เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก 181-187

 ตอนที่ 181: ชีวิตที่สุขสบาย

โดย

Ink Stone_Romance

พอหวางนิวได้ยินก็รู้สึกชอบ ลูกสะใภ้คนนี้ช่างไม่เหมือนกับลูกสะใภ้คนก่อนเลย


“ได้สิ ทำกับข้าวนี้ไม่มีอะไรยากเลย กินได้ก็ได้แล้ว ฉันทำมาหลายปีขนาดนี้ ยังเทียบกับน้องสาวเธอไม่ได้เลย เยี่ยนจื่อทำอาหารอร่อยมาก แต่เธอยุ่งทั้งวัน ไม่มีเวลาทำ จวนเอ๋อร์ก็ทำอาหารเก่งกว่าฉัน ฉันพอนึ่งหมั่นโถวได้ ใช่แล้ว เดี๋ยวฉันจะเอาซาลาเปามาให้เธอลองชิมดู เยี่ยนจื่อเป็นคนทำไส้ ไส้เจ แต่ฉันคิดว่าอร่อยกว่าไส้เนื้ออีก ไม่กลัวว่าเธอจะหัวเราะเยอะนะ เมื่อกี้นึ่งออกมาฉันกินไปสามอัน สามีกินไปห้าอัน กุ้ยเอ๋อร์กินไปหกอัน แม้แต่หู่จื่อยังกินตั้งสี่อัน อร่อยจริงๆ”


หวางนิวรู้สึกว่าสามารถคุยกันได้ดีกับลูกสะใภ้คนนี้


“เยี่ยนจื่อเป็นคนมีฝีมือ หนูอยู่บ้านก็ได้ยินว่าเธอมีความสามารถ คิดไม่ถึงว่าอาหารเธอก็ทำเก่ง หนูยังไม่เคยกินข้าวที่เยี่ยนจื่อทำเลย เดี๋ยวต้องลองดู ต้องเรียนรู้จากเธอ”


หลัวเหมยให้หน้ามาก จนตอนที่กินข้าวเสร็จเธอได้กินซาลาเปาเจของเฉินเยี่ยนจริงๆ ข้างในไม่มีเนื้อ แต่กินแล้วอร่อยมาก เธอไม่เคยกินซาลาเปาที่อร่อยแบบนี้มาก่อนเลย มิน่าแม่สามีถึงชมใหญ่เลย


เห็นแต่ละคนกินเสร็จก็ไปหยิบอีก จนหินข้าวเช้าเสร็จ ซาลาเปาในเข่งก็ไม่เหลือแล้ว หลัวเหวยอึ้งไปเล็กน้อย คนบ้านเฉินกินกันเก่งมาก ไม่เหมือนกับบ้านหลัวเลย ปกติหลัวเหมยจะได้กินซาลาเปาแป้งขาวใส่ไส้แบบนี้น้อยมาก ถึงแม้ว่าจะนึ่งตอนปีใหม่ ก็ไม่สามารถกินได้อย่างเต็มที่ เธอได้แบ่งมากสุดแค่หนึ่งอัน พ่อเธอ พี่ชายเธอ น้องชายเธอได้แบ่งสองอัน แล้วได้กินแค่มื้อเดียว กินไม่อิ่มก็ต้องกินเส้นธัญพืช


แต่บ้านเฉินกลับไม่ใช่แบบนี้ ไม่แบ่ง ใครอยากกินเท่าไรก็กินตามใจชอบเลย ไม่จำกัด เธอกินไปสามอัน หวางนิวยังเรียกให้เธอกิน เธอกินไม่ลงแล้วจริงๆ แล้วยังต้องกินโจ๊กธัญพืชอีกหนึ่งชาม ยังมีผักอีก นี่เป็นอีกอย่างที่บ้านเฉินกับบ้านหลัวไม่เหมือนกัน ปกติตอนเช้าบ้านหลัวจะกินโจ๊กธัญพืชปกติ อย่างมากก็มีผักดองอะไรพวกนี้ แต่บ้านเฉินไม่เหมือนกัน มีผักสองอย่าง แล้วยังใช้อ่างบรรจุ กินได้ตามใจชอบ นี่ทำให้เธอรู้สึกถึงความเหลือเฟือ บ้านเฉินนี่กินดีเกินไปแล้ว!


เธอมองเฉินเยี่ยน แล้วมองเฉินเวย สองพี่น้องนี้ไม่ถือว่ากินน้อย แต่พวกเธอไม่มีใครอ้วนเลย พูดได้ว่าผอม และไม่รู้ว่ากินแล้วไปเก็บไว้ที่ไหน


เธอละสายตาจากสองพี่น้องบ้านเฉิน มองมาที่หวางจวน หวางจวนใบหน้ารูปไข่ มองดูแล้วอ้วนกว่าเฉินเยี่ยนและเฉินเวยไม่น้อย ดูน่ารักอยู่ เธอคิดถึงก่อนหน้าที่เธอแต่งงานแม่เธอเล่าเรื่องพวกนั้นให้เธอฟัง แม่เธอบอกให้เธอระวังหวางจวน บอกว่ามีหลายคนพูดนินทากันเรื่องเฉินกุ้ยกับหวางจวน เพราะว่าหวางจวนไม่ใช่หญิงบริสุทธิ์แล้ว บ้านเฉินเลยไม่สู่ขอเธอ แต่หวางจวนต้องมีแผนในใจแน่ ให้เธอระวังไว้ อย่าโดนหวางจวนฉวยโอกาส ถ้ามีโอกาสให้ไล่หวางจวนออกจากบ้านเฉิน


อันที่จริงเธอไม่คิดจะทำแบบนี้ หวางจวนไม่ได้ขัดขวางอะไรเธอเลย อีกอย่างเธอก็เชื่อว่าเฉินกุ้ยและหวางจวนกับคนบ้านเฉินเป็นคนมีคุณธรรม ถ้ามีอะไรจริงๆ เฉินกุ้ยต้องขอหวางจวนแต่งงานอยู่แล้ว ไม่ขอแปลว่าพวกเขาบริสุทธิ์ ถ้าเธอสงสัยเฉินกุ้ยและหวางจวน นั่นก็เป็นการหาเรื่องใส่ตัวแล้ว


คิดเรื่องหวางจวนจบ หลัวเหมยก็มองไปที่สองพี่น้องบ้านเฉินอีกครั้ง เทียบกันแล้วกับเฉินเวย เธอชอบเฉินเยี่ยนมากกว่า เพราะเธอรู้สึกว่าเฉินเยี่ยนคนนี้เก่ง มีอะไรก็พูดบอกได้ชัดเจน ไม่ปิดบัง ส่วนเฉินเวยดูเหมือนอ่อนแอ เธอกลับไม่ชอบ เธอมักจะรู้สึกว่าในแววตาเฉินเวยมีอะไรหลายอย่าง ทำให้เธออยากอยู่ห่างๆ


แต่เทียบเฉินเยี่ยนกับหวางจวนแล้ว เธอรู้สึกสนิทกับหวางจวนมากกว่า ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกซาบซึ้งเฉินเยี่ยน รู้สึกนับถือ แต่เธอยังมีความกลัวอยู่ เธอคิดว่าเฉินเยี่ยนเก่งเกินไป ไม่ใช่คนประเภทเดียวกับเธอ ส่วนหวางจวนไม่เหมือนกัน หวางจวนเป็นเด็กผู้หญิงที่มีความรับผิดชอบ ทำดีกับคนอื่น เป้นคนประเภทเดียวกันกับเธอ ดังนั้นเธอชอบพูดคุยกับหวางจวน ไม่ได้คิดจะให้หวางจวนออกจากบ้านเฉิน อีกอย่าง หวางจวนอยู่บ้านเฉินไม่ใช่เพราะเธอ เธอก็ไม่มีสิทธิ์นั้นเหมือนกัน


เธอแค่อยากจะอยู่บ้านเฉินอย่างสงบ ไม่ก่อเรื่อง อีกหน่อยจะดูแลลูกๆ และคนแก่ เธอเชื่อว่าบ้านเฉินจะไม่ทำให้เธอลำบาก แค่นี้ก็พอแล้ว


กินข้าวเสร็จ ไม่มีเรื่องอะไร ครอบครัวเฉินก็มาล้อมรอบกองไฟ พูดคุยกัน


ปีนี้ยุ่งมากจริงๆ ควรจะพักผ่อนกันบ้าง


เฉินเยี่ยนฝังมันเทศไว้ข้างใต้กองไฟ


มันเทศส่งกลิ่นหอมมาเป็นระยะ ตอนที่เอาออกมาข้างนอกเผาเป็นสีดำ ตอนกินทั้งมือและปากดำไปหมด แต่เฉินเยี่ยนไม่สนใจ กินกับเฉินหู่อย่างเอร็ดอร่อย


หวางนิวยิ้มส่ายหน้า ลูกสาวคนนี้ไม่รู้ว่าทำไมถึงชอบกินมันเทศเป็นพิเศษ ไม่ใช่ของที่หายากเสียหน่อย


มันเทศนี้พวกเขาปลูกเองในดิน เก็บเสร็จก็ใส่ปุ๋ยในมันเทศอีก แบบนี้เก็บเกี่ยวสะดวก สามารถกินได้ถึงปีที่สอง เก็บดีๆ สามารถกินได้ประมาณหกเดือนเลย


มันเทศตอนนี้กับยุคต่อมาไม่เหมือนกัน ทั้งแห้งและนิ่ม น้ำตาลไม่มาก ดังนั้นเลยไม่หวานมาก ส่วนใหญ่เอามาบดทำแป้ง ทำเส้นก๋วยเตี๋ยว แต่ถึงแม้ว่าจะมีก็ไม่ได้ดีไปกว่าไม่มีสักเท่าไร นานๆ ทีเฉินเยี่ยนจะเอามาทำกิน มันเทศเผา ชามันเทศ โจ๊กมันเทศ สายไหมมันเทศ คิดอยากจะกินแบบไหน เธอก็ทำได้หมด


เฉินเยี่ยนกินมันเทศจนหมด จากนั้นเช็ดมือกับหน้าจนสะอาดดื่มน้ำร้อน ถอนหายใจออกมาอย่างสบายใจ อยู่ที่นี่ดีจัง ในยุคหลังจะมีชีวิตที่สุขสบายแบบนี้ที่ไหน


“โอ้ย พรุ่งนี้จะปีใหม่แล้ว ลูกบอกมาสิเมื่อไรซินห้าวจะมาสู่ขอ เยี่ยนจื่อก็อายุไม่น้อยแล้ว เลยไปอีกหนึ่งปีก็เป็นสาวใหญ่แล้ว บ้านเขานี่ยังไงกัน”


หวางนิวอดไม่ได้ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ลูกชายคนโตสู่ขอภรรยาได้แล้ว ก็เหลือลูกสาวคนโตแล้ว


พอได้ยินเรื่องซินห้าว เฉินเวยดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา เดิมทีตาที่หลับอยู่ก็ลืมขึ้นมา เหมือนไฟฉายที่สว่างขึ้นมา เธอมองเฉินเยี่ยน เธอก็อยากรู้ว่าเมื่อไรซินห้าวจะมา


“เขาไม่ได้บอกว่าเมื่อไร เดือนหนึ่งยังไม่มาแน่นอน รอก่อนค่ะ มาเมื่อไรก็เมื่อนั้น ยังไงหนูก็ไม่รีบ”


เฉินเยี่ยนเห็นสายตาเฉินเวย แต่เธอไม่อยากจะสนใจเฉินเวย


“ลูกไม่รีบแต่แม่รีบนะ เขายืดออกไปได้ แต่พวกเรายืดไม่ได้นะ ถ้ายกเลิกขึ้นมา แม่จะเห็นลูกร้องไห้”


หวางนิวโมโหเล็กน้อย


ใช่แล้ว เฉินเวยพยักหน้า หวางนิวพูดความในใจของเธอออกมา เธอรีบ แต่เธอก็หวังว่าเฉินเยี่ยนกับซินห้าวจะไม่ได้คู่กัน ไม่! ต้องไม่ได้ลงเอยกัน เพราะซินห้าวเป็นของเธอ


“รีบก็ทำอะไรไม่ได้ ลูกเขาก็บอกแล้วนี่ ว่าเขายุ่งช่วงก่อนปีใหม่ ไม่ต้องรีบ เยี่ยนจื่อไม่หนีไปไหน”


เฉินจงปลอบหวางนิว


“ใช่แล้ว แม่ ผมก็ว่ารีบร้อนไม่ได้ เยี่ยนจื่อของพวกเราดี ซินห้าวก็ดูเป็นคนดี เรื่องของบ้านเราเขาก็ช่วยไว้ไม่น้อย เขามีใจให้เฉินเยี่ยน จะต้องมาแน่นอน”


เฉินกุ้ยก็พูด ตอนนี้เขาไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เห็นคนมามาก ตอนนี้มีภรรยาแล้วด้วย เขารู้สึกว่าจิตใจเขามั่นคงแล้ว มองเรื่องราวแล้วมีความคิดเห็นมากกว่าแต่ก่อน


“ใช่แล้ว พวกเธอไม่รีบ แล้วฉันจะรีบทำไม รอไป รอไป”


หวางนิวว่าหลายคนนี้


เฉินเวยก้มหน้าลงอีก ดูเหมือนซินห้าวจะมาก่อนปีใหม่ไม่ได้แล้ว เดือนหนึ่งก็ไม่น่ามาได้ เธอไม่ได้เจอซินห้าวแล้ว พอคิดแบบนี้เฉินเวยก็เหมือนลูกบอลที่ปล่อยลมออกไม่มีชีวิตชีวา ในใจเธอผิดหวังมาก


ตอนที่ 182: ปีใหม่

โดย

Ink Stone_Romance

ผ่านวันที่ 29 ไปจนมาถึงวันที่ 30 วันที่ 30 เฉินเยี่ยนลงมือเข้าครัวด้วยตัวเอง หวางจวน หวางนิวและหลัวเหมยมาช่วยในครัว หลัวเหมยเห็นความสามารถของเฉินเยี่ยน ชำนาญมากทั้งต้มผัดแกงทอด เธอทำอาหารมากมายที่ตัวเองยังไม่เคยเห็นมาก่อนและไม่เคยได้ยินมาก่อนจริงๆ เธอคิดว่าเธอมีลาภปาก


คนทั้งบ้านล้อมโต๊ะกันกินข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตา หวางนิวสนุกสนานมากเป็นพิเศษ ให้เฉินจงและเฉินกุ้ยกินเหล้ากันไม่หยุด บอกว่าพวกเขาลำบากมาทั้งปี วันนี้ควรจะสนุกหน่อย


ที่หวางนิวดีใจแบบนี้มีสาเหตุ ตอนนี้ใครบ้างที่ไม่รู้จักสามีเธอ ลูกสาวเธอมีความสามารถ เดินออกไปใครไม่เงยหน้าขึ้นมามองเธอบ้าง ตอนนี้ที่บ้านไม่มีอะไรขาดแคลน เธอฝันไปก็สามารถตื่นอยากมีความสุข


มื้อนี้กินข้าวไปเกือบสองชั่วโมง  เฉินจงและเฉินกุ้ยดื่มมากไปแล้ว ทั้งสองคนไม่ถึงขั้นเมามายไร้สติ ต่างล้มลงนอนแล้ว


ตอนคนที่เหลือกำลังพูดคุยกันอยู่มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา เฉินหู่ไปดูที่ประตู ได้ยินเสียงเป็นแม่หวางจวน พี่สะใภ้แล้วยังมีพี่ชายเธอ เฉินหู่ไม่เปิดประตู ให้พวกเขากลับไป


ได้ยินเสียงเรียกอยู่หน้าประตู หวางจวนเงียบ คนบ้านหวางมาหาเธอ ตั้งแต่เริ่มสร้างโรงงานม้วนบุหรี่ เธอเข้าโรงงานไปเป็นคนงาน เดิมทีเธอไม่คิดจะไป แต่พี่เยี่ยนจื่อทำงานของเธอ เธอมีความคิดแบบนี้ เธอเลยไปทำ เธอไม่สามารถที่จะไม่ติดต่อกับผู้คนได้ตลอด บาดแผลนั้นค่อยๆ ฟื้นฟูแล้ว เทียบกับตอนที่เพิ่งเกิดเรื่องตอนนี้เธอสงบลงแล้ว ไม่มีความรู้สึกหวาดกลัวเจอคนเหมือนตอนแรกแล้ว เธอรู้สึกว่าเธอมีพัฒนาการ


แต่เธอเป็นคนงานแล้ว คนที่บ้านก็เริ่มมาหาเธอ หาที่บ้านเฉินไม่เจอ ก็ไปหาที่โรงงาน ตอนแรกยามให้พวกเขาเข้าไป ปรากฏว่าพี่สะใภ้มาขอเงินเธอ แล้วยังบอกให้เธอเอาสิทธิ์คนงานมาให้ด้วย โวยวายเป็นชุด จากนั้นยามก็ไม่ให้พวกเขาเข้ามาอีก


แต่แบบนี้พวกเขาก็ยังไม่ยอมเลิกรา มาหาเธอบ่อยๆ บางครั้งมาหาที่บ้านเฉิน บางครั้งแวะดักเธอบนถนน ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร ก็เหมือนพวกเขาไม่ได้ยิน คิดจะให้เธอเอาค่าแรงให้บ้านหวาง คิดจะให้เธอทำให้บ้านหวางเข้าไปในโรงงาน เธอไม่ตอบรับ พี่สะใภ้ก็ด่าเธอ เธอไม่อยากติดต่อกับคนที่บ้านจริงๆ แต่เธอกลับสะบัดไม่หลุด


คนบ้านหวางมาโวยวายสักพัก เห็นบ้านเฉินไม่เปิดประตูจริงๆ พวกเขาเลยไป


หลัวเหมยเห็นหวางจวนก็แอบถอนใจ เธอได้ยินเรื่องหวางจวนแล้ว เป็นคนที่น่าสงสาร มีหลายครั้งพวกเขาทำอะไรไม่ได้ โชคดีที่หวางจวนออกจากบ้านนั้นมา แล้วเธอก็มีความกล้าที่จะทำเพื่อตัวเอง ไม่อย่างนั้นเรื่องที่ตามมาพวกเธอไม่อยากจะคิดเลย


เฉินเยี่ยนตบบ่าหวางจวน เธอเข้าใจอารมณ์เธอดี ยังไงก็ยังเป็นคนครอบครัวเธอ หวางจวนทำเรื่องโหดร้ายกว่านี้ไม่ได้ ทำได้เพียงเท่านี้


อยู่คืนก่อนปีใหม่จนถึงเช้า เฉินจงและหวางนิวแจกอั่งเปาให้ทุกคน ถึงแม้ว่าเฉินกุ้ยจะมีภรรยาแล้ว เฉินเยี่ยนและหวางจวนหาเงินได้แล้ว แต่เฉินจงและหวางจวนยังให้เงินพวกเขาอยู่ แล้วยังมีหลัวเหมย ไม่ว่าเท่าไร นี่ก็เป็นความตั้งใจของพ่อแม่


ส่วนเฉินกุ้ย ให้หลัวเหมยแจกอั่งเปาให้เฉินหู่ เฉินหู่ดีใจมาก เขาไม่ได้สนใจว่าเงินเท่าไร แต่เป็นน้ำใจ สะใภ้คนก่อนอย่าว่าแต่ปีใหม่แจกอั่งเปาเลย ยังมาขอที่เขาอีก ถ้าสะใภ้คนนี้ดี เขาก็ดีใจแทนพี่ชายด้วย


เฉินเวยหรี่ตา เฉินกุ้ยและหลัวเหมย เฉินเยี่ยนแหละหวางจวนต่างแจกอั่งเปาให้เฉินหู่ มีแค่เธอไม่ได้ให้ แต่พวกเขาหาเงินได้ ตัวเธอยังไม่ได้หาเงิน ทำไมเฉินกุ้ยและเฉินเยี่ยนถึงให้แต่เฉินหู่ไม่ให้เธอ?


เฉินเวยกำเงินสองเหรียญอยู่ในมือในใจโกรธแค้น นี่มาน้อยแค่นี้ ปีใหม่ให้เธอมาสองเหรียญ เห็นเธอเป็นอะไร! เฉินจงให้เงินหวางนิว หวางนิวเอาไปกกไข่หรือไง? พูดอะไรว่ารักตัวเอง ทำไมไม่ให้ตัวเองหนึ่งร้อยล่ะ ลับหลังก็ไม่ได้บอกว่าจะให้ตัวเองเพิ่ม รักบ้าอะไร!


เฉินเวยไม่พอใจอย่างมาก แต่เธอหลุบตาลงซ่อนความไม่พอใจในแววตาไว้ เธอลืมไปว่าเฉินจงและหวางนิวปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียม ลูกทุกคนพวกเขาให้เท่ากัน เธอก็ไม่อยากจะคิดเรื่องนี้แล้ว


เฉินหู่ก็เหลือบมองเฉินเวย พ่อแม่ พี่ชายพี่สาวต่างให้เงินเขา มีพี่สาวคนรองที่ไม่ให้ พี่รองไม่พูดอะไรทำเหมือนมองไม่เห็นเขา เฉินหู่ส่ายหน้า ช่างเถอะ ยังไงเขาก็ไม่เสียดายเงินของพี่รอง


อันที่จริงถ้าเฉินเวยให้เงินเฉินหู่สักสตางค์ เฉินหู่ก็ซาบซึ้งแล้ว เพราะพี่สาวยังคิดถึงเขา เขาสนใจน้ำใจนี้ ไม่ใช้จำนวนเงินมากน้อย ถ้าอั่งเปาที่เขาได้รับ เฉินเยี่ยนพี่สาวได้ใช้ เขาจะเอาเงินให้พี่สาวโดยไม่ลังเลยแม้แต่นิดเดียว เขารู้ว่าเป็นของดี แต่เขาให้ความสำคัญกับน้ำใจมากกว่า ส่วนเฉินเวยกลับไม่รู้ถึงข้อนี้เลย และเป็นเพราะว่าเฉินเวยไม่ใช่คนที่มีน้ำใจตั้งแต่แรก ดังนั้นเธอเลยไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้


ผ่านวันที่สามสิบมาวันที่หนึ่ง วันที่หนึ่งเป็นวันเที่ยว เฉินเยี่ยนเดินออกจากบ้านไปคนเดียว คนมากมายต่างมารวมตัวกัน บางคนนั่งพูดคุยกัน บางคนก่อกองไฟกัน ทุกคนต่างมีรอยยิ้ม นานๆ ทีจะพักผ่อน


เฉินเยี่ยนมาสวนผลไม้ ในสวนผลไม้ไม่มีคนนั้นที่เธอคิดถึง มองดูถนนที่ว่างเปล่า คนนั้นไม่ได้มาปรากฏตัวอยู่ข้างหลังเธอเหมือนแต่ก่อน


ลมพัดมา เฉินเยี่ยนรู้สึกหนาว เธอรู้ว่าไม่เจอกันที่นี่ วันนี้ซินห้าวก็จะไม่ปรากฏตัวที่นี่แล้ว เฉินเยี่ยนนั่งลงในสวนผลไม้ด้วยความผิดหวังแต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือความคิดถึง เบื้องหน้าเธอเหมือนมีภาพครั้งที่แล้วที่เธอและซินห้าวอยู่ด้วยกันในสวนผลไม้แวบขึ้นมา


เฉินเยี่ยนอดไม่ได้ยิ้มออกมา แต่หลังจากยิ้มแล้วในสวนผลไม้ก็ไม่มีคนนั้น เฉินเยี่ยนถึงรู้ว่า ที่แท้มีอีกคนหนึ่งเพิ่มขึ้นมามันอบอุ่นเพียงใด


วันที่สอง เฉินจงและหวางนิวพวกเขาไปบ้านหวางนิวกัน เฉินกุ้ยและหลัวเหมยก็ไปแล้ว ปีนี้เป็นปีแรกของพวกเขา หวางนิวเตรียมของไม่น้อย อีกอย่างเฉินเยี่ยนยังให้บุหรี่ที่ผลิตจากโรงงานหนึ่งแถวกับเฉินกุ้ยด้วย นี่ถือว่าเป็นการให้หน้าเฉินกุ้ย


หลัวเหมยซาบซึ้งใจมาก ของที่บ้านเฉินเตรียมทำให้เธอกลับไปเยี่ยมบ้านได้อย่างมีหน้ามีตา คนในหมู่บ้านมีแต่อิจฉา ไม่มีนินทา เธอสามารถเงยหน้าเงยตาในหมู่บ้านได้แล้ว


ส่วนฝั่งนี้ เฉินเยี่ยนไม่ได้ตามไปด้วย เธอไม่อยากไปบ้านลุง เพราะเธอรู้ว่าถ้าเธอตามไป หวางชุนฮวาลูกพี่ลูกน้องจะต้องขุดเรื่องเดิมมาคุยแน่นอน เธอไม่อยากต่อกร ไม่อย่างนั้นถ้าหวางชุนฮวางี่เง่าขึ้นมา หวางนิวจะเสียหน้าเอาได้


ส่วนเฉินเวย เดิมทีไม่คิดจะไป แต่เธอก็เปลี่ยนความคิด เห็นบนตัวเธอสวมชุดสีชมพูบานเย็นชุดใหม่ เธอเชิดหน้าเชิดตาได้ เธออยากให้หวางชุนฮวาเห็นว่าเธอเฉินเวยสวมใส่ชุดใหม่นั้นงดงามเพียงใด ดูว่าเธอยังจะกล้าหัวเราะเยาะว่าเธอไม่มีเสื้อผ้าใหม่ใส่ เหมือนคนแก่อีกไหม!


แล้วยังได้ยินมาว่าหวางชุนฮวาอยากจะเข้าโรงงานแต่โดนเฉินเยี่ยนปฏิเสธ ครั้งนี้เธอจะไปหัวเราะเยาะหวางชุนฮวา ดังนั้นเธอเลยจะตามไปบ้านหวางด้วย


เฉินจง หวางนิว เฉินเวยและเฉินหู่ไปแล้ว หวางจวนก็ไปแล้ว หวางจวนกลับไปบ้านหวาง วันนี้พี่ชายพี่สะใภ้เธอก็ไปบ้านของพี่สะใภ้ เธออยากจะกลับไปหาพ่อแม่ คุยกับพ่อแม่ให้รู้เรื่อง อีกหน่อยไม่ต้องมาบ้านเฉินแล้ว เธอไม่อยากให้บ้านเฉินลำบากเพราะเธอไปด้วย เธอจำเป็นต้องแข็งกร้าวขึ้นมา ไม่อย่างนั้นบ้านหวางจะมาก่อเรื่องไม่จบไม่สิ้นไปตลอด


เธอไม่ให้เฉินเยี่ยนตามไป เพราะเธออยากจะจัดการด้วยตัวเอง นี่เป็นเรื่องที่เธอควรทำ ไม่ใช่เฉินเยี่ยน


ตอนที่ 183: ความหวานชื่นของทั้งสองคน

โดย

Ink Stone_Romance

ที่บ้านเหลือเฉินเยี่ยนคนเดียว เงยหน้าขึ้นมองฟ้า ท้องฟ้าสดใส แสงอาทิตย์สว่างจ้า แต่แสงอาทิตย์ที่ส่องลงมาทั่วลานบ้านกลับไม่ทำให้เธออบอุ่นขึ้นเลย


จู่ๆ เธอก็เห็นคนหนึ่ง คนนั้นรับกับแสงอาทิตย์เดินมาทางเธอ ตัวเขามาออร่าสะท้อนออกมาเหมือนดั่งพระเจ้า มิน่าเฉินเวยแค่เห็นเขาครั้งเดียวถึงกับคิดถึงเขาไม่ลืมเลือน ซินห้าวช่างน่าดึงดูดเหลือเกิน


เฉินเยี่ยนยิ้มแล้วส่ายหน้า ตัวเองคิดถึงซินห้าวขนาดนี้เลยหรือ? ด้านหน้าเป็นภาพลวงตา วันนี้เป็นวันที่ซินห้าวและแม่เขาไปบ้านยาย เขาจะมาปรากฏตัวในลานบ้านตัวเองได้ยังไง


“ทำไม? ไม่ตอนรับผมเหรอ?”


ซินห้าวมองดูหญิงสาวตรงหน้าที่ส่ายหน้ายิ้มให้เขา


แย่แล้ว เธอหูฝาด น่าขายหน้าจริงๆ! เฉินเยี่ยนส่ายหน้าอีก จากนั้นหันหลังกลับเข้าไปในบ้าน ทิ้งซินห้าวให้ยืนเป็นก้อนหินอยู่ในลานบ้าน


เฉินเยี่ยนเข้ามาในบ้านแล้ว ซินห้าวไม่อยากเชื่อว่าเฉินเยี่ยนจะทำกับเขาแบบนี้ เฉินเยี่ยนโกรธเขาหรือ? โกรธที่เขาไม่มาหาเธอเลย? แต่ช่วงนี้เขายุ่งมากจริงๆ เรื่องโรงงาน เรื่องที่บ้าน แม้แต่เวลาจะหายใจเขายังไม่มีเลย ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดถึงเฉินเยี่ยน แต่เขาอยากจะจัดการให้เรียบร้อยก่อน เคลียร์ทางเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยมาหาเฉินเยี่ยน ซินห้าวคิดถึงตรงนี้ก็รีบตามเฉินเยี่ยนเข้าไปในบ้าน


จนแขนเฉินเยี่ยนโดนซินห้าวดึงไว้ กว่าเธอจะรู้สึกตัว ซินห้าวก็จูบไปที่ริมฝีปากแล้ว เฉินเยี่ยนเบิ่งตาโต จนรู้สึกได้ว่าลิ้นของซินห้าวกำลังควานหาลิ้นของเธออยู่ เฉินเยี่ยนถึงรับรู้ได้ว่านี่คือเรื่องจริง ถึงแม้เธอจะคิดถึงซินห้าว แต่ก็ไม่มีทางคิดภาพแบบนี้ แบบว่าซินห้าวมาจริงๆ!


“เป็นความจริงหรือนี่”


จนซินห้าวถอนริมฝีปากออกจากเฉินเยี่ยน เฉินเยี่ยนบ่นพึมพำออกมา จากนั้นเธอก็หน้าแดง ตัวเองซื่อบื้อจัง ทำไมไม่รู้เรื่องนะ


ซินห้าวอดไม่ได้ขำออกมา เมื่อกี้เฉินเยี่ยนคิดว่าเขาเป็นตัวปลอมหรือ เลยเข้าไปในบ้านไม่สนใจเขา ในใจซินห้าวเหมือนโดนชนอย่างแรง เจ็บขึ้นมา แล้วก็รู้สึกหมดแรง ที่แท้เฉินเยี่ยนก็คิดถึงเขาเหมือนกัน


ซินห้าวโอบเฉินเยี่ยนไว้ในอ้อมกอด ให้คางถูไปกับศีรษะเฉินเยี่ยน


“คุณมาได้ยังไง? วันนี้คุณควรจะไปบ้านยายคุณไม่ใช่หรือ?”


เฉินเยี่ยนถามซินห้าว


“ผมไม่อยากไปไหนทั้งนั้น อยากเจอคุณ”


เสียงซินห้าวทุ้มต่ำ ทำไมเขาไม่ไปบ้านยาย เพราะเขารู้ว่าวันนี้ซูเหม่ยลี่จะอยู่ที่นั่นรอเขา เขาไม่เข้าใจเลย บ้านซูเหม่ยลี่ก็ไม่แย่ ทำไมจะต้องเป็นตัวเองด้วย? ครั้งที่แล้วตัวเองสะบัดเธอออกไป ก็เป็นการบอกเธอชัดเจนแล้วว่าตัวเองไม่ชอบเธอ กับเธอเป็นไปไม่ได้ แต่เธอไม่ยอมวางมือ ยังจะไปบ้านเขาบ่อยๆ ทุกวันซินห้าวยุ่งเรื่องโรงงานไม่มีเวลากลับไป เลยไม่โดนเธอตามรังควาน


เธอไม่มีบ้านหรือไง? ทำไมไม่อยู่บ้านตัวเอง แม้แต่บ้านยายเขาเธอยังไป พอเธอไป แม่เขา ลุงเขา อาเขาต่างบังคับให้เขาสู่ขอซูเหม่ยลี่ เขาไม่ต้องการ เขาต้องการแค่เฉินเยี่ยน เขาจะสู่ขอเฉินเยี่ยนคนเดียว


“ฉันก็คิดถึงคุณค่ะ”


เฉินเยี่ยนขดอยู่ในอ้อมกอดของซินห้าว เวลานี้เธอดีใจขนาดไหนที่ไม่ได้ไปบ้านลุง ไม่อย่างนั้นจะเจอหนุ่มหล่อของเธอได้ยังไง


“เยี่ยนจื่อ ตอนนี้กิจการโรงงานเปิดอย่างเป็นทางการแล้ว สองเดือนก่อนปีที่แล้วรายได้ไม่เลวเลย พวกคนที่ขัดขวางก็สงบลงแล้ว ต้องขอบคุณคุณมากเลย ใช่แล้ว ผ่านเดือนหนึ่งไปผมจะไม่ค่อยยุ่งแล้ว ผมวางแผนจะซื้อบ้าน รอบ้านเสร็จแล้ว จะมาสู่ขอคุณนะ คุณอยากอยู่ที่ไหน? ในเมืองหรือในอำเภอ?”


ซินห้าวถามความเห็นเฉินเยี่ยน


“ไม่เอาในเมือง ฉันไม่คุ้นเคย ในอำเภอยังไงก็ต้องซื้อบ้านซักหลัง แต่ถ้ามีเงินเย็นก็ซื้อในเมืองไว้ก็ดี ซื้อตอนนี้ยังไงก็ถูกกว่าในอนาคต แต่ฉันชอบอยู่ในหมู่บ้านที่สุด มีอิสระ สบาย อีกหน่อยพวกเราสร้างบ้านหลังใหญ่ที่นี่กัน”


อยู่ต่อหน้าซินห้าวเฉินเยี่ยนไม่จำเป็นต้องปิดบังตัวเอง เธอไม่ชอบในเมืองจริงๆ ชาติที่แล้วไม่ใช่ว่าไม่เคยอยู่มาก่อน


“งั้นก็ซื้อในเมือง ซื้อในอำเภอ แล้วก็สร้างบ้านหลังใหญ่ที่หมู่บ้านพวกเรา ผมจะไปหาหัวหน้ากลุ่มให้วาดที่ไว้ให้ ตอนนั้นพวกเราอยากจะอยู่ที่ไหนก็อยู่ที่นั้น คุณว่าดีไหม?”


