ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ 161-168

 ตอนที่ 161 ฉันรู้แล้ว นายชอบฉัน


 


 


ในใจของฟังจือหันมีความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างเกิดขึ้น เขานั่งลงข้างๆ อวี๋กานกาน จากนั้นใช้แขนข้างหนึ่งโอบผ่านทางด้านหลัง ออกแรงเบาๆ ให้อวี๋กานกานซบลงมาตรงบริเวณหน้าอก จากนั้นยื่นแก้วนมไปตรงปากของเธอและเริ่มทำการป้อน


 


 


อวี๋กานกานยอมดื่มอย่างว่าง่าย เธอเลียคราบนมบริเวณมุมปาก จากนั้นถามด้วยสีหน้าจริงจัง “อาจารย์คนสวย อาจารย์ไปไหนมา อาจารย์รู้ไหมว่าหนูถูกคนอื่นกลั่นแกล้ง พวกเขาอยากได้คลินิก เพื่อคลินิกนี้พวกเขาใช้วิธีการต่ำช้าทุกรูปแบบข่มเหงหนู คุณปู่บอกว่าให้อาจารย์คอยดูแลหนู อาจารย์เป็นพ่อของหนู ต้องห้ามให้ใครมารังแกหนูได้สิ แต่อาจารย์ดูตัวเองสิเป็นพ่อประสาอะไร ไปไหนก็ไม่โทรมาบอก เกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ไม่บอกสักคำ โชคดีที่หนูรู้ว่าคนนิสัยไม่ดีอายุยืนยาวพันๆ ปี ไม่งั้นหนูคงนึกว่าอาจารย์ตายไปแล้ว อาจารย์เป็นคนนิสัยไม่ดี แต่หนูรู้ว่าอาจารย์ไม่ได้เป็นคนเลว ฟังจือหันบอกว่าอาจารย์อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม หนูมั่นใจว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ตอนที่อาจารย์ยังเรียนอยู่ ลูกชายของอาสามเสวี่ยมักจะทะเลาะกับอาจารย์อยู่บ่อยๆ แต่พอเขาป่วยอาจารย์ก็ยอมช่วยรักษาเขา…”


 


 


อวี๋กานกานบ่นนั้นนู้นนี้ไม่จบสักที ในที่สุดฟังจือหันก็เอ่ยปากแทรกขึ้นมา “ดูให้ดี ผมไม่ใช่อาจารย์ของคุณ หลังจากนี้ห้ามเรียกผิดอีก” น้ำเสียงเย็นยะเยือก ราวกับน้ำค้างแข็งในช่วงนับเก้าเหมันต์


 


 


อวี๋กานกานกะพริบตาปริบๆ จากนั้นเอียงศีรษะเล็กน้อย “…ฟังจือหัน”


 


 


“อืม” ฟังจือหันยื่นมือออกมาบีบแก้มของเธอ ช่างเป็นบทลงโทษที่หวานแวว


 


 


“ฟังจือหันคือใคร”


 


 


“สามีของคุณ”


 


 


“โกหกฉันอีกแล้ว…” อวี๋กานกานพูดไปสะอึกไป ค่อนข้างทรมาน เธอเอื้อมมือขึ้นมาตบๆ บริเวณหน้าอกของตนเอง


 


 


ฟังจือหันเองก็ยื่นมือออกมาตบไปที่หลังของเธอเบาๆ ช่วยเธอเคลียร์ช่องหลอดลมจะได้รู้สึกสบายตัวขึ้นมาหน่อย “คุณบอกว่าคุณจะดื่มแค่แก้วเดียวไม่ใช่เหรอ รู้ตัวหรือเปล่าว่าวันนี้ดื่มไปทั้งหมดกี่แก้ว”


 


 


อวี๋กานกานคลี่ยิ้มบางเบา กล่าว “ไอหยา นานครั้งๆ จะได้สังสรรค์ที ตอนแรกฉันก็กะจะดื่มแค่แก้วเดียว แต่ว่าไวน์ขวดนั้นหวานใช้ได้เลย รสชาติไม่เลวเลย เหมือนว่าจะดื่มเพิ่มไปอีกแก้ว”


 


 


น้ำเสียงของเธอนุ่มละมุนราวกับถูกแช่ไว้ในไวน์ ทั้งยังมีกลิ่นหอมของฟองอากาศและแอลกอฮอล์บริสุทธิ์จากไวน์ ชวนให้คนที่ไม่ได้ดื่มรู้สึกเมามายไปด้วย


 


 


ฟังจือหันบีบใบหน้ารูปไข่ของอวี๋กานกาน “โรคจิตน้อย เสพติดแฮลกอฮอล์เป็นโรคชนิดหนึ่ง จำเป็นต้องรักษา!”


 


 


  “ฉันจะเป็นพวกขี้เหล้าได้ยังไง จริงๆ ฉันไม่ได้ชอบดื่มเครื่องดื่มแฮลกอฮอล์” อวี๋กานกานเซไปทางอีกฝั่ง ฟุบลงบนโซฟา จากนั้นสะอึก “อีกอย่าง ทำไมนายต้องเรียกฉันว่าโรคจิตน้อยด้วย ฉันโรคจิตตรงไหน…อึก…”


 


 


“ผมชอบ” ฟังจือหันจ้องมองเธอด้วยสายตาลึกซึ้ง ตอนกลับสองพยางค์ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ


 


 


“นายชอบบ้าอะไร นายชอบอะไร…” อวี๋กานกานยื่นมือออกมาฟาดลงไปที่แขนของฟังจือหัน ทันใดนั้นเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ เธอชะงักค้างไปเล็กน้อย ก่อนจะตวัดดวงตากลมโต โน้มตัวไปด้านหน้าเข้าใกล้ฟังจือหันเล็กน้อย จ้องไปที่ใบหน้าของเขา มุมปากแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มขบขัน “ฉันรู้แล้ว ที่นายมาปรากฏตัวอยู่ข้างฉัน บอกว่าเป็นสามีของฉัน ทั้งหมดนี้เป็นเพราะนายชอบฉันใช่ไหม”


 


 


ฟังจือหัน “…”


 


 


อวี๋กานกานกะพริบตาให้เขาอีกครั้ง “นายเคยเจอฉันเมื่อนานมาแล้วใช่ไหม ตกหลุมรักฉันตั้งแต่แรกเห็นละสิ แต่ไม่กล้าพูด ได้แต่แอบชอบฉันอย่างลับๆ ชอบฉันจนถึงขั้นที่นายแทบจะทนไม่ไหวแล้ว พอรู้ว่าป้าสะใภ้ใหญ่ต้องการจะใช้แผนหาว่าฉันความจำเสื่อม นายก็เลยตัดสินใจใช้โอกาสนี้แทรกตัวเข้ามา ดังนั้นนายเลยเรียกตัวเองว่าเป็นสามีของฉัน”


 


 


นัยน์ตาล้ำลึกดำขลับของฟังจือหัน จ้องมองไปที่อวี๋กานกานตรงๆ ราวกับต้องการมองเธอให้ทะลุปรุโปร่ง มองเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของจิตวิญญาณ


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 162 ช่วยคุณให้หยุดสะอึก


 


 


ดีกรีความเข้มข้นสูงของแอลกอฮอล์พิสูจน์ผ่านอาการเมาทั้งหมดของอวี๋กานกาน นัยน์ตาของเธอเลื่อนลอย จึงไม่สามารถสังเกตเห็นถึงแววตาลึกซึ้งของชายหนุ่ม


 


 


เธอหัวเราะเบาๆ ออกมาสองที “ถ้านายชอบฉันจริง ที่จริงสามารถจีบฉันแบบเปิดเผยตรงไปตรงมาได้นะ ไม่ควรใช้วิธีพิเรนทร์แบบนี้ พอฟื้นขึ้นมาจู่ๆ ก็มีสามีเพิ่มมาหนึ่งคน ทั้งยังดื้อด้านจะพักอยู่กับฉันให้ได้ และสิ่งที่น่ากลัวคือนายยังรู้รหัสเข้าห้องฉันอีก ขนาดฉันเปลี่ยนแล้วนายก็ยังรู้ จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่เข้าใจว่านายรู้รหัสเข้าห้องฉันได้ยังไง นายต่างหากที่ให้ความรู้สึกว่าเป็นเหมือนพวกโรคจิต”


 


 


พูดไปพูดมา จู่ๆ เธอก็นึกขึ้นมาได้ “อึก~ เหมือนจะเข้าใจขึ้นมาหน่อยแล้ว เป็นเพราะนายมีนิสัยโรคจิตมากอยู่แล้วใช่ไหม ดังนั้นเลยเรียกฉันว่าโรคจิตน้อย จะได้รู้สึกสนิทสนมกับฉันขึ้นมาหน่อย”


 


 


ฟังจือหันยังคงสบตากับอวี๋กานกานด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไร้คลื่นอารมณ์ บรรยากาศสงบเงียบอย่างน่าประหลาด


 


 


อวี๋กานกานสะอึกอีกหนึ่งครั้ง กล่าวต่อ “แต่ฉันไม่ใช่คนโรคจิตนะ นายจะเรียกฉันแบบนี้ไม่ได้…อึก… ถือโอกาสนี้พูดกับนายให้ชัดเจนไปเลยก็แล้วกัน พวกเราทั้งคู่อยู่กันคนละโลก ฉันว่าพวกเรา…เออะ…อึก เออะ…”


 


 


อวี๋กานกานสะอึกอย่างต่อเนื่องอีกหลายครั้ง ชวนให้รู้สึกทุกข์ทรมาน เธอนวดคลึงบริเวณหน้าอก “อืม ทรมานจังเลย…”


 


 


เนื่องจากอาการเมา แก้มทั้งสองข้างของหญิงสาวขึ้นสีแดงระเรื่อ ริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่มเผยอออกเล็กน้อย มองฟังจือหันด้วยสายตาล่องลอย ราวกับว่าไม่สามารถจับจุดโฟกัสได้


 


 


ฟังจือหันเก็บปอยผมที่บริเวณข้างแก้มของอวี๋กานกาน “…”


 


 


ที่แท้ตอนคุณเมาเหล้าชอบบ่นจู้จี้นี่เอง ดวงตาล้ำลึกจ้องมองไปทุกส่วนบนใบหน้าของอวี๋กานกาน สุดท้ายมาหยุดที่ริมฝีปากที่กำลังขมุบขมิบ โชคดีที่น้ำเสียงตอนเมาของเธอนุ่มละมุน จึงไม่ทำให้รู้สึกว่าน่ารำคาญ ในทางตรงข้ามกลับเหมือนเป็นกรงเล็บของแมวที่ทำให้หัวใจอ่อนระทวย


 


 


ฟังจือหันยื่นแขนออกไปโอบเอวของอวี๋กานกานไว้ จากนั้นออกแรงเพียงเล็กน้อย ร่างกายของอวี๋กานกานค่อยๆ โถมมาทางด้านหน้า ร่างกายทุกสัดส่วนซบลงบนร่างของฟังจือหันอย่างอ่อนปวกเปียก ร่างกายของทั้งสองแนบชิดติดกัน ท่วงท่าล่อแหลม บรรยากาศพลันตลบอบอวลไปด้วยความอบอุ่นละมุนละไม


 


 


อวี๋กานกานเหลือบสายตาขึ้นมองฟังจือหัน ใบหน้าจิ้มลิ้มเผยให้เห็นถึงสติที่เลื่อนลอย เสี้ยววินาทีเดียวหลังจากที่ฟังจือหันสบตากับเธอ เขาใช้นิ้วมือยาวประคองใบหน้าของอวี๋กานกาน จากนั้นโน้มตัวลงไปจูบลงบนริมฝีปากสีแดงสดอวบอิ่มทันที ราวกับว่ากาลเวลาถูกหยุดเอาไว้ แต่ท้องฟ้าผืนแผ่นดินและสรรพสิ่งยังคงเคลื่อนไหวอย่างมีชีวิตชีวา มวลบุปผาบานสะพรั่ง หิมะที่เกาะอยู่บนต้นสนมลายลงอย่างช้าๆ แสงแดดอบอุ่นที่สาดส่องผ่านมวลเมฆตกกระทบลงบนตัวของพวกเขา  


 


 


หัวใจเต้นอย่างระส่ำระสาย ทั้งสับสนและไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรดี…


 


 


ดวงตาที่หยาดเยิ้มเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ของอวี๋กานกานค่อยๆ เบิกโต มองหน้าฟังจือหันอย่างงุนงงเล็กน้อย ในตอนที่ฟังจือหันผละริมฝีปากออก เธอยังคงสะลึมสะลืออยู่ นิ้วมือแตะไปยังริมฝีปากที่เพิ่งถูกจุมพิตมาหมาดๆ “นายทำอะไร”


 


 


 ชายหนุ่มโอบกอดเธอเอาไว้อย่างแน่นหนา ร่างกายแนบชิดติดกัน ลมหายใจไม่สม่ำเสมอ กล่าว “ช่วยคุณให้หยุดสะอึก”


 


 


“หา?”


 


 


“ตอนนี้คุณไม่สะอึกแล้วนี่”


 


 


อวี๋กานกานนิ่งเงียบ ริมฝีปากขยับเล็กน้อยแต่กลับไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมา เหมือนว่าจะหายจากอาการสะอึกแล้วจริงๆ


 


 


จูบกันสามารถช่วยให้หยุดสะอึกได้ด้วยเหรอ เมื่อนึกถึงข้อสงสัยข้อนี้ ในวินาทีถัดมาเธอก็สะอึกออกมาทันที “อึก~”


 


 


สะอึกอีกแล้ว…


 


 


คิ้วของอวี๋กานกานมุ่นเข้าหากันเล็กน้อย น้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “คนหลอกลวง สะอึกอีกแล้ว”


 


 


“นั่นเป็นเพราะว่าได้รับการรักษาไม่พอ”


 


 


“หืม”


 


 


“เบาไป”


 


 


“…”


 


 


“ระยะเวลาก็สั้นไป”


 


 


ฟังจือหันประทับริมฝีปากลงไปอีกครั้ง ไม่เหมือนครั้งก่อนที่แตะเพียงเบาๆ ดุจแมลงปอบินระน้ำ ครั้งนี้ทั้งอุกอาจและแข็งกร้าว เป็นจูบที่หนักหน่วงราวกับขุนพลที่จู่โจมเมืองเพื่อปล้นสะดม กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งอยู่ในช่องปาก ราวกับเป็นยาเสน่ห์ที่ดึงดูดให้จมดิ่งลงไป


ตอนที่ 163 บังคับกอด บังคับจูบ


 


 


ได้รับการรักษาถึงรากถึงโคน


 


 


ความแรงมากพอ


 


 


ระยะเวลานานเพียงพอ


 


 


อวี๋กานกานไม่สะอึกแล้ว แต่กลับเวียนหัวมากยิ่งกว่าเดิม ร่างกายราวกับถูกเนรเทศ ไม่สามารถรับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของตัวเอง เลื่อนลอยราวกับแม่น้ำในฤดูใบไม้ผลิที่กำลังละลาย ร่างกายอ่อนปวกเปียกไร้ที่ยึด แต่กลับรู้สึกโปรดโปร่งโล่งสบายเป็นอย่างยิ่ง ราวกับว่าร่างกายผ่อนคลายและเบาขึ้นทุกขณะ ประหนึ่งขนนกที่ลอยละล่องอยู่ในอวกาศ


 


 


มนุษย์อยู่ในอวกาศต้องการออกซิเจน อวี๋กานกานสูดลมหายใจเข้าอย่างตะกละตะกลาม เธออยากได้มากกว่านี้ ท่ามกลางเมฆหมอก ไม่รู้ว่าตนเองอยู่แห่งหนใด อวี๋กานกานหลับตาลง ปล่อยให้ตัวเองดำดิ่งลงไปในความมืดมิด…


 


 


แสงอรุณสาดส่องเข้ามาผ่านทางหน้าต่าง อวี๋กานกานสะลึมสะลือตื่นขึ้น เธอรู้สึกเพียงแค่ว่าริมฝีปากและลำคอแห้งผาก วิงเวียนศีรษะ เป็นเรื่องจริงที่คนดื่มแอลกอฮอล์ไม่เป็นก็ไม่ควรดื่ม มิเช่นนั้นสร่างเมาแล้วจะทรมานสุดๆ


 


 


ตั้งแต่เล็กจนโตเธอไม่ชอบดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะรู้สึกมาโดยตลอดว่ามันทั้งขมทั้งฝาด ไม่อร่อย แต่ไวน์เมื่อคืนรสดีจริงๆ ความจริงได้รับการพิสูจน์แล้วว่าต่อให้รสดีแค่ไหนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ยังคงเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จากนี้ต่อไปแม้ว่าจะรสดีแค่ไหนเธอก็จะไม่ดื่มมันอีกแล้ว


 


 


ความรู้สึกตอนเมาเหล้า ได้ทดลองแค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว อวี๋กานกานบิดเอว จากนั้นพลิกตัวคลอเคลียกับหมอนครู่หนึ่ง เมื่อคืนเธอกลับมาที่ห้องได้อย่างไรกันนะ จำได้เพียงแค่ว่าหลังจากรับประทานอาหารเสร็จก็ขึ้นรถ หลังจากนั้นเป็นภาพความทรงจำกระจัดกระจาย


 


 


หลังจากลงจากรถฟังจือหันอุ้มเธอเข้าห้อง…อวี๋กานกานสะดุ้งโหยง เธอรีบพลิกผ้าห่มเปิดออกดู ยังคงสวมชุดตัวเดียวกับเมื่อวาน เพียงแค่ว่าถอดเสื้อโค้ตและเสื้อหนาวขนสัตว์ออก


 


 


เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก


 


 


โชคดี


 


 


โชคดี


 


 


โชคดี


 


 


กล่าวติดต่อกันสามครั้ง


 


 


หลังจากล้างหน้าบ้วนปากแล้ว เธอเดินออกมาเห็นฟังจือหันนั่งกินข้าวเช้าอยู่ตรงโต๊ะทานอาหาร แสงแดดด้านนอกส่องทะลุหน้าต่างตกกระทบลงบนร่างกายของเขา ทั้งตัวถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีทองอ่อนๆ ให้ความรู้สึกโดดเด่น สูงศักดิ์ ไม่สามารถย่างกรายเข้าใกล้ได้โดยง่าย


 


 


ฟังจือหันปรายตามามองเธอแวบหนึ่ง จากนั้นรินน้ำอุ่นหนึ่งแก้ววางไว้ให้เธอตรงที่นั่งด้านข้าง


 


 


อวี๋กานกานนั่งลงข้างๆ “ขอบคุณนะ”


 


 


หลังจากที่ดื่มน้ำอุ่นลงไปแล้ว เธอรู้สึกสบายไปทั่วทั้งตัว ในขณะเดียวกันก็พลันนึกถึงเรื่องเมื่อคืนเหมือนว่าเธอจะพูดอะไรบางอย่างกับฟังจือหัน ‘นายเคยเจอฉันเมื่อนานมาแล้วใช่ไหม ตกหลุมรักฉันตั้งแต่แรกเห็นละสิ แต่ไม่กล้าพูด ได้แต่แอบชอบฉันอย่างลับๆ…’


 


 


พรืด!


 


 


เธอคงไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองแบบนั้นใช่ไหม ฟังจือหันพูดอะไรที่ทำให้เธอกล้าพูดอะไรที่มั่นใจมากขนาดนั้นออกมา


 


 


อวี๋กานกานทำตัวลับๆ ล่อๆ แอบชำเลืองมองฟังจือหันแวบหนึ่ง เขากินข้าวเช้าตามปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือจะเป็นเพราะพวกเขาเล่นมุกตลกกัน เธอเลยพูดประโยคแบบนั้นออกมา?


 


 


อวี๋กานกานยิ้มให้ฟังจือหัน “โจ๊กนี่อร่อยดีนะ นายทำเหรอ”


 


 


ฟังจือหันไม่ตอบเธอ ตั้งหน้าตั้งตากินของตัวเอง


 


 


อวี๋กานกานสองจิตสองใจ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจถามออกไป “เอ่อ…เมื่อคืน ฉันดื่มค่อนข้างหนัก ตอนนี้ก็ยังเวียนหัวอยู่นิดหน่อย จำเรื่องอะไรไม่ค่อยได้ แล้วก็ไม่รู้ว่าตอนเมาฉันได้ทำไรบ้าๆ บอๆ ลงไปหรือเปล่า”


 


 


ฟังจือหันเหลือบสายตาขึ้นมามอง สายตาล้ำลึกจ้องมองมาที่เธอ ริมฝีปากหยักโค้งขึ้น “หืม”


 


 


“ก็พวกกิริยาท่าทางหรือคำพูดที่เสียมารยาท”


 


 


“มี”


 


 


“ฉันเมาแล้วพูดอะไรบ้าๆ บอๆ ออกมาใช่ไหม”


 


 


“ไม่ใช่แค่พูด” ฟังจือหันตอบกลับมาสี่พยางค์ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่กลับทำให้อวี๋กานกานเกือบพลัดหล่นตกจากเก้าอี้ เธอกลืนน้ำลายลงอย่างแรง


 


 


ไม่ใช่แค่พูด? หรือว่าเธอทำอะไรลงไป บังคับกอด บังคับจูบ ทำให้ฟังจือหันสูญเสียความบริสุทธิ์?


 


 


อวี๋กานกานกระวนกระวาย อยู่ไม่เป็นสุขจนแก้มขึ้นสี เธอถามอย่างระมัดระวัง “ฉันได้ทำอะไรล่วงเกินนายหรือเปล่า”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 164 เขินอาย เกือบได้ชีวิตใหม่


 


 


นัยน์ตาของฟังจือหันครุ่นคิด ก่อนจะตอบกลับมาประโยคหนึ่งอย่างคลุมเครือ “เรื่องที่คุณทำ เรียกได้ว่าลืมไม่ลงไปทั้งชีวิต”


 


 


อวี๋กานกานรู้สึกว่าขมับเต้นตุบตับจนรู้สึกปวดไปทั้งศีรษะ เธอขุดลึกเข้าไปในความทรงจำ ต้องการจะขุดเรื่องที่ทำให้คนคนหนึ่งลืมไม่ลงไปทั้งชีวิตออกมา แต่น่าเสียดายสิ่งที่ได้กลับมานอกการอาการปวดศีรษะแล้วก็ไม่ได้อะไรเลย อวี๋กานกานลนลานสุดชีวิต เม้นริมฝีปาก “หรือว่าฉัน เอ่อ…พรากอะไรจากนายไป”


 


 


ความหมายของเธอคือจุมพิต กอด หรือรั้งเขาไว้ไม่ให้ยอมไป ให้นอนด้วยกันทั้งคืน


 


 


ฟังจือหันเห็นว่าใบหน้าของอวี๋กานกานแดงแปร๊ดราวกับเลือดสามารถหยดออกมาได้ องศาปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย “น่าจะนับได้ว่า…เกือบได้ชีวิตใหม่”


 


 


น้ำเสียงของเขาหยุดลงกลางคัน เหมือนกับตอนก่อนหน้าที่เธอถาม เพียงแต่ว่านั้นเป็นเพราะเธอเขินอาย แต่ฟังจือหันหยอกล้อ


 


 


เกือบได้ชีวิตใหม่…ก็คือเกิดความสัมพันธ์ลึกซึ้งขึ้น จากนั้นก็ตั้งครรภ์มีเจ้าตัวน้อย? อวี๋กานกานลูบท้องของตัวเอง แม้ว่าเธอจะไม่มีประสบการณ์ แต่ก็เพราะไม่มีประสบการณ์นี่แหละ หลังจากผ่านครั้งแรกไปแล้ว ร่างกายไม่มีทางที่จะไม่หลงเหลือร่องรอยความรู้สึกใดๆ


 


 


หลอกลวง ฟังจือหันต้องจงใจอำเธอเล่นแน่ๆ อวี๋กานกานกล่าวด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองเล็กน้อย “คนโกหก”


 


 


ริมฝีปากของฟังจือหันเม้นแน่นเป็นเส้นตรง ราวกับกำลังข่มอารมณ์บางอย่างไว้ กล่าวอย่างเคร่งขรึมจริงจัง “ไม่เชื่อ คุณลองไปดูที่ห้องน้ำสิ”


 


 


ทำไมถึงต้องไปดูที่ห้องน้ำ เธองุนงงอยู่ครู่นึกก่อนจะนึกออก หรือว่าครั้งแรกจะเกิดขึ้นที่ห้องน้ำ เขาให้เธอไปดูคราบเลือด?


 


 


อวี๋กานกานหน้าร้อนหูร้อน ราวกับว่าเลือดในตัวถูกดูดออก ใบหน้าจิ้มลิ้มของเธอซีดเซียว เชื่อไม่ลง น้ำเสียงสั่นคลอน “ปะ เป็นไปไม่ได้…ใครจะรู้ว่านายป้ายเลือดอะไรไว้ ไม่แน่อาจจะเป็นเลือดไก่ เลือดเป็ดหรือเลือดจากนิ้วก็เป็นได้”


 


 


มุมปากของฟังจือหันยกยิ้มขึ้น จากนั้นถามด้วยความสงสัย “เลือดอะไร?”


 


 


อวี๋กานกานหน้าแดงแปร๊ด กระอักกระอ่วนเป็นอย่างยิ่ง ทว่าก็ยังฝืนทนเอาไว้อย่างสุดความสามารถ “งั้นนายให้ฉันไปห้องน้ำทำไม”


 


 


ฟังจือหันเอ่ยเสียงนุ่ม “ผมให้คุณไปดูเสื้อตัวเมื่อคืนที่คุณอ้วกใส่ผม เหม็นจะแย่”


 


 


อวี๋กานกานตะลึงไปครู่หนึ่ง “หา?”


 


 


ฟังจือหันเอนตัวไปด้านหลังอย่างสบายใจพร้อมกับหุบรอยยิ้มขบขัน กล่าว “คุณต้องซักให้สะอาด”


 


 


อวี๋กานกานกะพริบตาปริบๆ เธอเพิ่งจะเข้าใจ ถาม “เมื่อกี้ที่นายพูดว่าฉันทำเรื่องล่วงเกินนาย ไร้มารยาท ทั้งยังเป็นเรื่องถึงชีวิต นั่นก็คือฉันอ้วกใส่นาย”


 


 


ฟังจือหันยกยิ้มขึ้น เจตนาหยอกล้อแปะไว้ตรงหางคิ้วที่ชี้ลงของเขา “แล้วจะให้เป็นเรื่องไหนล่ะ โรคจิตน้อย คุณคิดว่าผมจะให้คุณดูอะไร”


 


 


อวี๋กานกาน “…”


 


 


เธอรู้สึกว่าใบหน้าจิ้มลิ้มของตัวเอง ร้อนผ่าวยิ่งกว่าตอนแรกที่เข้าใจผิดนึกว่าเธอและฟังจือหันมีความสัมพันธ์กัน


 


 


หมอนี่จงใจปั่นหัวเธอแน่ๆ แซวเธอด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง ทั้งยังแสร้งทำตัวเป็นผู้บริสุทธิ์ เรื่องเมื่อคืนเขาต้องปั่นหัวอะไรเธอแน่ เธอถึงได้พูด ‘นายชอบฉันใช่ไหม รักฉันตั้งแต่แรกพบ’ อะไรเทือกนี้ออกมา


 


 


ฟังจือหันลุกขึ้นยืน อวี๋กานกานจ้องไปที่แผ่นหลังของเขาด้วยความขุ่นเคือง จากนั้นกล่าวตำหนิ “คนอย่างนายเนี่ย จะพูดดีๆ หน่อยไม่ได้หรือยังไง ดื่มจนเมาแล้วอ้วกเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ เกือบได้ชีวิตใหม่อะไร นายมันโอเวอร์เกินไปแล้ว ผู้ชายเฮงซวย”


 


 


ฝีเท้าของฟังจือหันหยุดลง จากนั้นหันมามองทางอวี๋กานกาน กล่าว “หืม”


 


 


ทันทีที่สบเข้ากับแววตาของชายหนุ่ม ความโกรธที่อยู่บนใบหน้าของอวี๋กานกานถูกเก็บซ่อนอย่างฉับพลัน รีบกล่าวอย่างขอไปที “ไม่มีอะไร”


 


 


เธอไม่ได้ กะ กะ กลัวนะ ก็แค่เมื่อคืนเป็นเธอที่เสียมารยาทไปอ้วกใส่ฟังจือหันก่อน


ตอนที่ 165 แพทย์แผนจีนที่สวยที่สุด


 


 


อวี้หมิงถางโด่งดังไปแล้ว


 


 


อวี๋กานกานเองก็เช่นกัน


 


 


สื่อหลักในประเทศต่างพากันรายงานข่าวนี้


 


 


ภายใต้สถานการณ์ที่เกิดกรณีพิพาทระหว่างคนไข้และบุคลากรทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขอเชิญชวนให้ทุกท่านมีสติและเหตุผลในการรับฟังขั้นตอนการรักษาจากแพทย์ เพราะผลลัพธ์ที่เกิดจากการก่อความวุ่นวายและการประท้วงโดยมีจุดประสงค์ร้าย คือการสูญเสียบุคลากรทางแพทย์ของประเทศชาติทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งเป็นผลกระทบที่เลวร้ายเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นก็สรรเสริญชื่นชมอวี๋กานกานว่ามีความรับผิดชอบในหน้าที่ เพียบพร้อมด้วยศีลธรรมและความสามารถ


 


 


ภายในเวลาอันสั้น อวี๋กานกานแพทย์แผนจีนที่ไร้ชื่อเสียง ดึงดูดแฟนคลับจากโลกอินเทอร์เน็ตไปเป็นกอบเป็นกำ


 


 


ตอนเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นอวี๋กานกานพบว่าหน้าทางเข้าอวี้หมิงถาง เต็มไปด้วยคนไข้ที่กำลังต่อแถวกันอย่างยาวเหยียด มีแวบหนึ่งที่เธอนึกว่าเธอเดินมาผิดที่หรือเปล่า ทุกคนล้วนรู้จักอวี๋กานกาน ทันทีที่เธอปรากฏตัวก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้น ต่างคนต่างหยิบกล้องขึ้นมาเพื่อถ่ายรูปเธอ


 


 


“มาแล้ว มาแล้ว ในที่สุดก็มาแล้ว ฉันจะอัปเว่ยปั๋ว”


 


 


“นึกไม่ถึงเลยว่ายังวัยรุ่นขนาดนี้ก็เป็นแพทย์แผนจีนที่เก่งกาจได้แล้ว ฉันนึกว่าแพทย์แผนจีนเก่งๆ ต้องเป็นคนที่มีอายุเสียอีก”


 


 


“ตัวจริงสวยกว่าในคลิปวิดีโออีกนะ มิน่าล่ะถึงได้ฉายาว่าแพทย์แผนจีนที่สวยที่สุด”


 


 


……


 


 


คนเยอะมากจริงๆ หลังจากที่อวี๋กานกานนั่งลง เธอก็ยุ่งวุ่นอยู่กับงานตลอดจนถึงช่วงบ่าย แม้แต่ข้าวเที่ยงก็ยังไม่ได้รับประทาน มีคนจำนวนหนึ่งไม่ได้ต้องการที่จะมาตรวจแต่แรกด้วยซ้ำ เหมือนมาเที่ยวเล่นมากกว่า แล้วยังมีคนบางพวกที่ทำเหมือนกับมาหาเทวดาเพื่อขอให้ช่วยต่อชีวิตให้


 


 


มีโรคบางโรคที่วิทยาการทางการแพทย์ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่พวกเขากลับคาดหวังให้เธอจัดยาให้สักชุดสองชุดเพื่อรักษา เธอเป็นแพทย์ ยื้อแย่งชีวิตคนกับเหล่ายมบาลอยู่ทุกวัน เธอไม่ใช่เทวดาที่ไหน แต่ว่าหากป่วยแล้วมาหาเธอ ไม่ว่าพวกเขาจะเห็นเธอเป็นอะไร เธอก็ยอมรับได้ทั้งสิ้น ตรวจและรักษาให้พวกเขาเป็นอย่างดี หากเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาได้ เธอจะพยายามอย่างสุดความสามารถในการควบคุมอาการป่วยของพวกเขา ให้พวกเขาได้อยู่บนโลกใบนี้พร้อมกับคนในครอบครัวได้นานขึ้นสักหน่อย แต่ก็มีคนบางจำพวกที่ไม่มีอาการป่วยใดๆ แต่กลับจะให้เธอจ่ายยาให้ได้


 


 


“คุณหมออวี๋ คุณแน่ใจจริงๆ เหรอว่าฉันไม่ได้ป่วยเป็นโรคอะไร แต่หลายวันมานี้ฉันนอนไม่ค่อยหลับเลย มักจะไอค่อกๆ แค่กๆ มีหนหนึ่งเหมือนจะไอออกมาเป็นเลือดด้วย ฉันรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะตาย”


 


 


อวี๋กานกานมองสาวน้อยที่อ่อนแอนราวกับหลินอวี้[1] เธออธิบาย “ร่างกายของคุณแข็งแรงดีค่ะ อาการไอเกิดจากหวัด ตอนนี้หายดีกว่าครึ่งแล้ว ร่างกายของคนเรามีระบบภูมิคุ้มกันและสามารถรักษาตัวเองได้ คุณแค่ต้องอาการกำลังกายให้มากขึ้น เข้านอนให้ไวตื่นให้เช้า เดี๋ยวเดียวก็หายดีกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วค่ะ”


 


 


“งั้นทำไมฉันถึงไอเป็นเลือดล่ะ”


 


 


“นั่นไม่ใช่ไอเป็นเลือด คุณใช้แรงในการไอมากเกินไป เม็ดเลือดก็เลยแตก”


 


 


“คุณหมออวี๋ยังไงก็จ่ายยาให้ฉันสักหน่อยเถอะนะ”


 


 


“ไม่ได้ป่วยเป็นอะไรก็ไม่มีความจำเป็นต้องรับประทานยานะคะ”


 


 


“แต่ว่าบางทีฉันรู้สึกป่วยจริงๆ นะ อีกอย่างร่างกายฉันก็อ่อนแอมาก คุณหมอจ่ายยาให้ฉันหน่อยเถอะนะ”


 


 


ถ้าเธอไม่สั่งยาให้ อีกฝ่ายก็ยอมถอย เธอจึงทำได้เพียงจ่ายยาบำรุงเลือดและพลังชี่ให้เขาไปสองชุด อีกฝ่ายซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก กล่าวขอบคุณเธอย้ำๆ เป็นพันครั้งก่อนจะจากไป


 


 


อวี๋กานกานหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ก็ไม่ออก ทว่าแบบนี้เธอก็ยังพอรับได้ สิ่งที่เธอรับไม่ได้มากที่สุดก็คือพวกถือโอกาสหาข้ออ้างว่ามารักษา แต่จริงๆ แล้วมาเพื่อต้องการหาคู่


 


 


“คุณหมออวี๋ คุณมีแฟนแล้วหรือยังครับ”


 


 


“ร่างกายคุณแข็งแรงดี เชิญคนต่อไปค่ะ”


 


 


“คุณหมออวี๋ คุณว่าผมเป็นไง ปีนี้ผมอายุยี่สิบเจ็ด หลังจบปริญญาตรีก็ออกมาตั้งกิจการ ทุกวันนี้มีบริษัทเล็กๆ เป็นของตัวเองแล้ว รายได้ต่อปีมากกว่าห้าล้านหยวน เคยมีแฟนหนึ่งคน แต่เลิกกันไปแล้ว โสดสนิทมาสามปี ผมรู้สึกว่าคุณเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง กตัญญู มีกาลเทศะ หน้าตาดี ทั้งยังรู้จักเอาใจใส่ดูแลคนอื่น ผมอยากจะคบหาดูใจกับคุณโดยมีเป้าหมายคือการแต่งงาน”


 


 


อวี๋กานกาน “…” 


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 166 ชุดคู่โดยบังเอิญ


 


 


จำนวนคนไข้ในคลินิกเยอะเกินไปแล้วจริงๆ เกินกว่ากำลังของอวี๋กานกานและลุงหวังสองคน ลุงหวังก็เลยเรียกลูกศิษย์ของเขาให้มาช่วย ส่วนอวี๋กานกานขอความช่วยเหลือจากรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งและซ่งฉาไป๋


 


 


ดวงตะวันกำลังลาลับขอบฟ้า คนไข้ในคลินิกค่อยๆ ลดจำนวนลง แต่คลินิกก็ยังคงปิดให้บริการตอนสองทุ่มเช่นเคย


 


 


ซ่งฉาไป๋มองอวี๋กานกานที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเก้าอี้อย่างหมดสภาพ เธอรินชาที่ชงด้วยตนเองใส่แก้ว จากนั้นวางไว้ตรงหน้าอวี๋กานกาน “มาๆ ดื่มชาเพิ่มพลัง เรียกความกระปรี้กระเปร่าหน่อย”


 


 


“โชคดีที่ช่วงบ่ายได้เธอกับรุ่นพี่มาช่วย ไม่งั้นฉันก็ไม่รู้ว่าต้องตรวจจนถึงกี่โมงกี่ยาม”


 


 


“หลังจากนี้เธอต้องให้พวกเขารับบัตรคิว ต่อแถว กำหนดว่าในหนึ่งวันรับตรวจกี่คน คนที่มาหาแพทย์แผนจีนไม่มีอาการฉุกเฉินหรอก ฉันบอกกับลุงหวังไว้แล้ว จากนี้ลูกศิษย์ของลุงหวังจะจัดการเรื่องบัตรคิวให้เรียบร้อยเอง”


 


 


“ขอบคุณ ขอบคุณเธอมากจริงๆ” อวี๋กานกานนั่งตัวตรง จับมือซ่งฉาไป๋แล้วเขย่าไปมา


 


 


“ตอนนี้เธอฮอตมากจริงๆ ชาวเน็ตเเรียกเธอว่าแพทย์แผนจีนที่สวยที่สุดกันทั้งนั้น มีหลายคนที่อยากให้เธอเปิดแอคเคาน์เว่ยปั๋ว เขียนบทความดูแลรักษาสุขภาพ ตอบคำถามเกี่ยวกับโรคต่างๆ ยาสามัญประจำบ้าน วิธีการหย่างเซิง เป็นต้น”


 


 


ซ่งฉาไป๋พูดไปด้วยยิ้มไปด้วย “เธอเปิดแอคเคาน์อวี้หมิงถางไหม โฆษณาอวี้หมิงถางสักหน่อย”


 


 


อวี๋กานกานส่ายหน้า “ไม่ดีกว่า ฉันไม่มีเวลาดูแลน่ะ หากป่วยจริงก็ให้มาที่คลินิกเถอะ ไม่ได้เห็นตัวคนไข้เป็นๆ ไม่ได้จับชีพจร ไม่มีทางที่จะยืนยันอาการป่วยได้”


 


 


 “เสียดายที่ฉันไม่มีความรู้ด้านแพทย์แผนจีน ไม่งั้นฉันคงล่มหัวจมท้ายไปกับเธอด้วยแล้ว”


 


 


คุยเล่นกันไปมา ซ่งฉาไป๋ก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ถาม “ยังเหลือเวลาอีกอาทิตย์หนึ่ง เธอก็ต้องไปเมืองจิงแล้ว ตอนนี้ธุรกิจคลินิกของเธอกำลังรุ่งโรจน์ ถ้าเธอไปเมืองจิง คลินิกก็ต้องปิดให้บริการ ฉันว่าเธอหารุ่นน้องหรือรุ่นพี่สักคนมาช่วยดูแลแทนสักเดือนดีกว่า”


 


 


 อวี๋กานกานส่ายหน้า “ไม่ดีกว่า” หากเธอไม่อยู่ จากนิสัยของลุงใหญ่และเหอหว่านซิน พวกเขาต้องมาก่อเรื่องวุ่นวายแน่ อีกอย่างเธอลองโทรหารุ่นพี่หลายคนแล้ว พวกเขาต่างก็มีธุระ


 


 


ไม่มีทางเลือก ยังไงก็ต้องปิดชั่วคราวไปก่อน


 


 


อวี๋กานกานรับประทานอาหารเย็นกับซ่งฉาไป๋ ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน


 


 


หลินจยาอวี่กำลังรออวี๋กานกานกลับมา ในมือของเธอถือจดหมายเรียนเชิญ เมื่ออวี๋กานกานกลับมาแล้วเธอจึงมอบจดหมายเรียนเชิญให้


 


 


“นี่คือ?”


 


 


“งานเลี้ยงฉลองวันเกิดอายุครบห้าสิบปีของพ่อฉัน เธอต้องมาให้ได้นะ”


 


 


เดิมทีหลินกั๋วเฟิงไม่ได้มีความคิดที่จะจัดงานลงงานเลี้ยงอะไร หลินจยาอวี่ป่วยเขาจะมีกะจิตกะใจมาจัดงานเลี้ยงได้อย่างไร แต่เมื่ออาการป่วยของหลินจยาอวี่ค่อยๆ ดีขึ้น เขาก็จิตใจเบิกบานขึ้นมาทันที รีบใช้โอกาสนี้สั่งคนให้จัดการงานเลี้ยงเฉลิมฉลองที่หลินจยาอวี่หายดีแล้ว


 


 


เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จากนี้ถัดไปอีกสองวัน ก่อนที่จะไปเมืองจิง อวี๋กานกานเองก็วางแผนไว้ว่าจะขอเข้าพบหลินกั๋วเฟิงสักหน่อย มีเรื่องบางเรื่องเกี่ยวกับหลินจยาอวี่ที่เธออยากจะพูดกับหลินกั๋วเฟิง


 


 


งานเลี้ยงครั้งนี้จัดตรงกับวันเกิดของหลินกั๋วเฟิง อวี๋กานกานเลิกงานก่อนเวลา ตั้งใจกลับคอนโดมาเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดเดรส ทั้งยังเกล้าผมขึ้นเป็นมวยเล็กๆ หลวมๆ ส่วนด้านหน้าปล่อยหน้าม้าที่ม้วนเป็นลอนลงมาสองปอย ทำให้เธอดูเป็นผู้หญิงบุคลิกดี คล่องแคล่ว ทะเล้น เป็นกันเองสบายๆ


 


 


หลินจยาอวี่กลับหลินซื่อคอร์ปอเรชั่นไปก่อนนานแล้ว วันฉลองครบรอบอายุห้าสิบปีของผู้เป็นบิดา เธอย่อมต้องรีบกลับไปเตรียมตัวก่อน


 


 


อวี๋กานกานเตรียมจะเรียกรถแท็กซี่ แต่กลับเจอฟังจือหันตรงล็อบบี้คอนโดเสียก่อน ฟังจือหันสวมชุดสูทพอดีตัวซึ่งเป็นสีเดียวกับชุดเดรสของเธอ ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็เหมือนชุดคู่ รูปร่างสูงใหญ่กำยำยืนอยู่ข้างรถยนต์ เมื่อเห็นเธอเขาก็เปิดประตูรถทันที ท่าทีสง่างามสูงส่งและเป็นสุภาพบุรุษ


 


 


อวี๋กานกานยกมือขึ้นมาลูบปอยผมที่ถูกลมพัดจนยุ่งเหยิง “ประธานหลินก็เชิญนายด้วยเหรอ”


 


 


 


 


——


 


 


[1] หลินอวี้ นางเอกในนวนิยายเรื่องความฝันในหอแดง บุคลิกเป็นคนค่อนข้างอ่อนแอ บอบบาง เจ้าน้ำตา


ตอนที่ 167 หวาน เขาเป็นคนในครอบครัว


 


 


นัยน์ตาแหลมคมของฟังจือหันปรายมามองอวี๋กานกานแวบหนึ่ง รอจนกระทั่งเธอขึ้นรถแล้ว นิ้วมือเรียวยาวดีดเข้าที่หน้าผากของเธอ “ในจดหมายเรียนเชิญบอกให้พาคนในครอบครัวไปด้วยไม่ใช่หรือไง”


 


 


อวี๋กานกานกุมหน้าผากตรงจุดที่เจ็บ สายตาจ้องมองฟังจือหันที่อยู่นอกรถพร้อมกับบ่นพึมพำ “นายไม่ใช่คนในครอบครัวฉันสักหน่อย…”


 


 


ในตอนที่ฟังจือหันก้าวขึ้นรถ เธอรีบเงียบเสียงทันที ใครให้เธอขาดคนขับรถพอดีเหล่า


 


 


รถขับเคลื่อนอยู่บนท้องถนนด้วยความเร็วสูง เพียงครู่เดียวก็มาถึงสถานที่จัดงานเลี้ยง งานเลี้ยงของหลินกั๋วเฟิงถูกจัดขึ้นที่โรงแรมหลินซื่อ


 


 


ในตอนที่พวกเขาเดินเข้างาน ห้องโถงใหญ่อันหรูหราโอ่อ่าแน่นขนัดไปด้วยแขกเป็นที่เรียบร้อย อวี๋กานกานกวาดตามอง ราวกับว่าทุกคนในงานจะเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในแวดวงนักธุรกิจ นักการเมือง จิตรกร ดารานักแสดงในวงการบันเทิงและแน่นอนเธอเห็นเฉียวพั่นเอ๋อร์อยู่ในงานด้วย


 


 


เฉียวพั่นเอ๋อร์ยืนอยู่ด้วยกันกับหลินจยาอวี่ ทั้งยังมีสาวสวยไฮโซอีกสองสามคนยืนอยู่ด้วย ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังพูดอะไรกัน เฉียวพั่นเอ๋อร์ถึงได้มีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก ส่วนสีหน้าของหลินจยาอวี่ยังคงเย็นชาเหมือนอย่างเคย


 


 


ทันทีที่สายตาของหลินจยาอวี่เหลือบไปเห็นอวี๋กานกาน เธอก็รีบเข้ามาต้อนรับทันที “มาแล้วเหรอ”


 


 


“ยินดีด้วยนะ”


 


 


“ประโยคนี้เอาไปบอกกับคุณพ่อของฉันเถอะ” เธอจูงมืออวี๋กานกานเดินเข้าไปหาหลินกั๋วเฟิงและหลินฮูหยิน


 


 


เมื่อเห็นหน้าอวี๋กานกาน หลินกั๋วเฟิงก็หัวเราะอย่างมีความสุขทันที “สวัสดีคุณหมออวี๋”


 


 


ฮูหยินหลินเดินเข้ามาสวมกอดอวี๋กานกานอย่างอบอุ่นเป็นมิตร “ขอบคุณหนูมากจริงๆ นะจ๊ะ ได้ยินทั้งคนพ่อคนลูกพูดมาเยอะว่าถ้าไม่ได้หนู เกรงว่าจยาอวี่คงขังตัวเองอยู่ในบ้านอีกพักใหญ่”


 


 


อวี๋กานกานรู้สึกว่าได้รับความโปรดปรานจนเธอเองยังตกใจไปเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าฮูหยินหลินจะอ่อนโยนเป็นกันเองได้ถึงขนาดนี้ เธอรู้สึกทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะเอามือไม้ไปวางไว้ตรงไหน ทำได้เพียงยิ้มอย่างเคอะเขิน “ฮูหยินเกรงใจเกินไปแล้วค่ะ เป็นสิ่งที่หนูควรทำทั้งนั้น”


 


 


หลินฮูหยินและหลินจยาอวี่หน้าตาคล้ายกันมาก คาดไม่ถึงว่าผู้ที่มีอิทธิพลเป็นอันดับสองของเมืองไป๋หยางจะเป็นสาวสวยอ่อนโยนประหนึ่งหยก


 


 


พวกเขาคุยกันต่ออีกสองสามประโยค ในฐานะที่หลินกั๋วเฟิงและหลินฮูหยินเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยง พวกเขายังจำเป็นต้องไปต้อนรับแขกท่านอื่นต่อ พวกเขาให้หลินจยาอวี่ดูแลอวี๋กานกาน จากนั้นจึงปลีกตัวออกไป ทว่าก่อนที่จะแยกกัน หลินกั๋วเฟิงพูดกับอวี๋กานกานว่าเขามีของขวัญชิ้นหนึ่งจะมอบให้เธอ


 


 


อวี๋กานกานถามหลินจยาอวี่ด้วยความสงสัยใคร่รู้ “ของขวัญอะไรเหรอ”


 


 


หลินจยาอวี่ส่ายศีรษะ บ่งบอกว่าเธอก็ไม่รู้ ก่อนจะถามกลับ “ทำไมมาคนเดียวล่ะ สามีเธอไปไหน”


 


 


ในตอนที่อวี๋กานกานกำลังจะพูดว่าฟังจือหันก็อยู่ข้างฉันนี่ไง เมื่อหันไปกลับพบว่าข้างกายเธอไม่มีใคร


 


 


เอ๊ะ! เดินเข้ามาด้วยกันแท้ๆ หายไปไหนของเขา?


 


 


ตั้งแต่ที่อวี๋กานกานเดินเข้ามาในงานเลี้ยง เฉียวพั่นเอ๋อร์ก็จับตามองเธอมาโดยตลอด เมื่อเห็นว่าหลินฮูหยินและประธานหลินปฏิบัติกับอวี๋กานกานอย่างสนิทสนม ในใจของเธอเหน็บหนาวราวกับว่ามีหิมะ ในขณะเดียวกันก็โกรธแค้นราวกับมีพลุไฟ


 


 


การประสมประสานกันระหว่างความเย็นและความร้อนเช่นนี้ ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดทุกข์ทรมานไปทั้งทรวงอก อวี๋กานกานมันเป็นใครกัน ทำไมคนของตระกูลหลินต้องทำดีสนิทสนมกับมันถึงขนาดนี้ด้วย ก็แค่รักษาโรคได้มีอะไรน่าวิเศษวิโส


 


 


เหตุการณ์ประท้วงที่คลินิก ต้องเป็นตระกูลหลินแน่ๆ ที่ช่วยอวี๋กานกาน ไม่เช่นนั้นอวี๋กานกานจะพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นฝ่ายชนะ ทั้งยังกลายเป็นแพทย์แผนจีนที่สวยที่สุดอะไรนั้นอีกได้อย่างไร


 


 


หน้าใหญ่เสียจริง เมื่อนึกถึงตอนที่เธอไปที่อวี้หมิงถาง เธอได้รับคำ “ดูถูก” จากอวี๋กานกานทั้งสองครั้งสองครา เฉียวพั่นเอ๋อร์ไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง


 


 


เฉียวพั่นเอ๋อร์และเหล่าเพื่อนๆ ไฮโซที่สนิทกันเดินมาหาอวี๋กานกานและหลินจยาอวี่


 


 


“ว้าย นี่ไม่ใช่แพทย์แผนจีนสาวสวยที่ช่วงนี้กำลังโด่งดังอยู่ในโลกอินเทอร์เน็ตหรอกเหรอ”


 


 


“คนสมัยนี้ นึกว่าตัวเองรักษาโรคได้นิดๆ หน่อยๆ ก็สามารถเปลี่ยนจากอีกากลายเป็นหงส์ ยิ่งใหญ่เหนือคนอื่น”


 


 


เรื่องระหว่างตระกูลเฉียวและแพทย์แผนจีนสาวโด่งดังไปทั่ว บรรดาสาวไฮโซเหล่านี้จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าอวี๋กานกานและเฉียวพั่นเอ๋อร์มีความบาดหมางต่อกัน ไม่ต้องเปรียบเทียบให้เสียเวลา พวกเธอย่อมรู้ดีว่าควรยืนอยู่ฝ่ายไหน แม้ว่าสีหน้าของพวกเธอจะยิ้มแย้มแจ่มใสไว้หน้าหลินจยาอวี่ แต่ทุกคำพูด ทุกประโยคล้วนแฝงไว้ด้วยเจตนาจิกกัดเหน็บแนม


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 168 หน้าแตกดังเพล้ง


 


 


อวี๋กานกานปรายตาไปมองเฉียวพั่นเอ๋อร์แวบหนึ่ง สายตาของเฉียวพั่นเอ๋อร์เต็มไปด้วยความยียวนกวนประสาท


 


 


สีหน้าของหลินจยาอวี่เปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอมองหน้าพวกเขาแล้วกล่าว “คุณอวี๋กานกานเป็นแขกที่ฉันเชิญมา”


 


 


“จยาอวี่ เธออย่าลืมเรื่องแฟนเก่าเธอสิ”


 


 


“ต่อให้รักษาโรคของเธอให้หายได้ แต่เมื่อจ่ายเงินไปแล้วก็ถือว่าหมดสิ้นบุญคุณต่อกัน ต้องมองเนื้อแท้ของคนบางคนให้ออกนะ จะได้ไม่ถูกหลอกอีก”


 


 


หลินจยาอวี่ขมวดคิ้ว กล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “งานเลี้ยงจะเริ่มแล้ว เชิญพวกเธอกลับไปที่นั่งของพวกเธอ”


 


 


หลินจยาอวี่กำลังพยายามไล่คนพวกนี้ แต่เธอก็ยังส่งสายตาเป็นนัยขอโทษอวี๋กานกาน


 


 


อวี๋กานกานมองหลินจยาอวี่ คลี่ยิ้มบางๆ กล่าวด้วยท่าทีที่ไม่ทุกข์ร้อน “ฉันรู้หน่าว่าไม่ใช่ลูกหลานเศรษฐีทุกคนจะมีนิสัยแบบนี้ ต้องโทษพวกไม่มีสมองที่อาศัยกินบุญเก่าของพ่อแม่ ทำให้บรรดาลูกเศรษฐีคนอื่นถูกเข้าใจผิด”


 


 


ในที่สุดเฉียวพั่นเอ๋อร์ก็ปริปากพูด กล่าวเหน็บแนม “ไม่เจอกันเดี๋ยวเดียว เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ส่วนคนบางคน อย่าหลงนึกว่าตัวเองแค่ได้สวมเสื้อคลุมลายมังกรแล้วก็จะได้เป็นจักรพรรดินี”


 


 


เพื่อนสาวไฮโซที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดขึ้นมาด้วยความโกรธ “จยาอวี่ เธอเชิญหมูหมากาไก่ที่ไหนมาเนี่ย”


 


 


อวี๋กานกานไม่ได้สนใจไฮโซคนนี้ เธอฉีกยิ้มเย็นชาให้เฉียวพั่นเอ๋อร์ กล่าว “ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ไม่ว่าฉันจะสวมเสื้อคลุมลายมังกรหรือเสื้อผ้าซอมซ่อ คลินิกก็ยังเป็นของฉัน ไม่มีทางเป็นของคนอื่น”


 


 


อวี๋กานกานรู้ดีว่าไฮโซพวกนี้เป็นพวกที่โดนเฉียวพั่นเอ๋อร์เป่าหูมา บางคนอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่กลับต้องมาถูกหลอกใช้แบบนี้


 


 


หลินจยาอวี่ไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง ไล่ด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ในเมื่อพวกเธอเห็นเพื่อนฉันเป็นหมูหมากาไก่ งั้นก็อย่ามาสร้างความอับอายขายขี้หน้าต่อหน้าฉันอีก เชิญ!”


 


 


เฉียวพั่นเอ๋อร์คาดไม่ถึงว่าเพื่ออวี๋กานกาน หลินจยาอวี่จะกล้าหักหน้าพวกเธอกันโต้งๆ แบบนี้ เธอโกรธจนเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่ กำลังจะอ้าปากพูด ทันใดนั้นมีน้ำเสียงเย็นสงบของสตรีผู้หนึ่งดังขึ้น “กานกาน”


 


 


อวี๋กานกานหันศีรษะไปตามเสียง เธอเห็นคู่สามีภริยาคู่หนึ่งเดินคล้องแขนกันมา ภายใต้แสงไฟสลัวๆ ในงานเลี้ยง สุภาพสตรีสวมสุดราตรีสีเหลืองอ่อน เกล้าผมขึ้น งดงามและมีสง่าราศี สุภาพบุรุษที่อยู่ข้างกายสวมกรอบแว่นสีทอง หน้าตาหล่อเหล่าสะอาดสะอ้าน หนักแน่นมั่นคง ดูสุขุมนุ่มลึกและองอาจผ่าเผย


 


 


อวี๋กานกานคลี่ยิ้มบาง เอ่ยเสียงเบา “พี่ซู”


 


 


ซูจื่อจิ้งเชคแฮนด์กับอวี๋กานกาน จากนั้นแนะนำสุภาพบุรุษที่อยู่ข้างเธอให้อวี๋กานกานรู้จัก “นี่อวี๋เหวินเจ๋อสามีของพี่เองจ้ะ เหวินเจ๋อ เธอคนนี้คืออวี๋กานกาน คนที่ฉันเคยเล่าให้คุณฟังค่ะ”


 


 


อวี๋เหวินเจ๋อและอวี๋กานกานทักทายด้วยการเชคแฮนด์กัน จากนั้นกล่าวขอบคุณ “ผมได้ฟังเรื่องทั้งหมดแล้ว คุณหนูอวี๋ขอบคุณ คุณมากจริงๆ นะครับ”


 


 


“ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะคุณผู้ชายอวี๋ ฉันก็แค่รักษาไปตามหน้าที่เท่านั้นเอง”


 


 


“หากคุณไม่ถือสาเรียกผมว่าพี่เขยเถอะครับ”


 


 


“ค่ะ พี่เขย”


 


 


ตูม! เหล่าบรรดาสาวไฮโซที่เมื่อครู่พูดจาถากถางอวี๋กานกานต่างพากันตกตะลึง ไม่ใช่แค่แพทย์บ้านๆ คนหนึ่งที่ช่วยรักษาหลินจยาอวี่หรอกเหรอ เป็นถึงน้องสาวของซูจื่อจิ้งไปได้อย่างไร


 


 


ไม่ว่าจะเป็นลูกพี่ลูกน้องหรือพี่น้องร่วมสาบาน สามารถมองเห็นได้เลยว่าซูจื่อจิ้งให้ความสำคัญกับอวี๋กานกานและความสัมพันธ์ของทั้งคู่อยู่ในเกณฑ์ดีมาก


 


 


เพลิงโทสะลุกโชนอยู่ในใจของเฉียวพั่นเอ๋อร์ เธอโมโหจนใบหน้าซีดเผือด ยัยอวี๋กานกานอะไรนี่มันรู้จักซูจื่อจิ้งได้อย่างไร


 


 


ซูจื่อจิ้งเป็นคุณหนูตระกูลเศรษฐีเก่าแก่ที่เป็นทั้งนักการเมืองและนักธุรกิจของเมืองจิง แม้ว่าจะแต่งงานกับอวี๋เหวินเจ๋อเพราะผลประโยชน์ทางธุรกิจและอำนาจทางการเมือง แต่ทุกคนต่างก็รู้ว่าพวกเขาคือคู่สามีภรรยาตัวอย่าง รักใคร่กลมเกลียวกันดี


 


 


ในใจของเฉียวพั่นเอ๋อร์เต็มไปด้วยความโกรธเกลียด เธอเคยเจอซูจื่อจิ้งอยู่หลายครั้งหลายครา ทุกครั้งซูจื่อจิ้งมักวางตัวสูงส่งเกินเอื้อม ไม่ว่าเฉียวพั่นเอ๋อร์จะพูดอะไรก็เข้าหน้าไม่เคยติด ราวกับว่าเธอไม่คู่ควรที่จะคบค้าสมาคมกับซูจื่อจิ้งอย่างไงอย่างงั้น 


 


 


แต่ตอนนี้ซูจื่อจิ้งกับปฏิบัติต่ออวี๋กานกานอย่างสนิทสนมเป็นกันเอง   

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม