เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก 174-180
ตอนที่ 174: โรงงานม้วนบุหรี่หงเซียงคอมมูน
โดย
Ink Stone_Romance
เฉินเยี่ยนยิ่งพูดสายตาซินห้าวก็ยิ่งเป็นประกาย เขาก็เคยคิดเรื่องพวกนี้มาบ้าง แต่ไม่ได้คิดรอบด้านแบบเฉินเยี่ยน สมองเฉินเยี่ยนถือว่าดีมากเลย กลับไปเขาจะใช้แผนนี้ควบคุม
“คุณพูดมีเหตุผล คุณช่วยผมได้มากเลย มีรางวัลให้”
ซินห้าวพูดแล้วยื่นมือมาลูบผมเฉินเยี่ยน
“อย่าค่ะ”
เฉินเยี่ยนพูดจบเกือบจะถอยหลัง รางวัลซินห้าวคือจูบ แต่นี่เป็นตอนกลางวัน แล้วยังอยู่ท่ามกลางที่สาธารณะ เธอไม่อยาก แต่เธอเห็นซินห้าวแค่พูดเฉยๆ ไม่ได้เข้ามาใกล้ รู้ว่าซินห้าวยังรู้จักแยกแยะ เธอถึงค่อยวางใจ
“พวกเราไม่ต้องพูดเรื่องนี้กันหรอก คุณก็ช่วยฉันเยอะเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”
เฉินเยี่ยนรู้สึกได้ถึงมือที่อบอุ่นของซินห้าว หน้าค่อยๆ แดงขึ้นมา
อะแฮ่ม จู่ๆ มีเสียงไอขึ้นมาจากฝั่งนั้น
เฉินจงเห็นมือซินห้าวลูบศีรษะลูกสาว เขาจึงกระแอมขึ้นมา นี่มันตอนกลางวัน แล้วยังมีคนอีก ต้องระวังภาพพจน์ เขาไอเสร็จก็รีบหันหน้าไปอีกทาง กลัวว่าเฉินเยี่ยนและซินห้าวจะเห็นเขา เขารู้สึกเขิน และกลัวพวกเขาเขินด้วย
ครั้งนี้เฉินเยี่ยนถอยหลังไปหนึ่งก้าวจริงๆ ซินห้าวยิ้ม เขาทำอะไรไม่ได้ ถึงแม้จะเป็นรางวัล ก็ต้องเป็นตอนที่ไม่มีคน แต่พูดขึ้นมาแล้วเขาก็คิดถึงจริงๆ
ทั้งสองคนคุยกันไม่กี่ประโยค ก็แยกย้าย เฉินจงและเฉินเยี่ยนจะกลับหมู่บ้าน ซินห้าวยังมีธุระอยู่ในอำเภอ กลับไปกับพวกเขาไม่ได้
ระหว่างทางกลับเฉินจงและเฉินเยี่ยนคุยกันไม่น้อย หลักๆ เกี่ยวกับเรื่องว่าจะปรับปรุงโถงประชุมยังไง ห้องโถงโดนไฟไหม้มาก่อน ต้องซ่อมแซมให้ดี เงินที่อำเภอให้ก็เอามาซ่อมแซมห้องโถงได้ จะสร้างบ่อน้ำ จะซื้อโต๊ะเก้าอี้ จะทำของไม่น้อย เงินก็หมด ค่าแรงคนงานต้องรอดูผลประกอบการ แต่เห็นสถานการณ์แบบนี้แล้ว ผลประกอบการไม่น่าจะมีปัญหา
กลับมาที่บ้าน หวางนิวถือสัญญาไว้อยู่นานไม่ยอมวางลง ที่จริงเธอไม่รู้จักตัวอักษร เฉินเยี่ยนทนไม่ไหวบอกว่าเธอถือกลับหัวแล้ว เพราะแม่ดูท่าทางตื่นเต้นมาก
“คุณเป็นหัวหน้าโรงงานแล้ว? งั้นต่อไปโถงประชุมนั้นก็เป็นของเราแล้ว? พวกเรารับสมัครคนงานได้แล้ว? พวกเรามีสิทธิ์ออกเสียง? นี่ฉันรู้สึกเหมือนฝันไปเลย”
หวางนิวถามติดต่อกันหลายคำถาม เธอยังรู้สึกไม่อยากจะเชื่ออยู่ สามีเธอจะเป็นหัวหน้าโรงงานแล้ว ดูแลคนงาน เมื่อก่อนเธอใฝ่ฝันว่าเมื่อไรในบ้านจะมีคนเป็นคนงาน นี่ถือว่าเป็นที่เชิดหน้าชูตาให้รุ่นลูกรุ่นหลานเลย เธอฝันยังหัวเราะตื่นขึ้นมาได้ แล้วตอนนี้ล่ะ? สามีเธอเป็นหัวหน้า ลูกชายเธอก็จะได้เป็นคนงานในโรงงาน อีกหน่อยใครจะเข้ามาทำงานในโรงงานม้วนบุหรี่ จะต้องผ่านพวกเขาก่อน นี่เป็นเรื่องจริงหรือ? คิดดูแล้วเธอรู้สึกไม่เป็นเรื่องจริงเลย
เฉินเยี่ยนไม่พูดอะไร ขนาดโรงงานม้วนบุหรี่ของพวกเขาเทียบกับโรงงานพวกนั้นไม่ได้แน่นอน แต่เทียบกับในหมู่บ้านแล้วก็ถือว่าไม่แย่ ถ้าพวกเขาจะรับสมัครคน จะต้องตีหัวเข้าบ้าน เพราะพวกเขาให้ค่าแรงจริงๆ พูดออกไปแล้วก็ฟังดูดี
แต่เฉินเยี่ยนกำชับเฉินจงและหวางนิวไว้แล้ว ไม่ว่าใครมาพูดอะไรกับพวกเขา นิสัยต้องดี ไม่อย่างนั้นไม่รับ เทคนิคการม้วนบุหรี่ฝึกกันได้ นิสัยไม่ดีจะเกิดเรื่องได้ อีกอย่างเฉินเยี่ยนห้ามเฉินเวยเข้าโรงงานเป็นคนแรก
“เยี่ยนจื่อ ไม่ว่าจะยังไงเสี่ยวเวยเป็นน้องสาวลูก ลูกให้เธอเข้าไปเถอะ นี่พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันไม่ใช่หรือ? ครอบครัวตัวเองไม่ให้คนในบ้านเข้าไปทำ แล้วให้คนข้างนอกแทนมันคืออะไร!
หวางนิวขอร้องแทนเฉินเวย เธอคิดว่านี่เป็นโอกาส อันดับแรกคนในบ้านต้องได้เข้าไปก่อน
ถ้าเฉินเวยเข้าไปทำงานในโรงงาน ไม่แน่อาจจะค่อยๆ เปลี่ยนไปก็ได้ และสามารถหาเงินได้ สามารถหาสามีที่ดี เธอก็จะได้สบายใจ มีเรื่องดีแบบนี้ แน่นอนเธอต้องเลือกคนในครอบครัวตัวเอง
“แม่ คอมมูนจะส่งคนมา บ้านพวกเราเข้าไปได้สามคน มีพ่อ พี่ชาย และหนูสามคน แม่จะไม่ให้พี่ชายหนูเข้าหรือไม่ให้หนูเข้า? จวนเอ๋อร์อยู่คนเดียว เธอมีฝีมือ ถ้าจะเป็นครูสอนคนข้างใน เธอก็ต้องอยู่ แล้วยังมีครอบครัวลุง พวกเขาก็จะเข้ามาหนึ่งคน แม่คุยกันกับพวกเขาแล้ว แม่จะไม่ให้ใครเข้าไป? ก็เหลืออีกสองคน นี่แม่ตกลงไปกี่บ้านแล้ว ใครบอกว่าให้เสี่ยวเวยเข้าไปด้วย”
ยังไงเฉินเยี่ยนก็ไม่ยอมให้เฉินเวยไป
เฉินเยี่ยนถามแบบนี้ หวางนิวไม่ได้พูดอะไร ไม่ให้ลูกชายไป? ก็เป็นไปไม่ได้ ลูกชายเข้าโรงงานไปเป็นคนงาน หาเงินได้ จะได้แต่งลูกสะใภ้ นี่เป็นเรื่องทั้งชีวิต ถ้าเธอไม่ให้ลูกชายไป อีกหน่อยจะหวังพึ่งลูกชาย ลูกสะใภ้เลี้ยงเธอตอนแก่ได้หรือ?
ไม่ให้เฉินเยี่ยนไป? ยิ่งเป็นไปไม่ได้ เฉินเยี่ยนรู้เคล็ดลับยาเส้นนี้ พูดไปก็เสียเปล่า เฉินจงช่วยเหลือเฉินเยี่ยน ใครไม่ไป เฉินเยี่ยนต้องไปอยู่ดี
ดังนั้นเฉินเวยไม่สามารถแทนที่พวกเขาคนไหนได้ ส่วนบ้านพ่อแม่ กันอีกสองบ้าน เธอก็ให้เฉินเวยไปแทนไม่ได้ หวางนิวทำได้แค่ถอนหายใจ
ตอนหลังหวางนิวไม่ได้พูดอะไร เฉินเวยก็โวยวายไม่ได้ เธอเล่นละครเล็กๆ น้อยๆ เฉินเยี่ยนก็เดาทางได้หมด ไม่สนใจเธอ เฉินเวยก็ทำอะไรไม่ได้
จนวันที่โถงประชุมซ่อมแซมเสร็จ ก็เป็นช่วงปลายเดือนสิบแล้ว มองดูป้ายที่แขวนไว้ด้านนอก : โรงงานม้วนบุหรี่หงเซียงคอมมูน
เฉินเยี่ยนยิ้มออกมา อีกหน่อยที่นี่คือที่ทำการใหญ่ของเธอแล้ว เธอจะขยับขยายที่นี่
ป้ายแขวนแล้ว จุดประทัดแล้ว รอบด้านมีผู้คนมามุงดู หัวหน้าคอมมูนก็พาหลายคนมา ถึงแม้ที่นี่จะเล็ก แต่ไม่ว่าจะยังไง ที่นี่คือโรงงานม้วนบุหรี่ของคอมมูนพวกเขา มีแค่ที่นี่ พวกเขาต้องสนับสนุน
พูดกล่าวแล้ว บอกคนที่นี่ว่าอีกหน่อยตรงนี้คือโรงงานม้วนบุหรี่ของคอมมูน อีกหน่อยคนที่ไม่ได้เป็นคนงานของโรงงานบุหรี่ไม่สามารถเข้าออกตามอำเภอใจได้ แล้วยังบอกว่าอีกหน่อยถ้าทำโรงงานบุหรี่กิจการดีขึ้นมา จำเป็นต้องรับสมัครคน จะพิจารณาคนที่อยู่ละแวกใกล้เคียงก่อน ให้ทุกคนปกป้องรักษาโรงงานม้วนบุหรี่ ถ้าพบคนที่คิดไม่ดีกับโรงงานม้วนบุหรี่นี้ พวกเขาจะทำโทษ
ผู้คนที่มามุงดูนี้ยังคงตื่นเต้นอยู่ เพราะหวังอยากจะเป็นคนงาน ยุคนี้คนงานนั้นเนื้อหอมมาก ทุกที่ต่างพูดกันว่าคนงานพวกเรามีพลัง ให้ความหวังพวกเขา พวกเขาย่อมปกป้องอย่างดี
เสร็จสิ้นพิธีการ เฉินจง เฉินเยี่ยนและนักบัญชี คนงานไม่กี่คนที่คอมมูนส่งมา รวมถึงคนจากฝั่งเฉินเยี่ยนก็เริ่มทำงานแล้ว
ถึงแม้พวกเขาจะเป็นคนงานม้วนบุหรี่ แบ่งงานต้องชัดเจน มีคนรับผิดชอบห่อบุหรี่โดยเฉพาะ คนงานพวกนี้เป็นผู้หญิง มีคนรับผิดชอบหั่นบุหรี่ งานพวกนี้เป็นของผู้ชาย มีคนรับผิดชอบปิดผนึกกล่องบุหรี่ งานพวกนี้ผู้ชายผู้หญิงก็ได้
ส่วนห้องโถง เพราะมีคนงานจากในอำเภอ ตอนมื้อกลางวันจะกลับบ้านไปกินก็ไกลเกินไป ดังนั้นเฉินเยี่ยนเลยจ้างคนในหมู่บ้านสองคน คนหนึ่งเป็นอาสะใภ้ อีกคนเป็นพี่สะใภ้คนโต พวกเขารับผิดชอบทำอาหาร อาหารไม่แพง ปริมาณก็ไม่น้อย เพราะตอนแรกมีคนไม่น้อยไม่มีตั๋วข้าว ดังนั้นเฉินเยี่ยนเลยจดชื่อไว้ เดือนหน้าต้องเอามาคืน เหล่าพนักงานถือว่าพอใจอยู่
ส่วนฝั่งเฉินเยี่ยน เฉินจงรับผิดชอบยาเส้น เฉินกุ้ยจะมาช่วย คนนอก นอกจากหวางจวน เฉินเยี่ยนไม่ใช้ ตอนนี้วิธีทำยาเส้นเฉินเยี่ยนไม่มีทางให้เผยแพร่ออกไปข้างนอก ตอนแรกได้คุยกับคอมมูนเรื่องซื้อโรงงาน ได้เซ็นสัญญาตกลงสามสิบเจ็ดสิบ ตอนนี้เธออาศัยเคล็ดลับทำยาเส้น ถ้าให้คนอื่นรู้ โรงงานม้วนบุหรี่นี้อาจจะไม่สามารถประกอบการต่อไปได้แล้ว
ทำตัวอย่างบุหรี่ออกมา เฉินเยี่ยนดูตราแสตมป์สีแดงบนกล่อง ด้านบนปั๊มว่าบุหรี่แดง ด้านล่างเป็นโรงงานม้วนบุหรี่หงเซียงคอมมูน เฉินเยี่ยนหลับตา เธอต้องการยี่ห้อ ถึงแม้ว่าบุหรี่นี้จะห่อไม่สวยงาม เทียบกับกล่องขาวแบบเดิมแล้วแค่มีตราประทับเพิ่มขึ้นมาหนึ่งอัน แต่นี่ก็พิสูจน์ได้ว่าบุหรี่เธอมียี่ห้อแล้ว ไม่เหมือนเดิมแล้ว
——————-
ตอนที่ 175: คึกคัก
โดย
Ink Stone_Romance
บุหรี่ผลิตออกมา เพราะมีร้านกระจายสินค้าพวกนั้นอยู่แต่เดิมแล้ว จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการกระจายสินค้า มียี่ห้อบุหรี่แล้ว บุหรี่จะราคาสูงกว่าเดิม เพราะต้องให้ค่าแรงคนงาน อีกทั้งคอมมูนเป็นคนกำหนดราคา ราคาจึงแพงกว่าแต่ก่อน
ร้านกระจายสินค้าเริ่มมีความคิดเห็น แต่พวกเขาทำอะไรไม่ได้ รวมถึงเฉินเยี่ยนก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน ตอนนี้มีโรงงานม้วนบุหรี่แล้ว ยังไงตัวเองก็ไม่สามารถแอบเอาบุหรี่กล่องขาวมาขายได้หรอกนะ? อีกอย่างราคาบุหรี่ของพวกเขาเทียบกับยี่ห้อดังแล้วยังถูกกว่ามาก อีกทั้งรสชาติก็ไม่แย่
ถ้าพวกร้านกระจายสินค้านั้นไม่ต้องการ สหกรณ์ในอำเภอยังต้องการอยู่ บุหรี่จากคอมมูน สหกรณ์ต้องสนับสนุนแน่นอน
มีสหกรณ์อยู่ พวกร้านค้าพวกนั้นก็รู้ว่าถ้าพวกเขาไม่ต้องการ พวกเธอก็ไม่ต้องกังวลเรื่องขาย และไม่สามารถขายให้พวกเขาราคาถูกได้ ดังนั้นพวกเขาเลยต้องยอมรับ แต่เฉินเยี่ยนยังคงทำดีกับพวกเขาอยู่ ยังไงก็ถือเป็นลูกค้าเก่าแก่ ทุกครั้งเธอจะให้บุหรี่ที่ผลิตออกมาไม่ผ่านมาตรฐานให้คนในร้ายนั้นสองซอง คนพวกนั้นยังคงพอใจอยู่
อีกทั้งบุหรี่ของเฉินเยี่ยนไม่จำเป็นต้องใช้ตั๋ว ไม่เหมือนบุหรี่อื่นที่มีความต้องการสูง ดังนั้นคนที่มารับมีไม่น้อย ช่วงเวลาหนึ่งกิจการเลยคึกคักมาก แม้แต่เฉินเยี่ยนคิดจะไปเปิดร้านขายใหม่ในเมืองยังไม่มีเวลาเลย
แต่ไม่ต้องรอให้เฉินเยี่ยนไป ในเมืองกลับมาหลายคนเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน บอกว่ารู้ว่าในอำเภอมียี่ห้อนี้ บุหรี่รสชาติดี ราคาก็ไม่แพง หลังพวกเขาได้ลองแล้ว ก็สั่งสินค้าจำนวนมาก ออเดอร์ที่เฉินจงและเฉินเยี่ยนรับมาสั่งไปจนถึงครึ่งปีหลังเลย
เพื่อที่จะผลิตสินค้าที่สั่งออกมาได้เร็ว คนงานจึงต้องทำงานล่วงเวลา ถึงแม้จะเหน็ดเหนื่อย แต่ทุกคนไม่บ่นเลย เพราะเฉินเยี่ยนกำหนดไว้แต่แรกแล้ว ทำมากได้มาก ยิ่งคุณทำมาก คุณก็จะยิ่งได้มาก ดังนั้นทุกคนเลยเต็มที่
แต่ความต้องการทางด้วยคุณภาพของเฉินเยี่ยนก็ต้องมีตามมาด้วยเหมือนกัน ถ้าไม่ตรงกับความต้องการ จะไม่นำไปขาย เธอทำเรื่องที่ทำลายยี่ห้อสินค้าไม่ได้ พวกสินค้าที่ไม่ผ่าน จะนำไปบรรจุลงกล่องขาวส่งให้คนอื่น อันที่ไม่ผ่านก็จะไม่นับเป็นค่าแรง ดังนั้นทุกคนต้องตั้งใจ พยายามทำให้บุหรี่ที่ไม่ผ่านน้อยที่สุด
ผ่านไปพริบตาก็ปีใหม่แล้ว เดิมทีเฉินเยี่ยนคิดจะหยุดวันที่ 15 เดือน 12 แต่ออเดอร์ที่รับมาเยอะมาก สุดท้ายต้องทนทำจนถึงวันที่ 25 ถึงค่อยได้หยุด นี่ยังมีออเดอร์อีกไม่น้อยที่ยังไม่ได้ผลิต ของพวกนั้นยังไม่เร่งมาก หลังปีใหม่ค่อยผลิตได้
เคลียร์ค่าแรงให้พวกคนงานแล้ว ได้ตั๋วและเงินปึกหนา เหล่าคนงานต่างยิ้มแย้มกัน รวมถึงพวกคนงานและนักบัญชีที่คอมมูนส่งมา ตอนที่คนพวกนั้นโดนส่งมาไม่พอใจมาก รู้สึกว่าโรงงานเล็กเกินไป เทียบกับโรงงานดีๆ พวกนั้นไม่ได้ ทำงานแล้วไม่แน่ว่าจะไม่ได้แม้แต่ค่าแรง แต่พวกเขาก็ไม่มีที่ที่ดีไปได้ จึงต้องมาในที่ที่ไม่พอใจ
ตอนแรกที่ทำงานพวกเขาไม่กระตือรือร้นเลย พวกคนเชี่ยวชาญสอนพวกเขาห่อบุหรี่ หั่นบุหรี่ ปิดผนึกกล่อง พวกเขาไม่ตั้งใจเรียนรู้บุหรี่ที่ผลิตออกมาก็ไม่ได้มาตรฐาน
พวกเขาทำลายวัตถุดิบไปเยอะมาก ตอนที่จ่ายค่าแรง ค่าแรงพวกเขาได้น้อยมากไม่กี่วัน พอเป็นคนอื่นได้เงินเยอะ พวกเขาตาร้อน แล้วยังมาโวยวายกับเฉินเยี่ยน ทำงานเหมือนกัน ทำไมไม่ยุติธรรมกับพวกเขาเลย เฉินจงและเฉินเยี่ยนอธิบายให้เขาฟังรอบหนึ่ง พวกเขายังคงไม่ยอม แล้วไปหาคอมมูน ให้หัวหน้าออกหน้าแทนพวกเขา
ตอนแรกหัวหน้าคิดว่าเฉินเยี่ยนและเฉินจงกลั่นแกล้งคนที่พวกเขาส่งไป ถึงกับมาด้วยตัวเอง จนเฉินเยี่ยนและเฉินจงอธิบายสถานการณ์อย่างละเอียด อีกทั้งคนงานคนอื่นเป็นพยาน หัวหน้าถึงพูดอะไรไม่ออก
เฉินเยี่ยนอธิบายอย่างละเอียด ถ้าพวกเขายังคงเป็นแบบนี้อยู่ สามเดือนต่อจากนี้เธอจะไล่คนพวกนี้ออก เพราะพวกเขาไม่มีค่า ทุกเดือนทำให้บุหรี่ผลิตออกมาไม่ได้ แล้วยังล่าช้าอีก พวกเขาทำลายวัตถุดิบ เอาให้คนที่เก่งมาทำให้กำไรมากขึ้น ถึงตอนนั้นให้คอมมูนส่งคนงานมาให้อีก ในเมื่อคนพวกนี้ดูถูกโรงงานเล็กนี้ เธอก็ไม่บังคับให้คนพวกนี้อยู่ที่นี่
เฉินเยี่ยนและเฉินจงทำให้คนพวกนั้นตกใจกลัว พวกเขาเลยค่อยสงบลง แสดงให้เห็นว่าจะตั้งใจเรียนรู้ ตั้งใจทำงาน
เฉินเยี่ยนก็พูดให้เข้าใจไปเลย อีกหน่อยไม่ว่าจะเป็นคนงานที่พวกเขาหามาหรือคอมมูนส่งมา จะต้องมีการทดลองงานหนึ่งเดือน ถ้าหลังจากหนึ่งเดือนแล้วยังไม่ให้ความสำคัญ ยังไม่ตั้งใจทำ ก็มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย เป็นใครก็ไม่ไว้หน้า ที่นี่ไม่เลี้ยงคนขี้เกียจ
หัวหน้าคอมมูนก็ไม่มีความเห็นอะไร ยังไงส่งใครมาก็เหมือนกัน ต้องสามารถแก้ปัญหาให้เขาได้ เขาให้ความสำคัญกับกำไร กำไรดี มีรายได้ต่างหากที่เป็นเหตุผลสำคัญ
แบบนี้ คนอื่นค่อยวางใจ ตั้งใจทำงาน ไม่ทำงานเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ผลการผลิตสูงกว่าเดิมเยอะมาก เงินก็ได้เยอะขึ้นมา พวกเขาไม่บ่นอยู่แล้ว กลับรู้สึกว่าได้เงินมากกว่าโรงงานใหญ่พวกนั้นอีก พอใจเป็นอย่างมาก
จะปีใหม่แล้ว ทุกคนลำบากกันมานาน ถึงแม้เงินจะให้มาก แต่เฉินเยี่ยนก็ยังเสนอเฉินจง ให้แบ่งเนื้อหมูในคนงานคนละหนึ่งกิโลกรัม
ของพวกนี้แบ่งกันแล้ว คนงานพวกนั้นยิ่งยิ้มแฉ่งกันใหญ่ นี่ถือว่าได้มาฟรีๆ โรงงานนี้ดีเหลือเกิน ถ้าไม่ตั้งใจทำงานจะละอายใจตัวเอง
ในที่สุดเฉินเยี่ยน เฉินจงและเฉินกุ้ยค่อยได้ผ่อนคลาย เพราะยุ่งจนไม่รู้วันรู้คืน เดินทีเดือน 12 อยากจะจัดการเรื่องเฉินกุ้ยและหลัวเหมยก็ยังไม่มีเวลา คุยกับหลัวเหมยแล้ว ตกลงไว้ที่เดือนสาม แต่บ้านหลัวไม่ยอม บอกว่าต้องก่อนปีใหม่ สุดท้ายตกลงกันที่เดือน 12 วันที่ 18 ให้เฉินกุ้ยจัดงานแต่งกับหลัวเหมย
ถึงแม้ว่าตอนแรกบ้านหลัวจะตกลงเรื่องงานแต่งกับบ้านเฉินแล้ว แต่ในใจยังคงบ่นอยู่ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว ตอนนี้คนบ้านหลัวเห็นเฉินกุ้ยอย่าพูดว่าจะตีเลย มีแต่ท่าทียิ้มแย้ม เพราะตอนนี้เฉินจงเป็นหัวหน้าโรงงาน เฉินกุ้ยเป็นคนงาน บ้านหลัวได้ยินมาว่า บ้านเฉินมีสิทธิ์ในโรงงานม้วนบุหรี่ กิจการดีมากจนน่าอิจฉา เงินและตั๋วมากมายจนเหมือนน้ำไหลเข้ามา ถ้าพวกเขาไม่รีบให้ลูกสาวแต่งเข้ามา กลัวว่าหลังปีใหม่ถ้าบ้านเฉินดูถูกพวกเขา พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ขอแค่ลูกสาวได้แต่งเข้ามา พวกเขาถึงค่อยได้คุย อีกหน่อยคนบ้านหลัวอยากจะเป็นคนงาน แบบนี้ถึงค่อยมีที่ยืน
เฉินกุ้ยจะแต่งงาน ถึงแม้ว่าจะปีใหม่แล้ว แต่คนที่มาช่วยก็ยังมีเยอะอยู่
บ้านเฉินไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว มีเงินในมือ ทำเรื่องอะไรก็ไม่ติดขัด เฉินจงหาคนไปซื้อหัวหมูครึ่งหนึ่ง เต้าหู้เต็มจาน ถั่วงอกเต็มตะกร้า ปลาใส่มาเต็มอ่าง ขอแค่หาซื้อได้ บ้านเฉินไม่เสียดายเงิน รับซื้อหมด
คืนวันที่ 27 คนที่มาช่วยงานต้มผักหม้อใหญ่ เฉินเยี่ยนก็ไปกินข้าวที่นั่น อันที่จริงไม่ได้ไปเพื่อกินข้าว หลักๆ คือไปเป็นหน้าเป็นตาให้เฉินกุ้ย พี่ชายแต่งงาน เธอเป็นน้องสาวต้องไปช่วยงาน ต้องอยู่ที่งาน ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะคิดว่าเธอไม่ชอบเจ้าสาวเอาได้
เฉินเยี่ยนและหวางจวนรับผิดชอบเรื่องกินอย่างเดียว ล้างผักมีป้าๆ ในหมู่บ้านช่วยจัดการ มีจ้างพ่อครัวมาทำอาหาร พวกเธอไม่ต้องทำอะไรเลย
ตอนที่ 176: เฉินหู่โดนตี
โดย
Ink Stone_Romance
เฉินเยี่ยนและหวางจวนตักกับข้าวหนึ่งชาม มีคนไม่น้อยยิ้มให้เฉินเยี่ยนและหวางจวน หนึ่งคือดีใจที่เป็นปีใหม่ สองคือบ้านเฉินให้ด้วยความเต็มใจ ในหม้อเหล็กขนาดใหญ่ นอกจากผัก ลูกชิ้นทอด เต้าหู้แผ่นทอดแล้ว ยังมีเนื้อติดมันชิ้นใหญ่ เห็นแล้วรู้สึกหอม พ่อครัวยังพ่ออีกว่า ทำมาหลายปี เป็นครั้งแรกที่เห็นคนยอมให้คนอื่นขนาดนี้ บ้านอื่นเอาแผ่นเนื้อมาวางแปะไว้ก็ถือว่าไม่แย่แล้ว แต่นี่บ้านเฉินมีความจริงใจ
อีกทั้งหมั่นโถวขาวชิ้นใหญ่ คนที่มาช่วยก็กินกันอย่างเต็มที่ คนหมู่บ้านเดียวกันแล้วยังมีเด็กเล็กๆ วิ่งมา พวกเขาไม่ได้ช่วยอะไร แต่อยากจะกิน เล่นไปมาไม่ทำอะไรอยู่ในลานบ้านเฉิน มีเด็กเล็ก ยังไม่รู้เรื่องอะไร ชี้ไปที่ชามบอกว่าอยากจะกินเนื้อ แล้วยังมีหญิงวัยรุ่นไม่กี่ขวบก็ไม่พูดอะไร อมนิ้วจ้องมองไปยังหม้อใบใหญ่ จ้องตาไม่กะพริบ
อันที่จริงพ่อแม่ของเด็กก็รู้ว่าพวกเขามา แต่พวกเขาไม่ได้ห้าม คิดว่าถ้าได้ร่วมกินด้วย ก็ถือเป็นลาภปาก ถ้าไม่ได้ก็ค่อยเรียกกลับ
หวางนิวก็เห็นแล้ว เมื่อก่อนบ้านอื่นมีงานก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน พวกเด็กๆ ก็จะวิ่งมาหาคนจัดงานแล้วจ้องมองอยู่อย่างนี้ อยากจะเข้าไปกินด้วย
หวางนิวจำได้แม่นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งในหมู่บ้านชื่อลิ่วจื่อ เด็กกว่าเฉินจงหนึ่งปี เขาแต่งงานกับภรรยาชื่อซิ่วเอ๋อร์ ทุกคนต่างเรียกเธอว่าป้าซิ่วเอ๋อร์ ลูกชายคนโตเขาเล็กกว่าเฉินกุ้ยหนึ่งปี ตอนที่หาภรรยาให้ลูกชายคนโต เฉินหู่ก็นำกลุ่มเด็กวิ่งไปหาพวกเขา ในหม้อนั้นไม่มีเนื้อ เห็นเต้าหู้แผ่นเฉินหู่อยากกินจนทนไม่ไหว อยากกินมาก อยากจนน้ำลายจะไหลลงมาแล้ว แต่เฉินหู่นี่ ถึงแม้อายุน้อยแต่รู้เรื่อง ถึงแม้จะอยากกิน แต่ก็ไม่ได้ไปขอกับคนอื่น แต่พวกพาเพื่อนหลายคนมาจ้องมอง ไม่ยอมไปไหน
หนึ่งในนั้นมีเด็กอายุน้อยคนหนึ่ง ทนไม่ไหวไปหยิบเต้าหู้แผ่นหนึ่งในตะกร้ามากิน ปรากฏว่าโดนป้าซิ่วเอ๋อร์ดึงไว้ ด่าเป็นชุด ด่าจนไปถึงบรรพบุรุษแปดชั่วโคตร
ด่าเด็กคนนั้นยังไม่พอ ยังด่าเฉินหู่อีกด้วย บอกว่าพวกเขาไม่เคยได้กิน เป็นผีหิวโหยมาเกิดอะไรพวกนี้ สุดท้ายด่าได้หยาบคายมาก
ตอนนั้นเฉินหู่เพิ่งหกขวบ เด็กที่ขโมยกินเต้าหู้แผ่นหนึ่งชิ้นเพิ่งสี่ขวบ รู้เรื่องอะไร? เขาก็กินไปแค่คำเดียวเอง แต่กลับมาโดนผู้หญิงคนนั้นผลักลงพื้นแล้วยังถีบอีกด้วย ร้องโอ้ยๆ เฉินหู่โกรธมาก หยิบก้อนดินหลายก้อนปาลงไปในหม้อใหญ่ของบ้านป้าซิ่วเอ๋อร์
ป้าซิ่วเอ๋อร์โมโหจัด ตีเฉินหู่เป็นชุด แล้วยังดึงลากเสื้อเฉินหู่ไปหาบ้านเฉิน ให้บ้านเฉินพูดอธิบายเธอให้รู้เรื่อง
หวางนิวเห็นลูกชายโดนตีก็สงสาร ตอนแรกเธอฟังป้าซิ่วเอ๋อร์นั่นคิดว่าเฉินหู่ขโมยของกินเขา เธอลงมือตีเฉินหู่ เธอบอกว่าลูกของเธอไม่ได้เรื่องยังไง ถึงแม้จะหิวแค่ไหน ก็ไม่มีทางไปขโมยของคนอื่นกิน แบบนี้ไม่ได้เรื่อง โดนคนอื่นตีก็สมควรแล้ว
เฉินหู่เด็กขนาดนั้นแค่กลับไม่ร้องไห้เลย ยังปากแข็งตาแดงก่ำบอกว่าเขาไม่ผิด เขาไม่ได้ขโมยกิน เป็นน้องที่หิวทนไม่ไหวเลยกินเต้าหู่แผ่นไปหนึ่งคำ แต่ป้าซิ่วเอ๋อร์กลับมาตีเขา แล้วยังด่าบรรพบุรุษบ้านเขาไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ด่าพ่อแม่เขา เขาโกรธจนทนไม่ไหวถึงได้ทำกับป้าซิ่วเอ๋อร์ โยนก้อนดินลงไป
หวางนิวจำได้ว่าวันนั้นเธอกับป้าซิ่วเอ๋อร์ทะเลาะกัน เฉินหู่ลูกเธอผิด แต่สาเหตุไปโทษเฉินหู่ไม่ได้ เป็นซิ่วเอ๋อร์ที่ทำเกินไป สุดท้ายเฉินจงเลยออกหน้า ถามว่าอีกหน่อยบ้านไหนมีงานก็ไม่ต้องให้เด็กเล็กเข้ามาในลานบ้านเลยไหม? ถ้าเป็นแบบนี้ อีกหน่อยหมู่บ้านต้องตั้งกฎ ทุกบ้านก็ต้องเคารพ ถ้าไม่มีกฎแบบนี้ ป้าซิ่วเอ๋อร์ก็ถือว่าแกล้งคน เฉินหู่ไปบ้านเธอดูจะเป็นไรหรือ? ไม่ได้กินของเธอแม้แต่น้อย กลับโดนเธอด่าเธอตี นี่มันเรื่องอะไร!
สุดท้ายหวางต้าหมินออกหน้ามาไกล่เกลี่ย บอกว่าไม่มีกฎแบบนี้ ลิ่วจื่อก็ออกมาว่าป้าซิ่วเอ๋อร์ภรรยาของเขาเหมือนกัน ป้าซิ่วเอ๋อร์ยังไม่ยอม แต่เธอเห็นท่าทีแข็งกร้าวของบ้านเฉิน สุดท้ายจึงยอมไป
ถึงแม้ว่าคนจะไปแล้ว แต่หลังจากนั้นคำพูดเธอก็หยาบคาย บอกว่าบ้านเฉินจน ชีวิตนี้ไม่มีปัญญาจัดงาน หาภรรยาไม่ได้ ลูกก็ไม่มีหน้ามีตา
กลางดึกหวางนิวร้องไห้ทั้งคืน คิดว่าลูกอยู่กับพวกเขาแล้วโชคร้าย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ไม่ว่าบ้านไหนจัดงาน เฉินหู่ก็ไม่เคยไปลานบ้านคนอื่นอีกเลย ไม่ว่าจะหิวแค่ไหน เขาก็ไม่มอง
ป้าซิ่วเอ๋อร์และบ้านเฉินเป็นศัตรูกันแล้ว ทุกครั้งที่เจอหวางนิวก็จะไม่พูดสักคำ
หวางนิวเห็นพวกเด็กในสนาม เธอก็คิดถึงเรื่องครั้งนั้น คิดถึงที่ลูกชายตัวเองโดน เธออดไม่ได้ที่จะไล่เด็กพวกนั้นไป แต่ในเด็กพวกนั้นมีสองคนที่เป็นเด็กบ้านป้าซิ่วเอ๋อร์ คนหนึ่งเก้าขวบ อีกคนเจ็ดขวบ สายตาพวกเขาที่มองเนื้อชิ้นใหญ่ ฟุดฟิดจมูกไม่หยุด ทำให้หวางนิวไม่ชอบใจ
เธอเจิ้งซิ่วเอ๋อร์ดียังไง เธอไปคุมลูกตัวเองไม่ให้มาบ้านฉันสิ ฉันไม่เชื่อว่าเธอไม่รู้ว่าลูกสองคนของพวกเธอมาบ้านฉัน แล้วยังไม่ยอมเรียกกลับ หน้าด้านจริงๆ
“หู่จื่อ ลูกว่าทำยังไงดี?”
หวางนิวเรียกหู่จื่อมา ชี้ไปที่เด็กพวกนั้นที่อยู่ในลานบ้าน ที่ถามหู่จื่อ เธออยากรู้ว่าลูกชายจะทำยังไง อีกอย่างเฉินหู่เป็นหัวหน้าเด็กในหมู่บ้าน มีเด็กไม่น้อยที่เป็นมิตรกับเขา ถามเขาดีที่สุด
“แม่ ผมอยากให้พวกเขากินหน่อย ไม่ต้องให้เยอะ เพราะถ้าให้พวกเขากินเต็มที่ ก็จะไม่พอกิน คนหนึ่งให้เนื้อสองชิ้น ให้ลูกชิ้นกับเต้าหู้แผ่นหน่อยกับน้ำแกง ได้ไหมครับ?”
เฉินหู่ก็อดไม่ได้ที่จะไล่พวกเพื่อนเขาไป แต่เขาก็รู้ ถ้าให้กินหมด ก็ไม่ได้
เฉินเยี่ยนแอบพยักหน้า เธอพอใจกับความคิดของเฉินหู่
“แล้วเด็กสองคนนั้นล่ะ?”
หวางนิวชี้ไปที่ลูกบ้านป้าซิ่วเอ๋อร์
เฉินหู่เงียบไปพักหนึ่ง แล้วค่อยพูด “ก็ให้เหมือนกันเถอะ ผมไม่ชอบป้าซิ่วเอ๋อร์ ถ้าป้าซิ่วเอ๋อร์มา ผมต้องไม่ให้เธอกินแน่ แต่ซานพ้างกับซื่อจู้ต่างดีกับผม ถ้าผมไม่ให้พวกเขา อีกหน่อยก็จะไม่มีใครเล่นกับเขา พวกเขาต้องเสียใจมากแน่
เฉินหู่บอกความคิดเขา เฉินเยี่ยนตบบ่าเขา นี่เป็นสาเหตุที่เธอชอบเฉินหู่ ถึงแม้เฉินหู่จะใจร้อน บางครั้งหุนหันพลันแล่น แต่เขาไม่ได้ไม่มีสมองเสียเลย อีกทั้งเขายังจิตใจดี คิดถึงคนอื่น แต่ก็ไม่ได้ไม่มีหลักการเลย นี่ถึงเป็นสาเหตุที่เธอชอบเฉินหู่
หวางนิวก็ไม่ได้ว่าอะไร ให้เฉินหู่ทำไป
พอได้ยินว่าให้พวกเขากิน เด็กพวกนั้นก็ดีใจกันยกใหญ่ แต่ละคนแย่งกันกรูมาข้างหน้า เฉินหู่ตะโกนบอก ให้ต่อแถวดีๆ มีทุกคน ถ้าใครไม่ฟัง ใครมาแซงข้างหน้า ก็ให้คนนั้นออกไปเลย
เขาพูดแบบนี้ แต่ละคนต่างสงบลง ต่อแถวตามที่เฉินหู่บอก แล้วรับของกิน
เห็นหน้าตาแต่ละคนดีใจ เด็กกินกันจนปากมัน เฉินเยี่ยนโล่งใจ เฉินหู่พัฒนาความเป็นผู้นำของเขาแล้ว อีกหน่อยเด็กคนนี้ถ้าเป็นหัวหน้า ไม่ดีไปเลย ก็ร้ายไปเลย แต่เธอเชื่อว่าเฉินหู่ไม่มีทางเป็นคนไม่ดี
เด็กพวกนั้นกินเสร็จก็วิ่งออกไป เอาเรื่องนี้ไปบอกกับคนที่บ้านหรือไม่ก็คนในหมู่บ้าน ต่างรู้กันว่าบ้านเฉินให้ของกินเด็กๆ แต่ละคนต่างก็ชื่นชมบ้านเฉิน เมื่อก่อนไม่เคยมีเรื่องแบบนี้มาก่อน ของบ้านใครจะยอมเอามาให้คนอื่นกิน
คิดถึงครั้งที่แล้วที่ป้าซิ่วเอ๋อร์และบ้านเฉินทะเลาะกัน แล้วมาดูว่าบ้านเฉินทำแบบนี้ คนในหมู่บ้านต่างให้คะแนนบ้านเฉินดีขึ้นมาเลย ส่วนป้าซิ่วเอ๋อร์เธอไม่ได้พูดอะไร เธอรู้แค่ว่าลูกสองคนไปกินฟรี เธอกำลังคิดว่าพรุ่งนี้เธอจะพาคนทั้งบ้านไปกินฟรีสักมื้อ
ตอนที่ 177: ช่วยไม่ไหว
โดย
Ink Stone_Romance
วันรุ่งขึ้น กินข้าวแต่เช้าตรู่แล้ว เฉินเยี่ยนและหวางจวนช่วยไปเรียกญาติและเพื่อนมา
ในบ้านมีกลุ่มผู้หญิงนั่งอยู่ ล้วนเป็นญาติของบ้านเฉินหรือไม่ก็เพื่อนในหมู่บ้านที่สนิทกับบ้านเฉินกำลังพูดคุยกันอยู่
“พี่ นี่ไม่ได้ไปบ้านฉันนานขนาดไหนแล้ว ลืมฉันไปแล้วหรือเปล่าเนี่ย”
หวางชุนฮวาดึงแขนเฉินเยี่ยนไว้แล้วคุยด้วยอย่างกระตือรือร้น
“ที่ไหนกัน”
เฉินเยี่ยนเก็บแขนตัวเอง ถ้าไม่เก็บนี่คงโดนอีกฝ่ายกอดให้แล้ว
หวางชุนฮวาคนนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องเธอ เมื่อก่อนยังชอบทำให้เฉินเยี่ยนเจ้าของร่างคนก่อนขายหน้า เฉินเยี่ยนเลยไม่ชอบเธอ แต่หวางชุนฮวาก็ไม่ได้สนิทกับเฉินเวย เธอยังเคยหัวเราะเยาะเฉินเวย หวางชุนฮวาชอบทำตัวปั้นปึ่ง เมื่อก่อนดูถูกเฉินเยี่ยน เลยไม่ยี่หระเฉินเยี่ยนเท่าไร แต่หลังเฉินเยี่ยนกลับมาเกิดใหม่แทบจะไม่ไปบ้านหวางเลย หวางชุนฮวาไม่มีโอกาสเจอเธอ แต่เธอรู้ว่าตอนนี้เฉินเยี่ยนเก่งมาก โรงงานนั้นหัวหน้าโรงงานเป็นถึงอาเขย แต่เฉินเยี่ยนพูดจาใช้ได้ เธอก็อยากเป็นคนงาน แต่แม่เธอไม่ให้ เพราะให้สิทธิ์บ้านเธอได้แค่คนเดียว คือพ่อเธอ อีกหน่อยน้องชายเธอก็เข้าไปได้
เธอคิอว่าพ่อแม่ลำเอียง ทำไมไม่ใช่เธอ? เธอเป็นผู้หญิง ถ้าเป็นคนงาน จะได้แต่งกับคนที่ดี
พี่สาวเธอคุยกับอาแล้ว อาตอบตกลงเธอ รอผ่านปีใหม่แล้วจะรับสมัครอีกรอบ ให้พี่สาวเข้าไป หลังได้ยินเธอก็ตื๊อคุณอา แต่อาบอกว่าในจำนวนญาติหนึ่งครั้งรับได้แค่หนึ่งคน แม้แต่เฉินเวยก็ยังไม่ได้ ไม่ให้เข้า ขึ้นอยู่กับเธอที่ไหนว่าสามารถบอกให้ใคร คนนั้นก็ได้เข้าไปทำงาน
ให้หวางตงฮวาพี่สาวเธอเข้าไป บอกว่าพี่สาวเธอเป็นคนซื่อ และทำงานเร็ว เป็นคนเก่ง แล้วเธอไม่เก่งหรือไง? นี่ลำเอียงชัดๆ เธอไม่พอใจ เลยอาศัยงานแต่งเฉินกุ้ยเลยตามมาด้วย เธอไม่เชื่อว่าเธอจะไม่ได้เป็นคนงาน!
“พี่ ได้ยินว่าหลังปีใหม่พวกพี่จะรับสมัครคนงานอีก พี่ให้ฉันเข้าไปเถอะ พวกเราเป็นพี่น้องกัน ฉันเข้าไปจะได้ช่วยพี่ ยังไงก็ไว้ใจได้มากกว่าคนนอก”
หวางชุนฮวาขอร้องเฉินเยี่ยน ในบ้านมีคนไม่น้อยมองมาที่เฉินเยี่ยน พวกเธอก็อยากจะเป็นคนงานเหมือนกัน ดูว่าเฉินเยี่ยนจะตอบตกลงหวางชุนฮวาหรือไม่ ถ้าตกลง พวกเธอก็จะขอร้องเหมือนกัน
ฉันไม่ไว้ใจหรอก
เฉินเยี่ยนมองหวางชุนฮวา มีเรื่องอะไรเธอพร้อมจะช่วยเหลือบ้านของลุง เพราะนี่คือครอบครัวของแม่ ที่จริงคุณตาและคุณยายดีกับพวกเขา ช่วงเวลาที่จน เธอ เฉินกุ้ย เฉินเวย รวมถึงเฉินหู่ แค่ไปบ้านหวาง เด็กหลายคนนี้บ้านหวางมีกิน พวกเขาก็มีกิน เด็กฝั่งนั้นมีผ้า พวกเขาก็มีผ้าเหมือนกัน เธอซาบซึ้งคุณตาคุณยายมาก
คุณลุงเป็นคนจริงใจ ส่วนภรรยาคุณลุงเป็นคนเฉลียวฉลาด แต่ก็ไม่เคยไม่ดีต่อพวกเขาเลย ทุกครั้งที่พวกเขาไปหา ที่บ้านมีอะไรก็จะต้อนรับเขาแบบนั้น ไม่เคยแอบซุกอะไรไว้ ดีต่อพวกเขา เรื่องนี้เฉินเยี่ยนยอมรับ
ความสัมพันธ์ระหว่างลูกพี่ลูกน้องผู้หญิง ลูกน้องผู้ชายก็ถือว่าใช้ได้ ลูกพี่ผู้หญิงคนโตซื่อๆ เป็นคนทำมาหากิน ลูกพี่ผู้หญิงก็นิสัยใช้ได้ ครึ่งปีหลังปีนี้จะแต่งงาน ตอนนั้นหวางนิวก็ไปแจกอั่งเปาด้วย เฉินเยี่ยนก็ให้เธอเอาผ้าชิ้นหนึ่งกับของต่างๆ ไปด้วย แต่เฉินเยี่ยนไม่ได้ไป หลายวันนั้นมัวแต่ยุ่งเรื่องห่อบุหรี่
ลูกน้องผู้ชายโตกว่าเฉินหู่สองปี ยังเรียนหนังสืออยู่ มีแค่ลูกน้องผู้หญิงหวางชุนฮวานี้ที่นิสัยไม่ค่อยดี เฉินเยี่ยนเลยไม่ยอมติดต่อกับเธอ
“เรื่องนี้ไม่ใช่ฉันพูดแล้วก็จบ ตัวฉันเองก็เป็นคนทำงานข้างในเหมือนกัน”
เฉินเยี่ยนไม่ยอมให้หวางชุนฮวาเข้าไป เธอยอมให้ภรรยาของลุง กับหวางชิวฮวาลูกพี่คนโตเข้าดีกว่า
“พี่ พี่อย่าหลอกฉันเลย ฉันได้ยินแม่พูดหมดแล้ว พี่มีสิทธิ์พูด ป้าฉันก็บอก พี่พูดก็ได้แล้ว พี่ให้ฉันเข้าไปเถอะ ฉันรับรองว่าจะเชื่อฟังพี่”
หวางชุนฮวาเขย่าแขนเฉินเยี่ยนไม่หยุด
“บ้านหนึ่งได้ชื่อเดียว ชื่อนั้นให้พี่สาวเธอไปแล้ว หรือว่าเธอไม่อยากให้พี่ตงฮวาไป?”
เฉินเยี่ยนยิ้มถามหวางชุนฮวา
“พี่สาวฉันแต่งงานแล้ว เธอก็เป็นคนบ้านอื่นแล้ว ไม่นับว่าเป็นคนบ้านหวาง พี่ ฉันยังแซ่หวางนะ พี่ช่วยฉันเถอะ”
หวางชุนฮวาพูดออกไปโดยไม่ต้องคิดเลย
เฉินเยี่ยนมองหวางชุนฮวา เมื่อก่อนเธอคิดว่าหวางชุนฮวาเย่อหยิ่ง ตอนนี้ถึงรู้ว่าเธอไร้น้ำใจ
ช่วงก่อนหน้านี้หวางตงฮวายังหามีให้หวางชุนฮวา ครอบครัวนั้นไม่แย่เลย แต่หวางชุนฮวาไม่ชอบ บอกว่าลูกบ้านนั้นเป็นลูกชายคนที่สอง ต้องไม่เป็นที่รักใคร่แน่ แม่สามีตาข้างหนึ่งไม่ค่อยดี เธอแต่งไปต้องไม่สบายแน่นอน แล้วยังบ่นว่าหวางตงฮวาแนะนำครอบครัวแบบนี้ให้ โกรธหวางตงฮวามาก แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนี้หวางตงฮวาก็ยังคงช่วยเธอหาอย่างเต็มที่อยู่ เพราะชุนฮวาเป็นลูกสาวเธอ
ตอนนี้ล่ะ? หวางชุนฮวาอ้าปากบอกว่าตงฮวาไม่ใช่คนในบ้าน เอาโควตาให้เธอไม่ได้ ตอนนี้ฐานะบ้านคุณลุงก็ถือว่าใช้ได้อยู่ หวางชุนฮวามีพอกินพอใช้ แต่บ้านตงฮวากลับไม่ดีเลย ปีก่อนพ่อสามีป่วยหนักเสียชีวิต เธอต้องดูแลงานบ้านงานในไร่ ต้องดูแลสามี แล้วยังมีลูกอีก โชคดีที่สุขภาพของแม่สามียังแข็งแรงอยู่ ช่วยดูแลลูกได้ ดังนั้นตงฮวาเลยคิดที่จะพูดกับหวางนิว ถ้ามีรับสมัครคนเมื่อไร เธออยากจะไปทำงานโรงงานม้วนบุหรี่ แน่นอน เธอไม่ได้บอกว่าจะต้องเข้าไปให้ได้ บอกว่าไม่ให้หวางนิวลำบากใจ เข้าได้ก็เข้า ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
หวางตงฮวาต้องการงานนี้มากกว่าชุนฮวา เพราะตงฮวาต้องเลี้ยงครอบครัว แต่ตอนนี้ชุนฮวาจะแย่งเธอ ช่างไร้น้ำใจจริงๆ
หลังปีใหม่จะเปิดรับสมัคร ต้องการสิบคน คอมมูนจะส่งคนมาห้าคน พวกเขารับห้าคน ห้าสิทธิ์นี้เป็นที่ต้องการมาก ไม่ใช่ว่าให้ใครก็ได้ ดังนั้นในการคัดเลือกคนเฉินเยี่ยนต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก หวางชุนฮวาแบบนี้ เธอไม่มีทางปล่อยให้เข้าไปในโรงงาน ใครมาพูดก็ไม่มีประโยชน์
“ฉันช่วยเธอไม่ได้ ขอโทษด้วย มีคนมาแล้ว ฉันต้องไปต้อนรับก่อน”
เฉินเยี่ยนออกแรงดึงแขนตัวเองออก จากนั้นไปต้อนรับคนอื่น
หวางชุนฮวากัดริมฝีปากกระทืบเท้า แต่เธอไม่มีวิธีอื่น ตอนนี้เธอไม่กล้าทำอะไรเฉินเยี่ยน เธอตัดสินใจว่าจะไปขอร้องตงฮวาพี่สาวเธอ ถ้าหวางตงฮวายอม เธอก็จะได้เข้าไปเป็นคนงานในโรงงานแล้ว
พอพวกเธอไป คนอื่นๆ ก็วิจารณ์กันขึ้นมา แต่แม้แต่หวางชุนฮวายังไม่ได้ พวกเธอก็รู้ว่าตัวเองก็ไม่ได้ ดังนั้นเลยไม่ได้ไปคุยกับเฉินเยี่ยน
ฝั่งเฉินเยี่ยนยุ่งตลอด ได้ยินเสียงจุดประทัด ก็รู้ว่ารับตัวเจ้าสาวมาแล้ว
เห็นเจ้าสาวด้านนอกใส่ชุดแดง นั่งอยู่บนรถเข็นลา เฉินเยี่ยนยิ้มออกมา
บ้านเฉินใช้รถเข็นลาก็นับว่าไม่แย่แล้ว บ้านส่วนมากใช่รถลากไปรับเจ้าสาว ยังไงบ้านที่มีลาก็น้อย บ้านเฉินก็ไม่มีลา ตอนนี้ซื้อได้แล้ว แต่ไม่ได้เลี้ยง นี่ยืมคนในหมู่บ้านมา
เห็นลาประดับสีแดง เฉินเยี่ยนอดขำไม่ได้ มองดูฝูงคนที่เบียดเสียบยัดเยียดกัน เฉินเยี่ยนใจลอย เธอคิดถึงซินห้าว
ตั้งแต่จากกันครั้งนั้น เธอเจอซินห้าวแค่ครั้งเดียว แล้วเป็นที่โรงงานด้วย พูดรีบๆ ไม่กี่คำซินห้าวก็ต้องไปแล้ว เขาก็ยุ่งมาก
โรงงานฝั่งเขาก็น่าจะหยุดแล้วเหมือนกันนะ? ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่บ้านเขาหรืออยู่ที่ไหน? ปีใหม่เขาน่าจะกลับมาเยี่ยมคุณปู่คุณย่าเขา ไม่รู้ว่าเขาจะมาหาตัวเองหรือเปล่า
แม่ชอบถามว่าเมื่อไรซินห้าวจะมาสู่ขอ เธอก็ทำอะไรไม่ได้ ซินห้าวบอกว่าปีหน้ารอให้นิ่งก่อน ซื้อบ้าน จากนั้นจะมาสู่ขอ ครึ่งปีหลังจะมาขอตัวเอง เธอกับซินห้าวจะราบรื่นไหม? ถ้าซินห้าวมาสู่ขอตัวเอง จะใช้รถเข็นลาไหม?
ตอนที่ 178: คิดเพ้อฝัน
โดย
Ink Stone_Romance
เฉินเยี่ยนส่ายหน้า ไม่น่าจะใช้ ยังไงซินห้าวก็น่าจะขี่จักรยานมาแหละ?
พูดถึงจักรยาน ใช่แล้ว พวกเขาก็น่าจะมีจักรยานสักคันได้แล้ว ไม่อย่างนั้นไปไหนก็ไม่สะดวก?
แต่จักรยานได้มาแล้วแต่ขี่ยาก เหมือนหูเฟย บ้านเขามีจักรยานหนึ่งคัน ใครขี่เป็นก็ได้ขี่ เห็นว่าตั๋วจักรยานมีมูลค่าสูงมาก
ตอนนี้มีเงินพอ แต่ตั๋วล่ะ? ถ้าไม่ได้รอหลังปีใหม่เธอจะไปหาหัวหน้าคอมมูน ให้เขาเอาตั๋วจักรยานมาให้ โรงงานม้วนบุหรี่ของตัวเองทำเงินให้คอมมูนไม่น้อย เขาให้ตั๋วจักรยานตัวเองก็สมควรแล้วหรือเปล่า?
พูดถึงเงิน เมื่อคืนเฉินเยี่ยนเอาเงินมานับหนึ่งรอบ ก่อนปีใหม่บุหรี่ที่พวกเขาผลิต หักค่าใช้จ่ายทั้งหมด เหลือกำไรสุทธิ ฝั่งพวกเขาได้จากคอมมูนสามสิบเปอร์เซ็นต์ แบ่งให้เฉินจง เฉินกุ้ย หวางจวน ที่เฉินเยี่ยนยังมีเงินอยู่อีกสามพันกว่าเหรียญ
เฉินจงและหวางจวนไม่คิดจะเอาเงิน แต่เฉินเยี่ยนต้องให้ ให้พวกเขาเก็บเงินไว้ เป็นสิ่งที่พวกเขาควรได้รับ
สามพันกว่าเหรียญเลย ถ้าไม่เปิดโรงงานม้วนบุหรี่นี้ พวกเขาต้องใช้เวลาหนึ่งปีถึงจะได้รายรับมากเท่านี้ แล้วนี่พวกเขาได้รับแค่สามสิบเปอร์เซ็นต์ ถ้าได้ทั้งหมด จะเป็นเท่าไร มิน่าถึงอยากจะเปิดโรงงานกัน หาเองนี่เทียบไม่ได้เลย
ถ้าไม่ได้เยอะขนาดนี้ ตอนคิดเงินหัวหน้าคอมมูนก็คงไม่ยิ้มกว้าง ต้อนรับขับสู้พวกเขาขนาดนั้นหรอก
เยอะมากจริงๆ ตอนนี้ยังไม่ได้เข้าสู่ยุค 80 เลย ยังไม่มีคำเรียกบ้านที่เก็บเงินได้เกินหนึ่งหมื่นหยวนเลย มีแค่หลายพันเหรียญ ในหมู่บ้านก็นับว่าเป็นเงินก้อนโตแล้ว
ทำแบบนี้ต่ออีกหลายปี เฉินเยี่ยนคิดว่าอีกหน่อยเธอก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินแล้ว
เธอหาเงินให้คอมมูนมากขนาดนี้ คอมมูนให้ตั๋วจักรยานเธอสักใบมีอะไรไม่เหมาะสม
ทำไมคิดไปคิดมาเธอก็เปลี่ยนหัวข้อไปแล้ว? โดนรายล้อมไปด้วยคนขยับไม่ได้เฉินเยี่ยนเลยหุบยิ้ม เธอกำลังคิดถึงซินห้าวอยู่แท้ๆ เธอกับซินห้าว ไม่รู้ว่าปีหน้าจะได้แต่งงานกันไหม ปีหน้าก็ปลายยุค 70 แล้ว ปีถัดไปก็เป็นปี 80 อีกไม่กี่วันก็ปีใหม่แล้ว เร็วจังเลย
แต่ถึงแม้ปีหน้าจะไม่ได้ เธอกับซินห้าวแต่งงานกันปี 80 ก็ไม่แย่นะ และมีความหมายด้วย
แต่เธอจำได้ว่าปี 80 เริ่มมีแผนคุมกำเนิดแล้ว ถ้าเธอแต่งงานปี 80 ปี 81 คลอดลูกแล้ว คลอดอีกจะโดนปรับหรือเปล่า? ทางที่ดีลูกคนแรกให้เธอคลอดเป็นแฝดชายหญิงก็ดี แบบนี้มีทั้งลูกชายลูกสาว เธอก็ไม่ต้องลำบากคลอดสองครั้ง
แต่ยุคปัจจุบันเธอไม่เคยท้องมาก่อน ร่างกายเธอไม่น่าจะมีปัญหานะ? หรือว่ามีลูกไม่ได้? ไม่ ไม่ ตอนนั้นเธอคุมอยู่ ต้องไม่ใช่ว่ามีลูกไม่ได้ ในเมื่อสวรรค์ให้เธอมาเกิดใหม่แล้ว ดูแลเธอ ต้องให้เธอได้สมปรารถนาสิ ไม่แน่อาจจะได้แฝดชายหญิงก็ได้
คิดถึงเรื่องดีใจเฉินเยี่ยนก็ยิ้มออกมา เสียงโห่ร้องของผู้คนทำให้เฉินเยี่ยนรู้สึกตัว เฉินเยี่ยนลูบใบหน้าที่แดงระเรื่อ แอบว่าตัวเอง นี่กำลังคิดอะไรอยู่ เธอกับซินห้าวยังไม่แต่งงานกันเสียหน่อย เธอคิดไปถึงเรื่องมีลูกแล้ว น่าอายไหมเนี่ย
เฉินเวยที่ยืนอยู่ตรงบันไดมองเฉินเยี่ยน เธอเห็นเฉินเยี่ยนหน้าแดงลูบใบหน้าตัวเอง เธอจ้องเฉินเยี่ยนด้วยแววตาโกรธแล้วเดินสะบัดไป
สองวันนี้ที่บ้านยุ่งมาก ส่วนเธอเหมือนเป็นคนนอกอยู่คนเดียว มีหน้าที่แค่กินๆ นอนๆ ใช่เธอไม่อดอยากอยู่ที่บ้าน ปีนี้แกร่งกว่าปีที่แล้วอีก หวางนิวยังตัดชุดใหม่ให้เธอ ทำรองเท้าใหม่ให้ เพราะเฉินจงมีเงินแล้ว หวางนิวก็เลยทำให้เธอ แต่นี่หมายความว่ายังไง? เป็นเพราะกลัวเธอทำให้บ้านเฉินขายหน้ามากกว่า!
ถ้าพ่อแม่รักเธอจริง ทำไมถึงไม่ให้เธอไปเป็นคนงาน? พ่อเป็นหัวหน้าโรงงาน ให้คนอื่นเป็น ทำไมไม่ให้เธอเป็น? แม่บอกว่าทำเพื่อเธออะไร ไร้สาระทั้งนั้น เห็นว่าเฉินเยี่ยนมีประโยชน์ ก็เลยลำเอียงไปทางเฉินเยี่ยน ไม่มีใครสนใจเธอเลยสักคน
เดิมทีเรื่องที่อวี๋เหวยหมินวางแผนจะทำ แต่เรื่องที่เขาดูไว้ดีแล้ว ก่อนหน้านี้ก็คุยกันเรียบร้อยแล้ว ถ้าทำสำเร็จ จะได้เงินมาหลายร้อยเหรียญ อวี๋เหวยหมินตกลงจะแบ่งเงินให้เธอครึ่งหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าทำไมโดนคนหลอก ไม่ต้องพูดเรื่องได้เงิน ยังต้องวางเงินลงไปอีกหลายสิบ อวี๋เหวยหมินโกรธ แล้วยังมาลงที่เธอด้วย ทั้งสองคนทะเลาะกันใหญ่โต
คนอื่นพูดกันว่าบ้านเฉินให้หวางจวนเข้าไปทำในโรงงาน แต่ไม่ให้เธอเฉินเวยเข้าไป หมายความว่าเธอเฉินเวยไม่ได้เรื่อง นินทาเธอ เธอเกลียดเฉินเยี่ยนจริงๆ แต่เธอก็ทำอะไรเฉินเยี่ยนไม่ได้ วิธีที่อวี๋เหวยหมินคิดก็เหมือนที่เฉินเยี่ยนว่าเป็นลูกไม้ตื้นๆ ตอนนี้เฉินเยี่ยนติดต่อกับคอมมูนแล้วด้วย พวกเขายิ่งทำอะไรเฉินเยี่ยนไม่ได้ใหญ่เลย ยังไงก็ไม่สามารถฆ่าเฉินเยี่ยนได้หรอก? แบบนั้นพวกเขาก็มีจุดจบไม่ดีเหมือนกัน
เรื่องอื่น? เฉินเยี่ยนไม่สนใจชื่อเสียง ไปสร้างความวุ่นวายที่โรงงานบุหรี่ พวกเขาก็เข้าไปไม่ได้ ตอนกลางคืนก็มีคนทำงาน ห้องก็ล็อคอยู่ อีกอย่างถ้าจะทำอะไร คอมมูนต้องไม่ละเว้นพวกเขา
พวกเขาปวดหัวจริงๆ จะจัดการเฉินเยี่ยนยังไง เธอกับอวี๋เหวยหมินทะเลาะกันหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่มีวิธีที่เหมาะสม
วันนี้วันมงคลของเฉินกุ้ย เธอขึ้นไปบนบันได ยืนอยู่บนที่สูงแบบนี้จะได้มองเห็นไกลๆ อีกอย่างเธอไม่อยากจะเบียดกับคนอื่นด้วย เธอคอยสังเกตเฉินเยี่ยนตลอดเวลา เฉินเยี่ยนหน้าแดงต้องเป็นเพราะคิดถึงซินห้าวแน่ เธอต้องคิดถึงเรื่องแบบนั้นที่ซินห้าวชอบทำ เฉินเยี่ยนหน้าด้านจริง กลางวันแสกๆ คนเยอะขนาดนี้ เธอกลับคิดถึงเรื่องบนเตียงกับผู้ชาย ทำไมไม่ไปตายซะ! ทำไมซินห้าวถึงมองไม่เห็นธาตุแท้ของเฉินเยี่ยน? ทำไมซินห้าวไม่รู้ว่าตัวเองดีนะ?
ในใจเฉินเวยเต็มไปด้วยคำบ่น แต่เธอกลับทำอะไรไม่ได้ เธอไม่เจอซินห้าว จะมีเสน่ห์แค่ไหนก็เอาไปใช้ไม่ได้
ในที่สุดพิธีสิ้นสุดลง ครอบครัวเฉินและคนที่มาช่วยเริ่มเรียกญาติและเพื่อนนั่งโต๊ะ
เดิมทีบ้านเฉินเตรียมไว้ห้าโต๊ะ ญาติบ้านเฉินไม่เยอะ รวมคนในหมู่บ้านเดียวกันและเพื่อนที่สนิท ห้าโต๊ะก็เพียงพอ
แต่ที่บ้านเฉินคิดไม่ถึงคือ วันนี้คนมาไม่น้อยเลยจริงๆ คนที่เอาของขวัญมาให้มีมากกว่าที่พวกเขาคิดไว้เยอะมาก คอมมูนก็ส่งคนมาให้ของขวัญ นอกจากนั้นพวกคนงานในโรงงานก็มาเหมือนกัน รวมถึงคนในหมู่บ้านไม่น้อยที่พวกเขาคิดว่าจะไม่มาก็มา ดังนั้นสุดท้ายเลยหาโต๊ะ หาเก้าอี้อีก เพิ่มอีกหลายโต๊ะ โชคดีที่บ้านเฉินซื้อของมาเยอะ ไม่อย่างนั้นคนมาแล้ว ไม่มีข้าวให้คนอื่นกิน นั่นจะเป็นเรื่องน่าหัวเราะเยาะเอา
เห็นคนพวกนั้นนั่งกินกัน ขาหมู ชิ้นเนื้อ ปลา น้ำแกงลูกชิ้น กับข้าวมากมายมาเสิร์ฟไม่หยุด คนที่ไม่ได้เอาของขวัญมาให้บางคนต่างกลืนน้ำลาย ถ้ารู้แบบนี้ พวกเขาก็จะเอาของขวัญมาให้เหมือนกัน จะได้กินมื้อใหญ่
แต่มาถึงตอนนี้ค่อยไปเตรียมของขวัญ คนเขาจะหัวเราะเยาะเอา
แต่ก็มีคนที่ไม่กลัวโดนหัวเราะเยาะจริง คุณปู่ของหวางจวนเจอคนแบบนี้ตอนที่กำลังจดบันทึกคนที่มาและของขวัญที่เอามาให้บ้านหวางอยู่
“ข้าว่าบ้านลิ่วเอ๋อร์ บ้านนี้แต่งงาน เจ้าทำเรื่องแบบนี้ไม่ค่อยเหมาะสมหรือเปล่า?”
ปู่หวางจวนเป็นปัญญาชน ปกติไม่ด่าคน แต่นี่ทำเขาทนไม่ไหวอยากจะด่า
“มีอะไรไม่เหมาะสม ฉันก็มาแสดงความดีใจกับบ้านหวางไม่ใช่หรือ”
สะใภ้ลิ่วเอ๋อร์ก็คือป้าซิ่วเอ๋อร์ ก็คือคนที่ตีเฉินหู่และมีเรื่องกับบ้านเฉินคนนั้น เธอมองบน ดึงสามี แล้วยังมีลูกชายคนโต ลูกชายคนที่สาม คนที่สี่ ลูกสาวเธอ หลานเธอ ทั้งหมดเจ็ดคนจะเข้าไปข้างใน
ตอนที่ 179: หน้าด้านเสียจริง
โดย
Ink Stone_Romance
เดิมทีเฉินเยี่ยนกำลังทักทายแขกอยู่ คนที่มาวันนี้มากมายจริงๆ เธอไม่ได้ไปนั่งเบียดกับแขกคนอื่นๆ ให้แขกกินไป เดี๋ยวเธอไปหาพ่อครัวขอข้าวกินชามหนึ่งก็ได้แล้ว ได้ยินเสียงมาจากฝั่งนี้ เฉินเยี่ยนเดินเข้าไป
“เจ้าว่าพวกเจ้าทั้งบ้านจะมากินของคนอื่น เจ้าวางแผนไว้แล้ว เอาของขวัญมาให้ นี่เอากระดาษสีแดงมา ข้างในว่างเปล่า ไม่ใส่อะไรเลย นี่หมายความว่ายังไง! แล้วนี่ยังพาคนทั้งบ้านมากิน ดูสิง่าข้างในยังมีที่นั่งไหม? นี่ไม่ทำเรื่องหน้าไม่อายแบบนี้ได้ไหม”
ปู่หวางจวนพูดไม่ออก คิดว่าป้าซิ่วเอ๋อร์ทำเรื่องนี้นี่เกินไป
ถึงแม้เฉินเยี่ยนจะได้ยินแค่สองประโยค แต่เธอคิดว่าเธอเข้าใจเรื่องราวแล้ว ป้าซิ่วเอ๋อร์นี่พาทั้งครอบครัวคิดจะมากินโต๊ะจีน แต่เธอกลับเอาอั่งเปาซองเปล่ามาให้ ข้างในไม่มีอะไรเลย
เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่าไม่มี เฉินเยี่ยนก็เคยได้ยินมาก่อน บางบ้านจนจริงๆ ไปร่วมงานแต่งแต่ไม่มีเงิน เลยเอากระดาษสีแดงเขียนตัวเลขไว้ ปกติคนที่บันทึกก็จะเข้าใจ เจอแบบนี้จะไม่โวยวาย จะจดลงไป อีกหน่อยถ้าครอบครัวนี้มีเงิน ก็จะเอาเงินมาให้ที่บ้าน นี่เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
แต่ป้าซิ่วเอ๋อร์ไม่ใช่แบบนี้เสียหน่อย? ยังไม่ต้องพูดถึงตอนนั้นที่เธอตีเฉินหู่ ต่อมาเธอกับบ้านเฉินก็ทะเลาะกัน หลายปีนี้ไม่ได้ไปมาหาสู่กัน เมื่อวานเฉินหู่ให้ลูกสองคนของป้าซิ่วเอ๋อร์กิน แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะพาทั้งบ้านมากินได้
อีกอย่างบ้านเฉินและพวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกัน เอากระดาษสีแดงเปล่าๆ มา แล้วคนทั้งบ้านมากินมาดื่ม แล้วบ้านเฉินก็เพิ่มโต๊ะแล้วเพิ่มโต๊ะอีกจนไม่มีที่จะนั่งแล้ว แบบนี้ไม่ขายขี้หน้าหรือ?
“หน้าไม่อายยังไง? ปู่พูดมามีอะไรหน้าไม่อาย! พวกเราเอาของขวัญมาให้เพราะเห็นแก่พวกเขา อย่ามาพูดมั่วๆ รีบให้บ้านเฉินเพิ่มโต๊ะให้พวกเรา โต๊ะพวกเราก็ไม่ต้องให้คนอื่นมานั่ง พวกเรานั่งกันทั้งครอบครัว สะใภ้ฉันอยู่บ้านไม่ยอมมา แม่สามีฉันก็ไม่ได้มา เดี๋ยวฉันจะต้องตักกลับไปให้พวกเขาหน่อย”
ป้าซิ่วเอ๋อร์กลับทำหน้ารำคาญ ขึ้นเสียงสูงด้วย เห็นแบบนั้นไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกขายขี้หน้า เธอยังทำเหมือนมีเหตุผลด้วย
เฉินเยี่ยนเห็นปู่หวางจวนโกรธจนหน้าแดง แต่ทำอะไรป้าซิ่วเอ๋อร์ไม่ได้ เธอเลยเดินเข้าไปใกล้
“ขอโทษด้วย ไม่มีที่นั่งแล้ว เชิญกลับไปเถอะ ส่วนเงินค่าของขวัญ พวกเราไม่ได้ให้พวกคุณกิน พวกคุณก็เอากลับไปเถอะ”
เฉินเยี่ยนไม่สนใจที่จะล่วงเกินอีกฝ่าย แต่วันนี้เป็นวันดี เธอไม่อยากทะเลาะให้ขายหน้า
“เธอทำแบบนี้ได้ยังไง? พวกเธอมีงานมงคล พวกเราเอาของขวัญมาให้ พวกเธอควรต้องรับให้พวกเราเข้าไปดีๆ จัดแจงให้ดี เธอทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง ถึงแม้ว่าจะไม่มีโต๊ะแล้ว เธอก็ควรหาให้พวกเรา พวกเราไม่เรื่องมาก เอามาให้เราแปดชามสิบชาม พวกเราก็พอกินแล้ว”
กับเฉินเยี่ยน ป้าซิ่วเอ๋อร์ไม่ได้หยาบคายเท่ากับปู่หวางจวน
เฉินเยี่ยนมองครอบครัวป้าซิ่วเอ๋อร์เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
สามีป้าซิ่วเอ๋อร์ลุงลิ่วจื่อหน้าเริ่มแดง เขาไม่อยากมา โดนภรรยาลากมา เขาก็คิดว่าน่าขายหน้า
“ผมไม่เข้าไปแล้ว พวกเรากลับบ้านกัน ครั้งหน้าผมไม่มีหน้าไปเจอหู่จื่อแล้ว”
เจ้าอ้วนลูกชายคนที่สามของป้าซิ่วเอ๋อร์ไม่ค่อยพอใจ แม่เขาบอกว่าจะมาให้ของขวัญบ้านเฉิน พาพวกเขามากิน เจาดีใจมาก คิดไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้ เขาคิดว่าเรื่องนี้แม่เขาทำไม่ถูก ให้เขาหิวแค่ไหน พวกเขาก็ไม่สามารถกินของคนอื่นฟรีๆ ได้
“ผมก็ไม่เข้าไปแล้วเหมือนกัน”
ลูกชายคนที่สี่ก็ถอยหลัง เมื่อวานพวกเขาได้กินแล้ว เนื้อชิ้นใหญ่นั้นหอมจริงๆ แต่พวกเขาไม่อยากเสียหน้าเพราะเรื่องนี้ ไม่อยากให้เฉินหู่ไม่เล่นกับพวกเขา
“พวกเรากลับกันก่อน”
ลูกชายคนโตของป้าซิ่วเอ๋อร์พูดจบก็หันหลังกลับ ตอนเขาออกมาภรรยาเขาก็ห้ามไว้ บอกว่าไม่มีเรื่องแบบนี้ น่าขายหน้ามาก แต่เขาเชื่อแม่เขาเลยมา ตอนนี้โดนคนมองเขารู้สึกหน้าร้อนผ่าว เขาไม่กล้าจะเงยหน้า
“พวกเราไปกันเถอะ ไม่มีใครเป็นแบบพวกเราจริงๆ”
ลิ่วจื่อลากภรรยา เขาก็รู้สึกขายหน้า
“ดูพวกคุณนี่ไม่ได้เรื่องแบบนี้ คุณเข้าไปยังจะกล้าไล่ออกมาหรือ เธอกล้าไล่ ฉันก็กล้านั่งร้องไห้อยู่หน้าประตูบ้านพวกเขา ฉันจะดูว่าเธอกล้าไม่กล้า! ทุกคนฟังฉัน ข้าววันนี้ฉันจะต้องกินให้ได้”
ป้าซิ่วเอ๋อร์คิดว่าสามีไม่มีความสามารถ เลยพูดพาลขึ้นมา
เฉินเยี่ยนไม่เคยเจอคนแบบนี้จริงๆ ทุกหมู่บ้านจะมีคนนิสัยดีอยู่ ทุกบ้านจะมีคนนิสัยดีหนึ่งหรือสองคนหรือญาติที่นิสัยดีๆ ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยเห็นมาก่อน แต่คนหน้าด้านขนาดนี้เจอได้น้อยมาก
“เยี่ยนจื่อ เดี๋ยวฉันไปเรียกพ่อเธอให้”
ปู่หวางจวนกลัวว่าเฉินเยี่ยนจะรับมือไม่ไหว การแต่งงานถือเป็นงานมงคลงานใหญ่ ถ้าโดนคนมาร้องไห้อยู่หน้าประตูบ้าน นั่นเป็นเรื่องอัปมงคล ปกติถ้าไม่ได้มีความแค้นใหญ่ ก็จะไม่ทำแบบนี้เด็ดขาด
“ไม่ต้องค่ะ ลุงลิ่วจื่อ พวกลุงอุ้มป้ากลับไปเถอะ พวกเธอสองคนเอาแม่กลับไป ตอนบ่ายไปเล่นกับหู่จื่อ ให้หู่จื่อเลี้ยงเนื้อพวกเธอ”
เฉินเยี่ยนห้ามปู่หวางจวนไว้ จัดการกับป้าซิ่วเอ๋อร์เธอไม่กลัว
พอเด็กสองคนบ้านป้าซิ่วเอ๋อร์ได้ยินก็ดีเลย เฉินหู่เลี้ยงพวกเขากับพวกเขามาเองมันไม่เหมือนกัน ดังนั้นเขาเลยมองพ่อเขา แล้วดึงพี่ชายเขากลับ ทั้งสี่คนรุมกันแบกป้าซิ่วเอ๋อร์กลับไป
ป้าซิ่วเอ๋อร์ด่าทอไม่หยุด แต่เธอคนเดียวสู้สี่คนได้ที่ไหน ปากก็โดนสามีอุดไว้แล้ว ต่อต้านไม่ได้ เธอโดนหามออกไป
เฉินเยี่ยนส่ายหน้า นี่มันเรื่องอะไรกัน
ปู่หวางจวนตกใจอ้าปากค้าง แบบนี้ก็ได้? เขาได้เรียนรู้เพิ่มอีกมุขแล้ว
พวกคนที่เห็นที่ได้ยิน ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมา ในชั่วพริบตาเรื่องบ้านป้าซิ่วเอ๋อร์มาแย่งซีนเฉินกุ้ยและหลัวเหมยสามีภรรยาคู่ใหม่ก็กลายเป็นหัวข้อถกเถียงกันในวันนี้
กินข้าวเสร็จ ส่งครอบครัวบ้านเจ้าสาวเสร็จแล้ว เหล่าป้าๆ พี่สะใภ้ที่มาช่วยงานก็เริ่มเก็บกวาด
บ้านเฉินแบ่งสองอ่าง เอากับข้าวที่เหลือแต่ละโต๊ะมาเทลงอ่างหนึ่ง เหล่าญาติที่มาทีหลังแล้วยอมเอากลับ ก็ให้เขาเอากลับไป แล้วยังมีคนในหมู่บ้านที่ช่วยเหลือ คนที่อยากเอากลับก็ให้เอากลับไปเหมือนกัน
ตอนบ่ายเฉินหู่เลี้ยงลูกชายของป้าซิ่วเอ๋อร์สองคนนั้นกินข้าวจริงด้วย ตักมาชามใหญ่เลย เด็กสองคนกินกันอย่างเอร็ดอร่อย นอกจากอร่อยแล้ว เป็นเพราะเฉินหู่เลี้ยง ไม่เหมือนกับที่เขามาแบบนั้น พวกเขารู้สึกว่าเฉินหู่มีน้ำใจ พูดคำไหนคำนั้น ตั้งแต่นี้ต่อไปจะยิ่งให้เฉินหู่เป็นผู้นำ เชื่อฟังเฉินหู่
เห็นเพื่อนๆ เฉินหู่พวกนั้นที่กินกันอย่างตะกละตะกลาม เฉินเยี่ยนรู้ อีกหน่อยในใจของเด็กพวกนั้นเฉินหู่จะยิ่งสูงส่ง แบบนี้ก็ดี อีกหน่อยเฉินหู่มีเรื่องอะไร จะไม่มีใครไม่ช่วยเหลือ
ตอนเย็นครอบครัวเฉินนั่งกินข้าวด้วยกัน หลัวเหมยก็มานั่งด้วย ถึงแม้ว่าเธอจะเขินอยู่ แต่เพราะก่อนหน้านี้เจอคนบ้านเฉินมาแล้ว ดังนั้นเลยลดความระมัดระวังตัวได้หน่อยเทียบกับเจ้าสาวใหม่คนอื่น
แต่เธอนั่งติดกับหวางจวน ไม่ได้นั่งข้างเฉินเยี่ยน เฉินเยี่ยนรู้สึกได้ว่า เธอไม่ได้คิดเป็นศัตรูกับเฉินเยี่ยน น่าจะรู้สึกซาบซึ้ง และคงมีความเกรงกลัวอยู่บ้าง
ตัวเองก็ไม่ได้ทำอะไรเธอเสียหน่อย เธอกลัวตัวเองทำไม?
ตัวเองทำแบบนั้นกับบ้านหลัวทำให้เธอตกใจหรือ? น่าจะไม่เกี่ยวนะ แต่เฉินเยี่ยนไม่ได้ถาม ระหว่างคนสองคนต้องอาศัยพรหมลิขิต ส่วนพี่สะใภ้คนนี้ เธอไม่อยากให้เธอมาสนิทกับตัวเองมา ขอแค่เธอทำดีกับพี่ชาย กับพ่อแม่ก็พอแล้ว
ตอนที่ 180: แอบฟัง
โดย
Ink Stone_Romance
กินข้าวเสร็จ หลัวเหมยแย่งเก็บจานชามตะเกียบ ไม่ให้เธอทำก็ไม่ได้ แล้วยังจะล้างชามอีก หวางนิวห้ามเธอ บอกว่าวันนี้เป็นเจ้าสาววันแรก ยังไงก็ต้องพักผ่อนสักวัน พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน หลัวเหมยถึงค่อยหน้าแดงกลับไปนั่งในโถงบ้าน
ใบหน้าเฉินกุ้ยเปื้อนรอยยิ้มตลอดเวลา วันนี้เหนื่อยมาก แต่เขาคิดว่าคุ้มค่า ภรรยาคนนี้ต้องดีแน่นอน พวกเขาจะอยู่ด้วยกันไปทั้งชีวิต
หลังเก็บล้างเสร็จ เฉินจง หวางนิว เฉินเยี่ยน หวางจวน และเฉินหู่จะไปฝั่งตะวันออกแล้ว วันนี้แต่ละคนเหนื่อยกันมาก พวกเขากำชับให้เฉินกุ้ยและหลัวเหมยรีบพักผ่อน พวกเขาก็จะพักผ่อนเหมือนกัน
ฝั่งนี้เหลือเฉินกุ้ย หลัวเหมยและเฉินเวย
เฉินกุ้ยและหลัวเหมยเข้าห้องแล้ว วันนี้เป็นวันมงคลของพวกเขา เป็นคืนดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์คืนแรก แม้ว่าเฉินกุ้ยจะดื่มเหล้าไปไม่น้อย แต่ในใจกลับเร่งรีบ ทนไม่ไหวรีบโอบหลัวเหมยเข้ามาจูบอย่างเร่าร้อน
เฉินเวยยืนอยู่ในลานบ้าน มองดูพระจันทร์สว่างสดใสบนท้องฟ้า ในใจเธอกลับเป็นทุกข์ วันนี้ควรจะเป็นวันที่ฉลองยิ่งใหญ่ แต่เธอกลับรู้สึกว่าในใจอ้างว้าง
เธอคิดถึงซินห้าว ผู้ชายคนนั้นที่เจอแค่ครั้งเดียวแต่กลับประทับลึกอยู่ในใจเธอ ตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่นะ? จะคิดถึงตัวเองบ้างหรือเปล่า ถ้าวันนี้เธอกับซินห้าวได้แต่งงานกันจะดีแค่ไหน
เธอจินตนาการถึงซินห้าวใส่ชุดสูท เธอสวมชุดแต่งงานสีขาวทั้งสองคนอยู่ในโบสถ์ได้รับคำอวยพรจากผู้คน เธอเป็นเจ้าสาวที่ผู้หญิงทุกคนอิจฉา ซินห้าวให้คำปฏิญาณต่อเธอ ให้แหวนเธอ จูบเธอ เธอรู้สึกได้ถึงความสุข
ทั้งสองคนเข้าหอคืนแรกนั้นสวยงามมาก เธอมีประสบการณ์มาก เธอสวยโดดเด่น ส่วนซินห้าวน่าจะมีแรงเยอะนะ? มองดูหนุ่มหล่อแบบนั้นคร่อมอยู่บนตัวเอง เฉินเวยรู้สึกว่าเธอเมาแล้ว
ภาพในฝันช่างสวยงาม เฉินเวยรู้สึกว่าร่างกายเธอกำลังเรียกร้อง เลือดในตัวเธอพุ่งพล่าน ในตัวเธอเหมือนมีมดกำลังปีนป่ายอยู่ ความรู้สึกคันยุบยับทำให้เธอมีความต้องการ
เฉินเวยเดินไปด้านหลังบ้านโดยไม่รู้ตัว เพราะตรงนั้นเป็นห้องพัก คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นจะได้ยินเสียงคนข้างในคุยกัน แน่นอน เสียงต้องดังถึงจะได้ยิน ถ้าเสียงเบาก็ไม่ได้ยินแน่นอน
ภายใต้แสงจันทร์เฉินเวยเห็นเงาคนอยู่นอกห้องหลายคน เธอหยุดเดิน เงาพวกนั้นอยู่ตรงนั้นไม่ได้คุยกัน แต่เฉินเวยรู้ว่าพวกเขาคือใคร พวกเขาคือคนที่มาแอบฟังกำแพง
ในหมู่บ้านเกษตรกร มีคนไม่น้อยที่ชอบทำอะไรแบบนี้ จะมาแอบฟังข้างกำแพงของเจ้าบ่าวเจ้าสาวคู่ใหม่ บางคนยังไปป่าวประกาศ คนในหมู่บ้านรู้กันหมด จนทำให้มีคู่บ่าวสาวหลายคู่โดนหัวเราะ
เฉินเวยเคยได้ยินมาเรื่องหนึ่ง มีหมู่บ้านหนึ่ง คนในหมู่บ้านแต่งภรรยา คืนนั้นมีพวกว่างงานมาแอบฟังข้างกำแพง อันที่จริงคู่บ่าวสาวนี้ไม่ได้พูดคุยอะไรกัน แต่พวกคนว่างงานกลับเอาไปพูดกับผู้คนแต่งเรื่องไปมากมาย เล่าว่าเจ้าสาวคนใหม่ร้องเสียงน่าฟัง ได้ยินแล้วทำให้คนรู้สึกจั๊กจี้ แล้วยังบอกว่าตัวของเจ้าสาวผิวขาว ลูบคลำแล้วสบายยิ่งนักอะไรพวกนี้ พูดจาหยาบโลน
เขาพูดมาอย่างนี้ คนอื่นก็ยิ่งเสริมแต่ง พูดกระจายออกไปไม่น่าฟังเลย บางคนถึงกับบอกว่าคนว่างงานนั่นเคยลูบคลำเจ้าสาวมาแล้ว แล้วยังไปว่าเจ้าสาวว่าหน้าไม่อายอีก สุดท้ายเจ้าสาวโดนบ้านสามีว่า เธอทนโดนเหยียบย่ำไม่ไหว คิดว่าขายขี้หน้าเลยผูกคอตาย
นี่เป็นโศกนาฏกรรม แต่คนที่มาแอบฟังข้างกำแพงนั้นนิสัยไม่ดี แต่คนในยุคนี้ไม่มีอะไรทำ ไม่มีรายการบันเทิงอะไร ดังนั้นเลยต้องหาเรื่องสนุก เรื่องแบบนี้หลังจากยุคสมัยพัฒนาแล้วก็แทบจะไม่หลงเหลืออยู่แล้ว
คนพวกนี้น่ารังเกียจ ทำไมถึงทำเรื่องแบบนี้ได้!
เฉินเวยโกรธหันหลังกลับ แต่เธอกลับลืม ว่าตัวเธอเองก็เป็นคนจะมาแอบฟังเหมือนกัน
กลับมาในลานบ้านเฉินเวยรู้สึกไม่พอใจ เธอเดินไปในโถงบ้าน ย่องเดินไปหน้าห้องเฉินกุ้ยและหลัวเหมย เธออยากรู้ว่าพี่ชายกับพี่สะใภ้คนใหม่กำลังทำอะไรอยู่ เธอไม่ได้ไร้คุณธรรมเหมือนคนพวกนั้น เธอแค่อยากรู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่ อีกหน่อยถ้าคนอื่นมาซี้ซั้วพูด เธอจะได้อธิบายแทนพี่สะใภ้ได้ เฉินเวยหาข้ออ้างให้ตัวเอง
เสียงในห้องไม่ดังมาก เฉินเวยตั้งใจฟังได้ยินเสียงหอบของเฉินกุ้ย ชัดเจนว่ากำลังทำกิจกรรมที่เธอคุ้นเคยมาก แต่หลัวเหมยไม่ได้ออกเสียง
เป็นท่อนไม้จริงๆ แม้แต่อยู่บนเตียงยังร้องไม่เป็น ผู้หญิงแบบนี้ ผู้ชายจะสนใจอะไร
เฉินเวยว่าหลัวเหมยในใจ ถ้าเปลี่ยนเป็นเธอ ไม่ เธอไม่สนใจเฉินกุ้ยเลยสักนิด เธอคิดถึงซินห้าว ถ้าเปลี่ยนเป็นเธอและซินห้าว เฉินเวยคิด เธอจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ เสียงหอบของเฉินกุ้ยเหมือนกำลังเร่งอยู่ ยิ่งทำให้เธอตื่นเต้น ร่างกายยิ่งเร่าร้อน
เฉินเวยรู้สึกว่าตัวเองทนไม่ไหวแล้ว เลยค่อยๆ ออกจากโถงบ้าน กลับไปห้องตัวเอง พอล้มตัวลงนอนบนเตียงเฉินเวยไม่สนใจอะไร ใบหน้าตัวเองร้อนผ่าวแล้วยื่นมือเข้าไปใต้ร่มผ้า กุมหน้าอกคู่เล็กของตัวเอง
สัดส่วนเธอไม่ได้ดีเท่าก่อนหน้านี้ แต่เฉินเวยไม่รีบ ตอนนี้เธอยังโตไม่เต็มที่ อีกอย่างรอเธอและซินห้าวได้อยู่ด้วยกัน ซินห้าวนวดให้เธอทุกวัน ดูดทุกวันจะต้องใหญ่ขึ้นแน่นอน
มือเธอนวดคลึงเบาๆ แล้วยังใช้นิ้วชี้ไปสัมผัสหัวนมที่แข็งขึ้นมาแล้ว แต่แบบนี้ยังไม่พอ ไฟในร่างกายไม่เพียงแต่ไม่ดับ ยังกลับยิ่งเผาลุกลาม เธอรู้ว่าเธอต้องการอะไร แต่ตอนนี้เธอคิดถึงแต่ซินห้าว ผู้ชายคนอื่นอย่าได้หวังเลย
“ซินห้าว ฉันรักคุณ รักฉัน รัก ออกแรงอีก”
เฉินเวยหลับตา ยื่นมือไปยังที่ซ้อนเร้นที่เปียกชื้นไปหมดแล้ว ขยับไม่หยุด ปากยังส่งเสียงร้องเบาๆ เธอจินตนาการว่าซินห้าวอยู่บนตัวเธอ จนกระทั่งถึงจุดสุดยอด เธอถึงค่อยอ่อนแรงลงมา
“ห้าว คุณเก่งจริงๆ”
เฉินเวยเหมือนเอ่ยชมซินห้าว แล้วยังจูบกับอากาศ จากนั้นเธอกอดผ้าห่มแน่น เหมือนกับกอดซินห้าวอยู่
ซินห้าวที่น่าสงสารโดนคนจินตนาการถึงยังไม่รู้ตัว แต่ถึงรู้เขาก็ทำอะไรไม่ได้ ยังไงเขาก็เกลียดเฉินเวย และก็ไม่มีทางควบคุมความคิดของเฉินเวยได้
วันรุ่งขึ้นเฉินกุ้ยและหลัวเหมยตื่นมาแต่เช้า เฉินกุ้ยตื่นเช้าเป็นนิสัยอยู่แล้ว ส่วนหลัวเหมย เธอเป็นสะใภ้ใหม่ ถ้าจะนอนจนสายค่อยตื่น จะโดนแม่สามีไม่ชอบใจเอา ดังนั้นเธอเลยตื่นแต่เช้าเหมือนกัน
เฉินเวยยังไม่ตื่น เฉินกุ้ยเรียกเธออยู่ด้านนอกสองครั้ง เพราะวันนี้ต้องไปกินข้าวที่ฝั่งตะวันออก เป็นความคิดของหวางนิว จะปีใหม่แล้ว หลัวเหมยเป็นสะใภ้ใหม่ ไม่ต้องทำอาหารที่ฝั่งนี้แล้ว เลยวันปีใหม่ไป ฝั่งนี้ก็จะจุดไฟ ดังนั้นเฉินกุ้ยจึงต้องเรียกเฉินเวยไปด้วย
กว่าเฉินเวยจะตื่นขึ้นมาได้ เมื่อคืนเธอคิดถึงซินห้าวทั้งคืน หลังเที่ยงคืนค่อยได้นอน ตื่นเช้าขนาดนี้สำหรับเธอแล้วเป็นเรื่องทรมาน แต่เธอก็ไม่ตื่นไม่ได้
“ทำไมไม่นอนต่ออีกหน่อย? เมื่อวานก็ทรมาน เหนื่อยมาทั้งวัน ครอบครัวพวกเราไม่ได้เรื่องมาก เธอไม่ต้องกลัว คิดเสียว่าที่นี่คือบ้าน ฉันกับสามีเธอไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล”
เห็นลูกสะใภ้คนใหม่ตื่นแต่เช้า หวางนิวคิดไม่ถึง ก่อนหน้านี้ช่างเหลียนนอนตื่นสิบโมงกว่าทุกวัน นี่เธอตื่นขึ้นมา ต้องหาข้าวให้เธอกินอีก
“หนูรู้ค่ะว่าแม่กับพ่อเป็นคนดี ดีกับพวกเรา วางใจได้ค่ะ หนูพักผ่อนมาแล้ว แม่คะ หนูช่วยแม่ทำอาหารเช้า แต่ถ้าหนูทำไม่อร่อย แม่สอนหนูด้วยนะคะ”
หลัวเหมยอ่อนน้อมถ่อมตนมาก เธอคิดว่าบ้านเฉินเป็นคนดี ทำดีกับเธอ เธอก็ยิ่งควรทำให้ได้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น