นัยน์ตาซินห้าวมีแสงเป็นประกาย ยังไงตอนนี้ก็ไม่ได้ขาดเงิน เขายอมเอาใจเฉินเยี่ยน


“ได้ ฉันว่าก็ไม่เลว”


เฉินเยี่ยนพยักหน้า ความรู้สึกที่ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็มีบ้านเป็นความรู้สึกที่ดีมากเหลือเกิน นี่คงเป็นความรู้สึกของเจ้าของที่สินะ


ทั้งสองคนยืนคุยกันอย่างนี้ในบ้าน มีเรื่องที่คุยกันไม่จบ ไม่ว่าจะพูดอะไร พวกเขาต่างรู้สึกดี รู้สึกหวานชื่น


“โอ้ย ขาเป็นเหน็บหมดแล้ว ดูฉันสิ ลืมเรียกให้คุณนั่งเลย โง่จริง”


หลังเฉินเยี่ยนรู้สึกขาชาแล้วเธอถึงค่อยนึกขึ้นได้ ทั้งสองคนยืนคุยกันอยู่อย่างนั้นตั้งนาน ไม่รู้จักนั่งลง


แววตาซินห้าวมีรอยยิ้ม อุ้มเฉินเยี่ยนวางลงบนเก้าอี้ จากนั้นคุกเข่าช่วยเฉินเยี่ยนนวดเท้าตรงจุดลมปราณให้อย่างช้าๆ


เฉินเยี่ยนก้มหน้าลง มองซินห้าวที่คุกเข่าช่วยให้เธอเลือดไหลเวียนอย่างจริงจัง นัยน์ตาเธอเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ที่เธอต้องการก็คือช่วงเวลาแบบนี้ เธอและเขา ช่วงเวลาเงียบสงัดที่สวยงาม ทำให้เธออบอุ่น


“ดีขึ้นไหม?”


ซินห้าวนวดเสร็จแล้วเงยหน้าขึ้นมามองเฉินเยี่ยน


เฉินเยี่ยนไม่ได้พูดอะไร แต่ประคองหน้าซินห้าวแล้วจูบลงไป


เธอชอบซินห้าว ในสายตาซินห้าวเป็นผู้ชายที่มีเธอแค่คนเดียว เธอยอมให้ความรักเธอกับเขา


จูบเฉินเยี่ยนแสดงออกอย่างชัดเจน ครั้งนี้เธอเป็นฝ่ายรุกใช้ลิ้นเข้ามาหาลิ้นซินห้าวก่อน


เธอใช้ลิ้นเกี่ยวลิ้นซินห้าวอย่างช้าๆ ค่อยๆ วาดเป็นวงกลม แล้วค่อยเกี่ยวรัดกับลิ้นซินห้าว


ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง ซินห้าวคิดในใจ จากนั้นมือเขาโอบกอดเอวเฉินเยี่ยนไว้ ทั้งสองคนจูบกันอย่างดูดดื่ม


เนิ่นนาน จนริมฝีปากแยกออกจากกัน ทั้งสองคนหอบเล็กน้อย แต่ทั้งสองคนยังไม่อยากจะแยกจากกัน ก้มหน้าลงมา จมูกชนกัน รู้สึกถึงลมหายใจของอีกฝ่าย


“หิวไหม?”


เฉินเยี่ยนถาม เหมือนจะเที่ยงแล้ว เธออยากจะทำอาหารให้ซินห้าว แต่ก็ไม่อยากจะจากซินห้าว


“หิว”


ซินห้าวตอบกลับหนึ่งคำ ไม่รอให้เฉินเยี่ยนขยับ เขาจูบต่อ แล้วยังกัดริมฝีปากเฉินเยี่ยน


คนบ้านี่ ที่แท้เขาบอกว่าหิว คือต้องการกินตัวเอง เฉินเยี่ยนใช้มือหยิกเอวซินห้าวเบาๆ ไม่ได้ออกแรง


ซินห้าวรู้สึกได้ เขากลับออกแรงกัดหนักขึ้น เพราะเขารู้ว่าเฉินเยี่ยนเป็นไส้ที่หอมหวาน


จนเฉินเยี่ยนเข้าไปในห้องครัว เธอยังรู้สึกมึนงงอยู่ ปากเธอน่าจะระบมแน่เลย? ไม่รู้ว่าซินห้าวจูบเธอไปกี่ครั้ง เวลานี้เฉินเยี่ยนไม่ได้ส่องกระจก มองไม่เห็นว่าใบหน้าเธอดูเป็นยังไง


ซินห้าวมองเห็น เฉินเยี่ยนแบบนี้ทำเขาอดใจไม่ไหวอยากจะกลืนกินลงไป แต่เขาก็รู้ว่าเขากับเฉินเยี่ยนนอกจากจูบแล้วไม่สามารถทำอะไรต่อไปได้ เขาจะไม่ล่วงเกินเฉินเยี่ยน ไม่ว่าจะทรมานแค่ไหน ต้องอดทนแค่ไหน ความทรงจำที่สวยงามของเขากับเฉินเยี่ยนจะเก็บเอาไว้ในคืนวันแต่งงาน นี่เป็นการให้เกียรติเฉินเยี่ยน


“อยากจะกินอะไร?”


เฉินเยี่ยนถามซินห้าว เธอรู้สึกได้ว่าหัวใจเธอยังคงเต้นอยู่ นี่เป้นความรู้สึกที่เธอไม่เคยมีมาก่อนตอนอยู่กับอวี๋เหวยหมิน ทำให้เธอชอบ ตกลงไปในกับดักรัก เธอยินยอมด้วยความเต็มใจ


“ขอแค่คุณทำ อะไรผมก็ชอบหมด”


ซินห้าวพิงไปกับประตูมองเฉินเยี่ยน ผู้หญิงของเขา ลงมือทำซุปให้เขาด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะทำอะไร เขายินดีกินหมด ถึงแม้จะเป็นยาพิษ ก็ยังหวานหอม


ตอนที่ 184: ดื่มเหล้าชามโต กินเนื้อคำใหญ่

โดย

Ink Stone_Romance

ซินห้าวมองเฉินเยี่ยนทำอาหารไปแบบนี้ ทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน นานๆ ทีจะสบสายตากัน เฉินเยี่ยนรู้สึกว่าเธอและซินห้าวหวานชื่นกันโดยไม่ต้องมีเสียง


“เอ๋? พี่ซินห้าวมาเหรอ?”


ขณะที่ทั้งสองคนกำลังจ้องมองกันอย่างหวานซึ้งก็มีเสียงดังขึ้นมา เป็นหวางจวน


เฉินเยี่ยนพูดไม่ออก ตัวเองเจอซินห้าวแล้วลืมไปหมดทุกสิ่งเลย ลืมหวางจวนไปด้วย โชคดีที่หวางจวนกลับมาตอนนี้ ถ้ากลับมาตอนที่ทั้งสองคนจูบกันอยู่ คงขายหน้าน่าดู


“จวนเอ๋อร์กลับมาแล้วหรือ เป็นยังไงบ้าง?”


เฉินเยี่ยนพูดแล้ววางผักในมือลง มองไปที่หวางจวน


ผมเพ้าหวางจวนดูยุ่งเหยิงกว่าตอนก่อนไปอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาและจมูกแดงไปหมด เห็นก็รู้ว่าร้องไห้มา


“คุยกับพ่อแม่ฉันแล้ว ต่อไปพวกเขาจะไม่มาที่นี่อีกแล้ว”


เสียงหวานจวนแหบเล็กน้อย วันนี้อยู่ที่นั่นเธอลำบากมาก มีช่วงหนึ่งเธอใจอ่อน แต่สุดท้ายก็เข้มแข็งขึ้นมาได้ เพราะเธอรู้ ถ้าเธอใจอ่อน ก็จะต้องพบเจอกับความลำบากไม่จบไม่สิ้น ไม่เพียงแค่เธอ ยังมีคนบ้านเฉิน เธอไม่สนใจตัวเองได้ แต่ไม่สามารถสร้างปัญหาให้บ้านเฉินได้ ดังนั้นเธอเลยพูดจารุนแรง ไม่ว่าพ่อแม่จะด่าเธอ ตีเธอ เธอยังคงยืนหยัดอยู่


สุดท้ายพ่อแม่ตอบตกลงเธอ อีกหน่อยจะไม่มาหาเธอแล้ว ถือว่าพวกเขาไม่เคยมีลูกสาวคนนี้มาก่อน


ในใจหวางจวนไม่เสียใจเหรอ? ไม่! เธอเสียใจ แต่เธอจำเป็นต้องทำแบบนี้


เฉินเยี่ยนตบไหล่หวางจวน หวางจวนยิ้มให้เฉินเยี่ยน


“ฉันจะทำของอร่อยให้เธอกิน”


เฉินเยี่ยนไม่พูดเรื่องบ้านหวางอีกแล้ว


ตอนเที่ยงทั้งสามคนนั่งลงบนโต๊ะ เฉินเยี่ยนเปิดเหล้าขวดหนึ่ง เธอไม่เคยใช้จอกเหล้ามาก่อน จอกเหล้านั้นเล็กมาก เธอรู้สึกดื่มไม่สะใจ แล้วยังต้องเทเติมบ่อยๆ น่ารำคาญ เลยเทลงในชามมันเสียเลย


ซินห้าวและหวางจวนเห็นเฉินเยี่ยนดื่มเหล้าเป็นครั้งแรก เวลาปกติเฉินเยี่ยนไม่ดื่ม คิดไม่ถึงว่าเฉินเยี่ยนจะเปิดเผยขนาดนี้


พูดอวยพรจบ เฉินเยี่ยนยกชามขึ้นมาขนกับซินห้าวและหวางจวน จากนั้นกรอกลงปากอย่างอาจหาญ


นี่คือความรู้สึกที่เธอต้องการ กินเนื้อคำใหญ่ ดื่มเหล้าคำโตสิถึงสบายใจ


แต่พอเหล้าเข้าปากเฉินเยี่ยนเกือบพ่นออกมา ยากที่จะกลืนลงไปจริง


“บาด บาด บาดคอจัง”


เฉินเยี่ยนแลบลิ้นออกมาไม่หยุด เหมือนหมาน้อยที่หายใจไม่หยุด แบบนั้นไม่ต้องพูดเลยว่าตลกแค่ไหน


ซินห้าวและหวางจวนอดหัวเราะออกมาไม่ได้ เห็นท่าทางของเฉินเยี่ยนก่อนหน้านี้ พวกเขาคิดว่าเฉินเยี่ยนดื่มเหล้าเก่ง ชนหมดแก้วก็ไม่เมา ใครจะคิดว่าเธอดื่มไม่เป็นเลย


เฉินเยี่ยนก็อดขำไม่ได้ เมื่อก่อนเธอเคยดื่มไวน์และเบียร์ แทบไม่เคยดื่มเหล้าขาว แต่เห็นคนอื่นดื่มแล้วขมวดคิ้ว ใครจะรู้ว่ามันบาดคอขนาดนี้ ร้อนคอไปหมด ในใจก็มีความรู้สึกรุ่มร้อน แต่สักพักเธอก็รู้สึกว่าไม่หนาวแล้ว


ซินห้าวอดไม่ได้ลูบผมเฉินเยี่ยน แต่เขาไม่ได้ทำอย่างอื่น ยังมีคนอื่นอยู่


แค่นี้เฉินเยี่ยนก็หน้าแดงแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะเขินหรือเพราะดื่มเหล้าเข้าไป


หวางจวนก้มหน้าลงไม่กล้ามอง ในใจเธออิจฉาเฉินเยี่ยนและซินห้าวจริงๆ


หวางจวนก็ดื่มเหล้าไปหลายคำ เธอไอจนน้ำตาไหล นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอดื่มเหล้า ท่าทางของเฉินเยี่ยนตอนแรกแบบนั้นไม่ได้หลอกเลย เหล้านี่ดื่มยากจริงๆ


“พี่ซินห้าว ฉัน ฉันอยากถาม เจ้าอ้วน เจ้าอ้วนสบายดีไหม? ไม่ได้เห็นเขานานแล้ว ปีใหม่เขามีที่ไปกินข้าวไหม?”


หวางจวนไม่รู้ว่าโดนฤทธิ์หล้าหรืออยู่ๆ มีความกล้าขึ้นมา เธอถามถึงเจ้าอ้วนกับซินห้าว


“เขาอยู่ในอำเภอน่ะ เขาก็ยังไม่ได้แต่งงาน ปีใหม่ไม่ได้ไปไหน บอกว่าจะเฝ้าโรงงานให้ฉัน ฉันเลยให้เขาอยู่ที่โรงงาน มีที่กินข้าว เธอไม่ต้องห่วง”


ซินห้าวบอกหวางจวนโดยไม่ปิดบัง เมื่อก่อนเข้าอ้วนมาส่งบุหรี่ที่บ้านเฉินบ่อยๆ ตอนนี้ที่นี่มียาเส้นของตัวเองแล้ว เจ้าอ้วนก็ไม่ต้องมาแล้ว ซินห้าวส่งเจ้าอ้วนไปอยู่โรงงาน ถึงแม้ว่าเจ้าอ้วนจะดูโง่ๆ ทึ่มๆ แต่ซินห้าวไว้ใจเขา


“อ้อ อ้อ เขามีที่กินข้าวก็ดีแล้ว”


หวางจวนพยักหน้า พูดจบเธอก็กรอกเหล้าคำใหญ่ บอกไม่ถูกว่าในใจรู้สึกยังไง รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา


ซินห้าวมองเฉินเยี่ยน เขาไม่ค่อยเข้าใจความคิดของหวางจวน เฉินเยี่ยนส่ายหน้าให้เขา ให้เขาไม่ต้องถาม


อันที่จริงเฉินเยี่ยนพอรู้ความคิดของหวางจวนบ้าง หวางจวนเริ่มชอบเจ้าอ้วนแล้ว เป็นวันที่เจ้าอ้วนช่วยหวางจวนไล่คนบ้านหวางไป วินาทีนั้นหวางจวนรู้สึกได้ถึงการได้รับการปกป้อง เธอเลยมีใจให้เจ้าอ้วน


แต่หวางจวนไม่กล้าแสดงออก เพราะเธอคิดว่าตัวเองไม่ใช่ผู้หญิงที่บริสุทธิ์ ตัวเองไม่ควรแต่งงาน เธอเป็นผู้หญิงหน้าตาดี นิสัยก็ดีแล้วยังเก่งด้วย เดิมทีควรจะมีชีวิตอย่างมีความสุข แต่กลับโดนคนคนหนึ่งทำลาย


เจ้าอ้วนยังไม่แต่งงาน แล้วยังทึ่มๆ หน่อย และก็ไม่มีบ้าน แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ หวางจวนก็ยังรู้สึกว่าเธอไม่คู่ควรกับเขา เห็นได้ว่ายุคนี้โหดร้ายกับผู้หญิงแค่ไหน


ตอนที่กินเสร็จหวางจวนก็ดื่มไปเยอะแล้ว เธอดึงแขนเสื้อเฉินเยี่ยนร้องไห้อยู่สักพักแล้วหลับไป


ห่มผ้าห่มให้หวางจวน มองดูใบหน้าเธอ เฉินเยี่ยนถอนหายใจออกมา


“ซินห้าว รอผ่านไปหลายวันคุณช่วยถามเจ้าอ้วนให้หน่อย ดูว่าเขาอยากจะสู่ขอภรรยาไหม ถ้าต้องการ คุณถามว่าเขามีใจให้จวนเอ๋อร์ไหม จวนเอ๋อร์เป็นผู้หญิงที่ดี เรื่องนั้นทำร้ายเธอหนักมาก เธอวางไม่ลง คิดว่าตัวเองไม่คู่ควรกับใครเลย แต่เรื่องนั้นก็โทษเธอไม่ได้ เธอชอบเจ้าอ้วน เธอคิดว่าเจ้าอ้วนซื่อสัตย์ ซื่อตรง ถึงแม้จะไม่ฉลาด แต่คนแบบนั้นสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ตลอด แต่เธอไม่กล้าพูด กลัวว่าเจ้าอ้วนจะรังเกียจเธอ แต่ฉันว่าถ้าไม่ถาม จะรู้ได้ยังไงว่าเจ้าอ้วนคิดยังไง คุณช่วยฉันถามหน่อยเถอะค่ะ”


เฉินเยี่ยนทนเห็นหวางจวนทุกข์ใจไม่ไหว


“ได้สิ”


ซินห้าวพยักหน้า ลูบหน้าเฉินเยี่ยน อันที่จริงเขาไม่เคยดูถูกหวางจวนมาก่อนเลย เขาคิดว่าเกิดเรื่องแบบนี้ เป็นความผิดของฝ่ายชาย นอกจากควรลงโทษฝ่ายชายแล้ว ยิ่งต้องเข้าอกเข้าใจ ยิ่งต้องทะนุถนอมฝ่ายหญิง


ทั้งสองคนคุยกันอีกมากมาย คุยเรื่องแผนหลังจากนี้จะทำยังไง เฉินเยี่ยนคิดว่าบ้านเฉินใกล้จะกลับมาแล้ว แล้วรีบไปส่งซินห้าว เธอไม่อยากให้ที่บ้านรู้ว่าซินห้าวมา โดยเฉพาะเฉินเวย เธอไม่อยากให้เฉินเวยเจอซินห้าว


ถึงแม้ซินห้าวจะไม่อยากไป แต่เขาก็ต้องไป เขาก็กลัวจะเจอแม่เฉินต้องรับขับสู้ ต้องถามเขาแน่นอนว่าเมื่อไรจะมาสู่ขอ แล้วยังมีเฉินเวย เขาไม่อยากเจอ


ยืนอยู่ในลานบ้าน เหมือนเฉินเยี่ยนยังเห็นซินห้าวอยู่ แล้วยังรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นเมื่อกี้ และยังมีจูบลานั้นอีก ทั้งสองคนไม่สนใจที่จะหายใจแล้ว ไม่สนใจอยากจะหลอมรวมเข้าด้วยกัน


จนเฉินจงและหวางนิวกลับมาเห็นเฉินเยี่ยนดูมึนเมา แล้วยังไม่ยินว่าหวางจวนเมานอนอยู่บนเตียง หวางนิวตกใจ “พวกเธอสองคนทำไมถึงดื่มเข้าไป? ไม่ได้อ้วกใช่ไหม? ทรมานหรือเปล่า”


“พวกเราสองคนแค่ฉลองปีใหม่ วันนี้หวางจวนกลับไปบ้านหวางมา ไม่สบายใจ หนูเลยดื่มเป็นเพื่อนเธอไม่กี่แก้ว”


เฉินเยี่ยนยิ้มบางๆ แสดงออกเป็นปกติ


ตอนที่ 185: แข็งแกร่ง

โดย

Ink Stone_Romance

เฉินเวยได้ยินคำพูดเฉินเยี่ยนก็เบะปาก ไม่ได้สงสัยอะไร เธอกรอกลูกตารอบหนึ่งแล้วพูดขึ้นมา “พี่ วันนี้พี่ไม่ได้ไป พี่รู้ไหมวันนี้ลุงฝั่งนั้นโวยวายเป็นเรื่องเลย”


เฉินเยี่ยนไม่ต้องมองเฉินเวยก็รู้ว่าเธอไม่ได้มีเจตนาดี เธอมองหวางนิว สีหน้าหวางนิวดูอึดอัดเล็กน้อย


“ก็ชุนฮวานั่นโวยวายจะให้ตงฮวาโอนสิทธิ์เข้าโรงงานให้เธอให้ได้ ลูกว่าตงฮวานั้นความเป็นอยู่ลำบาก เป็นคนขยันหมั่นเพียร มือไม้ว่องไว ให้เธอได้เข้าไปทำงานในโรงงานดีแค่ไหน แต่ชุนฮวานี่จะต้องเข้าโรงงานให้ได้ แล้วยังว่าตงฮวาต่อหน้าคนมากมาย บอกว่าตงฮวาทำตัวไม่เหมือนพี่สาวคนโต เมื่อก่อนบอกว่าทำเพื่อเธอนั้นเป็นเรื่องหลอกลวง บอกว่าสิทธิ์นี้จะให้บ้านหวาง ตงฮวาไม่ใช่คนบ้านหวางแล้ว มาถือสิทธิ์ได้ยังไง โวยวายจนตงฮวาเสียหน้า ใครห้ามก็ไม่ฟัง จริงๆ เลย”


หวางนิวไม่พอใจหวางชุนฮวามาก


เฉินเยี่ยนเหลือบมองเฉินจง เฉินจงไม่แสดงอาการอะไร เรื่องญาติฝั่งภรรยา เขาพูดอะไรมากไม่ได้


“พี่ สุดท้ายพี่ตงฮวาบอกว่าจะให้สิทธิ์นั้นกับพี่ชุนฮวา หลังปีใหม่พี่ชุนฮวาจะเข้าไปเป็นคนงานในโรงงานแล้ว พี่ดีใจไหม”


สายตาเฉินเวยเป็นประกายมองไปที่เฉินเยี่ยน เธอรู้ว่าเฉินเยี่ยนไม่ชอบหวางชุนฮวา นี่ถ้าหวางชุนฮวาได้เข้าไปในโรงงาน ต้องเป็นตัวถ่วงเฉินเยี่ยนแน่


เฉินเยี่ยนมองหวางนิว หวางนิวยิ้มแบบขอโทษแล้วพูด “เยี่ยนจื่อ ลูกก็รู้จักพี่ตงฮวาคนนี้ เธอนิสัยดี ชุนฮวาโวยวายอย่างนั้น เธอไม่ถอยก็ไม่ได้ เธอทำอะไรไม่ได้ต้องยอมให้สิทธิ์กับชุนฮวา แต่แม่รู้ว่าเธอทุกข์ใจ ตอนไม่มีคนเธอก็ไปแอบร้องไห้ ลูกว่าให้ทั้งชุนฮวาและตงฮวาเข้าไปได้ไหม”


หวางนิวพูดขอร้องแทนหลานสาวทั้งสองคน


เฉินเยี่ยนรู้ว่าแม่ใจอ่อน แต่ทำแบบนี้ไม่ได้


“พ่อ พ่อไม่ได้ตกลงใช่ไหมคะ?”


เฉินเยี่ยนถามเฉินจง ยังไงเฉินจงก็เป็นหัวหน้าโรงงาน


“ยัง พ่อยังไม่ได้พูดอะไร”


เฉินจงส่ายหน้า เฉินเยี่ยนย้ำนักย้ำหนา ไม่ให้เขาตอบตกลงหญิงสาว


“งั้นก็ดีค่ะ แม่ แม่ไปบอกพี่ตงฮวาและชุนฮวา บอกว่าสิทธิ์นี้ไม่สามารถโอนกันไปมาได้ ไม่ใช่เธออยากให้ใครก็ได้ ถ้าพี่ตงฮวาไม่อยากทำ ไม่ต้องการ ก็ช่าง ยังไงก็มีคนอยากทำ คนต้องการอยู่ พวกเราหาคนใหม่ก็ได้! ให้พี่ตงฮวาเข้ามา ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะเธอเป็นลูกสาวของคุณลุง แต่เป็นเพราะนิสัยของเธอ เธอขยันและมีคุณสมบัติ อีกอย่างถึงแม้จะให้เธอเข้ามาในโรงงานก็ต้องทดลองงานหนึ่งเดือน ถ้าไม่ได้ก็ต้องให้ออกไป ส่วนหวางชุนฮวาไม่ได้ หนูไม่เชื่อนิสัยของเธอ โวยวายที่บ้านกับครอบครัวขนาดนี้ ถ้าเข้ามาโวยวายในโรงงานจะเป็นยังไง? ถึงแม้ตงฮวาไม่ทำ หนูก็ไม่ให้เธอเข้ามา ไปบอกกับเธอให้ชัดเจน เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าเธอคิดจะทำยังไงก็ได้”


เฉินเยี่ยนพูดตามตรง หวางชุนฮวาเข้ามาแบบนี้ จะทำให้ในโรงงานไม่สงบสุข


“ลูกสาวคนนี้ นี่เป็นญาติกันนะ แล้วเธอทั้งสองคนก็ยินดี ทำไมลูกถึงไม่ยอม ทั้งสองคนเป็นลูกสาวของลุง ลูกให้แม่เลือกข้าง ลูกจะให้แม่พูดยังไง?”


หวางนิวตำหนิ คิดว่าลูกสาวจริงจังเกินไป


“งั้นแม่ไม่ต้องพูดแล้ว หนูจะเก็บสิทธิ์นี้คืน แล้วหาคนใหม่ก็ได้”


เฉินเยี่ยนไม่อ่อนข้อให้ เรื่องหลักการข้อนี้เธอไม่ไว้หน้า จำเป็นต้องหนักแน่น


“ได้ ได้ แม่ไปพูด กลัวลูกแล้ว ไม่รู้ว่าเหมือนใคร”


หวางนิวทำอะไรลูกสาวไม่ได้ ได้แต่ตอบตกลง


“งั้นเสี่ยวเวย…”


หวางนิวคิดแล้วก็ยิ้มพูดกับลูกสาว ระหว่างทางกลับมาเฉินเวยก็โน้มน้าวพูดเรื่องเข้าโรงงาน เธอตัดสินใจจะพูดกับลูกสาวอีกครั้ง


สายตาเฉินเยี่ยนเย็นชาขึ้นมา


“คนพอแล้ว”


เฉินเยี่ยนไม่อยากคุยเรื่องนี้ นี่เพิ่งวันที่สองเอง เธอไม่อยากทะเลาะ เธอเคยแสดงออกอย่างชัดเจนมากๆ แล้วว่าไม่ให้เฉินเวยเข้าโรงงาน ไม่รู้ว่าทำไมแม่ถึงได้ยกขึ้นมาพูดครั้งแล้วครั้งเล่า


หวางนิวได้แต่ถอนหายใจ เฉินเวยกำหมัด เฉินเยี่ยน วันนี้เธอทำกับฉัน พรุ่งนี้ฉันจะเอาคืนเธอสองเท่า!


จนเฉินกุ้ยกับหลัวเหมยกลับมาพวกเขาก็แวะมาหา เอาของทอดจากบ้านภรรยามาให้ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ของดีอะไร แต่พวกเขาต้องส่งน้ำใจนี้ให้ได้


หลัวเหมยบอกว่าทุกอย่างราบรื่นดี แต่เฉินกุ้ยแอบบอกกับเฉินจงและหวางนิว ครั้งนี้ที่พวกเขากลับไปบ้านหลัวเหมย แม่หลัวเหมย หรือแม่ยายของเขาลากหลัวเหมยเข้าไปคุยในห้องอยู่นาน ตอนออกมาสีหน้าหลัวเหมยดูไม่ดีเลย คิดว่าแม่ยายกับพี่ชายภรรยาต้องพูดอะไรกับเธอ คำพูดนั้นก็ไม่พ้นให้เขาเอาคนในครอบครัวหลัวเข้าไปในโรงงาน บอกว่าเป็นคนกันเอง ใช้คนกันเองถึงวางใจได้ เงินก็ไม่ต้องเอาไปให้คนนอก คนอื่นจะไม่มีใจจงรักภักดีกับเขา


เขาบอกว่าเขาตัดสินใจไม่ได้ คนที่มาสมัครต้องให้พ่อเขากับน้องสาวเขาเป็นคนตัดสิน หาคนได้แล้ว ยังต้องให้คอมมูนเห็นด้วย ไม่สามารถเอาคนบ้านหลัวเข้าไปได้


คนบ้านหลัวบอกว่าเขาเป็นคนซื่อ ทำไมถึงให้น้องสาวเป็นผู้นำของบ้าน เงินนี้เอาให้คนข้างนอกหมด ต้องเอาเงินเฉินเยี่ยนกลับมา เงินนี้เป็นของบ้านเฉิน ส่วนเฉินเยี่ยนไม่ถือว่าเป็นคนบ้านเฉิน อะไรพวกนี้ ยังไงก็พูดมามากมาย เขาไม่ได้ตอบตกลง


สุดท้ายสีหน้าคนบ้านหลัวดูไม่ดี เขาทำเป็นมองไม่เห็น เขารู้ การแต่งงานครั้งนี้เขาจำเป็นต้องหนักแน่น ไม่อย่างนั้นจะไม่มีวันอยู่อย่างเป็นสุขได้


เพื่อหลัวเหมย เขาไม่สนใจมีบ้านแม่ยายแบบนี้ แต่เขาไม่ได้โง่จนให้คนมาพูดอะไรก็ว่าตาม เขาก็แค่ฟัง สิ่งที่ไม่ถูกเขาก็ทำเป็นไม่ได้ยิน เขาจะไม่หูเบาอีกแล้ว เขาต้องยืนขึ้นมา เขาต้องทำให้ภรรยาของเขามีชีวิตที่ดี ไม่ยอมฝั่งบ้านภรรยา ถ้าบ้านแม่ยายดี เขาก็จะช่วยเหลือ แต่ถ้าในใจคิดดูถูก ก็ขอโทษด้วย


ระหว่างทางเขาถามหลัวเหมย เป็นพ่อแม่ให้หลัวเหมยพาคนบ้านหลัวเข้าโรงงานจริงด้วย พูดชัดเจนกว่าพ่อยายอีก แต่หลัวเหมยไม่ได้ตอบตกลง พ่อแม่ก็เลยด่าหลัวเหมย หลัวเหมยรู้สึกผิด แต่นั่นเป็นครอบครัวเธอ เธอพูดอะไรมากไม่ได้ แต่เธอรู้ เธอจำเป็นต้องหนักแน่น ไม่อย่างนั้นเธอจะสูญเสียความสุขที่ได้มาอย่างลำบาก


ฟังจากเฉินกุ้ยเล่าแล้ว เฉินจงและหวางนิวหยักหน้า ดูเหมือนหลัวเหมยรู้จักแยกแยะ ก็ดีแล้ว


จากเรื่องนี้หวางนิวก็กลับมาคิดถึงตัวเอง เธอคิดว่าเธอควรกลับไปบ้านสักครั้ง ไปพูดให้รู้เรื่อง


ไม่กี่วันต่อมาต้องต้อนรับแขกจากที่ไกล เช่นญาติของเฉินจง จนถึงวันที่แปด โรงงานม้วนบุหรี่ก็เปิด


เดิมทีเฉินเยี่ยนวางแผนจะเปิดงานวันที่สิบห้า โดยปกติในหมู่บ้านเกษตรกรเลยวันที่สิบห้าไปถึงจะถือว่าสิ้นสุดวันปีใหม่ แต่วันที่หกมีคนมาที่บ้านสั่งบุหรี่หนึ่งร้อยแถว ต้องการด่วน เฉินเยี่ยนไม่มีทางเลือก จึงต้องบอกคนงานเปิดงานเร็วขึ้น


คนงานไม่มีความเห็นอะไร ไม่มีใครเป็นศัตรูกับเงิน เปิดงานเร็ว พวกเขาก็ได้เงินมากขึ้น ยังไงอยู่ที่บ้านก็ไม่มีอะไรทำ งั้นก็มาทำงานดีกว่า


คนงานมีกำลังใจทำงาน แต่สองคนที่ทำกับข้าว ป้าคนหนึ่งที่บ้านเกิดเรื่องมาไม่ได้ เฉินเยี่ยนจึงต้องรับสมัครคน รับป้าคนหนึ่งจากหมู่บ้านข้างๆ


เป็นผู้หญิงชื่อหม่าเหลียน เป็นแม่หม้าย ครอบครัวสามีเธอเป็นเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกับโรงงานของเฉินเยี่ยน เข้ามาทำงานได้ปีกว่าสามีก็ตาย แม่สามีก็ตาเสีย ปีที่สามก็เสียชีวิต พ่อสามีก็แขวนคอตายหลังภรรยาเขาเสีย ที่บ้านจึงเหลือเธอคนเดียว เธอไม่มีลูก ตัวเองใช้ชีวิตตามลำพัง เพราะหลายปีนี้ต้องดูแลพ่อแม่สามี ชีวิตเลยค่อยข้างลำบาก


ส่วนเธอ ทำอาหารไม่แย่ ที่บ้านก็ไม่มีภาระไร ดังนั้นตอนรับสมัครเธอเลยมา


ตอนที่ 186: ซื้อจักรยาน

โดย

Ink Stone_Romance

เฉินเยี่ยนไม่ได้ดูถูกหม่าเหลียนเพราะเธอเป็นแม่หม้าย เดิมทีเป็นผู้หญิงก็ลำบากอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าหม่าเหลียนคนนี้ดูแล้วจะผอมไปนิด หน้าตาก็ไม่นับว่าแย่ แค่เจอก็รู้ว่าเป็นคนอารมณ์ดี เป็นคนอ่อนโยน คนแบบนี้ไม่เรื่องมาก อีกทั้งคนในหมู่บ้านนอกจากจะบอกว่าเธอควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้ นอกนั้นก็ไม่ได้ว่าเธอเรื่องอื่น


แล้วยังบอกว่าเธอเก่งมาก หลังไม่มีสามีแล้ว งานบ้านงานไร่เธอทำหมด ไม่เคยร้องลำบาก และไม่เคยได้ยินว่าเธอกับผู้ชายคนนั้นมีเรื่องฉาวอะไร นิสัยถือว่าไม่แย่เลย เฉินเยี่ยนได้ชิมอาหารที่เธอทำ เทียบกับคนทั่วไปแล้วมีรสชาติกว่าเยอะ โดยเฉพาะก๋วยเตี๋ยวน้ำที่เธอทำ เฉินจงที่มาชิมยังกินไปตั้งสามชามใหญ่ รสชาติดึงดูดคนขนาดนี้ ดังนั้นเฉินเยี่ยนจึงให้หม่าเหลียนมาเป็นคนงานทำอาหารที่โรงงาน


วันที่สิบห้าวันนั้นเฉินเยี่ยนและเฉินจงให้คนงานหยุดหนึ่งวัน ก่อนหน้าหนึ่งวันเฉินเยี่ยนยังไปหอบโคมไฟกลับมาจากในอำเภอหลายอัน เอามาแจกให้คนงานในโรงงาน ให้พวกเขาเอากลับไปให้เด็กที่บ้าน


พูดถึงแบกเอาโคมไฟกลับมา เฉินเยี่ยนยังสร้างความฮือฮา ไม่ใช่เพราะโคมไฟ แต่เพราะเฉินเยี่ยนขี่จักรยานกลับมา


ก่อนวันที่สิบห้าเฉินเยี่ยนไปคอมมูนในหมู่บ้านมาสองครั้ง ทำไม? เพื่อไปเอาตั๋วจักรยาน


ตอนแรกหัวหน้าคอมมูนจะไม่ให้เฉินเยี่ยน แต่สุดท้ายคิดไปคิดมาที่เฉินเยี่ยนพูดก็มีเหตุผล โรงงานม้วนบุหรี่ทำเงินให้คอมมูนไม่น้อย ดูออเดอร์ปีนี้ทั้งปีจะทำเงินได้มากกว่าอีก ไม่ง่ายเลยที่ในหมู่บ้านจะมีอุตสาหกรรมที่หาเงินได้ขนาดนี้ เธอต้องการตั๋วจักรยานหนึ่งใบทำไมจะไม่ได้?


อีกอย่างโรงงานม้วนบุหรี่พวกเขาไม่ได้ลงทุนอะไรมากมาย ตอนนี้กลับมีชื่อเสียงถึงในเมืองแล้ว ครั้งที่แล้วไปประชุมในเมือง เขายังได้รับคำชมเชยอยู่เลย นี่เป็นสิ่งที่โรงงานม้วนบุหรี่ให้เขา ถ้าเขาจะให้รางวัลก็ควรจะให้ตั๋วจักรยานคันหนึ่งใช่ไหม?


หัวหน้าโรงงานม้วนบุหรี่ออกจากบ้านยังต้องอาศัยสองเท้าเดินอยู่ดูไม่ค่อยดี ดังนั้นหัวหน้าเลยตกลง ให้ตั๋วจักรยานหนึ่งคันกับเฉินเยี่ยน


มีตั๋วแล้ว แน่นอนเฉินเยี่ยนไปซื้อรถจักรยานกลับมา ยี่ห้อนกพิราบบิน เป็นแบบเฟรมตั้งตรง ค่อนข้างใหญ่ เดิมทีมีแบบจักรยานจ่ายตลาดของผู้หญิง แต่เฉินเยี่ยนไม่มีตั๋ว ถึงแม้จะดูดี แต่แบบใหญ่นี้แข็งแรงกว่า ไม่ว่าจะใส่ของเท่าไร ก็ไม่เป็นไร ใช้ประโยชน์ได้ดี


หัดขี่จักรยานไปมาเฉินเยี่ยนก็ขี่เป็นแล้ว เธอมีพื้นฐานอยู่ ไม่ยากเท่าไร


จนเธอขี่จักรยาน ตอนที่ขี่จักรยานคันใหม่เอี่ยมพร้อมแขวนโคมไฟกลับมา ในโรงงานเล็กๆ นั้นก็เป็นที่ฮือฮากัน เพราะยุคนี้จักรยานถือว่าเป็นของหายาก


“นี่อีกหน่อยจะเป็นของเราหรือ?”


เฉินจงอึ้งไป เขาคิดไม่ถึงว่าลูกสาวออกจากบ้านสองรอบถึงกับขี่จักรยานกลับมา


“แน่นอนสิ พ่อ หนูสอนพ่อขี่เอง อีกหน่อยพ่อจะออกจากบ้าน ก็ขี่รถไป ทั้งเร็วและประหยัดแรง ถ้าหนูมีธุระ หนูก็จะขี่เหมือนกัน พวกเราใช้คันเดียวก่อน เดี๋ยวจะดูช่วงนี้จะหาตั๋วมาอีกใบ พวกเราจะได้ขี่คนละคัน”


เฉินเยี่ยนก็ดีใจมาก อีกหน่อยออกจากบ้านจะสะดวกกว่านี้มาก เธอคิดว่าตอนนี้เธอขี่จักรยานแบบนี้ก็เท่มากแล้ว ครั้งต่อไปจะได้ขี่ไปพร้อมกับซินห้าวแล้ว


“ได้ แต่คันนี้ถือเป็นของโรงงานหรือเป็นของเราเอง?”


เฉินจงคิดว่าควรจะถามให้ชัดเจน


“ต้องเป็นของเราสิคะ ตั๋วรถนี่หนูหามา หนูใช้เงินซื้อ ไม่ใช่ของโรงงาน”


เฉินเยี่ยนพูดชัดเจน ถ้าเป็นของโรงงานอีกหน่อยจะไม่ใช่ของพวกเขา


“ดี ดี”


เฉินจงพยักหน้า และดีใจมาก


“เมื่อไรพวกเราจะมีจักรยานบ้างนะ”


คนงานบางคนถอนใจ


เฉินเยี่ยนตื่นเต้น ยิ้มบอก “ทุกคนต้องตั้งใจทำงาน ถึงปลายปีพวกเราจะให้คะแนนคนงานดีเด่นสามอันดับแรก อันดับแรกจะให้ตั๋วรถจักรยานเป็นรางวัล อันดับที่สอง อันดับที่สามก็มีรางวัลให้ ถึงตอนนั้นใครจะได้ ก็ขึ้นอยู่กับตัวพวกคุณเองแล้ว”


เฉินเยี่ยนประกาศรางวัล


คำพูดเฉินเยี่ยนพูดออกไป คนงานแต่ละคนต่างตื่นเต้นดีใจ ขยันขันแข็ง ไม่ต้องให้เฉินเยี่ยนพูดอีกรอบ แต่คนต่างเป็นฝ่ายเข้าไปหางาน


เฉินจงก็ไม่เป็นห่วง ในเมื่อลูกสาวเอ่ยปากแล้ว ก็หมายความว่าเธอมีวิธี ถ้าถึงเวลาแล้วลูกสาวทำไม่ได้ เขาก็แค่เข้าไปช่วยเท่านั้นเอง


“ลูกสาว ไป ลูกสอนพ่อขี่ เดี๋ยวพ่อขี่ได้แล้ว จะพาลูก พาแม่ขี่วนสักสองรอบ ให้แม่ลูกดีใจหน่อย”


เฉินจงถูมือ ดูท่าทางแล้ว อยากจะรีบขี่เสียเดี๋ยวนี้เลย


เฉินเยี่ยนเผลอหัวเราะออกมา พ่อมีข้อดีจุดนี้ เขาจริงใจกับแม่ รูปร่างภายนอกของพ่อทิ้งแม่ขาดเลย ตอนนี้มีคนบอกว่าแม่ไม่คู่ควรกับพ่อ บอกว่าแม่โชคดีที่ได้แต่งงานกับพ่อ อยู่กับพ่อถือเป็นโชคดี เฉินเยี่ยนก็คิดว่าแม่โชคดี พ่อมีใจให้แม่มาตลอด


เฉินเยี่ยนสอนเฉินจงไม่นานเฉินจงก็ขี่ได้แล้ว เขาขายาว แขนก็มีกำลัง เพียงแค่ทรงตัวให้ดีก็พอ ดังนั้นเลยหัดเป็นเร็ว


เฉินจงขี่พาเฉินเยี่ยนกลับมาบ้าน เห็นแผ่นหลังกว้างของพ่อแล้วเฉินเยี่ยนรู้สึกมั่นคง


คนมากมายบอกว่าถ้าไม่มีเธอ บ้านเฉินก็ไม่มีชีวิตที่ดีขนาดนี้ แต่เธอรู้ว่าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ทั้งหมด ถ้าเธอเกิดใหม่มาอยู่กับครอบครัวอื่น พ่อแม่ไม่ให้ความสำคัญกับเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะมีความคิดอะไรก็ไม่สามารถทำให้เป็นจริงได้


วันนี้เธอทำสำเร็จ เดินมาถึงขั้นนี้ พูดตามตรง การสนับสนุนของเฉินจงก็มีส่วนด้วย


ในยุคนี้ เฉินจงถือว่าเป็นพ่อส่วนน้อยที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเพศชายแล้วดูถูกเพศหญิง ไม่ได้เอาลูกสาวมาเป็นเครื่องมือหาเงิน เอะอะก็ด่าก็ตี ตอนที่เฉินเยี่ยนยังไม่มีอะไร เธอให้เฉินจงไปแจ้งเรื่องสุสานโบราณ เฉินจงก็ไป ต่อมาเธอจะทำผัก เฉินจงก็สนับสนุนเธอ ไม่ว่าเธอจะทำอะไร เป็นเฉินจงที่คอยสนับสนุนเธออยู่เงียบๆ ในยามที่ต้องการเขา เขาก็เดินออกมาอยู่ข้างหน้าลูกสาว ไม่ต้องการเขา เขาก็คอยยืนอยู่ข้างหลังลูกสาว ไม่พูดอะไร แอบสนับสนุนลูกสาวอยู่เงียบๆ


พูดได้ว่า ในใจเฉินเยี่ยน เฉินจงเป็นภูเขาลูกใหญ่ สามารถให้เธอพักพิงได้ เพราะเธอรู้ ไม่ว่าเธอจะเป็นยังไงพ่อก็ยังอยู่ เธอสามารถทำอะไรที่เธอคิดตัดสินใจจะทำได้ ไม่ต้องกลัวล้มเหลว ก็แค่เริ่มต้นใหม่ พ่อจะไม่โทษเธอ ดังนั้นเฉินจงกลายเป็นเสาหลักของเฉินเยี่ยนโดยไม่รู้ตัวไปแล้ว


เฉินเยี่ยนเอนศีรษะลงบนหลังเฉินจง ตัวเฉินจงเกร็งเล็กน้อย คนหมู่บ้านเกษตรกร ไม่ว่าพ่อกับลูกสาว พี่ชายน้องสาวจะสนิทกันขนาดไหน น้อยครั้งที่จะแสดงความรักต่อกัน ในยุคหลังที่กอดกันพวกนี้ สำหรับพวกเขาแล้วมันไม่มีอยู่เลย ดังนั้นการกระทำนี้ของเฉินเยี่ยนทำให้เฉินจงนึกไม่ถึง


แต่เฉินจงก็ยิ้ม เขารู้ว่านี่คือการแสดงออกของลูกสาวที่ดีกับเขา แสดงออกว่าใกล้ชิดกับเขา แค่นี้ก็พอแล้ว


ตอนหวางนิวนั่งซ้อนท้ายจักรยาน จะได้ยินหวางนิวร้องตกใจเป็นบางครั้ง เฉินเยี่ยนอดขำไม่ได้ เธอรู้ว่านอกจากแม่ตื่นเต้นตกใจที่ได้นั่งจักรยานครั้งแรกแล้ว เธอร้องเสียงดังแบบนี้ก็เพื่อจะเรียกร้องความสนใจ อยากจะให้คนมามองดูเยอะๆ รู้ว่าอยากจะเป็นที่อิจฉาของคนอื่น


“แต่เร็วจัง นั่งอยู่ข้างบนใจฉันสั่นไหวไปมา อีกหน่อยกลับไปที่บ้านพ่อแม่ ก็จะได้นั่งรถไปแล้ว นี่เป็นรถของบ้านเราแล้ว ในที่สุดบ้านเราก็มีรถ”


ไม่ต้องพูดถึงความตื่นเต้นของหวางนิว คนทั้งหมู่บ้านรู้กันหมดแล้ว ว่าบ้านเธอมีรถจักรยาน เป็นจักรยานคันแรกของหมู่บ้านเลย แม้แต่หวางต้าหมินหัวหน้าหมู่บ้านยังไม่มีเลย!


ตอนที่ 187: หาสามีให้เฉินเวย

โดย

Ink Stone_Romance

ความดีใจของหวางนิวแผ่มาถึงเฉินเยี่ยนด้วย ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองซื้อจักรยานถือว่าซื้อถูกแล้ว


“จริงสิ แม่คะ รถคันนี้เป็นของเรา แม่ก็หัดขี่ด้วยสิ แม่ขี่เป็นแล้วอยากจะไปไหนก็ได้ ไม่ต้องให้พ่อพาไป”


เฉินเยี่ยนไม่รู้สึกว่าหวางนิวทำแบบนี้ไม่มีอะไรไม่ดี อันที่จริงหวางนิวเป็นคนที่มีความคิดเรียบง่ายมาก


“แม่ไม่เรียนหรอก แขนขาแก่หมดแล้ว ถ้าล้มขึ้นมาจะทำยังไง? แม่ไม่หัด ให้พ่อขี่พาแม่ไปก็ได้


หวางนิวส่ายหน้าเหมือนรัวกลอง


“แม่อยากให้พ่อพาไปใช่ไหมคะ เลยไม่หัดขี่”


เฉินเยี่ยนพูดเสียงเบา ก็เหมือนเธอ เธอก็อยากให้ซินห้าวพาเธอไปเหมือนกัน


“เด็กบ้านี่ ซี้ซั้วพูดอะไร”


หวางนิวตีไหล่เฉินเยี่ยน หันไปเหลือบมองเฉินจง เห็นสามีหัวเราะอยู่ เธอหน้าแดง เธอรู้สึกว่าชีวิตแบบนี้ดีจริงๆ เธอมีความสุขจริงๆ


ตอนเย็นเฉินหู่กลับมาเห็นรถจักรยานก็ดีใจแทบแย่ ให้เฉินเยี่ยนสอนเขาขี่


รูปร่างเฉินหู่ยังไม่ถือว่าสูงมาก เฉินเยี่ยนเห็นเฉินหู่เข็นจักรยานคันใหญ่ก็เป็นห่วงว่าเฉินหู่จะหัดยาก แต่ไม่นานเธอก็รู้ว่าเธอดูถูกเฉินหู่ไปแล้ว


เฉินหู่ไม่สูง รถกับตัวเขาดูไม่สมส่วนกัน แต่เขามีใจมุ่งมั่น มีพลัง มีความอดทน ไม่กลัวว่าจะล้ม ล้มไปก็ลุกขึ้นมาใหม่ ดังนั้นตอนที่เฉินเยี่ยนและเฉินหู่กลับมาบ้าน เฉินหู่เป็นคนขี่จักรยานกลับมา


เห็นน้องชายตัวเล็กแต่ขี่จักรยานคันใหญ่ขนาดนี้ คิดถึงตอนที่เฉินหู่ล้มจนแขนและหัวเข่าเขาถลอกเลือดไหล เขาไม่ร้องสักคำ ยังคงฝึกต่อ เฉินเยี่ยนรู้ วันข้างหน้าน้องชายคนนี้จะต้องมีอนาคตสดใสแน่นอน


จนกลับมาเห็นบนตัวลูกชายมีรอยแผลหวางนิวสงสาร แต่สงสารลูกชายเสร็จแล้วเธอก็สงสารรถจักรยาน นั่นเป็นรถคันใหม่เลยนะ เฉินหู่ล้มไปตั้งหลายครั้ง ถึงแม้จะไม่เสีย แต่ถ้าล้มแบบนี้บ่อยๆ จะไม่หักกระจัดกระจายหรือ?


“ว่ามาสิอายุเพิ่งเท่าไรเองเด็กคนนี้ ขี่ไม่ได้ก็ให้พ่อพาไป จะต้องหัดให้ได้ ดูล้มอย่างนี้ แม่สงสารจะแย่ อีกหน่อยไม่อนุญาตให้ขี่แล้วระ ไม่อย่างนั้นล้มรถเสียไป พวกเราก็ไม่มีรถขี่แล้ว”


หวางนิวบ่นเฉินหู่ ที่สำคัญคือกลัวเฉินหู่ควบคุมไม่อยู่ แล้วเกิดเรื่อง


“ผมจะขี่ พี่บอกแล้ว ให้ผมนี่ แล้วอีกหน่อยก็จะซื้อจักรยานให้ผมอีกด้วย”


เฉินหูเถียงหวางนิว


“ลูกคนนี้นี่ทำไมเชื่อฟังพี่สาว ไม่เชื่อฟังแม่ แม่เป็นแม่แกนะ”


หวางนิวว่าลูกชาย


เฉินเยี่ยนได้ยินเสียงแม่คุยกับน้องชาย ก็ยิ้มออกมา นี่คือชีวิตสินะ


ชีวิตที่มีความสุขดำเนินมาถึงวันขึ้นสองค่ำเดือนสองเป็นวันมังกรเชิดหัว วันนี้หวางนิวสั่งเนื้อหัวหมูมา ตอนครอบครัวกินข้าวกันหวางนิวพูดถึงซินห้าวขึ้นมาอีก บอกนี่เลยเดือนหนึ่งมาแล้วทำไมซินห้าวยังไม่มาสู่ขอ


เฉินเยี่ยนไม่ได้พูดอะไร ตามแผนของซินห้าว เวลานี้เขาน่าจะซื้อบ้านแล้ว แล้วเฉินเยี่ยนก็รู้ว่าฝั่งพ่อแม่ซินห้าวต้องไม่ยินยอมเรื่องของเธอและซินห้าวแน่นอน ไม่อย่างนั้นซินห้าวคงมาสู่ขอนานแล้ว และคงไม่ซื้อบ้านของตัวเอง


แต่เรื่องนี้เธอไม่ได้ถามซินห้าว ว่าพ่อเขาไม่เห็นด้วยหรือแม่เขาไม่เห็นด้วย?


เฉินเยี่ยนคิดว่าน่าจะเป็นแม่ซินห้าว


พ่อซินห้าว เฉินเยี่ยนเคยเจอมาก่อน เป็นข้าราชการในหมู่บ้าน เขาสวมแว่นตา ดูเป็นคนมีความรู้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้หล่อโดดเด่นเหมือนซินห้าว แต่หน้าตาก็ถือว่าไม่แย่ ไม่อย่างนั้นตอนแรกแม่ซินห้าวคงไม่ชอบเขา อีกทั้งบุคลิกเขาดูเป็นผู้คงแก่เรียน เป็นคนมีคุณธรรมสูงส่ง แต่เวลาพูดคุยกับคนอื่นเขาอัธยาศัยดีมาก ไม่ได้แบ่งชนชั้น ทำให้คนรู้สึกสนิท ดังนั้นความทรงจำที่เฉินเยี่ยนมีต่อเขาเลยไม่แย่


ส่วนแม่ของซินห้าว คิดว่าน่าจะเป็นผู้หญิงสวย แต่เฉินเยี่ยนยังไม่เคยเจอ แม่เขาแทบไม่เคยมาบ้านซินเลย และไม่เคยได้ยินว่าเธอเคยมาเยี่ยมบ้านสามี เหมือนจะดูถูกคนหมู่บ้านเกษตรกรอยู่หน่อยๆ ไม่ชอบชาวเกษตร คิดว่าเธอคงไม่ยอมให้ซินห้าวมาแต่งงานกับสะใภ้ที่อยู่หมู่บ้านเกษตรกร


แต่เฉินเยี่ยนไม่สนใจ ขอแค่ซินห้าวชอบเธอ รักเธอ แค่พวกเขาสองคนตัดสินใจแน่วแน่ พวกเขาก็จะอยู่ด้วยกัน หลังแต่งงาน เธอจะให้ความเคารพและกตัญญูต่อพ่อแม่สามี ถ้าฝ่ายตรงข้ามทำดีกับเธอ เธอก็จะดีด้วย แต่ถ้าฝ่ายตรงข้ามไม่ดีกับเธอ เจอกันน้อยลงก็พอ ยังไงพวกเขาก็ไม่ได้อาศัยที่บ้านกิน และไม่ได้อยู่ด้วยกัน จะกลัวอะไร!


เฉินเวยเอาเนื้อหัวหมูมาตำไปตำมาในชาม เนื้อหอมมาก แต่เธอกลับไม่มีความอยาก ช่วงหลังนี้เธอรู้สึกว่าเธอทำเรื่องอะไรก็ไม่ราบรื่น อยู่ฝั่งนั้น ตอนกลางวันหลัวเหมยแทบจะไม่คุยกับเธอเลย เธอไปหาหลัวเหมย ส่วนใหญ่หลัวเหมยจะยิ้มให้เธอ แล้วบอกว่ายุ่ง


ใช่ หลัวเหมยยุ่งจริงๆ หลังเธอแต่งเข้าบ้านมาหลัวเหมยทำงานทุกอย่าง แต่เธอรู้อยู่แก่ใจ หลัวเหมยไม่ชอบเธอ


รอเฉินกุ้ยเลิกงานกลับมา เฉินกุ้ยและหลัวเหมยอยู่ด้วยกันดี เธอรู้สึกว่าเธอเป็นส่วนเกิน ฝั่งนั้นเธอไม่มีที่อยู่แล้ว


เธอและอวี๋เหวยหมินก็ทะเลาะกันบ่อย อวี๋เหวยหมินยิ่งทียิ่งทำเกินไป พูดจายิ่งทียิ่งเจ็บแสบ เธอจะทนไม่ไหวแล้ว


เธอไม่เจอซินห้าว ในใจเธอร้อนรนแทบจะทนไม่ไหว แต่ก็คิดหาวิธีไม่ออก ชีวิตแบบนี้เมื่อไรจะสิ้นสุดสักที!


“พี่ ผมได้ยินมาว่าแม่อวี๋เหวยหมินจะหาภรรยาให้เขาอีก บอกว่าเป็นลูกสาวจากหมู่บ้านฮั่ว”


เฉินหู่แอบพูดกับเฉินเยี่ยน


“ใครบอก!”


เฉินเวยได้ยิน ถามขึ้นมาโดยไม่คิด ถามเสร็จเธอค่อยตกใจรู้สึกตัวว่าตัวเองใจร้อน แต่เธอไม่จำเป็นต้องใจร้อน เธอไม่ชอบอวี๋เหวยหมินแล้ว แต่อวี๋เหวยหมินเป็นผู้ชายของเธอ เธอไม่ได้พูด ผู้หญิงคนอื่นมาเอาไปได้ยังไง


“เอ้อต้านบอกผมมา บอกว่าแม่อวี๋เหวยหมินจะไปสู่ขอลูกสาวหมู่บ้านฮั่วให้ ได้ยินมาว่าผู้หญิงคนนี้หน้าตาไม่แย่ ที่บ้านมีลูกสาวสองคน ไม่มีลูกชาย พี่สาวเธอแต่งงานไปแล้ว เธอแต่เธอ ฝั่งนั้นให้สินเติมของฝ่ายหญิงไม่น้อยเลย แม่อวี๋เหวยหมินเลยยินดี”


เฉินหู่เล่าเรื่องที่เขารู้มา


เฉินเยี่ยนมองเฉินเวย หน้าเฉินเวยเปลี่ยนสีแล้ว วันก่อนเธอยังเจออวี๋เหวยหมินอยู่ ถึงแม้จะทะเลาะกัน แต่อวี๋เหวยหมินไม่ได้บอกเธอเรื่องนี้ นี่หมายความว่าอวี๋เหวยหมินเปลี่ยนใจไปจากเธอแล้ว?


“อวี๋เหวยหมินไม่มีทางตอบตกลง”


เฉินเวยพูดอย่างโมโห พูดจบก็เห็นคนทั้งโต๊ะมองมาที่เธอ เธอรู้ว่าเธอแสดงออกมากไปหน่อย เธอพยายามทำให้ตัวเองสงบลง ไม่พูดอะไรอีก


“พอแล้ว เรื่องคนอื่นไม่เกี่ยวกับพวกเรา ยังไงพวกเราก็ไม่ไปให้ของขวัญวันแต่งงานเขาหรอก รีบกินข้าวเสีย”


หวางนิวเคาะตะเกียบ ให้ทุกคนกินข้าว


เฉินเยี่ยนขำ อวี๋เหยหมินจะสู่ขอแล้ว สู่ขอเสร็จ อันที่จริงแม่อวี๋เหวยหมินหาคู่หมั้นหมายให้อวี๋เหวยหมินมาตลอด เพราะอายุเขาก็ไม่น้อยแล้ว อวี๋เหวยหมินไม่ยอมมาตลอด ดูตอนนี้เหมือนอวี๋เหวยหมินจะหวั่นไหวแล้ว เขากับเฉินเวยจะต้องมีเรื่องขัดแย้งกันใหญ่โตแน่ ทะเลาะกันก็ดี ให้พวกเขาสองคนทะเลาะกันไป ยิ่งทะเลาะกันแรงเท่าไรยิ่งดี สุดท้ายก็เจ็บกันทั้งสองฝ่าย ตัวเองก็แค่ดูเรื่องสนุก


กินข้าวเที่ยงเสร็จ เฉินเวยก็ไป บอกว่าจะไปเล่นกับพี่ๆ น้องๆ แต่เฉินเยี่ยนรู้ เธอต้องไปหาอวี๋เหวยหมินแน่


“เสี่ยวเวยเป็นแบบนี้ทุกวันไม่ได้เรื่องเลย เยี่ยนจื่อ ลูกดูสิ…”


หวางนิวเป็นห่วงลูกสาวคนเล็ก ในใจเธอคิดว่าถ้าหางานให้เฉินเวยทำ ก็จะไม่เป็นแบบนี้ ดังนั้นเธอเลยอยากให้เฉิยเวยเข้าไปในโรงงาน


“แม่ ไม่อย่างนั้นแม่ก็เริ่มหาสามีให้เฉินเวยสิ เธอก็ไม่ถือว่าเด็กแล้ว หาสามี ไม่แน่ อาจจะสงบจิตสงบใจลงได้”


เฉินเยี่ยนรู้ความตั้งใจของหวางนิว แต่เธอตกลงไม่ได้


“ก็ได้ งั้นแม่จะหาให้เธอ”


หวางนิวคิดว่าลูกสาวพูดมีเหตุผล เลยพยักหน้า เริ่มไหว้วานคนหาสามีให้เฉินเวย

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม