รักเล่ห์เร้นใจ 179-185

ตอนที่ 179 ปลดปล่อยบ้านตระกูลอัน

 

อันโฮ่วสยงพอรู้ว่าบ้านตระกูลอันถูกเซียวจิ่งสือตัดหนทางถอยเพราะอันซิง ก็ด่าเธอไปยกใหญ่ แล้วสั่งให้เธอทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้เซียวจิ่งสือยอมปล่อยบ้านตระกูลอัน


 


 


เพื่อให้เซียวจิ่งสือปล่อยบ้านตระกูลอัน อันซิงจึงต้องนำรูปถ่ายที่เดิมตั้งใจจะปล่อยอัพโหลดขึ้นอินเทอร์เน็ตเพื่อทำลายหลินหว่านมาข่มขู่เซียวจิ่งสือ โดยหวังว่าเขาจะรับปากปล่อยบ้านตระกูลอัน


 


 


แน่นอนว่า พอบ้านตระกูลอันกลับมารุ่งได้แล้ว เธอย่อมจะเอาคืน แค้นนี้จากหลินหว่านแน่


 


 


เซียวจิ่งสือฟังคำพูดอันซิงแล้ว หรี่ตาลง เขานึกเข่นเขี้ยวอยู่ในใจ เซียวจิ่งสืออยากจะได้รูปถ่ายของหลินหว่านกลับมา เวลาเดียวกันก็อยากล้มบ้านตระกูลอันให้ได้ แต่เขาเกรงว่าถ้าบีบอันซิงมากไป ไม่แน่ว่ายัยบ้านี่จะปล่อยรูปของหลินหว่านขึ้นอินเทอร์เน็ตจริงๆ ทำเรื่องให้เสียหายกันไปหมด


 


 


“ได้ ฉันรับปากเธอ” เซียวจิ่งสือพูดเสียงเย็น


 


 


อันซิงฟังแล้วถอนใจเฮือกอย่างโล่งอก ดูท่าหลินหว่านนี่เป็นจุดอ่อนของเซียวจิ่งสือจริงๆ ซะด้วย อันโฮ่วสยงฟังแผนของเธอแล้วยังหัวเราะเยาะเธออยู่เลย อันซิงเชื่อว่าต่อไปขอเพียงบีบหลินหว่านให้อยู่หมัด ก็เท่ากับควบคุมเซียวจิ่งสือไว้ได้แล้ว


 


 


“คุณหนูอัน อย่างนั้นผมนำรูปกลับมาได้หรือยัง” เซียวจิ่งสือถามอันซิง


 


 


“รอเดี๋ยวค่ะ คุณยังต้องปล่อยตัวคนที่ร่วมมือกับบ้านตระกูลอันที่คุณจับตัวไว้ด้วย” อันซิงเพิ่มเงื่อนไขทันควัน “รอให้บ้านตระกูลอันปลอดภัยแล้ว ฉันค่อยให้รูปถ่ายกับคุณ ไม่อย่างนั้น ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณจะไม่ผิดคำพูด? คุณเซียว ฉันทำแบบนี้ก็เพื่อบ้านตระกูลอัน ไม่อย่างนั้น พวกเราก็พังไปด้วยกันนี่แหละ!”


 


 


“ได้…” เซียวจิ่งสือได้แต่กัดฟันรับปาก


 


 


ภายในห้องที่ทั้งแคบทั้งสกปรก คนคนหนึ่งถูกขังอยู่ที่นี่มาสองวันแล้ว เขาก็คือท่านประธานที่ร่วมมือกับบ้านตระกูลอันคิดจะทำเรื่องเลวร้ายกับหลินหว่านคืนนั้นในห้องพักของโรงแรม


 


 


หลังจากถูกหลินหว่านทำร้าย เขาก็ไล่ตามเธอไป พอเห็นหลินหว่านบุกเข้าไปในอีกห้องหนึ่ง เขาจึงกลับไปอย่างไม่เต็มใจนัก แต่ที่ไหนได้ วันรุ่งขึ้นกลับมีคนไปจับตัวเขามาที่นี่ จากคำพูดของฝ่ายตรงข้ามทำให้เขารู้ว่า พวกเขาเป็นคนของเซียวจิ่งสือ จับตัวเขามาเพราะเรื่องของหลินหว่าน


 


 


ทันใด ประตูถูกผลักออก ที่หน้าประตูมีเงาร่างสองยืนอยู่ เขาเห็นดังนั้นก็รีบโผเข้าไปร่ำร้องว่า “คุณหนูอัน คุณมาแล้ว! ช่วยผมออกไปด้วยเถอะ…คุณเซียว ขอโทษครับ! ผมผิดไปแล้ว! ปล่อยผมไปเถอะนะครับ! ผมไม่กล้าคิดร้ายกับคุณหลินอีกแล้ว…”


 


 


เซียวจิ่งสือมองดูคนตรงหน้าอย่างเย็นชา จับตัวเขามา เดิมทีคิดจะสั่งสอนเขาให้สมใจสักตั้ง พอคิดว่าเขาวางแผนทำลายหลินหว่าน เซียวจิ่งสือก็อารมณ์ขึ้น อยากให้เจ้านี่หายตัวไปจากโลกนี้ทันที!


 


 


“คุณเซียว ยังไม่ปล่อยคนอีก?” อันซิงถามเซียวจิ่งสือ พอเห็นสภาพไอ้ประธานหื่นนั่นแล้ว เธอแอบนึกในใจว่าเซียวจิ่งสือร้ายกาจได้ปานนี้เชียว


 


 


“ปล่อยมัน!” เซียวจิ่งสือสั่งการกับผู้ติดตามด้านหลังเขาด้วยสีหน้าเย็นชากระด้าง ผู้ติดตามได้ฟังก็เข้าไปแก้มัดชายคนนั้น แล้วปล่อยเขาเป็นอิสระ


 


 


“ขอบคุณคุณเซียว! ขอบคุณคุณเซียว!” ชายคนนั้นพอได้เป็นอิสระก็รีบเข้ามาประจบเซียวจิ่งสือ จากนั้นลนลานวิ่งเข้าไปหาอันซิง


 


 


อันซิงได้ตัวคนแล้วก็จะจากไป เสียงเย็นเยียบของเซียวจิ่งสือดังมาจากด้านหลัง “คุณหนูอัน ผมปล่อยคนแล้ว ผมก็น่าจะได้รูปกลับมาแล้วล่ะมั้ง”


 


 


“คุณเซียว ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอคะ รอให้บ้านตระกูลอันพ้นจากอันตรายแล้ว ฉันจึงจะมอบภาพถ่ายให้คุณ” อันซิงชะงัก หันมาประจันหน้ากับเซียวจิ่งสือ


 


 


“แต่เผื่อว่า คุณหนูอันไม่รักษาคำพูดล่ะ?” เซียวจิ่งสือพูดต่อว่า “เอาอย่างนี้ คุณหนูอันมอบรูปถ่ายให้ผมตอนนี้เถอะ อย่างนี้ผมจะได้ปล่อยบ้านตระกูลอันไปตอนนี้เลย”


 


 


อันซิงไม่โง่ เธอรู้ว่าภาพถ่ายในมือเธอพวกนั้น เป็นสิ่งเดียวที่จะสามารถข่มขู่เซียวจิ่งสือได้ในตอนนี้ พอมอบให้เซียวจิ่งสือแล้ว ไม่แน่ว่าเซียวจิ่งสือได้ไปแล้ว ก็จะหันมาเล่นงานบ้านตระกูลอันต่ออีก


 


 


อันซิงพูดว่า “แต่…เซียวจิ่งสือ วันนี้ฉันไม่ได้เอาทรัมป์ไดร์ฟที่ใส่รูปมาด้วย ดังนั้นเรื่องรูปถ่ายเราไว้พูดกันคราวหน้าเถอะ” อันซิงพูดจบ ก็จากไปพร้อมกับคนร่วมมือกับตระกูลอัน


 


 


“ปัดโธ่…” เซียวจิ่งสือรู้สึกเหมือนตัวเองถูกหลอกอย่างไรอย่างนั้น เขาอัดกำปั้นเข้าใส่ประตูที่อยู่ด้านข้างอย่างแรง


 


 


เซียวจิ่งสือไม่ได้บอกเรื่องบ่ายวันนี้กับหลินหว่าน รวมทั้งที่พบกับอันซิงและปล่อยตัวคนร่วมมือกับบ้านตระกูลอัน


 


 


ประการแรก เพราะเกรงว่าหลินหว่านจะหึงเขากับอันซิง ประการที่สอง เพราะเซียวจิ่งสือไม่อยากให้หลินหว่านรู้ว่า เขาปล่อยตัวไอ้คนที่ทำร้ายเธอ แล้วเข้าใจผิดว่าเขาเป็นคนเบื้องหน้าทำอย่างหนึ่ง ลับหลังทำอีกอย่างหนึ่ง


 


 


หลินหว่านกะเวลาที่ปกติเซียวจิ่งสือเลิกงาน มาที่บริษัท ตอนเที่ยงเซียวจิ่งสือพูดยั่วโมโหเธอ พอเธอไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าเซียวจิ่งสือไม่ได้ตามมาหาเธอ


 


 


แต่หลินหว่านก็รู้สึกไม่ดีที่จะตั้งคำถามกับเซียวจิ่งสือ คิดไปคิดมา เธอตั้งใจว่าจะรอให้เซียวจิ่งสือเลิกงาน มาหาเขาที่บริษัท ใช้ข้ออ้างที่บอกว่าจะทำอาหารเย็นให้เขา ออกไปซื้อกับข้าวกับเขา จากนั้นคืนดีกับเขา


 


 


“เฮ้! พวกคุณรู้ไหมเที่ยงนี้คุณหนูใหญ่อันของบ้านตระกูลอัน มาหาท่านประธานของพวกเราที่บริษัทด้วย ท่านประธานเซียวกับเธออยู่ในห้องทำงานด้วยกันสองต่อสองตั้งนาน แล้วยังไม่ให้คนอื่นไปรบกวนด้วย ฉันไปส่งเอกสารให้ประธานเซียว ยังถูกผู้ช่วยของเขาขวางไว้นอกห้องทำงานเลย!”


 


 


ยังไม่ทันได้เข้าบริษัท หลินหว่านก็ได้ยินพนักงานหลายคนแอบซุบซิบกันยามว่าง


 


 


“จริงเหรอ? เมื่อตอนเช้าประธานเซียวยังหวานกับคุณหลินต่อหน้าผู้คนอยู่เลยไม่ใช่เหรอ ทำไมยังจะไปมีอะไรกับอันซิงได้ล่ะ?”


 


 


“อันนี้ฉันก็ไม่รู้ แต่ว่าอันซิงเป็นคุณหนูใหญ่บ้านตระกูลอัน แล้วยังเคยหมั้นหมายกับท่านประธานเซียว หรือว่าท่านประธาน…”


 


 


คำพูดต่อมาหลินหว่านได้ยินไม่ชัด แต่จากบทสนทนาของพวกเขา เธอพอจะเดาได้ว่าจะพูดอะไรบ้าง


 


 


“พวกเธออย่าซี้ซั้วพูดแล้ว ลืมแล้วเหรอที่เมื่อวานท่านประธานเซียวสั่งเอาไว้ ว่าจะเล่นงานบ้านตระกูลอันโดยไม่สนว่าจะต้องทำอย่างไรบ้างนะ”


 


 


ตอนนั้น ก็มีคนหนึ่งพูดแทรกขึ้น


 


 


“เธอยังไม่ได้ข่าวอีกเหรอ? เมื่อครู่ท่านประธานเซียวเพิ่งสั่งว่า เขาจะปล่อยบ้านตระกูลอัน ให้พวกเราหยุดแผนโจมตีบ้านตระกูลอันด่วน”


 


 


พนักงานที่เอ่ยปากคนแรกแย้งขึ้นอีก


 


 


“หา? ถ้างั้น…หรือว่าอันซิงมาขอร้องท่านประธานเซียวของเราให้ปล่อยบ้านตระกูลอัน จากนั้นท่านประธานก็รับปากงั้นสิ”


 


 


“ฉันรู้สึกว่าน่าจะเป็นอย่างที่เธอพูดนะ ไม่อย่างงั้นทำไมท่านประธานจะพูดกลับไปกลับมา ปล่อยบ้านตระกูลอัน…”


 


 


คำพูดของเธอจู่ๆ ก็ถูกคนก่อนหน้านั้นขัดขึ้น “เอาล่ะๆ ไม่ต้องเถียงกันเรื่องนี้แล้ว พวกเรารีบไปทำงานกันเถอะ ไม่งั้นท่านประธานเซียวมาเห็นเข้า ได้ถูกหักเงินเดือนกันหรอก”


 


 


ดังนั้นเอง ทั้งสามจึงไม่กล้านินทานายกันอีก รีบไปทำงานกันต่อ


 


 


พวกเธอเหล่านั้นไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่า ด้านนอกออฟฟิศมีคนยืนอยู่คนหนึ่ง หลินหว่านได้ยินคำสนทนาเมื่อครู่ของพวกเขาทั้งหมด


 


 


หลินหว่านได้ฟังแล้ว หัวใจเย็นเยือกเหมือนกับตกอยู่ในถ้ำน้ำแข็งอย่างไรอย่างงั้น เธอผิดหวังอย่างที่สุด หลินหว่านหมุนตัวแล้วก้าวเท้าออกไปทีละก้าว ไปจากบริษัท 

 

 


ตอนที่ 180 โพสต์

 

ในช่วงเวลาที่บ้านตระกูลอันถูกเซียวจิ่งสือเล่นงานอยู่นั้น บนอินเทอร์เน็ตมีคนโพสต์เปรียบเทียบอันซิงกับหลินหว่าน ได้ข้อสรุปว่าอันซิงไม่เพียงสวยสู้หลินหว่านไม่ได้แล้ว ฝีมือการแสดงก็ยังสู้หลินหว่านไม่ได้อีก แค่อันซิงมีบ้านตระกูลอันหนุนหลัง ฐานะทางบ้านดีกว่าหลินหว่านเท่านั้นเอง ต่อมาฐานะของบ้านตระกูลอันตกต่ำลง อันซิงยิ่งเทียบหลินหว่านไม่ติดสักอย่าง


 


 


หลังจากโพสต์นี้ปรากฏขึ้น อันซิงก็ถูกชาวเน็ตเยาะหยันและถากถางมาตลอด


 


 


แต่แล้ววันนี้ บนอินเทอร์เน็ตก็ปรากฏโพสต์หนึ่งที่เกี่ยวกับอันซิง คนที่ลงโพสต์เผยข้อมูลว่า บ้านตระกูลอันผ่านช่วงวิกฤตมาได้แล้ว เพราะเซียวจิ่งสือยอมปล่อยมือจากบ้านตระกูลอัน


 


 


และสาเหตุที่เซียวจิ่งสือยอมปล่อยบ้านตระกูลอันก็เพราะอันซิง เซียวจิ่งสือกับอันซิงมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง พวกเขามีพันธะหมั้นหมายต่อกัน เซียวจิ่งสือจึงยอมปล่อยบ้านตระกูลอันเพราะอันซิง


 


 


โพสต์นี้เผยแพร่ออกไปแล้วสร้างกระแสได้ไม่น้อยเลยทีเดียว


 


 


เพราะจากข่าวเมื่อสองวันก่อน บ้านตระกูลอันรอดพ้นวิกฤตมาได้แล้วจริงๆ และฟื้นฟูกิจการอย่างรวดเร็ว หรือว่าจะเกี่ยวกับอันซิงจริงๆ?


 


 


คนที่เข้ามาคอมเมนต์ที่ด้านล่างโพสต์ต่างพากันถกเถียงเรื่องความสัมพันธ์ของเซียวจิ่งสือกับอันซิง


 


 


ถึงตอนนี้ก็มีคนเอ่ยขึ้นว่าเซียวจิ่งสือเคยมีข่าวกับหลินหว่านด้วย ถ้าอย่างนั้น ข่าวของเซียวจิ่งสือกับสาวคนไหนที่เป็นความจริงกันนะ?


 


 


สิ่งที่ตามมาก็คือ เนื่องจากข้อความนี้ ผู้คนที่เข้ามาตอบโพสต์ด้านล่างเริ่มตั้งข้อสงสัยกับเจ้าของโพสต์ สงสัยว่าโพสต์นี้เป็นจริงหรือเท็จกันแน่


 


 


แต่เจ้าของโพสต์เผยข้อมูลตามมาอีกว่า บ้านตระกูลอันกำลังเตรียมจัดงานเลี้ยง เซียวจิ่งสือต้องไปร่วมงานแน่ ถึงตอนนั้น ก็จะรู้เองว่าข้อความในโพสต์เป็นจริงหรือเท็จ


 


 


ข้อความนี้พอส่งออกมาแล้ว ชาวเน็ตก็รู้สึกว่าเจ้าของโพสต์ดูไม่เหมือนพูดลอยๆ ปั้นน้ำเป็นตัวขึ้นเอง จึงมีคนสงสัยต่อความจริงของโพสต์น้อยลงไปส่วนหนึ่ง


 


 


ดังนั้น ตลอดทั้งวัน สังคมออนไลน์พากันถกเถียงเรื่องความสัมพันธ์ของเซียวจิ่งสือกับอันซิงว่าเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาสองคนจะเป็นอย่างในโพสต์ว่าไว้จริงหรือไม่


 


 


“อันซิง คราวนี้โชคดีที่ได้เธอช่วยไว้นะ บ้านตระกูลอันจึงรอดพ้นวิกฤต มาสิ ทานเยอะๆ นะ”


 


 


ตอนทานอาหารเย็น อันโฮ่วสยงนึกถึงสถานการณ์บ้านตระกูลอันที่ดีขึ้นเรื่อยๆ แล้วคีบกระดูกซี่โครงให้อันซิงชิ้นหนึ่ง พลางกล่าวชื่นชม


 


 


เดิมทีเขาเห็นว่าความคิดของอันซิงที่จะใช้ภาพถ่ายข่มขู่เซียวจิ่งสือให้ปล่อยบ้านตระกูลอันนั้นเป็นเรื่องน่าขบขันที่สุด ใครจะเห็นว่าแค่รูปถ่ายไม่กี่ใบสำคัญยิ่งกว่าเครือบริษัทของทั้งตระกูล? แต่คิดไม่ถึงว่าจะสำเร็จจริงๆ ซะด้วย คงต้องบอกว่า วีรบุรุษยากผ่านด่านสาวงาม…ไม่สิ ต้องบอกว่านังเด็กนอกคอกหลินหว่านนั่นปั่นหัวเซียวจิ่งสือเสียอยู่หมัดต่างหาก!


 


 


“ขอบคุณค่ะ คุณปู่” อันซิงพูดด้วยท่าทางสงบเสงี่ยม


 


 


จู่ๆ อันโฮ่วสยงก็ถามขึ้นว่า “อันซิง หลานเห็นว่าเซียวจิ่งสือเป็นอย่างไรบ้าง? ตอนหลานไปพบเซียวจิ่งสือ เขาดีต่อหลานหรือเปล่า มีอะไรพิเศษบ้างไหม?”


 


 


พอนึกถึงท่าทีเย็นชาของเซียวจิ่งสือ อันซิงก็ตอบว่า “คุณปู่คะ ปู่ก็รู้เรื่องของเขากับหลินหว่านดีนี่คะ หนูใช้รูปถ่ายของหลินหว่านไปข่มขู่เขา เขาจะดีกับหนูได้อย่างไรกันคะ?”


 


 


อันโฮ่วสยงฟังแล้ว รู้สึกขัดใจอยู่บ้าง อันที่จริงเขายังอยากให้อันซิงแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับเซียวจิ่งสือ อันซิงเป็นคุณหนูใหญ่ของบ้านตระกูลอัน บ้านตระกูลอันไม่มีทายาทอื่นอีก แต่ไม่รู้ว่าทำไมเซียวจิ่งสือจึงเลือกหลินหว่าน แต่กลับไม่ยอมเลือกอันซิง


 


 


“อันซิง พักนี้บ้านตระกูลอันกำลังเตรียมจัดงานเลี้ยงอยู่ไม่ใช่เหรอ พรุ่งนี้เธอก็เอาบัตรเชิญไปให้เซียวจิ่ง


 


 


สือสิ ให้เขามาร่วมงานให้ได้นะ” อันโฮ่วสยงยังไม่ยอมละทิ้งความคิดเดิม


 


 


อันซิงพูดกับเขาว่า “วางใจเถอะค่ะ คุณปู่ หนูรับประกันความสำเร็จได้เลย เซียวจิ่งสือต้องมางานแน่”


 


 


หลังอาหารเย็น อันซิงกลับถึงห้องพัก มองดูจำนวนคนที่เข้ามาตอบโพสต์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้วเธออดหัวเราะไม่ได้


 


 


ใช่เลย โพสต์เรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับเซียวจิ่งสือ เป็นผลงานนิรนามของอันซิงที่โพสต์ลงอินเทอร์เน็ตเอง


 


 


คนที่เธอเกลียดที่สุดคือหลินหว่าน สิ่งที่เธออยากเห็นมากที่สุดคือหลินหว่านถูกเธอเหยียบไว้ใต้ฝ่าเท้าตลอดไป ดังนั้น ของๆ หลินหว่านเธอจะแย่งเอามาทั้งหมด รวมทั้งเซียวจิ่งสือ


 


 


วันรุ่งขึ้น อันซิงมาที่บริษัทของเซียวจิ่งสือ เดินตรงเข้าห้องทำงานของเขา พนักงานบริษัทของเซียวจิ่งสือเห็นแล้วก็นึกถึงโพสต์ที่กำลังเป็นกระแสข่าวร้อนบนอินเทอร์เน็ตนั่น จึงพากันแอบถกเถียงกันเรื่องความสัมพันธ์ของอันซิงกับท่านประธานเซียวของพวกเขา


 


 


“อันซิง? ทำไมเธอมานี่ได้?” เซียวจิ่งสือเห็นอันซิงผลักประตูเปิดเข้ามา ก็ขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจนัก จากนั้นนึกถึงเรื่องภาพถ่าย จึงพูดขึ้นว่า “พอดีเลย รูปถ่ายของหลินหว่านเธอเอามาด้วยแล้วใช่ไหม? ผมปล่อยมือจากบ้านตระกูลอันตามข้อเสนอของคุณแล้ว คุณหนูอันก็น่าจะรักษาคำพูด เอาภาพถ่ายมาให้ผมได้แล้วล่ะมั้ง!”


 


 


อันซิงได้ฟังก็เดินมาตรงหน้าเซียวจิ่งสือ พูดว่า “ท่านประธานเซียว เรื่องภาพถ่ายคุณอย่าเพิ่งร้อนใจไป วันนี้ฉันมาด้วยเรื่องอื่นค่ะ”


 


 


พูดพลาง อันซิงก็หยิบบัตรเชิญออกมาใบหนึ่ง วางลงตรงหน้าเซียวจิ่งสือ “ตอนบ่ายวันพรุ่งนี้บ้านตระกูลอันจัดงานเลี้ยง ถ้าประธานเซียวไม่อยากเห็นภาพถ่ายของหลินหว่านบนอินเทอร์เน็ตก็กรุณามาร่วมงานเลี้ยงให้ตรงเวลานะคะ”


 


 


อันซิงรู้ว่าภาพถ่ายของหลินหว่านในมือเธอในตอนนี้เป็นไพ่ตายที่สามารถใช้บังคับควบคุมเซียวจิ่งสือได้ เธอย่อมจะไม่มอบให้เขาง่ายๆ แน่


 


 


เซียวจิ่งสือก็รู้เหตุผลข้อนี้ดี เขากวาดตามองบัตรเชิญแวบหนึ่ง ยิ้มเยาะว่า “คุณหนูอันนี่ดีนะ รู้จักแต่ใช้รูปถ่ายมาแบล็คเมล์กัน หรือว่าบ้านตระกูลอันฟื้นคืนชีพแล้วเลยกล้าถือดีขึ้นมา? คุณไม่กลัวว่าผมจะจัดการกับบ้านตระกูลอันอีก จนลุกไม่ขึ้นได้แต่รอให้บ้านตระกูลเซียวมาซื้อกิจการไปหรือไง”


 


 


“ประธานเซียว คุณวางใจได้เลย รอให้งานเลี้ยงคราวนี้จบลง ฉันจะคืนรูปถ่ายให้คุณแน่ ฉันรับรองได้ว่าพูดจริงทำจริง” อันซิงพูดกับเซียวจิ่งสืออย่างไม่สะทกสะท้าน


 


 


แน่นอนว่า ในงานเลี้ยงเธอมีแผนต่างหาก เธอจะไม่ยอมให้เซียวจิ่งสือหลุดมือเธอไปได้หรอก


 


 


เซียวจิ่งสือไม่ค่อยจะเชื่อนัก เขาจ้องอันซิงอย่างสำรวจอยู่ชั่วครู่แล้วพูดเสียงเย็นว่า “ครั้งสุดท้าย อันซิง ผมจะเชื่อคุณเป็นครั้งสุดท้าย”


 


 


ถ้าไม่ใช่เพื่อรูปถ่ายของหลินหว่าน เขาจะมาทนให้อันซิงข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่าได้อย่างไรกัน!


 


 


“งั้นพรุ่งนี้ประธานเซียวต้องมาร่วมงานให้ได้นะคะ” อันซิงพูดด้วยรอยยิ้มที่กำชัยชนะ


 


 


อันซิงจากไปแล้ว ไม่นานนัก หลินหว่านก็มาถึงบริษัท


 


 


ห้องพักผ่อนของพนักงานในออฟฟิศยิ่งครึกครื้นกันไปใหญ่ มีพนักงานไม่น้อยรวมกลุ่มกันแอบถกเถียงเรื่องความสัมพันธ์สามเส้าของท่านประธานพวกเขากับอันซิงและหลินหว่าน


 


 


หลินหว่านมาถึงห้องทำงานของเซียวจิ่งสือ เซียวจิ่งสือเห็นเธอก็ทักทายอย่างดีใจ “หว่านหว่าน คุณมาแล้ว”


 


 


หลินหว่านมาถึงตรงหน้าเซียวจิ่งสือ แอบกวาดสายตาอย่างละมุนละม่อมไปทางบัตรเชิญบนโต๊ะ แล้วถามด้วยน้ำเสียงปกติว่า “เซียวจิ่งสือ ฉันได้ยินมาว่า…คุณปล่อยมือจากบ้านตระกูลอันแล้ว?”


 


 


เซียวจิ่งสือไม่ได้บอกเรื่องนี้กับหลินหว่าน และไม่ได้บอกเรื่องที่อันซิงใช้รูปถ่ายของเธอมาขู่เขา พอเขาได้ยินหลินหว่านถามก็ตอบว่า “หว่านหว่าน เรื่องนี้เดี๋ยวอีกสองวันผมค่อยอธิบายรายละเอียดกับคุณ ดีไหม”


 


 


เซียวจิ่งสือตั้งใจว่ารอให้ได้รูปถ่ายกลับคืนมาแล้ว ค่อยบอกเรื่องราวเป็นไปทั้งหมดให้หลินหว่านฟัง ถ้าถ้าบอกเธอตอนนี้ เกรงว่าจะทำให้เธอกังวลใจซะเปล่าๆ 

 

 


ตอนที่ 181 งานเลี้ยง

 

หลินหว่านได้ฟังแล้ว หัวใจก็รู้สึกหนักอึ้งขึ้นมา เธอถามอีกว่า “เมื่อครู่อันซิงมาเหรอคะ”


 


 


“ธ…เธอ…” เซียวจิ่งสือลังเลอยู่บ้าง ไม่รู้ทำไม เขาไม่อยากให้หลินหว่านรู้ว่าเขาจะไปร่วมงานเลี้ยงบ้านตระกูลอัน


 


 


“เอาเถอะ เซียวจิ่งสือ คุณไม่ต้องอธิบายแล้ว” หลินหว่านหัวเราะเบาๆ แล้วพูดเสียงเย็น


 


 


พูดจบ เธอก็จากไปโดยไม่หันกลับมาอีก


 


 


ก่อนหน้านี้ ที่หลินหว่านมาถึงบริษัทของเซียวจิ่งสือ บังเอิญได้พบกับอันซิงที่เพิ่งออกมาจากบริษัท


 


 


อันซิงเห็นเธอแล้วก็เยาะเย้ยอย่างไม่กริ่งเกรง “หลินหว่าน เธอมาหาเซียวจิ่งสือสินะ? หึหึ ฉันจะบอกให้เอาบุญว่าอย่ามาตามตื๊อเขาอีกต่อไปเลย เซียวจิ่งสือจะช้าจะเร็วก็ต้องเป็นคนของฉันวันยังค่ำ”


 


 


“ธ…เธออย่ามาพูดมั่วนะ!” หลินหว่านฟังคำพูดอันซิงแล้วรู้สึกเหลือเชื่อ


 


 


“ถ้าเธอไม่เชื่อ พรุ่งนี้บ้านตระกูลอันมีจัดงานเลี้ยง เซียวจิ่งสือจะมาร่วมงานด้วย ในงานเลี้ยงอาจมีเหตุการณ์เด็ดๆ ที่เธอคิดไม่ถึงเกิดขึ้นก็ได้นะ!” อันซิงนึกถึงแผนการของตัวเองแล้ว ยกยิ้มที่มุมปาก หัวเราะออกมาเบาๆ


 


 


หลินหว่านยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งกับคำพูดของอันซิง แต่พอเธอถามเซียวจิ่งสือ นึกไม่ถึงว่าเขากลับมีท่าทีอ้ำๆ อึ้งๆ เหมือนกับมีเรื่องบางอย่างปิดบังเธออยู่


 


 


หลินหว่านออกมาจากห้องทำงานของเซียวจิ่งสืออย่างผิดหวังท้อแท้ แต่ว่าเธอจะรอดูวันพรุ่งนี้ ในงานเลี้ยงจะเกิดเรื่องอะไรที่เธอนึกไม่ถึง!


 


 


บ่ายวันต่อมา งานเลี้ยงของบ้านตระกูลอันจัดขึ้นที่โรงแรมหรูเลิศที่สุดในเมือง อันโฮ่วสยงไม่เพียงจัดงานที่โรงแรมหรูที่สุด ยังเชื้อเชิญกลุ่มชนชั้นสูงและผู้มีชื่อเสียงมากมาย เขาต้องการบอกกับทุกคนว่าบ้านตระกูลอันไม่ได้ตกต่ำ ยังเข้มแข็งทรงอิทธิพลดังเดิม นับแต่นี้ต่อไป บ้านตระกูลอันยังจัดอยู่ในตระกูลคหบดีใหญ่เช่นเดิม


 


 


ในงานเลี้ยง ท่ามกลางแสงสปอร์ตไลท์สาดส่อง บรรดาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพลและไฮโซทั้งหลายพากันทยอยเข้ามาในงาน พวกเขาสังสรรค์ดื่มกินกันในงานเลี้ยง ทั้งเป็นการพบปะเจรจาสานสัมพันธ์ทางธุรกิจไปพร้อมกันด้วย


 


 


หลังงานเลี้ยงเริ่มขึ้นได้สักพัก เซียวจิ่งสือจึงมาถึง อันโฮ่วสยงเห็นเขาแล้วก็ถอนใจอย่างโล่งอก เขายังเข้าใจว่าเซียวจิ่งสือจะไม่มาเสียอีก


 


 


“จิ่งสือ คุณมาจนได้นะ” อันโฮ่วสยงเอ่ยทักเซียวจิ่งสือพร้อมรอยยิ้มยินดี


 


 


“ประธานอัน ขอโทษที่ผมมาช้าไป ติดธุระของบริษัทนิดหน่อยครับ” เซียวจิ่งสือออกตัวเสียงเรียบ


 


 


“ไม่เป็นไรๆ งานเพิ่งจะเริ่ม จิ่งสือคุณรีบมาเร็วเข้าเถอะ” พูดพลาง อันโฮ่วสยงก็นำเซียวจิ่งสือเข้างาน


 


 


เซียวจิ่งสือมาถึงภายในงานเลี้ยง ผู้คนมากมายเห็นเช่นนั้นก็แวะเวียนเข้ามาทักทาย เซียวจิ่งสือก็ตอบรับอย่างคล่องแคล่ว


 


 


พอหาโอกาสได้ เซียวจิ่งสือก็ปลีกตัวออกมาที่มุมหนึ่งของงาน เมื่อครู่เขาดื่มเหล้าไปมากมาย อยากจะอยู่เงียบๆ สักหน่อย


 


 


ตอนนั้นเอง เสียงพูดคุยกันของคนสองคนดังมาเข้าหูเขาพอดี


 


 


“คุณหนูอัน เมื่อครู่ท่านประธานเซียวมาถึงแล้ว”


 


 


“ดีแล้ว เหล้าสองแก้วนี้ด้านซ้ายใส่ยาไว้ ด้านขวาไม่มียานะ เธอช่วยฉันเฝ้าไว้ให้ดีล่ะ อย่าให้ใครมาเอาไป ฉันจะไปเติมหน้าที่ห้องน้ำก่อน เข้าใจไหม?”


 


 


“เข้าใจแล้วค่ะ คุณหนูอัน”


 


 


สองคนนี้น่าจะเป็นเสียงของอันซิงกับบริกรสาว เซียวจิ่งสือได้ยินแล้วหัวเราะหยันอยู่ในใจ อันซิงถึงกับคิดจะวางยาเขา?


 


 


เขามองไปยังทิศทางต้นเสียง น่าจะเป็นครัวหลัง ที่นี่มีคนผ่านมาน้อยมาก


 


 


ขณะที่บริกรสาวรออันซิงกลับมานั้น จู่ๆ ก็เห็นเซียวจิ่งสือเดินเข้ามาหา เธอใจสั่นระรัว หรือว่าเรื่องวางยาจะถูกจับได้แล้ว?


 


 


ตอนนั้นเอง เธอกลับเห็นว่าเซียวจิ่งสือเดินตาลอย ท่าทางมึนเมามาพูดกับเธอว่า “ช่วยหายาแก้เมาให้ผมหน่อยสิ ได้ไหม?”


 


 


“ด…ได้…ได้ค่ะ” บริกรสาวได้ฟังก็โล่งอก ตอบรับปากคอสั่น จากนั้นรีบไปหายาแก้เมาให้เซียวจิ่งสือ


 


 


พอบริกรสาวไปแล้ว ดวงตาซึมเซาด้วยอาการเมาเหล้าของเซียวจิ่งสือก็หายวับ เปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกแทน เขาก้าวเข้าไปชิดโต๊ะที่วางแก้วเหล้าทั้งสองใบแล้วสลับตำแหน่ง


 


 


แก้วทั้งใบไม่ว่าจะที่มียาหรือไม่มียา ดูภายนอกแล้วไม่มีตรงไหนต่างกันเลย ดังนั้น เซียวจิ่งสือสลับตำแหน่งมันแล้วก็ดูไม่ออกว่าต่างไปจากเมื่อก่อนอย่างไร


 


 


บริกรสาวเอายาแก้เมามาให้อย่างเร็ว เซียวจิ่งสือมองเธอแล้วพูดเสียงต่ำว่า “ขอบคุณ” แล้วจากไป


 


 


เซียวจิ่งสือไปแล้ว บริกรมองดูแก้วเหล้าสองใบนั้น เห็นว่าไม่ต่างไปจากเดิมก็ค่อยวางใจลง หรือว่าเป็นเรื่องบังเอิญ เซียวจิ่งสือจะรู้ได้อย่างไรว่าในแก้วเหล้าใส่ยาไว้?


 


 


ไม่นานนักอันซิงก็กลับมา เธอเติมหน้าใหม่แต่ก็เปลี่ยนไปไม่มากนัก อันซิงถามบริกรว่า “เมื่อครู่มีใครมาหรือเปล่า?”


 


 


บริกรรีบตอบว่า “คุณหนูอันคะ ท่านประธานเซียวมาค่ะ แต่ดูเหมือนเขาจะเมาเหล้า จึงให้ฉันไปหายาแก้เมาให้ค่ะ”


 


 


“เซียวจิ่งสือ?” อันซิงขมวดคิ้วแน่น จากนั้นเดินไปที่แก้วเหล้าสองใบนั้น พอเห็นว่าเหมือนกับตอนก่อนเธอไป ก็ถามว่า “เขาให้เธอไปเอายาแก้เมา? เขาเมาแล้วจริงๆ เหรอ”


 


 


“ค่ะ ท่านประธานเซียวดูท่าทางเมาแล้วจริงๆ” บริกรสาวพูด


 


 


อันซิงคิดดูแล้ว เซียวจิ่งสือไม่มีทางรู้ว่าในแก้วเหล้าใส่ยาไว้ ยิ่งไม่น่าจะรู้ว่าเหล้าสองแก้วนี้เตรียมไว้สำหรับเขาโดยเฉพาะ บางทีคงเป็นแค่ความบังเอิญจริงๆ


 


 


“เอาล่ะ เธอไปเถอะ จำไว้ด้วยเรื่องนี้ห้ามพูดออกไปเด็ดขาด” สุดท้าย อันซิงหันมากำกับบริกรอย่างรำคาญ


 


 


อันซิงถือแก้วเหล้าสองใบนั้น มาหาเซียวจิ่งสือ พอเห็นว่าเซียวจิ่งสือมีท่าทางเมาเหล้าอยู่จริงๆ เธอก็คลายใจลงได้ในที่สุด


 


 


“จิ่งสือ ขอบคุณที่วันนี้มาร่วมงานเลี้ยงนะคะ มาค่ะ เรามาดื่มร่วมกันสักแก้ว” อันซิงส่งแก้วเหล้าใบที่เธอใส่ยาไว้ให้เซียวจิ่งสือ พูดแล้วมองดูเขาด้วยรอยยิ้ม


 


 


เซียวจิ่งสือไม่รับ ใช้สายตามึนซึมที่ดูไม่ออกว่าคิดอะไรมองดูเธอนิ่งอยู่


 


 


อันซิงรู้สึกหวั่นใจขึ้นมากะทันหัน แต่พอเธอนึกว่าขอเพียงเซียวจิ่งสือดื่มเหล้าแก้วนี้เข้าไป เขาก็จะเป็นของเธอ อันซิงจึงพูดกับเซียวจิ่งสืออีกว่า “จิ่งสือ รูปถ่ายของหลินหว่านรอให้เสร็จงานเลี้ยงนี้แล้ว ฉันจะคืนให้คุณนะคะ นี่ถือเป็นคำขอสุดท้ายของฉัน ได้ไหมคะ”


 


 


“เธอพูดเองนะ!” เซียวจิ่งสือพูดเสียงเย็น แล้วรับเอาแก้วเหล้าไป ดื่มรวดเดียวจนหมด


 


 


อันซิงเห็นดังนั้นก็นึกดีใจสุดๆ จากนั้นดื่มเหล้าในแก้วของตัวเองจนหมด ตอนนี้ เธอแค่รอให้ยาในตัวเซียวจิ่งสือออกฤทธิ์ พาเขาไปที่ห้องพักของโรงแรมที่จัดเตรียมไว้ก็ได้แล้ว


 


 


แต่ไม่รู้ว่าทำไม เธอกลับรู้สึกร้อนอยู่บ้าง ขณะที่เธอนึกแปลกใจอยู่นั้น ก็เห็นว่าจู่ๆ เซียวจิ่งสือล้มลงบนโต๊ะ


 


 


หรือว่ายาออกฤทธิ์แล้ว? อันซิงตื่นเต้นดีใจมาก เธอรีบเข้าไปหาเขาร้องเรียกเบาๆ ว่า “จิ่งสือ จิ่งสือ คุณเป็นอะไรไปคะ ฉันจะพาคุณกลับห้องพักนะคะ”


 


 


เซียวจิ่งสือดวงตาปิดสนิท ส่งเสียง “อื้ม” มาคำหนึ่ง ผงกศีรษะขึ้นอย่างลำบาก


 


 


ดูท่าว่ายาออกฤทธิ์แล้ว อันซิงหัวใจพองโตด้วยความดีใจ


 


 


จากนั้น อันซิงก็ประคองเซียวจิ่งสือ กลับไปยังห้องพักของโรงแรมที่เธอเตรียมไว้ก่อนแล้ว


 


 


แต่ที่เซียวจิ่งสือกับอันซิงไม่รู้ก็คือ ภาพที่พวกเขาสองคนเข้าห้องไปด้วยกันนั้นตกอยู่ในสายตาของหลินหว่านอย่างชัดเจน 

 

 


ตอนที่ 182 ยั่วยวนซึ่งหน้า

 

อันซิงร้อนรุ่มไปทั้งตัว หอบหายใจถี่พลางกอดร่างเซียวจิ่งสือที่ถอดเสื้อนอกออก เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวเดียว สายตาทั้งคู่เลื่อนลอยเหม่อมองผู้ชายตรงหน้าที่เธอใฝ่ฝันอยากครอบครองมานาน เธอได้กลิ่นกายชายที่ชวนหลงใหลไม่เหมือนใครจากร่างเขา จนแทบจะลืมตัวไปเลย


 


 


อันซิงรู้ตัวแล้วว่ายาที่เธอใส่ในเหล้าถูกเซียวจิ่งสือสับเปลี่ยนไป ผู้ชายเจ้าเล่ห์คนนี้ไม่ยอมหลงกลเธอง่ายๆ เอาซะเลย


 


 


นาทีนี้อันซิงไม่คิดอะไรมากความแล้ว แรงกำหนัดจากฤทธิ์ยากำลังทวีขึ้นไม่หยุด ตลอดร่างร้อนรุ่มจนแทบจะกระโดดใส่เซียวจิ่งสือในระหว่างทาง จะใส่ยาในแก้วไหนก็ไม่ต่างกันใช่หรือเปล่า ขอเพียงผู้ชายที่อยู่กับเธอตอนนี้เป็นเซียวจิ่งสือ ทุกอย่างก็งามเลิศประเสริฐสุดๆ ไปเลย


 


 


อันซิงบิดร่างไปมาเบียดบดอยู่บนร่างเซียวจิ่งสือ ส่งเสียงครวญครางออดอ้อนราวกับมืออาชีพที่ให้บริการประเภทนี้ “จิ่งสือคะ คุณไม่รู้ว่าฉันคิดยังไงกับคุณเหรอคะ ฉันทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อคุณนะคะ เพื่อคุณแล้วจะให้ฉันทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น วันนี้ฉันเป็นของคุณค่ะ พาฉันไปที่ห้องสิคะ ฉันจะให้ความสุขแก่คุณเอง นะคะ”


 


 


เซียวจิ่งสือแอบนึกหัวเราะอยู่ในใจ ผู้หญิงบ้าอย่างเธอพร้อมจะทำอะไรก็ได้เพื่อฉัน ถ้าฉันนอนกับผู้หญิงอย่างเธอ แค่นึกก็จะอ้วกแล้ว วันนี้ถ้าฉันดื่มเหล้านั่นลงไป คงต้องตกอยู่ในมือนังงูพิษอย่างเธอแล้ว ถ้าเกิดเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป ประธานเซียวคนนี้ไม่กลายเป็นตัวตลกของผู้คนทั้งเมืองหรือไง


 


 


ถึงแม้จะรังเกียจผู้หญิงร่านตรงหน้านี้มากมายเพียงใด แต่เซียวจิ่งสือก็รู้ดีว่า ถ้าทำให้ผู้หญิงคนนี้โกรธจนนอตหลุด ก็ไม่เป็นผลดีต่อหลินหว่านแต่ประการใด นึกถึงตรงนี้ เซียวจิ่งสือก็เผยรอยยิ้มออกมา พูดเสียงนุ่มว่า “อันซิง ที่จริงคุณก็เป็นเด็กสาวที่น่ารักมากคนหนึ่ง ผมรู้ว่าคุณทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อผม ผมรู้ว่าคุณจริงใจต่อผม วันนี้เรามาอยู่ร่วมกันด้วยดีเถอะ ส่วนหลินหว่าน ผมไม่รู้ว่าทำไมคุณต้องไปตามราวีเธอไม่หยุดด้วย เธอก็แค่ดาราตัวเล็กๆ คนหนึ่ง สู้เอารูปถ่ายพวกนั้นคืนให้เธอไป แล้วให้เธอไปให้ไกลๆ ไม่ต้องมากวนใจพวกเราอีก คุณว่างั้นไหมล่ะ”


 


 


อันซิงฟังคำพูดของเซียวจิ่งสือแล้ว ยิ่งรู้สึกซาบซึ้งตื้นตันใจ คิดในใจว่า ผู้ชายคนนี้ในที่สุดก็ยอมใจอ่อนกับเธอแล้ว หลินหว่าน นังชะนีเน่า ต่อให้แกสวยกว่านี้ เซียวจิ่งสือก็เป็นของฉันอยู่ดี


 


 


อันซิงตอบเสียงเคลิ้มในอารมณ์ว่า “ฉันจะเชื่อฟังคุณค่ะ ตอนนี้ฉันทรมานมากเลย รีบพาฉันไปห้องพักเร็วๆ เข้าเถอะ เราจะได้มีความสุขกันสองคน”


 


 


เซียวจิ่งสือประคองอันซิงตรงดิ่งไปยังห้องพัก


 


 


ในรถระหว่างทาง ยาในร่างอันซิงออกฤทธิ์ จนเธอควบคุมตัวเองไม่อยู่ส่งเสียงครางออกมา แต่เซียวจิ่ง


 


 


สือกลับฟังออกว่าเสียงของอันซิงโอเวอร์อย่างเห็นได้ชัด อันซิงยังลูบคลำเรือนร่างที่กำลังโหยหาการสัมผัสของตัวเองเป็นครั้งคราวอีกด้วย ผู้ชายบนโลกมีใครบ้างจะสามารถทำจิตใจให้สงบได้ในสถานการณ์เช่นนี้ ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้เลย


 


 


แต่เซียวจิ่งสือแววตาทอประกายเย็นเยียบ นึกในใจว่า “กินยานั่นเข้าไปถ้าไม่จัดการให้ทันเวลา ไม่รู้ว่าอันซิงจะทำเรื่องอะไรออกมาได้บ้าง ให้ฉันนอนกับเธอเหรอ นั่นน่ะไม่มีทางเป็นไปได้หรอก”


 


 


ไม่มีใครรู้ว่าทำไมเซียวจิ่งสือจึงนิ่งสงบได้ในสถานการณ์แบบนี้ อาจเป็นเพราะหลินหว่านล่ะมั้ง


 


 


ใช่เลย นาทีนี้ในหัวของเซียวจิ่งสือคิดแต่ว่าจะหาทางแก้ปัญหานี้อย่างไร เรื่องทำผิดต่อหลินหว่านนั้นจะทำได้อย่างไรกัน ขณะที่สมองคิดหาทางออกอย่างรวดเร็ว


 


 


เซียวจิ่งสือฉุกคิดขึ้นมาได้ทันที เขายิ้มออกมาได้ เซียวจิ่งสือหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาลูกน้อง พูดเสียงหนักว่า “ซั่วเฟิง ฉันต้องให้นายจองห้องพักของโรงแรมข่ายเยว่ให้สักห้อง ทันทีเลยนะ”


 


 


ซั่วเฟิงรับสายท่านประธานแล้ว ก็ได้ยินเสียงครางเบาๆ ของผู้หญิงดังมาจากปลายสายอีกด้าน พริบตานั้นเขาก็เข้าใจเรื่องราวคร่าวๆ คำสั่งท่านประธานจะทำเป็นเล่นไม่ได้ พอวางสายเขาก็รีบตรงไปยังโรงแรมข่ายเยว่ทันที


 


 


เซียวจิ่งสือประคองอันซิงในสภาพเมาจนไม่ได้สติมาที่หน้าประตูโรงแรม เห็นซั่วเฟิงที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วยืนรอเงียบๆ อย่างสงบเสงี่ยม


 


 


เซียวจิ่งสือยิ้มให้กับซั่วเฟิงอย่างรู้กันดี พูดว่า “พาเราขึ้นไปเถอะ”


 


 


ซั่วเฟิงรู้สึกคาดไม่ถึง ตอนท่านประธานทำเรื่องแบบนี้ โดยทั่วไปแล้วจะไม่ชอบให้คนอื่นรบกวน ทำไมจะให้เขาพาขึ้นไปล่ะ บอกหมายเลขห้องแล้วก็น่าจะมีพนักงานมาพาไปเองสิ ซั่วเฟิงคิดไม่ตก แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมานั่งขบปัญหา


 


 


ซั่วเฟิงเห็นสภาพที่แทบจะลุกเป็นไฟของอันซิง เธอเหมือนกับจะตกอยู่ในอำนาจความต้องการตามสัญชาตญาณได้ในทุกวินาที สามารถทำเรื่องน่าขายหน้าออกมาได้ทุกเมื่อ ถ้าหากท่านประธานต้องขายหน้า อย่างนั้นเขาที่เป็นลูกน้อง ยังจะอยู่ดีกินดีได้อย่างไรกัน?


 


 


ซั่วเฟิงพาคนทั้งสองตรงขึ้นห้อง


 


 


พอมาถึงหน้าประตูห้อง ซั่วเฟิงเข้าใจว่าเสร็จเรื่องแล้ว แต่ว่าประธานเซียวกลับทำปากเป็นสัญญาณ ที่ซั่วเฟิงเข้าใจได้ว่าเป็นคำว่า ‘รอฉันประเดี๋ยว’ ซั่วเฟิงจึงได้แต่รออยู่นอกห้อง


 


 


ภายในห้อง อันซิงเริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าตัวเอง สองมือคว้าตัวเซียวจิ่งสือไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ร่างกายเกี่ยวกระหวัดเซียวจิ่งสือเอาไว้เผยความปรารถนาของตัวเองออกมาโดยไม่ปิดบังอีก


 


 


“จิ่งสือ รีบมาเร็วเข้า ฉันรอไม่ไหวแล้ว” อันซิงร้องเรียกชื่อของชายที่เธอหมายปอง น้ำเสียงเย้ายวนชวนให้เข่าอ่อน


 


 


โคมไฟสีเหลืองนวลทำให้ภายในห้องมืดสลัวอยู่บ้าง ยามนี้สาดต้องร่างคนทั้งสองทำให้บรรยากาศยิ่งดูเหมาะสำหรับการหาความสุขบนเตียง


 


 


ดวงตาทั้งคู่ของอันซิงปิดสนิท เหมือนกับรอเวลาแห่งความสุขที่จะมาถึง ตอนนี้ทุกอณูในร่างกายของเธอเฝ้ารอคอยการสนองต่อความสุขนี้ สมองไม่คิดอะไรอีก ใบหน้าหล่อเหลาของเซียวจิ่งสือกระตุ้นทุกเส้นประสาทรับความรู้สึกของอันซิง เตียงนุ่มมีแรงดีดสะท้อนกำลังพอเหมาะรองรับร่างอ่อนระทวยของอันซิงเอาไว้ ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว


 


 


แต่เรื่องดีๆ ก็มักจะต้องละเอียดกันหน่อย เซียวจิ่งสือดูเหมือนจะไม่เร่งรีบนัก


 


 


เซียวจิ่งสือพูดขึ้นว่า ฉันจะไปดับไฟ แล้วสลัดหลุดจากอาการนัวเนียของอันซิง อันซิงยังร้องครางอยู่บนเตียง ปากก็พร่ำพูดว่า “เร็วหน่อย! มาเร็วๆ หน่อย!”


 


 


เซียวจิ่งสือรีบเผ่นมาบอกกับซั่วเฟิงที่นอกห้องว่า “นายเข้าไป ช่วยฉันจัดการเรื่องนี้ ตอนนี้อย่าเพิ่งถามว่าทำไม เสร็จแล้วฉันจะบอกนายเอง”


 


 


ซั่วเฟิงฟังท่านประธานพูดรวดเดียวจบ รู้สึกทั้งตกใจและสงสัย แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดพล่ามกันแล้ว เห็นได้ชัดว่านี่เป็นช่วงเวลาฉุกเฉิน


 


 


ซั่วเฟิงสูดลมหายใจเข้าลึก ท่าทางพร้อมยอมสละชีพ พุ่งเข้าห้องไป ซั่วเฟิงกำลังอยู่ในวัยหนุ่มร่างกายแข็งแรง เลือดลมพุ่งแรง พอมีหญิงสาวในสภาพเย้ายวนแบบนี้มาอยู่ตรงหน้า แถมมีคำสั่งท่านประธานกำกับมาอีก ซั่วเฟิงก็โถมเข้าหาหญิงสาวราวกับเสือที่พุ่งเข้าตะปบเหยื่อ


 


 


หญิงสาวที่กำลังอดรนทนไม่ไหว ยามนี้จึงเหมือนฟืนที่ติดไฟ สองร่างกอดรัดกันแนบแน่นเร่าร้อน อันซิงเข้าใจว่าซั่วเฟิงเป็นชายในฝันของตัวเอง ส่วนซั่วเฟิงได้รับคำสั่งให้ช่วยชีวิต จึงก็ต้องช่วยให้สุดแรงเกิด ทำให้สมจริงสมจังกันหน่อย 

 

 


ตอนที่ 183 มรสุมจากข่าว

 

เซียวจิ่งสือกำลังว่างไม่มีอะไรจะทำ จึงหยิบมือถือมาเปิดดูข่าว แล้วก็เห็นรูปถ่ายของพาดหัวข่าวหน้าแรกดูคุ้นตามากเหลือเกิน พอมองดูอย่างละเอียดก็สะดุ้งตกใจ นั่นมันตัวเขาที่กำลังประคองอันซิงเข้าโรงแรมเมื่อหลายวันก่อนไม่ใช่หรือไง


 


 


เซียวจิ่งสือกุมขมับอย่างปวดหัวหนึบ นึกในใจว่า “เจ้าพวกปาปารัสซี่นี่มันจะเกินไปแล้วนะ เรื่องแค่นี้ยังไม่ยอมปล่อยให้หลุดรอดไปได้อีก”


 


 


ขณะกำลังปวดหัวอยู่นั้น เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เซียวจิ่งสือรับสายอย่างหงุดหงิด


 


 


“คุณชายเซียว ทำไมถึงมีข่าวหลุดออกมาว่านายกับผู้หญิงบ้านตระกูลอันนั่นคั่วกันเข้าแล้วล่ะ?” เสียงเพื่อนจิกกัดดังมาจากปลายสาย


 


 


“ข่าวจริงมีแค่ไหนกัน งานอดิเรกของฉันนายไม่รู้หรือไง? นี่มันตัดตอนนั่งเทียนเขียนข่าว อย่าไปฟังพวกเขาพูดจาไร้สาระหน่อยเลย” เซียวจิ่งสืออธิบาย


 


 


“ฉันก็ว่างั้นล่ะ ถึงว่าทำไมอยู่ดีๆ คุณชายเซียว จะเปลี่ยนรสชาติซะอย่างงั้น งั้นตอนนี้นายคงกำลังปวดหัวอยู่ละสิ ตากล้องพวกนั้นก็อยู่ทุกซอกทุกมุมจริงๆ เอาล่ะ นายไปจัดการเรื่องของนายก่อนเถอะ” เพื่อนรู้ว่าข่าวนี้จะทำให้เกิดเรื่องมากมายตามมา และความยุ่งยากได้ถามหาเซียวจิ่งสืออีกแล้ว


 


 


เซียวจิ่งสือมาถึงล็อบบี้ของบริษัท แล้วพบว่าขณะที่พนักงานทักทายเขานั้น สายตาเหมือนจะแฝงความหมายบางอย่างไว้ เซียวจิ่งสือเข้าใจดี คงเป็นเพราะข่าวนั่นล่ะมั้ง พวกพนักงานหรือต่อให้เป็นเพื่อนสนิทใกล้ชิดสุดๆ พอได้เห็นข่าวก็ต้องสงสัยกันบ้าง เพียงแต่เซียวจิ่งสือมีแค่ปากเดียว จะไปอธิบายความบริสุทธิ์ของตัวเองให้ทั้งโลกรับรู้ได้อย่างไรกัน และในตอนนี้เซียวจิ่งสืออยากจะอธิบายกับคนคนหนึ่งเป็นที่สุด แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายให้ชัดเจนได้หรือไม่


 


 


เซียวจิ่งสือห้ามใจไม่ได้ที่จะนึกอยากไปหาหลินหว่าน ในใจเขามีแต่หลินหว่าน ต้องบอกเล่าที่มาที่ไปของเรื่องราวให้เธอฟังต่อหน้าไปเลย


 


 


เซียวจิ่งสือโทรหาหลินหว่านครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ไม่มีใครรับสาย เซียวจิ่งสือรู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมา หลินหว่านคงได้เห็นข่าวแล้วโกรธมาก จึงไม่ยอมรับโทรศัพท์เขา งั้นก็ต้องไปหาแล้ว พอคิดถึงตรงนี้ เซียวจิ่งสือก็ขับรถไปยังสถานที่ที่หลินหว่านมักจะไปตอนอารมณ์ไม่ดี…


 


 


หลินหว่านเห็นข่าวเซียวจิ่งสือเข้าโรงแรมกับอันซิง ก็หน้าตึงด้วยความโกรธ ดวงตาพร่ามัวโดยไม่รู้ตัว นิ้วเรียวกำหมัดแน่น


 


 


ใช่แล้ว ผู้ชายที่เมื่อหลายวันก่อนยังออดอ้อนป้อนคำหวานกับเธออยู่ ตอนนี้ไม่ทันไรก็ไปมีอะไรกับผู้หญิงอื่นเสียแล้ว และผู้หญิงคนนั้นก็คืออันซิงที่ใช้วิชามารให้ร้ายเธอมาหลายครั้ง


 


 


หลินหว่านไม่อยากร้องไห้ เธอแหงนหน้าขึ้นหักห้ามน้ำตาเอาไว้ ไม่ให้อารมณ์ของเธอเลวร้ายไปกว่านี้ แต่ว่า พอนึกถึงหญิงร้ายชายเลวคู่นี้แล้ว น้ำตาก็ออกมาคลอเบ้าอย่างห้ามไม่อยู่


 


 


หลินหว่านสูดลมหายใจเข้าลึก รู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นแล้ว ยังดีที่ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเซียวจิ่งสือเสียก่อน ไม่ถึงกับตกหลุมลึกเกินไปนัก มานั่งเสียใจให้กับผู้ชายไม่ได้เรื่องแบบนี้มันไม่คุ้มกันหรอก หลินหว่านบอกกับตัวเองในใจ ออกไปหาซื้อเสื้อผ้าใหม่สักหลายตัว หาของกินอร่อยๆ ชีวิตนี้มันสั้น ต้องให้ตัวเองมีความสุขสักหน่อย


 


 


หลินหว่านทำใจได้ เช็ดน้ำตาให้แห้ง เปลี่ยนชุดสวยแล้วออกไปชอปปิง


 


 


หลินหว่านมาที่ห้างสรรพสินค้า เลือกดูเสื้อผ้าที่มาใหม่ พนักงานที่เข้ามาต้อนรับเป็นเด็กสาวคนหนึ่ง เด็กสาวหน้าตาสะสวย พูดจาหวานหู แนะนำเสื้อผ้าแต่ละประเภทอย่างกระตือรือร้น ทั้งยังคอยเสนอชุดที่ดูเหมาะกับหลินหว่านเป็นครั้งคราว เชียร์ให้หลินหว่านไปลองชุด


 


 


หลินหว่านสวยอยู่แล้ว เด็กสาวหยิบชุดไหนมาให้สวมก็ดูดีไปหมด เด็กสาวเอ่ยชมอย่างลืมตัวว่า “คุณพี่สวยจังค่ะ”


 


 


เมื่อมองดูตัวเองจากในกระจก หลินหว่านอารมณ์ดีขึ้นมาเป็นกอง เห็นว่าเด็กสาวกระตือรือร้นที่จะขายเสื้อผ้าคงจะลำบากไม่น้อย หลินหว่านยิ้มน้อยๆ พูดว่า “งั้น ฉันเอาตัวนี้ค่ะ”


 


 


เด็กสาวยิ้มออกมาอย่างดีใจ รีบห่อสินค้าให้หลินหว่าน


 


 


เช่นนี้เอง หลินหว่านเดินๆ หยุดๆ อยู่ในห้าง กว่าจะทันรู้ตัวเธอก็หิ้วของในมือพะรุงพะรังแล้ว มีทั้งเครื่องสำอาง เสื้อผ้า และรองเท้า


 


 


ภายในห้าง ร่างบอบบางของหลินหว่านหิ้วของเต็มไม้เต็มมือไปหมด ทันใดข้าวของลื่นหลุดมือร่วงกระจายเต็มพื้น ตอนนั้นเองเสียงทุ้มนุ่มลึกของชายคนหนึ่งดังมา “คุณผู้หญิง ให้ผมช่วยไหมครับ”


 


 


“ไม่ต้องหรอกค่ะ ขอบคุณนะคะ! ซื้อของเยอะเกินไปหน่อยน่ะ” หลินหว่านรีบเก็บข้าวของบนพื้น ได้ยินเสียงคนเสนอความช่วยเหลือก็รีบแสดงความขอบคุณ


 


 


“หลินหว่าน?” เสียงเรียกชื่อหลินหว่านอย่างไม่แน่ใจจากชายคนนั้น


 


 


หลินหว่านได้ยินเขาเรียกชื่อเธอก็เงยหน้าขึ้นอย่างแปลกใจ เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งท่าทางสุภาพใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มอบอุ่นอ่อนโยน กำลังมองนิ่งมาที่เธอ นี่มันรุ่นพี่สวี่เหวินอีไม่ใช่หรือไง?


 


 


หลินหว่านแปลกใจจนพูดไม่ออก เป็นนานกว่าจะเอ่ยทักออกมาว่า “รุ่นพี่”


 


 


สวี่เหวินอีเป็นรุ่นพี่ของหลินหว่าน สมัยเรียนเขาดูแลรุ่นน้องสาวสวยน่ารักคนนี้เป็นพิเศษ สวี่เหวินอีเพิ่งจะได้สติจากการได้พบกันโดยบังเอิญครั้งนี้ รีบเข้าไปช่วยหลินหว่านถือของ และหลินหว่านก็ยอมรับโดยไม่พูดอะไรอีก


 


 


ทั้งสองได้พบกันโดยบังเอิญ ต่างก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจ สวี่เหวินอีออกปากชวนหลินหว่านไปทานข้าวที่ร้านใกล้ๆ จะได้พูดคุยรำลึกความหลังกัน


 


 


ภายในร้านอาหารสไตล์ตะวันตกที่ตกแต่งเรียบง่ายดูดีแห่งหนึ่ง สวี่เหวินอีกับหลินหว่านนั่งหันหน้าเข้าหากัน สวี่เหวินอีพูดทำลายความเงียบขึ้นก่อนพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น “หลินหว่าน ที่จริงฉันเพิ่งจะอ่านข่าวมาเอง จึงรู้เรื่องของเธออยู่บ้าง ตอนนี้เธอคงจะทุกข์ใจมากสินะ”


 


 


หลินหว่านมองดูรุ่นพี่ที่ตรงหน้าซึ่งเคยช่วยเหลือเธอมามากมายหลายครั้ง พริบตานั้นหลินหว่านรู้สึกเหมือนกลับไปสมัยเป็นนักเรียนอีกครั้ง ตอนนั้นโลกบริสุทธิ์สะอาดกว่านี้มากนัก


 


 


“รุ่นพี่คะ พี่ยังไม่เปลี่ยนไปเลย ยังอบอุ่นนุ่มนวลเหมือนเดิมเลย ที่จริงฉันก็ไม่เป็นอะไรมากนักหรอกค่ะ หลังเรียนจบ ผ่านเรื่องราวมากมาย เรื่องแค่นี้จิ๊บๆ ค่ะ พี่อย่าลืมสิคะ ฉันน่ะคือหลินหว่าน ยอดคนไร้ผู้ต่อต้านนะคะ” หลินหว่านแอ็คท่ายอดมนุษย์


 


 


ชั่วขณะนั้นดูเหมือนทั้งสองจะย้อนกลับไปสู่วันคืนที่ชีวิตเรียบง่ายไร้กังวลสมัยเป็นนักเรียน พากันหัวเราะเสียงดังลั่นออกมาพร้อมกัน


 


 


ด้านนอกหน้าต่างกระจก เซียวจิ่งสือในชุดสูทสากลเต็มยศสีหน้าปั้นยาก เขารู้ว่าตอนนี้หลินหว่านอาจได้รับผลกระทบจากข่าวที่ได้รับ อารมณ์ไม่ดี อาจมาเดินเล่นที่ห้างใกล้ๆ เซียวจิ่งสือร้อนใจต้องการเจอตัวหลินหว่านโดยเร็วที่สุด เพื่อบอกความจริงกับเธอ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นภาพตรงหน้า


 


 


ได้เห็นหลินหว่านนั่งอยู่ตรงหน้ากับชายแปลกหน้าคนหนึ่งพูดคุยหัวเราะกัน ภาพแบบนี้มันนัดเดทของคู่รักชัดๆ! ชั่ววูบนั้นหัวอกของเซียวจิ่งสือเต็มไปด้วยเพลิงโทสะ


 


 


หญิงสาวเป็นจุดอ่อนของชายหนุ่ม ต่อให้หนักแน่น รู้มารยาทสังคมดีอย่างเซียวจิ่งสือก็ยังไม่วายนอตหลุด เซียวจิ่งสือพุ่งเข้าหาชายแปลกหน้าอย่างโกรธจัด คว้าคอเสื้อของชายหนุ่มเอาไว้ ถลึงตาเข้าใส่ พร้อมกับตวาดเสียงดังว่า “อยากตายหรือไง ถึงกล้ามายุ่งกับผู้หญิงของฉันฮึ?”


 


 


สวี่เหวินอีตกใจกับสถานการณ์ฉับพลันที่เกิดขึ้นจนนิ่งตะลึงไปชั่วครู่ พอเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นเซียวจิ่งสือก็อารมณ์ขึ้นทันที พูดท้าทายว่า “ใครเป็นผู้หญิงของคุณ? ตอนนี้มันยุคสมัยไหนกันแล้ว ผมจะยุ่งแล้วมีอะไรไหม?”


 


 


เซียวจิ่งสือได้ฟังก็ยิ่งโมโห ง้างหมัดรอเหมือนเทพเจ้าที่กราดเกรี้ยว กำลังจะซัดเปรี้ยงเข้าที่หน้าของสวี่


 


 


เหวินอีเต็มแรง


 


 


ทันใดนั้น เสียงหลินหว่านตวาดลั่นมาอย่างโกรธจัด “เซียวจิ่งสือ พอได้แล้ว!”


 


 


เซียวจิ่งสือคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงนุ่มนิ่มอย่างหลินหว่านจะมีด้านนี้ด้วย เขานิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้น


 


 


หลินหว่านได้แต่ให้สวี่เหวินอีจากไปก่อน เพื่อไม่ให้สถานการณ์ย่ำแย่ไปกว่านี้


 


 


สวี่เหวินอีเข้าใจดีว่าตอนนี้อย่าหาเรื่องมาเพิ่มจะดีกว่า ปัญหาหัวใจของคนอื่นเข้าไปยุ่งด้วยไม่ดีนัก สวี่เหวินอีขึงตาใส่เซียวจิ่งสือแล้วคว้าข้าวของจากไป


 


 


หลินหว่านจ้องเซียวจิ่งสือด้วยสายตาดุดัน พูดด้วยความรู้สึกสับสนในชีวิตว่า “คุณเป็นใครถึงมาทำร้ายคนที่นี่ สวี่เหวินอีเป็นรุ่นพี่ของฉัน เราเพิ่งเจอกันโดยบังเอิญ ไม่ได้มีอะไรกันสักหน่อย คุณล่ะ? คุณพูดหวานกับคนหนึ่ง แล้วไปมีอะไรกับอีกคนหนึ่ง เซียวจิ่งสือ ต่อไปอย่ามายุ่งกับฉันอีก! คุณทำให้ฉันผิดหวังมาเกินพอแล้ว! ฉันไม่อยากเจอหน้าคุณอีก!” 

 

 


ตอนที่ 184 ความจริงเปิดเผย

 

ภายในร้านอาหารที่เดิมบรรยากาศอบอุ่นสบายถูกเซียวจิ่งสือก่อกวนจนวุ่นวายเสียบรรยากาศไปหมด ทุกคนพากันมองมาทางเซียวจิ่งสือกับหลินหว่านแล้วแอบนึกในใจว่าคงเป็นเรื่องหึงหวงกันอีกแน่เลย เนื่องจากถูกขัดจังหวะทานอาหาร ทำให้พากันมองมาด้วยสายตาขุ่นเคือง


 


 


เซียวจิ่งสือรู้สึกได้ถึงสายตาและคำพูดที่ไม่เป็นมิตรนักของผู้คนรอบข้าง ในใจนึกถึงภาพที่หลินหว่านกับผู้ชายนั่นพูดคุยหัวเราะกันแล้ว จะเชื่อว่าพวกเขาไม่มีอะไรกันได้อย่างไรกันล่ะ เดิมทีจิตใจก็ขุ่นมัวเพราะหึงหวงอยู่แล้ว ตอนนี้ยังต้องมาโดนจีนมุงต่อว่าเสียๆ หายๆ อีก จึงเก็บอาการไม่อยู่หันไปตวาดอย่างโมโหเอากับผู้คนรอบข้าง “มองอะไร ไม่เคยเห็นแฟนเขาทะเลาะกันหรือไงหา?”


 


 


เสียงตวาดดังลั่น ผู้คนทั้งร้านตื่นตระหนกตกใจ นิ่งเงียบกริบกันไปหมด บรรยากาศหนักอึ้งจนแทบจะบิดออกมาเป็นน้ำได้เลย มีเพียงหลินหว่านที่ดูนุ่มนิ่มพอเห็นท่าทีไร้มารยาทของเซียวจิ่งสือในที่สาธารณะเช่นนี้ ก็นึกโมโหจนทำอะไรไม่ถูก


 


 


หลินหว่านนึกในใจว่า เซียวจิ่งสือ คุณทำตัวเองแท้ๆ ตอนนี้ยังมาก่อกวนส่งเสียงดังในที่สาธารณะแบบนี้อีก คุณไม่สนใจภาพลักษณ์ตัวเอง แล้วยังจะลากฉันลงน้ำให้ถูกผู้คนเขารังเกียจไปด้วย


 


 


หลินหว่านที่ปกติเป็นคนอ่อนโยน พอเห็นท่าทางเหมือนคนบ้าของเซียวจิ่งสือที่ไม่สนใจรักษาภาพพจน์ตัวเองเลยแบบนี้ก็โมโหจนตาแดงก่ำ โพล่งออกมาว่า “เซียวจิ่งสือ คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือไง คุณมาอาละวาดที่นี่เพื่ออะไรกัน?”


 


 


หลินหว่านที่กำลังปรอทพุ่งปรี๊ดรีบหันไปคว้าข้าวของของตัวเอง อยากจะไปให้ไกลจากสถานการณ์น่าขายหน้านี้ เธอผลุนผลันออกจากร้านไป


 


 


เซียวจิ่งสือไม่ทันตั้งตัว เห็นหลินหว่านไปแล้ว ก็รีบควักเงินจากกระเป๋าเสื้อ โยนลงบนโต๊ะเป็นค่าอาหารแล้วตามหลินหว่านออกไป ทิ้งให้ผู้คนมองหน้ากันอย่างประหลาดใจ


 


 


สำหรับพวกเขาแล้ว ชายเสเพลบอยที่กำลังเป็นข่าวพาดหัวนี้ยังนึกได้ว่าต้องจ่ายบิลค่าอาหาร ก็เรียกได้ว่าทำตัวเป็นสุภาพบุรุษทีเดียว แต่สำหรับเซียวจิ่งสือแล้วเขาย่อมรู้ตัวดีว่า ตอนนี้พวกปาปารัสซี่แฝงตัวอยู่ทุกที่ อาจซุ่มดักอยู่ละแวกนี้ก็ได้ ถ้าไม่ระวังอาจเป็นข่าวพาดหัวอีก ไม่จ่ายบิลเหรอ? ถึงตอนนั้นบอกว่าเป็นถึงท่านประธานเซียวยังเบ่งกินฟรีอีก จะให้เขาเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?


 


 


เซียวจิ่งสือตัวสูงขายาว ไม่ทันไรก็ไล่ตามหลินหว่านได้ทัน พอเห็นว่าในมือหลินหว่านถือของมากมายขนาดนั้น เซียวจิ่งสือก็เข้าไปช่วยด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ เขายื่นมือไปรับของจากหลินหว่าน ทางหนึ่งก็งอนง้อขอคืนดีกับหลินหว่าน “หลินหว่าน คุณอย่าโกรธเลยนะ ผมแค่เป็นห่วงคุณเกินไปน่ะ ส่งของมาให้ผมเถอะ ผมเป็นเบ๊แบกของให้คุณได้นะ”


 


 


หลินหว่านแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน เดินดิ่งตรงไปข้างหน้าอย่างโมโห พูดกันตามจริง หลินหว่านเองก็ไม่รู้ว่าจะไปทางไหน ตอนนี้เธอกำลังโกรธขึ้นหัว แค่อยากจะไปให้พ้นจากผู้ชายหลายใจไร้มารยาทคนนี้


 


 


บนถนน ผู้คนพากันหันมองมา คู่หนุ่มหล่อสาวสวยสมกันจริงๆ เลย ผู้ชายรูปร่างสูงเพรียว ใบหน้าหล่อเหลา หญิงสาวคิ้วโก่งตาคม งามสะดุดตากระชากใจผู้คน คนคู่นี้ คนหนึ่งเดินนำหน้าด้วยความโกรธ อีกคนคอยตามเอาอกเอาใจสุดชีวิตอยู่ด้านหลัง คนที่ค่อนข้างสูงวัยสักหน่อยเห็นแล้วอดนึกถึงตัวเองสมัยยังหนุ่มสาวไม่ได้ มองดูภาพตรงหน้าแล้วใบหน้าปรากฏรอยยิ้มแห่งความหลังในวัยหนุ่มสาวของเธอหรือเขา


 


 


ส่วนเซียวจิ่งสือในตอนนี้ไม่ได้รู้สึกดีงามขนาดนั้น จากที่เคยนั่งในตำแหน่งสูงสุดของอำนาจ คอยสั่งการวางแผนเรื่องราวต่างๆ ที่ไหนจะเคยเป็นอย่างวันนี้ เดินอยู่บนถนนคอยประจบเอาใจผู้หญิงคนหนึ่ง ท่ามกลางสายตาผู้คน ที่สำคัญคือ ผู้หญิงตรงหน้านี้ไม่สนใจเขาเอาเลยนี่สิ


 


 


เซียวจิ่งสือตามมาตลอดทางจนแทบจะหมดความอดทน เขาพูดเสียงดังว่า “หลินหว่าน คุณรอหน่อยสิ ผมทำอะไรผิดกันแน่ จู่ๆ คุณถึงได้จงเกลียดจงชังผมนัก”


 


 


พอพูดจบ หลินหว่านก็หยุดเดินแล้วหันกลับมา มองเซียวจิ่งสือที่สีหน้าสงสัย พูดน้ำเสียงจริงจังว่า “เซียวจิ่งสือคุณทำอะไรก็รู้ตัวดีอยู่แล้วไม่ไช่เหรอ ยังจะมีหน้ามาถามฉันอีก ฉันจะบอกให้นะ คุณจะชอบใครเป็นสิทธิ์ของคุณ ต่อให้เราไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว ก็ไม่เป็นไร แต่ทำไมคุณต้องคบซ้อนด้วย พวกผู้ชายอย่างคุณมีคนดีบ้างไหม ไม่ต้องมาตามฉันแล้ว!”


 


 


หลินหว่านที่ยังโมโหพูดจบ ก็หมุนตัวก้าวฉับๆ จากไป


 


 


เซียวจิ่งสือนิ่งงันอยู่กับที่ นึกถึงคำพูดเมื่อครู่ของหลินหว่าน พึมพำกับตัวเองว่า “คบซ้อน…”


 


 


เซียวจิ่งสือฉุกคิดขึ้นมาได้ เข้าใจความหมายของหลินหว่านอย่างชัดแจ้ง เขาก้าวยาวๆ ตามไป รวบตัวหลินหว่านขึ้นอุ้มทั้งคนทั้งข้าวของ


 


 


หลินหว่านไม่ทันระวัง ร้องอย่างตกใจว่า “ว๊าย!!! เซียวจิ่งสือ คุณไอ้คนบ้า คุณมันโจรชัดๆ” หลินหว่านดิ้นสุดแรงหวังจะหลุดจากอ้อมกอดของเซียวจิ่งสือ แต่ด้วยแรงอันน้อยนิดของหลินหว่านจะดิ้นหลุดจากอ้อมกอดแข็งแกร่งของเซียวจิ่งสือได้ยังไงกันล่ะ


 


 


เซียวจิ่งสืออุ้มหลินหว่าน ไม่สนว่าเธอจะลงมือลงไม้ลงเท้าเตะถีบอย่างไรก็ไม่ปล่อยมือ หลังจากเอาตัวหลินหว่านเข้าในรถได้แล้ว เซียวจิ่งสือก็รีบสตาร์ทรถ ขับมุ่งหน้าสู่บริษัทอย่างเร็วราวกับลมพัด


 


 


ระหว่างทาง จู่ๆ หลินหว่านก็สงบลง อาจเป็นเพราะตกใจ หรืออาจเป็นเพราะ…ใช่แล้ว เมื่อครู่ตอนที่เซียวจิ่งสืออุ้มเธอนั้น ศีรษะของหลินหว่านอยู่ชิดกับหัวใจของเซียวจิ่งสือขนาดนั้น เสียงหัวใจของผู้ชายคนนี้เต้นอย่างหนักแน่นมั่นคง พริบตานั้นเธอนึกถึงความรู้สึกที่เคยกอดเซียวจิ่งสือเอาไว้ นาทีนั้นใจของเธอรู้สึกเป็นสุขหวานล้ำขึ้นมาเล็กๆ


 


 


เซียวจิ่งสือมองผ่านกระจกมองหลังเห็นหลินหว่านนั่งอย่างสงบอยู่ที่เบาะหลัง ไม่ร้องไห้ไม่อาละวาด ก็เป็นห่วงว่าเธอจะคิดมากอีก จึงถามอย่างเป็นห่วงว่า “ผมรู้ว่า คุณโกรธเพราะเห็นข่าวนั้นละสิ เรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดหรอก อีกเดี๋ยวถึงออฟฟิศแล้ว ผมจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้คุณฟังทั้งหมดเลย”


 


 


หลินหว่านคิดในใจว่า เอาเถอะ ให้คุณมีโอกาสได้อธิบาย ดูว่าคุณจะพูดอะไรได้อีก แต่ที่คุณกับอันซิงศัตรูของฉันเข้าโรงแรมด้วยกัน รูปถ่ายนี่คงไม่ได้แต่งขึ้นมาเองล่ะมั้ง


 


 


หลินหว่านรู้สึกสับสนว้าวุ่นใจมาก จนไม่รู้ว่าควรจะตอบว่าอย่างไร ได้แต่ส่งเสียงอืมรับคำไปอย่างนั้น


 


 


พอถึงห้องทำงาน หลินหว่านนั่งนิ่งอยู่บนโซฟา ไม่พูดอะไรสักคำ เซียวจิ่งสือให้ผู้ช่วยเอาน้ำมะม่วงมาให้แก้วหนึ่ง เขารู้ว่าหลินหว่านชอบดื่มน้ำมะม่วงที่สุด ทำอย่างนี้แล้ว อย่างน้อยจะได้ให้หลินหว่านอารมณ์ดีขึ้นหน่อยล่ะมั้ง


 


 


หลินหว่านดื่มน้ำมะม่วงไปคำหนึ่ง เป็นรสชาติที่เธอชอบ อารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยหนึ่ง แต่ว่าสิ่งสำคัญในตอนนี้คือต้องรู้ว่าเซียวจิ่งสือจะพูดอะไร


 


 


หลินหว่านพูด “เซียวจิ่งสือ คุณจะอธิบายไม่ใช่เหรอ ฉันรอฟังอยู่นะ”


 


 


เซียวจิ่งสือนั่งลงที่ข้างกายหลินหว่าน พูดเสียงนุ่มนวลว่า “หลินหว่าน คุณยังจำเรื่องที่เกิดขึ้นคราวที่แล้วได้ไหม? รูปถ่ายคุณถูกส่งเข้ามือถือผม เพราะมีคนถ่ายไว้แล้วส่งมาให้ผม คนคนนั้นก็คืออันซิง ตอนนี้อันซิงใช้ภาพถ่ายพวกนั้นแบล็คเมล์ผม ถ้าผมไม่ทำตามคำพูดเธอ เธอจะส่งรูปพวกนั้นขึ้นอินเทอร์เน็ต”


 


 


พอฟังถึงตรงนี้ หลินหว่านกำหมัดแน่นจนข้อนิ้วขึ้นเป็นรอยขาว หลินหว่านคิดอย่างประหลาดใจว่า อันซิง เธอนี่ช่างเลวได้โล่จริงๆ ยอมทำได้ทุกอย่างเพราะเพื่อผลประโยชน์ การกระทำของเธอมันทำให้ฉันต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่อีกครั้ง


 


 


หลินหว่านพูดเสียงเย็น “อันซิง อีกแล้วเหรอ งั้นที่ไปโรงแรมนั่นก็เพราะเธอข่มขู่คุณด้วยสินะ”


 


 


เซียวจิ่งสือผงกศีรษะ เห็นว่าน้ำเสียงของหลินหว่านอ่อนลง ก็ขยับใกล้เข้าไปแขนซ้ายยกขึ้นโอบไหล่หลินหว่านเอาไว้


 


 


หลินหว่านผลักแขนเซียวจิ่งสือออกเบาๆ พูดว่า “เซียวจิ่งสือ ฉันยังทำใจไม่ได้ ให้เวลาฉันอีกหน่อยนะคะ ฉันอยากจะอยู่เงียบๆ คนเดียวค่ะ”


 


 


พูดจบหลินหว่านก็ยืนขึ้นตั้งท่าจะกลับบ้าน


 


 


“งั้นผมส่งคุณกลับไปนะ?” เซียวจิ่งสือถามอย่างอาวรณ์


 


 


หลินหว่านปฏิเสธเซียวจิ่งสือแล้วก็จากไปเพียงลำพัง เซียวจิ่งสือมองตามเงาหลังที่โดดเดี่ยวของหลินหว่านแล้ว เขาอยากจะปกป้องเธอ แต่ตอนนี้ยังทำไม่ได้ ได้แต่มองดูเธอหายลับไปที่ชั้นล่างของบริษัท 

 

 


ตอนที่ 185 คืนดี

 

บนลู่วิ่งในห้องออกกำลังกาย หลินหว่านหายใจหอบ วิ่งจนเหงื่อชุ่ม เห็นหน้าจอมือถือสว่างขึ้น เครื่องสั่นไม่หยุด


 


 


หลินหว่านปิดเครื่องลู่วิ่งหายใจเข้าลึก ตรงเข้ามาหยิบมือถือ มองดูแล้วพบว่าเซียวจิ่งสือโทรมา เธอรับสาย เสียงทุ้มนุ่มของเซียวจิ่งสือดังมาจากปลายสายอีกด้าน “หลินหว่าน คุณอยู่ไหนน่ะ ไม่เจอคุณตั้งนานแล้ว คุณจะหลบหน้าผมไปถึงไหนกัน ผมคิดถึงคุณนะ”


 


 


หลินหว่านตวัดตาค้อน หัวเราะแล้วพูดว่า “ขอเถอะค่ะคุณชายเซียว อย่ามาหลอกฉันซะให้ยากเลย งานคุณยุ่งขนาดนั้น รอบข้างก็มีสาวงามตั้งมากมาย คุณยังจะมีเวลามาคิดถึงฉันอีกเหรอคะ”


 


 


เซียวจิ่งสือรีบแก้ตัว “หลินหว่าน ผมไม่ได้ล้อคุณเล่นนะ คุณยังโกรธเรื่องคราวที่แล้วอยู่อีกเหรอ”


 


 


“เรื่องคราวที่แล้วอะไรกัน ฉันไม่เห็นรู้เรื่องว่าคุณพูดเรื่องอะไรอยู่ ฉันลืมมันไปหมดตั้งนานแล้ว” หลินหว่านมองออกไปนอกหน้าต่าง แสงสีของอาทิตย์ยามอัสดงกระจายอยู่เต็มท้องฟ้า เธอชื่นชมความงามของธรรมชาติไปพลางพูดสายกับเซียวจิ่งสือไปพลาง


 


 


เซียวจิ่งสือหัวเราะออกมา จากนั้นพูดอย่างตื่นเต้นยินดีว่า “ไม่โกรธแล้วก็ดีเลย เอาอย่างนี้นะ เพื่อเป็นการขอโทษ ผมขอเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อนะครับ คุณอยากไปที่ไหนบอกมาเลย”


 


 


ในหัวของเซียวจิ่งสือเริ่มคิดการวางแผน มื้อเย็นวันนี้จะจัดอย่างไรให้เลิศให้โรแมนติกยิ่งขึ้นไปอีก เซียวจิ่งสือคิดไปพลางว่าปกติหลินหว่านชอบทานผัก ปลากะพงนึ่งซีอิ๊ว ปูขนจากทะเลสาปหยางเฉิง เนื้อแพะเฮยซาน (แพะพันธุ์เนื้อ) …เซียวจิ่งสือเค้นสมองครุ่นคิดเพื่อเอาใจสาวงาม ทำไงได้เล่า ใครให้หลินหว่านเป็นคนที่เขาแคร์ที่สุดกันล่ะ


 


 


“ที่ไหนฉันก็ไม่อยากไปค่ะ ขอบคุณนะคะ คุณไปทานกับเพื่อนๆ คุณเถอะค่ะ ทานให้อร่อยนะคะ!” หลินหว่านสางผมที่ชื้นเหงื่อของตัวเองพร้อมกับตอบด้วยรอยยิ้มอารมณ์ดี


 


 


เดิมทีเซียวจิ่งสือจินตนาการว่าพวกเขาสองคนจะได้ทานมื้อค่ำแสนอร่อยและพูดคุยกันท่ามกลางบรรยากาศแสนโรแมนติกใต้แสงเทียน คิดไม่ถึงว่าคำพูดประโยคเดียวของหลินหว่าน ทำให้เขาตกสวรรค์ลงสู่นรกที่หนาวเย็น เซียวจิ่งสือรู้ว่าแผนโรแมนติกสุดเพอร์เฟคทุกอย่างในค่ำคืนวันนี้กลายเป็นความว่างเปล่าไปทันที


 


 


เซียวจิ่งสือคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจว่าหลินหว่านเป็นอะไรกันแน่ ตั้งแต่จากกันครั้งก่อน เธอก็มักจะทำตัวเหินห่างจากเขาอยู่เรื่อย พอวางสายแล้วเซียวจิ่งสือก็นั่งไม่ติด เขาคิดขึ้นมาว่า หรือว่าหลินหว่านจะมีกิ๊กกับรุ่นพี่นั่น? พอนึกถึงตรงนี้ก็รู้สึกฉุนเฉียวขึ้นมาทันควัน ตบโต๊ะปัง ประเดี๋ยวก็คิดไปอีกว่า หรือว่าหลินหว่านยังโกรธเขาอยู่ ถึงแม้เธอจะดูเฉยๆ ไม่ร้อนไม่หนาว แต่ไม่มีใครเดาได้หรอกว่าใจผู้หญิงกำลังคิดอะไรอยู่


 


 


หลินหว่านวางสายแล้วเห็นว่าวันนี้ออกกำลังมาพอสมควรแล้ว และสายเมื่อครู่ก็ทำให้เธอว้าวุ่นใจอยู่บ้าง หลินหว่านไม่มีอารมณ์จะวิ่งแล้ว จึงเก็บข้าวของจะกลับบ้าน


 


 


หลินหว่านสับสนกับใจตัวเองอยู่บ้าง พูดกันตามจริงแล้ว เซียวจิ่งสือก็เป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์มากจริงๆ เขามีใบหน้าที่หล่อเหลา รูปร่างสูงเพรียว ที่สำคัญที่สุดคือรอยยิ้มชวนหลงใหลกับดวงตาที่พูดได้


 


 


หลินหว่านชำระล้างเอาความเหนื่อยล้าออกไป เดินออกมาจากห้องอาบน้ำ เธอสวมชุดคลุมอาบน้ำสีขาวนั่งอยู่บนโซฟา จู่ๆ ก็นึกถึงความเงียบสงบเมื่อไม่นานมานี้ พลางเอื้อมมือไปหยิบไวน์แดงชั้นดีขวดหนึ่งจากชั้นวาง


 


 


หลินหว่านถือแก้วเหล้าโปร่งใสทรงสูง มองดูของเหลวสีแดงสดที่เหวี่ยงตัวไปมาอยู่ในนั้น ไม่รู้อย่างไร หลินหว่านนึกถึงโทรศัพท์จากเซียวจิ่งสือวันนี้ นึกไปถึงภาพจากข่าวที่เซียวจิ่งสือกับอันซิงโอบกอดอยู่ด้วยกัน ความหึงหวงในใจของหลินหว่านก็เปรี้ยวจี๊ดขึ้นมาทันควัน


 


 


นึกไปถึงคำพูดปลอบใจของเพื่อนข้างกายเมื่อไม่นานมานี้


 


 


“หลินหว่าน อย่ากังวลไปเลย เธอสวยขนาดนี้ หาที่ดีกว่านี้ได้อยู่แล้ว”


 


 


“หลินหว่าน การได้รู้โฉมหน้าที่แท้จริงของผู้ชายก่อนนั้นก็เป็นเรื่องดีนะ…”


 


 



 


 


ภายในใจเริ่มต่อสู้กันอีกแล้ว จะคบกับเซียวจิ่งสือต่อไปดีไหมนะ? ว่ากันตามจริงแล้ว เธอเองยังก็ชอบผู้ชายคนนี้อยู่


 


 


หลินหว่านว้าวุ่นรำคาญใจคิดแต่จะลบเซียวจิ่งสือออกไปจากสมอง เธอดื่มไวน์เข้าไปอึกใหญ่ ตั้งใจทำให้ตัวเองเมาจะได้ไม่ต้องคิดเรื่องยุ่งยากรำคาญใจพวกนี้อีก


 


 


นอกหน้าต่าง แสงไฟนีออนส่องสว่าง หลินหว่านมองดูเงาสะท้อนของตัวเองจากกระจก ใบหน้าแดงระเรื่อ ผู้หญิงตรงหน้าดูเหมือนจะเมานิดหน่อย ท่าทีเย้ายวนชวนเสน่หา มองไปมองมาในหัวปรากฏเงาร่างของผู้ชายคนหนึ่ง ผู้ชายคนนั้นทำให้หลินหว่านยิ้มกว้างออกมาได้


 


 


หลินหว่านคิดไปคิดมาแล้วเคลิ้มลืมตัวไป ผ่านไปอีกนานกว่าสมองจะกลับรู้ตัวได้สติขึ้นอีกครั้ง หลินหว่านตวัดตาค้อนตัวเอง ทำไมต้องคิดถึงผู้ชายคนนั้นอีกแล้วนะ


 


 


หลินหว่านตบศีรษะตัวเองอย่างหงุดหงิดใจ พึมพำกับตัวเองว่า “โอ้ว! สวรรค์! หลินหว่านเธอนี่ชอบผู้ชายคนนี้มากขนาดไหนกัน เธอลืมไปแล้วหรือว่าผู้ชายคนนี้ทำให้เธอต้องเจอกับอะไรบ้าง”


 


 


จากนั้นหลินหว่านก็หักห้ามใจไม่ไปคิดเรื่องบ้าๆ บอๆ พวกนั้นอีก


 


 


เซียวจิ่งสือไม่ได้นอนทั้งคืน สายตาเหม่อลอยอยู่บ้าง เขามองดูเอกสารบนโต๊ะ ไม่มีอารมณ์จะเปิดดูเลยสักนิด ในหัวมีแต่คำถามว่า ทำไมหลินหว่านจึงไม่ยอมพบเขาซะที


 


 


เซียวจิ่งสือนั่งมองฝ้าเพดานแล้วพลันเกิดความคิดประหลาดขึ้นมาว่า แล้วทำไมเขาไม่ไปหาเธอล่ะ


 


 


นึกถึงตรงนี้ เซียวจิ่งสือก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ความเหนื่อยล้าหายวับไป เขาก้าวพรวดๆ ลงไปชั้นล่าง ขับรถบึ่งไปที่บ้านของหลินหว่าน


 


 


เซียวจิ่งสือนั่งอยู่ภายในรถ พอเห็นหลินหว่านลงบันไดมา ก็อุ้มช่อดอกไม้เดินเข้าไปหา


 


 


หลินหว่านพอเห็นเซียวจิ่งสือเดินตรงเข้ามาหาก็ทำตาโต ถามว่า “เซียวจิ่งสือ เวลานี้คุณควรจะทำงานอยู่ไม่ใช่เหรอคะ? คุณมานี่ทำอะไรน่ะ”


 


 


เซียวจิ่งสือยื่นดอกกุหลาบหอมกรุ่นมาตรงหน้าหลินหว่าน พูดว่า “ผมมารอคุณไงล่ะ ไม่เห็นหน้าคุณผมกินไม่ได้ นอนก็ไม่หลับ อย่าว่าแต่จะทำงานเลย”


 


 


หลินหว่านเห็นหน้าซูบเซียวของเซียวจิ่งสือแล้วเธอก็พอจะเข้าใจอยู่บ้าง ระหว่างนี้เธอจงใจหลบหน้าเขามาตลอด บางทีเขาอาจนอนไม่หลับเพราะเธอจริงๆ ก็ได้


 


 


พอนึกถึงตรงนี้ หลินหว่านก็รู้สึกผิดขึ้นมาไม่ได้ จึงจำใจรับดอกกุหลาบจากเซียวจิ่งสือ แต่ปากยังไม่ยอมเผยความในใจเร็วนัก แกล้งพูดอย่างโมโหว่า “ต่อไปไม่ต้องให้ดอกไม้นะคะ ฉันไม่อยากให้นักแสดงตัวเล็กๆ อย่างฉันส่งผลกระทบกับกิจการใหญ่โตของคุณ”


 


 


เซียวจิ่งสือรู้ว่าหลินหว่านยังโกรธเขาอยู่ก็รีบชี้แจงว่า “หลินหว่าน คุณรู้ไหมวันนั้นถึงผมกับอันซิงจะเข้าโรงแรมไปด้วยกัน แต่ผมไม่ได้มีอะไรกับเธอเลยนะ ผมให้ลูกน้องไปอยู่กับอันซิง ในใจผมมีแต่คุณเท่านั้น ผมไม่ยอมทำเรื่องที่ผิดต่อคุณแน่”


 


 


หลินหว่านเห็นท่าทางจริงจังของเซียวจิ่งสือแล้ว เหมือนกับว่าเขากลัวเธอจะไม่เชื่อ ใบหน้าหล่อเหลาขมวดมุ่นจนยับย่นไปหมด หลินหว่านเห็นแล้วนึกขำอยู่ในใจ เธอยังไม่เคยเห็นเซียวจิ่งสือตอนน่าเกลียดแบบนี้มาก่อน ช่างน่าเกลียดเกินกว่าที่คิดจริงๆ


 


 


หลินหว่านสะกดกลั้นไว้ไม่อยู่ หลุดหัวเราะพรืดออกมาจนได้


 


 


เซียวจิ่งสือเห็นว่าหลินหว่านหัวเราะออกมาได้ ก็รู้ว่าเธอยอมให้อภัยเขาแล้ว รีบพุ่งเข้าไปรวบร่างหลินหว่านกับช่อดอกไม้ไว้ในอ้อมอก พร้อมกับรอยยิ้มเบิกบานด้วยความดีอกดีใจราวกับบริษัททำกำไรได้หลายพันล้านอย่างนั้น


 


 


หลินหว่านถูกเซียวจิ่งสือจู่โจมเข้ากอดอย่างไม่ทันตั้งตัว ทั้งที่อยู่ชั้นล่างของตึกที่พัก เธอเกรงว่าจะมีคนรู้จักมาเห็นเข้าได้ขายหน้ากันพอดี จึงรีบร้องห้ามว่า “เซียวจิ่งสือ คุณอย่ารุ่มร่ามสิ ทำแบบนี้อีกแล้ว รีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ…”


 


 


เซียวจิ่งสือกำลังดีอกดีใจ จะยอมปล่อยง่ายๆ ซะที่ไหน เขากอดรัดหลินหว่านแน่นเข้าอีกไม่ยอมปล่อยเธอ ไม่แค่นั้นยังพรมจูบไปทั่วใบหน้าเธออีก


 


 


หลินหว่านนอกจากร้องขอให้ช่วยแล้วก็ทำอะไรอื่นไม่ได้อีก แต่ในใจหลินหว่านนั้นกลับรู้สึกดีใจเช่นกัน เธอเองก็คิดถึงเขาเหมือนกันไม่ใช่หรือไง หลังจากดิ้นรนอยู่ชั่วครู่ เธอก็นิ่งยอมให้เขาจูบแต่โดยดี


 


 


ไม่ห่างไปนัก มีกล้องขนาดเล็กจนแทบมองไม่เห็นบันทึกภาพทั้งหมดเอาไว้ ไม่นานนักก็เห็นว่าชายชุดดำที่ถือกล้องอยู่จัดเก็บข้าวของแล้วหายลับไปในมุมมืด…


 


 


ภายในตึกออฟฟิศ ชายชุดดำส่งกล้องให้กับอันซิง “ประธานอัน ของที่คุณต้องการ ผมบันทึกมาให้คุณทั้งหมดแล้ว”


 


 


อันซิงเผยรอยยิ้มพอใจ พูดว่า “ดี แกไปได้แล้ว”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม