หวานรักจับหัวใจท่านประธาน 169-176

 ตอนที่ 169 วิธีการแปลกใหม่ มีเทพคอยช่วย!


 


 


“เขางานยุ่งมาก ไม่ยอมเจอฉัน” มือที่กำลังถือหมวกแก๊ปกำแน่นเข้าหากันอย่างเงียบๆ จากนั้นเธอก็กัดริมฝีปาก “ความจริงฉันรู้ ว่าเขาแค่ไม่อยากเจอฉัน บางครั้งฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะอดทนต่อไปหรือเปล่า…”


 


 


“ถ้ายังชอบอยู่ ก็ต้องอดทนต่อไปสิคะ!” เหนียนเสี่ยวมู่จับมืออีกฝ่ายจนแน่น พลางพูดให้กำลังใจ


 


 


“คุณลืมไปแล้วเหรอคะ ทีแรกฉันอยากไปพบคุณเพื่อคุยเรื่องพรีเซ็นเตอร์ แต่ก็พบอุปสรรคไปซะทุกที่ แถมคุณยังปฏิเสธฉันด้วยตัวเองอีก แล้วดูตอนนี้สิคะ”


 


 


พวกเธอนั่งอยู่ด้วยกัน ไม่เพียงพูดคุยถึงการร่วมงาน ยังเหมือนเพื่อนพูดคุยเล่นกันอีกด้วย


 


 


ดังนั้นหากไม่อดทน คุณก็ไม่มีทางรู้ว่ามีวี่แววที่ดีหรือเปล่า!


 


 


“…” ซ่างซินตะลึงไปเล็กน้อย มุมปากของเธอปรากฏรอยยิ้มจางๆ ก่อนจะพยักหน้าอย่างแรง


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ทำให้เธอรู้สึกสนใจตั้งแต่ทีแรก แถมยังพูดด้วยสีหน้าไม่ยอมแพ้อีกต่างหาก


 


 


ผู้หญิงคนนี้พิเศษจริงๆ!


 


 


“ฉันเห็นแผนพรีเซ็นเตอร์แล้วนะคะ ฉันสนใจในเงื่อนไขด้านหลังสัญญามาก แต่คุณมั่นใจจริงๆ เหรอคะ ว่าจะส่งของถึงมือเขาได้” ซ่างซินรับสัญญาที่เธอส่งมาให้แล้ว เมื่อพลิกไปถึงหน้าสุดท้ายถึงจะถามขึ้นมา


 


 


โครงการที่บริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าร่วมมือกับบริษัทตระกูลอวี๋ คือผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีเทคโนโลยีระดับสูงจำนวนหนึ่ง


 


 


สิ่งที่จะปล่อยออกมาเป็นอันดับแรกก็คือสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่


 


 


การออกแบบสร้างสรรค์อันเป็นเอกลักษณ์ และยังมีการทดสอบอันชาญฉลาดโฉมใหม่ ถือเป็นจุดเด่นสำคัญของโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้


 


 


ประเด็นสำคัญของการโฆษณาอยู่ที่ความเป็นเอกลักษณ์และไม่เหมือนใคร


 


 


ดังนั้นทางฝ่ายบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าถึงได้หวังว่าจะได้ซ่างซิน นางแบบสาวผู้มีเอกลัษณ์เฉพาะตัวมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ แต่ประเด็นสำคัญที่เหนียนเสี่ยวมู่ดึงความสนใจเธอได้ กลับเป็น…


 


 


“ฉันติดต่อกับบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าแล้ว ขอแค่คุณยอมเป็นพรีเซ็นเตอร์ของโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ พวกเขาจะสั่งทำโทรศัพท์มือถือคู่รักให้คุณเพียงคนเดียว โดยที่หน้าเริ่มต้นในมือถือของฝ่ายชายจะเป็นรูปของคุณ ส่วนของฝ่ายหญิง…”


 


 


“ฉันมีรูปส่วนตัวของเขาค่ะ!” ซ่างซินพูดต่ออย่างรวดเร็ว


 


 


เพียงได้คิดว่าต่อไปแค่เปิดโทรศัพท์มือถือ บนหน้าจอก็จะมีรูปของถังหยวนซือ หัวใจของเธอก็เป็นสุขแล้ว


 


 


ที่สำคัญไปกว่านั้น บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของเขาก็จะมีรูปของเธอด้วย!


 


 


ต่อไปขอแค่เขารับโทรศัพท์ ส่งข้อความ ก็จะได้เห็นเธอทั้งนั้น…


 


 


ถ้าเป็นอย่างนั้น ถังหยวนซือก็ไม่มีทางลืมเธอแน่!


 


 


“ฉันสั่งทำโทรศัพท์มือถือคู่รักแล้ว แต่ของขวัญที่ฉันส่งให้เขาก่อนหน้านี้ถูกส่งกลับมาทั้งหมด แล้วคุณส่งโทรศัพท์มือถือที่มีรูปของฉันให้เขา เขาจะใช้เหรอคะ” ซ่างซินถามคำถามที่ตัวเองเป็นกังวลที่สุด


 


 


นี่ก็คือเหตุผลที่เธอเดินทางมาที่นี่โดยเฉพาะ


 


 


เธอยอมรับงานพรีเซ็นเตอร์อันผิดไปจากนิสัยของเธอ เพียงหวังว่าจะมีของสักชิ้นที่เกี่ยวกับเธออยู่ข้างกายเขา


 


 


ถ้าแม้แต่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ก็ทำไม่ได้ ถึงแม้ค่าตอบแทนพรีเซ็นเตอร์สูงกว่านี้เธอก็ไม่สนใจ


 


 


“นี่ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าในใจของเขามีคุณหรือเปล่า” ดวงตาของเหนียนเสี่ยวมู่ฉายแววความเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที


 


 


ครั้นเห็นซ่างซินอึ้งไป เธอถึงจะอธิบายพร้อมรอยยิ้ม


 


 


“บริษัทตระกูลอวี๋เป็นคนรับผิดชอบงานเปิดตัวสินค้าใหม่ของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าในครั้งนี้ ฉันจะตั้งใจปล่อยข่าว บอกว่าเพื่อฉลองที่สินค้าใหม่ได้ออกสู่ตลาด บริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าสั่งทำโทรศัพท์มือถือพิเศษขึ้นมาสิบเครื่อง และจะส่งให้บริษัทคู่ค้าที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้น ฉันตรวจสอบดูแล้ว บริษัทตระกูลถังกับบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้ามีการไปมาหาสู่ทางธุรกิจอยู่ไม่น้อย ด้วยชื่อเสียงของทางเซิ่งต้า ส่งโทรศัพท์มือถือให้ถังหยวนซือสักเครื่องก็สมเหตุสมผลดีค่ะ”


 


 


หากเป็นแบบนี้ ถังหยวนซือก็ไม่มีทางรู้ว่าโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นเป็นรุ่นคู่รักที่มีเพียงสองเครื่อง


 


 


ถือเป็นของขวัญที่ส่งให้บริษัทคู่ค้า ซ่างซินเป็นพรีเซ็นเตอร์ ภาพเปิดเครื่องเป็นรูปของเธอก็ไม่แปลกอะไร


 


 


“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่ว่าในใจเขาจะมีฉันหรือเปล่าเหรอคะ”


 


 


 


 


ตอนที่ 170 หักหน้า หักหน้าอย่างแรง!


 


 


“เกี่ยวสิคะ!” เหนียนเสี่ยวมู่ตอบอย่างไม่คิด


 


 


แม้รูปเปิดเครื่องและหน้าจอขณะล็อกจะตั้งเป็นรูปของซ่างซินได้ และไม่สามารถเปลี่ยนได้ แต่ถ้าถังหยวนซือไม่ยอมใช้โทรศัพท์มือถือเครื่องนั้น สิ่งที่พวกเขาทำไปก็ไม่มีประโยชน์ทั้งนั้น


 


 


โทรศัพท์มือถือไฮเอนด์ที่สั่งทำขึ้น ก็เป็นแค่ข้ออ้างที่จะส่งโทรศัพท์มือถือให้ถังหยวนซือเท่านั้นแหละ


 


 


ส่วนถังหยวนซือจะใช้โทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับว่าเขามีซ่างซินอยู่ในหัวใจหรือเปล่า


 


 


“การส่งของขวัญให้กันระหว่างบริษัทคู่ค้าก็มีอยู่ไม่น้อย ถ้าบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าเป็นคนออกหน้า ก็รับประกันได้ว่าจะไม่มีการส่งโทรศัพท์มือถือกลับมาแน่นอน ส่วนที่เหลือ…” เหนียนเสี่ยวมู่ยังพูดไม่จบ ซ่างซินก็เข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว


 


 


“ฉันเข้าใจค่ะ ถึงแม้เขาจะไม่ยอมใช้มือถือเครื่องนั้น แต่ขอแค่มันอยู่ข้างๆ เขา ฉันก็พอใจมากแล้วค่ะ!”


 


 


ซ่างซินยื่นมือหยิบสัญญามาเซ็นชื่อโดยไม่ลังเล


 


 


จากนั้นเธอก็ส่งให้เหนียนเสี่ยวมู่


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่รับสัญญากลับมา ก่อนจะมือลายเซ็นชัดเจนบนนั้น หัวใจรู้สึกวูบไหวเล็กน้อย


 


 


ซ่างซินรับปากเป็นพรีเซ็นเตอร์ของเธอแล้วจริงๆ…


 


 


ข้างนอกห้องประชุม


 


 


คนทั้งแผนกตัวติดอยู่กับผนังตั้งแต่ซ่างซินเข้าไป ต่างก็พยายามเงี่ยหูฟังว่าข้างในเกิดอะไรขึ้นบ้าง


 


 


“ซ่างซินสวยจริงๆ เหมือนนางฟ้า…”


 


 


“แถมยังมีมารยาทมากด้วย ไม่เห็นหยิ่งหรือเข้าถึงยากเหมือนที่ว่ากันสักนิด เมื่อกี้พวกเธอได้ยินไหม เธอขอโทษเหนียนเสี่ยวมู่ด้วยตัวเองด้วย!”


 


 


“ทำไมฉันจะไม่ได้ยิน เหนียนเสี่ยวมู่เชิญซ่างซินมาคุยเรื่องพรีเซ็นเตอร์ที่บริษัทของพวกเราได้จริงๆ พวกเธอว่าซ่างซินจะรับงานพรีเซ็นเตอร์จริงๆ ไหม”


 


 


“ซ่างซินมาด้วยตัวเองแบบนี้ ความเป็นไปได้ที่จะรับงานพรีเซ็นเตอร์ก็คงสูงขึ้นมาก”


 


 


“งั้นฟางหลานคงจะไม่…”


 


 


ทุกคนพูดพลางมองไปยังฟางหลานเป็นตาเดียว


 


 


ตอนนี้ฟางหลานที่พูดจาบีบคั้นคนอื่นเมื่อครู่ยืนอยู่ข้างหลังทุกคน ตั้งแต่เหนียนเสี่ยวมู่พาซ่างซินเข้าไปในห้องประชุม เธอก็ไม่ได้ขยับตัวไปไหนเลย


 


 


ตัวเธอแข็งทื่อไปบ้างอย่างเห็นได้ชัด


 


 


ครั้นได้ยินเสียงพูดคุยของเพื่อนร่วมงาน เธอก็รู้สึกว่าใบหน้าร้อนฉ่าขึ้นมา…


 


 


“ทุกคนอย่าเพิ่งแน่ใจขนาดนั้นเลย ซ่างซินไม่รับงานพรีเซ็นเตอร์ เรื่องนี้คนในวงการรู้ดี ที่เธอมาอาจจะเพราะเรื่องอื่นก็ได้” มีคนพูดด้วยความไม่สบายใจ


 


 


แต่ก็มีคนพูดแย้งขึ้นมาทันที “แต่เมื่อกี้ฉันได้ยินกับหู ซ่างซินพูดว่าจะคุยเรื่องพรีเซ็นเตอร์กับเหนียนเสี่ยวมู่นะ”


 


 


“ก็แค่คุย อาจจะคุยไม่สำเร็จก็ได้”


 


 


เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฟางหลานก็ตาเป็นประกายทันใด


 


 


ใช่แล้ว!


 


 


ขอแค่คุยเรื่องพรีเซ็นเตอร์ไม่สำเร็จ ถึงแม้ซ่างซินจะมาด้วยตัวเอง เธอก็ยังไม่แพ้


 


 


กลับเป็นเหนียนเสี่ยวมู่ที่ทำไม่สำเร็จ ดูสิว่าเธอจะอธิบายกับทุกคนอย่างไร!


 


 


ฟางหลานมีสายตามืดมนขึ้นมาทันที ก่อนจะเดินเบียดไปข้างหน้า เมื่อเห็นคนในทีมของซ่าซินยืนอยู่หน้าประตูห้องประชุม เธอก็ถูฝ่ามือ เตรียมจะเดินไปข้างหน้าอีก


 


 


แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็เห็นประตูห้องประชุมเปิดออกจากข้างใน


 


 


ซ่างซินเดินอยู่ข้างหน้า บนใบหน้ามีรอยยิ้มงดงามอยู่ด้วย


 


 


นางแบบสาวเดินออกมาข้างนอก พร้อมกับหันไปมอง ครั้นเธอเดินออกจากห้องประชุม ทุกคนก็พบว่าเธอจูงมือของเหนียนเสี่ยวมู่อยู่!


 


 


ท่าทางสนิทสนมของทั้งสองคนเหมือนพี่น้องที่ดีต่อกันจริงๆ


 


 


เย่หมิงหมิ่นก้าวมาข้างหน้า ก่อนจะกระแอม แล้วถามด้วยความระมัดระวัง “คุณซ่างซิน เรื่องพรีเซ็นเตอร์ ไม่ทราบว่าคำตอบของคุณคือ…”


 


 


ซ่างซินยังไม่ทันตอบ เย่หมิงหมิ่นก็รีบแก้คำพูด ด้วยกลัวว่าตัวเองถามได้กะทันหันเกินไป “ถ้าคุณยังไม่ได้ตัดสินใจตอนนี้ ก็ได้โปรดพิจารณาดูหน่อยนะคะ พวกเราบริสุทธิ์ใจมากจริงๆ…”


 


 


“ไม่ต้องพิจารณาแล้วค่ะ” ซ่างซินพูดขัดอีกฝ่าย ก่อนจะกลับหลังหันไปจับมือเหนียนเสี่ยวมู่ด้วยสองมือ “ฉันตกลงเป็นพรีเซ็นเตอร์ค่ะ แล้วฉันก็หวังว่าซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนจะได้รับผิดชอบแผนร่วมมือที่เกี่ยวกับฉันอีกในวันหลังค่ะ!”



ตอนที่ 171 เจ็บปวดเพราะการกระทำของตัวเอง!


 


 


เมื่อซ่างซินพูดจบ เสียงถอนหายใจระลอกหนึ่งก็ดังขึ้นในแผนกประชาสัมพันธ์ทันที


 


 


ทุกคนอึ้งค้างกันไปหมดแล้ว!


 


 


ซ่างซินที่ไม่เคยรับงานพรีเซ็นเตอร์ที่ไหน รับงานพรีเซ็นเตอร์ของพวกเขาแล้วจริงๆ


 


 


เย่หมิงหมิ่นตะลึงงันไปหลายวินาที ไม่ยอมเรียกสติกลับมา แต่ซ่างซินกลับไม่ใส่ใจ เอาแต่จับมือเหนียนเสี่ยวมู่จนแน่น “คุณไม่ต้องไปส่งฉันหรอกนะคะ ครั้งหน้ามีโอกาสพวกเราค่อยคุยกันอีก”


 


 


“หน้าประตูอาจจะมีนักข่าว ฉันจะให้เลขาพาพวกคุณออกไปทางประตูหลังนะคะ” เหนียนเสี่ยวมู่รีบร้อนตอบ


 


 


“อื้ม” ซ่างซินพยักหน้า ยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ผู้จัดการที่อยู่ข้างๆ ก็เข้ามากระซิบข้างหูเธอทันที


 


 


สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันใด ก่อนจะมองเหนียนเสี่ยวมู่อย่างลึกซึ้งครั้งหนึ่ง แล้วถึงจะออกไปพร้อมกับผู้จัดการ


 


 


เมื่อเข้าไปในลิฟต์


 


 


ผู้จัดการเอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ “เธอก็รู้ดี ที่บ้านเธอต้องโกรธแน่ ที่เธอรับงานพรีเซ็นเตอร์ ทำไมยังตอบรับเหนียนเสี่ยวมู่ล่ะ”


 


 


“เพราะเธอมอบความกล้าที่จะสู้ต่อไปให้ฉันไงล่ะ!” สายตาของซ่างซินเปลี่ยนเป็นมืดหม่น ผ่านไปนานทีเดียวถึงจะเอ่ยปากพูดอีก “ความจริงแล้วเธอเหมือนเพื่อนที่ฉันรู้จักมานานมากแล้ว แต่คนคนนั้น…”


 


 


ซ่างซินเหมือนกับนึกถึงเรื่องที่ทำให้เสียใจขึ้นได้ จึงหลุบตาลง ไม่พูดอะไรอีก


 


 


แล้วคนทั้งหมดก็จากไปเงียบๆ เหมือนกับขามา


 


 


ส่วนในแผนกประชาสัมพันธ์พากันดีอกดีใจ เพราะซ่างซินรับงานพรีเซ็นเตอร์แล้ว!


 


 


“ดีจังเลย ได้ซ่างซินมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ การร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าต่อไปจะต้องดียิ่งขึ้นแน่นอน!”


 


 


“ฉันแค่คิดว่าซ่างซินที่ไม่เคยรับงานพรีเซ็นเตอร์ที่ไหน กลับมารับงานพรีเซ็นเตอร์ของเราในตอนนี้ ฉันก็ตื่นเต้นมากแล้ว! เธอหยิกฉันเร็ว ดูว่าฉันฝันหรือเปล่า…”


 


 


“ฉันจะไปบอกข่าวดีให้ผู้จัดการเหวินรู้เดี๋ยวนี้!” เลขาดึงสติกลับมา แล้วหมุนตัวเดินไปทางห้องทำงานของผู้จัดการ


 


 


ทุกคนในพื้นที่ทำงานกำลังฉลอง


 


 


มีเพียงฟางหลานที่ถูกเบียดไปข้างๆ พลางมองเพื่อนร่วมงานตรงหน้ามีความสุขกัน โดยที่ข้างหูมีคำพูดตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่ตัวเองพูดกับเหนียนเสี่ยวมู่วนเวียนอยู่ตลอด


 


 


“ถ้าเธอเชิญซ่างซินมาได้จริงๆ อย่าว่าแต่ขอโทษต่อหน้าทุดคนเลย ถึงให้ฉันคุกเข่าต่อหน้าทุกคน โขกหัวคำนับเธอสามครั้ง ฉันก็จะไม่อิดออดเลย!”


 


 


ตอนนั้นเธอมั่นใจว่าซ่างซินไม่มีทางรับงานพรีเซ็นเตอร์แน่ๆ และรอที่จะมองดูเหนียนเสี่ยวมู่ขายหน้า และไล่ผู้หญิงคนนี้ออกจากแผนกประชาสัมพันธ์


 


 


เธอคิดไม่ถึง ว่าซ่างซินไม่เพียงมาที่นี่ แต่ยังรับงานพรีเซ็นเตอร์เสียด้วย


 


 


ขอแค่เป็นคนที่มีตา ก็มองภาพเมื่อครู่ออก


 


 


ซ่างซินรับงานร่วมมือกับพวกเขาก็เพราะเหนียนเสี่ยวมู่แท้ๆ เลย


 


 


ตอนนี้เหนียนเสี่ยวมู่กลายเป็นผู้สร้างคุณงามความดียิ่งใหญ่ให้แผนกประชาสัมพันธ์ของพวกเขาไปแล้ว อย่างนั้นก็ไม่น่าจะให้เธอโขกหัวขอโทษจริงๆ หรอกมั้ง


 


 


สีหน้าของฟางหลานซีดเผือดไปแล้ว


 


 


เธอถือโอกาสตอนที่ทุกคนไม่ได้สังเกต เดินหนีออกไปข้างนอกเงียบๆ


 


 


หลังจากเธอออกจากบริษัทไปแล้ว ก็หาข้ออ้างบอกว่าไม่สบาย จะไม่ไปทำงานสักสองสามวัน ถ้าเวลาผ่านไปนานเข้า ทุกคนก็คงจะลืมเรื่องนี้ไปเอง


 


 


ใช่! ทำแบบนี้แหละ!


 


 


พอฟางหลานคิดได้ดังนั้น เธอก็เร่งฝีเท้าฝ่าฝูงชนไป อีกเพียงอึดใจก็จะเดินถึงประตูแล้ว


 


 


“ฟางหลาน ทำไมรีบร้อนขนาดนั้น เธอจะไหนเหรอ” มีคนตะโกนถามในทันใด


 


 


บรรยากาศครึกครื้นนแผนกประชาสัมพันธ์เยียบเย็นขึ้นโดยพลัน


 


 


ทุกคนหันไปมองฟางหลานโดยไม่ได้นัดหมาย


 


 


ฟางหลานเพิ่งเดินตัวแข็งทื่อทันที!


 


 


“ฉันจำได้ว่ามีคนพูดไว้ว่า ถ้าซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนเชิญซ่างซินมาได้ ก็จะโขกหัวให้เธอสามครั้ง แล้วก็บอกขอโทษด้วย ตอนนี้ควรจะรักษาสัญญาไม่ใช่เหรอ”


 


 


 


 


ตอนที่ 172 ไม่ทำอะไรเหมือนปกติ


 


 


มีคนกล่าวเตือนแบบนี้ขึ้นมากะทันหัน ทำเอาบรรยากาศในแผนกประชาสัมพันธ์เปลี่ยนไปทันที


 


 


ทุกคนหลีกทางกันอย่างพร้อมเพรียง รอให้เหนียนเสี่ยวมู่เดินมาข้างหน้า


 


 


“ฉัน…” ฟางหลานคิดไม่ถึงเลยว่าสถานการณ์จะกลายเป็นอย่างนี้ ครั้นเห็นเหนียนเสี่ยวมู่เดินเข้ามาหาเธอ เธอก็หน้าซีดเผือดแล้ว


 


 


ขอโทษและยอมรับผิดไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร


 


 


แต่ตอนนั้นเธอปากไว บอกว่าจะคุกเข่าโขกหัวสามครั้งอะไรนั่นให้ได้


 


 


ตอนนี้เหนียนเสี่ยวมู่ทำได้จริง แถมยังมีเพื่อนร่วมงานรอบข้างเป็นพยานมากมายขนาดนี้ ถ้าเธอคุกเข่าโขกหัวก็ขายหน้า แต่ถ้าไม่คุกเข่าโขกหัว เธอก็จะกลายเป็นคนไม่รักษาคำพูด


 


 


ไม่ว่าจะทำอย่างไร ต่อไปเธอก็ไม่มีหน้าจะอยู่ที่แผนกประชาสัมพันธ์ต่อไปแล้ว!


 


 


นอกเสียจากเหนียนเสี่ยวมู่จะเอ่ยปากให้อภัยเธอ…


 


 


ฟางหลานเหมือนคว้าฟางช่วยชีวิตได้ จึงเงยหน้ามองเหนียนเสี่ยวมู่ทันที


 


 


“เหนียนเสี่ยวมู่ ไม่ใช่สิ ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่น่าดูถูกคุณเลย แต่ฉันไม่มีเจตนาร้ายกับคุณเลยนะ ฉันแค่ไม่เข้าใจคุณ ก็เลยเข้าใจคุณผิดไป ตอนนี้ฉันรู้ตัวแล้วว่าทำผิด ฉันขอโทษค่ะ!”


 


 


“…”


 


 


“ผู้ใหญ่ไม่ถือสาเด็ก คุณยกโทษให้ฉันสักครั้งนะคะ ต่อไปฉันจะไม่ทำเรื่องวุ่นวายอีก!”


 


 


ฟางหลานพูดจ้อด้วยความนอบน้อมอย่างยิ่ง


 


 


เธอเดินไปข้างหน้าเหนียนเสี่ยวมู่ มองอีกฝ่ายตาปริบๆ ราวกับว่าถ้าเหนียนเสี่ยวมู่ไม่ยอม เธอก็จะคุกเข่าจริง


 


 


ท่าทางแบบนี้กลับทำให้คนรอบข้างไม่กล้าพูดอะไรอีก


 


 


ฟางหลานวางแผนไว้ดีมาก และเธอทำมันได้ ถ้าเหนียนเสี่ยวมู่ยังจะให้เธอคุกเข่าขอโทษถึงจะยอมให้อภัย ก็จะยิ่งทำให้คนมองว่าซูเปอร์ไวเซอร์คนนี้ชอบกดขี่คน


 


 


แต่ถึงเธอจะวางแผนไว้ดีแค่ไหน ก็ต้องดูว่าเหนียนเสี่ยวมู่ให้ความร่วมมือหรือเปล่า


 


 


ตอนนี้ทุกคนคิดว่าเหนียนเสี่ยวมู่จะยอมประนีประนอม ทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก จัดการเรื่องเล็กให้หายไป เธอกลับไปดึงเก้าอี้มานั่งลงตรงหน้าฟางหลานโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ


 


 


จากนั้นก็นั่งไขว่ห้าง พร้อมทั้งกอดอก


 


 


ดวงตาสดใสจ้องมองฟางหลานด้วยความเย็นชา


 


 


ท่าทางแบบนี้ หมายความว่ากำลังรอให้ฟางหลานโขกหัวขอโทษเธอสินะ


 


 


“ห๊ะ” ทุกคนส่งเสียงร้องตกใจออกมาอย่างอดไม่อยู่


 


 


บางคนรู้สึกว่าเหนียนเสี่ยวมู่เคี่ยวมาก บางคนคิดว่าฟางหลานทำตัวเอง และมีบางคนอยากดูละครสนุกๆ


 


 


แต่ไม่มีใครเห็นใจฟางหลานสักคน!


 


 


ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องยอมรับผลลัพธ์ในเรื่องที่ตัวเองทำทั้งนั้น


 


 


ฟางหลานท้าทายเหนียนเสี่ยวมู่อยู่หลายครั้ง ก็น่าจะคิดได้ว่าต้องเจ็บเพราะการกระทำของตัวเองเข้าสักวัน


 


 


“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน…” ฟางหลานมองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ดวงตาเบิกโพลง


 


 


เธอคิดไม่ถึงเลยว่าปฏิกิริยาของเหนียนเสี่ยวมู่จะแตกต่างกับที่คิดเอาไว้โดยสิ้นเชิง


 


 


ครั้นเห็นสายตาของเพื่อนร่วมงานรอบข้าง เธอก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนตัวตลก…


 


 


อยากจะหนีต่อหน้าคนมากมายแบบนี้ก็ทำไม่ได้แล้ว


 


 


ทำได้แค่กัดฟัน เตรียมตัวคุกเข่าขอโทษ…


 


 


แต่เหนียนเสี่ยวมู่ไม่ได้คิดจะต่อล้อต่อเถียงกับฟางหลานตั้งแต่แรกอยู่แล้ว


 


 


ถึงจะเป็นคนที่นิสัยดีกว่านี้ ก็มีเส้นตายเหมือนกัน


 


 


ถ้าคิดจะรังแกกันง่ายๆ เพราะเธอน่าแกล้ง อย่างนั้นวันนี้มีฟางหลานคนแรก พรุ่งนี้ก็จะมีคนที่สอง คนที่สามตามมา…


 


 


คุกเข่าโขกหัวอะไรไม่สำคัญหรอก เธอก็แค่ขู่ไปอย่างนั้น


 


 


และทำให้คนอื่นๆ รู้ว่า เมื่อเหยียบเส้นตายของเธอแล้ว เธอจะไม่เกรงใจใครหน้าไหนทั้งนั้น!


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่เห็นฟางหลานกลัวจนหน้าซีดขาวไปหมดแล้ว จวนเจียนจะทรุดเต็มที จึงคิดจะเอ่ยปากพูด แต่ก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากข้างหลังเธอเสียก่อน


 


 


“เกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมทุกคนหน้านิ่งกันไปหมด”


 


 


เหวินหย่าไต้ในชุดทำงานสีขาวดำเดินออกมาจากห้องทำงานอย่างสง่างาม



ตอนที่ 173 เจ้าก้อนน้ำแข็งคนดัง


 


 


“ผู้จัดการเหวิน…” เมื่อฟางหลานเห็นเหวินหย่าไต้ เธอก็เหมือนได้เห็นดวงดาวช่วยชีวิต จึงรีบบีบน้ำตา แล้วมองผู้จัดการสาวราวกับไม่ได้รับความเป็นธรรม


 


 


เลขาตามเหวินหย่าไต้ออกมา เธอเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าแล้วก็รีบหันไปอธิบายเรื่องราวก่อนหน้านี้ให้เหวินหย่าไต้ฟัง


 


 


หลังจากฟังเลขาพูดจบ นัยน์ตาของเหวินหย่าไต้ก็วูบไหวเล็กน้อย


 


 


อย่าว่าแต่ฟางหลานเลย


 


 


แม้แต่เธอก็ไม่เคยคิดว่าเหนียนเสี่ยวมู่จะทำสำเร็จได้


 


 


ทีแรกเธอเห็นว่างานให้ซ่างซินมาเป็นพรีเซ็นเตอร์เป็นงานยากลำบาก ไม่มีทางทำสำเร็จได้ ถึงได้จงใจจัดให้เหนีนเสี่ยวมู่ทำ


 


 


แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเหนียนเสี่ยวมู่จะทำได้…


 


 


ทำลายอคติที่ทุกคนมีต่อเธอเพียงแค่การกระทำเดียว และกลายเป็นพนักงานดีเด่นของแผนกประชาสัมพันธ์อีกครั้ง


 


 


ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป เกรงว่าไม่นาน แม้แต่ผู้จัดการคนเดียว เหนียนเสี่ยวมู่ก็คงไม่เห็นหัวแล้ว!


 


 


เหวินหย่าไต้กำหมัดแน่น แต่ใบหน้ากลับเรียบเฉยอย่างมาก


 


 


เธอกระแอม แล้วเอ่ยว่า


 


 


“ฉันไม่สนว่าทุกคนคิดอะไรอยู่ในใจ แต่ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนเป็นคนที่คุณชายหานให้เข้ามาทำงานในแผนกประชาสัมพันธ์ของพวกเรา คุณชายหานเชื่อในความสามารถของเธอ พวกเราก็ควรจะเชื่อเธอด้วย ซ่างซินมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในครั้งนี้ ก็เป็นข้อพิสูจน์อันดีเยี่ยมแล้ว ฉันหวังว่าทุกคนจะไม่มีอคติอะไรต่อเธออีก”


 


 


เหวินหย่าไต้พูดยาวเหยียด ดูใจกว้าง และสมเหตุสมผล


 


 


แต่ในคำพูดนั้นก็เปิดเผยความคิดที่จะให้เหนียนเสี่ยวมู่เป็นตัวกลางบ้างแล้ว


 


 


พอพูดจบ เธอก็เงยหน้ามองฟางหลาน


 


 


“เรื่องในวันนี้ รู้ไหมว่าตัวเองผิดที่ตรงไหน”


 


 


“ผู้จัดการเหวิน ฉันรู้แล้วค่ะว่าตัวเองผิด ฉันไม่ควรไม่เคารพซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน…”


 


 


“ไม่ใช่แค่ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ถึงเป็นคนอื่น เธอก็ต้องเคารพ! ทุกคนเป็นเพื่อนร่วมงานแผนกเดียวกัน ควรจะช่วยเหลือกันเอาไว้ แต่เธอน่ะ พูดจาเสียดสีเพื่อนร่วมงานของตัวเอง เธอนี่มัน…” เหวินหย่าไต้ยกมือขึ้นชี้ฟางหลาน โมโหจนพูดไม่ออกแล้ว


 


 


ผ่านไปพักใหญ่ เธอถึงจะตำหนิว่า “ตะลึงอะไรอยู่ ยังไม่รีบขอโทษซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนอีก!”


 


 


เมื่อฟางหลานเห็นว่าไม่ต้องคุกเข่าแล้ว เธอก็รีบเดินไปข้างหน้าเหนียนเสี่ยวมู่ แล้วโค้งตัวเล็กน้อย “ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ขอโทษค่ะ!”


 


 


“…” เหนียนเสี่ยวมู่ขมวดคิ้วมุ่น


 


 


เดิมทีเธอไม่คิดจะให้ฟางหลานคุกเข่าอยู่แล้ว แต่เหตุการณ์ในตอนนี้ ทำให้เธอกลัวว่าฟางหลานจะไม่จำน้ำใจของเธฮ


 


 


แต่ทุกคำพูดของเหวินหย่าไต้ก็คิดแทนแผนกประชาสัมพันธ์แล้ว เธอจำต้องยอมรับ


 


 


เหวินหย่าไต้ก็รู้สึกว่าวิธีการของเธอแสดงความเป็นใหญ่อยู่บ้าง


 


 


ไม่นานก็ก็ยิ้มออกมา “จริงสิ ซูเปอร์ไวเซฮร์เหนียนเข้ามาในแผนกประชาสัมพันธ์ของพวกเราพักหนึ่งแล้ว ทุกคนก็ยุ่งอยู่กับโครงการในมือ เลยไม่มีโอกาสแสดงการต้อนรับเลย พวกเราถือโอกาสที่ซ่างซินรับงานพรีเซ็นเตอร์ครั้งนี้ จัดงานเลี้ยงฉลองให้เธอ ถือเป็นการต้อนรับไปด้วยเลย!”


 


 


ประโยคนี้ทั้งยอมรับในความดีของเหนียนเสี่ยวมู่ และเป็นการนำตัวเองออกจากสถานการณ์น่าอึดอัด


 


 


แม้แต่เหนียนเสี่ยวมู่ก็ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติ


 


 


“ดีจังเลย! ในที่สุดก็จะได้ผ่อนคลายแล้ว!”


 


 


เมื่อได้ยินว่าจะจัดงานเลี้ยง ทุกคนก็โห่ร้องด้วยความดีใจทันที


 


 


“ผู้จัดการ นานๆ ทีแผนกของพวกเราจะจัดงานเลี้ยง เชิญคุณชายหานมาด้วยได้ไหมคะ” มีคนถามด้วยความหวังเต็มเปี่ยม


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ได้ยินชื่อนี้แล้วถึงกับหนาวสั่น!


 


 


งานเลี้ยงที่มีอวี๋เยว่หานจะไปผ่อนคลายได้อย่างไร


 


 


เธอมองเพื่อนร่วมงานสาวคนเสนอความเห็นอย่างงุนงง ราวกับไม่กล้าเชื่อว่าจะมีคนไม่มีหัวคิดขนาดนี้…


 


 


“ผู้จัดการเหวิน ฉันว่าไม่จำเป็น…”


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ยังพูดไม่ตบ ก็ถูกเสียงสนับสนุนเห็นด้วยกลบจนมิด


 


 


ทำเอาเธอต้องยื่นมือไปปิดหน้าอยู่เงียบๆ


 


 


“เอาล่ะๆ ตอนนี้ฉันต้องไปรายงานคุณชายหานพอดี จะลองถามดูก็ได้ แต่พวกเธอก็รู้นี้ ตั้งแต่เมื่อก่อนจนถึงตอนนี้ ยังไม่มีแผนกไหนเชิญคุณชายหานไปงานเลี้ยงได้เลย อย่าตั้งความหวังมากเกินไปล่ะ!”


 


 


 


 


ตอนที่ 174 ยิ่งทำลายยิ่งแข็งแรง!


 


 


เหวินหย่าไต้พูดพลางบอกให้เลขาไปช่วยเธอนำประกาศมา


 


 


จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังห้องทำงานประธานบริษัทท่ามกลางสายตาคาดหวังของทุกคน


 


 


ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ ในแผนก


 


 


เหวินหย่าไต้รับปากเชิญอวี๋เยว่หาน แต่เพราะทุกคนกระตือรือร้นเกินไป เธอปฏิเสธไม่ลง ทำได้แค่ตกลงไปก่อน


 


 


เธอไม่ได้เชิญอวี๋เยว่หานมาร่วมงานเลี้ยงของแผนกประชาสัมพันธ์เป็นครั้งแรก แต่เขาปฏิเสธทุกครั้งไป


 


 


เหวินหย่าไต้ไม่ได้คาดหวังอะไรอยู่แล้ว


 


 


แต่ก็ต้องแสดงท่าทางมั่นใจเต็มเปี่ยมท่ามกลางสายตาคาดหวังของเพื่อนร่วมงาน ในหัวเธอกำลังคิดว่าอีกเดี๋ยวจะออกปากเชิญอวี๋เยว่หานอย่างไรดี…


 


 


“ผู้จัดการเหวิน” พอเหวินหย่าไต้เดินมาถึงหน้าประตูห้องทำงานประธานบริษัท ผู้ช่วยก็พนักหน้าให้เธอ และเปิดประตูห้องให้เธอ


 


 


ครั้นเธอเงยหน้าขึ้น ก็มองเห็นอวี๋เยว่หานนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานอยู่แล้ว


 


 


หล่อเหลาน่าหลงใหล สูงศักดิ์ไม่มีใครเกิน


 


 


นิ้วมือเรียวยาวจับปากกา ท่าทางเซ็นชื่อลงบนเอกสารนั้นน่าดึงดูดจนทำให้เธอละสายตาไปไม่ได้


 


 


วินาทีที่เห็นเขามองมาที่ตัวเอง เหวินหย่าไต้ก็จัดการสีหน้าท่าทางของตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วเดินไปข้างหน้าเขา


 


 


“คุณชายหาน ซ่างซินรับปากเป็นพรีเซ็นเตอร์ของบริษัทเทคโนโลยีเซ่งต้าแล้ว เพิ่งเซ็นสัญญาเรียบร้อย ฉันเลยถือโอกาสนี้พูดคุยเรื่องแผนการร่วมมืออีกสองสามแผนต่อจากนี้ ก็เลยเอามาให้คุณดูก่อน” เหวินหย่าไต้มีท่าทางเป็นมืออาชีพมากทุกครั้งที่พูดเรื่องงานของตัวเอง


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่เพิ่งคุยเรื่องพรีเซ็นเตอร์ไป เธอก็ติดต่อบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าแล้ว ถือโอกาสเพิ่มข้อได้เปรียบของการร่วมมือกัน


 


 


เมื่อเทียบกันแล้ว ผลงานของเหนียนเสี่ยวมู่เป็นแค่หนึ่งในหมื่นส่วนที่เธอนำมาให้บริษัท


 


 


“ทำได้ดีมาก ครั้งนี้ต้องการรางวัลอะไรไหม” อวี๋เยว่หานรับเอกสารจากมือเธอ ก่อนจะกวาดสายตามอง และเอ่ยปากเรียบๆ


 


 


ความดีอกดีใจฉายชัดอยู่บนใบหน้าของเหวินหย่าไต้


 


 


ด้วยเป็นที่รู้กันดีว่าอวี๋เยว่หานไม่ชมใครง่ายๆ มาแต่ไหนแต่ไร


 


 


คำชมของเขาทำให้เธอดีใจยิ่งกว่าได้รางวัลอีก!


 


 


แต่เหวินหย่าไต้ก็กะพริบตาเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ “ฉันไม่ต้องการรางวัลหรอกค่ะ สุดสัปดาห์นี้แผนกของพวกเรามีงานเลี้ยง ถ้าคุณว่าง…”


 


 


เหวินหย่าไต้เหลือบเห็นเขาเลิกคิ้วตั้งแต่ยังพูดไม่จบ จีงรีบอธิบาย


 


 


“คืออย่างนี้ค่ะ เหนียนเสี่ยวมู่เพิ่งมาทำงานที่แผนกของเรา แถมยังพาซ่างซินมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ได้อย่างราบรื่น ฉันอยากดูแลเพื่อนร่วมงานใหม่เป็นพิเศษสักหน่อย ก็เลยคิดจะจัดงานเลี้ยงฉลองให้เธอค่ะ”


 


 


เมื่อพูดจบก็มองอวี๋เยว่หานอย่างระมัดระวังอีกครั้ง


 


 


แต่เห็นเขาเพียงทำหน้าตาเย็นชา แต่ไม่ได้พูดอะไร เธอก็รู้ได้ว่าเขาปฏิเสธแล้ว


 


 


เมื่อเสร็จการรายงาน เธอก็โค้งตัวด้วยความนอบน้อม และออกจากห้องทำงานประธานบริษัทไปด้วยความหดหู่


 


 


ครั้นเงาร่างของเธอหายไป ผู้ช่วยก็ถามด้วยความงุนงงทันที “คุณชายเสียเวลาตรวจสอบเบื้องหลังของซ่างซินไปมากขนาดนั้นเพื่อช่วยซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน คุณจะไม่ไปงานเลี้ยงฉลองของเธอหน่อยเหรอครับ”


 


 


“…” ดวงตาสีดำล้ำลึกของอวี๋เยว่หานเหลือบมองผู้ช่วยอย่างเยียบเย็น


 


 


ทำเอาผู้ช่วยต้องก้มหน้างุด ปิดปากไม่กล้าพูดอีก


 


 


อวี๋เยว่หานพิงพนักเก้าอี้ พลางมองสัญญาตรงหน้า ก่อนจะมีภาพอาหารเช้าเมื่อเช้านี้ผุดขึ้นมาตรงหน้า


 


 


พอคิดได้ว่าเขาปฏิเสธนมสดแก้วนั้น เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมา พร้อมกันนั้นโทรศัพท์มือถือก็ส่งเสียงดังขึ้นมาด้วย


 


 


นัยน์ตาสีดำของเขาวูบไหว และหยิบโทรศัพท์มือถือมาอย่างว่องไว


 


 


ครั้นกวาดสายตามอง เขากลับพบว่าไม่ใช่สายของเหนียนเสี่ยวมู่


 


 


“ประธานถังรับโทรมาหาผมขนาดนี้ ดูท่าทางจะมีเรื่องด่วนนะครับ” อวี๋เยว่หานกดรับสาย และกล่าวอย่างเรียบง่าย


 


 


“ต้องทำยังไง คุณถึงจะยอมยกเลิกงานพรีเซ็นเตอร์ของซ่างซิน” เสียงสุภาพเรียบร้อยดังมาจากปลายสาย ทว่าน้ำเสียงเกรี้ยวกราดแสดงความรู้สึกของเขาแล้ว


 


 


“อวี๋เยว่หาน ผมเห็นคุณเป็นเพื่อน แต่ไม่คิดเลยว่าจะทำลายผมเพื่อผู้หญิงคนเดียว”



ตอนที่ 175 ราคามิตรภาพที่น่ากลัว! 


 


 


“ถ้าผมจำไม่ผิด ซ่างซินมาเซ็นสัญญาเป็นพรีเซ็นเตอร์ที่บริษัทตระกูลอวี๋ด้วยตัวเอง ประธานถังอยากได้ซ่างซินเป็นพรีเซ็นเตอร์ ก็ควรจะไปหาเธอนะครับ” นัยน์ตาสีดำของอวี๋เยว่หานปรากฏความมืดมน นิ้วเรียวยาวดำลังเคาะโต๊ะ 


 


 


มุมปากของเขาเหมือนจะยิ้มอยู่ แต่ก็ไม่ใช่ 


 


 


“…” คนในสายเงียบในทันที 


 


 


เหลือเพียงเสียงหายใจอึดอัดดังออกมาจากในโทรศัพท์ 


 


 


อวี๋เยว่หานเลิกคิ้ว “คุณรู้ว่าตัวเองโน้มน้าวซ่างซินไม่ได้ ก็เลยมาระบายที่ผมเหรอ” 


 


 


นอกจากเพื่อนคนนี้ ก็ไม่มีใครแล้ว 


 


 


“คุณกล้าพูดนะ ผู้หญิงที่ชื่อเหนียนอะไรนั่นโน้มน้าวซ่างซินได้ เรื่องนี้คุณไม่เกี่ยวเลยงั้นสิ?” ถังหยวนซือกัดฟัน 


 


 


หลังจากเขากลับตระกูลถัง ก็แทบจะไม่ได้ติดต่อกับซ่างซินอีก 


 


 


คนที่รู้ว่าพวกเขารู้จักกันมีน้อยนิด ใช้เพียงสิบนิ้วก็นับได้ 


 


 


นอกจากอวี๋เยว่หาน คนทั่วไปไม่มีทางได้ยินเลย! 


 


 


“เธอชื่อเหนียนเสี่ยวมู่” ริมฝีปากบางของอวี๋เยว่หานขยับเล็กน้อย เขาเตือนอีกฝ่ายอย่างสบายๆ 


 


 


“ผมไม่สนหรอกว่าเธอชื่อเหนียนเสี่ยวมู่ หรือเหนียนต้ามู่ ที่ผมพูดถึงตอนนี้คือซ่างซิน!” ถังหยวนซือคำรามเสียงต่ำด้วยความโมโห 


 


 


ดูท่าทางชายหนุ่มผู้แสนอบอุ่นสง่างามมาตลอดคนนี้จะโมโหจริงๆ แม้แต่การควบคุมอารมณ์ขั้นพื้นฐานก็ลืมไปแล้ว 


 


 


เมื่อได้ยินดังนั้น สายตาของอวี๋เยว่หานก็มืดมนในทันที 


 


 


ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงได้เอ่ยปากเสียงเบา “ได้ยินว่าคุณกำลังหาคนไปสอบถาม ว่าโทรศัพท์มือถือสิบเครื่องที่บริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าทำขึ้นจะถูกส่งไปให้คู่ค้าเจ้าไหนบ้าง ถ้าไม่เหนือความคาดหมาย ผมน่าจะได้เครื่องหนึ่ง งั้นผมขายให้คุณในราคามิตรภาพ หนึ่งร้อยล้านเป็นยังไง” 


 


 


ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ งงเป็นไก่ตาแตกแล้ว 


 


 


หนึ่งร้อยล้าน… 


 


 


ราคามิตรภาพ… 


 


 


คุณชายบ้านนี้พูดออกมาได้อย่างไร 


 


 


ผู้ช่วยกลับหลังหันไปเงียบๆ แสร้งทำเป็นว่าไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น 


 


 


ทว่าในใจถังหยวนซือกลับไว้อาลัย ผูกมิตรไม่รอบคอบ…ผูกมิตรไม่รอบคอบ… 


 


 


ถังหยวนซือเหมือนจะอึ้งไป ผ่านไปนานมากถึงจะมีเสียงก่นด่าเบาๆ “คุณโหดมาก!” 


 


 


จากนั้นก็วางสายไป 


 


 


ผู้ช่วยหันหน้ากลับมามองเจ้านายของตัวเอง รู้สึกว่าจำเป็นต้องเตือนสักเล็กน้อย “คุณชาย ตามแผนการของซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน โทรศัพท์มือถือสิบเครื่องเป็นเรื่องโกหก มีแค่โทรศัพท์คู่รักเท่านั้น” 


 


 


ถึงตอนนั้นเจ้านายของเขาจะไปขายโทรศัพท์มือถือให้ประธานถังได้ที่ไหนกัน 


 


 


“งั้นคุณตะลึงลานทำอะไรอยู่” อวี๋เยว่หานโยนโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะทำงาน ก่อนจะชำเลืองมองผู้ช่วยครั้งหนึ่ง สายตาดูประหลาดใจ 


 


 


ผู้ช่วย “???” 


 


 


“ตอนนี้ไปติดต่อประธานเฉินของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้า ผมขอโทรศัพท์มือถือที่เปิดเครื่องมาแล้วมีรูปของซ่างซินจำนวนจำกัดสิบเครื่อง” เครื่องหนึ่งส่งให้ถังหยวนซือ ส่วนเก้าเครื่องที่เหลือขายให้ถังหยวนซือ 


 


 


ให้เขาได้จำ ว่ามีเพื่อนพอแล้ว 


 


 


ผู้ช่วย “…” 


 


 


เครื่องหนึ่งราคาหนึ่งร้อยล้าน 


 


 


สิบเครื่องก็เท่ากับหนึ่งพันล้าน หักลบเครื่องที่ส่งให้ ก็เหลือเก้าร้อยล้าน 


 


 


คุณชาย ประธานถังรู้ว่าคุณทำแบบนี้จะร้องไห้เอานะ จะร้องไห้จริงๆ หรือเปล่า 


 


 


 


 


 


แผนกประชาสัมพันธ์ 


 


 


เหวินหย่าไต้เดินมาถึงประตูแผนก เพื่อนร่วมงานในแผนกก็เดินมาล้อมหน้าล้อมหลังอย่างพร้อมเพรียง 


 


 


“ผู้จัดการ เป็นยังไงบ้างคะ คุณชายตกลงจะไปไหม” 


 


 


“…” เหวินหย่าไต้มีสายตาผิดหวัง สีหน้าที่เดิมทีลำบากใจก็ยิ่งมัวหมองลงไปอีกในทันที 


 


 


แต่ก็ยังยิ้มอย่างสงบนิ่งให้เหล่าพวกเรางานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง 


 


 


“ฉันบอกความคิดของทุกคนให้คุณชายหานฟังแล้ว แถมยังเน้นย้ำเป็นพิเศษด้วย ว่าเพื่อฉลองให้ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนที่ทำงานพรีเซ็นเตอร์สำเร็จ เลยจะจัดงานเลี้ยงขึ้น แต่คุณชายหานงานยุ่งมาก น่าจะหาเวลามาไม่ได้” 


 


 


เหวินหย่าไต้พูดเสียงเบาเสียยืดยาว 


 


 


ความหมายในคำพูดนี้ฟังเผินๆ แล้วไม่มีอะไร แต่หากคิดตามอย่างละเอียด เธอเหมือนจะเน้นย้ำว่า คุณชายหานไม่ไปงานเลี้ยง ก็เพราะงานเลี้ยงของเหนียนเสี่ยวมู่ยังมีความสำคัญไม่พอ 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 176 ยากจะปฏิเสธน้ำใจ 


 


 


“เอาล่ะ ทุกคนไม่ต้องผิดหวังเกินไปนะ งานเลี้ยงต้องรอถึงสุดสัปดาห์ไม่ใช่เหรอ ฉันจะหาโอกาสไปถามอีก คุณชายอาจจะเปลี่ยนใจก็ไป ทุกคนไปทำงานเถอะ” เหวินหย่าไต้พูดพลางถือเอกสารกลับไปที่ห้องทำงานของตัวเอง 


 


 


ในพื้นที่ทำงาน ทุกคนผิดหวังอยู่บ้าง เพราะได้ยินว่าอวี๋เยว่หานจะไม่ไปงานเลี้ยง 


 


 


มีแค่เหนียนเสี่ยวมู่ที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งของตัวเอง ที่ดีใจจนแทบจะกระโดดขึ้นยืน หลังจากได้ยินว่าอวี๋เยว่หานจะไม่ไป! 


 


 


เมื่อพบว่าเพื่อนร่วมงานบางคนมองมาทางเธอ รอยยิ้มที่มุมปากก็แข็งทื่อไปในทันที 


 


 


แต่ไม่นานก็แสดงสีหน้าผิดหวังเจ็บปวดมากออกมา… 


 


 


“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน คุณต้องเข้าใจนะคะ คุณชายหานไม่เคยเข้าร่วมงานเลี้ยงของแผนกไหนมาแต่ไหนแต่ไร อาจจะไม่ใช่เพราะคุณก็ได้” นักศึกษาฝึกงานที่ส่งข้อมูลให้เธอเห็นว่ารอบข้างไม่มีใคร จึงพูดปลอบใจเธอเสียงเบา 


 


 


ในใจเหนียนเสี่ยวมู่ลิงโลดมาก แต่บนใบหน้ากลับมีแต่ความกลัดกลุ้ม พร้อมทั้งพยักหน้าให้อีกฝ่าย 


 


 


“ขอบคุณนะ” 


 


 


จากนั้นนักศึกษาฝึกงานก็ก้มหน้าทำงานต่อ 


 


 


พอถึงเวลาเลิกงาน เธอก็รีบร้อนเก็บข้าวของ ถือกระเป๋าหมุนตัววิ่งออกจากแผนกประชาสัมพันธ์อย่างรวดเร็ว 


 


 


เธอวิ่งรวดเดียวมาถึงลานจอดรถชั้นใต้ดิน 


 


 


แต่เพิ่งยืนได้มั่นคง ก็เห็นรถหรูคันคุ้นเคยขับเข้ามาหาเธอ 


 


 


หลังจากประตูเปิดออก เงาร่างสูงศักดิ์ของอวี๋เยว่หานก็พิงอยู่บนพนักพิง กำลังพักสายตา 


 


 


เสี่ยวลิ่วลิ่วคุดคู้อยู่ในอกเขา แต่เมื่อเห็นเธอ ดวงหน้าเล็กก็แย้มยิ้มในทันที “พี่สาวคนสวย!” 


 


 


อวี๋เยว่หานค่อยๆ ลืมตาสีดำขลับเมื่อได้ยินเสียงของเสี่ยวลิ่วลิ่ว ก่อนจะกวาดมองเหนียนเสี่ยวมู่ที่ยืนอยู่ข้างนอกรถอย่างเกียจคร้าน 


 


 


“คุณชาย” 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่รีบเข้าไปในรถ แล้วนั่งลงตรงตำแหน่งที่อยู่ในมุมที่สุด 


 


 


ผ่านเรื่องนมสดเมื่อเช้ามา เธอมองอวี๋เยว่หานในตอนนี้แล้วรู้สึกไม่มั่นใจอยู่บ้าง 


 


 


เขาไม่พูดจา เธอก็ไม่กล้าพูด 


 


 


ในรถมีแต่เสี่ยวลิ่วลิ่วที่กำลังฮัมเพลงเด็กอย่างไม่ตรงจังหวะ… 


 


 


ผ่านไปสักพัก เสี่ยวลิ่วลิ่วก็ปีนออกมาจากในอกของอวี๋เยว่หาน แล้วคลานไปอยู่ข้างๆ เหนียนเสี่ยวมู่ 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่กอดร่างเล็กนุ่มนิ่ม ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้บางอย่าง เงยหน้ามองอวี๋เยว่หาน 


 


 


“คุณชาย สุดสัปดาห์นี้ ฉันลาหยุดหนึ่งวันได้ไหมคะ” 


 


 


การทำงานปกติสามารถลาหยุดวันสุดสัปดาห์ได้ แต่เธอดูแลเสี่ยวลิ่วลิ่ว ไม่มีวันหยุดสุดสัปดาห์ 


 


 


 เธอต้องไปเข้าร่วมงานเลี้ยง ต้องขอหยุดงานกับอวี๋เยว่หานก่อน 


 


 


“หืม?” อวี๋เยว่หานเลิกคิ้ว แล้วเหลือบมองเธอ 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่รีบอธิบาย “งานเลี้ยงในแผนกของเราจะจัดขึ้นสุดสัปดาห์นี้ ฉันรับปากผู้จัดการเหวินแล้วว่าไปได้ ดังนั้น…” 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่พูดถึงตรงนี้ อยู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นได้ เธอยังไม่ได้บอกเรื่องที่เธอเซ็นสัญญากับซ่างซินอย่างเป็นทางการเลย 


 


 


แม้เขาน่าจะรู้แล้วก็ตาม 


 


 


อย่างไรเสียเธอก็ต้องพูดว่า ‘ขอบคุณ’ 


 


 


แต่พูดขอบคุณไปแล้ว เธอก็ควรเชิญเขาไปงานเลี้ยงของแผนกในสุดสัปดาห์นี้ตามมารยาทหรือเปล่านะ 


 


 


คำเชิญของเหวินหย่าไต้ถูกปฏิเสธไปแล้ว เขาไม่มีทางรับคำเชิญของเธอแน่ๆ 


 


 


เธอแค่ถามตามมารยาท เขาน่าจะเข้าใจสิ! 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่คิดถึงตรงนี้ก็กระแอมขึ้นมา “ถ้าไม่ได้คำชี้แนะของคุณชาย ฉันก็คงพูดให้ซ่างซินรับงานพรีเซ็นเตอร์เร็วขนาดนี้ไม่ได้ ความจริงแล้วคนที่ควรถูกเชิญไปงานเลี้ยงแผนกของฉันที่สุดก็คือคุณชาย!” 


 


 


“…” 


 


 


“แต่น่าเสียดายที่คุณชายยุ่งมาก ไม่มีเวลา ไม่อย่างนั้น…” 


 


 


“คุณอยากให้ผมไปมากเลยเหรอ” อวี๋เยว่หานหลุบนัยน์ตาสีดำลง แล้วเอ่ยถามอย่างเย็นชา 


 


 


เหนียนเสี่ยวมู่ “…” หมายความว่าอะไรเนี่ย 


 


 


เขาไม่ว่างไม่ใช่เหรอ 


 


 


เธอยังไม่ทันคิดได้ว่ามีตรงไหนไม่ถูกต้อง ก็ได้ยินเสียงมีเสน่ห์ของเขาแล้ว 


 


 


“ถ้าซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนเชิญด้วยความจริงใจ ผมก็จะพยายามพิจารณาอย่างสุดความสามารถ” 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม