ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ 175-181

ตอนที่ 175 คุณแม่ลั่วมารับลั่วอิงไป

 

           ถังโจวโจวสัญญาว่าเธอจะไปรับลั่วอิงกลับบ้านในวันนี้ ดังนั้นหลังจากที่เธอเลิกงานและเก็บสัมภาระเสร็จ เธอก็นั่งรถแท็กซี่ตรงไปที่โรงเรียนอนุบาล ถังโจวโจวยืนรอให้ลั่วอิงออกมาอยู่นาน แต่เมื่อมองดูเด็กๆ ที่วิ่งเข้าไปในอ้อมแขนของคุณพ่อคุณแม่ของตัวเองคนแล้วคนเล่า เธอกลับไม่พบลั่วอิงเสียที


 


 


ถังโจวโจวเดินเข้าไปในเขตโรงเรียน เธอเดินไปตามทางจนหาห้องเรียนของลั่วอิงเจอ และเมื่อเธอเห็นว่าภายในห้องนั้นมีครูสาวคนหนึ่งกำลังทำความสะอาดอยู่ ถังโจวโจวก็เอ่ยถามด้วยความวิตกกังวลว่า “สวัสดีค่ะ คุณครู ลั่วอิงยังอยู่ที่โรงเรียนไหมคะ”


 


 


“มีคนที่บ้านมารับลั่วอิงไปแล้วนะคะ?” ครูสาวเอ่ยด้วยความงุนงง


 


 


ถังโจวโจวใจเต้นรัวเมื่อได้ยินว่ามีคนมารับลั่วอิงไปแล้ว “จะเป็นไปได้ยังไงคะ ฉันเป็นคุณแม่ของเธอ คุณพ่อของเธอก็ยังอยู่ที่บริษัท จะมีคนมารับเธอไปได้ยังไง คุณครูได้เห็นไหมคะว่าคนที่มารับลั่วอิงเป็นใคร”


 


 


“ก็เป็นคนที่มีอายุหน่อยนะคะ ฉันได้ยินลั่วอิงเรียกเธอว่าคุณย่า” ครูสาวเล่า


 


 


ถังโจวโจวนึกถึงคนที่ลั่วอิงเรียกว่าคุณย่า คุณแม่ลั่วเหรอ ทำไมเธอถึงมารับลั่วอิงไปโดยไม่บอกกันสักคำล่ะ?


 


 


เมื่อเอ่ยคำขอบคุณกับคุณครูสาวแล้ว ถังโจวโจวก็ต่อสายไปที่คฤหาสน์ตระกูลลั่ว แม่นมจ้าวเป็นคนรับสาย “แม่นมจ้าวคะ ลั่วอิงอยู่กับทางนั้นหรือเปล่าคะ”


 


 


“อยู่ค่ะๆ เธอกำลังเล่นกับคุณนายอยู่ คุณผู้หญิงมีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมเสียงของคุณผู้หญิงถึงฟังดูกังวลแบบนี้”


 


 


“อ้อ ถ้าอย่างนั้นไม่มีอะไรแล้วค่ะ” ถังโจวโจววางสายไป ไฟโกรธของเธอลุกโชนขึ้นมา ถังโจวโจวอยากจะระเบิดอารมณ์มากเมื่อได้รู้ว่าคุณแม่ลั่วมารับลั่วอิงไปโดยไม่ได้บอกกล่าวกัน เพียงแต่ตอนนี้เธอไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะเธอไม่มีที่ให้ระบายออก ถังโจวโจวได้แต่กลับบ้านไปด้วยความโกรธ


 


 


ลั่วเซ่าเชินกลับมาถึงบ้าน ทีแรกเขานึกว่าพวกเธอสองคนจะรอเขาอยู่ที่บ้านแล้ว แต่ปรากฏว่าเมื่อเขากลับมาถึงบ้าน เขาก็เห็นแค่ป้าหลิวเพียงคนเดียว “คุณผู้หญิงกับคุณหนูล่ะ”


 


 


“ยังไม่กลับมาเลยค่ะ”


 


 


ลั่วเซ่าเชินตั้งท่าจะโทรหาถังโจวโจว เธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนี่ แต่เพียงแค่เขาควักโทรศัพท์ออกมา ถังโจวโจวก็เดินเข้าบ้านมา แต่มีเธอกลับมาแค่คนเดียว


 


 


ลั่วเซ่าเชินเห็นว่าด้านหลังของเธอไม่มีเงาของลั่วอิง “ลั่วอิงล่ะ”


 


 


ถังโจวโจวก้มหน้างุดและพูดด้วยเสียงแผ่วเบา “คุณแม่คุณมารับเธอไปค่ะ” ถังโจวโจวโยนกระเป๋าลงบนโซฟา ก่อนจะกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟาด้วยความหงุดหงิด


 


 


“ทำไมคุณแม่ถึงมารับไปล่ะ วันนี้คุณต้องไปรับเธอไม่ใช่หรือ” ลั่วเซ่าเชินไม่รู้ว่าคุณแม่ลั่วคิดจะทำอะไรอีก มารับลูกเขาไปโดยที่ไม่บอกไม่กล่าวกันสักคำ “คุณรออยู่นานเลยใช่ไหม”


 


 


“ค่ะ!” ถังโจวโจวยกแก้วน้ำที่ตั้งอยู่บนโต๊ะขึ้นมาจิบ เธอดูไม่สบอารมณ์เอามากๆ


 


 


“เดี๋ยวผมโทรไปถามให้” ลั่วเซ่าเชินหยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินออกไปที่สวนหย่อม


 


 


ไม่รู้ว่าเขาคุยอะไรกับคุณแม่ลั่ว แล้วเขาก็กลับมา เขาเพียงแต่บอกกับถังโจวโจวว่า “คุณแม่บอกว่าจะให้ลั่วอิงอยู่ที่นั่นสักสองสามวัน ท่านบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง”


 


 


“แล้วเรื่องที่ท่านมารับลั่วอิงไปอย่างกะทันหันล่ะคะ ไม่มีคำอธิบายสักนิดเลยเหรอ” ถังโจวโจวนึกไม่ถึงเลยว่าเรื่องมันจะง่ายแบบนี้ คิดจะขับไล่ไสส่งเธอทางอ้อมหรือ?


 


 


“คุณแม่ไม่ได้บอก เอาเถอะ คุณอย่าโมโหไปเลย ท่านเป็นผู้ใหญ่ เรากินข้าวกันเถอะ” ลั่วเซ่าเชินเองก็พูดอะไรไม่ออก แม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าสิ่งที่คุณแม่ลั่วทำนั้นมันค่อนข้างฉุกละหุก แต่เขาก็พูดอะไรไม่ได้ ถึงอย่างไรเธอก็คือแม่ของเขา หากมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ เขาก็ไม่อยากมากความ


 


 


ถังโจวโจวอยากจะระเบิดอารมณ์ออกมา แต่ท้องของเธอก็หิวมาก ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจกินข้าวก่อนแล้วค่อยว่ากัน


 


 


หลังจากนั้นสองสามวัน เมื่อถังโจวโจวกลับมาถึงบ้าน เธอก็พบว่าลั่วเซ่าเชินไปรับลั่วอิงกลับมาแล้ว “แม่โจวโจวขา หนูคิดถึงคุณแม่จังเลยค่ะ”


 


 


ถังโจวโจวเบี่ยงตัวจากลั่วอิงอย่างเย็นชา เธอวางของลงและนั่งลงข้างๆ ลั่วเซ่าเชิน ลั่วอิงรีบคว้าชายเสื้อของเธอไว้ เธอสังเกตเห็นว่าสีหน้าของถังโจวโจวไม่ค่อยสบอารมณ์ และเมื่อเธอส่งสายตามองไปที่ลั่วเซ่าเชิน เขาก็ไม่อาจช่วยอะไรเธอได้เช่นกัน เธอจึงได้แต่ยืนก้มหน้าอยู่ตรงนั้นด้วยความน้อยใจ


 


 


ถังโจวโจวไม่สนใจลั่วอิง เธอปล่อยให้ลั่วอิงยืนอยู่อย่างนั้น ลั่วเซ่าเชินมองทางนี้ทีทางนั้นที ก็พูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ “โจวโจว ลั่วอิงเธอยังเด็กอยู่ เธออาจจะลืมไป คุณยกโทษให้เธอเถอะนะ”


 


 


เมื่อลั่วอิงได้ยินลั่วเซ่าเชินเอ่ยขอร้องแทนเธอ เธอก็มองไปที่ลั่วเซ่าเชินด้วยความซาบซึ้งใจ ตอนนี้เมื่อเธอเห็นว่าถังโจวโจวยังคงนั่งนิ่งอยู่บนโซฟา แทนที่จะกอดเธอเหมือนเคย เธอก็รู้แล้วว่าถังโจวโจวไม่พอใจเธอจริงๆ


 


 


และเมื่อนึกถึงสาเหตุที่จะทำให้ถังโจวโจวโกรธได้ ลั่วอิงก็คิดออกแต่เรื่องที่คุณแม่ลั่วไปรับเธอที่โรงเรียน ดูเหมือนว่าวันนั้นแม่โจวโจวก็กำลังจะมารับเธอเหมือนกัน “แม่โจวโจวขา หนูรู้ว่าหนูผิดไปแล้ว จู่ๆ คุณย่าก็มารับหนู หนูไม่ได้คิดอะไรมาก หนูก็เลยกลับไปกับคุณย่าค่ะ”


 


 


สีหน้าของถังโจวโจวไม่ได้ดีขึ้นเลยสักนิดเมื่อได้ฟังคำอธิบายของลั่วอิง “แล้วทำไมหลังจากนั้นหนูถึงไม่โทรมาบอกแม่ล่ะคะ”


 


 


ลั่วอิงก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด “แม่โจวโจว หนูลืม…”


 


 


“เอาน่า ลูกรู้แล้วว่าลูกทำผิด คุณก็อย่าไปบีบคั้นลูกนักเลย” ลั่วเซ่าเชินคอยประนีประนอมให้อยู่ข้างๆ ถังโจวโจวจึงยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก


 


 


เธอกระซิบที่ข้างหูของลั่วเซ่าเชินว่า “นี่คุณคิดจะทำอะไร ทุกครั้งที่ฉันเล่นบทนางมาร คุณก็จะเล่นบทเทวดางั้นเหรอ”


 


 


“แล้วคุณรู้สึกดีเหรอที่เห็นลูกเศร้าน่ะ”


 


 


ถังโจวโจวนิ่งเงียบไป ที่ลั่วเซ่าเชินพูดมามันก็ถูก และเมื่อเธอเห็นท่าทางน่าสงสารของลั่วอิง ถังโจวโจวเองก็เจ็บปวดใจ เธอเพียงคิดว่าเธอจะต้องสอนให้ลั่วอิงรู้จักข้อผิดพลาดของตัวเองให้ได้ เพราะถ้ามันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกในอนาคตล่ะ จะทำอย่างไร?


 


 


ถังโจวโจวโยนปัญหานี้ไปให้ลั่วเซ่าเชิน ลั่วเซ่าเชินคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ถ้าอย่างนั้นคุณก็คุยกับเธอดีๆ ผมเชื่อว่าลั่วอิงจะเข้าใจความคิดของคุณอย่างแน่นอน”


 


 


ลั่วเซ่าเชินยืนขึ้น เขาลูบศีรษะของลั่วอิง ก่อนจะดันแผ่นหลังของเธอเบาๆ “ไปหาแม่โจวโจวไปลูก เดี๋ยวพ่อจะไปดูก่อนว่าป้าหลิวทำกับข้าวเสร็จหรือยัง”


 


 


ลั่วอิงไม่ได้ปฏิเสธอะไร เธอมองไปที่ถังโจวโจวอย่างว่าง่ายตามคำพูดของลั่วเซ่าเชิน เธอค่อยๆ เดินเข้าไปหาถังโจวโจวทีละก้าวๆ และปากของเธอก็ขยับพูดเป็นครั้งคราวว่า “แม่โจวโจวขา ครั้งหน้าลั่วอิงจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว…”


 


 


จนกระทั่งเธอเดินเข้าไปถึงตัวของถังโจวโจว ลั่วอิงก็ยังไม่เห็นว่าถังโจวโจวจะยอมพูดด้วย แต่นัยน์ตาของถังโจวโจวนั้นอ่อนโยนลงไปมาก


 


 


เธอจึงกล้าซบลงไปบนหน้าขาของถังโจวโจวและพูดด้วยเสียงอู้อี้ว่า “แม่โจวโจวขา หนูรู้ว่าหนูไม่ควรลืมโทรบอกคุณแม่ หนูทำให้คุณแม่เป็นห่วง…”


 


 


เมื่อมองดูลั่วอิงที่พูดปลอบใจเธอราวกับเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ถังโจวโจวก็ไม่สามารถคงใบหน้าเย็นชาของเธอได้อีกต่อไป สายตาที่เย็นชาของเธอนั้นอ่อนโยนลงไปหลายส่วน ถังโจวโจวลูบสัมผัสผมที่นุ่มสลวยของลั่วอิง จากนั้นเธอก็อธิบายให้ลั่วอิงฟังอย่างใจเย็น


 


 


“ลั่วอิง แม่โจวโจวไม่ได้อยากจะตำหนิหนู เพียงแต่ครั้งนี้หนูทำผิดไปจริงๆ ถึงแม้ว่าหนูจะกลับไปกับคุณย่า แต่หนูก็ควรจะบอกคุณครูหรือโทรกลับมาบอกที่บ้านก่อน แบบนี้แม่โจวโจวจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงยังไงล่ะคะ”


 


 


           “ค่ะ หนูรู้แล้ว” ลั่วอิงค่อยๆ ส่งเสียงสะอื้นออกมา และเมื่อถังโจวโจวเชยคางเธอขึ้น ก็พบว่าดวงตาของเธอนั้นแดงช้ำ เธอพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา


 


 


ถังโจวโจวลูบใบหน้าเล็กๆ ของเธอ “เอาละค่ะ หนูไม่ต้องเสียใจไปนะ แค่หนูรู้ว่าหนูทำผิดตรงไหน แม่โจวโจวก็ไม่ดุหนูแล้วค่ะ”


 


 


“ฮือ… แม่โจวโจวขา หนูนึกว่าคุณแม่ไม่ต้องการหนูแล้วซะอีก!”


 


 


จู่ๆ ลั่วอิงก็ร้องไห้จ้าออกมาจนถังโจวโจวสะดุ้งตกใจ เธอรีบเช็ดน้ำตาให้ลั่วอิง “เอาละค่ะๆ ไม่ต้องร้องค่ะ คุณแม่จะไม่ต้องการหนูได้ยังไง วันๆ หนึ่งในหัวสมองน้อยๆ ของหนูคิดอะไรอยู่คะเนี่ย”


 


 


ถังโจวโจวคอยเช็ดน้ำตาให้ ส่วนลั่วอิงก็สะอึกสะอื้นอยู่ตลอดเวลา หลังจากเพิ่งร้องไห้เสร็จ เธอก็พยายามไม่ส่งเสียงร้องไห้ออกมาอีก แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย


 


 


ถังโจวโจวอุ้มเธอขึ้นมานั่งบนตักและตบแผ่นหลังของเธอเบาๆ เพื่อให้เธอสงบลง จากนั้นเธอก็ค่อยๆ อธิบายให้ลั่วอิงฟังอย่างละเอียดว่าผลมันจะเป็นอย่างไรหากเธอออกไปไหนมาไหนคนเดียวโดยที่ไม่บอกถังโจวโจว และเพื่อให้ลั่วอิงค่อยๆ เข้าใจว่าถังโจวโจวไม่ได้อยากจะดุเธอ แต่แค่ต้องการให้เธอรู้จักข้อผิดพลาดของเธอเอง


 


 


ลั่วอิงกอดคอของถังโจวโจวแน่น “ค่ะ แม่โจวโจว หนูรู้แล้วค่ะ”


 


 


           เมื่อทั้งคู่ปรับความเข้าใจกันแล้ว รอยยิ้มก็หวนกลับมาอีกครั้ง และเมื่อลั่วเซ่าเชินเดินออกมาจากห้องครัว เขาก็พบว่าทั้งคู่คืนดีกันแล้ว เขาจึงเผยรอยยิ้มออกมา


 


 


           ลั่วเซ่าเชินกลับไปที่ห้องหนังสือหลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว เขาโทรศัพท์หาคุณแม่ลั่วด้วยโทรศัพท์มือถือ พอพูดไปพูดมา ทางด้านของคุณแม่ลั่วก็เกิดโมโหขึ้นมาบ้าง ลั่วเซ่าเชินได้แต่กุมขมับและฟังคำด่าทอของคุณแม่ลั่วที่มีต่อถังโจวโจว


 


 


“แม่ครับ เรื่องนี้แม่ทำไม่ถูกนะ แม่มารับลั่วอิงกลับไปบ้าน แต่ทำไมแม่ไม่บอกผมสักคำ แม่ไม่รู้หรือครับว่าผมเป็นห่วง?” ลั่วเซ่าเชินไม่กล้าเอ่ยถึงถังโจวโจว เขาก็เลยต้องอ้างถึงแค่เขาคนเดียว “แม่ครับ ผมไม่ได้โทษแม่นะครับ แต่ถ้าแม่จะทำแบบนี้อีก แม่ช่วยบอกเราก่อนด้วยนะครับ!” ท้ายที่สุดแล้วก็ยังทะเลาะกันก่อนจาก ลั่วเซ่าเชินได้แต่ถอนหายใจออกมาหนักๆ


 


 


เมื่อเขากลับมาที่ห้องนอน เขาก็เห็นว่าถังโจวโจวยังไม่หลับ ลั่วเซ่าเชินดูแปลกใจอยู่เล็กน้อย เพราะเขากลัวว่าจะได้เห็นแววตาผิดหวังของถังโจวโจวอีก ลั่วเซ่าเชินตั้งใจกลับมาที่ห้องช้าเป็นพิเศษ เขานึกว่าถังโจวโจวเข้านอนไปแล้ว แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าเมื่อเขาเปิดประตูเข้ามา เธอยังคงหันมองมาที่ประตูอยู่


 


 


“ทำไมถึงยังไม่นอนอีก”


 


 


“ก็รอคุณไงคะ! นี่คุณโทรไปหาคุณแม่คุณอีกแล้วหรือ”


 


 


“คุณรู้ได้ยังไง” ลั่วเซ่าเชินมองเธอด้วยความประหลาดใจ เขายังไม่ได้บอกเธอเลยนะ?


 


 


“พอดีฉันจะเอากาแฟไปให้คุณที่ห้องหนังสือ ฉันก็เลยได้ยินน่ะค่ะ” ถังโจวโจวได้ยินน้ำเสียงที่เบื่อหน่ายของลั่วเซ่าเชินดังออกมาจากห้องหนังสือ นอกจากนี้เธอก็ยังได้ยินเสียงคำรามของคุณแม่ลั่วรางๆ ด้วย เธอก็เลยรู้ว่าสองแม่ลูกทะเลาะกันเพราะเธออีกแล้ว


 


 


“นึกไม่ถึงเลยว่าคุณก็เป็นพวกแอบฟังเหมือนกัน” ลั่วเซ่าเชินไม่ได้สนใจ ได้ยินก็ได้ยิน เขากับคุณแม่ลั่วไม่ได้สาดคำไม่ดีใส่กัน และสิ่งที่คุณแม่ลั่วพูดนั้น ถังโจวโจวก็คงไม่ได้ยินอยู่แล้ว


 


 


“ท่านว่ายังไงบ้างคะ” เมื่อถังโจวโจวมองไปที่ลั่วเซ่าเชินและถามคำถามนี้ออกมา ก็ทำให้ลั่วเซ่าเชินตกใจอยู่ไม่น้อย เมื่อก่อนถังโจวโจวไม่เคยถามรายละเอียดลงลึกแบบนี้นี่ วันนี้เกิดอะไรขึ้น?


 


 


“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ ผมแค่บอกท่านว่าต่อไปอย่าทำแบบนี้ จากนั้นท่านก็ด่าผมอีกนิดหน่อย ก่อนจะตัดสายไป” ลั่วเซ่าเชินปกปิดคำพูดรุนแรงของคุณแม่ลั่ว แต่หากถามถึงทัศนคติของคุณแม่ลั่ว พวกเขาสองคนก็รู้กันดีอยู่แล้ว


 


 


“อ้อ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว คุณก็รีบไปอาบน้ำเถอะค่ะ” ถังโจวโจวรู้ว่าลั่วเซ่าเชินพูดความจริงแค่เพียงครึ่งเดียว แต่เธอก็ไม่อยากจะถามต่อไปให้ตัวเองเศร้ามากกว่าเดิม


 


 


“เด็กดี อย่าคิดมากล่ะ” ลั่วเซ่าเชินลูบศีรษะของถังโจวโจวเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าไปในห้องน้ำ ในขณะที่ถังโจวโจวก็นั่งยอมรับการปลอบโยนของลั่วเซ่าเชินอย่างง่ายดาย


 


 


ถังโจวโจวเพียงแค่พูดกับตัวเองในใจ เธอรู้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่ว่าแม่สามีของเธอคิดกับเธอเช่นไร ทำไมยังจะต้องคิดมากอีก ถังโจวโจว นี่เธอโง่หรือเปล่า?


 


 


ดูเหมือนว่าหลังจากที่เธอปลอบใจตัวเองแบบนั้น เธอก็อารมณ์ดีขึ้นมาก ถังโจวโจวไม่รู้ว่านี่คือผลทางจิตวิทยา หรือว่าเรื่องมันเป็นแบบนั้นจริงๆ 

 

 


ตอนที่ 176 ลั่วอิงหายตัวไป

 

          วันรุ่งขึ้น ถังโจวโจวพาลั่วอิงออกไปเดินเล่น เพื่อชดเชยให้กับความน้อยใจของเธอเมื่อวานนี้ และเมื่อถังโจวโจวแต่งตัวให้ลั่วอิงเสร็จแล้ว ทั้งคู่ก็ควงแขนกัน ก่อนจะให้ลั่วเซ่าเชินพาไปส่งที่ห้างสรรพสินค้า


 


 


           หลังจากเดินไปได้สักพัก ถังโจวโจวก็เข้าไปในร้านชานมแล้วซื้อชานมออกมาสองแก้ว เธอนั่งพักสักครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินต่อไปพร้อมกับชานม


 


 


ทันใดนั้นเอง ถังโจวโจวก็รู้สึกเจ็บที่ท้อง พอดีกันกับที่เธอเห็นลูกศรชี้ไปทางห้องน้ำ เธอจึงฉุดมือเล็กๆ ของลั่วอิง “ลั่วอิงคะ แม่โจวโจวปวดท้องขึ้นมากะทันหัน เราไปห้องน้ำกันก่อนนะคะ”


 


 


“ค่ะ แม่โจวโจว เรารีบไปกันเถอะค่ะ” ลั่วอิงเห็นว่าถังโจวโจวกำลังรีบร้อนเสียจนเหงื่อเย็นๆ ไหลออกมา เธอจึงจูงมือของถังโจวโจวแล้ววิ่งเหยาะๆ ไปข้างหน้า


 


 


ถังโจวโจวกำชับให้ลั่วอิงยืนรอเธออยู่นอกห้องน้ำ เธอจะรีบออกมาให้เร็วที่สุด จากนั้นเธอก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำทันที


 


 


ในขณะที่ลั่วอิงกำลังยืนถือชานมสองแก้วรอถังโจวโจวอยู่ด้านนอกห้องน้ำนั้น จู่ๆ เธอก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งย่อตัวลงตรงหน้าเธอ แล้วก็พูดอะไรบางอย่างกับลั่วอิง เดิมทีลั่วอิงก็เอ่ยปากปฏิเสธ แต่หลังจากนั้นเธอก็ถูกผู้หญิงคนนั้นอุ้มตัวไป


 


 


หลังจากถังโจวโจวจัดการกับธุระของเธอเสร็จแล้ว เธอก็เดินออกมาอย่างเบิกบานใจ แต่แล้วเธอก็ไม่พบลั่วอิง สิ่งแรกที่เธอนึกได้ก็คือลั่วอิงเข้าไปด้านใน เธอจึงมองไปรอบๆ ห้องน้ำทั้งด้านในและด้านนอก แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงาของลั่วอิง


 


 


คราวนี้เธอร้อนรนใจขึ้นมาจริงๆ เธอตะโกนเสียงดังลั่น “ลั่วอิง ลั่วอิง! หนูอยู่ไหนคะ” ไม่มีใครตอบรับเธอ ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็เพียงแค่มองเธอ แล้วหลังจากนั้นก็เดินต่อไปยังทิศทางที่ตัวเองจะไป


 


 


ทันใดนั้นถังโจวโจวก็รู้สึกว่าบนโลกใบนี้เหลือเพียงแค่เธอคนเดียว ภายในหัวสมองของเธอมีแต่คำว่า ‘ลั่วอิงหายตัวไป!’


 


 


ถังโจวโจวได้ยินเสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น และเมื่อเธอหยิบขึ้นมาดู เธอก็พบว่าลั่วเซ่าเชินโทรมา เธอจึงรีบรับสายและพูดด้วยเสียงสะอึกสะอื้นว่า “เซ่าเชิน ลั่วอิงหายไป…”


 


 


ลั่วเซ่าเชินรีบพูดด้วยความใจเย็น “โจวโจว เกิดอะไรขึ้น คุณค่อยๆ เล่า”


 


 


“ฉันพาลั่วอิงไปซื้อชานมที่ร้านชานม…พอฉันออกมาจากห้องน้ำ เธอก็หายไปแล้ว เซ่าเชิน ทำยังไงดีคะ ถ้าลั่วอิงถูกคนไม่ดีจับตัวไปล่ะ เราจะทำยังไง”


 


 


“โจวโจว ลั่วอิงไปเล่นซนที่ไหนหรือเปล่า คุณไปแจ้งประชาสัมพันธ์ให้ประกาศตามหาเธอก่อน เดี๋ยวผมจะรีบตามไป” การวิเคราะห์อย่างใจเย็นของลั่วเซ่าเชินทำให้จิตใจของถังโจวโจวสงบลงไปมาก


 


 


“ค่ะ ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้”


 


 


ถังโจวโจวเช็ดจมูก ในสถานการณ์แบบนี้ เธอไม่สามารถร้องไห้ได้ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงหาตัวลั่วอิงไม่เจอ ครั้งนี้มันเป็นความผิดของเธอทั้งหมด เธอทำให้ลั่วอิงต้องลำบากอีกแล้ว หากมีอะไรเกิดขึ้นกับลั่วอิง เธอจะไม่มีวันยกโทษให้ตัวเองไปตลอดชีวิต


 


 


กว่าถังโจวโจวจะงมทางจนเจอเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ เธอก็รีบบอกจุดประสงค์ของเธอให้เจ้าหน้าที่ฟัง และเจ้าหน้าที่ก็เร่งช่วยเหลือเธอทันที “น้องลั่วอิงคะ น้องลั่วอิง หลังจากได้ยินเสียงประกาศนี้แล้ว ให้มาที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ด้วยนะคะ คุณถังโจวโจว คุณแม่ของหนูกำลังรอหนูอยู่ที่นี่ค่ะ”


 


 


หลังจากประกาศซ้ำกันสามครั้ง เจ้าหน้าที่ก็ขอให้ถังโจวโจวนั่งรอสักครู่ก่อน เธอยื่นน้ำให้ถังโจวโจวแก้วหนึ่ง “คุณถังใจเย็นๆ ก่อนนะคะ บางทีน้องอาจจะแค่ติดเล่น น้องก็เลยวิ่งไปไกล คาดว่าพอน้องได้ยินเสียงประกาศ น้องก็น่าจะกลับมาแล้วค่ะ”


 


 


ถังโจวโจวรู้ว่าเจ้าหน้าที่แค่ปลอบใจเธอ เธอเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะเป็นไปได้ เธอกำชับกับลั่วอิงหลายรอบมากว่าอย่าไปไหนไกล แล้วลั่วอิงจะไม่ฟังเธอได้อย่างไร แต่ตอนนี้เธอหาลั่วอิงไม่เจอนานแล้ว เธอก็ได้แต่เอ่ยปลอบใจตัวเองด้วยคำพูดเหล่านี้ไปก่อน


 


 


ถังโจวโจวถือแก้วเอาไว้ เธอรออยู่ในสำนักงานอย่างใจจดใจจ่อ จนกระทั่งลั่วเซ่าเชินมาถึง ถังโจวโจวก็โผตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขา “เซ่าเชิน ทำยังไงดี ลั่วอิงหายไปจริงๆ”


 


 


“ใจเย็นๆ นะคุณ เดี๋ยวให้ทางห้างเขาตรวจสอบกล้องวงจรปิดเอา” ลั่วเซ่าเชินลูบแผ่นหลังของถังโจวโจว เพื่อปลอบให้เธอใจเย็นลง ก่อนจะเล่าแผนการที่เขาจะทำต่อไปให้ถังโจวโจวฟัง


 


 


พวกเขาเดินไปที่ห้องวงจรปิดด้วยกัน และเมื่อเจ้าของห้างได้ยินว่าลั่วเซ่าเชินมา เขาก็รีบตามไปที่ห้องนั้นทันที เขาพร่ำเอ่ยคำขอโทษอยู่ตลอดเวลา แต่ตอนนี้ลั่วเซ่าเชินไม่มีเวลามาสนใจเขา เขาจึงส่งให้หวังหวาจัดการ


 


 


เมื่อทั้งคู่ได้เห็นภาพจากกล้องวงจรปิดในช่วงเวลานั้น สองนาทีก่อนที่ถังโจวโจวจะออกมา พวกเขาพบว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาใกล้ลั่วอิง จากนั้นพวกเธอก็พูดคุยกัน ในตอนแรกลั่วอิงก็ดูเหมือนจะสนใจดี แต่หลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ เธอก็ทำท่าเหมือนปฏิเสธ แล้วเธอก็ซ่อนมือของตัวเองเอาไว้ด้านหลังตลอด


 


 


ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นทำอย่างไร ลั่วอิงถึงได้ตกอยู่ในอ้อมแขนของเธอ ความแปลกประหลาดนี้ไม่ได้เป็นจุดสนใจของคนรอบข้างเลย บางทีผู้หญิงคนนั้นอาจจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อทำให้คนรอบข้างเชื่อ จากนั้นผู้หญิงคนนั้นก็อุ้มลั่วอิงขึ้นและเดินออกไปจากห้างสรรพสินค้า


 


 


เมื่อเห็นภาพเหล่านั้น ถังโจวโจวก็ปิดปากแน่น แล้วน้ำตาก็ร่วงเผาะในทันที “ลั่วอิงไม่มีทางตามเธอไปแน่ๆ เธอต้องบังคับขู่เข็ญลูก หรือไม่ก็วางยาลูกอย่างแน่นอน…”


 


 


ถังโจวโจวยิ่งพูดก็ยิ่งสติแตกมากขึ้นเรื่อยๆ เธอแทบจะไม่มีสติสัมปชัญญะแล้ว ลั่วเซ่าเชินกุมมือเธอไว้และพูดเสียงดังว่า “โจวโจว! คุณสงบสติอารมณ์หน่อยสิ ผมจะหาลั่วอิงให้เจอให้ได้!”


 


 


ลั่วเซ่าเชินสั่งการอะไรบางอย่างกับหวังหวา ส่วนถังโจวโจวนั้นก็ถูกลั่วเซ่าเชินลากเข้ามาในห้องทำงานห้องหนึ่ง เขาเห็นว่าถังโจวโจวมีท่าทีซึมเศร้าไปทันตาเห็น


 


 


“โจวโจว ดูท่าทางของคุณในตอนนี้สิ เรายังไม่รู้ว่าลั่วอิงอยู่ที่ไหน คุณจะเป็นแบบนี้ได้ยังไง”


 


 


“ฮือ…” ถังโจวโจวกุมหน้าและร้องไห้อย่างขมขื่น ลั่วอิงเพิ่งจะกลับมาได้หนึ่งวัน แต่เธอก็กลับทำเธอหายไป ถ้าเกิดอะไรขึ้น เธอจะทำอย่างไร? และเมื่อถังโจวโจวนึกถึงผลที่จะตามมา เธอก็ยิ่งหวาดกลัว


 


 


“เอาละ คุณอย่าร้องไห้ไปเลย เราจะต้องหาเธอให้เจอ แต่ตอนนี้คุณควรจะตั้งสติให้ดี เรายังไม่รู้ว่าลั่วอิงไปลำบากอยู่ที่ไหน ถ้าคุณอยากจะชดใช้ คุณก็ต้องรอจนกว่าเธอจะกลับมา!” ลั่วเซ่าเชินคอยให้คำแนะนำถังโจวโจวอย่างจริงใจ


 


 


ถังโจวโจวร้องไห้จนสำลัก “แค่กๆๆ…”


 


 


ลั่วเซ่าเชินรีบยื่นแก้วน้ำให้เธอ “ดื่มน้ำก่อนคุณ ไม่ต้องเป็นห่วง ผมส่งคนออกไปตามหาแล้ว”


 


 


ถังโจวโจวดื่มน้ำและค่อยๆ สงบลง ขอบตาของเธอยังคงแดงก่ำ เพียงแต่เธอไม่ได้ส่งเสียงร้องไห้อีกต่อไป เห็นได้ชัดว่าเธอสงบนิ่งลงไปมาก


 


 


เพียงไม่นาน หวังหวาก็เคาะประตูและเปิดเข้ามา “ท่านครับ ทางสถานีตำรวจพบหมายเลขทะเบียนรถของผู้หญิงคนนั้นแล้วครับ”


 


 


“แล้วรู้ไหมว่ารถคันนั้นตอนนี้ขับไปถึงไหนแล้ว”


 


 


“ขอโทษด้วยครับ รถถูกทิ้งไว้ที่ลานจอดรถแห่งหนึ่ง ไม่รู้ว่าคนขับไปทางไหนแล้ว”


 


 


“ตามหาต่อไป ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน ก็ต้องพาลั่วอิงกลับมาให้ได้ แล้วก็ปิดข่าวนี้ไปก่อนล่ะ”


 


 


“ครับ ท่านผอ.”


 


 


หวังหวาทิ้งพื้นที่ให้พวกเขาสองคน “โจวโจว เรากลับไปรอฟังข่าวกันเถอะ ถ้าเธอแค่อยากได้เงิน เดี๋ยวเธอก็ต้องติดต่อมาแน่ๆ”


 


 


ถังโจวโจวคิดว่าคำพูดของเขามีเหตุผลอยู่เหมือนกัน เธอจึงกลับบ้านไปพร้อมกับลั่วเซ่าเชิน ป้าหลิวเอ่ยถามซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อไม่เห็นลั่วอิงกลับมาด้วย “คุณหนูล่ะคะ ฉันทำเค้กที่เธอชอบทานไว้ให้”


 


 


หยาดน้ำตาของถังโจวโจวค่อยๆ ไหลลงมาอีกครั้ง เมื่อเธอได้ยินป้าหลิวถามถึงลั่วอิง “ป้าหลิวคะ ลั่วอิงหายไป… ฮือ…”


 


 


ลั่วเซ่าเชินพาถังโจวโจวไปนั่งที่โซฟา ส่วนป้าหลิวก็รีบหยิบกล่องทิชชู่มาให้เธอ “อย่าเสียใจไปเลยค่ะ คุณผู้หญิง คุณหนูจะต้องไม่เป็นอะไร”


 


 


ถังโจวโจวยังคงเป็นเหมือนเดิมเมื่อได้ยินคำปลอบโยนจากป้าหลิว ในขณะที่ลั่วเซ่าเชินเพียงแค่ส่งสายตาให้กับป้าหลิว จากนั้นป้าหลิวก็ล่าถอยออกไป


 


 


ลั่วเซ่าเชินนั่งลงข้างๆ ถังโจวโจว เขาส่งกระดาษทิชชู่ให้เธออย่างเงียบๆ ถังโจวโจวเอนตัวซบอยู่บนบ่าของเขา น้ำตาของเธอค่อยๆ ไหลออกมาอย่างเงียบๆ ดวงตาของพวกเขาทั้งสองคนจับจ้องอยู่ที่โทรศัพท์ รอให้คนที่ลักพาตัวลั่วอิงไปติดต่อกลับมา


 


 


โชคไม่ดี ผ่านไปหนึ่งวันแล้วก็ยังไม่ได้ข่าวคราวอะไรเลย ในที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เริ่มลงบันทึกและส่งคนมาเฝ้าที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ พวกเขาสอบถามถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินว่าพวกเขาสองคนได้สร้างศัตรูไว้บ้างหรือเปล่า ถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินส่ายหน้า


 


 


ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากยืนหยัดอยู่อย่างนั้นและดักฟังสายโทรศัพท์ของบ้านตระกูลลั่ว ถังโจวโจวไม่มีกะจิตกะใจจะไปทำงาน วันทั้งวันเธอเอาแต่นั่งเฝ้าโทรศัพท์อยู่บนโซฟา


 


 


ลั่วเซ่าเชินไม่สามารถละมือออกจากงานของบริษัทได้ แต่เขาก็ยังกังวลเรื่องภายในบ้าน ดังนั้นเขาจึงต้องเปลี่ยนห้องหนังสือภายในบ้านให้เป็นสถานที่ทำงาน


 


 


หลังจากรอคอยมาสองวัน ก็ยังไม่มีข่าวคราวอะไรอีก จิตวิญญาณของถังโจวโจวนั้นหลุดลอยไปไกล เธอไม่มีน้ำตาแล้ว แม้แต่ลั่วเซ่าเชินเรียกเธอ เธอก็ไม่สนใจ ไม่ว่าใครจะเรียก เธอก็ไม่สนใจทั้งนั้น


 


 


ทางฝั่งของลั่วอิงก็ยังไม่มีข่าวคราว ทางฝั่งของถังโจวโจวก็กำลังเกิดปัญหา ลั่วเซ่าเชินทั้งเครียดทั้งเสียใจจนจะระเบิดออกมาแล้ว ลั่วเซ่าเชินจึงต้องขอความช่วยเหลือจากคุณแม่ถัง


 


 


เมื่อคุณแม่ถังเห็นท่าทีที่เหม่อลอยของถังโจวโจว เธอก็รู้สึกเจ็บปวดจนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี “โจวโจว ลูกอย่าเป็นแบบนี้สิ แม่เห็นแล้วปวดใจ”


 


 


           เมื่อได้ยินเสียงคุณแม่ถัง จิตวิญญาณที่ล่องลอยของถังโจวโจวก็เหมือนได้กลับบ้าน เธอค่อยๆ กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง จู่ๆ น้ำตาของเธอก็เอ่อล้นขึ้นมาที่ขอบตา คุณแม่ถังรีบเช็ดมันออกให้เธอ


 


 


“โจวโจว อย่าร้องไห้ ไม่มีอะไรนะ แม่อยู่นี่แล้ว ลั่วอิงจะต้องไม่เป็นอะไร”


 


 


“แม่คะ…” ถังโจวโจวไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก นอกจากคำๆ นี้ เธอเพียงแต่กอดคุณแม่ถังเอาไว้และร้องไห้


 


 


คุณแม่ถังปล่อยให้เธอระบายความอัดอั้นตันใจในอ้อมแขนของตัวเอง ด้วยรู้ว่าถังโจวโจวรู้สึกผิดต่อลั่วอิงเป็นอย่างมาก แต่คุณแม่ถังกลับรู้สึกเจ็บปวดกับสภาพลูกสาวของตัวเองมากกว่า


 


 


หลังจากร้องไห้ไปได้สักพัก น้ำเสียงของถังโจวโจวก็เบาลงไปมาก และเมื่อคุณแม่ถังเห็นว่าเธอเริ่มสงบลงแล้วก็ค่อยๆ พูดกับเธอว่า “โจวโจว แม่รู้ว่าลูกรู้สึกผิดมากในตอนนี้ แต่เธอเองก็ยังเด็ก ลูกจะตำหนิตัวเองทั้งหมดอยู่อย่างนี้ไม่ได้นะ”


 


 


“ไม่ค่ะแม่ มันเป็นความผิดของหนูเอง ถ้าหนูไม่ปวดท้อง ลั่วอิงก็จะไม่ต้องอยู่ข้างนอกเพียงคนเดียว แล้วก็จะไม่ถูกคนลักพาตัวไป มันเป็นความผิดของหนูคนเดียว” พูดไปพูดมา ถังโจวโจวก็ยิ่งเสียใจ คุณแม่ถังทำได้แค่กอดเธอเอาไว้ เพื่อเยียวยาจิตใจของเธอ


 


 


“โจวโจว มันไม่ใช่แบบนั้น ลั่วอิงเป็นเด็กดี ลั่วอิงไม่โทษลูกหรอก” คุณแม่ถังกลัวว่าถังโจวโจวจะสติแตกขึ้นมาอีกครั้ง ดังนั้นเธอจึงรีบใช้ลั่วอิงเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ


 


 


ถังโจวโจวก็ไม่ได้โต้เถียงอะไร เพียงแต่เธอจะฟังคำพูดของคุณแม่ถังเข้าหูบ้างหรือไม่ มีแต่เธอเท่านั้นที่รู้


 


 


หลังจากที่คุณแม่ถังกล่อมถังโจวโจวนอนแล้ว เธอก็ออกมาจากห้อง ลั่วเซ่าเชินที่ยืนรออยู่ด้านนอก เขาก็รีบเข้าไปถามว่า “แม่ครับ โจวโจวเป็นยังไงบ้างครับ”


 


 


“หลับไปแล้วจ้ะ อีกเดี๋ยวแม่ค่อยทำอะไรให้เธอทาน แล้วตกลงว่ายังหาลั่วอิงไม่เจออีกหรือคะ”


 


 


“ยังเลยครับ” ลั่วเซ่าเชินส่ายหน้า เขาเองก็หดหู่มากเช่นกัน เพียงแต่ ณ ตอนนี้ถังโจวโจวกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว หากเขาหดหู่ตามไปด้วยอีกคน แล้วคนอื่นๆ จะต้องลำบากกันอีกมากเท่าไร ดังนั้น ลั่วเซ่าเชินจึงได้แต่ประคองสติตัวเองไว้


 


 


คุณแม่ถังเองก็รู้สึกหดหู่อยู่ไม่น้อย แต่เธอก็ยังพยายามตั้งสติและให้กำลังใจลั่วเซ่าเชิน “เซ่าเชิน แม่เชื่อว่าเด็กดีอย่างลั่วอิงจะต้องไม่เป็นอะไร บางทีเธออาจจะกำลังรอให้เราไปช่วย เพียงแต่เราไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหนเท่านั้นเอง”

 

 

 


ตอนที่ 177 เสี่ยงอันตรายเพียงลำพัง

 

       ลั่วเซ่าเชินเข้ามาดูถังโจวโจวในห้อง แล้วเขาก็เห็นว่าเธอหลับไปแล้ว แต่คิ้วของเธอก็ยังขมวดอยู่ เห็นได้ชัดว่าเธอยังคงกลัดกลุ้มใจอยู่ตลอด ลั่วเซ่าเชินลูบสัมผัสแก้มของเธอ และเมื่อนึกถึงลั่วอิงที่ยังไม่ได้รับข่าวคราวอะไร ใบหน้าที่สงบนิ่งของเขานั้นก็ค่อยๆ เคร่งเครียดขึ้นมา


 


 


           ลั่วเซ่าเชินไม่กล้าอยู่ในห้องนานนัก เขาปิดประตูลงอย่างเบามือ ทันใดนั้น เปลือกตาของถังโจวโจวก็เปิดออก ที่จริงแล้วเธอตื่นตั้งแต่ลั่วเซ่าเชินสัมผัสแก้มของเธอแล้ว แต่เธอแสร้งทำเป็นว่าเธอยังคงหลับอยู่


 


 


ติ๊ง! ถังโจวโจวได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ของเธอ และเมื่อเธอเห็นว่ามีข้อความเข้า เธอก็รีบลุกขึ้นนั่ง จากนั้นเมื่อเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เธอก็เดินออกไปทางประตูเล็กโดยที่ไม่รบกวนลั่วเซ่าเชินและคนอื่นๆ


 


 


เมื่อออกมาจากหมู่บ้านแล้ว ถังโจวโจวก็โบกรถแท็กซี่คันหนึ่ง และเมื่อเธอขึ้นมานั่งบนรถ คนขับรถก็ออกรถตรงไปข้างหน้า มือสองข้างของเธอประสานกันไว้แน่น เธอสวดอ้อนวอนขอพรกับพระเจ้าว่าขอให้ลั่วอิงไม่เป็นอะไร


 


 


เมื่อคุณแม่ถังยกถ้วยน้ำซุปเข้ามาในห้อง เธอก็ไม่พบถังโจวโจวแล้ว คุณแม่ถังรีบไปบอกลั่วเซ่าเชินทันที และเมื่อลั่วเซ่าเชินเข้ามาสังเกตดู เขาก็ได้ข้อสรุปว่า “แม่ครับ โจวโจวต้องออกไปคนเดียว เพื่อไปที่ไหนสักแห่งแน่ๆ”


 


 


“เป็นไปได้ยังไงคะ ทำไมเธอถึงออกไปข้างนอกโดยที่ไม่บอกเราสักคำ” คุณแม่ถังคิดว่ามันน่าแปลกมาก เพราะถังโจวโจวไม่เคยทำให้พวกเขาเป็นห่วงมาก่อน


 


 


“บางทีอาจจะมีคนข่มขู่เธอก็ได้นะครับ แม่ครับ บ้านหลังนี้ไม่เคยมีบุคคลภายนอกบุกเข้ามา โจวโจวอาจจะได้ข่าวของลั่วอิง แต่แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมจะรีบส่งคนออกไปตามหาเธอ”


 


 


ลั่วเซ่าเชินไม่สะดวกที่จะอธิบายให้คุณแม่ถังฟัง ตอนนี้ภารกิจที่เร่งด่วนมากก็คือการตามหาถังโจวโจว เธอคงจะไม่ทำอะไรโง่ๆ หรอกนะ


 


 


คุณแม่ถังมองลั่วเซ่าเชินที่รีบเดินออกไปอย่างร้อนรน เธอทำได้แค่เพียงรอฟังข่าวอยู่ที่บ้าน ลั่วเซ่าเชินรีบเรียกตัวหวังหวามาและสั่งให้เขาไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่โรงพักในทันที ส่วนเขากับบอดี้การ์ดอีกจำนวนหนึ่งก็ขับรถออกตามหาเธอ


 


 


“ท่านครับ คุณผู้หญิงเธอนั่งแท็กซี่ออกไปนอกเขตเมืองครับ”


 


 


“โอเค ส่งที่อยู่มาให้ฉันด้วย” เมื่อเขาขึ้นมานั่งบนรถ เขาก็รีบสั่งการบอดี้การ์ดที่อยู่ในรถว่า “รีบขับไปที่ชานเมืองเลย”


 


 


เดิมทีเรื่องของลั่วอิงใกล้จะได้เบาะแสแล้ว แต่นี่ถังโจวโจวกลับออกไปเจอคนพวกนั้นแค่เพียงคนเดียว ลั่วเซ่าเชินอดเป็นห่วงไม่ได้ว่าพวกเขาจะทำเรื่องไม่ดีกับถังโจวโจว


 


 


ลั่วเซ่าเชินไม่ได้เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของลั่วอิง หากทางนั้นต้องการเงินก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าการฆ่าตัวประกันไม่ได้เป็นผลดีต่อตัวเอง แต่หากทางนั้นต้องการแก้แค้นเขา ก็น่าจะนัดให้เขาออกไปพบตั้งนานแล้ว ไม่จำเป็นต้องจับลั่วอิงไปเป็นตัวประกัน


 


 


แต่ลั่วเซ่าเชินค่อนข้างกังวลว่าคนเหล่านั้นจะทำให้ลั่วอิงลำบาก ลั่วอิงยังเด็กมาก เขากลัวว่าเรื่องนี้จะเป็นเงาหลอกหลอนติดตัวเธอไปตลอดชีวิต เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ลั่วเซ่าเชินก็ได้แต่เตรียมตัวจัดการกับคนที่รนหาที่ตายแบบพวกนั้นด้วยสายตาเย็นชา


 


 


ถังโจวโจวขึ้นแท็กซี่ไปยังชานเมืองอันรกร้าง คนขับรถแท็กซี่เอ่ยเตือนด้วยความหวังดี เมื่อเห็นว่าที่นี่มันไกลและเปลี่ยวมากขนาดนี้ “คุณครับ คุณมาทำอะไรที่นี่หรือครับ ระวังจะเกิดเรื่องนะครับ ให้ผมรอคุณที่นี่ไหม?”


 


 


ถังโจวโจวก้าวลงจากรถ ก่อนจะมองไปยังโรงงานร้างที่ห่างออกไปไม่ไกล เธอรู้ว่าเธอมาถึงสถานที่ที่ระบุไว้ในข้อความแล้ว และเมื่อเธอเห็นว่าคนขับรถแท็กซี่มองเธอด้วยสายตากังวล เธอก็ยิ้มให้เขาเล็กน้อย เพื่อขอบคุณในน้ำใจนั้น “ไม่ต้องหรอกค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ฉันไม่เป็นไร”


 


 


ถังโจวโจวก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว เธอรู้แค่ว่าหากเธอมาด้วยตัวเองตามนัดหมาย ลั่วอิงก็จะปลอดภัย ถังโจวโจวไม่ใช่คนโง่ที่อ่านข้อความแค่เพียงข้อความเดียวแล้วจะเชื่อ เพียงแต่มีคนส่งภาพถ่ายของลั่วอิงมาให้เธอดู ซึ่งภาพร่างกายเล็กๆ ของลั่วอิงนั้นทำให้ถังโจวโจวรู้สึกสะเทือนใจ


 


 


เมื่อคนขับแท็กซี่เห็นว่าถังโจวโจวตั้งใจแน่วแน่ว่าจะทำเช่นนั้น เขาก็ไม่อาจเข้าไปยุ่งเรื่องของเธอได้ ดังนั้น เขาจึงได้แต่กลับรถและขับรถกลับเข้าไปในเมือง


 


 


ถังโจวโจวเดินไปได้สักพัก ในที่สุดเธอก็เข้าไปใกล้กับเขตโรงงาน เธอหยุดยืนอยู่หน้าประตูใหญ่ ไม่มีใครอยู่ที่นั่นเลย ถังโจวโจวกำมือแน่น จนเธอรู้สึกได้ว่าฝ่ามือของตัวเองเริ่มมีเหงื่อออก และเธอเองก็ไม่ได้เตรียมใจมาก่อนว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหลังจากที่เธอเดินเข้าไปข้างในแล้ว


 


 


เธอรู้แค่ว่าเธอจะต้องพาลั่วอิงกลับบ้านให้ได้ แม้ว่าเธอจะต้องอยู่ที่นี่แทนลั่วอิง เธอก็จะทำให้ลั่วอิงกลับไปอยู่กับลั่วเซ่าเชินให้ได้


 


 


หลังจากสูดหายใจลึกๆ แล้ว ถังโจวโจวก็ค่อยๆ เอื้อมมือออกไปเปิดประตูที่เก่าคร่ำคร่านั่น แอ๊ด! ประตูใหญ่ถูกเปิดออกโดยถังโจวโจว แสงสว่างด้านนอกทะลุเข้าไปข้างใน มองแค่ปราดเดียว ถังโจวโจวก็เห็นว่าลั่วอิงถูกมัดติดอยู่กับเสา


 


 


เสื้อผ้ายังคงเป็นชุดเดิมกับวันที่เธอถูกลักพาตัวมา ผมเผ้าของเธอยุ่งเหยิง เธอถูกมัดในสภาพที่นั่งอยู่กับพื้น ริมฝีปากของเธอแห้งกรัง ศีรษะของเธอคล้อยต่ำลงเล็กน้อย เมื่อแสงแดดสาดส่องมาที่เธอ เธอก็ขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะสงบนิ่งตามเดิม


 


 


ถังโจวโจวไม่อาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้เมื่อเธอได้เห็นภาพทั้งหมดนี้ ลั่วอิงของเธอ… พวกเขากล้าทำแบบนี้กับเด็กแค่ห้าขวบได้อย่างไร!


 


 


“ลั่วอิง! หนูเป็นยังไงบ้างลูก!”


 


 


ถังโจวโจวถลาตัวเข้าไปหาลั่วอิงและจับมือของเธอเอาไว้ พลันรู้สึกได้ว่าอุณหภูมิในร่างกายของเธอนั้นผิดปกติ ถังโจวโจวจึงทาบฝ่ามือของตัวเองลงบนหน้าผากของลั่วอิง ก่อนที่จะพบว่าร่างกายของลั่วอิงร้อนจนน่าตกใจ ใบหน้าของเธอก็แดงก่ำไปหมด


 


 


“ลั่วอิง หนูมีไข้ใช่ไหมคะ ตอนนี้รู้สึกเจ็บไหม” ถังโจวโจวเอ่ยถามอย่างร้อนใจ


 


 


           ลั่วอิงที่เริ่มได้สติรู้สึกสับสนนิดหน่อย เธออยากจะนอนมาก แต่ร่างกายของเธออยู่ในสภาพย่ำแย่ เธอรู้สึกว่าเหมือนเธอจะได้ยินเสียงของถังโจวโจว แต่เธอก็คิดว่านั่นเป็นแค่จินตนาการของเธอ แม่โจวโจวจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร


 


 


บางทีเธออาจจะคาดหวังเอาไว้มาก ลั่วอิงพยายามเปิดเปลือกตาของเธอขึ้น แล้วเธอก็เห็นถังโจวโจวนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเธอ ณ ตอนนี้เธอถึงเชื่อว่าเธอไม่ได้ฝันไปจริงๆ เธอเอ่ยออกมาเสียงแหบแห้ง “แม่โจวโจวขา หนูคิดถึงคุณแม่…”


 


 


เมื่อถังโจวโจวได้ยินอย่างนั้น น้ำตาของเธอก็ไหลทะลักออกมา ยังคงเหมือนกับทุกครั้งที่ลั่วอิงกลับมาจากโรงเรียน ลั่วอิงมักจะพูดประโยคนี้กับเธอเสมอ วันนี้เมื่อได้เห็นหน้าถังโจวโจวอีกครั้ง ลั่วอิงที่อยู่ในถ้ำหมาป่าเพียงคนเดียวมาตลอดสองวัน ประโยคแรกที่ลั่วอิงพูดกับเธอก็ยังเป็นประโยคนี้ ถังโจวโจวจะไม่ปวดใจได้อย่างไร


 


 


ถังโจวโจวไม่กล้าแตะต้องลั่วอิงเพราะกลัวว่าจะมีบาดแผลที่เธอมองไม่เห็น แม้ว่าถังโจวโจวจะไม่อยากคิดเช่นนั้น แต่ด้วยด้านมืดของคนที่ลงมือได้ถึงขนาดนี้แล้ว เธอก็ต้องคิดถึงความปลอดภัยของลั่วอิงไว้ก่อน


 


 


ถังโจวโจวกลัวว่าลั่วอิงจะเป็นกังวล เธอจึงรีบเช็ดน้ำตาตัวเอง “ลั่วอิง แม่โจวโจวมารับหนูแล้วนะคะ เด็กดีของคุณแม่ หนูต้องมาลำบากอยู่หลายวันแบบนี้ แต่หนูไม่ต้องกังวลแล้วนะคะ แม่โจวโจวมาแล้ว ลั่วอิงรออีกแป๊บเดียวนะ เดี๋ยวแม่โจวโจวจะพาหนูกลับบ้านเอง”


 


 


ลั่วอิงรู้สึกใจชื้นขึ้นเมื่อได้ยินถังโจวโจวพูดเช่นนั้น แต่เธอก็นึกอะไรบางอย่างได้ จึงรีบพูดออกมาว่า “แม่โจวโจวขา คนพวกนั้นน่ากลัวมาก คุณแม่ต้องระวังตัวด้วยนะคะ”


 


 


“แม่โจวโจวรู้ค่ะ ลั่วอิงพักผ่อนก่อนนะ เดี๋ยวพอหนูตื่นขึ้นมา เราก็ถึงบ้านกันแล้ว” ในที่สุดลั่วอิงก็ทนไม่ไหว เดิมทีเธอก็มีไข้สูงอยู่แล้ว และการมาถึงของถังโจวโจวก็เป็นการปลอบใจเธออย่างดี เธอจึงสบายใจขึ้นมาก จากนั้นก็ผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว


 


 


เมื่อเห็นว่าลั่วอิงหลับไปแล้ว ถังโจวโจวก็รีบแก้มัดเชือกอยู่ที่ด้านหลังของลั่วอิงออก เพียงแต่เชือกนี่ไม่รู้ว่ามัดอย่างไร ถังโจวโจวแก้อยู่นานแต่ก็แก้ไม่ออกเสียที เธอพยายามอย่างหนักจนเหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้า


 


 


ปัง! แสงสว่างนั้นพลันมืดลงในทันที ประตูใหญ่ถูกปิดลงอย่างกะทันหัน ทำให้ถังโจวโจวตัวสั่นเทา แล้วเธอก็ได้ยินเสียงผู้ชายดังขึ้นมาจากด้านหลัง “มาแล้วสินะ คุณถัง!”


 


 


ถังโจวโจวแหงนหน้ามองดูคนๆ นั้น ชายคนนั้นมีแผลเป็นอยู่บนใบหน้า บนมือของเขามีรอยสักลายเสือดาวอยู่ แค่มองก็รู้แล้วว่าเขาเป็นคนเดินดินธรรมดาๆ คนหนึ่ง


 


 


ด้านหลังของชายที่มีแผลเป็นยังมีลูกน้องที่ย้อมผมอีกจำนวนหนึ่งตามมาด้วย สีหน้าและท่าทางของพวกเขาดูไม่ค่อยเป็นมิตร แววตาท่าทางของพวกเขาทำให้ถังโจวโจวสั่นเทิ้มไปทั้งตัว จู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าที่เธอแอบออกมาโดยไม่บอกลั่วเซ่าเชินก่อนนั้นเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด


 


 


แต่ไหนๆ ก็มาแล้ว ถังโจวโจวจึงทำได้แค่ยืนหยัดต่อไป เมื่อครู่นี้เธอสัญญากับลั่วอิงแล้วว่าเธอจะพาลั่วอิงกลับไปถึงบ้านก่อนที่จะตื่นขึ้นมา เธอไม่สามารถผิดคำสัญญาของตัวเองได้!


 


 


“พวกนายต้องการอะไร” ถังโจวโจวไม่อยากเสียเวลากับพวกเขาอีกต่อไปแล้ว ลั่วอิงมีไข้สูง หากมัวแต่ชักช้ายืดยาดอยู่ เธอก็จะยิ่งแย่ลงไปอีก ถังโจวโจวไม่ต้องการเอาชีวิตของลั่วอิงมาเสี่ยง


 


 


ชายที่มีแผลเป็นมองตรงไปที่ถังโจวโจว “คุณถังนี่กล้าหาญชาญชัยดีจริงๆ บอกให้มาคนเดียว คุณก็มาคนเดียว คุณไม่นึกกลัวบ้างเลยหรือไง”


 


 


เจ้าแผลเป็นแอบนึกแปลกใจอยู่ ผู้หญิงคนนี้ก็ดูดีมีชาติตระกูล แต่ทำไมนายจ้างของเขาถึงต้องการจะฆ่าเธอ? แม้ว่าเจ้าแผลเป็นจะเดาสุ่มไปต่างๆ นานา แต่ใบหน้าของเขาก็ยังคงเย็นชาอยู่อย่างนั้น


 


 


“มาพูดอะไรเอาป่านนี้ บอกมาเถอะว่าพวกนายต้องการอะไร ฉันสามารถให้ได้ทุกอย่าง แต่ฉันมีข้อแม้อยู่เพียงข้อเดียว ฉันขอให้พวกนายปล่อยลั่วอิงไป เด็กตัวเล็กแค่นี้ก็ยังกล้าทำร้ายได้ลงคออีกหรือ!” ถังโจวโจวพูดออกมาอย่างขุ่นเคือง


 


 


แต่น่าเสียดายที่เจ้าแผลเป็นคนนั้นไม่ได้รู้สึกอะไร “เอาน่า คุณถัง คุณไม่เห็นจำเป็นต้องโกรธเลยนี่ เรายังไม่ได้ทำอะไรลูกสาวของคุณเลยนะ จะว่าไปตอนนี้คุณถังก็เครียดเกินไปหรือเปล่า ผมได้ยินมาว่าเธอไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคุณนี่ มันคุ้มกันเหรอที่คุณต้องลงทุนทำถึงขนาดนี้เพื่อเธอ?”


 


 


ถังโจวโจวเหยียดยิ้มเยือกเย็นออกมา “พวกนายไม่เคยมีครอบครัวกันหรือไง การเสียสละตัวเองเพื่อคนในครอบครัว พวกนายยังจะกล้าถามออกมาได้อีกเหรอว่ามันคุ้มหรือไม่คุ้มน่ะ!”


 


 


“นาย ผู้หญิงคนนี้กำลังกวนโมโหเราอยู่แน่ๆ อย่ามัวแต่ไปคุยกับเธออยู่เลย คนทางนั้นกำลังรอฟังข่าวอยู่นะ!” ลูกน้องคนหนึ่งของชายที่มีแผลเป็นก้าวออกมา เขาแค่อยากจะได้เงินที่เป็นส่วนแบ่งของเขาเร็วๆ ส่วนกับถังโจวโจว เขาไม่อยากจะพูดกับเธอให้เสียเวลา


 


 


ถังโจวโจวเห็นพวกเขาเริ่มร้อนใจ เหมือนเธอจะได้ยินว่ามีคนบงการพวกเขาอยู่เบื้องหลัง เธอจึงรีบคิดหาวิธีรับมือ “พวกนายต้องการเงินเหรอ? สามีฉันรวยมาก พวกนายต้องการมากเท่าไรล่ะ ฉันจะบอกให้เขาเอามาให้ เพียงแต่พวกนายต้องปล่อยฉันกับลูกสาวของฉันไป!”


 


 


“จริงเหรอ?” เจ้าแผลเป็นคนนั้นมองไปที่ถังโจวโจวอย่างครุ่นคิด จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่าสนใจ เธอตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังแบบนี้แท้ๆ ยังมีกะจิตกะใจมาคิดหาหนทางให้ตัวเองอีก


 


 


“แน่นอนสิ เพียงแค่พวกนายบอกตัวเลขมา ฉันจะรีบบอกให้สามีของฉันโอนเงินให้พวกนายทันที” ถังโจวโจวพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เพื่อโน้มน้าวให้คนโลภมากกลุ่มนี้เชื่อคำพูดของเธอ


 


 


ถังโจวโจวคิดว่าโอกาสของเธอมาถึงแล้ว เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางสนอกสนใจของลูกน้องที่อยู่ด้านหลังของชายที่มีแผลเป็นนั่น


 


 


“พวกนายคงไม่รู้ล่ะสิว่าสามีของฉันคือใคร เคยได้ยินชื่อลั่วเซ่าเชินไหม ลั่วกรุ๊ปน่ะ?”


 


 


“ใช่ลั่วกรุ๊ปที่ใหญ่ที่สุดในเมือง S หรือเปล่า” ในที่สุดก็มีคนทนไม่ไหว รีบก้าวออกมาถาม แต่เมื่อคนๆ นั้นถูกชายที่มีแผลเป็นถลึงตาใส่ ก็ค่อยๆ ถอยหลังกลับไป


 


 


ถังโจวโจวไม่อาจปล่อยโอกาสดีๆ แบบนี้ให้หลุดลอยไปได้ “ใช่! ลั่วกรุ๊ปนั่นแหละ สามีของฉันคือผู้อำนวยการที่นั่น ดังนั้น ไม่ว่าพวกนายจะอยากได้เงินสักเท่าไร เขาก็สามารถจ่ายให้ได้!”


 


 


ความจริงแล้วเจ้าแผลเป็นเองก็คล้อยตามเธออยู่เหมือนกัน ไม่ว่าอย่างไรมันก็เป็นเรื่องดีที่จะได้เงินมากขึ้นได้อย่างง่ายดายแบบนี้ 

 

 


ตอนที่ 178 เกลี้ยกล่อม

 

 แต่เจ้าแผลเป็นก็ยังคงอยากถามให้ชัดเจนมากกว่านี้ เขายังไม่หลงเชื่อคำพูดของถังโจวโจวง่ายๆ “คุณจะรับประกันได้ยังไงว่าผู้อำนวยการของลั่วกรุ๊ปจะไม่ส่งเราเข้าคุกน่ะ” 


 


 


           ทันทีที่เจ้าแผลเป็นตั้งคำถามนี้ออกมา ลูกน้องที่อยู่ด้านหลังของเขาก็เห็นด้วยกับปัญหานี้เหมือนกัน เมื่อครู่นี้พวกเขามัวแต่นึกถึงว่าพวกเขาจะได้เงินจากสามีของผู้หญิงคนนี้คนละเท่าไร แต่พวกเขาลืมไปเลยว่าสามีของเธออาจจะจับพวกเขาเข้าคุกก็ได้ 


 


 


มีคนตะโกนเห็นด้วยขึ้นมา “ใช่เลยนาย เราจะปล่อยยายคนนี้เอาไว้ไม่ได้แล้ว บางทีเธออาจจะแค่พูดหลอกให้เราหลงกลก็ได้” 


 


 


เจ้าแผลเป็นไม่จำเป็นต้องให้ใครมาเตือน เพราะเขานึกถึงปัญหานี้อยู่ก่อนแล้ว เพียงแต่อีกปัญหาหนึ่งก็ติดอยู่ในใจของเขามานานเหมือนกัน หากเขาฆ่าถังโจวโจว หลังจากนี้เขาก็จะถูกตราหน้าว่าเป็นฆาตกร นี่มันไม่ใช่สิ่งที่เจ้าแผลเป็นต้องการเลย 


 


 


ถังโจวโจวอดกังวลใจขึ้นมาไม่ได้ เมื่อเธอเห็นว่าคำพูดที่เธอพยายามพูดอยู่นานนั้นใช้ไม่ได้ผล ขณะเดียวกันเธอก็คอยเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวจากด้านนอกอยู่ เธอคิดอยู่ว่าทำไมลั่วเซ่าเชินถึงยังไม่รีบตามมาที่นี่อีก? 


 


 


แม้ว่าถังโจวโจวจะหุนหันพลันแล่นแอบออกมาจากบ้าน แต่เธอก็มั่นใจว่าลั่วเซ่าเชินจะต้องรู้ว่าเธอหายตัวไปในเวลาไม่นาน หากเขาตรวจสอบเพียงเล็กน้อย เขาก็จะรู้แล้วว่าเธออยู่ที่ไหน ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาก็จะหาที่นี่เจออย่างง่ายดาย 


 


 


แล้วที่เธอพยายามไกล่เกลี่ยกับผู้ชายกลุ่มนี้อยู่เป็นนาน ก็เพื่อถ่วงเวลาให้ลั่วเซ่าเชินมาถึงไม่ใช่หรือ น่าเสียดายที่เวลาไม่คอยท่า ชายหนุ่มเหล่านี้เริ่มสงสัยแล้วว่าคำพูดของเธอจะเชื่อถือได้จริงหรือไม่ และถังโจวโจวก็กลัวว่าหากพวกเขาไม่เชื่อ พวกเขาก็คงจะลงมือทันที 


 


 


แม้ว่าภายในใจจะกังวลมาก แต่ถังโจวโจวก็ยังคงรักษาท่าทางให้สงบนิ่งไว้ เธอคอยคิดอยู่ตลอดว่ายังมีวิธีไหนอีกที่จะสามารถรักษาความปลอดภัยของเธอกับลั่วอิงได้ 


 


 


จนกระทั่งได้เห็นความลังเลในสายตาของเจ้าแผลเป็น ถังโจวโจวคิดว่าโอกาสของเธอมาถึงอีกครั้งแล้ว เจ้าแผลเป็นคือหัวหน้าของคนเหล่านี้ ดูเหมือนว่าจะมีอำนาจไม่น้อย หากเธอสามารถเกลี้ยกล่อมเขาได้ ถังโจวโจวเชื่อว่าเธอก็จะรอดพ้นไปได้เช่นกัน 


 


 


“ฉันรู้ว่าพวกนายอาจจะยังไม่เชื่อฉันในตอนนี้ แต่ฉันขอสัญญาด้วยชีวิตของฉันว่าถ้าพวกนายปล่อยฉันไป พวกนายไม่เพียงแต่จะได้เงิน ยังไม่ถูกจับเข้าคุกด้วย พวกนายสามารถเอาเงินก้อนนี้ไปสร้างเนื้อสร้างตัวอาศัยอยู่ที่เมืองอื่นได้เลย” 


 


 


คำพูดของถังโจวโจวฟังดูน่าสนใจ เจ้าแผลเป็นเองก็รู้สึกคล้อยตามเธอ เพียงแต่จิตใจที่ระแวดระวังของเขาทำให้เขาตัดสินใจไม่ได้ เขาไม่อยากตลบหลังนายจ้างของเขาง่ายๆ แบบนี้ 


 


 


เจ้าแผลเป็นเป็นคนที่มีหัวสมอง เป็นเพราะเมื่อก่อนเธอช่วยชีวิตเขาเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงยอมทำเรื่องนี้ให้เพื่อตอบแทนบุญคุณของเธอ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมทิ้งชีวิตที่เหลือเพื่อนายจ้างของเขา เขาเองก็เป็นผู้ชายที่มีลูกมีเมียเหมือนกัน ดังนั้นเขาก็ควรคิดถึงครอบครัวตัวเองด้วย 


 


 


“พวกนายไม่มีลูกไม่มีเมียกันเหรอ พวกนายอยากจะให้พวกเขาเป็นทุกข์เพราะพวกนายใช้ชีวิตกันแบบนี้น่ะเหรอ หรือพอลูกของพวกนายโตขึ้น พวกนายอยากจะให้ลูกรู้ว่าพ่อของเขาติดคุก?” 


 


 


ถังโจวโจวพยายามอย่างมากเพื่อพูดหว่านล้อมพวกเขา แล้วเมื่อเห็นว่าเจ้าแผลเป็นเอนเอียงไปกับคำพูดของเธอ เธอก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก แต่น่าเสียดายที่เสียงไซเรนของรถตำรวจทำให้สถานการณ์ที่กำลังจะคลี่คลายลงกลับตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง 


 


 


ชายที่มีแผลเป็นได้ยินเสียงรถตำรวจด้านนอก ลูกน้องของเขาคนหนึ่งแง้มประตูออกไปดู ก่อนจะรีบรายงานเจ้าแผลเป็นว่า “ข้างนอกมีตำรวจเต็มไปหมดเลยนาย เราจะทำยังไงกันต่อดี?” 


 


 


แววตาที่ผ่อนคลายของเจ้าแผลเป็นเย็นเยือกขึ้นมาทันควัน เขาจ้องมองถังโจวโจวอย่างเย็นชา “นี่เธอเรียกตำรวจมาเหรอ!” 


 


 


“เปล่า ฉันไม่ได้เรียก ฉันมาที่นี่คนเดียวตามคำสั่งของพวกนาย พวกนายก็เห็นแล้วนี่” 


 


 


ถังโจวโจวเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าหลังจากที่เธอลงมาจากรถ คงจะมีใครบางคนสังเกตเห็นเธอ แต่หากเธอไม่มาคนเดียว ลั่วอิงก็อาจจะถูกส่งตัวไปที่อื่นทันที แล้วเธอก็จะไม่ได้เจอกับลั่วอิง 


 


 


เมื่อคิดได้ดังนั้น ตัวของถังโจวโจวก็สั่นไม่หยุด โชคดีที่เธอมาแค่คนเดียว มิเช่นนั้นลั่วอิงก็คงจะตกอยู่ในอันตรายอีกครั้ง ถ้าเป็นเช่นนั้นเธอจะทำอย่างไร 


 


 


เมื่อได้ยินเสียงไซเรนของรถตำรวจ ถังโจวโจวก็มั่นใจว่าเป็นลั่วเซ่าเชินที่พาตำรวจมาที่นี่ เธอจึงได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่น เมื่อครู่นี้เธอเห็นทางสว่างอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ แต่มันถูกพวกเขาทำลายจนหมด และเมื่อมองดูท่าทีระแวดระวังของเจ้าแผลเป็น ถังโจวโจวก็รู้ได้เลยว่าเธอหมดโอกาสโน้มน้าวเขาแล้ว 


 


 


เจ้าแผลเป็นเห็นว่าถังโจวโจวไม่น่าจะโกหก เขาจึงยอมเชื่อคำพูดของเธอชั่วคราว “เธอน่าจะรู้ว่าใครเป็นคนเรียกตำรวจที่อยู่ด้านนอกนั่นมา รีบบอกให้พวกเขากลับไปซะ!” 


 


 


“สามีของฉันน่าจะพาพวกเขามา พวกเขามาตามหาฉัน” ถังโจวโจวจำต้องอธิบายอย่างช่วยไม่ได้ 


 


 


ในขณะที่เจ้าแผลเป็นกำลังถกเถียงกับถังโจวโจวอยู่ ทันใดนั้นก็มีเสียงโทรโข่งดังขึ้นมาจากด้านนอก “คนที่อยู่ด้านในฟังให้ดี พวกนายถูกล้อมเอาไว้หมดแล้ว รีบปล่อยตัวประกันออกมา ยังพอมีทางที่จะคุยกันได้” 


 


 


เจ้าแผลเป็นสั่งให้ลูกน้องสองคนมัดถังโจวโจวไว้ ส่วนคนที่เหลือก็ถือปืนเอาไว้ในมือคนละกระบอก เมื่อมองดูท่าทางของพวกเขาที่พร้อมจะปะทะทุกเมื่อแล้ว ถังโจวโจวก็รู้เลยว่าคงจะหมดหนทางเจรจาจริงๆ แล้ว เธอจึงทำได้แค่เพียงกัดริมฝีปากล่าง เพื่อรักษาท่าทางที่สงบนิ่งของเธอ 


 


 


“รีบบอกให้คนด้านนอกถอยออกไปซะ ไม่อย่างนั้นฉันจะลงมือกับลูกของเธอก่อน” เจ้าแผลเป็นคุกคามเข้าไปใกล้กับใบหน้าของลั่วอิง 


 


 


ถังโจวโจวร้อนรนขึ้นมา “อย่ายุ่งกับเธอนะ! ฉันจะบอกเดี๋ยวนี้ บอกเดี๋ยวนี้เลย” 


 


 


ชายสองคนกดถังโจวโจวลงกับบานประตู พวกเขาผลักเธอเล็กน้อย ถังโจวโจวรู้ว่าเธอควรจะทำอย่างไร เธอรีบตะโกนออกไปด้านนอกว่า “เซ่าเชิน คุณอยู่ข้างนอกหรือเปล่า” 


 


 


“โจวโจว คุณอยู่ในนั้นจริงๆ ด้วย” น้ำเสียงของลั่วเซ่าเชินที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกลอยเข้ามากระทบกับโสตประสาทของถังโจวโจว เธอรู้ว่าลั่วเซ่าเชินอยู่ด้านนอก ถังโจวโจวเชื่อว่าเขาจะมีหนทางช่วยเหลือเธอกับลั่วอิงอย่างแน่นอน แม้ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ แต่ถังโจวโจวก็มีความกล้าหาญเป็นอย่างมาก 


 


 


“ฉันอยู่ข้างในนี้ค่ะ เซ่าเชิน ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ฉันกับลั่วอิงสบายดี” 


 


 


“อย่ามัวพูดไร้สาระอยู่! บอกให้เขาไล่ตำรวจออกไป ไม่อย่างนั้นเธอก็ไม่ต้องมีชีวิตอยู่แล้ว!” ชายที่จับถังโจวโจวไว้เตะถังโจวโจวอย่างรุนแรง ถังโจวโจวเกือบจะล้มลงกับพื้นเมื่อถูกเตะอย่างกะทันหัน 


 


 


“คนที่อยู่ด้านในฟังให้ดี ผมคือผู้อำนวยการลั่วกรุ๊ป หากพวกคุณต้องการเงิน พวกคุณสามารถพูดออกมาได้เลย คุณอยากได้เท่าไร ผมจะให้คุณทั้งหมด ขอแค่คุณปล่อยภรรยากับลูกสาวของผมมาก็พอ” 


 


 


ถังโจวโจวหันไปมองสีหน้าท่าทางของเจ้าแผลเป็น แล้วเธอก็พบว่าเขายืนอยู่ตรงนั้นโดยที่ไม่พูดอะไร ด้วยสีหน้าท่าทางของเขา ถังโจวโจวอ่านความคิดของเขาไม่ออก 


 


 


คนที่อยู่รอบๆ เอ่ยเตือนเจ้าแผลเป็น “นาย นายอย่าไปเชื่อคำพูดของคนข้างนอกนั่นนะ เขาพยายามจะหลอกเรา เขาอยากให้เรามอบตัว จากนั้นพวกเขาก็จะจับเราเข้าคุก” 


 


 


ถังโจวโจวรีบหาจังหวะพูดขึ้นมา “พวกนายคิดมากเกินไปแล้ว สามีของฉันเขาแค่อยากให้เราปลอดภัย แต่ถ้าพวกนายไม่สบายใจก็ให้ฉันยังอยู่ที่นี่ แต่ปล่อยตัวลูกสาวของฉันไป หากให้เธออยู่ต่อ เรื่องมันจะยิ่งวุ่นวายมากกว่านี้ได้” 


 


 


ถังโจวโจวกังวลว่าหากลั่วอิงไข้ขึ้นจนหมดสติไปจริงๆ จะทำอย่างไร ถังโจวโจวเชื่อว่าสองสามวันที่ผ่านมานี้เธอคงไม่ได้รับการดูแลที่ดี ผู้ชายตัวใหญ่มือเท้าหยาบกระด้างพวกนี้จะสนใจรายละเอียดเล็กๆ แบบนี้ได้อย่างไร บางทีลั่วอิงอาจจะยังไม่ได้กินอะไรเลย 


 


 


เสียง เพี้ยะ! ดังลั่น ลูกน้องคนที่ยืนอยู่ข้างถังโจวโจวฟาดมือลงบนใบหน้าของเธอ จนล้มลงไปกองกับพื้น ก่อนจะพูดว่า “นางตัวดี ยังจะกล้ามาพูดให้นายสับสนอีก แกเจอฉันแน่!” 


 


 


น้ำเสียงและท่าทางดุร้ายนั้นทำให้ถังโจวโจวกลัว แต่เธอรู้ว่าตอนนี้กลัวไปก็ไม่มีประโยชน์ หากเธอเผชิญหน้าอย่างกล้าหาญ บางทีก็อาจจะโน้มน้าวเจ้าแผลเป็นได้ ซึ่งนั่นจะทำให้เธอกับลั่วอิงปลอดภัย 


 


 


ถังโจวโจวรู้สึกได้ว่าที่มุมปากของเธอมีเลือดไหลออกมา เมื่อครู่ชายคนนั้นตบเธออย่างแรง ลำคอของเธอรู้สึกแห้งผากอย่างมาก 


 


 


“ฉันน่ะเหรอที่ทำให้พวกนายสับสน? ฉันแค่หวังดีกับพวกนายต่างหาก ถ้าพวกนายยังชักช้าอยู่อย่างนี้ แม้ฉันจะตาย พวกนายก็หนีไม่พ้นหรอก หรือพวกนายอยากจะติดคุกไปตลอดชีวิตก็ตามใจ” 


 


 


เจ้าแผลเป็นสงบนิ่งและเห็นด้วย นอกเหนือจากคนที่ยืนอยู่ข้างเธอด้วยความขุ่นเคืองใจ คนที่เหลือก็มีท่าทีลังเล และในที่สุดก็มีใครบางคนหลุดปากพูดออกมาก่อน “นาย ที่เธอพูดมามันก็มีเหตุผลนะ ผมไม่อยากติดคุก เมียผมกำลังรอผมอยู่นะ” 


 


 


คนที่เหลือก็พลอยรับคำไปด้วย “ใช่ๆ ตอนแรกพวกผมแค่เห็นแก่มิตรภาพของนายกับพวกผม พวกผมก็เลยช่วย แต่ตอนนี้คิดดูแล้ว ผมก็ไม่อยากเอาชีวิตมาเสี่ยงถึงขนาดนี้นะนาย!” 


 


 


เจ้าแผลเป็นรู้สึกกลุ้มใจไปชั่วขณะ เมื่อเห็นว่าคนส่วนใหญ่เริ่มคล้อยตามไปกับถังโจวโจวแล้ว ที่เขารับทำเรื่องนี้ก็เพื่อตอบแทนบุญคุณของคนๆ นั้น และในตอนแรกคนๆ นั้นก็แค่บอกให้เขาช่วยจับตัวถังโจวโจวไว้ ยังไม่ได้บอกว่าจะให้ทำอะไรต่อจากนี้ 


 


 


จนกระทั่งวันนี้ที่เขาส่งข้อความหาถังโจวโจว นายจ้างก็สั่งลงมาว่าให้เรียกถังโจวโจวออกมาและห้ามให้เธอกลับไป ในเวลานั้นเจ้าแผลเป็นก็เริ่มลังเลใจ 


 


 


และเมื่อเขาได้เห็นถังโจวโจว ความลังเลของเขาก็พุ่งสูงขึ้นไปอีก ถังโจวโจวดูเป็นคนดี แววตาของเธอไม่เหมือนคนคิดร้าย ไม่รู้ว่าทำไมคนๆ นั้นถึงต้องการชีวิตเธอ? 


 


 


เสียงตะโกนจากด้านนอกดังขึ้นมาอีกครั้ง “คนที่อยู่ด้านใน ผอ. ลั่วท่านพูดแล้ว ขอแค่ปล่อยตัวภรรยากับลูกสาวของท่านออกมา ท่านก็จะไม่เอาเรื่อง อีกทั้งจะให้เงินก้อนกับพวกนายด้วย ถ้าพวกนายตกลงก็ส่งสัญญาณออกมา” 


 


 


“ได้ยินหรือยัง คนด้านนอกเขาก็พูดขนาดนี้แล้ว พวกนายก็ยังไม่เชื่อฉันอีกงั้นหรือ หากมันเป็นไปไม่ได้จริงๆ ก็เอาอย่างนี้แล้วกัน พวกนายเก็บฉันไว้ก่อน พอได้เงินมาแล้ว พวกนายก็ค่อยปล่อยฉันออกไป แบบนี้โอเคกว่าไหม แต่ตอนนี้ต้องปล่อยลูกฉันออกไปก่อน” 


 


 


เจ้าแผลเป็นมองไปที่ถังโจวโจว ก่อนจะกวาดตามองลูกน้องที่อยู่รอบๆ ตัวของเขา และเมื่อเห็นสายตาขอร้องของพวกเขา เจ้าแผลเป็นก็ถอนหายใจออกมาหนักๆ “โอเค ทำอย่างที่เธอว่าก็แล้วกัน แต่ถ้าสามีของเธอหลอกเรา เราก็จะเอาชีวิตของเธอทันที” 


 


 


“วางใจได้ ฉันยังรักตัวเองอยู่” ถังโจวโจวลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เธอรู้สึกได้ว่าแผ่นหลังของเธอชื้นเหงื่อไปหมด และเมื่อมองไปยังลั่วอิงที่กำลังนอนพิงอยู่กับเสา ถังโจวโจวก็รู้สึกได้ว่าจิตใจของเธอสงบลงมาก 


 


 


“แก้มัดลูกสาวฉันก่อน” 


 


 


“รีบไปสิ!” ชายที่มีแผลเป็นส่งสัญญาณให้กับลูกน้อง ชายคนนั้นย่อตัวลงไปหาลั่วอิงและแก้มัดให้เธอทันที 


 


 


“ไปเปิดประตูแล้วก็พาเด็กออกไปส่ง จากนั้นพาผอ. ลั่วเข้ามาเจรจา” เจ้าแผลเป็นสั่งเป็นขั้นเป็นตอน เขาต้องการมั่นใจว่าเรื่องนี้จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง มิเช่นนั้นลูกน้องของเขาคงจะไร้วิญญาณกันหมด 


 


 


“ครับนาย ผมจะจัดการให้เดี๋ยวนี้” 


 


 


ลูกน้องคนหนึ่งเปิดประตูโรงงานร้าง ส่วนอีกคนหนึ่งก็อุ้มลั่วอิงไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะเดินออกไปด้านนอก ถังโจวโจวถูกเจ้าแผลเป็นกักตัวไว้ เธอรู้สึกได้ถึงแข็งแรงของเจ้าแผลเป็น  

 

 


ตอนที่ 179 พบหน้า

 

  “เธออยู่เฉยๆ ไม่อย่างนั้นมีดของฉันคงจะอยู่ไม่สุขแน่” มีดที่อยู่ในมือของเจ้าแผลเป็นจ่ออยู่ที่ลำคอของถังโจวโจว หากถังโจวโจวขยับตัวแค่เพียงนิดเดียว ลำคอขาวราวหิมะนั้นคงจะเกิดรอยเลือดขึ้นเป็นแน่ 


 


 


ถังโจวโจวพยักหน้า “ไม่ต้องห่วง ฉันยังรักตัวเองอยู่ ฉันจะเชื่อฟังพวกนายเป็นอย่างดี ขอแค่พวกนายปล่อยฉันไปตามตกลง” และเมื่อถังโจวโจวเห็นว่าพวกเขายังไม่ได้ลงมือทำอะไร เธอก็ไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจพวกเขา 


 


 


ผู้คนในโลกล้วนมีความทุกข์ทรมานเป็นของตัวเอง และเธอก็พยายามหาหนทางให้ทุกคนได้ใช้ชีวิตอย่างดีภายใต้ความสามารถของเธอ หลังจากการหยั่งเชิงเมื่อครู่นี้ ถังโจวโจวรู้สึกได้ว่าเจ้าแผลเป็นและพวกพ้องไม่ใช่คนเลวโดยสันดาน อย่างน้อยพวกเขาก็ยังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ดังนั้นเธอจึงคิดว่าเธอพอมีทางรอด 


 


 


ลั่วอิงถูกชายคนหนึ่งอุ้มไปที่ประตูใหญ่ ถังโจวโจวมองตามเธอไปอย่างไม่วางตา ส่วนลั่วอิงก็ยังคงผล็อยหลับอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าด้วยแววตาที่ถังโจวโจวมองมานั้นสื่อถึงความรู้สึกในใจรุนแรงมากเกินไปหรือเปล่า เธอจึงพยายามเปิดตาขึ้น พร้อมกับพูดเบาๆ ว่า “แม่โจวโจว…” 


 


 


ถังโจวโจวเข้าใจในสิ่งที่เธอคิด จึงส่งยิ้มไปให้เธอ “ลั่วอิงเด็กดี อีกเดี๋ยวหนูก็จะได้กลับบ้านแล้วนะ แม่โจวโจวไม่ผิดสัญญาแน่นอน แม่จะอยู่ข้างๆ หนูเอง” 


 


 


เมื่อได้ยินคำสัญญาของถังโจวโจว ในที่สุดลั่วอิงก็ผล็อยหลับไปอย่างวางใจ เธอรู้สึกว่าร่างกายของเธอนั้นถูกสุมไว้ด้วยกองไฟ แต่เธอรู้ว่าเธอไม่สามารถเอ่ยขออะไรได้ เจ้าตัวเล็กอย่างเธอเข้าใจดี ไม่ว่าเธอจะเอ่ยขออะไรออกไป เธอจะต้องรู้ว่ามันจะไม่สร้างความลำบากให้แก่ถังโจวโจว 


 


 


“นี่! เบามือหน่อยสิ ลูกสาวฉันยังไม่หายดีนะ!” ถังโจวโจวกลัวว่าสัมผัสหยาบกระด้างของชายเหล่านี้จะทำให้ลั่วอิงรู้สึกไม่สบายตัว 


 


 


เมื่อคนที่อุ้มลั่วอิงอยู่หวนนึกถึงเงินที่ถังโจวโจวรับประกันว่าจะให้ เขาก็ไม่ได้หัวเราะเยาะความกังวลของถังโจวโจว เขาค่อยๆ หมุนมือด้านล่างและให้ลั่วอิงพิงอยู่บนอกเขา และเมื่อถังโจวโจวเห็นเช่นนั้น เธอก็วางใจที่หนักอึ้งของเธอลง 


 


 


ลั่วเซ่าเชินและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ด้านนอกโรงงานเห็นว่าประตูใหญ่ถูกเปิดออกแล้ว จากนั้นก็มีใครบางคนเดินออกมา ดูเหมือนว่าเขาจะอุ้มเด็กตัวเล็กๆ มาด้วย ลั่วเซ่าเชินเพ่งมองอย่างใจเต้น แล้วเขาก็พบว่านั่นคือลั่วอิง เขาก็อดไม่ได้ที่จะก้าวขาออกไปด้านหน้า แต่แล้วก็ต้องชะงักไป 


 


 


“อย่าขยับ! ไม่อย่างนั้นผมไม่สามารถรับประกันได้ว่าภรรยาและลูกของคุณจะปลอดภัย” ลั่วเซ่าเชินหยุดเท้าที่จะก้าวออกไปข้างหน้าในทันที ดวงตาทั้งสองข้างของเขาจับจ้องไปที่ชายคนที่อุ้มลั่วอิงออกมา 


 


 


เขาเว้นระยะห่างจากลั่วเซ่าเชินสิบเมตรและกวาดตามองตำรวจที่อยู่โดยรอบ ก่อนจะพูดออกมาว่า “ผอ. ลั่ว ถ้าคุณมีสัจจะ คุณก็บอกให้ตำรวจพวกนี้กลับไปซะ!” 


 


 


เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างลั่วเซ่าเชินรีบเอ่ยเตือนเขาในทันที “ผอ. ครับ คุณอย่าไปหลงเชื่อคำพูดของคนพวกนั้น ถึงตอนนั้นชีวิตของคุณผู้หญิงกับคุณหนูอาจจะไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้” 


 


 


เขาไม่รู้ว่าลั่วเซ่าเชินได้ยินในสิ่งที่เขาพูดไหม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงค่อนข้างร้อนใจ ผู้การท่านกำชับลงมาว่า ครั้งนี้คุณผู้หญิงและคุณหนูแห่งลั่วกรุ๊ปถูกลักพาตัวไป ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร พวกเขาก็ต้องพาพวกเธอกลับมาให้ได้ 


 


 


“ผอ. ลั่วจะลังเลก็ไม่แปลก เพียงแต่ผมจะขอเตือนท่านเอาไว้สักอย่าง พี่ใหญ่ของเราไม่ได้มีเวลาให้ท่านผอ. ผลาญมากนัก เกรงว่าคุณผู้หญิงเองก็จะรอไม่ไหวเหมือนกัน” 


 


 


“ได้ ผมจะบอกให้พวกเขากลับไป หากพวกคุณยอมปล่อยพวกเธอออกมา ผมก็จะให้พวกคุณทุกอย่างตามที่ต้องการ” ลั่วเซ่าเชินไม่เห็นถังโจวโจว เขาจึงมั่นใจว่าเธอถูกจับตัวไว้ด้านในอย่างแน่นอน หากด้านนอกเกิดการเคลื่อนไหว ชีวิตของถังโจวโจวก็ไม่อาจจะรักษาเอาไว้ได้ 


 


 


ลั่วเซ่าเชินไม่สามารถเอาเธอมาเสี่ยงได้ ลั่วอิงเองก็ยังอยู่ในมือของพวกเขา เขาเชื่อว่าเมื่อคนเหล่านี้อยู่ในช่วงเวลาวิกฤติ พวกเขาจะไม่มานั่งเถียงกันเรื่องศีลธรรมหรอก 


 


 


“ผู้กำกับหลี่ ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือนะครับ แต่ตอนนี้ภรรยาและลูกของผมยังอยู่ในกำมือของพวกเขา ผมคงต้องขอให้พวกคุณกลับไปก่อน เมื่อพวกเธอปลอดภัย ผมจะเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ไปให้ที่โรงพัก” 


 


 


เดิมทีผู้กำกับหลี่ก็ไม่อยากล่าถอยออกไป แต่ลั่วเซ่าเชินอธิบายออกมาหมดแล้ว หากเขายังสั่งให้คนของเขาตรึงกำลังอยู่ที่นี่ ก็จะดูเหมือนว่าเขาไม่สนใจความปลอดภัยของถังโจวโจวและลั่วอิง “ท่านผอ. ครับ ถ้าให้ลูกน้องผมล่าถอยออกไป แม้แต่ความปลอดภัยของคุณก็ไม่อาจรับประกันได้” 


 


 


“ไม่เป็นไรครับ ผู้กำกับหลี่ หากพวกคุณไม่ถอย ผมเชื่อว่าคนพวกนั้นก็จะไม่มีทางปล่อยพวกเธอออกมาอย่างแน่นอนเหมือนกัน” ลั่วเซ่าเชินเห็นทางสว่าง เพียงแค่เติมเต็มความต้องการของพวกเขา แค่นี้ถังโจวโจวและลั่วอิงก็จะกลับออกมาได้อย่างปลอดภัย เขาแค่กลัวว่าคนเหล่านี้จะขายจิตวิญญาณให้กับคนอื่น ก็เลยพุ่งเป้ามาที่เขา 


 


 


เมื่อผู้กำกับหลี่เห็นว่าลั่วเซ่าเชินตัดสินใจแล้ว เขาก็จำต้องส่งสัญญาณมือ ครู่หนึ่งเสียงไซเรนของรถตำรวจก็ดังขึ้น ตำรวจทั้งหมดได้ล่าถอยออกไปนอกพื้นที่แล้ว ดังนั้นในที่นี้จึงมีแค่เพียงลั่วเซ่าเชินและชายชุดดำอีกจำนวนหนึ่ง 


 


 


“ผอ. ลั่ว ตามผมมา” ลูกน้องส่งลั่วอิงให้กับลั่วเซ่าเชิน จากนั้นก็ทำท่าผายมือเชิญเขา 


 


 


เมื่อลั่วเซ่าเชินรับลั่วอิงมา เขาก็พบว่าร่างกายของเธอนั้นร้อนระอุ “ลั่วอิง ลูกรักของพ่อ เป็นอะไรไป” เขาเรียกลั่วอิงเท่าไรก็ไม่ตื่น ลั่วเซ่าเชินอังฝ่ามือลงบนหน้าผากของเธอ แล้วเขาก็พบว่าอุณหภูมิของร่างกายลั่วอิงนั้นสูงจนน่าตกใจ 


 


 


“หวังหวา รีบพาคุณหนูไปส่งโรงพยาบาล เรื่องทางนี้เดี๋ยวฉันจัดการเอง” 


 


 


“ท่านผอ. ครับ แต่ว่า…” 


 


 


“นี่คือคำสั่ง!” ลั่วเซ่าเชินกำชับเสียงเข้ม หวังหวาจึงทำได้แค่เพียงก้มหน้าลง “ครับ ท่านผอ. หากทางนี้มีปัญหาอะไร ท่านโทรหาผมได้เลยนะครับ ผมจะส่งคนมาที่นี่ทันที” 


 


 


หวังหวารับลั่วอิงมาอุ้มไว้อย่างเบามือ เขาวางเธอไว้บนรถ ก่อนจะขับรถออกไปจากสถานที่อันห่างไกลจากตัวเมืองแห่งนี้ และเมื่อลั่วเซ่าเชินเห็นว่าลั่วอิงปลอดภัยแล้ว เขาก็ก้าวเดินเข้าไปในโรงงาน 


 


 


บอดี้การ์ดเดินตามหลังเขามาติดๆ ทันทีที่เขาเข้ามา เขาก็พบว่ามีชายที่มีแผลเป็นและพวกพ้องอีกจำนวนหนึ่งกำลังยืนรอเขาอยู่ด้านใน ถังโจวโจวยืนอยู่ด้านหน้าของชายที่มีแผลเป็น เธอถูกมัดไว้ด้วยเชือก ถังโจวโจวบุ่มบ่ามมากเกินไป เมื่อเธอได้เห็นลั่วเซ่าเชิน เธอก็ก้าวขาออกไปด้านหน้า แต่เธอก็ต้องชะงักลงเมื่อลั่วเซ่าเชินเอ่ยห้าม 


 


 


ลั่วเซ่าเชินรีบพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “โจวโจว คุณยืนอยู่ตรงนั้นแหละ ผมมาแล้ว วางใจได้” 


 


 


ถังโจวโจวพยักหน้าอย่างสุดชีวิต เธอรู้ว่าเธอหุนหันพลันแล่น แต่อะไรที่เกี่ยวข้องกับลั่วอิง แม้รู้ว่ามันจะเป็นเรื่องหลอกลวง เธอก็จะยอมทุกอย่าง แลกกับความเป็นไปได้แค่เสี้ยวเดียว 


 


 


“พวกคุณต้องการอะไร ตอนนี้สามารถตั้งเงื่อนไขมาได้เลย” ลั่วเซ่าเชินมองไปยังคนที่เป็นหัวหน้า และเมื่อเจ้าแผลเป็นเห็นว่าลั่วเซ่าเชินไม่กลัวเขาเลยสักนิด เขาก็แอบนับถือผู้ชายคนนี้อยู่ในใจ 


 


 


“ผอ. ลั่ว เรามันแค่คนหาเช้ากินค่ำ คุณแค่เตรียมเงินสิบล้านหยวนไว้ให้เรา จากนั้นก็ปล่อยให้เราออกไปอย่างปลอดภัย เท่านี้คุณผู้หญิงก็สามารถกลับไปหาคุณได้แล้ว” เจ้าแผลเป็นพูดออกมาอย่างง่ายดาย 


 


 


‘เขาต้องการสิบล้านหยวน!’ ถังโจวโจวสูดลมหายใจเข้าไปเฮือกหนึ่ง 


 


 


เจ้าแผลเป็นรีบก้มหน้าลงกระซิบกับถังโจวโจว “หรือคุณผู้หญิงลั่วคิดว่าตัวเองไม่มีค่ามากพอสำหรับเงินก้อนนี้” 


 


 


เขาทำท่าราวกับต้องการจะเอามีดแทงคอเธอจริงๆ ถังโจวโจวรีบส่ายหน้า “เปล่าหรอก เปล่า” เธอแค่ตกใจก็เท่านั้น 


 


 


ลั่วเซ่าเชินไม่มัวเสียเวลาคิด “โอเค ผมรับปาก ขอแค่คุณปล่อยเธอ” เงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา ขอเพียงแค่ถังโจวโจวและลั่วอิงปลอดภัย ไม่ว่าจะให้เขาจ่ายสักเท่าไร เขาก็ยอม 


 


 


เจ้าแผลเป็นลังเลเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าลั่วเซ่าเชินยอมรับปากง่ายๆ แบบนี้ เรียกต่ำไปหรือเปล่านะ? แต่เจ้าแผลเป็นก็ตั้งสติกลับมาได้ “ผอ. ลั่ว รีบสั่งให้คนของคุณโอนเงินเข้าไปในบัญชีพวกนี้ บัญชีละล้านหยวน ส่วนที่เหลือก็ขอเป็นเงินสด ผมต้องได้เห็นเงินนั่นภายในหนึ่งชั่วโมง” 


 


 


เจ้าแผลเป็นสั่งให้ลูกน้องเอากระดาษแผ่นหนึ่งมาส่งให้เขา บนนั้นเขียนเลขบัญชีเอาไว้เจ็ดบัญชี ลั่วเซ่าเชินรีบต่อสายหาลูซี่ เขากำชับให้เธอส่งคนไปโอนเงินในทันที ลูซี่ไม่ได้ถามอะไรมาก เธอลงมือทำมันเดี๋ยวนั้นเลย 


 


 


หลังจากลูซี่จัดการตามคำสั่งของลั่วเซ่าเชินแล้ว เธอก็รีบโทรกลับมาในทันที จากนั้นลั่วเซ่าเชินก็สั่งให้เธอเตรียมเงินสดเอาไว้สามล้านหยวนและมาส่งที่นี่เร็วที่สุด 


 


 


“โอนเงินเข้าไปในบัญชีแล้ว คุณลองตรวจสอบดูได้” เจ้าแผลเป็นมองไปยังชายหนุ่มที่สวมแว่นที่ยืนอยู่ข้างเขา และเมื่อเห็นว่าเขาพยักหน้าเบาๆ สีหน้าและท่าทางของเจ้าแผลเป็นก็ไม่ได้เย็นเยียบเหมือนก่อนหน้านี้ 


 


 


“ผอ. ลั่วจัดการเรื่องนี้ได้รวดเร็วทันใจเหลือเกิน ขอแค่ได้เห็นเงินส่วนที่เหลือ และผอ. ก็ต้องรับปากว่าจะไม่เอาเรื่อง แค่นี้คุณผู้หญิงก็สามารถกลับไปกับคุณได้อย่างปลอดแล้ว” 


 


 


ลั่วเซ่าเชินมองเจ้าแผลเป็นอย่างเฉยเมย “ตอนนี้เงินส่วนใหญ่ก็อยู่ในมือของคุณแล้ว ให้ผมคุยกับภรรยาของผมสักหน่อยจะได้ไหม” 


 


 


ลูกน้องที่อยู่ด้านหลังของเจ้าแผลเป็นมองดูนายของมันด้วยสายตาไม่ไว้ใจลั่วเซ่าเชิน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไรกับคำขอกะทันหันของลั่วเซ่าเชิน แต่หลังจากเจ้าแผลเป็นคิดอยู่พักหนึ่ง เขาก็ตอบตกลง “ถ้าอย่างนั้นก็เชิญท่านผอ. แต่คนของท่านจะต้องออกไปข้างนอก” 


 


 


“พวกนายออกไปก่อน” ลั่วเซ่าเชินหันไปพูดกับเหล่าบอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลัง เหล่าบอดี้การ์ดลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยอมออกไปในที่สุด 


 


 


เมื่อเจ้าแผลเป็นเห็นว่าในนี้มีแต่คนของเขา เขาก็ผลักถังโจวโจวเข้าไปหาลั่วเซ่าเชิน นอกจากนี้เขายังสั่งให้คนปิดประตูใหญ่และเฝ้าเอาไว้ด้วย 


 


 


ถังโจวโจวถูกมัดเอาไว้ เธอจึงไม่สามารถพยุงตัวเองเอาไว้ได้ เธอเซล้มลงไปด้านหน้า โชคดีที่ลั่วเซ่าเชินรับเธอไว้ได้ทัน “โจวโจว คุณบาดเจ็บตรงไหนไหม” 


 


 


ลั่วเซ่าเชินเห็นว่าถึงแม้ใบหน้าของถังโจวโจวจะซีดเผือด แต่เขาก็ยังดูออกว่าสติสัมปชัญญะของเธอยังคงแจ่มใสอยู่ เธอน่าจะไม่ได้ถูกบีบบังคับอะไรมาก 


 


 


“เซ่าเชิน ฉันไม่เป็นไร ลั่วอิงล่ะคะ” เมื่อลั่วเซ่าเชินจับประคองถังโจวโจวจนยืนได้มั่นคงแล้ว คนแรกที่เธอเป็นห่วงก็คือลั่วอิง 


 


 


“ปลอดภัยดี ผมให้หวังหวาพาลั่วอิงไปส่งที่โรงพยาบาลแล้ว ลูกจะต้องไม่เป็นอะไร” ลั่วเซ่าเชินรีบปลอบใจถังโจวโจว เดิมทีลั่วเซ่าเชินอยากจะแก้มัดให้ถังโจวโจว แต่ถังโจวโจวปฏิเสธ 


 


 


“เซ่าเชิน ไม่เป็นไร คุณเองก็เห็นว่าพวกเขาไม่ได้ทำอะไรฉัน แต่ฉันว่าต้องมีใครสักคนที่บงการเรื่องนี้อยู่เบื้องหลัง” 


 


 


“เอาเถอะ ตอนนี้คุณอย่าเพิ่งเป็นห่วงเรื่องนั้น รอให้ปลอดภัยก่อนแล้วค่อยว่ากัน” 


 


 


แน่นอนว่าลั่วเซ่าเชินเองก็รู้ว่ามีคนบงการเรื่องนี้อยู่เบื้องหลัง เพราะดูจากท่าทางของชายที่มีแผลเป็นแล้ว เขาน่าจะไม่ใช่คนชั่วร้าย เพราะเขามีท่าทีลังเลใจอยู่ตลอดเรื่องจะปล่อยหรือไม่ปล่อยตัวประกันไป และนั่นคือวิธีที่ทำให้ลั่วเซ่าเชินหาจุดอ่อนของเขาเจอ 


 


 


เจ้าแผลเป็นไม่ได้ส่งคนมาคอยจับตาดูพวกเขาไว้ ลั่วเซ่าเชินพูดคุยกับถังโจวโจวแค่สองสามคำ จากนั้นเขาก็กอดเธอเอาไว้และรอให้ลูซี่ส่งคนนำเงินสดมาให้ 


 


 


ประมาณหนึ่งชั่วโมงให้หลัง ด้านนอกก็มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นมา เจ้าแผลเป็นสะบัดหน้าสั่งให้ลูกน้องคนหนึ่งออกไปสังเกตการณ์ 


 


 


ลูกน้องคนนั้นกลับมารายงาน “นาย คนส่งเงินมาแล้ว เป็นผู้หญิงแต่งตัวทะมัดทะแมง” 


 


 


เมื่อถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินได้ยินดังนั้น พวกเขาก็รู้ว่าลูซี่มาถึงแล้ว ลั่วเซ่าเชินจึงรีบพูดว่า “เธอคือเลขาฯ ของผมเอง ลูซี่ พวกคุณส่งคนออกไปรับเงินได้เลย จากนั้นผมจะทิ้งรถตู้ไว้ให้พวกคุณ แบบนี้พวกคุณคงจะวางใจได้แล้วใช่ไหม” 


 


 


เจ้าแผลเป็นเห็นว่าลั่วเซ่าเชินไม่ได้เล่นตุกติกอะไร ความจริงแล้วเขาเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ หากลั่วเซ่าเชินอยากจะคิดบัญชีกับเขาขึ้นมาจริงๆ พวกเขาก็ไม่สามารถหลบหนีได้ และนอกจากนี้คนที่บ้านก็กำลังรอให้พวกเขากลับไป “เอายังไงดีครับนาย จะทำตามที่เขาบอกไหม” 


 


 


ลูกน้องรู้สึกว่าคำพูดของลั่วเซ่าเชินน่าสนใจมาก แต่เขาก็กังวลใจว่าถ้าลั่วเซ่าเชินย้อนกลับมาเอาเรื่องเขาในภายหลังล่ะ จะทำอย่างไร  

 

 


ตอนที่ 180 ได้รับการช่วยเหลือ

 

 “มาถึงขั้นนี้แล้ว เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อเขา ฉันเชื่อว่าผอ. ลั่วน่าจะเป็นคนที่รักษาสัญญา” ในขณะที่เจ้าแผลเป็นพูดประโยคสุดท้ายนี้ เขามองไปที่ลั่วเซ่าเชิน


 


 


ลั่วเซ่าเชินรู้ว่าตอนนี้ทุกคำพูดล้วนเป็นคำพูดที่เลื่อนลอย “พวกคุณคอยดูเอาก็แล้วกัน ให้การกระทำของผมเป็นเครื่องพิสูจน์ หากพวกคุณเหลือทางไว้ให้ผมเดิน ผมเองก็จะเหลือทางไว้ให้พวกคุณเดินเช่นกัน”


 


 


ลั่วเซ่าเชินรู้สึกขอบคุณพวกเขามากที่ไม่ลงมือฆ่าถังโจวโจวและลั่วอิง หากว่าลั่วอิงและถังโจวโจวเป็นอะไรไป ไม่ว่าจะต้องใช้เงินมากแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถซื้อพวกเธอคืนมาได้


 


 


“ไปรับเงิน” เจ้าแผลเป็นบอกให้ลูกน้องคนหนึ่งเปิดประตูแล้วออกไปด้านนอก ไม่นานชายคนนั้นก็กลับเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง เขามองไปที่กระเป๋าเดินทางที่ดูหนักอึ้งนั้น


 


 


ผู้คนรอบข้างมองด้วยแววตาลุกวาว เพราะในนั้นคือเงินมากมายมหาศาล! จะไม่ให้พวกเขาตื่นเต้นได้อย่างไร เจ้าแผลเป็นเปิดกระเป๋าและหยิบกองเงินออกมาพลิกดูทีละปึก เพื่อให้แน่ใจว่าภายในนั้นไม่มีของอย่างอื่น


 


 


“ผอ. ลั่ว ข้อตกลงของเราสิ้นสุดแล้ว ผมหวังว่าคุณจะทำตามอย่างที่พูด …ไปกันเถอะ” เจ้าแผลเป็นพาพวกลูกน้องออกไปจากโรงงานร้าง จากนั้นก็ได้ยินเสียงสตาร์ทรถ ถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินสบตากัน และทันใดนั้นเอง รอยยิ้มก็ถูกจุดขึ้นมาบนใบหน้าของพวกเขา


 


 


เมื่อลูซี่เห็นว่าพวกแก๊งจับตัวเรียกค่าไถ่จากไปแล้ว เธอจึงเดินเข้ามาข้างใน เธอพบว่าลั่วเซ่าเชินและถังโจวโจวต่างก็นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น ลั่วเซ่าเชินกำลังแก้มัดให้กับถังโจวโจว “ท่านคะ จะไม่ส่งคนตามไปหรือคะ”


 


 


“ไม่ต้อง ให้เรื่องมันจบแค่นี้ ห้ามพูดอะไรแม้แต่คำเดียว”


 


 


“รับทราบค่ะ ท่านผอ.” ลูซี่เห็นว่าโรครักสะอาดเกินเหตุของลั่วเซ่าเชินดูเหมือนจะหายไปแล้ว จนกระทั่งแก้มัดให้กับถังโจวโจวเสร็จ เขาก็ประคองเธอขึ้นมา ก่อนจะเดินออกไปข้างนอกพร้อมกัน


 


 


หลังจากขึ้นมาบนรถแล้ว ถังโจวโจวก็เอาแต่ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของลั่วเซ่าเชิน และลั่วเซ่าเชินก็ค่อยๆ รู้สึกได้ว่าอกเสื้อของเขานั้นเปียกชื้น เขาถึงรู้ว่าถังโจวโจวทำอะไรอยู่ เขาเพียงแต่ลูบแผ่นหลังของถังโจวโจวอย่างเบามือ ไม่ได้บังคับให้เธอเงยหน้าขึ้นมา ประเดี๋ยวถูกถังโจวโจวโกรธเข้ามันจะไปกันใหญ่


 


 


ถังโจวโจวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอู้อี้ “ทำไมคุณถึงไม่พูดอะไรสักคำ” เธอร้องไห้ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของลั่วเซ่าเชิน แต่เธอกลับไม่ได้รับคำปลอบใจจากเขาเลย ถังโจวโจวคิดไปต่างๆ นานาว่าลั่วเซ่าเชินยังคงเสียดายเงินอยู่ใช่ไหม?


 


 


“คุณเสียใจเรื่องเงินสิบล้านหยวนนั่นไหม” ลั่วเซ่าเชินไม่ทันได้ตอบ เพราะกำลังตกอยู่ในสภาวะที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูกไปชั่วขณะ


 


 


“คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ?” ลั่วเซ่าเชินไม่อนุญาตให้เธอซุกตัวอีกต่อไป เขาดันเธอออกจากอ้อมแขนของเขา ก่อนจะเชยคางเธอและสบตาเธอ “นี่คุณคิดว่าผมเห็นเงินสำคัญกว่าคุณกับลั่วอิงเหรอ”


 


 


หากถังโจวโจวตอบว่า ‘ใช่’ ลั่วเซ่าเชินคงจะอยากใช้มือทั้งสองข้างบีบคอเธอให้ตาย ดูเหมือนว่าจิตใจของเธอจะถูกเรื่องร้ายๆ หลอกหลอนไปแล้ว


 


 


โชคดีที่ถังโจวโจวยังคงฉลาดเป็นกรด “ไม่แน่นอนค่ะ ถึงยังไงคุณก็มีเงิน เสียเงินไปแค่นี้ มันอาจจะมากสำหรับคนธรรมดา แต่สำหรับคุณแล้ว มันก็แค่ขนเส้นเดียวบนวัวเก้าตัว[1]”


 


 


เขาเห็นว่าถังโจวโจวยังคงอธิบายกับเขาอย่างมีเหตุผล แต่ลั่วเซ่าเชินไม่ได้ใจกว้างมากเท่าเธอ “นี่คุณไม่นึกกลัวสักนิดเลยหรือ”


 


 


ลั่วเซ่าเชินเห็นว่าแม้เธอจะร้องไห้อยู่พักหนึ่ง แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกกลัวเลย เขาได้ยินถังโจวโจวกระซิบที่ข้างหูของเขาว่า “เพราะ…ฉันรู้ว่าคุณจะต้องมาช่วยฉันอย่างแน่นอน พอฉันคิดแบบนี้ ฉันก็เลยไม่กลัวค่ะ”


 


 


ความจริงแล้วถังโจวโจวกำลังหลอกเขาอยู่ ก่อนที่จะเข้าไปในโรงงานร้างแห่งนั้น เธอรู้สึกวิตกกังวลเป็นอย่างมาก และเมื่อเธอได้พบกับคนพวกนั้นเป็นครั้งแรก ร่างกายของเธอก็เกร็งไปหมด เธอถึงขั้นคิดว่าเธออาจจะไม่ได้กลับออกมาอีก


 


 


แต่หลังจากที่ได้ลองเจรจากับพวกเจ้าแผลเป็นแล้ว ถังโจวโจวก็รู้ว่าพวกเขามีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอยู่บ้าง ดังนั้นแล้วพวกเขาก็เลยมีจุดอ่อน ซึ่งนั่นไม่ใช่ว่าจะช่วยอะไรไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงไม่กลัว และเมื่อเธอสังเกตดูอีกครั้ง เธอก็พบว่าพวกเจ้าแผลเป็นนั่นก็ไม่ได้แตกต่างจากคนทั่วไป


 


 


ลั่วเซ่าเชินกดหน้าผากลงกับหน้าผากของถังโจวโจว “ไม่กลัวจริงๆ เหรอ”


 


 


เมื่อได้สบตาเข้ากับสายตาอันล้ำลึกของลั่วเซ่าเชิน จู่ๆ ถังโจวโจวก็ไม่สามารถพูดคำว่า ‘ไม่กลัว’ ออกมาได้ และเมื่อเห็นว่าเธอเงียบไป ลั่วเซ่าเชินก็เข้าใจเรื่องทั้งหมด “ในเมื่อคุณกลัวแล้วทำไมคุณถึงไม่พูดมันออกมา ไม่ใช่ว่าผมไม่ปลอบใจคุณ ผมแค่อยากทิ้งช่วงให้คุณคิด แต่ปรากฏว่าคุณเข้าใจมันผิดไป”


 


 


“เซ่าเชินคะ อันที่จริงแล้วตอนนั้นฉันก็กลัวอยู่เหมือนกัน แต่เป็นเพราะลั่วอิง ฉันถึงมัวแต่กลัวไม่ได้ เธอต้องมาทนทุกข์ทรมานแบบนี้ก็เพราะฉัน หากว่ากันตามจริงแล้ว ฉันก็ควรจะเป็นคนที่พาเธอกลับไป” ถังโจวโจวโถมตัวเข้าไปในอ้อมแขนของลั่วเซ่าเชินและอธิบายความในใจของเธอให้เขาฟัง


 


 


ลูซี่นั่งอยู่ที่เบาะหน้า เธอได้ยินลั่วเซ่าเชินกับถังโจวโจวกระซิบคุยกันอยู่ที่เบาะหลัง แค่ถังโจวโจวกลับมาอย่างปลอดภัย เธอก็โล่งใจแล้ว มิฉะนั้นเธอกลัวว่าท่านผอ. จะทำเรื่องอะไรบ้าๆ เพียงเพราะคุณผู้หญิงคนเดียว


 


 


ลั่วเซ่าเชินกอดถังโจวโจวตอบ เขารู้สึกว่าหัวใจของเขาสงบลง ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่าถังโจวโจวสำคัญกับเขามากขนาดไหน มันไม่ใช่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นครั้งแรก เขาไม่ได้รับบทเป็นผู้ชมอยู่ด้านนอกอีกต่อไป เขากลับกลายเป็นหนึ่งในตัวละครเอกของเรื่องนี้แทน


 


 


“โจวโจว วันหลังคุณอย่าทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้อีกนะ แม้จะเพื่อลั่วอิงก็ไม่ได้ คุณเป็นของผมแค่เพียงคนเดียว” เอกลักษณ์เฉพาะตัวของลั่วเซ่าเชินเริ่มกลับมา


 


 


ถังโจวโจวรู้สึกโกรธเพราะคำพูดของลั่วเซ่าเชิน “ลั่วเซ่าเชิน ลั่วอิงเป็นลูกสาวของคุณนะ ทำไมฉันถึงจะทำเรื่องแบบนี้เพื่อเธอไม่ได้” ถังโจวโจวแค่รู้สึกว่าคำพูดของลั่วเซ่าเชินนั้นไร้เหตุผล เธอทำทั้งหมดนี่ก็เพื่อลั่วอิง ไม่ใช่เพราะลั่วเซ่าเชินสักหน่อย!


 


 


ลั่วเซ่าเชินไม่อธิบายซ้ำ เพียงแต่ยังยืนยันคำเดิมว่า “ห้ามก็คือห้าม ผมรักลั่วอิง แต่ผมไม่อนุญาตให้คุณเอาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายเพราะเธอ”


 


 


ถังโจวโจวคุยกับลั่วเซ่าเชินไม่รู้เรื่องแล้ว เธอจึงไม่อยากพูดกับเขาอีกต่อไป ความอบอุ่นที่เพิ่งได้รับเมื่อครู่นี้ถูกลั่วเซ่าเชินทำลายไปจนหมด


 


 


เมื่อมาถึงโรงพยาบาล พวกเขาก็รีบตรงไปยังห้องพักผู้ป่วยวีไอพีทันที คนที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงนั้นคือลั่วอิง ใบหน้ารูปไข่ของเธอซีดเผือด บนหลังมือมีสายน้ำเกลืออยู่ และหวังหวาก็กำลังเฝ้าเธออยู่อย่างใกล้ชิด


 


 


ถังโจวโจววิ่งไปที่ข้างเตียง ก่อนจะคว้ามือข้างที่ไม่ได้เสียบสายน้ำเกลือขึ้นมาจับไว้ เธอค่อยๆ ทาบฝ่ามือเล็กๆ นั้นกับใบหน้าของเธอ แล้วก็อดร้องไห้ออกมาไม่ได้


 


 


ลั่วเซ่าเชินเอ่ยถามหวังหวาในขณะที่ยืนอยู่ข้างเตียง “หมอว่ายังไงบ้าง”


 


 


“คุณหมอบอกว่าคุณหนูไข้ขึ้นสูงมากครับ ผอ. หากไข้ลดลงได้ พักผ่อนอีกสักระยะหนึ่ง ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรครับ แต่คุณหนูอาจจะยังตกใจกลัวอยู่มาก ผมเกรงว่าเธอจะ…”


 


 


“โอเค นายออกไปก่อน” ลั่วเซ่าเชินรู้ว่าหวังหวาจะพูดอะไร เขาเองก็กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เพียงแต่ตอนนี้มันยังไม่เกิดขึ้น ถึงเวลาแล้วค่อยว่ากันอีกที


 


 


ถังโจวโจวรู้สึกเสียใจมากยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินหวังหวาพูดเช่นนั้น หากเรื่องนี้เป็นเหตุให้ลั่วอิงมีเงามืดติดตามตัวไปตลอด เธอจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองเด็ดขาด


 


 


“คุณอย่าคิดมากเลย ลูกสาวของเราจะต้องไม่เป็นอะไร” ลั่วเซ่าเชินโอบไหล่ของถังโจวโจว พลางมองดูลั่วอิงที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียง


 


 


หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง ในที่สุดลั่วอิงก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา และในขณะที่ถังโจวโจวเห็นว่าลั่วอิงฟื้นขึ้นมาแล้ว เธอก็ตื่นเต้นดีใจ พลางเอ่ยถามซ้ำๆ ว่า “ลูกรัก หนูยังเจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่าคะ บอกแม่โจวโจวเร็ว แม่โจวโจวจะได้ไปเรียกคุณลุงหมอมาช่วยดูอาการให้หนูนะคะ”


 


 


อาจจะเป็นเพราะว่าลั่วอิงเธอเพิ่งฟื้นและมีไข้สูง เสียงของเธอจึงค่อนข้างแหบแห้ง “น้ำ…”


 


 


ถังโจวโจวลุกขึ้นในทันที แต่เป็นเพราะว่าเธอฟุบอยู่ข้างเตียงของลั่วอิงมานานเกินไป เมื่อเธอลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จึงทำให้ดวงตาของเธอนั้นมืดดำไปชั่วขณะ เธอไม่สามารถทรงตัวได้ จึงเซล้มลงไปด้านข้าง ลั่วเซ่าเชินรีบวิ่งเข้าไปประคองเธอ


 


 


แม้ว่าเขาจะเป็นห่วง แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ็ดถังโจวโจว “คุณจะทำอะไรช้าลงหน่อยไม่ได้เลยหรือ ลั่วอิงเพิ่งจะหายดี คุณก็จะมาล้มป่วยอีกคนแล้ว?”


 


 


ถังโจวโจวน้อมรับคำตักเตือนของลั่วเซ่าเชินแต่โดยดี แล้วร่างกายของเธอก็ไม่ได้ประท้วงอีกต่อไป ถังโจวโจวรีบรินน้ำจากกาน้ำใส่แก้วทันที จากนั้นเธอก็ปักหลอดเข้าไปในแก้ว ก่อนจะรีบยกมันไปให้ลั่วอิง เธอค่อยๆ ประคองลั่วอิงขึ้นมานั่ง


 


 


เมื่อเห็นว่าลั่วอิงรีบดื่มน้ำ อึกๆๆ จนหมดแก้ว ถังโจวโจวก็รีบถามว่า “เอาอีกไหมคะ”


 


 


ลั่วอิงพยักหน้าเบาๆ “แม่โจวโจวขา หนูอยากดื่มน้ำอีก” หลังจากดื่มน้ำไปได้หนึ่งแก้ว ความชุ่มชื้นของน้ำก็ทำให้เส้นเสียงของเธอดีขึ้นมาก


 


 


ถังโจวโจวหันตัวไปรินน้ำให้กับลั่วอิง ส่วนลั่วเซ่าเชินก็ช่วยปรับความสูงของเตียงให้ ก่อนจะลูบศีรษะเล็กๆ ของเธอ “ลูกรัก ลูกดีขึ้นบ้างหรือยัง”


 


 


“คุณพ่อขา หนูคิดถึงคุณพ่อค่ะ” ในขณะที่พูด ลั่วอิงก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา เธอยังจำได้อยู่เลยว่าเธอหวาดกลัวมากแค่ไหน เมื่อเธอตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่คนเดียวในสถานที่แปลกๆ โดยที่ไม่มีคุณพ่อและแม่โจวโจว มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน


 


 


เมื่อถังโจวโจวถือน้ำเข้ามา เธอก็พบว่าลั่วอิงกำลังร้องไห้อยู่ เธอรีบผลักลั่วเซ่าเชินออก ก่อนที่เธอจะปลอบโยนลั่วอิงในอ้อมกอดของเธอ “ลั่วอิง แม่โจวโจวรู้ว่าหนูกลัว แต่ตอนนี้หนูปลอดภัยแล้วนะ แม่โจวโจวจะไม่ปล่อยให้หนูคลาดสายตาอีก”


 


 


“แม่โจวโจวขา หนูนึกว่าหนูจะไม่ได้กลับมาแล้วซะอีก… ฮือๆ…” ลั่วอิงฝังหน้าร้องไห้เสียงดังลั่นอยู่ในอ้อมแขนของถังโจวโจว เธอกำลังระบายความอัดอั้นตันใจที่เธอได้รับเมื่อไม่กี่วันมานี้


 


 


ถังโจวโจวเองก็พลอยน้ำตาร่วงไปด้วย “โอ๋ เด็กดี อย่าร้องไห้อีกเลยนะคะ แม่โจวโจวปวดใจไปหมดแล้ว”


 


 


ลั่วเซ่าเชินรู้ว่าที่ถังโจวโจวผลักเขาออกเมื่อครู่นี้ เป็นเพราะว่าเธอยังจำสิ่งที่เขาพูดไว้บนรถก่อนหน้านี้ได้ แต่ลั่วเซ่าเชินก็ได้ยืนกำมือมองดูลั่วอิงร้องไห้อยู่อย่างนั้น


 


 


หลังจากร้องไห้ไปได้สักพัก ลั่วอิงก็ค่อยๆ สะอึกสะอื้นเบาลงอย่างช้าๆ และเมื่อถังโจวโจวเห็นว่าลั่วอิงหยุดร้องไห้แล้ว หัวใจของเธอก็พลอยสงบลงไปด้วย ลั่วอิงร้องไห้หนักเสียจนเธอรับมือไม่ถูก และเมื่อลั่วอิงสงบลง แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเธอ


 


 


หลังจากเช็ดคราบน้ำตาที่อยู่บนใบหน้าของลั่วอิงแล้ว ถังโจวโจวก็ยกน้ำที่เธอเพิ่งจะวางไว้ที่ข้างเตียงมาให้เธอ “หนูบอกว่าหนูอยากดื่มน้ำอีกไม่ใช่เหรอ หนูร้องไห้มานานขนาดนี้ น้ำที่หนูเพิ่งจะดื่มเข้าไปคงออกมาหมดแล้ว หนูต้องเติมมันกลับเข้าไปนะคะ”


 


 


ลั่วอิงสนุกสนานไปกับคำพูดของถังโจวโจว และเมื่อถังโจวโจวเห็นเธอยิ้ม ก็รู้สึกดีใจอย่างมาก “รีบดื่มเถอะค่ะ หนูอยากจะดื่มแค่ไหน แม่โจวโจวจะรินให้”


 


 


ลั่วอิงจับมือของถังโจวโจว ถังโจวโจวค่อยๆ เอียงแก้วจนกระทั่งลั่วอิงดื่มน้ำจนหมด


 


 


“เอาอีกไหมคะ” ลั่วอิงส่ายหน้า และเมื่อเห็นว่าสีหน้าของเธอดูไม่ค่อยดีนัก ถังโจวโจวก็รีบถามว่า “เป็นอะไรไปคะ ไม่สบายตัวเหรอ”


 


 


“เอิ๊ก!” ที่แท้เธอก็แค่ดื่มน้ำมากเกินไป เธอก็เลยเรอออกมาเสียงดัง


 


 


ถังโจวโจวบีบจมูกเล็กๆ ของลั่วอิง “เจ้าตัวน้อย รีบนอนลงนะคะ หนูยังไม่หายดี ต้องพักผ่อนเยอะๆ”


 


 


ลั่วอิงไม่ยอม “แม่โจวโจวขา หนูจะได้กลับบ้านเมื่อไรคะ”


 


 


“ต้องรอให้หนูหายดีก่อนค่ะ” ถังโจวโจวลูบศีรษะของลั่วอิง แน่นอนว่าเธอก็อยากให้ลั่วอิงกลับบ้านไวๆ เพียงแต่ร่างกายของเธอยังไม่ดีขึ้น ดังนั้น หากลั่วอิงยังอยู่ที่โรงพยาบาลก็จะทำให้เธอวางใจได้มากกว่า


 


 


 


 


[1] ขนเส้นเดียวบนวัวเก้าตัว สำนวนจีนหมายถึง เรื่องเล็กน้อย เรื่องที่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่

 

 

 


ตอนที่ 181 คุณแม่ลั่วเอาเรื่องถังโจวโจว

 

        ลั่วอิงยู่ปากอย่างไม่ค่อยพอใจ เธออยากกลับไปอยู่ที่บ้านแล้ว เธอไม่ชอบโรงพยาบาล เธอออดอ้อนถังโจวโจวว่า “แม่โจวโจวขา หนูหายดีแล้ว หนูกลับบ้านได้หรือยังคะ หนูอยากกลับบ้าน หนูไม่อยากอยู่ที่นี่”


 


 


ถังโจวโจวตกอยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตอนนี้ลั่วอิงเพิ่งจะปลอดภัยกลับมา ถังโจวโจวจึงไม่อยากขัดใจเธอ แต่การเจ็บป่วยมันเป็นเรื่องใหญ่ ทำให้ไม่สามารถตามใจเธอได้ในตอนนี้ ถังโจวโจวได้แต่นิ่งงัน และเมื่อลั่วอิงเห็นอย่างนั้น เธอจึงเรียกถังโจวโจวซ้ำแล้วซ้ำเล่า “แม่โจวโจวขา แม่โจวโจว…”


 


 


เสียงออดอ้อนของเด็กน้อยช่างน่าฟัง ถังโจวโจวยืนคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ลั่วอิง ไม่ใช่ว่าแม่โจวโจวไม่อยากให้หนูกลับบ้าน เพียงแต่ว่า…”


 


 


“แม่โจวโจวไม่รักหนูแล้วใช่ไหมคะ หนูอยากกลับบ้านจริงๆ หนูไม่อยากอยู่โรงพยาบาล” ลั่วอิงจับมือของถังโจวโจวและเขย่ามันเบาๆ แล้วหัวใจของถังโจวโจวก็อ่อนยวบราวกับเส้นก๋วยเตี๋ยวในทันที


 


 


ลั่วอิงมองเห็นความสำเร็จอยู่รำไร แต่ทันใดนั้นเอง ลั่วเซ่าเชินก็ทำลายความฝันนั้นลง “ลั่วอิง ลูกงอแงอีกแล้ว?” ลั่วเซ่าเชินส่งสายตาเตือนลั่วอิง


 


 


แม้ลั่วอิงจะคว่ำปากลง แต่เธอก็ยังไม่ยอมแพ้ เธอบ่นพึมพำว่า “คุณพ่อดุจริงๆ…”


 


 


จากนั้นเธอก็ใช้แววตาที่ชื้นแฉะของเธอมองไปที่ถังโจวโจว แล้วถังโจวโจวก็ตกหลุมพรางของเธอในทันที ถังโจวโจวดึงลั่วอิงเข้ามากอดไว้ ก่อนจะมองไปที่ลั่วเซ่าเชินอย่างเป็นปรปักษ์ “คุณจะเอ็ดเธอทำไมคะ เธอเพิ่งดีขึ้นนะ? หากเธอป่วยขึ้นมาอีกเพราะคำพูดของคุณแล้วจะทำยังไง เธออยากกลับบ้านก็ให้เธอกลับบ้านสิคะ”


 


 


หลังจากนั้น ถังโจวโจวก็รู้สึกเสียใจในทันทีที่เธอพูดไม่ดีกับลั่วเซ่าเชินอีกแล้ว ต่างจากลั่วอิงที่จ้องมองเธอด้วยความประหลาดใจแกมดีใจ “แม่โจวโจวดีกับหนูที่สุดเลย!”


 


 


ลั่วเซ่าเชินเพียงแค่ใช้สายตาที่มองดูละครตบตาเมื่อครู่นี้มองไปที่ถังโจวโจว ถังโจวโจวอ่านความรู้สึกจากสายตาของเขาได้มากมายหลายอย่าง แล้วเธอก็ลอบสูดลมหายใจอย่างแรง ทำไมเมื่อครู่นี้เธอพูดออกไปอย่างนั้นนะ? ฮือๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจ


 


 


ปึง! บานประตูห้องพักผู้ป่วยถูกปิดโดยลั่วเซ่าเชิน มีเพียงถังโจวโจวและลั่วอิงเท่านั้นที่ยังอยู่ภายในห้อง ลั่วอิงหันมองถังโจวโจว ในขณะที่ถังโจวโจวเองก็มองไปที่เธอด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า


 


 


“ลั่วอิง แม่โจวโจวขอคุยอะไรกับหนูหน่อยได้ไหมคะ”


 


 


“เรื่องอะไรหรือคะ” ลั่วอิงหมุนศีรษะเล็กน้อย มือทั้งสองข้างของเธอเกาะกุมกันอย่างกังวลเล็กน้อย


 


 


“ไว้รอให้หนูหายไข้ก่อนแล้วค่อยกลับบ้านกันนะคะ วันนี้เราอยู่ที่โรงพยาบาลก่อนอีกหนึ่งวัน รอดูวันพรุ่งนี้ว่าถ้าหนูไม่มีไข้แล้ว แม่โจวโจวก็จะพาหนูกลับบ้านทันที ตกลงไหมคะ” ถังโจวโจวนั่งคุยกับลั่วอิงอยู่ที่ริมเตียง


 


 


แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าลั่วอิงจะเอ่ยประโยคนี้ออกมา “ไม่เอาค่ะ เมื่อกี้นี้แม่โจวโจวก็พูดแล้วนี่คะ?” ลั่วอิงเริ่มไม่พอใจ เธอคิดว่าถังโจวโจวไม่รักษาสัญญา เมื่อครู่นี้ยังรับปากเธอเป็นมั่นเป็นเหมาะอยู่เลย แต่แล้วจู่ๆ ก็กลับคำได้อย่างไร


 


 


ถังโจวโจวรู้สึกปวดหัว และเมื่อเธอนึกถึงท่าทางของลั่วเซ่าเชินเมื่อครู่นี้ เธอก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดโน้มน้าวต่อไปว่า “ลั่วอิง หนูฟังแม่โจวโจวพูดก่อน…”


 


 


“หนูไม่ฟัง! ไม่ฟังแล้ว! หนูรู้แค่ว่าเมื่อกี้นี้แม่โจวโจวรับปากหนูแล้ว” ลั่วอิงต่อต้านโดยใช้มืออุดหูตัวเองทั้งสองข้าง


 


 


เมื่อถังโจวโจวได้เจอกับลั่วอิงจอมแก่นเข้าจังๆ ถังโจวโจวก็สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูดกับตัวเองเบาๆ ว่า “ใจเย็นๆ นะ ถังโจวโจว ใจเย็นๆ เธอจะต้องใจเย็นๆ เอาไว้ เธอรับปากไปแล้ว ลั่วอิงไม่มีทางยอมเธอแน่ๆ หากเธอกลับลำในตอนนี้”


 


 


จากนั้นบนใบหน้าของถังโจวโจวก็ประดับไปด้วยรอยยิ้ม เธอดึงมือเล็กๆ ของลั่วอิงออกจากใบหู จากนั้นเธอจับมือของลั่วอิงไว้ข้างหนึ่ง เธอลูบสัมผัสและมองดูมือที่นุ่มนิ่มของลั่วอิง ถังโจวโจวทำราวกับว่าเธอได้เจอของเล่นที่ถูกใจ เธอเล่นมันอย่างนั้นอยู่นาน


 


 


เมื่อลั่วอิงเห็นว่าถังโจวโจวไม่พูดอะไร เธอก็อดรู้สึกเคว้งคว้างไม่ได้ “แม่โจวโจวขา ทำไมคุณแม่ถึงไม่พูดอะไรแล้ว” ความจริงแล้ว สิ่งที่ลั่วอิงกำลังคิดอยู่ก็คือ ทำไมถังโจวโจวถึงไม่โน้มน้าวเธอแล้วล่ะ แบบนี้ก็ไม่สนุกแล้วน่ะสิ?


 


 


ถังโจวโจวยังคงเงียบอยู่เหมือนเดิม และเมื่อลั่วอิงเห็นว่าถังโจวโจวไม่พูด เธอจึงเป็นฝ่ายที่เอ่ยปากพูดเอง “แม่โจวโจวขา คุณแม่จะไม่สนใจหนูแล้วจริงๆ หรือคะ แต่คุณแม่เป็นคนผิดสัญญานี่นา… ฮือๆ…” ลั่วอิงเสียใจ มันเป็นความผิดของถังโจวโจวนี่ แล้วทำไมถังโจวโจวถึงเมินเฉยใส่เธอล่ะ?


 


 


เมื่อเห็นว่าลั่วอิงร้องไห้อีกครั้ง ถังโจวโจวก็ได้สติกลับคืนมา เธอค่อยๆ เช็ดน้ำตาให้ แต่เมื่อเธอเช็ดออกไป ระลอกใหม่ก็ไหลออกมา “ก็หนูไม่ยอมฟังที่คุณแม่พูดไม่ใช่เหรอ”


 


 


ลั่วอิงที่กำลังจะเรอออกมาอีกครั้ง เมื่อถูกถังโจวโจวขัดเช่นนี้ ก็ทำให้เธอเสำลัก “แค่กๆๆ” แม้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่เธอก็ไอติดต่อกันอยู่พักหนึ่ง


 


 


ถังโจวโจวตบหลังให้เธอเพื่อที่เธอจะได้รู้สึกดีขึ้น และเมื่อเธอหยุดไอแล้ว ลั่วอิงก็ได้แต่แกว่งมือของถังโจวโจวอย่างหมดทางสู้ “แม่โจวโจวขา หนูไม่ได้ไม่ฟังนะคะ…”


 


 


ถังโจวโจวลูบสัมผัสใบหน้าของเธอ “ตอนนี้หนูยอมฟังแม่โจวโจวแล้วใช่ไหม”


 


 


“ค่ะ” ลั่วอิงพยักหน้าหนักๆ ราวกับว่ามันจะทำให้ถังโจวโจวเห็นได้ว่าเธอเชื่อฟังแล้ว


 


 


“ลั่วอิง เมื่อครู่นี้แม่โจวโจวไม่ได้จะหลอกหนูนะคะ คุณแม่ขอโทษหนูสำหรับสิ่งที่คุณแม่เพิ่งจะพูดไป เพราะแม่โจวโจวเห็นแก่สุขภาพร่างกายของหนูมากกว่า แต่ถ้าหนูอยากกลับบ้านจริงๆ เดี๋ยวคุณแม่จะบอกคุณพ่อให้ว่าเราจะกลับกันตอนนี้เลย”


 


 


เมื่อลั่วอิงเห็นว่าถังโจวโจวจริงจัง เธอก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็ค่อยๆ พูดอย่างระมัดระวังว่า “แม่โจวโจวขา หนูไม่กลับแล้ว หนูจะอยู่ที่นี่ แต่คุณแม่ต้องอยู่กับหนูนะคะ ไม่อย่างนั้นหนูกลัว”


 


 


“ค่ะ คุณแม่จะอยู่เป็นเพื่อนหนูแน่นอน แต่ตอนนี้เด็กดีต้องนอนก่อนนะคะ พักผ่อนเยอะๆ จะได้หายไวๆ”


 


 


ถังโจวโจวปรับเตียงให้ลั่วอิงและห่มผ้าห่มให้ จากนั้นเมื่อเธอเห็นว่าลั่วอิงหลับตาลงแล้ว เธอก็เตรียมจะลุกออกไปด้านนอก แต่ใครจะรู้ล่ะว่ามือของเธอถูกมือของลั่วอิงที่ยื่นออกมาจากผ้าห่มจับเอาไว้แน่น


 


 


“ทำไมยังไม่นอนอีกคะ”


 


 


“แม่โจวโจวอยู่เป็นเพื่อนหนูก่อนนะคะ พอหนูหลับแล้วคุณแม่ค่อยออกไปได้ไหมคะ” ลั่วอิงกะพริบดวงตาที่ฉ่ำวาว ถังโจวโจวเจ็บปวดเป็นอย่างมาก เธอรู้ดีว่าลั่วอิงรู้สึกไม่ปลอดภัย ดังนั้นเธอจึงนั่งลงโดยดี


 


 


“ได้เลยค่ะ รีบนอนนะคะ แม่โจวโจวรับประกันเลยว่าคุณแม่จะออกไปหลังจากที่หนูหลับแล้ว”


 


 


ถังโจวโจวเฝ้าดูลั่วอิงที่หลับตาลงอย่างว่าง่าย เธอฮัมพลงกล่อมเบาๆ โดยหวังว่าลั่วอิงจะหลับลงได้อย่างวางใจ


 


 


หลังจากผ่านไปสักพัก ถังโจวโจวก็ลองเรียกเธอเบาๆ “ลั่วอิงคะ ลั่วอิง”


 


 


เมื่อเห็นว่าไม่มีเสียงตอบรับ ถังโจวโจวก็รู้ว่าลั่วอิงหลับไปแล้ว เธอค่อยๆ เก็บมือของลั่วอิงเข้าไปในผ้าห่ม ก่อนจะปลีกตัวออกไปอย่าเงียบเชียบ


 


 


พอเธอออกมาจากห้องพักผู้ป่วย เธอก็พบลั่วเซ่าเชินยืนอยู่ที่ทางเดิน เขายืนอยู่ใกล้กับหน้าต่าง ในปากของเขาคาบบุหรี่ไว้หนึ่งมวน


 


 


กลุ่มควันค่อยๆ พวยพุ่งออกไปในอากาศ ท่ามกลางกลุ่มควันที่เป็นชั้นๆ เหล่านั้น ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน ถังโจวโจวค่อยๆ สืบเท้าเข้าไปใกล้เขา ลั่วเซ่าเชินหันมามองเธอ “เรียบร้อยแล้ว?”


 


 


“ค่ะ คุณสูบบุหรี่ตั้งแต่เมื่อไร” ถังโจวโจวไม่ค่อยเห็นลั่วเซ่าเชินแตะต้องสิ่งนี้สักเท่าไร เธอก็เลยนึกว่าเขาไม่สูบบุหรี่ แต่ที่ไหนได้ เขาแอบสูบเวลาที่อยู่คนเดียว


 


 


“ผมสูบมานานแล้ว เพียงแต่หลังจากที่ผมมีลั่วอิง ผมก็ไม่ได้แตะต้องมันอีกเลย ต่อมาพออารมณ์ไม่ค่อยดี ผมก็จะสูบมันสักสองสามมวน” ลั่วเซ่าเชินยังจำได้ดี ในขณะที่เขาอยู่ในวัยคึกคะนอง เขามองว่าบุหรี่เป็นสัญลักษณ์แห่งชายหนุ่ม


 


 


ณ ตอนนั้นเขาสูบบุหรี่จัดมาก ตอนนั้นเขากล้าทำทุกอย่าง แต่พอลั่วเซ่าอวี๋กลับมาจากกองทัพแล้วพบว่าลั่วเซ่าเชินติดบุหรี่ ลั่วเซ่าอวี๋ก็จับเขาขังทันที และถ้าหากเขาไม่เลิก ก็จะไม่ยอมปล่อยเขาออกมา


 


 


ลั่วเซ่าเชินเคารพและเชื่อฟังพี่ชายคนนี้มากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น เขาตั้งใจจะสูบมันแค่เล่นๆ แต่ด้วยความช่วยเหลือจากลั่วเซ่าอวี๋ เพียงไม่นานเขาก็เลิกบุหรี่ได้ และเมื่อเขารับลั่วอิงกลับมา เขาก็ยิ่งไม่กล้าสูบบุหรี่ เขากลัวว่ามันจะเป็นอันตรายต่อเด็ก เพียงแต่ช่วงนี้เขามีหลายเรื่องที่ไม่ค่อยสบอารมณ์ ลั่วเซ่าเชินจึงใช้มันเป็นที่ระบายความเครียดก็เท่านั้น


 


 


ถังโจวโจวมองดูชายหนุ่มพราวเสน่ห์ตรงหน้า เรื่องความหล่อไม่จำเป็นต้องพูดถึง เพราะหญิงสาวมากมายต่างก็อยากเป็นภรรยาของเขา คงจะพอจินตนาการกันได้อยู่ และที่สำคัญ เขาไม่ได้มีดีแค่หน้าตา แต่ยังมีเงินอีกด้วย ซึ่งนั่นยิ่งกลายเป็นอาวุธวิเศษในการดึงดูดใจของผู้หญิง


 


 


เพียงแต่ท่ามกลางกลุ่มควันที่ห้อมล้อม ถังโจวโจวก็เพิ่งจะค้นพบว่าเธอนั้นอยู่ห่างไกลจากเขาเสียเหลือเกิน เมื่อก่อนเธอเคยคิดว่าการแต่งงานของเธอมันจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า เธอไม่จำเป็นต้องรู้จักเขามากกว่านี้ เพื่อจะได้ไม่ต้องวุ่นวายในภายหลัง


 


 


แต่วันนี้ ภายใต้สภาวะแวดล้อมที่เงียบสงบเช่นนี้ หลังจากที่ลั่วเซ่าเชินไปช่วยเหลือเธอออกมาจากถ้ำหมาป่าแล้ว ถังโจวโจวก็หวังว่าเธอจะสามารถเข้าใจผู้ชายคนนี้ได้มากยิ่งขึ้น เธออยากจะสัมผัสเขาด้วยหัวใจของเธอเองจริงๆ เธอไม่อยากจะหลีกหนีอีกต่อไปแล้ว เธอไม่สนเรื่องราวความรักระหว่างลั่วเซ่าเชินและหันฮุ่ยซินอีกแล้ว อดีตก็คืออดีต เธอกับเขาจะเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง


 


 


“เซ่าเชิน เรา…” ถังโจวโจวจับมือของลั่วเซ่าเชิน และในขณะที่เธอกำลังจะเอ่ยความในใจที่เธอมีต่อลั่วเซ่าเชิน เธอก็ชะงักนิ่งไปเพราะเสียงที่ดังขึ้นมาจากด้านหลัง


 


 


“ถังโจวโจว ยายตัวอันตราย! เธอทำอะไรกับหลานสาวของฉัน” น้ำเสียงของคุณแม่ลั่วดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน ข้างกายของเธอมีพยาบาลสาวคนหนึ่งเดินตามมาด้วย พยาบาลคนนั้นอาจจะนึกไม่ถึงว่าคุณผู้หญิงที่ดูสง่างามน่าเคารพอย่างเธอจะมาก่อความวุ่นวายในโรงพยาบาลแบบนี้ สีหน้าเป็นกังวลมากเสียจนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร


 


 


“คุณผู้หญิงคะ ที่นี่คือวอร์ดวีไอพี ไม่สามารถส่งเสียงดังได้ คุณช่วยเบาเสียงลงหน่อยได้ไหมคะ” แต่คำขอร้องของพยาบาลสาวไม่ได้ผล


 


 


คุณแม่ลั่วตรงเข้าไปหาถังโจวโจว เธอยกมือขึ้นและหมายจะฟาดลงไปบนใบหน้าของถังโจวโจว


 


 


ลั่วเซ่าเชินจับมือข้างนั้นของคุณแม่ลั่วเอาไว้ได้ “แม่ครับ แม่จะทำอะไรน่ะ แม่มีความสุขมากหรือครับที่ได้เห็นคนอื่นเขาหัวเราะเยาะเราน่ะ?”


 


 


หลังจากคุณแม่ลั่วตะโกนโหวกเหวกโวยวายจนลั่นชั้นแล้ว พยาบาลและพนักงานทั้งหมดที่อยู่ในชั้นนี้ก็มายืนมุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเมื่อคุณแม่ลั่วกวาดสายตามองไปยังผู้คนที่พากันมองเธอราวกับว่าเธอเป็นตัวตลก ไฟโกรธที่อยู่ในใจของเธอก็พลัน โหมขึ้นไปอีกระดับ “มองอะไรกัน นี่มันเรื่องในครอบครัวฉัน!”


 


 


คำพูดของคุณแม่ลั่วเป็นแค่เพียงฟ้าร้องที่เสียงดัง แต่ฝนกลับตกนิดเดียว ผู้คนที่อยู่โดยรอบยังคงยืนดูอยู่อย่างนั้น พยาบาลสาวตัวน้อยที่ตามคุณแม่ลั่วมาจึงพูดจาโน้มน้าวอีกครั้ง “คุณผู้หญิงคะ ดิฉันคิดว่าคุณคงจะทราบดีว่าโรงพยาบาลไม่ใช่สถานที่ที่จะให้พวกคุณมาทะเลาะกันได้ และมันก็ไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะระบายโทสะได้ด้วย”


 


 


ถังโจวโจวเห็นว่าพยาบาลที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวคนนั้น กลับกลายเป็นคนที่มีเหตุผลขึ้นมาทันควัน แววตาของเธอเปล่งประกาย ดูเหมือนว่าพยาบาลคนนี้จะไม่ใช่คนที่เกรงกลัวอิทธิพลสักเท่าไร เพียงแต่เธอก็ไม่รู้ว่าคำพูดประโยคนั้นจะใช้ได้กับคุณแม่ลั่วหรือไม่


 


 


“เธอเป็นใครถึงได้กล้ามาสั่งสอนฉันแบบนี้ ไปเรียกผอ. ของพวกเธอมา ฉันอยากจะรู้นักว่าโรงพยาบาลของพวกเธอจะเป็นยังไงต่อไป!” ท่าทางของคุณแม่ลั่วดูยโสโอหัง ถังโจวโจวรู้สึกอับอายขายขี้หน้ามาก แต่ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้เธอก็เป็นสะใภ้ของตระกูลลั่ว ปัญหาใดๆ ของคุณแม่ลั่วสามารถส่งผลกระทบต่อทุกคนในครอบครัวได้


 


 


ถังโจวโจวเดินเข้าไปหาพยาบาลคนนั้น ก่อนจะเอ่ยคำขอโทษด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ขอโทษด้วยนะคะ คุณพยาบาล แม่สามีของฉันกำลังโกรธอยู่ ฉันจะรีบพาเธอเข้าไปข้างใน หากรบกวนผู้ป่วยท่านใด ฉันก็ขอโทษแทนแม่สามีของฉันด้วยนะคะ”


 


 


หลังจากนั้นถังโจวโจวก็ก้มหัวขอโทษและโค้งคำนับด้วยใจจริง ความจริงใจของเธอทำให้พยาบาลสาวไม่อาจพูดอะไรได้อีก เธอได้แต่บ่นพึมพำก่อนจะเดินจากไปว่า “น่าเศร้าจริงๆ มีแม่สามีแบบนี้”


 


 


“เอ๊ะ นี่เธอว่าอะไรนะ! พูดจาเป็นหรือเปล่าเนี่ย…”


 


 


ตั้งแต่ถังโจวโจวเข้ามาในตระกูลของเธอ คุณแม่ลั่วก็ไม่ชอบให้คนอื่นพูดความจริงที่ว่าถังโจวโจวเป็นสะใภ้ของเธอต่อหน้าเธอ และเธอก็ไม่ชอบให้คนอื่นๆ มาชื่นชมว่าถังโจวโจวนั้นเป็นคนดีมากแค่ไหนด้วย

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม