รักเล่ห์เร้นใจ 165-178
ตอนที่ 165 อู๋ชง
ตอนบ่าย ณ สนามบินที่มีเที่ยวบินไปต่างประเทศ หลินหว่านถือตั๋วเครื่องบิน นั่งรอขึ้นเครื่องอยู่ในห้องผู้โดยสารรอขึ้นเครื่อง
ด้านข้างเป็นกระเป๋าสัมภาระของเธอ ซึ่งเธอลุกขึ้นมาจัดเก็บแต่เช้า ตั๋วเครื่องบินในมือเป็นตั๋วที่เซียวเฉียงมอบให้เธอเมื่อวาน ในเมื่อเธอรับปากเซียวเฉียงว่าจะไปจากเซียวจิ่งสือ ก็ไม่ควรกลับคำ
เมื่อวานเธออยู่กับเซียวจิ่งสือเป็นวันสุดท้าย ถือเป็นความทรงจำร่วมกันของพวกเขาก็แล้วกัน ถึงอย่างไรก็ไม่มีอะไรให้เสียดายอยู่แล้ว
ยังมีเวลาอีกสักพักก่อนขึ้นเครื่อง หลินหว่านรู้สึกเบื่อ จึงหยิบหนังสือพิมพ์ที่ด้านข้างขึ้นมาอ่าน
เมื่อวาน บ้านตระกูลอัน
ภายใต้แรงกดดันจากเซียวจิ่งสือ ราคาหุ้นของเทียนซิงกรุ๊ปก็ร่วงดิ่งลงฮวบฮาบ ก่อนหน้านี้บ้านตระกูลอันได้ถูกเซียวจิ่งสือชักนำให้ลงทุนในโครงการอื่นๆ เป็นจำนวนมาก ดังนั้น เงินทุนของบ้านตระกูลอันในตอนนี้จึงใกล้หมดเกลี้ยงเต็มที หากอาศัยกำลังเพียงลำพังคงไม่สามารถต่อต้านบ้านตระกูลเซียวได้ ถ้าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป ก็คงได้แต่ปล่อยให้เซียวจิ่งสือกว้านซื้อหุ้นของเทียนซิงไปต่อหน้าแล้ว
“พวกเรามาเสนอความเห็นกันหน่อยสิ ตอนนี้ยังมีวิธีอะไรอีกที่สามารถช่วยเทียนซิงกรุ๊ปไว้ได้”
ในที่ประชุมบอร์ดบริหารของเทียนซิงกรุ๊ป อันโฮ่วสยงใบหน้าเคร่งเครียด ถามบรรดาผู้ถือหุ้นที่เข้าร่วมประชุมบอร์ดครั้งนี้
เขาฟาดฟันอยู่ในวงการธุรกิจมาหลายสิบปี คิดไม่ถึงว่าคราวนี้จะตกหลุมพรางของเด็กหนุ่มอย่างเซียวจิ่งสือ แน่นอนว่าอันโฮ่วสยงโมโหจนพูดไม่ออกเลย
บรรดาผู้ถือหุ้นพากันนั่งจ้องตากันปริบๆ ต่างไม่มีทางออกที่ดีจะนำเสนอ ตอนนั้นเอง จู่ๆ อันจี๋อวี่ก็พูดออกมาว่า “พ่อครับ ผมมีวิธีการหนึ่ง…”
“พูดมา!” อันโฮ่วสยงเอ่ยปากอย่างหงุดหงิด เป็นเพราะเขา เทียนซิงกรุ๊ปจึงถูกเซียวจิ่งสือเล่นงานจนเป็นแบบนี้ เขาอยากจะรู้นักว่าอันจี๋อวี่จะมีวิธีดีๆ อะไร
“พวกเราสามารถร่วมมือกับบริษัทที่เป็นศัตรูกับเซียวจิ่งสือ ดังคำว่า ‘ศัตรูของศัตรูก็คือเพื่อนของเรา’ ผมเชื่อว่าขอเพียงพวกเราแสดงความจริงใจออกมา ต้องมีบริษัทที่เต็มใจจะร่วมมือกับเราแน่ เช่นนี้เราก็จะสามารถรักษาเทียนซิงกรุ๊ปเอาไว้ได้” อันจี๋อวี่พูดด้วยอาการลังเลไม่แน่ใจนัก
นี่นับเป็นทางออกที่ดีวิธีหนึ่งจริงๆ อันโฮ่วสยงก็มีความคิดเช่นนี้เหมือนกัน พอเห็นว่าคนในที่ประชุมไม่มีใครคัดค้าน และไม่มีใครให้ความคิดเห็นที่ดีกว่า อันโฮ่วสยงก็ตัดสินใจว่า “ดีมาก งั้นไปจัดการตามนี้ก็แล้วกัน”
พูดจบ เขาก็เตรียมจัดคนไปเจรจากับบริษัทคู่แข่งของตระกูลเซียว…บ้านตระกูลหรง ต้องทำความร่วมมือกับอีกฝ่ายให้สำเร็จให้ได้
ในหนังสือพิมพ์หลินหว่านบังเอิญได้เห็นหัวข้อข่าวนี้ เขียนว่า “บ้านตระกูลอันประกาศจับมือเครือบริษัทหรงซื่อ (บ้านตระกูลหรง) ต้านตระกูลเซียว โดยบอกว่าจะสู้กับบ้านตระกูลเซียวให้ถึงที่สุด” “คู่แข่งสำคัญของบ้านตระกูลเซียวร่วมมือกับบ้านตระกูลอัน อาจพลิกสถานการณ์บ้านตระกูลเซียวฮุบซื้อเทียนซิงกรุ๊ป” ข่าวที่บ้านตระกูลอันร่วมมือกับเครือบริษัทหรงซื่อซึ่งเป็นศัตรูของบ้านตระกูลเซียวแทบจะกินพื้นที่หนังสือพิมพ์ไปครึ่งหน้า
พอหลินหว่านเห็นเข้าก็ตกใจมาก บ้านตระกูลอันร่วมมือกับบริษัทที่เป็นศัตรูของบ้านตระกูลเซียว จะเป็นผลร้ายต่อตระกูลเซียวไหมนะ? เธอรีบคว้ามือถือขึ้นมา สืบค้นข่าวของวันนี้ขึ้นมาอ่าน
เป็นจริงดังคาด บนอินเทอร์เน็ตมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความร่วมมือของบ้านตระกูลอันกับตระกูลหรงเต็มไปหมด พวกเขาเห็นว่าสำหรับบ้านตระกูลเซียวแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องดีแน่
เนื่องจากถ้าหากบ้านตระกูลอันจับมือกับตระกูลหรง นอกจากบ้านตระกูลเซียวฮุบซื้อเทียนซิงกรุ๊ปไม่สำเร็จแล้ว ยังต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งทางการค้าพร้อมกันทีเดียวสองตระกูล
บ้านตระกูลอันแม้ว่าจะสู้ตระกูลเซียวไม่ได้ แต่อูฐต่อให้ผอมแห้งยังไงก็ใหญ่กว่าม้า [ 1 ] ถ้าหากร่วมมือกับบ้านตระกูลหรงซึ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจที่ขับเคี่ยวกันมานานกับบ้านตระกูลเซียวแล้ว บ้านตระกูลเซียวไม่เพียงแต่จะไม่ได้เปรียบยังอาจตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอีกด้วย
หลินหว่านเห็นข่าวแล้ว รู้สึกเป็นห่วงสถานการณ์ในตอนนี้ของบ้านตระกูลเซียว เซียวจิ่งสือจะสู้กับคนพวกนี้ได้ไหมนะ? ได้ยินมาว่าประธานหรงซื่อกรุ๊ปเ**้ยมโหดไร้น้ำใจ มีเล่ห์เหลี่ยม บ้านตระกูลเซียวจะตกอยู่ในอันตรายหรือเปล่านะ
ตอนนั้นเอง ภายในห้องผู้โดยสารมีเสียงประกาศเตือนให้ขึ้นเครื่องดังขึ้น หลินหว่านคว้ากระเป๋าสัมภาระ แต่กลับละล้าละลังไม่แน่ใจ เธอจะไปจากเซียวจิ่งสือจริงๆ ไปยังประเทศที่ไม่เคยรู้จักเลยอย่างนั้นเหรอ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่เซียวจิ่งสือกำลังจะต้องเผชิญกับการต่อสู้ที่ตัดสินแพ้ชนะ เธอแน่ใจหรือว่าจะไปจากเขาได้?
ทันใดนั้น หลินหว่านก็ตัดสินใจได้ เธอคว้ากระเป๋าแล้ววิ่งเตลิดออกไปจากห้องผู้โดยสารราวกับคนบ้า
เธอทำไม่ได้ เธอไปจากเซียวจิ่งสือไปยังประเทศที่ไม่รู้จักไม่ได้ พอนึกว่าเธอจะไม่ได้พบกับเซียวจิ่งสืออีก หัวใจเธอก็เจ็บปวดรวดร้าวจนบอกไม่ถูก
แต่ว่า เธออยู่ที่นี่ จะช่วยเซียวจิ่งสือได้อย่างไรนะ? หลินหว่านรู้สึกอับจนอยู่บ้าง ทันใดเธอก็นึกขึ้นได้ เธอไปหาอู๋ชงให้ช่วยได้นี่นา
อู๋ชงมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักกันดีในวงการ เพราะเขามีพรสวรรค์และฝีมือที่โดดเด่นในวงการธุรกิจ สงครามการค้าที่เขายื่นมือเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ดูเหมือนจะไม่เคยเป็นฝ่ายแพ้เลยสักครั้ง หลินหว่านเชื่อว่าถ้าให้เขาช่วย เซียวจิ่งสือจะไม่มีทางแพ้ให้กับบ้านตระกูลอันและตระกูลหรงแน่
พอนึกถึงตรงนี้ หลินหว่านก็รีบยกกระเป๋า โบกรถมาคันหนึ่ง เตรียมจะไปขอพบอู๋ชง
“ใครน่ะ?” เสิ่นหนานยวนได้ยินเสียงเคาะประตู จึงออกมาเปิดประตู แล้วก็เห็นคนที่มา
ที่ปรากฏต่อสายตาของเขาเป็นเด็กสาวคนหนึ่ง มือข้างหนึ่งลากกระเป๋าสัมภาระใบโต มืออีกข้างหนึ่งถือมือถือเอาไว้ พอเห็นว่าเขาออกมาแล้ว เธอดูเหมือนจะเทียบกับบนมือถือทีหนึ่งแล้วถอนใจโล่งอก
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อหลินหว่าน คุณคงจะเป็นอู๋ชง!” หลินหว่านเห็นว่าเป็นคนที่ตัวเองต้องการมาหาแน่ ก็ยิ้มกับผู้ชายตรงหน้าแล้วเอ่ยทักทายเขา
เสิ่นหนานยวนขมวดคิ้ว พูดว่า “เรียกผมว่าเสิ่นหนานยวนก็ได้ คุณเป็นใคร? มาหาผมมีเรื่องอะไร?” พูดพลาง ก็ให้หลินหว่านเข้ามาในห้องทำงานของเขา
ปกติเขาเก็บตัวมาก บนอินเทอร์เน็ตนอกจากจะมีประวัติผลงานของเขาแล้วก็แทบจะสืบค้นชื่อจริงของเขาไม่ได้เลย
“คุณเสิ่นคะ สวัสดีค่ะ วันนี้ฉันอยากจะมาขอให้คุณช่วยค่ะ” หลินหว่านพอเข้ามาให้ห้องทำงานของเสิ่นหนานยวนแล้ว ก็ดีใจมากรีบบอกวัตถุประสงค์ในการมาของเธอทันที
เสิ่นหนานยวนฟังแล้วมองสำรวจหลินหว่านอยู่ไปมา แล้วพูดขึ้นอย่างดูแคลนว่า “ที่แท้ก็คนของบ้านตระกูลเซียวนี่เอง แต่ว่านะ เซียวจิ่งสือส่งพนักงานตัวเล็กๆ อย่างเธอมา ก็คิดจะเจรจาความร่วมมือกับผมเหรอ?”
คนที่มีความสามารถก็ยิ่งมีความหยิ่งทระนง หลินหว่านได้ฟังก็ปลอบใจตัวเองว่าอย่าไปโมโหเขาเลย จากนั้นเงยหน้าที่ดูเว้าวอนน่าสงสารขึ้น พูดว่า “คุณเสิ่นคะ ขอร้องละคะ ช่วยบ้านตระกูลเซียวเถอะนะคะ”
“ไม่ได้ ให้เซียวจิ่งสือส่งคนที่ผมพอใจมาแล้วค่อยว่ากัน” เสิ่นหนานยวนปฏิเสธออย่างไร้เยื่อใย แล้วขับไล่หลินหว่านให้ออกจากห้องทำงานเขา
แต่เมื่อเขาเสร็จงานช่วงดึกกำลังจะกลับบ้านนั้น ก็พบว่าหลินหว่านยังยืนอยู่นอกห้องทำงานรอเขาอยู่
“คุณเสิ่นคะ คุณเลิกงานแล้ว? คุณช่วยพิจารณาสักนิดนะคะเรื่องช่วยบ้านตระกูลเซียว” หลินหว่านถามเสิ่นหนานยวนแล้วมองดูเขาเหมือนมองดูความหวังสุดท้ายของชีวิต
“ไม่ได้” เสิ่นหนานยวนยังคงปฏิเสธ
แต่คิดไม่ถึงว่า หลินหว่านจะตามตื๊อเขาไม่เลิก ตามติดมาตลอดทางจนเขากลับถึงบ้าน
“คุณเสิ่น ขอร้องล่ะค่ะ คุณช่วยพิจารณาสักนิดนะคะ!” เสิ่นหนานยวนเปิดประตูบ้านแล้ว หลินหว่านยังคว้าแขนเขาไว้ไม่ยอมปล่อย
เสิ่นหนานยวนมองดูหลินหว่าน แล้วมองดูกระเป๋าสัมภาระในมือเธอ สุดท้ายพูดว่า “เรื่องบ้านตระกูลเซียวนั้นผมไม่ช่วยหรอก แต่ผมเห็นว่าคุณดูเหมือนจะไม่มีที่ไป ผมอนุญาตให้คุณพักที่บ้านผมได้”
หลินหว่านได้ฟังแล้ว ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา พูดอย่างดีใจว่า “ขอบคุณค่ะ คุณเสิ่น”
หลินหว่านไม่เชื่อหรอกว่า เธออยู่ที่บ้านของเสิ่นหนานยวน อยู่กับเขาทุกวัน จะทำให้เสิ่นหนานยวนมาช่วยบ้านตระกูลเซียวไม่ได้
——
[ 1 ] อูฐต่อให้ผอมแห้งยังไงก็ใหญ่กว่าม้า สื่อความหมายว่า ถึงอย่างไรแล้วคนรวยก็ยังมีเงินอยู่ดี
ตอนที่ 166 ช่วยเหลือ
แม่ของหลินหว่านรู้ว่าหลินหว่านคอยตามติดอยู่กับอู๋ชง แต่กลับไม่ได้รับความสนใจจากเขา อู๋ชงไม่ยอมรับปากร่วมมือกับหลินหว่าน อันจี๋ถิงแม่ของหลินหว่านรู้สึกกังวลใจแทนหลินหว่าน จึงให้คนของบริษัทติดตามดูความเป็นไปของเรื่องนี้
หลินหว่านไม่ได้รับการต้อนรับใดๆ จากอู๋ชงเลย เพราะเพื่อเซียวจิ่งสือแล้ว แม้จะต้องเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจหลินหว่านก็ไม่ยอมแพ้เลย เธอคิดว่าถ้าตัวเองยืนหยัดอดทนต่ออีกหน่อยบางทีอู๋ชงจะยอมร่วมมือกับเธอก็ได้
ขณะที่อันจี๋ถิงอยู่ในห้องทำงาน ผู้ช่วยเธอก็เข้ามา
ผู้ช่วยพูดรายงานเธออย่างนอบน้อมว่า “ท่านประธานอัน หลินหว่านตอนนี้คอยตามติดประธานกรรมการของบริษัทนั่นทั้งวัน แต่ดูท่าสถานการณ์ไม่ดีนัก ประธานกรรมการคนนั้นไม่สนใจจะต้อนรับเธอเลย หลินหว่านกลับยังทนตื๊ออยู่ได้”
อันจี๋ถิงรู้ว่าในวงการธุรกิจนี้ พวกเขาก็แค่มองเห็นว่าบริษัทคุณจะให้ประโยชน์อะไรกับบริษัทพวกเขาบ้าง ไม่ใช่ว่าพวกคุณอดทนตามตื๊อแล้วจะยอมร่วมมือกับคุณ แล้วยิ่งตอนนี้หลินหว่านในสายตาพวกเขาเป็นแค่คนไม่มีชื่อเสียงเรียงนามคนหนึ่ง เขาจะยอมสละเวลามาพูดคุยเจรจากับหลินหว่านได้อย่างไร
อันจี๋ถิงเข้าใจลูกสาวของเธอดี หลินหว่านตัดสินใจทำเรื่องหนึ่งแล้วมักจะมุ่งมั่นทำต่อไปโดยไม่ยอมแพ้ ถ้าหากบอกให้เธอละทิ้งเรื่องที่ทำอยู่ คงไม่ยอมแน่
อันจี๋ถิงคิดดูแล้วพูดว่า “ผู้ช่วยซุน คุณเป็นตัวแทนฉันไปเจรจากับอู๋ชงเรื่องนี้ ให้เขาตอบตกลงหลินหว่านโดยเร็วที่สุด เชื่อว่ามีฉันเข้าร่วมด้วยน่าจะทำให้เขาเชื่อถือหลินหว่านยิ่งขึ้น เรื่องนี้ฉันหวังว่าคุณจะจัดการให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด”
“ได้ครับ ประธานอัน” ผู้ช่วยซุนพูดพลางออกจากห้องทำงาน
ผู้ช่วยซุนพอฟังว่าอันจี๋อวี่มอบหมายให้เขาไปเจรจากับบอสใหญ่แห่งวงการธุรกิจ คิดในใจว่าเรื่องนี้เขาทำพังไม่ได้เด็ดขาด จึงต้องเตรียมตัวไปอย่างดี
ผู้ช่วยซุนเป็นตัวแทนอันจี๋ถิงไปพบกับอู๋ชง เขาไม่ทราบเลยว่าภารกิจคราวนี้อาจจะยากเย็นแสนเข็ญ
ผู้ช่วยซุนมาถึงห้องทำงานของอู๋ชง เห็นเขากำลังทำงานอยู่ก็ไม่กล้ารบกวน จึงนั่งรอเงียบๆ อยู่ที่ด้านข้างเพียงลำพัง
ตอนนั้นเอง อู๋ชงลุกขึ้นเดินมานั่งลงที่ด้านข้างผู้ช่วยซุน ยิ้มแล้วพูดว่า “ทำไมคุณอันจี๋ถิงไม่ได้มาล่ะ? ผมอยากเจอเธอมากเลย”
ผู้ช่วยซุนตอบอย่างนอบน้อมว่า “ท่านประธานอันมีงานการที่ต้องจัดการมากมาย จึงให้ผมมาเจรจาเรื่องนี้กับคุณ เห็นคุณยุ่งขนาดนี้ ผมจะขอพูดให้สั้นเข้าไว้แล้วกัน ก่อนหน้านี้มีคนที่ชื่อหลินหว่านมาคอยตามตื๊อขอให้คุณช่วยใช่ไหมครับ และคุณก็ยังไม่ได้รับปากเธอทั้งยังรู้สึกไม่ดีกับเธออีกด้วย ประธานอันทราบเรื่องนี้เข้า เธอหวังว่าคุณจะเห็นแก่หน้าเธอ ยอมตกลงรับปากคำขอของหลินหว่าน ช่วยให้เธอพ้นจากความลำบากครั้งนี้ แน่นอนว่า ต่อไปหากทางคุณต้องการความช่วยเหลือหรือความร่วมมือจากบริษัทเรา พวกเราก็ยินดีจะช่วยคุณเต็มที่เช่นกัน”
อันที่จริงอู๋ชงไม่ได้รู้สึกไม่ดีกับหลินหว่าน แต่เขารู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นต้องร่วมมือกับบริษัทของเซียวจิ่งสือ แต่ถึงจะร่วมมือกันแล้วก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับบริษัทของเขา
อู๋ชงเคยเป็นแฟนหนังของอันจี๋ถิงมาก่อน เมื่อก่อนเขาเทิดทูนและชอบอันจี๋ถิงอย่างมาก ตอนนี้แม้ว่าเขาจะมีงานยุ่งมาก อันจี๋ถิงก็ออกจากวงการบันเทิงไปแล้ว แต่เขายังชอบเธอไม่เสื่อมคลายเลยสักนิด
ในเมื่อรู้ว่าครั้งนี้เป็นอันจี๋ถิงให้ผู้ช่วยซุนมาขอร้องเขาให้ช่วยหลินหว่าน จึงไม่อาจหักใจปฏิเสธอันจี๋ถิง
ผู้ช่วยซุนเห็นว่าอู๋ชงลังเลจึงพูดว่า “บริษัทของคุณตอนนี้ทรงอิทธิพลยิ่งใหญ่มาก อีกทั้งเงินทุนก็มากมายล้นขนาดนั้น เชื่อว่าคงไม่มีความจำเป็นต้องร่วมมือกับพวกเขา แต่วงการธุรกิจได้พันธมิตรเพิ่มขึ้นเป็นเรื่องดีมากนะครับ เรื่องนี้คุณน่าจะรู้ดียิ่งกว่าผม ครั้งนี้คุณช่วยเขาคราวหน้าเขาอาจทำประโยชน์ให้คุณได้มากกว่านี้ ถึงแม้จะเป็นเพื่อนกันไม่ได้ สามารถเอื้อประโยชน์ให้กันและกันได้ก็ไม่เลวนะครับ”
อู๋ชงฟังคำแจกแจงของผู้ช่วยซุนแล้ว เขาคิดว่าอันที่จริงบริษัทจะร่วมมือกับพวกเขาก็ได้อยู่ แล้วยังทำให้บริษัทมีส่วนแบ่งผลประโยชน์เล็กน้อยด้วย นอกจากนี้ยังสามารถให้อันจี๋ถิงมีความประทับใจที่ดีกับเขาอีกด้วย
อู๋ชงเงยหน้าขึ้นพูดว่า “ได้สิ เรื่องนี้ผมทราบแล้ว ผมจะพยายามช่วยหลินหว่านอย่างเต็มที่ และผมก็จะร่วมมือกับพวกเขา แน่นอนว่า ผมหวังว่าคุณจะบอกคุณอันจี๋ถิงว่า ผมชื่นชมเธออย่างมาก”
ผู้ช่วยซุนได้ฟังว่าอู๋ชงตกลงรับปากคำขอร้องของพวกเขา ก็ถอนใจอย่างโล่งอก เพื่อไม่เป็นการรบกวนการทำงานของอู๋ชง เขาเจรจาเสร็จก็ขอตัวกลับทันที
ผู้ช่วยซุนกลับถึงห้องทำงานของอันจี๋ถิง
“เรื่องนี้จัดการไปถึงไหนแล้ว? สำเร็จแล้วล่ะซิ” อันจี๋ถิงถามอย่างเชื่อมั่น
ผู้ช่วยซุนยิ้มแล้วพูดว่า “ดูเหมือนเขาจะตกลงรับปากร่วมมือกับหลินหว่านแล้ว เขาให้ผมบอกคุณว่าเขาชื่นชอบคุณมาก ประธานอัน ดูท่าว่าคุณอู๋ชงผู้มีชื่อเสียงจะเคยเป็นแฟนหนังคุณมาก่อนนะครับ”
อันจี๋ถิงนึกถึงอาชีพการแสดงที่เคยเป็นอดีตของเธอ ช่างเจิดจรัสขนาดนั้น แต่ตัวเธอกลับสู้เบื้องหลังอันดำมืดของวงการบันเทิงไม่ได้เลย แม้เธอจะชอบการแสดงมากขนาดไหน แต่ก็ต้องหักใจถอนตัวจากวงการ
อันจี๋ถิงถอนใจยาวแล้วพูดว่า “แฟนหนังอะไรกัน ฉันถอนตัวจากวงการบันเทิงมาตั้งนานแล้ว ตอนนี้ยังจะมีแฟนหนังที่ไหนเหลืออยู่อีกล่ะ”
หลายปีมานี้ผู้ช่วยซุนคอยติดตามอยู่ข้างกายอันจี๋ถิงตลอด เขารู้ว่าอันที่จริงอันจี๋ถิงยังอาลัยอาวรณ์กับอาชีพการแสดงในตอนนั้นเสมอมา เพียงแต่เก็บซ่อนเรื่องพวกนี้ไว้ในใจเท่านั้น เพื่อไม่ไปสะกิดความเจ็บปวดของเธอ ผู้ช่วยซุนจึงไม่พูดอะไรอีก
อู๋ชงหลังจากเจรจากับผู้ช่วยซุนแล้วก็สั่งให้เลขาโทรหาหลินหว่านทันที
“สวัสดีค่ะคุณหลินหว่าน ท่านประธานกรรมการของพวกเราขอนัดพบคุณที่ห้องทำงานของเราตอนหกโมงเย็นวันนี้ เขามีเรื่องสำคัญจะปรึกษากับคุณค่ะ” เลขาพูดเสียงนุ่มนวล
หลินหว่านอึ้งตะลึงตาค้างไปเรียบร้อยแล้ว เธอคิดไม่ถึงว่าคราวนี้อู๋ชงจะเป็นฝ่ายติดต่อเธอเอง การตามตื๊อของเธอเมื่อหลายวันไม่ได้รับการตอบรับใดๆ จากอู๋ชง หลินหว่านกำลังจะยอมแพ้อยู่แล้วเชียว
“ได้ค่ะ ตอนหกโมงเย็น ฉันจะไปให้ทันอย่างแน่นอนค่ะ ขอบคุณนะคะ” หลินหว่านพูดรวดเดียวจบ
พอวางสายแล้ว หลินหว่านก็ตั้งสติขึ้นมาได้ แม้จะไม่รู้ว่าเขาจะรับปากร่วมมือกับบริษัทของเซียวจิ่งสือ
หรือไม่ แต่ตอนนี้ก็นับว่ามีความคืบหน้าก้าวหนึ่งแล้วในที่สุด นั่นทำให้เธอดีใจมาก
หลินหว่านสืบค้นข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตมาศึกษามากมายเพื่อให้การเจรจากับอู๋ชงเป็นไปด้วยดียิ่งขึ้น เธอนึกถึงว่าจะได้การเจรจากับอู๋ชงก็ตื่นเต้นเอามากๆ เธอคิดว่านี่ไม่เพียงเป็นโอกาสของเธอ แต่ยังเป็นการฝึกฝนความสามารถของตัวเองด้วย
ตอนบ่ายหลินหว่านจัดการแต่งตัวสะอาดเรียบร้อยแล้วไปหาอู๋ชงที่ห้องทำงาน เธอตื่นเต้นอย่างมากมาตลอดทาง กลัวว่าตัวเองจะทำพัง หลินหว่านอยากจะช่วยเซียวจิ่งสือด้วยความพยายามของตัวเอง เช่นนี้ถึงแม้เธอจะไปจากเซียวจิ่งสือก็จะไม่เป็นห่วงกังวล หลินหว่านคิดว่าเธอจะทำเพื่อเซียวจิ่งสือเป็นสิ่งสุดท้าย คราวนี้จะทุ่มสุดตัวจนกว่าจะสำเร็จ
ตอนที่ 167 ออกแบบ
หลินหว่านมาถึงห้องทำงานของอู๋ชง เธอรู้สึกเกร็งอยู่ตลอด ตั้งแต่เข้าบริษัทมาจนถึงห้องทำงานเธอพยายามรักษามารยาทอย่างมาก
“คุณหลินหว่านคะ ท่านประธานกรรมการของเราให้คุณรออยู่ที่นี่สักครู่ก่อนค่ะ อีกสักครู่เขาจะมาถึง” เลขาพูดจบก็เดินออกไป
หลินหว่านมองไปรอบๆ แอบผ่อนลมหายใจยาว มีเวลาให้เธอได้เตรียมตัวสักหน่อยพอดีเลย
ตอนนั้นเอง อู๋ชงเดินเข้ามา เขาพูดกับหลินหว่านว่า “ผมรับปากคุณก็ได้ ที่ว่าจะให้ร่วมมือกับบริษัทของเซียวจิ่งสือ และนี่จะช่วยให้พวกคุณผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้”
อู๋ชงยังพูดไม่ทันจบ หลินหว่านก็ลุกพรวดขึ้น พูดเสียงดังอย่างตื่นเต้น “จริงเหรอคะ ต้องขอบคุณ คุณมากๆ เลยค่ะ ฉันเชื่อว่าความร่วมมือครั้งนี้จะทำให้คุณรู้สึกดีมากแน่ๆ ค่ะ ขอถามหน่อยได้ไหมคะว่าทำไมจู่ๆ ก็เปลี่ยนใจมารับปากฉันกะทันหันอย่างนี้ละคะ”
หลินหว่านในตอนนี้ดีใจจนแทบตัวลอยอยู่แล้ว เหมือนเธอนึกถึงขนมเค้ก ขนมเค้กก็หล่นลงมาให้เธออย่างนั้น คราวนี้คงมีเทวดาแม่ทูนหัวมาคอยดูแลเธออยู่เป็นแน่
หลินหว่านคิดว่าก่อนหน้านี้อู๋ชงอาจทดสอบหยั่งเชิงเธอ พอเห็นความพยายามโดยไม่ย่อท้อของเธอแล้วจึงตัดสินใจช่วยเธอในที่สุด
อันจี๋ถิงไม่ได้บอกหลินหว่านเรื่องที่เธอส่งคนไปเจรจากับอู๋ชง อันจี๋ถิงรู้ว่าหลินหว่านไม่อยากให้เธอเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของเธอ และถ้าหากหลินหว่านรู้ว่าเธอเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย หลินหว่านคงไม่รู้สึกภาคภูมิใจในความสำเร็จเป็นแน่
หลินหว่านกล่าวขอบคุณอู๋ชงมากมาย เธอรู้ว่าอู๋ชงมีงานยุ่งวุ่นวายตลอดทั้งวัน จึงไม่อยากรบกวนเขา คิดจะออกจากห้องทำงานเขาแล้วกลับไปบอกข่าวดีนี้กับเซียวจิ่งสือ
หลินหว่านเดินมาตรงหน้าอู๋ชงอย่างดีใจมาก กำลังจะกล่าวลา
อู๋ชงพูดขึ้นช้าๆ ว่า “คุณอย่าเพิ่งดีใจไป ผมมีข้อแม้นะ เมื่อครู่ผมบอกว่ามีความเป็นไปได้ว่าจะร่วมมือกับคุณ แต่ตอนนี้ผมยังไม่ได้รับปากแน่นอน”
หลินหว่านนิ่งงันไปเลย แต่ในเมื่อมีข้อแม้ หลินหว่านก็จะพยายามทำตามที่เขาร้องขอมาให้ได้ ในเมื่อเรื่องดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว เธอต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ให้ได้
“เงื่อนไขอะไรคะ ฉันจะพยายามทำให้คุณพอใจได้แน่ค่ะ แต่ขอให้คุณอย่าตั้งเงื่อนไขที่ยากเกินไปนักนะคะ” หลินหว่านพูดเสียงอ่อนลงไปเรื่อยๆ
หลินหว่านไม่มั่นใจเลย เธอกลัวว่าตัวเองจะทำตามคำขอของเขาไม่ได้ แต่เธอไม่มีทางเลือก ได้แต่รับปากไปก่อน
อู๋ชงหยิบร่างแบบเสื้อผ้าแฟ้มหนึ่งออกมาจากลิ้นชัก วางลงตรงหน้าหลินหว่าน
หลินหว่านถามอู๋ชงด้วยสีหน้าสงสัย “คือต้องการให้ฉันทำอะไรเหรอคะ?”
“ออกแบบชุดเสื้อผ้าที่ทำให้ผมพอใจ นี่ผมไม่ได้จงใจสร้างความลำบากให้คุณนะ ขอให้คุณเชื่อผม ถ้าคุณออกแบบชุดให้ผมพอใจได้จริง เรื่องความร่วมมือก็พูดง่ายแล้ว นี่คือเงื่อนไขของผม หวังว่าคุณจะทำได้สำเร็จ” อู๋ชงพูดด้วยสีหน้าราบเรียบไร้ความรู้สึก
หลินหว่านฟังคำพูดเขาจบก็ไม่รู้ว่าจะรู้สึกอย่างไรดี แม้จะบอกว่าการออกแบบเสื้อผ้าไม่ใช่คำขอที่ยากอะไรนัก และเธอก็เรียนมาบ้าง แต่เธอไม่รู้เลยว่าอู๋ชงชอบเสื้อผ้าแบบไหน ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นบททดสอบชนิดหนึ่ง หลินหว่านรู้ว่าตอนนี้เธอต้องรับปากเท่านั้น เธอมีเพียงโอกาสนี้ที่จะได้ตามต้องการ ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรก็ตาม เธอก็อยากจะลองดูจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง
“ได้ค่ะ ฉันรับปากคุณ ฉันจะรีบออกแบบเสื้อผ้าที่คุณพอใจให้เร็วที่สุด ขอให้คุณวางใจได้ ฉันจะทุ่มเทอย่างสุดกำลังทีเดียวค่ะ” หลินหว่านพูดจบก็โค้งคำนับอู๋ชงแล้วจากไป
หลินหว่านกลับมาที่บ้าน หยิบแบบเสื้อผ้าที่อู๋ชงให้เธอออกมา หลินหว่านเคยเรียนออกแบบมาก่อน แต่นั่นมันนานมาแล้ว ตอนนี้เธอลืมไปเกือบหมดแล้ว หลินหว่านไม่รู้ว่าจะเริ่มลงมือจากตรงไหน
วันหนึ่งผ่านไป สองวันผ่านไป หลินหว่านรู้สึกร้อนใจมากแต่กลับไม่รู้จะทำอย่างไร เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรจึงจะทำให้อู๋ชงพอใจ
หลินหว่านดาวน์โหลดวิดีโอจากอินเทอร์เน็ตเพื่อเรียนรู้การออกแบบอีกครั้ง ความทรงจำตอนที่เธอเรียนออกแบบก่อนหน้านี้ค่อยๆ กลับมาอีกครั้ง เธอเคยเรียนการออกแบบนี้มาก่อน จึงคุ้นเคยได้เร็วกว่าคนอื่น
หลินหว่านรู้สึกกลัดกลุ้มใจมาก เธอรู้ว่าครั้งนี้เป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวของเธอ แต่เธอกลับไม่มีแรงบันดาลใจเอาเสียเลย
ตอนค่ำ หลินหว่านนอนอยู่บนเตียงแต่นอนไม่หลับ ในหัวของเธอคิดแต่ว่าจะออกแบบอย่างไร จู่ๆ หลินหว่านก็นึกถึงเซียวจิ่งสือ เธอรู้สึกวาบขึ้นมา หลินหว่านรีบลุกขึ้นมานั่ง เธอไปที่ห้องหนังสือเริ่มออกแบบชุดที่เมื่อครู่เธอเพิ่งคิดออกมา
หลินหว่านคิดถึงเซียวจิ่งสือ เธอใช้ภาพลักษณ์ของเขามาออกแบบเสื้อผ้าชุดนี้
หลายชั่วโมงผ่านไป หลินหว่านทำได้สำเร็จในที่สุด เธอมองดูผลงานของตัวเอง รู้สึกพอใจอย่างมาก เธอเชื่อว่าอู๋ชงจะชอบผลงานนี้เช่นกัน
หลินหว่านมองดูเวลา ตอนนี้เพิ่งจะตีสี่ เธอยังสามารถพักผ่อนอีกหลายชั่วโมง หลินหว่านนอนลงบนเตียง เธอนอนหลับได้สนิทที่สุดในหลายวันที่ผ่านมาเลย
ตอนเช้า หลินหว่านแต่งตัวแล้วไปที่ห้องทำงานของอู๋ชง หลินหว่านสวดอ้อนวอนไปตลอดทาง หวังว่าจะได้รับการชื่นชมจากอู๋ชง หลินหว่านคิดว่าครั้งนี้เธอจะต้องทุ่มเทความสามารถทั้งหมดเพื่อมาช่วยเซียวจิ่งสือให้ได้
หลินหว่านมาถึงห้องทำงานของอู๋ชง อีกฝ่ายดูเหมือนจะรู้ล่วงหน้าว่าหลินหว่านจะมา เขายิ้มแล้วพูดกับเธอว่า “หลินหว่าน คุณออกแบบเสร็จแล้วเหรอ ผมตั้งตารอดูผลงานของคุณอยู่นะ”
อู๋ชงแม้ปากจะพูดแบบนี้ แต่ที่จริงแล้วในใจเขาไม่แน่ใจว่าหลินหว่านจะออกแบบเสื้อผ้าแบบไหนออกมา อู๋ชงรู้ว่าหลินหว่านไม่ใช่มืออาชีพ จึงไม่ได้ตั้งความหวังอะไรกับเธอนัก
“ตอนนี้เสื้อผ้าออกแบบเสร็จแล้ว หวังว่าคุณจะพอใจนะคะและหวังว่าคุณจะให้โอกาสฉันได้ทำความร่วมมือกับคุณสักครั้ง” หลินหว่านพูดไปก็โค้งคำนับอีกครั้ง
หลินหว่านวางผลงานออกแบบของตัวเองลงตรงหน้าอู๋ชง เธอรู้สึกปั่นป่วนว้าวุ่นใจมาก ฝ่ามือมีเหงื่อออกชุ่ม หลินหว่านรู้ว่าตัวเองจะช่วยเซียวจิ่งสือได้หรือไม่ก็ขึ้นกับนาทีนี้แล้ว
อู๋ชงหยิบแบบร่างชุดเสื้อผ้าของหลินหว่านออกมา อันที่จริงเขาไม่ได้ตั้งความหวังกับหลินหว่านนัก แต่เมื่อหยิบออกมาแล้ว เขากลับตาเป็นประกายวาววับ อู๋ชงมองหลินหว่านด้วยสายตาชื่นชม เขาคิดไม่ถึงว่าหลินหว่านจะทำให้เขาพอใจได้อย่างมาก
อู๋ชงยิ้มแล้วพูดว่า “หลินหว่าน บอกตรงๆ เลยนะ ครั้งนี้ผมพอใจมาก เสื้อผ้าชุดนี้ได้ให้ไอเดียในการออกแบบชุดต่อไปของบริษัทเรา คิดไม่ถึงว่าคุณจะมีความเป็นมืออาชีพขนาดนี้ ผมจะทำมันออกมาให้เป็นเสื้อผ้าที่ทำให้รู้สึกงดงามสมบูรณ์แบบที่สุดเลย” อู๋ชงพูดด้วยรอยยิ้ม
หลินหว่านรู้สึกทั้งดีใจและปลื้มใจ เธอรู้สึกว่าครั้งนี้ได้ทำเพื่อเซียวจิ่งสือมากมาย ได้รับผลอย่างในตอนนี้ไม่ใช่ได้มาโดยง่าย
“ขอบคุณนะคะที่ชื่นชอบ อย่างนั้นคุณคงจะทำตามคำที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้ ช่วยบริษัทของเซียวจิ่งสือให้ผ่านพ้นวิกฤตใช่ไหมคะ” หลินหว่านยิ้มพลางพูดขึ้น เธอพยายามห้ามใจไม่ให้ตื่นเต้นเกินไป
อู๋ชงผงกศีรษะ
หลินหว่านวางใจได้ในที่สุด เธอสามารถไปจากเซียวจิ่งสือได้แล้ว
เซียวจิ่งสือต้องเผชิญกับสภาพความพลิกผันของบริษัทตัวเองโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ตอนนี้บริษัทตกอยู่ในภาวะวิกฤต เซียวจิ่งสือกังวลใจมาก แล้วยังต้องคอยระวังคนของกลุ่มบริษัทบ้านตระกูลอันอีก
ตอนที่ 168 ค้นหา
เซียวจิ่งสือถือฝักบัวรดน้ำให้ดอกไม้ที่ข้างโต๊ะทำงานอย่างใจลอย
มือซ้ายซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกง ส่วนหัวแม่มือข้างขวาวางอยู่ด้านนามจับอย่างไม่ใส่ใจนัก พนักงานที่เดินผ่านมาทักทายเขา เซียวจิ่งสือก็แค่ส่งเสียงอืมรับคำไปทีหนึ่ง
สถานการณ์ของบริษัทในตอนนี้เลวร้ายมาก แต่เขากลับไม่มีกะจิตกะใจจะไปหาความร่วมมือกับบริษัทอื่น ระยะนี้เรื่องน่ารำคาญระดมกันเข้ามามากมาย ทำให้เซียวจิ่งสือไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไรดี
หกโมงเย็นแล้ว เป็นช่วงเวลาที่คนส่วนใหญ่เลิกงาน เซียวจิ่งสือมองลงไปที่ถนนด้านล่างตึกอย่างไม่ตั้งใจ เห็นรถติดยาวเป็นแพอยู่บนถนนค่อยๆ เคลื่อนตัวไปช้าๆ ใจเขาก็พลอยอึดอัดขัดข้องไปด้วย
ท้องฟ้าไกลออกไป แสงสีอันงดงามยามอัสดงปกคลุมไปทั่ว แต่นาทีนี้อารมณ์ของเซียวจิ่งสือกลับไม่ดีขึ้นเลย เขามองดูพนักงานของบริษัทที่กำลังจะทยอยเลิกงาน ขณะที่ตัวเขาเองกลับไม่มีความคิดว่าจะขยับตัวเลยสักนิด เมื่อก่อนในเวลานี้เขาอาจโทรหาหลินหว่าน แต่ตอนนี้กลับไม่มีอะไรจะทำ เซียวจิ่งสือไม่อยากจะคิดเลยว่า ครั้งนี้หลินหว่านจะไปจากเขาจริงๆ
ตอนนี้ในหัวของเซียวจิ่งสือมีแต่ความคิดนี้ หลินหว่านไปไหนกันแน่ ไม่มีใครบอกเขาได้
จิตใจที่หงุดหงิดขุ่นมัวอย่างมากของเซียวจิ่งสือ ในหัวมีแต่ใบหน้าของหลินหว่าน เซียวจิ่งสือถอนใจเฮือกหนึ่ง หยิบมือถือขึ้นโทรหาเพื่อนหลายคน กะว่าจะนัดพวกเขาออกมาดื่มผ่อนคลายกันที่ผับสักหน่อย
เพื่อนพูดที่ปลายสายว่า “ช่วงนี้ไปผับบ่อยซะจนออกจะล้าเสียแล้ว รู้สึกว่าร่างกายไม่ค่อยสบายบ่อยๆ เอางี้พวกเราไปวิ่งออกกำลังกันเถอะ”
ตอนนี้เซียวจิ่งสือแค่อยากจะออกไปสูดอากาศสักหน่อย จะไปทำอะไรก็ได้ อย่างน้อยก็ไม่ต้องเบื่ออยู่คนเดียว ตอนเขาอยู่คนเดียวก็จะคิดถึงแต่หลินหว่าน พอคิดถึงหลินหว่านเซียวจิ่งสือก็จะเศร้าเสียใจมาก เขาเห็นว่าการจากไปของหลินหว่านเป็นการทรยศต่อเขา แต่เขาไม่อยากจะเชื่อว่าสถานการณ์ของบริษัทในตอนนี้เป็นเพราะการจากไปของหลินหว่าน เขาคิดว่าเมื่อก่อนหลินหว่านใจดีและอ่อนโยนปานนี้ ทำไมจึงจากเขาไปในตอนนี้ได้
เซียวจิ่งสือรับปากตามคำขอของเพื่อน อย่างไรก็ดีกว่าต้องมานั่งเศร้าเสียใจอยู่ที่บ้านคนเดียว เขาหมุนตัวมาขึ้นรถสปอร์ตขับตรงไปรวมตัวกันที่สวนสาธารณะปินเจียง ตอนแรกเซียวจิ่งสือยังแรงดีวิ่งฉิว แต่พอเหงื่อออกท่วมความเร็วก็ลดลง
เพื่อนเขาพอเห็นว่าเขาอยู่ดีๆ ก็อ่อนล้าหมดเรี่ยวแรงไปเสียอย่างนั้น จึงไล่ตามมาถามอย่างแปลกใจว่า “คุณชายเซียวของเราวันนี้เป็นอะไรไปล่ะ รู้สึกดูไม่ค่อยดีเลยนะ แล้วหลินหว่านที่อยู่กับนายล่ะ พวกนายสองคนคงไม่ได้ทะเลาะกันใช่ไหม”
เซียวจิ่งสือมองดูเพื่อนที่กำลังหอบหายใจแรง แล้วหลบตา เขาไม่อยากพูดถึงหลินหว่านอีก แต่กลับเอาแต่คิดถึงเธออยู่ตลอดเวลา
เพื่อนยิ้มด้วยสีหน้าเข้าใจ ถามหยั่งเชิงดูว่า “คุณชายเซียว นายสูญเงินวันละหลายร้อยล้านยังไม่สนใจเลย คนที่ทำให้นายเป็นอย่างนี้ได้ก็มีแต่หลินหว่านเท่านั้น ทำไมล่ะเธอทะเลาะกับนายจริงๆ เหรอ”
เซียวจิ่งสือหันกลับมาขึงตาให้เขา แต่สายตาว่างเปล่า ใช่สิ คนที่สามารถทำให้เขาเป็นแบบนี้ได้ก็มีแต่หลินหว่านเท่านั้น แม้ว่าตอนนี้เซียวจิ่งสือจะเข้าใจหลินหว่านผิดไปมาก นึกโกรธโทษว่าเธอ แต่ส่วนลึกของจิตใจแล้วเขายังหวังว่าหลินหว่านจะกลับมาอธิบายให้เขาเข้าใจ
เพื่อนมองดูเซียวจิ่งสือแล้วพูดว่า “ใช่หลินหว่านหรือเปล่านะ หรือว่าเป็นอันซิงว่าที่ภรรยาที่นายยอมรับก่อนหน้านี้ เรื่องของพวกนายสามคนนี่ซับซ้อนยุ่งยากซะจริง ฉันยังมึนอยู่เลยเนี่ย มีเรื่องยุ่งยากอะไรก็พูดออกมาซะบ้างทีฉันจะช่วยคิดหาทางอะไรให้นายได้บ้างนะ”
เซียวจิ่งสือมีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อหลินหว่าน แต่จะยังไงเขาก็ยังไม่อาจลืมเธอได้
เซียวจิ่งสือพูดว่า “มันเกี่ยวอะไรกับอันซิงล่ะ ก่อนหน้านี้พวกเรากับกลุ่มบริษัทตระกูลอันมีเรื่องกันขนาดนั้นนายไม่ได้ข่าวเลยหรือไง หลินหว่านไปจากฉันแล้ว ตอนนี้หาตัวไม่เจอโทรหาก็ไม่รับ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเธอไปจากฉัน ในช่วงเวลาที่บริษัทของเรากำลังตกต่ำย่ำแย่แบบนี้ ฉันแค่อยากจะฟังคำอธิบายจากเธอ”
เพื่อนพูดปลอบว่า “อื้ม ไม่เป็นไรนะ ถ้าหากเธอรักนายจริงเธอต้องกลับมา นายไม่ต้องกลุ้มใจกับเรื่องนี้หรอก รีบตั้งสติลุกขึ้นมาแก้ปัญหาบริษัทให้เร็วได้แล้ว”
เซียวจิ่งสือสูดลมหายใจเข้าลึก คิดในใจว่าถึงตอนนี้เขาก็ทำอะไรหลินหว่านไม่ได้อยู่แล้ว
เพื่อนเซียวจิ่งสือมองเขา คิดไม่ถึงว่านักธุรกิจหนุ่มผู้ประสบความสำเร็จในระดับแนวหน้าของวงการ กลับรู้สึกผูกพันและรักหลินหว่านได้มากถึงขนาดนี้
เซียวจิ่งสือกลับถึงบริษัท เขาตัดสินใจว่าจะส่งคนไปหาตัวหลินหว่านกลับมา
ผ่านไปหลายวัน ผู้ช่วยมายืนตรงหน้าเซียวจิ่งสือ มือทั้งสองข้างลูบคลำโน้ตบุ๊คอย่างกระวนกระวายใจ สภาพแบบนี้ของเขาไม่ค่อยเกิดขึ้นนัก แต่วันนี้สถานการณ์ต่างไป เขาออกค้นหาตัวหลินหว่านเป็นเวลานานขนาดนี้แล้วยังไม่เจอตัวเธอเลย เขาเกรงว่าเซียวจิ่งสือจะตำหนิเอาได้ เขารู้ว่าหลินหว่านสำคัญกับเซียวจิ่งสือมาก ผู้ช่วยกังวลว่าท่านประธานเซียวที่ตรงหน้าจะลงโทษเขาที่ทำงานไม่ได้เรื่อง
“ยังหาตัวหลินหว่านไม่เจออีกเหรอ” เซียวจิ่งสือพูดเสียงเย็น
ผู้ช่วยพูดเสียงเบา “พวกเราสืบหาตามสถานที่ที่เธอเคยไปและที่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับเธออย่างเต็มที่แล้วครับ แต่ไม่เจออะไรเลย ท่านประธานเซียวครับ ผมทราบว่าคราวนี้ผมทำงานไม่สำเร็จ คุณตำหนิมาได้เลยครับ”
เซียวจิ่งสือไม่ได้พูดอะไร ถอนใจเฮือก โบกมือให้ผู้ช่วยจากไป
เซียวจิ่งสือรู้สึกหมดหวัง เขาแอบสาบานกับตัวเองว่าต่อไปจะไม่ยอมเชื่อจอมโกหกหลอกลวงอย่างหลินหว่านอีก
สำหรับเซียวจิ่งสือ หลินหว่านได้กลายเป็นคนโกหกหลอกลวงและทรยศเขาไปแล้ว แต่เขาต้องยอมรับว่าในหัวเขายังคงคิดถึงหลินหว่านอยู่ทุกนาที
วันนี้ผู้ช่วยจัดส่งบัญชีของบริษัทมาให้เซียวจิ่งสือตามปกติ พร้อมนิ่งรอคำสั่งจากท่านประธาน
เซียวจิ่งสือรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจอยู่บ้าง มือซ้ายผลักกองสมุดบัญชีไปข้างหนึ่ง แล้วกระแทกตัวเข้ากับพนักเก้าอี้โยกหมุนไปมา
ผู้ช่วยรู้ว่าเซียวจิ่งสืออาจไม่มีแก่ใจทำงานเพราะหลินหว่าน เทียบกับในยามปกติแล้ว ตอนนี้มีงานของบริษัทมากมายที่ตกค้างรอการพิจารณาอยู่ มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากแผนกต่างๆ อีกทั้งพวกผู้ถือหุ้นก็ยิ่งไม่พอใจมากขึ้น
ผู้ช่วยหนักอกหนักใจ เวลานี้จะบอกเรื่องพวกนี้กับเขาดีไหมนะ ถ้าบอกเขา อาจเป็นแค่เพิ่มแรงกดดันให้เขาเท่านั้น ทำให้เขายิ่งอารมณ์เสียเข้าไปอีก
คิดไปคิดมาแล้วก็ได้แต่รออยู่เงียบๆ หวังว่าเขาจะฟื้นตัวกลับมาโดยเร็ว บริษัทจะได้กลับมาทำงานได้ตามปกติเสียที
เซียวจิ่งสือเงยหน้าขึ้นมองดูผู้ช่วยที่ยืนตรงหน้าแวบหนึ่ง เขาลุกพรวดขึ้นยืนแล้วเอ่ยปากว่า “จัดคนเพิ่มขึ้น ไปหาหลินหว่านตามที่ต่างๆ ที่หลินหว่านเคยไป แล้วก็เจี่ยนซีไอ้เป็นเพื่อนสนิทที่สุดของหลินหว่าน ส่งคนไปตามดูเธอ บางทีหลินหว่านอาจไปหาเธอก็ได้”
หลังจากผู้ช่วยไปแล้ว เซียวจิ่งสือแหงนหน้าขึ้นมองเพดานห้อง ขณะที่ในใจนึกโกรธหลินหว่าน “หลินหว่าน คุณมันจอมโกหก ทำไมจากไปโดยไม่บอกกล่าวอะไรเลยนะ ทำไม? ผมจะไม่ยอมให้อภัยคุณอีก”
แต่ต่อให้หาตัวหลินหว่านเจอ เซียวจิ่งสือจะไม่ให้อภัยหลินหว่านจริงหรือ เซียวจิ่งสือเองก็ไม่อาจตอบได้
ตอนที่ 169 ตั้งสติ
หลายวันมานี้เซียวจิ่งสือมักใจลอยอยู่เรื่อย งานของบริษัทเขาก็ไม่ใส่ใจนัก ไม่มีกะจิตกะใจจะไปสนใจเรื่องพวกนั้น
วันนี้ จู่ๆ เสียงจากโทรศัพท์มือถือก็ดังลั่นขึ้นที่ข้างหู เซียวจิ่งสือลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย พยายามลุกขึ้น คว้ามือถือขึ้นดูก็เห็นว่าเป็นสายจากเลขา
พอรับสาย เสียงร้อนรนของเลขาก็ดังมาจากปลายสายอีกด้าน “ประธานเซียวคะ วันนี้มีประชุมกรรมการบริษัท คุณถึงไหนแล้วคะ ผู้ถือหุ้นมากันพร้อมแล้วค่ะ”
เซียวจิ่งสือได้ฟังแล้วแอบนึกว่า เมื่อคืนเขาดื่มคนเดียวมากไปหน่อยเดียวเอง ถึงกับลืมไปเลยว่าวันนี้ยังมีเรื่องสำคัญอีก
เซียวจิ่งสือพูดเสียงหนักว่า “รีบไปบอกทุกคนว่าเลื่อนการประชุมออกไปครึ่งชั่วโมง อีกเดี๋ยวผมก็ถึงแล้ว”
เซียวจิ่งสือเห็นแสงอาทิตย์เจิดจ้าบาดตาที่ด้านนอกแล้ว รู้สึกมึนหัวอยู่บ้าง ลุกจากเตียงอย่างหงุดหงิด เปลี่ยนเป็นชุดสูทตามปกติ รีบทานข้าวเช้าไปหน่อยแล้วขับรถบึ่งไปบริษัท
ในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในเครือวั่นหย่ากรุ๊ป บรรดาผู้ถือหุ้นสีหน้าไม่ดีนัก ถกเถียงกันเสียงระงมไม่หยุดปาก บางคนบ่นว่าทำไมการประชุมยังไม่เริ่มซะที
ขณะที่ห้องประชุมวุ่นวายอยู่นั้น ชายชราร่างสูงใหญ่สง่าภูมิฐานคนหนึ่ง เดินเข้าประตูมาด้วยดวงตาเป็นประกายวาวทรงอำนาจ ด้านหลังตามติดด้วยผู้ช่วยอีกสองคน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นผู้ก่อตั้งเครือวั่นหย่ากรุ๊ป…เซียวเฉียง
เมื่อเซียวเฉียงมาถึง ทั้งห้องประชุมก็เปลี่ยนเป็นเงียบกริบ แต่เซียวเฉียงไม่ได้พูดอะไรเลย เขาเดินเข้าไปนั่งในตำแหน่งของตัวเองแล้วรอคอยอย่างเงียบๆ
ผ่านไปชั่วครู่ เมื่อเซียวจิ่งสือเข้ามาในที่ประชุม สายตากวาดไปทางบรรดาผู้ถือหุ้นที่นั่งเรียงรายกันเต็มพรืด ทุกสายตามองมาที่เขาด้วยสีหน้าไม่ดีนัก เซียวเฉียงเห็นว่าตอนเซียวจิ่งสือเดินเข้ามานั้นผมเผ้ายุ่งเหยิงกับชุดเครื่องแต่งกายที่ยับย่นไม่เรียบร้อย เขามองออกว่าเซียวจิ่งสือแต่งตัวลวกๆ อย่างเห็นได้ชัด ช่างไม่สมกับที่เป็นท่านประธานของวั่นหย่ากรุ๊ปเอาซะเลย เซียวเฉียงมองดูเซียวจิ่งสือในตอนนี้แล้วนึกว่าเดิมทีนั้นความสามารถของเขาทำให้เขาพอใจมาก แต่ตอนนี้ทำไมจึงเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้ บริษัทกำลังตกอยู่ในสถานะที่ลำบาก เขากลับยังทำตัวไม่กระตือรือร้นสนใจแบบนี้อีก
ขณะที่เซียวเฉียงกำลังคิดจะตำหนิเซียวจิ่งสือนั้น เขาเห็นรอบข้างมีผู้คนมากมาย ไม่เหมาะจะแสดงอารมณ์ในตอนนี้ จึงได้แต่ขมวดคิ้วแน่นขึ้นอีก
ผู้ถือหุ้นแซ่ถังจับตามองทุกความเคลื่อนไหวของเซียวเฉียง เขาเป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมา หลังจากทักทายที่ประชุมตามมารยาทแล้วก็ขึ้นกล่าวเป็นคนแรก
ท่าทีร้อนรนจนทนรอไม่ไหวของผู้ถือหุ้นถัง เหมือนกับว่าเขาอดทนรอวันนี้มานานมากแล้ว จำเป็นต้องรีบพูดความในใจของเขาออกมา
ผู้ถือหุ้นถังพูดว่า “ท่านประธานเซียว พวกเรารู้ว่าช่วงนี้คุณมีเรื่องมากมายต้องทำ แต่คุณก็รู้ว่าพวกเราทำธุรกิจกัน ทุกอย่างก็เพื่อผลประโยชน์เป็นสำคัญ ระยะนี้ผลงานของบริษัทตกต่ำลงไปอย่างหนัก ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปพวกเราก็จะขาดทุน และถ้ายังปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปสถานการณ์ของบริษัทก็จะน่าเป็นห่วง สภาพของคุณในระยะนี้พวกเราคิดว่าคุณไม่เหมาะจะเป็นประธานบริษัทของพวกเราในเวลานี้ครับ”
ผู้ถือหุ้นจางเห็นว่ามีคนเปิดประเด็น ก็รีบเสริมรับความคิดเห็นของผู้ถือหุ้นถัง
แล้วทีนี้คนนั้นก็พูดคำคนนี้พูดคำนี้ ที่ประชุมระงมไปด้วยเสียงพูดแสดงความคิดเห็นของตนเอง ส่วนใหญ่ล้วนเสนอให้ถอดถอนเซียวจิ่งสือออกจากตำแหน่งประธานบริษัท
เซียวจิ่งสือรู้ว่าตัวเองไม่ใส่ใจดูแลบริษัท แต่ผู้ถือหุ้นพวกนี้กลับนำมาขยายผลให้ดูใหญ่โต การประชุมนี้เกิดขึ้นจากการนำเสนอขึ้นมา เห็นได้ชัดว่ามีการวางแผนไว้ล่วงหน้า
ขณะที่สถานการณ์โน้มเอียงไปในทางเดียวกัน เซียวจิ่งสือรู้สึกว่าวันนี้เขาคงต้องหลุดจากตำแหน่งเป็นแน่ เขามองไปทางเซียวเฉียง สายตาเปี่ยมด้วยความหวาดกลัว
ตอนนี้เองเซียวเฉียงที่นั่งเงียบอยู่ด้านข้างตลอดเวลา คอยฟังเสียงผู้คนที่ออกมาแสดงความคิดเห็น จนกระทั่งทุกคนพูดออกมาจนหมด เซียวเฉียงก็รู้ดีว่าสภาพของเซียวจิ่งสือในระยะนี้ไม่ค่อยดีนักเพราะการจากไปของหลินหว่าน ซึ่งเขาเองเป็นคนให้หลินหว่านจากไป เขาจึงไม่อาจผลักภาระรับผิดชอบทั้งหมดไปที่เซียวจิ่งสือแต่เพียงผู้เดียว
เซียวเฉียงตาเป็นประกาย ดื่มน้ำชาคำหนึ่ง กระแอมแล้วพูดขึ้นว่า “ทุกท่านต่างก็ได้แสดงความคิดเห็นกันมาพอสมควรแล้ว พูดตามจริงเลยนะ คำพูดของทุกท่านล้วนแต่มีเหตุผลที่ดีกันทั้งนั้น เพราะถึงอย่างไรแล้วเซียวจิ่งสือก็ยังอายุน้อยเกินไป แต่ความสามารถในการทำงานของเขา ทุกท่านต่างก็ได้เห็นกับตามาแล้ว ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะหลินหว่าน ต่อไปผมจะไม่ยอมให้เซียวจิ่งสือได้ติดต่อกับผู้หญิงคนนี้อีก ผมเห็นว่าถึงยังไงเซียวจิ่งสือก็ได้ทำเพื่อบริษัทมาตั้งมากมาย พวกเราไม่อาจถอดถอนเขาเพียงเพราะความผิดพลาดครั้งเดียวได้ ผมเห็นว่านี่ไม่ใช่วัฒนธรรมองค์กรของบริษัทเรา ทุกท่านเห็นว่าไง ควรจะเชื่อเขาอีกสักครั้งไหม”
ท่านประธานอาวุโสเอ่ยปากทั้งที ผู้ถือหุ้นแต่ละคนในที่ประชุม มีจำนวนมากที่ติดตามเซียวเฉียงเข้าสู่วงการธุรกิจ ถ้าหากไม่มีเซียวเฉียงพวกเขาก็ไม่มีวันนี้ ทุกคนล้วนเข้าใจความหมายของเซียวเฉียงเป็นอย่างดี
หลังจากคำพูดของเซียวเฉียงแล้ว พวกผู้ถือหุ้นก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก ต่างพากันเห็นด้วยกับข้อเสนอของเซียวเฉียง
หลังการประชุม เซียวเฉียงเจอหน้าเซียวจิ่งสือแต่กลับไม่พูดด้วยสักคำ เพียงแค่มองดูเซียวจิ่งสือด้วยสายตาลึกซึ้งจากนั้นก้าวเดินจากไปด้วยฝีเท้าที่หนักแน่น
เซียวจิ่งสือกลับมาถึงห้องทำงานของเขา พบว่าเซียวเฉียงรออยู่แล้ว
“มาแล้วสินะ เมื่อครู่แกก็เห็นแล้วว่าผู้ถือหุ้นทุกคนต่างคิดจะถอดถอนแกจากตำแหน่งประธานบริษัท กว่าฉันจะมอบตำแหน่งประธานบริษัทให้แกดูแลไม่ใช่เรื่องง่ายนะ จิ่งสือ หลินหว่านนี่เป็นจอมโกหกแท้ๆ หล่อนหลอกลวงความรักของแก หล่อนมันก็แค่คนทรยศแกเท่านั้นเอง ทำไมยังจะเสียใจเพราะหล่อนอยู่อีก แกต้องคว้าโอกาสครั้งนี้ไว้ให้ได้ ตอนนี้บริษัทต้องการแกมากนะ ฉันหวังว่าแกจะกลับมาเป็นผู้เป็นคนกับเขาเสียที”
เซียวจิ่งสือผงกศีรษะรับ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเซียวเฉียง เขารู้ว่าระยะนี้เขาซึมเศร้าไปมาก จมอยู่กับอารมณ์ของตัวเองทำให้ละเลยหน้าที่การงานในบริษัท
พอกลับถึงบ้านเซียวจิ่งสือก็นั่งนิ่งอยู่บนโซฟา นึกถึงสภาพในที่ประชุมวันนี้ นึกถึงว่าเขาเองอยู่ในวงการธุรกิจ มีความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ได้ย่อมไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ง่ายๆ แต่วันนี้กลับถูกคนพวกนี้ร่วมมือกันจะปลดเขาจากตำแหน่ง แต่ก่อนหน้านี้ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเขา พวกเขาจะได้กำไรขนาดนี้งั้นเหรอ วงการธุรกิจนี่ไม่ใช่ที่ที่จะมาพูดถึงน้ำใจไมตรีกันมากนัก ขอเพียงคุณมีความสามารถ คนอื่นก็จะยอมรับคุณเอง
เซียวจิ่งสือตัดสินใจว่าจะตั้งใจทำงานอีกครั้ง จะให้ความสำเร็จตกเป็นของคนที่ตัวเองเกลียดไม่ได้ เขาจะต้องมีความสามารถที่จะต่อกรกับบ้านตระกูลอันอีกครั้งให้ได้
เซียวจิ่งสือเข้าไปที่ทำงานแต่เช้าตรู่ ท่าทางกระตือรือร้นจนคึกคักของเขาทำเอาคนในบริษัทพากันรู้สึกแปลกๆ ไปตามกัน
หลายวันมานี้ ท่าทีซึมเซาของคุณชายเซียวทำให้บริษัทเกือบตกอยู่ในสภาพขาดทุน ตอนนี้นักธุรกิจหนุ่มฝีมือฉกาจคนนี้กลับมาแล้ว
เวลาทั้งวันผ่านไป เซียวจิ่งสืออยู่ที่บริษัททำความเข้าใจสถานการณ์ของบริษัทในตอนนี้ทั้งหมด วิเคราะห์ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของแต่ละโครงการอย่างละเอียด
เขาอยากจะยุ่งกับงานเพื่อจะไม่มีเวลาไปคิดถึงหลินหว่านชั่วคราว ตอนพักเที่ยงเซียวจิ่งสือไม่ได้ออกไปทานข้าว หมกตัวอยู่กับงาน
เหล่าผู้ถือหุ้นพอเห็นว่าบริษัทกลับเข้ารูปเข้ารอยอย่างรวดเร็ว ก็อดนับถือในความสามารถของเซียวจิ่งสือไม่ได้
เซียวจิ่งสือเป็นคนเก่งจริงอย่างที่คิดไว้ นับแต่เขากลับมาบริหารอีกครั้งบริษัทก็ดำเนินงานอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ขณะที่ค่อยๆ แย่งอำนาจการบริหารของกลุ่มบริษัทบ้านตระกูลอันมาอย่างช้าๆ
เซียวจิ่งสือรู้สึกว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นเกินไป จึงแอบสืบดูจนรู้ว่าที่แท้อู๋ชงคอยแอบช่วยเขาอยู่
ตอนที่ 170 ดักจับอย่างง่าย
เซียวจิ่งสือได้สืบทราบว่าตอนที่เขาสู้กับบ้านตระกูลอัน ผู้ยิ่งใหญ่ในตำนานของแวดวงธุรกิจได้คอยช่วยเหลือเขาเงียบๆ อยู่ตลอดเวลา เซียวจิ่งสือรู้สึกประหลาดใจมาก ทำไมอีกฝ่ายจึงต้องคอยแอบช่วยเหลือเขาด้วยนะ เขาให้ผู้ช่วยนัดนักธุรกิจใหญ่ท่านนั้นออกมา โดยแสดงท่าทีว่าต้องการพบเขาสักครั้ง เพื่อแสดงความขอบคุณ
เสิ่นหนานยวนพอได้รับคำเชิญจากเซียวจิ่งสือก็ตอบตกลงโดยไม่ลังเลเลย
ภายในร้านกาแฟ เซียวจิ่งสือกับเสิ่นหนานยวนนั่งประจันหน้ากัน ทั้งสองต่างมองสำรวจกันและกันด้วยความคิดไปคนละทาง
เสิ่นหนานยวนในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำ สวมแว่นตากรอบทอง ดูสุขมนุ่มลึกและหนักแน่น
เซียวจิ่งสือแอบรู้สึกประหลาดใจ เขายังเข้าใจว่าผู้ยิ่งใหญ่แห่งวงการค้าตามคำเล่าลือเป็นชายสูงอายุหรือชายกลางคนที่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเสียอีก แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะยังหนุ่มแน่นขนาดนี้ ดูไปแล้วอายุก็ไม่ต่างจากเขาสักเท่าไหร่เลย
“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้พบคุณ” เซียวจิ่งสือข่มความรู้สึกแปลกใจไว้ กล่าวทักทายเสิ่นหนานยวน
“ประธานเซียวเกรงใจไปแล้ว เรียกผมว่าเสิ่นหนานยวนก็ได้” เสิ่นหนานยวนยิ้มเล็กน้อย ตอบรับตามมารยาท
“คุณเสิ่นทั้งกล้าตัดสินใจ ทั้งมองการณ์ไกล คิดไม่ถึงว่าจะยังหนุ่มยังแน่นขนาดนี้” เซียวจิ่งสือพูดต่อ “เรื่องการซื้อเทียนซิงกรุ๊ปในคราวนี้ ต้องขอบคุณคุณเสิ่นอย่างมาก”
“แค่เรื่องเล็กน้อย ได้มีโอกาสช่วยเหลือประธานเซียว ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งของผมครับ” เสิ่นหนานยวนพูดแล้วจิบกาแฟอึกหนึ่ง
“คุณเสิ่นไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ผมได้ยินความสามารถของคุณมาก็มาก และนับถือในฝีมือคุณมาตลอด เพียงแต่ผมอยากทราบว่า ปกติคุณเสิ่นมักทำงานโดยไม่เปิดเผยตัว คราวนี้ ทำไมจึงแอบช่วยบ้านตระกูลเซียวล่ะครับ” เซียวจิ่งสือถามปัญหาค้างคาใจของเขาออกมาตรงๆ
กาแฟไม่ค่อยถูกปากเสิ่นหนานยวนนัก เสิ่นหนานยวนดื่มไปสองคำก็วางถ้วยกาแฟในมือลง
“ประธานเซียวชมเกินไปแล้ว” เสิ่นหนานยวนวางถ้วยกาแฟแล้วสบตาเซียวจิ่งสือ พูดว่า “อันที่จริง ผมช่วยบ้านตระกูลเซียวเพราะเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง”
“เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง?” เซียวจิ่งสือฟังแล้วประหลาดใจมาก เสิ่นหนานยวนช่วยบ้านตระกูลเซียวเพราะเด็กผู้หญิงคนหนึ่งงั้นเหรอ
“ใช่ครับ เพราะเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง” เสิ่นหนานยวนเห็นสีหน้าท่าทีไม่อยากเชื่อของเซียวจิ่งสือแล้ว ตอบย้ำไปอีกครั้ง
“เมื่อหลายวันก่อน ผมกำลังอยู่ในห้องทำงาน มีเด็กผู้หญิงลากกระเป๋าสัมภาระเข้ามาหาผม ขอร้องให้ผมช่วยบ้านตระกูลเซียวจัดการกับเทียนซิงกรุ๊ป ตอนแรกผมปฏิเสธเธอ…”
จากนั้น เสิ่นหนานยวนก็บอกเล่าเรื่องที่หลินหว่านไปหาเขาเพื่อขอความช่วยเหลือให้เซียวจิ่งสือฟัง
เซียวจิ่งสือยิ่งฟังก็ยิ่งประหลาดใจ เด็กผู้หญิงนี้ออกแบบเสื้อผ้าได้ แม่ของเธอเป็นนักแสดง นอกจากนี้ที่สำคัญที่สุดคือ เธอเป็นคนไปหาเสิ่นหนานยวนเพื่อให้ช่วยบ้านตระกูลเซียว นี่ย่อมหมายความว่า เธอไม่ต้องการให้บ้านตระกูลเซียวตกอยู่ในอันตราย หรือว่า…
“คุณเสิ่น เด็กผู้หญิงที่คุณพูดถึงนั้นใช่หลินหว่านหรือเปล่าครับ” เสิ่นหนันยวนยังพูดไม่ทันจบ เซียวจิ่งสือก็ถามแทรกขึ้นตรงๆ
เสิ่นหนานยวนเห็นดังนั้น แววตาปรากฏรอยยิ้มขึ้นวูบ พูดว่า “ท่านประธานเซียว คุณเดาได้แม่นมาก เธอก็คือหลินหว่านนั่นเอง”
ตอนแรก เสิ่นหนานยวนเข้าใจว่าหลินหว่านเป็นแค่คนที่เซียวจิ่งสือส่งมาเจรจาความร่วมมือกับเขา ต่อมาหลายวันที่เขาได้อยู่ร่วมกับหลินหว่าน เขารู้สึกว่าหลินหว่านอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ ตอนนี้ จากการหยั่งท่าทีของเขา พบว่าความสัมพันธ์ของเซียวจิ่งสือกับหลินหว่านไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย
เป็นหลินหว่านจริงๆ ด้วย ระหว่างนี้เขาหาตัวหลินหว่านอย่างไรก็ไม่พบ พอเซียวจิ่งสือได้ยินว่าเป็นเธอ ก็รู้สึกเหลือเชื่อและดีใจสุดๆ ไปเลย เขาถามเสิ่นหนานยวนว่า “คุณเสิ่นครับ งั้นคุณบอกผมได้ไหม หลินหว่านตอนนี้เธออยู่ที่ไหนครับ”
“ช่วงนี้หลินหว่านเธออยู่กับผม แน่นอนว่าอยู่ที่บ้านของผมสิครับ” เสิ่นหนานยวนเห็นสีหน้าตื่นเต้นกระวนกระวายของเซียวจิ่งสือแล้ว ยกมุมปากหยักขึ้น จงใจพูดออกมา
เซียวจิ่งสือได้ฟังคำพูดของเสิ่นหนานยวนแล้ว ความหึงหวงก็ลุกท่วมใจเขาพร้อมกับความโกรธ ขณะที่เขาส่งคนออกตามหาตัวหลินหว่านไปทั่ว หลินหว่านกลับอาศัยอยู่ที่บ้านของชายอื่นมาตลอดงั้นเหรอ
แต่เซียวจิ่งสือยังหลงเหลือสติยั้งคิดอยู่บ้าง เขาพูดกับเสิ่นหนานยวนทีละคำว่า “คุณเสิ่น ช่วงนี้รบกวนคุณดูแลหลินหว่าน แต่ผมอยากจะขอให้คุณช่วยผมอีกเรื่อง…”
หลินหว่านได้รับโทรศัพท์จากเสิ่นหนานยวนแล้วก็มาที่ร้านกาแฟตามที่เขาบอก ทั้งไม่ได้คิดว่าทำไมจู่ๆ เสิ่นหนานยวนเกิดจะนัดเธอมาดื่มกาแฟ
หลินหว่านมาถึงร้านกาแฟ ผลักประตูเปิดแล้วเดินเข้าไป เห็นภายในร้านว่างเปล่า มีคนหนึ่งนั่งอยู่เพียงลำพังที่มุมหนึ่งของร้าน
เธอมองไปที่ชายคนนั้น แล้วประสานเข้ากับสายตาของเซียวจิ่งสือ
“ซ…เซียว เซียวจิ่งสือ?” หลินหว่านรู้สึกเหลือเชื่อ คนนั้นจะเป็นเซียวจิ่งสือไปได้อย่างไรกัน ทำไมเขาจึงมาอยู่ที่นี่ได้? หลินหว่านคิดจะรีบไปจากร้านกาแฟ แต่ยังไม่ทันได้ขยับตัวก็ถูกเซียวจิ่งสือที่ก้าวยาวๆ เข้ามา คว้าแขนเธอเอาไว้
มือข้างหนึ่งของเซียวจิ่งสือคว้าแขนข้างหนึ่งของหลินหว่านเอาไว้ ส่วนอีกข้างก็โอบรัดเอวเธอเอาไว้แน่น จนหลินหว่านดิ้นไม่หลุด
เซียวจิ่งสือมองดูหญิงสาวที่ตรงหน้า เมื่อวานเขาจะหาตัวยังไงก็ไม่พบ จิตใจที่เขม็งตึงเครียดผ่อนคลายลงชั่วคราว แต่พร้อมกันนั้นเขาก็รู้สึกฉุนขาดขึ้นมา เธอไม่พูดอะไรสักคำก็จากเขาไป แล้วยังแล่นไปอยู่กับชายอื่นเสียอีก!
“หว่านหว่าน หลายวันมานี้คุณไปอยู่ไหนมา?” เซียวจิ่งสือถามหลินหว่านทั้งที่พยายามข่มความรู้สึกเดือดพล่านในใจ
“ทำไมคุณมาอยู่นี่ได้คะเซียวจิ่งสือ? แล้วเสิ่นหนานยวนล่ะ?” หลินหว่านยังถามอย่างไม่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้
เซียวจิ่งสือได้ยินแล้ว หน้าเครียดลงทันที เค้นเสียงจากไรฟันว่า “หลิน! หว่าน!”
หลินหว่านเห็นสีหน้างอง้ำคล้ำลงทุกทีของเซียวจิ่งสือ รีบพูดขึ้นว่า “เซียวจิ่งสือ คุณปล่อยฉันก่อนค่ะ พวกเรานั่งลงพูดกันดีๆ ก็ได้ นะคะ”
ดังนั้นเอง ในร้านกาแฟเดียวกัน คนที่นั่งตรงข้ามเซียวจิ่งสือจึงเปลี่ยนจากเสิ่นหนานยวนมาเป็นหลินหว่าน
เซียวจิ่งสือมองหลินหว่านที่เขาคิดถึงทั้งวันคืนนั่งอยู่ตรงหน้า รู้สึกเหมือนก้อนหินที่กดทับในใจหลุดออกในที่สุด คราวนี้การที่เขาดักจับตัวเธอมาอยู่กับเขาได้อย่างง่ายดาย ต้องขอบคุณเสิ่นหนานยวนนั่นจริงๆ แต่ว่าเขาจะไม่ยอมให้หลินหว่านมีโอกาสไปจากเขาอีกอย่างเด็ดขาด
“หว่านหว่าน หลายวันนี้คุณไปอยู่ไหนมา? ทำไมต้องไปจากผมด้วย?” เซียวจิ่งสือถาม ขณะมองดูหลินหว่านที่ก้มหน้าไม่กล้าสบตาเขา
หลินหว่านกลับตกที่นั่งลำบากใจ จะให้เธอบอกความจริงไปว่าพ่อเขาบีบให้เธอจากไปงั้นเหรอ
แต่ถ้าบอกไปอย่างนี้ ความสัมพันธ์ของเซียวจิ่งสือกับพ่อเขาจะเลวร้ายลงเพราะเธอหรือเปล่านะ?
แล้วกันไปเถอะ ถ้าหากเซียวจิ่งสือต้องความสัมพันธ์แตกร้าวกันเพราะเธอแล้วล่ะก็ อย่างนั้นจะไม่เป็นผลดีอะไรกับเซียวจิ่งสือเลย หลินหว่านคิดดูแล้ว ตัดสินใจโกหกเซียวจิ่งสือ เพื่อปกปิดเรื่องนี้
ภายใต้สายตาที่จ้องจับมาของเซียวจิ่งสือ หลินหว่านตอบอึกอักว่า “หลายวันก่อนฉันดูหนังเรื่องหนึ่ง จู่ๆ ก็อยากออกไปท่องเที่ยวดูโลกภายนอก ก…ก็เลยไม่ได้บอกคุณ…”
เฮ้อ แต่เธอโกหกได้ไม่เนียนนี่สิ ไม่รู้ว่าเซียวจิ่งสือยังจะเชื่อเธออยู่หรือเปล่าสิ
ตอนที่ 171 ความจริง
“งั้นเหรอ? หว่านหว่าน” เซียวจิ่งสือฟังคำอธิบายของหลินหว่านแล้ว ไม่เชื่อเลยสักครึ่งคำ
เขามองดูหลินหว่านที่มีพิรุธอย่างเห็นได้ชัดเอามากๆ แอบยิ้มเยาะในใจ “เสียแรงที่หลินหว่านเป็นนักแสดง แค่จะโกหกยังมีพิรุธขนาดนี้”
เซียวจิ่งสือถามอีกว่า “หว่านหว่าน งั้นคุณบอกหน่อยซิว่าคุณดูหนังเรื่องอะไร เตรียมตัวจะไปท่องเที่ยวที่ไหน แล้วทำไมถึงมาอยู่กับเสิ่นหนานยวนได้”
หลินหว่านตอบอึกๆ อักๆ ว่า “ค…คือว่า เอาเป็นว่า เดิมทีฉันไปถึงสนามบินแล้ว แต่ว่าฉันเห็นข่าวบ้านตระกูลอันจับมือกับบ้านตระกูลหรงเพื่อสู้กับบ้านตระกูลเซียวแล้ว กลัวว่าคุณจะสู้พวกเขาไม่ได้ ก็เลยไปขอความช่วยเหลือจากคุณเสิ่นหนานยวนผู้ยิ่งใหญ่แห่งวงการธุรกิจไงล่ะ”
นาทีนั้นเซียวจิ่งสือแยกไม่ออกว่าคำพูดไหนของหลินหว่านจริงหรือเท็จ เขากำลังคิดจะเค้นถาม ก็ได้ยินเสียงเรียกเขาจากโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น
เซียวจิ่งสือรับสายอย่างไม่พอใจนัก เป็นสายจากผู้ช่วยเขาโทรมา บอกว่าทางบริษัทมีเรื่องที่ต้องรอให้เขาตัดสินใจ
พอเซียวจิ่งสือวางสาย คว้ามือหลินหว่านได้ก็ลากเธอออกไปด้านนอก หลินหว่านรู้สึกเจ็บ เธอขมวดคิ้วถามว่า “เซียวจิ่งสือ คุณทำอะไรน่ะ”
“คุณกลับบริษัทไปกับผม” เซียวจิ่งสือพูดเสียงเย็น
ในเมื่อหลินหว่านกลับมาข้างกายเขาแล้ว งั้นคราวนี้ เขาจะไม่ยอมให้เธอไปจากเขาอีกเด็ดขาด!
กลับถึงบริษัท เซียวจิ่งสือก็ให้หลินหว่านคอยตามติดเขาอยู่ในห้องทำงานตลอด เขากลัวการสูญเสียเธอไปอย่างที่สุด หลินหว่านทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่เล่นมือถือรอเซียวจิ่งสืออยู่ในห้องทำงานของเขา
ขณะเซียวจิ่งสือจัดการกับเอกสาร เงยหน้าขึ้นก็สามารถเห็นหลินหว่านได้ทุกเมื่อ เขารู้สึกว่าความรู้สึกแบบนี้มันดีเอามากๆ
แต่ว่า เซียวจิ่งสือยังคงตัดสินใจว่าจะสืบให้แน่ชัดถึงสาเหตุที่จู่ๆ หลินหว่านก็ไปจากเขา
เรื่องแบบนี้มีครั้งแรกก็ย่อมมีครั้งที่สอง แต่เขาอยากให้หลินหว่านอยู่กับเขาไปตลอด จึงต้องรู้ให้ได้ว่าอะไรทำให้หลินหว่านคิดจะไปจากเขา แล้วจัดการตัดไฟแต่ต้นลมซะ
คราวที่แล้วเขาเข้าใจผิดว่าจู่ๆ หลินหว่านก็หายตัวไปอาจเป็นเพราะประสบกับเหตุอันตรายเข้า ดังนั้นจึงมัวแต่ส่งคนออกไปตามหาเธอ จึงไม่ได้ตั้งใจสืบหาความจริงของเรื่องนี้อย่างจริงจัง คราวนี้ เขาจะต้องสืบรู้ให้ได้ว่าอะไรทำให้หลินหว่านไปจากเขา
เซียวจิ่งสือคิดได้เช่นนี้แล้วก็หลบออกจากห้องทำงานมาเงียบๆ หาตัวผู้ช่วยแล้วบอกเขา ให้เขาส่งคนออกไปสืบให้ละเอียดว่าหลายวันก่อนที่หลินหว่านจะไปจากเขานั้น เธอทำอะไรบ้าง พบกับใคร ทำอะไรที่ผิดปกติไปบ้าง
ผู้ช่วยฟังคำสั่งของเซียวจิ่งสือแล้วคิดว่าคุณหลินก็กลับมาแล้ว ท่านประธานเซียวยังจะทำอะไรอีก! แต่เขาก็ยังเชื่อฟังคำสั่งของบอสอยู่ดี บอกว่าจะส่งคนไปจัดการเรื่องทั้งหมดโดยเร็ว
เซียวจิ่งสือกลับมาที่ห้องทำงานแล้วเห็นหลินหว่านถือโทรศัพม์มือถือของเธอ เดินเข้ามาหาเขา จากนั้นมองดูเขาด้วยสีหน้าตกใจ
“ทำไมเหรอ หว่านหว่าน?” เซียวจิ่งสือถามอย่างสงสัย
“เซียวจิ่งสือ นี่ผลงานของคุณหรือเปล่าคะ?” พูดพลาง หลินหว่านก็ยื่นมือถือของตัวเองมาตรงหน้าเซียวจิ่งสือ ให้เขาอ่านข่าวตรงหน้า
เซียวจิ่งสือกวาดสายตาแวบหนึ่ง ข่าวบอกว่าบ้านตระกูลอันกับตระกูลหรงที่จับมือกันก่อนหน้านี้ ไม่ทราบว่าเกิดแตกคอกันด้วยเหตุอะไร บริษัททั้งสองตอนนี้เหมือนเป็นน้ำกับไฟที่อยู่ร่วมกันไม่ได้ซะแล้ว นอกจากนี้ พวกบริษัทที่ก่อนหน้านี้ร่วมมือกับบริษัทของบ้านตระกูลอัน ตอนนี้ทยอยออกมากล่าวโทษบ้านตระกูลอันว่าไม่รักษาสัญญาที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ ทำให้ชื่อเสียงของบ้านตระกูลอันดำดิ่งลงเหว
สรุปคือ เทียนซิงกรุ๊ปถูกบริษัทพันธมิตรลุกขึ้นมาโจมตีซ้ำ เพียงชั่วข้ามคืนชื่อเสียงของบริษัทก็ตกต่ำเป็นประวัติการณ์
“นี่ไม่ใช่ฝีมือผม” เซียวจิ่งสือเห็นแล้วยักคิ้ว พูดขึ้น “น่าจะเป็นฝีมือเสิ่นหนานยวน วิธีการแบบนี้เหมือนเป็นฝีมือของเขา”
เรื่องของบ้านตระกูลอันเป็นฝีมือของเสิ่นหนานยวนจริงๆ รูปแบบการทำงานของเขารวดเร็วฉับไว เด็ดขาดเสมอ หากเขาต้องการจัดการกับบริษัทไหน บริษัทนั้นอย่าหวังว่าจะได้อยู่ดีมีสุขเลย
ในตอนนี้บ้านตระกูลอันทุกคนคงจะเกลียดเสิ่นหนานยวนเข้าไส้ไปแล้ว
ก่อนหน้านี้พวกเขาร่วมมือกับตระกูลหรงเพียงเพื่อรักษาเทียนซิงกรุ๊ปเอาไว้ และเพื่อต่อกรกับบ้านตระกูลเซียว แต่ใครจะนึกว่า เดิมทีเป็นเรื่องระหว่างพวกเขาสามบริษัท เสิ่นหนานยวนกลับแทรกเข้ามาซะอย่างงั้น
เทียนซิงกรุ๊ป อันโฮ่วสยงเจอเข้ากับหลุมพรางที่ผู้ยิ่งใหญ่แห่งแวดวงการค้าวางไว้ก็ให้รู้สึกมือไม้ปั่นป่วนไปหมด ทั้งที่เมื่อวานทุกอย่างยังดีๆ อยู่เลย เพียงค่ำคืนเดียวบ้านตระกูลหรงกับบริษัทอื่นๆ เหมือนกับถูกคนวางยาก็ไม่ปาน พากันออกมาประกาศตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับบ้านตระกูลอัน
หากเป็นแบบนี้ต่อไป บ้านตระกูลอันคงได้จมดินแน่ แต่เขาไม่ยอมแพ้ อันโฮ่วสยงถอนใจเฮือก จากนั้นเริ่มก้มหน้าก้มตาจัดการกับการงานน้อยใหญ่ของเทียนซิงกรุ๊ปต่อไป
วันนี้เซียวจิ่งสือกับหลินหว่านตัวติดกันทั้งวัน รวมทั้งตอนทานข้าวเย็นด้วย เขาตั้งใจเป็นพิเศษที่จะเลือกร้านที่หลินหว่านชอบทานที่สุด
ตอนทานข้าว จู่ๆ มือถือของเซียวจิ่งสือก็ดังขึ้น เขามองดูแล้วเห็นว่าเป็นผู้ช่วยโทรมา เซียวจิ่งสือคิดดูแล้ว ลุกออกไปรับสายด้านนอก
“ท่านประธานเซียวครับ เรื่องคุณหลิน ผมให้คนไปสืบได้ความชัดเจนแล้ว” พอมีคนรับสาย ผู้ช่วยก็รีบพูดขึ้นเหมือนทนรอไม่ไหว
“พูด”
“พวกเราสืบได้ความว่าก่อนคุณหลินจากไปหนึ่งวัน เธอได้พบกับคุณพ่อของคุณที่บ้าน และท่านประธานใหญ่เซียวได้มอบตั๋วเครื่องบินไปต่างประเทศให้คุณหลินไปใบหนึ่งด้วย” ผู้ช่วยรีบรายงานผลที่สืบได้กับเซียวจิ่งสือ
เซียวจิ่งสือฟังแล้ว ขมวดคิ้วพูดว่า “งั้นก็หมายความว่า การที่หลินหว่านจากไป เป็นเพราะพ่อของผม?”
“ท่านประธานเซียว ผลที่สืบได้เป็นแบบนี้ครับ…”
“เอาล่ะ ผมเข้าใจแล้ว” เซียวจิ่งสือพูดจบก็วางสายไปเฉยๆ
คิดไม่ถึงเลย พ่อของเขาแอบลงมือลับหลังเขา บีบให้หลินหว่านไปจากเขา
เซียวจิ่งสือไม่อยากจะนึกเลย ถ้าหากหลินหว่านขึ้นเครื่องบินเที่ยวนั้นไปจริงๆ เขาจะยังได้พบกับหลินหว่านอีกหรือไม่
เซียวจิ่งสือหยิบโทรศัพม์มือถือขึ้นมา โทรไปที่เบอร์โทรศํพท์เบอร์หนึ่ง สั่งอะไรบางอย่างแล้วจึงกลับเข้าที่นั่ง
วันรุ่งขึ้น ณ สถานพักฟื้นคนชราที่ดีที่สุดของเมืองนี้ เซียวเฉียงนั่งอยู่บนเตียง หมอกำลังจะตรวจร่างกายเขา แต่เขากลับผลักหมอพยาบาลรอบกายเขาออก ร้องโวยวายว่า “ใครให้พวกคุณพาผมมาที่นี่ ใช่เจ้าเซียวจิ่งสือลูกไม่รักดีคนนั้นหรือเปล่า หา! ผมรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นมัน! ต้องเป็นมันแน่! เพราะมันต้องการจะแย่งอำนาจในมือทั้งหมดของผมไป!”
พูดจบ เขาก็เขวี้ยงแก้วที่อยู่ใกล้มือใบหนึ่ง พูดกับผู้ดูแลว่า “พวกคุณแน่จริงก็ให้มันมาหาผม! วันนี้ผมจะตีมันให้ตายไปเลย!”
“พ่อ พ่อหาผมเหรอ” ตอนนั้นเอง เสียงทุ้มต่ำของผู้ชายคนหนึ่งดังมาจากที่ไม่ไกลนัก พอทุกคนมองไปก็พบว่าเซียวจิ่งสือมาแล้ว
เซียวเฉียงเห็นเซียวจิ่งสือก็โมโหจนกระโดดพรวดลงจากเตียง ชี้หน้าด่าเขาว่า “เซียวจิ่งสือ แกไอ้ลูกทรพี! ทำไมแกให้คนพาฉันมาที่นี่ แกให้พวกเขาปล่อยฉันไปนะ! แกเข้าใจว่าฉันดูแกไม่ออกรึว่าแกคิดแผนร้ายอะไรอยู่ แกทำแบบนี้ เพราะอยากจะแย่งอำนาจทั้งหมดของฉันในบ้านตระกูลเซียวไปใช่ไหม แต่ฉันจะบอกแกให้นะ ไม่มีทางหรอก!”
ตอนที่ 172 ส่งสถานรับเลี้ยงคนชรา
เซียวจิ่งสือมองดูเซียวเฉียงชี้หน้าด่าเขาอย่างเกรี้ยวกราด แค่นหัวเราะในใจ ขณะพูดว่า “คุณพ่อ พ่อพูดว่าอะไรนะ? พ่อสุขภาพไม่ค่อยดี จะโมโหมากไม่ได้นะครับ”
พูดจบ เขาก็หันไปบอกหมอกับพวกผู้ดูแลว่า “พวกคุณออกไปก่อนเถอะ”
หมอกับพวกผู้ดูแลไปแล้ว ในห้องเซียวเฉียงเหลือแค่เขากับเซียวจิ่งสือสองคนเท่านั้น
สถานพักฟื้นคนชราที่เซียวจิ่งสือจัดให้เซียวเฉียงนั้นเป็นสถานพักฟื้นที่ดีที่สุดของเมือง ห้องพักของเซียวเฉียงกว้างขวางสว่างไสว อบอุ่นสบาย และยังมีเฟอร์นิเจอร์ ข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันเรียงรายสารพัดชนิด แต่น่าเสียดายที่ของส่วนใหญ่เพิ่งถูกเซียวเฉียงกวาดลงพื้นไปตอนอาละวาดเมื่อครู่ ตอนนี้ห้องของเขาเละเทะไปหมด เต็มไปด้วย ‘เศษซาก’ ข้าวของเกลื่อนกลาดพื้น
เซียวจิ่งสือก้าวข้ามชิ้นส่วนกระจัดกระจายบนพื้นมาที่เบื้องหน้าเซียวเฉียง ตอบกลับคำพูดเมื่อครู่ของเขา “พ่อครับ สุขภาพพ่อไม่ค่อยจะดี ต่อไปพ่อพักผ่อนอยู่ที่นี่ให้สบายเถอะ ส่วนบ้านตระกูลเซียว ผมจะดูแลเองครับ”
เซียวเฉียงฟังคำของเซียวจิ่งสือแล้วน้ำโหพุ่งปรี้ด เซียวจิ่งสือยอมรับในสิ่งที่เขากล่าวหาเมื่อครู่นี้!
เขาพูดอย่างโมโห “แก! เซียวจิ่งสือไอ้ตัวดี ฉันยังไม่ตายนะ แกก็จะแย่งอำนาจจากฉันแล้วงั้นเหรอ?
ก…แกมันเนรคุณชัดๆ!”
เซียวจิ่งสือก้าวเข้าหาพ่อเขาอีกก้าว พูดว่า “พ่อครับ พ่อพูดเหลวไหลอะไรน่ะ พ่ออายุมากแล้ว ก็น่าจะได้พักผ่อนให้สบาย ไม่ควรจะยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่พ่อไม่ควรยุ่งด้วยเลย”
“ก…แกมันไอ้ลูกทรพี ฉันเป็นพ่อของแก แกทำอย่างนี้กับฉันได้อย่างไร?” เขาไม่ยอมให้เซียวจิ่งสือขังเขาไว้ในบ้านพักคนชราเด็ดขาด
เซียวจิ่งสือพูดว่า “ทำไมนะเหรอ เพราะหว่านหว่านเธอเป็นผู้หญิงที่ผมรัก ส่วนพ่อ กลับทำให้หลินหว่านต้องไปจากผมครั้งแล้วครั้งเล่า ผมไม่ยอมให้ใครทำอะไรเธอเด็ดขาด”
“พ่อ พ่อไม่ชอบหลินหว่านก็ไม่เป็นไร ผมคิดว่า ต่อไปพ่ออยู่ที่นี่ก็ไม่ต้องพบเห็นเธออีก ไม่ดีเหรอครับ?”
“หลิน! หว่าน!” เซียวเฉียงกัดฟันพูดชื่อของหลินหว่านออกมา คิดไม่ถึงว่าเซียวจิ่งสือจะทำแบบนี้เพื่อหลินหว่าน
“หล่อนเป็นคนบอกแกงั้นล่ะสิ? หึหึ” เซียวเฉียงยิ้มเยาะพลางว่า “ฉันจะบอกแกนะ หลินหว่านก็แค่ใช้ประโยชน์แก ใช้ประโยชน์บ้านตระกูลเซียวเท่านั้น หล่อนไม่ได้ชอบแก แกอย่าให้เธอหลอกนะ ต้องมีสักวันที่แกจะได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเธอ!”
เซียวจิ่งสือสีหน้าเคร่งเครียดเย็นชาลง พูดโต้ว่า “พ่อครับ พ่อไม่รู้หรือไงว่ามีคำพูดหนึ่งที่ว่า ความลับไม่มีในโลก ทั้งหมดที่พ่อทำผมให้คนไปสืบมาหมดแล้ว แล้วก็ยังมีอีก หว่านหว่านเธอไม่ใช่คนแบบนั้น พ่อไม่เข้าใจเธอเลยสักนิด” เขาพูดต่อไปอีกว่า “สถานพักฟื้นนี่ผมอุตส่าห์ตั้งใจเลือกให้พ่อเลยนะ ต่อไปพ่อก็อยู่ที่นี่ให้สบายล่ะ ไม่ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของผมกับหว่านหว่านอีก”
เซียวจิ่งสือพูดจบก็มองเซียวเฉียงด้วยสายตาเย็นชา ขณะจะหันกายจากไปนั้น เซียวเฉียงกลับแค่นหัวเราะเสียงเย็นขึ้น พูดกับเซียวจิ่งสืออย่างดูแคลนและโกรธแค้นว่า “เซียวจิ่งสือ แกมันถือดีเกินไป แกลืมไปแล้วหรือไง คนที่มีอำนาจสิทธิ์ขาดในบ้านตระกูลเซียวยังเป็นฉันอยู่ วั่นหย่ากรุ๊ปฉันก็เป็นผู้ก่อตั้งขึ้น แกเข้าใจว่าขังฉันอยู่ที่นี่แล้วฉันจะทำอะไรแกไม่ได้งั้นเหรอ?”
“หึ! พ่อครับ ตามใจพ่อเลย” เซียวจิ่งสือยิ้มเย็น พูดขึ้น
พูดจบ เซียวจิ่งสือก็ออกจากห้องพักของเซียวเฉียง เขาออกมาด้านนอก มีเพียงหมอและผู้ดูแลคนหนึ่งรออยู่ด้านนอก เขาสั่งคำหนึ่งว่า “ดูแลคนข้างในให้ดีล่ะ” แล้วกลับออกไป
แต่คิดไม่ถึงว่าเซียวเฉียงจะอาละวาดจนเป็นเรื่องเข้าจนได้
ตอนเที่ยง เซียวจิ่งสือกับหลินหว่านทานข้าวเที่ยงด้วยกัน แม้จะรู้แล้วว่าหลินหว่านไปจากเขาเพราะถูกพ่อของเขาบีบบังคับ ไม่ได้สมัครใจ แต่เซียวจิ่งสือยังไม่อยากให้หลินหว่านห่างไกลจากสายตา ถึงอย่างไรแล้วระหว่างนี้หลินหว่านก็ไม่มีงาน เซียวจิ่งสือจึงให้เธอมาอยู่ที่บริษัทเป็นเพื่อนเขาทุกวันซะเลย
ตอนกำลังทานข้าว เสียงโทรศัพท์มือถือของเซียวจิ่งสือดังขึ้น เป็นสายจากผู้ช่วย เซียวจิ่งสือรับสายต่อหน้าหลินหว่าน “มีอะไรเหรอ”
“ท่านประธานเซียว แย่แล้วครับ พวกคณะกรรมการบริษัทกำลังรวมตัวกันต่อต้าน ให้คุณปล่อยตัวท่านประธานใหญ่เซียวจากสถานพักฟื้นคนชรา ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะนำเรื่องที่คุณส่งตัวท่านประธานใหญ่เข้าสถานพักฟื้นคนชรา เพื่อแย่งอำนาจในบริษัทไปเปิดโปงให้พวกนักข่าวรู้”
“คุณว่าอย่างไรนะ?” เซียวจิ่งสือขมวดคิ้วแน่น
“ได้ยินว่า…ท่านประธานใหญ่โทรขอให้พวกเขาช่วยจากสถานพักฟื้น…”
“คุณไปขัดขวางพวกเขาก่อน เดี๋ยวผมจะรีบไปจัดการเอง!”
เซียวจิ่งสือวางสายแล้ว แววตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง หลินหว่านได้ยินเขาพูดโทรศัพท์ เห็นสีหน้าเขาไม่ดีนัก จึงถามอย่างเป็นห่วงว่า “เซียวจิ่งสือ คุณเป็นอะไรไปคะ?”
เซียวจิ่งสือส่ายศีรษะ สีหน้าอ่อนโยนนุ่มนวลลง พูดว่า “ไม่มีอะไรหรอก พวกเราทานข้าวกันก่อนเถอะ”
หลังมื้อเที่ยง เซียวจิ่งสือมาที่ห้องทำงานของตัวเอง เหล่ากรรมการบริษัทอายุกว่าครึ่งร้อยพากันมารวมตัวกันที่นี่
คนพวกนี้ล้วนแต่เคยร่วมกันก่อตั้งวั่นหย่ากรุ๊ปมากับพ่อของเขา พวกเขามีอำนาจบารมีอย่างมากในบริษัท เซียวจิ่งสือจึงต้องอ่อนข้อให้พวกเขาอยู่หลายส่วน “คุณลุงทั้งหลาย พวกคุณมานี่ มีเรื่องอะไรกันเหรอครับ”
“จิ่งสือ ได้ยินว่าเธอกักตัวพ่อของเธอไว้ที่สถานพักฟื้นคนชรา นี่มันเรื่องอะไรกัน? เธอคงจะไม่ทำเรื่องอะไรที่เป็นการเนรคุณหรอกนะ!”
“นั่นนะสิ จิ่งสือ ต่อให้เธอคิดจะได้ตำแหน่งโดยเร็ว ก็ไม่ต้องทำแบบนี้หรอก จะช้าจะเร็วเธอก็ต้องได้รับสืบทอดกิจการของบ้านตระกูลเซียวอยู่แล้ว แต่พ่อเธออย่างไรเขาก็เป็นพ่อ ตอนนี้เธอทำแบบนี้เกรงว่าจะไม่เหมาะนะ”
“ใช่เลย จิ่งสือ รีบปล่อยตัวพ่อเธอออกมาเร็วเข้า เชิญเขามาที่บริษัทนะ ไม่อย่างนั้น เพื่อคุณเซียวแล้ว พวกเราจำต้องบอกเรื่องนี้กับพวกนักข่าว” กรรมการหลายคนพากันเอ่ยปากให้เซียวจิ่งสือปล่อยตัวเซียวเฉียงจากสถานพักฟื้นคนชรา
เซียวจิ่งสือได้ฟังแล้ว ยิ้มเยาะอยู่ในใจ กรรมการหลายท่านนี้รีบร้อนจะให้เขาปล่อยตัวพ่อ ก็เพราะตอนที่พ่อเขาบริหารงานบริษัท มักจะเห็นแก่น้ำใจไมตรีเก่าก่อน ให้สิทธิพิเศษพวกเขามากมาย ทำให้พวกเขาได้รับประโยชน์มากมาย ตอนนี้ เกรงว่าพวกเขาไม่ได้เป็นห่วงพ่อเขาหรอก แต่เป็นห่วงผลประโยชน์ตัวเองต่างหาก!
เซียวจิ่งสือแสร้งทำท่าว่าเสียใจ ถอนใจยาวพูดว่า “คุณลุงทั้งหลายครับ พวกคุณเข้าใจผมผิดไปแล้ว อันที่จริง ผมให้พ่อเข้าไปอยู่สถานพักฟื้นคนชราก็เพื่อตัวพ่อเอง และเพื่อบริษัทเราด้วย”
“อ้อ งั้นเหรอ? มันเรื่องอะไรกันแน่?” กรรมการบริษัทหลายคนได้ฟัง ก็พากันถามอย่างไม่เข้าใจ
“พวกคุณลุงคงยังไม่รู้ว่า คุณพ่ออายุมากแล้ว สุขภาพร่างกายย่อมจะไม่แข็งแรงนัก แต่ท่านทำงานอย่างหนักมาตลอดเพื่อบริษัท และไม่ได้บอกกับทุกคนเรื่องสุขภาพของท่าน” เซียวจิ่งสือหยุดเว้นวรรค พอเห็นว่าสีหน้าของพวกเขาไม่มีความสงสัยก็พูดต่อไปว่า “แต่พอดีว่า เมื่อวานจู่ๆ อาการป่วยของท่านกำเริบขึ้น จนช็อกหมดสติไปโดยไม่ทราบสาเหตุ ตอนนี้สมองของท่านบางทีเลอะเลือน บางทีก็รู้เรื่อง เพื่อสุขภาพของพ่อ ผมจึงต้องส่งท่านไปสถานพักฟื้นคนชราครับ”
ตอนที่ 173 รังเกียจ
“ไม่อย่างนั้น ถ้าหากคุณพ่อผมยังบริหารบริษัทต่อไป ระหว่างนั้นเกิดเหตุอะไรขึ้น ไม่ว่าจะคุณพ่อ หรือว่าบริษัท ล้วนไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยนะครับ”
ผู้คนเพิ่งจะเข้าใจ ‘ความจริง’ ของเรื่องราว ต่างพากันตกใจสุดๆ
“แน่นอนว่า ถ้าหากพวกคุณรู้สึกว่าผมทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง ผมก็จะรีบไปรับคุณพ่อออกมาจากสถานพักฟื้นคนชรา คืนตำแหน่งประธานบริษัทให้กับท่าน” เซียวจิ่งสือพูดจบก็มองดูสีหน้าของพวกเขา
“นี่มัน…” พวกเขาต่างมีสีหน้าลังเลยากจะตัดสินใจ ชั่วขณะนั้นไม่รู้จะตอบอย่างไรดี
เซียวจิ่งสือพูดต่อว่า “ทุกท่านวางใจได้ พอผมรับช่วงบริษัทแล้ว สิทธิพิเศษของพวกคุณลุงและตำแหน่งในบริษัทจะยังเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเด็ดขาด”
เซียวจิ่งสือเพิ่งพูดจบ ก็มีคนพูดนำขึ้นว่า “ในเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ผมว่าให้คุณพ่อคุณได้พักฟื้นที่สถานพักฟื้นคนชราให้สบายเถอะครับ พวกเราเข้าใจความรู้สึกของคุณดีครับ” ส่วนกรรมการท่านอื่นๆ พอฟังแล้ว ก็พากันเห็นด้วยกับคำพูดของเขา
หลังจัดการเรื่องนี้เสร็จ พวกกรรมการบริษัทจากไปแล้ว เซียวจิ่งสือก็ปิดประตูห้องทำงาน แล้วโทรหาผู้อำนวยการสถานพักฟื้นคนชรา บอกเขาว่าตอนนี้พ่อเขาสติเลอะเลือน ต่อไปไม่อนุญาตให้พ่อติดต่อกับบุคคลภายนอกอีก ผู้อำนวยการรับปากเป็นมั่นเหมาะแล้วเซียวจิ่งสือก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
เพียงแต่พอเขาเปิดประตูห้องทำงานออก ก็เห็นหลินหว่านยืนอยู่นอกห้องด้วยสีหน้าตกใจ
“หว่านหว่าน ทำไมคุณมาอยู่นี่ได้” เซียวจิ่งสือรู้สึกเป็นกังวลมาก เธอคงไม่ได้ยินที่เขาพูดโทรศัพท์เมื่อครู่ล่ะมั้ง?
“เซียวจิ่งสือคะ ทำไมคุณต้องทำแบบนี้ด้วย” เมื่อครู่หลินหว่านรู้สึกว่าเซียวจิ่งสือมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก นึกอยากจะมาถามไถ่ว่าเกิดอะไรขึ้น จะได้ปลอบใจเขาสักหน่อย แต่คิดไม่ถึงว่าเดินผ่านมาทางนี้ ได้ยินที่เซียวจิ่งสือพูดทางโทรศัพท์เข้าพอดี
“หว่านหว่าน คุณอย่าเพิ่งใจร้อน ฟังผมอธิบาย…” เซียวจิ่งสือพูดพลางดึงหลินหว่านเข้ามาในห้องทำงาน จากนั้นเล่าที่มาที่ไปของเรื่องทั้งหมดให้หลินหว่านฟัง และอธิบายว่าเขาไม่ต้องการให้พ่อแยกพวกเขาจากกันจึงต้องทำเช่นนี้
พูดจบ เขาก็มองมาทางหลินหว่านด้วยท่าทีกระวนกระวาย เขากลัวว่าเธอจะเกลียดเขาเพราะเรื่องนี้
หลินหว่านนิ่งเงียบไปชั่วครู่ แล้วพูดกับเซียวจิ่งสือว่า “เซียวจิ่งสือคะ แม้ว่าฉันจะไม่สามารถเปลี่ยนความคิดและการกระทำของคุณได้ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นพ่อของคุณนะคะ ฉันหวังว่าคุณจะไม่เสียใจกับสิ่งที่คุณทำลงไปในภายหลัง”
ถึงแม้หลินหว่านจะยังจำได้ว่าเธอถูกเซียวเฉียงดูถูกเหยียดหยามไว้อย่างไร แต่เซียวเฉียงอย่างไรก็เป็นพ่อของเซียวจิ่งสือ เธอไม่อยากให้เซียวจิ่งสือกลายเป็นศัตรูกับพ่อของเขาเพราะเธอเป็นต้นเหตุ
เซียวจิ่งสือถอนใจเฮือก ลูบศีรษะหลินหว่านแล้วพูดว่า “เอาล่ะ หว่านหว่าน คุณไม่ต้องคิดมากไปนะ คุณแค่จำไว้ว่าต่อไป ผมจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายคุณต่อหน้าผมก็พอแล้ว”
ตอนบ่าย ระหว่างนี้งานของบริษัทค่อนข้างน้อย เซียวจิ่งสือรีบทำงานจนเสร็จ เลิกงานแล้วกลับบ้านพร้อมหลินหว่าน ส่วนงานที่ยังไม่เสร็จ เขาก็ส่งต่อให้กับผู้ช่วยจัดการ
ระหว่างทาง เซียวจิ่งสือไปตลาดซูเปอร์มาร์เก็ตกับหลินหว่าน เลือกซื้อกับข้าวด้วยกันเพื่อทำอาหารเย็น ช่วงนี้เซียวจิ่งสือเป็นเช่นนี้เสมอ อยู่กับหลินหว่าน ทำกับข้าวกินกันที่บ้าน ทำให้เขารู้สึกถึงความสุขที่ได้อยู่ร่วมกับหลินหว่าน
หลินหว่านกลับถึงบ้านพร้อมกับเซียวจิ่งสือ ทำอาหารเย็นร่วมกันอย่างคุ้นเคย พอยกมาวางบนโต๊ะอาหาร หลินหว่านก็พลันสะดุ้งในใจ พักนี้เธอ…เธอใกล้ชิดกับเซียวจิ่งสือเกินไปหรือเปล่านะ?
เซียวจิ่งสือมองดูหลินหว่านที่ใจลอยอยู่ ถามว่า “หว่านหว่าน คุณเป็นอะไรไป?”
“ไม่มีอะไรค่ะ มา เซียวจิ่งสือ ทานข้าวกันเถอะค่ะ” หลินหว่านรู้สึกตัว พูดเสียงเรียบ
ขณะทานข้าว ทั้งสองต่างก็คิดไปคนละทาง ดังนั้น ก็เลยไม่มีใครเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน
เซียวจิ่งสือรู้สึกว่าบรรยากาศวันนี้ไม่เหมือนเคย หลินหว่านเหมือนจงใจทำตัวเหินห่างจากเขา
เขาทนไม่ได้แล้วจริงๆ วางตะเกียบลง หันมาถามหลินหว่านว่า “หว่านหว่าน คุณรู้สึกว่าที่คุณอยู่กับผมในหลายวันมานี้มีความสุขไหม” ท่าทีเขาจริงจัง รอคอยคำตอบจากหลินหว่าน
หลินหว่านได้ยินแล้ว หัวใจเต้นระทึก จากนั้นตอบกลับอย่างติดขัดว่า “ก…ก็ดีนี่คะ”
เป็นอย่างที่คิด เซียวจิ่งสือถามต่อว่า “หว่านหว่าน งั้นคุณเต็มใจจะเป็นแฟนผมไหม คุณก็รู้ว่าผมรักคุณมาตั้งนานแล้ว และผมก็จะรักคุณแบบนี้ไปตลอด”
เซียวจิ่งสือพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมารวดเดียว คำพูดนี้เขาอยากบอกหลินหว่านตั้งนานมาแล้ว แต่เขาเห็นว่ายังไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุด จนวันนี้เขารอต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว
แต่เขากลับได้ยินหลินหว่านตอบว่า “ขอโทษนะคะ เซียวจิ่งสือ ฉันรับปากไม่ได้หรอกค่ะ”
เซียวจิ่งสือหน้าเครียดลง มือที่อยู่ใต้โต๊ะกำหมัดแน่น เขาได้ยินเสียงหลินหว่านพูดเรื่อยๆ ต่อไปว่า “ตอนนี้ฉันยังมีเรื่องตั้งมากมายยังทำไม่สำเร็จ ฉันอยากรู้ความจริงเรื่องแม่ของฉัน แก้แค้นบ้านตระกูลอันแทนเธอ จากนั้นเป็นนักแสดงที่มีฝีมือโดดเด่นเหมือนกับเธอ ฉันยังอยากจะรู้ว่าพ่อของฉันเป็นใครกันแน่…”
“เซียวจิ่งสือคะ ฉันอยากทำทุกอย่างนี้ให้สำเร็จด้วยตัวเอง พอทำทุกอย่างสำเร็จแล้ว มีเวลาแล้วค่อยมาคิดเรื่องความรัก” หลินหว่านมองดูเซียวจิ่งสือ พูดทั้งที่รู้สึกขมขื่นอยู่ในใจ เธอแบกภาระไว้มากเกินไป ตอนนี้ เธอยังให้คำสัญญาอะไรกับเขาไม่ได้ทั้งนั้น
“ได้…” นาทีต่อมา เซียวจิ่งสือตอบรับเสียงต่ำกลับมา
เขารู้ว่าหลินหว่านหวังว่าเธอจะสามารถแก้แค้นด้วยตัวเธอเอง ไม่อยากให้เขายื่นมือมาช่วยเธอ ในเมื่อเธอพูดอย่างนั้น เขาก็ได้แต่ให้การสนับสนุน แต่ว่าเขาจะไม่ยอมให้เธอใช้ข้ออ้างนี้ไปจากเขาอย่างเด็ดขาด
หลินหว่านมองดูเขา พูดเสียงเบาว่า “ขอบคุณค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ผมเคยบอกแล้วไง สิ่งที่คุณอยากทำ ไม่ว่าจะเป็นอะไร ผมจะคอยเป็นกำลังหนุนให้คุณเอง” เซียวจิ่งสือส่ายหน้า พูดเสียงนุ่มนวล
หลังอาหาร เซียวจิ่งสือส่งหลินหว่านกลับบ้าน หลังจากบอกราตรีสวัสดิ์กับเธอแล้ว เขานั่งอยู่ในรถมองดูเงาร่างของหลินหว่านที่ค่อยๆ ห่างออกไป รู้สึกจิตใจไม่สงบขึ้นมา เมื่อครู่เขาอาจใจร้อนเกินไป ทำให้หลินหว่านกลับถอยห่างเขาออกไปอีก บางทีสำหรับหลินหว่าน เขาต้องใช้วิธี ‘น้ำอุ่นต้มกบ [1]’ ซะแล้ว
บ้านตระกูลอัน ถ้าหากบอกว่าอันโฮ่วสยงเกลียดเซียวจิ่งสือเข้ากระดูก อันซิงก็ทั้งรักทั้งแค้นเซียวจิ่งสือ
เธอเป็นถึงคุณหนูใหญ่ของบ้านตระกูลอัน ก่อนหน้านี้เธอต้องใช้อิทธิพลของบ้านตระกูลอัน กว่าจะได้หมั้นหมายกับเซียวจิ่งสือ แต่คิดไม่ถึงว่าหัวใจของเซียวจิ่งสือจะยังผูกพันอยู่กับหลินหว่าน ต่อมา เธอในฐานะที่เป็นถึงคุณหนูใหญ่บ้านตระกูลอัน กลับถูกคนมาถอนหมั้นถึงบ้าน ทำให้เธอกลายเป็นตัวตลกของผู้คน
แล้วตอนนี้ ตัวเธอที่เป็นคุณหนูใหญ่บ้านตระกูลอันกลายเป็นที่เย้ยหยันของคนทั่วไป เซียวจิ่งสือร่วมมือกับผู้ยิ่งใหญ่ของวงการธุรกิจมาสู้กับบ้านตระกูลอัน บ้านตระกูลอันสู้ตระกูลเซียวไม่ได้ บริษัทมีหนี้สินท่วมท้น กำไรก็ลดลงไปเรื่อยๆ จนเกือบจะล้มละลาย พนักงานจำนวนมากของเครือตระกูลอันผละจากบ้านตระกูลอันไป มีเพียงคุณปู่อันโฮ่วสยงเพียงคนเดียวที่ยังเฝ้ารักษากิจการของบ้านตระกูลอันเอาไว้
เธอได้ยินมาว่า เซียวจิ่งสือเป็นศัตรูกับบ้านตระกูลอันเพื่อหลินหว่าน บนอินเทอร์เน็ตยังมีคนเปรียบเทียบเธอกับหลินหว่าน ผลคือเธอสู้หลินหว่านไม่ได้สักอย่าง เป็นแค่ไม้ประดับแจกันที่ไร้ประโยชน์!
เธอรับรู้ได้ถึงการเสียดสีเย้ยหยันในสังคมออนไลน์ เพื่อนๆ ในวงการเมื่อก่อนในตอนนี้กลับพากันรังเกียจถอยห่างจากเธอ เธอจึงโยนความผิดทั้งหมดไปที่หลินหว่าน
ถ้าหากทำลายหลินหว่านซะได้ จะดีสักแค่ไหนกันนะ!
——
[1] น้ำอุ่นต้มกบ มาจากนิทานสุภาษิตที่เล่าถึงการต้มกบในน้ำอุ่นที่ทำให้น้ำร้อนขึ้นช้าๆ กว่ากบจะรู้ตัวถึงอันตรายก็หนีไม่ทันเสียแล้ว มักใช้เปรียบว่าคนเรามักไม่ค่อยระวังตัวในความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทีละน้อย ในที่นี้มีความหมายคล้ายกับคำว่า ‘ค่อยเป็นค่อยไป หรือใช้น้ำเย็นเข้าลูบ’
ตอนที่ 174 ลวนลาม
อันซิงรู้ว่าเทียนซิงกรุ๊ปในตอนนี้กำลังเผชิญกับวิกฤตครั้งใหญ่ แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเซียวจิ่งสือโจมตีเทียนซิงกรุ๊ป อันซิงรู้ว่าเหตุแรกเริ่มเดิมทีคือเธอ ถ้าหากไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้เธอทำเรื่องเลวร้ายพวกนั้นไว้ให้เซียวจิ่งสือจับได้ ก็คงไม่ทำให้บ้านตระกูลอันต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
ในระยะนี้อันชิงพยายามแก้ตัวด้วยการมุ่งมั่นเจรจาความร่วมมือกับบริษัทต่างๆ เพื่อทำความร่วมมือกับพวกเขา
อันซิงกำลังนั่งอยู่ที่บ้านก็มีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรหาเธอ
“มีประธานบริษัทหนึ่งอยากจะเจรจากับคุณค่ะ ตอนค่ำวันนี้ในงานพบปะสังสรรค์กันเล็กๆ เขาเชิญคุณไปร่วมด้วยจะได้คุยเรื่องความร่วมมือกันค่ะ” ปลายสายอีกด้านหนึ่งเป็นเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง
อันซิงรู้สึกดีใจขึ้นมา นี่เป็นโอกาสที่เธอรอคอยอยู่ตลอดหลายวันที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้เธอได้ยื่นข้อเสนอความร่วมมือให้กับบริษัทที่มีความสามารถมากแห่งหนึ่ง หวังว่าบริษัทแห่งนี้จะร่วมมือกับเทียนซิงกรุ๊ป จะได้ช่วยบริษัทให้พ้นจากวิกฤต ตอนนี้โอกาสมาอยู่ตรงหน้าแล้ว อันซิงย่อมจะต้องคว้าไว้ให้มั่น
ถึงเวลาไปร่วมงานเลี้ยงแล้ว อันซิงแต่งตัวสะสวยแล้วออกจากบ้านไปอย่างมั่นใจ
พอมาถึงงานเลี้ยงเธอก็เห็นประธานกรรมการบริษัทแห่งนั้นในทันที อันซิงเผยอยิ้มเล็กน้อยแล้วเดินเข้าไปหา แต่ประธานกรรมการแค่มองดูเธอแวบหนึ่งโดยไม่ได้พูดอะไรกับเธอเลย อันซิงรู้สึกขายหน้ามากแต่เธอก็ได้แต่รออยู่ที่นั่น เรื่องความร่วมมือยังไม่ได้คุยเลยนี่
รอจนผู้คนรอบข้างท่านประธานแยกย้ายสลายตัวกันไปแล้ว ถึงตอนนั้นเขาจึงเดินมาหาอันซิง
ท่านประธานกรรมการมองอันซิงด้วยสายตาลามเลีย พูดว่า “เธอก็คือคุณหนูอันซิงจากเทียนซิงกรุ๊ปสินะ ทำไมบริษัทจึงส่งเธอมาล่ะ อ้อ จุดจบแบบตอนนี้ของเทียนซิงกรุ๊ป อีกหน่อยก็ไม่ใช่คุณหนูที่ไหนอีกแล้ว”
อันซิงรู้สึกทำตัวไม่ถูก เธอรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเทียนซิงกรุ๊ปในตอนนี้ตกต่ำอย่างมาก ลุกขึ้นมาต่อกรกับบริษัทใหญ่พวกนี้ไม่ได้ ถ้าเป็นอันซิงเมื่อก่อนนี้ คงต้องลุกขึ้นด่ากราดใส่ท่านประธานนี่ไปแล้ว แต่ตอนนี้บริษัทกำลังตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เธอจึงได้แต่สะกดกลั้นใจไว้ เพื่อให้ได้ความร่วมมือจากอีกฝ่าย
“สวัสดีค่ะ ท่านประธาน ที่คุณพูดมาก็จริงอยู่ เทียนซิงกรุ๊ปตอนนี้ต้องเจอกับภาวะฉุกเฉินจริงๆ เพราะอย่างนี้ไงคะฉันจึงมายืนขอร้องคุณอยู่ที่นี่ แต่ทุกบริษัทต่างก็ต้องเจอกับภาวะตกต่ำและประสบความสำเร็จกันทั้งนั้น ครั้งนี้คุณช่วยพวกเรา คราวหน้าคุณย่อมจะได้รับความช่วยเหลือเราเช่นกัน ฉันจำเป็นต้องได้รับโอกาสความร่วมมือในครั้งนี้กับบริษัทของคุณจริงๆ นะคะ” อันซิงรวบรวมความกล้าพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดไว้ออกมา
ท่านประธานดูเหมือนจะไม่พอใจกับคำพูดของอันซิงนัก เขาปรายตามองอันซิง สีหน้าเห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจอันซิงอย่างมาก
“งั้นก็หมายความว่าต่อไปบริษัทของเราก็จะต้องเจอกับวิกฤตเหมือนบริษัทของพวกคุณงั้นสิ? คุณนี่รู้จักล้อเล่นนะ คำพูดนี่ฟังขัดหูผม แล้วจะให้ร่วมมือกับเทียนซิงกรุ๊ป สถานการณ์แบบพวกคุณตอนนี้ เราไม่มีเหตุผลอะไรจะร่วมมือด้วยหรอก ไม่เป็นประโยชน์อะไรกับบริษัทเราเลยสักนิด” ท่านประธานพูดเสียงเย็นชา
อันซิงรู้สึกกลัวขึ้นมาอยู่บ้าง เธอรู้ว่านี่เป็นโอกาสในการนัดเจรจาที่ได้มาไม่ง่ายเลย ถ้าต้องสูญเปล่าไปแบบนี้ก็น่าเสียดายเกินไป
อันซิงรู้ว่าในเมื่อท่านประธานยอมนัดเธอออกมาย่อมจะต้องลองหยั่งเชิงเธอดูแน่ ยังมีโอกาสที่จะได้ความร่วมมืออยู่นี่น่า
อันซิงยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันเชื่อว่าถ้าคุณร่วมมือกับเรา ต่อไปจะต้องเป็นประโยชน์ต่อคุณแน่ ครั้งนี้เทียน
ซิงกรุ๊ปเจอกับภาวะวิกฤต แต่ฉันเชื่อว่าพวกเราจะฟื้นตัวกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งได้แน่ ซึ่งนั่นคือเราต้องได้รับความช่วยเหลือจากคุณค่ะ”
ท่านประธานมองดูอันซิง แล้วขยับเข้ามาตรงหน้าอันซิง ทั้งสองนั่งลงบนโซฟาที่มุมห้อง
อันซิงรู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อยหนึ่ง เธอคิดว่าคราวนี้ท่านประธานนี่น่าจะนั่งลงเจรจาความร่วมมือกับเธอดีๆ ซะที!
อันซิงพูดเสียงนุ่มนวลว่า “ท่านประธานคะ ความสามารถของคุณพวกเราต่างก็เคยเห็นกันมาก่อน ถ้าคุณสามารถช่วยเทียนซิงกรุ๊ปได้จริงๆ ต่อไปพวกเราคนของบ้านตระกูลอันจะขอบคุณคุณอย่างมากเลยค่ะ”
ท่านประธานมองอันซิงด้วยสายตาประหลาด พูดว่า “คุณคนเดียวก็ขอบคุณได้”
อันซิงว้าวุ่นใจอยู่บ้าง เธอเองก็เคยเห็นเรื่องพวกนี้มาก่อน เข้าใจความหมายของท่านประธานได้ในทันทีอันซิงก้มหน้าลงกับพื้น ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น
ท่านประธานวางมือบนขาของอันซิง ขยับเข้าชิดตัวเธอ อันซิงมองดูผู้ชายตรงหน้าที่น่ากลัวเหลือทนคนนี้ เธอลุกพรวดขึ้นยืน
“ขอโทษ ขอโทษค่ะ” อันซิงพูดอย่างลนลาน
ท่านประธานหน้าหุบฉับ แววตาวาวกลายเป็นประกายโกรธจัดมองดูอันซิง
อันซิงไม่อยากปล่อยโอกาสที่ได้มาไม่ง่ายครั้งนี้ แต่เธอก็ไม่อยากใช้ร่างกายแลกเปลี่ยนกับความร่วมมือนี้
ทันใดนั้น อันซิงก็หันไปเห็นหลินหว่านที่มางานเลี้ยงเล็กๆ นี้เช่นกัน เธอพบว่าตัวเองเกิดความคิดเลวร้ายอย่างหนึ่งขึ้น เธออยากจะให้หลินหว่านมาแทนที่เธอ
“อันซิง ตอนนี้เธอมีโอกาสแต่ไม่รับไว้ แค่เธอรับปากฉัน เรื่องความร่วมมือก็คุยกันได้ง่ายมาก ฉันเชื่อว่าเธอเป็นคนฉลาด รู้ว่าควรจะเลือกอย่างไรใช่ไหม” ท่านประธานสบตาอันซิงพูดเสียงเครียด
อันซิงมองไปทางหลินหว่านที่กำลังพูดคุยกับคนอื่นที่อยู่ห่างออกไป คิดในใจว่า “หลินหว่านเธอมาที่นี่ มาเจอฉันเองนะ อย่ามาโทษว่าฉันล่ะ ฉันจำเป็นต้องดึงให้เธอมาทำเรื่องนี้ซะแล้ว”
อันซิงยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านประธานคะ ฉันไม่ใช่คนสวย รูปร่างก็ไม่เซ็กซี่นัก คุณคงไม่ชอบนักหรอก ดูนั่นสิ” อันซิงชี้มือไปที่หลินหว่านแล้วพูดต่อไปว่า “เธอก็เป็นคนสนิทชิดเชื้ออย่างมากกับเทียนซิงกรุ๊ปเรา คุณดูสิเธอไม่เพียงแต่หน้าตาสวย หุ่นก็ดีมากด้วย ฉันเชื่อว่าคุณต้องชอบผู้หญิงแบบเธอนี่ล่ะ”
ท่านประธานมองไปทางหลินหว่าน ผู้หญิงตรงหน้านี้ดูนุ่มนวลมาก ท่ามกลางพวกผู้หญิงชั้นสูงเหล่านี้เธอดูมีบุคลิกที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างหนึ่ง ท่านประธานมองดูหลินหว่านแล้วผงกศีรษะ
“งั้นเธอไปจัดการให้ผม เอาผู้หญิงคนนี้แล้วกัน ถ้าเรื่องนี้ทำได้สำเร็จ แน่นอนว่าเรื่องความร่วมมือก็จะราบรื่นมาก เธอน่าจะเข้าใจดีอยู่แล้ว” ท่านประธานยิ้มหยัน
อันซิงผงกศีรษะ พอท่านประธานจากไปแล้ว อันซิงก็ถอนใจเฮือกอย่างโล่งใจในที่สุด โชคดีที่หลินหว่านโผล่มาตอนนี้ ทำให้เธอรอดตัวไปได้หวุดหวิด ตอนนี้อันซิงมานั่งคิดว่าจะให้หลินหว่านตกลงรับปากได้ยังไง
อันซิงกลับไปแล้วตัดสินใจบอกเรื่องนี้ให้อันโฮ่วสยงทราบ เธอรู้ว่าอันโฮ่วสยงนั้นเพื่อผลประโยชน์ตรงหน้าแล้วสามารถสละสิ่งต่างๆ ได้มากมาย แน่นอนว่าคราวนี้บริษัทเจอกับวิกฤตใหญ่ขนาดนี้ อันโฮ่ว
สยงต้องไปหาหลินหว่านแน่
อันซิงคิดว่าถ้าหากหลินหว่านรับปากเงื่อนไขของท่านประธานนั่น เธอก็จะใช้เรื่องนี้เป็นชนักปักหลังหลินหว่าน ไม่เพียงแต่จะทำให้เทียนซิงกรุ๊ปได้โอกาสครั้งนี้ ยังจะใช้บีบให้เธอไปจากเซียวจิ่งสือได้ด้วย ช่างเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์กับเธอแท้ๆ เลย
ตอนที่ 175 ตัดขาด
อันซิงมาที่ห้องทำงานของอันโฮ่วสยง เธอมองดูอันโฮ่วสยงที่ยุ่งวุ่นวายอยู่กับเรื่องของบริษัท หลายวันนี้เอาแต่ขมวดคิ้วมุ่นอยู่ตลอดเวลา
อันโฮ่วสยงเห็นว่าอันซิงมาแล้ว ก็แค่เงยหน้าขึ้นเฉยๆ เขารู้สึกโกรธอันซิงอย่างมาก ถ้าไม่เพราะอันซิง ก็ไม่ต้องถูกยกเลิกพันธะหมั้นหมาย สองบริษัทก็ไม่ต้องโรมรันพันตูกันยุ่งเหยิงแบบนี้ บริษัทก็จะไม่ตกต่ำลงอย่างรวดเร็วขนาดนี้ ทั้งหมดนี้ต้นเหตุล้วนมาจากอันซิง แต่ตอนนี้เขาไม่อยากจะเสียเวลาไปต่อว่าอันซิงแล้ว แค่ขอให้บริษัทสามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมโดยเร็วที่สุดเท่านั้นก็พอแล้ว
อันซิงพูดอย่างระวังตัวว่า “หนูเจรจาความร่วมมือกับบริษัทนั่นไปได้ครึ่งทางแล้ว ถ้าครั้งนี้ร่วมมือกับบริษัทพวกเขาได้สำเร็จ บริษัทเราก็จะผ่านวิกฤตคราวนี้ไปได้”
อันโฮ่วสยงเงยหน้าขวับขึ้นมองอันซิง ตาเป็นประกายวาววับขึ้นมาทันที เขารู้ว่าตอนนี้บริษัทจำเป็นอย่างมากที่จะต้องได้รับความช่วยเหลือจากบริษัทภายนอก
“เจรจาไปครึ่งทางหมายความว่าอย่างไร? บริษัทพวกเขาจะร่วมมือกับบริษัทเราได้หรือเปล่า?” อันโฮ่ว
สยงถามเสียงร้อนรน
อันซิงเข้าไปใกล้อันโฮ่วสยง พูดกระซิบว่า “ท่านประธานนั่นถูกตาหลินหว่านหลานสาวของคุณปู่ เขาบอกกับหนูอย่างเปิดอกเลยว่า ขอแค่หลินหว่านไปปรนนิบัติเขา เขาก็จะสนใจอย่างยิ่งที่จะทำความร่วมมือกับบริษัทของเรา บริษัทนี้มีชื่อเสียงในวงการธุรกิจอย่างมาก ก็เพียงเขายอมร่วมมือกับเรา ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกเซียวจิ่งสือข่มไว้อีก แล้วบริษัทเราก็จะกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน”
อันโฮ่วสยงพอได้ฟังเงื่อนไขนี้แล้ว อย่างไรแล้วเขาก็รู้สึกว่าผลประโยชน์สำคัญมากอยู่ดี นอกจากนี้ เทียนซิงกรุ๊ปในตอนนี้เกี่ยวโยงกับความรุ่งเรืองหรือล่มสลายของธุรกิจบ้านตระกูลอัน เขาจึงตัดสินใจว่าจะไปโน้มน้าวหลินหว่านด้วยตัวเอง
ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ของอันโฮ่วสยงกับหลินหว่านไม่ดีนัก เขาไม่เคยคิดจะไปหาหลินหว่านเพื่อสานต่อไมตรีไว้ แต่ครั้งนี้เขาจำต้องไปหาหลินหว่านเพื่อเทียนซิงกรุ๊ป
“เอาล่ะ อันซิง เรื่องนี้เธอก็ลำบากมานานแล้ว ที่เหลือฉันจัดการเอง เธอกลับไปพักผ่อนเถอะ” อันโฮ่ว
สยงโบกมือ
อันซิงจากไปด้วยความดีใจ เธอนึกถึงตอนสุดท้ายของเรื่องนี้หลินหว่านถูกเธอเปิดโปงจนต้องไปจากเซียวจิ่งสือ นี่คือเป้าหมายแท้จริงที่อันซิงอยากให้เกิดขึ้น
อันโฮ่วสยงเหม่อมองดูเบอร์โทรของหลินหว่านที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยโทรหาเลย เขาไม่อยากก้มหัวไปหาหลินหว่าน ไม่ใช่เพราะให้หลินหว่านยอมสละตัวเองเพื่อช่วยบริษัท แต่เพราะรู้สึกว่าตัวเองจะเสียหน้า
ตอนนี้หลินหว่านกำลังถ่ายหนัง ช่วงเวลาพักเธอเห็นว่ามือถือมีเบอร์โทรเข้าที่ไม่ได้รับสาย พอเห็นว่าเป็นอันโฮ่วสยงโทรมา เธอรู้สึกประหลาดใจมาก ทำไมเขาต้องโทรหาเธอด้วยนะ?
หลินหว่านไม่อยากโทรหาอันโฮ่วสยง เธอจึงวางมือถือไว้ด้านข้าง
ผ่านไปครู่หนึ่ง โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง หลินหว่านคิดดูครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจรับสาย
“ฮัลโหล หลินหว่านนะ ตาไม่ได้เจอหน้าเธอมานานมากแล้ว เธอรับปากฉันเรื่องหนึ่งได้ไหม พรุ่งนี้บ่ายถ้ามีเวลาก็ไปที่โรงแรมเทียนรุ่ยสักครั้ง ฉันจะรอเธออยู่ที่นั่น ฉันมีเรื่องสำคัญจะพูดกับเธอ หวังว่าเธอจะมาได้นะ จะได้ช่วยให้ความรู้สึกของพวกเราดีขึ้นบ้างได้ไหม หลินหว่าน ฉันอยากให้เธอมาพบฉันจริงๆ นะ” ตอนอันโฮ่วสยงพูด ไม่เกรี้ยวกราดดุดันแบบที่เคยพูดกับหลินหว่านมาตลอด ครั้งนี้อ่อนโยนลงมาก
หลินหว่านคิดไม่ถึงว่าอันโฮ่วสยงจะพูดกับเธอแบบนี้ได้ด้วย เธอไม่รู้ว่าเพราะเหตุอะไร แต่ในเมื่อเขาพูดมาดีขนาดนี้ หลินหว่านก็ไม่ปั้นหน้าเย็นชาอีก
หลินหว่านเห็นแก่ว่าเขาเป็นคุณตาของเธอ จึงตัดสินใจว่าจะไม่ปฏิเสธไปตรงๆ ทั้งที่ในใจหลินหว่านนั้นตอบตกลงไปแล้ว แต่เพื่อรักษาเกียรติที่เคยมี เธอจึงได้แต่ตอบไปเรียบๆ ว่าจะพยายาม
หลินหว่านพูดว่า “ได้ค่ะ ถ้ามีเวลานะคะ ฉันจะพยายามค่ะ”
หลินหว่านไม่ได้มีความประทับใจที่ดีนักต่ออันโฮ่วสยง ถึงแม้ว่าโดยศักดิ์ฐานะแล้วเธอจะเป็นหลานสาวของอันโฮ่วสยง แต่เธอไม่เคยได้รับความรู้สึกนั้นมาก่อนเลย
วันนี้ทั้งวันในหัวของหลินหว่านมีแต่เรื่องนัดพบกับอันโฮ่วสยงพรุ่งนี้ เธอเดาไม่ออกจริงๆ ว่าเขาคิดอะไรอยู่ คิดจะวางแผนร้ายอะไรอีก อันที่จริงหลินหว่านก็อยากให้คุณตาของเธอมีความสัมพันธ์ที่เป็นปกติ ไม่อยากให้ความรู้สึกของทั้งสองฝ่ายกลายเป็นเย็นชาขนาดนั้น
วันรุ่งขึ้น หลินหว่านไปตามนัด หลินหว่านเป็นเด็กสาวที่ใจดีคนหนึ่ง ถ้าคุณตาของเธอเป็นฝ่ายเข้ามาพูดจาทำดีกับเธอแล้ว เธอก็ไม่คิดรังเกียจรังงอนเรื่องก่อนหน้านี้ ตลอดทางหลินหว่านรู้สึกประหวั่นใจและดีใจอยู่บางๆ เธอคิดว่าบางทีคราวนี้อาจทำให้เธอรู้สึกกับคุณตากลายเป็นดีขึ้นมาก็ได้
ตอนไปถึงหลินหว่านพบว่าอันโฮ่วสยงไปถึงแล้ว เธอนั่งลงตรงข้ามเขานิ่งเงียบไม่พูดจา แม้ว่าจะเป็นคุณตาแท้ๆ ของเธอ แต่ยังรู้สึกแปลกหน้ามากอยู่ดี
อันโฮ่วสยงพูดกับหลินหว่าน “ฉันรู้ว่าเธอจะต้องมา ตอนเธอยังเล็กตาดีกับเธอขนาดนั้น จำได้ว่าตอนเธอยังเด็กบ้านเรายังไม่ร่ำรวยมากนัก เธออยากเล่นเปียโน ตาก็ซื้อเปียโนหลังงามมาให้ แล้วก็ตอนเธอเป็นเด็กนะ ไม่ว่าตาจะไปที่ไหนกลับมาเป็นต้องซื้อของขวัญมาฝากเธอตั้งมากมายเลย เธอยังจำได้ไหมล่ะ มีอยู่ปีหนึ่งเธอเป็นไข้ตาฝ่าสายฝนพาเธอไปส่งโรงพยาบาลด้วยตัวเองเลยนะ”
หลินหว่านฟังคำพูดเหล่านี้ของอันโฮ่วสยง แม้จะมีบางส่วนที่เธอจำไม่ได้แล้ว แต่พอฟังเรื่องเหล่านี้แล้วหลินหว่านยังรู้สึกซาบซึ้งใจอยู่บ้าง หลินหว่านนึกในใจว่าเมื่อก่อนดีมากจริงแต่ตอนนี้กลายเป็นแบบนี้ เป็นเรื่องที่เธอเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน
หลินหว่านยิ้มบางๆ ตามมารยาทนิดหนึ่ง
คราวนี้อันโฮ่วสยงมองหลินหว่านแล้วพูดว่า “หลินหว่าน เธอน่าจะรู้ว่าตอนนี้เทียนซิงกรุ๊ปกำลังเจอกับวิกฤตที่หนักหนาสาหัสมาก ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือกับความร่วมมือจากบริษัทอื่น บริษัทนี้ก็อาจไม่เหลือให้เห็นอีกแล้วจริงๆ การที่เทียนซิงกรุ๊ปกลายเป็นแบบนี้ก็เพราะเซียวจิ่งสือแอบก่อกวนอยู่เบื้องหลัง แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้มันก็เกี่ยวกับเธอด้วยเช่นกัน ฉันอยากให้เธอช่วยเทียนซิงกรุ๊ปสักหน่อย และเรื่องนี้เธอก็ช่วยพวกเราได้แน่นอนด้วย”
คราวนี้หลินหว่านรู้สึกไม่ค่อยชอบมาพากลอยู่บ้าง ที่แท้เพราะเรื่องของบริษัทจึงมาหาเธอนี่เอง เธอเสียความรู้สึกอยู่บ้าง แต่ยังอยากจะรู้ว่าด้วยความสามารถของเธอจะช่วยเทียนซิงกรุ๊ปได้อย่างไร
“ช่วยอย่างไรคะ? ตอนนี้ฉันไม่รู้จักใครสักคน จะช่วยอย่างไรได้” หลินหว่านพูดพลางยิ้มเย็น
“แค่เธอไปปรนนิบัติท่านประธานคนหนึ่ง บริษัทของพวกเขาก็จะร่วมมือกับเทียนซิงกรุ๊ป หลินหว่าน ครั้งนี้ถือว่าฉันขอร้องเธอนะ เธอไปปรนนิบัติรับใช้คนอื่นก็ถือซะว่าชดเชยที่เคยทำผิดกับบ้านตระกูลอันก็แล้วกัน” อันโฮ่วสยงพูดขึ้น
หลินหว่านหูแดงหน้าตาแดงก่ำด้วยความโมโห เธอคิดไม่ถึงว่าคุณตาของเธอจะขอร้องให้เธอทำเรื่องแบบนี้
หลินหว่านลุกขึ้นยืน พูดเสียงดังว่า “คิดไม่ถึงว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้ คุณไม่ต้องเป็นคุณตาของฉันอีกต่อไป และฉันก็ไม่ใช่หลานสาวของคุณอีก”
หลินหว่านหันกลับแล้วเดินจากไป เธอได้ยินเสียงอันโฮ่วสยงด่ากราดไล่หลังเธอมา
อันโฮ่วสยงด่ากราดใส่เงาหลังของหลินหว่าน
ตอนที่ 176 แผนร้ายของคุณตา
แววตาของอันโฮ่วสยงเป็นประกายฉายแววมุ่งร้าย พลันอารมณ์พลุ่งพล่านดาลเดือดก็สงบลง บรรยากาศรอบข้างดูสงบฃจนดูน่ากลัวอยู่บ้าง
เสียงของอันโฮ่วสยงกลายเป็นอ่อนโยนนุ่มนวลลงทันควัน “ตอนนี้เธอจะไม่เห็นฉันเป็นคุณตาก็ได้ แต่แม่ของเธอคงจะยังรู้จักอยู่ล่ะมั้ง เธอลืมไปแล้วหรือว่าแม่เธอตายอย่างไร?”
สีหน้าเด็ดเดี่ยวของหลินหว่านได้เคร่งเครียดลง ภาพรูปร่างหน้าตาของแม่ผุดของในหัวของเธอ พลังขุมหนึ่งพุ่งมากระทบดวงใจที่อ่อนนุ่มเข้าอย่างจัง ความรู้สึกผิดท่วมท้นราวกับคลื่นยักษ์ที่กลบฝังเธอไว้ใต้ทะเลแห่งความสำนึกผิดบาป
แต่ผู้ชายตรงหน้านี้ฉันไม่อาจยอมรับเขาได้เด็ดขาด พวกเขาล้วนเป็นคนที่น่ารังเกียจ ฉันไม่อยากจะเข้าไปมีความสัมพันธ์ใดๆ กับพวกเขาอีกเลย ไม่อยากแม้แต่จะเห็นหน้า แต่ฉันยังมีแม่ แม่ที่เสียสละเพื่อฉันมากมายขนาดนั้น ฉันจะเป็นคนเนรคุณที่ลืมบุญคุณคนไม่ได้
หลินหว่านกวาดตามองอันโฮ่วสยงอย่างเหยียดหยาม แค่นยิ้มแล้วพูดว่า “การกระทำของพวกบ้านตระกูลอันทั้งหมด ฉันรู้ซึ้งมาตั้งนานแล้ว ตอนนี้คุณไม่ต้องเอาแม่มาข่มขู่ฉัน ฉันรู้จักวิธีการของพวกคุณดี ฉันจะเป็นอย่างไรกับแม่มันไม่เกี่ยวอะไรกับพวกคุณเลยแม้แต่นิดเดียว หวังว่าพวกคุณจะไม่มายุ่งเรื่องของฉัน”
อันโฮ่วสยงแกล้งทำเป็นเสียใจ พูดว่า “เสี่ยวหว่าน ถึงอย่างไรแล้วฉันก็เป็นคุณตาของเธอนะ! ฉันก็รักเธอกับแม่เธอเหมือนกัน ตอนนี้เทียนซิงกรุ๊ปต้องการความช่วยเหลือ หรือว่าเธอจะงอมือดูอยู่โดยไม่ทำอะไร? เธอวางใจได้ แค่เธอยอมช่วย เสร็จเรื่องนี้แล้วฉันจะไม่ให้เธอเหนื่อยเปล่าแน่”
หลินหว่านมองดูการแสดงของอันโฮ่วสยงแล้วคิดในใจว่า ฉันเจอมานักต่อแล้วกับเล่ห์เหลี่ยมของพวกคุณ ตอนนี้พอเห็นคุณวางมาดผู้ใหญ่ใจดีมีเมตตาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองแล้ว โห แอคติ้งระดับซุปตาร์เลย!
หลินหว่านแอบตกลงใจว่า แม่ของฉัน ฉันจะชดเชยให้อย่างดีเลย เพราะสำหรับแม่แล้ว ฉันก็ไม่อยากจะให้สิ่งที่แม่ทุ่มเทต้องสูญเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้น แม่ที่อยู่บนสวรรค์คงจะไม่สบายใจแน่ แต่ฉันจะไม่ยอมไปมีความสัมพันธ์อะไรกับบ้านตระกูลอันอีกเด็ดขาด ฉันจะใช้วิธีการของตัวเอง
หลินหว่าน ตัดสินใจเด็ดขาด พูดกับท่านประธานอันที่ยังตั้งท่าแสดงละครอยู่ตรงหน้าว่า “ฉันจะทำอะไรก็ต้องรู้ตัวดี วันนี้เรื่องที่เราจะพูดก็พูดไปหมดแล้ว ต่อไปคุณก็ไม่ต้องมาหาฉันอีก เราไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันอีกแล้ว”
หลินหว่านพูดจบก็เตรียมจะหันหลังจากไป แต่ตอนนั้นเอง จู่ๆ เธอก็รู้สึกวิงเวียนขึ้นมา โคมไฟของโรงแรมดูเหมือนจะเปล่งประกายวูบวาบเป็นรูปร่างแปลกประหลาด
หลินหว่านส่ายโงนเงน เกือบจะล้มลงกับพื้น มือขวายันกรอบประตูเพื่อช่วยทรงตัวไว้ มือซ้ายกุมขมับพร้อมกับคิดว่า ฉันเป็นอะไรไปนะ? เกิดอะไรขึ้น?
หลินหว่านรู้สึกปากคอแห้งผาก เลือดในร่างกายสูบฉีดแรงจนเธอรู้สึกกระสับกระส่าย หัวใจเต้นรัวเร็วขึ้น ใบหน้าเธอร้อนวูบวาบไปหมด รู้สึกทรมานอย่างมาก ทั่วร่างราวกับมีมดคลานอยู่นับหมื่นตัว
หลินหว่านหันกลับไป ก็พบว่าใบหน้าเจ้าเล่ห์ของอันโฮ่วสยงกลับยิ้มออกมา พอหันไปมองแก้วน้ำบนโต๊ะเธอก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดทันที คิดไม่ถึงว่าอันโฮ่วสยงจะเลวทรามต่ำช้าได้ถึงขนาดนี้
แต่ตอนนี้เธอไม่มีแรงจะไปด่าไอ้คนหน้าด้านไร้ยางอายนั่นอีกแล้ว
ขณะที่หลินหว่านสติค่อยๆ เลือนลางไปนั้นเอง อันโฮ่วสยงก็ยิ้มออกมาอย่างสะใจ เขาเรียกตัวบอดี้การ์ดชุดดำที่รออยู่ด้านนอกเข้ามา
“ส่งตัวเธอไปให้ทางโน้นซะ” เสียงอันโฮ่วสยงสั่งการดังมา ราวกับว่าคนที่ถูกพาไปไม่ใช่หลานสาวของเขาเอง
“ครับ ท่านประธานอัน พวกเราจะเอาตัวเธอไปเดี๋ยวนี้” ชายชุดดำสองคนตอบรับ พร้อมกับแบกร่างที่ไร้เรี่ยวแรงของหลินหว่านออกไป
บนระเบียงทางเดิน หลินหว่านใจสั่นระรัว พวกเขาจะพาฉันไปที่ไหนกันนะ? เธอนึกถึงเสียงหัวเราะกับสายตาชั่วร้ายของอันโฮ่วสยงแล้วหลินหว่านก็รู้สึกใจคอไม่ดี นาทีนี้เธอคิดแต่จะสะบัดหลุดจากสองมือที่คว้าตัวเธอแล้วหนีไป ถึงแม้ในใจจะมีวิธีต่อต้านขัดขืนมากมาย แต่นาทีนี้ตลอดร่างของหลินหว่านไม่มีเรี่ยวแรงเลยแม้แต่น้อย ได้แต่ปล่อยให้ชายชุดดำทั้งสองพาเธอไปสู่ส่วนลึกที่ไม่ทราบว่าเป็นที่ไหน
ตอนถูกส่งตัวเข้าห้องหนึ่ง หลินหว่านเงยหน้าขึ้น ดวงตาพร่าเลือนทั้งคู่มองดูชายกลางคนท่าทางหื่นกระหายคนหนึ่ง เธอจำได้ทันที นี่เป็นคนของบริษัทที่เทียนซิงกรุ๊ปกำลังพยายามยื้อสุดชีวิตเพื่อทำความร่วมมือด้วยนี่นา สมองหลินหว่านเริ่มหมุน แล้วก็เข้าใจได้ทันทีถึงเบื้องหลังเบื้องลึกของการแลกเปลี่ยน
ดวงตาเล็กรีของชายกลางคนกลอกกลิ้งไปมาสำรวจเรือนร่างงดงามของหลินหว่าน เหมือนหมาป่าที่หิวกระหายจ้องมองเหยื่อของตัวเอง น้ำลายแทบจะไหลยืดออกมา แค่สายตายังเหมือนจะกลืนกินหลินหว่านลงไปทั้งตัว
หลินหว่านรู้สึกว่าจู่ๆ เส้นเลือดในร่างกายก็ไหลเวียนเร็วขึ้น ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา รู้สึกกระสับกระส่ายจนอยู่ไม่สุข เธอแอบนึกในใจว่า อันโฮ่วสยงตาแก่ชั่วนี่ไม่ใช่คนแล้ว ถึงกับวางยากันเชียวเหรอ วันนี้ฉันคงไม่พลาดท่าแบบนี้หรอกนะ? โอยสวรรค์! ช่างอยุติธรรมกับฉันเกินไปแล้ว ทำไมต้องทำกับฉันแบบนี้ด้วย?
ชายกลางคนคนนั้นเห็นใบหน้าแดงระเรื่อของหลินหว่านแล้ว ก็ยิ่งกระตุ้นให้เขากระหายในตัวหลินหว่านยิ่งขึ้น
เจ้านั่นตาเป็นประกายวาว หัวเราะอย่างชั่วร้าย ชื่นชมกับใบหน้างามนวลเนียนราวกับหยกเนื้อดีของหลินหว่าน เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย เรือนร่างสมบูรณ์อวบอิ่มด้วยวัยแรกแย้ม
เขาหัวเราะเสียงดังอย่างดีใจ ทางหนึ่งก็รีบร้อนถอดเสื้อผ้าร่างตัวเอง เหมือนเกรงว่าร่างงามตรงหน้าจะบินหนีหายไป จากนั้นพุ่งเข้าหาร่างของหลินหว่านด้วยอาการร้อนรนจนทนไม่ไหว
หลินหว่านรู้สึกแต่ว่ามีมือคู่หนึ่งจับแขนเธอเอาไว้ ทั้วทั่งร่างเหมือนถูกคีมบีบรัดไว้จนขยับตัวไม่ได้ หลินหว่านคิดจะร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีเสียงใดลอดออกมาเลย หลินหว่านคิดอย่างหมดหวัง วันนี้คงต้องถูกเจ้าผู้ชายลามกตรงหน้านี้ย่ำยีซะแล้ว หลินหว่านนึกอยากตายขึ้นมา
ต่อให้เป็นตอนนี้นาทีนี้ แม้กำลังจะต้องบอกลาพรหมจรรย์ของตัวเอง เด็กสาวก็ยังอดนึกไม่ได้ว่าจะมียอดมนุษย์สักคนมาช่วยเธอ แต่ยอดมนุษย์คนนี้จะมาไหมนะ? เขาจะมาเมื่อไหร่?
‘คุณยอดมนุษย์ มาช่วยฉันเร็วๆ หน่อยสิคะ!’ หลินหว่านร่ำร้องอยู่ในใจครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่ชายหื่นราวกับหมาป่าตรงหน้านี้ไม่อยากรอแม้แต่นาทีเดียว พอเจ้านั่นเริ่มลงมือลงไม้กับร่างของเธอ สมองของหลินหว่านก็เหมือนจะสว่างวูบขึ้น เธอนึกถึงวิธีป้องกันตัวที่เคยฝึกซ้อมเล่นกับเพื่อนยามว่าง พอนึกถึงตรงนี้หลินหว่านก็เต็มไปด้วยความหวัง เธอพยายามนึกท่าที่เคยเรียนมา จากนั้นยกเข่าขึ้นอย่างกินแรง ใช้พลังที่เหลือในร่างทั้งหมดยันไปที่อวัยวะเบื้องล่างของเจ้านั่น
เสียงร้องโหยหวนของเจ้าสุนัขนั่นดังขึ้น มันเจ็บปวดจนกลิ้งร่วงไปอีกด้านหนึ่ง
หลินหว่านรู้ว่าเธอทำสำเร็จแล้ว จึงแข็งใจยันร่างที่หนักอึ้งและเมื่อยล้าขึ้น เธอรู้ดีว่านาทีนี้เป็นโอกาสทองของการหลบหนีที่ดีที่สุด ถ้าหนีไม่พ้นเธอเสร็จแน่
หลินหว่านพุ่งออกจากประตูห้องไปสุดแรง ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะหนีไปที่ไหน ในใจคิดแค่อย่างเดียว รีบออกไปจากสถานที่อัปมงคลนี้ให้เร็วที่สุด
แต่เธอวิ่งโซซัดโซเซไปได้ไม่กี่ก้าวก็หมดแรงแล้ว หลินหว่านนึกในใจว่า เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ดีแน่ ถ้าเกิดว่าอีกเดี๋ยวไอ้หื่นนั่นตามมาทันก็เสร็จกันพอดี
ตอนนั้นเองเธอเห็นประตูห้องข้างหน้า เปิดแง้มอยู่ ยังไม่ทันคิดอะไรหลินหว่านก็พุ่งเข้าไป จากนั้นปิดประตูไม่ให้คนตามมาได้
ตอนที่ 177 หลินหว่านเสียพรมจรรย์
ภายในห้อง ชายแปลกหน้าคนหนึ่งตกตะลึง ตาค้างมองดูหญิงสาวสวยที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยอยู่ตรงหน้า…
อันซิงที่ยืนอยู่ด้านนอกประตูกำลังรอดูความสำเร็จของแผนการตัวเอง แต่ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงร้องอย่างเจ็บปวด แล้วหลินหว่านพุ่งออกมาจากห้อง ขณะที่อีกฝ่ายล้มลงไปกองอยู่กับพื้น กุมเป้าตัวเองร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด
อันซิงมุ่งสนใจแต่จะไล่ตามหลินหว่านออกไปเท่านั้น เธอเห็นว่าหลินหว่านวิ่งเข้าไปในห้องหนึ่ง
อันซิงย่องตามไป แอบเปิดแง้มประตูออกเล็กน้อย เห็นว่าภายในห้องมีแค่ผู้ชายเพียงคนเดียว และในตอนนี้หลินหว่านก็ตกอยู่ในอำนาจฤทธิ์ยา กำลังพยายามควบคุมตัวเองให้ได้ ขณะที่ปากส่งเสียงครางออกมาเป็นระยะ
สองตาผู้ชายที่ด้านข้างจ้องจับที่ภาพตรงหน้า อย่างไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า ในโลกนี้จะมีเรื่องดีขนาดนี้ได้อย่างไร จู่ๆ ฟ้าก็ส่งหญิงงามมาให้ถึงที่
หลินหว่านในตอนนี้รู้สึกทรมานเหลือเกิน เธอกอดตัวเองไว้แน่น สายตาตื่นกลัว เต็มไปด้วยความอับจนหนทาง ฤทธิ์ยายังคอยแต่จะกลืนกินสติสัมปชัญญะของเธอ เหมือนเป็นระเบิดที่พร้อมจะแตกระเบิดออกทุกเมื่อ หลินหว่านยิ่งข่มกลั้นตัวเอง ผู้ชายนั่นก็ยิ่งตื่นเต้น
เขากลืนน้ำลายลงคอ ขยับเข้าหาหลินหว่านอย่างช้าๆ สายตาหิวกระหาย กวาดไปมาบนเรือนร่างของหลินหว่านอย่างไม่เกรงใจ
พออันซิงเห็นสถานการณ์ตรงหน้า ก็ฉุกคิดขึ้นได้ นึกในใจว่า หลินหว่าน ฉันจะทำให้แก นังตอแหลชอบทำตัวสูงส่งต้องชื่อเสียงย่อยยับ นังแพศยา ฉันจะให้เซียวจิ่งสือรู้ให้ได้ว่าแกเป็นคนอย่างไรกันแน่
อันซิงหยิบมือถือออกมาเปิดโหมดกล้องถ่ายภาพ ถ่ายภาพทั้งหมดไว้แล้วส่งให้เซียวจิ่งสือ พอทำเสร็จอันซิงก็แอบย่องออกไปจากโรงแรม สีหน้าประดับด้วยความยินดีที่ได้บรรลุเป้าหมาย จากนั้นขับรถหายลับตาไป
เซียวจิ่งสือกำลังตรวจรายงานสถานะทางการเงินของบริษัทอยู่ในห้องทำงาน ทันใดนั้นเสียงจากมือถือก็ดังขึ้น เขาเอื้อมมือไปหยิบมาดูก็พบว่าเป็นอันซิงส่งคลิปวิดีโอมาให้
พอดูคลิปภาพจบ เซียวจิ่งสือก็สั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ภาพในคลิปทำให้เซียวจิ่งสือคุมตัวเองไว้ไม่อยู่ ในหัวมีแต่ความคิดที่ว่า จะต้องอัดหญิงร้ายชายเลวคู่นี้ให้น่วมไปเลย
เซียวจิ่งสือพยายามข่มความโกรธที่สุดชีวิต ตอนนี้ยิ่งพลาดไม่ได้อยู่ด้วย วงการธุรกิจก็เหมือนสนามรบ ไม่แน่ว่าจะเป็นฝีมือคู่แข่งคนไหนสร้างเรื่องขึ้นก็ได้ ต่อให้หลินหว่านเป็นจุดอ่อนสำคัญที่สุดของเขา เขาก็จะปั่นป่วนจนขาดสติไม่ได้เด็ดขาด
เซียวจิ่งสือพุ่งลงจากตึก บึ่งรถออกไปราวกับพายุพุ่งตรงไปยังจุดหมายปลายทาง
คลิปวีดิโอถ่ายมาอย่างชัดเจนมาก รวมทั้งชื่อโรงแรมด้วย เซียวจิ่งสือจึงค้นหาห้องพักเจอโดยเร็ว ถีบประตูเปิดผางออก
เสียงปึงดังสนั่น ประตูห้องถูกกระแทกเปิดออก ผู้ชายที่อยู่ภายในห้องตกใจเสียงที่ดังลั่นขึ้น สายตาทั้งคู่ที่จ้องมองร่างงามอวบอิ่มของหลินหว่านที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
พอเห็นเซียวจิ่งสือที่พุ่งเข้ามาด้วยสีหน้าโมโหสุดขีด ปฏิกิริยาแรกของเขาก็คือ ผู้ชายตรงหน้านี้ต้องเป็นอะไรกับผู้หญิงคนนี้แน่ ดูท่าหากยังไม่รีบเผ่นคงได้จบเศร้าแน่ คิดแล้วผู้ชายคนนั้นก็หอบข้าวของเผ่นหนีไป
เซียวจิ่งสือเห็นหลินหว่านตัวสั่นระริก กำลังจะถามเธอก็พบว่าหลินหว่านดูเหมือนสติเลือนลางอยู่บ้าง เขาจึงรู้ว่าผิดปกติ
ขณะที่เซียวจิ่งสือกำลังคิดอยู่ ร่างร้อนผ่าวของหลินหว่านก็แนบร่างเข้าหา ร่างเธอในอ้อมกอดตอนนี้ช่างมากด้วยอารมณ์ความรู้สึก เย้ายวนชวนเสน่หายิ่งกว่ายามปกติมาก ความรู้สึกหวั่นไหวถาโถมเข้าใส่เซียวจิ่งสือ
หลินหว่านคิดต่อสู้กันในใจมาตลอดทาง ฤทธิ์ยาทำลายแนวเส้นปราการของเธอไปเรื่อยๆ บางทีในนาทีต่อมาเธออาจไม่รู้ตัวว่าได้ทำอะไรลงไปก็ได้ แล้วในตอนนั้นเองเธอก็เห็นเซียวจิ่งสือพุ่งเข้ามา ใจคิดว่าอย่างน้อยเขายังเป็นผู้ชายที่เธอรัก
เท่านั้นเอง การข่มกลั้นเฮือกสุดท้ายของหลินหว่านก็พังทลาย เธอโยนความข่มใจรักษามารยาท ความรักนวลสงวนตัวทิ้งไปจนหมด โถมเข้าสู่อ้อมอกของเซียวจิ่งสือ
หลินหว่านกอดเซียวจิ่งสือไว้แน่น เหมือนเป็นฟางเส้นสุดท้ายของชีวิต เซียวจิ่งสือมองดูร่างเย้ายวนของหลินหว่านในอ้อมอก คิดในใจว่า “ถูกวางยาแบบนี้ แล้วยังรักษาสติของตัวเองไว้ได้อีก เธอคงทรมานไม่น้อยเลย”
แต่ว่า ตอนนี้ฤทธิ์ยายังไม่หมด เซียวจิ่งสือทนเห็นหลินหว่านทรมานไม่ไหว เขาปลดเปลื้องเสื้อผ้าตัวเองออก ทำให้ร่างร้อนผ่าวของเธอได้เย็นลง
ร่างทั้งสองกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันแนบแน่น จนเวลาผ่านไปอีกนานน…
หลังจากทุกอย่างสงบลง เซียวจิ่งสือมองดูร่างหญิงสาวตรงหน้า ร่างของหลินหว่านที่ซุกอยู่กับอกราวกับนกตัวน้อยบอบบางน่าทะนุถนอม ความรู้สึกเดิมที่เคยโมโห ตอนนี้กลับสงบราบเรียบจนไม่เหลือแม้แต่สะเก็ดไฟ
เซียวจิ่งสือถามความเป็นไปของเรื่องราวกับหลินหว่านที่ได้สติกลับคืนมา หลินหว่านก็บอกชายหนุ่มตรงหน้าไปตามจริง
เซียวจิ่งสือตาลุกวาวเป็นราวกับคมมีด นึกในใจว่า “หนอย กล้าลงมือกับผู้หญิงของฉัน ต้องให้พวกแกได้เสียเลือดซะบ้าง!”
เซียวจิ่งสือโทรหาผู้ช่วยของเขา ให้รีบนัดประชุมคณะกรรมการบริษัทด่วน
ในที่ประชุมกรรมการบริษัท เซียวจิ่งสือสีหน้าเคร่งขรึม ผู้ถือหุ้นพากันแอบคิดว่า ดูท่าวันนี้ท่านประธานเซียวจะมีความเคลื่อนไหวใหญ่ซะแล้ว อารมณ์บูดแบบนี้ ดูท่าคงมีใครไปแหย่รังแตนเข้าแน่นอน
แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เซียวจิ่งสือมาถึงก็พูดว่า “วันนี้เรื่องที่พวกเราจะคุยกัน เกี่ยวกับเทียนซิงกรุ๊ป หลายวันมานี้เทียนซิงกรุ๊ปทำให้บริษัทเราเสียหายหลายเรื่อง ในทางธุรกิจแล้วพวกเราคงไม่ยั้งมืออีก ตอนนี้ถึงเวลาแล้ว ผมตัดสินใจว่าจะตัดท่อน้ำเลี้ยงและแหล่งเงินทุนสำรองทั้งหมดของเทียนซิงกรุ๊ป ไม่ทราบว่าทุกท่านในที่ประชุมเห็นด้วยหรือไม่ครับ”
ผู้ถือหุ้นทุกคนล้วนเป็นคนฉลาด ทำไมพวกเขาจะไม่รู้ว่าจอมเผด็จการตรงหน้านี้ตัดสินใจว่าจะทำอะไรแล้ว ต่อให้มีคนมาขัดขวางเขาก็ยังตัดสินใจทำอยู่ดี และต้องทำให้สำเร็จซะด้วยสิ แล้วยิ่งดูจากที่ท่านประธานเซียวแผ่รังสีอำมหิตออกมาอย่างนี้ เทียนซิงกรุ๊ปคงไปกระตุกหนวดเสือเข้าแล้ว ที่ผ่านมาเทียน
ซิงกรุ๊ปก็ทำแต่เรื่องตอดนิดตอดหน่อยลับหลังผู้คน มีใครบ้างที่ไม่รู้ วงการธุรกิจก็เป็นอย่างนี้เอง ดูกันที่กำลังความสามารถ หรือพูดอีกอย่างว่า ถ้าวันไหนบริษัทเขาตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบบ้าง เทียนซิงกรุ๊ปก็คงไม่อ่อนข้อให้เช่นกัน
เซียวจิ่งสือมองไปรอบห้องประชุมตามมารยาท ดูว่ามีคนเสนอความเห็นอื่นอีกหรือไม่ แต่ทั้งที่ประชุมเงียบกริบ
เซียวจิ่งสือเห็นดังนั้นก็พูดว่า “เอาล่ะ ในเมื่อทุกท่านไม่มีความเห็นเป็นอย่างอื่น งั้นผมจะถือว่าทุกท่านเห็นด้วยแล้วนะครับ”
หลังเซียวจิ่งสือประกาศเลิกประชุม บริษัทที่มีประสิทธิภาพสูงก็แสดงศักยภาพออกมา พนักงานต่างก็ปฏิบัติตามหน้าที่ของตัวเอง เริ่มเปิดฉากโจมตีเทียนซิงกรุ๊ป ไม่มีคนรู้ว่าพรุ่งนี้เทียนซิงกรุ๊ปจะยังคงอยู่ในตลาดอีกหรือไม่
ชั่วขณะนั้น เทียนซิงกรุ๊ปถูกกีดกันออกจากตลาดในทุกชิ้นงานและลูกค้า สื่อมวลชนพากันนำเสนอข่าวในแง่ลบของเทียนซิงกรุ๊ป หุ้นของเทียนซิงกรุ๊ปร่วงดิ่งเหว การโจมตีระลอกใหญ่ได้ส่งผลให้เทียนซิงกรุ๊ปมาถึงจุดตัดสินความเป็นตาย
อันโฮ่วสยง นั่งอย่างหมดแรงอยู่บนโซฟาในห้องทำงาน ดวงตาทั้งคู่หม่นมัวไร้ประกายมองไปข้างหน้า หรือว่าบริษัทของฉันจะจบลงแบบนี้? นึกอย่างไรนะถึงได้เอาหลินหว่านมาต่อรองด้วย? ดีเลยคราวนี้ เล่นไปถึงเซียวจิ่งสือจนได้
แต่ว่าเรื่องก็มาถึงขนาดนี้แล้ว ฉันอันโฮ่วสยงคร่ำหวอดอยู่ในวงการมาหลายสิบปี คลื่นลมน้อยใหญ่เรื่องไหนบ้างไม่เคยเจอ หรือยังจะกลัวเจ้าเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนั่นด้วย? อันโฮ่วสยงดวงตาเป็นประกายเย็นเยียบ ดูเหมือนว่าคงจะเลี่ยงการต่อสู้รอบใหม่ไม่พ้นแล้วสินะ
ตอนที่ 178 ข่มขู่
ตั้งแต่เกิดเรื่องความสัมพันธ์ของหลินหว่านกับเซียวจิ่งสือ หลินหว่านก็รู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างพวกเขาไม่เหมือนเมื่อก่อน เมื่อก่อนดูเหมือนระหว่างพวกเขาจะมีอุปสรรคหัวใจคอยกั้นไว้ แต่ตอนนี้ ม่านอุปสรรคที่ว่านี้ไม่มีอีกแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าทีของเซียวจิ่งสือที่มีต่อเธอ เปลี่ยนเป็นยิ่ง…เหลาะแหละ
อย่างเช่น ตอนหลินหว่านกับเซียวจิ่งสืออยู่ด้วยกันที่บริษัท เซียวจิ่งสือมักจะเรียกเธออย่างสนิทสนมว่า “หว่านหว่าน” หรือ “ที่รัก” ต่อหน้าทุกคนในบริษัท ทำให้หลินหว่านต้องเจอกับสายตาอิจฉาริษยาและโกรธแค้นจากผู้คนมากมาย
หรืออย่างเช่น ตอนเที่ยงวันนี้เธอกับเซียวจิ่งสือกำลังทานข้าวด้วยกันที่ข้างนอก เซียวจิ่งสือบ่นว่ากับข้าวของร้านอาหารสู้ฝีมือหลินหว่านทำไม่ได้ หลินหว่านฟังแล้วก็เผลอพูดว่า “งั้นเย็นนี้กลับบ้าน ฉันจะทำให้คุณทานก็แล้วกัน”
เซียวจิ่งสือฟังแล้วกลับยิ้มเจ้าเล่ห์ พูดว่า “ดีเลย แล้วหลังอาหาร เราสองคนยังทำเรื่องที่สนุกยิ่งกว่านี้ด้วยกันได้ด้วย”
หลินหว่านหน้าแดงก่ำ ด่าเซียวจิ่งสือไปว่า “เซียวจิ่งสือ คุณมันลามก!”
เซียวจิ่งสือรีบเปลี่ยนท่าทีเป็นใสซื่อบริสุทธิ์ พูดเหมือนไร้เดียงสาว่า “หว่านหว่าน คุณคิดอะไรอยู่น่ะ ผมบอกว่า เย็นนี้พวกเราทานข้าวแล้ว จะได้ดูหนังด้วยกันที่บ้านไง”
ทำเอาหลินหว่านพูดไม่ออก ได้แต่ค้อนเซียวจิ่งสือ เป็นเพราะเขาตั้งใจพูดให้เธอเข้าใจผิด ทำให้เธอคิดไปในทางนั้น เหมือนกับเธอคิดเรื่องนั้นอยู่ตลอดเวลาอย่างงั้นแหล่ะ
เซียวจิ่งสือเห็นว่าแก้มหลินหว่านกลายเป็นสีชมพูเรื่อขึ้นมาเพราะความอาย เขาก็ยิ้มเจ้าเล่ห์กับเธอแล้วพูดว่า “แน่นอนอยู่แล้วหว่านหว่าน ถ้าคุณอยากจะทำอะไรสนุกๆ ยิ่งกว่านี้กัน ผมก็ต้องยอมคุณอยู่แล้ว”
หลินหว่านโมโหเสียไม่มีชิ้นดี หลังอาหาร เธอจึงทิ้งเขาไว้ ตัวเองหนีกลับไปคนเดียว
“อ้าว หว่านหว่าน…” เซียวจิ่งสือคิดจะรั้งตัวหลินหว่านไว้ แต่ตอนนั้นเอง มือถือของเขามีข้อความเข้ามา เซียวจิ่งสืออ่านข้อความแล้ว สีหน้าเปลี่ยนไป เลิกไล่ตามหลินหว่าน
ในข้อความมีภาพถ่ายอยู่หลายใบ ภาพถ่ายใบแรกมีสองคน คนหนึ่งเป็นหลินหว่าน อีกคนเขาสืบได้ว่าเป็นท่านประธานที่คิดมิดีมิร้ายต่อหลินหว่านคราวก่อน ในรูปถ่ายนั้น หลินหว่านถูกวางยาจึงมีสีหน้ามึนงงอย่างไร้สติ ส่วนท่านประธานนั่นกลับมองหลินหว่านด้วยสีหน้าหื่นกระหาย เหมือนอยากจะทำมิดีมิร้ายกับหลินหว่าน
ยังมีรูปถ่ายอีกหลายใบล้วนเป็นภาพที่หลินหว่านเข้าห้องพักในโรงแรมแห่งหนึ่งในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ภาพหลายใบนี้ต้องบอกว่าช่างภาพอยู่ในมุมกล้องที่ดีมาก ภาพใบหน้าของหลินหว่านเห็นได้อย่างชัดเจน ขอเพียงเป็นคนที่รู้จักหลินหว่านต้องรู้ว่าเป็นเธอ
ยังมีข้อความที่มากับภาพถ่ายด้วย “เซียวจิ่งสือ ฉันคืออันซิง เห็นรูปถ่ายพวกนี้แล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง ถ้าไม่อยากให้ฉันส่งรูปพวกนี้อัพโหลดขึ้นอินเทอร์เน็ตเพื่อทำลายหลินหว่านล่ะก็ มาคุยกับฉันหน่อย ฉันจะรอที่บริษัทคุณนะ”
ที่แท้เป็นฝีมืออันซิง! เซียวจิ่งสืออ่านข้อความแล้ว รู้สึกโมโหจนทำอะไรไม่ถูก หล่อนยังกล้าใช้รูปพวกนี้มาเจรจาเงื่อนไขกับเขา อันซิงคงรู้สึกว่าเขายังลงมือกับบ้านตระกูลอันได้ไม่โหดพอสินะ
แต่เพื่อหลินหว่าน เซียวจิ่งสือรู้สึกว่าเขามีความจำเป็นต้องคุยกับอันซิงสักตั้ง ไม่อย่างนั้น อันซิงนังผู้หญิงบ้านั่นเกิดเอารูปพวกนั้นอัพโหลดขึ้นอินเทอร์เน็ตไปจริงๆ จะส่งผลร้ายต่อหลินหว่านอย่างมหาศาล
เซียวจิ่งสือกลับถึงบริษัทแล้ว ผู้ช่วยบอกกับเขาว่า อันซิงรอเขาอยู่ที่ห้องรับแขกของบริษัท เซียวจิ่งสือให้ผู้ช่วยไปเชิญอันซิงมาที่ห้องทำงานของเขา แล้วสั่งผู้ช่วยว่า ตอนที่เขากับอันซิงคุยกันห้ามไม่ให้ใครเข้ามา จากนั้นเขาก็กลับห้องทำงานไปก่อน
ผ่านไปครู่หนึ่ง ประตูห้องทำงานถูกผลักเปิดออก เซียวจิ่งสือเงยหน้าขึ้น อันซิงปรากฏตัวที่หน้าห้องทำงาน หลังจากเธอปิดประตูห้องทำงานแล้ว ก็เดินมาตรงหน้าเซียวจิ่งสือ
อันซิงแต่งหน้ามาอย่างเนี้ยบ สวมชุดกระโปรงที่เธอเลือกมาอย่างดี เธอเชื่อว่าพอเซียวจิ่งสือเห็นข้อความของเธอแล้ว ต้องรับปาก ยอมเจรจากับเธอแน่
เนื่องจากเซียวจิ่งสือไม่มีทางว่าจะไม่แคร์หลินหว่าน แต่พอคิดถึงตรงนี้ อันซิงก็ริษยาจนแทบจะเป็นบ้า นังหลินหว่าน นั่นใช้เสน่ห์อะไรถึงมัดใจเซียวจิ่งสือได้อยู่หมัดนะ? ทำไมคืนนั้นแผนของเธอจึงล้มเหลว ทำอะไรหลินหว่านไม่ได้
“คุณหนูอัน คุณมานี่ต้องการจะคุยอะไรกับผม?”
อันซิงกำลังคิดเพลิน จู่ๆ เสียงทุ้มต่ำของเซียวจิ่งสือก็ดังขึ้น เธอตวัดสายตาขึ้นมอง เซียวจิ่งสือสวมชุดสูทสีดำ ดูเคร่งขรึมจริงจังแฝงเสน่ห์เย้ายวนชวนโหยหายิ่งกว่าเดิม แต่สายตาเย็นชาแฝงด้วยความโกรธส่วนหนึ่งที่มองดูเธออยู่นี่สิ
อันซิงยกมุมปากขึ้น ถามเซียวจิ่งสือว่า “จิ่งสือ คุณทานมื้อเที่ยงหรือยังคะ หรือว่าเราจะออกไปข้างนอกทานไปคุยไป?”
“ไม่ต้องหรอก คุณหนูอันมีอะไรก็พูดออกมาเร็วๆ เถอะ อีกเดี๋ยวบริษัทยังมีงานต้องทำอีก ผมไม่ได้มีเวลามาเป็นเพื่อนทานข้าวของคุณหนูอันหรอกนะครับ” เซียวจิ่งสือพูดบทเสียงเย็น
อันซิงเห็นท่าทีดูแคลนของเซียวจิ่งสือแล้ว สีหน้าปั้นยากอยู่บ้าง แต่ไม่เป็นไร หลินหว่านเป็นจุดอ่อนของเขา ในมือของเธอมีจุดอ่อนของเขา เธอไม่เชื่อหรอกว่าเอาเซียวจิ่งสือไม่อยู่หมัด!
อันซิงนั่งลงตรงหน้าเซียวจิ่งสือ มองดูเซียวจิ่งสือแล้วพูดตรงๆ ว่า “เอาล่ะค่ะ เซียวจิ่งสือ ฉันขอพูดตรงๆ นะ รูปถ่ายที่ฉันเพิ่งส่งให้ คุณน่าจะได้เห็นแล้ว คุณน่าจะรู้ว่าถ้าหากพวกมันปรากฏขึ้นบนอินเทอร์เน็ตล่ะก็ จะส่งผลอย่างไรกับหลินหว่านใช่ไหมคะ”
เซียวจิ่งสือฟังคำพูดของอันซิงแล้ว คิ้วขมวดฉับเข้าหากันอย่างลืมตัว แน่นอนเขารู้ว่าผลจะเป็นอย่างไร นักแสดงหญิงคนหนึ่งกลางค่ำกลางคืนเสื้อผ้าหลุดลุ่ยเดินเข้าห้องพักในโรงแรม อยู่กับผู้ชายขี้หื่นคนหนึ่ง ถึงตอนนั้นพวกชาวเน็ตที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็จะรุมทึ้งหลินหว่านจนเป็นสภาพไหนกัน!
“เซียวจิ่งสือ ถ้าคุณยังไม่อยากให้ภาพถ่ายพวกนี้ไปปรากฏบนอินเทอร์เน็ตล่ะก็ ขอให้คุณปล่อยมือจากบ้านตระกูลอันซะ!” อันซิงข่มขู่อย่างไม่กลัวเกรงอะไรอีก
แต่เซียวจิ่งสือได้ยินแล้ว ความโกรธในแววตายิ่งลุกโชนขึ้นกว่าเดิม แต่เขาเหมือนจะไม่หวั่นไหวกับเรื่องนี้เลย เซียวจิ่งสือมองอันซิงด้วยสายตาเย็นชา พูดเย้ยหยันขึ้นว่า “คุณหนูอัน คุณเข้าใจว่าโอกาสดีที่จะล้มบ้านตระกูลอันซึ่งได้มาไม่ง่ายนี่ ผมจะยอมทิ้งมันไปเพราะเพื่อหลินหว่านงั้นสิ?”
อันซิงเห็นแล้วรู้สึกตื่นตกใจขึ้นมาจากก้นบึ้งของจิตใจ ทำไมกัน ทำไมปฏิกิริยาของเซียวจิ่งสือไม่เป็นอย่างที่เธอคิด เขาน่าจะยอมรับปากเธออย่างไม่เต็มใจเพื่อหลินหว่านสิ? ทำไมตอนนี้เซียวจิ่งสือพูดอย่างไม่แคร์หลินหว่านเลยสักนิด
อันซิงกำหมัดอย่างไม่ยอมแพ้ พูดขึ้นอีกว่า “เซียวจิ่งสือ คุณไม่แคร์หลินหว่านแล้วหรือคะ? ในมือฉันยังมีรูปถ่ายคืนนั้นอีกเยอะเลย ขอเพียงคุณรับปากว่าจะยอมปล่อยบ้านตระกูลอันไป ฉันรับรองว่าจะไม่เอามันขึ้นอินเทอร์เน็ต แน่นอนว่า…ถ้าคุณไม่รับปาก อย่างมากบ้านตระกูลอันกับหลินหว่านก็พังไปด้วยกัน ไม่มีใครได้เป็นสุข!”
อันซิงหมดทางแล้วจริงๆ ตั้งแต่คืนวันที่แผนเธอล้มเหลวไม่เป็นท่า เซียวจิ่งสือสืบพบว่าเป็นฝีมือของเธอแล้ว บ้านตระกูลอันก็ถูกเขาตัดทางรอดทุกทางไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น