เปลี่ยนชีวิต พลิกชะตารัก 167-173

 ตอนที่ 167: ไม่แต่งงาน

โดย

Ink Stone_Romance

หลัวเหมยเล่าว่าหลังจากบ้านเฉินปฏิเสธบ้านหลัวครั้งนั้น คนบ้านหลัวก็โกรธมาก โดยเฉพาะแม่ของหลัวเหมย ตั้งมั่นว่าจะต้องหาคนที่ดีกว่าให้ลูกสาว ให้คนบ้านเฉินเสียใจ แต่คนที่ดีนั้นหาง่ายขนาดนั้นที่ไหน อีกอย่างหน้าตาหลัวเหมยก็ถือว่าหน้าตาสวยเท่านั้น ไม่ได้โดดเด่นเหนือคนอื่น ยิ่งทำให้หายาก


เลือกไปเลือกมา แม่หลัวก็ยังไม่พอใจ หนึ่งเดือนก่อนในที่สุดแม่หลัวก็ถูกใจบ้านหนึ่ง


บ้านนี้อยู่ในหมู่บ้านจาง ห่างจากหมู่บ้านของหลัวเหมยไม่ถือว่าไกลมาก คนที่จะสู่ขอให้หลัวเหมยชื่อจางอวี้เฉิง เขาเป็นลูกคนเล็กของบ้าน ลูกสาวทั้งสามคนแต่งงานไปหมดแล้ว ฐานะที่บ้านเขาก็ไม่แย่ เลือกลูกสะใภ้ก็ค่อนข้างเลือกมาก


ว่ากันว่าจางอวี้เฉิงคนนี้เคยแต่งงานมาก่อน ลูกสะใภ้แต่งเข้าบ้านได้ปีกว่าก็เสียชีวิต คลอดลูกก็ตาย คลอดยาก ลูกยังอยู่ในท้องก็ตายแล้ว


จางอวี้เฉิงและเฉินกุ้ยถือว่าแต่งงานครั้งที่สองเหมือนกัน แต่จางอวี้เฉิงหน้าตาดีกว่าเฉินกุ้ย อีกทั้งที่บ้านจางอวี้เฉิงก็ไม่มีพี่น้องคนอื่นอีก พ่อแม่เขาไม่เพียงแต่จะให้สินสอดเพิ่มขึ้น บ้านเขาก็เพิ่งสร้างใหม่ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่บ้านหลังคามุงกระเบื้องหลังใหญ่ แต่บ้านก็ไม่แย่ อีกทั้งบ้านจางตอบตกลงบ้านหลัว รอหลัวเหมยแต่งเข้าบ้านคลอดหลานให้พวกเขา พวกเขาจะช่วยเหลือบ้านหลัวแน่นอน ดังนั้นการแต่งงานนี้ แม่หลัวถือว่าพอใจ


หลัวเหมยและจางอวี้เฉิงก็เจอกันแล้ว จางอวี้เฉิงหน้าตาดีกว่าเฉินกุ้ย แต่หลัวเหมยมักจะมีความรู้สึกที่พูดออกมาไม่ได้ รู้สึกว่าจางอวี้เฉิงไม่ได้จริงใจเหมือนเฉินกุ้ย บ้านจางก็ไม่ได้ซื่อตรงเหมือนบ้านเฉิน


ในใจเธอไม่ยอมแต่ก็ไม่กล้าบอกพ่อกับแม่ เห็นว่าทั้งสองครอบครัวยิ่งคุยก็ยิ่งดี หลัวเหมยใจร้อน เธอเลยแอบไหว้วานให้คนอื่นไปสืบ เธออยากรู้สถานการณ์บ้านจาง ปรากฏว่าพอไปสืบมา ก็สืบได้เรื่องจริงๆ


ลูกสาวสามคนของบ้านจางแต่งงานไปหมดแล้ว แทนที่จะพูดว่าแต่งงานสู้พูดว่าขายไม่ได้ บ้านพวกเขาไม่สนใจว่าฝ่ายชายเป็นใคร คนที่ให้สินสอดสูงก็ให้แต่งกับลูกสาว บอกว่าลูกสาวเป็นคนนอก มีเพียงลูกชายที่ถือว่าเป็นทายาทสืบทอด ถือว่าเป็นคนบ้านจางจริงๆ


ลูกสาวคนโตแลกให้บ้านพวกเขาได้ล่อมาหนึ่งตัว ลูกสาวคนที่สองแลกให้พวกเขาได้หมูหนึ่งตัว มาถึงลูกสาวคนที่สาม พวกเขาให้ลูกสาวคนที่สามแต่งงานกับชายโสดสูงวัย ถึงแม้จะบอกว่าฐานะชายโสดสูงวัยนั้นไม่ถือว่าดี บ้านฝนตกก็รั่ว แต่ชายโสดสูงวัยมีธัญพืช ยอมเอาธัญพืชให้พวกเขา พ่อแม่จางอวี้เฉิงเลยตกลง


ลูกสาวคนที่สามไม่ยอม คุกเข่าที่พื้นขอร้องพวกเขา แต่พวกเขาก็ไม่ยอม สุดท้ายลูกสาวคนที่สามเอาหัวโขกกำแพงจนเลือดออก แต่พวกเขาก็ยังไม่ยอม สุดท้ายก็ให้ลูกสาวแต่งงานไปจนได้


ลูกสาวคนที่สามของพวกเขาก็ตายใจแล้ว ตั้งแต่ตอนนั้นเธอก็ไม่กลับมาบ้านอีกเลย อยู่บ้านสามีชีวิตไม่ดียังไง เธอก็ไม่ยอมกลับบ้านพ่อแม่ จากนั้นพ่อแม่บ้านจางก็พูดกับคนไปทั่วว่าลูกสาวคนที่สามจิตใจไม่ดี เลี้ยงเธอมาจนโต ไม่รู้จักตอบแทนบุญคุณ มาช่วยเหลือที่บ้าน เป็นเหมือนสัตว์เดรัจฉาน


ส่วนจางอวี้เฉิงก็โดนพ่อแม่บ้านจางตามใจจนไม่ได้เรื่อง ตั้งแต่เล็กแทบไม่เคยลงไปในไร่เลย ไม่เคยทำงาน ภรรยาคนก่อนหน้าที่เขาแต่งงานด้วยก็ทำงานหมือนล่อไม่ได้หยุดพักเลย


งานบ้านงานสวนก็ต้องทำ แล้วยังมีจุดจบที่ไม่ดีอีก


คิดดูว่าคนเป็นพ่อแม่พวกเขาสามารถมีใจโหดเหี้ยมขนาดนั้นกับลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองได้ กับลูกสะใภ้แล้วพวกเขาจะรักเอ็นดูหรือ?


แม่สามีบ้านจางก็อารมณ์ไม่ดี ไม่เคยยิ้มแย้มกับลูกสะใภ้ วันๆ เอาแต่บ่นสะใภ้ว่าปรนนิบัติลูกชายไม่ดี ลูกสะใภ้ท้องโตแล้วยังต้องทำนี่ทำนั่น สะใภ้บ้านเธอเลยคลอดยาก ยังไม่ทันถึงเดือนที่จะคลอดเลย ที่เธอคลอดก่อนกำหนดเป็นเพราะว่าเธอตักข้าวให้จางอวี้เฉิงช้าไป จางอวี้เฉิงเลยโยมชามข้าวใส่ตัวเธอ แล้วพ่อแม่สามียังด่าว่าแม้แต่ผู้ชายคนเดียวเธอยังปรนนิบัติไม่ได้ ทำไมไม่ไปตาย


หลังจากนั้นเธอไปแอบร้องไห้อยู่ในครัว ร้องจนหิว หาข้าวที่เหลือกิน คิดไม่ถึงว่าแม่สามีมาเห็น แม่สามีว่าว่าเธอขโมยกินลับหลังพวกเขา ด่าหยาบคายมาก เธอทั้งร้อนรนทั้งโกรธทั้งเสียใจเลยกระเทือนไปที่ท้อง


ตอนที่เธอคลอด จางอวี้เฉิงทำเหมือนไม่มีอะไรไปหาคนในหมู่บ้านดื่มเหล้าเป็นปกติ ไม่อยู่บ้านเลยส่วนแม่สามีพูดอะไร บอกว่าใครไม่เคยคลอดลูกมาก่อน? ผู้หญิงที่ไม่คลอดลูกนั่นไม่ใช่ผู้หญิง ผู้หญิงคลอดลูกก็เหมือนแม่ไก่ออกไข่ ไม่ได้หาแม่หมอให้เธอคลอดทั้งอย่างนั้น


เธอไม่มีน้ำคร่ำ คลอดสองวันเต็มๆ ก็ยังไม่คลอดออกมา เธอร้องจนหมดแรง จางอวี้เฉิงไม่เพียงแต่ไม่สนใจ เขายังด่าว่าเธอร้องน่ารำคาญ กวนเวลาเขานอน


สุดท้ายลูกเธอคลอดออกมา คลอดออกมาเป็นเด็กตายแล้ว ตายตั้งแต่อยู่ในท้อง เธอก็เสียเลือดมาก แม่สามียังด่าว่าเธอตัวซวย บอกว่าเธอทำหลานคนโตของพวกเขาตายแล้ว ไม่พาเธอไปส่งโรงพยาบาล ไม่เรียกคนมาดูเธอ เธอเลยตายทั้งอย่างนั้น


หลัวเหมยคิดว่าไม่รู้ว่าตอนที่ภรรยาของจาวอวี้เฉิงตายเขาจะรู้สึกเสียใจหรือรู้สึกว่าหลุดพ้นในที่สุด


บ้านภรรยาจางอวี้เฉิงโวยวายเป็นชุด สองบ้านต่างบอกเหตุผลของตัวเอง กลายเป็นความแค้น ชื่อเสียงบ้านจางในหมู่บ้านไม่ดี ถึงแม้ว่าฐานะบ้านเขาจะพอใช้ได้ แต่หลายบ้านก็ไม่ยอมมอบลูกสาวให้บ้านเขา บ้านที่ยอม บางบ้านจน  บางบ้านไม่สนใจลูกสาว แต่บ้านจางไม่ยอม กลัวว่าแต่งแบบนี้มาแล้วจะมาทำให้พวกเขาเหนื่อย


มาเจอหลัวเหมย พวกเขาคิดว่าเหมาะสมอยู่ ดังนั้นเลยตกลงให้สินสอดมากขึ้น แต่สุดท้ายแล้วจะเป็นอย่างไร ให้แต่งสะใภ้เข้ามาบ้านหลัวก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว


หลัวเหมยฟังจบก็ไม่อยากจะเชื่อ นี่คือบ้านสามีที่แม่หาให้เธอ นี่คือบ้านที่เลือกแล้วมาเป็นพันๆ บ้าน นี่เลือกเพื่อเธอ? นี่มันทำร้ายเธอชัดๆ!


ถ้าเธอต้องแต่งเข้าบ้านแบบนี้ เธอจะยังมีชีวิตไหม? เธอคงมีชีวิตไม่ต่างจากภรรยาคนก่อนหน้าที่โดนทรมาน โกรธจนตาย


หลัวเหมยรวบรวมความกล้าพูดออกมาว่าเธอไม่ชอบ เธอไม่แต่ง ปรากฏว่าโดนแม่เธอเรียกมาด่าเป็นชุด ด่าว่าเธอไม่รักดี เธอหวังดีกับเธอ แต่ลูกสาวกลับไม่สนใจ ด่าจนหลัวเหมยก้มหน้าไม่กล้าพูด


หลัวเหมยก็หาคนมาบอกเรื่องบ้านจางกับแม่เธอ เธอคิดว่าครั้งนี้แม่เธอต้องรู้ว่าบ้านจางเป็นคนยังไง แล้วก็จะถือว่าแล้วกันไป แต่เธอคิดไม่ถึงว่า แม่เธอไปบ้านจาง ปรึกษากับบ้านจางอยู่ครึ่งวัน บ้านจางยอมเพิ่มสินสอดมากขึ้นอีก แล้วยังบอกว่าอีกหน่อยจะช่วยน้องชายเธอ แม่หลัวเลยตกลง เลยตกลงงานแต่งนี้กับบ้านจาง


เธออึ้งมาก เธอไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง ตกดึกนอนไม่หลับลุกขึ้นมา เธออยากจะคุยกับแม่เธออีกครั้ง แต่คิดไม่ถึงว่าเธอได้ยินแม่เธอคุยกับพ่อ บอกว่าลูกสาวแต่งออกไปก็เหมือนเทน้ำทิ้ง ต้องขอสินสอดมาก อีกหน่อยจะได้สู่ขอภรรยาได้ ขอแค่ช่วยลูกชายได้ จะมีอะไรไม่ดี ส่วนบ้านจางจะทำยังไงกับหลัวเหมย นั่นก็เป็นชะตาของหลัวเหมย เธอจะพูดกับหลัวเหมยให้เธอขยัน ต้องอดทน ใช้ชีวิตให้ดี ช่วยบ้านแม่สามีเยอะๆ ถ้าลูกสาวโดนบ้านจางทรมานจนตาย บ้านพวกเขาจะไม่อ่อนแอเหมือนบ้านภรรยาคนก่อนหน้าของจางอวี้เฉิง จะต้องให้บ้านจางชดเชยของให้มากมาย


หลัวเหมยยืนฟังอยู่นอกประตูอยู่นาน เธอคิดไม่ถึงว่าเธอจะมีสถานะแบบนี้ในใจแม่เธอ เธอไม่พอใจจะแต่งงานแบบนี้ แต่เธอไม่รู้ว่าเธอจะทำอะไรได้


เธอที่งงทำอะไรไม่ถูกอยู่ออกมาจากบ้านหลัว เธอไม่รู้ว่าเธอจะไปไหนได้ เธอจะไปหาใคร เธอไม่รู้ว่าใครจะสามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตเธอได้ เธอไม่อยากแต่งไปบ้านจางจริงๆ เธอไม่อยากใช้ชีวิตแบบนั้น


เธอไม่รู้ว่าเดินมาไกลแค่ไหน เธอไม่กล้าไปบ้านญาติ จนถึงตอนเที่ยง เธอหยุดพักในสถานที่ไม่คุ้นเคย เธอคิดถึงบ้านเฉิน คิดถึงเฉินกุ้ย เธอเลยมาบ้านเฉินด้วยความหุนหันพลันแล่น แต่ตอนแรกเธอไม่กล้าเผยหน้า จนกระทั่งฟ้ามืดถึงค่อยเข้ามาในหมู่บ้าน ตอนแรกเธอไม่เจอเฉินกุ้ยที่ฝั่งนั้นเธอคิดจะกลับ แต่ความไม่พอใจอย่างแรงกล้าสนับสนุนเธออยู่ เธอเลยมาฝั่งนี้ เธออยากจะลองพนันดู ดูว่าจะสามารถเปลี่ยนโชคชะตาได้ไหม ถ้าไม่ได้ เธอก็จะยอมรับ


 ————————


ตอนที่ 168: ตัดสินใจ

โดย

Ink Stone_Romance

หลัวเหมยเล่าจบ บ้านเฉินก็มองหน้ากันไปมา แล้วก็เงียบ


แน่นอน หลัวเหมยไม่ได้เล่าละเอียดขนาดนั้น และไม่ได้บอกว่าเธอมาขอให้บ้านเฉินช่วย แค่บอกว่าเธอไม่มีที่ไปแล้ว เลยนึกถึงบ้านเฉิน อันที่จริงความหมายเธอก็ชัดเจนมากแล้ว ถ้าเธอไม่อยากจะมาขอความช่วยเหลือ ถ้าไม่ได้รู้สึกดีกับเฉินกุ้ยและบ้านเฉิน เธอก็คงไม่เลือกที่จะมาบ้านเฉิน แสดงให้เห็นว่าเธอตัดสินใจจะสู้จนถึงที่สุดแล้ว


เฉินเยี่ยนรู้สึกชื่นชมหลัวเหมย ยุคนี้ส่วนมากเรื่องการแต่งงานจะอยู่ที่พ่อแม่ตัดสินใจ พ่อแม่ดูตัวให้ คุณก็ต้องแต่ง มีผู้หญิงไม่น้อยที่ก่อนแต่งงานไม่เคยเห็นหน้าสามี แต่งไปแล้วไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นยังไง คุณก็ต้องยอม แต่งกับใครไม่ว่าจะดีเลวยังไงก็ต้องทนอยู่ พูดได้ว่าผู้หญิงไม่มีอำนาจของตัวเอง


เหมือนอย่างพ่อแม่บ้านจางก็มีจำนวนไม่น้อย ลูกสาวเป็นคนของคนอื่น ลูกชายต่างหากที่เป็นคนในครอบครัวตัวเอง กระทั่งเพื่อหาภรรยาให้ลูกชายแล้ว มีหลายบ้านที่ยอมแลกลูกสาว บอกว่าเท่าเทียมกัน นั่นเป็นไปไม่ได้


“อาเหมย แล้วเธอจะทำยังไง ฝั่งนั้นก็ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ถ้าพ่อแม่เธอมาหา พวกเราไม่สามารถให้เธออยู่ได้ แม่เธอก็ใช่ ทำไมถึงหาครอบครัวแบบนี้ให้เธอ”


หวางนิวสงสารหลัวเหมย แต่สงสารแค่ไหนหลัวเหมยก็เป็นลูกสาวบ้านอื่น พวกเขาเข้าไปยุ่งไม่ได้


ได้ยินคำพูดของหวางนิว หลัวเหมยตัวแข็งทื่อ เธอยิ้มอย่างขมขื่นออกมา ดูเหมือนเธอไม่มีหวังแล้ว คงต้องกลับไปแล้ว


ก็ใช่ บ้านเฉินกับเธอไม่ได้เกี่ยวข้องกัน จะมาออกหน้าแทนเธอได้ยังไง เธอไม่ควรหวัง เรื่องแบบนี้ บ้านเฉินจะทำอะไรได้? ไม่หัวเราะที่เธอหน้าไม่อายวิ่งมาหาก็ดีแค่ไหนแล้ว


เฉินเยี่ยนเห็นหลัวเหมยเหมือนสูญสิ้นแรงก็รู้สึกเสียใจ ลูกผู้หญิง ยังไงก็เป็นผู้ที่อ่อนแอตลอด ทุ่มเทไปมาก แต่ได้กลับมาน้อย สูญสิ้นความหวังนี่น่าสงสารมาก ถ้าวันนี้บ้านเฉินปฏิเสธหลัวเหมย คิดว่าหลัวเหมยคงยอมรับในโชคชะตาแล้วกลับไปแต่งงานกับบ้านจาง คิดว่าเธอน่าจะเป็นเหมือนภรรยาคนเก่าของจางอวี้เฉิงอีกคน


เฉินกุ้ยกำหมัดแน่น เขารู้สึกสงสาร เขาคิดว่าเขาไม่อาจให้หลัวเหมยกลับไปแบบนี้ได้


“คือว่า หลัวเหมย ผม…”


เฉินกุ้ยงึมๆ งำๆ ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี พอใจร้อนก็ยิ่งพูดไม่ออก


หลัวเหมยเงยหน้ามองเฉินกุ้ย เธอไม่รู้ว่าเฉินกุ้ยจะพูดอะไร


“หลัวเหมย ฉันถามเธอหน่อย เธอคิดดีแล้วใช่ไหมว่าจะไม่แต่งงานกับบ้านจาง? ถ้าเป็นแบบนี้ เธอต้องทะเลาะกับพ่อแม่มาแน่ เธออยากจะต่อต้าน เธอหนีออกมา ฉันนับถือเธอ แต่เธอต้องนึกถึงผลที่ตามมาด้วย เธอจะรับได้ไหม พวกเราบ้านเฉินช่วยเธอได้ แต่เธอมีความกล้านั้นไหม? ถ้าไม่สนว่าพ่อแม่เธอจะทำยังไง เธอก็จะเด็ดเดี่ยวไม่แต่งงาน อย่าให้พวกเราออกหน้า แล้วพอแม่มาด่าหรือคุกเข่าอ้อนวอน เธอก็ใจอ่อนแล้วกลับไปกับเธอ ถึงตอนนั้นพวกเราก็ไม่มีทางช่วยแล้ว”


เฉินเยี่ยนเข้าใจความหมายของพี่ชาย แต่เธอคิดว่าควรจะพูดไว้ก่อน ดูว่าหลัวเหมยตัดสินใจแน่วแน่แล้วหรือเปล่า


หลัวเหมยมองเฉินเยี่ยน เรื่องเฉินเยี่ยนนั้นหลัวเหมยได้ยินมาบ้าง ชื่อเสียงเฉินเยี่ยนนั้นไม่ดี แต่เธอกลับมีความสามารถ ว่ากันว่าบ้านเฉินสามารถสร้างบ้านใหม่นี้ได้ เป็นหยาดเหงื่อแรงงานของเฉินเยี่ยน ว่ากันว่าที่เฉินกุ้ยกับช่างเหลียนหย่ากัน เฉินเยี่ยนก็มีส่วนเกี่ยวข้อง พูดได้ว่า ไม่ว่าใครจะแต่งงานกับเฉินกุ้ย พี่เฉินเยี่ยนนี่ใครก็ล่วงเกินไม่ได้


เฉินเยี่ยนถามเธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วใช่ไหม ถ้าไม่ เธอจะหนีมาบ้านเฉินทำไม? แต่เธอตัดสินใจเด็ดขาดจริงแล้วใช่ไหม? อย่างที่เฉินเยี่ยนพูด ถ้าแม่มาด่าเธอ ตีเธอ หรือคุกเข่าขอร้องเธอ เธอรู้ว่าแม่เธอทำได้หมด แล้วเธอจะทำอย่างไร?


ถ้าเธอทนไม่ได้กลับไปกับแม่เธอ แล้วคนบ้านเฉินที่ช่วยเธอจะเป็นอย่างไร? ต้องเสียคนแน่ๆ


หลัวเหมยมองดูคนบ้านเฉิน มองเฉินกุ้ย เธอสับสน


หวางนิวจะพูด เฉินเยี่ยนส่ายหน้ากับเธอ เฉินจงก็ตบไหล่เฉินกุ้ย ไม่ให้เขารีบร้อน ทั้งหมดนี่ต้องให้หลัวเหมยตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้นถึงแม้พวกเขาอยากจะช่วย ก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่ส่งหลัวเหมยกลับไป


“ฉัน ฉัน ฉัน”


พูดฉันติดต่อกันสามครั้ง หลัวเหมยไม่ได้พูดประโยคข้างหลังต่อ คิดว่าเธอคงสับสนมาก


“ถ้าฉันไม่มีอะไรเลย ที่บ้านก็ไม่ต้องการฉันแล้ว คุณจะคิดว่าฉันหน้าไม่อาย ดูถูกฉันไหม? คุณจะยังทำดีกับฉันหรือเปล่า?”


จู่ๆ หลัวเหมยก็ถามเฉินกุ้ยเหมือนยอมแลก


“ผมจะทำดีกับคุณ ผมต้องดีกับคุณแน่นอน ผมจะไม่ตีคุณ และไม่ด่าคุณ ไม่ดูถูกคุณ ขอแค่คุณใช้ชีวิตอยู่กับผมอย่างสบายใจ ผมจะไม่พูดเรื่องอื่น ผมจะไม่ให้คุณหิวอดอยาก และไม่ให้คุณทนทุกข์ พ่อแม่ผมก็เป็นคนดี น้องสาวผมก็ดี พวกเขาจะทำดีกับคุณ”


เฉินกุ้ยพูดอย่างจริงใจ เขาคิดว่าเขากับหลัวเหมยไม่มีหวังแล้ว คิดไม่ถึงว่าวันนี้หลัวเหมยจะมาหาเขา แสดงว่าตอนนั้นหลัวเหมยก็ชอบเขา ถ้าหลัวเหมยตกลงปลงใจกับเขา เขาก็ต้องทำดีกับหลัวเหมยแน่นอน


เฉินเยี่ยนเห็นเฉินกุ้ยยิ้มเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าเวลาสำคัญพี่ชายคนนี้ดูจริงจังขึ้นมาได้ เหมือนโชคมาถึงแล้วเลยให้คำสัญญากับหลัวเหมย


หลัวเหมยน้ำตาไหลลงมา เธอหวังอะไร? เธอแค่หวังอยากจะให้สามีในอนาคตดูแลเธอดี เห็นค่าเธอเท่านั้นเอง พ่อแม่สามีก็จริงใจ ครอบครัวใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหนเธอก็ยอม ตอนนี้เฉินกุ้ยให้คำสัญญาเธอแล้ว คนบ้านเฉินก็นิสัยดี เธอได้สิ่งที่เธอต้องการแล้ว เธอจะไม่ยอมแพ้ เธอไม่อยากสูญเสีย


“ฉันไม่อยากแต่งงานไปบ้านจาง ฉันแค่อยากจะใช้ชีวิตสงบสุข ฉันไม่ได้ต้องการบ้านหลังใหญ่ ขอแค่คนในครอบครัวอยู่อย่างเป็นสุข ต่อให้ลำบากฉันก็ยอม”


หลัวเหมยพูดกับเฉินเยี่ยน และก็เหมือนบอกความในใจกับเฉินกุ้ย ถึงแม้หน้าเธอจะแดง แต่น้ำเสียงเธอแน่วแน่ แสดงออกว่าเธอตัดสินใจแล้ว ไม่ได้พูดเล่นๆ


“ได้ งั้นพี่หลัวตัดสินใจแล้ว วางใจได้ พี่มีใจแน่วแน่ พวกเราต้องช่วยเหลือพี่”


เฉินเยี่ยนพยักหน้า เธอเปลี่ยนสรรพนามเรียก ถ้าหลัวเหมยแต่งงานกับเฉินกุ้ย ก็จะกลายเป็นพี่สะใภ้เธอ ดังนั้นเธอเรียกพี่ไม่ผิด ไม่ว่าจะยังไง หลัวเหมยมีใจเด็ดเดี่ยวถือเป็นเรื่องดี


ต่อมาบ้านเฉินเริ่มปรึกษากันว่าจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี คนอยู่บ้านเฉิน ย่อมต้องบอกให้บ้านหลัวรู้ ต่อมาต้องให้หลัวเหมยแต่งงานออกจากบ้านหลัว ไม่สามารถให้หลัวเหมยมาอยู่บ้านเฉินแบบหลบๆ ซ่อนๆ ได้ ส่วนฝั่งบ้านหลัว บ้านหลัวต้องโวยวายแน่นอน ก็ให้พวกเขาโวยวายไป ขอแค่หลัวเหมยตัดสินใจเด็ดขาด ไม่กลัวว่าบ้านหลัวจะไม่เห็นด้วย ส่วนบ้านหลัวจะขอก็ไม่พ้นเรื่องเงิน ไม่ใช่ว่าบ้านเฉินให้ไม่ได้ พวกเขาแค่ไม่อยากหาภรรยาที่ชอบเงิน ตอนนี้รู้ว่าหลัวเหมยไม่ใช่คนแบบนั้น พวกเขาก็สบายใจแล้ว


ส่วนอีกหน่อยบ้านหลัวจะดูถูกบ้านเฉินหรือไม่ ถ้าไม่ทำเกินไปพวกเขาก็ไม่สนใจ ถ้าทำเกินไป ก็ขอโทษด้วย คุณไปไกลๆ เลย หลัวเหมยบอกแล้วว่าไม่มีบ้าน เฉินกุ้ยจะทำดีกับเธอไหม นั่นหมายความว่าเธอพอรู้เรื่องพวกนี้บ้าง และเข้าใจได้ บ้านเฉินไม่กลัวจะทำผิดต่อบ้านหลัว


——————


ตอนที่ 169: ตีแล้วค่อยคุยกัน

โดย

Ink Stone_Romance

หลังคุยกันเรียบร้อย เฉินเยี่ยนลากหลัวเหมยพาเธอไปล้างหน้าล้างตา ให้เธอพักอยู่ที่นี่ ตอนนี้ให้หลัวเหมยกลับไปไม่ได้ เวลานี้ถ้าให้หลัวเหมยกลับไปเผชิญหน้ากับพ่อแม่เธอคนเดียว กลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไร ให้เธอพักอยู่บ้านเฉินคืนหนึ่ง วันรุ่งขึ้นมีคนบ้านเฉินช่วยเธอออกหน้าแทนไปคุยกับบ้านหลัวด้วยกัน


ฝั่งเฉินกุ้ยกลับโดนส่งไปบ้านหลัว เรื่องที่หลัวเหมยอยู่ที่นี่ต้องบอกให้บ้านหลัวรู้ อย่าให้พวกเขาคิดว่าหลัวเหมยมาอยู่บ้านเฉินที่นี่แล้วดูถูกหลัวเหมย


ตอนแรกเฉินจงบอกว่าจะไปเป็นเพื่อนเขา แต่เฉินกุ้ยไม่ให้ นี่เป็นเรื่องของเขา เขาไปเองได้


บ้านเฉินอยู่ที่นี่พักผ่อนแล้ว แต่คิดว่าน่าจะนอนไม่หลับกัน


กลางดึกเฉินเยี่ยนได้ยินเสียงคนตบประตูบ้านอยู่ข้างนอก


เฉินเยี่ยนลุกขึ้นนั่ง นวดศีรษะ หาววอด เวลานี้ใครกันนะ? อยู่ๆ เธอก็คิดถึงหลัวเหมยขึ้นมาได้ หรือว่าจะเป็นคนบ้านหลัวมา?


เฉินเยี่ยนลงจากเตียง ตอนกลางคืนหลัวเหมยนอนกับหวางจวน ไม่ได้นอนกับเธอ ไม่รู้ว่าทำไมเธอคิดว่าหลัวเหมยรู้สึกกลัวเธอ


ด้านนอกเฉินจงออกไปเปิดประตูแล้ว เฉินเยี่ยนได้ยินเสียงโวยวายอยู่ที่ประตูใหญ่ เป็นคนบ้านหลัวมาจริงๆ ด้วย


จุดไฟในโถงบ้าน คนบ้านเฉินให้คนบ้านหลัวเข้ามาในโถงบ้าน


เฉินเยี่ยนไม่สนใจคนบ้านหลัวที่กำลังร้องโวยวายอยู่ เธอมองเฉินกุ้ย ใบหน้าเฉินกุ้ยมีรอยแผล เสื้อผ้าก็โดนดึงจนขาด นี่โดนตีมา?


“หยุดโวยวายได้แล้ว!”


จู่ๆ เฉินเยี่ยนก็ร้องเสียงดังขึ้นมา ไม่สนใจพ่อแม่เฉินที่เรียกให้นั่ง พ่อแม่หลัวและพี่ชายคนโตของหลัวเหมยที่กำลังด่าอยู่ต่างหยุดและมองไปที่เฉินเยี่ยน


“พวกคุณตีพี่ฉันหรือ?”


เฉินเยี่ยนถามคนบ้านหลัว


“เขามันหน้าด้านหลอกลวงลูกสาวฉัน ลูกสาวฉันบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่มาโดนเขาทำลาย ไม่ควรด่าหรือไง? ลูกสาวเรามีคู่จะแต่งงานแล้ว เขายังทำเรื่องแบบนี้อีก ไม่ตีเขาจะให้ตีใคร พวกบ้านเฉินนี่หน้าไม่อายจริงๆ พวกคุณไม่มีปัญญาแต่งงานกับลูกสาวเราก็เลยทำเรื่องแบบนี้ ใคราชอบพวกคุณคนบ้านเฉิน จะต้องซวยไปแปดชั่วโครตแน่”


แม่หลัวมองเฉินเยี่ยนอย่างดูถูก


เฉินเยี่ยนอยากจะเข้าไปตบหน้าแม่หลัวสักสองฉาด ท่าทางโอหังของเธอมาโวยวายในบ้าน ไม่ตบเธอจะตบใคร


แต่แขนเฉินเยี่ยนโดนเฉินจงดึงไว้ เขาส่ายหน้าให้เฉินเยี่ยน ไม่ว่าจะยังไงแม่หลัวก็เป็นแม่ของหลัวเหมย


แต่ความอดทนของเฉินกุ้ยและเฉินเยี่ยนไม่ทำให้คนบ้านหลัวมีเหตุผลขึ้นเลย ไม่ว่าเฉินจงและหวางนิวจะอธิบายยังไง คนบ้านหลัวก็ตัดสินไปแล้วว่าบ้านเฉินทำร้ายลูกสาวของพวกเขา ด่าบ้านเฉินตั้งแต่ข้างในยันข้างนอก


“คุณพูดให้ชัดหน่อย เป็นพวกคุณที่จะขายลูกสาว บีบบังคับให้ลูกสาวออกไป พวกเราบ้านเฉินล่อลวงเธอยังไง? ตาคู่ไหนของพวกคุณที่เห็นพวกเราทำร้ายเธอหรือ? พี่ชายฉันใจดีมาส่งข่าวให้พวกคุณ พวกคุณยังตีเขาอีก ตอนนี้มาด่าคนอื่น อยากจะลงมือใช่ไหม? งั้นได้เลย ก็มาตีกันก่อนแล้วค่อยว่ากัน ในเมื่อพวกคุณไม่มีเหตุผล ก็มาวัดกันว่าหมัดใครแข็งกว่ากันแล้วกัน ชอบลงมือไม่ใช่เหรอ ได้ พ่อ พี่ แม่ จวนเอ๋อร์ มา พวกเราก็ไม่ยอมให้ใครรังแกเหมือนกัน ลุยเข้าไปเลย”


เฉินเยี่ยนรู้ว่าคนแบบนี้ ถ้าไปคุยเหตุผลกับเธอ เธอจะคิดว่าเราอ่อนแอ จะยิ่งรังแกเป็นสองเท่า ถ้าลงมือ ได้ ฉันจะตอบโต้ ตีเสร็จ ทำให้พวกเขากลัว ก็จะฟังเราพูดแล้ว


เฉินจง เฉินกุ้ย หวางนิว หวางจวนได้ยินคำพูดของเฉินเยี่ยนก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร คนที่มีปฏิกิริยาคนแรกคือเฉินหู่ เขาก็โดนปลุกขึ้นมาเพราะเสียงโวยวาย ไม่พูดอะไรหยิบม้านั่งขึ้นมา เขาทุ่มใส่แม่หลัว พี่สาวเรียกให้ตีคนแล้ว เขาจะพูดอะไรอีก ตีก่อนแล้วค่อยว่ากัน ส่วนทำไมถึงทุ่มใส่แม่หลัว เพราะเขารู้สึกว่าแม่หลัวด่าคนได้หยาบคายมาก


แม่หลัวคิดไม่ถึงว่าจะมีคนลงมือจริง แล้วยังโดนเฉินหู่ทุ่มม้านั่งใส่อีก เธอร้องขึ้นมา ยังไม่ทันได้พูดอะไร ฝั่งเฉินหู่พูดขึ้นมาอีก “ไม่ถูก ม้านั่งนี่ไม่ถูก พ่อ แม่ พี่ชาย พี่สาวรอผมก่อน ผมจะไปเอามีดหั่นผักกับไม้นวดแป้งมา พี่ชายเราจะต้องไม่โดนตีฟรี ตีพวกเขาให้ยอมก่อนแล้วค่อยว่ากัน”


เฉินหู่พูดจบก็ไม่รอให้ทุกคนทันตอบโต้ก็วิ่งออกไป คนบ้านหลัวอยากจะจับก็ไม่ทัน


คนบ้านหลัวมองหน้ากันไปมา ต่างทำอะไรไม่ถูก พวกเขาคิดว่าพวกเขามาด้วยท่าทีที่โหดดุ บ้านเฉินจะเสียศูนย์ ต้องหงอไม่กล้ามีปากเสียง จ่ายค่าชดใช้เป็นการขอโทษ พวกเขาก็จะได้โวยวายเสียงดังได้ ไม่สนว่าผลจะเป็นอย่างไร พวกเขาเป็นฝ่ายชนะอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เรื่องไม่ได้เป็นแบบนี้


“พวกเธอ พวกเธอล่อลวงลูกสาวฉัน พวกเธอยังจะตีคนอีก โอ้ย แม่เจ้า ในโลกนี้ยังมีคนไม่มีเหตุผลแบบนี้ที่ไหนอีก ฉันว่าพวกเธอมันเดนตาย ยังไม่รีบลงมืออีก”


แม่หลัวเท้าเอวด่าไปแล้วให้สามีกับลูกชายลงมือ


พ่อหลัวกับพี่ชายหลัวเหมยต่างมองด้วยความโกรธ แต่เฉินจงยืนอยู่ตรงนั้น เฉินกุ้ยก็เหมือนจะยืดเอวขึ้นมา พวกเขาดูลังเล ถ้าจะตีกันจริง พวกเขาไม่น่าจะรอด


หลัวเหมยก็ออกมาแล้ว เห็นแม่เธอเดินก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แต่พอก้าวไปหนึ่งก้าวเธอก็กัดริมฝีปากยืนอยู่ตรงนั้น เธอเดินไปข้างหน้าไม่ได้


“แกมันจิตใจไม่ดี ดูที่แกทำเรื่องน่าอายแบบนี้ แกจะเอาชีวิตฉันหรือไง พวกฉันหาคนดีอย่างบ้านจางให้ คนดีแกไม่ต้องการ แกหนีออกมาหาคนพาล แกมันหน้าไม่อาย พวกฉันขายขี้หน้านะ พูดออกไปพวกฉันจะทำตัวยังไง! สวรรค์หนอ ลูกสาวเห็นแม่ตัวเองโดนตีจนตายยังไม่ร้องสักคำ ทำไมชีวิตฉันมันถึงได้ทุกข์ขนาดนี้


แม่หลัวก็เห็นลูกสาวแล้ว เลยเริ่มต่อว่าตำหนิ เธอรู้จักลูกสาวตัวเองดี เธอทำแบบนี้ลูกสาวจะต้องใจอ่อนแน่


หลัวเหมยกัดริมฝีปากแน่น เธอมองไปยังเฉินกุ้ย เฉินเยี่ยน เธอหนุนหลังตัวเอง ฝืนขาที่จะก้าวออกไป เธอเดินไปไม่ได้ ถ้าเดินเข้าไปเธอจบกัน หลัวเหมยหันหน้ามาอีกฝั่ง


แม่หลัวเหมยคิดไม่ถึงว่าลูกสาวจะเป็นแบบนี้ พี่ชายหลัวเหมยโกรธจนจะเข้าไปคว้าหลัวเหมยมา เฉินกุ้ยบังเธอไว้ ตอนนี้เฉินหู่วิ่งเข้ามา


“ได้แล้ว ผมเอาเครื่องมือมาแล้ว”


เฉินหู่หอบเอาของเข้ามา


เฉินเยี่ยนเห็น เครื่องมือดี เฉินหู่มือหนึ่งหยิบมีดหั่นผัก อีกมือหยิบมีดกำพร้ามา แล้วรักแร้สองข้างข้างหนึ่งหนีบไม้นวดแป้งมาด้วย อีกข้างหนีบไม้จุดไฟมาด้วย นี่เอาของในครัวที่ใช้ได้มาหมดเลย


น้องชายคนนี้นี่เอาเรื่องพอตัวเลย เฉินเยี่ยนแอบถอนหายใจ ชื่อนี้พ่อแม่ตั้งให้ไม่ผิดเลย


“ให้”


เฉินหู่เริ่มแจกอาวุธให้ทุกคน


เฉินเยี่ยนเอาไม้นวดแป้งไป เฉินจงรับมีดกำพร้าไป เฉินกุ้ยรับมีดหั่นผัก ในมือเฉินหู่ถือไม้จุดไฟ มือหวางนิวไม่มีอะไร เลยร้องขึ้นมา “แล้วฉันมีอะไรล่ะ!”


“ไม่งั้นเอาไม้จุดไฟให้แม่ เดี๋ยวผมไปหาเพิ่ม”


เฉินหู่เอาไม้จุดไฟให้หวางนิว จากนั้นก็วิ่งออกไปอีก


เฉินเยี่ยนเคาะไม้นวดแป้งในมือ เสียงไม้นวดแป้งกระทบกับพื้นทำให้คนบ้านหลัวตัวสั่น ดูเหมือนคนบ้านเฉินจะไม่ได้พูดเล่น พวกเขาจะเอาถึงชีวิตเลยหรือ ในมือพวกเขามีอุปกรณ์กันหมด ฝั่งตัวเองจะตกที่นั่งลำบาก


“พูดมา จะตีก่อนค่อยคุยกันใช่ไหม?”


เฉินเยี่ยนถามคนบ้านหลัวตรงๆ ตอนนี้ไม่ขู่พวกเขา พวกเขาก็ไม่ยอมคุยกันดีๆ


“นั่น พวกเราก็ไม่ได้บอกว่าจะทะเลาะเสียหน่อย ที่ตีพี่ชายเธอเพราะพวกเราร้อนใจ ก็เพราะเหมยเอ๋อร์หายไปไม่ใช่หรือ พวกเราคิดว่าเธอโดนพวกเธอล่อลวง ตอนนี้รู้แล้วว่าไม่ใช่ งั้น งั้นคุยกันดีๆ พวกเราคุยกันดีๆ”


คำพูดแม่หลัวอ่อนลง ท่าทีก็อ่อนลงด้วย


พ่อหลัวกับพี่ชายก็พยักหน้า โดยเฉพาะพี่ชายหลัว เขาเป็นคนตีเฉินกุ้ย เขากลัวเฉินกุ้ยฟันเขาด้วยมีดหั่นผักจริงๆ


————–


ตอนที่ 170: ทำยาเส้นสำเร็จ

โดย

Ink Stone_Romance

เห็นคนบ้านหลัวอ่อนลงแล้ว คนบ้านเฉินถึงค่อยแอบโล่งใจ


“ได้ งั้นคุณเลือกจะคุยกันดีๆ พวกเราก็จะคุยกันก่อน”


จุดประสงค์ของเฉินเยี่ยนก็ไม่ได้จะตีคนบ้านหลัวจริงๆ ทำร้ายคนบ้านหลัว แบบนั้นเฉินกุ้ยก็แต่งงานกับหลัวเหมยไม่ได้แล้ว เพียงแค่ต้องการคุมอารมณ์คนบ้านหลัวเท่านั้น


“พี่ ผมหาอันนี้ได้ พี่ว่าใช้ได้ไหม”


ตอนนี้เฉินหู่วิ่งกลับเข้าอีกรอบ ครั้งนี้เขาหยิบพลั่วเหล็กและเสียมมา


“ได้ เธอถือไว้ก่อน ดูอยู่ตรงนี้ ถ้าพวกเขาไม่มีเหตุผลลงมือพวกเราค่อยลงมือ”


เฉินเยี่ยนพยักหน้ากับเฉินหู่ อันที่จริงเธอไม่อยากให้เฉินหู่มีเรื่อง แต่ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้ นี่เป็นวิธีที่เร็วที่สุดที่จะให้คนบ้านหลัวสงบลง ไม่อย่างนั้นต้องโวยวายกันอีก


เฉินหู่เชื่อฟังเฉินเยี่ยน เขาเอาเสียมให้หวางจวนหนึ่งอัน จากนั้นเฉินหู่หยิบพลั่วเหล็กยืนอยู่ตรงนั้น จ้องมองคนบ้านหลัวหน้าตาเคร่งขรึม ท่าทางเอาจริงเอาจังนั้น ให้ความรู้สึกไม่เป็นมิตรกับคนบ้านหลัวเลย


ในมือคนบ้านเฉินต่างมีอาวุธกันทุกคนสามารถควบคุมบ้านหลัวได้แล้ว ต้องพูดดีแน่นอน


ตั้งแต่กลางดึกคุยกันมาจนฟ้าสว่าง ถึงค่อยคุยกันรู้เรื่อง บ้านหลัวยอมถอนหมั้นกับบ้านจาง ตกลงยกลูกสาวให้บ้านเฉิน แน่นอน สิ่งที่บ้านหลัวขอบ้านเฉินไม่สามารถตอบตกลงได้ทั้งหมด บ้านเฉินยอมให้ค่าสินสอดมากเท่ากับบ้านจาง ส่วนเรื่องบ้าน บ้านเฉินไม่ยอมออกจากบ้านหลังใหญ่นี้ เฉินกุ้ยแต่งงานต้องแต่งไปบ้านโน้น แต่พ่อแม่บ้านเฉินตกลงว่า อีกหน่อยจะช่วยสร้างบ้านที่ฝั่งนั้นให้


สุดท้ายคนบ้านหลัวกลับไปแล้ว หลัวเหมยกลับไปกับพวกเขา หลัวเหมยอยู่บ้านเฉินไม่ได้ ไม่อย่างนั้นชื่อเสียงเธอจะไม่ดี ผ่านการสั่งสอนครั้งนี้แล้ว บ้านหลัวก็ไม่กล้าให้หลัวเหมยแต่งไปบ้านจางแล้ว หลัวเหมยก็แสดงจุดยืนแล้ว นอกจากบ้านเฉินแล้วเธอไม่แต่ง ถ้าต้องบีบบังคับเธอ เธอจะตาย


ยังไงก็ต้องแต่ง สุดท้ายแม่หลัวคิดว่าแต่งมาบ้านเฉินก็ได้ ยังไงสินสอดพวกเขาก็ไม่เสียเปรียบ ดูท่าแล้วชีวิตที่บ้านเฉินน่าจะไม่แย่ ขอแค่อีกหน่อยช่วยเหลือพวกเขาได้ก็พอแล้ว


ส่วนฝั่งบ้านจาง ยังไงบ้านจางก็ไม่ได้ดีอะไร แม่หลัวคิดว่าพวกเขามีวิธีรับมือกับบ้านจาง ถอนหมั้นไม่ใช่ปัญหา


บ้านหลัวยังตกลงกับบ้านเฉิน ให้ผ่านไปสักพักบ้านเฉินมาสู่ขอ ให้เฉินกุ้ยและหลัวเหมยจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยก่อนปีใหม่ บ้านเฉินสู่ขอลูกสะใภ้ก็ปีใหม่พอดี ส่วนบ้านหลัวจะไปถอนหมั้นกับบ้านจางยังไง บ้านเฉินไม่ยุ่งด้วย


ไม่ว่าจะพูดยังไง ผลลัพธ์ถือว่าดี เฉินจง เฉินกุ้ย หวางนิวก็พอใจ


“เฮ้อ คืนนี้ช่างทรมาน ไม่ว่าจะยังไงก็ถือว่าจบด้วยดี ใจฉันนี่ ตื่นเต้นมาทั้งคืน กว่าจะสงบลงได้”


หวางนิวพูดแล้วเอาไม้จุดไฟในมือโยนลงไปบนพื้น เธอถือไม้จุดไฟนี่ทั้งคืนเลย จนเธอลืมวางลง


เฉินเยี่ยนหัวเราะ และวางไม้นวดแป้งในมือลงเหมือนกัน ส่วนเฉินจงและเฉินกุ้ยวางมีดลงนานแล้ว เฉินหู่ เธอให้เฉินหู่ไปนอนก่อนแล้ว ตอนเช้าเฉินหู่ยังต้องไปโรงเรียน


“หนูไปทำกับข้าวนะคะ”


เฉินเยี่ยนเริ่มง่วง แต่ตอนนี้เช้าแล้ว ยังไงก็ต้องกินข้าวก่อนค่อยไปนอน


“แม่ไปเอง ลูกไปพักผ่อนเถอะ ทรมานมาทั้งคืน กับข้าวทำเสร็จแล้วเดี๋ยวแม่เรียก”


หวางนิวสงสารลูกสาว ให้ทุกคนไปนอน แล้วเธอไปทำอาหารเช้า


เฉินกุ้ยไม่ได้ไปนอน เขายืนอยู่ในลานบ้าน มองฟ้าที่ค่อยๆ สว่างแล้วยิ้มเขินออกมา ในที่สุดเขาก็มีภรรยาแล้ว หลัวเหมยเป็นผู้หญิงที่สามารถใช้ชีวิตอยู่ด้วยอย่างสบายใจได้ อีกหน่อยเขาจะได้มีภรรยาที่ผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันแล้ว


รอยยิ้มไปโดนแผลที่มุมปากเฉินกุ้ย แต่เขากลับไม่รู้สึกว่าเจ็บเลย ที่แท้สวรรค์ก็ยังสนใจเขาอยู่


บ้านเฉินและบ้านหลัวตกลงเรื่องแต่งงานกันได้ เรื่องงานแต่งเฉินกุ้ยถือว่าจบลงแล้ว เฉินเยี่ยนค่อยสบายใจลง รอถึงวันนั้น เธอจะมาดูใบยาสูบที่หมักไว้


ยาเส้นมีกลิ่นหอม ความหอมแบบนี้เฉินเยี่ยนอธิบายไม่ถูก มีกลิ่นหอมเหล้า และกลิ่นของใบยาสูบที่มีอยู่แล้ว ให้คนดมแล้วรู้สึกสบาย


“หอมขนาดนี้ ไม่น่าจะแย่นะ”


เฉินจงเป็นคนสูบบุหรี่ เขามีความสามารถบอกได้มากกว่าเฉินเยี่ยน


พูดไปไม่เท่ากับได้ลอง เฉินเยี่ยนหยิบยาเส้นขึ้นมาเล็กน้อย ม้วนบุหรี่ให้เฉินจงลองสูบ


“สูบดี ไม่เหมือนบุหรี่ที่สูบเมื่อก่อน ความหอมนี้ สูบแล้วมีความรู้สึกดีค้างอยู่ในปาก”


เฉินจงพยักหน้าติดต่อกัน


เฉินเยี่ยนยิ้มออกมา เมื่อก่อนพวกเขาห่อเป็นบุหรี่ที่เก็บมาจากไปป์บุหรี่ เป็นของที่คนอื่นสูบแล้วเหลือทิ้งไว้ ไม่มีทางเทียบกับยาเส้นที่ดีนี้ได้แน่นอน ดูเหมือนยาเส้นนี้ทำสำเร็จแล้ว! นี่เป็นยาเส้นที่ใช้เหล้าธรรมดาหมักตั้งหนึ่งเดือนเลยนะ ถ้าเป็นยาเส้นที่ใช้เหล้าเหมาไถหมักจะเป็นยังไง?


จะต้องเป็นของดีที่หอมมากๆ แน่นอน นัยน์ตาเฉินเยี่ยนมีประกายความคิดขึ้นมา และไม่รู้ว่าซินห้าวสูบบุหรี่หรือไม่ แต่หลายครั้งที่เจอเขา เหมือนเขาไม่ได้สูบ ถ้าเขาสูบ ตัวเองจะได้ทำยาเส้นแบบหมักสามปีดีไหม เอาให้พ่อและซินห้าวสูบ?


ฝั่งซินห้าวนั้นช่างเถอะ ถ้าไม่สูบก็อย่าให้เขาหัดสูบเลย สูบบุหรี่ทำลายสุขภาพ ส่วนพ่อเธอนี่เลิกไม่ได้แล้ว ไม่อย่างนั้นเธอก็ไม่ให้สูบเหมือนกัน


“เยี่ยนจื่อ เราทำยาเส้น ใบยาสูบ เหล้าของตัวเอง เอามาเทียบกับไปป์บุหรี่ที่เก็บมาไม่ได้อยู่แล้ว ต้นทุนสูงขึ้น ราคาก็ต้องแพงขึ้น ไม่รู้ว่าจะมีคนติงเรื่องราคาสูงไหม”


เฉินจงบอกความกังวลของเขา


“ต้องมีอยู่แล้วค่ะ แต่รสชาติบุหรี่แบบนี้จะไปหาได้ที่ไหน รสชาติดี ต้องมีคนยอมสูบแน่นอน เรื่องโถงประชุมนั่นยังไม่ได้ตกลงเรียบร้อย หนูคิดว่าจะห่อหลายอันเอาไปลองดู ยาเส้นที่พวกเราทำเองแบบนี้ หนูคิดว่าเราทำแบบมีตัวกรองและไม่มีตัวกรอง ให้คนที่พอมีฐานะสูบ ส่วนอันก่อนที่พวกเราทำก็ยังทำอยู่ ยังไงราคาก็ถูกกว่า คนส่วนใหญ่มีปัญญาสูบ ทำให้บนกล่องแตกต่างก็ได้แล้ว ถ้าทุกคนรับได้ ฝั่งโถงประชุมนั่นคุยกับคอมมูนเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็จะได้ทำตราสินค้าจะขายได้ง่ายขึ้น”


เฉินเยี่ยนคิดหาวิธีไว้แล้ว ถึงแม้ว่าจะคุยเรื่องซื้อโถงห้องประชุมเรียบร้อย เซ็นสัญญากัน แล้วค่อยซ่อมแซมจนเริ่มใช้งานได้ ยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ช่วงเวลานี้เธอก็ไม่ได้คิดจะอยู่เฉยๆ ยังไงก็ยังหาเงินได้ไม่น้อย


เฉินจงพยักหน้า ลูกสาวคิดมาแล้ว งั้นเขาแค่ทำตามก็พอ


เฉินเยี่ยนเอาบุหรี่ที่ห่อเสร็จไปให้เฉินจงส่งไปที่จุดกระจายสินค้า พอได้ยินว่าบุหรี่นี้จะราคาแพงขึ้น ร้านขายส่วนใหญ่ย่อมมีความคิดเห็น แต่ก็ได้ยินว่าแบบเก่าที่บ้านเฉินทำก็ยังมีอยู่ เพียงแต่กล่องไม่เหมือนกัน บุหรี่ข้างในก็ไม่เหมือนกัน ราคาก็ไม่เหมือนกัน


เฉินจงและเฉินเยี่ยนเอายาเส้นที่ตัวเองทำให้แต่ละร้านลองชิม รสชาติถูกปากคนพวกนั้น พวกเขาคิดว่ารสชาติแบบนี้เหมาะสมกับราคานั้นจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านการหมักเหล้ามาแล้ว นี่เป็นของชั้นดี และไม่มียี่ห้อ ไม่อย่างนั้นจะต้องแพงแน่นอน


แต่ละร้านก็ยอมรับบุหรี่ใหม่ แน่นอน บุหรี่นี้พวกเขาต้องการจำนวนน้อย แต่ละจุดต้องการหนึ่งแถว ถึงแม้จะต้องการมากกว่านี้ก็ไม่มีแล้ว ยาเส้นของเฉินเยี่ยนทำมาแค่นี้ เป็นของทดลอง ตอนนี้รู้แล้วว่าไม่มีปัญหา เธอก็สามารถทำต่อได้แล้ว


ซื้อเหล้ามาแล้ว ก็ซื้อพวกเนื้อและของกินมาด้วย ได้เงินและตั๋วที่มาแล้ว เฉินเยี่ยนและเฉินจงกลับไป เฉินเยี่ยนก็ดีใจมาก ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ถึงแม้ไม่เปิดโรงงานม้วนบุหรี่ เงินก็หาได้ไม่น้อยเลย


 ——————


ตอนที่ 171: ดีมากที่เข้าใจผิด

โดย

Ink Stone_Romance

ระหว่างทางกลับเฉินจงและเฉินเยี่ยนคุยกันเรื่องซินห้าว เฉินเยี่ยนเล่าเรื่องคร่าวๆ ให้เฉินจงฟัง เฉินจงเข้าใจ ตอนนี้ก็ไม่มีวิธีอื่น ทำได้แค่รอฝั่งซินห้าวมาสู่ขอปีหน้า ยังไงก็ไม่สามารถไปหาพ่อซินห้าวแบบนั้นได้เหมือนที่หวางนิวพูดอยู่แล้ว?


ในเมื่อทั้งสองคนตกลงกันเองแล้ว งั้นเขาก็รอแล้วกัน ลูกสาวพูดแล้ว ก่อนปีใหม่ช่วงนี้ซินห้าวจะยุ่งมาก ถ้าจะไปยุ่มย่ามเรื่องอะไรก็จะดูไม่ค่อยดี


ขอแค่เขารู้ว่าลูกสาวกับซินห้าวไม่ได้เล่นๆ เขาก็วางใจ


“เยี่ยนจื่อ ลูกกับเสี่ยวเวย…”


เฉินจงไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี เขารู้ว่าในตัวเฉินเยี่ยนไม่ใช่ลูกสาวคนโตของเขาอีกแล้ว แต่ลูกสาวคนเล็กล่ะ? ลูกสาวคนเล็กอ่อนแอมาแต่ไหนแต่ไร บอบบางแบบนี้ เขาไม่รู้ว่าลูกสาวคนเล็กเปลี่ยนคนไปด้วยหรือเปล่า แต่เขารู้สึกได้ว่าเฉินเยี่ยนและเฉินเวยมีเรื่องขัดแย้งกันจริงๆ แล้วยังไม่ได้ขัดแย้งกันเล็กๆน้อยๆด้วย แล้วยังมีอวี๋เหวยหมินนั่น เขาก็ดูไม่เหมือนเมื่อก่อน ถ้าเมื่อก่อนอวี๋เหวยหมินเป็นแบบนี้ เขาก็ไม่ยอมตกลงยกเฉินเยี่ยนให้อวี๋เหวยหมินหรอก เขารู้สึกว่าระหว่างเฉินเยี่ยน เฉินเวยและอวี๋เหวยหมินต้องมีเรื่องราวอะไรแน่นอน


เฉินเยี่ยนก้มหน้า คำถามนี้เธอควรจะตอบเฉินจงอย่างไรดี? เธอรู้ดี เฉินจงเคยสงสัยเธอ ตอนหลังก็ยอมรับเธอแล้ว สองคนพ่อลูกรู้อยู่แก่ใจแต่ไม่พูดเรื่องนี้ออกมา แต่เธอต้องการจะอธิบายเรื่องเธอและเฉินเวยให้เฉินจงฟัง อย่างนั้นก็ต้องเล่าเรื่องที่มาที่ไปของเธอให้เฉินจงฟัง เฉินเยี่ยนไม่ยอมพูด ถึงแม้ว่าเฉินจงจะยอมรับเธอแล้ว แต่เรื่องนี้พูดไม่ง่ายจริงๆ


แต่ไม่พูด ความขัดแย้งระหว่างเธอและเฉินเวยที่ไม่อาจลงรอยกันได้ อีกหน่อยต้องทำให้พ่อแม่เสียใจแน่นอน ยังไงก็เป็นพี่น้องเหมือนกัน


“พ่อ หนูเล่าเรื่องหนึ่งให้พ่อฟังดีกว่าค่ะ พ่อฟังแล้วน่าจะเข้าใจ”


เฉินเยี่ยนตัดสินใจพูดขึ้นมา


เฉินจงฟังด้วยความสงบ


“มีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อเยี่ยนจื่อ เธอถือว่าเด็กผู้หญิงที่ชื่อเสี่ยวเวยเป็นน้องสาว ทำดีกับเธอมาก เธอคิดว่าพวกเธอจะเป็นพี่น้องกันไปทั้งชีวิต ต่อมาเยี่ยนจื่อแต่งงาน เธอคิดว่าผู้ชายคนนั้นดีต่อเธอ แต่เสี่ยวเวยที่เป็นเหมือนน้องสาวเธอกลับหย่า เยี่ยนจื่อเลยรับเสี่ยวเวยมาอยู่ที่บ้าน ทำดีกับเธอ ดูแลเธอ บอกว่าจะหาคนที่ดีให้เธอ พวกเธอใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน จะได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แต่ที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงคือ เสี่ยวเวยกลับไปมีอะไรกับสามีเธอ แล้วยังบอกว่าจะให้เธอเป็นพี่สาว ไม่ต้องการสถานะ จะไม่แย่งกับเธอ ใช้ชีวิตกันไปแบบนี้ เยี่ยนจื่อโกรธมาก เลยตบน้องสาวไปฉาดหนึ่ง สามีของเยี่ยนจื่อเข้าข้างเสี่ยวเวย ตบเยี่ยนจื่อ จากนั้นพวกเขาก็ไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อจากนี้แล้ว รอจนเยี่ยนจื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าเธออยู่ในสวนผลไม้ โดนน้องและคู่หมั้นเธอใส่ร้าย เธอโกรธมาก เธอรู้ว่าชีวิตนี้ไม่มีทางคืนดีกับเสี่ยวเวยคนที่เหมือนน้องสาวเธอแล้ว ใช่แล้ว สามีของเยี่ยนจื่อแซ่อวี๋”


เฉินเยี่ยนเล่าแค่นี้ แต่เหมือนกับเล่าเรื่องทั้งหมดให้เฉินจงฟัง


เฉินจงตกใจเบิ่งตาโต เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้ เขาคิดว่าวันนั้นที่สวนผลไม้มีผีจากสุสานมาสิงร่างลูกสาวเขา ไม่ใช่หรือนี่?


คำพูดของเยี่ยนจื่อหมายความว่าเธอกับอวี๋เหวยหมินแต่งงานกันแล้วหรือ ส่วนเฉินเวยมาแย่งอวี๋เหวยหมินไป ทำร้ายเยี่ยนจื่อ เขาคิดดู เรื่องราวเกิดขึ้นแบบนี้จริงๆ ตั้งแต่อวี๋เหวยหมินมาถึงเวยหลายชุนจนกระทั่งหูเฟยนั่น ดูเหมือนเฉินเวยจะแย่งเฉินเยี่ยนมาตลอด ถึงแม้ภายนอกเฉินเยี่ยนดูอ่อนแอ แต่สิ่งที่เธอทำนั้นกลับทำให้คนไม่พอใจ


“แล้วพวกเขาหน้าตายังไง?”


ผ่านไปนานเฉินจงค่อยถามคำถามนี้ขึ้นมา


“หน้าตาเหมือนหนู เสี่ยวเวย และอวี๋เหวยหมิน”


เฉินเยี่ยนไม่ได้ปิดบัง


เฉินจงเข้าใจแล้ว ลูกสาวเขาก็น่าจะยังเป็นลูกสาวเขาอยู่ ถ้าเป็นเหมือนที่เฉินเยี่ยนบอก ก็หมายความว่าเยี่ยนจื่อแต่งงานกับอวี๋เหวยหมิน แต่อวี๋เหวยหมินไม่อยู่กับเยี่ยนจื่อดีๆ ไปมีอะไรกับเฉินเวย เยี่ยนจื่อรู้เข้าย่อมโกรธแน่นอน ดังนั้นเลยตบเฉินเวย อวี๋เหวยหมินช่วยเฉินเวยและเป็นปรปักษ์กับเฉินเยี่ยน จากนั้นพวกเขาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เลยกลับมา กลับมาตอนที่เยี่ยนจื่อยังไม่ได้แต่งงานกับอวี๋เหวยหมิน


เป็นเพราะเฉินเยี่ยนกลับมาช้า ดังนั้นเฉินเวยเลยร่วมมือกับอวี๋เหวยหมินจัดการเฉินเยี่ยน ทำร้ายเฉินเยี่ยน แบบนี้ก็จะไม่เกิดเรื่องต่อจากนี้แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าพอเกิดเรื่องที่สวนผลไม้ครั้งนั้น เยี่ยนจื่อก็กลับมา นี่อธิบายได้ว่าทำไมเยี่ยนจื่อถึงไม่ชอบเสี่ยวเวย ทำไมจะต้องถอนหมั้นกับอวี๋เหวยหมิน เพราะเมื่อก่อนเยี่ยนจื่อชอบอวี๋เหวยหมินมาก และก็อธิบายได้ว่าทำไมเยี่ยนจื่อไม่เหมือนคนเก่า เป็นเพราะเยี่ยนจื่ออยู่มาหลายปีแล้ว รู้เรื่องมาไม่น้อย


ก็เหมือนครั้งนั้นที่ขุดของโบราณพวกนั้น พวกเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่เยี่ยนจื่อกลับรู้ แล้วยังมีอวี๋เหวยหมิน เขาต้องรู้เหมือนกันว่าของพวกนั้นมีมูลค่ามาก ดังนั้นเลยอยากได้ โชคดี โชคดีที่ครั้งนั้นเขาเชื่อลูกสาว ไม่ปล่อยให้อวี๋เหวยหมินได้ไป ไม่อย่างนั้นเขาจะเสียใจจนวันตาย


ที่แท้ลูกสาวแต่งงานกับอวี๋เหวยหมิน อวี๋เหวยหมินทำไม่ดีกับลูกสาวขนาดนี้ แล้วยังมีเสี่ยวเวย ที่ชอบมาแย่งของพี่สาวทุกอย่าง ต่อหน้าอย่าง ลับหลังอย่าง แต่ดูแล้วไม่ใช่คนดี เธอทำแบบนี้กับเยี่ยนจื่อ เยี่ยนจื่อชอบเธอสิแปลก นี่อธิบายได้ถึงเหตุผลที่ว่าทำไมเยี่ยนจื่อถึงดีกับทุกคนในบ้าน มีแค่เฉินเวยคนเดียวที่ไม่ดีด้วย


ที่แท้เยี่ยนจื่อคือลูกสาวเขา เพียงแต่เป็นลูกสาวในอนาคตกลับมา งั้นเขาก็สบายใจแล้ว จะพูดยังไง จะไม่มีเหตุผลยังไง ก็ดีว่าคนอื่นมาสิงตัวลูกสาวเขาทำให้เขาสบายใจ


สายตาเฉินจงที่มองเฉินเยี่ยนยิ่งมีความเมตตามากขึ้น เฉินเยี่ยนไม่รู้ว่าเฉินจงคิดแบบนี้ แต่ถึงแม้รู้เธอก็ไม่อธิบาย พ่อเข้าใจผิดแบบนี้ดีแล้ว


พ่อรู้เรื่องพวกนี้แล้ว อีกหน่อยเธอและเฉินเวยมีเรื่องขัดแย้งกัน เธอทำอะไรเฉินเวย คิดว่าพ่อก็จะอยู่ข้างตัวเอง มีพ่อช่วยโน้มน้าวแม่ ฝั่งแม่ก็โทษอะไรเธอไม่ได้แล้ว


เห็นพ่อลูกสองคนคุยกันยิ้มให้กันย้ายของลงมา หวางนิวดีใจมาก แต่พอคิดถึงลูกสาวคนเล็กเธอก็ทอดถอนใจ ถ้าลูกสาวคนเล็กสนิทกับเยี่ยนจื่อแบบนี้ก็ดีสิ ทำไมสองพี่น้องนี่ถึงไม่สนิทกันนะ?


ฝั่งยาเส้นที่เฉินเยี่ยนหมัก เอามาห่อบุหรี่ได้เงินมา แล้วรอข่าวจากทางคอมมูน ฝั่งเฉินเวยจะเป็นบ้าอยู่แล้ว


ถึงแม้อวี๋เหวยหมินจะโดนเธอกล่อมแล้ว แต่นับวันอวี๋เหวยหมินยิ่งไปกันใหญ่ มีหลายครั้งที่เธอเกือบเสียตัว ถ้าเธอไม่ค้านอย่างสุดแรง อวี๋เหวยหมินก็ได้เธอไปแล้ว ทุกครั้งที่เธอไม่ยอม อวี๋เหวยหมินก็จะโมโห มีครั้งหนึ่งพวกเขาสองคนเกือบจะทะเลาะลงมือกัน เธอยิ่งรังเกียจอวี๋เหวยหมินมากขึ้นทุกวัน


แล้วยังซินห้าวอีก เธอหาซินห้าวไม่เจอเลย ไม่เจอคน เธอจะปล่อยเสน่ห์ของเธอได้ยังไง?


ไม่เจอซินห้าว ตอนนี้เธอก็ไม่มีเวยหลายชุนและหูเฟยแล้ว ไม่มีใครให้เงิน ตั๋ว ของกิน เสื้อผ้ากับเธอ แล้วตามกลับไปไม่ได้แล้วด้วย มีครั้งหนึ่งเธอไปหาเวยหลายชุน จะแสดงละคร ปรากฏว่าเวยหลายชุนไม่พูดอะไรไล่เธอออกไปจากสหกรณ์เลย เธอแกล้งทำเป็นน่าสงสารรออยู่ข้างนอก เวยหลายชุนก็ไม่สนใจเธอ ขี่จักรยานออกไปเลย เฉินเวยถึงได้รู้ว่าเวยหลายชุนเกลียดเธอแล้ว ไม่อภัยให้เธอแล้ว ทั้งหมดเป็นเพราะเฉินเยี่ยน! เธอโยนความผิดไปที่เฉินเยี่ยนอีกครั้ง


————-


ตอนที่ 172: ตบสิบที

โดย

Ink Stone_Romance

เฉินเวยเกลียดเฉินเยี่ยน เธอไม่อยากจะมีชีวิตแบบนี้อีกแล้ว เธอจำเป็นต้องเจอซินห้าว ซินห้าวเป็นของเธอ แต่เธอหาซินห้าวไม่เจอ เธอคิดถึงเฉินเยี่ยน ทำได้แค่ถามเฉินเยี่ยน เพราะเธอถามหวางนิว หวางนิวก็ไม่รู้ว่าซินห้าวอยู่ที่ไหน


“พี่”


เฉินเวยผลักประตูเฉินเยี่ยน


เฉินเยี่ยนกำลังตรวจบุหรี่ที่คนอื่นมาส่งอยู่ เห็นเฉินเวยเธอยืดตัวขึ้น จากนั้นนั่งลงบนเตียง


เฉินเวยจะลงไปนั่งตามเฉินเยี่ยน เฉินเยี่ยนส่งสายตาเยือกเย็นดั่งมีดมาให้ เฉินเวยเลยยืนอยู่กับที่


“พูดมา อย่าทำให้เสียเวลา”


เฉินเยี่ยนไม่รู้ว่าวันนี้เฉินเวยมาหาเธอทำไม แต่ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่


“พี่สาว”


เฉินเวยเรียกแล้วคุกเข่าลง


“พี่ ฉันขอร้องล่ะ พี่ช่วยฉันเถอะ พี่บอกฉันมาว่าซินห้าวอยู่ที่ไหน ขอแค่พี่ไม่แย่งซินห้าวกับฉัน ขอแค่ฉันได้แต่งงานกับซินห้าว ฉันก็จะไม่แย่งอะไรของพี่อีกเลย อีกหน่อยจะหาคนยังไงฉันจะไม่สนใจแล้ว อวี๋เหวยหมินฉันคืนให้พี่ เวยหลายชุนฉันก็คืนให้ แล้วยังมีหูเฟยนั่นให้พี่หมดเลย พี่ไปหาใครก็ได้ทั้งนั้น ฉันยังบอกพี่ได้อีกว่าอวี๋เหวยหมินคิดยังไง เขาจะวางแผนทำอะไรพี่… ขอแค่พี่ยกซินห้าวให้ฉัน ฉันก็จะดีกับพี่ พี่สาว พี่บอกฉันมาเถอะว่าซินห้าวอยู่ที่ไหน ฉันชอบเขาจริงๆ ฉันรักเขาตั้งแต่แรกพบ ไม่มีเขา ไม่ได้เขามา ฉันอยู่ต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ”


เฉินเวยอ้อนวอนเฉินเยี่ยน ครั้งนี้เธอคุกเข่าลงต่อหน้าเฉินเยี่ยนด้วยใจจริง เธอหวังว่าเฉินเยี่ยนจะช่วยเธอ


เฉินเยี่ยนมองเฉินเวยอย่างเยือกเย็น เธอพูดออกมาได้ยังไง?


“โดนเธอรักนี่ถือเป็นความทุกข์ของซินห้าว”


เฉินเยี่ยนส่ายหน้า เฉินเวยนี่เข้าขั้นหลงมัวเมาแล้ว ทำไมเธอจะต้องบอกเสี่ยวเวยว่าซินห้าวอยู่ที่ไหน


“พี่ ฉันรู้ว่าพี่เป็นคนดี พี่ช่วยฉันเถอะ ฉันสัญญา สัญญาว่าอีกหน่อยฉันจะดีกับซินห้าว ฉันจะไม่ไปหาผู้ชายคนอื่นอีกแล้ว ฉันชอบเขาจริงๆ”


เฉินเวยกลับไม่เห็นสีหน้าเย็นชาของเฉินเยี่ยน ยังคงอ้อนวอนต่อ


“เฉินเวย ตั้งแต่ปากเธอพร่ำบอกว่าชอบว่ารักออกมา ฉันนี่รู้สึกสะอิดสะเอียนมาก เธอควรค่าที่จะพูดคำว่ารักหรือ?”


เฉินเยี่ยนคิดว่าเฉินเวยไม่เคยรู้จักความรักมาก่อน เธอแค่เห็นแก่ตัวอยากจะครอบครอง


เฉินเวยไม่พูดอะไร เพียงแต่ใช้สายตาวิงวอนมองเฉินเยี่ยน


“เธออยากรู้ว่าซินห้าวอยู่ที่ไหนจริงหรือ?”


เฉินเยี่ยนถามเฉินเวย เฉินเวยพยักหน้าอย่างมีความหวัง เธอรู้ว่าเฉินเยี่ยนจะต้องบอกเธอ เพราะเฉินเยี่ยนทนเธอตื๊อไม่ไหว


“อยากให้ฉันบอกเธอก็ได้ เฉินเวย เธอรู้ว่าฉันเกลียดเธอ เธอทำเรื่องผิดต่อฉันมากมายขนาดนั้น ยังไงก็ไม่สามารถให้อภัยเธอได้ง่ายๆ เฉินเวย เธอทำให้ฉันสบายใจ แล้วฉันจะบอกเธอ”


เฉินเยี่ยนมองเฉินเวย นัยน์ตามีแววแปลกๆ อยู่


“เธออยากจะให้ฉันทำอะไร? ฉันช่วยเธอต่อกรกับอวี๋เหวยหมินได้”


เฉินเวยไม่รู้ความคิดของเฉินเยี่ยน แต่ตอนนี้ให้เธอขายอวี๋เหวยหมิน เธอไม่ลังเลเลยสักนิด


เฉินเยี่ยนส่ายหน้า อวี๋เหวยหมิน คนที่คุณคอยปกป้องดูแล ดูเธอทำกับคุณแบบนี้ คุณจะรู้สึกเสียใจบ้างไหม? แต่อวี๋เหวยหมินก็ไม่ใช่คนดีอะไร เฉินเยี่ยนไม่สงสารเขา


“ฉันรับมือกับอวี๋เหวยหมินได้ ไม่จำเป็นต้องใช้เธอ เฉินเวย เธอตบหน้าตัวเองร้อยที ให้ฉันหายโกรธ ฉันก็จะบอกเธอ”


เฉินเยี่ยนอยากเห็นว่าเฉินเวยจะทำไหม


เฉินเวยยื่นมือออกมามองมือตัวเอง ลูบหน้า ตบหน้าต้องเจ็บแน่ ตบตัวเอง? เธอไม่ต้องการ แต่ถ้าเธอไม่ตบ เฉินเยี่ยนก็ไม่บอกเธอ


เธอรู้ว่าเฉินเยี่ยนต้องการแกล้งเธอ และเธอก็รู้ว่าเฉินเยี่ยนอยากเห็นเธออับอาย แต่เธอก็รู้จักเฉินเยี่ยน เฉินเยี่ยนไม่โกหก งั้นเธอจะตบตัวเองไหม?


ตบ เธอจะเจ็บมาก เธอไม่อยาก ไม่ตบ ก็ไม่ได้ข่าวของซินห้าว เธอก็ไม่พอใจ


“ตบร้อยทีหน้าฉันพังหมด เฉินเยี่ยน ตบสิบทีได้ไหม?”


เฉินเวยต่อรองเฉินเยี่ยน


“ก็ได้ ตบเลย แต่เธอต้องออกแรง ไม่ออกแรงไม่นับ”


เฉินเยี่ยนพยักหน้า เธอแค่อยากจะดูว่าเฉินเวยจะทำไหม กี่ครั้งไม่สำคัญ


“เธอสัญญาแล้วนะ”


เฉินเวยจ้องเฉินเยี่ยน


เฉินเยี่ยนพยักหน้า


เฉินเวยกลั้นใจยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองหนึ่งที เธอออกแรง เจ็บมาก น้ำตาเธอจะไหลออกมาแล้ว เห็นเฉินเยี่ยนยังมองเธอด้วยใบหน้าเย็นชาอยู่ เธอตบต่อ เธอลงทุนแล้ว คิดเสียว่าเฉินเยี่ยนตบเธอ อีกหน่อยเธอจะต้องเอาคืน


เฉินเวยตบแล้วจริงๆ เฉินเยี่ยนกำหมัด ที่จริงแล้วเฉินเวยคนนี้ไม่เพียงแต่เห็นแก่ตัว เธอยังจิตใจโหดเหี้ยมด้วย โหดเหี้ยมกับคนอื่น กับตัวเองเธอยังกล้าลงมือ ยอมตบตัวเอง เป็นคนที่น่ากลัวมาก เพราะกับตัวเองเธอยังกล้าลงมือ นับประสาอะไรกับคนอื่น


“ฉัน ฉันตบครบแล้ว”


เฉินเวยกุมหน้า เธอรู้สึกว่าหน้าเธอเจ็บจนชาไปหมดแล้ว ตบสิบครั้งนี้เจ็บมากจริงๆ แต่ถ้าแลกมากับซินห้าว นับว่าคุ้ม


“เฉินเวย เธอช่างกล้าลงมือจริงๆ จุ๊จุ๊ ใบหน้ารูปไข่นี้ฉันเห็นแล้วสงสาร แต่ว่า เฉินเวย ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ซินห้าวเป็นของฉัน ทำไมฉันจะต้องบอกเธอว่าเขาอยู่ที่ไหนด้วย? แม้ฉันจะเชื่อว่าเขาจะไม่โดนเธอยั่วยวนได้ แต่ให้เธอไปหาซินห้าวแบบนี้ฉันไม่สบายใจ อีกทั้งฉันจะไม่เอาซินห้าวมาเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับคนอื่น เมื่อกี้ฉันโกหกเธอ ดังนั้น ฉันจะไม่บอกเธอ ตัดใจเสียเถอะ”


ใบหน้าเฉินเยี่ยนที่มองเฉินเวยนั้นดูเปลี่ยนไป ดูแน่วแน่จริงจัง แต่ในใจเธอรู้สึกสบายจริงๆ


“เธอ เธอหลอกฉันหรือ? เฉินเยี่ยน เธอ เธอทำแบบนี้ไม่ได้ ไม่ได้ เธอต้องบอกฉัน เมื่อกี้เธอตกลงฉันแล้ว เธอต้องบอก”


เฉินเวยลุกขึ้นมา เธอยอมตบตัวเองนั่นเพราะเธอรู้ว่าเฉินเยี่ยนเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น แต่เธอคิดไม่ถึงว่าเฉินเยี่ยนจะหลอกเธอ


“ที่หลอกน่ะคือเธอ นี่เป็นลูกไม้ที่เธอใช้บ่อยไม่ใช่หรือ? กับผู้หญิงหน้าด้านอย่างเธอทำไมฉันจะต้องพูดคำไหนคำนั้นด้วย? เธอคู่ควรหรือที่มาคุยเรื่องความเป็นธรรมกับเขา? อยากแย่ง เธอแย่งไปเถอะ ถ้าไม่กลัวว่าซินห้าวจะบิดแขนขาเธออีก เธอไปเลย ถ้าอยากจะมาหาข่าวคราวซินห้าวจากฉัน เธอตัดใจเถอะ”


เฉินเยี่ยนมองเฉินเวยอย่างเย็นชา เธอและเฉินเวยเป็นศัตรูกันนานแล้ว เธอจะไม่พูดเรื่องคุณธรรมกับเธอ เมื่อก่อนเธอเฉินเยี่ยนจิตใจดีแต่ไม่ได้โง่ กับคนแบบเฉินเวย ถ้าเธอยังอภัยได้ พูดเรื่องความถูกต้องได้ งั้นเธอก็เป็นท่อนไม้แล้ว


“เฉินเยี่ยน เธอจะไม่บอกฉันจริงหรือ? ตอนแรกฉันคิดว่าถ้าฉันกับซินห้าวคบกันแล้ว ฉันจะไม่ยุ่งกับเธอแล้ว แต่เธอมาบังคับฉันแบบนี้ อย่ามาโทษฉันนะ”


สายตาเฉินเวยดูหม่นหมอง


“ตามสบาย ฉันรอให้เธอมาสู้กับฉันอยู่ แต่ทางที่ดีให้มีเทคนิคหน่อย อย่ามาใช้ลูกไม้ตื้นๆ”


เฉินเยี่ยนยักไหล่ ไม่สนใจเลย


เฉินเวยกัดริมฝีปาก สายตาเต็มไปด้วยแววอาฆาต วันนี้ตบไปฟรีแล้ว ไม่ได้! เธอจะไม่ยอมทนลำบากแบบนี้ คิดถึงตรงนี้ลูกตาเฉินเวยก็กลอกไปมา น้ำตาไหลลงมา จากนั้นเธอก็กุมหน้าร้องไห้วิ่งออกไป


ไม่นานข้างนอกก็มีเสียงหวางนิวดังขึ้นมา เธอเรียกเฉินเยี่ยน เฉินเยี่ยนออกไป เห็นเฉินเวยโผอยู่ในอ้อมกอดหวางนิวร้องไห้เสียใจอยู่ คิดว่าน่าจะไปฟ้อง


“เยี่ยนจื่อ นี่เสี่ยวเวยไปทำอะไรลูกอีก? ดูสิตบเธอแบบนี้ ไม่ว่าจะยังไงเธอก็เป็นน้องสาวลูกนะ ลูกลงมือแบบนี้ได้ยังไง? ถึงแม้จะเป็นคนอื่นก็ทำแบบนี้ไม่ได้ ถ้าใบหน้านี้เสียหายขึ้นมา เธอจะออกไปเจอหน้าใครได้? เป็นถึงลูกสาว ยังไม่ได้หาสามีเลย”


หวางนิวว่าเฉินเยี่ยนอย่างไม่พอใจ ครั้งนี้ลงมือหนักเกินไปแล้ว


—————–


ตอนที่ 173: ลงมือเท่าไรก็ได้มากเท่านั้น

โดย

Ink Stone_Romance

มาบอกว่าตัวเองตบ? เฉินเยี่ยนมองเฉินเวย เฉินเวยยักคิ้วหลิ่วตาให้เฉินเยี่ยน รอบนี้เธอไม่ยอมโดนทำร้ายฟรีๆ


“มือเธอเล็กกว่ามือหนูตั้งเยอะ บนใบหน้ามีรอยตบอยู่ เทียบดูก็รู้แล้วว่าเธอตบตัวเองหรือหนูเป็นคนตบ”


เฉินเยี่ยนพูดเสียงเรียบ ความผิดนี้เธอไม่รับ


ตัวเฉินเวยแข็งทื่อ ทำไมเธอถึงได้ลืมเรื่องนี้


เห็นลูกสาวคนเล็กที่กำลังร้องไห้อยู่ หวางนิวลูบรอยตบ ดูแล้วลูกสาวคนเล็กตบตัวเองหรือ? แต่ลูกสาวคนเล็กก็ไม่ได้บ้า ทำไมต้องตบตัวเอง? ตบเสร็จยังมาฟ้องตัวเองว่าเยี่ยนจื่อตบเธอ? นี่เล่นอะไรกันเนี่ย!


“ลูกสองคนนี่เป็นอะไรกันอีก? เสี่ยวเวยทำไมต้องตบตัวเอง?”


ในใจหวางนิวเชื่อเฉินเยี่ยน


“เธอมาหาหนูถามว่าซินห้าวอยู่ที่ไหน ให้หนูบอกเธอ บอกว่าเธอชอบซินห้าว ให้หนูอย่าแย่งเธอ แล้วยังบอกว่าเมื่อก่อนที่เธอทำผิดต่อหนู เธอคิดว่าเธอทำไม่ดี ตัวเองเลยตบตัวเองเพื่อเป็นการไถ่โทษให้หนู หนูห้ามก็ไม่ได้ จากนั้นเธอเลยตบตัวเอง แต่หนูไม่ได้บอกเธอว่าซินห้าวอยู่ที่ไหน หนูไม่อยากให้เธอไปหาซินห้าว กลัวว่าซินห้าวจะบิดแขนขาเธออีก พอได้ยินเธอก็รีบวิ่งออกมา จากนั้นก็มาฟ้องแม่”


คำพูดเฉินเยี่ยนจริงกึ่งหนึ่งไม่จริงกึ่งหนึ่ง ใส่ร้ายเฉินเวยเธอไม่รู้สึกเครียดเลย


เฉินเวยโกรธจนตัวสั่น เฉินเยี่ยนนี่ทำไมถึงได้พูดจามั่วซั่ว เห็นอยู่ว่าเธอเป็นคนให้ตบตัวเอง


“ลูกก็ใช่ พูดมาสิ ซินห้าวเขาชอบพี่สาวลูก ลูกจะตามไปรังควานทำไม ครั้งที่แล้วเขาบิดแขนลูกจนเป็นแบบนั้น ลูกยังคิดไปหาเขาอีก เป็นสาวเป็นแส้ จะไปแย่งของพี่สาวได้ยังไง? เรื่องนี้ลูกทำไม่ถูก แม่จะบอกลูกไว้นะเสี่ยวเวย อีกหน่อยอย่าคิดไปทำเรื่องวุ่นวายพวกนี้อีก อยู่นิ่งๆ และไม่ต้องไปหาอวี๋เหวยหมินแล้ว ไอ้นั่นก็ไม่ใช่คนดี รอพี่สาวลูกแต่งงานออกไป แม่กับพ่อจะหาคนที่ดีให้ ลูกจะได้ใช้ชีวิตเป็นสุขเสียที”


หวางนิวว่าลูกสาวคนเล็ก ลูกสาวคนเล็กทำไม่ถูกจริงๆ แต่หน้าเธอเป็นแบบนั้นแล้ว หวางนิวก็ทำอะไรไม่ได้


กลายเป็นว่าตัวเองตบฟรีเลย แล้วยังโดนว่าอีกเป็นชุด เป็นเพราะเฉินเยี่ยน! เฉินเวยโกรธจนกระทืบเท้า แต่เธอจะพูดอะไรได้? ได้แต่ร้องไห้ฮือๆ


เฉินเยี่ยนแบมือ เธอไม่ปลอบเฉินเวยหรอกนะ เฉินเวยทำตัวเอง ยังไงก็ถือว่าพูดกระจ่างแล้ว เฉินเยี่ยนกลับห้อง เฉินเวยอยากจะร้องก็ร้องไป


เฉินเวยจะทำอะไรได้ นอกจากหวางนิวแล้วก็ไม่มีใครที่สนใจเธอเลย ไม่ว่าจะเฉินจง เฉินเยี่ยน ทุกวันต่างยุ่งจนไม่มีเวลา


ฝั่งคอมมูนโดนซินห้าวเร่งจนในที่สุดก็ตอบตกลงแล้ว คอมมูนเซ็นสัญญากับเฉินจง เพราะเฉินเยี่ยนยังไม่ได้แต่งงาน ไม่มีความน่าเชื่อถือ ส่วนเฉินจงยังมีเครดิตกว่า


คอมมูนก็เหมือนคณะกรรมการปฏิรูปในอำเภอเสนอเงื่อนไขแล้ว คณะเห็นชอบ แบบนี้คอมมูนก็ลงชื่อ ฝั่งเฉินเยี่ยนก็สามารถทำโรงงานม้วนบุหรี่ได้แล้ว


วันที่เซ็นสัญญาเฉินเยี่ยนไปกับเฉินจง ซินห้าวก็ไปเหมือนกัน บ้านเฉินและคอมมูนตกลงกัน โรงงานบุหรี่ชื่อโรงงานม้วนบุหรี่หงเซียงคอมมูน ยี่ห้อเขาก็ใช่ชื่อบุหรี่ยี่ห้อหง แบบนี้จะได้จำง่าย ส่วนเรื่องการผลิต คอมมูนจะออกเงินให้ก้อนหนึ่ง ถือว่าเป็นการลงทุนให้โรงงาน แต่เงินไม่มาก ส่วนบ้านเฉินออกโดยใช้สูตร อีกหน่อยมีกำไร หลังจากหักต้นทุนทุกอย่างแล้วบ้านเฉินกับคอมมูนแบ่งกันสามสิบเจ็ดสิบ คอมมูนได้เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ บ้านเฉินได้สามสิบเปอร์เซ็นต์ เดิมทีคอมมูนต้องการยี่สิบแปดสิบ แต่เพราะซินห้าวช่วยเจรจาให้ เลยตกลงกันได้ที่สามสิบเจ็ดสิบ


ส่วนเรื่องคนงาน คอมมูนจะช่วยหาคนให้ บ้านเฉินก็สามารถหาคนได้ ไม่จำเป็นต้องผ่านการยอมรับจากคอมมูนถึงค่อยหาคนได้ เพราะขนาดตอนเริ่มไม่ใหญ่ ดังนั้นใช้ไม่กี่คนก็พอ ถ้าอีกหน่อยจะขยายขึ้นมา คอมมูนก็จะส่งคนให้อีก


เรื่องบัญชีก็ต้องเป็นคนที่คอมมูนจัดให้ จดบัญชีก็ต้องเป็นคนของคอมมูน เรื่องนี้เฉินเยี่ยนเข้าไปแทรกไม่ได้


โดยรวมแล้วเรื่องรายละเอียดเล็กๆน้อยๆไม่น้อยเลย เฉินเยี่ยนไม่ได้พูดอะไร ยุคสมัยนี้ก็เป็นแบบนี้ กฎเกณฑ์พวกนี้คุณต้องเคารพ มหาบุรุษยังไม่ได้มาจากทางใต้[1] ยังไม่ได้ปฏิรูป ยังไม่สามารถครอบครองเป็นของตนเองได้ เธอและซินห้าวสามารถช้อนซื้อโรงงานแบบนี้ได้ถือว่าสุดยอดแล้ว จะเอามากกว่านี้อย่าได้คิด


ตกลงกันชัดเจนแล้ว เฉินจงและเฉินเยี่ยนถือสัญญาที่เซ็นกับคอมมูนออกมา ซินห้าวก็ออกมาด้วย


เฉินจงรู้ว่าเรื่องนี้ซินห้าวช่วยไว้มาก ไม่อยากนั้นไม่มีทางที่จะราบรื่นแบบนี้ได้ เขาขอบคุณซินห้าว จากนั้นพูดกับเฉินเยี่ยนหนึ่งคำ แล้วไปยืนอีกฝั่ง ปล่อยให้ซินห้าวและเฉินเยี่ยนได้คุยกันตามลำพัง


ซินห้าวบอกเรื่องที่ต้องระวังมากมายให้เฉินเยี่ยน เฉินเยี่ยนพยักหน้า นี่เป็นสาเหตุที่ทำไมเธอไม่อยากช้อนซื้อโรงงาน รายละเอียดเยอะ ทุกที่ต้องได้รับการตรวจสอบ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้


“ฝั่งคุณเป็นยังไงบ้าง?”


เฉินเยี่ยนถามซินห้าว


“ไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจ เดิมทีผลประกอบการก็ไม่ดีอยู่แล้ว ไม่มีเงินเดือนให้คนงานมาหลายเดือน ดังนั้นเลยไม่ค่อยมีความกระตือรือร้น มีผู้นำคนงานอยู่หลายคน แล้วยังบอกว่าของที่ผลิตออกมาไม่แน่ว่าจะขายได้ บางคนเห็นคนอื่นไม่ทำงาน พวกเขาก็แอบอู้ไปด้วย คิดว่าทุกคนได้รับเงินเท่ากันหมด ทำไมพวกเขาไม่ทำก็ได้เงินเหมือนกัน? งั้นก็แอบอู้งานเหมือนกันก็ได้ ที่จริงแล้วผมรู้ว่าหลักๆ พวกเขาไม่มีความเชื่อมั่นในอนาคต ผมกำลังคิดหาวิธีอยู่”


สำหรับเฉินเยี่ยนแล้วเขาไม่ปิดบัง เล่าสถานการณ์ที่เขาเจอตอนนี้ให้ฟัง


เฉินเยี่ยนคิดว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะเดิมทีโรงงานนั้นก็ผลประกอบการไม่ดีอยู่แล้ว ไม่มีปัญญาจ่ายค่าแรงคนงาน คนงานก็มองไม่เห็นอนาคต อีกทั้งซินห้าวยังเด็กอยู่ หลายคนก็ถือว่าตัวเองเก่าแก่กว่ารังแกคนใหม่ ดังนั้นเกิดเรื่องแบบนี้ถือว่าปกติ


“แบบนี้ ซินห้าว ฉันมีวิธี เดี๋ยวคุณกลับไปตั้งกฎการจ่ายเงินให้ตามจำนวนชิ้นที่ทำออกมา หมายความว่าเดือนนี้คุณทำไปกี่ชิ้น เดือนหน้าคุณก็จะได้เงินเท่าจำนวนที่ทำ ยิ่งทำมากก็ยิ่งได้มาก ถ้าคุณไม่ทำ ขอโทษด้วย เดือนหน้าคุณก็ไม่ได้ค่าแรง เงินค่าแรงมีไว้ให้กับคนที่ทำมาก ตอนแรกอาจจะมีคนไม่น้อยที่ไม่เข้าใจ อาจจะมีคนโวยวาย คุณต้องเตรียมรับมือ ไม่ต้องไปสนใจพวกคนที่โวยวาย ไม่อย่างนั้นคุณต้องมีการปราบปรามที่เข้มแข็ง รอเดือนหน้าพวกคนที่ทำมากได้ค่าแรงมากกว่า แบบนี้เป็นวิธีการโน้มน้าวที่ดี พวกเขาเห็นคนได้เงิน ก็จะทำงานเอง แต่ละคนไม่มีใครเป็นศัตรูกับเงิน ย่อมต้องขยันทำงานแน่นอน อีกอย่างคุณยังสามารถให้รางวัลกับคนงานที่ทำได้มาก ทำงานดีเยี่ยมได้อีก เช่นแบ่งรางวัลให้พวกเขา พวกเขาต้องแย่งกันทำผลงานแน่นอน จะไม่เมินเฉยแล้ว พวกผู้นำคนงานก็โวยวายไม่ได้แล้ว ถ้าพวกเขายังโวยวายอยู่ ก็บอกพวกเขาว่า ไม่อยากทำก็ออกไป มีคนอยากทำมากมาย พวกเขาเห็นคุณเข้มแข็ง พวกเขาก็จะอ่อนเอง”


เฉินเยี่ยนบอกวิธีการคิดค่าแรงให้ซินห้าว ในยุคนี้ปกติแล้วค่าแรงคนงานจะเท่ากันหมด การคิดค่าแรง คนที่ทำงานก็ได้มากแทบจะไม่มีแบบนี้เลย ซินห้าวสามารถทำก่อนได้ ขอแค่คนงานได้เงิน ได้ผลประโยชน์ ก็จะไม่มีคนมาคัดค้านแล้ว แล้วก็จะไม่มีใครมาดูถูกอายุของซินห้าว พวกผู้นำพวกนั้น ไม่ต้องให้ซินห้าวลงมือ พวกเขาก็เงียบกันไปเอง


[1] เติ้งเสี่ยวผิงยังไม่ได้ปฏิรูปประเทศจีน


———————

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม