ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง 174-180

ตอนที่ 174 ความไร้ยางอายสามารถสืบทอดเ...

 

ถังซียิ้มขณะจ้องมองเซียวจิ้นหนิง แต่ประกายตาเธอเย็นชาเมื่อกล่าวว่า “แกก็เป็นคนฉลาดนี่ น่าจะรู้ว่าเวลาทำชั่วไม่ควรทิ้งหลักฐานไว้ แต่ทำไมทุกครั้งที่แกทำเรื่องชั่วๆ กับฉัน แกทิ้งหลักฐานไว้เพื่อบอกให้โลกรู้ว่าแกเป็นคนทำทุกครั้งเลย”


 


 


ใบหน้าเซียวจิ้นหนิงเข้มขึ้นทันที เธอมองหน้าถังซีอย่างเฉยเมยและกล่าวว่า “ฉันไม่รู้ว่าแกกำลังพูดถึงอะไร ฉันทำชั่วอะไรไว้กับแกเหรอ” เธอเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ มองถังซีอย่างเย็นชา “ตอนที่แกวิ่งออกจากบ้านแล้วถูกรถชน ฉันเป็นคนแรกที่เห็นแก ถ้าฉันไม่ร้องขอความช่วยเหลือแกก็ตายอยู่ตรงนั้นแล้ว”


 


 


“ฮ่าๆ …” ถังซีก้มหน้าลงแล้วหัวเราะออกมาดังๆ แต่เสียงหัวเราะนี้ทำให้เซียวจิ้นหนิงซึ่งนั่งอยู่ตรงกันข้ามเย็นวาบไปถึงกระดูกสันหลัง ถังซีจ้องหน้าเธอ แล้วกล่าวเน้นทีละคำ “ถึงแม้แกจะเป็นลูกสาวตัวจริงของตระกูลเซียว แล้วไงล่ะ พ่อแม่แกต้องการได้ฉันเป็นลูกสาวคนเดียวเท่านั้น พี่เฉิงอวี่คู่หมั้นแกดูแลฉันมาตั้งแต่เด็กๆ และเขาหมั้นกับฉัน ส่วนแกก็แค่ลูกเป็ดขี้เหร่ที่ตระกูลเซียวทอดทิ้ง! …


 


 


“ไปลงนรกเสียเถอะเซียวโหรว! …


 


 


“แค่แกตายไปซะ ก็จะไม่มีใครมาคุกคามสถานะของฉัน!”


 


 


ใบหน้าเซียวจิ้นหนิงเปลี่ยนเป็นสีเข้ม และเข้มขึ้นๆ ในทุกๆ คำที่ถังซีพูด ถังซีเงยหน้าขึ้นมองเซียวจิ้นหนิง ซึ่งรู้สึกอับอายกับทุกคำพูดของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ เธอเลิกคิ้วถาม “รู้สึกละอายใจบ้างไหม”


 


 


เซียวจิ้นหนิงสูดลมหายใจลึก ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ให้สงบได้ และกล่าวอย่างเยือกเย็น “ทำไมฉันจะต้องละอายใจด้วย ฉันไม่ใช่คนที่ทำให้พ่อแม่แกอุ้มลูกไปผิดคนนี่ นั่นเป็นความผิดพลาดของพวกเขา ทำไมฉันถึงต้องยกทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันมีให้แกทันทีที่แกกลับมาด้วย”


 


 


ขณะฟังเซียวจิ้นหนิง ถังซีก็หัวเราะเยาะ เธอเงยหน้าขึ้นมองเซียวจิ้นหนิงเล็กน้อย และกล่าวเสียดสี “แกช่างเป็นลูกสาวที่คู่ควรกับแม่ของแกจริงๆ แกพูดและทำตัวเหมือนแม่แกไม่มีผิด ฉันไม่เคยเชื่อเรื่องมรดกทางพันธุกรรมมาก่อน แต่ตอนนี้เชื่อแล้ว เพราะครอบครัวแกนี่แหละ ความไร้ยางอายสามารถสืบทอดเป็นมรดกได้จริงๆ!”


 


 


เซียวจิ้นหนิงไม่รู้สึกโกรธแม้แต่น้อยที่ได้ยินถังซีเยาะหยันพ่อแม่เธอ เธอแค่มองหน้าถังซี ยิ้มเยาะและกล่าวอย่างเยือกเย็น “แกก็ไม่ดีไปกว่าฉันหรอก! แกกล้าว่าพ่อแม่บุญธรรมว่าไร้ยางอายได้อย่างไร เซียวโหรว แกก็ไม่ได้ดีไปกว่าฉัน เห็นไหม”


 


 


ถังซีเลิกคิ้วเมื่อมองดูเซียวจิ้นหนิง และหัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานของเธอเต็มไปด้วยการเสียดสี “แกคิดเลยเถิดไปใหญ่แล้ว! คนตระกูลเหยาไม่เหมือนแกสักนิดในเรื่องความไร้ยางอาย พวกเขาเป็นคนดีมาก และไม่มีวันมีลูกสาวที่ไร้ยางอายอย่างแก!”


 


 


สีหน้าเซียวจิ้นหนิงเปลี่ยนไป ขณะขมวดคิ้วและกรีดร้อง “เซียวโหรว แกหมายความว่ายังไง”


 


 


ถังซีพอใจกับปฏิกิริยาของเซียวจิ้นหนิงมาก เธอส่ายปากกาบันทึกเสียงในมือไปมา แล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ “นี่เป็นคำสารภาพของแม่แก หลังจากแกได้ยินสิ่งที่เธอพูด แกจะรู้ว่าทำไมฉันถึงบอกว่า ความไร้ยางอายสามารถสืบทอดกันได้ เพราะไม่มีใครนอกจากคนโรคจิตเท่านั้นที่จะทำอะไรแบบนี้”


 


 


ขณะถังซีกำลังจะเปิดเสียงที่บันทึกไว้ จู่ๆ เซียวจิ้นหนิงก็ตะโกนขึ้นอย่างฉับพลัน “ฉันไม่อยากฟัง!”


 


 


ถังซีเย้ยหยัน “ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแก!” จากนั้นเธอก็เปิดเสียง


 


 


นี่คือปากกาบันทึกเสียงรุ่นใหม่ ทันทีที่ถังซีกดปุ่ม เสียงหลินเจียวก็ดังขึ้น…


 


 


‘ฉันขอโทษ ฉันไม่ควรทำอย่างนั้น ฉันท้อง แต่ฉันไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใคร ฉันอยากทำแท้ง แต่ยายเธอขอให้ฉันเก็บเด็กไว้ ยายเธอบอกว่าแม่เธอก็ท้องเหมือนกัน เราขอให้แม่เธอเอาลูกฉันไปเลี้ยงด้วยก็ได้ ฉันคิดว่าเป็นความคิดที่ดี ลูกสาวฉันก็ควรได้มีชีวิตที่ดีด้วยเหมือนกัน ฉันจึงซ่อนตัวอยู่ เมื่อแม่เธอคลอดเธอที่เมือง W ฉันก็รีบไปที่เมือง W ในคืนนั้น เพื่อไปผ่าตัดคลอดจิ้นหนิงที่นั่น และเพราะยายเธอเป็นแม่ของแม่เธอ จึงสามารถพาเธอออกจากโรงพยาบาลได้ง่ายๆ ตอนนั้นเธอยังเป็นทารกแรกเกิดไม่มีใครจำเธอได้ เมื่อเราสับเปลี่ยนป้ายชื่อเธอ เธอกับจิ้นหนิงก็สามารถสลับตัวกันได้’


 


 


‘ฉันอยากเลี้ยงดูเธอด้วยตัวเอง แต่ฉันไม่มีปัญญา! ฉันเลยต้องส่งเธอไปอยู่ที่อื่น’


 


 


‘เธอก็รู้นี่ ว่าดีกว่าฉันเลี้ยงเอง ให้เธอไปโตในครอบครัวอื่นดีกว่า จริงไหม’


 


 


‘แต่แทนที่แกจะส่งฉันไปอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหรือครอบครัวที่ดี แกกลับเอาฉันไปทิ้งไว้บนภูเขาห่างจากตัวเมือง W หลายร้อยไมล์ โดยไม่สนใจเลยด้วยซ้ำว่าอาจมีสัตว์ป่ามากินฉัน หรือฉันจะต้องแข็งตายตอนกลางคืน!’


 


 



 


 


หลังจากได้ยินเสียงที่บันทึก ใบหน้าเซียวจิ้นหนิงก็ซีดเผือดอย่างน่ากลัว หมายความว่าน้าที่เธอดูหมิ่นอยู่เสมอคือแม่ของเธอ… ตอนนี้เธอถูกทำลายย่อยยับแล้ว หากเสียงนี้เผยแพร่ออกไป เธอจะไม่สามารถกลับมายืนท่ามกลางสาธารณชนได้อีก…


 


 


ผู้กำกับหลานซึ่งนั่งอยู่ในห้องสังเกตการณ์ และเฝ้าดูฉากการแสดงที่น่าทึ่ง ทันใดนั้นก็พรวดพราดลุกขึ้นด้วยความตกใจ พระเจ้า…ที่เขาเพิ่งได้ยินเมื่อกี้คืออะไร!


 


 


เซียวโหรวกับแม่ของเธอช่างโชคร้ายที่มีครอบครัวที่ร้ายกาจเช่นนี้! ยายของเซียวโหรวชั่วช้าจริงๆ! ทำไมถึงสับเปลี่ยนลูกของลูกสาวสองคนของตัวเองได้ลงคอ… ทั้งคู่เป็นลูกของนาง นางลำเอียงขนาดนี้ได้อย่างไร!


 


 


และแม่ของเซียวจิ้นหนิงนั้นไร้ยางอายจริงๆ! เธอตั้งใจจะฆ่าเด็กทารก…


 


 


ผู้กำกับหลานเพิ่งได้หลานชายคนหนึ่ง เขาจึงทนไม่ได้เมื่อได้ยินว่ามีเด็กถูกทำร้าย ทันทีที่เขานึกภาพเด็กตัวเล็กๆ เท่ากับหลานชายของเขา ถูกเอาไปทิ้งไว้บนภูเขาในป่าลึก และผลักไสให้ไปสู่ความตาย เขาก็รู้สึกขุ่นเคืองขึ้นมาทันที เขาลุกขึ้นออกจากห้องสังเกตการณ์เดินไปที่ประตู และเรียกตำรวจสองนาย ตำรวจทั้งสองตื่นตระหนกเล็กน้อยที่ถูกผู้บังคับบัญชาเรียก ผู้กำกับหลานมองหน้าพวกเขาและกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ไปตรวจดูว่าสมาชิกในครอบครัวเถาเยี่ยนมีใครบ้าง”


 


 


ตำรวจทั้งสองสงสัยว่าทำไม แต่ในเมื่อไม่กล้าถาม พวกเขาจึงรีบไปตรวจสอบดู จากนั้นผู้กำกับหลานก็กลับไปนั่งในห้องสังเกตการณ์


 


 


ในขณะที่เขานั่งลงนั่นเอง เซียวจิ้นหนิงก็ผุดลุกขึ้น พยายามคว้าปากกาบันทึกเสียงจากถังซี คลิปเสียงนี้จะอยู่ในมือถังซีไม่ได้ มิเช่นนั้นถังซีต้องนำไปเผยแพร่อย่างแน่นอน ถ้าเธอปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น แม้จะเอาชนะถังซีได้ เธอก็จะไม่มีโอกาสได้สิ่งที่เคยเป็นของเธอกลับคืนมา!


 


 


เมื่อมีความคิดเช่นนี้ในใจ เซียวจิ้นหนิงก็เกิดความเด็ดเดี่ยวและดุร้ายขึ้นมา


 


 


ถังซีคิดไม่ถึงว่าเซียวจิ้นหนิงจะกล้าจู่โจมเข้าทำร้ายเธอในสถานีตำรวจ! และที่สำคัญที่สุด เธอไม่คาดคิดว่าตนเองจะไม่มีแรงต่อสู้เซียวจิ้นหนิง!


 


 


วินาทีที่นั้นนั่นเองที่เซียวจิ้นหนิงผลักถังซีล้มลงบนพื้น ในเวลาเดียวกันผู้กำกับหลานก็กระโจนขึ้นจากที่นั่งในห้องสังเกตการณ์ รีบรุดเข้าไปในห้องสอบสวน พร้อมกับร้องเรียกให้คนมาช่วยขณะวิ่งไป


 


 


ถังซีรู้ว่าตอนนี้ร่างกายเธอไม่มีความแข็งแกร่งพอที่จะต้านทานเซียวจิ้นหนิง เหมือนอย่างที่ 008 เตือน แต่เธอคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะอ่อนแอขนาดนี้… เธอล้มลงกับพื้น และไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลยเมื่อเซียวจิ้นหนิงผลัก แต่ขณะที่เธอกำลังจะตะโกนเรียกให้คนมาช่วย ประตูห้องสอบสวนก็เปิดออก


ตอนที่ 175 ฉันคือใคร ฉันอยู่ที่ไหน


 


 


ในไม่ช้าเซียวจิ้นหนิงก็ถูกตำรวจจับตัวกดลงกับพื้น เธอกระทำผิดในข้อหาเจตนาทำร้ายร่างกายบนสถานีตำรวจ และถูกจับได้คาหนังคาเขา เธอไม่มีทางพ้นจากโทษครั้งนี้ไปได้ เซียวจิ้นหนิงซึ่งกำลังถูกตำรวจกดไว้กับพื้น จ้องหน้าถังซีและตะโกนว่า “เซียวโหรว แกตั้งใจทำให้เป็นแบบนี้ใช่ไหม ฉันแค่แตะแกเบาๆ แกล้มลงไปได้ยังไง! แกใส่ร้ายฉัน!”


 


 


ขณะนอนอยู่บนพื้นและไม่สามารถขยับตัวได้ ถังซีไม่สนใจมองเซียวจิ้นหนิง เอาสิ อยากคิดยังไงก็คิดเลย! ใครจะเอาตัวเองมาเสี่ยงเพื่อใส่ร้ายแกล่ะ! ฉันจะทำทำไม! เมื่อกี้แกผลักฉันอย่างแรง ไม่เห็นเหรอ! เธอล้มลงไปที่พื้นเพราะเก้าอี้ล้ม และเอวเธอดูเหมือนจะกระแทกกับเก้าอี้…


 


 


ขณะที่คิดว่าเซียวจิ้นหนิงไม่สามารถทำร้ายถังซีได้รุนแรงขนาดนั้น ผู้กำกับหลานก็ต้องประหลาดใจที่เห็นถังซีนอนอยู่บนพื้นโดยไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ และมีเหงื่อแตกพลั่กที่หน้าผาก เธอดูเหมือนไม่ได้เสแสร้งทำ เขาจึงรีบเข้าไปพยุงเธอและถามว่า “คุณหนูครับ เป็นยังไงบ้าง”


 


 


เมื่อเห็นว่าผู้กำกับหลานกำลังจะพยุงเธอ ถังซีก็รีบยกมือขึ้นห้าม และตอบอย่างอ่อนแรงว่า “โอย… ผู้กำกับหลานคะ ช่วยโทรเรียกรถพยาบาลหรือหาเปลมาหามฉันได้ไหม ฉันคิดว่าฉันบาดเจ็บที่เอว…”


 


 


หางตาข้างหนึ่งของผู้กำกับหลานหรี่ลงทันที ทำไมร่างกายเด็กสาวคนนี้ถึงอ่อนแอขนาดนี้ เพียงแค่ชนเก้าอี้ก็ได้รับบาดเจ็บแล้ว ตอนนี้เธอลุกขึ้นเดินไม่ได้ ต้องใช้เปลหาม! เขารีบเรียกให้คนนำเปลหามมา และเรียกรถพยาบาล จากนั้นเขาก็ถามเธอว่า “เราควรแจ้งครอบครัวคุณไหม…”


 


 


ผู้บังคับบัญชาบอกให้เขาดูแลเด็กผู้หญิงคนนี้เป็นอย่างดี หากเธอได้รับบาดเจ็บสาหัสที่สถานีตำรวจ เขาอาจถูกตำหนิ…


 


 


เมื่อถังซีได้ยินคำถามของเขา ภาพใบหน้าโกรธแค้นมากมายก็ผุดขึ้นในใจ เธอรู้สึกเหมือนนักเรียนที่ผู้ปกครองถูกอาจารย์เรียกไปพบที่โรงเรียนขึ้นมาทันที เธอเม้มริมฝีปากขณะมองหน้าผู้กำกับหลานด้วยสายตาไร้เดียงสา แล้วถามเบาๆ “โปรดอย่าบอกคุณพ่อคุณแม่ฉันได้ไหมคะ”


 


 


หากเซียวส่ากับเซียวจิ่งรู้ว่าเธอถูกเซียวจิ้นหนิงผลักล้มจนได้รับบาดเจ็บ ทั้งสองคนนั้นต้องตามมาด่า เซียวจิ้นหนิงอย่างแน่นอน… นอกจากนี้ทีแรกพวกเขาบอกแล้วว่าจะมากับเธอด้วย แต่เธอยืนยันหนักแน่นว่าเธอสามารถจัดการด้วยตัวเองได้…


 


 


แต่ว่าตอนนี้… ถังซีมองดูตัวเองแล้วเม้มริมฝีปาก ไม่น่าเชื่อเลยว่าอุบัติเหตุจะเกิดขึ้น!


 


 


เซียวจิ้นหนิงยืนอยู่ข้างๆ นั้น ตะโกนว่า “เซียวโหรวเลิกเสแสร้งได้แล้ว!”


 


 


“หุบปาก!” ถังซีสวนกลับอย่างรวดเร็ว ขณะเงยหน้ามองเซียวจิ้นหนิงด้วยสายตาคมกริบ และตะคอกต่อไปด้วยความโกรธที่ยังคุกรุ่น “ถ้าแกต้องลงมานอนอยู่บนพื้นอย่างนี้ แล้วยังถูกหาว่าแกล้งทำเป็นบาดเจ็บ ฉันอยากเห็นจริงๆ ว่าแกจะรู้สึกยังไง!”


 


 


ให้ตายเถอะ! แกทำให้ฉันลงมานอนตรงนี้อย่างหมดท่า ยังจะกล้าบอกอีกเหรอว่าฉันแกล้ง! วอนโดนตบซะแล้ว!


 


 


เซียวจิ้นหนิงจู่ๆ ก็โดนตะคอกใส่จึงได้แต่ตกตะลึง แล้วพยายามปฏิเสธ ขณะที่ผู้กำกับหลานขมวดคิ้วและสั่งตำรวจอีกสองนาย “พาผู้หญิงคนนี้ไปที่ห้องสอบสวนอีกห้องหนึ่ง แล้วลงบันทึกไว้ ผมจะพาคุณหนูเซียวไปตรวจที่โรงพยาบาลด้วยตนเอง เมื่อได้รับรายงานผลการบาดเจ็บแล้ว ผมจะแจ้งให้คุณทราบทางโทรศัพท์”


 


 


ถังซีมองผู้กำกับหลานด้วยท่าทางอับอายเล็กน้อย เม้มริมฝีปากแล้วกล่าวว่า “ขอบคุณค่ะ ผู้กำกับหลาน”


 


 


ผู้กำกับหลานนั่งลงข้างๆ แล้วมองดูถังซีด้วยสายตามีความหมายบางอย่าง ขณะกล่าวสียงต่ำ “ว่ากันว่าเด็กจากครอบครัวยากจนมักจะแข็งแรงอดทนกว่าเด็กอื่นๆ ผมดูข่าวเกี่ยวกับครอบครัวของคุณมาเยอะ แต่ดูเหมือนว่าคุณจะไม่แข็งแรงเลย ดูจะบอบบางกว่าเด็กๆ ที่มาจากครอบครัวร่ำรวยด้วยซ้ำ”


 


 


ถังซีพูดไม่ออก เธอไม่ได้ต้องการเป็นแบบนี้ เข้าใจไหม ร่างนี้ตายไปแล้ว แต่ 008 ซ่อมแซมส่วนต่างๆ และใส่วิญญาณเธอเข้าไป…


 


 


เมื่อร่างกายมนุษย์ตายไป คนคนนั้นก็ต้องเสียชีวิตไปด้วย แต่หากวิญญาณตายไปในขณะที่ร่างกายยังมีชีวิตอยู่ คนคนนั้นจะกลายเป็นผัก อย่างไรก็ตามหากร่างกายตาย แต่วิญญาณยังอยู่ก็ไร้ประโยชน์… ในเวลานั้นวิญญาณเซียวโหรวตายไปแล้ว ส่วนร่างกายก็ถูกทำลายจากการถูกรถชน และการกระทืบซ้ำอย่างโหดเ**้ยมโดยเซียวจิ้นหนิง นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เธอกลายเป็นคนอ่อนแอมากในตอนนี้…


 


 


ขณะอาบน้ำเมื่อคืนเธอนึกถึงปัญหานี้และถาม 008 ซึ่งได้รับคำตอบว่า ร่างกายปัจจุบันของเธอประกอบขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ดังนั้นเธอจึงควรดีใจที่ได้มีร่างกายเช่นนี้ แม้จะไม่แข็งแรงพอก็ตาม


 


 


แต่ในความเป็นจริงเธอไม่สามารถบอกเรื่องนี้กับคนอื่นได้ เธอจึงยิ้มและกล่าวเบาๆ ว่า “ฉันประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสองเดือนที่แล้วค่ะ หลังจากนั้น…” ถังซียิ้มอีกเมื่อกล่าวต่อไป “ในตอนนั้นอวัยวะทุกส่วนในร่างกายฉันได้รับบาดเจ็บร้ายแรงมาก แค่ตอนนี้กลับมาเดินได้ตามปกติฉันก็ดีใจมากแล้วค่ะ เพราะฉะนั้น…”


 


 


เมื่อได้ยินคำอธิบายของถังซีผู้กำกับหลานก็พยักหน้าและถอนหายใจ “ช่างเป็นเด็กที่น่าสงสารอะไรอย่างนี้!”


 


 


ถังซีรู้สึกโล่งอกเมื่อเห็นว่าผู้กำกับหลานเชื่อเธอ ในตอนนี้ตำรวจหลายนายเข้ามาพร้อมกับเปลหาม เป็นเรื่องกระอักกระอ่วนใจอย่างยิ่งสำหรับถังซี ที่ต้องถูกยกขึ้นไปบนเปลหามโดยตำรวจสองนาย จากนั้นยังต้องถูกหามออกจากสถานีตำรวจภายใต้สายตาของสาธารณชนอีก หลังจากรถพยาบาลมาถึง…


 


 


เมื่อบอดี้การ์ดสองคนที่ติดตามถังซีมาด้วย เห็นเธอถูกหามมาในเปลคนไข้ หัวใจพวกเขาก็หายวาบ… พวกเขาจะทำอย่างไรดี ควรส่งจดหมายลาออกไหม ถ้าทำอย่างนั้น คุณเซียวส่ากับคุณเซียวจิ่งจะลงโทษพวกเขาน้อยลงหรือไม่


 


 


ถังซีถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลและได้รับการตรวจอาการ กระดูกซี่โครงเธอหักและเอวเคล็ด เธอจะไม่สามารถลุกออกจากเตียงเดินไปไหนมาไหนได้ประมาณหนึ่งสัปดาห์… และแน่นอนว่าเธอจะไม่สามารถขยับเอวได้ในหนึ่งสัปดาห์นี้…


 


 


ถังซีเกือบร้องไห้ออกมา เมื่อได้ยินผลการตรวจ…


 


 


ตามแผนการที่วางไว้ เธอต้องจัดการปัญหาเรื่องเซียวจิ้นหนิงกับหลินเจียวให้เรียบร้อย! จากนั้นจะเปิดเผยความลับเบื้องหลังการกำเนิดของหลินหรู และช่วยหลินหรูตามหาครอบครัวที่แท้จริง!


 


 


ขณะถังซีถูกเข็นเข้าห้องผ่าตัด เธอถามตัวเองในใจว่า ‘นี่ฉันคือใคร ฉันกำลังทำอะไรอยู่ตอนนี้…’


 


 


เมื่อถังซีถูกเข็นออกจากห้องผ่าตัด ผู้กำกับหลานแทบทนรอไม่ไหวอีกต่อไป เขาไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเจ้าชายเจ้าเสน่ห์เฉียวเหลียง ผู้มีชื่อเสียงในเมือง A จะใส่ใจในความเจ็บป่วยของคุณหนูเซียวมากมายขนาดนี้ ผู้ชายคนนั้นแทบขย้ำเขาทั้งเป็นเมื่อมาถึงโรงพยาบาล…


 


 


หากมีใครบอกเขาสักคำว่าคุณหนูเซียวเป็นที่รักของเจ้าชายเจ้าเสน่ห์เฉียวคนนี้ เขาจะไม่มีวันยอมให้คุณหนูเซียวเข้าห้องสอบปากคำด้วยตัวเองเด็ดขาด!


 


 


ทันทีที่เห็นพยาบาลเข็นถังซีออกมาจากห้องผ่าตัด เขาก็รู้สึกโล่งอกราวกับคว้าฟางเส้นสุดท้ายในชีวิตไว้ได้ เขารีบพรวดพราดไปข้างหน้า แต่ขณะก้าวออกไปเพียงก้าวแรก เขาก็รู้สึกถึงแรงกดดันอย่างมาก เขารีบหยุดอย่างรวดเร็ว แล้วหันกลับไปมองเฉียวเหลียง… และกลืนน้ำลายก่อนจะเอ่ยว่า “ประธานเฉียว เชิญคุณก่อน…”


 


 


เฉียวเหลียงมองหน้าผู้กำกับหลาน ก่อนจะเดินก้าวยาวๆ ผ่านหน้าเขาไป


 


 


ผู้กำกับหลานรู้สึกเสียใจไม่หาย ถ้าเขารู้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองก่อนหน้านี้ เขาจะไม่ฟังคำพูดของคุณหนูเซียว และจะแจ้งให้ครอบครัวเธอทราบตั้งแต่แรก แทนที่จะให้คนสำคัญคนนี้รู้ก่อน!


 


 


เขานึกถึงคำพูดของคุณหนูเซียวก่อนที่เธอจะเข้าห้องผ่าตัด “ผู้กำกับหลานคะ ได้โปรดอย่าบอกครอบครัวฉันนะคะ พวกเขาต้องฆ่าฉันแน่ ถ้ารู้ว่าฉันทำให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บ โปรดแจ้งไปที่คนรักของฉันแทนนะคะ!”


ตอนที่ 176 ประเมินผิด


 


 


เมื่อมองหน้าเฉียวเหลียงผู้กระหายเลือด ผู้กำกับหลานก็แอบถอนหายใจ ‘คุณหนู ที่รักของคุณกำลังจะฆ่าผม!’


 


 


ถังซีถูกเข็นไปที่ห้องผู้ป่วยวีไอพี ผู้กำกับหลานตามไปด้วย แต่ทันทีที่เข้าไปในห้องเขาก็ถูกสะกดด้วยรังสีอำมหิตที่เฉียวเหลียงปลดปล่อยออกมา เขาคิดในใจว่า ช่างไร้สาระสิ้นดี! ทำไมคนอย่างเขาซึ่งอายุคราวพ่อเฉียวเหลียง จึงต้องมาถูกเฉียวเหลียงใช้อำนาจครอบงำจนพูดไม่ออกแบบนี้! ช่างแปลกประหลาดจริงๆ!


 


 


แต่ก็เป็นที่เข้าใจได้! ถ้าเฉียวเหลียงไม่มีลักษณะพิเศษที่สามารถตรึงความรู้สึกผู้คนได้เช่นนี้ เขาจะไม่กลายเป็นตำนานของเมือง A ได้ในเวลาเพียงสองปี


 


 


อย่างไรก็ตาม ผู้กำกับหลานเป็นถึงผู้กำกับการสถานีตำรวจ จะไม่มีทางถอยหนี หากเขาหงอต่อหน้าเฉียวเหลียง ผู้คนจะหัวเราะเยาะเขาได้! เพราะฉะนั้น…


 


 


ผู้กำกับหลานยิ้มให้เฉียวเหลียงอย่างสง่าผ่าเผย และกล่าวว่า “ประธานเฉียว คุณคงรู้ว่าผมต้องนำรายงานการประเมินอาการบาดเจ็บไปที่สถานีตำรวจ และจัดการคุมตัวเซียวจิ้นหนิง ในเมื่อคุณมาแล้ว ผมก็จะไปก่อน”


 


 


เฉียวเหลียงมองหน้าผู้กำกับหลานโดยไม่พูดอะไร แต่ฝ่ายหลังเข้าใจความหมายในทันที ‘คุณออกไปจากที่นี่ได้แล้ว และอย่ามาให้ผมเห็นอีก’


 


 


ผู้กำกับหลานหันหลังกลับเดินตรงดิ่งไปทันที…


 


 


เป็นเวลาเที่ยงคืนเมื่อถังซีฟื้นจากฤทธิ์ยาสลบ เธอรู้สึกเจ็บปวดอย่างมากจึงส่งเสียงพึมพำ


 


 


ไม่มีแสงสว่างแม้แต่น้อยในห้องพักคนไข้ แต่หน้าต่างเปิดอยู่ แสงจันทร์สาดส่องลงมาบนพื้นห้องผ่านทางหน้าต่าง ถังซีทำปากยื่น เธอรู้สึกเสียใจเล็กน้อย คิดว่าเธอจะได้เห็นหน้าเขาทันทีที่ตื่นขึ้นมา…


 


 


เขาทำงานดึกอีกแล้วหรือ


 


 


เฉียวเหลียงซึ่งนั่งอยู่บนโซฟา เฝ้ามองถังซีผ่านความสลัวของแสงจันทร์ เมื่อเห็นว่าถังซีไม่มองมาทางเขาเลย เอาแต่จ้องมองแสงจันทร์ เขาก็ขมวดคิ้วรอให้เธอหันกลับมามองเขา เขาเฝ้ามองเธอ ในขณะที่เธอเอาแต่มองแสงจันทร์โดยไม่หันกลับมามองเขา! ดวงจันทร์มีเสน่ห์มากกว่าเขาอย่างนั้นหรือ


 


 


เฉียวเหลียงซึ่งหงุดหงิดอยู่แล้วเพราะเธอได้รับบาดเจ็บ รู้สึกแย่ยิ่งขึ้นไปอีกในเวลานี้!


 


 


“แสงจันทร์มีเสน่ห์น่ามองมากกว่าผมอีกหรือ!” น้ำเสียงเยือกเย็นบาดลึกของเฉียวเหลียงดังขึ้นจากทางด้านหลังถังซี


 


 


ถังซีหันขวับไป และเห็นเฉียวเหลียงนั่งกอดอกอยู่บนโซฟาทางซ้ายมือ ดวงตาเธอสดใสขึ้นทันที “คุณอยู่ที่นี่เหรอ! ฉันคิดว่าคุณจะทิ้งฉันไว้คนเดียวในโรงพยาบาลซะอีก” เธอกล่าว


 


 


เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว สีหน้าบูดบึ้ง และรังสีอำมหิตก็รุนแรงขึ้นทันที “ทิ้งคุณไว้คนเดียวในโรงพยาบาลงั้นเหรอ”


 


 


ถังซีรีบเสริม “ก็มืดขนาดนี้! ทำไมคุณไม่เปิดไฟล่ะคะ”


 


 


เมื่อได้ยินอย่างนี้เฉียวเหลียงก็ลุกขึ้นเดินไปที่เตียงแล้วนั่งลง “ผมกลัวว่าแสงจะจ้าเกินไปตอนที่คุณตื่นขึ้นมา” เมื่อจบคำพูดเขาก็เอื้อมมือไปเปิดไฟดวงเล็กๆ ที่หัวเตียง และใบหน้าบึ้งตึงก็ปรากฏต่อสายตาเธอ หางตาถังซีหรี่ลง บ้าชะมัด! เธอรู้ว่าพี่ส่ากับพี่จิ่งต้องโกรธมาก แต่เธอไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะโกรธมากกว่าอีก!


 


 


ในเวลานี้สิ่งที่ชายหนุ่มผู้นี้ยอมรับไม่ได้คือ การที่เธอได้รับบาดเจ็บ!


 


 


ขณะเฉียวเหลียงกำลังจะอ้าปากพูด ถังซีก็คว้ามือเขาและกล่าวว่า “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ตัวเองบาดเจ็บจริงๆ ฉันไม่คิดว่าเซียวจิ้นหนิงจะพรวดพราดเข้ามาหาฉันแล้วผลักเก้าอี้ล้มลง แล้วก็ไม่คิดด้วยว่าเอวฉันจะกระแทกกับเก้าอี้ และที่ไม่คาดคิดมากที่สุดก็คือ ไม่คิดว่าฉันจะบาดเจ็บที่เอว… และกระดูกซี่โครงหัก…” ขณะมองใบหน้าเย็นเยือกของเฉียวเหลียง ถังซีก็แทบจะร้องไห้ออกมา เธอกล่าวตะกุกตะกัก “ฉันไม่รู้มาก่อน ว่าตอนนี้ ร่างนี้จะเปราะบางขนาดนี้…”


 


 


ครั้งหนึ่งเธอเคยตกจากต้นไม้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เลย เธอเองก็ประหลาดใจอย่างมากที่คราวนี้เธอบาดเจ็บสาหัส… เพียงเพราะการกระแทกแค่เล็กน้อย…


 


 


เวรกรรมจริงๆ …


 


 


เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว “คุณผิดไหม”


 


 


ถังซีหน้ามุ่ย ขณะพยักหน้ายอมรับแต่โดยดี “ฉันผิด ฉันผิดจริงๆ ฉันผิดอย่างมหันต์ แต่อย่าโกรธเลยนะ”


 


 


เฉียวเหลียงไม่เคยเห็นถังซีในท่าทางแบบนี้มาก่อน ประกายความประหลาดใจแวบผ่านดวงตาเขา เขารีบหลบสายตาลงอย่างรวดเร็ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะใจอ่อน เขายื่นมือไปลูบผมเธอเบาๆ อย่างไรก็ตามเมื่อรู้สึกตัวว่าเขากำลังถูกถังซี ‘อ้อน’ สำเร็จ เฉียวเหลียงก็ขมวดคิ้ว หดมือกลับ ก่อนจะถามเสียงต่ำ “คุณทำผิดอะไร”


 


 


ถังซีกะพริบตาปริบๆ … นั้นสิเธอทำผิดอะไร


 


 


เธอผิดเพราะร่างกายเปราะบางเกินไปอย่างนั้นเหรอ


 


 


ให้ตายเถอะ! คุณหยุดถามคำถามแบบนี้ได้ไหม ไม่ใช่ความผิดของฉันที่ร่างกายฉันเปราะบาง! ฉันไม่ได้อยากเป็นแบบนี้! ฉันเองก็อยากปรับปรุงคะแนนประสบการณ์ของฉันมากๆ เลย!


 


 


เมื่อเห็นว่าถังซีมีท่าทางงุนงงเฉียวเหลียงก็หรี่ตาลง เธอยอมรับว่าเธอผิด ทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอทำผิดอะไร


 


 


เมื่อเห็นเฉียวเหลียงจ้องมองมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เธอก็รีบตอบทันที “ฉันไม่ควรคิดเอาเองว่าฉันจะไม่ได้รับบาดเจ็บ ไม่ควรทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย ฉันจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว!”


 


 


เมื่อพูดจบถังซีก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าเฉียวเหลียง และสงสัยอยู่ในใจว่าเธอเดาถูกไหม


 


 


เฉียวเหลียงเลิกคิ้วมองหน้าถังซี ถามว่า “คุณแน่ใจเหรอ”


 


 


ถังซีพยักหน้าอย่างแข็งขัน “ฉันค่อนข้างมั่นใจ ต่อไปในอนาคตฉันจะมีบอดีการ์ดสองคนอยู่ด้วยเสมอไม่ว่าจะทำอะไร แม้แต่ไปโรงเรียนฉันก็จะมีบอดีการ์ดสองคนไปคอยคุ้มกันฉันด้วย ได้โปรดอย่าโกรธเลยนะ ได้ไหม”


 


 


เฉียวเหลียงมองหน้าถังซีโดยไม่พูดอะไร ถังซีรู้สึกไม่สบายใจภายใต้สายตาเขาที่จ้องมองมา เธอจึงยกมือขึ้นสาบาน “ฉันสาบานก็ได้”


 


 


“ตกลง ทำตามนั้นก็แล้วกัน”


 


 


ถังซีกะพริบตาปริบๆ รู้สึกโล่งใจที่ในที่สุดก็ผ่านความยุ่งยากไปได้ โชคดีที่เฉียวเหลียงเป็นคนเข้าใจอะไรง่าย ท้ายที่สุดเขาก็เชื่อมั่นในตัวเธอเสมอ และทนเห็นเธอเศร้าไม่ได้!


 


 


เมื่อคิดอย่างนี้ถังซีก็ยิ้มอย่างโล่งอกอยู่ในใจ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกมีแรงหนักๆ กดลงบนไหล่ และพบว่าเฉียวเหลียงกำลังเอนตัวลงพิงไหล่เธอ ถังซีตกตะลึง หันข้างไปมองศีรษะเฉียวเหลียงและเห็นแต่ผมของเขา เธอกำลังจะพูดบางอย่างออกมา เมื่อเสียงทุ้มต่ำแหบห้าวดังก้องอยู่ที่หูเธอ “ซีซี สัญญากับผมได้ไหม ว่าคุณจะไม่ทำให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บอีกต่อไป คุณรู้ไหมว่าผมรู้สึกยังไง ตอนที่ได้ยินว่าคุณอยู่ที่โรงพยาบาล และกำลังถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัด…”


 


 


เขานึกถึงตอนที่รู้เรื่องเธอเมื่อตอนเที่ยง ขณะเขากำลังประชุมอยู่ เขาไม่เคยอนุญาตให้ใครรบกวนหรือขัดจังหวะเวลาที่เขากำลังทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการประชุมที่สำคัญ แต่คราวนี้เป็นข้อยกเว้น หลังจากเขาออกจากการประชุม หุ้นส่วนธุรกิจของเขาต่างพากันประหลาดใจอย่างมาก จนต้องโทรมาถามเป็นกรณีพิเศษว่าเกิดอะไรขึ้น…


 


 


หากพวกเขารู้ว่าเป็นเพราะผู้หญิงคนหนึ่ง จะไม่มีใครนึกภาพออกเลยว่าพวกเขาจะตกใจเพียงไร


 


 


ถังซีรู้สึกผิดเมื่อได้ยินน้ำเสียงสิ้นหวังและหัวใจสลายของเฉียวเหลียง เธอโอบศีรษะเขาไว้และกระซิบแผ่วเบา “ขอโทษนะคะ ฉันขอโทษ…”


 


 


เธอไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากคำขอโทษ


 


 


เธอไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายตัวเอง ไม่มีใครคาดคิดว่าเซียวจิ้นหนิงจะกล้าทำแบบนี้กับเธอในสถานีตำรวจ! เธอเข้าไปในห้องสอบสวนเพราะประเมินแล้วว่าเซียวจิ้นหนิงจะไม่กล้าทำร้ายเธอ!


 


 


อย่างไรก็ตาม เธอประเมินผิด!

 

 

 


ตอนที่ 177 มีคนโทรมา

 

เมื่อเห็นผู้คนที่มาเยี่ยมในห้องคนไข้ ถังซีก็รู้ทันทีว่าเธอนั้นช่างโง่เหลือเกิน ที่พยายามปกปิดสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอจากพ่อแม่ ภายใต้สายตาโกรธแค้นของเซียวจิ่งกับเซียวส่า ถังซีรีบยกมือขอโทษ “ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้ว แต่ฉันไม่รู้นี่ว่าร่างกายฉันจะอ่อนแอขนาดนี้!” 


 


 


หยางจิ้งเสียนมองหน้าถังซีอย่างไม่รู้จะพูดอย่างไร ท้ายที่สุดเธอก็ดุลูกสาวไม่ลง ได้แต่กล่าวเสียงอ่อนว่า “แม่จะโทรไปหาคุณครูหัวหน้าระดับชั้นของลูก และขอลาหยุดเรียนหนึ่งสัปดาห์…” 


 


 


ถังซีกะพริบตาปริบๆ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นทางเลือกเดียว เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไปเรียนหนังสือหลังจากได้รับการผ่าตัดอย่างนี้ 


 


 


เซียวส่ายืนอยู่ที่หัวเตียง มองถังซีโดยมีรอยยิ้มยั่วเย้าบนริมฝีปาก “เอ้อ น้องรัก พี่เกรงว่าเธอจะแพ้พนันพี่เสียแล้วล่ะ ถ้าเธอขืนขาดเรียนบ่อยๆ แบบนี้ จริงไหม เธอคงต้องซื้อรถสปอร์ตลิมิเต็ดอิดีชันให้พี่แล้วละมั๊ง” 


 


 


ถังซีพูดไม่ออก พี่ชายเธอนี่ช่างงกเสียจริง! 


 


 


ถังซียิ้มให้เซียวส่าและพูดผ่านไรฟัน “ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันจะทำให้พี่ซื้อรถสปอร์ตลิมิเต็ดอิดีชันให้ฉันให้ได้!” 


 


 


เมื่อพูดจบเธอก็มองลงไปที่ร่างกายของตัวเองแล้วถอนหายใจ สุภาษิตบอกไว้ว่า ความปลาบปลื้มยินดีอย่างที่สุดต้องแลกมาด้วยความเสียใจ นี่เธอยังไม่ได้ปลาบปลื้มยินดีอย่างที่สุดเลย แต่กลับต้องแลกมาด้วยความโกรธอย่างที่สุด! ไม่ยุติธรรมเลย! 


 


 


… 


 


 


ที่ห้องทำงานนักออกแบบพิเศษในแผนกออกแบบของเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุป 


 


 


ฉินซินหยิ่งยังคงโทรศัพท์หาเซียวจิ้นหนิงต่อไป แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ เธอกดโทรอีกครั้งก่อนจะโยนโทรศัพท์ทิ้งด้วยใบหน้าบูดบึ้ง เกิดอะไรขึ้นกับเซียวจิ้นหนิง ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงติดต่อไม่ได้เสมอในช่วงเวลาวิกฤติ บ้าที่สุด! 


 


 


… 


 


 


ทางด้านถังซี เธอนอนอยู่บนเตียง อ่านรายงานข่าวปัจจุบันบนโทรศัพท์มือถือ เธอไม่เจอข่าวตระกูลเซียวเลย น่าจะเป็นเพราะการจัดการด้านประชาสัมพันธ์ที่ดีของเซียวเจี่ยน ไม่อย่างนั้นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตระกูลเซียวเมื่อวานนี้ จะต้องเป็นข่าวพาดหัวที่ผู้คนให้ความสนใจของหนังสือพิมพ์รายใหญ่อย่างแน่นอน 


 


 


ตระกูลเซียวไม่เพียงแต่เป็นครอบครัวที่ทรงอิทธิพลในเมือง A เท่านั้น แต่ยังเป็นเจ้าของเซิ่งต้าเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ที่มีดารานักแสดงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นช่องธุรกิจหรือช่องบันเทิงต่างก็ชอบเขียนข่าวเกี่ยวกับตระกูลเซียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพิ่งมีรายงานข่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่า เซียวจิ้นหนิงไม่ใช่ลูกสาวของตระกูลเซียว และยังทำความเลวร้ายไว้กับตระกูลเซียวอีกด้วย เป็นสาเหตุให้สื่อทุกสื่อให้ความสนใจตระกูลเซียวอย่างใกล้ชิด เรื่องอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในตระกูลเซียว จะต้องถูกนำไปพาดหัวข่าวในสื่อหลัก 


 


 


ถังซีอ่านข่าวปัจจุบันสักพักก็เข้าสู่บัญชีโซเชียลของเธอ ทันทีที่เธอใส่รหัสเข้าสู่เว็บไมโครบล็อกก็มีคนส่งข้อความถึงเธอทางวีแชท ถังซีจึงออกจากไมโครบล็อกและเปิดอ่านข้อความ การตัดต่อโฆษณาทีวีที่ถ่ายทำเมื่อวานนี้เสร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว เฮ่อหว่านหนิงส่งมาให้เธอดูว่าส่วนที่เสร็จแล้วเป็นอย่างไร 


 


 


ถังซีส่งอีโมจิรูปโอเคไปให้เฮ่อหว่านหนิง และเฮ่อหว่านหนิงตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว ‘คุณแม่ของคุณเป็นอย่างไรบ้าง คุณจัดการกับปัญหาเรียบร้อยหรือยัง’ 


 


 


ถังซีเม้มริมฝีปาก ขณะถือโทรศัพท์อยู่ในมือและแตะบนหน้าจอ ‘ไม่เป็นอะไรมาก ฉันแก้ปัญหาเกือบเรียบร้อยแล้ว ฉันจะเชิญคุณมาดื่มฉลองกันใน ‘ค่ำคืนแสนโรแมนติก’ หลังจากทุกอย่างเรียบร้อย” 


 


 


ถังซีเปิดวิดีโอที่เฮ่อหว่านหนิงส่งมา และหลงเสน่ห์ตัวเองในทันที ในวิดีโอเธอดูสวยมากแม้จะสวมหน้ากากครึ่งหน้าสีเงิน ภายใต้หน้ากากนั้นเธอดูลึกลับอย่างยิ่ง ผมเธอดัดเป็นลอนแต่งทรงสวย เธอดูราวกับนางฟ้าที่ลงมาจากสรวงสวรรค์จริงๆ ในชุดนางฟ้าแห่งบุปผชาตินั้นเธอดูสวยงามอย่างน่าอัศจรรย์ และดูไม่เหมือนมนุษย์ เธอรวบชายกระโปรง เผยให้เห็นเท้าเล็กๆ ขาวผ่องราวหิมะ ก้าวเดินไปยังบ่อน้ำพุร้อนทีละก้าว… จากนั้นวิดีโอก็ตัดไป 


 


 


ถังซีตะลึงกับภาพในวิดีโอ เธอเคยคิดว่าตอนถ่ายโฆษณาทีวีเธอคงไม่สามารถแสดงได้เหมือนนักแสดงมืออาชีพ แต่วิดีโอสั้นๆ ที่จบลงในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีนี้ เปลี่ยนมุมมองที่เธอมีต่อตัวเองโดยสิ้นเชิง 


 


 


 


 


 


เวลาผ่านไปครู่หนึ่งกว่าถังซีจะจะพิมพ์ตอบเฮ่อหว่านหนิง ‘ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ คุณสร้างนางฟ้าแห่งบุปผชาติได้อย่างสมบูรณ์แบบ’ 


 


 


ก่อนหน้านี้ถังซีไม่ค่อยชื่นชมใครนัก เธอจะไม่ยกย่องใครง่ายๆ โดยเฉพาะในเรื่องการทำงาน แต่เธอประทับใจอย่างยิ่งกับประสาทสัมผัสอันแรงกล้าของเฮ่อหว่านหนิง แม้เธอจะรู้อยู่ว่าตนเองสวย แต่เธอจะไม่มีทางรู้เลยว่าเธอมีศักยภาพในทางนี้ หากปราศจากการออกแบบอย่างชาญฉลาดของเฮ่อหว่านหนิง 


 


 


ทางด้านเฮ่อหว่านหนิง เขายังไม่ตอบกลับสักพักหนึ่ง แต่เมื่อถึงเวลาที่เขาตอบกลับมาถังซีก็ได้รับโทรศัพท์จากเบอร์คนแปลกหน้า ถังซีเลิกคิ้วแล้วรับสาย “ฮัลโหล เซียวโหรวพูดค่ะ” 


 


 


เมื่อผู้กำกับหลานได้ยินเสียงถังซีก็ตอบกลับทันที “คุณหนูเซียว สวัสดีครับ ผมหลานเจิ้นเทียน ที่เราเจอกันที่สถานีตำรวจเมื่อวานนี้” 


 


 


ถังซีเลิกคิ้ว “สวัสดีค่ะ ผู้กำกับหลาน มีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่าคะ คดีมีอะไรคืบหน้าบ้างไหม” 


 


 


ผู้กำกับหลานตอบว่า “เราได้ยื่นขอหมายจับเพื่อจับกุมหลินเจียวแล้วครับ นอกจากนี้ผมมีเรื่องอยากบอกคุณบางอย่าง คือโทรศัพท์มือถือของเซียวจิ้นหนิงยังคงมีคนโทรเข้ามาวันนี้ เราตรวจดูแล้วพบว่าเบอร์ที่โทรมาเป็นของคนชื่อฉินซินหยิ่ง คุณคิดว่าเราควรจัดการกับโทรศัพท์นี้อย่างไรดีครับ” 


 


 


ถังซีตกตะลึง ซินหยิ่งหรือ เธอติดต่อกับเซียวจิ้นหนิงได้อย่างไร 


 


 


ถังซีเม้มริมฝีปาก ไม่พูดอะไร ผู้กำกับหลานกล่าวต่อไปว่า “ผมเกรงว่าผู้หญิงที่ชื่อฉินซินหยิ่งนี้ อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีเจตนาทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บที่เซียวจิ้นหนิงก่อขึ้น ผมจึงอยากถามคุณว่าจะจัดการกับโทรศัพท์มือถือของเซียวจิ้นหนิงอย่างไร” 


 


 


มีส่วนเกี่ยวข้อง… หัวใจถังซีวูบอย่างแรง เธอกำโทรศัพท์แน่น ซินหยิ่งมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างนั้นหรือ จะเป็นไปได้อย่างไร… ถึงแม้ฉินซินหยิ่งจะชอบเฉียวเหลียง แต่เธอก็แค่พยายามแยกถังซีจากเฉียวเหลียง… และคอยยุยงสร้างความขัดแย้งระหว่างพวกเขา… 


 


 


แต่ตอนนี้เธอคือเซียวโหรว ไม่ใช่ถังซี… เพราะฉะนั้นก็หมายความว่าซินหยิ่งต้องการจัดการกับคนแปลกหน้า เพื่อแย่งเฉียวเหลียงใช่ไหม 


 


 


เป็นไปได้… 


 


 


“ผู้กำกับหลานคะ ดูเหมือนฉันจะเคยได้ยินชื่อฉินซินหยิ่ง ขอโทรศัพท์มือถือของเซียวจิ้นหนิงให้ฉันได้ไหมคะ” ตามกฎระเบียบแล้วพวกเขาไม่สามารถมอบโทรศัพท์มือถือให้เธอได้ 


 


 


ผู้กำกับหลานตอบรับโดยไม่ลังเล “ได้สิครับ ผมจะให้คนนำไปให้คุณ” 


 


 


ถังซีขอบคุณเขาก่อนวางสาย แล้วโยนโทรศัพท์ลงข้างตัว 


 


 


หากจะพูดกันตามตรง ตอนที่เห็นฉินซินหยิ่งที่บริษัทเฉียวเหลียง ถังซีรู้ทันทีว่าความเข้าใจผิดทั้งหมดระหว่างเธอกับเฉียวเหลียงอาจเกิดจากฉินซินหยิ่ง เธอจึงโมโหมาก หาเรื่องทะเลาะกับฉินซินหยิ่งใหญ่โต และถึงกับแสดงความรักกับเฉียวเหลียงอย่างเปิดเผยต่อหน้าฉินซินหยิ่ง… 


 


 


อย่างไรก็ตามเธอไม่คาดคิดว่าฉินซินหยิ่งจะโกรธมาก ถึงขนาดหาทางร่วมมือกับเซียวจิ้นหนิงตามทำร้ายเธอเพื่อแก้แค้น 


 


 


เมื่อเฉียวเหลียงมาหาเธอที่ห้องคนไข้ครั้งต่อมา ถังซีกำลังนั่งอยู่บนเตียง จ้องมองไปข้างหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า เขาขมวดคิ้วมองหน้าเธอ ถามว่า “มีอะไรหรือ” 


 


 


ถังซียิ้มให้เฉียวเหลียง และตอบด้วยคำถามที่เธอคิดอยู่ในใจ “อาเหลียง คุณคิดว่าซินหยิ่งเป็นคนยังไง”  

 

 


ตอนที่ 178 เซียวส่าผู้น่าสงสาร

 

เฉียวเหลียงจ้องมองถังซีด้วยท่าทางครุ่นคิดอย่างจริงจังอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะละสายตาไปในที่สุด เขาปิดประตูห้องคนไข้ จากนั้นก็เดินมานั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงถังซี “ผมจำได้ว่าคุณกับเธอรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ” เขาเอ่ยเสียงต่ำ 


 


 


ถังซีเม้มริมฝีปาก มองหน้าเฉียวเหลียง “ใช่ ฉันรู้จักเธอตั้งแต่ยังเด็ก ความรู้สึกที่ฉันมีต่อเธอเลยอาจมีความลำเอียง ฉันถึงขอให้คุณบอกฉันไง ว่าเธอเป็นคนแบบไหนในสายตาคุณ” 


 


 


เฉียวเหลียงมองหน้าถังซีแล้วขมวดคิ้ว “ให้ผมพูดตรงๆ ได้ไหม” 


 


 


ถังซีเลิกคิ้วขึ้นมองอย่างเฉียวเหลียงด้วยสายตาไม่แน่ใจ แล้วโบกมือไปมา “ช่างเถอะค่ะ” เธอกล่าว “คุณเองก็ไม่เคยชอบซินหยิ่ง เพราะฉะนั้นมุมมองของคุณต่อเธอก็ต้องเอนเอียงไปในทางอคติ” 


 


 


เฉียวเหลียงนั่งนิ่ง หยิบส้มขึ้นมาปอกเปลือกแล้วป้อนให้ถังซี ขณะมองหน้าเธอไม่วางตาเขาถามว่า “ทำไมจู่ๆ คุณก็พูดถึงฉินซินหยิ่งขึ้นมา” 


 


 


ถังซีเลิกคิ้วมองเฉียวเหลียง เม้มริมฝีปากแล้วกล่าวว่า “ผู้กำกับหลานเพิ่งโทรหาฉัน บอกว่ามีคนชื่อฉินซินหยิ่งโทรหาเซียวจิ้นหนิง ฉันก็เลยคิดว่าฉันควรปรึกษาคุณเรื่องนี้” 


 


 


เมื่อเฉียวเหลียงได้ยินคำพูดของถังซี ประกายความเยือกเย็นก็สว่างวาบในดวงตา เขารีบหลบสายตาเพื่อปกปิดความรู้สึกอย่างรวดเร็ว แต่ยังคงป้อนส้มถังซีต่อไปโดยไม่พูดอะไร เมื่อถังซีเห็นเฉียวเหลียงไม่มีทีท่าว่าจะพูด รอยยิ้มร้ายกาจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเธอ ขณะแกล้งทำหน้ามุ่ยถามเขาอย่างฉุนเฉียว “ทำไมไม่พูดล่ะ” 


 


 


เฉียวเหลียงมองหน้าเธอแล้วตอบว่า “คุณอยากให้ผมพูดอะไรหรือ จะให้บอกว่า ‘ขอโทษนะ ที่รัก ผมไม่ควรเป็นที่ชื่นชมของใครต่อใครมากมาย จนทำให้คุณต้องหึงผู้หญิงคนอื่นๆ เลย’ … หรือว่า ‘ผมไม่น่าหล่อขนาดนี้เลย’ …อย่างนั้นหรือ” 


 


 


“ก็ได้ ก็ได้! คุณไม่ต้องพูดแล้ว” ถังซีรีบขัดจังหวะเฉียวเหลียงอย่างรวดเร็ว และห้ามไม่ให้เขาพูดต่อไป “คุณนี่หลงตัวเองมากกว่าฉันซะอีก!” 


 


 


“ไม่หรอก ผมสู้คุณไม่ได้หรอกในเรื่องนี้ นางฟ้าน้อย” เฉียวเหลียงกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย 


 


 


ถังซีอึ้ง “…” พระเจ้า! เขารู้ได้อย่างไรว่าเธอเรียกตัวเองว่านางฟ้า 


 


 


ถังซีรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “เอาล่ะ เอาล่ะ เมื่อเช้านี้คุณบอกว่าคุณกำลังประชุมอยู่ใช่ไหม การประชุมเป็นไปด้วยดีไหมคะ” ถังซีกำลังสงสัยว่าทำไมเซียวจิ่งผู้ถือหุ้นของบริษัทเฉียวเหลียงไม่ทราบเรื่องการประชุม และดูเหมือนเฉียวเหลียงตั้งใจจะไม่บอกเขาด้วย 


 


 


เฉียวเหลียงมองหน้าถังซีอย่างครุ่นคิดและตอบว่า “ก็ไม่เลว ทุกอย่างลงมติกันเป็นที่เรียบร้อย” 


 


 


“ประชุมบริษัทเหรอคะ” ถังซีถาม ขณะมองหน้าเฉียวเหลียงและกล่าวต่อไป “พี่ชายฉันก็เป็นผู้ถือหุ้นบริษัทคุณด้วยไม่ใช่เหรอ ทำไมเขาถึงว่างงานตลอดทั้งวันเลยล่ะ” 


 


 


เธอคิดว่าเซียวจิ่งเหลวไหลเกินไป เขารับค่าจ้างแต่ไม่ได้ทำอะไรเลย เธอสงสัยว่าทำไมเฉียวเหลียงถึงทนเขาได้ ถ้าเป็นเธอคงไล่เซียวจิ่งออกไปแล้ว 


 


 


เฉียวเหลียงมองหน้าถังซี ไม่สนใจคำถามที่ถังซีอยากถามเขาจริงๆ แม้แต่น้อย “เขาขี้เกียจ และบริษัทก็พึ่งพาอะไรเขาไม่ได้เลย เฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปต้องการผู้นำที่เป็นบุคคลผู้มีความสามารถ” เขาตอบเสียงต่ำ 


 


 


ฮ่า ฮ่า… 


 


 


ถังซีมองเฉียวเหลียงด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ ขณะกล่าวว่า “คุณแค่อยากจะบอกว่าคุณมีความสามารถ ว่างั้นเถอะ” 


 


 


“ฮื่อ…” เฉียวเหลียงเริ่มอย่างจริงจัง ขณะยื่นมือไปลูบผมถังซี “ถ้าผมไม่เก่ง เฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปก็คงไม่เป็นอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้หรอก เพราะฉะนั้นซีซี คุณควรยอมรับว่าผมมีความสามารถ” 


 


 


ถังซีหน้ามุ่ย ไม่เต็มใจยอมรับว่าเฉียวเหลียงมีความสามารถจริงๆ เธอครุ่นคิดก่อนจะกล่าวว่า “ฉันก็มีความสามารถเหมือนกัน” หลังจากหยุดชั่วครู่เธอก็กล่าวต่อไป “ถ้าฉันไม่ตาย ฉันก็อาจพาเอ็มไพร์กรุปเข้าสู่ยุคใหม่ของวงการธุรกิจได้เหมือนกัน” 


 


 


หลังจากฟังคำพูดยกตัวเองของถังซี เฉียวเหลียงก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถึงคุณจะเป็นเซียวโหรว คุณก็สามารถนำเอ็มไพร์กรุปเข้าสู่ยุคใหม่ได้” 


 


 


ถังซีรู้สึกห่อเ**่ยวใจเมื่อพูดถึงเอ็มไพร์กรุป เฉียวเหลียงจับมือถังซีไว้และกระซิบ “เท่าที่ผมรู้ คุณปู่ยังแข็งแรง แต่ถ้าคุณไม่ยอมปรากฏตัวออกมาเลยตลอดช่วงเวลานี้ ข่าวการตายของคุณจะหลุดออกมาสักวันหนึ่ง ผมกลัวว่าคุณปู่จะรับไม่ไหว” 


 


 


เมื่อถังซีได้ยินแบบนี้ดวงตาเธอก็แดงเรื่อขึ้นมา ถ้าเพียงแต่คุณปู่ของเธอจะยอมรับความจริงได้ว่า เธอตายแล้วแต่กลับมามีชีวิตใหม่ เหมือนที่เฉียวเหลียงและคนอื่นๆ เชื่อ ทุกอย่างก็จะเป็นไปด้วยดี แต่ทว่า… เธอจะโน้มน้าวให้คุณปู่เชื่อเรื่องแปลกประหลาดนี้ได้อย่างไร บางทีท่านอาจคิดว่าเธอเป็นสิบแปดมงกุฏที่จะมาฮุบทรัพย์สมบัติของตระกูลถังก็เป็นได้ 


 


 


“ค่อยๆ จัดการไป ผมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ” เฉียวเหลียงกล่าวด้วยน้ำเสียงอันมีเสน่ห์ ขณะเอื้อมมือไปลูบผมถังซี “เชื่อผมสิ วันหนึ่งคุณจะได้กลับไปที่เอ็มไพร์กรุป และปกครองโลกของคุณเหมือนเดิม” 


 


 


ถังซีตื้นตันจนพูดไม่ออก เธอยื่นมือออกไปหาเฉียวเหลียง เขารับมือเธอแล้วยกขึ้นจูบ ถังซีขมวดคิ้วพึมพำว่า “กอดฉันด้วย!” 


 


 


เฉียวเหลียงมองถังซีอย่างอ่อนใจ ก่อนจะโน้มตัวลงไปหาและกอดเธอไว้… 


 


 


“โอ… พระเจ้า! ดูสิว่าฉันเจออะไร!” เซียวส่ายืนอยู่ที่ประตู ท่าทางตะลึงงันกับภาพคนสองคนกอดกันบนเตียง ใครก็ได้บอกเขาทีว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ เขาแค่ออกไปซื้ออาหารกลางวันให้น้องสาว! ทำไมสองคนนี้ถึงทำแบบนี้ต่อหน้าเขา เขาไม่อยากเห็นเลยแม้แต่น้อย! 


 


 


ถังซีอึ้ง ปล่อยเฉียวเหลียง ซึ่งค่อยๆ ยืดตัวขึ้นช้าๆ แล้วหันหลังไปมองเซียวส่า ซึ่งตกใจกับสายตาที่จ้องมองมา แต่หลังจากนั้นครู่เดียวเซียวส่าก็พูดเสียงดังว่า “ทำไมนายไม่ล็อคประตูล่ะ! นายควรจะดีใจนะที่คนที่เข้ามาเป็นฉัน ถ้าเป็นพ่อแม่ฉัน ทั้งสองคนจะต้องถูกทำโทษ!” 


 


 


ถังซีทำปากยื่นแล้วกล่าวว่า “พี่ส่า พี่ยังไม่กลับไปอีกเหรอ” เธอได้ยินมาว่าเพื่อนร่วมงานของเซียวส่าเรียกให้เขาไปร่วมประชุม! แล้วจู่ๆ เขาโผล่มาแบบนี้ได้อย่างไร! ในฐานะประธานบริหารบริษัทเกมทำไมเขาถึงว่างงานขนาดนี้! 


 


 


เซียวส่าโบกสิ่งของที่ถืออยู่ในมือไปมาขณะตอบว่า “คุณแม่มีธุระต้องไปทำตอนบ่าย พี่ก็เลยไปซื้ออาหารกลางวันมาให้เธอ ไม่คิดเลยว่าพอพี่เอาอาหารกลางวันมาให้ เธอจะไม่แยแสพี่แบบนี้!” 


 


 


เฉียวเหลียงจ้องหน้าเซียวส่าด้วยสายตาเย็นเฉียบ เซียวส่ารู้สึกเย็นสันหลังวาบขึ้นมาทันที เขารีบเอ่ยขึ้น “ฉันกำลังจะไปแล้ว นายควรล็อคประตูดีกว่านะ ปิดไว้เฉยๆ แบบนี้จะไม่สะดวก ถ้ามีใครเข้ามากะทันหันนายจะ…” 


 


 


เฉียวเหลียงหันไปมองหน้าเซียวส่าตรงๆ และถามว่า “บริษัทเกมของนายปิดตัวไปแล้วหรือ” 


 


 


เมื่อได้ยินคำถามเซียวส่าก็หันขวับไปมองเขาอย่างรวดเร็ว และตอบกลับด้วยการย้อนถาม “นายถามทำไม” 


 


 


เฉียวเหลียงยกขาข้างหนึ่งขึ้นไขว่ห้าง มองเซียวส่าแล้วกล่าวเสียงราบเรียบว่า “ฉันเห็นนายไม่ทำอะไรเลยทั้งวัน เลยคิดว่าบริษัทเกมของนายคงปิดกิจการไปแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันจะซื้อไว้เอง ฉันเพิ่งเริ่มสนใจตลาดเกมเมื่อเร็วๆ นี้” 


 


 


เซียวส่าขนลุกขึ้นมาทันที “เฉียวเหลียง! นี่นายกำลังไล่ว่าที่พี่ภรรยานะรู้ไหม!” จากนั้นเขาก็หันไปมองถังซี “นี่เธอเอาแต่มองดูเขาขู่พี่ โดยไม่ทำอะไรเลยเหรอ!” 


 


 


ถังซียักไหล่ด้วยท่าทางใสซื่อ “พี่ส่า ก็พี่เป็นส่วนเกิน!” 


 


 


เซียวส่าผู้น่าสงสาร ผู้ถูกขู่เข็ญหลังจากถูกบังคับให้เห็นคู่รักแสดงความรักต่อกัน ทำตาขวางจ้องหน้าคนทั้งคู่ แล้วพรวดพราดออกจากประตูไป  

 

 


ตอนที่ 179 เราไม่ใช่เพื่อนกันอีกต่อไป

 

ถังซีมองตามเซียวส่าที่จากไปด้วยความโกรธ แล้วหันไปขยิบตาให้เฉียวเหลียงอย่างซุกซน และถามว่า “คุณคิดว่าพี่ส่าจะพยายามสร้างความลำบากใจให้คุณไหม ตอนที่คุณมาขอฉันแต่งงานที่บ้าน” 


 


 


เฉียวเหลียงดีใจที่ได้ยินถังซีคุยเรื่องการแต่งงานกับเขาเป็นเรื่องเป็นราวอย่างชัดเจน เขาเอื้อมมือไปกุมมือถังซีและกระซิบว่า “ไม่เป็นไร ผมจะลงทุนในบริษัทเกมของเขา หรือไม่ก็จะทำให้เขาถูกลักพาตัวไป และไม่ยอมปล่อยเขา จนกว่าครอบครัวของคุณจะยินยอมให้เราแต่งงานกัน” 


 


 


ถังซีกะพริบตาปริบๆ มองหน้าเฉียวเหลียง “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าคุณกลายเป็นคนไม่น่าเชื่อถือขึ้นมาทันทีทันใดเลยล่ะ” 


 


 


“ถ้าอย่างนั้น ภรรยาในอนาคตของผม โปรดหาคำพูดดีๆ กรอกหูพี่สามีในอนาคตของผม เพื่อผมด้วยนะครับ” เฉียวเหลียงพูดด้วยรอยยิ้ม 


 


 


ถังซีชำเลืองมองเขาและทำหน้ามุ่ย “ถ้าอย่างนั้น จูบฉันก่อน” 


 


 


เฉียวเหลียงมองหน้าถังซี ดวงตาเขาเข้มขึ้น น้ำเสียงเริ่มแหบห้าวเล็กน้อยขณะถามว่า “ทำไมวันนี้คุณรุกเร้าผมจัง” 


 


 


“จะจูบหรือไม่จูบ” ถังซีตอบกลับพร้อมกับขยิบตา “ถ้าคุณไม่จูบฉันวันนี้ ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปคุณจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว” 


 


 


เฉียวเหลียงโน้มตัวลงจูบริมฝีปากถังซี เธอโอบแขนรอบคอเขา รั้งเฉียวเหลียงไว้ไม่ให้ผละออกจากเธอ เฉียวเหลียงมองถังซีด้วยสายตาลึกซึ้ง เอ่ยเสียงแหบพร่า “ร่างกายคุณยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่เลย” 


 


 


เมื่อถังซีรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิร่างกายเฉียวเหลียงที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รอยยิ้มแห่งความสำเร็จก็ส่องประกายไปทั่วดวงตา และเธอปล่อยเฉียวเหลียง เมื่อเห็นท่าทางปลาบปลื้มในชัยชนะของเธอ ดวงตาเฉียวเหลียงก็หรี่ลง แล้วโน้มตัวลงจูบเธอต่อ ถังซีจ้องมองเฉียวเหลียงอย่างพูดไม่ออก เขาขยับออกเล็กน้อย กระซิบว่า “เอวคุณไม่เจ็บนี่ เวลาผมจูบคุณ” 


 


 


ใบหน้าถังซีเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ แม้เธอกับเฉียวเหลียงจะสนิทสนมกันมาก และทำเกือบทุกอย่างที่คนรักเขาทำกัน แต่ทั้งสองไม่เคยก้าวไปสู่จุดสูงสุดของการเป็นคนรัก ในความเป็นจริงก่อนหน้านี้ทั้งเธอและเฉียวเหลียงเป็นคนค่อนข้างหัวโบราณ อยากเก็บความทรงจำอันแสนงดงามนี้ไว้ในคืนวันแต่งงาน แต่แล้วอุบัติเหตุก็เกิดขึ้น… เธอจึงรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้มอบตัวเองให้เฉียวเหลียง… 


 


 


ถังซีโอบแขนรอบคอเฉียวเหลียงโดยไม่รู้ตัว ขณะจูบตอบเขา… 


 


 


และในขณะที่ทั้งสองกำลังจูบกันอย่างดูดดื่มนั่นเอง เสียงที่สร้างความอับอายก็ดังมาจากประตูห้อง “เอ้อ… ผมไม่เห็นอะไรเลย เชิญพวกคุณต่อไปเลยครับ ผมจะกลับมาอีกทีภายหลัง…” 


 


 


ถังซีผลักเฉียวเหลียงออกไป เฉียวเหลียงสะดุดจนเกือบจะหกล้ม เขาดูเขินอายเล็กน้อย เฉียวเหลียงสาบานได้ว่านี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขารู้สึกอับอายมาก… 


 


 


ตำรวจซึ่งเพิ่งกล่าวคำพูดประโยคเมื่อกี้ ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องด้วยท่าทางเคอะเขิน ขณะมองไปที่คนทั้งคู่ ถังซีอยากจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงเหลือเกิน เธอลืมไปได้อย่างไรว่านี่เป็นโรงพยาบาล เป็นสถานที่สาธารณะ! เธออดไม่ได้ที่จะอยากจูบเฉียวเหลียงทันทีที่เห็นหน้าเขา! 


 


 


โอ… ช่างน่าอายจริงๆ! 


 


 


เฉียวเหลียงตั้งหลักได้และกลับมามีท่าทีนิ่งเฉย เพราะการจูบของเขากับถังซีถูกขัดจังหวะ รังสีอำมหิตจึงส่องประกายออกมาอย่างเย็นยะเยือก เขาจ้องมองนายตำรวจและหรี่ตาลง น้ำเสียงเขาเยือกเย็นจนนายตำรวจรู้สึกราวกับอยู่ในนรก เมื่อเฉียวเหลียงถามว่า “มีอะไรครับ” 


 


 


ขณะยังยืนตัวแข็งอยู่ที่หน้าประตู นายตำรวจก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กลืนน้ำลายแล้วกล่าวว่า “ผู้กำกับหลานขอให้ผมนำโทรศัพท์มือถือนี้มาให้คุณเซียวครับ…” 


 


 


ทำไมช่างน่ากลัวอย่างนี้! ผู้ชายคนนี้น่ากลัวกว่าผู้กำกับหลานเวลาโกรธเสียอีก 


 


 


ทำไมพวกคุณถึงไม่ล็อคประตูเล่า เวลาจูบกัน! จะมาตำหนิผมไม่ได้นะ!  


 


 


ถังซีหลบตา ทำไมเธอถึงได้ลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างทันทีที่เห็นหน้าอันหล่อเหลาของอาเหลียง ที่นี่คือโรงพยาบาลประจำเขต ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีตำรวจของเขต ใช้เวลาเพียงสิบหรือยี่สิบนาทีตำรวจก็สามารถขับรถนำโทรศัพท์มือถือมาที่นี่ได้แล้ว… 


 


 


ช่างน่าอับอายจริงๆ! 


 


 


เฉียวเหลียงมองหน้าถังซีซึ่งพยายามเชิดหน้ายิ้ม และพยักหน้าให้เฉียวเหลียง ก่อนหันไปหานายตำรวจ “ขอบคุณค่ะ” เธอกล่าว “ฝากขอบคุณผู้กำกับหลานด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ” 


 


 


เฉียวเหลียงเดินไปรับเครื่องโทรศัพท์ จากนั้นนายตำรวจก็หันหลังกลับ แล้ววิ่งหนีไปทันที ราวกับวินาทีที่เฉียวเหลียงรับโทรศัพท์ไปจากเขา คือการที่เขาได้รับนิรโทษกรรม ผู้ชายคนนี้น่ากลัวจริงๆ ทำไมผู้ชายที่หล่อเหลาเหลือเกินคนนี้ถึงได้น่ากลัวเหลือเกิน! พระเจ้า!  


 


 


หลังจากมองดูนายตำรวจจากไปแล้ว เฉียวเหลียงก็ปิดประตูและล็อกด้วยคราวนี้ จากนั้นก็นำโทรศัพท์มาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงแล้วถามว่า “นี่โทรศัพท์มือถือของเซียวจิ้นหนิงหรือ” 


 


 


ถังซีพยักหน้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูที่หน้าจอ มีการโทรเข้าที่ไม่ได้รับสายห้าหรือหกสาย เธอต้องการปลดล็อคหน้าจอ แต่นี่เป็นเครื่องไอโฟน มีเพียงลายนิ้วมือของเซียวจิ้นหนิงเท่านั้นที่สามารถปลดล็อกได้ เมื่อไม่สามารถตรวจสอบบันทึกการโทรของเซียวจิ้นหนิงได้ ถังซีก็มองหน้าเฉียวเหลียงเพื่อขอให้เขาช่วย เฉียวเหลียงเอื้อมมือมาหยิบโทรศัพท์ แล้วแตะง่ายๆ ที่หน้าจอ ก่อนจะส่งกลับไปให้ถังซี ซึ่งรับมาและพบว่าหน้าจอถูกปลดล็อคแล้ว เธอเลิกคิ้ว “อาเหลียง คุณนี่เก่งที่สุดเสมอ” 


 


 


เฉียวเหลียงเฝ้ามองถังซีเปิดบัญชีรายชื่อผู้ติดต่อของเซียวจิ้นหนิง และพบว่ามีคนชื่อฉินซินหยิ่งอยู่จริงๆ ถังซีลังเล ก่อนจะแตะดูหมายเลขโทรศัพท์ที่บันทึกไว้ แล้วเธอก็ยิ้มเศร้ากล่าวว่า “เป็นเบอร์โทรของซินหยิ่งจริงๆ ด้วย ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันหนึ่งเราจะกลายเป็นศัตรูกัน” 


 


 


เฉียวเหลียงมองลึกลงไปในดวงตาที่เศร้าสร้อยของถังซี และขมวดคิ้วถามว่า “ทำไมคุณถึงเชื่อใจเธอมากขนาดนี้” 


 


 


ถังซีมองหน้าเฉียวเหลียงและถามกลับ “คุณหมายความว่ายังไง” 


 


 


“คุณไม่เคยคิดบ้างเลยหรือ ว่าทำไมถึงเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับคุณ” 


 


 


ถังซีนิ่งเงียบ คำพูดของเฉียวเหลียงทำให้เธอนึกถึงเรื่องราวบางอย่าง และขุดเอาบางสิ่งที่เธอไม่อยากคิดถึงออกมา แน่นอนเธอเคยคิดสงสัยฉินซินหยิ่ง แต่เธอไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เธอคิด ก่อนจะหาหลักฐานมายืนยันได้ อย่างไรก็ตามซินหยิ่งเองก็เคยพูดถึงเรื่องนี้ 


 


 


“เคยสิ ฉันเคยคิดเรื่องนี้ ซินหยิ่งเป็นเพื่อนคนเดียวของฉัน รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวฉัน แต่ฉันเชื่อใจเธอมาตั้งแต่เป็นเด็ก ฉันจะเห็นเธอเป็นศัตรูได้ยังไงในเวลานั้น” ถังซีมองหน้าเฉียวเหลียงแล้วถอนหายใจ “ฉันขอโทษ ฉันทำไม่ได้…” 


 


 


“ทำได้สิ คุณทำได้” เฉียวเหลียงกล่าว แล้วมองลึกลงไปในดวงตาถังซี “คุณจะต้องทำได้” 


 


 


ถังซีเงยหน้าขึ้นมองเฉียวเหลียงด้วยความประหลาดใจ เขากล่าวต่อไปว่า “ศัตรูในความมืดจะไม่กล้าคุกคามมากเท่ากับศัตรูในที่โล่ง เพราะคนที่กล้าทำขณะซ่อนตัวอยู่ในความมืด ล้วนเป็นคนขี้ขลาด เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวคนขี้ขลาดพวกนั้น” 


 


 


ถังซีมองหน้าเฉียวเหลียง เขายื่นมือมาลูบผมเธอและกล่าวว่า “คุณไม่กลัวแม้กระทั่งความตาย…” จากนั้นเขาก็ถอนหายใจและกล่าวต่อจนจบ “จะมีอะไรที่ทำให้คุณกลัวได้อีก” 


 


 


ในเวลานั้นนั่นเองโทรศัพท์มือถือของเซียวจิ้นหนิงก็ดังขึ้น ถังซีเหลือบมองไปที่หมายเลขผู้โทรและพบว่าเป็นฉินซินหยิ่ง เธอชะงักก่อนจะรับสาย ใช่… ตอนนี้เธอไม่ใช่ถังซี ไม่ใช่เพื่อนสนิทของฉินซินหยิ่ง ทำไมเธอถึงจะเผชิญหน้ากับผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ 


 


 


หลังจากสัญญาณเชื่อมต่อการโทร น้ำเสียงกระวนกระวายของฉินซินหยิ่งก็ดังขึ้นทันที “นี่คุณเหยา ดูเหมือนว่าคุณจะไม่อยากร่วมมือกับฉันใช่ไหม ถ้าคุณจะไม่ทำก็บอกฉันมาตรงๆ!” 


 


 


หลังจากหยุดไปครู่หนึ่งเธอก็กล่าวต่อไป “หรือว่าคุณกลัวเซียวโหรวที่ไม่มีน้ำยาคนนั้น เพราะเธอทำให้คุณสูญเสียชื่อเสียงความโด่งดังของคุณ ใช่ไหม คุณเหยา”  

 

 


ตอนที่ 180 สนทนาทางโทรศัพท์

 

ขณะได้ยินคำพูดของฉินซินหยิ่ง ถังซีรู้สึกประหลาดใจที่พบว่าเธอไม่รู้สึกอะไรเลย ทีแรกเธอคิดว่าเธอคงจะเศร้า เมื่อได้ยินกับหูว่าฉินซินหยิ่งพยายามตั้งตัวเป็นศัตรูกับเธอจริงๆ แต่เธอต้องประหลาดใจที่เธอไม่เศร้าเลย เธอถือโทรศัพท์ไว้ที่หู สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉิน ตัวคุณเองก็กลัวฉันเหมือนกันไม่ใช่หรือ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมคุณถึงหลบอยู่หลังเซียวจิ้นหนิง ไม่กล้าแสดงตัว ใช่ไหม” 


 


 


ขณะที่ถังซีพูดอย่างนี้ ทางอีกด้านหนึ่งของสายเงียบกริบ ไม่มีใครพูดอะไรอีกครู่ใหญ่ ถังซีเม้มริมฝีปากแล้วกล่าวว่า “ทำไมล่ะ คุณฉิน คุณกลัวฉันมากขนาดนี้เลยหรือ กลัวจนพูดอะไรไม่ออกเลยหรือ แค่ได้ยินเสียงฉัน” 


 


 


ฉินซินหยิ่งนั่งอยู่ในห้องทำงาน เธอดึงโทรศัพท์เข้ามาดูใกล้ๆ มองหน้าจออย่างละเอียด และยืนยันได้ว่าเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของเซียวจิ้นหนิง หลังจากหายใจเข้าลึกๆ เธอก็แนบโทรศัพท์กลับไปที่หู แล้วถามออกมา “ทำไมถึงเป็นเธอ” 


 


 


“ก็เพราะฉันเป็นคนรับโทรศัพท์น่ะสิ แปลกใจอะไรเหรอคุณฉิน” ถังซีมองหน้าเฉียวเหลียง ขณะถือโทรศัพท์ไว้ในมือซ้าย และมือขวาจับมือเฉียวเหลียงไว้แน่น “คุณฉิน ในเมื่อฉันเป็นคนที่คุณกำลังพยายามทำร้าย แล้วทำไมฉันถึงจะรับโทรศัพท์คุณไม่ได้ แล้วอีกอย่าง ถึงแม้ว่าเซียวจิ้นหนิงกับฉันจะเป็นศัตรูกัน แต่เธอไม่ใช่คนโง่ที่จะยอมให้คุณครอบงำได้ง่ายๆ” 


 


 


ทางปลายสายอีกด้านหนึ่งเงียบลงอย่างยาวนานอีกครั้ง หลังจากนั้นครู่หนึ่งฉินซินหยิ่งก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “คุณเซียวโหรว ฉันคิดว่าคงมีความเข้าใจผิดบางอย่างระหว่างเรา ฉันไม่เคยตั้งใจจะทำร้ายคุณ…” 


 


 


เมื่อได้อย่างนี้ถังซีก็เลิกคิ้วขึ้น และกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เมื่อเฉียวเหลียงที่นั่งข้างๆ ดึงโทรศัพท์จากมือเธอแล้วกดปุ่มเปิดเสียงดัง ถังซีเลิกคิ้วขึ้นอีก เฉียวเหลียงตอบด้วยการพยักหน้า แล้วส่งโทรศัพท์กลับไปให้เธอ เธอยิ้มให้เขาขณะรับโทรศัพท์มา และพูดต่อไป “เข้าใจผิดอย่างนั้นหรือ คุณฉิน คุณกำลังบอกว่า คำพูดที่ฉันเพิ่งได้ยินเมื่อกี้เป็นแค่จินตนาการของฉันอย่างนั้นหรือ” 


 


 


“ไม่ ไม่ใช่ ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น” ฉินซินหยิ่งตอบกลับมา จากนั้นก็เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อไป “ฉันเป็นเพื่อนสนิทของซีซีi ฉันมาทำงานที่เมือง A ก็เพราะซีซีขอให้ฉันมาจับตาดูเฉียวเหลียงแทนเธอ ตอนนี้คุณกับเฉียวเหลียงคบกัน ฉันต้องบอกเรื่องนี้กับซีซีอย่างแน่นอน ฉันเคยบอกคุณแล้วว่าเธอมีอิทธิพลมากแค่ไหน คนธรรมดาอย่างคุณและฉันไม่อาจแข่งขันกับเธอได้หรอก ตอนนี้เธอต้องการให้ฉันจัดการกับคุณ และฉันไม่สามารถปฏิเสธเธอ…” 


 


 


ขณะเสียงของฉินซินหยิ่งดังออกมาจากโทรศัพท์ ใบหน้าเฉียวเหลียงก็เข้มขึ้น และเข้มขึ้นในทุกๆ คำที่เธอพูด ในขณะที่ถังซีก็ดูโกรธ และโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน หลังจากฉินซินหยิ่งพูดจบ ถังซีก็หัวเราะอย่างเยือกเย็นและกล่าวว่า “ถังซีคนนี้นี่ช่างโชคร้ายจริงๆ ที่มีเพื่อนสนิทแบบคุณ เพื่อนที่ไม่สามารถช่วยเธอกีดกันแฟนหนุ่มของเธอได้เลย เพื่อนที่เอางานที่เธอมอบหมายให้ทำมาเปิดเผยให้คนอื่นรู้ และตอนนี้ก็ยังทรยศเธออีกต่างหาก!” 


 


 


ถังซีหยุดไปชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวต่อไปว่า “ฉันอยากรู้จริงๆ ว่า เฉียวเหลียงจะเกลียดคุณและถังซีมากแค่ไหน หลังจากที่ฉันเล่าเรื่องที่คุณบอกฉันให้เขาฟัง…” 


 


 


“ซีซีก็รักเฉียวเหลียงเหมือนกัน!” ฉินซินหยิ่งตอบโต้ “ถ้าคุณอยากบอกเรื่องนี้กับเฉียวเหลียงได้โปรดอย่าพูดถึงถังซี คุณจะบอกเขาก็ได้ว่าทั้งหมดเป็นความคิดของฉัน ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับถังซี! ได้โปรด!” 


 


 


“ตกลง ฉันรู้สึกซาบซึ้งใจมากกับความภักดีที่คุณมีต่อเพื่อนสนิท ฉันจะบอกเฉียวเหลียงว่าคุณแอบชอบเขา เป็นสาเหตุให้คุณต้องการกำจัดฉัน ฉันจะไม่พูดถึงถังซีเลย ไม่ต้องห่วง” ถังซีตอบกลับด้วยน้ำเสียงสบายใจ 


 


 


ทางด้านฉินซินหยิ่งซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องทำงาน ผลุดลุกขึ้นอย่างแรงด้วยความโกรธเมื่อได้ยินคำพูดของถังซี เธอต้องใช้เวลานานกว่าจะสงบสติอารมณ์ลงได้ และกัดฟันตอบกลับไป “ขอบคุณมาก คุณเซียว แต่ฉันอยากจะเตือนคุณว่า ถังซีคือเจ้าหญิงน้อยแห่งเอ็มไพร์กรุป ซึ่งแม้แต่เฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปก็ไม่สามารถเทียบชั้นได้ เพราะฉะนั้นโปรดคิดให้ดีอีกครั้ง ว่าคุณต้องการคบกับเฉียวเหลียงจริงๆ หรือเปล่า ไม่อย่างนั้นถังซีอาจทำสิ่งที่เลวร้ายกับคุณ สิ่งที่คุณจะไม่ต้องการแม้แต่แค่ได้ยิน” 


 


 


ขณะถังซีฟังฉินซินหยิ่งใส่ร้ายเธอ ประกายเย็นเยือกก็วาววับในดวงตา และเธอตอบกลับเบาๆ ว่า “ขอบคุณสำหรับคำเตือน คุณฉิน ฉันจะพิจารณาคำแนะนำของคุณ!” 


 


 


ทางด้านฉินซินหยิ่ง หลังจากวางสายโทรศัพท์เธอก็กวาดทุกสิ่งทุกอย่างบนโต๊ะลงกับพื้น อีกครู่หนึ่งเธอก็กระแทกมือทั้งสองลงบนโต๊ะ ยันตัวเองไว้ขณะหายใจเข้าลึกๆ จ้องเขม็งไปที่พื้นห้องตรงหน้า สบถออกมาอย่างดุดัน “เซียวโหรว แล้วเราจะได้เห็นกัน แกต้องชดใช้ในสิ่งที่แกพูดกับฉันวันนี้!” 


 


 


ถังซีวางสายโทรศัพท์ เมื่อเธอมองหน้าเฉียวเหลียงซึ่งดูท่าทางโกรธมาก… โกรธยิ่งกว่าเธอเสียอีก ถังซีก็รู้สึกดีขึ้น เธอเลิกคิ้วมองเฉียวเหลียงด้วยรอยยิ้มซุกซนเหนือริมฝีปาก และถามว่า “ทำไมคุณถึงดูโกรธมากกว่าฉันอีกล่ะ เธอสบประมาทฉันนะ ไม่ใช่คุณ ทำไมหน้าคุณถึงได้เข้มอย่างกับสีถ่านไม้ไผ่แบบนี้” 


 


 


เฉียวเหลียงมองหน้าถังซีและขมวดคิ้ว “คุณปล่อยผู้หญิงคนนั้นให้ผมจัดการไม่ได้หรือ” เขาถาม 


 


 


ถังซีชะงัก ปล่อยผู้หญิงคนนั้นให้เขาจัดการอย่างนั้นเหรอ แล้วเธอจะได้เห็นข่าวเช้าวันรุ่งขึ้นว่า นักออกแบบสาวชื่อดังถูกฆ่าตาย ร่างของเธอถูกทิ้งไว้ในป่ารกร้างอย่างนั้นใช่ไหม เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ถังซีก็รีบส่ายศีรษะตอบว่า “ไม่ได้ค่ะ ถึงแม้ฉินซินหยิ่งจะรู้จักฉันดีมาก แต่เธอไม่รู้จักเซียวโหรวเลย ในขณะที่ฉัน ซึ่งตอนนี้คือเซียวโหรว รู้จักเธอดีมาก ฉันรู้ความลับของเธอที่คนอื่นไม่รู้มากมาย ถ้าเธอกล้ายุ่งกับฉัน ฉันจะทำให้เธอเสียใจไปตลอดชีวิต” 


 


 


เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว กำลังจะเอ่ยบางอย่างออกมาเมื่อถังซีจับมือเขาไว้และกล่าวต่อไป “ฉันรู้ว่าฉินซินหยิ่งเป็นภัยคุกคามต่อเรา ฉันอาจถูกเธอฆ่าตายถ้าฉันระวังตัวไม่ดีพอ แต่ฉันจะแตะต้องเธอตอนนี้ไม่ได้ ฉันไม่สามารถฆ่าเธอได้เพียงเพราะเธอเป็นศัตรูด้านความรักของฉัน จริงไหม” 


 


 


“ก็แล้วแต่คุณ” เฉียวเหลียงตอบกลับ ขณะมองถังซีด้วยความรักใคร่หลงใหล 


 


 


เมื่อรู้ว่าเขาเชื่อมั่นในตัวเธอแล้ว ถังซีก็ยิ้มให้เฉียวเหลียงและขยิบตาให้เขา “ไม่ต้องห่วง” เธอกล่าว “ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะไม่รีรออีกต่อไป เพราะนั่นอาจทำให้มีการทำร้ายฉันและคุณปู่” 


 


 


… 


 


 


ที่แผนกออกแบบของเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุป ฉินซินหยิ่งออกมาจากห้องทำงานนักออกแบบพิเศษ โดยมีโทรศัพท์มือถืออยู่ในมือ และบอกผู้ช่วยของเธอให้เก็บข้าวของในห้องทำงานให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินขึ้นไปบนดาดฟ้า 


 


 


บนชั้นดาดฟ้า เธอกดหมายเลขโทรศัพท์แล้วโทรออก ไม่นานทางปลายสายอีกด้านหนึ่งก็รับสาย ทันทีที่สายเชื่อมต่อเธอก็รอไม่ไหวถามขึ้นทันที “พวกคุณพบถังซีหรือยัง! ทำไมเมื่อกี้ถึงรับสายฉันช้านัก!” 


 


 


ผู้ชายที่อยู่ทางปลายสายอีกด้านหนึ่งเอ่ยได้แค่ “ผม…” ก่อนที่โทรศัพท์จะตัดสายไป 


 


 


เมื่อได้ยินสัญญาณสายไม่ว่างดังออกมาจากโทรศัพท์ ฉินซินหยิ่งก็ขมวดคิ้ว และโทรซ้ำอีกครั้ง แต่ทางปลายสายอีกด้านหนึ่งปิดเครื่องไปแล้ว 


 


 


ฉินซินหยิ่งกระทืบเท้าลงบนพื้นอย่างเดือดดาล ไอ้บ้าเอ๊ย! เกิดบ้าอะไรขึ้นมาอีกกับคนพวกนั้น 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม