ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง 167-173
ตอนที่ 167 ความจริง
เซียวส่าหรี่ตาแคบลงอีก ชำเลืองมองสบตากับเซียวจิ่งอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนข้อสงสัยของโหรวโหรวนั้นไม่ผิดเลยสักข้อ บางทีเรื่องทั้งหมดนี้ที่เริ่มต้นมาเมื่อหลายสิบปีแล้วจะเป็นแผนการ! แม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าจุดเริ่มต้นเป็นอย่างไร แต่ก็มีแผนการสมรู้ร่วมคิดสองเรื่องแล้วที่เปิดเผยออกมา นั่นคือ หลินหรูถูกขโมยมาจากพ่อแม่ที่แท้จริงเมื่อสี่สิบกว่าปีมาแล้ว และเซียวจิ้นหนิงกับเซียวโหรวถูกสับเปลี่ยนตัวกันเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เซียวจิ่งก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโดยอัตโนมัติ และกดหมายเลขของถังซี ถังซีเพิ่งอาบน้ำเสร็จเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ เธอหยิบโทรศัพท์แล้วเดินไปรับสายที่ระเบียง “พี่จิ่ง ไปถึงแล้วเหรอคะ”
เซียวจิ่งส่งเสียงในลำคอเป็นคำตอบ ขณะมองดูหลินเจียวแล้วกล่าวว่า “แต่หลินเจียวดูเหมือนจะสร้างความขุ่นเคืองให้ใครบางคน และโดนซ้อมยับเยิน เราจะเอายังไงดีกับเรื่องนี้”
ถังซีเลิกคิ้ว พอจะเดาได้ว่าคงเป็นเรื่องปกติที่หลินเจียวจะทำให้ใครสักคนโกรธแค้น แต่ไม่คิดว่าจะมาถูกเอาคืนในเวลานี้ เธอเลิกคิ้วขณะนั่งลงบนเก้าอี้ที่ระเบียง และเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีดำสนิท กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ไม่เป็นไรค่ะ แค่พาเธอมาหาฉัน ฉันเพียงแค่อยากถามอะไรบางอย่างจากเธอ เรื่องอื่นฉันไม่สนใจ”
เธอไม่ต้องการให้พี่ชายทำร้ายใคร แค่นำตัวหลินเจียวคนนี้มาให้เธอก็พอ
เซียวจิ่งเห็นเซียวส่ามองมาก็รู้ว่าพี่ชายต้องการฟังเสียงจากโทรศัพท์ด้วยเช่นกัน เขาจึงเปิดสปีกเกอร์โฟน จากนั้นทุกคำพูดของเซียวโหรวก็ได้ยินแก่ทุกคนในที่นั้นด้วย
เมื่อเหมยไอ้ย่วนได้ยินคำพูดของถังซี เธอเกือบตัดสินใจไปเมือง A พร้อมกับเซียวจิ่ง เพื่อไปพบเซียวโหรว เธอยากเห็นว่าจริงๆ แล้วบุคลิกภาพของเซียวโหรวนั้นเป็นแบบไหน เธอชอบวิธีที่เด็กสาวปฏิบัติต่อศัตรูจริงๆ นั่นคือ ไม่แสดงความเมตตาต่อศัตรูแม้แต่น้อย!
เมื่อหลินเจียวได้ยินคำพูดของถังซี เธอก็พยายามดิ้นรนต่อสู้และกรีดร้องทันที โดยไม่สนใจความเจ็บปวดบนใบหน้าตนเอง “เซียวโหรว นังเด็กสารเลว บอกให้แม่แกมารับโทรศัพท์เดี๋ยวนี้! ให้แม่ฉันมาพูดโทรศัพท์ด้วย! เร็วๆ!”
เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของหลินเจียว ถังซีต้องดึงโทรศัพท์ออกห่างจากหูด้วยความรังเกียจ แล้วตอบอย่างเฉยชา “แกคิดว่าแกเป็นใคร ทำไมฉันต้องทำตามที่แกขอ”
ทางด้านเซียวจิ่ง เมื่อได้ยินคำพูดของถังซีเขาก็มองหน้าเหมยไอ้ย่วน เหมยไอ้ย่วนพยักหน้าและหันไปสั่งอาต๋าให้เคลียร์พื้นที่ จากนั้นเธอก็หันไปมองผู้หญิงสามคนที่กำลังฟังอยู่ด้วยสีหน้าตื่นตกใจ และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ขอโทษด้วยนะคะ คุณผู้หญิง หนี้ที่ทุกคนติดค้างฉันในวันนี้ ถือว่าฉันยกให้ก็แล้วกัน ตอนนี้เรามีเรื่องนิดหน่อยต้องจัดการ กรุณากลับไปก่อน แล้วค่อยมาเล่นกันต่อพรุ่งนี้นะคะ”
ผู้หญิงสามคนได้ยินความลับมากมายในวันนี้ พวกเธอรู้ดีว่าถ้าขืนยังอยู่ที่นี่ต่อไปอาจถูกฆ่าปิดปากได้ ดังนั้นเมื่อเหมยไอ้ย่วนขอให้กลับ ทุกคนก็คว้ากระเป๋าและออกจากคาสิโนอย่างเร่งรีบ
และเพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคาสิโนวันนี้ นักพนันคนอื่นๆ จึงไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะเล่นการพนันอีกต่อไป ดังนั้นเมื่ออาต๋าขอให้พวกเขาออกไป ทุกคนจึงออกไปอย่างรวดเร็ว
เซียวส่าหันไปมองกลุ่มคนที่มากับเขา เลิกคิ้วขึ้นแล้วบอกว่า “ไปบอกคนพวกนั้นให้ปิดปากให้สนิท เรื่องที่พวกเขาเห็นที่นี่ในวันนี้”
ทันทีที่เขาพูดจบ กลุ่มชายในชุดสูทผูกเนกไทก็แยกย้ายกันไปทันที
เมื่อเห็นว่าคนเหล่านี้แยกย้ายกันออกไปอย่างเป็นระเบียบ เหมยไอ้ย่วนก็หันไปมองพวกนักเลงแล้วถอนหายใจ คนของพวกเขาอยู่ในชุดสูทสีดำ ลูกน้องเธอก็อยู่ในชุดสูทสีดำเหมือนกัน แต่ทำไมคนของเขาถึงดูเป็นมืออาชีพ ในขณะที่ลูกน้องเธอดูเหมือนพวกอันธพาล
หลังจากกลุ่มคนกลับไปหมดแล้ว เซียวจิ่งก็เปิดสปีกเกอร์โฟนอีกครั้ง และคำพูดของถังซีก็ดังออกมาจากโทรศัพท์อีกครั้ง “หลินเจียว ฉันอยากเตือนแกนะ คำว่า ‘สารเลว’ ควรใช้กับคนอย่างแก เพราะพวกเราไม่มีคุณสมบัติสำหรับคำคำนี้”
เซียวจิ่งมองเหมยไอ้ย่วน ขณะพูดไปในโทรศัพท์ “นี่คือคุณนายเฉิน เป็นคนหนึ่งที่หลินเจียวสร้างความขุ่นเคืองให้ เธอบอกว่าเมื่อกี้หลินเจียวหลุดปากออกมา ดูเหมือนหลินเจียวจะคุ้นเคยกับสถานที่ที่น้องเคยอยู่สมัยเป็นเด็ก ดังนั้นอาจเป็นหลินเจียวที่สับเปลี่ยนตัวน้องกับเซียวจิ้นหนิง”
เหมยไอ้ย่วนมองเซียวจิ่งด้วยความตกใจ เธอไม่คิดว่าเซียวจิ่งจะบอกข้อมูลนี้แก่เซียวโหรวโดยไม่มีการเกริ่นใดๆ ก่อน เหมือนกับว่าเขาคิดว่าเซียวโหรวจะรับได้โดยไม่รู้สึกอะไร!
เซียวจิ่งรู้อยู่แล้วว่าเซียวโหรวคนปัจจุบันไม่ใช่เซียวโหรวตัวจริง เธอทำทั้งหมดนี้เพียงเพื่อล้างแค้นให้เซียวโหรวตัวจริง ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงบอกทุกอย่างเกี่ยวกับเซียวโหรวแก่เธอ และปล่อยให้เธอจัดการกับคนพวกนี้เอง
ถังซีเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “เป็นอย่างที่ฉันเดาไม่มีผิด คุณแม่ฉันไม่ใช่ลูกสาวเถาเยี่ยน ซึ่งนั่นเป็นคำอธิบายว่าทำไมเถาเยี่ยนถึงปฏิบัติต่อคุณแม่แบบนั้น หลังจากหลินเจียวคลอดลูกของเธอเอง พวกเขาสับเปลี่ยนฉันกับเด็กคนนั้น เพื่อให้เด็กคนนั้นได้กลายเป็นลูกสาวที่รักของตระกูลเซียวแทนที่ฉัน ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเด็กคนนั้นได้อยู่อย่างสุขสบายกับชีวิตที่เหมือนเจ้าหญิงในตระกูลเซียว…” เธอหยุด แล้วกล่าวต่อจนจบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “แต่นั่นคือยี่สิบสามปีที่ผ่านไปแล้ว และทั้งหมดนี้กำลังจะจบลง!”
หลินเจียวตกใจกับคำพูดของถังซีจนพูดไม่ออก เป็นไปได้อย่างไรที่เซียวโหรว เด็กผู้หญิงที่เติบโตขึ้นมาในชนบทอันยากจน จะรู้เรื่องราวทั้งหมดนี้!
แม้แต่เหมยไอ้ย่วนก็ยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้ ไม่น่าแปลกใจที่ดูเหมือนพ่อแม่หลินเจียวจะรักหลินเจียวมากกว่าพี่สาวอย่างน่าประหลาด เธอเองก็สงสัยอยู่ว่าทำไม ปรากฏว่าประธานหลินผู้มีชื่อเสียง แท้จริงแล้วไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของพ่อแม่เธอ!
“ไร้สาระ! แกพูดเรื่องไร้สาระอะไร!” หลินเจียวคำราม “เซียวโหรว แกตอแหล หลินหรูเป็นลูกสาวพ่อแม่ฉัน แต่แม่ฉันไม่ชอบเธอ เธอถึงต้องมีชีวิตเหมือนทาส! แกกับจิ้นหนิงสลับตัวกันเพราะแกมันโชคร้าย ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันหรือจิ้นหนิงเลย!”
“จริงเหรอ…” ถังซีเย้ยหยัน “ผลตรวจพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ปลอมขึ้นมาได้ด้วยเหรอ หลินเจียว ฉันเตือนพวกแกแล้วว่าอย่ามายุ่งกับฉัน แต่คนในครอบครัวแกไม่จริงจังกับคำพูดของฉันเลยนี่ แม่แกผลักคุณแม่ฉันตกบันได และแกก็โทรมาขอเงินคุณแม่ฉัน แกคิดจริงๆ เหรอ ว่าจะข่มเหงรังแกคุณแม่ฉันได้ง่ายๆ”
หลินเจียวไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อยเมื่อได้ยินว่าหลินหรูถูกเถาเยี่ยนผลักตกบันได เธอกลับหัวเราะด้วยความสะใจแทน “ฮ่าๆ … สมน้ำหน้า! นั่นคือผลกรรมที่มันทอดทิ้งจิ้นหนิง แล้วไปยอมรับผู้หญิงสารเลวอย่างแก!”
เมื่อถังซีได้ยินคำพูดของหลินเจียว สีหน้าเธอก็เย็นเยือกยิ่งขึ้นทันที และน้ำเสียงเธอเย็นเยือกยิ่งขึ้นไปอีกเช่นกัน “โอ… จริงเหรอ ถ้าอย่างนั้นเรามาดูกันว่าแกจะได้รับผลกรรมยังไงบ้าง แกเห็นไหมล่ะ แกกับครอบครัวของแก ต้องมาชดใช้เวรกรรมในวันเดียวกัน”
เซียวจิ่งเลิกคิ้วเมื่อเขาได้ยินประโยคนี้ แต่ไม่พูดอะไร เขาดึงเก้าอี้ออกมานั่งลง เมื่อเห็นสีหน้าดุร้ายของหลินเจียว เขาก็เบ้ปาก และวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ
ความอยากรู้อยากเห็นเปล่งประกายในดวงตาเหมยไอ้ย่วน เวรกรรมอะไร เธอมองใบหน้ายับเยินของหลินเจียว เซียวโหรวหมายถึงที่หลินเจียวถูกเธอลงโทษวันนี้หรือเปล่า
สิ่งที่ถังซีพูดต่อไปพิสูจน์ให้เห็นว่าเหมยไอ้ย่วนประเมินสมาชิกในครอบครัวหลินเจียวต่ำเกินไป ถังซี กล่าวว่า “แกรู้ไหม เซียวจิ้นหนิงถูกจับกุมในวันนี้ด้วยข้อหาพยายามฆ่า และทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บโดยเจตนา แล้วแกรู้ไหมว่าเป็นเพราะอะไร เพราะเมื่อคราวก่อนเธอยอมรับเองว่าเธอกระทืบเส้นเลือดใหญ่ที่คอฉัน จนฉันเกือบตาย การกระทำของเธอทำให้ฉันต้องนอนโรงพยาบาลอยู่เป็นเดือน และวันนี้เธอจ้างวานคนคนหนึ่งให้วางเศษแก้วไว้ในฉากที่ฉันกำลังถ่ายทำโฆษณาทีวี ทำให้ฉันบาดเจ็บ นี่เป็นความผิดอาญาข้อหาทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บโดยเจตนา เพราะฉะนั้นเธอจึงถูกจับ แกก็รู้ดีว่าในเมือง A เมื่อไม่มีการหนุนหลังจากตระกูลเซียวและตระกูลหลิว เซียวจิ้นหนิงก็แค่คนกระจอกคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับฉัน ที่จะทำให้เธอถูกจับกุม นี่คือเวรกรรมที่เซียวจิ้นหนิงได้รับ…
…ส่วนพ่อแม่แกที่คอยปกป้องแก ก็ถูกจับในข้อหาพยายามฆ่าด้วยเหมือนกัน” ถังซีหัวเราะเยาะ “แล้วคราวนี้ใครล่ะจะปกป้องแก”
ตอนที่ 168 ราตรีกาล
เหมยไอ้ย่วนมองโทรศัพท์ที่เซียวจิ่งวางไว้บนโต๊ะอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง นี่เธอเพิ่งได้ยินความลับที่น่าตกใจ และเป็นสักขีพยานให้กับนักสืบน้อยที่กำลังข่มขู่จำเลยใช่ไหม
หัวใจหลินเจียววูบลงอย่างแรงตามคำพูดของถังซี “แกหมายความว่ายังไง” เธอตะโกน
แต่คำตอบที่ได้รับเป็นเพียงเสียงสัญญาณสายไม่ว่าง เมื่อเห็นว่าถังซีวางสายไปแล้วเซียวจิ่งก็ลุกขึ้นอย่างไม่รีบร้อน จัดเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนจะหันไปหาเหมยไอ้ย่วนและขอบคุณเธอ “ขอบคุณมากนะครับ คุณนายเฉิน ผมจะพาผู้หญิงคนนี้ไปกับผมเดี๋ยวนี้”
เหมยไอ้ย่วนยังคงตกใจกับคำพูดเมื่อกี้นี้ของถังซี เมื่อได้ยินเซียวจิ่งขอบคุณเธอก็พยักหน้ารับและพึมพำว่า “ยินดีค่ะ แล้วถ้าคุณหนูเซียวต้องการความช่วยเหลืออะไรอีก บอกเราได้เลยนะคะ”
เซียวส่าเลิกคิ้ว ขณะที่เซียวจิ่งก็มองหน้าเหมยไอ้ย่วนอย่างงุนงงด้วยเช่นกัน เหมยไอ้ย่วนยิ้มและกล่าวเบาๆ “ถ้าคุณหนูเซียวรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอในปีนั้น และต้องการเอาตัวผู้หญิงคนนี้ขึ้นศาล ฉันสามารถไปให้การเป็นพยานได้ค่ะ”
เซียวจิ่ง เซียวส่า และแม้แต่หยางฉีมั่ว ทุกคนดูประหลาดใจ ด้วยสถานะทางสังคมในปัจจุบันของเธอ เหมยไอ้ย่วนสามารถอยู่อย่างสุขกายสบายใจในเมือง W โดยไม่ต้องสนใจปรับตัวให้เข้ากับความรู้สึกนึกคิดของใคร และไม่ต้องเห็นแก่หน้าใคร แต่ตอนนี้เธอเสนอตัวช่วยเป็นพยานในศาลอย่างนั้นหรือ เหมยไอ้ย่วนรู้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่เมื่อเห็นสีหน้าพวกเขา เธอยิ้มและกล่าวว่า “ฉันชื่นชมในตัวคุณหนูเซียวมาก แล้วอีกอย่างหนึ่งคุณหนูก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นของลูกสาวฉัน และเป็นไอดอลของเธอด้วย ฉันจึงอยากช่วยเหลือคุณหนูเซียวเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ”
เซียวจิ่งพยักหน้าและขอบคุณเธอ “ถ้าอย่างนั้น ผมต้องขอบคุณคุณนายเฉินแทนน้องสาวผมด้วยนะครับ ตอนนี้เราต้องพาผู้หญิงคนนี้ไปแล้วล่ะ”
หลินเจียวจ้องหน้าเซียวจิ่งเขม็งแล้วถามอย่างเย็นชา “เซียวโหรวพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง ทำไมจิ้นหนิงถึงถูกจับ แล้วแม่ฉันถูกตำรวจจับได้ยังไง! พวกแกกล้าดียังไงถึงทำกับแม่ฉันแบบนี้”
เซียวจิ่งจ้องหน้าหลินเจียว ผู้ยังไม่รู้สำนึกแม้กระทั่งในตอนนี้ และตอบอย่างหมดความอดทน “เดี๋ยวเธอก็รู้เอง ตอนไปถึงเมือง A ตอนนี้แค่หุบปากและตามเรามา”
ทั้งหมดไม่สามารถเดินทางได้โดยเครื่องบิน เพราะหลินเจียวบาดเจ็บ พี่น้องทั้งสองจึงตัดสินใจขับรถกลับเมือง A กลางดึกคืนนั้น
…
หลังจากวางสาย ถังซีก็เรียกใช้งาน 008
[ระบบ : เจ้าหญิงฮูกน้อยแห่งราตรีกาลของข้า ข้าขอถามว่าท่านเรียกข้ามาทำไม]
ถังซีคุ้นเคยกับวิธีพูดกับเธอแบบแปลกๆ ของ 008 แล้ว จึงแค่ถามว่า “ใครคือพ่อแม่ที่แท้จริงของคุณแม่ฉัน”
008 : “ข้าจะไปรู้ได้เช่นไร ข้าไม่ได้เป็นสูตินรีแพทย์ที่ทำคลอดให้มารดาท่านตอนที่เธอเกิดนี่”
ถังซีจินตนาการได้ว่า 008 จะเบ้ปากขณะพูดแบบนี้ เธอขมวดคิ้ว ถามต่อไปว่า “คุณไม่ได้เป็นระบบผู้รอบรู้ทุกสิ่งทุกอย่างหรอกเหรอ เรื่องแค่นี้คุณยังไม่รู้เลย”
“ข้าไม่ใช่ระบบสอดรู้สอดเห็น ข้าเป็นระบบที่มีสมบัติผู้ดี เข้าใจไหม อย่ามองข้าเหมือนเป็นพวกถ้ำมองสิ!”
ถังซีพูดไม่ออก เธอเม้มริมฝีปากแล้วกล่าวว่า “ก็ได้ ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันขอถามคุณว่าเซียวจิ้นหนิงเป็นลูกสาวหลินเจียวใช่ไหม”
008 : “อ้อ… นี่ใช่ไหมคือสิ่งที่ท่านกำลังค้นหาความจริงอยู่ตอนนี้ ท่านจะรู้ความจริงได้ก็เพียงแค่ตรวจพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ โดยใช้เลือดของหลินเจียวกับเซียวจิ้นหนิง ท่านมาถามข้าทำไม”
ถังซีรู้สึกโกรธขึ้นมา “ฉันต้องการรู้เร็วๆ ไม่ต้องรอตรวจ เข้าใจไหม เพื่อให้ฉันมั่นใจมากขึ้นตอนที่เจอกับหลินเจียวในวันพรุ่งนี้! คุณไม่รู้หรือว่าสิ่งสำคัญที่สุดในการเจรจาคือ การรู้จักคู่ต่อสู้ของคุณให้ดีที่สุด แล้วอีกอย่าง ถ้าหลินเจียวมีส่วนรู้เห็นในคดีสับเปลี่ยนเด็กจริงๆ นั่นจะไม่ใช่เหตุบังเอิญ แต่เป็นอาชญากรรม!”
008 เงียบกริบ ถังซีขมวดคิ้ว รออยู่นานกว่าที่ 008 จะตอบ “จากข้อมูล หลินเจียวซึ่งหายตัวไปนานกว่ายี่สิบสามปี จริงๆ แล้วอยู่ในเมือง W ตลอดช่วงเวลานั้น”
ถังซีขมวดคิ้วถามอย่างเคร่งเครียด “คุณหมายความว่า เซียวจิ้นหนิงกับฉันถูกสับเปลี่ยนตัวกันเมื่อยี่สิบสามปีที่แล้ว โดยหลินเจียวเป็นคนทำอย่างนั้นใช่ไหม”
[ระบบ : ไม่มีข้อมูลเพิ่มเติม ส่วนที่เหลือจะปล่อยให้โฮสต์ถังซีหาคำตอบอย่างสมบูรณ์ด้วยตนเอง สู้ๆ เจ้าหญิงน้อยนักสืบ!]
ถังซียกฝ่ามือตบหน้าผากตัวเอง พูดไม่ออกอย่างแท้จริง เธอจะหาระบบที่ไหนในโลกที่โง่กว่านี้มีอีกไหม
ทว่า… ดูเหมือนจะไม่ใช่เธอที่มองหาระบบ แต่เป็นระบบต่างหากที่มองหาเธอ
เอาล่ะ ใช่ เธอเคยอ่านนวนิยายมาบ้าง ในนิยายที่มีระบบส่วนใหญ่ ดูเหมือนจะมีเพียงตัวละครเอกเท่านั้นที่จะได้รับระบบที่น่าพึงพอใจ ในขณะที่ระบบสำหรับผู้หญิงทั่วไปล้วนเป็นระบบพื้นๆ เก่งแต่ในเรื่องกลอุบายแทบทั้งนั้น!
ถังซีลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจพร้อมกับปลอบใจตัวเอง เธอกำลังจะเข้านอน แต่จู่ๆ ดวงตาก็ต้องเบิกกว้าง และจ้องมองออกไปที่ลานหน้าบ้าน มีรถยนต์ปอร์เช่ คาเยนน์จอดอยู่ข้างนอก และชายหนุ่มผู้ที่เธอไม่สามารถจะคุ้นเคยได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว กำลังยืนพิงรถมองมาที่เธอ
ถังซีรีบหันหลังวิ่งออกไปข้างนอก ในเวลาที่เธอวิ่งลงบันไดไปชั้นล่างนั้นเฉียวเหลียงก็มารออยู่ที่หน้าประตูแล้ว เธอมองเขาด้วยความประหลาดใจ ถามเบาๆ ว่า “คุณมาที่นี่ทำไม”
เฉียวเหลียงดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน น้ำเสียงเขาแหบห้าว ฟังดูค่อนข้างเหนื่อยล้าเมื่อตอบว่า “ผมทำงานล่วงเวลาจนถึงสี่ทุ่ม พอกลับถึงบ้านผมก็นอนไม่หลับ ผมเลยมาหาคุณที่นี่” เขากอดเธอแน่นแล้วถามเสียงแผ่ว “ทำไมคุณถึงยังไม่นอน”
เมื่อถังซีได้ยินเฉียวเหลียงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าว่าเขามาหาเธอเพราะนอนไม่หลับ เธอรู้สึกปวดร้าวอย่างแรงในใจ เธอรู้ว่าโรคนอนไม่หลับของเขาไม่สามารถรักษาให้หายได้ในเวลาอันรวดเร็ว เธอกระซิบว่า “ฉันพยายามค้นหาว่าทำไมเซียวโหรวถึงถูกส่งไปที่เมือง W และเพิ่งพบเบาะแสค่ะ ฉันก็เลยยังไม่ง่วง แต่ว่าฉันกำลังจะเข้านอนแล้วล่ะ”
เฉียวเหลียงพยักหน้าแล้วค่อยๆ คลายอ้อมกอด “อย่าให้ตัวเองเหนื่อยจนเกินไป ถ้าอย่างนั้นคุณไปนอนเถอะ”
ถังซีขมวดคิ้วจ้องมองเฉียวเหลียง หน้ามุ่ยถามว่า “คุณมาที่นี่เพื่อพูดกับฉันแค่นี้เท่านั้นเหรอ”
ไม่ใช่แน่นอน!
เฉียวเหลียงตะโกนอยู่ในใจ แต่เขาทนไม่ได้ที่จะทำให้เธอเหนื่อย ถังซีก้าวไปข้างหน้าโอบแขนรอบเอวเฉียวเหลียงและกระซิบ “ในเมื่อคุณมาที่นี่แล้ว ก็นอนพักสักครู่สิคะ”
หัวใจเฉียวเหลียงเต้นระทึกอย่างแรงจนไม่เป็นจังหวะ เขาก้มลงมองตาถังซีด้วยรอยยิ้มกว้างบนริมฝีปาก “คุณ…ชวนผมใช่ไหม”
ถังซีจ้องหน้าเขาด้วยความโมโห หยิกที่เอวเขาเบาๆ เฉียวเหลียงร้องออกมาและคว้ามือถังซีไว้ น้ำเสียงเขาเริ่มแหบพร่า “ซีซี อย่าล้อผมเล่น”
ถังซียักไหล่และทำปากยื่นใส่เฉียวเหลียง “ฉันหมายความว่า ในเมื่อคุณมาที่นี่แล้ว ก็นอนพักในรถสักครู่ สักสองชั่วโมงก็นับว่าได้นอนหลับพักผ่อนแล้ว”
เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว “ถ้าอย่างนั้นคุณก็จะไม่ได้นอนน่ะสิ”
ถังซีตอบว่า “ไม่เป็นไรนี่ค่ะ คุณนอนสักสองชั่วโมง แล้วฉันจะปลุกคุณเอง หลังจากนั้นฉันค่อยขึ้นไปนอนข้างบนตอนที่คุณกลับไปแล้ว”
เฉียวเหลียงเม้มปาก แล้วบอกด้วยน้ำเสียงงอแง “ผมอยากนอนในห้องคุณมากกว่า”
ตอนที่ 169 เข้านอน
ถังซีจ้องหน้าเฉียวเหลียง “อยากลองดีเหรอ คุณพ่อคุณแม่ฉันอยู่บ้านนะ คุณอยากตายหรือไง”
เฉียวเหลียงยักไหล่ หันกลับเดินไปทางรถเขา แล้วบอกว่า “คุณไปพักผ่อนเถอะ ผมจะกลับไปที่บริษัท คุณเข้านอนซะ อย่าอยู่ดึก”
ถังซีเริ่มโกรธ “เฉียวเหลียง หยุดเดี๋ยวนี้!”
เฉียวเหลียงหยุดเดินทันที ขณะหันกลับไปหาถังซี ซึ่งดวงตาเปลี่ยนเป็นแดงเรื่อ เขาก็เริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมาอีก เขาเดินกลับไปอย่างรวดเร็ว เช็ดน้ำตาให้ถังซี แล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “ร้องไห้อีกทำไม เอาล่ะ เอาล่ะ ผมผิดไปแล้ว”
“เฉียวเหลียง คุณกำลังพยายามทำให้ฉันรู้สึกผิดใช่ไหม” ถังซีมองหน้าเฉียวเหลียง ใช้กำปั้นทุบไหล่เขา “คุณอยากเห็นฉันวิตกกังวลเพราะเป็นห่วงคุณใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นก็ไปบริษัทเลย! ไปบริษัท! ฉันไม่สนใจคุณหรอก! ฉันไม่สนใจคุณอีกต่อไป ฉันไม่สนใจว่าเซียวโหรวคือใคร ฉันจะฆ่าตัวตาย! พอใจหรือยัง ถึงยังไงก็มีคนมากมายที่อยากให้ฉัน…”
“พอแล้ว!” เฉียวเหลียงมองถังซีด้วยสาตาเย็นชา ถังซีหยุดชะงัก มองหน้าเฉียวเหลียงซึ่งไม่พอใจและโกรธขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ เธอส่งเสียงสูดจมูกฟุดฟิด เฉียวเหลียงเสียใจที่แสดงอารมณ์ต่อเธอรุนแรงเกินไป จึงเสียงอ่อนลง กล่าวอย่างไม่สบายใจว่า “คุณก็รู้ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ ผมไม่ไปบริษัทหรอก ตกลงไหม”
ถังซีมองหน้าเฉียวเหลียง แล้วหันหลังเดินไปทางสนาม เฉียวเหลียงไม่อยากปล่อยเธอจึงคว้ามือถังซีไว้ และกระซิบว่า “อย่าออกไปเลย”
ถังซีหันกลับมามองเฉียวเหลียง สะบัดมือจากเขาแล้วกล่าวว่า “งั้นก็มาสิคะ”
เฉียวเหลียงจับแขนถังซีแน่น ชี้ขึ้นไปที่ห้องนอนเธอ “คุณชวนผมขึ้นไปข้างบนกับคุณเหรอ”
“ก็คุณบอกไม่ใช่เหรอว่าไม่อยากนอนในรถ เพราะนอนในนั้นแล้วจะนอนไม่หลับ ถ้าอย่างนั้นก็ไปนอนในห้องฉัน ทั้งคุณทั้งฉันจะได้นอนหลับ” ถังซีตอบ
เฉียวเหลียงแอบยิ้ม หัวใจเต้นแรงแทบกระโดดออกมาจากอก เขาก้าวไปข้างหน้า มองหน้าถังซี “คุณไม่กลัวคุณพ่อคุณแม่คุณเห็นผมหรือ”
เมื่อได้ยินคำถามของเขาถังซีก็เขินอาย เธอมองตอบเขาด้วยท่าทางโมโห ถามว่า “คุณจะเข้ามาไหม!”
“เข้าสิ!” เฉียวเหลียงตอบโดยไม่ลังเล
ถังซีเม้มริมฝีปากแล้วหันหลังกลับ รอยยิ้มแอบปรากฏบนริมฝีปากเธออย่างรวดเร็ว โดยเฉียวเหลียงไม่ทันเห็น เฉียวเหลียงจูงมือถังซีขณะเดินไปกับเธอ
ทั้งคู่ขึ้นไปชั้นบน และเข้าไปในห้องนอนถังซีอย่างเงียบกริบ เฉียวเหลียงมองดูห้องที่ตกแต่งราวกับห้องเจ้าหญิงและถามว่า “นี่คุณแต่งห้องเองหรือ”
ถังซีจ้องหน้าเขา เฉียวเหลียงยักไหล่ ถอดเสื้อโค้ตกับรองเท้า แล้วนอนลงบนเตียงเจ้าหญิงสีชมพูของถังซี ถังซีก็ถอดรองเท้าแล้วกระโดดขึ้นไปบนเตียง เมื่อเห็นเฉียวเหลียงสวมเสื้อกันหนาวที่มีหมวก เธอก็ขยับเข้าไปใกล้เฉียวเหลียง ซึ่งดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขน ถังซียิ้มอย่างเขินอาย เอนพิงอกเขาแล้วกระซิบว่า “ใส่เสื้อกันหนาวมีหมวกแบบนี้ คุณดูเหมือนตอนอยู่มัธยมปลายเลย หล่อมาก”
ขณะนอนอยู่บนเตียงกับหญิงสาวแสนสวยในอ้อมแขน เฉียวเหลียงรู้สึกตื่นเต้น เขายิ้มอย่างพึงพอใจขณะก้มมองถังซีและกระซิบว่า “คุณหมายความว่าตอนนี้ผมไม่หล่อเหรอ”
ถังซียิ้ม ไม่ตอบคำถามเขา วันนี้เธอเครียดมาทั้งวัน การต้องเผชิญหน้ากับคนอย่างเถาเยี่ยน ทำให้เธอเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ เมื่อได้เอนกายลงบนเตียง ไม่ช้าเธอก็ผล็อยหลับ เฉียวเหลียงมองถังซีซึ่งหลับสนิทด้วยรอยยิ้ม และกอดเธอแน่นยิ่งขึ้น
…
เมื่อถังซีตื่นเช้าวันรุ่งขึ้นเฉียวเหลียงออกไปแล้ว เธอมองไปรอบๆ ตัว แย้มมุมปากเล็กน้อย แล้วหันกลับไปนอนต่อ ไม่กี่นาทีต่อมาหยางจิ้งเสียนก็ผลักประตูห้องเปิดเข้ามา บอกให้เธอลุกขึ้นลงไปทานอาหารเช้า ถังซีมองเวลาและหาว ก่อนจะกล่าวอรุณสวัสดิ์กับมารดา หยางจิ้งเสียนบอกว่า “คุณพ่อลงไปวิ่งแต่เช้าแล้ว แต่เท้าลูกบาดเจ็บ เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งออกกำลังกายเลยนะจ๊ะตอนนี้”
ถังซีพยักหน้ารับคำมารดา แล้วถามด้วยรอยยิ้ม “แม่คุณคะ เพราะว่าคุณแม่ไม่อยากเล่นโยคะกับหนูตอนเช้าหรือเปล่าคะ”
หยางจิ้งเสียนส่งสายตาโมโหให้ถังซี ก่อนจะเดินเข้าไปแตะจมูกลูกสาวเบาๆ และกล่าวด้วยความรัก “สาวน้อยจอมซน ลุกขึ้นไปทานอาหารเช้าได้แล้ว พี่ส่าโทรมาหาแม่ บอกว่ากำลังจะออกจากทางหลวง และน่าจะเข้ามาถึงตัวเมืองในอีกหนึ่งชั่วโมง หนูจะไปเยี่ยมคุณแม่ของหนูก่อนไปพบหลินเจียวหรือเปล่า”
หยางจิ้งเสียนรู้สึกขมขื่นในใจเล็กน้อยขณะเอ่ยคำว่า ‘คุณแม่ของหนู’ แต่ไม่นานเธอก็หาย อันที่จริงอย่างไรเสียวันนี้ต้องมาถึงไม่ช้าก็เร็ว เธอเตรียมตัวไว้พร้อมแล้ว เพียงแต่โหรวโหรวเป็นเด็กดีที่น่ารักจนเธอทนไม่ได้ที่จะเสียลูกสาวคนนี้ไป
ถังซีรู้ดีว่าหยางจิ้งเสียนคิดอะไรอยู่ เธอลุกขึ้นเดินเข้าไปหาหยางจิ้งเสียน กอดมารดาแน่นและกล่าวอย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องห่วงนะคะคุณแม่ ถึงแม้หนูจะยอมรับพวกเขา แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ยังเป็นพ่อแม่ของหนูอย่างเดิม และที่นี่คือบ้านของหนู หนูจะรักคุณแม่ตลอดไปค่ะ”
หยางจิ้งเสียนรู้สึกซาบซึ้งใจมาก เธอกอดถังซีไว้ในอ้อมแขนและพยักหน้าอย่างหนักหน่วง “ตกลงจ้ะ หนูไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วลงไปทานอาหารเช้ากัน แม่ทำซุปไว้แล้ว หลังจากนั้นแม่จะไปโรงพยาบาลกับหนูด้วย”
ถังซียิ้มและขอบคุณหยางจิ้งเสียน จูบแก้มเธอ ก่อนจะเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ
…
เมื่อถังซีกับหยางจิ้งเสียนมาถึงโรงพยาบาล เซียวเจี่ยนยังไม่ได้กลับบ้าน การอยู่เฝ้าที่นี่ทั้งคืนทำให้เขาดูอ่อนเพลียนิดหน่อย คางเขาเต็มไปด้วยหนวดเคราเขียวครึ้ม แต่เพราะเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาหนวดเคราจึงยิ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์น่ามองยิ่งขึ้น ถังซีเดินเข้าไปหาเขาแล้วบอกว่า “เรามารับช่วงต่อแล้วค่ะ กลับไปพักผ่อนได้แล้ว”
เซียวเจี่ยนพยักหน้า ทักทายหยางจิ้งเสียนซึ่งพยักหน้าตอบและบอกให้เขากลับไปพักผ่อน จากนั้นเธอก็ถามว่า “คุณแม่เธอฟื้นหรือยัง เมื่อคืนนี้”
เซียวเจี่ยนส่ายศีรษะ “ยังเลยครับ แต่หมอมาตรวจอาการแล้วเมื่อเช้านี้ บอกว่าท่านน่าจะฟื้นวันนี้”
หยางจิ้งเสียนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเซียวเจี่ยนก็กลับไป
ไม่นานหลังจากนั้นเซียวหงอี้ก็มาถึงอย่างรีบเร่ง ทันทีที่เห็นถังซีเขารีบเดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็วและถามว่า “โหรวโหรว พ่อได้ยินมาว่าลูกพบตัวหลินเจียวแล้ว จริงหรือ”
“จริงค่ะ หนูมาหาคุณแม่ก่อน ถ้าอาการท่านดีแล้ว หนูจะไปคุยกับหลินเจียว” ถังซีตอบพร้อมกับพยักหน้า แล้วถามขึ้นหลังจากหยุดไปชั่วครู่ “หลินเจียวหายตัวไปในช่วงยี่สิบสามปีที่ผ่านมาใช่ไหมคะ”
เซียวหงอี้พยายามนึกย้อนกลับไปในอดีตอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “ใช่ ตอนนั้นทีแรกเธอหายไปปีกว่า พวกเราไม่มีใครพบเห็นเธอเลยในช่วงเวลานั้น แต่แล้วเธอก็มาปรากฏตัวหลังจากที่คุณแม่คลอดหนูได้สองเดือน เธอมาอาศัยอยู่ที่บ้านเราระยะหนึ่ง”
หลังจากได้ยินสิ่งที่เซียวหงอี้บอกเล่า ถังซีก็ยิ่งสงสัยมากขึ้น เมื่อเห็นถังซีดูหน้าซีด เซียวหงอี้ก็ถามขึ้นเบาๆ “มีอะไรหรือ”
ถังซีส่ายศีรษะ “ไม่มีอะไรค่ะ เราเข้าไปดูคุณแม่ข้างในกันดีกว่า”
ในความคิดของถังซี เธอเห็นว่าคงเป็นการดีกว่าที่จะตรวจสอบทุกอย่างอย่างให้ชัดเจนก่อน แล้วค่อยบอกหลินหรู หากบอกเรื่องทั้งหมดกับเซียวหงอี้ตอนนี้ เขาต้องบอกหลินหรูแน่นอน แล้วหลินหรูอาจยอมรับความจริงที่โหดร้ายนี้ไม่ได้
ขณะที่ทั้งหมดผลักประตูเปิดเข้าไปในห้อง หลินหรูก็ตื่นขึ้นมาพอดี
ตอนที่ 170 หนูเรียกแม่ว่าอะไรนะ
หลินหรูตื่นขึ้นมาและเห็นถังซียืนอยู่ตรงหน้า ดวงตาเธอแดงเรื่อขึ้นทันที เธอหันหน้าไปอีกด้านหนึ่ง ไม่กล้าเผชิญหน้าถังซี เธอรู้สึกว่าตนเองไม่สมควรเป็นแม่โหรวโหรว เธอมีพ่อแม่ที่แย่มาก เธอทำให้ลูกสาวมีตายายที่ร้ายกาจเหลือประมาณ เธอจะมองหน้าลูกสาวได้อย่างไร
ถังซีรู้สึกประหลาดใจที่เห็นหลินหรูปฏิเสธไม่อยากเห็นหน้าเธอ และแอบร้องไห้ แทนที่จะระเบิดน้ำตาแห่งความสุขออกมาด้วยความปลาบปลื้มยินดี และกอดเธอด้วยความรัก…
หยางจิ้งเสียนยืนอยู่ข้างถังซี ผลักลูกสาวเบาๆ ถังซีหันไปมอง และหยางจิ้งเสียนพยักหน้าให้ ถังซีจึงก้าวออกไปจับมือหลินหรูไว้ แล้วเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน “แม่คะ ทุกอย่างจบแล้วค่ะ ทุกอย่างจะเรียบร้อย แม่ไม่ต้องเสียใจแล้วนะคะ”
หลินหรูส่ายศีรษะ แต่แล้วเธอก็มีท่าทีตกใจอย่างฉับพลัน เธอมองตอบถังซี และถามเสียงสั่น “เมื่อกี้หนูเรียกแม่ว่าอะไรนะจ๊ะ”
ถังซียิ้ม แล้วเอ่ยออกมาอีกครั้ง “แม่ค่ะ หนูมีคุณแม่อยู่แล้ว แต่ไม่มีแม่ แม่อยากเป็นแม่ของหนูไหมคะ”
ในนาทีนั้นน้ำตาหลินหรูก็พรั่งพรูออกมา แต่แทนที่จะพยักหน้าเธอส่ายศีรษะ “แม่ไม่สมควรเป็นแม่ของหนู โหรวโหรว แม่ไม่คู่ควรกับการเป็นแม่ของหนู แม่ทำผิดต่อหนู ปล่อยให้หนูต้องทนทุกข์ทรมานมากมายเหลือเกิน แม้แต่ตอนนี้หนูก็กำลังถูกคนพวกนั้นคุกคามเพราะแม่…”
ถังซีรู้ว่าหลินหรูกำลังพูดถึงเถาเยี่ยน ถังซีจับมือหลินหรูไว้แล้วส่ายศีรษะ “แม่คือแม่ของหนูค่ะ นี่คือความจริง และอดีตคืออดีต เราต้องก้าวต่อไปข้างหน้านะคะ”
หลินหรูไม่อาจหยุดยั้งน้ำตาของเธอได้ เธอไม่สามารถขยับร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งที่ต่ำลงไปจากศีรษะ ทำได้แค่ส่ายศีรษะหรือพยักหน้าเท่านั้น เธอส่ายศีรษะกล่าวว่า “ไม่ เราทำอะไรไม่ได้ ตราบใดที่แม่เป็นลูกสาวพวกเขา เราจะไม่สามารถก้าวต่อไปข้างหน้าได้ หนูจะถูกพวกเขารังควานไปตลอดชีวิต แม่ขอโทษ แม่ใช้ไม่ได้จริงๆ แม่ทำให้หนูต้องโดนรังแก”
ถังซีนั่งลงข้างเตียงหลินหรู เอื้อมมือออกไปเช็ดน้ำตาบนใบหน้าหลินหรูและกระซิบว่า “ทุกอย่างกำลังจะจบค่ะแม่ ไม่ใช่ความผิดของแม่ แต่เป็นความผิดของพวกเขา พวกเขาทำสิ่งเลวร้ายกับแม่ ทุกอย่างจะจบลงด้วยดีค่ะ”
หยางจิ้งเสียนพยักหน้ากล่าวว่า “ใช่จ้ะ โหรวโหรวตกลงยอมรับเธอเป็นแม่แล้ว ตอนนี้เธอควรจะมีความสุขสิ อย่าร้องไห้เลยนะ”
เป็นครั้งแรกที่เซียวหงอี้เห็นหลินหรูร้องไห้ด้วยความเศร้าเสียใจอย่างหนักในรอบยี่สิบกว่าปี เขายืนอยู่ข้างๆ โดยไม่รู้จะพูดอะไร สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือยืนนิ่งงัน เมื่อได้ยินคำพูดของหยางจิ้งเสียนเขาก็รีบกล่าวว่า “ใช่ เราจะไม่เกี่ยวข้องกับคนพวกนั้นอีกต่อไป” จบคำพูดเขาก็รีบให้หลินหรูดูรายงานการตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดามารดา “นี่คือรายงานผลการตรวจพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ เมื่อวานนี้โหรวโหรวถามพวกเขาว่าคุณเป็นลูกพวกเขาจริงๆ หรือ พวกเขาหลุดปากออกมา เราจึงรีบทำการตรวจพิสูจน์ทันที อาหรู คุณไม่ใช่ลูกของพวกเขา นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาปฏิบัติต่อคุณแบบนี้ ไม่ใช่ว่าคุณไม่ดีพอ แต่เพราะคุณไม่ใช่ลูก พวกเขาถึงทารุณกรรมคุณอย่างโหดเ**้ยมอย่างนั้น”
หลินหรูตัวแข็ง มองหน้าเซียวหงอี้อย่างไม่อยากเชื่อ เซียวหงอี้พยักหน้าให้เธอ จากนั้นเธอก็หันไปหาถังซีซึ่งพยักหน้าให้เธอเช่นกันและกล่าวว่า “ใช่ค่ะ พวกเขาไม่ใช่พ่อแม่ของแม่ หนูกำลังให้คนรวบรวมหลักฐานอยู่ตอนนี้ หลังจากได้หลักฐานแล้ว เราสามารถนำพวกเขาไปขึ้นศาล และปฏิเสธพวกเขาได้ แล้วจากนั้นเราจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับปลิงดูดเลือดพวกนั้นอีก”
หลินหรูกัดริมฝีปากแน่น เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร เธอไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของพ่อกับแม่ เธอเป็นลูกสาวตระกูลหลินมาเกือบ 50 ปี แต่ตอนนี้เธอได้รับรู้ว่าเธอไม่ใช่ลูกสาวของพ่อแม่ ดวงตาเธอเริ่มแดงเรื่อ เป็นไปได้อย่างไรกัน!
เมื่อเห็นหลินหรูตะลึงงันไปเหมือนคนไร้สติ ถังซีก็นั่งลงพยายามปลอบโยนเธอ “อย่าร้องไห้เลยนะคะ แม่ควรมีความสุขมากกว่า แม่ไม่ใช่ลูกของปลิงสองตัวนั้น และลูกสาวของแม่ก็ไม่จำเป็นต้องได้รับการยอมรับจากพวกเขา เพราะฉะนั้นแม่ควรจะมีความสุข”
“ถ้าแม่ไม่ใช่ลูกของพวกเขา แล้วทำไมพวกเขาถึงปฏิบัติกับเซียวจิ้นหนิงดีมากขนาดนั้น ถึงแม้ว่าแม่จะไม่ใช่ลูกของพวกเขา แต่แม่ก็ดูแลรับใช้พวกเขาด้วยความกตัญญูมานานหลายปี!” หลินหรูร้องไห้อย่างขมขื่น
ถังซีเม้มริมฝีปากขณะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบอย่างเคร่งขรึม “เซียวจิ้นหนิงอาจเป็นหลานสาวแท้ๆ ของพวกเขา นั่นคือเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงปฏิบัติต่อเธอดีขนาดนั้นค่ะ”
ทั้งเซียวหงอี้และหลินหรูมองหน้าถังซีอย่างตกตะลึง เซียวหงอี้จ้องมองถังซีด้วยความประหลาดใจ ส่วนหลินหรูเบิกตากว้าง “ลูกพูดว่าอะไรนะ”
ถังซีถอนหายใจ มองเซียวหงอี้กับหลินหรูและกล่าวว่า “หนูจะจัดการเรื่องนี้เองค่ะ ไม่ว่าก่อนหน้านี้ จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างก็ตาม แต่ตอนนี้เราควรมีความสุข แทนที่จะเสียใจ เพราะพวกเราได้อยู่ด้วยกัน และได้รู้ความจริงทั้งหมดแล้ว จริงไหมคะ”
หลินหรูมองถังซีอย่างใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามว่า “เซียวจิ้นหนิงเป็นลูกสาวหลินเจียวหรือ เพื่อให้ลูกสาวหลินเจียวได้มีชีวิตที่ดี พวกเขาจึงขโมยลูกของแม่ไป แล้วเอาลูกสาวหลินเจียวมาไว้ข้างๆ แม่แทนใช่ไหม”
ถังซีเม้มริมฝีปาก เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “ใช่ค่ะ”
หลินหรูหัวเราะออกมาอย่างสมเพชตัวเอง “ฮ่าๆ หมายความว่าพวกเขาแค่อยากใช้ประโยชน์จากฉัน! พวกเขาหาประโยชน์จากฉันมาหลายสิบปีแล้ว พวกเขาข่มเหงฉันแบบนี้ได้อย่างไร ทำไมพวกเขาถึงทำแบบนี้กับฉัน!”
หลินหรูจำได้ว่าเมื่อเธอยังเป็นเด็ก เธอได้กินแต่อาหารที่เหลือจากเถาเยี่ยนและหลินรั่วจื้อเท่านั้น บางครั้งเธอไม่มีอะไรกินเลยและต้องอดทนกับความหิว เธอได้สวมเสื้อผ้าแต่ที่เถาเยี่ยนทิ้งแล้ว การต้องสวมเสื้อผ้าตัวใหญ่เกินไปทำให้เธอดูเหมือนตัวตลก
จากนั้นหลินเจียวก็โตขึ้น ในที่สุดเธอก็ได้ใส่เสื้อผ้าเก่าของหลินเจียว แต่เธอสูงกว่าหลินเจียว เสื้อผ้าเธอจึงตัวเล็กเกินไป หลังจากกลับจากโรงเรียน… เธอต้องไปเก็บขยะ หรือไม่ก็ไปช่วยพวกหญิงชราในตลาดขายผัก เพื่อหาเงินเรียนหนังสือ
เมื่อเป็นเด็กเธอต้องใส่แต่เสื้อผ้าตัวใหญ่ เมื่อโตขึ้นเธอได้ใส่แต่เสื้อผ้าตัวเล็กๆ และหลังจากกลับจากโรงเรียนเธอต้องรีบทำการบ้าน แล้วทำอาหารเย็น ก่อนจะออกไปทำงาน…
เธอหาทุกอย่างมาด้วยตัวเอง เธอมีความหวังอยากบอกพ่อกับแม่ว่า หลินหรูที่พวกเขาเกลียดชังมาตั้งแต่วัยเด็กได้ประสบความสำเร็จแล้ว อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่เคยชื่นชมยินดีกับเธอ มีแต่ให้ความสำคัญแก่หลินเจียวผู้ไม่เคยเชื่อฟังพวกเขา และดื้อรั้นออกนอกลู่นอกทางมากขึ้นเรื่อยๆ …
พวกเขาเปลี่ยนความคิดที่มีต่อเธอ หลังจากเธอเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยแห่งเมือง A และเลิกปฏิบัติต่อเธอเหมือนสมัยก่อน แต่เปลี่ยนมาเป็นรีดไถเงินจากเธอแทน…
“บางทีเถาเยี่ยนอาจเกลียดครอบครัวของแม่ค่ะ” ถังซีกล่าวด้วยความรู้สึกสงสารเห็นใจ ขณะมองดูหลินหรู “หนูนึกหาเหตุผลไม่ออก ว่าทำไมเถาเยี่ยนถึงเลี้ยงแม่แบบไม่ให้คลาดสายตา และทรมานแม่วันแล้ววันเล่า นอกเสียจากว่าเธอเกลียดพ่อแม่ที่แท้จริงของแม่มากๆ”
“แม่จะถามเธอว่าทำไม!” หลินหรูพยายามลุกขึ้น แต่ถังซีจับตัวเธอไว้ไม่ให้ลุกขึ้น และกล่าวอย่างจริงจัง “หนูบอกแล้วไงคะ ว่าหนูจะจัดการเรื่องนี้เอง สิ่งที่แม่ควรทำตอนนี้คือฟื้นร่างกายให้ได้เร็วที่สุด สู้ๆ นะคะ อย่าเศร้า อย่าเสียใจ!”
ตอนที่ 171 ความรักอันอ่อนโยนที่สุด
หลินหรูส่งสายตาประหลาดใจมองถังซีซึ่งยืนเม้มริมฝีปาก ถังซีรู้ดีว่าหลินหรูอาจยอมรับไม่ค่อยได้กับน้ำเสียงเธอในตอนนี้ เมื่อเธอกล่าวว่า “แม่ยังบาดเจ็บอยู่ เพราะฉะนั้นควรดูแลตัวเองให้ดีก่อนค่ะ ถึงแม่จะอยากไปเจอพวกเขา ไปถามว่าทำไมถึงทำแบบนี้ ก็ควรให้หายดีก่อนค่อยทำอย่างนั้น ตงลงไหมคะ”
หลินหรูพยักหน้าอย่างงุนงง นี่เป็นครั้งแรกที่โหรวโหรวพูดกับเธอยาวๆ และที่โหรวโหรวทำก็เพื่อประโยชน์ของเธอเอง เพื่อปลอบใจเธอ…
หลินหรูรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาฉับพลันจากความขมขื่นที่ซัดมาเป็นระลอก กลับกลายเป็นว่าเธอรู้สึกดีเหลือเกินที่ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากลูกสาว
ถังซีรู้สึกโล่งอกที่เห็นว่าในที่สุดเธอก็สามารถโน้มน้าวหลินหรูได้สำเร็จ ในอดีตเธอใช้ชีวิตราวกับเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ เป็นศูนย์กลางของผู้คนรอบตัวตลอดเวลา เธอจึงไม่ค่อยให้ความสนใจกับคนอื่น ไม่ต้องพูดถึงการพยายามเกลี้ยกล่อมหรือปลอบโยนคนอื่นเหมือนตอนนี้เลย
หยางจิ้งเสียนซึ่งหิ้วกล่องอาหารเก็บความร้อนมาด้วย กล่าวอย่างอ่อนโยน “ฉันต้มซุปซี่โครงมาให้ อาหรู เธอไม่ได้ทานอะไรเลยวันหนึ่งกับคืนหนึ่งเต็มๆ เธอต้องหิวแน่ๆ ทานซุปหน่อยนะ แล้วเดี๋ยวฉันจะกลับไปต้มโจ๊กมาให้เธอตอนเที่ยง”
หลินหรูเงยหน้าขึ้นมองหยางจิ้งเสียนและยิ้มให้ เธอซาบซึ้งกับความใจดีของน้องสะใภ้มากๆ “ขอบคุณมากนะ จิ้งเสียน ขอโทษด้วยที่ทำให้เธอต้องลำบาก”
หยางจิ้งเสียนยิ้มขณะเดินไปที่เตียงหลินหรู เธอวางซุปลงบนโต๊ะข้างเตียง แล้วกล่าวเบาๆ ว่า “ให้พี่ใหญ่ป้อนให้นะ ฉันขับรถมาเอง เดี๋ยวโหรวโหรวจะไปพบหลินเจียว ฉันต้องไปส่งลูก”
“ขอบคุณนะจ๊ะ จิ้งเสียน”
หยางจิ้งเสียนยิ้มแล้วหันไปหาถังซีซึ่งยืนเงียบอยู่ข้างๆ และกล่าวอย่างอ่อนโยน “เป็นสิ่งที่ฉันต้องทำอยู่แล้ว”
หลังจากถังซีกับหยางจิ้งเสียนออกจากห้องคนไข้ หลินหรูก็หันไปมองเซียวหงอี้ เม้มปากก่อนจะถามว่า “พวกนั้นทุกคนอยู่ที่สถานีตำรวจเหรอ”
เซียวหงอี้พยักหน้า ขณะเปิดกล่องเก็บความร้อน เทน้ำซุปใส่ลงในถ้วย แล้วเริ่มใช้ช้อนตักป้อนหลินหรู เขาตอบว่า “แม่กับจิ้นหนิงถูกตำรวจนำตัวไปที่นั่น ส่วนพ่อ โหรวโหรวขอให้เซียวจิ่งกับเซียวส่าเฝ้าไว้ ทานซุปเถอะ ไม่ต้องกังวล ดูแลตัวเองก่อน พยายามฟื้นร่างกายให้หายโดยเร็วที่สุด”
หลังจากกล่าวจบเขาก็ป้อนหลินหรูต่อไป หลินหรูมองหน้าเซียวหงอี้ขณะซดน้ำซุป เมื่อทานใกล้หมดหลินหรูก็ถามขึ้นเบาๆ “คุณดีใจไหม ที่รู้ว่าเถาเยี่ยนและหลินรั่วจื้อไม่ใช่พ่อแม่ที่ให้กำเนิดฉัน”
เซียวหงอี้หยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะวางช้อนลงในถ้วย แล้ววางถ้วยลงบนโต๊ะข้างเตียง จากนั้นก็มองหน้าหลินหรูพร้อมกับเม้มริมฝีปากแล้วตอบว่า “อาหรู พูดตามตรงนะ ผมรู้สึกโล่งอกจริงๆ ตอนที่เห็นรายงานผลการตรวจพิสูจน์เมื่อวานนี้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาคุณดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี แต่พวกเขาไม่เคยพอใจ…” เซียวหงอี้เริ่มขุ่นเคืองขึ้นเรื่อยๆ นัยน์ตาเขาเริ่มแดงขณะกล่าวต่อไป “คุณรู้ไหมว่าผมรู้สึกยังไงตอนที่เห็นคุณถูกเถาเยี่ยนผลักตกบันได ผมรู้สึกหมดความอดทน ผมอยากตรงเข้าไปฆ่าพวกเขา…”
ในความเป็นจริงเวลานั้นเขาทำอย่างนั้นไปแล้วจริงๆ เขาพุ่งตัวเข้าไปด้วยความตั้งใจจะผลักเถาเยี่ยนให้ตกบันไดลงไป ให้นางได้รู้ถึงความเจ็บปวดแบบเดียวกับที่หลินหรูได้รับ แต่เซียวหงลี่กับหยางจิ้งเสียนห้ามเขาไว้ บอกให้รีบพาหลินหรูมาโรงพยาบาล และเมื่อมาถึงโรงพยาบาลแล้วนั่นแหละเขาจึงค่อยสงบลง
แต่เมื่อสงบลงแล้วเขาก็คิดขึ้นมาได้ว่าเขาทำอะไรไม่ได้หรอก เพราะคนสองคนนั้นเป็นพ่อแม่เธอ เขาจะทำอะไรคนพวกนี้ได้
แม้เขาจะเป็นคนที่ฝักใฝ่ในเงินและอำนาจ แต่เขาก็รักหลินหรูด้วยใจจริง ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่แต่งงานกับหลินหรู พนักงานฝึกหัดที่ไม่ได้มีพื้นฐานทางครอบครัวที่ดี เพิ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย และเริ่มทำงานครั้งแรกในบริษัทเขา เขาเลือกเธอแม้จะมีสายตาจ้องมองแปลกๆ จากคนอื่นก็ตาม
ต่อมาหลังจากนั้นหลินหรูก็แสดงให้เห็นว่าเธอทำงานเก่ง สร้างผลงานดีเด่น ช่วยเขาพัฒนาบริษัทให้เจริญก้าวหน้า เธอกลายเป็นนักธุรกิจหญิงที่ประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ และแสดงออกถึงความสามารถในการทำงานได้แข็งแกร่งกว่าเขา บางครั้งเธอดูมีความสามารถมากกว่าเขาด้วยซ้ำ แต่ความรักที่เขามีต่อเธอนั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลง
ขณะเห็นเธอกลิ้งตกบันไดเขารู้สึกว่าหัวใจเขาหยุดเต้นไปแล้ว เขาต้องการให้เธออยู่กับเขาไปตลอดชีวิต ดูแลเขา หรือแม้จะอยู่กันไปทะเลาะกันไปก็ตาม เขาไม่เคยอยากให้เธอจากเขาไปแบบนั้น
เมื่อเห็นอารมณ์บนใบหน้าเซียวหงอี้ หลินหรูก็จับมือเขาไว้และยิ้มออกมาเล็กน้อย “ฉันก็เหมือนกันค่ะ เมื่อกี้ตอนที่ได้ยินว่าสองคนนั้นไม่ใช่ครอบครัวที่แท้จริงของฉัน ฉันรู้สึกว่าตัวเองโชคดีจริงๆ ฉันคิดว่า ‘ดีแล้วที่พวกเขาไม่ใช่พ่อแม่ฉัน ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ถึงแม้ฉันจะเป็นเด็กกำพร้า ครอบครัวของฉันจะได้ไม่เลวร้ายเหลือทนอย่างที่ฉันเคยคิด อย่างน้อยที่สุดฉันก็เติบโตขึ้นมาได้โดยไม่ต้องมีพ่อแม่ดูแล”
ขณะกล่าวเช่นนี้ดวงตาเธอค่อยๆ หม่นลง เธอยิ้มหยันตัวเองแล้วกล่าวต่อไป “แต่ทุกครั้งที่ฉันคิดว่าเป็นเพราะฉัน โหรวโหรวของฉันถึงต้องทนทุกข์ทรมานมานานกว่า 20 ปี ฉันรู้สึกเป็นทุกข์มาก ฉันเกลียดที่ตัวเองต้องเกี่ยวพันอยู่กับครอบครัวแบบนี้!”
“ไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่เป็นไร ทุกอย่างจบลงแล้ว” เซียวหงอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงแหบห้าว ขณะเช็ดน้ำตาที่หางตาให้หลินหรู “ตอนนี้โหรวโหรวของเราได้สร้างชีวิตที่ดีให้กับตัวเองแล้ว คุณเห็นไหมเธอเพิ่งกลับมา แต่เธอมีพ่อแม่อีกคู่หนึ่งที่รักเธอ และเธอได้รับความรักมากมาย คุณควรจะมีความสุขสิ จริงไหม”
หลินหรูยิ้ม พยักหน้าให้เซียวหงอี้ เมื่อเห็นภาพนี้จากประตูทางเข้า ถังซีก็ทำปากยื่นแล้วยิ้มออกมา เธอได้เห็นแล้วว่าทั้งสองอยู่ด้วยกันเพราะความรักที่แท้จริง ดูเหมือนว่าเซียวหงอี้ไม่ใช่คนเห็นแก่เงินเหมือนบุคลิกที่เขาเป็น ถ้าเขาเป็นคนเห็นแก่เงินจริงๆ เขาจะต้องหาผู้หญิงที่มีภูมิหลังแบบเดียวกันกับเขามาแต่งงาน แทนที่จะเป็นหลินหรู ซึ่งมีพื้นฐานครอบครัวที่แย่มาก
ขณะยืนรออยู่ที่โถงทางเดินและเห็นถังซียิ้มออกมาแบบนี้ หยางจิ้งเสียนก็ยื่นมือมาหาลูกสาวแล้วกระซิบ “จริงๆ แล้ว ทุกคนมีความรักที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นรักพ่อแม่ รักคู่สามีภรรยา หรือรักลูก และความรักที่ได้รับการดูแลใส่ใจด้วยหัวใจจากใครก็ตาม คือความรักที่บริสุทธิ์และอ่อนโยนที่สุด”
ถังซียิ้ม ควงแขนหยางจิ้งเสียนเดินออกไปข้างนอก แล้วหัวเราะเบาๆ กล่าวว่า “หนูคิดว่าไม่เสมอไปนะคะ คนบางคนไม่เคยมีส่วนที่อ่อนโยนในหัวใจเลย ไม่ต้องพูดถึงความรักที่อ่อนโยนที่สุด ดูอย่างหลินเจียวสิคะ”
ถังซีมองหน้าหยางจิ้งเสียนแล้วยิ้ม แต่ดวงตาเธอเยือกเย็นขณะกล่าวต่อไป “ถ้าหนูเดาถูกว่าเซียวจิ้นหนิงเป็นลูกสาวหลินเจียว แล้วหลินเจียวเพียงแค่อยากใช้เซียวจิ้นหนิงหาผลประโยชน์ล่ะค่ะ ถ้าความรักที่อ่อนโยนและจริงใจของเธอคือเซียวจิ้นหนิง เธอจะไม่มีเอาเซียวจิ้นหนิงมาให้คุณแม่หนูเลี้ยง เพราะฉะนั้นคำพูดของคุณแม่เป็นจริงแค่กับบางคนเท่านั้นค่ะ”
“แต่แม่รู้นะ โหรวโหรว ว่าความรักที่อ่อนโยนที่สุดของหนูคือครอบครัวหนู ใช่ไหมจ๊ะ” หยางจิ้งเสียน มองตาถังซีแล้วยิ้ม “แม่ดูออกจ้ะ”
ตอนที่ 172 ฉันมีวิธีมากมายที่จะทำให้แ...
ถังซีมองหยางจิ้งเสียน ยิ้มและตอบว่า “เป็นไปได้ค่ะ”
ความสัมพันธ์ในครอบครัวมีความสำคัญต่อเธอมาก ก่อนหน้านี้ถ้าเธอต้องเลือกระหว่างคุณปู่กับเฉียวเหลียง เธอจะเลือกฝ่ายแรกโดยไม่ลังเล เพราะตั้งแต่วัยเด็กมาแล้วคุณปู่คือผู้ที่ปฏิบัติต่อเธออย่างดีที่สุด แต่ตอนนี้ ถ้าเธอต้องเลือกระหว่างตระกูลเซียว ตระกูลถัง และเฉียวเหลียง เธอจะไม่ยอมเลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างแน่นอน เพราะเธอรักพวกเขาทุกคน
เพราะเธอเคยผ่านความตายมาแล้วครั้งหนึ่ง เธอจึงไม่ต้องการทอดทิ้งใคร หรือสิ่งใดก็ตามที่สำคัญต่อเธอ
…
เซียวจิ่งพาหลินเจียวไปที่โกดังในเขตชานเมือง เป็นสถานที่ซึ่งเซียวกรุปเคยใช้เป็นคลังสินค้า ที่นี่ถูกทิ้งร้างหลังจากที่พวกเขามีคลังสินค้าแห่งใหม่อีกแห่งในย่านใจกลางเมือง เซียวหงอี้ต้องการขายโกดังหลังนี้ ในขณะที่เซียวหงลี่บอกว่าที่ดินอาจมีราคาสูงขึ้นในอนาคต ที่นี่จึงถูกทิ้งร้างไว้
เมื่อเห็นโกดังร้างหลินเจียวก็หันมองไปรอบๆ ความหวาดกลัวฉายชัดทั่วดวงตาเธอ เซียวจิ่งและเซียวส่าไม่ได้ให้บอดีการ์ดปิดปากเธอ แต่ใบหน้าและปากเธอบวมเป่งจนพูดไม่ได้ เธอเอ่ยออกมาตะกุกตะกัก “พวกแก…พา… ฉันมา…ที่ไหน”
บอดีการ์ดสองคนที่คอยเฝ้าเธอคนหนึ่งหลับอยู่ ส่วนอีกคนกำลังขับรถ ไม่มีใครตอบเธอ เซียวจิ่งกับเซียวส่าก็งีบหลับอยู่หลังรถ
เมื่อทั้งหมดมาถึงตัวโกดังร้าง หลินเจียวมองดูประตูโกดังอย่างตื่นตระหนก แล้วมองกลับไปที่เซียวจิ่งกับคนอื่นๆ ถามว่า “ทำไม…พวกแก…พา…ฉัน…มาที่นี่”
“เพื่อทรมานแกให้สารภาพไง” เซียวจิ่งตอบอย่างเยือกเย็น “คิดว่าเราจะทำอะไรเหรอ”
หลินเจียวซึ่งจ้องมองอยู่ถึงกับผงะ เธอกรีดร้องโดยไม่สนใจความเจ็บปวดบนใบหน้า “แกไม่รู้หรือว่ามันผิดกฎหมาย”
“รู้สิ แน่นอน แต่ตำรวจไม่รู้ไง โอเคไหม” เซียวจิ่งตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา ขณะมองหลินเจียวอย่างเหลืออด “แล้วอีกอย่าง เธอทำผิดกฎหมายมากกว่าเราอีก เธอยังไม่กลัวเลย เราจะกลัวทำไม”
หลินเจียวตวัดสายตาจ้องมองพวกเขาอย่างรวดเร็ว ก้าวถอยหลังทีละก้าว แล้วทันใดนั้นเท้าเธอก็สะดุดบนพื้นหญ้าและเกือบจะล้มลง เซียวจิ่งไม่อยากพูดกับเธอจึงบอกให้คนของเขาพาเธอเข้าไปในโกดัง หลังจากนั้นเขากับเซียวส่าก็เดินไปด้านข้างอาคาร โทรศัพท์หาถังซี บอกเธอว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน
…
ถังซีกับหยางจิ้งเสียนมาถึงเมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมง หลินเจียวทั้งหิวทั้งหวาดกลัว เธอยู่ในช่วงเวลาที่อ่อนแอที่สุดในชีวิต เมื่อเห็นผู้หญิงสองคนมองมาที่เธอ เธอก็ชะงัก และมองถังซีด้วยท่าทางลังเลถามว่า “แกคือเซียวโหรวหรือ”
ถังซีเลิกคิ้ว ขณะเดินเข้าไปหาและมองแก้มหลินเจียวที่แดงช้ำ เธอตอบว่า “ฉันมานี่เพื่อจะถามแกสองคำถาม ถ้าคำตอบของแกเป็นที่พอใจ ฉันจะปล่อยแกไป แต่ถ้าฉันไม่พอใจ แกจะถูกขังไว้ที่นี่ตลอดไป”
เมื่อได้ยินคำพูดเปิดประเด็นอย่างก้าวร้าวของถังซี หยางจิ้งเสียนก็มีท่าทางประหลาดใจมาก หลินเจียวพยายามลุกขึ้น แต่เธอถูกมัดไว้และไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ เธอถามว่า” แกทำอะไรจิ้นหนิง ทำอะไรแม่ฉัน”
เมื่อถังซีได้ยินคำถามสองข้อติดกัน ประกายวาววับก็ปรากฏในดวงตาเธอ ขณะนั่งลงตรงหน้าหลินเจียวด้วยรอยยิ้มบางๆ เธอมองตาหลินเจียวและกล่าวเบาๆ “ฉันพาแกมาที่นี่ไม่ใช่เพื่อตอบคำถามแก แต่เพื่อให้แกตอบคำถามฉัน ไม่เข้าใจหรือไง”
หลินเจียวมองหน้าถังซีอย่างไม่อยากเชื่อ แล้วหรี่ตาลง “แกคิดว่าฉันจะตอบคำถามแก เพียงเพราะแกลักพาตัวฉันมาที่นี่น่ะหรือ แกอยากได้คำตอบใช่ไหม แต่ฉันจะไม่ตอบแก! ขอร้องฉันสิ!”
ถังซีก้มหน้าด้วยท่าทางระอาใจ แล้วทันใดนั้นรอยยิ้มร้ายกาจก็ปรากฏบนใบหน้าเธอ เธอตบแก้มหลินเจียวเบาๆ ขณะเอ่ยพึมพำ “แกคิดว่าฉันจะหาความจริงด้วยตัวเองไม่ได้หรือไง แกรู้อะไรไหม สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดคือการไม่ยอมให้ความร่วมมือ และฉันกำลังโกรธที่แกบังอาจมาขู่ฉัน” จากนั้นเธอก็ยิ้มอย่างเยือกเย็นแล้วกล่าวต่อไป “แล้วแกรู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อฉันโกรธ ฉันจะเดาเอาเอง และไม่ว่าสิ่งที่ฉันเดาจะเป็นความจริงหรือไม่ก็ตาม ฉันจะทำให้มันเป็นจริงขึ้นมา และทรมานไอ้อีทุกคนที่ฉันต้องการจะจัดการกับมัน”
เมื่อเห็นใบหน้าหลินเจียวค่อยๆ ซีดขึ้นเรื่อยๆ ถังซีก็ยิ้มขณะหดมือกลับ แล้วหันไปขอให้เซียวจิ่งกับเซียวส่าพาหยางจิ้งเสียนออกไปข้างนอก หลังจากที่พวกเขาทำตามที่เธอขอ เธอก็เอ่ยขึ้นอีกอย่างเย็นชา “แกก็รู้ว่าคนอย่างฉันอยากทำอะไรก็ทำได้ทุกอย่าง เป็นเรื่องง่ายมากสำหรับเซียวกรุป ที่จะทำรายงานผลการตรวจพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ปลอม ถ้าเซียวจิ้นหนิงกลายเป็นเด็กที่เกิดจากคู่สามีภรรยาบ้านนอกที่ยากจน แฟนๆ เธออาจเห็นอกเห็นใจ แต่ถ้าแม่ของเธอเป็นโสเภณีที่มีผู้ชายมากหน้าหลายตา และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อเธอคือใคร แฟนๆ จะเห็นอกเห็นใจหรือเปล่า หรือจะยังชอบเธอไหม ฉันเกรงว่าถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงจะยากสักหน่อย!”
เมื่อหลินเจียวได้ยินคำพูดของถังซี ใบหน้าเธอก็เปลี่ยนเป็นดำคล้ำในทันที เธอจ้องถังซีด้วยความโกรธและคำราม “แกไม่กล้าหรอก!”
ถังซียิ้ม “เราจะได้เห็นกัน” เมื่อจบคำพูดใบหน้าเธอก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที “แกสับเปลี่ยนลูกสาวแกกับฉัน แล้วโยนฉันทิ้งไว้ที่หมู่บ้านที่ยากจนนั่น แกยังทำได้ ทำไมฉันจะเปลี่ยนลูกสาวแกให้กลายเป็นหนูข้างถนนไม่ได้ล่ะ โอ…ใช่ ฉันจะบอกสิ่งที่แกทำทั้งหมดให้โลกรู้ แล้วหลังจากนั้นแม้แต่เดินถนน แกก็จะโดนทุกคนขว้างด้วยไข่เน่า!”
ถังซีหยุด แล้วกล่าวว่า “แน่นอน ถ้าแกบอกฉันทุกอย่างที่แกทำ ฉันอาจให้อภัยแก คิดดูให้ดีนะ ก่อนจะพูด”
“แกจะปล่อยเราใช่ไหม ถ้าฉันสารภาพ” หลินเจียวถามขณะจ้องมองถังซี
ถังซีเลิกคิ้ว “ขึ้นอยู่กับอารมณ์ฉัน”
หลินเจียวอึ้ง หลังจากนั้นไม่นานเธอก็พยักหน้า “ฉันขอโทษ ฉันไม่ควรทำอย่างนั้น ฉันท้อง แต่ฉันไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใคร ฉันอยากทำแท้ง แต่ยายเธอขอให้ฉันเก็บเด็กไว้ ยายเธอบอกว่าแม่เธอก็ท้องเหมือนกัน เราขอให้แม่เธอเอาลูกฉันไปเลี้ยงด้วยก็ได้ ฉันคิดว่าเป็นความคิดที่ดี ลูกสาวฉันก็ควรได้มีชีวิตที่ดีด้วยเหมือนกัน ฉันจึงซ่อนตัวอยู่ เมื่อแม่เธอคลอดเธอที่เมือง W ฉันก็รีบไปที่เมือง W ในคืนนั้น เพื่อไปผ่าตัดคลอดจิ้นหนิงที่นั่น และเพราะยายเธอเป็นแม่ของแม่เธอ จึงสามารถพาเธอออกจากโรงพยาบาลได้ง่ายๆ ตอนนั้นเธอยังเป็นทารกแรกเกิดไม่มีใครจำเธอได้ เมื่อเราสับเปลี่ยนป้ายชื่อเธอ เธอกับจิ้นหนิงก็สามารถสลับตัวกันได้”
หลินเจียวมองหน้าถังซี แล้วกล่าวอย่างกระตือรือร้น “ฉันอยากเลี้ยงดูเธอด้วยตัวเอง แต่ฉันไม่มีปัญญา! ฉันเลยต้องส่งเธอไปอยู่ที่อื่น”
ตอนที่ 173 ตลบตะแลง
เมื่อเห็นถังซียังคงไม่ขยับเขยื้อน ความตื่นตระหนกก็ฉายชัดในดวงตาหลินเจียว เธอรีบบอกอีกว่า “เธอก็รู้นี่ ว่าดีกว่าฉันเลี้ยงเอง ให้เธอไปโตในครอบครัวอื่นดีกว่า จริงไหม”
“แต่แทนที่แกจะส่งฉันไปอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหรือครอบครัวที่ดี แกกลับเอาฉันไปทิ้งไว้บนภูเขาห่างจากตัวเมือง W หลายร้อยไมล์ โดยไม่สนใจเลยด้วยซ้ำว่าอาจมีสัตว์ป่ามากินฉัน หรือฉันจะต้องแข็งตายตอนกลางคืน!”
แม้ความทรงจำขณะเป็นเซียวโหรวจะคลุมเครือ แต่เธอยังจำได้ว่าตอนที่เซียวโหรวอยู่กับครอบครัวเหยา สมาชิกครอบครัวเหยาเคยพูดว่าพวกเขาพบเธอบนภูเขา และตอนที่ตระกูลเซียวพาตัวเซียวโหรวกลับมา เธอคิดว่าพวกเขาโกหกเธอ พวกเขาแค่อุ้มเธอไปเพราะเข้าใจผิดว่าเซียวโหรวคือเซียวจิ้นหนิง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าคนในครอบครัวเหยาคือผู้ที่ช่วยชีวิตเซียวโหรวไว้อย่างแท้จริง!
และตัวการที่กระทำชั่วยังคงปฏิเสธ ไม่ยอมรับความผิดของตัวเอง!
หลินเจียวส่ายศีรษะ “ไม่ ฉันไม่ได้อยากทำ…”
“พอแล้ว ฉันได้คำตอบที่ฉันอยากรู้แล้ว” ถังซีกล่าวอย่างเยือกเย็น ก้มลงมองหลินเจียว “เวลามองหน้าแก ฉันคิดอะไรออกบางอย่าง นั่นก็คือ ความไร้ยางอายนี่มันสืบทอดกันได้จริงๆ แกสืบทอดมาจากเถาเยี่ยน แล้วเซียวจิ้นหนิงก็สืบทอดมาจากแก” เมื่อจบคำพูด ถังซีก็หันหลังกลับเดินออกไป
เมื่อเห็นว่าถังซีกำลังจะจากไป หลินเจียวก็รีบตะโกนออกมา “แล้วฉันล่ะ! เธอจะไม่ปล่อยฉันหรือ!”
ถังซีมองกลับไปที่หลินเจียวด้วยท่าทางเย็นชา หัวเราะเยาะแล้วกล่าวว่า “ฉันบอกว่าฉันจะปล่อยแกเหรอ ฉันบอกแล้วว่าขึ้นอยู่กับอารมณ์ฉัน และตอนนี้ฉันอารมณ์เสียมาก!”
หลินเจียวมองถังซีด้วยความโกรธและตะโกนว่า “เซียวโหรว แกมันคนโกหก!”
ถังซีไม่ได้หันไปมอง แต่เดินตรงออกไปข้างนอก เมื่อหยางจิ้งเสียนเห็นถังซีเดินออกมาก็รีบเข้าไปหา และถามเบาๆ ว่า “เธอสารภาพไหม”
ถังซียิ้ม ชูปากกาบันทึกเสียงให้มารดาดู แล้วส่ายไปมา “ไปกันเถอะค่ะ คุณแม่กลับบ้านได้แล้วนะคะ เดี๋ยวหนูจะไปดูเซียวจิ้นหนิง”
เธอจะไปล้างแค้นให้เซียวโหรวกับหลินหรู คนพวกนั้นทำลายชีวิตหลินหรูและเซียวโหรว ด้วยเหตุที่เธอเป็นหนี้บุญคุณเซียวโหรว เธอจึงต้องล้างแค้นให้พวกเธอ!
เซียวจิ่งขมวดคิ้วมองหน้าถังซี “พี่จะพาเธอไปเอง”
ถังซีส่ายศีรษะเมื่อเห็นเซียวจิ่งมีรอยคล้ำที่ใต้ตา เธอหัวเราะเบาๆ “พี่ส่า พี่จิ่ง พี่สองคนกลับบ้านไปพร้อมคุณแม่เถอะค่ะ จะได้นอนพัก ถ้าพี่ๆ ไม่ได้พักผ่อน ฉันเกรงว่าพี่จะตายเพราะทำงานหนักเกินไป!”
เซียวจิ่งจ้องหน้าถังซี “ถ้าอย่างนั้น พี่จะให้บอดีการ์ดสองคนไปกับเธอ”
ถังซีพยักหน้า เดินไปขึ้นรถสีดำคันหนึ่ง บอดีการ์ดหนึ่งในสองคนเข้าประจำที่คนขับ ถังซีบอกเขาว่า “ไปสถานีตำรวจ”
…
เมื่อถังซีไปถึงสถานีตำรวจ นายตำรวจสองคนกำลังสอบสวนเซียวจิ้นหนิง ซึ่งไม่ยอมรับสารภาพ ไม่ว่าตำรวจสองคนจะพูดอะไร เธอก็มั่นใจว่าพวกเขาไม่กล้าทำอะไรหยาบคายต่อเธอ เธอจึงปิดปากสนิทด้วยท่าทางหยิ่งผยอง ขณะยืนอยู่ในห้องสังเกตการณ์ถังซีขมวดคิ้วมองเซียวจิ้นหนิง ก่อนจะหันไปหาผู้กำกับการสถานีตำรวจที่ยืนอยู่ข้างๆ และถามขึ้นเบาๆ “ผู้กำกับหลานคะ เธอเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อวานเหรอคะ”
ผู้กำกับหลานมาทักทายถังซีหลังจากได้รับโทรศัพท์จากผู้บัญชาการของเขา และรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นถังซี พร้อมกับสงสัยว่าเด็กผู้หญิงคนนี้มีสิทธิพิเศษอย่างไร แต่เมื่อได้ยินว่าเด็กสาวคนนี้ชื่อเซียวโหรว เขาก็รู้ทันทีว่าเธอมีอภิสิทธิ์มากมาย ทุกวันนี้ข่าวทุกข่าวล้วนเกี่ยวกับเธอ…
ภาพข่าวจากวิดีโอเหล่านั้นไม่แสดงใบหน้าของเธอ แต่ปรากฏว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงสง่างาม แต่ยังสวยมากอีกด้วย!
ผู้กำกับหลานเพิ่งมาถึง เขาจึงไม่รู้ว่าเซียวจิ้นหนิงประพฤติตัวอย่างไรบ้าง
เขาหันไปมองตำรวจสองนายในห้องสอบสวน และกำลังจะเอ่ยขึ้นเมื่อถังซียิ้มและถามว่า “ฉันอยากทราบว่า ผู้กำกับหลานจะอนุญาตให้ฉันเข้าไปในห้องสอบสวน และคุยกับเซียวจิ้นหนิงตามลำพังได้ไหมคะ”
เมื่อได้ยินถังซีเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ผู้กำกับหลานก็รีบพยักหน้า “ได้แน่นอนครับ ผมจะให้คนพาคุณเข้าไป”
ถังซีขอบคุณเขาและออกจากห้องสังเกตการณ์ เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามีห้องแบบนี้ในสถานีตำรวจ…
ขณะถังซีเข้าไปในห้องสอบสวน เซียวจิ้นหนิงยังคงหลับตาลงพักสายตา แม้เมื่อได้ยินเสียงคนเข้ามาในห้องเธอก็ไม่ลืมตา ราวกับกำลังอยู่ในบ้านตัวเอง ตำรวจสองนายลุกขึ้นยืนจะทักทายถังซี แต่เธอยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้พวกเขาเงียบ แล้วพยักหน้า หลังจากทั้งสองออกไปจากห้อง ถังซีก็นั่งลงบนเก้าอี้ตรงกันข้ามกับเซียวจิ้นหนิง
เมื่อได้ยินเสียง เซียวจิ้นหนิงก็ยิ้มเย้ยหยันทั้งที่ยังหลับตา และกล่าวว่า “เปลี่ยนคนมาสอบสวนฉันหรือ แล้วไงล่ะ ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ได้ทำ! ที่ตอนนั้นฉันพูดว่าฉันทำก็เพราะพวกเขาแหย่ให้ฉันโมโห และฉันไม่รู้ว่าพูดอะไรออกไป ซึ่งนั่นไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานในการจับกุมฉันได้!”
เมื่อได้ยินคำพูดที่เรียบเรียงมาเป็นอย่างดี ถังซีก็เลิกคิ้ว เคาะโต๊ะเบาๆ ขณะถือปากกาบันทึกเสียงไว้โดยไม่พูดอะไร เมื่อไม่ได้ยินเสียงคำรามหรือเสียงทุบโต๊ะของอีกฝ่าย แต่เป็นเสียงเคาะโต๊ะเบาๆ อย่างเงียบกริบแทน เซียวจิ้นหนิงก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นนิดหนึ่ง แต่เธอกลับเห็นถังซีนั่งอยู่ตรงหน้า เธอยืดตัวขึ้นทันทีแล้วถามอย่างเยือกเย็น “แกมาทำไมที่นี่!”
ถังซีเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ วางมือบนที่เท้าแขน เคาะโต๊ะเบาๆ ด้วยปากกาบันทึกเสียงอย่างสบายใจ โดยไม่พูดอะไร ได้แต่นั่งเคาะโต๊ะเฉยๆ ด้วยท่าทางสบายๆ มองหน้าเซียวจิ้นหนิงที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม และยิ้มออกมาเล็กน้อย
ด้วยความรู้สึกอึดอัดใจอย่างมากเมื่อเห็นภาพเช่นนี้ เซียวจิ้นหนิงจึงทุบโต๊ะแล้วผุดลุกขึ้น เท้ามือทั้งสองลงบนโต๊ะ ก้มลงมองถังซีแล้วกล่าวว่า “แกจะมาหัวเราะเยาะฉันใช่ไหม” เธอจ้องถังซีราวกับจะพุ่งเข้ามาทำร้ายอีกฝ่ายในทันที ถ้าถังซีตอบว่า “ใช่”
ถังซีมองหน้าเซียวจิ้นหนิงแล้วตอบเบาๆ “โกรธเหรอ คับข้องใจหรือไง แกเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อวานแล้วนี่ ทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจเขาถึงทนได้ล่ะ แต่นี่ฉันเพิ่งมาได้แค่…” เธอยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาแล้วยิ้ม กล่าวต่อไป “ฉันเพิ่งมาที่นี่ได้แค่สองนาที แกทนไม่ไหวแล้วเหรอ”
เซียวจิ้นหนิงกำลังจะวิ่งเข้าไปหาเธอ เมื่อถังซีเหลือบมองกล้องวงจรปิด ก่อนจะหันไปหาเซียวจิ้นหนิงและถามด้วยรอยยิ้ม “แน่ใจแล้วหรือว่าจะทำร้ายฉันที่นี่ เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเฝ้าดูแกอยู่นะ”
เซียวจิ้นหนิงหรี่ตาลง และนั่งกลับลงไปอย่างรวดเร็ว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น