ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง 160-166
ตอนที่ 160 พนักงานต้อนรับผู้น่าขัน
ต้องใช้เวลานานและสูญเสียพลังงานไปมากมายทีเดียว กว่าจะหาสถานที่ ‘แสนวิเศษ’ แบบนั้นให้กับเด็กผู้หญิงน่าสังเวชคนนั้นได้ เธอคิดไม่ถึงว่าเด็กนั่นจะเติบโตขึ้นอย่างปลอดภัยและย้อนกลับมา นี่เป็นการทำลายแผนการของเธอจนหมดสิ้น เธอเสียใจจริงๆ ที่ไม่ได้ฆ่าเด็กคนนั้นเสียแต่แรก!
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ คุณนายเฉินก็เลิกคิ้วด้วยร่องรอยความเหยียดหยามวาววับในดวงตา “คุณหลินเคยไปที่นั่นหรือ คุณควรรู้ว่าคนที่คุณเรียกว่าเด็กบ้านนอกนั่นเป็นหลานสาวคุณเองนะ คุณใช้เงินของพี่สาว แต่ดูถูกลูกสาวเธอ คุณไม่รู้สึกละอายใจบ้างเลยหรือ”
คนอื่นๆ ในที่นั้นส่งสายตาแสดงความรังเกียจไปที่หลินเจียว เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายเฉิน พวกเขาก็คิดว่าคนอย่างหลินเจียว ที่มักให้ความสนใจกับตัวเองเป็นอันดับแรกนั้นแย่มาก อาจเป็นเพราะเซียวจิ้นหนิงมีชื่อเสียง เธอจึงพยายามปกป้อง
เมื่อสังเกตเห็นว่าทัศนคติที่คนอื่นๆ มีต่อเธอเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน หลินเจียวก็ขมวดคิ้ว หันไปหาคุณนายเฉินและกล่าวด้วยเสียงหัวเราะเยาะ “คุณนายเฉิน ทำไมคุณถึงพยายามปกป้องนังเด็กสารเลวนั่น ทั้งๆ ที่ไม่เคยเห็นหน้ามัน แค่อยากประจบประแจงตระกูลเซียวอย่างนั้นใช่ไหม!” จากนั้นเธอก็เค้นเสียงอันเย็นชาต่อไป “ใช่ ตระกูลเซียวมีอิทธิพลมากในเมือง A ฉันเข้าใจดีว่าทำไมคุณถึงต้องการทำอย่างนั้น แต่ตอนนี้ตระกูลเซียวไม่ได้คิดหรือตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับเซียวโหรว และพี่สาวฉันก็ไม่ยอมรับเซียวโหรว เพราะฉะนั้นถึงคุณจะเยินยอนังเด็กคนนั้น ก็คงไม่ได้ประโยชน์อะไร”
คุณนายเฉินไม่โกรธหลังจากได้ยินคำพูดของหลินเจียว เธอนั่งเอนสบายๆ เงยหน้าขึ้นมอง แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องประจบประแจงตระกูลเซียว แต่คุณหลิน คุณควรคิดดีกว่าว่าจะทำอย่างไร ถ้าคำพูดของคุณไม่ถูกใจตระกูลเซียว ผู้อุปถัมภ์ของคุณ”
สีหน้าหลินเจียวเปลี่ยนไป แววตื่นตระหนกกะพริบอยู่ในดวงตา แต่เธอปกปิดความตื่นตระหนกไว้ โดยกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไม่ต้องห่วงหรอก คุณจะได้เงินของคุณแน่” เธอเชื่อว่าเมื่อนักเลงเหล่านั้นไปหาผู้จัดการทั่วไปของฝู่เหราอินเตอร์เนชันแนล ในนามของน้องสาวหลินหรู และเรียกเอาเงิน เขาจะต้องรายงานหลินหรู พี่สาวเธอจะไม่กล้าปฏิเสธ เพราะไม่เช่นนั้นเธอจะฟ้องแม่ สุดท้ายหลินหรูก็จะต้องเจอปัญหาใหญ่
เมื่อคิดเช่นนี้หลินเจียวก็หัวเราะอย่างพึงพอใจ ใช่ หลินหรูร่ำรวยหลังจากแต่งงานกับเศรษฐี แล้วไงล่ะ เธอจะไม่มีทางหนีพ้นจากการควบคุมของตระกูลหลิน และเธอจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลหลินเท่านั้น!
เมื่อเห็นหลินเจียวมั่นอกมั่นใจอย่างมาก คุณนายเฉินก็หัวเราะอยู่ในลำคอและบอกว่า “ก็ดี” ก่อนจะเล่นไพ่นกกระจอกต่อไป
…
ทางอีกด้านหนึ่ง นักเลงคุมบ่อนคาสิโนมาถึงฝู่เหราอินเตอร์เนชันแนล และขอให้พนักงานต้อนรับติดต่อผู้จัดการทั่วไป พนักงานต้อนรับตกใจเมื่อเห็นชายร่างใหญ่ทะมึนในชุดดำและสวมแว่นดำ เธอจึงถามอย่างระแวดระวัง “คุณคะ คุณต้องการพบผู้จัดการทั่วไปของเราทำไมคะ”
นักเลงคุมบ่อนขมวดคิ้ว ขณะสงสัยกับตัวเอง หลินเจียวไม่ได้บอกเรื่องนี้ไว้กับผู้จัดการทั่วไปหรอกหรือ เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่งเสียงดุดันออกมา “ทำไมน่ะเหรอ มาเอาเงินไงล่ะ! ไม่ต้องพูดมาก เรียกผู้จัดการทั่วไปของเธอออกมา บอกเขาว่าเรามาจากลิลลี่คาสิโน แล้วเขาจะรู้เอง”
หัวใจพนักงานต้อนรับเต้นรัวเร็วเมื่อได้ยินคำพูดของเขา ผู้จัดการทั่วไปไปเล่นการพนันที่คาสิโน และเล่นเสียใช่ไหม ตอนนี้คนจากบ่อนคาสิโนก็เลยมาหาเขาใช่หรือเปล่า
เมื่อคิดเช่นนี้ในใจพนักงานต้อนรับก็โทรหาเลขานุการของผู้จัดการทั่วไป แจ้งสถานการณ์ให้เธอทราบ เลขานุการก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอจึงขอให้พนักงานต้อนรับรอสักครู่ ขณะเข้าไปถามผู้จัดการทั่วไปถึงเรื่องนี้ พนักงานต้อนรับกล่าวอย่างระมัดระวังว่า “ค่ะ” หลังจากนั้นหนึ่งหรือสองนาทีเสียงเยือกเย็นของเลขานุการก็ดังออกมาจากโทรศัพท์ “อย่ารบกวนผู้จัดการทั่วไปด้วยเรื่องโง่ๆ นี้! เขาไม่เคยได้ยินชื่อลิลลี่คาสิโนมาก่อนเลยด้วยซ้ำ เรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาไล่พวกเขาออกไป”
พนักงานต้อนรับโล่งอกเมื่อได้ยินคำสั่งจากเลขานุการ เยี่ยมไปเลย! ผู้จัดการทั่วไปยังคงเป็นผู้นำที่เก่งที่สุด และเป็นที่หนึ่งในใจเธอ! เธอวางสายโทรศัพท์และมองหน้านักเลงด้วยสายตาเฉยเมย สีหน้าท่าทางเธอเปลี่ยนไปในทันที น้ำเสียงเธอเย็นชา “คุณคะ คุณมาหาผิดคนหรือเปล่า ผู้จัดการทั่วไปของเราไม่เคยได้ยินชื่อลิลลี่คาสิโน กรุณาออกไปจากที่นี่”
นักเลงตกตะลึง เขามองหน้าพนักงานต้อนรับคนสวยและถามว่า “คุณแน่ใจหรือ ผมได้รับคำสั่งให้มารับเงินที่นี่ คุณช่วยถามอีกครั้งได้ไหม”
โดยปกติแล้วพนักงานต้อนรับจะไม่ถามเจ้านายซ้ำ เพราะถ้าเธอทำเช่นนั้นจะหมายความว่า เธอซึ่งเป็นพนักงานตัวเล็กๆ สงสัยในตัวผู้จัดการทั่วไป ผู้ซึ่งฉลาดกว่าและเก่งกว่า เมื่อเจอกรณีแบบนี้เธอก็หน้าบึ้งในทันที และตอบอย่างเย็นชา “คุณคะ ถ้าคุณไม่ออกไป ฉันจะขอให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาพาคุณออกไป กรุณาออกไปค่ะ ผู้จัดการทั่วไปของเราไม่รู้จักคุณ!”
นักเลงเพียงแค่มารับเงิน คุณนายเฉินบอกเพียงแค่ให้เขามารับเงินที่ติดค้างอยู่ ไม่ได้บอกให้เขามาสร้างความวุ่นวายที่นี่ ดังนั้นนักเลงจึงหันหลังกลับออกจากอาคารฝู่เหราในทันที
ขณะมองตามรูปร่างบึกบึนและท่าทางดุดันของนักเลง พนักงานต้อนรับก็เม้มริมฝีปาก ขณะพึมพำว่า “อย่าคิดว่าคุณจะสามารถมาขู่เอาเงินจากฝู่เหราอินเตอร์เนชันแนล! ฉันดูออกหรอก!” จากนั้นเธอก็นั่งลงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากใต้โต๊ะ และเริ่มเล่นเกม
ในขณะนั้นนั่นเองชายหนุ่มหน้าตาดี ดูมีสง่าราศีก็เดินมาที่โต๊ะแผนกต้อนรับ ถามด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก “ผู้ชายคนนั้นบอกว่าเขามาจากไหน”
พนักงานต้อนรับตกใจมาก รีบปิดโทรศัพท์มือถือแล้วผุดลุกขึ้นทันที และในนาทีที่เธอเห็นชายหนุ่มผู้นี้ เธอก็เขินอายและพูดตะกุกตะกัก “ท่านประธานหยาง ผู้ชายคนนั้นบอกว่าเขามาจากลิลลี่คาสิโนค่ะ เขามาที่นี่เพื่อรับเงิน”
หยางฉีมั่วส่งเสียงคำรามเป็นคำตอบ ขณะเหลือบมองพนักงานต้อนรับแล้วกล่าวตำหนิเสียงเรียบ “คุณเหวิน นี่คือที่ทำงาน ไม่ใช่ที่เล่นเกม ถ้าอยากเล่นค่อยเล่นหลังจากเลิกงาน” เมื่อกล่าวจบเขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วเดินออกไปด้านนอกพร้อมกับกดหมายเลขโทรออก
พนักงานต้อนรับดูท่าทางละอายใจ แต่วินาทีต่อมาเธอก็ยกมือกุมหน้าอก และเกือบจะหมดสติ
ท่านประธานหยางหล่อเหลือเกิน!
ในขณะที่หยางฉีมั่วเดินออกจากอาคารฝู่เหรา โดยมีโทรศัพท์อยู่ในมือนั้น สัญญาณก็เชื่อมต่อพอดี เขากล่าวอย่างเคร่งขรึม “เมื่อกี้มีผู้ชายจากลิลลี่คาสิโนมาที่นี่ บอกว่ามารับเงิน ผมสงสัยว่าคนที่คุณกำลังตามหาจะอยู่ที่คาสิโน จะให้ผมไปตรวจดูที่นั่นไหมครับ”
คนที่อยู่ทางปลายสายอีกด้านหนึ่งพูดอะไรบางอย่าง เขาพยักหน้าแล้วตอบกลับว่า “ตกลง ผมจะไปดูที่นั่น ไม่ต้องห่วงครับ” เขาวางสาย จากนั้นรถของเขาก็แล่นมาจอดตรงหน้า โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาขับมาให้ เขาขึ้นรถ เปิดสัญญาณนำทางไปที่ลิลลี่คาสิโน และเคลื่อนรถออกไป
…
ทางอีกด้านหนึ่ง คุณนายเฉินวางสาย โยนโทรศัพท์ลงข้างตัว แล้วหันไปมองหลินเจียว
ตอนที่ 161 พยายามโทรศัพท์
หลินเจียวตัวลีบภายใต้สายตาเย็นชาของคุณนายเฉิน ขณะจ้องเขม็งที่หลินเจียว คุณนายเฉินกล่าวอย่างเฉยเมย “คุณหลิน คนที่ฟู่เหราอินเตอร์เนชันนัลไม่รู้จักคุณ นี่คุณคิดว่าฉันโง่พอที่จะโกงกันได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ”
สีหน้าหลินเจียวเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายเฉิน เยี่ยม! หลินหรู แกกล้าทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง! เธอเผชิญหน้ากับคุณนายเฉินและตอบกลับตะกุกตะกัก “ขอฉันโทรศัพท์หน่อย ฉันจะถามว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้”
เธอต้องโทรหามารดา บอกให้นางสั่งสอนหลินหรู กล้าดียังไงถึงทำให้เธอเสียหน้า! หลินหรูจะต้องเสียใจอย่างที่สุด!
คุณนายเฉินเยาะหยันหลินเจียว ผลักไพ่นกกระจอกไปข้างหน้า แล้วลุกขึ้นเดินเข้าไปหาหลินเจียว “ถ้าโทรแล้วยังไม่ได้เงิน” เธอกล่าวต่อจนจบ “คุณจะทำยังไง”
หลินเจียวมั่นใจว่าหากโทรศัพท์ไปเธอจะได้เงินแน่นอน เธอรู้จักหลินหรูดี ตราบใดที่เธอใช้วิธีข่มขู่ หลินหรูจะโอนเงินมาให้แต่โดยดี
“ถ้าฉันไม่ได้เงินนะ คุณนายเฉิน จะเอายังไงก็แล้วแต่คุณเลย” หลินเจียวตอบอย่างเชื่อมั่นในความคิด
คุณนายเฉินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยกับคำพูดอวดดีของหลินเจียว จากนั้นก็หันไปหาผู้หญิงคนอื่นๆ และถามด้วยรอยยิ้มว่า “ทุกคนได้ยินที่คุณหลินพูดใช่ไหม”
หญิงอ้วนพยักหน้า และผู้หญิงอีกหลายคนก็ทำตาม “ใช่ค่ะ พวกเราได้ยิน คุณหลินบอกว่าจะเอายังไงก็แล้วแต่คุณนายเฉิน”
คุณนายเฉินส่งเสียงคำรามเป็นคำตอบ แล้วหันไปมองหลินเจียวด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ “คุณหลินพูดขนาดนี้แล้ว คงเสียมารยาทแย่ถ้าฉันไม่ไว้หน้าคุณ ตกลง ฉันจะให้คุณยืมโทรศัพท์เดี๋ยวนี้ คุณใช้โทรศัพท์ได้ แต่ถ้าโทรแล้วยังไม่ได้เงิน คุณต้องทิ้งมือข้างหนึ่งไว้ที่นี่”
ผู้หญิงคนอื่นๆ ตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายเฉิน หลินเจียวต้องทิ้งมือไว้ที่นี่! พวกเธอเคยได้ยินมาเหมือนกันว่ามีคนถูกตัดมือที่คาสิโน แต่ไม่คาดคิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นในคาสิโนของคุณนายเฉิน… อย่างไรก็ตาม ในเมื่อคุณนายเฉินสามารถดำเนินงานสถานประกอบการขนาดใหญ่เช่นนี้ในเมือง W ได้ ภูมิหลังเธอต้องแข็งแกร่งพอสมควร ดูท่าทางคุณนายเฉินจะทำจริง ถ้าเธอได้พูดออกมาอย่างนี้แล้ว ผู้หญิงทุกคนเงียบกริบ เริ่มคิดทบทวนว่าตอนนี้ได้ติดหนี้คาสิโนอยู่บ้างหรือเปล่า
หลินเจียวเองก็มึนงงกับคำพูดของคุณนายเฉิน แต่คิดในใจว่าเธอต้องได้เงินแน่นอน จึงไม่ลังเลและพยักหน้าก่อนจะกล่าวต่อไป “ตกลง ถ้าฉันโทรไปแล้วยังไม่ได้เงิน คุณตัดมือฉันข้างหนึ่งได้เลย ฉันจะไม่ว่าอะไร!”
คุณนายเฉินตอบกลับด้วยรอยยิ้ม แล้วกล่าวว่า “ฉันรู้ว่าคุณหลินไม่กลัวความตาย เพราะคุณคือขาประจำบ่อนคาสิโนอยู่แล้ว ฉันจะกดหมายเลขให้เอง” คุณนายเฉินปลดล็อคโทรศัพท์มือถือของเธอ และหันหน้าไปถามหลินเจียว “คุณหลิน บอกหมายเลขมาสิ”
หลินเจียวเหลือบสายตาอันสับสนมองคุณนายเฉินแล้วตอบว่า “ให้ฉันใช้โทรศัพท์ของฉันได้ไหม ฉันต้องใช้โทรศัพท์ของฉันเอง เธอถึงจะรู้ว่าฉันโทรไป จริงไหม” ที่สำคัญคือ เธอจำเบอร์โทรศัพท์หลินหรูไม่ได้!
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ คุณนายเฉินก็เหลือบมองนักเลงคนหนึ่ง นักเลงหยิบกระเป๋าหลินเจียวมาส่งให้คุณนายเฉิน เธอหยิบโทรศัพท์มือถือของหลินเจียวออกมา แต่พบว่าต้องใช้รหัสผ่านในการปลดล็อค เธอเลิกคิ้วขึ้นมองหลินเจียว พร้อมกับโยนโทรศัพท์ให้และกล่าวว่า “คุณหลิน จัดการได้ แต่ฉันมีเงื่อนไขนะ คุณต้องเปิดเสียงพูดคุยให้ฉันได้ยิน” เมื่อเห็นหลินเจียวทำหน้าบึ้ง คุณนายเฉินก็อธิบายพร้อมกับยิ้มว่า “ฉันคิดว่าคุณหลินคงเข้าใจใช่ไหม ฉันไม่รู้ว่าทางโน้นจะโอนเงินให้จริงหรือเปล่า ถ้าคุณหลินแค่คิดจะหลอกล่อ ฉันจะไม่ต้องเสียเวลา เสียแรงไปฟรีๆ หรือ”
หลินเจียวเหลือบมองหน้าคุณนายเฉินอย่างลังเล ขณะคิดในใจว่าถึงยังไงหลินหรูก็จะไม่กล้าดุด่าเธอหากเธอโทรไป อย่างมากก็แค่พยายามตักเตือนเธอไม่ให้เล่นการพนัน หรืออะไรทำนองนั้น ถ้าหลินหรูกล้าดุด่า เธอจะโต้กลับ สุดท้ายหลินหรูก็ต้องส่งเงินมาให้เธออยู่ดีเพราะเกรงกลัวมารดา และจากนั้นเธอจะได้โอกาสสั่งสอนคนอวดรวยพวกนี้!
เมื่อคิดเช่นนั้นหลินเจียวจึงไม่ลังเลอีกต่อไป เธอพยักหน้าตกลง “ในเมื่อคุณนายเฉินอยากฟังก็ไม่เป็นไร เพราะถึงอย่างไรความจริงก็คือ เซียวกรุปเป็นของพี่เขยฉัน” หลังจากจบคำพูดเธอเริ่มค้นหาหมายเลขโทรศัพท์หลินหรู เมื่อหาเจอเธอก็ยิ้มหยันขณะโทรออก
คุณนายเฉินและผู้หญิงคนอื่นๆ หยุดเล่นไพ่นกกระจอกหันมาฟังเธอ เวลาผ่านไปนานมาก แต่ไม่มีใครรับโทรศัพท์ รอยยิ้มเหยียดหยามค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคุณนายเฉิน รวมทั้งผู้หญิงคนอื่นๆ ในขณะที่หลินเจียวหน้าซีดลงเรื่อยๆ เมื่อทุกคนได้ยินเสียงตอบรับอัตโนมัติให้ฝากข้อความ หลินเจียวก็วางสายและกล่าวว่า “พี่สาวฉันอาจกำลังประชุมอยู่ เธอจึงปิดเสียงโทรศัพท์ ฉันขอลองอีกครั้ง”
คุณนายเฉินยิ้มอย่างเย็นชาให้หลินเจียวและพยักหน้า “ได้สิ ฉันจะให้เวลาคุณพยายามโทรอีกสิบนาที พอไหม”
ผู้หญิงคนอื่นหัวเราะเบาๆ เมื่อได้ยินอย่างนี้ หลินเจียวรู้สึกได้ถึงการเย้ยหยันในคำพูดของคุณนายเฉิน แต่เธอทำได้เพียงคำรามในลำคอ และเริ่มต่อสายโทรศัพท์อีกครั้ง พร้อมกับสาปแช่งหลินหรูในใจ นังผู้หญิงบัดซบกล้าทำเธอเสียหน้าได้อย่างไร! เธอจะสั่งสอนให้เข็ด! คิดว่าตัวเองรวยนักหรือไง แกมันก็แค่ผู้หญิงสารเลวเหมือนลูกสาวแก!
เธอคิดว่าหลังจากเธอได้เงินแล้ว ถึงยังไงหลินหรูก็ต้องชดใช้ให้กับการที่เธอถูกคนเหล่านี้หัวเราะเยาะ!
เมื่อเสียงสัญญาณไม่มีคนรับสายดังมาจากโทรศัพท์อีกครั้ง หลินเจียวก็วางสาย
หลินหรู นังสารเลว ถ้าแกยังไม่รับโทรศัพท์ ฉันจะโทรหาแม่!
หลินเจียว โทรออกเป็นครั้งที่สาม…
…
ทางอีกด้านหนึ่ง ถังซีนั่งอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยของหลินหรู มองดูโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะข้างเตียงที่สั่นสะเทือน เมื่อเห็นชื่อผู้โทรเธอก็หรี่ตาลงและยิ้มอย่างเยือกเย็น ผู้หญิงคนนั้นกล้าดียังไงถึงโทรมา ฉันยังไม่ได้ไปก้าวเข้าไปหาเธอเลยนะ แต่เธอกล้ามายุ่งกับฉัน
ถังซีชำเลืองมองหลินหรูที่นอนอยู่บนเตียง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ จัดผ้าห่มให้หลินหรู แล้วออกจากห้องคนไข้ ทันทีที่เธอออกมาโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง เธอรับสาย เลิกคิ้วและกล่าวอย่างเย็นชา “ฮัลโหล”
ในที่สุดเมื่อได้ยินเสียงคนรับโทรศัพท์ หลินเจียวก็ถามอย่างเกรี้ยวกราด “ทำไมนานนัก ยุ่งอะไรนักหนา”
ตอนนี้เป็นเวลาค่ำ ดวงอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ถังซียืนอยู่ที่สุดปลายโถงทางเดินของโรงพยาบาล เธอเลิกคิ้วขึ้นอีกเมื่อได้ยินคำถาม และน้ำเสียงเธอเย็นเยือกยิ่งขึ้น “มีอะไรหรือ”
ตอนที่ 162 ถ้อยคำเหยียดหยาม
ถ้าหลินเจียวมาอยู่ข้างๆ ถังซีตรงนี้ เธอจะกลายเป็นน้ำแข็งไปทันที ด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกของถังซี
ด้วยความตื่นตระหนก หลินเจียวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายไม่ใช่หลินหรู เธอขมวดคิ้วตะคอกว่า “รู้ไหม ทำไมฉันถึงโทรหาเธอ! เธอกล้าดียังไงถึงสั่งไม่ให้ฟู่เหราอินเตอร์เนชันนัลจ่ายเงินให้ฉัน โอนมาสองแสนหยวนเดี๋ยวนี้! ฉันต้องการเงิน”
เมื่อได้ยินหลินเจียวคุยกับหลินหรูแบบนี้ คุณนายเฉินและคนอื่นๆ ก็เลิกคิ้วด้วยท่าทางประหลาดใจ แม้แต่ถังซีก็ยังเลิกคิ้วสูงและรู้สึกประหลาดใจกับคำพูดของหลินเจียวเช่นกัน หลินเจียวกับพ่อแม่ขอเงินหลินหรูแบบนี้มาตลอดใช่ไหม และคุณแม่ก็ไม่เคยปฏิเสธพวกเขา
เมื่อได้รู้สถานการณ์ เธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมหลินรูถึงได้นึกถึงแต่ผลกำไรขนาดนั้น เพราะต้องส่งเสียให้ครอบครัวโลภมากนี่เอง
ถังซีคำรามและตะคอกกลับไป “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับฉัน นี่ยังเป็นวันหยุดอยู่ ฝันไปหรือเปล่า ตื่นได้แล้ว!”
หลินเจียวโกรธขึ้นมาทันทีกับคำพูดเย้ยหยันของถังซี เธอเหลือบมองไปทางคุณนายเฉินซึ่งจ้องมองมาอย่างเหยียดหยาม และตะโกนออกมา “หลินหรู แกลืมสัญญาที่ให้ไว้กับแม่แล้วหรือ ตอนที่แม่ตกลงให้แกแต่งงานกับผัวของแก แกบอกไม่ใช่หรือว่าจะช่วยให้ฉันมีชีวิตอย่างสุขสบาย แกบอกไม่ใช่หรือว่าแกจะส่งเสียเลี้ยงดูฉันไปตลอดชีวิต แกไม่กลัวว่าฉันจะฟ้องแม่หรือ ว่าแกทำอะไรกับฉันวันนี้ แกรู้ดีว่าถ้าแม่รู้แกต้องโดนหนักแน่”
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ถังซีก็นึกภาพออกว่าหลินหรูต้องเจอกับอะไรมาบ้างก่อนหน้านี้ หัวใจเธอกระตุกอย่างแรงด้วยความรู้สึกเสียใจกับหลินหรู เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบยิ่งขึ้น “ถ้าอย่างนั้นก็ไปฟ้องแม่ที่ไร้ยางอายของแกเลยสิ บอกให้แม่แกมาคิดบัญชีกับเรา ฉัน…เซียวโหรว กำลังรออยู่ ฉันจะรอดูสิว่าแม่แกจะทำอะไรคุณแม่ฉันได้ และแก…หลินเจียว แกมีชีวิตอยู่ด้วยการดูดเลือดจากคุณแม่ฉันมานานแล้ว ถึงเวลาแล้วที่แกจะต้องชดใช้ให้คุณแม่ฉัน…” ถังซีหยุดไปชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวต่อไป “แล้วอีกอย่าง ทำไมฉันต้องสนใจด้วยว่าแกจะต้องการเงินหรือเปล่า ถ้าแกอยากได้เงินก็หาเอาเองสิ ตระกูลเซียวของเราไม่ใช่ตู้เอทีเอ็มของแก แกข่มขู่คุณแม่ฉัน แล้วคุณแม่ฉันยังจะต้องให้เงินแกอีกหรือ แกเป็นบ้าไปแล้วหรือไง”
หลินเจียวคิดไม่ถึงว่าจะถูกด่าเช่นนี้ และไม่คาดคิดด้วยว่าคนที่รับโทรศัพท์จะไม่ใช่หลินหรู แต่กลายเป็นนังเด็กสารเลวมารับแทน ใบหน้าเธอบูดบึ้งและถามอย่างเย็นชา “แม่แกอยู่ไหน บอกให้มารับโทรศัพท์… เร็วๆ”
ถังซียิ้มเยือกเย็นขณะคิดในใจว่า เป็นการดีที่เถาเยี่ยนและหลินรั่วจื้อเป็นคนอวดดี สำคัญตัวเองผิด คิดเสมอว่าสามารถจัดการเรื่องต่างๆ ได้ด้วยตนเองไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อหลินหรูตกบันไดพวกเขาจึงไม่ได้โทรบอกเรื่องนี้กับหลินเจียว ทำให้หลินเจียวไม่รู้เรื่องและโทรมาขอเงิน…
เมื่อคิดเช่นนี้ถังซีก็ยืนพิงผนังสบายๆ พูดอย่างไม่แยแส “คุณแม่ฉันบอกว่าท่านไม่อยากเสียเวลากับคนที่ไม่สำคัญ ท่านบอกด้วยว่าถ้าแกอยากฟ้องแม่ก็ไปฟ้องเลย แล้วถ้าอยากได้เงินแกควรโทรหาแม่แก อย่ามารบกวนท่าน”
“แกพูดอะไร” หลินเจียวตาเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง หลินหรูพูดอย่างนั้นจริงๆ หรือ เธอมั่นใจว่าหลินหรูจะไม่กล้าพูดอะไรแบบนี้ ด้วยสถานะทางสังคมในปัจจุบัน สิ่งที่หลินหรูกลัวที่สุดคือ กลัวพ่อแม่ของเธอจะสร้างเรื่อง หากข่าวนี้แพร่กระจายออกไปในเมือง A หลินหรูจะกลายเป็นตัวตลกของชนชั้นสูง
หลินหรูควรจะกลัวพวกเขา แต่วันนี้เกิดอะไรขึ้นกับเธอ เธอจะพูดจาแบบนี้ได้อย่างไร!
“ฉันบอกว่าฉันไม่สนหรอกว่าแกจะต้องการเงินหรือเปล่า! อย่ามารบกวนคุณแม่ฉันอีก ไม่อย่างนั้นถึงแม้ท่านจะไม่จัดการกับแก แต่ฉันจะทำให้แกย่อยยับ! เชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจ อยากลองดูก็ได้!” ถังซีตอบอย่างเลือดเย็น แล้ววางสายโทรศัพท์ หลินเจียวตกตะลึงจนไม่รู้จะตอบโต้อย่างไร
หลังจากวางสายถังซีก็หันไปหาเซียวเจี่ยน ซึ่งมายืนอยู่ข้างๆ เธอเลิกคิ้วถามว่า “พี่ทำธุระเสร็จแล้วเหรอคะ”
เซียวเจี่ยนพยักหน้า มองถังซีด้วยท่าทางครุ่นคิด “โทรศัพท์จากหลินเจียวหรือ”
ถังซียิ้ม ส่งโทรศัพท์ให้ เซียวเจี่ยน “เธอโทรมาขอเงิน ฉันคิดว่าเธอคงเสียพนัน พี่จิ่งเพิ่งส่งข้อความหาฉัน พวกเขาหาเจอแล้วว่าหลินเจียวอยู่ที่ไหน และกำลังรีบไปที่นั่นภายในคืนนี้ ฉันคิดว่าพวกเขาน่าจะนำตัวเธอมาถึงเมือง A ตอนดึกๆ”
เซียวเจี่ยนพยักหน้าก่อนจะหยิบบุหรี่ออกมาจากกล่องและจุดไฟ อย่างไรก็ตามในนาทีนั้นเองที่เขาเห็นร่องรอยความรังเกียจพาดผ่านสายตาถังซี เขาหยุดสูบแล้วดับบุหรี่ทันที เมื่อเงยหน้าขึ้นมองและเห็นว่าถังซีมีท่าทีประหลาดใจเขาก็หัวเราะเบาๆ ด้วยความสุขที่ส่องประกายชัดเจน “พี่จะอยู่เฝ้าที่นี่เองคืนนี้ เธอกลับไปพักผ่อนที่บ้านเถอะ เธอเพิ่งออกจากโรงพยาบาลได้ไม่นาน ร่างกายยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ไม่ควรนอนดึก แล้วอีกอย่างที่โรงพยาบาลนี่ก็ไม่สะดวกเท่าที่บ้าน นั่งแท็กซี่กลับไป แล้วค่อยมาใหม่พรุ่งนี้เช้า”
ถังซีจ้องหน้าเซียวเจี่ยน ยังคงมีร่องรอยความประหลาดใจ ความขัดเขินแวบขึ้นบนสีหน้าเซียวเจี่ยน เขายกกำปั้นขึ้นปิดปากกระแอม ก่อนจะกล่าวว่า “กลับไปบ้าน แล้วนำอาหารมาให้คุณแม่พรุ่งนี้เช้า คุณแม่อาจจะฟื้นวันพรุ่งนี้ และท่านจะมีความสุขมากถ้าเห็นเธอนำอาหารเช้ามาให้”
ถังซีครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นฉันจะกลับไปก่อน” จากนั้นเธอก็หันหลังเดินจากไป ขณะมองตามร่างถังซีที่เดินห่างออกไปเซียวเจี่ยนตกอยู่ในภวังค์ หลังจากได้สติอีกครั้งเขาก็หยิบไฟแช็กออกมาจุดบุหรี่ในมืออีกครั้ง เขาเลิกคิ้วมองบุหรี่อย่างพิจารณา ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะกลายเป็นพี่ชายที่ห่วงใยน้องสาวมากแบบนี้
เขาจะไม่มีทางงดเว้นการสูบบุหรี่ต่อหน้าใคร แต่ตอนนี้เขาทำอย่างนั้นเพื่อน้องสาว ซึ่งเขายังไม่รู้จักดีเลยด้วยซ้ำ…
…
หลินเจียวจ้องโทรศัพท์ในมือเขม็ง แต่แล้วก็รีบหันไปมองคุณนายเฉิน และกล่าวอย่างร้อนรน “คุณนายเฉินไม่ต้องห่วง ฉันจะโทรหาแม่ แม่ฉันอยู่ที่บ้านพี่สาว ตราบใดที่แม่อยู่ที่นั่น พี่สาวฉันต้องให้เงินฉันอย่างแน่นอน”
คุณนายเฉินมองดูหลินเจียวที่มีท่าทางกระวนกระวาย ด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น ขณะเลิกคิ้วขึ้นถาม “คุณหลินยังคิดจะโทรอีกหรือ แล้วถ้าแม่ของคุณไม่รับสายล่ะ ฉันจะต้องรอคุณทั้งคืนเลยหรือเปล่า”
หลินเจียวรีบตอบอย่างรวดเร็ว “ขอฉันโทรอีกครั้งเถอะนะ แค่ครั้งเดียว ถ้าแม่ฉันไม่รับสายฉันจะ…” หลินเจียวชำเลืองมองหน้าคุณนายเฉิน แล้วถามเบาๆ “คุณนายเฉิน ให้เวลาฉันสักสองวันได้ไหม ฉันจะไปเมือง A ไปเอาเงินมาให้คุณด้วยตัวเอง ได้ไหม”
คุณนายเฉินหัวเราะ ดวงตาเธอเต็มไปด้วยถ้อยคำเหยียดหยาม “ไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อใจคุณนะ แต่คุณหลิน คุณไม่ใช่คนเมืองนี้ ฉันจะเชื่อถือคุณได้ยังไง”
ตอนที่ 163 เหมยไอ้ย่วน
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายเฉินผู้หญิงคนอื่นๆ ก็พยักหน้า และเอ่ยสนับสนุนทันที หญิงอ้วนกล่าวว่า “ใช่แล้วคุณหลิน เราทุกคนเป็นชาวเมือง W สามีเราเป็นคนที่ผู้คนให้ความเคารพนับถือ ด้วยหน้าที่การงานที่มั่นคงเป็นหลักเป็นฐาน คุณนายเฉินรู้ภูมิหลังของพวกเรา แต่คุณไม่ใช่คนเมืองนี้ พวกเราไม่รู้จักครอบครัวคุณ แน่นอนว่าเราไม่อาจไว้ใจคุณ ปล่อยคุณไปเพราะคำพูดของคุณได้”
ผู้หญิงอีกคนพยักหน้าและกล่าวว่า “ใช่ คุณหลิน ไพ่นกกระจอกนี่เป็นแค่งานอดิเรก ถ้าคุณแพ้คุณก็ควรจ่ายเงิน คุณจะหนีไปเฉยๆ หลังจากเล่นเสียไม่ได้ ถ้าทุกคนทำแบบเดียวกับคุณ ต่อไปพวกเราก็คงเล่นกันไม่สนุกแล้วล่ะ” จากนั้นเธอก็ฉีกยิ้มให้หลินเจียว “จากที่หลานสาวคุณพูดกับคุณทางโทรศัพท์ ฉันคิดว่าคุณน่าจะยังมีโอกาสขอความช่วยเหลือจากพวกเขานะ ลองขอร้องเธออีกครั้งสิ”
ใบหน้าหลินเจียวเปลี่ยนสีเป็นแดงก่ำกับคำพูดเสียดสีจากผู้หญิงคนนี้ เธอนั่งลงบนเก้าอี้แล้วกล่าวว่า “ก็ได้! รอเดี๋ยว!”
คุณนายเฉินลุกขึ้นเดินเข้าไปหาหลินเจียว เธอส่งเสียงดัง จ้องหน้าหลินเจียวเขม็งขณะกล่าวว่า “หลินเจียว รู้ไหมว่าทำไมวันนี้แกไม่สามารถเดินออกจากคาสิโนแห่งนี้ได้”
เมื่อได้ยินสรรพนามที่คุณนายเฉินเรียกเธอเปลี่ยนไป หลินเจียวก็มองหน้าคุณนายเฉินด้วยความประหลาดใจ คุณนายเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและสายตาเย็นเยือก “แกยังจำผู้หญิงที่ถูกสามีไล่ออกจากบ้าน และฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดลงไปในแม่น้ำเพราะแก เมื่อสามปีที่แล้วได้ไหม”
หลินเจียวตกใจอย่างแรงกับคำพูดของคุณนายเฉิน “นี่คุณพูดถึงเรื่องอะไร” เธอถาม หน้านิ่วคิ้วขมวดมองคุณนายเฉิน
คุณนายเฉินใบหน้านิ่งเฉย เดินตรงเข้าไปหาหลินเจียว จับคางเธอไว้แล้วพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผู้หญิงที่แกทำลายชีวิตคือพี่สาวฉัน เหมยไอ้หวา! ฉันคือ เหมยไอ้ย่วน น้องสาวของเหมยไอ้หวา หลินเจียว แกช่างมีชีวิตที่ดีเหลือเกินนะในช่วงเวลาสามปีนี้!”
เมื่อได้ยินอย่างนี้หลินเจียวก็ผลักเหมยไอ้ย่วนออกไป และถอยหลังไปหนึ่งก้าวพร้อมกับร้องออกมา “การตายของเหมยไอ้หวาไม่เกี่ยวกับฉัน! เธอกระโดดน้ำตายเอง ฉันไม่ได้ฆ่าเธอ! ได้ยินไหม อย่ามาพูดมั่วๆ!”
เมื่อเห็นว่าหลินเจียวยังคงปฏิเสธ ไม่ยอมรับความผิดแม้กระทั่งตอนนี้ เหมยไอ้ย่วนก็หรี่ตาลง ขณะก้าวไปข้างหน้าจ้องมองหลินเจียวเขม็ง “ไม่เกี่ยวข้องกับแกอย่างนั้นหรือ ถ้าแกไม่ยั่วยวนเฮ่อเฉา เขาจะนอกใจภรรยา แล้วโยนพี่สาวฉันออกจากบ้านอย่างนี้หรือ!”
“ไร้สาระ! ไอ้หวาไม่มีน้องสาว คุณพูดอะไร!” หลินเจียวก้าวถอยหลังอีกก้าว ทุกครั้งที่เธอวางแผนล่อลวงผู้ชายที่แต่งงานแล้ว เธอจะตรวจสอบภูมิหลังของภรรยาพวกเขาทุกคน เหมยไอ้หวาเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่งที่เติบโตขึ้นมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แล้วเรียนจบแพทย์ เธอไม่มีพี่น้อง!
“ฮ่าๆ …” เหมยไอ้ย่วนหัวเราะเสียงเยือกเย็น แล้วจู่ๆ สายตาที่จ้องมองหลินเจียวก็ดุร้ายขึ้นมา ราวกับจะกลืนกินหลินเจียวด้วยสายตา “ใช่ พี่สาวฉันกับฉันเติบโตขึ้นมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอรักเฮ่อเฉาสุดหัวใจ แต่ครอบครัวเขารวยมาก ฉันจึงขอให้พี่สาวบอกเขาว่าเธอไม่มีพี่น้อง เพราะไม่อยากเป็นตัวถ่วง ขัดขวางการแต่งงานของเธอ แล้วแกมีเหตุผลอะไร นังผู้หญิงไร้ยางอาย ที่มาแย่งสามีพี่สาวฉัน และฆ่าเธอ!”
สิ่งที่เหมยไอ้ย่วนเสียใจที่สุดในชีวิตคือ เธอไม่ได้ยืนกรานขอให้พี่สาวบอกให้คนอื่นรู้ถึงความสัมพันธ์ของพวกเธอ พี่สาวเธอกลัวว่าเฮ่อเฉาจะคิดว่าตนเองโกหก จึงขอให้เธอปกปิดความสัมพันธ์ของเธอทั้งสอง และไม่เคยพาเธอไปที่บ้านเลย ในช่วงเวลาที่พวกเธออยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอสองคนมักถูกคนอื่นรังแกเสมอ แต่ทุกครั้งพี่สาวจะกอดเธอไว้ในอ้อมแขน และปกป้องเธอจากอันตรายทุกอย่าง เธอรู้สึกขอบคุณและรักพี่สาวเธอมาก จึงทำตามความต้องการของพี่สาว แต่ไม่เคยคิดว่าการตัดสินใจของเธอจะนำพาพี่สาวเธอไปสู่ความตายโดยทางอ้อม
นี่คือเหตุผลว่าทำไม เมื่อเธอรู้สาเหตุที่อยู่เบื้องหลังการตายของพี่สาว เธอจึงทำลายบริษัทของเฮ่อเฉาทันที และทำให้เขาเข้าคุก ตอนนี้ก็ถึงคราวของผู้หญิงคนนี้ที่เป็นตัวฆาตกรแล้ว!
ผู้หญิงคนอื่นๆ ในที่นั้นต่างตกใจ และมองเหมยไอ้ย่วนอย่างไม่เชื่อสายตา พวกเธอคิดไม่ถึงว่าคุณนายเฉินผู้สง่างามและดูสูงส่งจะเป็นเด็กกำพร้ามาก่อน… ทุกคนส่งสายตาแสดงความรังเกียจไปที่หลินเจียว ในฐานะผู้หญิงที่เป็นภรรยา พวกเธอเกลียดผู้หญิงทุกประเภทที่ทำตัวแบบหลินเจียวอย่างที่สุด พวกที่ชอบยั่วยวนผู้ชายที่แต่งงานแล้ว คุณจะทำอะไรก็ได้ในโลกเสรีใบนี้ แต่ทำไมต้องอยากเป็นภรรยาน้อยของผู้ชายที่แต่งงานแล้ว และทำให้แตกครอบครัวคนอื่นแตกแยก! ช่างไร้ยางอายอย่างแท้จริง!
หลินเจียวรู้ว่าเหมยไอ้หวาเติบโตขึ้นในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และใจเธอหายวาบเมื่อได้ยินคำพูดของเหมยไอ้ย่วน เธอรู้ว่าเธอเสร็จแน่คราวนี้ ไม่น่าแปลกใจที่คุณนายเฉินชอบเล่นไพ่นกกระจอกกับเธอ นับตั้งแต่วันที่เธอมาปรากฏตัวที่คาสิโน แท้ที่จริงเธอคือเป้าหมายที่เหมยไอ้ย่วนวางไว้ตั้งแต่แรกแล้ว!
เมื่อเห็นหลินเจียวเงียบกริบ เหมยไอ้ย่วนก็ยิ้มอย่างเย็นชา “หลินเจียว ทุกคนย่อมรู้ดี ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต ถึงแกจะไม่ได้ลงมือฆ่าพี่สาวฉัน แต่เธอตายเพราะแก ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่แกต้องชดใช้ มือข้างหนึ่งแลกเปลี่ยนกับเงินหกหมื่นหยวน เป็นข้อตกลงที่ดีสำหรับแก แกไม่คิดอย่างนั้นหรือ”
“เธอทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง! ไม่รู้หรือว่ามันผิดกฎหมาย!” หลินเจียวเริ่มหวาดกลัว เพราะท่าทางเหมยไอ้ย่วนดูไม่เหมือนว่าพูดเล่น ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเธอกำลังเผชิญสถานการณ์ร้ายแรง!
เหมยไอ้ย่วนยิ้มเยือกเย็น “ผิดกฎหมายหรือ เปิดบ่อนคาสิโนก็ผิดกฎหมาย แกคิดว่าฉันจะกลัวไหมล่ะ”
หลินเจียวกลืนน้ำลายและก้าวถอยหลัง “ฉันจะเรียกตำรวจ!” เธอเริ่มกดหมายเลขบนโทรศัพท์ ขณะที่เหมยไอ้ย่วนขยิบตาให้นักเลงคุมบ่อน ซึ่งรีบวิ่งเข้าไปคว้าโทรศัพท์จากมือหลินเจียวทันที
หลินเจียวเริ่มกรีดร้องเสียงดังเมื่อนักเลงเข้ามาถึงตัวเธอ และร้องให้นักพนันคนอื่นๆ ช่วย แต่ทุกคนยังคงเล่นการพนันต่อไปราวกับไม่ได้ยินเสียงเธอ หลินเจียวจึงตะโกนใส่เหมยไอ้ย่วน “นี่มันผิดกฎหมาย ฉันจะฟ้องเธอ! พี่สาวและพี่เขยฉันเป็นคนใหญ่โตในเมือง A! พวกเขาจะส่งคนมาช่วยฉันอย่างแน่นอน!”
เหมยไอ้ย่วนส่งเสียงคำรามอย่างหยามเหยียด และกำลังจะพูดอะไรบางอย่างเมื่อนักเลงคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเธอ เขาเป็นคนที่เธอส่งไปที่ฟู่เหราอินเตอร์แนชันนัล เหมยไอ้ย่วนหันไปมอง เขากล่าวกับเธอเบาๆ ว่า “นายครับ ผู้ชายคนหนึ่ง อ้างว่าเป็นผู้จัดการทั่วไปของฟู่เหราอินเตอร์แนชันนัล ต้องการเข้ามาในนี้ และพาตัวหลินเจียวไปครับ”
สายตาเหมยไอ้ย่วนวาววับด้วยประกายเยือกเย็น ในขณะที่ดวงตาหลินเจียวสดใสขึ้นมาทันที หลินเจียวร้องด้วยความดีใจ “นั่นไง ฉันบอกเธอแล้ว!” เธอกล่าวต่อไป “ฉันบอกแล้วว่าพี่สาวฉันไม่กล้าปฏิเสธไม่ให้เงินฉันหรอก ตอนนี้คนจากฟู่เหราอินเตอร์แนชันนัลเอาเงินมาให้ฉันแล้ว! ฮ่าๆ!”
ผู้หญิงคนอื่นๆ มองเหมยไอ้ย่วน ซึ่งกล่าวกับนักเลงอย่างใจเย็นว่า “ไปกันเขาไว้ ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้ามาในนี้ หลินเจียวต้องทิ้งมือข้างหนึ่งไว้ที่นี่ก่อน ถึงจะออกไปได้”
ทันใดนั้นชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในคาสิโน เขาดูหล่อเหลามากในชุดสูทผูกเน็คไท และดึงดูดความสนใจจากทุกคนในที่นั้น
ตอนที่ 164 เกรงบารมี
เหมยไอ้ย่วนขมวดคิ้วหันไปทางชายหนุ่ม แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อาต๋า กันผู้ชายคนนี้ไว้! วันนี้จะไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เอาตัวหลินเจียวไปพ้นจากมือฉัน!”
ทันทีที่เหมยไอ้ย่วนพูดจบ นักเลงหลายคนก็กรูกันเข้ามาขวางหยางฉีมั่วไว้ เขาล้วงมือข้างหนึ่งในกระเป๋ากางเกง มองดูกลุ่มนักเลง ก่อนจะมองเลยไปยังเหมยไอ้ย่วนและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณนายเฉิน นี่ไม่ใช่วิธีต้อนรับแขกที่ดีเลยนะครับ”
หลินเจียวจ้องมองชายหนุ่มผู้หล่อเหลา หัวใจเธอเต้นรัวเร็ว เธอรีบตะโกนออกมา “คุณเป็นผู้จัดการทั่วไปของฟู่เหราอินเตอร์เนชันนัลใช่ไหม ฉันคือคนที่คุณจะมาช่วย รีบพาฉันออกไปจากที่นี่!” จากนั้นเธอก็ขมวดคิ้วถามว่า “คุณมาคนเดียวหรือ”
เหมยไอ้ย่วนมองหน้าหยางฉีมั่ว พยายามขุดข้อมูลเกี่ยวกับเขาในสมอง ในที่สุดเธอก็นึกออกว่า หยางฉีมั่วเป็นใคร “ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ ประธานหยาง แต่จะไม่มีใครนำหลินเจียวออกไปจากที่นี่ได้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากฉันในวันนี้ และนั่นรวมถึงคุณด้วย” เธอกล่าวอย่างเยือกเย็น
หยางฉีมั่วเลิกคิ้วกับคำพูดของเหมยไอ้ย่วน จากนั้นก็หันไปหาหลินเจียว “เธอคือหลินเจียวหรือ” เขาถาม
เหมยไอ้ย่วนชะงัก ขณะที่หลินเจียวขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ผู้ชายคนนี้เป็นอะไรไป หรือเขาโง่ เขาไม่หาข้อมูลก่อนหรือว่าหน้าตาเธอเป็นอย่างไร ก่อนจะมาช่วยเธอ บ้าที่สุด! เธอจะให้หลินหรูไล่ผู้ชายคนนี้ออก หลังจากที่เธอได้รับการช่วยเหลือแล้ว!
“ใช่ ฉันคือหลินเจียว แค่เอาเงินที่ฉันติดหนี้อยู่ให้ผู้หญิงคนนี้ และพาฉันออกไป!” หลินเจียวพูดอย่างหงุดหงิด “เร็วๆ สิ!”
หยางฉีมั่วมีประกายความรังเกียจในสายตา แต่เขายังคงยิ้มให้หลินเจียว ขณะหรี่ตาถามว่า “ทำไมฉันต้องใช้หนี้ให้เธอด้วย”
หลินเจียวชะงัก เหมยไอ้ย่วนขมวดคิ้วถาม “ประธานหยาง คุณหมายความว่ายังไง”
หยางฉีมั่วแบมือทั้งสองข้าง ยักไหล่ แล้วเอนตัวพิงขอบประตู มองดูเหมยไอ้ย่วน “ก็อย่างที่บอกครับ คุณนายเฉิน มีคนขอให้ผมมาที่นี่ มาเฝ้าผู้หญิงคนหนึ่งชื่อหลินเจียวไว้ อย่าปล่อยให้เธอหนีไปได้ แต่ดูเหมือนว่าคุณนายเฉินก็จะไม่ยอมให้เธอหนีไปอยู่แล้ว ถึงแม้ผมจะไม่ได้มาที่นี่ก็ตาม ในเมื่อเป็นแบบนี้ ผมก็คงไม่ต้องอยู่แล้วใช่ไหม” หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง หยางฉีมั่วก็ยิ้มอีกแล้วกล่าวต่อไป “แต่ผมรู้ว่าคุณนายเฉินต้องกลัวว่าผมจะเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร หลังจากออกไปจากที่นี่ เพื่อให้ความมั่นใจกับคุณ ผมจะดื่มชาซักถ้วยรออยู่ที่นี่ หลังจากคุณนายเฉินจัดการกับผู้หญิงคนนี้เรียบร้อยแล้ว ผมจะพาเธอไป”
เหมยไอ้ย่วนส่งสายตาลังเลไปยังหยางฉีมั่ว แต่แล้วก็ขมวดคิ้วถามว่า “ประธานหยาง คุณบอกว่ามีคนขอให้คุณมาที่นี่เพื่อเฝ้าหลินเจียวไว้ ไม่ยอมให้เธอหนีไป คนคนนั้นคือใครหรือ”
หยางฉีมั่วยักไหล่ ขณะเลื่อนสายตาไปมองหลินเจียว “แน่นอนว่าต้องเป็นศัตรูของผู้หญิงคนนี้”
หัวใจหลินเจียวกระตุกอย่างแรง ขณะที่เหมยไอ้ย่วนยิ้มออกมาในที่สุด เธอหันไปหาหลินเจียวซึ่งหน้าซีดเผือด ใบหน้าเหมยไอ้ย่วนยิ้มน้อยๆ ถามว่า “คนคนนั้นนามสกุลเซียวใช่ไหม”
หยางฉีมั่วเลิกคิ้ว ตอบด้วยรอยยิ้ม “ผมไม่สะดวกที่จะเปิดเผยครับ คุณนายเฉินโปรดลงมือในสิ่งที่คุณต้องการจะทำกับเธอ แต่แน่นอน อย่าให้เธอตายนะครับ ไม่อย่างนั้นผมไม่รู้จะอธิบายกับบุคคลนั้นยังไง”
เหมยไอ้ย่วนยิ้ม ทันใดนั้นหลินเจียวก็ผลักนักเลงออกไปและพยายามหลบหนี เหม่ยไอ้หยวนสั่งนักเลงหลายคนให้จับตัวเธอไว้ แล้วบอกให้คนยกน้ำชามาให้หยางฉีมั่ว หลังจากนั้นเธอก็นั่งลงตรงกันข้ามเขา และพูดคุยด้วยรอยยิ้ม “ถ้าประธานหยางบอกฉันว่าคุณจะพาหลินเจียวไปไหน และจะทำอะไรกับเธอ ฉันจะได้รู้ว่าต้องทำยังไง ไม่อย่างนั้นถ้าฉันบังเอิญฆ่าเธอ หรือทำให้ผู้หญิงคนนี้พิการ คนคนนั้นอาจไม่ได้ในสิ่งที่พวกเขาต้องการ แบบนั้นคงไม่ดี จริงไหมคะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเหมยไอ้ย่วน หลินเจียวก็ร้องออกมา “ปล่อยฉัน! แกกำลังทำผิดกฎหมาย แกจะต้องติดคุก!”
เหมยไอ้ย่วนส่งประกายตาดุดันให้หลินเจียว และบอกกลุ่มนักเลงด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ปิดปากมัน อย่าให้ฉันได้ยินเสียงมันอีก!” จากนั้นเธอก็หันกลับไปมองหยางฉีมั่วด้วยรอยยิ้ม “ประธานหยาง คุณคิดว่ายังไงคะ”
หยางฉีมั่วพยักหน้าให้เหมยไอ้ย่วนเป็นคำตอบ “ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าทำไมประธานเฉินถึงประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีภรรยาที่มีความสามารถอย่างนี้นี่เอง ประธานเฉินช่างโชคดีจริงๆ”
เหมยไอ้ย่วนยิ้ม ไม่พูดอะไร หยางฉีมั่วกล่าวว่า “ผมจะบอกความจริงกับคุณนายเฉินก็ได้ ผู้หญิงคนนี้ทำให้ลูกสาวคนเล็กของเจ้านายเราขุ่นเคือง คุณหนูจึงสั่งให้เราพาผู้หญิงคนนี้ไปที่เมือง A และตอนนี้เพื่อน้องสาวของพวกเขา เจ้านายสองคนจากสำนักงานใหญ่ของเรากำลังมาที่นี่ภายในคืนนี้ เพื่อคุมตัวผู้หญิงคนนี้ไป จริงๆ แล้วผมกำลังจะกลับบ้าน แต่ต้องมาที่นี่เพื่อทำตามคำสั่งของคุณหนู หลังจากได้รับคำสั่งจากสำนักงานใหญ่”
เมื่อได้ยินคำบอกเล่า เหมยไอ้ย่วนก็คิดออกทันทีว่าเด็กสาวคนนี้คือใคร ดูเหมือนเด็กสาวคนนี้จะเป็นเพื่อนร่วมชั้นผู้ฉลาดปราดเปรื่องที่ลูกสาวเธอพูดถึง เธอไม่คาดคิดว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้จะมีอำนาจมากขนาดนี้ แต่ตอนที่ได้ยินทางโทรศัพท์ เธอชอบวิธีการจัดการของเด็กผู้หญิงคนนี้
หลินเจียวหน้าซีดทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของหยางฉีมั่ว เธอจ้องมองหยางฉีมั่ว และพยายามด่าทอเซียวโหรว เด็กนั่นกล้าทำอย่างนี้กับเธอได้อย่างไร! แต่เธอไม่สามารถพูดออกมาได้ในขณะที่ถูกพวกนักเลงปิดปากเธอด้วยเทปกาว… เธอทำได้แค่ดิ้นรนอย่างสิ้นหวังและพยายามส่งเสียง
เหมยไอ้ย่วนเลิกคิ้วขึ้นมองหยางฉีมั่ว ขณะถามว่า “ฉันอยากรู้ว่าเจ้านายจากเซียวกรุปคนไหนที่กำลังเดินทางมาในครั้งนี้”
หยางฉีมั่วไม่ได้ปิดเป็นความลับ เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วตอบด้วยรอยยิ้ม “คุณเซียวส่ากับคุณเซียวจิ่ง คุณนายคงรู้ว่าคุณเซียวจิ่งน่ะทำงานให้เฉียวอินเตอร์เนชันแนลกรุป ส่วนพ่อของพวกเขาผมคิดว่าคุณนายก็น่าจะรู้ว่าเป็นใคร”
เหมยไอ้ย่วนกลับมามีทีท่าเคร่งขรึม ขณะมองหน้าหยางฉีมั่วและถามอย่างจริงจัง “เพราะอะไรพวกเขาถึงต้องมาที่นี่ด้วยตัวเอง”
“แน่นอน เพื่อเจ้าหญิงน้อยไงล่ะ พวกเขารักน้องสาวมาก จนสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อให้เธอมีความสุข” หยางฉีมั่วตอบด้วยท่าทีสบายๆ แต่เหมยไอ้ย่วนบอกได้เลยว่าเซียวโหรวต้องเป็นที่รักใคร่ของคนในตระกูลเซียวมาก ทั้งครอบครัวพ่อแม่เธอและครอบครัวของอาเธอต้องรักเธอมากๆ แน่
เหมยไอ้ย่วนเคยเห็นข่าวตระกูลเซียวทางโทรทัศน์ เธอจึงเข้าใจได้ดีถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวของพวกเขา และเนื่องจากลูกสาวเธอกำลังศึกษาอยู่ในเมือง A เธอจึงได้รับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่ทรงอิทธิพลของเมือง A รวมถึงตระกูลเซียวด้วย คุณเซียวจิ่งทำงานให้กับเฉียวอินเตอร์เนชันแนลกรุป และเป็นผู้ถือหุ้นโรงเรียนที่ลูกสาวเธอเรียนอยู่ ดังนั้นเธอควรชั่งน้ำหนักวิธีจัดการกับผู้หญิงคนนี้ให้ดีก่อนใช่ไหม
อย่างไรก็ตามเธอจะไม่ตกลงยินยอมปล่อยหลินเจียวไป หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เหมยไอ้ย่วนก็หันไปหาหยางฉีมั่วและถามเบาๆ ว่า “ประธานหยาง พวกเขาบอกหรือเปล่าว่าให้คุณพาผู้หญิงคนนี้กลับไปอย่างครบถ้วนทุกประการ”
หยางฉีมั่วเลิกคิ้ว มองหน้าเหมยไอ้ย่วนซึ่งเห็นได้ชัดว่าเกรงกลัวอะไรบางอย่าง แล้วส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้ม “ไม่นี่ครับ พวกเขาบอกผมแค่ว่าอย่าให้ผู้หญิงคนนี้หลบหนีไปได้”
ตอนที่ 165 ความโกรธแค้น
เมื่อได้รับความมั่นใจจากคำพูดของหยางฉีมั่ว เหมยไอ้ย่วนก็ลุกขึ้น หันไปทางหยางฉีมั่วแล้วกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ทีแรกฉันต้องการให้ผู้หญิงคนนี้ทิ้งมือข้างหนึ่งไว้ที่นี่เพื่อใช้หนี้ แต่ตอนนี้เพื่อให้เกียรติแก่คุณหนูเซียว และช่วยให้เธอไม่ต้องยุ่งยากกับการส่งผู้หญิงคนนี้ไปรักษาที่โรงพยาบาล ฉันจะให้ผู้หญิงคนนี้ทิ้งนิ้วไว้แค่นิ้วเดียว”
หยางฉีมั่วลุกขึ้นยืนหลังจากได้ยินคำพูดของเธอ และยิ้มออกมา “ถ้าอย่างนั้นผมต้องขอขอบคุณคุณนายเฉินแทนคุณหนูของพวกเราด้วย สำหรับการให้เกียรตินี้”
เหมยไอ้ย่วนยิ้มและพยักหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ” จากนั้นก็หันกลับมาด้วยใบหน้าบึ้งตึง มองกลุ่มนักเลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “พวกเธอรออะไรอยู่ อยากให้คนตระกูลเซียวมาเห็นเลือดนองบนพื้นหรือไง”
หลินเจียวส่ายศีรษะอย่างสิ้นหวังกับคำพูดของเหมยไอ้ย่วน ไม่…จะเป็นแบบนี้ได้อย่างไร หลินหรูกับเซียวโหรวต้องไม่กล้าทำแบบนี้กับเธอ พ่อแม่เธอยังอยู่ที่ตระกูลเซียว หลินหรูกล้าปล่อยตามใจเซียวโหรวให้ทำแบบนี้ได้อย่างไร!
เหมยไอ้ย่วนมองหน้าหลินเจียว และรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จึงส่งสายตามองเธออย่างเย็นชาและกล่าวเย้ยหยัน “กำลังคิดอะไรอยู่หรือ คิดว่าพวกเขาจะไม่กล้าทำแบบนี้กับแกอย่างนั้นใช่ไหม หลินเจียว อย่าคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงสิ จริงๆ แล้วแกก็แค่ลูกเป็ดขี้เหร่ที่ถูกครอบครัวแกตามใจเท่านั้นแหละ! แกไม่มีวันเป็นหงส์ได้หรอก!”
เมื่อกล่าวจบเธอก็หันไปหาลูกน้อง และกล่าวอย่างใจเย็นว่า “อาต๋า จัดการ!”
หลินเจียวเริ่มต่อสู้ดิ้นรนอย่างหนัก แต่ด้วยความเป็นผู้หญิง เธอไม่สามารถหลบหนีจากการจับกุมของกลุ่มนักเลงได้ น้ำตาเธอไหลพราก เธอจะแก้แค้น! เธอจะต้องแก้แค้นอย่างแน่นอน! อย่างไรก็ตามก่อนที่เธอจะได้พูดอะไรออกมา เหมยไอ้ย่วนก็โบกมือ แล้วอาต๋าก็สับลง… นิ้วก้อยเธอขาดกระเด็น
ร่างหลินเจียวกระตุกอย่างรุนแรงด้วยความเจ็บปวด เหงื่อที่หน้าผากเธอแตกพลั่กด้วยความหวาดกลัว ผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ยืนดูอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นนิ้วหลินเจียวร่วงลงกับพื้น ทุกคนก็อ้าปากค้างด้วยความสะพรึงกลัว แต่หยางฉีมั่วและเหมยไอ้ย่วนไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย หยางฉีมั่วมองหน้าเหมยไอ้ย่วน มีร่องรอยความเครียดในสายตา เขาเคยได้ยินมาว่าคุณนายเฉินเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง และทำให้บริษัทเฮ่อ ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์สำหรับอาบน้ำ ล้มละลายลงไม่เหลือซากเมื่อสามปีก่อน เขาคิดว่านั่นเป็นเพียงเพราะบริษัทมีปัญหาอยู่ก่อนแล้ว และคุณนายเฉินเข้ามาจัดการในเวลาที่เหมาะสม แต่วันนี้เขาตระหนักแล้วว่า ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเลยที่ผู้หญิงคนนี้มีชื่อเสียงขึ้นมาจากเรื่องนั้น แท้จริงแล้วเธอเป็นผู้หญิงที่โหดเ**้ยมจริงๆ
ขณะมองไปที่หลินเจียวซึ่งนั่งอยู่บนพื้น เหมยไอ้ย่วนคำรามอย่างเลือดเย็น แล้วหันไปมองกลุ่มนักเลง กล่าวอย่างเฉยชา “มีดที่ใช้สะอาดหรือเปล่า อย่าให้แผลเธอติดเชื้อนะ คุณหนูเซียวไม่ต้องการเห็นเธอเป็นศพ ฆ่าเชื้อให้คุณหลินด้วยแอลกอฮอล์ด้วย”
เมื่อได้ยินคำพูดของเหมยไอ้ย่วน หลินเจียวก็สะบัดหน้าขึ้นอย่าแรง จ้องมองเหมยไอ้ย่วนอย่างเกลียดชัง เหมยไอ้ย่วนยิ้มเยือกเย็น จ้องตอบไม่ลดละ “ทำไม เกลียดฉันหรือ แกรู้จักความเกลียดชังด้วยหรือ แต่นี่เป็นข้อตกลงที่ดีที่สุดสำหรับแกแล้วนะ นิ้วมือแกแค่นิ้วเดียว แลกกับชีวิตพี่สาวฉัน! รู้ไว้ด้วย”
เมื่อกล่าวจบเหมยไอ้ย่วนก็หันไปมองหยางฉีมั่ว กล่าวด้วยรอยยิ้มน้อยๆ “ขอโทษนะคะ ที่ทำให้เสียเวลา ประธานหยาง”
หยางฉีมั่วยักไหล่ “ไม่เป็นไรเลยครับ คุณนายเฉิน ผมรู้ว่าคุณรู้สึกอย่างไร การแตกแยกของครอบครัว และการตายของบุคคลมักเกิดเพราะสาเหตุจากภายนอก เราไม่ควรตำหนิคนตายว่าอ่อนแอเกินไป แม้ว่าเธอจะอ่อนแอ แต่บุคลิกภาพของเธอก็ถูกหล่อหลอมจากสภาพแวดล้อม ผมรู้สึกเสียใจกับพี่สาวของคุณ การตายของเธอไม่ใช่ความผิดของเธอ แต่เป็นเรื่องของคนเลวที่อยู่รอบตัวเธอ ผมเข้าใจคุณ”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ เหมยไอ้ย่วนซึ่งเป็นมนุษย์ที่ไร้ความรู้สึกก็ร้องไห้ออกมาทันที เธอมองลึกลงไปในดวงตาหยางฉีมั่ว และกล่าวอย่างเจ็บปวด “ขอบคุณค่ะ ประธานหยาง” คำพูดของหยางฉีมั่วคัดค้านการตัดสินของมารดาเฮ่อเฉาที่มีต่อพี่สาวเธออย่างสิ้นเชิง นางว่าพี่สาวเธอเป็นโรคจิต พี่สาวเธอเคยมีชีวิตชีวาและร่าเริง แต่หลังจากแต่งงานกับเฮ่อเฉา เหมยไอ้หวาก็แทบไม่มีรอยยิ้ม และกลายเป็นคนขี้ขลาด ซึ่งเป็นเพราะพวกเขา! เพราะฉะนั้นพวกเขาต้องชดใช้!
หยางฉีมั่วพยักหน้า ไม่พูดอะไร เหมยไอ้ย่วนสั่งให้คนของเธอฆ่าเชื้อบาดแผลของหลินเจียว เมื่อแอลกอฮอล์ถูกเทลงบนแผล หลินเจียวก็เกือบหมดสติด้วยความเจ็บปวด ผู้หญิงคนอื่นอุทานและหลับตาลงทันที โอ… คุณนายเฉินช่างแข็งแกร่งจริงๆ! ว่ากันว่าเส้นประสาทที่ปลายนิ้วนั้นเชื่อมโยงกับหัวใจ เมื่อต้องสูญเสียนิ้ว หลินเจียวต้องเจ็บปวดมากอย่างแน่นอน และตอนนี้บาดแผลของเธอถูกกระตุ้นด้วยแอลกอฮอล์ ความเจ็บปวดจะต้องทำให้เธอบ้าคลั่ง
ขณะจ้องมองหลินเจียวซึ่งเกือบจะหมดสติ เหมยไอ้ย่วนยิ้มอย่างเย็นชา สั่งให้ลูกน้องทำแผลให้เรียบร้อย จากนั้นก็เดินไปที่หลินเจียว ดึงเทปกาวออกจากปากเธอ ในนาทีนั้นหลินเจียวก็พุ่งเข้าหาเหมยไอ้ย่วนอย่างบ้าคลั่ง และกรีดร้องราวกับสัตว์ป่า “ฉันจะฆ่าแก! ฉันจะฆ่าแก!”
หลินเจียวผลักเหมยไอ้ย่วนล้มลง และกัดมือเธออย่างแรง เหมยไอ้ย่วนขมวดคิ้ว อาต๋าก้าวเข้ามา เตะที่ท้องหลินเจียว ผลักเธอออกไป และพยุงเหมยไอ้ย่วนขึ้นมา มีรอยฟันที่มีเลือดออกซิบๆ บนมือเหมยไอ้ย่วน ในขณะที่หลินเจียวถูกควบคุมตัวโดยกลุ่มนักเลง ผู้หญิงคนอื่นๆ รีบวิ่งมาจับมือเหมยไอ้ย่วนและกล่าวว่า “แผลนี่ต้องฆ่าเชื้อนะคะ คุณต้องรีบไปโรงพยาบาล ไม่อย่างนั้นมือคุณอาจพิการได้ ไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย”
อย่างไรก็ตามเหมยไอ้ย่วนเดินเข้าไปหาหลินเจียว ตบหน้าหลินเจียวอย่างแรง ราวกับเธอไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ฉัน… เหมยไอ้ย่วน ไม่เคยกลัวความตายเลยสักนิด ฉันเคยคิดว่าฉันไม่อยากโหดร้ายกับแกเกินไป เพราะอย่างไรก็ตาม ในความเป็นผู้หญิง แกเพียงแค่ยั่วยวนเฮ่อเฉา และสิ่งที่เขาทำกับพี่สาวฉันก็ไม่ใช่ความผิดของแก แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนความคิดแล้ว หลินเจียว ฉันจะทำให้แกทรมานเหมือนตกนรก!”
“ตบปากมัน จนกว่าปากมันจะแตกยับเยิน!” เหมยไอ้ย่วนหันไปหยิบขวดแอลกอฮอล์บนโต๊ะ เทลงบนมือเธอโดยตรง เธอกัดฟัน มองดูพวกนักเลงที่ยังยืนนิ่งแล้วถามว่า “ไม่เข้าใจที่ฉันพูดหรือไง”
“ตบมัน ผลัดกันตบไปจนกว่าปากมันจะแตกยับเยิน!” เหมยไอ้ย่วนจ้องมองหลินเจียวด้วยสายตาน่าสะพรึงกลัว “มัดมือมัดเท้ามัน แต่ไม่ต้องปิดปาก ให้มันฟังเสียงกรีดร้องของตัวมันเอง”
จากนั้นเธอก็หันกลับไปมองหยางฉีมั่วและถามว่า “ประธานหยาง จะห้ามไม่ให้ฉันทำแบบนี้หรือเปล่าคะ”
ขณะมองหน้าเธอ หยางฉีมั่วยกให้เหมยไอ้ย่วนเป็นผู้หญิงใจเหล็ก “ไม่เลยครับ” เขากล่าวพร้อมกับส่ายศีรษะ “เจ้าหญิงน้อยของเราไม่ได้อยากเห็นหลินเจียวส่งถึงมือเธออย่างสมบูรณ์ทุกประการ คุณนายเฉิน อยากทรมานเธอหนักแค่ไหนก็ได้ ตามที่คุณต้องการ…”
อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ขออนุญาตจากเขาจริงๆ หรอก ถ้าเธอจะทำอย่างนั้น เธอต้องถามเขาก่อนออกคำสั่ง
เพราะฉะนั้นปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้ระบายความโกรธแค้นออกมา ตราบใดที่หลินเจียวยังมีชีวิตอยู่
ตอนที่ 166 มีบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอ
หลินเจียวซึ่งกำลังจะเป็นลม เกือบกระอักเลือดเมื่อได้ยินคำพูดของหยางฉีมั่ว ด้วยความหวังครั้งสุดท้ายเธอหันไปหาหยางฉีมั่วและกล่าวว่า “เชื่อฉันสิ เป็นเพราะพ่อแม่ฉันอยากให้ฉันไปเมือง A เซียวโหรวถึงขอให้คุณมาตามหาฉัน คุณควรคิดให้ดีก่อนจะตัดสินใจ”
หยางฉีมั่วเลิกคิ้วขณะหยิบโทรศัพท์ออกมา แสร้งทำท่าครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน แล้วหันไปมองหน้าเหมยไอ้ย่วน ถามว่า “ผมจะโทรหาเธอ ให้ยืนยันเรื่องนี้ดีไหม”
เหมยไอ้ย่วนหัวเราะเบาๆ บอกว่า “ไม่จำเป็นหรอกค่ะ ถ้าคุณหนูเซียวโหรวอยากเจอผู้หญิงคนนี้ เธอก็คงไม่ได้อยากเห็นผู้หญิงคนนี้ปรากฏตัวต่อหน้าเธอด้วยอาการครบสามสิบสองหรอก เมื่อกี้ผู้หญิงคนนี้โทรหาคุณหนูเซียวโหรวต่อหน้าพวกเรา และคุณหนูบอกว่าถ้าผู้หญิงคนนี้กล้าคุกคามคุณแม่เธออีก เธอจะจัดการขั้นรุนแรง”
หยางฉีมั่วเก็บโทรศัพท์และกล่าวว่า “ผมคิดดีที่สุดแล้ว และตัดสินใจว่าจะไม่รบกวนเธอ” จากนั้นเขาก็ส่งสัญญาณให้อาต๋าดำเนินการต่อไป “จัดการต่อเลย ไม่ต้องสนใจผม”
หลินเจียวแทบกระอักเลือด คนแบบนี้ก็มีด้วยหรือ บัดซบที่สุด!
เหมยไอ้ย่วนพยักหน้ารับคำหยางฉีมั่ว และเหลือบมองอาต๋า ซึ่งก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่แน่ใจ แล้วตบหน้าหลินเจียวสองครั้ง ในขณะทำร้ายเธอเขาพยายามสะกดจิตตัวเอง เธอไม่ใช่ผู้หญิง เธอไม่ใช่ผู้หญิง ฉันเป็นแค่นักเลง และผู้หญิงคนนี้ทำร้ายเจ้านายฉัน ดังนั้นฉันจึงต้องทำตามคำสั่งของเจ้านาย และสั่งสอนผู้หญิงคนนี้เป็นบทเรียน…
ใบหน้าหลินเจียวบวมปูดในทันที เมื่อพวกผู้หญิงเห็นภาพนี้ต่างก็ก้าวถอยหลังด้วยความหวาดกลัว หยางฉีมั่วรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเมื่อเห็นภาพตรงหน้า เขาจึงรีบลุกขึ้นและกล่าวว่า “เอาล่ะครับ คุณนายเฉิน ผมคิดว่าพอแล้วล่ะ ดูเหมือนว่าถ้าคุณลงโทษเธอแบบนี้ต่อไป เธอต้องถูกนำส่งโรงพยาบาลแน่ ถึงแม้คุณหนูของเราจะอยากพบผู้หญิงคนนี้ แต่เธอคงไม่อยากจ่ายค่ารักษาพยาบาล ซึ่งอาจส่งผลต่ออารมณ์ของเธอ คุณนายเฉิน โปรดเห็นแก่หน้าผม บอกให้คนของคุณหยุดตบตีเธอเถอะครับ”
มือของเหมยไอ้ย่วนทำแผลเรียบร้อยแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดของหยางฉีมั่วเธอจึงเงยหน้าขึ้นมองหลินเจียว เห็นว่าใบหน้าหญิงสาวบวมเป่ง และคงไม่สามารถขยับปากพูดได้ จึงส่งสัญญาณให้อาต๋าหยุด อาต๋ามองดูมือตัวเองที่แดงก่ำ แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก พระเจ้า…ในที่สุดเขาก็ได้หยุดเสียที! มือเขาชาไปหมดแล้ว!
หลินเจียวเงยหน้าขึ้นมองเหมยไอ้ย่วน ประกายความเกลียดชังวาววับในดวงตา จากนั้นเธอก็หันไปหาหยางฉีมั่ว ซึ่งมองเธออย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว หญิงสาวพยายามขยับปาก เอ่ยออกมาอย่างอ่อนแรง “แก… ฉันจะ…จำ…แกไว้… คอยดู…ฉัน…จะ…แก้แค้น…แก…”
หยางฉีมั่วยักไหล่อย่างไม่สะทกสะท้าน กล่าวว่า “ยังจะแก้แค้นไหวหรือ อย่ามาอวดเก่งแถวนี้ ไม่อย่างนั้นจะเจอตบอีกยกหนึ่ง ซึ่งคงจะเจ็บกว่านี้มาก”
หลินเจียวจ้องหน้าหยางฉีมั่วอย่างดุดันขณะคิดในใจ ความเจ็บปวดที่แกทำกับฉัน จะต้องได้รับการชดใช้หลายพันเท่า เซียวโหรว ฉันจะให้แกได้รู้ถึงผลที่ตามมาจากการที่แกรุกรานฉัน!
ทำไมจิ้นหนิงไม่กระทืบแกให้ตาย ทำไมถึงปล่อยให้แกกลับมาทิ่มแทงเรา ทำให้ฉันต้องตกอยู่ในสภาพน่าสังเวชแบบนี้!
หยางฉีมั่วไม่สนใจสิ่งที่อยู่ในใจหลินเจียว ขณะส่งข้อความถึงเซียวจิ่งด้วยท่าทางสบายใจ ถามพวกเขาว่าอยู่ที่ไหนแล้ว ในไม่ช้าเขาก็ได้รับข้อความตอบกลับ เขาเลิกคิ้ว เก็บโทรศัพท์ แล้วลุกขึ้นยืน ทันใดนั้นกลุ่มคนในชุดสูทผูกเนกไทก็ปรากฏตัวที่ทางเข้าคาสิโน ชายหนุ่มที่เดินนำหน้าสวมชุดลำลอง ดูหล่อเหลาและสง่างาม
เมื่อเห็นพวกเขาหยางฉีมั่วก็เดินเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว และทักทายด้วยความเคารพ “สวัสดีครับคุณเซียวส่า สวัสดีครับคุณเซียวจิ่ง”
เซียวส่าและเซียวจิ่งพยักหน้าให้หยางฉีมั่ว เซียวจิ่งมองหน้าหยางฉีมั่วและกล่าวว่า “ประธานหยาง ขอโทษด้วยนะที่ทำให้คุณต้องยุ่งยาก ผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่ไหน”
หยางฉีมั่วมองหน้าพวกเขาด้วยสายตาลังเล ก่อนจะเอ่ยเบาๆ ว่า “มีบางอย่างที่เราไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับเธอครับ”
ใบหน้าเซียวส่าเข้มขึ้น ท่าทางเขาเปลี่ยนไปทันที เซียวจิ่งเลิกคิ้วถาม “เกิดอะไรขึ้น”
“เซียว…” ทันใดนั้นเสียงอ่อนระโหยก็ดังมาจากมุมห้อง…
เซียวจิ่งหันไปมองตามที่มาของเสียง และเห็นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งทั้งใบหน้าคล้ำเป็นสีดำๆ ม่วงๆ และถูกมัดมือ เขาจำได้รางๆ ว่าผู้หญิงคนนี้คือหลินเจียว เพราะเขาเคยเห็นเธอสองครั้งก่อนหน้านี้ เขามีความประทับใจที่แย่มากกับผู้หญิงคนนี้ เขาจึงจำได้ในทันที เขาผิวปากวื๊ด “นี่หรือคือสิ่งที่คุณบอกว่า ‘บางอย่างที่เราไม่คาดคิด’ ฮึ”
ท่าทางเขาไม่ได้โกรธเคืองอะไรเลย ดูค่อนข้างดีใจด้วยซ้ำ
หยางฉีมั่วเลิกคิ้วแล้วพยักหน้าเล็กน้อย “หลินเจียวคนนี้ ฆ่าพี่สาวคุณนายเฉินเมื่อสามปีที่แล้ว และตอนนี้ก็ติดหนี้พนันในคาสิโนของคุณนายเฉิน ผมไม่อาจห้ามปรามได้ เมื่อคุณนายเฉินต้องการแก้แค้นให้พี่สาวด้วยการตบหน้าผู้หญิงคนนี้ และตัดนิ้วมือเธอ ถ้าพวกคุณคิดว่างานของผมไม่เป็นไปตามคำสั่ง ก็ตำหนิผมได้ครับ”
เซียวส่ามองดูหลินเจียว ซึ่งใบหน้าบวมเป่งแล้วส่ายศีรษะ “ไม่ใช่เรื่องที่จะตำหนิคุณ เราไม่ควรห้ามไม่ให้คุณนายเฉินชำระแค้นของเธอ” จากนั้นเขาก็หันไปมองกลุ่มผู้หญิงแล้วถามว่า “ผมขอถามหน่อยครับ คนไหนคือคุณนายเฉิน”
เหมยไอ้ย่วนก้าวออกมา มองพวกเขาอย่างใจเย็นตอบว่า “ฉันเองค่ะ… เหมยไอ้ย่วน ฉันดีใจมากเลยค่ะ ที่ได้พบคุณพวก”
เซียวจิงยิ้มขณะเดินเข้าไปหาเหมยไอ้ย่วน และยื่นมือออกมา “สวัสดีครับ คุณนายเฉิน ขอโทษที่ทำให้คุณต้องยุ่งยาก คุณคงไม่ว่าอะไรนะครับ” จากนั้นเขาก็หัวเราะและกล่าวต่อไปว่า “น้องสาวผมเกลียดที่คนพวกนี้คุกคามขู่เข็ญคุณป้าผมมาตลอด เธอจึงขอให้เรานำตัวการก่อปัญหาไปให้เธอ เพราะเธอต้องการจัดการกับผู้หญิงคนนี้ด้วยตัวเอง เราไม่เคยปฏิเสธคำขอร้องของน้องสาวเราเลย ดังนั้นผมจึงปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้หนีไปไม่ได้ แต่ผมไม่คิดมาก่อนว่าคุณก็เกลียดผู้หญิงคนนี้เหมือนกัน…”
หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง เขาก็ถามขึ้นว่า “คุณนายเฉิน ยังต้องการจัดการอะไรคนคนนี้อีกไหมครับ ถ้าไม่ต้องการแล้ว เราขอเอาตัวเธอไปกับเราเลยได้ไหม”
คุณนายเฉินไม่คาดคิดว่าเซียวจิ่งจะดู…สุภาพและมีเสน่ห์ขนาดนี้ เธอพยักหน้าอย่างลืมตัวและตอบว่า “คุณพาเธอไปได้เลยค่ะ ตอนนี้ฉันแก้แค้นเสร็จแล้ว โปรดนำความปรารถนาดีของฉันไปให้คุณหนูเซียวโหรวด้วยนะคะ และบอกให้เธอระวังผู้หญิงคนนี้ไห้ดี เพราะผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจมาก บางทีเธอคนนี้อาจเป็นผู้หญิงที่ส่งคุณหนูเซียวไปอยู่ชนบทที่ยากจนในเมือง W ก็เป็นได้”
เซียวส่าซึ่งยืนอยู่ข้างๆ หรี่ตามองคุณนายเฉิน และถามอย่างจริงจัง “ทำไมคุณถึงพูดอย่างนี้ล่ะครับ คุณนายเฉิน”
เมื่อเห็นทั้งเซียวส่าและเซียวจิ่งจริงจังขึ้นมากับเรื่องนี้ คุณนายเฉินก็กล่าวว่า “เพราะก่อนหน้านี้ผู้หญิงคนนี้หลุดปากออกมาโดยไม่ตั้งใจ ดูเหมือนเธอจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ที่คุณหนูเซียวเติบโตขึ้นมาเป็นอย่างดี และรู้ถึงขนาดว่าสภาพแวดล้อมที่คุณหนูเคยอยู่เป็นแบบไหน”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น