โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ 16-30
Ch.16 – ทักษะลับกลืนดารา
Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.16 – ทักษะลับกลืนดารา
ฉินเฟิงวิเคราะห์สิ่งต่างๆรอบตัวอย่างรอบคอบ เลือกมันแต่ละชิ้นอย่างพิถีพิถัน เอาเฉพาะสินค้าที่หากซื้อมัน จะไม่เป็นการดึงดูดความสนใจใดๆ
นั่นเพราะเขาต้องการที่จะปกปิดสถานะผู้ใช้อบิลิตี้ธาตุมืดของตน
ฉินเฟิงกลับมายังโรงแรมพร้อมกับสินค้าจำนวนหนึ่ง หลังจากที่เขาแลกเปลี่ยนยากระตุ้นไปจนหมดแล้ว
“แอ๊!”
เสี่ยวไป๋ไม่สามารถอดทนรอได้อีกต่อไป มันกระโดดออกจากกระเป๋าเสื้อ และเริ่มส่ายหางไปมา
“ทำตัวอย่างกับหมาเลย นี่แกไม่ได้เป็นหมาจริงๆใช่ไหม?”
ฉินเฟิงเริ่มสำรวจเสี่ยวไป๋อย่างใกล้ชิด และค้นพบว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงไปอีกแล้ว ขนของมันยาวขึ้น ขนาดตัวเทียบกับตอนเกิดคล้ายจะใหญ่กว่าเดิมเล็กน้อย มันมีดวงตาสีดำ ปากแหลม หูเล็กตั้งตรง ตรงหางเป็นขนดก จะบอกว่าเหมือนหางหมา แต่ก็ไม่เหมือนซะทีเดียว
ฉินเฟิงลองยื่นมีไปขยำมัน ขยำไปขยำมา ก็รู้สึกว่าคล้ายกับหมาปอมที่พวกเศรษฐีนีสูงวัยมักจะชอบอุ้มไปมาระหว่างเดินเที่ยวเล่นอยู่เหมือนกัน
“ลืมมันเถอะ ไม่ว่าแกจะเป็นตัวอะไร ฉันก็ยังเลี้ยงแกต่อไปอยู่ดี”
เนื่องจากในช่วงเวลาก่อนหน้า ชีวิตของตนเองรอดมาได้ก็เพราะเจ้าตัวน้อย ดังนั้นเมื่อมีโอกาสได้เกิดใหม่อีกครั้ง เขาก็ต้องตอบแทนบุญคุณมัน
ฉินเฟิงดึงแก่นพลังงานออกมา แล้วโยนให้แก่เสี่ยวไป๋ อีกฝ่ายกระโดดคว้าหมับอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เริ่มกอดรัดแก่นพลังงาน ลามเลียมัน สักพัก แก่นพลังงานก็เริ่มเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด
เวลานี้ กระทั่งฉินเฟิงเองก็ยังประหลาดใจเล็กน้อย
เหตุการณ์นี้ แน่นอนว่าย่อมเป็นเพราะพลังงานของมันถูกเสี่ยวไป๋ดูดซับไป ทว่ามันรวดเร็วนัก เกรงว่าศักยภาพของเสี่ยวไป๋จะต้องไม่ธรรมดา ยากจะประเมินได้อย่างแน่นอน
หลังจากกินแก่นพลังงานเรียบร้อย เสี่ยวไป๋ก็ผล็อยหลับไป แต่ฉินเฟิงไม่ได้หลับตาม เขาหยิบจี้รูปสลักเจ้าแม่กวนอิมสีดำออกมา แล้ววางมันลง
วัฒนธรรมโบราณยังคงเผยแพร่อย่างไม่รู้จบ ซึ่งไม่ว่าใครต่างก็รู้ ว่าการดำรงอยู่ของเจ้าแม่กวนอิมคือตัวแทนของความเมตตา
ภายในจี้สีดำหมึกถูกแกะไว้ด้วยมังกรเก้าตัว ทั้งหมดเวียนว่ายรวมกันเป็นรูปสลักเจ้าแม่กวนอิม
ฉินเฟิงทดลองส่งพลังลงไปอย่างระมัดระวัง แต่แล้วจู่ๆจี้รูปสลักเจ้าแม่ก็บังเกิดเสียงแกร๊ก! ปริร้าวแตกออกมาอย่างคาดไม่ถึง
และภายใน กลับบรรจุไว้ด้วยผ้าไหมบางเบา
“มีอะไรซ่อนอยู่ข้างในจริงๆด้วย!”
แม้ว่าผ้าไหมนี่จะบางเบาราวกับปีกจั๊กจั่น แต่มันก็เหนียวและทนทานมาก หลังจากถูกดึงออกมาโดยฉินเฟิง แท้จริงกลับพบว่าตัวผ้าขยายขนาดขึ้น มีความกว้างยาวกว่าหนึ่งเมตรครึ่งอย่างกระทันหัน พร้อมกันกับปรากฏตัวอักษรขนาดเล็ก อัดกันแน่นบนผ้าไหม
ตรงส่วนบน เผยให้ชื่ออะไรบางอย่างระบุไว้ชัดเจน
«ทักษะลับกลืนดารา»
ในบรรดาคนจากองค์กรร้าย มีตัวตนอันตรายระดับ S อยู่คนหนึ่ง มันเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณชื่อว่าหลุยเหมิง และยังเป็นผู้ครอบครองทักษะลับกลืนดารา
กำลังภายในดังกล่าว ในกลุ่มพันธมิตรผู้ใช้วรยุทธโบราณมันถูกเรียกกันว่าเป็นศาสตร์มืด และยังถูกประเมินประสิทธิภาพไว้ถึงระดับ S
ก่อนที่ฉินเฟิงจะกลับมาเกิดใหม่ หลุยเหมิงเป็นตัวตนทรงพลังชนิดที่ว่าใช้เพียงนิ้วเดียว ก็สามารถสังหารฉินเฟิงถึงแก่ความตายได้ กล่าวว่าหากต้องการจะล้างแค้นองค์กรร้ายนั่น เขาก็จำเป็นต้องกำจัดหลุยเหมิงลงซะก่อน
อีกฝ่ายก็ต้องเป็นศัตรูอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเขาจะไปล่วงรู้ถึงข้อมูลของหลุยเหมิงมากขนาดนี้ได้อย่างไร?
แต่หลังจากที่ฉินเฟิงได้กลับมาเกิดใหม่ หลุยเหมิงในปัจจุบันยังเป็นวัยรุ่นอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น หลังจากจบการศึกษาจากระดับมัธยม แม้ระบบจะตรวจวัดได้ว่าเขาเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณ แต่เจ้าตัวก็เป็นคนขี้เกียจเฉื่อยชา แถมค่าพลังโจมตีก็ไม่สูงอะไรนัก นอกจากนี้ยังไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายอีก
ซึ่งคนเช่นเขา มีมากมายในชุมชน ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นพวกอันธพาล
อย่างไรก็ตาม อย่างน้อยพวกเขาก็พอมีพลังอยู่บ้าง สามารถใช้อำนาจรังแกคนธรรมดาได้อย่างไม่มีปัญหาใดๆ
จนกระทั่งวันหนึ่ง หลังจากที่หลุยเหมิงได้ไปปล้นชายชราเข้าโดยบังเอิญ เขาก็ได้รับ ‘ทักษะลับกลืนดารา’ มาอย่างไม่คาดฝัน
เดาถูกแล้วล่ะ ชายชราที่หลิวเหมิงปล้นไป ก็คือคนๆเดียวกับที่ฉินเฟิงเพิ่งจะซื้อจี้เจ้าแม่กวนอิมมาในวันนี้นั่นเอง
หลังจากหลุยเหมิงได้รับทักษะลับกลืนดารา เขาพบว่าการเรียนรู้ทักษะนี้ช่างง่ายดายยิ่ง -เขาสามารถใช้มันในการดูดกลืนกำลังภายในของคู่ต่อสู้มาเป็นของตนเองได้ -เป็นทักษะที่โคตรจะโกง
ภายในเวลาไม่กี่วัน หลิวเหมิงก็เข้าใจถึงวิธีการใช้งานมัน และเริ่มมุ่งเป้าหมายไปที่คนอื่นๆ
และคนที่ว่า ก็คือผู้อำนวยการของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า หลินเต๋อหรงนั่นเอง
แม้หลินเต๋อหรงจะเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณ แต่เขาก็อายุปาเข้าไป 80 แล้ว พละกำลังกายของเขาอ่อนแอลงตามวัย แถมยังมีโรคภัยที่เกิดจากการต่อสู้ในอดีตรุมเร้า ด้วยเหตุนี้เอง ที่ทำให้แม้จะมีกำลังภายในไว้ปกป้องร่างกาย แต่มันก็ไม่มากพอที่จะใช้รับมือกับศัตรู
หลุยเหมิงลอบสังหารผู้อำนวยการหลินในตรอกเล็กๆ และนับตั้งแต่นั้นมา เขาก็ได้กลายเป็นอาชญากร ต้องคอยหลบหนีอยู่หลายครั้งหลายครา ทว่าระหว่างหลบหนี ก็คอยทำเรื่องชั่วร้ายไปเรื่อยๆ ส่งผลให้ยิ่งนาน หลุยเหมิงก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
“แต่ตอนนี้ «ทักษะลับกลืนดารา» ได้มาตกอยู่ในมือของฉันแล้ว!” ในแววตาของฉินเฟิงบังเกิดประกายกระพริบไหว
และต่อมา เขาก็ไม่ลังเลเลยที่จะจุดไฟเผาผ้าไหมนี้
ซึ่งหมายความว่า นับตั้งแต่นี้ไป «ทักษะลับกลืนดารา» จะมีเพียงฉินเฟิงผู้เดียวที่ได้ครอบครองมัน
“ทักษะนี้ นอกจากจะเป็นทักษะวรยุทธโบราณขั้นสูงแล้ว มันยังมีความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาให้แกร่งขึ้นยิ่งกว่าเดิมได้อีก ที่สำคัญก็คือ มันยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่น่าสนใจ! ”
นั่นก็คือ เมื่อใช้งาน ‘กลืนดารา’ มันจะช่วยเสริมพละกำลังให้แก่เขาได้เกือบสิบเท่าเป็นการชั่วคราว
ไม่เพียงเท่านั้น «ทักษะลับกลืนดารา» ยังสามารถใช้ดูดกลืนกำลังภายในของผู้อื่น มาเสริมกำลังภายในให้แก่ผู้ใช้ได้อีกด้วย
ในความเป็นจริงแล้วเจ้าสิ่งนี้นับว่าคล้ายคลึงกับพลังพิเศษที่ฉินเฟิงปลุกขึ้นมาได้อยู่เหมือนกัน ทว่าพลังที่เขาปลุก มันไม่สามารถดูดกลืนขณะที่ฝ่ายตรงข้ามยังมีชีวิตอยู่ได้ และพลังดูดของเขา มันก็ช่วยเสริมเพียงพละกำลังภายนอกเท่านั้น มิรวมถึงภายใน
แน่นอนว่าเหตุผลที่ «ทักษะลับกลืนดารา» ถูกเรียกว่าเป็นสิ่งชั่วร้าย นั่นเพราะมันไม่มีความเสถียรในตัวเองเป็นอย่างยิ่ง
-หลังจากหลุยเหมิงฝึกฝนเสร็จสิ้น ทุกครั้งที่เขาต่อสู้ คนที่ตกตายภายใต้เงื้อมมือของเขาจะกลายเป็นศพที่เหี่ยวแห้ง ไม่เพียงเท่านั้น เขายังควบคุมกำลังภายในของตนมิให้อาละวาดไม่ได้อีก ส่งผลให้ในทุกๆที่ที่เขาไป มันจะเรียงรายไปด้วยศพตลอดทั้งเส้นทาง นี่เองก็สร้างความทรมานให้แก่เขาเช่นกัน
สำหรับฉินเฟิง «ทักษะลับกลืนดารา» คือพลังที่แข็งแกร่งสุดที่เขารู้จัก
ยิ่งไปกว่านั้น ฉินเฟิงก็ยังเกิดความคิดหนึ่งขึ้นเช่นกัน
ว่าหากเขาใช้พลังพิเศษดูดกลืน ที่สามารถดูดพลังงาน เพื่อฟื้นฟูเพิ่มพูนกำลังภายนอกได้ มาผสานกับการใช้งาน «ทักษะลับกลืนดารา» นี่มิใช่หมายความว่าเขาจะสามารถกลายโคตรพยัคฆ์สุดแกร่งหรอกหรือ?
แต่ทั้งหมดนี้ เอาไว้ค่อยทดสอบยืนยันกันในภายหลัง
ฉินเฟิงนั่งขวาทับซ้าย เริ่มฝึกฝนสมาธิอีกครั้ง
…
หลายวันต่อมา ฉินเฟิงมิได้ออกไปจากโรงแรมเลย เขาเกือบที่จะลืมเลือนการหลับนอน เฝ้าฝึกฝนสมาธิกับ «ทักษะลับกลืนดารา»
ภายในห้อง ฉินเฟิงประกบสองมือเข้าด้วยกัน -โดยภายในมือมีหญ้ากลางคืนอยู่
“ดูดกลืน!”
แก่นอบิลิตี้เริ่มหมุนวน พลังพิเศษดูดกลืนเริ่มที่จะใช้งานได้ง่ายดายมากขึ้น
ฉินเฟิงสัมผัสกับแสงสีดำในมือของตน เขาพบว่า หญ้ากลางคืนเริ่มเหี่ยวเฉาอย่างรวดเร็ว พลังงานของมันเริ่มผสานเข้ากับร่างกายของฉินเฟิง
ฉินเฟิงสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า 2-3รูนมืดได้ติดตามพลังงานนี้ไป และผสานเข้ากับแก่นอบิลิตี้ของตนเอง!
“ดูเหมือนว่าจะได้เวลาที่ฉันจะต้องออกไปซะแล้ว!”
หลังจากที่เอาแต่ฝึกฝนอยู่ในสถานที่ปลอดภัยมาหลายวัน ฉินเฟิงก็ไม่เหลือเงินสักแดงเดียว เขาใช้ทุกอย่างที่มีไปจนหมดสิ้น
ไม่มีกระทั่งอาหารสำหรับเสี่ยวไป๋
“มาเถอะเสี่ยวไป๋ วันนี้พวกเราจะออกไปข้างนอกกัน แล้วขากลับค่อยแวะไปเยี่ยมผู้อำนวยการ!”
แม้ว่าฉินเฟิงจะได้รับ «ทักษะลับกลืนดารา» มาแล้วก็ตาม แต่แผนของเขาในวันนี้ คือหลังจากเสร็จธุระก็กลับไปเยี่ยมสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
“มาเถอะ เสี่ยวไป๋!” ฉินเฟิงร้องเรียกคำหนึ่ง
เพียงเวลาไม่กี่วัน เสี่ยไป๋ก็เติบโตขึ้นเป็นสองเท่า นอกจากขนของมันที่เริ่มปุกปุยแล้ว ดูเหมือนว่าขนาดตัวจะขยายเท่าฝ่ามือ แม้ยังพอจะสามารถยัดลงในกระเป๋าเสื้อได้อยู่ แต่มันเบียดมาก!
ฉินเฟิงจึงตัดสินใจเปิดกระเป๋าเป้สะพายหลัง แล้วใส่มันเข้าไปแทน
Ch.17 – เพื่อร่วมชั้น
Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.17 – เพื่อร่วมชั้น
คราวนี้ ฉินเฟิงมิได้ไปยังจุดรวมพลสู่ทุ่งล่า แต่เลือกเดินทางไปตามเส้นรอบเมือง อย่างไรก็ตาม การโดยสารผ่านเส้นทางนี้ก็อันตรายไม่แตกต่างกัน!
ในรถ ส่วนใหญ่แล้วเป็นนักสู้ แต่ก็มีหลายคนที่ดูผ่ายผอมคลายกับคนธรรมดา ปะปนอยู่บ้างเหมือนกัน
ตัวรถมุ่งไปตามทางทิศตะวันตกอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักก็ออกจากพื้นที่ส่วนกลาง ถนนโดยรอบเริ่มแคบลง สภาพแวดล้อมเริ่มสกปรกและเลวร้าย
แต่หลังจากผ่านไปสักพัก สิ่งปลูกสร้างทั้งหมดก็ถูกทิ้งไว้ในกำแพงเมืองเบื้องหลัง
แน่นอน ว่าแม้จะออกนอกกำแพงแล้ว แต่ในพื้นที่ส่วนนี้ก็ยังคงปลอดภัย บริเวณโดยรอบปรากฏทุ่งรวงข้าวเหลืองอร่าม และในทุกๆ 100 เมตร จะวางไว้ด้วยหอคอยรักษาการณ์ โดยบนหอจะมีปืนกลสีดำติดตั้งอยู่
เสียงประกาศในรถดังขึ้นอีกครั้ง
“ผู้โดยสารที่รัก สถานีต่อไปที่กำลังจะถึง คือพื้นที่เพาะปลูกทางทิศตะวันตกของเมืองเฉิง!”
“สำหรับนักสู้ทุกท่าน โปรดทราบว่าภายนอกพื้นที่เพาะปลูก ท่านจะสามารถล่าและสังหารสัตว์ป่าที่เกิดการวิวัฒนาการจนผิดปกติได้ จากนั้น โปรดทำเครื่องหมายบนศพของพวกมัน หรือเก็บอวัยวะบางส่วนของมันเอาไว้เพื่อใช้แลกเหรียญเงินเป็นรางวัล เป้าหมายในการล่าสังหารจะมีดังต่อไปนี้ : หนูยักษ์กินพืช , ตั๊กแตนเขียว , งูชายแดน …. ”
“ในฤดูกาลพิเศษนี้ หากท่านพบกองทัพหนู โปรดแจ้งเตือนกับทางการล่วงหน้า และหากมีส่วนร่วมในการต่อสู้ ท่านจะได้รับเกียรติยศอันเลอค่า นั่นคือ -สามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนเครื่องจักรและยาเสริมแกร่งทุกชนิดได้ในราคากันเอง!”
นักสู้ทุกคนในรถ พอได้ฟังถึงสิทธิประโยชน์ ก็เริ่มตื่นตัวทันที
ไม่นานนัก แนวป้องกันสุดท้ายก็ปรากฏสู่สายตา
เวลานี้ มันมิได้เป็นกำแพงอีกต่อไป หากแต่เป็นเพียงรั้วที่ถูกสร้างขึ้นมาจากไม้ แต่ด้านนอกก็ยังวางไว้ด้วยกับดักจำนวนมาก ในทุกๆ100 เมตร ยังคงวางหอคอยรักษาการณ์เอาไว้ และรถศึกที่แล่นตรวจตรา
หลังจากทั้งหมดนี้ นั่นเพราะพื้นที่เพาะปลูกมันมีขนาดใหญ่เกินไป และสถานที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจสร้างรั้วไม้แทน เพื่อประหยัดงบให้มากขึ้น และสะดวกต่อการเคลื่อนย้าย
รถเริ่มหยุด ทุกคนทยอยกันลง
“ปัง!”
เสียงปืนดังขึ้นในจุดที่ไม่ไกลออกไป พร้อมกับแว่วเสียงร้องรุนแรงตามมา
บนหอคอย ปรากฏเสียงโวยวายดังขึ้น
“บัดซบ เจ้าพวกหนูแอบเข้ามาอีกแล้ว ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ทั้งข้าวทั้งพวกเราคงถูกมันกินจนหมดแน่!”
การยืนรักษาการณ์บนหอคอย ในความเป็นจริงแล้วช่างเป็นอะไรที่แสนจะน่าเบื่อ หากไม่มีเหตุการณ์อะไร ทั้งวันก็จะมีแต่ความสงบ อย่างไรก็ตาม หากเกิดร่องรอยของอะไรที่น่าจะเป็นปัญหาแม้เพียงเล็กน้อย ก็จะต้องจู่โจมสังหารเป้าหมายทันที เพราะสัตว์ร้ายพวกนี้จะปรากฏขึ้นในเวลาใดก็ได้ ดังนั้นจึงต้องตื่นตัวตลอดเวลา
เบื้องหน้ารั้วขนาดใหญ่ ทหารในชุดเครื่องแบบสีเขียวเข้มเปิดประตู และปล่อยให้คนเหล่านี้ผ่านไป
“เฮ้ๆ เด็กคนนั้นน่ะ … เธอนั่นแหละ มาที่นี่ทำไม กลับไปเดี๋ยวนี้!”
ทหารชี้ไปทางใครบางคน และตะโกนกล่าว
ฉินเฟิงสะดุ้ง แต่เมื่อเงยหน้ามอง ก็พบว่าทหารไม่ได้ชี้มาที่ตัวเอง แต่เป็นวัยรุ่นสาวอีกคนหนึ่ง
วัยรุ่นสาวคนนี้สูงกว่าฉินเฟิงเล็กน้อย กะประมาณโดยสายตา เธอน่าจะสูงราวๆ 175 ซม. แต่รูปร่างค่อนข้างผ่ายผอม หน้าอกแบนราบราวกับพื้นสนามบิน เห็นได้ชัดว่านอกจากส่วนสูงแล้ว หลายๆส่วนยังไม่พัฒนาเต็มที่
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะวัยรุ่นสาวคนที่ว่า ดันเป็นคนที่ฉินเฟิงรู้จัก
-เสี่ยวจิง!
ในหัวใจของฉินเฟิงย้อนนึกไปถึงในชีวิตก่อนหน้า ว่านับจากนี้อีกไม่กี่ปีต่อมา เสี่ยวจิงจะกลายเป็นพันเอกในกองทัพ แถมยังเคยออกไปช่วยเขาต่อสู้ภายนอกอีกด้วย
ในช่วงเวลานั้น เสี่ยวจิงเป็นเจ้าหน้าที่คนดัง มีศักดิ์ศรีและชื่อเสียงเป็นอย่างมาก
น่ากลัวว่าคงไม่มีใครคาดคิดว่าอีกฝ่ายในปัจจุบัน จะอยู่ในสภาพน่าหดหู่เช่นนี้
“แล้วทำไมฉันต้องกลับไปด้วย? ฉันเองก็สามารถต่อสู้ได้ ฉันอยากจะไปล่าพวกสัตว์กลายพันธ์เหมือนกัน!” เสี่ยวจิงทนไม่ไหวต้องร่ำร้องออกมา แต่ในหัวใจเธอกระวนกระวายยิ่งนัก
“อย่างเธอน่ะหรือจะไปสู้? กลับไปทำอาหารหรือคอยเลี้ยงลูกเถอะ!” ทหารแสยะรอยยิ้มเย็น
ในทุกๆวัน ผู้คนมากมายเลือกที่จะออกมาหาที่ตายด้วยเหตุผลต่างๆกันไป เพราะอย่างไรเสีย ในชุมชนน่ะมันเต็มไปด้วยเรื่องราวร้ายๆ หากอยากเป็นอิสระจากชีวิตที่ยากเข็ญ ก็ต้องออกมาดิ้นรนสร้างความแข็งแกร่งให้ตนเอง
แต่ก็ไม่ใช่เหตุที่คนธรรมดาจะออกไปข้างนอกได้ ยิ่งเป็นผู้หญิงที่เปรียบดั่งทรัพยากรล้ำค่าแล้ว ทหารย่อมไม่มีทางให้เสี่ยวจิงออกไปตายอย่างไร้ประโยชน์
“ทำไมคุณถึงบอกว่าผู้หญิงต้องมีหน้าที่แค่เลี้ยงลูกกับทำอาหาร ทำไมกัน!” เสี่ยวจิงคำรามโกรธเกรี้ยว ในหัวใจฟุ้งไปด้วยความหดหู่
สีหน้าของทหารกลายเป็นเย็นชา
“ทำไมน่ะหรือ? ก็ลองดูตัวเธอเองสิ สภาพแบบนี้จะออกไปสู้ได้ยังไง? ไหนล่ะชุดต่อสู้ของเธอ? ไหนล่ะอาวุธ? ไม่มีอะไรซักอย่างเลย! เธอจะเก็บหินข้างทางขว้างใส่พวกสัตว์ร้ายจนมันตายรึไง? ไม่ต้องเถียงแล้ว กลับไปซะ!”
เสี่ยวจิงถูกจี้ใจดำ ใบหน้าเริ่มแดง เดิมเธอเตรียมที่จะวิ่งฝ่าออกไป แต่เมื่อได้ยินเหตุผลที่อีกฝ่ายตอกกลับมา เสี่ยวจิงก็ถอยไปก้าวหนึ่ง ไม่สามารถโต้แย้งได้
อย่างไรก็ตาม ในหัวใจของเธอก็ตัดสินใจหนักแน่นว่าจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้จงได้
ขณะที่เธอกำลังจะยอมถอยกลับบ้าน อีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“งั้นผมขออาสาพาเธอออกไปเอง!”
เสี่ยวจิงตะลึงงัน เธอหันขวับไปตามทิศทางเสียง เมื่อเห็นใบหน้าของฝ่ายตรงข้าม เธอก็อุทานอย่างไม่คาดฝัน
“ฉินเฟิง! นั่นนายหรอ!”
ฉินเฟิงพยักหน้าให้เสี่ยวจิง และหันไปพูดกับทหารว่า “เธอคงจะมีปัญหา เลยไม่มีทางเลือกอื่น แต่ผมเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับเธอ ดังนั้นผมจะพาเธอไปเอง!”
ว่าจบ ฉินเฟิงก็ตบๆลงบนปืนพลังงานที่เอว
มองไปยังปืนพลังงานและชุดต่อสู้ที่ทรงประสิทธิภาพของฉินเฟิง สีหน้าเย็นชาของทหารก็คลายลง
“งั้นก็ได้ แต่อย่าลืมล่ะว่าต้องรอดชีวิตกลับมา!”
ทหารยอมเปิดทางให้ แต่แท้จริงแล้วเขาเข้าใจผิดไปอย่างหนึ่ง นั่นคือคิดว่าฉินเฟิงคงสามารถปลุกพลังได้ตั้งนานแล้ว หากเขารู้ว่าฉินเฟิงกับเสี่ยวจิงเพิ่งจะฉีดยากระตุ้นไปได้แค่7-8วัน เขาคงไม่ยอมปล่อยทั้งสองไป
ฉินเฟิงพาเสี่ยวจิงออกจากประตู เดินผ่านท้องถนนที่เต็มไปด้วยกับดักมากมาย กระจายอยู่รอบๆ ซึ่งตรงส่วนนี้ มิอาจล่าสัตว์กลายพันธ์ได้
“ฉินเฟิง ขอบคุณนะ!” น้ำเสียงของเสี่ยวจิงฟุ้งไปด้วยความสำนึกคุณ
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ยังไงซะพวกเราก็เคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน!” นี่คือประโยคที่เสี่ยวจิงเคยกล่าวกับฉินฟิงในชีวิตก่อนหน้า บางทีอาจเป็นเพราะในช่วงนั้นฉินเฟิงกำลังลำบากก็เป็นได้ เขาเลยจดจำความเมตตานี้ไว้ในหัวใจ
ในช่วงเวลาคับขันที่หัวใจเหี่ยวแห้ง กลับปรากฏหยดน้ำใจ มอบความชุ่มชื้นให้อย่างกระทันหัน
“ขอบคุณจริงๆ!” ไม่ทราบว่าหยาดน้ำดังกล่าวไปกระตุ้นให้เกิดความอบอุ่นขึ้นในหัวใจของเธอหรืออย่างไร ดวงตาของเสี่ยวจิงเริ่มเอ่อนองไปด้วยน้ำตา
ฉินเฟิงพอเห็นก็เงียบไป
เขาเป็นชายที่ยอมหลั่งเลือดมิหลั่งน้ำตา เมื่อเจอเข้ากับการร่ำไห้ของหญิงสาว เจ้าตัวก็ไม่รู้จะปลอบโยนอย่างไรดี
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังไม่รู้เลยว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเสี่ยวจิงกันแน่ ทำไมถึงคิดทำอะไรบ้าบิ่นแบบนี้
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ตัวเธอในอนาคต ล้วนเป็นที่อิจฉาในหมู่นักเรียนโรงเรียนมัธยม
“อ๊ะ! ขอโทษที ฉันลืมตัวไป” เสี่ยวจิงรีบปาดน้ำตาและฝืนยิ้ม
“ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่เธอมีปัญหาอะไรกันแน่ถึงได้มาทำแบบนี้?”
เสี่ยวจิงเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนตัดสินใจสารภาพ “พ่อฉันต้องการให้ฉันแต่งงาน อ่า … แต่งงานกับตาลุงอายุ 40 ปี!”
ฉินเฟิงต้องเงียบไปอีกครั้ง แม้เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นเป็นปกติกับผู้คนจำนวนมาก แต่เขาก็ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับเสี่ยวจิง
บางที อาจเป็นเพราะฉินเฟิงเปิดบทสนทนา เสี่ยวจิงเลยไม่คิดข่มกลั้น เล่าต่อว่า “นายก็รู้ใช่ไหม ว่าฉันมีน้องชายอีกสองคน และในปีหน้า น้องชายของฉันก็จะต้องได้รับการฉีดยากระตุ้นแล้ว พ่อของฉันเลยเตรียมจัดการหายาเสริมความแข็งแกร่งให้กับเขา ไปขอยืมเงินกับคนอื่น 80000 เหรียญ โดยแลกกับตัวฉัน”
“ฉันไม่คาดคิดเลย ทั้งๆที่คนๆนั้นมีเมียอยู่แล้ว ไหนจะลูกชายอายุ 12 ปีอีก แต่เขาก็ยังต้องการที่จะตบแต่งฉันเป็นเมียน้อย นี่มันไร้สาระจริงๆ!”
“ฉันเลยอ้อนวอนพ่อ ขอเวลาให้ตนเองหนึ่งเดือน ในระหว่างนั้น ฉันอาจเก่งขึ้น และกลายเป็นผู้ใช้วรยุทธก็ได้ แต่พ่อไม่ยอมรอ หรือให้โอกาสฉันเลย แถมยังตอกย้ำว่า ไม่สำคัญว่าฉันแข็งแกร่งขึ้นได้หรือไม่ แต่ขอแค่ฉันให้กำเนิดลูกหลานที่แข็งแกร่งได้ก็พอแล้ว”
เสี่ยวจิงยิ่งพูด ก็ยิ่งโกรธ
ฉินเฟิงถึงบางอ้อในที่สุด
ว่าความจริงแล้ว พ่อของเสี่ยวจิงไม่ได้กังวลเรื่องเสี่ยวจิงจะไม่สามารถกลายเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณได้หรือไม่ หากแต่กลัวว่าจะไม่สามารถหาเงินมาจ่ายได้ต่างหาก
บ้านของเสี่ยวจิงน่ะยากจน พวกเขาอดมื้อกินมื้อ และเพื่อให้น้องๆทั้งสองที่อายุน้อยกว่ามีอันจะกิน เสี่ยวจิงก็เลยยอมอด จนผอมบางแบบนี้
คาดว่าพ่อของเสี่ยวจิงเอง ก็คงเห็นเธอเป็นสินค้าใช้แลกเงินอยู่แล้ว เลยไม่คิดเสียเงินซื้อยาเสริมความแข็งแกร่งฟูมฟักเธอตั้งแต่แรก ดังนั้น ต่อให้เสี่ยวจิงสามารถกลายเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณได้ สำหรับเขา มันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี
Ch.18 – ย่างงูในทุ่งล่า
Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.18 – ย่างงูในทุ่งล่า
“วางใจเถอะ เธอไม่ใช่สินค้าที่มีไว้ขาย เพราะความสามารถของเธอมีค่ามากเกินไป!” ฉินเฟิงกล่าวอย่างอ่อนโยน “ขอแค่เธอมีใจสู้ ก็สามารถหาเงินมาด้วยตัวเองได้! พ่อเธอต้องการเงินแค่ 80000 เหรียญใช่ไหม เธอก็แค่หาก้อนนั้นมา แล้วไถ่ตัวเองก็เท่านั้น!”
เสี่ยวจิงกัดฟัน พยักหน้าเห็นด้วย
“ใช่แล้ว ฉันต้องหาเงินมาให้จงได้ อย่างร้ายก็ตาย แต่ถ้าฉันรอดชีวิตกลับไปได้ ฉันก็จะเป็นอิสระ!”
ทว่า ความรู้สึกนี้ก็เกิดขึ้นเพียงไม่นาน สุดท้ายเสี่ยวจิงก็ถอนหายใจออกมา
การหาเงิน … มันใช่เรื่องง่ายดายซะที่ไหนกันเล่า?
เงินตั้ง 80000 เหรียญน่ะ ต่อให้เธอไปขายบริการที่ย่านโคมแดงในชุมชน ตลอดทั้งเดือน เธอยังหามาได้ไม่ครบเลย
ไหนจะเรื่องรูปร่างหน้าตาของเธออีก แบบนี้ต่อให้ไปขาย แล้วใครที่ไหนมันจะสนใจซื้อ!
อย่างไรก็ตาม เมื่อดวงตาของเธอตกลงบนร่างของฉินเฟิง มันคล้ายบังเกิดความหวังขึ้นมาอย่างน่าฉงน
แน่นอน ว่าเธอไม่ได้คิดถึงเรื่องที่จะยืมเงินฉินเฟิง หากแต่สังเกตเห็นว่าฉินเฟิงดูสมบูรณ์ขึ้นต่างหาก!
“ฉินเฟิง ช่วงก่อนหน้านี้นายไปเจอวิธีทำเงินดีๆมารึเปล่า ทำไมนายถึงดูอ้วนขึ้นกว่าเดิมมากเลย!”
“ฉันก็ทำในสิ่งที่เธอกำลังต้องการจะทำอยู่ในตอนนี้ไง” ฉินเฟิงตอบ สำหรับเรื่องที่เสี่ยวจิงว่าเขาอ้วนขึ้น นั่นน่าจะหมายถึงบึกบึนซะมากกว่า
“นายหาเงินโดยการล่าอย่างงั้นหรอ? หรือว่านาย … จะสามารถปลุกพลังพิเศษได้แล้ว?”
“เปล่า” ฉินเฟิงยังคงเลือกปฏิเสธ
“โห! ฉินเฟิง! ขนาดพลังพิเศษยังไม่ตื่นขึ้น แต่ก็ออกล่าหาเงินด้วยตัวเองได้แล้ว นายนี่มันน่าทึ่งจริงๆ!” เสี่ยวจิงแสดงความนับถือชื่นชม “บางที นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมนายถึงได้อันดับต้นๆเสมอ … รู้แล้ว! ทั้งหมดนี้เป็นเพราะนายเข้าคลาสต่อสู้เป็นประจำใช่ไหม รู้งี้ในคลาส ฉันน่าจะตั้งใจให้มากๆตั้งแต่แรก”
อย่างไรก็ตาม คลาสต่อสู้น่ะมันเหนื่อย กินพละกำลังกายมากเกินไป เสี่ยวจิงที่มักจะอดมื้อกินมื้อ เคยถึงขั้นเป็นลมระหว่างเรียนมาแล้ว ด้วยเหตุนี้เอง หลังจากนั้น เธอก็เลยไม่ออกกำลังกายหนักๆอีก
“มันยังไม่สายเกินไปหรอกนะที่จะหันมาตั้งใจฝึกฝนในตอนนี้”
ฉินเฟิงเองก็ไม่รู้หรอกว่าเสี่ยวจิงเคยผ่านอะไรมาบ้าง แต่ก่อนที่เขาจะกลับมาเกิดใหม่ เธอเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
“แอ๊ แอ๊!” ดูเหมือนว่าจะถูกขังไว้ในกระเป๋าสะพายนานเกินไป เสี่ยวไป๋ทนไม่ไหว ต้องโผล่หัวออกมา
สายตาของเสี่ยวจิงถูกดึงดูดโดยเสี่ยวไป๋ทันที
“นั่นตัวอะไรกัน? มันน่ารักมากเลย!” เสี่ยวจิงอดไม่ได้ อยากจะยื่นมือไปสัมผัสมัน
“แฮ่!” เสี่ยวไป๋แม้จะยังไม่เติบโตเต็มที่ แต่ก็พอจะมีฟันขึ้นมาบ้างแล้ว มันแยกเขี้ยว แสดงออกถึงความเป็นปรปักษ์ต่อเสี่ยวจิงทันที
ฉินเฟิงเองก็ประหลาดใจเล็กน้อยกับท่าทีของมัน เขาเอื้อมมือไปปลอบประโลมให้สงบลง
“ไม่เป็นไรน่า เธอเป็นสหายของพวกเรา!”
ดวงตาสีดำขลับของเสี่ยวไป๋จดจ้องเสี่ยวจิง ดูคล้ายกับว่าจะไม่พอใจที่มีสหายอ่อนแอ
อย่างไรก็ตาม จู่ๆมันก็ละความสนใจจากเธออย่างรวดเร็ว
“แอ๊!” เสี่ยวไป๋เผยท่าทีระมัดระวัง และมองไปยังทิศทางหนึ่ง
ฉินเฟิงบังเกิดความตกใจเล็กน้อย เขาไม่เคยเห็นเสี่ยวไป๋แสดงท่าทีระแวดระวังแบบนี้มาก่อนเลย
เสี่ยวไป๋โน้มตัวลง หลุดออกจากกระเป๋าสะพาย และในพริบตา วูบบบบ! มันพลันเปลี่ยนเป็นกระแสแสงสีขาว วาบหายไปชนิดที่ว่าคนธรรมดามิอาจมองตามได้
“เสี่ยวไป๋!” ฉินเฟิงเกิดความกังวลขึ้นทันที เขาเอื้อมมือไปคว้าปืนพลังงาน และไล่ตามไปยังทิศทางเดียวกันอย่างร้อนรน
และค้นพบว่ามีงูชายแดนอยู่ที่นั่น!
ขนาดตัวของมัน มีความหนาเท่ากับข้อมือ ความยาวมากกว่าสามเมตร ดังนั้นหากเทียบกับร่างเล็กๆของเสี่ยวไป๋ มันสามารถฉกกินทั้งตัวได้เลยในครั้งเดียว
“วิซซซ!” เมื่อพบเหยื่อ งูชายแดนก็เกร็งลำตัว อ้าปากโฉบเข้าฉกเสี่ยวไป๋ทันที
ฉินเฟิงไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยที่จะยกปืนพลังงานขึ้นเล็ง และยิง!!
“วี้—”
ปืนพลังงานระเบิดกระสุนแสงออกมาอย่างเงียบงัน แทบจะในทันที รังสีของมันก็เจาะทะลุเข้าหัวของงูชายแดน
แต่ก่อนหน้านั้น เสี่ยวไป๋ก็ได้หายวับไปจากสถานที่เดิมอย่างน่าฉงน
“นั่นมันเทเลพอร์ต!” ฉินเฟิงตะลึง เฝ้ามองฉากตรงหน้าอย่างทำอะไรไม่ถูก ในช่วงเวลาที่เสี่ยวไป๋ใช้พลังนี้ ขนสีขาวพลันสาดแสงสีเงินออกมา เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเอกลักษณ์ของรูนธาตุมิติ
สำหรับช่องว่างมิติ สิ่งมีชีวิตที่จะสามารถครอบครองมันได้คือสัตว์กลายพันธ์เท่านั้น แม้มนุษย์จะสามารถปลุกพลังพิเศษให้ตื่นขึ้นมาได้ แต่ไม่มีธาตุมิติรวมอยู่ด้วย ดังนั้น พลังนี้จึงมีค่าเป็นอย่างยิ่ง
ไม่คาดคิดเลย ว่าเสี่ยวไป๋จะสามารถปลุกพลังที่ว่าได้อย่างกระทันหัน!
แต่เมื่อย้อนนึกไปถึงเรื่องที่เสี่ยวไป๋ปรากฏตัวขึ้นจากในช่องว่างมิติ เขาก็พอจะเดาได้ว่านี่น่าจะเป็นพลังที่เสี่ยวไป๋ได้รับการถ่ายทอดมาจากแม่ของมัน
แบบนี้ใช่ว่าเสี่ยวไป๋เป็นสัตว์กลายพันธ์ธาตุมิติหรือไม่?
เรื่องนี้ทำให้ฉินเฟิงรู้สึกตื่นเต้นจริงๆ
“แอ๊!” เสี่ยวไป๋โผล่ออกมาจากช่องว่างมิติ และเมื่อเห็นว่างูชายแดนตายแล้ว มันก็เกิดความไม่พอใจขึ้นมาทันที เจ้าตัวน้อยกระโดดไปรอบๆตัวงู เมื่อค้นพบว่าไม่มีสิ่งใดที่มันชมชอบจากตัวงูใหญ่ หรือไม่ตัวงูก็ใหญ่เกินกว่าจะกินได้ มันจึงละความสนใจไป
“มันอันตรายนะรู้ไหม!” ฉินเฟิงตำหนิเล็กน้อย น้ำเสียงเชิงดุ ดวงตาของเสี่ยวไป๋เริ่มชื้นคล้ายบังเกิดหมอกหนา มันก้มหัวลงสำนึกผิดทันใด
“เอาเถอะๆ” ฉินเฟิงอดไม่ได้ต้องวางมือสัมผัสลงบนหัวของเสี่ยวไป๋ จากนั้นก็หยิบมีดสั้นออกไป แล้วเริ่มชำแหละงู
คราวนี้ เขาเอาถุงบรรจุมาด้วยมากมาย เจ้าตัวเริ่มจากการหักเขี้ยวพิษของมัน , เก็บถุงน้ำดีงู และเลาะหนังงูออกทั้งหมด
“นี่เธอกลัวงูหรอ?” ฉินเฟิงเอ่ยถาม
เสี่ยวจิงในเวลานี้ขาสั่นผับๆ ทว่าเมื่อได้ยินคำกล่าวของฉินเฟิง เธอก็กัดฟันตอบกลับไป “ไม่ได้กลัวซักหน่อย!”
ฉินเฟิงพยักหน้า หันกลับมา แล้วเริ่มลากร่างงูไปยังอีกทิศทางหนึ่ง
เสี่ยวจิงตามติดเขาไป แต่ก็ยังไม่รู้ว่าฉินเฟิงคิดจะทำอะไร
ฉินเฟิงหั่นร่างงู ใช้แท่งเหล็กทิ่มลงไปในชิ้นเนื้อของมัน เริ่มเติมถ่านและจุดไฟ
ถ่านไฟปะทุขึ้นในฉับพลัน ฉินเฟิงหยิบเอากิ่งไม้ใส่ลงไป แล้ววางเนื้องูลงด้านข้าง
ไม่นานนัก กลิ่นหอมออกเนื้องูก็เริ่มโชยออกมา
“อึก!”
เสี่ยวจิงกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่ได้กินอะไรเลยในเช้านี้
“เอ้านี่!” ฉินเฟิงยื่นชิ้นเนื้องูให้เสี่ยวจิง จากนั้นก็เริ่มย่างชิ้นถัดไป เพราะอย่างไรเสีย งูชายแดนก็ตัวใหญ่พอที่จะให้คนๆหนึ่งกินได้จนพุงกางอยู่แล้ว
“อา ขอบคุณ!” เสี่ยวจิงไม่คิดมากมารยาท รับเนื้อไปกินทันที
“กินเข้าไปเยอะๆ มันจะช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แก่เธอ ถ้าหากเธอต้องการต่อสู้ จงอย่าลืมว่าพละกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญ”
“อื้อ อื้อ” เสี่ยวจิงตอบรับ ทั้งๆที่ยังเคี้ยวอยู่
เนื้องูชายแดนไม่เพียงอร่อย แต่มันยังช่วยเพิ่มความอบอุ่นในกระเพาะอาหาร ไม่ทราบเหมือนกันว่านี่เกิดจากผลกระทบทางจิตวิทยาจากคำพูดของฉินเฟิงหรือไม่ เวลานี้ เสี่ยวจิงรู้สึกได้ว่าร่างกายของเธอเริ่มเปี่ยมไปด้วยพละกำลังจริงๆ
เสี่ยวจิงยังอยู่ในช่วงเวลาปลุกพลัง ทว่าเนื่องจากต้องอดมื้อกินมื้อ เธอเลยไม่มีแรงมากพอที่จะออกกำลังกายมาหลายวันแล้ว ดังนั้น เมื่อเนื้องูของฉินเฟิงเข้าสู่กระเพาะอาหาร มันก็สลายตัวเป็นพลังงานทันที เติมเต็มในส่วนที่ขาดหายมันไปหลายวัน
“แอ๊!” เสี่ยวไป๋ร้องอีกครั้ง
“เธอช่วยลดเสียง กินเบาๆลงหน่อย” ฉินเฟิงยกหน้าไม้กับลูกศรขึ้น
เสี่ยวจิงหันไปมองรอบๆ แต่แล้วดวงตาของเธอก็ต้องเบิกกว้าง เนื่องจากพบว่างูชายแดนสามตัวกำลังเลื้อยเวียนล้อมรอบ เริ่มขยับตีวงเข้ามาหาทั้งสอง
“ใช่แล้วล่ะ จงจดจำเอาไว้ให้ดี ว่าถ้าเธออยู่คนเดียวลำพัง จงอย่าย่างงูในทุ่งล่า!”
ฉินเฟิงเตือนเสี่ยวจิงที่กำลังกลืนเนื้อของมันลงไปอีกครั้ง
ทันใดนั้นเอง เธอก็คล้ายจดจำได้ว่า ในโรงเรียนมัธยม มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เธอเคยเรียนรู้เกี่ยวกับการเอาชีวิตรอดในทุ่งล่า อาจารย์ได้บอกว่าแม้เนื้องูจะอร่อย แต่จงอย่าย่างมันไปในทุ่งล่าโดยเด็ดขาด เพราะกลิ่นหอมของมันจะแพร่กระจายไปไกลกว่าหนึ่งกิโลเมตร และจะดึงดูดงูทุกตัวมาตามกลิ่นนี้
แล้วในรัศมีรอบๆ 1 กิโลเมตร … มันมีงูมากมายขนาดไหนกัน?
เมื่อคิดถึงจุดนี้ เสี่ยวจิงก็รู้สึกขนลุก เธอหันขวับไปมองอีกฝ่ายคล้ายกำลังดูคนบ้า
แน่นอน ว่าฉินเฟิงน่ะไม่ได้บ้า
เพราะที่นี่น่ะคือทุ่งล่าที่อยู่ใกล้กับพื้นที่เพาะปลูก สภาพแวดล้อมกว่าครึ่งจึงเป็นสถานที่ปลอดภัย หากต้องการล่าสัตว์ในบริเวณนี้ การหาเหยื่อน่ะยากเย็นยิ่งกว่าการต่อสู้ซะอีก ในกรณีนี้ มันจะไม่ดีกว่าเหรอ หากจะใช้วิธีที่ง่ายที่สุด เรียกพวกมันมาหาเองเลยโดยตรง
ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็กำลังต้องการที่จะทดสอบทักษะลับกลืนดาราอยู่พอดี!
Ch.19 – เธอตื่นแล้ว
Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.19 – เธอตื่นแล้ว
อันที่จริง งูชายแดนไม่ใช่สัตว์กลายพันธ์ที่สามารถสังหารได้ง่ายดายนัก มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งพอสมควร ทว่าแกร่งแค่ไหน ก็มิอาจหลบเลี่ยงศรอันแม่นยำจากหน้าไม้ของฉินเฟิงไปได้
“วิซ! วิซ! วิซ!”
ฉินเฟิงลั่นไกหน้าไม้ ศรแหลมพุ่งออกไป ปะทะเข้ากับหัวงูที่ใกล้เข้ามาโดยตรง ส่งมันลงไปดิ้นกับพื้น
งูชายแดนตอนแรกสะบัดตัวอย่างไม่ยินยอม แต่ไม่ช้า เรี่ยวแรงของมันก็เริ่มเหือดหายไปอย่างรวดเร็ว
ฉินเฟิงทำตามรูปแบบเดิม ไล่สังหารอีกสองตัวด้วยวิธีการเดียวกัน
เสี่ยวจิงเฝ้ามองการเคลื่อนไหวของฉินเฟิง รู้สึกว่าได้หัวใจกำลังสั่นไหว บังเกิดความชื่นชมในตัวเขา
ฉินเฟิงดึงมีดสั้นออกจากรองเท้าบูท และโยนให้แก่เสี่ยวจิง
“มีดสั้นนี้สำหรับเธอ หลังจากนี้ไป เธอจะต้องเป็นคนชำแหละพวกมัน เก็บรวบรวมวัตถุดิบ เหมือนที่ฉันทำเมื่อกี้นี้!”
“อา!” เสี่ยวจิงโยนแท่งเหล็กในมือทิ้งไปตามสัญชาตญาณ คว้ารับมีดสั้นอย่างร้อนรน เดินมาหยุดอยู่หน้าสามงู ลดมือลง ค่อยๆลากใบมีดไปมา เริ่มทำการเก็บรวบรวมวัตดุดิบทั้งหมด
แน่นอน ว่าแม้เธอจะไม่สามารถสังหารงูชายแดนได้ แต่หากเป็นเรื่องหั่นแยกส่วนคล้ายกับการทำอาหาร เธอนับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ
“เจ้าพวกนี้มันก็เป็นแค่อาหาร! เป็นแค่อาหาร!” เสี่ยวจิงปลอบใจตัวเอง และลงมืออย่างไม่ลังเล
ฉินเฟิงมองเธอ เมื่อเห็นว่าเป็นไปด้วยดี ก็พยักหน้าด้วยความพอใจ ส่วนตนก็เบนสมาธิไปรับมือกับอันตรายที่กำลังใกล้เข้ามาอย่างจริงจัง
“แอ๊!”
เสี่ยวไป๋ร้องเตือนอีกครั้ง
“ฟ่อ …. ”
งูชายแดนเลื้อยปรากฏกายขึ้นอีกคราว คู่ดวงตาของมันตั้งตรง ฉาบไปด้วยกลิ่นอายสังหาร ยิ่งตรงจุดนี้มีการนองเลือดเกิดขึ้น ก็ยิ่งกระตุ้นพวกมัน หลังจากที่มองเห็นฉินเฟิง มันก็ชูคอทันที ฉกเข้าใส่เขา
แต่ฉินเฟิงดูเหมือนจะไวกว่า ขยับมือยิงหน้าไม้ออกไป ส่งงูตัวนั้นร่วงจูบกับพื้นทันที
อย่างไรก็ตาม ลูกศรของฉินเฟิงพกมาไม่มากนัก มันมีแค่ 30 ดอกเท่านั้น
ทว่างูชายแดนกลับเลื้อยเข้ามามากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายฉินเฟิงมิอาจสังหารพวกมันโดยอาศัยหน้าไม้เพียงลำพังได้
“ตอนนี้เอายังไงดี? ฉินเฟิง ฉันว่าพวกเรากลับกันก่อนไหม?” เสี่ยวจิงแม้จะร้อนเงิน แต่หลังจากที่เก็บรวบรวมวัตดุดิบมาได้มากมาย เธอก็รู้สึกว่าการเก็บเกี่ยววันนี้น่าจะพอแล้ว
ฉินเฟิงไม่ตอบ แต่โยนหน้าไม้ในมือตนออกไป
ณ เวลานี้ ปรากฏงูชายแดนแปดตัวขึ้นในสายตาของเขา
ปราณของฉินเฟิงไหลเข้าไปในตันเถียน หลังจากผ่านการฝึกฝนสมาธิมาหลายวัน กำลังภายในของเขาก็จะได้ถูกนำมาใช้งานแล้ว!
สำหรับ «ทักษะลับกลืนดารา» เขาได้ฝึกฝนทักษะนี้ ทีละขั้นตอน ดูดกลืนปราณจากฟ้าดิน กระทั่งตอนฝึกก็ยังมีพลังกลืนกินไวเทียบเท่ากับพลังระดับ A และหากเป็นการใช้กับสิ่งมีชีวิตจริงๆ ต้องรวดเร็วยิ่งกว่าแน่นอน
แต่แค่นั้น ก็เพียงพอแล้ว
ฉินเฟิงเกร็งมือ สะบัดไปเบื้องหน้าทันใด
“ฝ่ามือกลืนดารา!”
ทักษะลับกลืนดารา คือการใช้ฝ่ามือ ดูดซับกำลังภายในจากร่างของศัตรูโดยตรง
ไม่เพียงเท่านั้น ทักษะกลืนดาราแท้จริงแล้วมิเพียงมีแค่แรงดูด หากแต่มันยังส่งแรงผลักที่ตรงกันข้ามไปพร้อมๆกัน ก่อให้เกิดแรงกระแทกอันหนักหน่วง
ด้วยสองพลังที่แม้ตรงข้าม แต่ก็เป็นหนึ่งเดียวกันนี้ แน่นอนว่าย่อมมากพอที่จะกดดันอีกฝ่ายลงสู่ความตาย
ฉินเฟิงกวาดฝ่ามือของเขาไปทางงูทั้งแปดตัวเบื้องหน้า ดูดพวกมันทั้งหมดขึ้นจากพื้นดิน ในเวลาต่อมา ‘โผล๊ะ!’ ร่างงูชายแดนก็ตัวแตกจากแรงผลัก ระเบิดกลางอากาศโดยตรง
เลือดสาดกระจายไปทั่ว
เสี่ยวจิงตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์
พลังงานจากศพของงูชายแดนถูกดูดกลืนเข้าฉินเฟิง พละกำลังและความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ไม่เพียงแค่นั้น แต่ฉินเฟิงยังรู้สึกว่ากำลังภายในของเขาเอง ก็เริ่มฟื้นฟูขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน
“เป็นอย่างที่คิดจริงๆด้วย! พลังพิเศษดูดกลืนของฉัน สามารถใช้ร่วมกันกับทักษะลับกลืนดาราได้เป็นอย่างดี!” ฉินเฟิงได้ข้อสรุปแล้ว
แต่หลังจากนั้นเอง ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลง และบริเวณโดยรอบก็ไม่มีงูชายแดนบุกเข้ามาโจมตีอีกต่อไป
“เก็บของๆเธอซะ พวกเราจะกลับกันแล้ว!”
ฉินเฟิงรู้ดี ว่าในรัศมี 1 กิโลเมตร งูชายแดนได้ถูกล้างบางจนสิ้น
สีหน้าของเสี่ยวจิงเปล่งปลั่งสดใส เธอพยักหน้า เริ่มเก็บของอย่างว่าง่าย
ในวันนี้ พวกเธอสังหารงูชายแดนไปทั้งสิ้น43 ตัว หนังหนาของมันถูกยัดจนเต็มถุงโดยฉินเฟิง ในขณะที่กระเป๋าสะพายหลังเต็มไปด้วยดีงูกับเขี้ยวงู
สำหรับเนื้อของมัน ฉินเฟิงไม่ได้มีความตั้งใจจะนำกลับไป
“เอ้า! นี่คือส่วนแบ่งของเธอ” ฉินเฟิงนำวัตดุดิบของงูชายแดนสามตัว มอบให้แก่เสี่ยวจิง
เสี่ยวจิงตกใจ แต่ก็มิได้ปฏิเสธ เธอเอ่ยถาม “ของพวกนี้ … สามารถแลกเปลี่ยนได้เป็นเงินเท่าไหร่?”
ฉินเฟิงคำนวณในใจ ตอบกลับไป “ประมาณ 10000 เหรียญ!”
ดวงตากลมมนของเสี่ยวจิงเบิกกว้างทันที
เพราะในอีกความหมายนึงก็คือ หากเธอติดตามฉินเฟิง และทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆอีกเป็นเวลา 8 วัน เธอก็จะได้รับเงิน 80000 มาปลดเปลื้องอิสระภาพให้แก่ตนเอง
“พรุ่งนี้นายจะมาอีกไหม?” เสี่ยวจิงรู้สึกอายเล็กน้อย แต่ก็ยังถามด้วยใบหน้าแดงซ่าน
“แน่นอนอยู่แล้ว แต่ส่วนของวันนี้ พวกเราจะกลับไปนอนที่เต็นท์ในพื้นที่เพาะปลูก มิฉะนั้นหากต้องไปกลับทุกวัน มันจะเสียเวลามากเกินไป มาเถอะ!”
ฉินเฟิงกำลังจะแบกหนังงูบนหลัง แต่เจ้าตัวน้อยที่อยู่ในกระเป๋าสะพายกลับดิ้นไปมา เสี่ยวไป๋โผล่หัวออกมาทันที มันพยายามเบียดตัวออกมาจากท่ามกลางวัตถุดิบที่อัดแน่นเป็นปลากระป๋อง
“แอ๊!” เสี่ยวไป๋มุดออกมาอย่างไม่พอใจ และวิ่งไต่ไปนั่งบนไหล่ของฉินเฟิง
ในช่วงเวลานั้น ฉินเฟิงสังเกตเห็นว่าฟันขาวของเสี่ยวไป๋เริ่มงอกแล้ว
“ก็ได้ๆ แต่อย่าลืมล่ะว่าต้องกลับเข้าไปข้างใน อย่าให้คนอื่นเห็น”
“แอ๊!”
ฉินเฟิงเริ่มเดินต่อ
เสี่ยวจิงเหลียวกลับไปมองฉากต่อสู้นองเลือดเบื้องหลัง ร้องตะโกนถามอีกครั้ง
“ฉินเฟิง แล้วเนื้องูพวกนี้ล่ะ? นายไม่เอาไปด้วยหรอ?”
“ไม่ มันหนักเกินไป!”
พวกเขามีกันแค่สองคนเท่านั้น แต่กลับสร้างผลลัพธ์ได้มากพอๆกับคนที่มาเป็นทีม จึงมีส่วนต่างของวัตถุดิบที่เยอะเกินไป แม้แต่ฉินเฟิงก็ไม่อาจนำกลับไปได้
เสี่ยวจิงมองดูเนื้องูเหล่านั้น ‘โถ่! นั่นมันกองเงินระยิบระยับเลยนะ!’
ในปัจจุบัน ที่ชุมชน เนื้อคุณภาพสูงเช่นนี้มิใช่สิ่งที่คนชนชั้นล่างจะสามารถกินได้ เพียงหนึ่งกิโลกรัมอาจแลกมาได้ถึง 100 เหรียญ และงูชายแดนทั้งตัว สามารถแลกได้ถึง 2000 เหรียญเลยทีเดียว! ซึ่งนั่นคือรายได้ทั้งเดือนของพ่อแม่ของเสี่ยวจิง
เสี่ยวจิงกัดฟัน และเริ่มยัดเนื้องูชิ้นใหญ่เข้าไปในกระเป๋าเป้ใบเล็กๆของเธอ
เจ้าตัวกัดฟันอีกครั้ง และเริ่มแบกสองศพงูชายแดนไว้บนไหล่คนละข้าง โดยไม่คำนึงถึงเลือดและความสกปรก ก่อนจะเดินตามฉินเฟิงไป
ฉินเฟิงมิได้ห้ามปรามเสี่ยงจิง แต่ก็ไม่คิดช่วยเหลือ ปล่อยให้เธอแบกมันด้วยตัวเอง
ฉินเฟิงแน่นอนว่าเดินตัวปลิว ทุกย่างก้าวช่างปลอดโปร่งสบาย ตรงกันข้ามกับเสี่ยวจิง ที่ผ่านไปไม่ถึง 10 นาที ก็เริ่มหอบหายใจหนักหน่วง พละกำลังเหือดหายไปอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่บ่นแม้ซักครึ่งคำ ที่ทำก็เพียงพยายามเดินต่อไป ไม่ร้องขอให้ฉินเฟิงช่วยเหลือใดๆ
เมื่อผ่านพ้นไป 15 นาที เสี่ยวจิงก็ปวดแปล่บที่กล้ามเนื้อ ในท้องของเธอว่างเปล่า เริ่มเกิดอาการหิวอีกครั้ง
“เดี๋ยวก่อน ช่วยรอแปปนึงนะ”
เห็นแค่เพียงเสี่ยวจิงที่อ้าปากกว้าง กัดลงไปบนเนื้องูสดๆ กลืนมันลงไป บังเกิดความอบอุ่นในกระเพาะอาหาร ร่างกายเริ่มมีพละกำลังอีกครั้ง
ฉินเฟิงมองเสี่ยวจิงด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
ไม่คาดคิดเลย ว่าอีกฝ่ายจะสามารถปลุกพลังวรยุทธโบราณให้ตื่นขึ้นมาได้แล้วอย่างกระทันหัน
หลังจากฉีดยากระตุ้นลงไป นอกเหนือไปจากโอกาสที่จะสามารถปลุกพลังพิเศษให้กลายเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ได้แล้ว ตัวยายังมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นร่างกายและจิตวิญญาณ เพิ่มพูนพละกำลังและความเร็ว รวมไปถึงพลังอื่นๆในภายนอก
การตื่นขึ้นของพลังรูปแบบนี้ มีโอกาสสูงกว่าการตื่นขึ้นของอบิลิตี้ แต่ก็ยังถือว่าหาได้ยากยิ่ง มีโอกาสเกิดขึ้นเพียงหนึ่งในสิบเท่านั้น
ฉินเฟิงรู้จักกับเสี่ยวจิงเพียงผิวเผิน เขาไม่ได้สนิทกับเธอ แต่พอมาคิดดูดีๆ การที่เสี่ยวจิงได้มาติดตาม พึ่งพิงเขา ก็เป็นอะไรที่ไม่คาดคิดมาก่อนจริงๆ
“กินมันเข้าไปอีกสิ .. ถือมันเอาไว้ดีๆเดี๋ยวฉันช่วย” ฉินเฟิงดึงมีดสั้นออกมา ช่วยเฉือนเนื้อของมัน หั่นเป็นชิ้นให้เสี่ยวจิงกินสะดวกๆ
“ฉันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองจะแข็งแกร่งกว่าเดิมมากเลย!” เสี่ยวจิงงงงวยเล็กน้อย แต่ก็ยังฟังคำของฉินเฟิง ทนฝืนกินรสชาติคลื่นไส้ของเนื้องูไม่สุก กลืนมันลงไป -ในกระเพาะอาหารของเธอคล้ายกับเป็นหลุมลึก คอยดูดซับพลังงานเหล่านั้นเข้าไปอย่างต่อเนื่อง
“พลังของเธอตื่นขึ้นแล้ว!” ฉินเฟิงเผยรอยยิ้มจางๆออกมา
Ch.20 – ทำสัญญากับเสี่ยวไป๋
Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.20 – ทำสัญญากับเสี่ยวไป๋
พลังของเสี่ยวจิงตื่นขึ้นมาเองโดยธรรมชาติ ตื่นโดยไม่จำเป็นต้องเร่งออกกำลังแต่อย่างใด ในกรณีนี้ทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับโชค มิอาจใช้เหตุหรือผลได้
อย่างโจวฮ่าวเอง ตอนนี้ก็ยังคงออกกำลังกายอยู่ที่บ้าน แถมยังได้รับยาเสริมความแข็งแกร่งเกรด G จากฉินเฟิง แต่เขาก็ยังไม่อาจปลุกพลังวรยุทธโบราณได้!
“นี่ฉัน- พลังของฉันตื่นขึ้นมาแล้วอย่างงั้นหรอ?” เสี่ยวจิงไม่คาดคิดเลย แต่พอได้ลองรับรู้ถึงมันอย่างรอบคอบ เจ้าตัวก็พบว่าแม้จะแบกชิ้นเนื้อจากงู และศพอีกสอง รวมๆแล้วเกือบ 60 กิโลกรัม แต่ในความรู้สึกของเธอ มันช่างเบาสบายเหลือเกิน ฉะนั้นแล้ว หากนี่ไม่เรียกว่าพลังได้ตื่นขึ้น มันจะเป็นอะไร?
“พลังฉันตื่นขึ้นแล้ว ตัวฉัน พลังได้ตื่นขึ้นมาแล้ว … ” เสี่ยวจิงงึมงำซ้ำๆ รับรู้ได้ถึงหยาดน้ำตาที่ไหลรินลงมา
การที่พลังตื่นขึ้น นั่นหมายความว่าเธอจะมีพละกำลัง ไว้เผชิญหน้ากับการต่อสู้ในอนาคต
“รีบไปเถอะ ฟ้ามืดแล้ว!”
“อะ- อื้ม!”
ทั้งสองเร่งฝีเท้า เสี่ยวจิงระหว่างทางก็กินเนื้องูไปพลางๆ คราวนี้ทุกย่างก้าวของเธอ ในการมุ่งหน้ากลับไปยังจุดรวมพล มันช่างสบายและผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
ทหารรักษาการณ์เห็นการกลับมาของทั้งสองคนก็คลายใจลง แต่แล้วเมื่อสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงของเสี่ยวจิง เขาก็ต้องประหลาดใจ
“หึ!” เสี่ยวจิงเชิดคางสูง แบกเนื้องูก้าวเข้าไปอย่างช้าๆ คล้ายกับกำลังจะอวดถึงพลังของตัวเธอเอง
แต่หลังจากที่ประหลาดใจ ทหารก็เผยรอยยิ้มเล็กน้อย ไม่เอ่ยคำใด เพียงผิวปากหยอกล้อเธอ
เสี่ยวจิงบังเกิดความรู้สึกอยากจะซัดกำปั้นใส่ใบหน้าอีกฝ่ายซะจริงๆ
เมื่อค่ำคืนได้มาถึง นักสู้ส่วนใหญ่ก็ได้กลับมาแล้ว แต่ก็ยังมีบางคนเหมือนกัน ที่เลือกค้างคืนในภายนอก
“ปิดประตูได้!”
“ครับหัวหน้า!”
“ทุกคนปิดประตู!”
เหล่าทหารเริ่มเคลื่อนไหว
“นั่นเขาเป็นหัวหน้าอย่างงั้นหรอ?” เสี่ยวจิงมองไปทางทหารที่ผิวปากใส่เธอ ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกโกรธ
“ไปเถอะน่า!” ฉินเฟิงเอ่ยคำหนึ่ง ลากเสี่ยวจิงไปยังสถานีซื้อขาย
เนื่องจากพวกเขาสังหารสัตว์ที่ถูกส่งเสริมให้ล่าเป็นพิเศษ จึงมีรางวัลเสริมให้ แม้จะเพียง 1000 เหรียญต่อตัว แต่รวมๆแล้วกล่าวได้ว่าเพิ่มมาอีกถึง 40000 เหรียญ
ควบคู่ไปกับวัตถุดิบที่ชำแหละมา ฉินเฟิงจึงสามารถทำกำไรในครั้งนี้ได้กว่า 240000 เหรียญ!
ในชีวิตก่อนหน้า ฉินเฟิงเคยเป็นถึงผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล A แต่ละครั้งที่ออกล่าสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ เขามักจะได้เงินกลับมาในหลักร้อยล้านพันล้านอยู่เสมอๆ ดังนั้นเงินรางวัลในครั้งนี้ ถือเป็นจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น
ตรงกันข้ามกับเสี่ยวจิง มันเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นสุดๆ
วัตถุดิบทั้งสามของเธอ ที่แลกเปลี่ยนในวันนี้ ช่วยสร้างกำไรให้เธอได้มากถึง 18000 เหรียญ!
นอกจากนี้ ยังมีเนื้องูที่แบกมาอีก หลังจากขายมันแล้วเธอก็ได้เพิ่มมากว่า 4000 เหรียญ
“ฉินเฟิง ขอบคุณนายมากเลยนะ!”
“พอเถอะน่า วันนี้เธอพูดขอบคุณๆ เยอะเกินไปแล้ว!”
ฉินเฟิงเอง เจอแบบนี้เข้าไปก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน ที่เขาช่วยเธอก็เพียงเพราะต้องการใช้หนี้น้ำใจของอีกฝ่าย แต่เวลานี้เสี่ยวจิงกลับเอาแต่ขอบคุณเขา
“งั้นคราวนี้ฉันขอรับหน้าที่ทำอาหารก็แล้วกัน! ถือซะว่าเป็นการเลี้ยงตอบแทนนาย”
เสี่ยวจิงมิได้เอ่ยลอยๆ แม้ปัจจุบันเธอจะยังไม่มีความสามารถในการต่อสู้ แต่ทักษะการทำอาหารของเธอไม่เลวร้ายเลย อาหารค่ำก็ไม่พ้นเนื้องูที่ได้รับมา กระทั่งฉินเฟิง พอได้กินก็เอ่ยชมเธอไม่ขาดปาก
ไม่เพียงเท่านั้น แต่เสี่ยวจิงยังตักเนื้องูใส่ชาม เอาไปติดสินบนกับหัวหน้าทหาร ทำให้การเดินทางในวันพรุ่งนี้ เขาและเธอสามารถยืมรถศึกมาใช้งานได้ ตราบใดที่มันไม่เสียหาย ทั้งสองก็ไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ
แน่นอน ว่ามันไม่มีใครกล้าขโมยรถของทหารหรอก
แต่การที่เสี่ยวจิงสามารถขอมันมาใช้งาน ฉินเฟิงละอดสรรเสริญเธอไม่ได้จริงๆ
พอถึงช่วงค่ำ พื้นที่เพาะปลูกก็เต็มไปด้วยชีวิตชีวา นักสู้หลายคนเริ่มคุยโวถึงการต่อสู้ของตัวเอง บ้างก็บ่นเกี่ยวกับเงินที่แลกมาได้ในวันนี้ บางทีมก็เอาแต่เงียบ ในส่วนหลังชัดเจนว่าพวกเขาสูญเสียจากการต่อสู้
ส่วนฝั่งทหารยังไม่ได้พักผ่อน แต่ยังคงรับการอบรมและฝึกฝนวรยุทธจากภายในกองทัพ เสี่ยวจิงเฝ้ามองพวกเขา สุดท้ายตัดสินใจวิ่งตามไปฝึกด้วย
ฉินเฟิงไม่ได้เข้าไปร่วมกับเธอ เขาเดินเข้าไปพักผ่อนในเต็นท์ -ถึงจะพูดว่าพักผ่อน แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาเข้ามาเพื่อฝึกเทคนิคสมาธิและทักษะลับกลืนดาราต่างหาก
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ มีสิ่งหนึ่งที่ต้องทำ
เขานำเสี่ยวไป๋ออกมา เนื่องจากพื้นที่ภายในเต็นท์ไม่ใหญ่นัก เจ้าตัวน้อยเลยหันหัวไปมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เสี่ยวไป๋ อย่าขยับนะ”
ฉินเฟิงอุ้มเสี่ยวไป๋
ดวงตาสีดำขลับมองไปทางฉินเฟิงด้วยความงงงวย
ฉินเฟิงเองก็คล้ายจะลังเลเช่นกัน เดิมเขามีความคิดว่าควรรอให้เสี่ยวไป๋เติบโตขึ้น แข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ซะก่อน แล้วค่อยทำสัญญา แต่จากพลังที่เสี่ยวไป๋เผยออกมา ทำให้เขาตัดสินใจว่า หากทำสัญญากันตอนนี้เลย มันคงจะดีกว่า
พลังมิติไม่ถูกจัดอยู่ในอบิลิตี้ทั้งสิบ พลังอันลี้ลับนี้ เป็นต้นเหตุของความหายนะทั้งหมดที่เกิดขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน มันก็สร้างความหวังให้ผู้คนเช่นกัน
“จากนี้ไป ถ้าแกติดตามฉัน ฉันจะไม่ทำเหมือนกับว่าแกเป็นทาส แต่พวกเราจะเป็นคู่หูกัน!”
ก่อนที่จะเกิดใหม่ อีกฝ่ายเคยช่วยชีวิตเขาเอาไว้โดยไม่ตั้งใจ ดังนั้น ฉินเฟิงย่อมไม่ยอมให้เสี่ยวไป๋สละชีวิตเพื่อเขาอีกครั้ง ตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่ สาบานเลยว่าจะไม่ยอมละทิ้งเสี่ยวไป๋
การทรยศแบบนั้น ไม่เพียงแต่จะทำให้จิตใจของเขาผิดเพี้ยน แต่ยังกลายเป็นคนน่ารังเกียจเหยียดหยาม
แม้ตัวเขาจะไม่ใช่พ่อพระ แต่เขาก็ไม่ใช่คนเลือดเย็น
“อย่าต่อต้านล่ะ ฉันไม่คิดทำร้ายแก”
ขณะขบคิด ฉินเฟิงก็กัดปลายลิ้นของตัวเองอย่างแรง ความเจ็บปวดทำให้สติของเขากลับมากระจ่างใส ไม่นานนัก หยดเลือดจากพลังสติก็ลอยออกมา บินอย่างแผ่วเบาไปทางเสี่ยวไป๋
เสี่ยวไป๋จ้องมองหยดเลือดนี้ สายตาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หยดเลือดใกล้เข้าไป ใกล้ไปเรื่อยๆ ดวงตาของเสี่ยวไป๋ที่เฝ้ามองมัน ช่างดูบ๊องแบ๊วซะจริงๆ
ฉินเฟิงเกือบหลุดหัวเราะออกมา
แต่โชคยังดี เขาเรียกสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ใช้พลังสมาธิ ควบคุมหยดเลือดไปตกลงบนหน้าผากของเสี่ยวไป๋ -ฉินเฟิงรู้สึกได้ว่าเขากำลังสัมผัสกับจิตวิญญาณของเสี่ยวไป๋
จากนั้น หยดเลือดก็หลอมละลายเข้าไปในจิตวิญญาณ ก่อร่างเป็นสัญญาขึ้น
ตั้งแต่ต้นจนจบ เสี่ยวไป๋ มิได้ต่อต้านใดๆเลย มันเชื่อฟังเป็นอย่างมาก
อาจบางที ในจิตสำนึกของมัน คงจะคิดว่าฉินเฟิงไม่มีทางทำร้ายมันก็เป็นได้
หลังจากการทำสัญญาประสบความสำเร็จแล้ว ฉินเฟิงก็ได้ล่วงรู้ถึงหลายสิ่งที่เกี่ยวกับเสี่ยวไป๋
เขาผ่อนลมหายใจลง โล่งใจจริงๆที่เสี่ยวไป๋ไม่ใช่หมา หากแต่เป็นจิ้งจอกสายพันธ์หนึ่ง
เป็นจิ้งจอกที่มีสายเลือดของจิ้งจอกเก้าหางอันทรงอำนาจ!
และในฐานะที่เป็นจิ้งจอกเงิน ที่มีจำนวนน้อยนิดและหาได้ยากยิ่ง มันจึงครอบครองพลังที่สามารถควบคุมมิติได้
ยิ่งไปกว่านั้น ฉินเฟิงยังสามารถรับรู้ได่จากพลังสมาธิของเขา ว่าเสี่ยวไป๋ครอบครองพื้นที่มีติกว่าหนึ่งเมตร! คาดว่านี่น่าจะเป็นพื้นที่มิติของมันที่ติดตัวมาตั้งแต่แรกเกิด พื้นที่มิติมั่นคง มีเสถียรภาพมาก สามารถเก็บสิ่งของได้ เหมือนกับพื้นที่เก็บของส่วนตัวเลยทีเดียว
ด้วยพลังนี้ มันเพียงพอแล้วที่ทำให้เสี่ยวไป๋กลายเป็นสัตว์ล้ำค่า! ผู้คนจำนวนมากย่อมหมายปองที่จะปล้นชิงมัน
“ต่อจากนี้ไป พยายามใช้พลังมิติให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้นะเข้าใจไหม แกยังเด็กเกินไป ดังนั้นใส่ใจที่จะปกป้องตัวเองด้วย!”
ฉินเฟิงวางมือลงบนหน้าผากของเสี่ยวไป๋ บางทีอาจเป็นเพราะทำสัญญากันแล้ว เสี่ยวไป๋จึงคล้ายรับรู้ถึงความต้องการของฉินเฟิงชัดเจนขึ้น ขณะเดียวกัน ฉินเฟิงเองก็สามารถรับรู้ถึงความคิดบางส่วนของเสี่ยวไป๋ได้
“แอ๊!” เสี่ยวไป๋ตอบรับอย่างรวดเร็ว ในมุมมองของมัน ทุกคำสั่งของฉินเฟิง มันจะไม่มีทางละเมิดเด็ดขาด
ฉินเฟิงขยำขนหางนุ่มๆของมันเล่นอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายกลับมานั่งขวาทับซ้าย เรื่มฝึกเทคนิคสมาธิและทักษะลับกลืนดาราอีกครั้ง
หลายวันผ่านมา ระหว่างนั้นฉินเฟิงกับเสี่ยวจิงก็ยังคงออกไปล่า เนื่องจากเสี่ยวจิงสามารถปลุกพลังของเธอได้แล้ว วัยรุ่นสาวจึงไม่ต้องคอยรับหน้าที่ชำแหละวัตถุดิบเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป หากแต่สามารถเริ่มเข้ามามีส่วนร่วมในการต่อสู้ด้วยเช่นกัน
แม้จะต้องเผชิญกับความตื่นเต้นครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เสี่ยวจิงก็ยังรอดมาได้ มีครั้งนึงที่น่องของเธอเกือบจะถูกทิ่มเป็นรู ในขณะเดียวกันตามร่างกายของเธอก็ปรากฏรอยขีดข่วนและฟกช้ำมากมาย
แต่เจ้าสิ่งนี้ไม่ได้เป็นอันตรายใดๆ ในที่สุด ไม่กี่วัน เสี่ยวจิงก็สามารถสะสมเงินครบ 80000 จนได้ แต่ก็ยังไม่พอ เธอก็ยังออกมาล่าต่อ สะสมพวกมันเพิ่มไปเรื่อยๆ
เธอไม่ได้เก็บเงินพวกนั้นอีกต่อไป แต่เลือกนำไปเปลี่ยนเป็นชุดต่อสู้และดาบหนัก แม้ว่าจะยังไม่มีกำลังภายในช่วยสนับสนุนในการต่อสู้ แต่เธอก็ยังเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณ
ในความเป็นจริง หลายคนในพื้นที่เพาะปลูก พอได้เห็นฉินเฟิงกับเสี่ยวจิงเก็บเกี่ยวสินสงครามมาได้มากมายก็เกิดความรู้สึกอิจฉา อยากจะปล้นชิง อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้เห็นการต่อสู้ของทั้งสอง บางคนก็ยอมแพ้และถอดใจไป
เพราะทั้งคู่นั้นต่อสู้โดยเอาชีวิตเข้าแลก
แน่นอนว่าผู้อื่นไม่มีทางรู้ได้หรอก ว่าการต่อสู้เหมือนเอาชีวิตเข้าแลกที่เห็นนั้น แท้จริงแล้วอยู่ในการคาดคะเนของฉินเฟิงโดยสิ้นเชิง
Ch.21 – ซุ่มโจมตี
Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.21 – ซุ่มโจมตี
ความแข็งแกร่งทางกายภาพของฉินเฟิง ได้ยกระดับมาถึงเลเวล G3 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากเขาใช้ทักษะลับกลืนดารา พละกำลังของเขาจะทะยานขึ้นเป็นการชั่วคราว สามารถปลดปล่อยแรงผลักได้รุนแรงขึ้นถึง 10 เท่าในระหว่างกระบวนการ -เรียกได้ว่างูชายแดนกลายเป็นไก่อ่อนไปเลย เมื่ออยู่ต่อหน้ามัน
หลังจากพลังของเสี่ยวจิงตื่นขึ้น ความแข็งแกร่งของเธอก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นในด้านความเร็ว , ความสามารถในการตอบสนอง หรือประสบการณ์ต่อสู้ เสี่ยวจิงยังด้อยกว่าฉินเฟิงมากนัก แต่ในเวลานี้ เขาตัดสินใจบอกเธอไป ว่าการออกล่าคนเดียว ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธออีกแล้ว
เสี่ยวจิงพอได้ยินคำของฉินเฟิง แวบแรกก็ตกใจเล็กน้อย “เข้าใจแล้ว แต่ฉันยังอยากไปกับนายอยู่นะ”
แม้ล่าลำพังจะได้เงินมากกว่า หากแต่เสี่ยวจิงไม่ใช่คนโลภ ว่าจบ เธอก็ลากศพของงูชายแดนกว่า 30 ตัวเข้ามากองรวมกัน
เสี่ยวจิงเอาเชือกออกมา ผูกศพงูเข้าด้วยกัน แล้วเริ่มลากมันไป ส่วนฉินเฟิงแน่นอนว่าก็ทำแบบเดียวกัน มุ่งหน้าตรงไปยังรถศึกของกองทัพที่ยืมมา โดยอาศัยมัน ทั้งสองเลยไม่จำเป็นต้องลำบากแบกวัตถุดิบกลับด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตาม ในระยะ 100 เมตรก่อนที่จะถึงรถ จู่ๆแววตาของฉินเฟิงก็กลายเป็นเย็นเยียบ
“แฮ่!!” เสี่ยวไป๋ส่งเสียงขู่ แสดงท่าทีคุกคาม เผยแววตาสังหาร
ฉินเฟิงวางงูชายแดนและกระเป๋าเป้สะพายหลังสำหรับต่อสู้ลง
“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ?” เสี่ยวจิงสงสัย
“เธอรออยู่ที่นี่ ไม่ต้องตามมา!” สิ้นเสียง ร่างของฉินเฟิงก็วูบไหว หายไปทันที
หรือจะให้อธิบายอีกแบบนึงก็คือ ทั้งร่างของเขาจู่ๆก็กลายเป็นเงาสีเทา วูบหายไปในพุ่มไม้ มิอาจรับรู้ หรือสังเกตเห็นถึงเขาได้
กระทั่งเสี่ยวจิงที่อยู่ข้างๆก็ยังไม่เห็นว่าฉินเฟิงหายตัวไปได้อย่างไร
นี่คือพลังพิเศษที่สองของฉินเฟิง ที่เกิดจากการดูดซึมรูนธาตุสีเทาจำนวนหนึ่ง
ฉินเฟิงว่องไวเป็นอย่างยิ่ง เขาย่นผ่านระยะ 100 เมตรไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อมาถึงรถศึก เขาก็เห็นกลุ่มคนที่ซุ่มซ่อนอยู่ในพงหญ้าหนาทึบ
นอกจากนี้ ยังมีกระทั่งพลไรเฟิล ที่ซุ่มอยู่ห่างออกไปไกลกว่า 100 เมตร
ในเวลานี้ ฉินเฟิงได้ย่องเข้ามาใกล้กับหนึ่งในพวกมัน ที่กำลังหมอบคลานอยู่ในดงหญ้า อีกฝ่ายคล้ายรู้สึกกังวล เลยหยิบอุปกรณ์สื่อสารออกมา
“บอส พวกเราจะต้องรอไปจนถึงเมื่อไหร่กัน ทำไมสองคนนั้นถึงยังไม่กลับมาซักที!”
แน่นอนว่าอีกฝั่งก็มีคนที่คอยฟังอยู่ เนื่องจากตอนนี้ยังไม่มีวี่แววของใคร การสื่อสารจึงยังเป็นการพูดด้วยเสียงปกติ ไม่สลับไปใช้ระบบข้อความ
“วันนี้อากาศแปรปรวน ฝนก็กำลังจะตก ทั้งสองคนสมควรที่จะกลับมาเร็วกว่ากำหนด พวกเราโชคดีจริงๆที่จะได้เจอกับแกะอ้วนทั้งสองตัวแล้ว!”
เสียงที่ส่งผ่านมาฟุ้งไปด้วยความโลภ ฉินเฟิงสรุปได้ทันทีว่าคนเหล่านี้มีมุ่งเป้าหมายมายังตัวเขา
เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าพวกมันคิดจะปล้น หรือถึงขั้นสังหารเลยกันแน่
แต่ไม่ว่าจะในกรณีไหน ฉินเฟิงก็จะไม่ยอมถูกรังแกเด็ดขาด
“บอส นี่ไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยนะ ทั้งสองคนเพิ่งจะเป็นที่รู้จักในจุดรวมพลเมื่อเร็วๆนี้ โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงนั่น เหมือนจะสนิทกับหลี่เหวินด้วย!”
หลี่เหวิน คือชื่อหัวหน้าทหารในพื้นที่เพาะปลูก
“ก็แค่เด็กขนยังไม่ขึ้นสองคน! ตราสัญลักษณ์ผู้ใช้พลังพิเศษก็ยังไม่ได้รับ ฉะนั้นการฆ่าพวกมันก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร ยิ่งเป็นในทุ่งล่ายิ่งแล้วใหญ่!”
“บอสพูดถูกแล้ว ว่าแต่ทำไมกันนะ ทำไมในทุกๆวันพวกมันถึงล่ามาได้มากมายขนาดนั้น? ในขณะที่พวกเราเองยังกว่าจะหาวัตถุดิบไปแลกเงินซื้ออาวุธซักชิ้น ยังเหนื่อยแทบตาย!”
“ช่างเถอะน่า เพราะหลังจากที่ปล้นพวกมัน บิดาก็จะได้กลายเป็นผู้ใช้กำลังภายในเลเวล F!แล้ว”
คนพวกนี้ คิดจะสังหารฉินเฟิงกับเสี่ยวจิง จากนั้นก็ขโมยสมบัติของทั้งสอง นำไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินหรืออะไรบางอย่าง
การแสดงออกของฉินเฟิงกลายเป็นเย็นเยียบ
เขาไม่รีบร้อนกระโจนออกไปสังหารมันทันที หากแต่เลือกเดินอ้อมเป็นครึ่งวงกลม มุ่งไปยังตำแหน่งพลซุ่มยิงที่อยู่ไกลที่สุด
แม้อีกฝ่ายจะเป็นเพียงมือปืนระดับต่ำ มิอาจสร้างภัยคุกคามต่อเขาที่เพิ่งได้รับพลังพิเศษใหม่มา ทว่าอย่างไรเสีย มันก็ยังเป็นอันตรายต่อเสี่ยวจิง
ในความเป็นจริงแล้ว ความแข็งแกร่งของมือปืนนั้นอยู่ในระดับต่ำ หากแต่พวกเขาได้เปรียบเพราะอาศัยข้อดีของปืน
พลซุ่มยิงคนนี้ น่าจะเป็นคนที่อยู่ปลายสายของอุปกรณ์สื่อสาร ที่เอ่ยเกี่ยวกับการซื้ออาวุธ
“วูซซซ!” ฉินเฟิงกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ ฉกหนึ่งมือเอื้อมไปปิดปากพลซุ่มยิงอีกฝ่ายทันที
“อื้อ อื้อ!”
พลซุ่มยิงเบิกตาโพลง เจ้าตัวพยายามดิ้นรน ไม่คาดคิดเลยว่าจะมีใครลอบเข้ามาโจมตีเขา
แต่มันก็ไร้ประโยชน์!
“แกร๊ก!”
ด้วยการบิดข้อมืออีกข้างของฉินเฟิง เขาก็สามารถจบชีวิตของพลซุ่มยิงในเงามืดได้อย่างสมบูรณ์
แม้อีกสี่คนที่เหลือ ก็ยังไม่รู้สถานการณ์ของพวกตัวเอง
ฉินเฟิงผลักพลซุ่มยิงไปข้างๆอย่างเงียบๆ สองมือประทับลงบนปืนไรเฟิลของศัตรู แนบดวงตาลง และกวาดมองไปยังพื้นที่เบื้องหน้าจากตำแหน่งซุ่มยิง
พริบตานั้น มุมปากของเขาก็ผุดรอยยิ้มกระหายเลือดปรากฏขึ้นทันใด
เป็นทำเลที่ดีนี่นา!
ในตำแหน่งนี้ ไม่เพียงแต่จะสามารถยิงไปในทิศทางที่ฉินเฟิงกับเสี่ยวจิงกำลังมาถึงรถศึกได้เท่านั้น แต่ยังสามารถมองเห็นตำแหน่งของเพื่อนร่วมทีมทั้งสี่คนที่เหลือได้อย่างชัดเจน พร้อมที่จะสนับสนุนพวกเขาได้ตลอดเวลา
ทว่าตอนนี้ มันกลับให้ผลตรงกันข้าม กลายเป็นสาปส่งพวกเขาลงสู่ความตายแทน
ฉินเฟิงเล็งไปยังเป้าหมายอย่างรวดเร็ว ในกลุ่มทั้งสี่คน มีสองคนที่มีอาวุธปืน ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลยที่จะเลือกยิงใส่คนเหล่านั้นเป็นอันดับแรก
“ปัง!”
เสียงปืนไรเฟิลที่ทั้งทุ้มและลึกปะทุขึ้น วินาทีต่อมา หมอกเลือดก็สาดกระเซ็นจากหลังหัวของหนึ่งในมือปืนเบื้องล่าง
ตายในทันที!
ช่วงเวลานั้นเอง ดั่งคลื่นแห่งความหวาดกลัวซัดเข้าถาโถม คนที่ยังมีชีวิตอยู่เริ่มตื่นตระหนกทันที
“เกิดอะไรขึ้น? ไรจื่อ? นั่นแกยิงบ้าอะไรบ้าอะไรของแก!”
“ไม่จริง! น้องสี่ตายแล้ว ไรจื่อฆ่ามัน!”
อีกเสียงร้องดังขึ้นด้วยความตกใจ
ปัง!
เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้ง และคราวนี้เป็นมือปืนอีกคนที่ร้องตะโกนเองที่สิ้นใจลง สองคนที่เหลือตระหนักได้ทันที ว่าเหตุการณ์ชักไม่ดีแล้ว
“ไม่ใช่! นั่นไม่ใช่ไรจื่อ!”
“ระวังตัวให้ดี อีกฝ่ายเป็นศัตรู!”
อีกสองคนที่เหลือเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณ พวกเขาว่องไวเป็นอย่างมาก พริบตาเดียวก็วิ่งโฉบออกจากจุดเดิม มุ่งตรงไปยังตำแหน่งซุ่มยิง
พวกเขายังเชื่อว่าการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วเช่นนี้ จะทำให้ศัตรูไม่อาจเล็งเป้าได้
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงเองก็มิได้ตั้งใจจะเล็งยิงต่อไปแล้วเช่นกัน
อีกด้านหนึ่ง เสี่ยวจิงเมื่อได้ยินเสียงปืน สีหน้าของเธอก็หม่นลง บังเกิดความว้าวุ่นในจิตใจ ลืมเลือนคำสั่งของฉินเฟิง วิ่งไปข้างหน้า กุมปืนจักรกลในมือแน่น ดวงตาฉายแววดุร้าย
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เธอไม่ใช่เด็กสาวโง่งมอีกต่อไป เพียงได้ยินเสียงปืน ก็สามารถตระหนักได้ทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น
-มีคนต้องการที่จะปล้นพวกเธอ!
ไม่ว่าจะเพื่อเงินหรืออะไรก็ตาม ตราบใดที่พวกมันกล้าที่จะลงมือ เสี่ยวจิงก็พร้อมที่จะงัดเป็นตายกับพวกมัน!
ในเวลานั้นเอง ฉินเฟิงก็ลงมาหยุดยืนอยู่ใต้ต้นไม้ เฝ้ามองสองผู้ใช้วรยุทธโบราณประชิดเข้ามา
คนส่วนใหญ่ที่ล่าอยู่รอบๆจุดรวมพล มักจะเป็นนักล่าเลเวล G เหมือนกับผู้ใช้วรยุทธโบราณทั้งสองคนนี้ ที่ตรงอกคนหนึ่งมีตราสัญลักษณ์เป็นโลโก้ G3 ในขณะที่อีกคนเป็น G5
อย่างไรก็ตาม สำหรับฉินเฟิง คนเหล่านี้ไม่นับว่าอยู่ในสายตา
หลังจากที่ออกล่าในทุ่งล่ามาหลายวัน พลังพิเศษดูดกลืนของเขา ได้ซึมซับพลังงานจากร่างของสิ่งมีชีวิตที่ตายเข้ามา ส่งผลให้ฉินเฟิงได้ทะยานไปถึงเลเวล G3 แล้ว
“ไอ้หนู เมื่อกี้ฝีมือแกใช่ไหม?” เมื่อเห็นว่าฉินเฟิงยืนอยู่ที่นั่น และมองขึ้นไปเห็นสหายไร้ลมหายใจนอนอยู่บนต้นไม้ ทุกอย่างก็ชัดเจนทันที ว่าใครเป็นคนยิงเพื่อนๆอีกสองคนก่อนหน้านี้
“รนหาที่ตาย!”
“ฉันน่ะหรอรนหาที่ตาย? เสียใจด้วยนะ เพราะคนตายน่ะไม่ใช่ฉัน!” ฉินเฟิงเผยยิ้มเย็น ในแววตาระเบิดกลิ่นอายสังหารออกมา
“บ๊ะ! จงตายเพื่อบิดาเสีย!” ผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล G3 คำรามลั่น ระเบิดหมัดโจมตีเข้าใส่ทันที
ฉินเฟิงเองก็ไม่รีรอ เหวี่ยงหมัดสวนเข้าไปต้อนรับเช่นกัน
เปรี้ยง!
สองกำปั้นประสานงากัน ทว่ามันกลับไม่เป็นไปดั่งที่ผู้ใช้วรยุทธโบราณ G3 คาดหวัง ฉินเฟิงมิได้ถูกแรงอัดปลิวออกไป ตรงกันข้าม กลับซัดกำปั้นที่เปี่ยมไปด้วยแรงมหาศาลกลับมา ผลคือข้อมือของเขาบังเกิดเสียงดังแกร๊ก! งอหงายกลับมาอีกข้างทันที
เนื่องจากฉินเฟิงมีทักษะลับกลืนดารา ที่สามารถช่วยดึงดูดกำลังภายในจากสิ่งอื่นมาเป็นของตัวเองได้ ส่งผลให้ความแข็งแกร่งของเขา สูงเกินกว่าคนปกติที่ใช้เวลาฝึกฝนมากมายนัก
Ch.22 – กองทัพหนู
Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.22 – กองทัพหนู
ผู้ใช้วรยุทธโบราณ เลเวล G5 อีกคน เมื่อเห็นฉากดังกล่าว แวบแรกเขาตกใจ แต่ก็ไม่ถึงขั้นตื่นตระหนกใดๆ
แม้ฉินเฟิงจะสามารถเอาชนะสหายของเขาได้ แต่ในมุมองของเขา ฉินเฟิงก็ยังมิใช่คู่มือตนอยู่ดี
เพราะอย่างไรเสีย อายุเขาก็ปาไปกว่า 20 ปีแล้ว ฝึกฝนมาได้หลายปี กำลังภายในของเขาเอ่อล้น หากถ้าเปรียบดั่งเส้นไหม ก็เหมือนไหมยาวสี่เส้น แล้วกำลังภายในของฉินเฟิงจะเกินกว่าเขาได้อย่างไร?
ดังนั้น ชายคนนี้จึงก้าวออกมา กวาดขาเตะฉินเฟิง ไม่อนุญาตให้ศัตรูซ้ำสหายเลเวล G3
“แน่จริงก็เข้ามา!”
ฉินเฟิงไม่เผยถึงความอ่อนแอ แม้ศัตรูจะมีสองคน แต่เขาก็เลือกปะทะเข้ากับ ผู้ใช้วรยุทธ G5 โดยไม่ลังเล
ทั้งสองระเบิดกำลังรบอันแข็งกร้าวเข้าใส่กัน กำลังภายในห่อหุ้มร่างกาย ซัดเข้าใส่อีกฝ่าย
“เปรี้ยง เปรี้ยง!”
“เปรี้ยงงงง!”
สองฝ่ายยังคงปะทะกันอย่างต่อเนื่อง ตลอดทั้งร่างกายเริ่มเกิดความรู้สึกเจ็บปวด
ระยะเวลาที่ฉินเฟิงใช้ฝึกฝนกำลังภายในน่ะสั้นมาก แค่ 10 วันเท่านั้น แม้จะยังไม่ถึงครึ่งเดือน แต่มันก็ส่งผลให้ต้องสูญเสียเรี่ยวแรงไปเป็นอย่างมาก
หากเปรียบกำลังภายในเหมือนดั่งเส้นไหม กำลังภายในของฉินเฟิงก็เป็นเพียงไหมหนึ่งเส้นอันเล็กจ้อยเท่านั้น เต็มที่ก็ทานทนได้แค่ 5 นาที
ในขณะที่อีกฝ่าย สามารถทานทนได้เป็นระยะเวลานานกว่าฉินเฟิง
“ฮะฮ่า! เจ้าหนู สภาพเริ่มดูไม่ได้แล้วนะ!”
ผู้ใช้วรยุทธโบราณผุดยิ้มสยองเกล้า ขณะเดียวกัน G3 ก็เข้ามาร่วมวง โดยใช้มืออีกข้างที่กุมมีดอยู่แทงเข้าหาเขา
“ใครบอกว่าสภาพฉันดูไม่ได้ ลองดูให้เต็มตาซะ!”
ห้านิ้วกางออก ฉินเฟิงเปลี่ยนกำปั้นเป็นฝ่ามือ ในฝ่ามือเริ่มเกิดแรงดึงดูดอย่างร้ายแรงขึ้นทันที
“กลืนดารา!”
ทันใดนั้นเอง สนามพลังพลันระเบิดออก กลืนดาราเริ่มสำแดงพลังของมันออกมา
ภายใต้สนามพลังนี้ กำลังภายในของผู้ใช้วรยุทธโบราณทั้งสองหลั่งไหลออกมาอย่างรวดเร็ว จนเกือบจะแลคล้ายกับน้ำวน วิ่งเข้าหาฉินเฟิง
ฉินเฟิงรู้สึกเพียงแค่ว่าในช่วงเวลานั้น กำลังภายในตรงตันเถียนที่แห้งเหือด ถูกเติมเต็มอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้กำลังภายในที่เปรียบดั่งไหมเส้นบางๆ ก็ยังคงขยายความยาวขึ้นตลอดเวลา ความจุในตันเถียนเพิ่มพูนอย่างกระทันหัน จำนวนเส้นไหมในตันเถียนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
สองเส้น สามเส้น!
“ไม่นะ!” ผู้ใช้วรยุทธเลเวล G3 ดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง ทว่าในไม่ช้าเขาก็สูญเสียพละกำลังไปอย่างรวดเร็ว กำลังภายในกลายเป็นว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง วรยุทธโบราณที่ฝึกฝนมานานปี สลายหายไปจนสิ้น
อีกด้านหนึ่ง ผู้ใช้วรยุทธG5 ที่แกร่งยิ่งกว่ากลับสามารถหลุดพ้นจากการควบคุมของกลืนดารามาได้ แต่กำลังภายในร่างกายส่วนใหญ่ได้หายไป ตรงกันข้าม กลับเป็นฉินเฟิงที่เติบโตขึ้น
ท่ามกลางช่วงเวลาพลิกผัน ฉินเฟิงเร่งโจมตีอย่างดุเดือดอีกครั้ง
“ไหนลองบอกมาซิ ว่าตอนนี้ ใครกันที่สภาพดูไม่ได้?”
“เลิกแล้วต่อกันเถอะ!” ผู้ใช้วรยุทธG5 ตื่นตระหนก “พวกเรายังไม่ได้ทำอะไรกับเธอเลยแท้ๆ แต่เธอกลับฆ่าพวกเราไปตั้ง 3 คน ขอให้จบเพียงเท่านี้เถอะ แล้วพวกเราจะทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น!”
“คุณพูดจริงหรอ … ”
น้ำเสียงของฉินเฟิงคล้ายลังเล
ความหวังลุกพรึบขึ้นในแววตาของผู้ใช้วรยุทธG5ทันที ทว่าก่อนที่จะได้ลงมือทำอะไร ในวินาทีต่อมา ฝ่ามือก็ประทับลงบนตันเถียนของเขาเสียก่อน
“แต่โชคร้ายหน่อยนะ ที่ฉันไม่ใช่มือใหม่ให้มาหลอกกันได้ง่ายๆ”
อาศัยเพียงลมปากโง่ๆเช่นนี้ หากเป็นพวกมือใหม่มันก็ยังโอเค แต่คิดจะหลอกฉินเฟิง ช่างน่าขบขันเสียจริงๆ
ทักษะลับกลืนดาราปะทุออกมาอีกครั้ง ด้วยการดูดกลืนระยะประชิด คลื่นกำลังภายในของอีกฝ่ายเลยไหลออกมาอย่างรวดเร็ว พุ่งเข้าสู่ร่างของฉินเฟิง
อย่างไรก็ตาม กำลังภายในของฉินเฟิงนั้นเพียงเพิ่มขึ้นเป็นสองเส้นไหม มันก็หยุดการดูดกลืน ในขณะที่ร่างกายของผู้ใช้วรยุทธโบราณ G5 ดูซีดเซียว สูญสิ้นความแข็งแกร่งไป
แน่นอน ว่าพวกเขายังคงมีพละกำลังทางภายภาพ หากแต่ในด้านกำลังภายใน จะต้องเริ่มฝึกฝนมันใหม่อีกครั้ง
เสี่ยวจิงได้มาถึงก่อนหน้านี้แล้ว และเห็นว่าฉินเฟิงมิได้ด้อยไปกว่าสองมือฉมังที่ออกล่ามานานปีเลย ในสายตาของเธอบังเกิดความหวาดหวั่นอย่างล้ำลึกขึ้นอย่างกระทันหัน
“ฉินเฟิง แล้วพวกเราจะทำยังไงกับสองคนนี้ดี?”
เสี่ยวจิงเกิดความร้อนรนเล็กน้อย ปืนจักรกลในมือของเธอเริ่มสั่นไหว
“ไม่ช้าก็เร็วเธอก็ต้องปรับตัวให้เหมาะสมกับสภาพชีวิตในปัจจุบัน ลงมือซะ!”
เสียงของฉินเฟิงเย็นเยียบ ฝ่ามือฉกออกไป ตัดทำลายลำคอของหนึ่งในผู้ใช้วรยุทธโบราณ
“แกร๊ก!”
เสียงลั่นของกระดูกทำให้เสี่ยวจิงสั่นสะท้าน
ฉินเฟิงยกเท้าข้ามศพศัตรู ก้าวเดินออกไป ในขณะที่เสี่ยวจิงยังคงยืนนิ่ง แขนขาสั่นสะท้านยิ่งกว่าเดิม
หากเป็นการต่อสู้ในทุ่งล่า ในหัวใจของเธอแน่นอนว่าย่อมไม่ท้อถอย หากแต่ถ้าต้องเผชิญกับมนุษย์ มันเป็นอะไรที่โหดร้ายเกินไป
ไม่เพียงเท่านั้น หากเธอไม่สังหารในวันนี้ ภายภาคหน้า พวกเขาจะต้องกลับมาแก้แค้นอย่างแน่นอน และยังมีแนวโน้มว่าจะไปทำการแจ้งรายงานเรื่องของเธอกับฉินเฟิง เพราะอย่างไรเสีย คนเหล่านี้ก็คือผู้ที่ทางฐาน มอบตราสัญลักษณ์ โลโก้เลเวลG ให้
และเรื่องนี้จะลากยาวไปถึงศาลทหาร
ไม่มีใครอยากติดคุก หรือต้องทำงานหนัก เป็นตัวรับกระสุนหรอก!
“ปัง!”
เสียงจากปากกระบอกปืนในมือของเธอดังขึ้น
หลังจากนั้นไม่นาน เสี่ยวจิงก็วิ่งตามมาจนทันกับฉินเฟิง ใบหน้าของเธอขมึงตึง คล้ายกับว่าเพียงข้ามคืน เธอก็ได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ตามร่างกายเริ่มปรากฏกลิ่นอายสังหาร
ฉินเฟิงกลับไปยังสถานที่ก่อนหน้านี้ และพบกับเสี่ยวไป๋ที่กำลังก้มเลียขนสีขาวของมัน เฝ้ารอด้วยความเบื่อหน่าย
ฉินเฟิงยกวัตถุดิบขึ้นมา เหม่อมองท้องฟ้า เทียบกับเมื่อครู่นี้แล้ว มันดูจะหมองลงยิ่งกว่าเดิมเล็กน้อย
พอฉินเฟิงกับเสี่ยวจิงเก็บวัตถุดิบต่างๆลงในรถ ล้อก็เริ่มหมุน วิ่งข้ามผ่านผืนดินที่ทรุดโทรม ฉินเฟิงรู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวเริ่มแปลกๆ บังเกิดความร้อนใจอย่างน่าฉงน
และเมื่อแสงเริ่มสลัวลง ประสาทในการรับรู้ของฉินเฟิงก็เพิ่มสูงขึ้น
หลังจากขับรถไปได้ 5 นาที ฉินเฟิงก็เหยียบคันเร่งอย่างกระทันหัน
“รีบติดต่อพื้นที่เพาะปลูกเร็วเข้า บอกพวกเขาไปว่ากองทัพหนูบุก!”
เสี่ยวจิงตะลึง ในหัวใจเริ่มเกิดความหวาดกลัว เธอเรียกสติ หันมองออกไปทางนอกหน้าต่าง และค้นพบว่า หญ้าเบื้องล่างราวกับถูกลมพัดจนแนบกับพื้น ไม่สิ! มีอะไรบางอย่างกำลังวิ่งพลุ่งพล่านอยู่ต่างหาก แม้เธอจะเห็นไม่ชัด แต่ก็พอจะเพ่งได้คร่าวๆว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดเท่ากับแขนของผู้ใหญ่กำลังวิ่งอยู่!
-เป็นหนูยักษ์กินพืช!
มันเป็นเรื่องจริงอย่างงั้นหรอที่จู่ๆก็กองทัพหนูยักษ์ก็คิดบุกจู่โจมอย่างกระทันหัน?
แต่ไม่ว่ามันจะจริงหรือไม่ เสี่ยวจิงก็รีบทำการติดต่อกับหลี่เหวินทันที
หลังจากหลายวันได้ผ่านพ้น เสี่ยวจิงมิได้โกรธเคืองหัวหน้าทหารที่หยุดเธอ ด่าเธอในตอนแรกอีกต่อไป ตรงกันข้าม เธอกลับชื่นชมในตัวเขาเป็นอย่างมาก
ไม่นาน เธอก็ได้รับคำตอบกลับมา
“เธอแน่ใจรึเปล่า? กองทัพหนูไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดล้อเล่นนะ!” น้ำเสียงของหลี่เหวินเองก็หม่นลงเช่นกัน
“หนู … หนูเองก็ไม่แน่ใจ!”
ก็จะไปแน่ใจได้ยังไง เมื่อเสี่ยวจิงเองไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน
“เอามาให้ฉัน!” ฉินเฟิงร้องออกมา
เสี่ยวจิงชะงัก แต่ก็รีบยื่นอุปกรณ์สื่อสารส่งให้ฉินเฟิงอย่างรวดเร็ว
“หัวหน้าหลี่ กองทัพหนูน่าจะถูกปลุกขึ้นมาเพราะพายุฝน จำนวนมีประมาณ 10000 ถึง 30000 ตัว เป็นกองทัพหนูขนาดเล็ก เตรียมการป้องกันไว้ให้ดี ถ้าหากมันไม่เกิดขึ้นจริง ก็ถือว่าเป็นการฝึกป้องกันพิเศษยามฝนพรำก็แล้วกัน!”
หลี่เหวินได้ยินเสียงเฉียบขาดของฉินเฟิง เขาก็เชื่อคำพูดของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว
“เข้าใจแล้ว!” ถึงแม้ว่าจะยังมีบางอย่างไม่มั่นใจ แต่เขาก็เลือกที่จะเตรียมพร้อม
…
ภายในทุ่งล่า หนึ่งทีมของผู้ใช้พลังพิเศษกำลังไล่ล่าอย่างเมามัน
“ปุ!”
ใบมีดสาดแสงกระพริบไหว หนูยักษ์กินพืชถูกตัดหัวลง
“ฮะฮ่า! วันนี้พวกหนูยักษ์มันกระตือรือร้นกันจริงๆ ทั้งๆที่คราวก่อน ตั้งครึ่งวันยังจับไม่ได้เลยซักตัว!”
อีกสองสมาชิกจับหางหนูยักษ์ ยกมันขึ้น ตามตัวของหนูยักษ์เต็มไปด้วยรูกระสุน เห็นได้ชัดว่าถูกปืนจักรกลฆ่าตาย
“เป็นการเก็บเกี่ยวที่ดีจริงๆ!”
“บอส แต่ฉันรู้สึกเหมือนว่าจะมีอะไรไม่ถูกต้องนะ วันนี้พวกหนูยักษ์มันเคลื่อนไหวผิดปกติเกินไป!”
“เฮ้ย คิดมากน่า ก็ฝนกำลังจะตก มันเลยว้าวุ่นใจเป็นธรรมดา”
“เดี๋ยวก่อน! บอส ดูนั่นสิ ดมีอะไรอยู่ตรงนั้น!”
ท่ามกลางแสงสลัว ไกลไปสุดเส้นขอบฟ้า บังเกิดคลื่นความมืดมิดกระเพื่อมไหว และเมื่อลองเพ่งมองอย่างรอบคอบ ก็จะพบว่ามันคือกองทัพหนููยักษ์กินพืช!!!
ในพริบตา สีหน้าของเหล่าผู้ใช้พลังก็กลายเป็นบิดเบี้ยว
“เผ่นเร็ว!!”
เสียงคนในทีมกรีดร้อง เสียดแทงขึ้นไปถึงฟากฟ้า
Ch.23 – กองทัพหนู 2
Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.23 – กองทัพหนู 2
ฉินเฟิงเร่งขับรถกลับฐาน บนท้องฟ้า ฝนเริ่มตกปรอยๆ ชวนให้เกิดความรู้สึกวิกฤตค่อยๆแทรกซึมเข้ามา
ในที่สุด เสียงเตือนภัยก็ดังขึ้นจากภายในฐาน
“กองทัพหนู กองทัพหนูบุกแล้ว!”
“ตั้งทัพเตรียมสู้เร็วเข้า!”
“เตรียมกับดักกับปืนใหญ่ไว้ให้พร้อม!”
เหล่าผู้ใช้พลังพิเศษบางส่วนได้กลับมาก่อนล่วงหน้าแล้ว ซึ่งตรงจุดนี้ต้องขอบคุณการแจ้งข่าวของฉินเฟิง
สำหรับคนที่ยังคงติดอยู่ในทุ่งล่า หากไปเจอกับกองทัพหนูเข้า ผลลัพธ์เกรงว่าคงยากที่จะรอด
ในเวลานี้ เพราะความสามารถในการสื่อสาร ทางฐานทัพเลยทำการเรียกรวมพลผู้ใช้พลังพิเศษกว่า 500 คนมาได้อย่างรวดเร็ว ที่ต้องเป็นจำนวนมากมายถึงเพียงนี้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว การบุกของกองทัพหนูน่ะ มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
“ตอนนี้ พวกเราจะเอายังไงต่อ? รออยู่ที่นี่หรือเข้าไปช่วยสู้ด้วย?” เสี่ยวจิงกวาดมองสภาพแวดล้อมโดยรอบที่ตกสู่ความวุ่นวาย ในสมองเริ่มลนลาน
“ฉันจะไป ส่วนเธอรออยู่ที่นี่!” ฉินเฟิงกล่าว
นอกพื้นที่เพาะปลูก มีกับดักมากมายถูกติดตั้งเอาไว้บนพื้นดิน กินระยะทางไกลกว่า 1 กิโลเมตร แน่นอน ว่ากับดักส่วนใหญ่ล้วนทรงประสิทธิภาพ หากเป็นกองทัพหนูธรรมดา ย่อมไม่อาจฝ่ามันเข้ามาได้
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่กับดักหล่านั้นไม่อาจหยุดยั้งกองทัพหนู มันก็จำเป็นต้องมีผู้ใช้พลังพิเศษเป็นจำนวนมากไว้คอยรับมือ
แต่หากกระทั่งการป้องกันแนวนี้ก็ยังแตก ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร จะแพ้หรือชนะ คงสุดแล้วแต่เหล่าบรรดามือปืนที่อยู่บนหอคอย ว่าจะสามารถเก็บกวาดพวกมันได้มากแค่ไหน
ในอุปกรณ์สื่อสาร เครือข่ายพันธมิตรระดับภูมิภาคได้ทำการเชื่อมต่อกัน เพื่อให้ผู้คนสามารถทราบถึงตำแหน่งทิศทางแบบเฉพาะเจาะจงของกองทัพหนู ไม่เพียงเท่านั้น มันยังช่วยร้องขอกำลังเสริม เรียกทหารกล้ากว่า 500 คนมาสมทบที่นี่ หากแต่จำเป็นต้องใช้เวลาเดินทางกว่าครึ่งชั่วโมง
ซึ่งจนกว่าจะถึงเวลานั้น คนที่นี่จะต้องปกป้องฐานแห่งนี้ให้จงได้
ไม่นานนัก ไกลออกไปตรงเส้นขอบฟ้า ในสายตาของผู้คน ท่ามกลางสายหมอกและฝน ร่างเงาขยุกขยิกสีดำเริ่มปรากฏขึ้น
เป็นหนูยักษ์! กองทัพของพวกมันกำลังบุกมาจริงๆ!
“ตูม!”
เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังขึ้น บ่งบอกชัดว่ากับดักถูกเปิดใช้งาน และพวกมันสามารถระเบิดได้ตลอดเวลา เพื่อขับไล่เหล่าหนูยักษ์กินพืชไป
เสียงกึกก้องนี้ ดั่งสัญญาณกระตุ้นให้เลือดในกายของผู้คนเดือดพล่าน
“เปิดใช้งานสนามพลังไฟฟ้า!”
รังสีแสงสีม่วงฟุ้งไปในอากาศ หลอมรวมเข้ากับสายฝน ขยายพื้นที่กว้างขวางออกไป หนูยักษ์กินพืชที่อยู่หน้าสุดเริ่มกระตุก ถูกไฟช็อตทีละตัว ทีละตัว
ด้วยฉากนี้ การกรีฑาทัพของกองทัพหนูจึงชะงักลงอย่างกระทันหัน
ทว่าไม่รีรอให้คนในฐานได้ชะล่าใจ คลื่นกองทัพหนูอีกระลอกก็ตามมาสมทบทันที พวกมันช่วยกันทานรับแรงกดดันจากกระแสไฟฟ้า ร่างยิ่งกระตุกก็ยิ่งถูกกระตุ้น พวกมันกลายเป็นโกรธเกรี้ยวบ้าคลั่งกว่าเดิม
นับว่าโชคยังดีที่พวกหนูยักษ์ไม่คิดขุดหลุมบุกเข้ามา หากแต่ตัดสินใจโถมทำลายล้างทุกอย่างเบื้องหน้า ใช้เขี้ยวแหลมที่มีพลังมหาศาลกัดงับอาละวาด และด้วยขนาดตัวของพวกมัน เกรงว่ารั้วไม้ในพื้นที่เพาะปลูกอาจจะไม่สามารถต้านทานได้นานมากพอ
“เตรียมตัวให้พร้อม!”
ฉินเฟิงกุมปืนพลังงานไว้ในมือของเขา
“ไปได้!”
ภายใต้คำสั่งของหลี่เหวิน คนในค่ายเริ่มทะยานออกไป กระโจนข้ามผ่านรั้วไม้โดยตรง
ผู้ใช้พลังพิเศษบางคนมีความสามารถอันแก่กล้า จึงเป็นธรรมดาที่จะสามารถข้ามมันไปได้อย่างง่ายดาย
ฉินเฟิงเองก็เช่นกัน เขาย่ำลงบนผนังรั้วไม้ไม่กี่ก้าว ก็สามารถกระโดดผ่านรั้วสูงสี่เมตร และพลิกตัวกลับไปอีกด้านได้
“จี๊ดๆ!” เสียงหนูยักษ์ที่ได้รับบาดเจ็บดังขึ้น
“ตูม!”
เพียงก้าวแรกที่ออกมา ฉินเฟิงก็ย่ำกระทืบลงบนหัวของมัน ระเบิดสมองศัตรูโดยตรง
“กริ๊ก!” ฉินเฟิงปรับปืนพลังงาน และเริ่มปลดปล่อยรูปแบบเป็นโหมดยิงกระจาย
ปืนพลังงานนี้ แตกต่างจากปืนจักรกลทั่วๆไป มันเปี่ยมไปด้วยอำนาจทำลายล้าง และวิธีการโจมตีที่หลากหลายยิ่งกว่า ดังนั้นแน่นอน มันเลยมีราคาที่แพงกว่าเช่นกัน
“แกร๊ก!”
ปืนพลังงานถูกเหนี่ยวไก บังเกิดเสียงเล็กๆดังขึ้น พร้อมกันกับแสงสีฟ้าที่พุ่งออกไป ในรูปแบบคล้ายสะเก็ดไฟ
สาดเข้าใส่กลุ่มหนูยักษ์ที่อยู่บ้างหน้า มีสี่ม้วนหงายโดยตรง ในขณะที่อีกห้าตัวกระเด็นถอยหลังกลับไป ได้รับบาดเจ็บสาหัส
“จี๊ดดดดด!”
กองทัพหนูยักษ์ เมื่อเห็นเพื่อนๆถูกโจมตีจนหลั่งเลือด พวกมันก็เริ่มโกรธแค้น ดุร้ายยิ่งกว่าเดิม สับเท้าตรงเข้าหาฉินเฟิง
“กลืนดารา!”
สนามพลังดูดกลืนปรากฏขึ้น วินาทีนั้นหนูยักษ์ขนาดใหญ่มิอาจควบคุมอารมณ์เดือดพล่านของตนเองได้ ทุกตนไม่มีตัวใดตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลง ยังคงสับเท้าตรงเข้าหาฉินเฟิง
“ปัง!”
ฉินเฟิงวาดฝ่ามือออกไปอีกครั้ง บังเกิดคลื่นกระแทกซัดเปรี้ยงอีกครา ท่ามกลางแรงดูดกลืน พวกมันก็ถูกปะทะโดยแรงผลักขนาดใหญ่ ส่งบรรดาหนูยักษ์ปลิวกระเด็นขึ้นไปบนฟากฟ้า
เพียงครู่ ในระยะห้าเมตรที่รอบกายฉินเฟิง ก็พลันกลายเป็นว่างเปล่า ไม่มีสิ่งใดหลงเหลืออยู่เลย!
“เป็นผลมาจากการดูดเอากำลังภายในมาจากสองผู้ใช้วรยุทธโบราณก่อนหน้านี้ เลนทำให้ทักษะกลืนดาราแข็งแกร่งขึ้น!”
ฉินเฟิงรับรู้ถึงพลังอันดุร้ายของเขา ก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
นี่แหละ! อำนาจของทักษะระดับ S! มันคือพลังอันทรงประสิทธิภาพอันแสนน่าหวาดกลัว!
สำหรับหนูยักษ์ที่ปลิวออกไป แม้ภายนอกจะดูไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆมากมาย หากแต่ภายใน ทวารทั้งเจ็ดของมันกลับเอ่อล้น หลั่งไปด้วยเลือด ถูกบดขยี้โดยแรงผลักและดูดในเวลาเดียวกัน
หนูยักษ์อีกตัววิ่งเข้าหาฉินเฟิง แต่คราวนี้ฉินเฟิงมิได้ใช้กลืนดาราเหมือนก่อน นั่นเพราะมันกินพละกำลังมากเกินไป -ฉินเฟิงวาดปืนพลังงาน ใช้มันโจมตีตอบโต้แทน
ในขณะเดียวกัน รอบกายเขาเริ่มกันบังเกิดเสียงจักรกลดังขึ้น ประสานไปกับเสียงฝน ที่ยิ่งนานก็ยิ่งตกหนัก ค่อยๆย้อมผืนดินจนเจิ่งนองไปด้วยแอ่งเลือด
จำนวนมนุษย์ที่ได้รับบาดเจ็บและล้มตายค่อยๆปรากฏให้เห็นทีละน้อย ทีละน้อย แต่ทางฝั่งกองทัพหนูยักษ์ มันกลับไม่มีสัญญาณว่าจะหยุดบุกเลย
“กองทัพหนูพวกนี้จะต้องมีมากกว่า 10000 ตัวแน่ๆ!”
“เริ่มดำเนินแผนโจมตีทางอากาศเถอะ!”
“ไม่ได้! ด้วยสภาพอากาศแบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำ!”
ในแนวหน้า ยิ่งนาน ก็ยิ่งทวีความโกลาหลขึ้นเรื่อยๆ
“ระวัง นั่นมันนายพลสัตว์ร้าย!”
เสียงกรีดร้องดังมาจากข้างๆ
ฉินเฟิงหันขวับไปมอง และพบว่า ที่นั่นมีหนูยักษ์ทรงพลัง ที่มีขนาดตัวใหญ่กว่า 1 เมตร กำลังโถมโจมตีอยู่
ผู้ใช้พลังพิเศษถูกหนูยักษ์กระแทกเข้าใส่ โดนฟาดร่วงลงกับพื้น ในช่วงเวลาต่อมา ก็ได้ยินเพียงเสียง กร๊อบ! -ฟันอันแหลมคมของหนูยักษ์กัดเข้าที่บั้นเอวของผู้ใช้พลังพิเศษ บดขยี้กระดูกสันหลังเขาอย่างไร้ปราณี
ฉินเฟิงมองไปยังนายพลสัตว์ร้ายด้วยความสนใจ ความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย แท้จริงแล้วเทียบเท่าได้กับหมาป่ามาสติฟที่ฉินเฟิงได้พบเจอมาในช่วงก่อนหน้านี้เลย!
ในเวลานั้น โชคดีที่ลู่เหมิงมีแท่นจู่โจม มิฉะนั้นแล้ว ต่อให้เป็นเขาเอง ก็ยังไม่กล้าที่จะตอแยกับหมาป่ามาสติฟ
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มันแตกต่างออกไป!
“ไอ้สารเลวเอ๊ย ฉันจะเป็นคนรับมือแกเอง!”
ฉินเฟิงย่ำลงกับพื้นดิน ทั้งคนทั้งร่างของเขาราวกับกระสุนปืนใหญ่ ทะยานฝ่าระยะห่าง 10 เมตรในพริบตา บุกทะลวงเข้ามาถึงเบื้องหน้าของหนูยักษ์นายพลโดยตรง
“ปงงงง!”
ฉินเฟิงหวดกำปั้นดังสนั่น ระเบิดพละกำลังทางกายภาพออกมา
ด้วยหมัดนี้ ที่แฝงไว้ด้วยกำลังภายในปะทุออกมาอย่างกระทันหัน ส่งผลให้หนูยักษ์ระดับนายพลถูกผลักกระเด็นออกไปอย่างโหดร้าย
และตัวเขาก็ไม่คิดหยุดมือเพียงเท่านั้น หากแต่ยังคงระดมกำปั้นโจมตีออกไปอย่างต่อเนื่อง
ปงงงง ปงงง ปงงงงง!
ฉินเฟิงกระแทกสามหมัดเข้าใส่ศัตรูอย่างต่อเนื่อง แต่ละหมัด ล้วนซัดเข้าใส่หัวของหนูยักษ์ ทุกๆการกระแทกส่งมันถอยหลังกลับไป
หลังจากซัดใส่ไปสามครั้ง หัวของหนูยักษ์ก็บุบบี้ กะโหลกปริร้าว วัตถุเหลวๆสีแดงขาวผุดออกมา แต่ก็ค่อยๆถูกชะล้าง ผสมลงไปกับแอ่งเลือดเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว
ผู้คนรอบกายมองฉินเฟิงด้วยความหวาดกลัวระคนชื่นชม
แข็งแกร่ง! เจ้าหนูนี่มันแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกัน?
ฉินเฟิงไม่สนใจสายตาของผู้อื่น เขากวาดมองสถานการณ์โดยรอบของสนามรบ
ห่างออกไป 50 เมตร หนูยักษ์ขนาดครึ่งเมตรกำลังอาละวาดคลั่ง กระโดดไปมาอย่างปราดเปรียว ยากที่จะคาดเดาทิศทางได้
นี่มิใช่สัตว์ร้ายระดับนายพล หากแต่เป็นสัตว์ร้ายระดับทหาร แต่ด้วยขนาดตัวและความว่องไวของมัน เลยทำให้รับมือได้ค่อนข้างยาก ทว่าสำหรับฉินเฟิง …
“กริ๊ก!”
ปืนพลังงานถูกปรับโหมดโดยฉินเฟิง เปลี่ยนจากยิงกระจายเป็นเส้นตรง ในวินาทีต่อมา มันก็ระเบิดแสงสีฟ้าออกไป
แสงสีฟ้านี้มิได้ยิงเข้าใส่ตำแหน่งของทหารสัตว์ร้าย ทว่าในช่วงเวลาเดียวกัน หนูยักษ์ก็พลันโดดไปทางซ้ายพอดิบพอดีอย่างน่าฉงน ส่งผลให้รังสีแสงสีฟ้าพุ่งที่แต่เดิมไม่น่าจะโดน พุ่งเข้าทะลุร่างของมัน หยุดคความโอหังของมันในพริบตา
สีหน้าของฉินเฟิงมิได้เกิดการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ยิ่งเห็นถึงฉากนี้ ผู้คนทั้งหมดก็ยิ่งตระหนักได้ว่านี่มิใช่ความบังเอิญ หากแต่เป็นสัญชาตญาณของฉินเฟิงเอง!
-เป็นพลังในการคาดเดาล่วงหน้าได้!
นี่นับว่าเป็นพรสวรรค์อันยิ่งใหญ่ของผู้ใช้พลังพิเศษ!
ฝนเริ่มตกหนักขึ้น สถานการณ์เองก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น
ทว่าฉินเฟิงยังคงอยู่ดี ในรัศมี 100 เมตรรอบตัวเขา ทหารสัตว์ร้ายได้ถูกกำจัดไปจนสิ้น กระทั่งนายพลสัตว์ร้ายเองก็โดนสังหารไปถึงสามตัว
อย่างไรก็ตาม แม้ทางฝั่งฉินเฟิงจะเป็นไปด้วยดี แต่ในตำแหน่งอื่นๆ แนวป้องกันได้พังทลายลงเป็นที่เรียบร้อย ทหารด้านบนหอคอยเริ่มเหนี่ยวไกไล่เก็บกวาด
นี่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่ากองทัพหนู — ได้บุกไปถึงรั้วไม้แล้ว!!
Ch.24 – กองทัพหนู 3
Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.24 – กองทัพหนู 3
“กำลังสนับสนุน .. กองหนุนมาถึงแล้ว!”
“เร็วเข้า! พวกกองทัพหนูกำลังจะบุกเข้าไปในพื้นที่เพาะปลูก ต้องกวาดล้างพวกมันก่อนจะถูกฝ่าเข้ามาให้จงได้ ไม่อย่างนั้น พวกมันจะทำลายอาหารของพวกเราทั้งหมด!”
“รีบลงจากรถ แล้วออกไปสู้ซะ!”
หลายสิบรถทหารขนาดใหญ่ขับเข้ามาอย่างเร่งร้อน และหลังจากที่หยุดรถ เหล่าผู้ใช้พลังพิเศษมากมายก็ทยอยกันลงมา กระจายตัวไปตามรั้วฝั่งในของพื้นที่เพาะปลูก
นี่เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่กองทัพหนูยักษ์บุกเข้ามา พวกมันก็จะทำลายล้างทุกสิ่งที่ขวางหน้าอย่างรวดเร็ว มีกระทั่งหนูยักษ์บางตัวที่ฉลาด พวกมันขุดดิน มุดลงไปซ่อนอยู่ในทุ่งนา ทำให้ยากต่อการไล่ล่าสังหาร ด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาจึงต้องเร่งกวาดล้างมันโดยเร็ว มิฉะนั้นผลที่จะตามมา คงไม่อาจจินตนาการได้
เมื่อพื้นที่เพาะปลูกถูกทำลาย สถานที่ชุมชนตลอดทั้งตอนเหนือคงมิแคล้วต้องเผชิญกับความอดอยาก ถึงเวลานั้น ไม่รู้ว่าจะมีคนล้มตายมากมายขนาดไหน!
ผู้คนทยอยกันลงจากรถ และในกลุ่มคนเหล่านั้น มีบางส่วนเห็นได้ชัดว่ายังเป็นนักเรียนอยู่
คนเหล่านี้ คือนักเรียนจากสถาบันระดับสูงทางตอนเหนือ!
“คลิ๊ก คลิ๊ก!” ลู่เหมิงจัดเตรียมจักรกลรบ เฝ้ารอให้พวกหนูยักษ์มาถึง จะได้สาดกระสุนให้พวกมันรับประทาน
“เหมิงเหมิงระวังตัวด้วย!” หลี่เหยาเหยามองลู่เหมิงด้วยความเป็นห่วง คราวนี้ หลี่เหยาเหยาถูกเรียกตัวมาประจำตำแหน่งทีมแพทย์ ไม่อาจเข้าร่วมในแนวหน้าได้
“ไม่เป็นไรหรอกน่า วางใจเถอะ ที่นี่มีคนตั้งมากมาย และฉันจะไม่ยอมเอาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายเด็ดขาด!”
“หลี่เหยา มากับฉัน พวกเราจะต้องไปรายตัวกันที่สำนักงานใหญ่ก่อน!” เสียงของครูฝึกสอนดังขึ้น
“ไปเถอะเหยาเหยา”
“อื้อ เธอก็ระวังตัวด้วยล่ะ!”
หลี่เหยาเหยาวิ่งตามครูฝึกสอนไป ในเวลานี้ ทุกเหตุการณ์ของภาพต่างๆในแนวหน้ากำลังปรากฏชัดขึ้นบนหน้าจอขนาดใหญ่
จังหวะนั้นเอง ร่างผอมกะหร่องร่างหนึ่งก็ได้ดึงดูดความสนใจของหลี่เหยาเหยา
ชายคนนั้นคือฉินเฟิง!
“อย่างน้อยเขาก็ครอบครองอาวุธปืนระดับสูง ไหนจะเรื่องการตัดสินสถานการณ์ก่อนหน้านี้อีก เขาจะต้องเป็นมือปืนที่ดีแน่นอน!”
“มือปืนอย่างงั้นหรอ? ฉันว่าเขาน่าจะปลุกพลังวรยุทธโบราณได้แล้วนะ ดูจากพละกำลังและความเร็วก็รู้แล้ว ไหนจะเรื่องที่ฝึกฝนกำลังภายในแล้วปลดปล่อยมันออกมาได้อีก!”
“ต้นกล้าที่ดี! ต้นกล้าอันยอดเยี่ยม! พวกเราจะต้องชักชวนเขาให้มาเข้าร่วมกับกองทัพให้จงได้!”
เจ้าหน้าที่ระดับสูงต่างเอ่ยปากชมเชย และแน่นอน ว่าเป้าหมายของพวกเขา ก็คือฉินเฟิง
เมื่อเห็นถึงฉากนี้ หลี่เหยาเหยาก็บังเกิดความรู้สึกว้าวุ่น เพราะวัยรุ่นคนที่ว่า คือคนๆเดียวกับที่ช่วยชีวิตตนเอาไว้นั่นเอง
เพียงแต่หลี่เหยาเหยายังไม่ทราบถึงชื่อของเขาเลย
“พบข้อมูลการตรวจสอบ!”
“คนๆนี้ เรียกว่าฉินเฟิง แต่ว่า … ”
“แต่อะไร? มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับข้อมูลอย่างงั้นหรือ?”
“ที่จริงแล้ว เขาคือหนึ่งในกลุ่มคนที่เพิ่งจะถูกฉีดยากระตุ้นเข้าไปในปีนี้ ซึ่งหมายความว่า เขาปลุกพลังให้ตื่นขึ้นได้อย่างมากที่สุดก็คือเมื่อ 14 วันก่อนเท่านั้น!”
“ว่าไงนะ!?”
“อัจฉริยะ! เขาต้องเป็นอัจฉริยะแน่นอน!”
หลี่เหยาเหยาเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กันเมื่อได้ยินเรื่องนี้ ในสมองเริ่มขบคิด
“เขาเรียกว่าฉินเฟิงงั้นหรอ? … ”
การดำรงอยู่ที่สามารถสำแดงพลังได้มากมายขนาดนี้ทั้งๆที่ได้รับยากระตุ้นเพียงไม่นาน นับว่าเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง
เพียงแต่เธอยังไม่รู้ ว่าต่อจากนี้ไป เขาจะเลือกเข้าร่วมกับทางทหารเลย หรือว่าจะไปเรียนต่อกับสถาบันระดับที่สูงกันแน่!
แต่เธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เขาจะเข้าร่วมกับทางสถาบัน เพราะในกรณีนี้ เขาจะได้กลายเป็นรุ่นน้องในสถาบันของเธอ
“เหยาเหยา นั่นเธอกำลังเหม่ออะไรอยู่?” เสียงของนักบวชเต๋าดังขึ้นในหูของหลี่เหยา เรียกเธอตื่นจากความฟุ้งซ่าน
“อ๊ะ ขอโทษค่ะ!”
“แต่ก็ไม่น่าแปลกเท่าไหร่หรอกที่เธอจะตกใจ เพราะเพิ่งจะเคยเห็นฉากแบบนี้เป็นครั้งแรกใช่ไหม? แต่ก็ดีแล้วนะ เพราะต่อไปในอนาคตเธอจะได้ชินกับยมันยังไงล่ะ!”
“ค่ะ อาจารย์”
ทว่าในเวลานั้นเอง เสียงสัญญาณเตือนในฐานก็ดังขึ้นอีกครั้ง
…
ฉินเฟิงที่อยู่ในแนวหน้าของสนามรบ ไม่ทราบว่าเขาได้ดึงดูดความสนใจจากผู้คนจำนวนมาก แต่เขาก็ทราบดี ว่าการต่อสู้ในครั้งนี้ จะต้องมีคนจากทางกองทัพเปิดใช้งานกล้องในสำนักงานใหญ่แน่นอน
ในกรณีนี้เอง ฉินเฟิงเลยต้องแสดงออกไปให้เป็นธรรมชาติ อย่างน้อยเขาก็ไม่เปิดเผยอบิลิตี้ธาตุมืดของตัวเอง กระทั่งพลังพิเศษที่สอง ‘ซ่อนเงา’ ของเขา แม้จะเหมาะสมกับสถานการณ์ แต่ฉินเฟิงก็ไม่คิดจะใช้มัน
“วี้ .. วี้— คำเตือน! คำเตือน!! สิ่งมีชีวิตระดับราชันย์สัตว์ร้ายปรากฏตัวขึ้น ห่างจากตำแหน่งในปัจจุบันของคุณ 721 เมตร ได้โปรดหลีกเลี่ยงมัน โปรดหลีกเลี่ยง!”
ฉินเฟิงก้มลงมองอุปกรณ์สื่อสารในมือของเขา เครือข่ายระดับภูมิภาคได้ออกประกาศข้อความ ว่าราชันย์สัตว์ร้ายได้ปรากฏตัวขึ้น
ในช่วงเวลานี้ ผู้ใช้พลังพิเศษรอบตัวเขาพลันตกตะลึง เริ่มทยอยถอนตัวกลับมา ยืนอยู่หน้ารั้ว รวมกลุ่มกันต่อกรกับเหล่ากองทัพหนูยักษ์
“ขีปนาวุธถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว!”
“ยิงได้!”
เสียงหึ่งๆดังออกมาจากภายในฐาน สามขีปนาวุธขนาดใหญ่พุ่งผ่านช่องว่างมิติ และโค้งลงตรงพื้นดินที่ห่างไกลออกไป
“ตูม!”
“ตูม!!”
“ตูม!!!”
สามขีปนาวุธระเบิดออก บนหน้าจอห้องสำนักงานใหญ่ฟุ้งไปด้วยควันขาว มิอาจมองเห็นได้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ในระหว่างการตรวจสอบ ประกาศแจ้งเตือนก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“คำเตือน! คำเตือน! สิ่งมีชีวิตระดับราชันย์สัตว์ร้าย ได้อยู่ห่างจากตำแหน่งในปัจจุบันของคุณ 572 เมตร ได้โปรดหลีกเลี่ยงมัน โปรดหลีกเลี่ยง! ”
มันประชิดเข้ามาแล้ว!
“ไปเตรียมปืนใหญ่เลเซอร์เดี๋ยวนี้!”
เสียงของหลี่เหวินตะโกนมาจากประตูกลาง วินาทีนั้น ได้ยินถึงเสียงของจักรกลดังกึกกอง ปรากฏป้อมปืนเลเซอร์ขนาดสูงใหญ่กว่า 5 เมตร จากนั้นเป้าหมายก็ถูกล็อค
ปืนใหญ่เลเซอร์นี้ทรงประสิทธิภาพเป็นอย่างยิ่ง เพียงแต่ข้อเสียของมัน เห็นได้ชัดว่าก็คือ เป็นไปไม่ได้ที่จะฝืนลากเพื่อหลบเลี่ยงอุปสรรค์ตรงหน้า , ไม่สามารถยิงเป็นเส้นโค้งได้ จำต้องยิงเป็นเส้นตรงเท่านั้น
ในระยะห่างออกไปไกลกว่า 500 เมตร แม้สายหมอกและสายฝนจะบดบังวิสัยทัศน์ หากแต่คุณก็ยังสามารถมองเห็นร่างของหนูยักษ์ที่มีขนาดตัวสูงถึง2-3เมตร และยาวกว่า4-5 เมตรได้อย่างง่ายดายอยู่ดี
ขนของหนูยักษ์ตัวนี้คล้ายสีของเหล็กกล้า แต่ส่วนหนึ่งของมันปรากฏร่องรอยถูกเผาไหม้เป็นสีดำคล้ำ เผยให้เห็นถึงผิวหนังบางส่วน ดวงตาของมันสาดประกายสีแดงเลือด
เห็นได้ชัดว่าสภาพของมันในปัจจุบัน เกิดจากอำนาจทำลายของขีปนาวุธเมื่อครู่นี้
อย่างไรก็ตาม ขีปนาวุธทั้งสามนั้นเป็นการระเบิดโจมตีแบบกระจาย เลยไม่สามารถหยุดฝีเท้าของศัตรูได้ ตรงกันข้าม กลับทำได้แค่เผาขนของหนูยักษ์ระดับราชันย์เท่านั้น
เท่านี้ก็ชัดเจนแล้ว ว่าความแข็งแกร่งของหนูยักษ์ทรงพลังขนาดไหน
“หึ่ง … วี้—”
จากป้อมปืน เสียงหวีดเแหลมดังขึ้น บังเกิดประกายรังสีแสงสีขาวปะทุออกมา พุ่งระเบิดเป็นเส้นใยแสง ปะทะเข้าใส่หนูยักษ์ราชันย์ที่อยู่ห่างออกไปไกลกว่า 300 เมตร
วินาทีต่อมา ก็เกิดเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้น
ผู้ใช้พลังพิเศษที่อ่อนแอบางคน รู้สึกได้แค่เพียงว่าหูของพวกเขาอื้ออึง ได้รับผลกระทบจากรังสีความร้อน ในหูคล้ายถูกเขย่าจนมีเลือดไหลซึมออกมาอย่างกระทันหัน
สักพักหนึ่ง เส้นใยแสงก็เริ่มหดหาย บ่งบอกชัดว่าปืนใหญ่เลเซอร์หมดพลังงานลง และหากจะใช้งานมันอีกครั้ง จะต้องให้เวลาสะสมพลังอย่างน้อยครึ่งนาที ทว่าขณะเดียวกัน ราชันย์หนูที่อยู่ไกลออกไป ก็เริ่มมุ่งตรงบุกตรงเข้ามาอีกครั้งแล้ว!
ไม่ถึง 10 วินาทีต่อมา ราชันย์หนูก็ย่นระยะ ใกล้เข้ามาจนสามารถเห็นถึงร่างของมันได้อย่างชัดเจน
ในเวลานี้ อุ้งเท้าหน้าของมันไม่มีหลงเหลืออยู่อีกต่อไป ตามตัวส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทว่ายิ่งสัตว์ร้ายได้รับบาดเจ็บเท่าใด มันก็ยิ่งคลุ้มคลั่ง ระเบิดความดุร้ายออกมาได้มากเท่านั้น
ฉินเฟิงอยู่ห่างจากราชันย์หนูออกไปเพียง 30 เมตร
“จี๊ด จี๊ด จี๊ด!” ราชันย์หนูเหมือนกับจะตระหนักได้ว่าบางสิ่งที่ทำร้ายมัน ซ่อนอยู่เบื้องหลังรั้วไร้ มันจึงเริ่มวิ่งเข้าไปกระแทกประตูอย่างแรง
“รีบหยุดมันไว้!”
“ปัง ปัง ปัง ปัง!”
เครื่องจักรพ่นกระสุนไม่หยุดยั้ง หากแต่เมื่อยิงออกไปกระทบกับขนของหนูยักษ์ ทุกกระสุนล้วนกระดอนออก มิอาจสร้างความเสียหายให้แก่มัน ตรงกันข้าม กลับกระเด็นไปโดนฝ่ายเดียวกัน สร้างบาดแผลให้แก่คนอื่นๆแทน
“มือปืนทุกคนหยุดยิง!”
หลี่เหวินตะโกน แต่หลังจากมือปืนหยุดยิงแล้ว แท้จริงกลับไม่มีผู้ใดเลยที่กล้าจะก้าวออกมาข้างหน้า
เพราะอำนาจและแรงกดดันของราชันย์สัตว์ร้าย มันมหาศาลเกินไป
“ปัง!”
ราชันย์หนูกระแทกประตูทางเข้าเสียงสนั่น กระทั่งหอรักษาการณ์ที่อยู่ใกล้เคียงกับพลอยโดนลูกหลง พังทลายลงไปด้วย
ช่วงเวลาที่ทุกคนกำลังหมดหวัง กำแพงดินหนาสูงสองเมตรก็ผลุบขึ้นมาหน้าประตูอย่างกระทันหัน ปิดกั้นราชันย์หนูเอาไว้
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีลูกไฟขนาดเท่าอ่างล้างหน้าปรากฏขึ้นเช่นกัน ลูกไฟทุ่มเข้าใส่บาดแผลเดิมที่เกิดจากขีปนาวุธบนร่างกายของราชันย์หนู
ด้วยการโจมตีนี้ ถึงกับทำให้ราชันย์หนูซวนเซโดยตรง
“จี้—”
ราชันย์หนูโกรธจัด มันหันขวับไปเบื้องหลัง หันเหทิศทาง พรวดตรงเข้าหาตำแหน่งที่ลูกไฟลอยมา
ในความเป็นจริงแล้ว มิใช่แค่เพียงราชันย์สัตว์ร้ายเท่านั้นที่ถูกดึงดูดความสนใจ แต่ฝูงชนทั้งหมด ต่างก็มองไปตามทิศทางดังกล่าวเป็นสายตาเดียวเช่นกัน
Ch.25 – สังหารราชันย์หนู
Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.25 – สังหารราชันย์หนู
“สภาพอากาศแบบนี้ มันน่ารำคาญเป็นบ้าเลย!”
ชายที่ทั้งร่างปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงสบถด้วยความหงุดหงิด ย่ำฝ่าเท้าลงกับพื้น ดีดตัวขึ้นไปในอากาศดั่งจรวด หลบเลี่ยงการโจมตีของราชันย์หนู
เนื่องจากเปลวไฟและสายฝนบดบังวิสัญทัศน์ ฝูงชนจึงไม่สามารถมองเห็นหน้าตาของคนที่ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงได้
อย่างไรก็ตาม ตราสัญลักษณ์ โลโก้เลเวล F บนหน้าอกของอีกฝ่าย กลับสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
บ่งบอกว่า ผู้ใช้อบิลิตี้คนนี้ แข็งแกร่งกว่าพวกเขามากมายนัก
“ตูม!”
แผ่นดินเกิดการสั่นสะเทือน ในทิศทางที่ราชันย์หนูวิ่งตรงไป จู่ๆพื้นดินบริเวณนั้นพลันก่อตัวกลายเป็นหนามแหลม พุ่งขึ้นมาอย่างกระทันหัน ทิ่มแทงเข้าใส่ช่องท้องของราชันย์หนูอย่างโหดร้าย
ราชันย์หนูเปล่งเสียงคำรามด้วยความโกรธ มันพยายามดิ้นรนจนหลุดพ้น ทว่ากลับเป็นการเปิดแผลตนเองจนใหญ่ขึ้นกว่าเดิม
“จี๊ด จี๊ด!”
ราชันย์หนูคำรามกราดเกรี้ยว
“จี๊ๆ จี๊ดดดด!”
หนูยักษ์จำนวนมากที่อยู่โดยรอบเองก็กรีดร้องขานรับ พวกมันกลายเป็นคลุ้มคลั่ง และเริ่มวิ่งออกจากแนวรั้วไม้ป้องกัน
เมื่อเห็นถึงสถานการณ์นี้ ฉินเฟิงก็เร่งเร้าพลังในการต่อสู้ของเขาทันที ขัดขวางไม่ให้พวกกองทัพหนูยักษ์กลับไปช่วยเหลือมัน
ส่วนผู้ใช้อบิลิตี้ไฟและผู้ใช้อบิลิตี้ดิน แม้ฝูงชนจะเห็นว่าทั้งสองสามารถรับมือกับราชันย์หนูได้อย่างง่ายดาย หากแต่ฉินเฟิงรู้ดี ว่าถ้าพวกเขาไม่ระวัง ก็อาจจะตายลงได้ตลอดเวลา
โชคยังดี ที่ทั้งสองสามัคคี ประสานงานกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะผู้ใช้อบิลิตี้ไฟ ที่แม้จะตกอยู่ในสภาพแวดอากาศเช่นนี้ แต่เขาก็ยังสามารถสำแดงประสิทธิภาพออกมาได้เป็นอย่างดี
มองไปยังราชันย์หนูที่กำลังจะถูกสังหาร จู่ๆก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น -มันยอมแพ้ เลิกสู้แล้วหันมาขุดรู มุดดินลงไปอย่างกระทันหัน
“ไม่นะ มันกำลังจะหนี!”
ผู้ใช้อบิลิตี้ดินที่อยู่ห่างออกไปโค้งตัวลง เร่งประกบสองมือลงบนพื้นดินอย่างรวดเร็ว
“จงแข็งตัว!”
พริบตานนั้นมวลดินพลันจับตัวกัน กลายเป็นแข็งแกร่งทนทานอย่างหาที่เปรียบมิได้ ทว่าน่าเสียดาย ที่ราชันย์หนูขุดมันลงไปได้กว่าครึ่งทางแล้ว กว่ามวลดินที่แข็งแกร่งจะพุ่งไปถึง ราชันย์หนูก็ทำลายดินตรงหน้า ขุดทางเป็นหลุมลึกมุดหายลงไปเสียแล้ว
ไม่เพียงเท่านั้น แต่ดินภายในหลุมยังถูกตะกุยจากตำแหน่งของราชันย์หนูอย่างต่อเนื่อง กลบปิดรูเดิม ส่งผลให้คนที่ตามมาทีหลัง ไม่อาจไล่จับมันได้
เมื่อปราศจากซึ่งผู้นำอย่างราชันย์หนู กองทัพหนูยักษ์กินพืชก็แตกกระเจิง วิ่งหนีออกไปทุกทิศทาง ไม่มีตัวใดสนใจที่จะโจมตีพื้นที่เพาะปลูกอีก
“ปกป้องเอาไว้ได้แล้ว!”
“ปิดสัญญาณเตือนภัยได้!”
“แต่น่าเสียดาย ที่ราชันย์สัตว์ร้ายไม่ถูกจัดการ!”
ทุกคนเริ่มเก็บกวาดสนามรบ มีเพียงฉินเฟิงที่สองตาหรี่แคบลง ในหัวตระหนักได้ว่านี่เป็นโอกาสดีที่หาได้ยากยิ่ง
“เสี่ยวไป๋ แกสามารถไล่ตามตำแหน่งที่ราชันย์สัตว์ร้ายกำลังหนีไปได้ไหม?”
“แอ๊!”
เสี่ยวไป๋ร้อง ความหมายย่อมแน่นอนว่าสามารถตามหาได้
“งั้นก็ไปกัน!”
ฉินเฟิงไม่ตั้งใจที่จะปล่อยราชันย์สัตว์ร้ายไป เพราะด้วยความแข็งแกร่งและสติปัญญาของราชันย์สัตว์ร้ายมิได้อ่อนด้อยเลย มันย่อมจดจำความแค้นในครั้งนี้เอาไว้ และไม่ช้าก็เร็ว จะต้องกลับมาเอาคืนอย่างแน่นอน
ในความทรงจำของฉินเฟิง คลื่นกองทัพหนูมิได้บุกเข้ามาในปีนี้
ฉินเฟิงสงสัยว่าคลื่นกองทัพหนูที่บุกเข้ามาในปัจจุบัน อาจเกี่ยวข้องกับการที่เขาล่างูชายแดนมากจนเกินไป
เพราะสิ่งมีชีวิตที่อันตรายที่สุดอย่างงูชายแดน มันอาศัยอยู่ใกล้ๆกับชุมชนทางตอนเหนือ อีกอย่างหนึ่ง สิ่งมีชีวิตดังกล่าวยังครอบครองความสามารถในการเข้าใกล้หรือลอบสังหารเป้าหมายได้อย่างสมบูรณ์ มันจึงเป็นตัวที่คอยฉกกินหนูยักษ์ ซึ่งถูกรวงข้าวในพื้นที่เพาะปลูกดึงดูดเข้ามา
งูชายแดนมักจะคอยกินหนูยักษ์เป็นอาหาร ทว่าปัจจุบัน พวกมันกลับถูกฉินเฟิงสังหารไปเป็นจำนวนมาก จึงเป็นธรรมดาที่ปริมาณของมันจะลดลง หนูยักษ์ที่ถูกกินก็ลดน้อยลงตาม
เมล็ดข้าวในพื้นที่เพาะปลูกเป็นสิ่งล่อใจตามธรรมชาติของพวกมัน จึงเป็นธรรมดาที่พวกหนูยักษ์อยากจะครอบครองยุ่งฉางอันอุดมสมบูรณ์นี้
ในม่านฝน ฉินเฟิงเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว ตำแหน่งปัจจุบันของเขาน่าจะเกินกว่าการตรวจสอบของทางฐานทัพแล้ว เขาจึงเร่งความเร็วยิ่งขึ้นไปอีก
หลังจากที่ล่าสังหารอย่างบ้าคลั่ง พละกำลังทางกายภาพของฉินเฟิงก็ยกระดับขึ้นมาอยู่ในเลเวล G4 ด้วยความสามารถของพลังพิเศษดูดกลืน
ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ ที่เหนื่อยล้าจากการต่อสู้ ในเวลานี้กำลังกายของฉินเฟิงยังคงเต็มเปี่ยม เขาเคลื่อนที่ต่อไปอย่างรวดเร็ว
ม่านฝนค่อยๆลดลง ฉินเฟิงวิ่งไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัว เวลามันก็ผ่านมานานกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว จนในที่สุด เขาก็ข้ามผ่านเข้ามายังจุดที่ไม่อยู่ในแผนที่ของทุ่งล่า
สำหรับพื้นที่ทุ่งล่า มันยังมีบางส่วนที่มนุษย์ยังไม่สามารถเข้าไปสำรวจได้หลงเหลืออยู่ ดังนั้นจึงไม่ทราบว่ามีอันตรายใด หลบซ่อนอยู่หรือไม่
“แอ๊ แอ๊!”
เสี่ยวไป๋ร้องเล็กน้อย
ฉินเฟิงได้สติกลับคืน เขาเร่งเร้ากระตุ้นรูนมืด เปลี่ยนตนเองเป็นร่างเงาทันที
“โครม!”
แผ่นดินพลิกตลบ ปรากฏหลุมลึกขนาดใหญ่ขึ้นใกล้บริเวณที่ฉินเฟิงเคยยืนอยู่อย่างกระทันหัน
ราชันย์หนูซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสคืบคลานออกมาจากหลุม และพยายามลากสังขารตนไปข้างหน้าอย่างยากลำบาก
กรงเล็บข้างหนึ่งของมันหัก ขนกว่าครึ่งตัวถูกเผาไหม้เป็นตอตะโก ความเสียหายจากน้ำมือของผู้ใช้อบิลิตี้ไฟ เปลี่ยนเนื้อของมันให้เป็นสีถ่าน
บริเวณช่องท้องเอง ก็ปรากฏหลุมลึกขนาดใหญ่อยู่เช่นกัน
ราชันย์หนูพยายามคืบคลานไปยังทิศทางหนึ่ง ในช่วงเวลาที่เม็ดฝนค่อยๆซาลง ฉินเฟิงเลยสามารถเห็นได้ว่ามันคือกำแพงภูเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์ และยังมีผลไม้เล็กๆแขวนอยู่
“นั่นมันผลไม้ศักยภาพ!”
ฉินเฟิงเซอร์ไพรส์จริงๆ!
ผลไม้ศักยภาพ จัดอยู่ในหมวดหมู่ผลไม้วิญญาณระดับต่ำ มีผลกับเฉพาะผู้ใช้พลังพิเศษที่เลเวลต่ำกว่า F ลงไปเท่านั้น ทว่าผลลัพธ์ของมันเปรียบดั่งฟ้าประทานพร มันสามารถช่วยเร่งเร้าพลังพิเศษและพลังวรยุทธโบราณได้ นอกจากนี้ยังมีจำนวนไม่มากนัก ครั้งใดที่พบเจอมัน ผู้คนมักจะแก่งแย่งกัน
สำหรับผลไม้ศักยภาพ ราคาในตลาดมืดของมัน มีค่ามากถึง 5 ล้านเหรียญ!
กระทั่งคนที่ไม่มีพรสวรรค์ หากกินผลศักยภาพเข้าไป พวกเขาก็จะสามารถยกระดับไปเป็นขั้นพื้นฐาน สามารถกลายเป็นมือปืนที่ใช้จักรกลได้ ด้วยเหตุนี้เอง เศรษฐีส่วนใหญ่จึงแก่งแย่งช่วงชิงมัน เพื่อหวังว่าจะให้ลูกหลานของพวกเขาสามารถปลุกพลัง กลายเป็นมือปืน หรืออะไรที่สูงกว่าได้
ไม่คาดคิดเลย ว่าผลศักยภาพจะปรากฏขึ้นที่นี่อย่างกระทันหัน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีถึงสามลูก!
แต่เมื่อมองไปยังทิศทางที่ราชันย์หนูตรงไป ฉินเฟิงก็เข้าใจได้ทันที ว่าราชันย์หนูต้องการที่จะกินผลไม้ศักยภาพ เพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของตัวเอง
แน่นอน ฉินเฟิงจะไม่ยินยอมปล่อยให้มันได้โอกาสนั้น
ร่างของฉินเฟิงวูบไหวเป็นเงา ผลุบมาปรากฏตัวขึ้นเบื้องหลังหนูยักษ์
“นั่นมันของฉัน!!”
กำลังภายในถูกส่งผ่านไปยังสองฝ่ามือของฉินเฟิง วินาทีถัดมา ฉินเฟิงก็คว้าจับหางของราชันย์หนู ส่งแรงฮึดจับมันทุ่มโดยตรง!
เมื่อถูกฉุดดึงโดยเรี่ยวแรงมหาศาลอย่างกระทันหัน ราชันย์หนูเสียสมดุลทันใด ร่างของฉินเฟิงกระพริบไหว เหวี่ยงร่างของหนูยักษ์อันทรงพลัง หงายหลังกลับมา!
หนูยักษ์เมื่อหน้าหงาย สายตาเผชิญกับท้องฟ้า มันก็พยายามที่จะพลิกตัวกลับ
แต่ฉินเฟิงมิคิดให้โอกาสนั้นกับอีกฝ่าย
“กลืนดารา!”
กลืนดาราก่อตัวเป็นสนามพลังดึงดูดขนาดใหญ่ ล้อมรอบตัวราชันย์หนู แต่ราชันย์หนูต่อสู้ดิ้นรนสุดแรง ควบคู่ไปกับขนาดตัวที่ใหญ่โตของมัน ส่งผลให้แรงดูดของฉินเฟิง มิอาจลากมันเข้ามาใกล้ได้
แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ฉินเฟิงก็ไม่ตื่นตระหนกใดๆ เขาระเบิดกำลังภายในพุ่งออกมาอย่างแรง!
จากแรงดึงดูด พริบตากลับเปลี่ยนเป็นแรงผลักดันมหาศาลที่แสนจะโหดร้าย!
“พรวด!”
เลือดกระฉูดออกมาจากปากแผลเดิมบนหน้าอกราชันย์หนู ซึ่งแต่เดิมถูกทำร้ายทิ้งไว้โดยผู้ใช้อบิลิตี้ดิน
“จงแหลกเป็นชิ้นๆซะ!”
ฉินเฟิงเสี่ยงชีวิตตน ทะยานไปข้างหน้า ระเบิดหมัดเจาะเข้าไปในปากแผลที่ว่านั่น
“กริ๊ก!”
ฉินเฟิงสัมผัสได้ว่าหมัดของเขาที่ถูกส่งออก ได้ทะลวงลึกเข้าไปในปากแผล กระแทกทำลายชิ้นกระดูกของมัน กำปั้นพุ่งพรวดเข้าไปถึงกลางลำตัวของราชันย์หนู
ซึ่งกลางลำตัว คือบริเวณในส่วนที่ตั้งของหัวใจ!
ฉัวะ!
ฉินเฟิงกระชากแขนกลับคืน กระโจนถอยหลังไปไกล
ในที่สุด ราชันย์หนูก็ทิ้งตัวลงกับพื้น มิอาจรักษาสมดุลกายได้อีกต่อไป ปากอ้ากว้าง ดวงตาสีแดงเลือดจ้องมองฉินเฟิง คิดหมายจะไล่ตามเขา ทว่าหลังจากฝืนคลานมาได้กว่า 10 เมตร มันก็แน่นิ่งไป เลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด
ราชันย์หนูสิ้นใจแล้ว!
พลังงานขนาดใหญ่จากศพของมันถูกส่งเข้าสู่ร่างกายฉินเฟิงโดยพลังพิเศษดูดกลืน กล้ามเนื้อของเขาเป็นมัดมากขึ้น กระดูกเองก็แข็งขึ้น หัวใจเต้นถี่ระรัว เปี่ยมไปด้วยพลัง
ชั่วเวลานั้นเอง พลังงานเริ่มไหลไปเสริมความแข็งแกร่งให้เขาตลอดทั้งแขนขา!
ก้าวขึ้นสู่เลเวล G5!
เวลานี้ ฉินเฟิงรู้สึกว่าเขาสามารถทุบทำลายก้อนหินขนาดใหญ่ได้ด้วยมือเปล่า!
ทั้งความเร็วและพละกำลังเพิ่มพูนขึ้นมหาศาล
“ยอดเยี่ยม!”
ถือว่าการไล่ล่าอย่างยาวนานในครั้งนี้ ไม่สูญเปล่าแล้ว!
Ch.26 – ผลการต่อสู้
Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.26 – ผลการต่อสู้
“แอ๊!”
เสี่ยวไป๋ดิ้นหลุดจากกระเป๋าสะพาย กระโดดเข้าหาศพของราชันย์หนู วาดกรงเล็บเล็กๆออกไป และพริบตานั้นเอง แก่นพลังงานขนาดเท่ากำปั้นก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้ามัน จากนั้น ทั้งแก่นพลังก็หายวับไป
เนื่องจากฉินเฟิงทำสัญญากับเสี่ยวไป๋แล้ว จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะรู้ว่าเสี่ยวไป๋ได้ใช้พลังมิติของแยกแก่นพลังงานออกมาจากตัวราชันย์หนูโดยตรง และเก็บใส่พื้นที่มิติของตัวเอง
“เอาเถอะ ยังไงมันก็เป็นของแกอยู่แล้ว จะรีบเก็บไปทำไม ฉันไม่แย่งแกหรอกน่า!”
ฉินเฟิงกล่าวอย่างหมดหนทาง แต่ผลลัพธ์ในวันนี้ต้องยกเครดิตให้กับเสี่ยวไป๋จริงๆ มิฉะนั้นมีหรือที่เขาจะไล่ตามราชันย์หนูที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสมาทัน
ฉินเฟิงชักมีดสั้น และเริ่มแยกส่วนวัตถุดิบต่างๆที่เป็นประโยชน์ของราชันหนู
ฟัน , กรงเล็บ ล้วนเป็นของมีค่า ไม่เพียงเท่านั้น แต่ยังมีขนสัตว์ของมันที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์อีกกว่าครึ่งหนึ่ง
ส่วนเนื้อหนู นี่ก็กินได้เหมือนกัน รวมๆแล้วหนักเกือบ 100 จิน และยังขายได้ในราคาดี
โชคดีที่เขาทำสัญญากับเสี่ยวไป๋ มิฉะนั้นหากฉินเฟิงแบกสิ่งเหล่านี้ไปด้วยตัวเอง คงยากจะอธิบายให้คนอื่นๆฟัง
เขานำทุกสิ่งที่กล่าวมาใส่ลงในพื้นที่มิติของเสี่ยวไป๋ เลาะศพราชันย์หนูจนเหลือแต่กระดูก แล้วต่อมาก็เดินไปยังเถาวัลย์
เห็นได้ชัดว่าเดิมทีบนเถาวัลย์มีผลไม้อยู่มากกว่า 3 ลูก ทว่าส่วนใหญ่แล้วมีร่องรอยถูกแทะเล็ม บางทีนี่น่าจะเป็นฝีมือของราชันย์หนู และอาจจะเป็นเหตุให้สิ่งมีชีวิตระดับต่ำเช่นมันเกิดการวิวัฒนาการ
“เอาเถอะ ได้มาตั้งสามลูกก็ดีแล้ว!”
ฉินเฟิงเอื้อมมือไปคว้าผลไม้ทั้งสามลูก
สิ่งนี้ เมื่อเด็ดลงมาแล้ว สมควรจะใช้งานโดยเร็วที่สุด ฉินเฟิงเลยกินไปลูกหนึ่งทันที
“แอ๊!”
เสี่ยวไป๋มองผลไม้ด้วยความตะกละ
“เอ้า! ให้แกด้วยอันนึงก็ได้”
ฉินเฟิงมิคิดตระหนี่ใดๆ เขาใจดีกับเสี่ยวไป๋ ยอมให้มันผลนึงโดยตรง
ส่วนที่เหลืออีก 1 มีไว้สำหรับโจวฮ่าว!
ฉินเฟิงใส่ผลไม้ศักยภาพลงในขวด ยัดเข้าในกระเป๋าสะพาย แล้วเดินกลับไป
…
ในเวลานี้ ที่ฐานยังคงวุ่นอยู่กับการเก็บกวาด เพราะสถานการณ์รบได้จบลงแล้ว ทางสำนักงานใหญ่จึงไม่มีเวลาสนใจฉินเฟิง เมื่อฉินเฟิงกลับมา มันเลยไม่ได้ไปกระตุ้นความสงสัยของใคร
ด้วยเหตุนี้เอง ฉินเฟิงจึงสามารถปกปิดความจริงที่ว่าเขาสังหารราชันย์หนูลงได้โดยลำพังอย่างง่ายดาย
แม้เขาจะได้รับเครดิตมหาศาลจากมัน แต่ฉินเฟิงก็ไม่บอกใคร เขาไม่ต้องการที่จะมีชื่อเสียงใดๆ
อย่างไรก็ตาม แค่ผลงานในครั้งนี้ เขาก็ได้ดึงดูดความสนใจจากผู้คนมากมายแล้ว!
“ฉินเฟิง!” หลี่เหยาเหยาออกตามหาฉินเฟิงอยู่นาน น่าเสียดายที่ไม่พบเขาท่ามกลางฝูงชนเลย
แต่โชคยังดี ที่เธอรอเขา จนในที่สุดก็ได้เจอ
“ฉินเฟิง นายได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า? ให้ฉันรักษานายนะ!” หลี่เหยาเหยาเร่งกล่าว ก้มลงมองมือที่เต็มไปด้วยเลือดของฉินเฟิง
“ไม่! ไม่จำเป็น ขอบใจ!”
ฉินเฟิงขมวดคิ้ว เขาจดได้ว่าครั้งก่อนไม่ได้บอกชื่อตนออกไป แต่ตัวเขาเองก็เริ่มมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในฐานเมื่อเร็วๆนี้ ดังนั้นบางทีเรื่องราวของเขาอาจจะส่งไปถึงหูของเหยาเหยาก็ได้
การปฏิเสธของฉินเฟิงทำให้ใบหน้าของหลี่เหยาเหยาซีดไปเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเธอไม่คิดว่าฉินเฟิงจะเย็นชาต่อเธอ
ในเวลานั้นเอง เสี่ยวจิงก็วิ่งเข้ามา
“ฉินเฟิง! นายปลอดภัยใช่ไหม!”
เสี่ยวจิงเองก็มีส่วนร่วมในการปกป้องพื้นที่เพาะปลูกเหมือนกัน หากแต่เป็นโซนใน ขณะที่ฉินเฟิงออกไปสู้โซนนอก ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ถึงสถานการณ์ของเขา
หลังจากการการต่อสู้จบลง เสี่ยวจิงก็นึกขึ้นได้ถึงฉินเฟิง เธอออกมาเก็บกวาดศพภายนอก แต่หาตัวเขายังไงก็ไม่พบ ยิ่งนาน เธอก็ยิ่งกังวล
โชคดีจริงๆ ที่ฉินเฟิงไม่เป็นอะไรไป
“เอ่อ เธอบาดเจ็บรึเปล่า?” ฉินเฟิงขมวดคิด มองสำรวจเสี่ยวจิง
“ก็แค่เล็กๆน้อยๆ แต่นายรู้อะไรไหม ฉันฆ่าหนูยักษ์ไปมากกว่า 20 ตัวเลยนะในครั้งนี้!” เสี่ยวจิงเผยรอยยิ้มแห่งชัยชนะของหญิงสาว
“งั้นก็ดี! ได้เวลากลับแล้ว ฉันจะไปรับรางวัลที่จุดรวมพล!” ฉินเฟิงกล่าว เขาหันไปพยักหน้าให้หลี่เหยาเหยา และเดินเข้าไปในสถานีซื้อขายของพื้นที่เพาะปลูก
เสี่ยวจิงนิ่งไปพักหนึ่ง แต่ก็รีบตามฉินเฟิงไป ในหัวใจเริ่มเกิดความตื่นตระหนก
“ที่บอกว่าจะกลับ นาย … นายจะไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้วหรอ? ใช่ไปพักผ่อนสักพักนึงหรือเปล่า? แล้ววางแผนจะย้อนมาอีกทีเมื่อไหร่?”
ฉินเฟิงรู้ดี ว่าเสี่ยวจิงกำลังคิดอะไรอยู่ เพราะหลังจากเกิดใหม่ เขาก็เป็นคนเดียวที่พาเสี่ยวจิงออกไปล่าตลอดช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นในเวลานี้ สถานะของเขา เรียกได้เลยว่าแทบจะเป็นหัวหน้าของเธอ
“ไม่รู้สิ บางทีอาจจะกลับมาก็ได้ แต่เรื่องนั้นเธอไม่ต้องกังวลไป ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเธอ เธอสามารถเข้าร่วมกับทีมทหารรับจ้างได้แล้ว แต่ฉันขอแนะนำให้เธอนะ ว่าให้ไปเข้าร่วมกับทางกองทัพจะดีกว่า ยิ่งเธอมีส่วมร่วมในการต่อต้านกองทัพหนูในครั้งนี้ เธอก็ยิ่งดูมีเครดิต”
เสี่ยวจิงที่กำลังว้าวุ่น ค่อยๆสงบลงภายใต้การปลอบประโลมของฉินเฟิง
ในช่วงเวลานี้ ในพื้นที่เพาะปลูก นอกจากฉินเฟิงแล้ว เธอยังมีความสัมพันธ์กับหลี่เหวิน และเข้าร่วมการฝึกฝนวรยุทธกับกองทัพทุกวัน
หากเธอเข้าร่วมกับกองทัพ เธอจะสามารถใช้เครดิตภายใน แลกเปลี่ยนกับอาวุธสงคราม , เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องจักรกลและการต่อสู้ได้
เมื่อคิดถึงจุดนี้ จึงเป็นธรรมดาที่เสี่ยวจิงจะคลายใจลงยิ่งกว่าเดิม
“แล้วนายล่ะ? จะเอายังไงต่อ?” เสี่ยวจิงถามด้วยความอยากรู้
“ฉันจะไปเรียนต่อในสถาบันระดับสูง!” ฉินเฟิงกล่าว
เสี่ยวจิงสะดุ้ง เธอไม่คาดคิดเลยว่าฉินเฟิงจะตอบกลับมาแบบนี้
“ฉินเฟิง ในความคิดของฉัน สถาบันระดับสูงไม่สามารถสอนอะไรได้นายอีกแล้ว!” เสี่ยวจิงรู้ดีว่าฉินเฟิงแข็งแกร่งเพียงใด ไม่ต้องกล่าวถึงความคิดเกี่ยวกับเรื่องเงินของเธอ การไปเรียนต่อกับสถาบันน่ะ มันไม่สามารถทำเงินได้ ยิ่งฉินเฟิงเป็นคนที่มีความสามารถอยู่แล้ว เขาจะไปเรียนต่ออีกทำไมกัน?
“เธออย่าพูดแบบนั้นสิ โลกใบนี้ยังมีเรื่องอีกมากที่เรายังไม่รู้ เธอไม่ควรตัดสินแบบนั้นนะ” ฉินเฟิงส่ายหัว หยุดคำครหาของเสี่ยงจิง
โดยที่ทั้งสองไม่ทราบเลยว่า หลี่เหยาเหยาเองก็กำลังเดินตามมา และเมื่อได้ยินคำพูดของฉินเฟิง สีหน้าไม่ยินยอมในตอนแรกของเธอ ก็เริ่มแสดงออกถึงความสุข
‘ฉินเฟิงจะเข้าร่วมกับสถาบันระดับสูงอย่างงั้นหรอ? งั้นก็หมายความว่าเขาจะกลายเป็นรุ่นน้องของฉันน่ะสิ!’
‘ดีเลย! คอยดูเถอะ เมื่อถึงเวลานั้นนายจะไม่สามารถทำเป็นเมินฉันได้อีกต่อไป!’
…
ทางฉินเฟิงไม่ทราบว่าหลี่เหยาเหยาคิดอะไรอยู่ แต่เมื่อเทียบกับหลี่เหยาเหยาที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ กับเสี่ยวจิงที่เป็นคู่หูนักสู้ แถมยังมีบุญคุณในชีวิตก่อนหน้าแล้ว การปฏิบัติตนของเขาต่อทั้งสองจึงย่อมแตกต่างกัน
เมื่อเขาและเธอมาถึงสถานีซื้อขายของพื้นที่เพาะปลูก ก็ส่งวิดีโอการต่อสู้จากอุปกรณ์สื่อสารให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบและยืนยัน จำนวนสัตว์ร้ายที่สังหารลง
นี่เป็นฟังก์ชั่นสำคัญที่สุดของเครือข่ายภูมิภาค ในพื้นที่เพาะปลูก
แน่นอน หลังจากที่ฉินเฟิงไล่ตามราชันย์หนูไป เขาก็ปิดอุปกรณ์สื่อสาร ดังนั้นบันทึกของเขาจึงน้อยกว่าคนอื่นไปชั่วโมงหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม การสแกนผ่านเครือข่ายกลับใช้เวลาเพียง 10 วินาทีเท่านั้น ผลลัพธ์ก็ปรากฏขึ้น
เนื่องจากการต่อสู้เพิ่งจะจบลง หลายคนเลยยังยืนรอต่อแถว แต่โชคดีที่กระบวนการนี้เร็วมาก จึงไม่มีใครรู้สึกเบื่อจนเกินไป
ฉินเฟิงกับเสี่ยวจิงเองก็ไม่รีบร้อน พวกเขาเฝ้ารออย่างอดทน เพียงสิบนาที ก็มาถึงตาของทั้งสอง
【ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด , สังหารหนูยักษ์กินพืช : 561 ตัว , สังหารหนูยักษ์กินพืชระดับทหาร : 31 ตัว , สังหารหนูยักษ์ระดับนายพล : 9 ตัว!】
ทันทีที่ข้อมูลการตรวจสอบปรากฏขึ้น ไม่เพียงแต่เสี่ยวจิงที่อยู่ข้างๆต้องตกใจ กระทั่งผู้ตรวจสอบข้อมูล และผู้คนรอบข้างเองก็ยังตะลึงงัน
มันจะเป็นไปได้ยังไงที่คนๆเดียวสามารถสังหารสัตว์ร้ายได้มากมายขนาดนี้? เขาใช่เป็นผู้ใช้พลังพิเศษ เลเวล F แฝงตัวมารึเปล่า?
“น่าจะมีอะไรผิดพลาด คนๆเดียวจะสามารถสังหารได้มากกว่า 500 ตัวได้อย่างไร!”
“ใช่ๆ ไม่ใช่ว่านี่คือข้อมูลจากการร่วมมือกันฆ่าหรอกหรือ? มันเป็นข้อมูลทีมรึเปล่า!”
“กระทั่งตราสัญลักษณ์ โลโก้ผู้ใช้พลังพิเศษเขายังไม่มีเลย เครื่องคงเสียแล้วล่ะมั้ง!”
ทกคนต่างเกิดคำถาม กวาดตามองฉินเฟิงด้วยความสงสัย
ฉินเฟิงเองก็ไม่ได้มีสีหน้าเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่คิดโต้แย้ง
เสี่ยวจิงอดไม่ได้ ตะโกนด้วยความโกรธ “อย่ามาไร้สาระนะ! ฉินเฟิงน่ะแข็งแกร่งจริงๆ เขาไม่ใช่คนที่คดโกงอะไรแบบนั้น!”
น่าเสียดาย ที่เสียงของเสี่ยวจิงจมอยู่ท่ามกลางกระแสของผู้คน ไม่มีผู้ใดสนใจคำของสาวน้อยเลย
เจ้าหน้าที่ไม่มีทางเลือก ต้องตรวจสอบวิดีโอดูอีกครั้ง แต่คราวนี้ แทนที่จะมองดูมันอย่างผ่านๆ เขาเลือกที่จะตั้งใจจริงใจ พอวิดีโอจบลง เขาก็อึ้งไป
Ch.27 – เดิมพัน
Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.27 – เดิมพัน
ในวิสัยทัศน์ ทุกการเคลื่อนไหวของฉินเฟิงในวิดีโอช่างปราดเปรียวและพรั่งพราว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาแข็งแกร่งจริงๆ
“โปรดรอสักครู่ เดี๋ยวกระผมจะไปนำรางวัลมาให้ท่านทันที ต้องการสอบถามอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่?” เจ้าหน้าที่เอ่ยศัพท์ที่ให้ความเคารพแก่เขาโดยไม่รู้ตัว
“เฮ้ เฮ้ ที่พูดนั่นหมายความว่ายังไงกัน จะบอกว่าที่เจ้าหนูนี่ฆ่าสัตว์ร้ายไปมากมายเป็นความจริงอย่างงั้นหรอ?” ทหารรับจ้างที่ยืนอยู่ข้างหลังฉินเฟิงกล่าวด้วยความไม่พอใจ
เห็นได้ชัดว่า เขาไม่เชื่อเลยโดยสิ้นเชิง
“เครื่องจักรไม่มีทางผิดพลาด ทุกอย่างได้รับการตรวจสอบแล้ว และมันเป็นเรื่องจริง!”
“ฉันไม่เชื่อหรอก! เขาคงเป็นเด็กของพวกเจ้าหน้าที่อาวุโสในกองทัพของคุณล่ะสิ ถึงได้แอบเพิ่มคะแนนล่าให้?”
“ใช่ใช่! มันต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ!”
“บิดาเกลียดคนที่ทำแบบนั้นที่สุด ทุกอย่างมันต้องโปร่งใส แฟร์ๆกันสิ!”
หลายคนปฏิเสธที่จะเชื่อ และเริ่มโวยวาย
“ไอ้หนุ่มนี่ยังเด็กอยู่ชัดๆ แล้วมันจะไปมีความแข็งแกร่งมากมายขนาดนั้นได้ยังไง!”
“อีกอย่าง ดูสภาพมันสิ ไม่เห็นจะได้รับบาดเจ็บอะไรเลย!”
ทุกคนรู้สึกว่า ยิ่งพูด ก็ยิ่งคล้ายกับค้นพบความจริงมากขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งไปกว่านั้น การตรวจสอบจำนวนการเสียชีวิตของสัตว์ร้ายจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ตายเท่าไหร่ก็เท่านั้น นี่หมายความว่าหากจู่ๆมีใครบางคนเล่นโกง ฉกฉวยแต้มสังหารเกินกว่าที่ควร คนอื่นๆก็ย่อมจะได้แต้มสังหารน้อยลงเป็นธรรมดา กล่าวได้ว่ารางวัลของพวกเขาถูกฉกฉวยไปโดยฉินเฟิง
ทุกคนเพิ่งจะสังหารสัตว์ร้ายมา ร่างกายจึงฟุ้งไปด้วยกลิ่นอายสังหาร ทั้งหมดตรึงมันลงบนร่างของฉินเฟิง
ทว่าสีหน้าของฉินเฟิงแท้จริงกลับไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย
เจ้าหน้าที่อยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เริ่มบังเกิดความลังเล มองฉินเฟิงด้วยความหวาดกลัว นั่นเพราะเขาได้ดูวิดีโอมาแล้ว และทราบดีว่าฉินเฟิงแข็งแกร่งเพียงใด
“ท่านครับ ถ้าไม่รังเกียจ ได้โปรดยอมให้เล่นวิดีโอนี้ต่อหน้าทุกคนจะได้หรือไม่?”
“ฉันรังเกียจ!”
ฉินเฟิงปฏิเสธข้อเสนอโดยตรง
ผลลัพธ์ของการต่อสู้น่ะเป็นเรื่องปกติ แล้วทำไมเขาถึงต้องส่งวิดีโอการต่อสู้ของตนให้คนอื่นดูด้วย เพียงเพราะพวกมันเกิดคำถาม?
แต่สำหรับอีกฝ่าย เมื่อได้ยินคำนี้ของฉินเฟิง ก็ทราบได้ทันทีว่าไอ้หนูนี่คงเล่นตุกติกอะไรแน่ๆ
“แบบนั้นไม่ได้! พวกเราต้องการคำอธิบาย!”
“ถูกต้อง!”
“พวกเราจะปล่อยมันไปแบบนี้ไม่ได้ ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์มาเล่นไม่ซื่อในชุมชนทางตอนเหนือ!!”
ช่วงเวลานี้ บริเวรณโดยรอบเริ่มเกิดเสียงกระซิบกระซาบ
ฉินเฟิงแสยะยิ้ม “คุณต้องการให้ผมอธิบายอะไร? การต่อสู้ในวิดีโอของผมเป็นเรื่องจริง ถ้าคุณสงสัยว่ามันโกหก ผมก็คงจะห้ามคุณไม่ได้ เอาอย่างนี้เป็นไง พวกเรามาเดิมพันกันซักตั้ง!”
“แกอยากจะเดิมพันอะไร?” หนึ่งในคนเย่อหยิ่งที่ยืนอยู่หลังฉินเฟิงตะโกนขึ้น
“เดิมพันกันด้วยวิดีโอการต่อสู้ของผม ผมจะให้เจ้าหน้าที่ส่งมันให้พวกคุณแต่ละคนแยกกันดู ถ้ามันเป็นจริง คุณๆทั้งหลายต้องมอบเงินมาให้ผม 100000 เหรียญ แต่ถ้ามันไม่จริง ผมก็จะมอบเงิน 100000 เหรียญให้พวกคุณ”
“ฮะฮ่าฮ่า! ไอ้หนู อย่ามาขู่กันดีกว่า ฉันไม่เชื่อแกหรอก ได้เลย ฉันรับเดิมพัน!”
“ฉันด้วย ขอเดิมพันด้วย!”
“ใครบ้างจะไม่อยากได้เงินฟรีๆ คอยดูเถอะ เจ้าหนู ฉันจะรีดเงินแกให้กระเป๋าแห้งไปเลย!”
หลายคนเริ่มตะโกน
บางคนพอได้ยินเรื่องเดิมพัน ก็สงบปากสงบคำลงทันที ไม่คิดที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมใดๆ
เพราะถึงยังไง ในฝูงชน ก็ยังมีคนที่จดจำฉินเฟิงได้อยู่เหมือนกัน
ท้ายที่สุดแล้ว ฉินเฟิงอยู่ที่นี่มาตั้ง 4-5 วัน และหลายๆทีมก็เห็นว่าฉินเฟิงนั้นร่วมมือกับเสี่ยวจิง
แม้พวกเขาจะไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา แต่ก็ยังมีความคลางแคลงใจ เพราะอย่างไรเสีย ภายในวันเดียว การที่ฉินเฟิงสามารถสังหารงูชายแดนได้มากกว่า40 – 50 ตัว มันยังเป็นสิ่งที่พอเข้าใจได้ แต่ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ด้วยสภาพอากาศที่ย่ำแย่ขนาดนี้ กลับสังหารหนูยักษ์ไปกว่า 500 ตัว โดยไม่บาดเจ็บใดๆ บอกได้เลยว่ายากนักที่จะเชื่อ
แต่ตอนนี้ มองไปยังท่าทีของฉินเฟิงแสนจะสุขุม ในหัวใจของพวกเขาก็เริ่มเต้นระรัว
‘นี่ .. อาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ ..’
“รบกวนขอใช้บัญชีของคุณด้วย” ฉินเฟิงหันไปมองเจ้าหน้าที่
เจ้าหน้าที่พยักหน้าอย่างรวดเร็ว เข้ากระจ่างแก่ใจดีว่าการเดิมพันนี้ฉินเฟิงย่อมคว้าชัยชนะ และบุคคลๆนี้ทรงพลังอย่างแท้จริง ทำให้เขารู้สึกชื่นชม
“หากต้องการเดิมพัน พวกคุณจะต้องวางเดิมพันก่อน ถึงจะดูวิดีโอได้!”
หลายคนที่เย่อหยิ่งหยิบอุปกรณ์สื่อสารออกมา แล้วโอนเงิน 100000 ไปยังบัญชีเจ้าหน้าที่ แม้ก่อนหน้านี้จะมีผู้คนโวยวายมากมาย หากแต่พอถึงเวลาพนันจริงๆ มันกลับมีแค่ 9 คนเท่านั้น
“ไม่กี่คนเองหรอ?” ฉินเฟิงกวาดตามองคนจำนวนมาก เกือบทั้งหมดหลบตาเขา ส่งผลให้คนที่เข้าร่วมพนันเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี
ต้องรู้นะว่าทั้ง 9 คนนี้ เป็นกำลังเสริมจากใน 500 คนที่ถูกส่งมาจากฐาน
สำหรับกำลังเสริม ไม่ว่าพวกเขาจะสามารถช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกสำเร็จหรือไม่ พวกเขาก็ยังได้รับเงินช่วยเหลือกว่า 10000 เหรียญอยู่ดี แต่หากสำเร็จก็นำแต้มสังหารมาแลกรางวัลเพิ่มเติมได้ แต่บันทึกการต่อสู้ของพวกเขากลับไม่ดีเท่าฉินเฟิง เลยพลอยทำให้ทั้งหมดรู้สึกแย่ และเกิดความไม่ชอบใจขึ้น
และยังมีบางคนที่เข้ามาวางเดิมพัน เพราะคิดว่าฉินเฟิงเล่นไม่ซื่อแน่ๆ
“ไม่มีอีกแล้วรึไง? วิดีโอของฉันมีค่าแค่ 100000 เหรียญเท่านั้นเองนะ!” เนื่องจากมันเป็นการเดิมพันทั้งสองฝ่าย ฉินเฟิงจึงโอนเงินของตัวเองกว่า 900000 เหรียญให้แก่เจ้าหน้าที่
เมื่อเงินเดิมพันของทั้งสิบคนได้ถูกวางลง เจ้าหน้าที่จึงส่งวิดีโอให้กับเก้าคนที่เหลือดู
ทั้งเก้าคนตอนแรกก็ดูจะไม่ใส่ใจอะไร บางคนก็กดข้ามด้วยซ้ำ แต่พอถึงช่วงกลางก็ต้องย้อนกลับไปดูตั้งแต่แรกอีกทีและเริ่มตรวจสอบมันอย่างจริงจัง
ยิ่งนาน สีหน้าของพวกเขาก็เริ่มหนักอึ้ง ต่อมาก็แสดงออกถึงความประหลาดใจ สุดท้ายกลายเป็นตกตะลึง!
ความแข็งแกร่งของฉินเฟิง ร้ายกาจกว่าที่พวกเขาคิดมากมายนัก
“มีอะไรจะแย้งอีกไหม?” ฉินเฟิงมองหน้าคนทั้งเก้า
คนเย่อหยิ่งที่ตะโกนเสียงดังสุดเริ่มมีสีหน้าแดงก่ำ เขาเกิดความรู้สึกอับอาย ยิ่งผู้คนโดยรอบมองเขา ใบหน้าของเขาก็ร้อนผ่าว ตนคล้ายถูกฉินเฟิงตบฉาดอย่างแรง ไม่อาจโต้แย้งได้
“ในเมื่อยินดีเดิมพัน ก็ต้องยินดีน้อมรับความพ่ายแพ้!”
ชายคนนั้นกัดฟันกล่าว เหลียวหลัง เร่งจากไป
สีหน้าของอีก 8 คนเดี๋ยวแดงเดี๋ยวเขียวไม่แพ้กัน พวกเขารู้สึกอึดอัดใจ ยิ่งเมื่อคิดว่าตนจะต้องเสียเงิน 100000 ไปเปล่าๆก็ยิ่งรับไม่ได้
ถ้ายังมามัวยืนโง่อยู่ที่นี่ มิใช่ว่าเป็นการยิ่งสร้างความอัปยศให้แก่ตนเองหรอกหรือ?
ทันใดนั้น คนทั้งหมดก็เลือกเดินออกไป
“เอ้า เกิดอะไรขึ้น? ทำไมพวกเขาทั้งหมดถึงจากไปล่ะ?”
“นี่แกไม่ได้แอบดูวิดีโอหรอกหรอ? นั่นมันของจริง! เจ้าหนุ่มนั่น มันฆ่าหนูยักษ์กินพืชได้มากกว่า 500 ตัวจริงๆ!”
“บ้าน่า! เป็นไปได้ยังไงกัน!”
ฝูงชนต่างมองฉินเฟิงด้วยความตกตะลึงในสายตา
เจ้าหน้าที่ทำการโอน 1.8 ล้านเหรียญกลับไปยังบัญชีของฉินเฟิง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “มิสเตอร์ฉิน ต้องการให้ช่วยเหลืออะไรอีกหรือไม่? สินสงครามที่คุณได้รับ จะให้ช่วยดำเนินการแลกเปลี่ยนเลยหรือเปล่า?”
จำนวนสัตว์ร้ายที่ถูกสังหารลงโดยฉินเฟิงจากในวิดีโอ แน่นอนว่าย่อมสามารถนำมาแลกเปลี่ยนเป็นรางวัลได้ เนื่องจากช่วงดังกล่าวค่อนข้างฉุกละหุก ฉินเฟิงจึงไม่มีเวลาชำแหละพวกมันด้วยตัวเอง
“ผมต้องการแก่นพลังงานของนายพลสัตว์ร้าย ช่วยแยกมันมาให้ด้วย ส่วนของที่เหลือทั้งหมด ขอให้แลกเปลี่ยนเป็นเงิน … อ๊ะ! แต่เนื้อนายพลสัตว์ร้ายรบกวนเก็บเอาไว้ด้วยนะครับ ผมอยากจะนำมันกลับไป”
“รับทราบแล้ว โปรดรอสักครู่”
เจ้าหน้าที่เริ่มหันไปจัดการ
“ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด! ” ข้อความแจ้งเตือนปรากฏขึ้นในอุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิงอย่างรวดเร็ว บนมัน ปรากฏถึงจำนวนเงินฝากกว่า 6.73 ล้านเหรียญ ถูกส่งเข้ามาในบัญชีของเขา
ใครมันจะไปคิดกัน ว่าคนที่เพิ่งปลุกพลังพิเศษมาได้เพียงครึ่งเดือน จะสามารถรับทรัพย์ได้มากมายถึงขนาดนี้?
“มิสเตอร์ฉิน โปรดตามคนๆนี้ไป เขาจะพาคุณไปรับแก่นพลังงานกับเนื้อสัตว์ร้าย และทางกองทัพจะช่วยจัดส่งพวกมันไปยังสถานที่ๆคุณต้องการเอง!”
นี่นับว่าเป็นการปฏิบัติระดับVIP!
“ขอบคุณ!” ฉินเฟิงตอบรับน้ำใจเขา
หลังจากที่ได้รับเก้าแก่นพลังงานแล้ว ทางกองทัพก็จัดการชำแหละเนื้อนายพลสัตว์ร้ายทั้งเก้า ซึ่งเนื้อเหล่านี้ฉินเฟิงไม่ได้มีความตั้งใจที่จะขาย หากแต่เป็นการจัดส่งพวกมันไปยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
พาหนะได้ถูกจัดเตรียม ทหารช่วยกันยกเนื้อขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว
Ch.28 – ปฏิเสธนายพล
Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.28 – ปฏิเสธนายพล
แต่ในขณะนั้นเอง รถคันหนึ่งก็แล่นมาจอดข้างๆ ตามด้วยคนอีกจำนวนหนึ่งเดินลงมาจากรถ
ในกลุ่มนี้ คนที่เดินนำหน้ามาเป็นชายชราที่บนหน้าอกมีสัญลักษณ์ โลโก้ผู้ใช้พลังพิเศษ เลเวล E ติดอยู่
ไม่เพียงเท่านั้น คนที่เดินตามมายังมีหลี่เหวินรวมอยู่ด้วยเช่นกัน
สองตาของฉินเฟิงหรี่แคบลง เขาตระหนักได้ ว่าอีกฝ่ายมุ่งเป้ามาที่ตน
“ฉินเฟิง ฉันรอเธออยู่นานแล้ว ขอแนะนำให้รู้จักนะ คนๆนี้คือผู้บัญชาการกองทหารรักษาการษ์ชุมชนทางตอนเหนือ นายพลฮั่นเจียน , ส่วนอีกคนเป็นผู้บัญชาการกองทหารเสือไฟ นายพลหวังเฉิง!” หลี่เหวินเอ่ยปาก
ฉินเฟิงพอได้ยินคำของฝ่ายตรงข้าม ก็กล่าวทักทายกับนายพลทั้งสอง
“สวัสดีครับ”
การแสดงออกของเขาไร้ซึ่งความตื่นเต้นใดๆ นั่นเพราะในชีวิตก่อนหน้า ฉินเฟิงเคยพบเจอกับระดับนายพลมามากมายจนเอียนแล้ว!
แม้ว่าในปัจจุบัน จะมีการรวมกลุ่มที่เรียกกันว่าพันธมิตรมนุษย์ขึ้นก็ตามที แต่เนื่องจากมีพื้นที่อาศัยไม่ติดต่อกัน ดังนั้นในแต่ละภาคส่วนจึงมีผู้นำและตำแหน่งนายพลเป็นของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม ยศนายพลจะมีความสัมพันธ์กับกองทัพ
ตัวอย่างเช่นในสถานที่ชุมชนทางตอนเหนือ จะมีอยู่ทั้งสิ้นสามเหล่าทัพ
หนึ่งคือกองทหารรักษาการษ์ทางตอนเหนือ มีหน้าที่รับผิดชอบบ้านเกิดเมืองนอน , อีกหนึ่งคือกองทหารเสือไฟ มีหน้าที่ให้การสนับสนุนและลาดตระเวนรอบนอก , สุดท้ายเป็นกองทหารทุ่งล่าที่เปรียบดั่งเป็นหัวมังกรของทั้งสอง
กองทหารทุ่งล่าก็เปรียบดั่งชื่อของพวกเขา มีหน้าที่เบิกทางพื้นที่ตกสำรวจและตำแหน่งที่อยู่ห่างไกลออกไป ในหลายปีที่ผ่านมา ทุกๆครั้ง พวกเขาจะกลับมาพร้อมกับวัตถุดิบ และผลิตภัณฑ์ทดลองจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกัน ก็เป็นหน่วยที่มีอัตราการตายสูงที่สุดเช่นเดียวกัน ในเกือบๆทุกภารกิจ มีโอกาสตายมากถึง 30 %
นอกจากนี้ ทั้งสามเหล่าทัพ จะมีเลเวลสูงสุดอยู่ที่ E เท่านั้น ผู้บัญชากการสูงสุดจึงเป็นนายพลระดับ E ด้วยเช่นกัน
สำหรับฉินเฟิง ผู้ซึ่งในชีวิตก่อนหน้า ไปเหยียบถึงเลเวล A มาแล้ว นายพลพวกนี้ก็แค่คนธรรมดาๆเท่านั้น
หากในชีวิตก่อนหน้า ฉินเฟิงปรารถนาที่จะเป็นนายพล เขาก็สามารถไปยังเมืองใหญ่ และขอรับยศแต่งตั้งได้เลยโดยตรง
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเยือกเย็นของฉินเฟิง หวังเฉิงก็ยิ่งชื่นชื่นชมเขามากขึ้น
“เจ้าหนู เธอนี่มันไม่เลวเลย ต้องการที่จะเข้าร่วมกับกองทหารเสือไฟของพวกเราไหม?”
“เพ้ย! มาเข้าร่วมกับกองทหารรักษาการของเราจะดีกว่า พวกเราน่ะมีหน้าที่ในการปกป้องชุมชน!” ฮั่นเจียนไม่น้อยหน้า เขาต้องการที่จะรับเอาฉินเฟิงมาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาตน
แต่น่าเสียดาย ที่ฉินเฟิงไม่คิดจะอยู่ที่นี่
“ขอบคุณสำหรับน้ำใจของท่านนายพลทั้งสอง แต่ผมไม่ได้คิดจะอยู่ที่นี่!”
สองนายพลไม่คาดคิดเลยว่าฉินเฟิงจะปฏิเสธอย่างกระทันหัน ในเวลานี้ สีหน้าของพวกเขาเริ่มแสดงออกถึงความไม่พอใจ
ต้องทราบนะว่าพวกเขามารอที่นี่โดยเฉพาะ เพื่อแสดงออกถึงไมตรีที่ดีแก่ผู้ที่มีคุณสมบัติมากพอ นอกจากนี้ พวกเขายังมาปรากฏกายขึ้นเพื่อออกมาแสดงตัวให้ผู้คนพบเห็น จะได้รู้สึกใกล้ชิดและชื่นชม
แต่ใครจะรู้ ว่าฉินเฟิงกลับไม่รักษาหน้าของพวกเขาซะงั้น
“ฉินเฟิง เธอลองคิดเรื่องนี้ดูดีๆอีกครั้งเถอะ โอกาสแบบนี้ไม่ง่ายที่จะได้รับ ท่านนายพลถึงกับมาชักชวนเธอเป็นการส่วนตัวเลยนะ!” หลี่เหวินขยิบตาส่งสัญญาณให้ฉินเฟิง
ฉินเฟิงคิดอยู่พักหนึ่ง ว่ามันต้องใช้เวลาสักพักเลย กว่าเขาจะเติบโตไปถึง เลเวล E ดังนั้นหากเขาล่วงเกินสองนายพลในเวลานี้ ภายภาคหน้าตนคงจะลำบาก
อย่างไรก็ตาม เขาก็มีหนทางของตัวเอง
“อันที่จริง ที่ผมปฏิเสธไป นั่นเพราะผมกำลังจะไปเข้าเรียนในสถาบันระดับสูงในเร็วๆนี้ ดังนั้นผมเลยไม่สามารถเข้าร่วมกับทางกองทัพได้ โปรดช่วยรอผมอีกสัก 3 ปี ด้วยเถอะ!”
ฮั่นเจียนกับหวังเฉิงพอได้ฟังคำอธิบายของฉินเฟิง สีหน้าของพวกเขาก็ดูดีขึ้นมาก
ฮันเจียนยิ้ม บ่นอุบ “ตาแก่เติ้งนี่มักจะเป็นที่ชื่นชอบของพวกเด็กๆเสมอเลยสินะ ฉันไม่รู้หรอกว่าเขามียาดีอะไร พวกเด็กๆถึงอยากไปสถาบันระดับสูงกันนัก!”
ตาแก่เติ้งที่เขาพูดถึง คือผู้อำนวยการของสถาบันระดับสูง และเขาก็เป็นคนที่หนึ่งในคนที่มี เลเวล E เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีสถานะที่สูงมากในชุมชนทางเหนือ
ท้ายที่สุดแล้ว ประชาชนส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยออกจากสถานที่ชุมชนทางเหนือ ดังนั้นในฐานะผู้อำนวยการของสถาบันระดับสูงเพียงแห่งเดียว ชื่อเสียงของเขาจึงโด่งดังจนยากจะจินตนาการได้
พวกนักวิชาการ มักจะมีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองเสมอๆ
ฉินเฟิงมองไปยังความไม่พอใจที่ค่อยเลือนหายไป เขาจึงก้าวไปข้างหน้าเพื่อบอกลา ขณะเดียวกันก็ลากเสี่ยวจิงเข้ามา
“นี่คือเพื่อนร่วมชั้นของผม ตอนนี้เธอสามารถปลุกพลังวรยุทธโบราณให้ตื่นขึ้นมาได้แล้ว หวังว่าพวกคุณจะให้เธอเข้าร่วมกับทางกองทัพ!”
“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว สาวน้อย เธออยากจะเข้าร่วมกับเหล่าไหนล่ะ?”
เสี่ยวจิงมองฉินเฟิงด้วยความสำนึกคุณอย่างสุดซึ้ง ก่อนจะหันไปมองหลี่เหวินและกล่าว “หนูอยากเข้าร่วมกองทหารรักษาการณ์!”
“ตกลง ไม่มีปัญหา พวกเรารับเธอ!” ฮั่นเจียนพยักหน้า ส่วนหวังเฉิงก็ไม่คิดแย่งชิง เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาไม่เห็นถึงความแข็งแกร่งของเสี่ยวจิงแต่อย่างใด ตนเลยไม่มีความสนใจต่อทหารหญิงคนนี้
ทว่าในอีกไม่กี่ปีต่อมา เขาจะต้องเกิดความรู้สึกเสียใจ กับความใจกว้างของตัวเองในครั้งนี้!
…
“รบกวนช่วยขับรถไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าด้วย!”
“มิสเตอร์ฉิน นี่อย่าบอกนะว่าคุณตั้งใจจะส่งเนื้อพวกนี้ไปให้พวกเด็กกำพร้ากิน?” คนขับรู้สึกประหลาดใจ
“อ่า ใช่แล้ว”
“มิสเตอร์ฉิน คุณนี่เป็นคนดีจริงๆ!”
“ผมเองก็เป็นเด็กกำพร้า ดังนั้นนี่ก็เหมือนกับเป็นการตอบแทนสถานที่พักอาศัย”
“ฉินเฟิงไม่อาจรับคำชมสองคำ ‘คนดี’ ได้เลยจริงๆ เพราะก่อนหน้าที่จะเข้าร่วมการสังหารสัตว์ร้าย เขาก็เพิ่งสังหารมนุษย์ไปถึง 4 คน”
ฝนที่ตกหนักในวันนี้เริ่มซาลงไปเยอะ นี่คือช่วงเวลาเย็น ท้องฟ้าคล้ายถูกชำระล้าง แม้จะมีแสงอาทิตย์ส่อง แต่มันก็ไม่ร้อนแล้ว
อากาศชื้นๆ ปลอดโปร่งสดชื่น แสงอาทิตย์ก็ทอความอบอุ่น แม้แต่สถานเลี้ยงเด็กอันแออัดก็ยังมีแสงแดดส่องมาถึง
เด็กๆกำลังวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน เมื่อเห็นว่ามีรถทหารขับเข้ามากใกล้ พวกเขาก็เริ่มชะเง้อมองด้วยสายตาไร้เดียงสา
“มาเถอะมิสเตอร์ฉิน ผมจะช่วยคุณขนของเอง!” คนขับพูดอย่างกระตือรือร้น
“ขอบคุณมากครับ”
“ด้วยความยินดี คุณอย่าสุภาพไปเลย”
ตัวของหนูยักษ์กินพืชระดับนายพลนั้นมีขนาดไม่เล็ก แม้จะชำแหละพวกเล็บ , ฟัน , กระดูก , ขน ไปแล้วก็ตาม หากแต่เนื้อของมันก็ยังมีขนาดไม่ด้อยไปกว่าหมูที่โตเต็มวัยเลย
ทว่าเมื่อมันอยู่ในมือของฉินเฟิงกับทหารที่ขับรถมาส่งแล้ว ชิ้นเนื้อที่สมควรจะหนักอึ้ง กลับหนักเพียงนิดหน่อยเท่านั้น
“เอาล่ะ มิสเตอร์ฉิน ผมคงต้องขอตัวก่อน!”
“ขอบคุณ และขอโทษที่รบกวนคุณนะ!”
เมื่อเด็กน้อยเห็นรถขับจากไป พวกเขาก็เริ่มเข้ามามุงดู
“พี่ชาย พี่เป็นคนเอาของพวกนี้มาให้เรางั้นหรอ?”
“พี่ชาย มีอะไรอยู่ข้างในนั้นหรอ?”
“พี่ชาย ใช่ของกินรึเปล่า พวกเรากินมันได้ไหม?”
เด็กๆไร้เดียงสาเกินไป พวกเขามองมันอย่างอยากรู้อยากเห็น แต่เนื่องจากได้รับการสั่งสอนที่ดี พวกเขาจึงไม่คิดเข้าไปรื้อค้นใดๆ ทว่าก็ยังไม่อาจระงับความรู้สึกหิวโหยได้อยู่ดี
“เดี๋ยวพวกเธอก็จะรู้เองว่าในถุงนี่คืออะไรในตอนกลางคืน อ้อ แล้วก็อย่าเข้ามาใกล้ฉันด้วย ตอนนี้ฉันสกปรกมากเลย!”
เขาเพิ่งกลับมาจากแนวหน้า แม้ฉินเฟิงจะสวมใส่ชุดต่อสู้ T3 แต่หัวของเขาก็ชุ่มไปด้วยน้ำฝน ตามร่างกายของเขาก็สกปรกไปหมด
ฉินเฟิงคว้าถุงเก้าใบ จากนั้นก็ใช้ความพยายามเล็กน้อย ลากพวกมันเข้าไปในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ลงทะเบียนนิดหน่อย ก็ตรงเข้าไปในคลังสินค้าแช่แข็ง
ผู้อำนวยการไม่ได้อยู่ที่นี่ในวันนี้ ดังนั้นฉินเฟิงจึงทิ้งพวกมันไว้โดยไม่บอกเขา
ไม่นาน หลินเต๋อหรงก็กลับมาหลังจากที่ฉินเฟิงจากไป
เขาถอนหายใจยาว และมองไปยังอาคารที่ทรุดโทรม บังเกิดความเศร้าอย่างไม่อาจอธิบายได้
เด็กกำพร้ากลุ่มเก่าได้ออกไปแล้ว และตอนนี้กลุ่มใหม่ก็ได้มาถึง กองทุนสงเคราะห์จากทางรัฐสามารถช่วยรับประกันได้ว่าเด็กกำพร้าเหล่านี้จะไม่อดตายเท่านั้น แต่หากกล่าวถึงในเรื่องของโภชนาการที่ครบถ้วน มันเป็นไปไม่ได้
“ผู้อำนวยการ มีเนื้อด้วยล่ะ! มีคนเอาเนื้อมาให้!” หนึ่งในอาจารย์กล่าวด้วยความตื่นเต้น
พอได้ยิน หัวใจของหลินเต๋อหรงก็สั่นสะท้าน สติของเขากลายเป็นแจ่มใส
“มีคนมาบริจาคเสบียงอย่างงั้นหรอ? แถมยังเป็นเนื้อซะด้วย เขาบริจาคให้เท่าไหร่กัน?”
อาจารย์รีบตอบ “ 1000 จิน!”
ปากของหลินเต๋อหรงราวกับอมมะระขม เขาแทบจะหุบยิ้มเอาไว้ไม่ได้
“ยอด ยอดไปเลย ขอบคุณสวรรค์ที่ยังมีคนใจดีอยู่ เราจะต้องรีบไปขอบคุณเขาซะแล้ว และบันทึกชื่อของเขาเอาไว้ด้วย เมื่อใดที่สถานเด็กกำพร้าความเป็นอยู่ดีขึ้น จะได้ตอบแทนน้ำใจของเขา”
Ch.29 – บริจาคเนื้อสัตว์
Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.29 – บริจาคเนื้อสัตว์
ทว่าดีใจได้พักเดียว หลินเต๋อหรงก็ต้องกลับมาเศร้าสลด เพราะแม้จะมีเนื้อมากกว่า 1000 จิน แต่สำหรับเด็กกำพร้า มันก็ไม่ต่างอะไรจากหยดน้ำที่ตกลงในถังใหญ่ ตามปกติ อาหารดีๆแบบนี้จะไม่สามารถกินจนหมดในครั้งเดียวได้ แต่จะต้องเหลือเก็บเผื่อไว้กินในอีกหลายๆมื้อ ซึ่งหลังจากแบ่งเก็บแล้ว คุณค่าทางอาหารของมันก็จะลดลง โภชนาไม่แตกต่างไปจากการกัดเนื้อชิ้นโตเพียงคำเดียวเท่านั้น
“ผู้อำนวยการ ผมยังพูดไม่จบเลย เนื้อพวกนี้ไม่ใช่เนื้อธรรมดา แต่มันเป็นเนื้อสัตว์ร้ายระดับนายพล!”
“ว่าไงนะ!?”
หลินเต๋อหรงอ้าปากค้าง!
สำหรับเนื้อสัตว์ร้ายธรรมดา ราคาในตลาดก็สูงมากกว่า 100 เหรียญเข้าไปแล้ว แต่หากเป็นเนื้อของสัตว์ร้ายระดับนายพล ราคาก็จะเพิ่มสูงขึ้นไปกว่า 3 เท่า
ในกรณีนี้ กล่าวได้อีกนัยนึงก็คือ มีคนบริจาคเงินกว่า 300000 เหรียญให้แก่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในคราวเดียว!
ซึ่งนั่นไม่ใช่จำนวนน้อยๆ
“เอาล่ะ เข้าใจแล้ว ช่วยส่งข้อมูลติดต่อผู้ใจบุญให้กับฉันที ฉันต้องการจะเอ่ยขอบคุณเขาด้วยตัวเอง!”
“ผู้อำนวยการ คนที่บริจาคไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่เป็นฉินเฟิง!”
ในฐานะที่เป็นนักเรียนคนหนึ่ง ที่เพิ่งออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไป อาจารย์เลยย่อมสามารถจดจำเขาได้เป็นธรรมดา แม้จะไม่อยากเชื่อในตอนแรกก็ตาม
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินเต๋อหรงกลับดูไม่ดีใจเลย แต่แสดงออกถึงความกังวลขึ้นมาแทน
ที่แท้ คนๆนั้นก็คือเจ้าหนูฉินเฟิง
ฉินเฟิงเป็นหนึ่งในเด็กที่ฉลาดที่สุดที่เขาเคยสอน แน่นอน ว่าฉินเฟิงเองก็มิใช่อ่อนแอ หากแต่หลินเต๋อหรงยังคงสงสัย ว่าฉินเฟิงสามารถนำเนื้อมากมายขนาดนี้มาได้อย่างไร เพราะนี่มันไม่ใช่จำนวนน้อยๆ หากแลกเปลี่ยนเป็นเงิน มันคือจำนวนมหาศาล
“รอก่อนนะ อย่าเพิ่งทำอะไรกับเนื้อ ฉันขอติดต่อฉินเฟิงก่อน!”
แล้วหลินเต๋อหรงก็หยิบอุปกรณ์สื่อสารขึ้นมา โทรหาฉินเฟิง
…
ฉินเฟิงเพิ่งจะเช็กอิน กลับมาเข้าพักในโรงแรม เขาล้างเนื้อล้างตัวเล็กน้อย ลงไปนอนแช่ในอ่าง สัมผัสถึงความอุ่นสบายของน้ำ
แต่จู่ๆอุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิงก็ดังขึ้น เขาเอื้อมมือไปกดเชื่อมต่อ ตอบรับการคุยสายในรูปแบบวิดีโอโดยตรง หลินเต๋อหรงเมื่อเห็นสภาพแวดล้อมอันหรูหราเบื้องหลังฉินเฟิง เขาก็ตกใจ
“ฉินเฟิง!”
“สวัสดีครับผู้อำนวยการ!” ฉินเฟิงทักทายอย่างผ่อนคลาย บ่งบอกถึงความใกล้ชิดเป็นกันเอง
“ใช่ นี่ฉันเอง ฉันเพิ่งจะกลับมา และได้ยินว่าเป็นเธอที่บริจาคเนื้อนายพลสัตว์ร้ายให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอไปเอาพวกมันมาจากที่ไหนกันตั้งมากมาย อย่าบอกนะว่าเธอกลายเป็น ‘คนเก็บซาก’ ไปแล้ว?”
“คนเก็บซากที่เอ่ยโดยหลินเต๋อหรง ความหมายของมันก็คือ คนที่ไม่แข็งแกร่ง แต่มีความสามารถหลบหนีสัตว์ร้ายในทุ่งล่าได้ เป็นตัวล่อชั้นดี พวกเขามักจะเข้าร่วมกับทีมที่ทรงพลัง และหลังจากเสร็จงานแล้ว ก็จะได้รับวัตถุดิบ , เนื้อ หรือกระดูกบางส่วน เล็กๆน้อยๆ จากสินสงคราม”
หรือในอีกรูปแบบนึง ก็คือพวกที่ออกตามหาศพของผู้ใช้พลังพิเศษ แล้วขโมยสิ่งของล้ำค่าจากศพของผู้อื่น
แน่นอน ว่าหากเลือกทำอาชีพนี้ แล้วบังเอิญโชคร้ายขึ้นมา ก็อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
ในหัวใจของฉินเฟิงบังเกิดความอบอุ่น เขาเร่งกล่าวทันที “ผู้อำนวยการ คุณไม่ต้องกังวลไป ผมไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นหรอก!”
แล้วฉินเฟิงก็อธิบายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องราวของพื้นที่เพาะปลูกทางตอนเหนือในวันนี้ ว่ามีคลื่นกองทัพหนูยักษ์บุกเข้ามา เหตุการณ์ดังกล่าวมิใช่ความลับแต่อย่างใด หากต้องการตรวจสอบ ก็สามารถหาได้จากประกาศทั่วไป
“ผมสามารถปลุกพลังวรยุทธโบราณขึ้นมาได้แล้ว คุณก็รู้นี่ว่าในคลาสต่อสู้ ผลงานของผมยอดเยี่ยมขนาดไหน แถมความแข็งแกร่งของผมก็ไม่ได้อ่อนแอเลยในตอนนี้ ผมสามารถสังหารหนูยักษ์กินพืชหลายร้อยตัวลงได้ เลยได้รับเงินมามากมาย ส่วนเนื้อสัตว์ร้ายระดับนายพลนั่นผมไม่ได้ขาย แต่เลือกนำกลับมาบริจาคแทน!”
“ยอดเยี่ยม นั่นมันฟังดูเยี่ยมไปเลย!” หลินเต๋อหรงพยักหน้าหงึกๆ เขาดูมีความสุขมาก “ฉินเฟิง! เธอต้องสัญญากับฉันนะ ว่าถ้าเธอมีโอกาส อย่าลืมกลับมาหากันบ้าง อ้อ แล้วของฝากพวกนี้น่ะไม่จำเป็นหรอก ขอแค่มาหากันก็พอแล้ว!”
ฉินเฟิงยิ้มและกล่าว “ผู้อำนวยการ ถ้าคุณลำบากหรือว่ามีปัญหาอะไร สามารถเปิดอกพูดกับผมได้ตรงๆเลยนะครับ นอกจากนี้ อย่าผสมเนื้อนายพลสัตว์ร้ายกับอย่างอื่น หรือแบ่งเก็บไว้กินหลายวัน ให้พวกเด็กๆกินมันตรงๆเลยดีกว่า ถ้าเหลือก็นำไปตากแห้งและแจกจ่ายออกไป ทำแบบนั้นมันจะดีกว่า แล้วเอาไว้เมื่อไหร่ที่ผมกลับจากการต่อสู้ ผมจะเอาพวกมันมาฝากอีก!”
“เข้าใจ เข้าใจแล้ว! ขอบคุณจริงๆนะเจ้าลูกชาย!”
“ผู้อำนวยการ อย่าเกรงใจกันเลย เอาไว้เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะไปพบคุณเอง!”
ฉินเฟิงกล่าวด้วยความหมายอันลึกล้ำในสายตา เพราะวันพรุ่งนี้ จากช่วงชีวิตก่อนหน้าของฉินเฟิง มันคือวันที่หลินเต๋อหรงถูกฆ่าตาย!
“โอเค ฉันจะรอเธอ ฉันเองก็อยากจะเห็นเหมือนกัน ว่าเจ้าหนูฉินเฟิงในตอนนี้ แข็งแกร่งขนาดไหน!” หลินเต๋อหรงหัวเราะ
สนทนากันอีกไม่กี่คำ ก็วางสายไป
ซ่า—
ฉินเฟิงผุดลุกขึ้น กระจกที่เกาะไปด้วยไอน้ำ สะท้อนกับร่างกายของเขา
ในเวลาเพียงครึ่งเดือน ร่างกายของฉินเฟิงมิบอบบาง ผอมแห้งอีกต่อไป ตรงกันข้าม มันเปี่ยมไปด้วยพลัง นอกจากนี้ ร่างกายและมวลกระดูกของเขายังเติบโตขึ้นเป็นอย่างดี ส่งผลให้ตอนนี้เขาน่าจะสูงสักราวๆ 175 ซม. แล้ว!
สวมใส่ชุดคลุมอาบน้ำ ฉินเฟิงก็เริ่มขัดสีฉวีวันให้แก่เสี่ยวไป๋
เสี่ยวไป๋รักสะอาดเป็นอย่างมาก มันชอบที่จะให้คนมาขัดๆถูๆแชมพูจนเกิดฟอง นอนรับการปรนนิบัติจากฉินเฟิง
แน่นอน ว่าในฐานะที่มันเป็นพระเอกของงาน ที่ช่วยให้สามารถไล่ตามราชันย์หนูในครั้งนี้ได้ ฉินเฟิงจึงบริการมันเป็นอย่างดี
หลังจากต่อสู้มาหลายวัน แม้จะเป็นฉินเฟิง แต่เขาก็ยังรู้สึกล้า ตอนนี้จึงเป็นช่วงเวลาผ่อนคลาย แถมยังปลอดภัย ฉินเฟิงเลยผล็อยหลับไปอย่างวางใจ
ทว่าเสี่ยวไป๋มิได้หลับด้วย เมื่อมันเห็นว่าฉินเฟิงหลับไปแล้ว แก่นพลังงานขนาดเท่ากำปั้นก็ปรากฏขึ้นต่อหน้ามัน
-เป็นแก่นพลังงานของราชันย์หนู
“แผล่บ แผล่บ แผล่บ”
เสี่ยวไป๋เริ่มลามเลีย แก่นพลังงานค่อยๆเล็กลงเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าแก่นพลังงานมีขนาดพอๆกับเจ้าจิ้งจอก เปี่ยมไปด้วยอำนาจมากพอที่จะระเบิดทั้งตัวของเสี่ยวไป๋ได้เลย แต่มันกลับถูกกินไปในชั่วพริบตา โดยที่ร่างกายของเสี่ยวไป่กลับไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ ไม่นานมันก็ผล็อยหลับไป
…
วันถัดมา ฉินเฟิงสวมชุดสีขาว และกางเกงยีนส์ธรรมดาๆ มุ่งหน้ากลับไปยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
เสี่ยวไป๋ที่สลบไสล แน่นอนว่าถูกยัดเอาไว้ในกระเป๋าสะพายของเขา เนื่องจากเขาไม่วางใจที่จะให้เสี่ยวไป๋อยู่ในโรงแรมเพียงลำพัง เพราะมันอาจถูกลักพาตัวไปได้ในพริบตา
ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เพียงแค่เดินเข้าไปหน้าประตู ฉินเฟิงก็ได้กลิ่นหอมโชยมาแตะจมูก เด็กๆที่เล่นอยู่ข้างนอกหายไปหมด ทุกคนไปรวมกันอยู่ในโรงอาหาร น้ำหูน้ำลายต่างไหลออกมา
กระทั่งวัยรุ่นบางคนที่โตแล้ว ก็ยังรู้สึกตื่นเต้นในวันนี้
“ฉินเฟิง เธออยู่นี่เอง มาลองชิมมันดูสิ” หลินเต๋อหรงกล่าวด้วยความสุข เขาดึงแขนฉินเฟิงไปอย่างรวดเร็ว
ณ เวลานี้ ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า คนหนุ่มสาวจำนวนมากกำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมงาน หลินเต๋อหรงยอมรับฟัง ทำตามคำแนะนำของฉินเฟิง ไม่ลดคุณภาพของเนื้อลง ย่างมันทั้งชิ้น จนส่งกลิ่นหอมโชยตลบอบอวลไปทั่ว
“รสดีไม่เลว!” ฉินเฟิงลองชิมมัน เขาพบว่ารสชาติไม่ได้แย่เลย แต่ก็แน่ล่ะ ก็นี่มันเนื้อของนายพลสัตว์ร้ายนี่นา มันจะรสแย่ได้ยังไงกัน
“ฉินเฟิง วันนี้เธอรับหน้าที่แจกจ่ายมันก็แล้วกันนะ!” หลินเต๋อหรงวางถาดเนื้อย่างลงในมือของฉินเฟิง จากนั้นก็หันไปสั่นกระดิ่ง เพื่อให้บรรดาเด็กกำพร้าเริ่มเข้ามาต่อแถว
“ในวันนี้ พี่ชายของพวกเธอทุกคน -ฉินเฟิง ได้นำของขวัญมาให้ ขอพวกเธอจงจดจำใบหน้าของพี่ชายฉินเฟิงเอาไว้ให้ดี ว่าสักวันหนึ่ง เขาจะกลายเป็นฮีโร่ที่ยิ่งใหญ่ของโลกใบนี้! เข้าใจกันไหม”
คำกล่าวของหลินเต๋อหรงช่างเปี่ยมไปด้วยความรัก
“เข้าใจครับ/ค่ะ!” ตอบรับ ร้องตะโกนสนับสนุน
แม้จะมีเด็กที่โตแล้วบางส่วนไม่เชื่อว่าในอนาคตฉินเฟิงจะเป็นฮีโร่ แต่ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าฉินเฟิงในปัจจุบัน เปรียบดั่งตัวตนที่ให้ก่อให้เกิดทั้งความคาดหวังและความอิจฉาแก่เหล่าเด็กกำพร้า
ฉินเฟิงเริ่มแจกจ่ายอาหาร หลังจากกินกันแล้ว เขาก็พากลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาวไปเข้าคลาสต่อสู้ พริบตาเดียวเวลาก็ล่วงเลยไปถึงเที่ยง
“ผู้อำนวยการ ในช่วงบ่ายนี้คุณจะไปพื้นที่เพาะปลูกใช่ไหม?” ฉินเฟิงถาม
ถ้าฉินเฟิงจำไม่ผิด ในทุกวันนี้ของเดือน หลินเต๋อหรงจะไปยังยุ้งฉางของพื้นที่เพาะปลูก
เนื่องจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเป็นองกรค์อย่างเป็นทางการของชุมชนทางตอนเหนือ มันจึงมีการจัดสรรข้าวสารให้ทุกเดือน แม้จะเล็กน้อย แต่มันก็ช่วยลดต้นทุนที่ต้องเสียไปได้
“ใช่แล้วล่ะ”
“งั้นก็ดีเลย ผมจะไปกับคุณด้วย!”
“จะไปมันก็ได้อยู่หรอก แต่เสียเวลาไปกับอะไรแบบนี้มันจะดีหรอ?!”
หลินเต๋อหรงรู้ดี ว่าปัจจุบันฉินเฟิงไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป เขาสามารถปลุกพลังวรยุทธโบราณให้ตื่นขึ้นมาได้แล้ว ดังนั้นสมควรที่จะมุ่งอยู่กับการฝึกฝน แทนที่จะมามัวเสียเวลากับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
อีกอย่าง ตอนนี้ฉินเฟิงเองก็ได้ช่วยเหลือทุกคนมามากพอแล้ว
Ch.30 – หลุยเหมิงจะต้องตาย
Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.30 – หลุยเหมิงจะต้องตาย
ถนนเบื้องหน้าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าค่อนข้างคับแคบ สภาพแวดล้อมโดยรอบก็สกปรก หนึ่งคนหนุ่ม หนึ่งคนแก่เหยียบย่ำไปตามเส้นทางที่เต็มไปด้วยโคลน เนื่องจากฝนตก ทว่าก็ยังดูไม่มีอันตรายใดๆ
แต่หลังจากเดินไปได้สักพัก ร่างกายของฉินเฟิงก็เริ่มตื่นตัว
เขารู้สึกได้ถึงความไม่สบายใจที่กำลังก่อตัวขึ้นในอากาศ
ขณะนี้ บรรยากาศโดยรอบเริ่มถูกเติมเต็มไปด้วยเจตนาร้าย
เบื้องหน้าเขา ปรากฏกลุ่มวัยรุ่นสี่คนกำลังเดินสวนเข้ามา อายุราวๆ 24 – 25 ปี ตัวสูง มีรอยสักเต็มร่างกายดูน่าหวาดกลัว ทั้งสี่แยกกันเดินเบี่ยงซ้าย เบี่ยงขวาทำทีคล้ายจะหลบ แต่ที่จริงแล้วกำลังคิดประกบปิดล้อมต่างหาก
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีเสียงรองเท้าอีกคู่ ดังตามมาจากด้านหลังอีกด้วย
ถึงจังหวะนี้ หลินเต๋อหรงเองก็คล้ายกับเข้าใจสถานการณ์ เขาหยุดฝีเท้า ใบหน้ายิ้มแย้มใจดีเริ่มจะหมองลง แต่ยังไม่ถึงขั้นเผยถึงความโกรธ
“ฮี่ฮี่ ตาแก่เอ๋ย พอดีว่าช่วงนี้ลูกชายสุดที่รักอย่างฉันกำลังช็อต ฉะนั้น แกจงเอาเงินมาให้พวกเราซะดีๆ!”
วัยรุ่นหนุ่มที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าก้าวออกมา ผุดรอยยิ้มที่เผยให้เห็นฟันเหลืองๆครึ่งหนึ่ง ในมือควงมีดพับสะบัดไปมา
ในดวงตาของฉินเฟิง บัดนี้ฟุ้งไปด้วยกลิ่นอายสังหาร นั่นเพราะคนตรงหน้าเขา
-เป็นหลุยเหมิง!
คนๆนี้ ก่อนที่ฉินเฟิงจะกลับมาเกิดใหม่ มันคือคนที่สังหารหลินเต๋อหรง แถมในเวลาต่อมา ยังกลายเป็นอาชญากรระดับ S ที่ผู้คนต้องการตัวมากที่สุด
การที่ฉินเฟิงมากับหลินเต๋อหรงในวันนี้ นั่นเพราะเขากลัวว่าสถานการณ์ดั่งในอดีตจะย้อนรอยเดิม!
อย่างไรก็ตาม ใครจะไปคิด ว่าแม้ฉินเฟิงจะไปชิงตัดหน้ารับเอาทักษะลับกลืนดารามาก่อนแล้ว แต่หลุยเหมิงก็ยังเลือกที่จะออกมาปล้นหลินเต๋อหรง บางครั้ง โชคชะตาก็เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์จริงๆ
“พ่อหนุ่ม เกรงว่าคนแก่อย่างฉันคงไม่มีเงินมากพอที่จะให้เธอหรอก!” หลินเต๋อหรงกล่าวอย่างสงบ ขณะเดียวกันก็ปฏิเสธออย่างไม่ลังเล
ในฐานะผู้อำนวยการของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาแก่เกินกว่าที่จะต่อสู้ได้อีกต่อไปแล้ว ดังนั้น เขาจึงเกษียนตนเองจากแนวหน้า และหันมาทำหน้าที่บริหารแทน
อย่างไรก็ตาม ช่วงตลอดชีวิตของหลินเต๋อหรง เขาฟันฝ่าประสบการณ์อันขมขื่นมามากยิ่งกว่าหลุยเหมิงอย่างเทียบไม่ติด ดังนั้น เขาจะไปหวาดกลัวกับการถูกข่มขู่คุกคามเพียงไม่กี่ประโยคได้อย่างไร?
“หยิบยื่นหนทางสบายให้แต่ไม่คิดรับ อยากเจอความลำบากนักใช่ไหม? อย่าคิดนะ ว่าฉันไม่รู้ เมื่อครึ่งเดือนก่อน มีใครบางคนบริจาคเงินให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของแกตั้ง 1 ล้าน! จงเอาเงินนั่นมาให้ฉันซะ!” หลุยเหมิงกล่าวอย่างดุร้าย
แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องจริง
ครึ่งเดือนก่อน มีนักธุรกิจร่ำรวยคนหนึ่ง ได้มอบเงินบริจาคให้แก่หลินเต๋อหรงเป็นจำนวน 1 ล้าน
และ 1 ล้านที่ว่านี้ หลินเต๋อหรงก็น้อมรับจากอีกฝ่ายมาแต่โดยดี
นั่นเพราะเขาจำเป็นต้องนำมันไปซื้อยาปฏิชีวนะให้แก่เด็กๆบางคน -ปัจจุบันรอยแยกมิติมักจะปรากฏขึ้นบ่อยครั้ง พวกเด็กอายุน้อยๆจึงมีแนวโน้มที่จะตกตายจากอาการเจ็บป่วยบางอย่างที่มากับรอยแยกมิติได้
และยาปฏิชีวนะในปัจจุบบัน มันมีราคาที่แพงมาก เพียงหนึ่งหลอดก็มากกว่า 5000 เหรียญเข้าไปแล้ว ดังนั้นเงินเพียง 1 ล้านจึงสามารถซื้อยาปฏิชีวนะให้เด็กๆได้แค่ 200 คนเท่านั้น แต่เดชะบุญ ที่หลินเต๋อหรงเป็นคนของทางการ ดังนั้นเขาเลยสามารถซื้อมันได้ในราคาครึ่งหนึ่ง เลยมากพอที่จะแจกจ่ายให้แก่เด็กๆ 400 คน
ดังนั้น ในตอนนี้ เงิน 1 ล้านที่ว่าจึงไม่มีหลงเหลืออยู่ในมือของหลินเต่อหรงอีกต่อไป!
สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าน่ะเปรียบดั่งหุบเหวที่ไร้ก้นบึ้ง ได้รับเงินหรือของบริจาคมาเท่าใด สุดท้ายก็จมหายลงสู่เบื้องล่างอยู่ดี แม้ว่ามันจะเป็นหนึ่งในสถานที่ๆถูกประกาศว่าเป็นองค์กรของทางการ หากแต่เจ้าหน้าที่จำนวนมาก ต่างก็รู้กันดีว่านั่นไม่ใช่สถานที่ๆพวกเขาอยากจะไป
อย่างไรก็ตาม หากไม่มีสถานเลี้ยงรับเลี้ยงเด็กกำพร้า นั่นย่อมไม่เป็นผลดีต่อชุมชนอย่างแน่นอน
“เงินนั่นได้ถูกใช้ไปจนหมดแล้ว แต่ถึงต่อให้มีเหลือ เธอคิดหรือว่าฉันจะพกมันติดตัวมาด้วย?” หลินเต๋อหรงยิ้มเย็น ตามร่างกายของเขาเริ่มเขม็งเกร็ง เตรียมพร้อมปะทะตลอดเวลา
ย้อนกลับมาอธิบายทางด้านหลุยเหมิงกับคนที่เหลือ ทั้งหมดต่างก็เป็นอันธพาลเหมือนๆกัน และมักจะคอยรีดไถเงินจากคนธรรมดาๆ
โดยปกติแล้ว พวกเขามักจะเลือกปล้นคนธรรมดา ยกเว้นในกรณีที่ว่าอีกฝ่ายเจ็บป่วย หรืออยู่ในสภาพไม่อาจต่อสู้ได้อีกต่อไป มิฉะนั้นพวกเขาย่อมไม่กล้าที่จะเข้าไปปล้น แต่ไม่คาดคิดเลย ว่าหลินเต๋อหรงที่ชราภาพ จะไม่ยอมอ่อนข้อให้อย่างกระทันหัน
บางที อีกฝ่ายอาจจะมีความแข็งแกร่งหลงเหลืออีกนิดหน่อย แต่น่าเสียดาย ที่ในความคิดของพวกเขา หลินเต๋อหรงก็แค่เป็ดที่พยายามดิ้นรนก่อนจะถูกเชือดเท่านั้น
“แกไม่รู้หรอกว่าพวกเราโหดร้ายแค่ไหน ในเมื่อไม่ยอมแพ้ ก็จงแหกตาดูซะ!” หลุยเหมิงเตรียมจ้วงมีดเข้าใส่หลินเต๋อหรงโดยตรง แต่ก็ถูกอีกคนโฉบมาชิงตัดหน้าเขาเสียก่อน
“ลูกพี่! ให้ฉันจัดการมันเอง จะได้สอนบทเรียนให้ตาแก่นี่ ส่วนในวันพรุ่งนี้ฉันจะแวะไปหาแกอีกครั้ง ถ้ายังไม่ยอมมอบเงินให้ ฉันจะฆ่าเด็กๆในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของแกทีละคน ทีละคน!”
พอได้ฟังถึงประโยคนี้ ความโกรธเกรี้ยวก็พุ่งปรี้ดขึ้นมาถึงหัวของหลินเต๋อหรง ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ร่างกายสั่นเทาด้วยความโมโห
“คนแก่อย่างฉัน ตายไปมันก็ไม่เป็นอะไร แต่ถ้าพวกแกกล้าที่จะยุ่งกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าล่ะก็!!!”
“อย่าไม่กลัว จัดการมัน!”
หากพวกเขากล้าที่จะเข้าไปวุ่นวายกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้วมันจะทำไม? สถานที่แบบนั้นน่ะมีแต่พวกอ่อนแอ ถ้ากลุ่มของหลุยเหมิงร่วมมือกัน และยึดครองสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาได้ ก็จะสามารถถลุงเงินบริจาคที่พวกเขาคิดว่ายังคงซุกซ่อนเอาไว้ได้ตามใจชอบ
อีกอย่าง นักธุรกิจร่ำรวยที่มาบริจาคน่ะก็เปรียบดั่งถังข้าวสาร พวกเขาเพียงหาที่โยนเศษเมล็ดข้าวเหลือๆของตนเองเท่านั้น หลังจากนั้น เศษข้าวที่ว่าจะถูกนำไปใช้อย่างไรล้วนไม่ใส่ใจ
แน่นอน ว่าหนทางเดียวที่จะบรรลุแผนดังกล่าว คือการโค่นตาแก่นี่ลงให้ได้ซะก่อน
ผู้ใช้วรยุทธโบราณพรวดเข้ามา จนเกือบจะปะทะ หลินเต๋อหรงก็ตะปบฝ่ามือออกไป
ทว่าฝ่ามือนี้มิได้ใส่กำลังภายในลงไปแต่อย่างใด แต่แน่นอน ว่ามันก็ยังรุนแรงถึงขั้นสามารถส่งคนๆนึงลงไปหมอบกับพื้นได้
หลินเต๋อหรงยกมือขึ้นตามจิตสำนึก ต้องการที่จะหยุดอีกฝ่าย เพราะตัวเขาเองก็เป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณเช่นกัน
เห็นแค่เพียงแขนของเขายังไม่ทันจะยกขึ้น อีกมือหนึ่งที่อยู่ข้างๆก็โฉบเข้าใส่แขนอันธพาลที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“กร๊อบ!”
-เป็นฉินเฟิง เขาเหวี่ยงกำปั้นลงไปทุบเข้าใส่แขนของอันธพาลอย่างไม่ลังเล
“อ๊ากกกก!”
อันธพาลกรีดร้องลั่นในแววตาเผยถึงความไม่อยากจะเชื่อโดยสิ้นเชิง ว่าผลลัพธ์มันจะเป็นแบบนี้
ฉินเฟิงไม่คิดตั้งใจจะปล่อยพวกมันไปเช่นกัน เมื่อพวกมันเลือกที่จะโจมตีแล้ว เขาก็จะสังหารให้ตกตายภายใต้น้ำมือตน!
ทันใดนั้นเอง มือซ้ายก็กดลงบนหน้าท้องของอันธพาลแขนหัก บังเกิดแรงดึงดูดขึ้นอย่างกระทันหัน ทั้งคนทั้งร่างของอันพาลสั่นสะท้านราวกับถูกไฟฟ้าช็อต
กำลังภายในของเขาถูกดูดกลืนมาเข้าสู่ร่างของฉินเฟิง ต่อมา ฝ่ามือจากดึงดูดก็เปลี่ยนผัน กลายเป็นกระแทกในฉับพลัน
เปรี้ยง!
อันธพาลถูกส่งลอยปลิวไปไกลกว่า 2-3 เมตร ม้วนกลิ้งกับพื้น แล้วแน่นิ่งไป
เหตุการณ์ทั้งหมดเมื่อครู่เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา มันรวดเร็วจะคนอื่นๆไม่สามารถหยุด หรือเข้าโจมตีต่อได้!
ฉินเฟิงยกเท้าขึ้น เตะกวาดเข้าใส่อันธพาลอีกคนที่อยู่ขวางทาง ย่ำเท้าออกไป และซัดกำปั้นเข้าใส่หลุยเหมิงที่อยู่กลางกลุ่มอย่างไม่ลังเล
“เอาไปกินซะ!”
หลุยเหมิงเดิมไม่คาดคิดเลย ว่าฉินเฟิงที่ยังดูเป็นวัยรุ่น แต่งกายราวกับคนยากจน แท้จริงแล้วจะเป็นผู้ที่สามารถปลุกพลังวรยุทธโบราณขึ้นมาได้อย่างกระทันหัน ยิ่งไปกว่านั้น กำลังภายในที่อีกฝ่ายครอบครองยังแข็งแกร่งกว่าตนเองซะอีก
เมื่อเห็นฉากที่น้องเล็กของเขาถูกอัดปลิวโดยฉินเฟิงแล้ว ตอนนี้ในหัวใจของหลุยเหมิงจึงระแวดระวังยิ่ง ขับเคลื่อนกำลังภายในของตนเองลงไปในสองมือ เพื่อหยุดยั้งการโจมตีของฉินเฟิง
“จงตายเพื่อฉัน!”
ปรากฏเจตนาร้ายรุนแรง สาดขึ้นในแววตาของเขา
“แกกล้า!” หลินเต๋อหรงคำราม โฉบกายเข้าไปช่วยเหลือ
แต่มันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี เพราะเบื้องหลังหลุยเหมิง อีกสองอันธพาลพุ่งติดตามมา เจตนาชัดว่าหมายจะร่วมลงมือสังหารฉินเฟิง ไม่เปิดโอกาสให้หลินเต๋อหรงสอดมือแต่อย่างใด
“น่าขำจริงๆ งั้นมาดูกัน ว่าวันนี้ใครกันแน่ที่จะตาย! ขอบอกเลยว่าพวกแกคิดผิดแล้ว ที่มาหาเรื่องผู้อำนวยการ!”
“กลืนดารา!”
กำลังภายในมหาศาลระเบิดออกมาจากร่างของฉินเฟิง
ทักษะลับกลืนดาราเริ่มก่อตัว มันผุดออกมา โคจรรอบกายฉินเฟิงดั่งน้ำวน
กระแสน้ำวนนี้ ส่งผลให้ทั้งสามคนที่คิดจะโจมตีฉินเฟิงด้วยมีด หรือกำปั้น ไม่อาจก้าวเข้ามาข้างหน้าได้ นอกจากนี้ ตามแขนขาของพวกมันยังเริ่มบิดเป็นเกลียวอย่างมิอาจควบคุม ขณะเดียวกันก็ไม่อาจสั่งการร่างกายตนเองได้
ปัจจุบันนี้ ความแข็งแกร่งของฉินเฟิง อยู่ในช่วง G5 ในขณะที่พวกสี่อันธพาลน่ะ มันอ่อนแอยิ่งกว่าเขาซะอีก อยู่ในเลเวล G1 G2 เท่านั้น ในกรณีนี้ ย่อมหมายความว่ากำลังภายในของพวกมันอยู่ในระดับต่ำกว่าเช่นกัน อย่างไรก็มิอาจต่อกรกับฉินเฟิง
แทบจะในทันที กำลังภายในของพวกมันก็ถูกดูดเข้าสู่ร่างกายของฉินเฟิงโดยตรง!
“ไปให้พ้นซะ!”
แรงดึงดูดพลันเลือนหาย ตามต่อด้วยแรงผลักระเบิดขึ้นอย่างกระทันหัน กระแทกทั้งสามปลิวออกไปคนละทิศละทาง
ช่วงจังหวะเดียวกันนั้นเอง ฉินเฟิงก็หวดเท้าออกไป เตะเข้าใส่ด้ามมีดที่ลอยคว้านอยู่กลางอากาศ ส่งมันพุ่งเข้าเสียบกลางลำคอของหลุยเหมิงพอดิบพอดี!
คราวนี้ ฉินเฟิงมิได้ระงับเจตนาฆ่าแต่อย่างใด
เพราะหลุยเหมิงจะต้องตาย!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น