ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง 156-159
ตอนที่ 156 ตามมาทีละเรื่อง
ซีลั่วเสียนและเซียวหงอี้มองหน้าถังซีด้วยความตกใจ เอ่ยถามเกือบพร้อมกันว่า “ไม่ใช่เป็นเหตุบังเอิญหรอกหรือ”
“เหตุบังเอิญเหรอคะ” ถังซีหันหน้าไปมองคนทั้งสองพร้อมกับเลิกคิ้ว “จะมีเหตุบังเอิญอะไรมากมายขนาดนั้นคะในโลกนี้ ถ้าหนูเดาไม่ผิดเซียวจิ้นหนิงอาจเป็นหลานสาวแท้ๆ โดยสายเลือดของเถาเยี่ยนและหลินรั่วจื้อด้วยซ้ำ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงรักเธอมาก”
ด้วยสีหน้าที่ยังบ่งบอกอาการช็อค มีร่องรอยความไม่แน่ใจในน้ำเสียงของซีลั่วเสียนขณะถามว่า “นี่หนูพูดเรื่องจริงใช่ไหม”
ถังซีมองหน้าซีลั่วเสียน และยิ้มอย่างเยือกเย็น “จะจริงหรือไม่จริง เดี๋ยวตรวจสอบดูเราก็รู้ค่ะ” จากนั้นเธอก็หันไปหาเซียวหงอี้ ถามเขาว่า “พ่อคุณเรียกตำรวจหรือยังคะ”
เมื่อเธอกระตุ้นเตือน เซียวหงอี้ก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาตำรวจ
เซียวหงลี่กลับไปแล้วตอนที่ทุกคนขึ้นไปชั้นบน ซึ่งมีเซียวส่ากับเซียวจิ่งคอยเฝ้าเซียวจิ้นหนิงและสมาชิกครอบครัวหลินอยู่ในห้องทำงาน เมื่อหลิวเฉิงอวี่ปรากฎตัว เซียวจิ้นหนิงและเถาเยี่ยนก็มีท่าทางราวกับเห็นพระมาโปรด เซียวจิ้นหนิงร้องออกมาเสียงสั่น “พี่เฉิงอวี่…”
ทันทีที่เห็นหลิวเฉิงอวี่ เถาเยี่ยนก็รีบวิ่งเข้าไปหาเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย นางจับมือเขาแล้วกล่าวอย่างอ่อนโยน “เฉิงอวี่ ฟังยายนะ จิ้นหนิงเป็นคู่หมั้นของเธอ เธอสัญญากับยายว่าจะปฏิบัติต่อจิ้นหนิงเป็นอย่างดี เธอมาที่นี่เพื่อจะมาขอโทษเธอใช่ไหม”
หลิวเฉิงอวี่ขมวดคิ้วพร้อมกับสะบัดมือ และตอบอย่างเย็นชา “ตอนนั้นผมพูดแบบนั้นเพราะคิดว่าเธอเป็นคู่หมั้นของผม แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเธอไม่ใช่ตัวจริง”
“จิ้นหนิงเป็นคู่หมั้นของเธอ!” เถาเยี่ยนตะโกน “เธอพูดอย่างนี้ได้ยังไง! ตั้งแต่เริ่มแรกคู่หมั้นของเธอมีเพียงจิ้นหนิง เธอลืมไปแล้วหรือ”
หลิวเฉิงอวี่ขมวดคิ้ว เหลือบมองถังซีซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ เม้มริมฝีปากแล้วกล่าวว่า “คู่หมั้นของผมคือลูกสาวคุณน้าหลิน ไม่ใช่เซียวจิ้นหนิง!”
ร่องรอยความหวังสุดท้ายในหัวใจเซียวจิ้นหนิงมอดไหม้ลงด้วยคำพูดของเขา เธอก้าวเข้ามาหาหลิวเฉิงอวี่แล้วเย้ยหยัน “พี่ทิ้งฉันเหมือนเศษขยะ เพราะตอนนี้ฉันไม่มีค่าในสายตาพี่แล้วใช่ไหม หลิวเฉิงอวี่ พี่คิดหรือว่าเซียวโหรวจะอยู่กับพี่ หลังจากที่พี่ทำแบบนี้กับฉัน พี่คิดผิดเสียแล้ว เธอไม่มีวันรักพี่ และพี่จะไม่มีวันได้เธอ! ฉันขอสาปแช่งให้แกสองคนไม่ได้อยู่ด้วยกัน!”
เมื่อได้ยินคำสาปแช่งถังซีก็ยิ้ม พูดกับตัวเองเงียบๆ ว่า “ขอบคุณ สำหรับคำสาปแช่ง! จะต้องเป็นจริงอย่างแน่นอน!”
อย่างไรก็ตาม… เธอไม่ได้มาที่นี่เพื่อฟังใครสาปแช่งใคร
ถังซีก้าวไปข้างหน้า หยิบรายงานผลการตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดามารดาสองฉบับจากมือซีลั่วเสียน จากนั้นก็เดินไปนั่งลงที่โซฟาและวางรายงานลงบนโต๊ะ มองหน้าเซียวจิ่งแล้วถามว่า “พี่จิ่ง พี่โทรหาตำรวจแล้วใช่ไหม ตอนที่ฉันได้รับบาดเจ็บ”
เซียวจิ่งพยักหน้า ยิ้มน้อยๆ ให้ถังซี “ใช่ ตำรวจจะตรงมาที่โรงพยาบาลนี่เลย”
เมื่อได้ยินดังนี้ใบหน้าเซียวจิ้นหนิงก็เปลี่ยนสีทันที เธอจ้องมองถังซีอย่างดุร้าย พร้อมกับคำราม “เซียวโหรว เธอทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง!”
“ทำไมฉันถึงจะทำไม่ได้…” ถังซีเหลือบมองเซียวจิ้นหนิงผ่านๆ ก่อนจะทอดสายตาไปที่เถาเยี่ยนกับและหลินรั่วจื้อ เธอหัวเราะเย้ยหยันและกล่าวอย่างเยือกเย็น “พวกเราไม่ต้องการโต้เถียงกับคนบ้า และฉันไม่คิดว่าฉันจะสื่อสารกับคนอย่างพวกคุณรู้เรื่อง พวกเราจึงหันไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจ ก็เท่านั้น”
เถาเยี่ยนจ้องมองถังซีด้วยสายตาดุร้ายเช่นกัน นางชี้หน้าถังซี สบถและด่าทอ “นังเด็กสารเลว ฉันเลี้ยงดูแม่แกมา มันเรื่องใหญ่อะไรนักหนาที่ฉันจะสั่งสอนมัน มันสมควรโดนแบบนั้น! แกกล้าโทรหาตำรวจใช่ไหม ดี ฉันจะฟ้องร้องแก…”
“เงียบได้แล้ว อยากฟ้องฉันเหรอ เอาเลย ตามสบาย!” ถังซีขัดจังหวะ ลุกขึ้นยืน จ้องมองคนพวกนั้นเขม็ง ขณะที่น้ำเสียงเธอยังคงเยือกเย็น “แต่คุณควรศึกษากฎหมายให้ดีก่อนนะที่จะฟ้องร้องฉัน ไม่อย่างนั้นก็หุบปากเสีย ถึงพวกคุณจะไม่รู้สึกละอายใจกับตัวเองเลย แต่ฉันละอายใจแทนพวกคุณ!”
ทันใดนั้นก็มีกลุ่มคนผลักประตูห้องเปิดออกและเดินเข้ามา พวกเขาเป็นตำรวจ หนึ่งในนั้นตรงเข้าไปหาเซียวจิ้นหนิงและกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “คุณเซียวจิ้นหนิง คุณตกเป็นผู้ต้องสงสัย มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีทำร้ายร่างกายที่เกิดขึ้นในวันนี้ โปรดมากับพวกเราครับ”
เซียวจิ้นหนิงรีบเข้าไปหลบหลังเถาเยี่ยน “คุณไม่มีหลักฐานอะไร ทำไมฉันจะต้องไปกับคุณ!”
ตำรวจคนหนึ่งดึงหมายจับออกมา พร้อมกับจ้องมองเซียวจิ้นหนิง และกล่าวอย่างเยือกเย็น “กรุณาให้ร่วมมือกับเราด้วย มิฉะนั้นเราจะต้องใช้กำลังในการจับกุมคุณ!”
เขาสั่งให้ตำรวจอีกสองนายจับกุมเซียวจิ้นหนิง เมื่อเห็นว่าเซียวจิ้นหนิงกำลังจะถูกจับตัวเถาเยี่ยนก็รีบก้าวออกไปโต้เถียงกับตำรวจ “พวกคุณจะทำอะไร ปล่อยเธอนะ! คุณไม่รู้หรือว่าเธอเป็นใคร เธอคือเซียวจิ้นหนิงดาราใหญ่ พวกคุณจะจับกุมเธอไม่ได้!”
ตำรวจที่แสดงหมายจับจ้องมองนางอย่างเฉยชาและเตือนว่า “คุณครับ ผมขอแนะนำว่าอย่าขัดขวางเรา มิฉะนั้นเราจะจับกุมคุณในข้อหาขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน”
ขณะยืนดูละครตลกฉากใหญ่อยู่ข้างๆ ถังซีก็เลิกคิ้วขึ้นแล้วกล่าวว่า “คุณตำรวจคะ คุณจับกุมหญิงชราคนนี้ได้เลยค่ะ เราจะแจ้งความเธอข้อหาทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บโดยเจตนา เพราะเธอผลักคุณแม่ของฉันตกบันไดวันนี้ค่ะ คุณแม่ฉันยังนอนอยู่ในห้องไอซียูตอนนี้ และเมื่อกี้หญิงชราคนนี้พยายามสร้างเรื่อง อ้างว่าเธอเป็นผู้เลี้ยงดูคุณแม่ฉันมา ดังนั้นเธอสามารถทำร้ายร่างกาย หรือแม้แต่ฆ่าคุณแม่ของฉันก็ได้”
ถังซีอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นโดยพูดเกินจริงไปบ้าง เธอไม่มีความเห็นอกเห็นใจให้กับมนุษย์ที่ชั่วร้าย เธอจึงไม่สนใจว่าเถาเยี่ยนจะทนฟังได้หรือไม่
เถาเยี่ยนกรีดร้องเสียงดังเมื่อได้ยินคำพูดของถังซี “ฉันเป็นแม่ของเธอ ฉันจะตีเธอไม่ได้เลยหรือ ฉันเลี้ยงดูเธอมา และตอนนี้ฉันแตะต้องเธอไม่ได้เลยหรือไง!”
“แตะต้องหรือ คุณเกือบจะฆ่าเธอ!” ถังซีตอบโต้ด้วยท่าทางเยือกเย็นที่สุด กระทั่งเถาเยี่ยนไม่รู้จะโต้แย้งอย่างไร
ถังซีมองหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังสับสน และกล่าวอย่างจริงจังว่า “คุณตำรวจคะ ฉันจะแจ้งความจับเถาเยี่ยนและหลินรั่วจื้อในข้อหาค้ามนุษย์ด้วยค่ะ คุณแม่ของฉันไม่ใช่ลูกของพวกเขา พวกเขาต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีเด็กหายเมื่อสี่สิบปีที่แล้วอย่างแน่นอนค่ะ”
เมื่อได้ยินอย่างนี้หลินรั่วจื้อก็ส่ายศีรษะอย่างรวดเร็ว และปฏิเสธทันที “ไม่ เราไม่เคยค้าเด็ก…”
ทันใดนั้นประตูห้องทำงานก็เปิดออกอีกครั้ง มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เดินเข้ามา เมื่อเห็นเขาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในห้องก็ยืนตัวตรงทำความเคารพ “ท่านผู้บัญชาการหลง ท่านมาที่นี่มีอะไรหรือครับ”
ผู้บัญชาการหลงมองหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนจะเดินเข้าไปหาเซียวจิ่งและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณเซียวจิ่ง ผมได้ยินมาว่ามีการพยายามทำร้ายร่างกายเกิดขึ้นที่นี่ใช่ไหม”
ตอนที่ 157 คำเย้ยหยัน
ผู้บัญชาการหลงไม่ได้เป็นผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจเมือง A แต่เป็นผู้บัญชาการกองบัญชาการรักษาความมั่นคงแห่งเมือง A ซึ่งตำรวจทั่วๆ ไปไม่สามารถพบเจอท่านได้ง่ายๆ! นายตำรวจในห้องไม่คาดคิดว่าผู้บัญชาการหลงจะมาปรากฏตัวที่นี่ เพื่อทำคดีฆาตกรรม!
เจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มชั่งน้ำหนักสถานะของตระกูลเซียวในใจ
เซียวจิ่งเองก็ไม่คาดคิดว่าผู้บัญชาการหลงจะมาที่นี่ด้วยตนเอง แต่เขามั่นใจว่าที่ท่านมาที่นี่ไม่ใช่เพราะบิดา และถ้าไม่ใช่เพราะบิดา ก็เป็นที่แน่ชัดว่าใครคือผู้มีบทบาททำให้ท่านมาที่นี่ได้
เซียวจิ่งยื่นมือออกไปจับมือผู้บัญชาการหลงและกล่าวอย่างสุภาพ “ต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่ทำให้ท่านต้องลำบาก ท่านผู้บัญชาการหลง” จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่เถาเยี่ยนและกล่าวต่อไป “นี่คือผู้ต้องสงสัย เราขอส่งตัวให้ท่านเลยนะครับ หากมีปัญหาอะไร โปรดโทรหาผม หรือเรียกผมไปเป็นพยานได้เลยครับ”
ผู้บัญชาการหลงพยักหน้า ขณะมองไปรอบๆ จากนั้นสายตาท่านก็ไปหยุดที่ใบหน้าเซียวหงอี้ ท่านถามว่า “ผมขอดูสภาพเหยื่อผู้ถูกทำร้ายหน่อยได้ไหม”
ถังซีจับจ้องใบหน้าผู้บัญชาการหลงทันที ขณะที่คนอื่นๆ ดูสับสน ผู้บัญชาการหลงยิ้มและอธิบายว่า “ผมต้องการดูอาการของเหยื่อ จะได้ตัดสินใจถูกว่าจะต้องจัดการกับคดีนี้อย่างไร”
ถังซีพยักหน้าให้เซียวหงอี้ ซึ่งกล่าวว่า “ทางนี้ครับ ผู้บัญชาการหลง” และพาท่านออกไป หลังจากนั้นไม่นานผู้บัญชาการหลงก็กลับมา และกล่าวกับนายตำรวจหลายนายที่ติดตามท่านมาอย่างเคร่งเครียด “นำตัวผู้หญิงคนนี้ไป แล้วส่งไปที่ห้องสอบสวน” เมื่อกล่าวจบท่านก็พยักหน้าให้คนอื่นๆ แล้วเดินออกไป เมื่อเห็นผู้บัญชาการหลงพาเถาเยี่ยนไป ตำรวจอีกคนหนึ่งก็ รีบใส่กุญแจมือเซียวจิ้นหนิง และพาตัวเธอตามท่านออกไป
ขณะถูกตำรวจสองนายผลักออกไป เซียวจิ้นหนิงก็จ้องหน้าถังซีด้วยความอาฆาตแค้นและขู่ว่า “เซียวโหรว แกคิดว่าชีวิตแกจะมีความสุขอยู่ได้ตลอดไปอย่างนั้นหรือ ฉันจะบอกให้นะว่าไม่มีทาง! แกจะต้องทนทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิต! “
ขณะมองดูเซียวจิ้นหนิงบ้าคลั่ง ถังซียิ้มอย่างเย็นชา เดินกอดอกเข้าไปหาด้วยประกายวาววับในดวงตา แล้วกล่าวอย่างเยือกเย็น “นี่แค่ของขวัญชิ้นแรกที่ฉันมอบให้เธอ เธอก็ทนไม่ได้เสียแล้ว ยังคิดจะทำอะไรต่อไปอีกเหรอ แล้วถ้าเจอของขวัญชิ้นใหญ่กว่านี้ที่ฉันเตรียมไว้ให้อีกล่ะ เธอจะไม่สติแตกไปเลยเหรอเมื่อถึงเวลานั้น”
“เซียวโหรว!” เซียวจิ้นหนิงซึ่งถูกจับตัวไว้โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสองนาย พยายามดิ้นรนเข้าไปหาถังซีอย่างยากลำบาก เธอจ้องหน้าถังซีและตะโกนอย่างเคียดแค้น “แกตั้งใจทำให้เป็นอย่างนี้ใช่ไหม แกตั้งใจจะให้เป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก! แกพยายามจะแก้แค้นฉัน!”
“ใช่ ทุกอย่างเป็นความตั้งใจ” ถังซีมองเซียวจิ้นหนิงที่กำลังบ้าคลั่งด้วยสายตาเย็นชา หัวเราะเยาะและกล่าวเย้ยหยัน “ฉันตัดสินใจจะแก้แค้นเธอเมื่อฉันตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาล ในเมื่อไม่มีใครลงโทษเธอได้ ฉันก็จะทำเอง ไม่มีใครสามารถสอนบทเรียนแก่เธอ มีแต่ฉันเท่านั้นที่ทำได้”
เซียวจิ้นหนิงมีสีหน้าตกใจ มองถังซีซึ่งกอดอกจ้องหน้าเธอเขม็งอย่างเฉยชา พร้อมกับกล่าวอย่างเยือกเย็น “ในช่วงเวลายี่สิบสามปีที่ผ่านมาเธออาจโชคดี ได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอต้องการ แต่ตอนนี้เวลาดีๆ ของเธอจบแล้ว โชคดีของเธอหมดลงแล้ว แม้ว่าใครบางคนอยากจะช่วยเธอเหลือเกิน แต่ก็ไม่ได้ผล แล้วตอนนี้ยังมีใครอีกเหรอที่อยากช่วยเธอ”
เซียวจิ้นหนิงหันไปมองหลิวเฉิงอวี่โดยไม่รู้ตัว แต่เขาไม่ได้หันมาทางเธอเลยด้วยซ้ำ เพราะมัวแต่จ้องมองถังซีอย่างรักใคร่ เธอหายใจเข้าลึกๆ แล้วยิ้มเยาะถังซี “ถึงจะไม่มีใครช่วยฉัน เธอก็หนีไปไหนไม่พ้นหรอก ใช่ เธอหัวเราะเยาะฉันได้ ชื่นชมยินดีกับชัยชนะของเธอได้ แต่ฉันจะรอดูจุดจบของเธอ ว่าจะทุกข์ทรมานแสนสาหัสขนาดไหน”
ถังซีจ้องหน้าเซียวจิ้นหนิงอย่างไม่สะทกสะท้าน เลิกคิ้วขึ้นและยิ้มอย่างเย็นชา “รอไปเถอะ วันนั้นจะไม่มีทางมาถึง”
หลังจากเซียวจิ้นหนิงถูกนำตัวออกไป ถังซีก็หันกลับมามองหลินรั่วจื้อซึ่งเงียบกริบ “คุณหลิน ไม่มีอะไรจะพูดบ้างเหรอ”
หลินรั่วจื้อหันมามองถังซีด้วยดวงตาหม่นหมอง หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งเขาก็เอ่ยขึ้นว่า “เซียวโหรว ฉันรู้ว่ายายของเธอและจิ้นหนิงทำสิ่งต่างๆ มากมายเพื่อทำร้ายเธอและแม่ของเธอ แต่เธอไปไกลเกินไปแล้วที่ทำถึงขนาดนี้ ได้โปรดอย่า…”
ถังซีจ้องหน้าหลินรั่วจื้อ ขมวดคิ้วถามอย่างไม่เข้าใจ “ฉันทำอะไรให้คุณหลินเข้าใจผิดไปหรือเปล่า”
หลินรั่วจื้อมองถังซี ทว่าพบเพียงประกายเย็นยะเยือกวาววับอยู่ในดวงตาเธอ เธอกล่าวต่อไปอย่างเย็นชา “ดูเหมือนว่าฉันกำลังล้อเล่นอยู่อย่างนั้นหรือ คุณหลิน ฉันมีสองทางเลือกให้คุณเลือก หนึ่งคือบอกฉันมาตามตรงว่าเกิดอะไรขึ้น กับอีกทางหนึ่งคือรอให้ถูกฟ้อง แล้วคุณจะได้ไป เจอกับครอบครัวคุณในคุก”
เมื่อจบคำพูดถังซีก็หันไปหาเซียวจิ่ง กล่าวเสริมด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ฉันจำได้ว่าพวกเขามีลูกสาวอีกคน อายุน้อยกว่าคุณแม่ฉันสองปี ดูเหมือนจะชื่อหลินเจียว ตามหาผู้หญิงคนนั้นให้หน่อยสิคะ ฉันสงสัยว่าเธอจะมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมาก กับคดีการแลกเปลี่ยนทารกเมื่อยี่สิบสามปีก่อน!”
ในที่สุดหลินรั่วจื้อก็มีท่าทีตื่นตระหนก เขารีบเดินออกมาคว้าแขนถังซี จากนั้นก็กล่าวด้วยท่าทางวิตกกังวลอย่างมาก “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับน้าของเธอ เป็นความผิดของฉันกับยาย เราเป็นคนขโมยเธอมาเอง เราเป็นคนทำ นี่ไงฉันบอกเธอแล้ว ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับน้าของเธอ”
“ฉันไม่ได้บอกว่าหลินเจียวเป็นคนขโมยลูกของคุณแม่ฉัน ฉันหมายถึงเธอมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับคดีสับเปลี่ยนทารกเมื่อยี่สิบสามปีก่อน ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นหรอก”
เซียวจิ่งมองหน้าถังซีอย่างตื่นตะลึง จากนั้นก็กลืนน้ำลายหันมาสบตากับเซียวส่า ทั้งสองเห็นความตื่นตกใจในสายตาของกันและกัน ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง… ทำไมโหรวโหรวถึงพลิกสถานการณ์ไปได้รวดเร็วขนาดนี้…
ตอนนี้ถึงคราวที่เธอจะดึงผู้เกี่ยวข้องคนอื่นๆ เข้ามาในคดีใช่ไหม
ยังมีความลับอื่นที่พวกเขาไม่รู้อีกหรือเปล่า
หวังว่าคงไม่มีนะ!
หลิวเฉิงอวี่กับซีลั่วเสียนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาได้แต่มองหน้าถังซี ซีลั่วเสียนรู้สึกงุนงงสับสนไปหมด เธอจึงถามถังซี “โหรวโหรวเกิดอะไรขึ้น หนูช่วยอธิบายให้ป้าฟังหน่อยได้ไหมจ๊ะ”
ถังซีส่ายศีรษะ “หนูยังไม่แน่ใจค่ะ หนูเพียงประเมินจากปฏิกิริยาของเถาเยี่ยนกับหลินรั่วจื้อ”
จากนั้นเธอก็ละสายตาจากซีลั่วเสียน หันไปหาเซียวส่า เม้มริมฝีปากแล้วถามว่า “พี่ส่า พี่ช่วยรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับหลินเจียวแล้วเอามาให้ฉันได้ไหม ฉันต้องการด่วนเลยค่ะ”
เซียวส่าพยักหน้าแล้วหันไปโทรศัพท์
“เธอต้องการสืบสวนเรื่องราวเดี๋ยวนี้ เพียงเพราะการประเมินสถานการณ์อย่างนั้นหรือ” หลิวเฉิงอวี่ถามด้วยความงุนงง
สืบสวนเรื่องราวเหรอ ถังซีเลิกคิ้ว เธอไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะทำเช่นนั้น เธอแค่ต้องการรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเซียวโหรวและมารดาเมื่อหลายปีก่อน
“เปล่า ฉันไม่ได้จะสืบสวนเรื่องนี้ ฉันแค่พยายามค้นหาความจริง ฉันไม่ต้องการให้คุณแม่ฉันถูกปิดหูปิดตาอยู่ในความมืดมิดไปตลอดชีวิต”
ตอนที่ 158 โทรศัพท์เข้า
เซียวเจี่ยนกับเซียวหงอี้ยืนอยู่ข้างๆ พูดอะไรไม่ออก ได้แต่เฝ้าดูถังซี ในใจเซียวหงอี้เต็มไปด้วยภาพวันแรกที่เซียวโหรวกลับมาที่บ้านเขา เธอดูเขินอายและขลาดกลัว แต่ทว่าตอนนี้ เมื่อมองดูเธอในปัจจุบัน เขาไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือลูกสาวของเขา ในเวลาไม่นานหลังจากเธอมาถึง สถานการณ์ทุกอย่างก่อนหน้านี้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือโดยสิ้นเชิง หากไม่ใช่เพราะเธอ พวกเขาคงยังยืนอยู่ที่โถงทางเดินของโรงพยาบาล โต้เถียงกับคู่สามีภรรยาแก่ๆ ที่พยายามสร้างฉาก แล้วจ่ายเงินให้พวกเขาไปหลายล้านเป็นค่าครองชีพ หรือชดเชยความเสียหายทางจิตใจให้กับเซียวจิ้นหนิง…
แต่แล้วเธอก็มาปรากฏตัว ด้วยความพยายามเพียงเล็กน้อย เธอสามารถค้นพบความจริงที่ถูกปกปิดมานานหลายทศวรรษ อาหรูไม่ใช่ลูกของตัวเหลือบทั้งสอง พ่อแม่ที่ภรรยาเขาต้องอดทนต่อพฤติกรรมมานานหลายสิบปี ไม่ใช่พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดเธอ… ความจริงที่อาหรูไม่เคยรู้มาก่อนในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาถูกเปิดเผยโดยลูกสาวของพวกเขาเอง ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ…
หลังจากนั้นเธอก็ส่งเซียวจิ้นหนิงกับหญิงชราผู้ละโมบไปสถานีตำรวจด้วยคำพูดไม่กี่ประโยค คนเหล่านั้นถูกตำรวจจับกุม โดยที่พวกเขาไม่จำเป็นต้องไปที่สถานีตำรวจเลย
ตอนนี้เธอกำลังจะเปิดเผยความจริงที่น่าตกใจอีกเรื่อง…
ใช่… โลกนี้มีความบังเอิญไม่มากนัก คนเราจะจำลูกตัวเองผิดได้อย่างไร ความผิดพลาดเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร ถ้าไม่มีใครจงใจสับเปลี่ยนเด็กทั้งสองคน!
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ เซียวหงอี้ก็เดินเข้าไปหาถังซีและถามอย่างตื่นตระหนก “โหรวโหรว หนูหมายความว่า มีคนจงใจสับเปลี่ยนหนูกับเซียวจิ้นหนิง เพื่อให้เซียวจิ้นหนิงได้มีชีวิตที่ดีกว่าใช่ไหม”
ถังซีมองหน้าเซียวหงอี้และเลิกคิ้ว เธออยากจะบอกว่า ‘ขอบคุณพระเจ้าในที่สุดคุณก็ฉลาดขึ้น’ แต่ท้ายที่สุดเธอก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงพยักหน้าเล็กน้อยแล้วตอบว่า “ใช่ค่ะ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมหนูถึงอยากตามหาตัวหลินเจียว”
ในขณะนั้นนั่นเองก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น หลินรั่วจื้อสะดุ้งตกใจ เขารีบหยิบโทรศัพท์ออกมา ถังซีมองสบตาเซียวเจี่ยน ซึ่งยืนอยู่ใกล้หลินรั่วจื้อมากที่สุด และร้องออกมาว่า “รับโทรศัพท์ของเขา!”
เซียวเจี่ยนรีบก้าวออกไปข้างหน้าทันทีที่ถังซีพูดจบ เขาคว้าโทรศัพท์ของหลินรั่วจื้อ ถังซีถามว่า “ใครโทรมา”
“ชื่อผู้โทรคือ ‘ลูกสาว’ ก็ควรจะเป็นหลินเจียว” น้ำเสียงเซียวเจี่ยนเย็นชา เขาไม่เคยมีความรู้สึกรักใคร่ไยดีในตัวน้าสาวที่เป็นนักพนันว่างงานแม้แต่น้อย ก่อนหน้านี้เมื่อครั้งที่พวกเขาไปเยี่ยมตระกูลหลิน เขาจับได้ว่าเธอพยายามยั่วยวนพ่อเขาด้วยซ้ำ
ถังซีพยักหน้าให้เซียวส่า ขอให้เขาพาหลินรั่วจื้อออกไป แล้วส่งสัญญาณให้เซียวเจี่ยนรับโทรศัพท์ ทันทีที่มีการรับสายเสียงของหลินเจียวก็ดังขึ้นให้ทุกคนได้ยิน “พ่อ นี่พ่อกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมถึงได้นานขนาดนี้…
…พวกเขาตกลงให้เงินจิ้นหนิงหรือเปล่า จะให้เท่าไหร่…
…พวกเขาผลักไสจิ้นหนิงให้ต้องตกอยู่ในสภาพน่าสังเวชแบบนี้ พ่อปล่อยไปไม่ได้นะ! ถ้าพวกเขาไม่ยอมให้เงิน พ่อก็อยู่ที่นั่นแหละ ฉันคิดว่าพวกเขาไม่กล้าไล่พ่อหรอก… อ้าว พ่อ นี่ฟังฉันอยู่หรือเปล่า”
ถังซีเม้มริมฝีปากขณะก้าวออกมาคว้าโทรศัพท์และตอบด้วยเสียงคำรามเบาๆ หลินเจียวกล่าวเสริมอีกว่า “ถ้าพวกเขาไล่พ่อออกจากบ้านจริงๆ ก็เรียกตำรวจ แล้วบอกตำรวจว่าหลินหรูทอดทิ้งพ่อหลังจากแต่งงานกับเศรษฐี ฉันแน่ใจว่าพวกเขาต้องกลัว พวกคนรวยมักกลัวเสียหน้า พ่ออยู่ที่นั่นสักสองสามวัน เดี๋ยวก็ได้เงินจากพวกเขาเองแหละ!”
ถังซีตอบด้วยเสียงคำรามอีกครั้ง หลินเจียวหัวเราะด้วยความพึงพอใจ “เอาล่ะ แค่นี้นะ ฉันมีบางอย่างต้องไปทำ พ่อไม่ต้องทำอะไร แค่อยู่ที่นั่นไปก่อน ถ้าหลินหรูไม่ยอมให้เงิน พ่อก็ใช้วิธีเดิม โอเคนะ ฉันต้องวางสายแล้ว”
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายวางสายโทรศัพท์ ถังซีก็สูดหายใจเข้าลึกๆ โยนโทรศัพท์ให้เซียวจิ่งพร้อมกับบอกว่า “ค้นหาที่อยู่เธอ”
ซีลั่วเสียนซึ่งฟังการสนทนาด้านเดียวโกรธมาก จนเกือบระเบิดความโกรธออกมา เธอขบเขี้ยวเคี้ยวฟันและร้องอุทานอย่างไม่อยากเชื่อ “น่าอายสิ้นดี! โลกนี้มีคนไร้ยางอายขนาดนี้ด้วยหรือ! พวกเขาทำสิ่งเลวร้ายมากมายไว้กับอาหรู แล้วตอนนี้ยังจะพยายามรีดไถเธออีก!”
ถังซียิ้ม ดวงตาเธอเย็นเยียบ จ้องมองโทรศัพท์ในมือเซียวจิ่งแล้วหัวเราะเยาะ “ไม่เป็นไรค่ะ หนูบันทึกการโทรไว้แล้ว เรานำไปใช้เป็นหลักฐานในศาลได้ว่าพวกเขาแบล็กเมล์ตระกูลเซียว” จากนั้นเธอก็ดูนาฬิกาข้อมือและกล่าวต่อไปว่า “เสียเวลามาเยอะแล้ว กลับไปพักผ่อนกันเถอะค่ะ” สุดท้ายเธอหันไปหาเซียวจิ่งแล้วกล่าวจนจบ “พี่จิ่ง หาที่พักให้หลินรั่วจื้อด้วยนะคะ อย่าให้เขาคุยกับใคร แต่ไม่ต้องทรมานเขา”
เซียวจิ่งตอบรับด้วยเสียงคำราม มองหน้าเธอแล้วถามว่า “เธอจะไม่กลับบ้านก่อนหรือ”
ถังซีส่ายหน้า ขณะหันไปมองเซียวเจี่ยนและเซียวหงอี้ จากนั้นก็กล่าวว่า “หนูว่าคุณพ่อกับพี่คงมีธุระเรื่องงานต้องไปจัดการ กลับไปทำงานเถอะค่ะ หนูจะจัดการทางนี้เอง”
เซียวหงอี้หันไปหาเซียวเจี่ยนและกล่าวว่า “กลับไปดูแลจัดการงานที่บริษัท น้องสาวของลูกกับพ่อจะรออยู่ที่นี่จนกว่าคุณแม่จะฟื้น”
เซียวเจี่ยนหันมามองถังซี พยักหน้าให้เธอก่อนเดินออกไป
ทั้งหมดลงไปชั้นล่าง ทิ้งเซียวส่ากับเซียวจิ่งไว้กับหลินรั่วจื้อ เซียวเจี่ยนกลับไปบริษัท หลิวเฉิงอวี่กับและซีลั่วเสียนเดินตามเซียวฮงอี้กับถังซีลงไปชั้นล่าง ไปยังห้องรับรองวีไอพี ซีลั่วเสียนเหลือบมองถังซีขณะนั่งอยู่บนม้านั่งในโถงทางเดิน หลังจากนั้นครู่หนึ่งเธอก็เอ่ยขึ้น “หนูดูไม่เหมือนเซียวโหรวที่คุณแม่ของหนูบรรยายให้ป้าฟังเลย แต่หนูเหมือนกับที่ป้าจินตนาการไว้ บุคลิกหนูเหมือนคุณแม่มาก ตอนที่เธอยังสาวๆ เธอสองคนมีความคล้ายคลึงกันมาก เว้นแต่ว่าหนูฉลาดกว่าคุณแม่”
ถังซีเลิกคิ้ว ยิ้มให้ซีลั่วเสียนแล้วตอบว่า “จริงเหรอคะ”
หลิวเฉิงอวี่จ้องมองถังซีจากทางด้านข้าง ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน เขากล่าวอย่างนุ่มนวล “โหรวโหรวเป็นคนฉลาดมากและสวยมากเสมอ พี่จำครั้งแรกที่เห็นเธอได้ เธอช่างมหัศจรรย์และน่าทึ่ง ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน พี่เชื่อว่าเธอจะเป็นคนแรกที่ใครๆ มองเห็น”
ถังซีเลิกคิ้วไม่พูดอะไร เซียวหงอี้นั่งอยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่มเขาก็ตระหนักดีว่าหลิวเฉิงอวี่ต้องการอะไร แม้หลิวเฉิงอวี่จะเคยทำดีกับเซียวจิ้นหนิง แต่ก็ไม่เคยชมเธอแบบนี้!
แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดคุยกันเรื่องนี้ เซียวหงอี้มองหน้าถังซีด้วยสายตาครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะถามอย่างจริงจัง “ลูกจะทำยังไงกับคนพวกนี้”
ถังซีเลิกคิ้วขึ้นมองเซียวหงอี้ซึ่งยังคงกล่าวต่อไป “ถ้าเถาเยี่ยนกับหลินรั่วจื้อกลายเป็นผู้ต้องหาอยู่เบื้องหลังการสับเปลี่ยนตัวลูกกับเซียวจิ้นหนิง ลูกคิดจะทำยังไงต่อไป”
ถังซีส่งรอยยิ้มประชดประชันให้เซียวหงอี้ “หนูควรเป็นคนถามคำถามนี้กับคุณพ่อมากกว่าไหมคะ ท่านประธานเซียว! คนพวกนั้นสับเปลี่ยนลูกสาวของคุณพ่อ แล้วคุณพ่อควรจะทำยังไงล่ะคะ ขอบคุณพวกเขาอย่างนั้นหรือ”
เซียวหงอี้รู้สึกละอายใจเล็กน้อยกับคำถามของลูกสาว แต่เขารู้ว่าถังซีพูดไม่ผิด เธอถูกสับเปลี่ยนตัวกับเด็กอีกคนเมื่อครั้งยังเป็นทารก และพวกเขาในฐานะพ่อแม่ควรหาความยุติธรรมให้เธอ!
ตอนที่ 159 หลินเจียว
ที่บ่อนคาสิโนในเมือง W
หลินเจียวนั่งอยู่หน้าโต๊ะไพ่นกกระจอก สวมเสื้อผ้าแบรนด์เนมราคาแพง แต่งหน้าหนาเตอะทาปากแดง ตอนนี้เงินที่เธอพกมาด้วยหมดเกลี้ยงไปกับการพนัน แต่ดูเหมือนเธอจะไม่สนใจ ขณะกล่าวโดยมีไพ่อยู่ในมือ “ต่อเลย ดูเสื้อผ้าฉันสิ! ฉันดูเหมือนคนที่จะติดหนี้คุณหรือ”
คนอื่นๆ ที่อยู่ในที่นั้นคุ้นเคยกับหลินเจียว เพราะพวกเขาเล่นไพ่นกกระจอกกับเธอบ่อยครั้ง และเธอมักใจกว้าง จึงไม่มีใครสงสัยคำพูดของเธอ ผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเม้มริมฝีปากแล้วถามด้วยสำเนียงเมือง W ว่า “คุณหลิน คุณมาจากเมืองไหนหรือ สามีคุณทำงานอะไร คุณเล่นการพนันทุกวัน แล้วยังสวมเสื้อผ้าแพงๆ ฉันเดาว่าครอบครัวคุณต้องรวยมากแน่ๆ”
เธอถามแบบนี้เพราะหลินเจียวชนะพนันไพ่นกกระจอกไม่บ่อย แม้จะไม่ได้เล่นเสียมากๆ ทุกวัน แต่ถึงอย่างไรเธอก็ต้องเสียเงิน และเงินที่เธอเสียไปในแต่ละเดือนสามารถซื้อบ้านขนาดหนึ่งร้อยตารางเมตรในเมือง W ได้เลย
หลินเจียวยิ้มขณะโบกมือตอบว่า “คุณไม่ได้ยินหรือว่าฉันโทรหาใคร ฉันเคยบอกแล้วนี่ว่าพี่สาวฉันรวย ครอบครัวเธอเป็นเจ้าของบริษัทใหญ่ในเมือง A คุณรู้จักเซียวกรุปหรือเปล่าล่ะ นั่นน่ะพี่เขยฉันเป็นประธาน”
ดวงตาหญิงอ้วนเปล่งประกายเมื่อได้ยินชื่อเซียวกรุป เธอกล่าวว่า “โอ นั่นบริษัทใหญ่โตนี่” จากนั้นเธอก็กล่าวต่อไปว่า “ฝู่เหราอินเตอร์เนชันแนลเป็นบริษัทในเครือเซียวกรุป ฉันมีหลานชายทำงานอยู่ที่นั่น เป็นบริษัทที่โอ่อ่าหรูหรามากจริงๆ เป็นของพี่เขยคุณเหรอ”
หลินเจียวยิ้มแล้วยักคิ้ว “แน่นอน ดาราดังเซียวจิ้นหนิงคือหลานสาวฉัน เธอให้เงินฉันตลอดนั่นแหละ ฉันถึงไม่สนใจเรื่องเงินไงล่ะ” เธอโยนไพ่นกกระจอกลงบนโต๊ะ
หญิงวัยกลางคนแต่งตัวดีอีกคนหนึ่งมองหลินเจียวด้วยสายตารังเกียจ ยิ้มเล็กน้อยกล่าวว่า “คุณหลิน คุณนี่ไม่ธรรมดาเลยนะ แค่พึ่งพาพี่สาวกับพี่เขยอย่างเดียว ก็ยังหาความสุขให้กับชีวิตได้” เธอหยิบไพ่นกกระจอกขึ้นมาใบหนึ่ง แล้วโยนอีกใบหนึ่งลงบนโต๊ะ พร้อมกับเสริมว่า “แต่ฉันได้ยินมาว่า เซียวจิ้นหนิงไม่ใช่ลูกสาวตระกูลเซียวหรอก เป็นแค่ลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่ที่เขาเก็บมาเลี้ยง”
ใบหน้าหลินเจียวเปลี่ยนสีทันที ขณะเธอกำลังจะตอบ หญิงร่างอ้วนก็หันไปหาหญิงที่แต่งตัวดีและถามอย่างตื่นเต้น “คุณหมายถึงดาราดังคนนั้นน่ะเหรอ เธอเป็นลูกสาวเศรษฐีใช่ไหม โอ…ฉันนึกออกแล้วเธอมาจากตระกูลเซียวนี่!” หญิงร่างอ้วนหันกลับไปหาหลินเจียวและถามต่อไปด้วยความประหลาดใจ “เซียวจิ้นหนิงนั่นไม่ใช่ลูกพี่สาวคุณหรอกเหรอ อ้าว ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าพี่สาวคุณเลี้ยงลูกใครก็ไม่รู้มานานหลายสิบปีแล้วน่ะสิ”
หลินเจียวยิ้มด้วยท่าทีอึกอัก พูดอะไรไม่ออก หญิงที่แต่งตัวดีจ้องมองหลินเจียวด้วยประกายระยิบระยับในดวงตาขณะกล่าวว่า “โอ…ใช่แล้ว และฉันได้ยินมาด้วยว่าพวกเขาพบลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองแล้ว แต่เธอถูกเซียวจิ้นหนิงใส่ร้าย พวกเขาเลยไม่ได้กลับมาอยู่ด้วยกัน ลูกสาวได้แต่ไปอาศัยอยู่ที่บ้านคุณอาของเธอ” เธอหัวเราะเยาะก่อนจะกล่าวต่อไป “เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่งที่จะมีนักแสดงอยู่ในบ้าน คุณจะไม่มีวันรู้หรอกว่าเธอจะแทงคุณข้างหลังเมื่อไร”
ใบหน้าหลินเจียวเปลี่ยนเป็นดุดัน เธอกล่าวอย่างเย็นชา “คุณนายเฉิน ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคุณเป็นคนชอบนินทา! คุณจะเล่นไพ่นกกระจอกหรือจะนินทา”
คุณนายเฉินยิ้ม เหลือบมองหลินเจียว “โอ คุณหลินทำไมโกรธง่ายจัง เราแค่วิจารณ์เซียวจิ้นหนิงว่าเป็นคนเนรคุณ ไม่ได้ว่าอะไรคุณสักหน่อย ทำไมต้องโกรธมากขนาดนี้ แล้วอีกอย่าง ในเมื่อเซียวจิ้นหนิงกล้าทำถึงขนาดนี้ เธอคงไม่กลัวหรอกว่าใครจะพูดถึงเธอว่ายังไง ถ้ากลัวเธอคงไม่ทำอย่างนั้นจริงไหม”
หลินเจียวผลักไพ่นกกระจอกใส่หน้าหญิงแต่งตัวดี “ฉันเลิกเล่นแล้ว ฉันไม่อยากเสียเวลากับคุณ!”
คุณนายเฉินหัวเราะเยาะ เลิกคิ้วขึ้นขณะจ้องหน้าหลินเจียว แล้วกล่าวอย่างใจเย็น “ในเมื่อคุณหลินไม่อยากเล่นแล้ว ก็กรุณาจ่ายหนี้มาก่อนที่จะออกไปด้วย คุณเล่นเสียห้าเกม จ่ายเงินมาหกหมื่นแปดพันหยวน ก่อนที่คุณจะไป”
หลินเจียวจ้องหน้าคุณนายเฉิน ซึ่งเล่นไพ่นกกระจอกที่ถืออยู่ในมือไปมา และถามอย่างเย็นชาว่า “ฉันเป็นหนี้มากขนาดนั้นหรือ ฉันจำได้ว่าฉันเสียไปแค่…”
เมื่อคำนวณเงินที่เธอเล่นเสียในวันนี้ หลินเจียวก็เม้มริมฝีปาก “ฉันไม่ได้นำเงินติดตัวมามากนักวันนี้ ฉันจะเอาเงินมาให้ตอนมาเล่นไพ่นกกระจอกที่นี่พรุ่งนี้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ฉันจะบอกให้นะ พ่อแม่ฉันกำลังไปขอเงินจากพี่สาวฉัน และเธอจะให้อย่างน้อยสิบล้านหยวน เมื่อเธอจ่ายมา ฉันจะได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง…”
คุณนายเฉินยิ้ม เงยหน้าขึ้นจากไพ่นกกระจอกมองดูหลินเจียว เธอยิ้มมุมปากและกล่าวว่า “แต่ฉันต้องการเห็นเงินสดหกหมื่นแปดพันหยวนเดี๋ยวนี้ ถ้าคุณไม่นำเงินมาให้ฉันวันนี้ คุณหลิน ฉันเกรงว่าคุณจะต้องลำบาก”
ในฐานะนายใหญ่ของคาสิโนแห่งนี้ คำพูดของคุณนายเฉินคือคำขาดของที่นี่
หญิงอ้วนดึงมือคุณนายเฉินไว้ ขณะจ้องมองหลินเจียวแล้วกล่าวว่า “คุณนายเฉินคะ เธอบอกว่าเธอเป็นน้องเมียของประธานเซียวกรุปไม่ใช่เหรอ เราไปเรียกเก็บเงินที่ฝู่เหราอินเตอร์เนชันแนลก็ได้นี่”
เมื่อได้ยินอย่างนี้หลินเจียวก็รีบพยักหน้าราวกับกำลังคว้าฟางเส้นสุดท้าย “ใช่ ใช่ ให้คนของคุณไปที่ฝู่เหราอินเตอร์เนชันแนล บอกให้พวกเขาจ่ายเงิน บอกชื่อฉัน หลินเจียว แล้วพวกเขาจะให้เงินคุณแน่นอน!”
คุณนายเฉินมองหลินเจียวขณะกล่าวอย่างเยือกเย็น “คุณนี่น่ารังเกียจเหมือนพวกปลิงเลย ฉันเสียใจกับพี่สาวคุณจริงๆ ที่มีน้องสาวอย่างคุณ”
หลินเจียวโกรธคำพูดดูหมิ่นของคุณนายเฉินขึ้นมาทันที แต่เธอไม่กล้าแสดงความหุนหันพลันแล่นออกมา เพราะนักเลงคุมบ่อนล้อมเธอไว้แล้ว เธอระงับความโกรธไว้ในใจและกล่าวว่า “คุณนายเฉิน คุณแค่ต้องการเงินไม่ใช่หรือ คุณก็เพียงแต่ส่งคนไปรับเงินที่ฝู่เหราอินเตอร์เนชันแนล แล้วปล่อยฉันไป”
“ไม่ต้องรีบร้อน” คุณนายเฉินมองหลินเจียวอย่างพิจารณาขณะเอนหลังพิงเก้าอี้ “ตราบใดที่คนของฉันได้เงินมา เราจะปล่อยคุณไป” เมื่อจบคำพูดเธอก็ขยิบตาให้นักเลง ซึ่งรีบหันหลังเดินออกไปทันที
คุณนายเฉินบอกกับคนอื่นๆ ว่า “ไม่ต้องมามองพวกเรา เล่นไพ่นกกระจอกของคุณไป” จากนั้นเธอก็เรียกชายอีกคนหนึ่งมาร่วมวงเล่นไพ่กับพวกเธอ แล้วเริ่มเล่าว่า “ลูกสาวฉันเรียนอยู่ที่เมือง A อยู่ชั้นเรียนเดียวกันกับลูกสาวตัวจริงของตระกูลเซียว เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ตามที่ลูกสาวฉันบอก เธอไม่ใช่แค่สวยมากๆ นะ แต่ยังเรียนเก่งติดอันดับต้นๆ ของโรงเรียนอีกด้วย”
จากนั้นดูเหมือนเธอจะนึกถึงอะไรบางอย่างที่น่าสนใจขึ้นมาได้ และเล่าต่อ “ลูกสาวฉันไม่เคยชอบเรียนภาษาต่างประเทศมาก่อนเลย แต่ตอนนี้เธอบอกฉันว่าเธออยากเรียนเหมือนเซียวโหรว เพราะเซียวโหรวพูดภาษาต่างประเทศได้ตั้งสิบภาษา”
เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายเฉิน หลินเจียวก็กล่าวเยาะเย้ย “เด็กบ้านนอกแบบนั้นพูดภาษาต่างประเทศได้ตั้งสิบภาษาเชียวหรือ ฉันกลัวว่าเธอจะรู้ตัวหนังสือไม่ถึงสิบตัวน่ะสิ เพราะเธอโตมาในครอบครัวที่ยากจนขนาดนั้น!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น