทรงพลัง


 


จางเฟิงหยานส่ายหัว “ฉันไม่รู้เลย ฉันไม่รู้สึกอะไรเลย ผงกระดูกแค่ใช้ไม่ได้ไปเลย”


ใช่ จางเฟิงหยานไม่รู้สึกถึงความต่างใดๆเลยทั้งสิ้น


“ไม่มีข้อแม้ที่ “ผงกระดูก” ของฉันจะพังด้วย หรือว่า…”


หลานหลี่เย่พลันนึกได้ถึงความน่าจะเป็น


“เอาล่ะ เห็นทีเฉินหลงจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว อย่างไรก็ตามฉันคงฆ่าเฉินหลงไม่ได้ ฉันจะให้คนอื่นจัดการกับเรื่องนี้ ตอนนี้ฉันควรฝึกฝีมือของฉันในโลกใหม่” เขาคิดว่าเฉินหลงอาจจะทรงพลัง หลานหลี่เย่ไม่คิดมากเรื่องนี้อีกต่อไป เขาจะพยายามพัฒนาพลังของตน


เขาอยากทำให้สำเร็จ หลานหลี่เย่ใส่เครื่องสวมศีรษะและเข้าเกมไป


 


จางเฟิงหยานส่ายหัวเมื่อเขาเห็นว่าหลานหลี่เย่เข้าเกมอีกครั้ง เขาคงจะต้องคุยเรื่องร่วมมือกับ “เว่ยหลงเทคโนโลยี” ในวันรุ่งขึ้น


 


จนถึงในขณะนี้จางเฟิงหยานยังไม่รู้ว่าเฉินหลงเป็นประธานของเว่ยหลงเทคโนโลยี


วันต่อมาจางเฟิงหยานไปยัง “เว่ยหลงเทคโนโลยี” อีกครั้ง ครั้งนี้ เขาไม่ได้สวมชุดพรางเหมือนเมื่อคืน แต่เขามาในนามของบริษัท “เทียนเจียการเงิน” แทน กลุ่มการเงินเทียนเจียเป็นกลุ่มการเงินชื่อดังระดับโลก ด้วยทรัพย์สินหลายประเภทรวมแล้วมากกว่าล้านล้านเหรียญสหรัฐ ด้วยความที่เป็นคนบังคับหางเสือของบริษัท จางเฟิงหยานจึงมาด้วยตัวเองเป็นปกติ


หลังจากที่เฉินหลงและจางเฟิงหยานเจอหน้ากัน พวกเขาประหลาดใจเล็กน้อย


สิ่งที่จางเฟิงหยานคาดไม่ถึงคือเฉินหลงเป็นประธานตัวจริงของเว่ยหลงเทคโนโลยี และเฉินหลงไม่คาดคิดว่าเทียนเจียการเงินที่ดังระดับโลกจะเป็นช่องทางทำเงินขององค์กรหนทางปีศาจ


 


“คุณเฉิน ผมไม่คิดว่าประธานของบริษัทเว่ยหลง บริษัทที่ส่งคลื่นให้กับวงการวิทยาศาสตร์และวงการเทคโนโลยี จะเป็นยอดคนที่หนุ่มขนาดนี้” จางเฟิงหยานกล่าวกับเฉินหลงที่ยื่นมือขวาออกมา


“ผมก็ไม่นึกว่าตัวแทนของ กลุ่มการเงินเทียนเจียจะเด็กขนาดนี้” เฉินหลงยื่นมือไปจับมือของจางเฟิงหยาน


นี่เป็นการเจอกันครั้งแรกของคนสองรู้จักกันและกันอย่างดีอยู่แล้ว


 


“คุณเฉิน ผมมาที่นี่เพื่อทำข้อตกลงกับคุณ คุณรู้ใช่ไหมว่า เกม “โลกใหม่” ของบริษัทคุณเป็นการปฏิวัติในธุรกิจเกมและธุรกิจเทคโนโลยี บริษัทการเงินของเรารู้สึกว่าเกมโลกใหม่นี่จะต้องเป็นไปได้ดี และอยากจะร่วมมือกับบริษัทคุณ” หลังจับมือทักทายกันแล้ว จางเฟิงหยานเข้าสู่ประเด็นเลย


“มีการร่วมมือกันหลากหลายประเภทนะครับ และขึ้นอยู่กับความจริงใจของคุณ” เฉินหลงกล่าวด้วยรอยยิ้ม


 


“มีแค่สองทางสำหรับการร่วมมือกับบริษัทการเงินของเราครับ อย่างแรกคือพวกเราจะครอบครองลิขสิทธิ์ของ “โลกใหม่” ในต่างประเทศ บริษัทการเงินของเราทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่การขายในต่างประเทศ อีกประการคือบริษัทการเงินของเราจะซื้อ “เว่ยหลงเทคโนโลยี” ของคุณเสียแบบทีเดียวหมดไปเลย” จางเฟิงหยานจริงจังอยู่


 


เมื่อได้ยินที่จางเฟิงหยานว่า เฉินหลงยังคงตอบด้วยรอยยิ้ม “คงยากนะครับที่บริษัทการเงินคุณจะควบบริษัทผม บริษัทผมไม่ได้ขึ้นทะเบียน และหุ้นทั้งหมดผมเป็นคนถือ ไม่มีใครมาร่วมได้ครับ”


 


“เช่นนั้น ดูเหมือนว่าพวกเราคงคุยกันได้แค่เรื่องเป็นในหน้าที่ทำงานร่วมกัน” จางเฟิงหยานกล่าวด้วยรอยยิ้ม


“ผมยังไม่รับปากว่าจะร่วมงานกับคุณ” รอยยิ้มบนหน้าเฉินหลงยังไม่เปลี่ยนแปลง


 


จางเฟิงหยานไม่ได้อยากจะพูดว่า “เรายังไม่ได้คุยกันเลย บางทีคุณอาจเปลี่ยนใจหลังได้ยินแผนของเรานะครับ” อีกอย่างกลุ่มบริษัทเทียนเจียยีงมีธุรกิจรอบโลก หากเป็นเช่นนี้ เราจะแก้ปัญหาเรื่องการขายได้อย่างดีเยี่ยม


จบคำจางเฟิงหยานมองเฉินหลง


“นาย เทียนเจียการเงินนี่ทรงพลังจริงๆ แต่หากนายร่วมมือกับปิศาจของ “เทียนเจียจ่ง” แล้ว ฉันจะโดนกลืนไปหมดแม้กระทั่งกระดูกก็ไม่เหลือไหม” เฉินหลงว่าพร้อมรอยยิ้ม


TB:บทที่ 188 พี่น้องทั้งสาม


 


เมื่อได้ยินคำของเฉินหลง ใจของจางเฟิงหยานกระตุกเล็กน้อย แต่เขายังคงปั้นหน้ายิ้มอยู่และกล่าวไป “คุณเฉินลง คุณรู้เมื่อไรกันว่า “เทียนเจียนการเงิน” คือ “เทียนเจียจ่ง””


“เรื่องนี้สำคัญด้วยหรือ” เฉินหลงยิ้ม


“ไม่ครับ ไม่ได้สลักสำคัญอะไร แม้เทียนเจียการเงินจะเป็นเทียนเจียจ่ง ก็ไม่ได้มีผลอะไรกับการร่วมมือของเราครับ และแม้เทียนเจียจ่งจะเป็นปิศาจสำหรับคุณ ทว่าสิ่งที่เป็นหลักของเรายังเป็นนักธุรกิจนะครับ เทียนเจียการเงินนี่มักวางอยู่บนหลักของความเชื่อมั่นที่ดีเสมอครับ ไม่เช่นนั้นพวกเราคงไม่กลายมาเป็นบริษัทการเงินชื่อดังระดับโลกหรอกครับ ตราบเท่าที่เราทำงานด้วยกัน แน่นอนว่าเป็นสถานการณ์ที่ไม่มีใครจะเสียประโยชน์” จางเฟิงหยานกล่าวอย่างใจเย็น


 


“แต่ผมยังทำใจร่วมมือกับคนที่อยากกุดหัวผมไม่ได้ครับ ไม่อย่างนั้นผมคงไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่หัวผมจะหลุดจากบ่า คุณจาง คุณเป็นทายาทของเทียนเจียจ่ง คุณไม่เข้าใจหรือ” เฉินหลงวางฝ่ามือของเขาบนที่วางแขนของเก้าอี้ เขามองจางเฟิงหยาน จางเฟิงหยานมองเฉินหลงและกล่าวไป “ดูท่า คุณเฉินมีแผนดีๆพร้อมจะรับมือหนทางปิศาจทั้งแปดแล้วสินะครับ”


 


“ช่วยไม่ได้นี่ครับ ในเมื่อคุณจะมาเอาชีวิตผม หากผมไม่เตรียมตัว ผมจะโดนคุณฆ่าไปก่อนสิครับ” เฉินหลงยิ้ม “จะว่าไป รวมคุณแล้ว ผมได้เจอทายาทแค่สามกลุ่ม แล้วอีกห้าคนเป็นใครกันหรือครับ”


หากไม่รู้สิ่งที่เฉินหลงและจางเฟิงหยานคุยกันอยู่และมาเห็นสีหน้าของคนสองคนที่คุยกันอย่างมีความสุข คงทำให้คิดว่าบทสนทนานี้กำลังเป็นไปด้วยดี ใครจะไปรู้ว่าพวกเขาพูดเรื่องฆ่ากันอยู่


 


“คนหนึ่งในกลุ่มนั้น ที่ผมบอกกับคุณได้คือหลานหลี่เย่ของกลุ่มแพทย์ ตอนนี้เขาติดเกม “โลกใหม่” ของบริษัทคุณงอมแงมผมเชื่อว่าเขาจะไม่ทำการข่มขู่อะไรคุณ แต่ผมต้องขอโทษด้วย ผมบอกเรื่องของคนที่เหลือไม่ได้” จางเฟิงหยานขายเพื่อนเขาไปทันที


 


แต่จะอย่างไรก็แล้วแต่จางเฟิงหยานรู้ว่าเพื่อนเก่าของเขาไม่ได้สนใจเอาหัวเฉินหลงไปหรอก เพราะสิ่งที่เขาต้องการเมื่อมายังจีนที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้คือตามรอยบรรพบุรุษและสนุกสนาน ตอนนี้เจอเกมโลกใหม่ที่เขาจะได้พัฒนาความสามารถทางการแพทย์ของเขาแล้ว เขาจะไปสนใจอะไรอย่างอื่นอีก


“เมื่อไหร่คุณจะมาเอาชีวิตผมกันละ คุณจาง” จางเฟิงหยานไม่ยอมตอบ เฉินหลงก็ไม่บังคับให้เขาพูดต่อไป


อย่างไรแล้ว คนที่เหลืออีกสี่คนต้องโผล่มาอยู่ดี แล้วจากนั้นเขาจะรู้เอง


“คุณเฉิน นี่คุณล้อเล่นอยู่จริงๆหรือ ผมถามตัวเองว่าผมไม่ใช่คู่ต้อสู้คุณหรอก ผมจะไปท้าทายคุณที่ความสามารถเกินผมไปได้อย่างไร” จางเฟิงหยานรีบกล่าวตอบ


“อ้าว แล้วผมจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ผมเล่า” ใบหน้าเฉินหลงฉายแววขี้เล่น เขามองจางเฟิงหยาน


แต่ทว่าเขาไม่เคยต่อสู้อแบบตัวต่อตัวกับจางเฟิงหยานจริงๆเลย แต่จางเฟิงหยานกลับกล่าวไปแล้วว่าไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ของเฉินหลง เขาจึงต้องการจะฟังคำอธิบายของจางเฟิงหยานด้วยว่าจะพูดอย่างไร


จางเฟิงหยานกล่าวด้วยร้อยยิ้มที่ใจเย็น “ผมยังมีตามีหูอยู่ในจีนที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ครับ ผมรู้เรื่องคุณและอาจารย์ทั้งสี่ด้วย และระฆังทองที่ใช้เหมือนกัน คุณคิดว่าผมจะเป็นคู่แข่งคุณได้หรือหลังจากที่ผมแพ้ให้ฉือเฮยหูไปแล้ว” เฉินหลงยิ้มแต่ไม่กล่าวอะไร


“คุณเฉินครับ นอกจากสถานะของเทียนเจียจ่งแล้ว คุณอยากจะมาร่วมมือกับเทียนเจียการเงินของเราไหมครับ” เขาเห็นเฉินหลงไม่ว่าอะไรต่อ จางเฟิงหยานจึงทำได้แค่ถามไปอีกครั้ง


เรื่องสำคัญคือนอกจากความบาดหมางระหว่างเฉินหลงและหนทางปิศาจแล้ว จางเฟิงหยานหวังอย่างแรงกล้าว่าจะได้ร่วมมือกับเฉินหลง สุดท้ายแล้วเกม“โลกใหม่”นี่ก็ทำเงินได้มากอยู่ดี


 


“อย่างที่ว่าไป ผมไม่อยากร่วมมือกับศัตรูตัวเอง” เฉินหลงปั้นยิ้มบนหน้าเขาและกล่าวอย่างจริงใจ


“ถ้าหากว่าเทียนเจียนจ่งตั้งใจจะรามือไปละ” จางเฟิงหยานถามอีกครั้ง


หากจะกล่าวตามจริง เมื่อได้รู้พลังของเฉินหลงแล้วและรู้อีกว่าเขาเป็นประธานของ “บริษัทเทคโนโลยีเว่ยหลง” จางเฟิงหยานล้มเลิกแผนที่จะฆ่าเฉินหลงไปแล้วในใจ ตอนนี้เขายังต้องการจะกลับไปอธิบายให้กลุ่มของเขาฟังว่าเฉินหลงนั่นมีปริศนามากไปและควรจะเลิกการลอบสังหาร


 


“ค่อยคุยเรื่องนี้ทีหลังแล้วกัน” หลังเฉินหลงกล่าวจบ เขาหยุดพูดต่อ


จางเฟิงหยานเข้าในแล้วว่าเฉินหลงตั้งใจจะตรวจสอบแขกก่อน เขาจึงยืนขึ้นและกล่าวกับเฉินหลงไปว่า “ผมจะไปก่อน แต่จะว่าไป ผมอยากบอกคุณเฉินไว้ว่า“โลกใหม่”ของบริษัทน่ะได้เรียกความสนใจของคนจำนวนมาก ผมเชื่อนะครับว่า คนพวกนั้นจะเริ่มทำอะไรสักอย่างเร็วๆนี้ ผมหวังว่าคุณเฉินจะตื่นตัวไว้” เมื่อกล่าวจบจางเฟิงหยานก็ออกไป


 


แม้ไม่มีจางเฟิงหยานมาคอยเตือนแต่เฉินหลงรู้อยู่ว่าบางประเทศจะต้องทำอะไรบางอย่างเนื่องจากความริษยา ทว่าคำเตือนของจางเฟิงหยานยังทำให้เฉินหลงเพ่งความสนใจกับปัญหานี้ด้วย หากว่าเขาทำเพียงอยู่เฝ้าที่นี่ทุกวัน เขาคงไม่ทำตัวเองเหนื่อยตาย คงถึงเวลาแล้วที่เขาจะไปคุยกับคนหนุนหลังของตน


 


หลังจากนั้นเฉินหลง โทรศัพท์หาเกาเฟิงเสี่ยวและบอกเขาเรื่องที่เขาไหว้วานให้ส่งคนไปช่วยเป็นกองกำลังดูแลบริษัทเขา


วันต่อมา ราวกับเป็นถั่วในฝักเดียวกัน เกาเฟิงเสี่ยวพาชายสามคนที่หน้าตาเหมือนกันทุกระเบียดนิ้วมา


 


ชายสามคนนั้นยังไม่แก่เกินยี่สิบห้าหรือยี่สิบหกปี คนหนึ่งถือมีด คนหนึ่งมีดาบ อีกคนมีค้อน


 


“เฉินหลง พวกเขาทุกคนล้วนเป็นทายาทของคุณหวังหง….”


สิ้นคำ เกาเฟิงเสี่ยวแนะนำคนทั้งสาม หวังเฟิง หวังซีหลาน หวังจุ่ย คือคนที่ใช้ดาบและค้อน พวกเขาทุกคนมีพลังถึงระดับกำเนิด


“ขอบคุณมากๆนะครับที่มาช่วยเฉินหลง” หลังเกาเฟิงเสี่ยวแนะนำแล้ว เฉินหลงรีบแสดงความตื้นตันใจ


 


หวังเฟิงและหวังซีหลานทำเพียงพยักหน้าตอบเฉินหลง หวังจุ่ยดูเหมือนจะเป็นคนที่เชี่ยวชาญในการวางตัว เขากอดเฉินหลงและกล่าวไปพร้อมรอยยิ้มว่า “เฉินหลงคุณนี่ช่างสุดยอด จริงๆเลย คุณสร้างเกมที่ทรงพลังอย่าง“โลกใหม่”ขึ้นมาได้ ผมอดไม่ได้ที่จะพูดอวยคุณ อีกอย่างคุณไม่ต้องไปใส่ใจสองคนนั้น หลังพวกเขาฝึกดาบและค้อนแล้ว พวกเขาดูเหมือนพวกท้องไม่ย่อย จะว่าไปแล้วคุณช่วยหาอุปกรณ์ดีๆและค้อนสักคู่ให้ผมได้ไหมครับ” ดูท่าหวังจุ่ยก็เป็นผู้เล่นในโลกใหม่ด้วย


 


เมื่อได้ยินคำของพี่ชาย หวังเฟิงและหวังซีหลานอดไม่ได้ที่จะกรอกตา


“พี่ค้อนครับ เกมนี้ไม่มีเอนพีซี แม้ผมจะเริ่มต้นจากฝุ่นแต่ผมก็ช่วยไม่ได้ อย่างไรก็ตามผมช่วยอัพเกรดโลกใหม่ของคุณเพื่อให้คุณได้ผลประโยชน์ที่คุณคาดไม่ถึงได้นะ” เพราะหวังจุ่ยมีความคล้ายกับเขา เฉินหลงจึงชอบใจเขาเป็นพิเศษ และอีกอย่างหนึ่งคือพวกเขาเป็นทายาทของหวังหง เฉินหลงจึงพร้อมจะให้พวกเขาได้สนุกสนานกับ “โลกใหม่” แบบเต็มรูปแบบ


“อัพเกรดหรือครับ” หวังจุ่ยแค่อำเล่นตอนที่เขาขอไปในคราวแรก เขาจึงประหลาดใจด้วยความคาดไม่ถึง


 


ตอนหวังจุ่ยเข้า“โลกใหม่” เขารู้ว่า“โลกใหม่”ช่วยเรื่องศิลปะการต่อสู้ได้อย่างมาก ตอนแรกเขาคิดว่าเกมนี้ไรเทียมทานแล้วเมื่อมาถึงขั้นนี้ แต่เขาคาดไม่ถึงว่าจะยังมีรูปแบบที่อัพเกรดอีก หวังจุ่ยรู้สึกตื่นเต้น


เช่นเดียวกันกับหวังเฟิงและหวังซีหลาน พวกเขาตื่นเต้นที่ได้เจอเฉินหลง

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม