รักเล่ห์เร้นใจ 151-164

ตอนที่ 151 ข้ออ้าง

 

ความคิดถึงของเซียวจิ่งสืออัดแน่นในหัวสมอง จนทำให้เขาคิดแต่จะต้องเจอหลินหว่านให้ได้


 


 


เซียวจิ่งสือจึงส่งข้อความหาหลินหว่าน ข้อความว่า “หลินหว่าน เราเจอกันหน่อยได้ไหม เรื่องก่อนหน้านี้ ผมจะอธิบายให้คุณฟัง ผมหวังว่าด้วยน้ำใจเก่าก่อนที่มีต่อกัน คุณจะยังเชื่อผมบ้าง ให้โอกาสผมได้พบคุณสักครั้ง ตอนนี้ผมเป็นห่วงคุณจริงๆ ผมอยากจะพูดกับคุณ หลายวันมานี้เกิดเรื่องราวมากมาย ผมอยากจะเล่าให้คุณฟัง”


 


 


เซียวจิ่งสือส่งข้อความไปแล้ว ก็นิ่งรอคำตอบจากหลินหว่าน ในใจเขาอ้อนวอนขอให้หลินหว่านตอบรับในสิ่งที่เขาต้องการ


 


 


หลินหว่านได้รับข้อความจากเซียวจิ่งสือแล้ว ไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไรดี แต่เมื่อเธอนึกถึงภาพที่อันซิงกับเซียวจิ่งสือจากไปด้วยกันในวันนั้น ทำให้เธอตัดสินใจว่าจะไม่พบกับเซียวจิ่งสืออีก แต่หลินหว่านกลับเอาแต่นั่งอ่านข้อความที่เซียวจิ่งสือส่งมาให้กลับไปกลับมาอยู่นั่น


 


 


เซียวจิ่งสือเฝ้ารอคำตอบอยู่หลายชั่วโมงจึงจากไปอย่างผิดหวัง กลับเข้าบริษัท เซียวจิ่งสือทำงานที่เขาดูแลรับผิดชอบอยู่ แต่กลับยังไม่สามารถสงบใจได้อยู่ดี และที่เขาทนไม่ได้ก็คือตอนนี้หลินหว่านมีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อเขา เซียวจิ่งสือยังนึกถึงคำพูดของหลินหว่านตลอดเวลา เซียวจิ่งสืออยากจะเข้าไปอธิบายให้หลินหว่านเข้าใจต่อหน้าเธอให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย จะได้ไม่ต้องทำให้ทั้งสองคนเข้าใจผิดกันมากมายขนาดนี้อีก


 


 


หลายวันต่อมา เซียวจิ่งสือมักจะหาข้ออ้างสารพัดไปหาหลินหว่าน แล้วยังส่งข้อความให้เธอเป็นครั้งคราวอีกด้วย แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ ที่เขาอยากจะได้ ตอนเขาไปเยี่ยมเธอก็ไม่ยอมพบหน้า ส่งข้อความไปหลินหว่านก็ทำเหมือนไม่เห็น


 


 


ผู้ชายบางคนเมื่อถูกปฏิเสธแล้วก็จะล้มเลิกความตั้งใจ แต่เซียวจิ่งสือไม่ใช่ เขากลับมุมานะพยายามยิ่งขึ้น คิดสารพัดวิธีเพื่อจะพบหลินหว่านให้ได้


 


 


ในที่สุดเซียวจิ่งสือได้ทราบว่าหลินหว่านหายเป็นปกติแล้วก็แอบดีใจ คราวนี้เขาจะได้เริ่มแผนปฏิบัติการของตัวเองแล้ว


 


 


เซียวจิ่งสือเรียกผู้ช่วยจางมาพบที่ห้องทำงาน


 


 


“ท่านประธานเซียว มีอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับ” ผู้ช่วยจางถามพลางยิ้มเล็กน้อย


 


 


“เดี๋ยวคุณไปรับตัวหลินหว่านนะ เห็นว่าเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ก็น่าจะให้เธอกลับมาทำงานที่บริษัทได้แล้ว ให้เธอรีบมาที่บริษัททันทีนะ” เซียวจิ่งสือพูดด้วยรอยยิ้ม


 


 


เซียวจิ่งสือรู้ว่าหลินหว่านเพิ่งออกจากโรงพยาบาล เขาก็อยากจะให้หลินหว่านได้พักผ่อนอยู่บ้านอีกหน่อย แต่ใจเขากลับอยากแต่จะพบหน้าหลินหว่าน จึงอยากให้หลินหว่านมาที่บริษัทก่อน แม้จะไม่ต้องทำอะไร แค่มาพูดคุยกับเขาหน่อยก็พอแล้ว


 


 


ผู้ช่วยจางยิ้มอย่างรู้ใจ เขาเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของเซียวจิ่งสือดี จึงรีบไปรับตัวหลินหว่านที่บ้านโดยเร็ว


 


 


“คุณหลินหว่านครับ ท่านประธานเซียวของพวกเราเห็นว่าคุณหายดีและออกจากโรงพยาบาลแล้ว จึงให้ผมมารับคุณไปทำงานที่บริษัท ท่านหวังว่าคุณจะไปทำงานได้โดยเร็วครับ” ผู้ช่วยจางพูดกับหลินหว่าน


 


 


หลินหว่านถอนใจเฮือก เธอรู้ว่าเซียวจิ่งสือจะเรียกตัวไปบริษัท แต่คิดไม่ถึงว่าจะเร็วขนาดนี้ จึงรู้สึกไม่ชอบใจอยู่บ้าง


 


 


“ตอนนี้ฉันยังไม่หายดีเลยค่ะ จึงยังไม่อยากจะไปบริษัทอีกสักพัก คุณช่วยเรียนท่านประธานตามนี้ด้วยค่ะ เขาคงไม่เร่งรัดเอากับคนป่วยอย่างฉันล่ะมั้งคะ” หลินหว่านพูดพลางยิ้มฝืด ขณะที่ในใจสวดเซียวจิ่งสือเสียยับ


 


 


ผู้ช่วยจางรู้ว่าถ้าวันนี้เขารับตัวหลินหว่านกลับบริษัทไม่ได้ ประธานเซียวคงต้องอารมณ์บูดมากแน่ๆ


 


 


“คุณหลินหว่านคุณผู้หญิงแสนสวยของผมครับ คุณช่วยตอบตกลงผมด้วยเถอะ ถ้าคุณไม่ยอมกลับบริษัท ท่านประธานเซียวคงต้องโมโหแน่ครับ แล้วผมก็อาจจะโดนหางเลขเข้าด้วย คุณคงไม่อยากทำให้ผมต้องโดนด่าเพราะคุณหรอกนะครับ” ผู้ช่วยจางแสร้งทำเป็นเสียใจ


 


 


ผู้ช่วยจางรู้ว่าหลินหว่านเป็นคนใจดี ดังนั้นเธอจะไม่ทำให้คนอื่นถูกด่าไปด้วยแน่ ถ้าพูดแบบนี้แล้ว หลินหว่านต้องรับปากว่าจะกลับบริษัทแน่นอน


 


 


แล้วก็เป็นดังคาด หลินหว่านพอฟังคำพูดของผู้ช่วยจางแล้ว ก็รับปากว่าจะกลับบริษัทโดยเร็วที่สุด


 


 


หลินหว่านกลับถึงบริษัทกับผู้ช่วยจาง ระหว่างทางในหัวของเธอมีแต่ภาพใบหน้าของเซียวจิ่งสือ เธอคิดว่าอีกสักครู่ตอนที่เจอหน้ากันประโยคแรกควรจะพูดอะไรดีจึงจะทำให้เธอดูไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย


 


 


ไม่นานนักทั้งสองก็มาถึงบริษัท ผู้ช่วยจางได้รับข้อความจากเซียวจิ่งสือ บอกให้พาหลินหว่านไปที่ห้องทำงานของเซียวจิ่งสือ แม้หลินหว่านจะไม่อยากไปแต่เมื่ออยู่ที่บริษัทก็ต้องรักษากฎระเบียบของที่นี่


 


 


“ท่านประธานเซียว คุณหลินหว่านมาแล้วครับ” ผู้ช่วยจางพูดด้วยรอยยิ้ม


 


 


เซียวจิ่งสือรู้สึกตื่นเต้นมาก แต่เขากลับทำเป็นนิ่งเฉยเสียอย่างนั้น


 


 


หลินหว่านไม่พูดอะไรสักคำ รอให้เซียวจิ่งสือพูด เซียวจิ่งสือส่งสายตาให้ผู้ช่วยจาง ยกเก้าอี้มาวางให้หลินหว่านนั่ง


 


 


เซียวจิ่งสือพูดน้ำเสียงเคร่งขรึมจริงจัง “หลินหว่าน ผมเป็นเจ้านายคุณ เจ้านายก็น่าจะแสดงความห่วงใยพนักงานในบริษัทตัวเองถูกไหม ตอนนี้ร่างกายคุณเพิ่งหายดีได้ไม่นานนัก งานหนักๆ ในบริษัทคุณคงทำไม่ได้ งั้นคุณก็อยู่คอยจัดเอกสารให้ผมแล้วกัน”


 


 


เซียวจิ่งสือตั้งใจหาข้ออ้างดูแลผู้ป่วย ผู้ป่วยไม่ควรจะทำงานที่เหนื่อยมากเกินไป อันที่จริงเขาอยากให้หลินหว่านอยู่ใกล้ๆ เขาต่างหาก ถึงจะไม่ทำอะไรเลย คอยอยู่ข้างๆ เขาก็พอแล้ว นี่จึงเป็นเป้าประสงค์ที่แท้จริงของเซียวจิ่งสือ


 


 


หลินหว่านปรายตามองเซียวจิ่งสือแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “ขอบคุณความหวังดีของท่านประธานเซียว ตอนนี้ฉันหายดีแล้ว งานอะไรของบริษัทฉันก็ทำได้ทั้งนั้นค่ะ ดังนั้นคุณก็ไม่จำเป็นต้องให้ฉันทำงานง่ายๆ พวกนั้นก็ได้”


 


 


หลินหว่านไม่อยากอยู่ใกล้เซียวจิ่งสือ เธอไม่อยากเข้าไปเกี่ยวพันอะไรกับอันซิงเพราะเรื่องของเซียวจิ่ง


 


 


สืออีกแล้ว ตอนนี้เธอแค่อยากจะอยู่เงียบๆ อยากมีชีวิตอย่างสงบเท่านั้น


 


 


ผู้ช่วยจางเห็นท่าทางที่หลินหว่านกับเซียวจิ่งสือพูดคุยกัน ก็เข้าใจสถานการณ์ขึ้นมาบ้าง จึงแอบนึกขำอยู่ในใจ


 


 


เซียวจิ่งสือเห็นว่าหลินหว่านปฏิเสธความต้องการของเขา ก็รู้สึกไม่ชอบใจนัก


 


 


เซียวจิ่งสือทำหน้าบึ้ง พูดว่า “หลินหว่าน คุณจะไม่ฟังคำสั่งของผมงั้นเหรอ เจ้านายจะดูแลคนของบริษัทตัวเองหน่อยไม่ได้หรือไง”


 


 


เซียวจิ่งสือจงใจพูดแบบนี้ ตอนนี้แผนของเขาคือไม่ว่าอย่างไรก็ตามต้องรั้งตัวหลินหว่านไว้ข้างตัวให้ได้ อย่างอื่นไว้ค่อยไปขอโทษและอธิบายกันภายหลัง


 


 


หลินหว่านไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับเซียวจิ่งสืออีก จึงพูดว่า “ได้ค่ะ ขอบคุณที่ดูแลนะคะ”


 


 


เซียวจิ่งสือยิ้มอย่างพอใจ เขารู้สึกภาคภูมิใจกับความฉลาดเฉลียวของตัวเองมาก


 


 


“งั้นที่ท่านประธานเซียวรีบเรียกให้ฉันมาที่บริษัท ก็เพราะมีงานให้ฉันทำใช่ไหมคะ” หลินหว่านพูด


 


 


อันที่จริงเซียวจิ่งสืออยากให้เธอพักผ่อน เขาอยากให้หลินหว่านมาอยู่กับเขาเฉยๆ ก็พอ แต่ตอนนี้ดูท่าว่าหลินหว่านจะไม่ยอมพูดกับเขา แล้วยังคอยแต่จะปั้นหน้าเย็นชาใส่อีก จึงคิดจะหาเรื่องให้เธอทำสักหน่อย


 


 


“หลินหว่าน ตรงนี้มีหนังสือโครงการความร่วมมืออยู่หลายฉบับ คุณช่วยตรวจดูความถูกต้องให้หน่อยนะ เสร็จแล้วส่งให้ผม ถ้าไม่เข้าใจก็มาถามผมได้ ผมยินดีมากที่จะสอนคุณเอง” เซียวจิ่งสือพูดพลางยิ้มกริ่ม


 


 


เซียวจิ่งสือนึกภาพไว้แล้วว่าหลินหว่านจะอ่านหนังสือโครงการพวกนี้ด้วยสีหน้ามึนงง จนต้องเข้ามาถามเขา หลังจากได้รับคำตอบแล้วเธอก็จะมองเขาด้วยสีหน้าชื่นชมนับถือในความสามารถ เซียวจิ่งสือตั้งใจหาหนังสือโครงการความร่วมมือที่เขาคิดว่าหลินหว่านจะอ่านไม่รู้เรื่องมาให้เธอดูเพื่อให้หลินหว่านเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอร้องให้เขาช่วย


 


 


“ได้ค่ะ ท่านประธานเซียว ฉันจะพยายามทำให้เสร็จโดยเร็วที่สุดค่ะ” พูดจบหลินหว่านก็เดินออกไป 

 

 


ตอนที่ 152 รับปาก

 

หลินหว่านคิดจะทำงานที่เซียวจิ่งสือมอบหมายให้โดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เขาดูถูกตัวเองได้ หลินหว่านดูออกว่าสีหน้าของเซียวจิ่งสืออยากจะสร้างความลำบากให้เธอ ดังนั้นหลินหว่านจึงรู้ว่าแผนโครงการความร่วมมือที่อยู่ในมือเธอนี้ต้องไม่ง่ายเด็ดขาด แต่เธอก็ตัดสินใจว่าต่อให้ยากขนาดไหนก็จะไม่ขอความช่วยเหลือจากเซียวจิ่งสือเด็ดขาด


 


 


หลินหว่านออกจากห้องทำงานของเซียวจิ่งสือ กลับมานั่งที่ของตัวเองแล้วเริ่มตรวจทานหนังสือโครงการความร่วมมือนี้


 


 


เซียวจิ่งสือมองออกมานอกห้องเป็นระยะเพื่อดูว่าหลินหว่านยุ่งยากใจกับหนังสือความร่วมมือนั้นหรือไม่ เขารอให้หลินหว่านเข้ามาขอความช่วยเหลือจากเขา แต่ผ่านไปตั้งนานแล้ว หลินหว่านก็ยังไม่มาหาเขาเสียที


 


 


หลินหว่านเปิดหนังสือโครงการความร่วมมือที่เซียวจิ่งสือให้เธอมาตรวจทาน พอเห็นว่าเกี่ยวกับด้านการเงิน หลินหว่านก็รู้สึกกังวลขึ้นมา เพราะว่าเป็นเรื่องที่เธอไม่เคยเรียนมาก่อนเลย


 


 


หลินหว่านอ่านแผนความร่วมมือไปพลางก็คิดว่าจะต้องทำงานนี้ให้สำเร็จด้วยดีให้ได้ ต้องทำให้สมบูรณ์แบบแล้วส่งให้เซียวจิ่งสือกับมือ


 


 


หลินหว่านตรวจทานอย่างตั้งใจไปพลางสืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตไปพลาง ที่แท้ก็ไม่ยากอย่างที่เธอคิด ไม่นานนักหลินหว่านก็ตรวจทานเสร็จ


 


 


“ก๊อกๆๆ ”


 


 


เซียวจิ่งสือได้ยินเสียงเคาะประตู ยังนึกว่าหลินหว่านทำไม่ได้จึงมาขอให้เขาช่วยในที่สุด เขาแอบนึกดีใจ จึงบอกให้หลินหว่านเข้ามาด้วยความยินดี


 


 


“ในที่สุดก็รู้ตัวว่าทำไม่ได้แล้วใช่ไหมล่ะ คุณมานั่งข้างผมนี่มา ผมจะอธิบายให้ฟังเอง คุณแค่ตั้งใจฟังที่ผมบอกคุณ คุณก็จะตรวจทานโครงการความร่วมมือนี่ได้แล้ว” เซียวจิ่งสือพูดอย่างมั่นใจ


 


 


เซียวจิ่งสือคิดในใจว่าคราวนี้จะได้คุยกับหลินหว่านซะที สองเราจะได้ใกล้ชิดกันด้วยเรื่องงานอีกครั้ง เซียวจิ่งสือรู้สึกรื่นเริงเบิกบานใจมาก


 


 


หลินหว่านพูดเสียงเรียบว่า “ไม่ค่ะ ประธานเซียว ฉันว่าคุณน่าจะเข้าใจผิดแล้วค่ะ ฉันตรวจทานหนังสือโครงการความร่วมมือที่คุณมอบหมายให้เสร็จแล้ว นี่ฉันมาส่งให้คุณตรวจดูค่ะ ฉันเห็นว่าตัวเองน่าจะพอทำได้ คุณลองดูนะคะ ถ้ามีที่ไหนผิด ฉันจะได้เอาไปแก้ไขจนกว่าคุณจะพอใจค่ะ”


 


 


หลินหว่านพูดพลางเดินมาตรงหน้าเซียวจิ่งสือแล้ววางหนังสือโครงการความร่วมมือไว้บนโต๊ะทำงานของเขา


 


 


เซียวจิ่งสือประหลาดใจมาก มองหลินหว่านตาค้าง เขายังรอให้หลินหว่านมาขอความช่วยเหลืออยู่เลย กะจะใช้โอกาสนี้มาช่วยสานความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคน แต่คิดไม่ถึงว่าหลินหว่านจะตรวจทานเสร็จในเวลาอันสั้นขนาดนี้


 


 


เซียวจิ่งสือคิดว่านี่เขาอุตส่าห์เลือกโครงการด้านการเงินซึ่งหลินหว่านไม่เข้าใจมาแล้วเชียว ทำไมเธอจึงทำเสร็จได้ในเวลารวดเร็วขนาดนี้นะ เซียวจิ่งสือรู้สึกอัดอั้นตันใจขึ้นมา ขณะที่มองดูหลินหว่านที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา


 


 


“ประธานเซียวคะ คุณน่าจะอ่านดูโครงงานที่ฉันตรวจทานให้ก่อนไม่ใช่เหรอคะ อย่าเอาแต่จ้องฉันแบบนี้สิคะ ยังไงซะงานก็สำคัญที่สุดใช่ไหมคะ สำหรับคนในวงการธุรกิจอย่างคุณ” หลินหว่านพูดขึ้น


 


 


เซียวจิ่งสือรู้ว่าหลินหว่านยังติดใจกับเรื่องก่อนหน้านี้ไม่หาย เรื่องนั้นส่งผลกระทบต่อพวกเขาสองคนอย่างมากจริงๆ แต่เขาเองก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ถึงยังไงพ่อเขาก็ยังมีอิทธิพลมากอยู่ดี


 


 


หลินหว่านยังเข้าใจว่าเซียวจิ่งสือตอนนี้กับเมื่อก่อนไม่เหมือนเดิมแล้ว นับตั้งแต่เธอรู้ว่าเซียวจิ่งสือกับอันซิงมีสัญญาหมั้นหมายต่อกัน หลินหว่านก็หมดสิ้นความหวังแล้ว สำหรับหลินหว่านแล้วเซียวจิ่งสือในตอนนี้เป็นคนที่ยอมสละความรักเพื่อผลประโยชน์


 


 


“เอาเถอะ ให้ผมอ่านหนังสือโครงการความร่วมมือที่คุณตรวจทานนี่ก่อนว่าผ่านหรือไม่ผ่าน” เซียวจิ่งสือ


 


 


ออกปากแก้เก้อ


 


 


เซียวจิ่งสือคิดจะหาข้อบกพร่องในแผนโครงการ จากนั้นจะได้ใช้เป็นข้ออ้างพูดคุยกับหลินหว่าน นี่เป็นสิ่งที่เซียวจิ่งสือตั้งใจไว้ เขาแค่อยากจะใช้โอกาสนี้ปรับความสัมพันธ์ของเขากับหลินหว่านซะใหม่ อย่างน้อยตอนที่พวกเขาพูดคุยกันจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดขัดเขินอีก


 


 


เซียวจิ่งสืออ่านหนังสือโครงการความร่วมมือที่หลินหว่านตรวจทานอย่างตั้งใจ แต่สิ่งที่ทำให้เขาผิดหวังก็คือ หลินหว่านทำงานนี้ได้สมบูรณ์มาก ไม่อาจหาข้อบกพร่องใดๆ ได้เลย


 


 


เซียวจิ่งสือรู้สึกบื้อไปเลย นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาหวังเอาไว้ เขาอ่านดูตั้งแต่ต้นจนจบ หลินหว่านทำได้ดีมาก คิดจะหาข้อผิดพลาดก็ไม่รู้จะหาได้จากไหน


 


 


เซียวจิ่งสือเงยหน้าขึ้นมองหลินหว่าน พูดว่า “ไม่เลวนี่ ครั้งนี้ทำได้ดีมาก ผมหวังว่าคุณจะทำได้ดียิ่งๆ ขึ้นไปนะ ตอนนี้ผมกำลังขาดคนแบบคุณอยู่พอดี งั้นคุณก็อยู่ช่วยผมทำงานพวกนี้ก็แล้วกัน ห้ามปฏิเสธด้วย”


 


 


ขณะที่เซียวจิ่งสือพูดไปก็เกิดฉุกใจคิดขึ้นมาได้ หาเหตุที่จะให้หลินหว่านอยู่ข้างกายเขา อย่างนั้นต่อไปโอกาสที่สองคนจะได้พูดคุยกันก็จะยิ่งมากขึ้นตามไปด้วย


 


 


หลินหว่านไม่ชอบที่ต่อไปต้องเจอกับเรื่องยุ่งยากโดยไม่จำเป็น ถ้าให้อันซิงจอมวีนรู้ว่าเธออยู่ใกล้ชิดกับเซียวจิ่งสือทั้งวันแบบนี้ คงต้องมีเรื่องยุ่งยากตามมาอย่างมโหฬารแน่ หลินหว่านคิดถึงตรงนี้ก็รู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจขึ้นมา


 


 


“ประธานเซียวคะ ฉันว่าฉันคงไม่อาจทำงานที่คุณมอบหมายให้ได้หรอกค่ะ” หลินหว่านพูดเสียงจริงจัง


 


 


เซียวจิ่งสือพอถูกปฏิเสธอีกครั้งก็รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก แต่เขารู้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเองทำผิดไป จึงไม่อยากจะปล่อยโอกาสที่เขาจะได้อยู่กับหลินหว่านหลุดมือไป


 


 


“หลินหว่าน ตอนนี้คุณเป็นคนของบริษัทเรา คุณจะไม่มาช่วยผมทำงานหรือไง ผมไม่ได้คิดจะสร้างความลำบากให้คุณเลยนะ แค่ให้คุณอยู่ข้างๆ คอยช่วยผมเท่านั้นเอง” เซียวจิ่งสือพูด


 


 


หลินหว่านอยากจะพูดถึงอันซิง แต่มาคิดดูแล้วอย่าพูดถึงอันซิงนี่อีกเลย ทำให้เรื่องนี้จะยิ่งซับซ้อนยุ่งยากไปกันใหญ่


 


 


“ประธานเซียว ก็ได้ค่ะ เอาตามที่คุณว่ามาก็ได้” หลินหว่านขมวดคิ้วพูดขึ้น


 


 


หลินหว่านรู้สึกปวดใจมาก ตอนนี้พูดกับเซียวจิ่งสือเธอต้องเรียกเขาว่า “ประธานเซียว” ช่างไม่เหมือนเดิมจริงๆ


 


 


เซียวจิ่งสือนั้นต่อให้ตอนนี้จะดูออกว่าหลินหว่านไม่สบายใจ แต่อย่างน้อยเธอก็รับปากตกลงมาทำงานกับเขาแล้ว อย่างนั้นทั้งสองก็จะมีโอกาสใกล้ชิดกันมากมาย เซียวจิ่งสือคิดว่าต้องหาโอกาสเหมาะเพื่อปรับความเข้าใจกับหลินหว่านเรื่องก่อนหน้านี้ให้ได้ เขาไม่ชอบให้พวกเขามีความรู้สึกเหมือนเป็นคนแปลกหน้าแบบนั้นอีกแล้ว


 


 


สองวันมานี้เซียวจิ่งสือมักจะให้หลินหว่านช่วยงานเขาเล็กๆ น้อยๆ อยู่ตลอด อันที่จริงนี่ก็ข้ออ้างทั้งนั้น เขาแค่อยากให้หลินหว่านคอยวนเวียนอยู่รอบตัวเขา จะได้เห็นเธอตลอดเวลาก็เท่านั้น เขารู้ว่าในเวลาอย่างนี้หลินหว่านจะไม่ยอมเป็นฝ่ายพูดกับเขาก่อนแน่ จึงต้องทำแบบนี้เพื่อให้พวกเขาสองคนได้พบหน้ากันทั้งวัน มีปฏิสัมพันธ์กันบ้าง


 


 


บางครั้งเซียวจิ่งสือให้หลินหว่านนั่งพักอยู่ด้านข้างเขา แต่เป็นต้องถูกปฏิเสธทุกครั้งไป เขาจึงต้องหางานง่ายๆ ให้หลินหว่านนั่งทำไปเงียบๆ ในที่ซึ่งเซียวจิ่งสือจะมองเห็นเธอได้ แค่นี้เซียวจิ่งสือก็พอใจแล้ว เขาอยากจะมองดูเธอแบบนี้ ต้องมีสักวันที่พวกเขาจะกลับมาคืนดีกันได้แน่


 


 


หลินหว่านรู้ดีว่าเซียวจิ่งสือทำแบบนี้เพื่ออะไร แต่เธอก็รู้ตัวดีว่าตอนนี้เธอไม่มีสิทธิ์ใดๆ ที่จะใกล้ชิดกับเซียวจิ่งสือแบบนี้ หลินหว่านได้แต่เลือกที่จะหลีกห่างออกมาเพื่อจะได้ไม่เกิดเรื่องโดยไม่จำเป็น 

 

 


ตอนที่ 153 ทะเลาะ

 

บางครั้งหลินหว่านก็แอบมองเซียวจิ่งสืออยู่เหมือนกัน เธอมักจะรู้สึกปวดใจเอามากๆ ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน ตอนที่สองคนอยู่ด้วยกันเป็นต้องมีเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข แต่ตอนนี้กลับมีแต่ความเงียบงัน


 


 


วันนี้ หลินหว่านมาที่ห้องทำงานเหมือนกับปกติ เธอนั่งทำงานไปเงียบๆ บนโต๊ะฝั่งตรงข้ามกับเซียวจิ่งสือ


 


 


ตามที่เขาจัดให้


 


 


ทันใดนัน้ อันซิงก็เดินตรงรี่เข้ามาอย่างโกรธจัด เวลานี้เซียวจิ่งสือยังมาไม่ถึงที่ทำงาน ภายในห้องจึงมีเพียงอันซิงกับหลินหว่านเพียงสองคน


 


 


“หลินหว่าน หลายวันที่ฉันไม่ได้มาที่นี่ แกก็มายั่วยวนเซียวจิ่งสืออยู่นี่ล่ะซิ แกมันไม่รู้จักดูเงาหัวตัวเองมั่งหรือไง แกกับเซียวจิ่งสือมันคนละชั้นกัน อย่าคิดสะเออะมาตีเสมอ” อันซิงตวาดเสียงดังลั่นใส่หลินหว่าน


 


 


หลินหว่านไม่ได้อยากทะเลาะกับอันซิง เธอรู้ว่าเรื่องแบบนี้แม้จะพูดไปสักกี่รอบก็ไม่เข้าใจกันหรอก จึงไม่คิดจะเปลืองน้ำลายไปต่อปากต่อคำด้วย


 


 


หลินหว่านกวาดตามองอันซิงด้วยสายตาเย็นชา แล้วพูดเสียงเรียบว่า “จะคิดยังไงก็ตามใจเธอ ฉันแค่ทำตามที่ฉันเห็นว่าถูกต้องก็พอ ไม่ใช่อย่างจินตนาการในหัวสมองของเธอหรอก ฉันเองก็รู้ดีว่าจะพูดอย่างไรเธอก็ไม่เชื่ออยู่ดี งั้นก็แล้วแต่เธอจะคิดนึกเอาก็แล้วกัน คนเราบริสุทธิ์ใจซะอย่างจะไปกลัวอะไร”


 


 


อันซิงเห็นท่าทีไม่แคร์อะไรของหลินหว่านก็ยิ่งโมโหใหญ่ เธอเดินพล่านไปมาในห้องทำงาน คิดว่าจะทำอย่างไรให้หลินหว่านเป็นฝ่ายพูดกับเธอก่อน ไม่ใช่นั่งเงียบเหมือนในตอนนี้


 


 


“แกต้องขอโทษฉัน เดี๋ยวนี้เลย ขอให้ฉันยกโทษให้แก” อันซิงตะเบ็งเสียงดังลั่น


 


 


หลินหว่านเงยหน้าขึ้นมองอันซิงแวบหนึ่งแล้วไม่สนใจอีก หลินหว่านไม่อยากพูดคุยปฏิสัมพันธ์กับคนดื้อด้านไร้สาระแบบนี้ เธอรู้ว่าคนประเภทนี้ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะพูดด้วยอีก


 


 


อันซิงทำอะไรหลินหว่านไม่ได้ แต่วันนี้เธอมีแผนที่จะมาหาเรื่องหลินหว่าน


 


 


“ฮัลโหล แกพาคนสักหลายคนมาที่ห้องทำงานของเซียวจิ่งสือ ฉันมีเรื่องให้พวกแกทำ” อันซิงพูดโทรศัพท์อย่างโมโห


 


 


เพียงไม่นานนักก็มีคนหลายคนมาที่ห้องทำงานของเซียวจิ่งสือ หลินหว่านรู้ว่านั่นเป็นคนที่อันซิงเรียกให้มา เธออยากจะดูสิว่าพวกเขาจะมีแผนอะไร


 


 


ตอนนั้นเองอันซิงเดินมาตรงหน้าหลินหว่าน พูดว่า “หลินหว่าน เป็นพนักงานก็ต้องรู้จักฐานะของตัวเอง ทำงานในที่ของตัวเอง เธอดูตัวเองสิ ทำไมคิดจะข้ามชั้นมาเกาะเจ้านายล่ะ เธอไม่อายบ้างหรือไง”


 


 


หลินหว่านลุกพรวดขึ้นมาจ้องหน้าอันซิง เธอไม่ชอบความรู้สึกถูกตีไข่ใส่สีแบบนี้เลย และตอนนี้อันซิงก็ใช้สายตาประหลาดชนิดหนึ่งมองดูเธออยู่


 


 


อันซิงเห็นว่าหลินหว่านลุกขึ้นยืนก็ไม่ยอมแพ้ ตบหน้าหลินหว่านไปฉาดหนึ่ง


 


 


หลินหว่านมึนงงมาก เธอไม่คิดว่าอันซิงจะลงมือลงไม้ที่นี่ หลินหว่านถูกตบสั่งสอนแบบไม่รู้ต้นสายปลายเหตุแบบนี้ก็จุดประกายความโกรธขึ้น เธอจ้องอันซิงด้วยสายตาเต็มไปด้วยความโกรธ


 


 


หลินหว่านมองดูใบหน้าอวดดีของอันซิง คิดว่าเรื่องอัปยศของตัวเองก่อนหน้านี้ อีกทั้งเรื่องของเซียว


 


 


จิ่งสือล้วนแต่เป็นเพราะอันซิงทำให้ตอนนี้เขากลายเป็นคนแปลกหน้าได้ขนาดนี้ ความโกรธของหลินหว่านก็ยิ่งพลุ่งพล่านขึ้นเรื่อยๆ เธอไม่ยอมให้อันซิงรังแกง่ายๆ แบบนี้อีก หลินหว่านยกมือขึ้นจะตบอันซิงกลับ แต่ถูกบอดี้การ์ดหลายคนที่มากับอันซิงขัดขวางไว้


 


 


หลินหว่านมองดูหลายคนที่อยู่ตรงหน้า ถ้าหากสู้กันตรงๆ เธอคงต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบแน่ แต่หลินหว่านก็ไม่ยอมให้อันซิงอาละวาดต่อไปแบบนี้อีก หลินหว่านรู้ว่านี่เป็นห้องทำงานของเซียวจิ่งสือ พวกเขาไม่กล้าทำอะไรเกินเลยที่นี่ แต่หลินหว่านไม่ยอมทนกับการเหยียบย่ำนี้ เธอยกมือขึ้นแล้วฟาดไปบนร่างของอันซิงอีกครั้ง


 


 


“พวกแกมัวทำอะไรอยู่ ฉันเรียกพวกแกมาทำอะไรกัน ถึงให้มันทำร้ายฉันได้ พวกแกมันสวะชัดๆ” อันซิงตะโกนด่าพวกบอดี้การ์ดที่มากับเธอ


 


 


พวกบอดี้การ์ดพากันก้มหน้าไม่กล้าพูดอะไร เพราะปกป้องอันซิงไว้ไม่ได้ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าลงมือกับหลินหว่าน


 


 


“แกคอยดูนะฉันจะกลับมาอีกแน่ ฉันจะให้แกจ่ายค่าตอบแทนเรื่องนี้ ให้แกได้รู้ว่าผู้ชายของฉัน แกจะมาเสนอหน้าไม่ได้ หลินหว่าน แกไม่น่ามาหาเรื่องกับฉัน เดี๋ยวได้เจอดีแน่” อันซิงพูดพลางจ้องหลินหว่านอย่างประสงค์ร้าย


 


 


หลินหว่านได้ฟังคำพูดของอันซิงก็รู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างขึ้นมาอีก เธอรู้ว่าตอนนี้เซียวจิ่งสือเป็นผู้ชายของอันซิง และไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธออีก


 


 


หลินหว่านพูดอย่างไม่ยอมแพ้ “ฉันไม่กลัวเธอหรอก ฉันทำอะไรฉันรู้ตัวดี ไม่ต้องให้เธอมาเตือน และขอให้เธอรู้ไว้ว่า ทุกเรื่องที่ฉันทำจะคำนึงถึงความถูกต้องก่อนเสมอ ไม่เหมือนอย่างเธอที่ทำได้ทุกอย่างโดยไม่สนว่าจะทำให้ใครเดือดร้อนบ้าง”


 


 


อันซิงถูกคำพูดของหลินหว่านทำให้ถึงจุดเดือดอีกครั้ง เธอพุ่งพรวดออกจากห้องทำงานของเซียวจิ่งสือ


 


 


ด้วยอาการเดือดพล่าน


 


 


อันซิงคิดจะกลับไปหาอันโฮ่วสยง ปู่ของเธอมาจัดการหลินหว่าน ให้หลินหว่านรู้ว่าเธอไม่ใช่คนที่จะมาหาเรื่องได้ง่ายๆ


 


 


ไม่นานนักอันซิงก็มาถึงบริษัทของอันโฮ่วสยง เธอวิ่งมาร้องไห้ตรงหน้าอันโฮ่วสยง “คุณปู่คะ หนูถูกคนอื่นรังแกค่ะ ทั้งที่หลินหว่านรู้เรื่องความสัมพันธ์ของหลานกับเซียวจิ่งสือ ยังไม่ยอมไปจากเซียวจิ่งสืออีก มันแอบไปทำงานใกล้ชิดกับเซียวจิ่งสือลับหลังหลานด้วย มันตั้งใจจะยั่วยวนเซียวจิ่งสือ หลานไม่ยอมนะคะ หลานต่างหากที่เป็นคนที่จะแต่งงานกับเซียวจิ่งสือ มันถือดีอะไรถึงเข้ามาตีสนิทกับเซียวจิ่งสือขนาดนี้ด้วย”


 


 


อันโฮ่วสยงมองดูสภาพน่าสงสารของหลานสาวแล้วรู้สึกเห็นใจ เขานึกถึงหลินหว่าน รู้สึกโกรธแค้นเธอขึ้นมา นึกอยากจะสั่งสอนหลินหว่านแทนหลานสาวเขาสักที


 


 


อันโฮ่วสยงถามอันซิงอย่างห่วงใยว่า “ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกลัวหรอก หลานจะให้ปู่ช่วยทำอะไรให้ล่ะ ปู่เต็มใจช่วยหลานทุกอย่างขอให้บอกมา อันซิง หลานก็อย่าเพิ่งร้อนใจไปนะ ปู่มีวิธีตั้งมากมาย ปู่จะไปเชิญตัวหลินหว่านมา ถามเธอดีๆ ว่าทำไมต้องเข้ามาใกล้ชิดเซียวจิ่งสือ วางใจเถอะ ปู่จะให้หลินหว่านไปจากเซียวจิ่งสือให้ไกลเลย คนสวยขนาดน้องของปู่ย่อมต้องคู่กับเซียวจิ่งสือจึงจะเหมาะสมกัน หลินหว่านมันเป็นใครมาจากไหนกัน”


 


 


อันซิงได้ฟังคำของอันโฮ่วสยงแล้วก็ดีใจ นี่ล่ะที่เธออยากได้ แค่ไม่อยากพูดสิ่งที่คิดออกมาตรงๆ เท่านั้น ตอนนี้ดีเลย ปู่ของเธอพูดซะชัดเจนขนาดนั้น เขาจะ ‘เชิญ’ หลินหว่านมาคุยด้วย


 


 


“ดีเลยค่ะ พี่ต้องคุยกับหลินหว่านให้รู้เรื่องนะคะ อย่าให้เธอทำผิดต่อไปอย่างนี้อีก เซียวจิ่งสือไม่มีทางเป็นของเธอไปได้หรอก บอกเธอว่าอย่าดื้อด้านไปเลย ถ้าหากเธอไม่เชื่อฟังละก็ อันที่จริงคุณปู่จะใช้วิธีรุนแรงสักหน่อยก็ได้นะคะ ถึงยังไงบางคนก็ชอบไม้แข็งไม่ชอบไม่อ่อน คุณปู่มัวถกเหตุผลกับเธอกลับจะไม่ฟังเอาสิคะ” อันซิงพูด


 


 


อันซิงหวังให้หลินหว่านถูกทำร้ายอีกครั้ง ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ยิ่งดีใหญ่ หลินหว่านจะได้รับรู้ความร้ายกาจของเธอ


 


 


อันโฮ่วสยงสั่งคนให้ส่งอันซิงกลับบ้านแล้วก็เรียกผู้ชายหุ่นล่ำบึ่กให้มาที่ห้องทำงานเขาหลายคน


 


 


“ท่านประธานอัน ต้องการอะไรเหรอครับ พวกผมทำให้ได้แน่ครับท่าน” เจ้าคนที่เป็นหัวหน้าพูดขึ้น


 


 


อันโฮ่วสยงมองประเมินดูแล้วยิ้มออกมาอย่างพอใจ


 


 


อันโฮ่วสยงกระแอมทีหนึ่ง แล้วหยิบภาพถ่ายของหลินหว่านออกมาวางบนโต๊ะ พูดเสียงดังกังวานว่า “พวกแกไปจับตัวคนในรูปนี่มา ฉันมีเรื่องสำคัญจะพูดกับหล่อน ด่วนที่สุด”


 


 


หลินหว่านระหว่างทางกลับบ้านถูกหลายคนรุมจับตัวเธอขึ้นรถ เธอรู้สึกกลัวมากด้วยไม่รู้ว่าพวกมันจะพาเธอไปที่ไหน


 


 


ผ่านไปครู่หนึ่ง หลินหว่านก็ถูกพาตัวมายังสถานที่ส่วนตัวของอันโฮ่วสยง 

 

 


ตอนที่ 154 ลักพาตัว

 

ภายในห้องเล็กๆ นั้น หลินหว่านถูกผ้าปิดตาไว้ ปากก็ปิดด้วยเทปกาว นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง ข้อมือของเธอถูกมัดเอาไว้ ร่างของเธอถูกมัดติดกับเก้าอี้ไว้อย่างแน่นหนา ชนิดที่ไม่มีทางดิ้นหลุดได้เลย


 


 


เธอมองไม่เห็นอะไรเลย และไม่อาจรับรู้สภาพแวดล้อมรอบตัวได้เลย อย่าว่าแต่จะรู้ว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน เธอไม่รู้อะไรสักอย่าง


 


 


ผ่านไปชั่วครู่หนึ่ง มีเสียงฝีเท้าเดินใกล้เข้ามา ฟังจากเสียงแล้ว น่าจะมีไม่น้อยกว่าสามคน เสียงย่ำเท้า “กึกๆ ” ดังแว่วมา เป็นเสียงของคนที่สวมรองเท้าหนัง สุดท้าย เสียงฝีเท้ามาหยุดลงตรงหน้าหลินหว่าน จากนั้นเป็นเสียงลงกลอนประตู


 


 


หลังจากที่หลินหว่านถูกคนนำตัวมาขังในห้องนี้ ก็มุ่งจดจ่ออยู่กับความเคลื่อนไหวรอบข้าง ระหว่างทางเธอเคยคิดว่าคนที่จับตัวเธอมาน่าจะเป็นใครกัน ทำไมจึงต้องจับตัวเธอด้วย


 


 


เธอจำไม่ได้ว่าเธอเคยมีเรื่องกับใคร อย่างนั้นคนที่จับตัวเธอมานี้เป็นไปได้ว่าจะเป็นเพราะคนรอบข้างตัวเธอ จึงได้จับตัวเธอมา


 


 


เป็นเพราะเซียวจิ่งสืองั้นเหรอ ไม่น่าใช่ ระยะนี้มีข่าวเรื่องความสัมพันธ์ของเซียวจิ่งสือกับอันซิงกำลังมาแรง ถ้าหากคนที่จับตัวเธอมามีเป้าหมายคือเซียวจิ่งสือ อย่างนั้นพวกเขาก็น่าจะจับตัวอันซิงจึงจะถูก


 


 


หรือว่าเพราะเฉียวมั่วเฉิน นี่ก็น่าจะเป็นไปได้ เธอรู้ว่าญาติผู้พี่ของเธอคนนี้มีชื่อเสียงในวงการของชาวแก๊งไม่น้อยทีเดียว แต่จะใหญ่ขนาดไหน มีคู่แค้นเป็นใครบ้าง เธอก็ไม่รู้แน่ชัดนัก แต่ว่าเฉียวมั่วเฉินกับเธอไม่ได้เจอกันมานาน ความสัมพันธ์ของพวกเขาน่าจะมีน้อยคนมากที่จะรู้นี่นา คนที่จับตัวเธอรู้ได้ไงว่าเธอเป็นน้องของเฉียวมั่วเฉิน


 


 


ขณะที่หลินหว่านคิดวิเคราะห์เรื่องทั้งหมดอย่างเยือกเย็นนั้น ผ้าปิดตาของเธอก็ถูกดึงออกอย่างแรง


 


 


พอคุ้นกับแสงสว่างแล้ว หลินหว่านก็มองเห็นคนที่มา แต่ว่าภาพตรงหน้ากลับทำให้เธอตกใจจนแทบจะอ้าปากค้างเลยทีเดียว คนที่จับตัวเธอมาเป็นคุณตาของเธอเอง…อันโฮ่วสยง!


 


 


“หว่านหว่าน ทำไม จำฉันที่เป็นตาของแกไม่ได้แล้วหรือไง” ผู้ช่วยที่อยู่ข้างกายอันโฮ่วสยงยกเก้าอี้ตัวหนึ่งมาให้เขา อันโฮ่วสยงนั่งลงห่างจากหลินหว่านหลายก้าว หลังจากมองสำรวจดูหลินหว่านรอบหนึ่งแล้ว เขาก็เอ่ยปากถามเธอ


 


 


หลินหว่านรู้สึกเศร้าใจและเจ็บปวดเหมือนถูกทิ่มแทง ทำไมจะจำไม่ได้ ในโลกนี้คุณตาที่สามารถลักพาตัวหลานสาวตัวเองมาได้ก็คงจะมีแต่อันโฮ่วสยงคนเดียวนี่ละมั้ง


 


 


ตอนหลินหว่านมาที่นี่ ปากของเธอถูกคนปิดเทปไว้ ตอนนี้เธอจึงส่งเสียง “อื้อๆ” เหมือนอยากจะพูดอะไร แต่พูดไม่รู้เรื่อง


 


 


“เอาที่ปิดปากเธอออกซิ” อันโฮ่วสยงเห็นแล้วขมวดคิ้ว ร้องสั่งคนของเขา


 


 


พอเทปกาวที่ปากหลินหว่านถูกดึงออก เธอไม่สนความรู้สึกเจ็บปวดที่เกิดขึ้น พูดกับอันโฮ่วสยงด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณตาเหรอ ขอโทษนะ ตั้งแต่แม่ของฉันตายไป ฉันก็ไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับคนแซ่อันอีกต่อไป!”


 


 


อันโฮ่วสยงได้ฟังแล้วสีหน้าเย็นเยียบลง ใช้สายตาดูแคลนมองดูหลินหว่าน “ดูท่าว่า แกมันสมกับที่เป็นลูกไม่มีพ่อของแม่แก ไม่มีใครสั่งสอนเลยสักนิด!”


 


 


หึๆ นี่ก็คือญาติที่เกี่ยวพันทางสายเลือดกับเธอสินะ หลินหว่านฟังแล้วรู้สึกอ้างว้างลึกลงไปถึงก้นบึ้งของจิตใจ อันโฮ่วสยงจะรังเกียจเธออย่างไรก็ได้ แต่เธอไม่ยอมให้เขาดูถูกแม่ที่ตายไปแล้วของเธอเด็ดขาด!


 


 


“แต่ว่า วันนี้ฉันมีเรื่องอื่นจะถามแก!” แล้วอันโฮ่วสยงก็นึกได้ถึงเป้าหมายในวันนี้ของเขา จึงพูดขึ้นอีก


 


 


“อันซิงที่เป็นพี่สาวของแกกับเซียวจิ่งสือตอนนี้กำลังจะแต่งงานกัน เซียวจิ่งสือจึงเป็นแฟนของอันซิง ฉันก็อยากจะถามแกหน่อยว่า ทำไมแกต้องแย่งแฟนของพี่สาวตัวเองด้วย!” อันโฮ่วสยงเค้นถามหลินหว่านอย่างขุ่นเคือง


 


 


หลินหว่านได้ฟังก็ยันกลับไปอย่างดื้อรั้นและโกรธแค้น “พี่สาวงั้นเหรอ คุณนี่รู้จักพูดล้อเล่นซะจริงเชียว! ฉันน่ะเป็นคนที่คุณเรียกว่านังลูกไม่มีพ่อไม่ใช่หรือไง แล้วอันซิงจะมาเป็นพี่น้องฉันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน อีกอย่าง อันซิงเองเธอเคยเห็นฉันเป็นน้องบ้างไหม”


 


 


อันโฮ่วสยงมองดูสายตาแข็งกร้าวของหลินหว่านแล้วรู้สึกกรุ่นโกรธขึ้นมา สำหรับเขาแล้ว ตั้งแต่หลินหว่านถูกคลอดออกมา เธอก็เป็นความอัปยศของบ้านตระกูลอันมาตลอด เป็นสายเลือดสกปรกที่ทำให้บ้านตระกูลอันต้องแปดเปื้อน เธอจึงควรที่จะต่ำต้อยด้อยค่า ถูกผู้คนหลงลืม ถูกผู้คนรังเกียจทอดทิ้งจึงจะถูก!


 


 


ส่วนอันซิง ในฐานะที่เธอเป็นคุณหนูใหญ่ของบ้านตระกูลอัน เป็นเจ้าหญิงผู้สูงส่งเลอเลิศของบ้านตระกูลอัน เธอต่างหากที่เขาต้องทะนุถนอมดั่งมุกเม็ดงาม หลานสาวสุดรักสุดถนอมของเขา และเธอยังเป็นผู้สืบทอดกิจการทั้งหมดของบ้านตระกูลอันอีกด้วย!


 


 


พอนึกถึงตรงนี้ อันโฮ่วสยงก็สั่งหลินหว่าน “แกไม่ต้องมาแก้ตัว! สรุปคือ ตอนนี้เซียวจิ่งสือเป็นสามีในอนาคตของอันซิง ต่อไปห้ามแกเข้าใกล้เซียวจิ่งสืออีกแม้แต่ครึ่งก้าว!”


 


 


“ฉันก็ทำงานอยู่ที่บริษัทดีๆ ไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด กลับถูกคุณใส่ร้ายว่าฉันแย่งแฟนของอันซิง ขอถามหน่อยสิ คุณเห็นกับตาเลยหรือไงห๊ะ” หลินหว่านฟังคำพูดของอันโฮ่วสยงแล้ว แค่นหัวเราะออกมา พูดกับอันโฮ่วสยงว่า “แล้วยังมีอีก ถ้าคุณห่วงว่าเซียวจิ่งสือจะถูกคนอื่นแย่งไปจริงๆ คุณก็ไปจับตัวเซียวจิ่งสือมาสิ แล้วบอกคำพูดเหล่านี้กับเขา ไม่งั้นถ้าเซียวจิ่งสือถูกคนอื่นแย่งไป แล้วจะทำอย่างไรล่ะ”


 


 


อันโฮ่วสยงเห็นหลินหว่านเถียงคำไม่ตกฟาก ก็พูดอย่างโกรธจัดว่า “แก…แกยังจะกล้าเถียงอีก! ฉันว่าแกต้องมีแผนการร้าย คิดจะยั่วยวนเซียวจิ่งสือ แย่งสามีในอนาคตของอันซิง! เหมือนกับพ่อของแก คิดอยากจะได้ของที่ไม่ใช่ของตัวเอง หวังสูงเกินฐานะตัวเอง!”


 


 


พอพูดถึงเรื่องในครั้งเก่าก่อน อันโฮ่วสยงก็สงบจิตใจลง พูดต่อว่า “แต่ว่า แกจะไม่ได้สมหวังหรอกนะ! บ้านตระกูลเซียวมีกิจการใหญ่โต พวกเขาจะไม่ยอมให้ผู้หญิงอย่างแกได้แต่งเข้าบ้านตระกูลเซียวหรอก! แกก็ไม่ต้องหวังในตัวเซียวจิ่งสืออีกต่อไป!”


 


 


“ฉันว่า คนที่วาดหวังในตัวเซียวจิ่งสือน่าจะเป็นอันซิงมากกว่ามั้ง ทั้งๆ ที่รู้ว่าเซียวจิ่งสือไม่ได้ชอบเธอ ก็ยังตามพัวพันเซียวจิ่งสืออยู่ทุกวัน ถึงกับใช้อิทธิพลของบ้านตระกูลอันเพื่อจะได้หมั้นหมายกับเขา…” หลินหว่านโต้กลับอย่างไม่ลดละ


 


 


ยังไม่ทันที่หลินหว่านจะพูดจบ อันโฮ่วสยงก็ลุกพรวดขึ้นยืน ตวาดใส่หลินหว่านอย่างโกรธจัดว่า “พอได้แล้ว! ดูท่าว่าแกไม่คิดจะเชื่อฟัง ในเมื่อเป็นอย่างนี้ก็อย่าหาว่าฉันลงมือกับแกล่ะ!”


 


 


พูดจบ อันโฮ่วสยงก็ส่งสัญญาณให้กับชายในชุดดำคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างกายเขาตลอดเวลา


 


 


ผู้ชายคนนี้รูปร่างล่ำสันแข็งแรง ใบหน้าดุดันเย็นชา ดูเหมือนจะเป็นบอดี้การ์ดข้างตัวของอันโฮ่วสยง พอเขาได้รับสัญญาณจากอันโฮ่วสยง ก็มาที่ตรงหน้าหลินหว่าน จากนั้นลงมือตบหน้าเธอดัง “เพียะ” อย่างไม่พูดพล่ามทำเพลง สีหน้าไร้ความรู้สึก


 


 


หลินหว่านถูกตบฉาดหนึ่งโดยไม่ทันตั้งตัว รู้สึกทั้งน่าเศร้าและน่าขัน เพราะเพื่ออันซิงอันโฮ่วสยงถึงกับใช้วิธีการนี้กับเธอ!


 


 


หลินหว่านสะกดกลั้นความเจ็บปวดแสบร้อนบนใบหน้า เธอหันหน้ามามองอันโฮ่วสยงด้วยสายตาเย็นเยียบ พูดว่า “ท่านประธานกรรมการอัน ฉันกับเซียวจิ่งสือเป็นแค่เจ้านายกับลูกน้องธรรมดาๆ เท่านั้น คุณเอาอะไรมาบอกว่าฉันแย่งแฟนของอันซิง อีกอย่าง แทนที่คุณจะทำแบบนี้ กลับไปช่วยอันซิงเฝ้าสามีในอนาคตของเธอไม่ดีกว่าเรอะ!”


 


 


“ดีมาก หลินหว่าน! ตบไปอีกไม่ต้องหยุด!” อันโฮ่วสยงฟังแล้วยิ่งโมโหหนัก หันไปสั่งกับคนของเขาเสียงเย็นเยียบ

 

 

 


ตอนที่ 155 ได้รับความช่วยเหลือ

 

หลินหว่านถูกบอดี้การ์ดของอันโฮ่วสยงตบไปหลายฉาด จู่ๆ เธอก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตูจากด้านนอกห้อง “หว่านหว่าน คุณอยู่ไหม คุณอยู่ข้างในไหม หว่านหว่าน”


 


 


เสียงของเซียวจิ่งสือ!


 


 


หลินหว่านประหลาดใจสุดๆ เซียวจิ่งสือมาช่วยเธองั้นหรือ?


 


 


อันโฮ่วสยงก็ได้ยินเสียงของเซียวจิ่งสือเช่นกัน เขายิ่งรู้สึกเดือดพล่าน ยังจะบอกว่าหลินหว่านไม่ได้ยั่วยวนเซียวจิ่งสืออีก ถ้าเธอกับเซียวจิ่งสือไม่มีอะไรกันจริงๆ ทำไมเซียวจิ่งสือจะมาช่วยเธอถึงนี่


 


 


ต้องเป็นหลินหว่านให้ท่าเซียวจิ่งสือ เพื่อจะแย่งสามีในอนาคตของอันซิง! แต่ที่ทำให้เขาโมโหยิ่งกว่าคือ ทำไมเซียวจิ่งสือยังพัวพันกับหลินหว่านอยู่อีกทั้งที่หมั้นหมายกับอันซิงแล้ว


 


 


เซียวจิ่งสือที่อยู่ด้านนอกประตูไม่ได้ยินเสียงคนในห้องก็รู้สึกตกใจสุดๆ เห็นประตูถูกล็อกไว้ เขากระแทกประตูอย่างแรง พูดว่า “หว่านหว่าน ไม่ต้องกลัวนะ ผมจะเข้าไปช่วยคุณเดี๋ยวนี้ล่ะ!”


 


 


เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน ตึกเซวี่ยนจื่อ ภายในห้องทำงานที่ห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามา อันจี๋ถิงกำลังนั่งเขียนบทอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เหมือนปกติธรรมดา พอเขียนเสร็จ จู่ๆ เธอก็รู้สึกกระสับกระส่ายไม่สบายใจขึ้นมา รู้สึกเหมือนว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้น


 


 


พอคิดดูแล้วอันจี๋ถิงก็เปิดดูภาพจากกล้องวงจรปิดบนคอมพิวเตอร์ของเธอ


 


 


ภาพที่ปรากฏบนจอทำให้อันจี๋ถิงรู้สึกคาดไม่ถึง หลินหว่านถูกมัดอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง และตรงหน้าเธอเป็นอันโฮ่วสยงที่กำลังมองเธออย่างโกรธจัด ท่าทีเหมือนกำลังเค้นถามบางอย่างจากเธอ


 


 


กล้องตัวนี้ถูกติดตั้งเมื่อไม่นานมานี้เอง ตอนที่เธอตัดสินใจจะเอาคืนบ้านตระกูลอัน เพื่อสอดส่องหาหลักฐานการทำผิดของอันโฮ่วสยง เธอให้ลูกน้องแอบไปติดกล้องไว้ที่บ้านตระกูลอัน


 


 


เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบ้านตระกูลอันเข้มงวดมาก สถานที่ซึ่งอันโฮ่วสยงเข้าออกเป็นปกติพวกเขาเข้าไม่ถึง จึงทำได้เพียงติดกล้องหลายตัวในสถานที่ ซึ่งบ้านตระกูลอันดูแลไม่เข้มงวดกวดขันนัก โดยติดตั้งไว้ตามซอกมุมห้องที่ไม่มีคนอยู่ของบ้านตระกูลอัน


 


 


หลังจากติดตั้งกล้องแล้ว ในระหว่างนี้อันจี๋ถิงยังไม่ได้หลักฐานที่มีประโยชน์จากเทปบันทึกภาพที่ได้เลย จนกระทั่งวันนี้ ก่อนที่เธอจะเห็นหลินหว่านถูกอันโฮ่วสยงจับตัวมา


 


 


อันจี๋ถิงมองดูภาพจากกล้องวงจรปิด ไม่รู้จะทำอย่างไรดี จากนั้นนึกได้ว่าต้องรีบให้คนไปช่วยหลินหว่านก่อน


 


 


แต่ว่าจะให้ใครไปดีนะ ใครสามารถไปที่บ้านตระกูลอัน แล้วช่วยหลินหว่านออกมาได้อย่างปลอดภัยล่ะ


 


 


ตอนนั้นเอง ในหัวของอันจี๋ถิงปรากฏชื่อของเซียวจิ่งสือขึ้นมา เธอเชื่อว่าเซียวจิ่งสือจะไม่ปล่อยให้หลินหว่านตายโดยไม่ช่วยเธอแน่ อีกทั้งเขาเป็นคนของบ้านตระกูลเซียว ตระกูลอันยังต้องเกรงใจอยู่บ้าง งั้นเซียวจิ่งสือก็น่าจะช่วยหลินหว่านออกมาได้อย่างสบาย


 


 


อันจี๋ถิงพอนึกหาวิธีได้ ก็รีบโทรหาเซียวจิ่งสือ พอต่อสายติด อันจี๋ถิงกลับนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เธอยังเปิดเผยตัวตนไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะเกิดเรื่องยุ่งยากตามมาอีกไม่น้อย


 


 


ดังนั้นเธอจึงจำเป็นต้องปกปิดชื่อเสียงเรียงนามไว้โดยบอกเซียวจิ่งสือว่า ตอนนี้หลินหว่านถูกอันโฮ่วสยงจับตัวไปไว้ที่ห้องหลังหนึ่งที่ห่างไกลผู้คนของบ้านตระกูลอัน ให้เขารีบไปช่วยหลินหว่านโดยด่วน


 


 


เซียวจิ่งสือพอรับโทรศัพท์แล้ว ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง อันโฮ่วสยงลักพาตัวหลินหว่าน? อันโฮ่วสยงเป็นคุณตาของหลินหว่านไม่ใช่หรือไง ทำไมเขาต้องจับตัวหลินหว่านด้วย


 


 


เซียวจิ่งสือลองโทรเข้าหาหลินหว่าน แต่ไม่มีคนรับสาย เขาไม่รู้ว่าหลังจากหลินหว่านถูกคนของอันโฮ่ว


 


 


สยงพาตัวไปแล้ว มือถือของเธอยังตกหล่นอยู่ที่เดิม


 


 


เซียวจิ่งสือรู้สึกตกใจขึ้นมาบ้าง จากน้ำเสียงร้อนใจของคนที่โทรศัพท์มาเมื่อครู่ ทำให้เขาเชื่อว่าหลินหว่านอาจถูกจับตัวไปจริงๆ


 


 


เซียวจิ่งสือรีบโยนงานที่กำลังทำอยู่ทิ้งไป ขับรถมาที่บ้านตระกูลอันเพียงลำพัง


 


 


คนของบ้านตระกูลอันต่างก็รู้จักเขา รู้ว่าเขาเป็นสามีในอนาคตของอันซิง เซียวจิ่งสือจึงเข้าบ้านตระกูลอันมาได้อย่างไม่ลำบากอะไรเลย จากนั้นก็ค้นหาไปตามห้องที่ไม่มีคนอยู่ซึ่งคนในโทรศัพท์บอกว่าหลินหว่านถูกจับตัวเอาไว้


 


 


แต่ว่าเขาหาไปรอบหนึ่งแล้วก็ยังไม่เจอ ขณะที่เซียวจิ่งสือกำลังร้อนใจจนไม่รู้จะทำยังไงดีนั้น ดูเหมือนเขาจะได้ยินเสียงบางอย่าง จากนั้นเหมือนกับเขาจะรู้สึกได้ เซียวจิ่งสือเล็งไปที่ห้องซึ่งอยู่ใกล้กับเขาที่สุดห้องหนึ่ง เขาเดินตรงดิ่งเข้าไปตบประตูเรียก แล้วพบว่าห้องล็อกอยู่


 


 


“หว่านหว่าน? ประธานอัน…” พอกระแทกประตูเปิดออก เซียวจิ่งสือก็เห็นสภาพภายในห้อง แล้วเขาก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดทันที


 


 


“เซียวจิ่งสือ ทำไมคุณมานี่ได้?” อันโฮ่วสยงเห็นเซียวจิ่งสือก็ถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด


 


 


“ประธานอัน หว่านหว่านล่ะ เธอเป็นลูกน้องของผม จู่ๆ พนักงานในบริษัทผมก็หายตัวไปทั้งคน ผมไม่ควรออกมาตามหาตัวเธอเหรอครับ” เซียวจิ่งสือยังคงตีหน้ายิ้มแบบไม่จริงจังกับอะไร ตอบด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่สลักสำคัญอะไร แต่ไม่มีใครรู้ว่าภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้มที่ดูไร้พิษสงนี้ เซียวจิ่งสือกำลังคิดแผนการอะไรอยู่


 


 


พูดจบ เซียวจิ่งสือก็มาที่ข้างกายหลินหว่าน รีบแก้เชือกที่มัดตัวเธอออก จากนั้นเห็นว่าใบหน้าของหลินหว่านถูกตบจนบวมแดงไปแถบหนึ่ง เขายื่นมือออกไปลูบไล้อย่างเบามือ แล้วถามอย่างเป็นห่วงว่า “หว่านหว่าน ยังเจ็บไหม”


 


 


“ขอบคุณค่ะ เซียวจิ่งสือ” หลินหว่านพูดพลางเบี่ยงหลบมือของเซียวจิ่งสือ


 


 


การปรากฏตัวของเซียวจิ่งสือเป็นเรื่องที่เธอคาดไม่ถึง


 


 


เดิมที อันโฮ่วสยงก็ไม่อยากเห็นเธอกับเซียวจิ่งสือใกล้ชิดกันอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งเลวร้ายเข้าไปอีกเซียวจิ่งสือมาช่วยเธอที่นี่ ต่อหน้าต่อตาอันโฮ่วสยง เรื่องนี้ย่อมจะทำให้อันโฮ่วสยงยิ่งโกรธเธอมากขึ้นไปอีก


 


 


แต่ในใจของหลินหว่านนั้นยังรู้สึกขอบคุณเซียวจิ่งสืออย่างมากเช่นกัน ทุกครั้งที่เธอประสบกับอันตราย เซียวจิ่งสือก็มักจะมาหาเธอในทันที ครั้งนี้ก็เช่นกัน ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขามาทันเวลา หลินหว่านยังไม่รู้เลยว่าอันโฮ่วสยงจะทำอะไรกับเธอบ้าง


 


 


แต่เพราะเป็นแบบนี้ หลินหว่านจึงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เขาเป็นว่าที่สามีของอันซิง เธอจะต้องทำตามคำของอันโฮ่วสยงที่บอกว่าให้ไปจากเซียวจิ่งสือ ไม่เข้าใกล้เขาอีกอย่างนั้นเหรอ


 


 


อันโฮ่วสยงเห็นท่าทางเซียวจิ่งสือที่ดูเป็นห่วงเป็นใยหลินหว่านเสียเหลือเกิน ก็ยิ่งโมโหหนักขึ้นอีก! ดูท่าว่าเซียวจิ่งสือก็ไม่ใช่ผู้ชายที่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่ ตัวเขายังมีสัญญาผูกมัดกับอันซิง แต่กลับทำท่าเป็นห่วงเป็นใยหลินหว่านต่อหน้าเขาเสียอีก นี่มันเรื่องอะไรกัน ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยหรือไง?


 


 


“เซียวจิ่งสือ คุณจะทำอะไร” อันโฮ่วสยงถามเซียวจิ่งสืออย่างขุ่นเคือง “คุณหมั้นหมายกับอันซิงแล้วนะ ยังคิดจะมีอะไรกับหลินหว่านอีกเหรอ”


 


 


“ประธานอัน ผมจะพาหลินหว่านกลับไปก่อน ไว้วันหลังผมค่อยมาเยี่ยมคุณอีกทีนะครับ” เซียวจิ่งสือจูงมือหลินหว่าน แล้วหันไปพูดเสียงเรียบกับอันโฮ่วสยง ท่าทางไม่สนใจกับคำถามเมื่อครู่ของอันโฮ่วสยงเลยแม้แต่น้อย


 


 


แต่เมื่อเขากับหลินหว่านก้าวเท้าออกไป อันโฮ่วสยงก็ส่งสัญญาณให้คนของเขา พวกเขาสองคนจึงถูกคนของอันโฮ่วสยงล้อมกักตัวไว้


 


 


“เซียวจิ่งสือ ปล่อยหลินหว่านนะ!” อันโฮ่วสยงเห็นพวกเขาจับมือกันไว้ก็เดือดขึ้นมาอีก “ผมขอเตือนคุณนะ คุณได้หมั้นหมายกับอันซิงแล้ว ห้ามติดต่อกับหลินหว่านอีก นับแต่นี้ต่อไป ผมขอสั่งให้คุณกับหลินหว่านตัดขาดกัน ไม่อย่างนั้น ตระกูลอันจะดึงทุนทั้งหมดออกจากวั่นหย่ากรุ๊ป คุณตัดสินใจเอาเองก็แล้วกัน!”


 


 


เขาไม่เชื่อหรอกว่า ตระกูลอันใช้เรื่องถอนการลงทุนมาข่มขู่เซียวจิ่งสือแล้ว เขายังจะกล้าขัดขืนอีก 

 

 


ตอนที่ 156 ขู่ถอนทุน

 

เซียวจิ่งสือฟังคำข่มขู่ว่าจะถอนการลงทุนของอันโฮ่วสยงแล้ว กลับจับมือหลินหว่านไว้แน่น พูดกับอันโฮ่วสยงว่า “ประธานอัน ตามใจคุณก็แล้วกัน คุณถอนทุนไปก็ดี จะยกเลิกการหมั้นหมายไปเลยก็ได้! ถึงอย่างไรแล้ว วันนี้ผมต้องเอาตัวหว่านหว่านออกไปจากที่นี่ให้ได้!”


 


 


อันโฮ่วสยงโมโหเซียวจิ่งสือจนทำอะไรไม่ถูก ตอนแรกทำไมเขาจึงตอบตกลงการหมั้นหมายของอันซิงกับเซียวจิ่งสือกันนะ ตอนนี้ดูไปแล้ว เซียวจิ่งสือในฐานะคู่หมายของอันซิง กลับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา แล้วยังคอยพัวพันกับหลินหว่านไม่เลิกอีก มันน่าผิดหวังชะมัด!


 


 


“เซียวจิ่งสือ คุณแน่ใจนะว่าวันนี้จะทำแบบนี้ ถ้าหากตระกูลอันถอนทุนจากตระกูลเซียว ธุรกิจบ้านตระกูลเซียวจะขาดสภาพคล่องทางการเงินทันที ถึงตอนนั้นการหมุนเวียนเงินทุนของวั่นหย่ากรุ๊ปจะประสบปัญหาจนตกอยู่ในสภาพชะงักเลยนะ”


 


 


“ในฐานะที่คุณเป็นทายาทของตระกูลเซียว แน่ใจนะว่าวันนี้เพื่อหลินหว่านแล้ว ไม่คำนึงถึงการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลอันอีก และไม่สนใจผลประโยชน์ของวั่นหย่ากรุ๊ปแล้วงั้นสิ?”


 


 


อันโฮ่วสยงพูดจาข่มขู่เซียวจิ่งสือ การแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์สองตระกูลระหว่างเซียวจิ่งสือกับอันซิงเขาเป็นคนเสนอเอง เขาย่อมจะไม่ออกปากยกเลิกสัญญาซึ่งจะเป็นการตบหน้าตัวเองเด็ดขาด ดังนั้น เขาจึงต้องใช้การถอนการลงทุนมาข่มขู่เซียวจิ่งสือ


 


 


อีกอย่างหนึ่ง ถ้าหากจะให้เซียวจิ่งสือกับอันซิงถอนหมั้นกันจริงๆ ต่อไป เซียวจิ่งสือกับหลินหว่านได้อยู่ด้วยกันจะไม่เป็นการสะดวกต่อหลินหว่านเกินไปเหรอ เขาย่อมจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด


 


 


“สถานการณ์ของตระกูลเซียวคงไม่ต้องให้ประธานอันเป็นห่วง สรุปคือ วันนี้ไม่ว่าใครก็มาห้ามผมให้พาหลินหว่านออกไปจากที่นี่ไม่ได้ทั้งนั้น!” เซียวจิ่งสือสบตาอันโฮ่วสยง พูดกับเขาด้วยท่าทีแข็งกร้าวอย่างชนิดที่ไม่ยอมอ่อนข้อให้


 


 


“หว่านหว่าน พวกเราไปกัน!” จากนั้น เซียวจิ่งสือคว้ามือหลินหว่านแน่น ไม่สนบรรดาบอดี้การ์ดของอันโฮ่วสยงที่พยายามเข้าขัดขวาง ตั้งท่าจะหักด่านพาหลินหว่านจากไป


 


 


แต่ถึงยังไงพวกเขาก็มีกันเพียงสองคน เพิ่งจะไปถึงหน้าประตู ก็ถูกคนของอันโฮ่วสยงขัดขวางเอาไว้ได้


 


 


เซียวจิ่งสือกับหลินหว่านไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ยากจะสู้กับแรงของพวกลูกมืออันโฮ่วสยงที่ร่างกายแข็งแรงกำยำ อีกทั้งยังมีฝีมือคล่องแคล่วว่องไวซึ่งได้รับการฝึกฝนมาเป็นการเฉพาะไม่ได้ หลินหว่านถูกยึดตัวไว้ได้ ล็อกหัวไหล่และข้อมือเอาไว้จนดิ้นไม่หลุด


 


 


“หว่านหว่าน คุณไม่เป็นไรนะ” เซียวจิ่งสือเห็นแล้วก็พุ่งเข้ามาผลักคนที่จับตัวหลินหว่านเอาไว้ แต่เขากลับถูกคนของอันโฮ่วสยงอีกสองคนเข้าขวางจนถูกจับตัวไว้ด้วย


 


 


อันโฮ่วสยงเห็นดังนั้น ก็มาตรงหน้าของเซียวจิ่งสือ หัวเราะหึๆ แล้วพูดว่า “เซียวจิ่งสือ ทำไมล่ะ คุณมาถึงนี่แล้วยังคิดจะออกไปได้ง่ายๆ อย่างนั้นเหรอ ผมจะบอกให้นะ นอกจากวันนี้คุณจะรับปากตัดความสัมพันธ์กับหลินหว่าน ไม่อย่างนั้นก็อย่าหมายว่าวันนี้พวกคุณจะได้ออกไปจากที่นี่!”


 


 


หลินหว่านพอได้ฟังก็ใจสั่นสะท้าน จากนั้นเธอเหมือนจะตัดสินใจเด็ดขาด มองดูเซียวจิ่งสือเอ่ยปากว่า “เซียวจิ่งสือ ในเมื่อคุณก็หมั้นหมายกับอันซิงแล้ว ทำไมยังคอยมาตามตื๊อฉันอยู่อีกล่ะ”


 


 


“หว่านหว่าน คุณ…” เซียวจิ่งสือมองหลินหว่านอย่างคาดไม่ถึง และรู้สึกไม่เข้าใจ


 


 


“เมื่อก่อนคุณบอกกับฉันเองไม่ใช่เหรอ คุณเป็นนักธุรกิจ นักธุรกิจย่อมต้องให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ไม่ใช่เหรอ เซียวจิ่งสือ ถ้าหากตระกูลอันถอนการลงทุนไปจริงๆ ย่อมไม่เป็นผลดีอะไรกับคุณเลย คุณลองคิดดูให้ดีๆ รับปากประธานอันซะเถอะนะ” หลินหว่านพูดช้าๆ กับเซียวจิ่งสือ


 


 


หลินหว่านซาบซึ้งใจมากที่เซียวจิ่งสือมาช่วยเธอในวันนี้ แต่เธอไม่อาจทำให้เซียวจิ่งสือต้องเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลอันเพราะเธอ


 


 


เซียวจิ่งสือแม้จะเป็นทายาทตระกูลเซียว แต่ตอนนี้ขุมอำนาจของเขาในวั่นหย่ากรุ๊ปยังไม่มั่นคง คนในบริษัทยังมีอีกมากที่ไม่พอใจเขา คิดจะรอจับผิดเมื่อเขาพลาดอยู่ตลอด


 


 


ถ้าหากตระกูลอันถอนการลงทุนเพราะเซียวจิ่งสือ อย่างนั้น อำนาจสิทธิขาดของเขาในวั่นหย่าก็จะอ่อนแอลงมาก เมื่อก่อนที่เขาพยายามรวบรวมคนที่สนับสนุนเขาอย่างยากลำบากก็อาจจะต้องสูญเปล่า


 


 


“หว่านหว่าน คุณ…ผมรู้ว่าคุณกลัวอะไร แต่คุณวางใจเถอะ ผมรับปากแล้วว่าจะช่วยคุณออกไปก็ย่อมต้องช่วยคุณออกไปให้ได้” เซียวจิ่งสือคาดเดาความคิดของหลินหว่านได้ เธอกำลังเป็นห่วงสถานการณ์ของเขาในตอนนี้ เซียวจิ่งสือพูดปลอบหลินหว่าน “เพื่อคุณ ผมไม่กลัวที่จะต้องสู้กับตระกูลอัน!”


 


 


อันโฮ่วสยงได้ฟังน้ำโหก็พุ่งปรี๊ด ไอ้เจ้าคนไม่รักดีนี่! เขากำลังจะข่มขู่เซียวจิ่งสืออีกรอบ ก็ได้ยินหลินหว่านพูดเสียงเย็น


 


 


“แต่ว่า เซียวจิ่งสือ คุณนึกถึงความรู้สึกของฉันบ้างหรือเปล่าคะ ฉันไม่เคยชอบคุณเลย คุณจะมาคอยตามตื๊อฉันไม่เลิกอยู่ทำไมกันคะ”


 


 


“เพราะคุณ คราวที่แล้วฉันถูกอันซิงแกล้งจนถูกน้ำร้อนลวก คราวนี้ยังถูกตระกูลอันจับตัวมาข่มขู่อีก ใครจะไปรู้ว่าคราวหน้าฉันจะต้องเจอกับอะไรอีก ดังนั้น เซียวจิ่งสือคะ ฉันขอร้องคุณล่ะ รับปากประธานอันซะ ดูแลอันซิงให้ดี อย่ามายุ่งกับฉันอีกเลยนะคะ”


 


 


หลินหว่านเห็นว่าเซียวจิ่งสือยังดื้อดึงดันจะเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลอันเพื่อเธอ จึงหักใจพูดออกมา


 


 


เธอไม่อยากให้เซียวจิ่งสือต้องสูญเสียอำนาจในบ้านตระกูลเซียวที่เขาเพิ่งจะสร้างขึ้นอย่างยากลำบากไปเปล่าๆ เพราะเธอ


 


 


“หว่านหว่าน คุณ…คุณพูดจริงเหรอ” เซียวจิ่งสือฟังแล้ว ไม่แน่ใจว่าเธอจงใจพูดแบบนี้เพื่อเขา หรือว่าเป็นคำพูดจากใจจริงกันแน่ เขาถามเธออย่างสะเทือนใจ


 


 


“จริงสิคะ” เพื่อให้เซียวจิ่งสือตายใจ ไม่คิดจะเป็นศัตรูกับตระกูลอันอีก หลินหว่านตอบไปโดยไม่ลังเล “เซียวจิ่งสือคะ ที่ฉันเพิ่งพูดไปล้วนมาจากใจจริงค่ะ”


 


 


“เป็นไปไม่ได้…” เซียวจิ่งสือไม่ยอมเชื่อคำของหลินหว่าน เขาไม่อยากจะเชื่อเลย


 


 


หลินหว่านแค่นยิ้มแล้วหันมาพูดกับอันโฮ่วสยง “ประธานอัน คำพูดเมื่อครู่ของคุณ ฉันรับปากค่ะ ฉันรับรอง ต่อไปจะไม่ติดต่อกับเซียวจิ่งสืออีกเด็ดขาด คุณกับอันซิงวางใจได้เลยค่ะ”


 


 


“ดีมาก” อันโฮ่วสยงได้ฟังก็พอใจมาก “หลินหว่าน แกต้องรักษาคำพูดด้วยล่ะ!”


 


 


“ฉันต้องรักษาคำพูดแน่” หลินหว่านยืนยันกับอันโฮ่วสยง “ถ้าอย่างนั้น ประธานอัน คุณจะให้ฉันไปได้แล้วหรือยังคะ”


 


 


อันโฮ่วสยงจับตัวหลินหว่านมาก็เพื่อให้เธอไม่ยุ่งเกี่ยวกับเซียวจิ่งสืออีก ตอนนี้พอเห็นว่าเธอยอมรับปากแต่โดยดี จึงแค่นยิ้มแล้วบอกกับลูกน้องว่า “ปล่อยตัวเธอได้”


 


 


คนของอันโฮ่วสยงปล่อยตัวหลินหว่าน เธอขยับหัวไหล่และข้อมือที่ปวดเมื่อยอยู่ครู่หนึ่ง แล้วปรายตามองเซียวจิ่งสือแวบหนึ่ง จากนั้นรีบจากไปโดยเร็ว


 


 


พอออกมาจากบ้านตระกูลอัน หลินหว่านหวนนึกถึงเซียวจิ่งสือก่อนเธอจากมา สายตาของเขาที่สะท้อนความรู้สึกเจ็บปวดคับแค้นใจและคาดไม่ถึง เธออดรู้สึกเสียใจขึ้นมาไม่ได้ หรือคำพูดของเธอรุนแรงเกินไป?


 


 


จากนั้นเธอก็ปลอบใจตัวเอง ไม่เป็นไรหรอก เธอทำเพื่อเซียวจิ่งสือ ถ้าหากเขาต้องเป็นศัตรูกับตระกูลอันเพราะเธอ ตระกูลอันเกิดถอนเงินลงทุนจริงๆ ความพยายามของเขาที่ทำมาทั้งหมดจะสูญเปล่า เธอไม่ยอมให้ทั้งหมดนี้เกิดขึ้น…


 


 


พอหลินหว่านจากไป อันโฮ่วสยงก็หันมาทางเซียวจิ่งสือ หัวเราะเย้ยหยันว่า “เซียวจิ่งสือ คุณเห็นแล้วใช่ไหม หลินหว่านเป็นผู้หญิงที่ไร้น้ำใจขนาดนี้แล้ว คุณยังจะเป็นศัตรูกับตระกูลอันเพื่อเธออีกไหม”


 


 


“ผม…” เซียวจิ่งสือมองดูอันโฮ่วสยงอย่างขัดใจ


 


 


อันโฮ่วสยงเปลี่ยนหน้าเป็นผู้ใหญ่ที่อบอุ่นใจดี พูดว่า “เอาล่ะ คุณชายเซียวกลับไปได้แล้ว ต่อไปก็อย่าไปยุ่งกับหลินหว่านอีกล่ะ”


 


 


ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ในวันนี้ อันโฮ่วสยงได้ทำให้หลินหว่านยอมรับปากเขาว่าจะไม่มายุ่งกับเซียวจิ่งสือ


 


 


อีก สมกับความตั้งใจของเขา แต่เซียวจิ่งสือกลับมีความแน่วแน่ยิ่งขึ้นที่จะกำจัดตระกูลอันในเร็ววันนี้

 

 

 


ตอนที่ 157 หลุมพรางที่ดิน

 

“ที่ดินผืนนี้อยู่ทางทิศตะวันตกของเมือง ค่อนข้างห่างไกลผู้คน การเดินทางก็ไม่สะดวก สภาพแวดล้อมก็ไม่ดีพอ ผมว่าไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด”


 


 


วันรุ่งขึ้น ในที่ประชุมความร่วมมือของวั่นหย่ากรุ๊ปและเทียนซิงกรุ๊ป คนที่เข้าร่วมประชุมพากันถกเถียงเพราะที่ดินผืนหนึ่ง


 


 


ธุรกิจของบ้านตระกูลเซียวกับตระกูลอันมีแผนความร่วมมือด้านโครงการอสังหาริมทรัพย์ร่วมกัน พวกเขากำลังวางแผนร่วมกันช่วงชิงที่ดินผืนหนึ่ง


 


 


“ที่ดินผืนนี้แม้จะประมูลในราคาต่ำ แต่มันไม่เหมาะกับโครงการความร่วมมือของเราที่จะสร้างบ้านพักคุณภาพชั้นเลิศในระดับไฮเอนด์ เราสามารถทุ่มเงินลงทุนที่สูงขึ้นเพื่อจะได้ผืนที่ดินที่ดีกว่านี้”


 


 


แต่ละคนต่างก็มีความคิดต่างกันไป แต่ความเห็นส่วนใหญ่คัดค้านการเข้าร่วมประมูลที่ดินผืนนี้


 


 


“ประธานเซียว คุณเห็นว่าไง?” อันจี๋อวี่หันมาถามเซียวจิ่งสือที่ไม่พูดอะไรเลย


 


 


อันจี๋อวี่เป็นลูกชายของอันโฮ่วสยง พ่อของอันซิง และเป็นผู้รับผิดชอบโครงการความร่วมมือระหว่างตระกูลเซียวกับตระกูลอันในครั้งนี้


 


 


ความร่วมมือครั้งนี้เขาออกปากขอมาจากอันโฮ่วสยงเอง เขาอยากจะใช้โอกาสนี้แสดงความสามารถให้อันโฮ่วสยงได้เห็นเป็นที่ประจักษ์สักหน่อย


 


 


เซียวจิ่งสือหมุนปากกาในมือ ท่าทางไม่เอาจริงเอาจังกับอะไร พอฟังคำพูดของอันจี๋อวี่ สายตาเซียวจิ่ง


 


 


สือหรุบต่ำลง แล้วหันมาทางอันจี๋อวี่ พูดว่า “ประธานอัน ความเห็นผมกับคนอื่นไม่ค่อยเหมือนกันสักเท่าไหร่ คุณอยากจะฟังจริงๆ เหรอ”


 


 


“งั้นเหรอ” อันจี๋อวี่ฟังแล้วรู้สึกประหลาดใจ “ประธานเซียวมีความเห็นอะไรก็พูดออกมาได้เต็มที่ พวกเราอยากจะลองฟังความคิดเห็นของคุณดูสักหน่อยน่ะ”


 


 


พออันจี๋อวี่พูดจบ ที่ประชุมก็เงียบสงบลง ผู้คนในที่ประชุมพากันหันมาทางเซียวจิ่งสือ อยากจะรู้ว่าเขามีความคิดเห็นที่ต่างไปอย่างไร


 


 


เซียวจิ่งสือวางปากกาลง รู้สึกได้ถึงสายตาที่พุ่งมารวมศูนย์บนร่างของเขา เซียวจิ่งสือวางท่าจริงจังขึ้นมา “ประธานอัน งั้นผมจะพูดไปตามจริงก็แล้วกัน”


 


 


“สภาพแวดล้อมของที่ดินผืนนี้ดูธรรมดาเพราะพื้นที่รอบข้างยังไม่ได้รับการพัฒนา ถ้าหากพวกเราได้ที่ดินผืนนี้มา แล้วพัฒนาพื้นที่รอบข้างก่อน นี่ก็อาจเป็นโอกาสที่ดีมากของเราเลยทีเดียว”


 


 


“แล้วก็ ที่ดินผืนนี้แม้จะอยู่ห่างไกลความเจริญ แต่รอบข้างเป็นธรรมชาติมีน้ำมีภูเขา พวกเราก็พัฒนาที่ผืนนี้ให้เป็นบ้านพักตากอากาศส่วนบุคคลได้ ลองคิดดูสิ บ้านพักตากอากาศแห่งนี้อยู่ห่างจากตัวเมืองที่จอแจวุ่นวาย มีสภาพแวดล้อมที่สงบเงียบ ทั้งยังมีความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยอย่างมาก อย่างนี้แล้วยังไม่เหมาะกับบ้านพักคุณภาพเลิศหรูระดับไฮเอนด์ของเราอีกงั้นเหรอ”


 


 


เซียวจิ่งสือพูดจบก็กวาดสายตามองทุกคนในที่ประชุม ประเมินดูท่าทีของพวกเขา


 


 


“ความคิดของประธานเซียวช่างโดดเด่นไม่เหมือนใครจริงๆ ” อันจี๋อวี่ฟังแล้วตาเป็นประกายวาววับ แจกคำชมไม่ยั้ง “จริงอยู่ที่ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์นี้ ส่วนใหญ่ล้วนต้องการโอกาสกันทั้งนั้น แต่โอกาสไม่ได้หล่นมาจากฟ้า ต้องไขว่คว้ามาด้วยตัวเอง เซียวจิ่งสือคุณทำให้เราได้เห็นความสามารถของคุณอย่างแท้จริง”


 


 


คนอื่นๆ ล้วนมีสีหน้าชื่นชม แม้แต่คนที่แต่แรกมีท่าทีที่ไม่ค่อยดีกับเซียวจิ่งสือนักก็ยังมองเขาด้วยสายตาแบบใหม่


 


 


แต่ว่า กลับมีคนที่เสนอความคิดที่แตกต่าง “แต่ว่า ถ้าหากพวกเราประมูลที่ผืนนี้ได้แล้ว ยังต้องใช้เงินทุนก้อนใหญ่ไปกับการพัฒนาที่ดินรอบข้างอีก ประธานเซียวเห็นว่า มันคุ้มค่าจริงเหรอครับ”


 


 


คนอื่นได้ฟังก็เห็นว่ามีปัญหาเช่นกัน ไม่อย่างนั้นหมู่บ้านบ้านพักตากอากาศสร้างเสร็จแล้ว แต่สาธารณูปโภคไม่สะดวก ก็จะส่งผลอย่างมากเช่นกัน


 


 


เซียวจิ่งสือตอบกลับอย่างไม่รีบร้อน “มีข่าวว่า รัฐบาลมีความตั้งใจว่าจะพัฒนาพื้นที่รอบข้างที่ดินผืนนี้เช่นกัน แม้เราจะยังไม่ทราบว่าเป็นโครงการอะไร แต่ผมคิดว่า ถ้าเราฉวยโอกาสนี้ประมูลที่ดินมา ไม่ว่าจะยังไงก็ไม่ขาดทุนหรอก”


 


 


“ประธานเซียว ข่าวนี้เชื่อถือได้แน่นะ?” อันจี๋อวี่ถามอย่างตกใจ


 


 


“แหล่งที่มาของข่าวน่าเชื่อถือ ประธานอัน คุณวางใจได้เลย” เซียวจิ่งสือพูดพลางผงกศีรษะกับเขา


 


 


“งั้นก็สุดยอดไปเลย!” อันจี๋อวี่อุทานอย่างดีใจ


 


 


จากนั้น อันจี๋อวี่ก็พูดกับคนในที่ประชุมว่า “อย่างนั้น โครงการความร่วมมือครั้งนี้ทั้งหมดดำเนินการตามแนวคิดของประธานเซียว ที่ดินผืนนี้ เราต้องประมูลมาให้ได้!”


 


 


ทุกคนในที่ประชุมต่างเห็นด้วยอย่างยิ่ง ไม่มีใครยืนยันความเห็นขัดแย้งอีก มีเพียงเซียวจิ่งสือเท่านั้น เมื่อฟังคำพูดนี้แล้ว เขายกมุมปากขึ้นเพียงเล็กน้อยจนเป็นรอยยิ้มที่แทบไม่อาจสังเกตเห็นได้


 


 


วันรุ่งขึ้น ผู้ช่วยของเซียวจิ่งสือก็รีบร้อนมารายงานกับเซียวจิ่งสือ “ท่านประธานเซียวครับ ตระกูลอันประมูลที่ดินผืนนั้นได้แล้วจริงๆ ใช้เงินทุนไปสามเท่าของแผนเดิม!”


 


 


“งั้นเหรอ?” เซียวจิ่งสือย้อนถามเสียงเรียบ แล้วถามอีกว่า “คนที่ผมให้คุณส่งตัวไป คุณจัดการเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”


 


 


“ท่านประธานวางใจได้ครับ ผมจัดการเรียบร้อยแล้ว ตระกูลอันจะสืบไม่ได้ว่าคุณเป็นคนลงมือแน่” ผู้ช่วยตอบด้วยท่าทางนอบน้อม


 


 


เซียวจิ่งสือผงกศีรษะ ขณะที่ในใจคิดว่า ใช้เงินทุนมากกว่าแผนเดิมสามเท่ากว่า…ก็ร่วมร้อยล้าน ซื้อที่ดินธรรมดาผืนหนึ่ง อันจี๋อวี่นี่โง่ไปแล้วหรือไงกันนะ!


 


 


อันจี๋อวี่ประมูลได้ที่ดินผืนนี้แล้ว ยังรู้สึกประหวั่นใจอยู่มาก เงินทุนสามเท่าตัว สามารถซื้อที่ดินในทำเลและสภาพแวดล้อมที่ดียิ่งกว่านี้ได้เลย แต่ตอนประมูลมีคนของบริษัทอะไรไม่รู้สองคนคอยสู้ราคาขึ้นไปเรื่อยๆ เขานึกถึงคำพูดของเซียวจิ่งสือ จึงคิดว่าต้องประมูลที่ดินผืนนี้มาให้ได้ จึงสู้ราคากับพวกเขาอย่างไม่ยอมถอย จนสุดท้ายประมูลได้มาในราคาสูงขนาดนี้


 


 


อันจี๋อวี่คิดดูแล้วโทรหาเซียวจิ่งสือ แล้วบอกเขาเรื่องนี้อย่างใจไม่ดีนัก แต่ที่ไหนได้เซียวจิ่งสือได้ฟังแล้วกลับเป็นฝ่ายพูดปลอบเขา “ประธานอัน ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณคิดดูสิ ไม่แน่ว่าสองคนนั่นก็ได้ยินอะไรมาเหมือนกันจึงมาแย่งประมูลที่ดินผืนนั้น นี่ไม่ยิ่งเป็นการพิสูจน์ว่าที่ดินผืนนั้นจะเป็นทำเลทองในอนาคตหรอกเหรอครับ ในเมื่อคุณประมูลที่ดินมาแล้ว ไม่ว่าจะใช้เงินไปเท่าไหร่ ก็น่าจะสบายใจได้จึงจะถูก”


 


 


พอวางสายแล้ว อันจี๋อวี่รู้สึกว่าที่เซียวจิ่งสือพูดมาก็มีเหตุผล จึงสงบใจลงได้


 


 


อันที่จริงสองคนที่แข่งประมูลกับอันจี๋อวี่เป็นคนที่ผู้ช่วยของเซียวจิ่งสือจัดมา เป้าหมายคือยกราคาที่ดินให้สูงขึ้น ทำให้อันจี๋อวี่ต้องทุ่มเงินจำนวนมากยิ่งขึ้นกับการซื้อที่ดินผืนนี้


 


 


ที่ดินผืนนั้นความจริงแล้วไม่โดดเด่นอะไรนัก ทำเลที่ตั้งห่างไกลผู้คนมาก จนเหมือนกับเป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่าทีเดียว สภาพรอบข้างเป็นธรรมชาติ ‘มีเขามีน้ำ’ จริงๆ เพียงแต่เป็นเนินดินเล็กๆ กับร่องน้ำแห้งขอด ส่วนข่าวที่จะมีการพัฒนาในอนาคตนั้น เขาแต่งเรื่องขึ้นเองทั้งหมด


 


 


อันจี๋อวี่ไม่ได้ลงพื้นที่จริงตรวจสอบ แค่ฟังคำพูดยกเมฆของเขาก็ยอมประมูลที่ดินผืนนี้โดยง่าย ช่างเหนือความคาดหมายเขาจริงๆ


 


 


ถ้าหากคนของบ้านตระกูลอันมีแต่คนไร้สมองแบบนี้ งั้นการที่เขาจะกำจัดบ้านตระกูลอันก็คงจะราบรื่นขึ้นอีกมากทีเดียว


 


 


เซียวจิ่งสือเห็นว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนของเขาโดยราบรื่น ก็เรียกตัวผู้ช่วยเข้ามา


 


 


“ท่านประธานเซียว ท่านต้องการให้ผมทำอะไรครับ”


 


 


“แอบถอนเงินทุนทั้งหมดของบ้านตระกูลเซียวในการร่วมมือครั้งนี้ออกมาเงียบๆ ” เรื่องโง่ๆ แบบนี้ ปล่อยให้อันจี๋อวี่ทำไปคนเดียวเถอะ เขาไม่ขอร่วมด้วยหรอก


 


 


“แล้วก็ ไปสืบค้นวีรกรรมดำมืดของอันซิงเมื่อก่อนนี้ออกมาทั้งหมด” เซียวจิ่งสือเว้นวรรคไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น


 


 


“ครับ ท่านประธาน” ผู้ช่วยรีบออกไปทำตามคำสั่งของเซียวจิ่งสือ


 


 


เพียงไม่นานนัก วีรกรรมฉาวโฉ่ของอันซิงก็ถูกผู้ช่วยนำมาวางตรงหน้าเซียวจิ่งสือ ตั้งกองใหญ่เลยทีเดียว


ตอนที่ 158 ยกเลิก

 

เซียวจิ่งสือขุดคุ้ยหาประวัติดำมืดของอันซิงออกมาจนได้ในที่สุด เขาบึ่งกลับไปบริษัทของพ่อเขา


 


 


ตลอดทางเซียวจิ่งสือคิดแต่ว่าคราวนี้จะต้องยกเลิกงานแต่งให้ได้ มีแต่วิธีนี้เท่านั้นหลินหว่านจึงจะกลับมาที่ข้างกายเขาอีกครั้ง เขาไม่อยากทนกับสภาพที่พวกเขาทั้งสองกลายเป็นคนแปลกหน้าต่อกันแบบตอนนี้อีกต่อไปแล้ว ไม่อยากจะต้องเล่นละครอยู่กับอันซิงทั้งวัน เซียวจิ่งสือคิดว่าเรื่องนี้ถึงอย่างไรก็ต้องจบลงให้ได้


 


 


เซียวจิ่งสือกลับถึงบ้านไปหาเซียวเฉียง เขาผลักประตูเข้าไป พอดีกับเซียวเฉียงนั่งอยู่ในห้องรับแขก


 


 


“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาทำงานหรอกเหรอ ทำไมแกมาหาฉันเวลานี้ได้ ที่บริษัทเจอปัญหาอะไรที่ต้องให้ฉันช่วยหรือไง” เซียวเฉียงเงยหน้าขึ้นพูดเสียงเบา


 


 


เนื่องจากตลอดทางเซียวจิ่งสือรีบร้อนออกมา ตอนนี้เพิ่งมาถึงยังหายใจหายคอไม่ทัน จึงยังพูดอะไรไม่ออก


 


 


เซียวจิ่งสือเดินมานั่งลงด้านข้างเซียวเฉียง หยิบวีรกรรมชั่วร้ายของอันซิงทั้งหมดจากกระเป๋าออกมาวางลงบนโต๊ะ


 


 


เซียวเฉียงไม่รู้ว่านี่เป็นของสำคัญอะไร เขายังเข้าใจว่าเป็นเอกสารของบริษัทเสียอีก เซียวเฉียงยื่นมือไปหยิบซองนั้นมาเปิดออกดู พริบตานั้นสีหน้าเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาไม่อยากจะเชื่อว่านี่เป็นเรื่องที่อันซิงเคยทำมาก่อน


 


 


“นี่มันเรื่องอะไรกัน? นี่เป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ? เมื่อก่อนอันซิงทำเรื่องที่น่ากลัวขนาดนี้เชียวเหรอ ถ้านี่เป็นความจริง ฉันจะไม่ยอมให้เธอแต่งเข้าบ้านตระกูลเซียวของเราเด็ดขาด แกบอกฉันมาซิ เรื่องจริงมันเป็นอย่างไรกันแน่? ตอนนี้ฉันขอแค่คำตอบนี้เท่านั้น” เซียวเฉียงพูดอย่างร้อนใจ


 


 


เซียวจิ่งสือพอได้ยินเซียวเฉียงบอกว่าถ้าเรื่องพวกนี้เป็นความจริง จะไม่ยอมให้อันซิงเข้าบ้านตระกูลเซียวเด็ดขาด นั่นทำให้เซียวจิ่งสือรู้สึกสบายใจมาก เพราะนั่นก็คือเป้าหมายของเขานั่นเอง


 


 


“พ่อครับ ของพวกนี้เป็นความจริงแน่นอน นี่คือเรื่องที่เมื่อก่อนอันซิงทำเอาไว้ อันซิงไม่ใช่คนนุ่มนวลใจดีเหมือนอย่างที่พ่อเห็นหรอก แต่พ่อถูกฉากหน้าที่เธอฉาบไว้หลอกเอาต่างหาก พ่อครับ พ่อต้องเชื่อผมนะ อ่านดูเรื่องที่ผมไปสืบมาพวกนี้ ในนี้บันทึกแต่เรื่องเลวร้ายที่อันซิงเคยทำมาทั้งนั้น ของจริงไม่อิงนิยายเลยครับ” เซียวจิ่งสือพูดอย่างมั่นใจ


 


 


เซียวเฉียงก้มลงดูเรื่องราวชีวิตด้านมืดของอันซิงจนจบในเวลาอันรวดเร็ว เขาถอนใจเฮือก มือไม้สั่นระริก เขาคิดไม่ถึงว่า คู่ชีวิตที่ตัวเองหามาให้กับลูกชาย จะเป็นคนเลวร้ายได้ขนาดนี้ วินาทีนั้นเซียวเฉียงรู้สึกละอายต่อเรื่องที่เขาได้เคยทำไว้ก่อนหน้านี้ แต่ความโมโหของเขามีมากยิ่งกว่า เขาโมโหอันซิงที่แสดงฉากหน้ามาหลอกลวงเขา


 


 


“ไปกัน ฉันจะไปพูดกับบ้านตระกูลอันให้รู้เรื่อง ในเมื่ออันซิงเคยทำเรื่องเลวร้ายมากมายขนาดนั้น งั้นก็ยกเรื่องนี้ไปก่อน แล้วค่อยจัดการเรื่องของพวกแกสองคนกันใหม่ทีหลัง” เซียวเฉียงพูดพลางเดินดุ่มๆ ออกไปทางนอกประตูแล้ว


 


 


“ตกลงครับ พ่อ ก่อนหน้านี้ผมก็อยากจะเชื่อฟังพ่อ คบกับเธอดีๆ แต่พอผมเห็นความประพฤติพวกนี้ของเธอแล้ว ผมก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน แต่พอยืนยันได้แล้วผมคงจะปล่อยให้คนแบบนี้แต่งเข้าบ้านตระกูลเซียวของพวกเราไม่ได้หรอก เธอไม่มีค่าพอ ดังนั้นผมจึงเลือกที่จะมาหาพ่อ หวังว่าพ่อจะช่วยผมตัดสินใจ” เซียวจิ่งสือพูดจาฉะฉานอย่างมีหลักการ


 


 


ตอนนี้เซียวจิ่งสือแอบนึกดีใจ เขารู้สึกว่าเรื่องราวกำลังจะมีข้อสรุปในเร็วๆ นี้แล้ว และผลที่ได้ก็เป็นสิ่งที่เขาอยากให้เป็นเสียด้วย การที่เขามาหาพ่อก็เพราะรู้ว่าพ่อของเขาจะไม่ยอมรับกับความประพฤติเลวร้ายพวกนั้นของอันซิงอย่างเด็ดขาด


 


 


“จิ่งสือ แกกลับบริษัทไปก่อนเถอะ อีกเดี๋ยวฉันจะไปจัดการเรื่องนี้ที่บ้านตระกูลอันคนเดียว วางใจเถอะ ฉันไม่ยอมให้คนที่น่ากลัวแบบนั้นแต่งงานกับแกหรอกน่า คนของบ้านตระกูลอันต้องให้คำชี้แจงเรื่องนี้กับฉัน” เซียวเฉียงพูดเสียงเย็น


 


 


เซียวจิ่งสือคิดในใจว่าในเมื่อพ่อเขาจะแก้ไขเรื่องนี้เอง เขาก็ไม่จำเป็นต้องไปอีก แล้วยังไม่ต้องไปเจอหน้าอันซิงให้กระดากใจกันไปอีก


 


 


“ได้ครับ พ่อ งั้นผมกลับบริษัทก่อนนะครับ ถ้ามีเรื่องอะไรพ่อก็โทรเรียกผมได้เลยนะ! ผมเชื่อว่าพ่อจะจัดการกับเรื่องนี้ได้อย่างดีแน่” เซียวจิ่งสือพูดพลางลงจากรถ


 


 


หลังจากเซียวจิ่งสือกับเซียวเฉียงแยกจากกันแล้ว เซียวจิ่งสือก็กลับไปบริษัท เขาคิดอยู่ตลอดเวลาว่าเซียวเฉียงไปบ้านตระกูลอันแล้วจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น


 


 


เซียวเฉียงนึกโมโหมาตลอดทาง พอเขานึกถึงอันซิงความโกรธก็พุ่งปรี๊ดทันที เซียวเฉียงเห็นว่าเขาถูกหลอกลวง และเขาก็เกลียดความรู้สึกของการถูกหลอกเป็นที่สุด


 


 


เซียวเฉียงบุกไปกดกริ่งบ้านตระกูลอันอย่างโมโห ประตูเปิดออก


 


 


อันจี๋อวี่ตกใจมาก เห็นได้ชัดว่าการที่จู่ๆ เซียวเฉียงก็บุกถึงบ้านทำให้เขาตกใจจนสะดุ้งเฮือก


 


 


พออันจี๋อวี่ตั้งสติได้ก็ถามอย่างยิ้มแย้มว่า “ท่านประธานใหญ่เซียวทำไมถึงมีเวลามาบ้านพวกเราได้ คุณจะมาเยี่ยมก็ไม่ยอมบอกก่อนสักคำ ผมจะได้เตรียมต้อนรับคุณอย่างดีเลย”


 


 


เซียวเฉียงหน้าตึง พูดว่า “ไม่ต้องต้อนรับแล้ว ผมมาเพื่อคุยเรื่องสำคัญกับคุณ บางทีพอคุณฟังจบแล้วจะไม่ยินดีแบบตอนนี้อีกก็ได้ เพราะถึงอย่างไรมันก็ไม่ดีกับคุณเอามากๆ แต่ผมหวังว่าคุณจะได้รู้จักกับตัวเองและลูกสาวของตัวเองดีขึ้น อีกเดี๋ยวอย่ามาพูดแก้ตัวเฉยๆ ต้องมีหลักฐานมายันด้วย”


 


 


อันจี๋อวี่เห็นท่าทางเซียวเฉียงอารมณ์บูด เขาก็พลอยรู้สึกไม่ดีไม่ด้วย ในใจคิดว่ามาหาเรื่องกันชัดๆ ถึงแม้ว่าอันจี๋อวี่จะไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร แต่ไม่เห็นจำเป็นต้องโวยวายกันขนาดนี้ก็ได้ ถึงอย่างไรแล้วพวกเขาก็ยังเป็นพันธมิตรร่วมมือทางธุรกิจกัน


 


 


“คุณพูดมาซิว่าเรื่องอะไรกันแน่ ทำให้คุณถึงโมโหขนาดนี้ ถ้าเป็นคนของผม ผมจะจัดการเรื่องนี้เองเลย” อันจี๋อวี่พูดเสียงดังฟังชัด


 


 


เซียวเฉียงหยิบแฟ้มความประพฤติดำมืดของอันซิงที่เซียวจิ่งสือให้กับเขาออกจากกระเป๋าหิ้วอย่างไม่รีบร้อน โยนลงตรงหน้าอันจี๋อวี่อย่างแรง


 


 


อันจี๋อวี่พลิกดูอย่างไม่รีบร้อน สีหน้าท่าทีค่อยๆ เปลี่ยนไป ถึงแม้เขาจะรู้ว่าลูกสาวเขาก่อนหน้านี้ทำเรื่องไม่ดีไม่งามมามากมาย แต่คิดไม่ถึงว่าเซียวเฉียงจะรู้เรื่องเข้าจนได้ ทั้งยังครบถ้วนสมบูรณ์ขนาดนี้อีก หลายเรื่องที่อันซิงทำไว้ล้วนแต่มีบันทึกหลักฐานทั้งสิ้น เห็นได้ชัดว่ามีคนตั้งใจไปสืบค้นมาแล้ว


 


 


“นี่…ทำไมจึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้? ชินเจีย [ 1 ] ผมจะต้องสั่งสอนอันซิงให้ดีแน่ครับ คุณวางใจได้วันที่เธอแต่งเข้าบ้านคุณ เธอจะต้องเป็นสะใภ้ที่เพียบพร้อมสมบูรณ์ที่สุดแน่ เชื่อผมเถอะครับ” อันจี๋อวี่พูดปากคอสั่น เขารู้ว่าคราวนี้เซียวเฉียงถึงกับมาด้วยตัวเอง เรื่องคงไม่จบง่ายๆ แน่


 


 


อันจี๋อวี่คิดอยู่ว่าจะไม่ยอมให้อันซิงกับเซียวจิ่งสือยกเลิกสัญญาหมั้นหมายเด็ดขาด เขาจะพยายามทำให้เซียวเฉียงเชื่อใจเขาอีกครั้ง


 


 


เซียวเฉียงยิ้มเย็นชา พูดว่า “ตอนนี้คุณคงรู้แล้วสินะว่าลูกสาวทำเรื่องอะไรไว้บ้าง หลักฐานก็วางอยู่ตรงหน้าคุณแล้ว ผมก็ไม่ต้องการคำแก้ตัวอะไรอีก ก่อนหน้านี้สำหรับผมอันซิงเป็นคนดีมาก ตอนนี้กลับตาลปัตรจากขาวเป็นดำเลย ผมไม่รู้จริงๆ ว่าคุณเลี้ยงดูลูกสาวออกมาเป็นแบบนี้ได้อย่างไร เธอถึงได้ทำเรื่องมากมายที่ผมไม่รู้มาก่อน และได้ให้เธอกับลูกชายของผมเซียวจิ่งสือหมั้นหมายกันในขณะที่ผมไม่รู้เรื่องพวกนี้มาก่อนเลย”


 


 


 


 


——


 


 


[ 1 ] ชินเจีย เป็นคำเรียกหาของญาติที่เป็นดองกัน ใช้เรียกได้ทั้งฝ่ายเขยและสะใภ้ 

 

 


ตอนที่ 159 ข่มขู่

 

อันจี๋อวี่รู้สึกร้อนใจขึ้นมา ตอนนี้จะให้การแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์สองครอบครัวมีปัญหาไม่ได้เด็ดขาด มันจะเป็นผลเสียกับพวกเขามาก


 


 


อันจี๋อวี่พูดอย่างร้อนรน “นี่ก็น่าจะมีทางแก้ไขไม่ใช่เหรอครับ ผมจะให้ลูกสาวฝึกฝนตัวเองใหม่ เธอต้องเป็นสะใภ้ที่ดีได้แน่ คุณก็รู้สถานการณ์ในตอนนี้ของครอบครัวพวกเราทั้งสองฝ่ายดีนี่ครับ หวังว่าคุณจะยอมให้อภัยเธอสักครั้ง”


 


 


เซียวเฉียงโกรธมาก นี่เป็นการหลอกลวงกันชัดๆ ทำไมเขาต้องยอมทนด้วย?


 


 


เซียวเฉียงพูดเสียงดังว่า “ในเมื่อเรื่องที่อันซิงทำลงไปนี้พวกเรารู้เรื่องแล้ว งั้นก็ยกเลิกสัญญาหมั้นหมายของเซียวจิ่งสือกับเธอซะ จะให้ลูกชายผมแต่งงานกับคนแบบนี้ไม่ได้ ผมตัดสินใจแล้ว คุณไม่ต้องพูดอะไรอีกทั้งนั้น ถึงแม้ผมจะให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ แต่ผมก็มีหลักการอยู่บ้าง ไม่ใช่ว่ามีความร่วมมือทางการค้าก็จะแต่งเข้าบ้านตระกูลเซียวของพวกเราได้ ผมหวังว่าคุณจะเคารพในการตัดสินใจของผม”


 


 


คราวนี้อันจี๋อวี่นึกอยากจะโมโหขึ้นบ้าง เมื่อครู่เขาอดทนกับเซียวเฉียงเพราะคำนึงถึงความร่วมมือต่อไปภายหน้า แต่ตอนนี้เห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้แล้ว ในเมื่อเซียวเฉียงพูดแบบนี้ออกมาได้ อันจี๋อวี่ก็ไม่คิดจะอดทนกับเขาอีก


 


 


อันจี๋อวี่ร้องว่า “ตอนนี้คุณคิดจะข้ามแม่น้ำรื้อสะพาน [ 1 ] หรือไง ผมยอมรับว่าก่อนหน้านี้อันซิงเคยทำเรื่องพวกนั้นทำให้เธอมีประวัติด่างพร้อย แต่เป้าหมายก่อนหน้าของพวกเราทั้งสองครอบครัวก็คือช่วยเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน ตอนนี้คุณกลับจะมาทิ้งไปกลางครัน ผมพูดไว้ที่นี่เลยนะ ถ้าคุณคิดจะยกเลิกสัญญาหมั้นหมายของเราสองครอบครัว ผมจะให้ข่าวว่าเซียวจิ่งสือเห็นแก่ผลประโยชน์ ซึ่งจะส่งผลกระทบกับบริษัทของคุณได้มากอยู่ล่ะมั้ง! ผมคิดว่าคงไม่มีใครอยากจะทำงานให้กับคนที่เห็นแก่ประโยชน์เท่านั้นหรอกนะ”


 


 


อันจี๋อวี่จำต้องใช้วิธีการข่มขู่เพื่อหยุดเรื่องนี้ไว้ให้ได้ เขาไม่อยากให้เซียวจิ่งสือกับอันซิงยกเลิกสัญญาหมั้นหมาย สำหรับบริษัทของพวกเขานั่นจะเป็นเรื่องเลวร้ายมากแน่นอน


 


 


เซียวเฉียงยิ่งเกลียดการถูกข่มขู่แบบนี้เสียด้วย เขายอมยกเลิกสัญญาหมั้นหมายของเซียวจิ่งสือกับอันซิงเสียยังจะดีกว่า


 


 


ขณะที่เซียวเฉียงกำลังจะพูดออกมานั้น โทรศัพท์ของอันจี๋อวี่ก็ดังขึ้น


 


 


“ฮัลโหล มีเรื่องอะไรเหรอ” อันจี๋อวี่พูดอย่างหงุดหงิด


 


 


“อะไรนะ เกิดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไรกัน คุณรออยู่นั่นนะเดี๋ยวผมจะรีบไปหา” อันจี๋อวี่ขมวดคิ้ว วางสายลง


 


 


เซียวเฉียงเห็นว่าอันจี๋อวี่สวมเสื้อนอกแล้วเก็บข้าวของออกไปอย่างร้อนรนขนาดนี้ ก็นึกประหลาดใจว่าเมื่อครู่เกิดเหตุเร่งด่วนอะไรขึ้น


 


 


“เซียวเฉียง ผมมีเรื่องด่วนต้องไป ไม่มีเวลาจะคุยกับคุณแล้ว คุณกลับบ้านไปก่อนก็แล้วกัน!” พูดจบอันจี๋อวี่ก็ตั้งท่าออกจากบ้านไป


 


 


เซียวเฉียงจึงกลับมาบ้าน


 


 


อันจี๋อวี่รีบร้อนมาถึงบริษัท ผู้ช่วยของเขามาที่ห้องทำงานโดยเร็ว


 


 


“ท่านประธานอัน คราวนี้บริษัทอาจต้องเจอกับวิกฤตใหญ่เสียแล้ว เรื่องที่ดินนั่นมีปัญหาแล้ว รัฐบาลกำลังมีแผนจะใช้ที่ดินนั่นสร้างถนน แล้วตอนนี้เงินทุนของบริษัทเราก็ไหลออกตลอดเลย ทำให้การเงินของเราตึงตัวอย่างมาก ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ก็ไม่รู้ว่าบริษัทจะต้องเจอกับเรื่องอะไรอีก พวกเราไม่กล้าคาดเดาต่อ” ผู้ช่วยพูดจากอ้ำอึ้ง เขารู้ว่าอันจี๋อวี่ฟังแล้วอาจโมโหเอาได้ ดังนั้นตอนพูด ในใจก็หวาดผวาไปตลอด


 


 


อันจี๋อวี่ยิ่งหงุดหงุดฉุนเฉียวเข้าไปอีก เขานึกในใจว่าทำไมเรื่องร้ายๆ จึงมาชนกันในวันเดียว เมื่อครู่เซียวเฉียงยังมาพูดเรื่องของเซียวจิ่งสือกับอันซิง ตอนนี้บริษัทก็เกิดปัญหาใหญ่ขนาดนี้ อันจี๋อวี่โมโหมาก เขาสงบใจลงแล้วคิดว่าตอนนี้ควรจะแก้ไขอย่างไรดี


 


 


“ในเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ตอนนี้รีบเรียกตัวผู้ถือหุ้นใหญ่ของพวกเรามาประชุม ต้องหาวิธีแก้ปัญหาออกมาให้ได้ เป็นอย่างนี้ต่อไปอีกจะยิ่งเป็นอันตรายจริงๆ แล้ว” อันจี๋อวี่พูด


 


 


ฝ่ายเซียวจิ่งสือก็รู้ว่าถึงเวลาที่จะเล่นงานบ้านตระกูลอันแล้ว จะพลาดโอกาสทองครั้งนี้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด ต้องให้ตระกูลอันได้เจอกับความลำบากซะบ้างจะได้ไม่เล่ห์เหลี่ยมแบบนี้อีก


 


 


เซียวจิ่งสือเรียกตัวผู้ช่วยที่เขาไว้ใจได้มาคนหนึ่ง พูดว่า “ตอนนี้พวกเราต้องการผู้ช่วยเก่งๆ สักคน คนพวกนี้จะให้ดีสุดคือไปซื้อตัวมาจากเครือบริษัทตระกูลอัน ให้ราคาสูงหน่อยก็ได้ ครั้งนี้ต้องถล่มพวกเขาให้ยับ แล้วเราจะไม่มีบริษัทคู่แข่งที่ทัดเทียมได้อีก”


 


 


“ได้ครับ ท่านประธานเซียว ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้เลย จะพยายามให้สำเร็จในคราวเดียวครับ” ผู้ช่วยพูดจบก็เดินออกไป


 


 


ไม่นานนักบริษัทของเซียวจิ่งสือก็ซื้อตัวคนมีฝีมือจากเครือบริษัทตระกูลอันมาได้หลายคน คนพวกนี้รู้ว่าระหว่างนี้เครือบริษัทบ้านตระกูลอันกำลังประสบปัญหาหนัก พวกเขาจึงเลือกที่จะข้ามห้วยมาบริษัทของเซียวจิ่งสือ


 


 


กลุ่มบริษัทตระกูลอันสูญเสียบุคลากรที่มีฝีมือเหล่านี้ไป อีกทั้งการเงินของบริษัทยังรั่วไหลไม่หยุด ตอนนี้จึงประสบปัญหาอย่างหนัก ถ้าพวกเขายังไม่สามารถหาหนทางแก้ไขได้ หากเกิดเรื่องขึ้นย่อมจะเกิดผลร้ายแรงตามมา


 


 


อันจี๋อวี่เพิ่งรู้ว่าเซียวจิ่งสือซื้อคนเก่งมีความสามารถในบริษัทตัวเองไปหมด เขาอาละวาดฟาดงวงฟาดงาอยู่ในห้องทำงาน เขายิ่งโกรธแค้นเซียวจิ่งสือมากขึ้น แต่สติสัมปชัญญะยังดีอยู่ เขารู้ว่าตอนนี้ต้องคิดหาวิธีแก้ปัญหาของบริษัทก่อน ไม่ใช่เวลามาด่ากราด มันไม่มีประโยชน์อะไร


 


 


อันจี๋อวี่กลับถึงบ้านก็ปรึกษากับคนในครอบครัว ยังไม่มีวิธีการที่ดีในการรับมือกับปัญหา สุดท้ายได้แต่พุ่งเป้ามาที่อันซิง อันจี๋อวี่รีบโทรให้อันซิงกลับบ้าน


 


 


อันซิงอยู่ข้างนอกก็ได้ยินเรื่องของกลุ่มบริษัทตระกูลอัน พอรู้ว่าพ่อของเธอเรียกให้กลับบ้านด่วน คงต้องเจอกับปัญหาหนักเป็นแน่


 


 


วันนี้อันซิงจึงกลับถึงบ้านเร็วมาก เธอทำท่าว่านั่งอยู่ที่นั่นอย่างเชื่อฟัง ขณะที่จ้องมองใบหน้าอมทุกข์ของพ่อที่กำลังนั่งคอตกอย่างท้อแท้โดยไม่กล้าพูดอะไร เนื่องจากเธอรู้แล้วว่าชีวิตด้านมืดของเธอก่อนหน้านี้ได้ทำให้เซียวเฉียงไปคุยกับพ่อเธอ และเป็นเหตุให้บริษัทของพวกเขาตอนนี้ต้องตกอยู่ในสภาพนี้


 


 


“อันซิง คราวนี้เรียกเธอกลับมาเพราะต้องการให้เธอทำผลงานลบล้างความผิด เธอก็รู้ว่าก่อนหน้านี้เซียวเฉียงทะเลาะกับพ่อด้วยเรื่องอดีตพวกนั้นของเธอ” อันจี๋อวี่พูดเสียงจริงจัง


 


 


อันซิงไม่เข้าใจความหมายของพ่อเธอ จึงมองอันจี๋อวี่ด้วยสายตาสงสัย


 


 


“ความหมายฉันก็คือ ตอนนี้เธอต้องไปแฝงตัวอยู่ข้างกายเซียวจิ่งสือ พวกเราจะให้พวกเขาโอกาสนี้แซงหน้ากลุ่มบริษัทตระกูลอันไม่ได้ พ่อไม่ยอมหรอก ดังนั้นคราวนี้ต้องให้ลูกออกหน้า พ่อเชื่อว่าลูกทำได้ ลูกเข้าไปอยู่ข้างกายเขา ที่สำคัญที่สุดเมื่อถึงคราวจำเป็น เธอต้องไปเอาแผนการดำเนินงานของบริษัทเซียวจิ่งสือ


 


 


ออกมา แม้ว่าวิธีการนี้จะดูไม่ดีนัก แต่เพื่อบ้านตระกูลอันก็ต้องทำ ตอนนี้พวกเราไม่มีหนทางอื่นแล้ว อันซิง พวกเราได้แต่ฝากความหวังที่ลูกแล้วล่ะ” อันจี๋อวี่พูด


 


 


อันซิงรู้ว่าตอนนี้เธอคงปฏิเสธไม่ได้ แต่เธอไม่ชอบที่จะมีส่วนร่วมกับเรื่องแบบนี้ คราวนี้เธอจำเป็นต้องเชื่อฟังคำสั่งของพ่อ แฝงตัวเข้าไปอยู่ข้างกายเซียวจิ่งสือ


 


 


“อื้ม ได้ค่ะ” อันซิงผงกศีรษะรับคำ


 


 


 


 


——


 


 


[ 1 ] ข้ามแม่น้ำรื้อสะพาน หมายถึง พอหมดประโยชน์ใช้สอยก็ถีบหัวส่ง 

 

 


ตอนที่ 160 ใช้ประโยชน์

 

คนของบ้านตระกูลอันต่างพากันนั่งหน้านิ่วเป็นทุกข์อยู่ที่ห้องโถงกลาง ทุกคนต่างก็รู้สึกวิตกอย่างมากกับเรื่องของบริษัท สถานการณ์ในตอนนี้คับขันมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาหวังว่าจะคิดหาวิธีแก้ไขเรื่องนี้ออกมาได้ กลุ่มบริษัทตระกูลอันเคยเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก แต่ตอนนี้กลับต้องมาตกที่นั่งลำบากขนาดนี้


 


 


ทุกคนเงียบกันไปนานมาก อันจี๋อวี่เอ่ยปากช้าๆ ว่า “ตอนนี้เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ว่าพวกเราจะต้องทำอย่างไรก็ต้องช่วยบริษัทเอาไว้ให้ได้ ตอนนี้ผู้ถือหุ้นต่างร้อนรนกระวนกระวายกัน พวกเราต้องทำให้พวกเขาสงบลงให้ได้ก่อน ถ้าพวกเขาไม่เชื่อถือบริษัทเราอีก ต่อไปผลสุดท้ายก็คงมีแต่ความพินาศ พวกพนักงานต่างก็ใจไม่ดี เมื่อวานยังมีพนักงานคนหนึ่งลาออกไปหางานใหม่แล้ว อย่ารอจนพนักงานพากันหมดหวังกับบริษัทของเรา ถึงตอนนั้นพวกเราจะพยายามก็เปล่าประโยชน์แล้ว”


 


 


อันซิงก้มหน้าไม่กล้าพูด เรื่องกลายมาเป็นแบบนี้ก็เพราะเธอเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย


 


 


“ว่าแต่ตอนนี้คิดวิธีอะไรออกบ้าง บริษัทกลายเป็นแบบนี้ ไม่มีบริษัทไหนเสนอตัวมาร่วมมือกับพวกเราหรอก”


 


 


อันโฮ่วสยงหน้าบึ้ง พูดว่า “ไม่มีบริษัทมาติดต่อพวกเรา พวกเราก็ต้องเป็นฝ่ายออกไปหาพวกเขา ชักจูงให้พวกเขามาร่วมมือกับเราสิ และบริษัทที่ว่านี่ต้องเป็นบริษัทของซิงฮว่าด้วย”


 


 


คนตระกูลอันพากันมองอันโฮ่วสยงด้วยสีหน้าสงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงต้องเป็นบริษัทของซิงฮว่าด้วย ตอนนี้ถ้าจะมีบริษัทสักแห่งมาร่วมมือด้วยก็ดีมากแล้ว หรือยังจะเลือกบริษัทที่จะร่วมมือด้วยอีก? ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ของบ้านตระกูลอัน พวกเขาได้สูญเสียคุณสมบัติที่จะเป็นผู้เลือกนี้ไปแล้ว


 


 


“พูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?”


 


 


“ซิงฮว่ากรุ๊ปเป็นปฏิปักษ์กับบริษัทของเซียวจิ่งสือ ศัตรูของศัตรูก็คือมิตรของเรา เชื่อว่าถ้าพวกเขาได้ฟังเหตุในการร่วมมือของพวกเราแล้วคงต้องตอบตกลง เนื่องจากพวกเขาตั้งใจจะจัดการกับบริษัทของเซียวจิ่งสืออยู่เหมือนกัน จับจุดอ่อนของพวกเขาให้ได้ ก็ย่อมจะคุยกันด้วยดีได้แน่” อันโฮ่วสยงพูดอย่างไม่เร่งรีบอะไร


 


 


อันจี๋อวี่ได้ฟังดังนั้นก็ผงกศีรษะถี่ๆ รีบเดินออกไป ตอนนี้เขาค่อนข้างร้อนใจ ต้องรีบไปหาทางทำความร่วมมือกับซิงฮว่ากรุ๊ป เขาอยากจะไปด้วยตัวเองเพื่อแสดงความจริงใจ โอกาสคราวนี้จะผิดพลาดอีกไม่ได้เด็ดขาด เรื่องนี้เกี่ยวพันกับความเป็นตายของบริษัทเลยทีเดียว


 


 


อันจี๋อวี่มาที่ห้องทำงานของท่านประธานใหญ่ซิงฮว่ากรุ๊ปด้วยตนเอง เขาคิดจะแสดงความจริงใจ เพื่อให้พวกเขาต้องการร่วมมือกับเขามากขึ้น


 


 


อันจี๋อวี่มองดูท่านประธานจางที่หยิ่งยโสตรงหน้าแล้วรู้สึกไม่พอใจ แต่พอนึกว่าตอนนี้บริษัทของตัวเองกำลังประสบกับวิกฤต เพื่อจะได้ร่วมมือกับซิงฮว่าจึงได้แต่สะกดกลั้นใจเอาไว้


 


 


อันจี๋อวี่ยิ้มพลางพูดกับประธานจางแห่งซิงฮว่ากรุ๊ป “ประธานจาง สถานการณ์ของบริษัทเราตอนนี้คุณคงทราบแล้ว แน่นอนว่า บริษัทเราเคยยิ่งใหญ่มากมาก่อน สถานการณ์ในตอนนี้เป็นฝีมือของเซียวจิ่งสือ ถ้าหากให้บริษัทเราผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ ย่อมจะกลับไปยิ่งใหญ่เหมือนครั้งก่อนได้อีก”


 


 


ประธานจางเงยหน้าขึ้นมองอันจี๋อวี่ ในใจก็นึกดูแคลน ตอนนี้กลุ่มบริษัทบ้านตระกูลอันไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เขาจึงไม่เห็นความจำเป็นที่จะพูดคุยกันให้มากความนัก


 


 


ประธานจางพูดช้าๆ ว่า “ประธานอัน กลุ่มบริษัทตระกูลอันเคยยิ่งใหญ่มาก่อนในช่วงเวลาหนึ่ง ผมยังนับถืออยู่เลย แต่ตอนนี้คุณกับผมไม่มีการติดต่ออะไรกัน บริษัทคุณเกิดวิกฤตขึ้นทำไมผมต้องยื่นมาเข้าช่วยด้วย แล้วผมจะได้อะไรล่ะ ถ้าบริษัทคุณย่ำแย่ลงไปยิ่งกว่านี้อีก ผมไม่ขาดทุนแย่เหรอ คุณให้เหตุผลมาสักข้อ ที่จะทำให้ผมร่วมมือกับคุณสิ!”


 


 


อันจี๋อวี่ยิ่งรู้สึกโกรธอยู่ในใจ เขาไม่เคยต้องมาวิงวอนขอร้องคนอื่นแบบนี้มาก่อน มีแต่คนจะมาคอยประจบเอาใจเขาต่างหาก แต่ตอนนี้กลับต้องมานั่งพูดจานอบน้อมกับคนที่ตัวเองเคยดูถูกมาก่อนด้วยซ้ำ


 


 


อันจี๋อวี่พยายามสงบจิตใจตัวเองลงให้ได้ ยังปั้นหน้ายิ้มพลางพูดว่า “ประธานจาง ครั้งนี้บริษัทที่เราสู้ด้วยเป็นบริษัทของเซียวจิ่งสือ เมื่อก่อนพวกเขากับบริษัทคุณไม่ได้เป็นศัตรูกันหรอกเหรอ? ถ้าพวกเราร่วมมือกันต้องสามารถสู้กับเซียวจิ่งสือได้แน่ และถ้าบริษัทเราพลิกฟื้นสถานการณ์ได้สำเร็จ ย่อมจะเป็นประโยชน์กับคุณอย่างมาก”


 


 


ประธานจางนึกถึงเซียวจิ่งสือ นี่เป็นแผลใจของเขาเลยทีเดียว เขาเกลียดเซียวจิ่งสือ เพราะเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจในตอนนั้น ตอนนี้พอได้ยินว่าบ้านตระกูลอันสู้กับเซียวจิ่งสืออีก ในใจก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้น


 


 


ประธานจางยืนขึ้น พูดกับอันจี๋อวี่ว่า “ในเมื่อเรามีศัตรูคนเดียวกันคือเซียวจิ่งสือ คิดดูแล้วพวกเราก็มีความจำเป็นต้องร่วมมือกัน งั้นพวกเราก็ร่วมมือกันเถอะ ผมจะช่วยให้บริษัทคุณผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ แต่ต้องร่วมมือกันจัดการกับบริษัทของเซียวจิ่งสือ นี่เป็นแผนขั้นต้นของผม”


 


 


อันจี๋อวี่พอได้ฟังก็ดีใจขึ้นมา ภารกิจในตอนนี้สำเร็จแล้ว อย่างน้อยกลับไปอันโฮ่วสยงก็จะได้ไม่โมโหอีก งั้นต่อไปเขาได้ร่วมมือกับซิงฮว่ากรุ๊ป บริษัทอาจจะผ่านวิกฤตครั้งนี้ได้โดยเร็ว


 


 


“ขอบคุณที่เข้าใจเรา ครั้งนี้พวกเราจะร่วมกันสู้กับเซียวจิ่งสือ อย่างนั้นพอได้รับหนังสือสัญญาแล้วขอให้ลงนามโดยเร็วที่สุด ผมจะให้คนของบริษัทนำสัญญามาให้บริษัทคุณเอง หวังว่าความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นไปด้วยดี” อันจี๋อวี่พูดด้วยรอยยิ้ม


 


 


พอปัญหาได้รับการแก้ไขแล้ว อันจี๋อวี่ก็ออกจากซิงฮว่ากรุ๊ปกลับมาประชุมที่บริษัท ตอนนี้เขาต้องการประกาศให้บรรดาผู้ถือหุ้นและพนักงานของบริษัทได้รับทราบความคืบหน้าของสถานการณ์โดยเร็ว ให้ผู้คนในบริษัทไม่ว้าวุ่นใจอีก จะได้ตั้งหน้าทำงานกันต่อไป เชื่อมั่นในบริษัทว่าจะกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง


 


 


กลุ่มธุรกิจบ้านตระกูลอันกับซิงฮว่ากรุ๊ปร่วมมือกันอย่างเป็นทางการ พอสื่อทราบเรื่องนี้เข้าก็พากันเขียนบทความออกมาจำนวนมาก ข่าวที่แพร่สะพัดบนอินเทอร์เน็ตบอกว่า เซียวจิ่งสือพอใช้ประโยชน์อันซิงกับ


 


 


กลุ่มธุรกิจบ้านตระกูลอันเสร็จก็สลัดทิ้งโดยไม่ใยดี


 


 


เซียวจิ่งสืออยู่ที่บริษัท ผู้ช่วยเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเป็นกังวล เซียวจิ่งสือทราบทันทีว่าเกิดเรื่อง หลายวันมานี้เขารู้สึกได้ว่าบ้านตระกูลอันจะรุกกลับในที่สุด


 


 


“ท่านประธานเซียวครับ เรื่องที่ผมจะพูดตอนนี้คุณคงต้องเตรียมทำใจไว้ก่อน ตอนนี้สื่อออนไลน์มีบทความจำนวนมากที่บอกว่าบริษัทของเราทรยศหักหลัง ใช้ประโยชน์จากบ้านตระกูลอันแล้วเขี่ยทิ้ง กลายเป็นศัตรูกับบ้านตระกูลอัน ทำให้บริษัทของพวกเขาเสียหายยับเยิน เรื่องนี้เผยแพร่ในวงการธุรกิจอย่างรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป จะเป็นผลเสียกับบริษัทของเราอย่างมากนะครับ” ผู้ช่วยพูดอย่างเป็นกังวล


 


 


เซียวจิ่งสือขมวดคิ้วนึกดู เขารู้ว่าถ้าหากเรื่องนี้ยังเผยแพร่ออกไปแบบนี้บริษัทเขาคงไม่เหลือความน่าเชื่อถืออีก ต่อไปจะทำความร่วมมือกับบริษัทอื่นก็คงไม่มีใครอยากจะร่วมมือด้วย หรือถึงกับตั้งป้อมอย่างหวาดระแวงบริษัทของเขา ซึ่งจะส่งผลกับบริษัทอย่างมาก เซียวจิ่งสือคิดว่าไม่เพียงแต่จะต้องหยุดเรื่องนี้ให้ได้ แต่ยังต้องใช้วิธีทำให้ผู้คนรู้ว่าความผิดนั้นไม่ได้อยู่ที่บริษัทของเขา 

 

 


ตอนที่ 161 คุกคาม

 

เซียวจิ่งสือพูดเสียงจริงจังว่า “เสี่ยวจาง คุณไปหานักข่าวมาหลายคนหน่อย เอาเรื่องที่อันซิงยกพวกอาละวาดหาเรื่องกับเรื่องเมาเหล้าแล้วอ่อยผู้ชายโพสต์ขึ้นอินเทอร์เน็ต นี่ไม่แค่ดึงดูดความสนใจเรื่องของพวกเราเท่านั้น ยังจะผลักภาระรับผิดชอบที่สองบริษัทเราไม่ร่วมมือกันอีกไปที่พวกเขา เรื่องนี้จัดการเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี”


 


 


“ครับ ประธานเซียว งั้นผมไปจัดการก่อนครับ” ผู้ช่วยพูดจบก็ออกจากห้องทำงานของเซียวจิ่งสือ


 


 


ที่จริงแล้วเซียวจิ่งสือไม่อยากจะนำเรื่องที่อันซิงยกพวกอาละวาดหาเรื่องกับเรื่องเมาเหล้าแล้วอ่อยผู้ชายมาบอกต่อกับผู้คน แต่ตอนนี้บนอินเทอร์เน็ตมีข่าวลือ ว่าเขาเป็นคนทรยศหักหลังกระจายออกไป เขาจึงต้องทำเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของผู้คน


 


 


เรื่องของอันซิงพอโพสต์ขึ้นอินเทอร์เน็ต ก็กลายเป็นจุดสนใจอย่างรวดเร็ว บ้านตระกูลอันกลายเป็นที่รังเกียจและด่าประณามของผู้คน ตลาดความต้องการของสินค้าของกลุ่มบริษัทตระกูลอันก็ลดลงไปมาก ตอนนี้กลุ่มบริษัทตระกูลอันสูญเสียความน่าเชื่อถือและศักดิ์ศรีไปแล้ว ด้วยฝีมืออันซิงเพียงคนเดียว ทำให้ผู้คนต่างเห็นว่าบ้านตระกูลอันสร้างกระแสวุ่นวายปั่นป่วนในสังคม


 


 


เรื่องนี้ก็ทำให้กลุ่มบริษัทบ้านตระกูลอันวุ่นวายมากเช่นกัน


 


 


อันโฮ่วสยงโมโหระเบิดลงที่ห้องทำงาน คนของบริษัทไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขาอีก ต่างกลัวว่าอันโฮ่วสยงจะระบายความโกรธมาลงที่ตัวเอง


 


 


อันโฮ่วสยงด่ากราดเซียวจิ่งสืออยู่ในใจ อยากจะสับเขาเป็นหมื่นๆ ชิ้น อันโฮ่วสยงทนอยู่ที่บริษัทไม่ได้ คิดว่าต้องทำอะไรสักอย่าง เขาตัดสินใจไปหาหลินหว่าน


 


 


อันโฮ่วสยงรู้ว่าเซียวจิ่งสือชอบหลินหว่านจริงๆ ขอเพียงลงมือกับหลินหว่าน เซียวจิ่งสือย่อมจะทำอะไรบริษัทเขาอีกไม่ได้ เซียวจิ่งสือต้องยอมอ่อนข้อเพื่อหลินหว่าน


 


 


อันโฮ่วสยงมาถึงบ้านของหลินหว่าน


 


 


หลินหว่านเห็นเป็นอันโฮ่วสยง ก็สะดุ้งตกใจและรู้ว่าเรื่องนี้คงไม่ง่ายขนาดนั้น


 


 


หลินหว่านคิดว่าในขณะที่เธอยังไม่รู้ที่มาที่ไปของเรื่อง ยังคงปฏิบัติต่อเขาอย่างแขกที่มาเยี่ยมคนหนึ่งก็แล้วกัน


 


 


หลินหว่านพูดด้วยสีหน้าสงสัยว่า “ไม่ทราบว่าคุณมาหาฉันมีอะไรเหรอคะ? เชิญนั่งก่อนค่ะ ฉันจะไปยกน้ำดื่มมาให้”


 


 


อันโฮ่วสยงนั่งลงบนโซฟาด้วยสีหน้าเย็นชา รอให้หลินหว่านเดินมาหาจึงเตรียมจะพูดกับเธอ


 


 


อันโฮ่วสยงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ พูดว่า “หลินหว่าน ไม่ต้องต้อนรับฉันดีขนาดนี้ก็ได้ พอฟังฉันพูดจบ เธอก็จะเกลียดฉัน หรืออาจไล่ฉันออกไปเลยก็ได้”


 


 


หลินหว่านหุบยิ้มฉับ เธอรู้สึกสังหรณ์ใจชอบกล


 


 


หลินหว่านพูดเสียงเบาว่า “สวัสดีค่ะ คุณมีเรื่องอะไรก็พูดออกมาเลยค่ะ”


 


 


หลินหว่านยิ่งคิดก็ยิ่งว้าวุ่นใจ กลัวว่าคำพูดของชายตรงหน้านี้เธอจะรับไม่ได้


 


 


อันโฮ่วสยงพูดเรื่อยๆ ว่า “หลินหว่าน เดิมทีเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอหรอก ถ้าจะโทษก็ต้องโทษเซียวจิ่งสือที่มีความสัมพันธ์ที่พิเศษกับเธอ เนื่องจากพวกเรากลุ่มบริษัทตระกูลอันมีเซียวจิ่งสือคอยก่อกวนอยู่เบื้องหลัง ทำให้ตอนนี้บริษัทเราตกอยู่ในภาวะวิกฤต เครือข่ายกิจการของตระกูลอันตอนนี้ชื่อเสียงเสียหายหนักยอดขายตกฮวบ ถึงแม้ตอนนี้บริษัทจะกลายเป็นอย่างนี้แล้ว เซียวจิ่งสือก็ดูเหมือนจะยังไม่ยอมหยุดการบ่อนทำลายบริษัทของเรา”


 


 


หลินหว่านรู้ว่าสาเหตุที่อันโฮ่วสยงมาหาเธอ เพราะอยากจะให้เธอช่วยเขาพูดเกลี้ยกล่อมเซียวจิ่งสืองั้นเหรอ? หลินหว่ารู้ว่าคนของบ้านตระกูลอันปกติก็ไม่ใช่คนดีนัก ดังนั้นเธอจึงไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้


 


 


หลินหว่านพูดกับอันโฮ่วสยงว่า “ฉันจะไม่ไปพูดเกลี้ยกล่อมเซียวจิ่งสือให้พวกคุณหรอก เขาทำแบบนี้ย่อมจะมีเหตุผลของตัวเอง ฉันย่อมสนับสนุนการตัดสินใจของเขา หวังว่าคุณจะไม่มาหาฉันอีกนะคะ”


 


 


อันโฮ่วสยงโมโหขึ้นมาบ้าง เมื่อเห็นท่าทีของหลินหว่านที่ปฏิบัติต่อเขาแบบนี้


 


 


เขาพูดขึ้นมาว่า “หลินหว่าน เธอยังไม่ต้องรีบร้อนปฏิเสธฉัน ครั้งนี้การที่ฉันกล้ามาหาเธอ แน่นอนว่าฉันมีจุดอ่อนของเธออยู่ในมือ เรื่องของแม่เธอไง ตอนนี้เธอน่าจะเข้าใจแล้วล่ะมั้ง ถ้าเธอไม่ไปพูดเกลี้ยกล่อมเซียวจิ่งสือให้หยุดโจมตีบริษัทของเรา ฉันจะเอาเรื่องในอดีตของแม่เธอมาตีแผ่ต่อหน้าสาธารณชนอีกครั้ง เอาให้ยิ่งใหญ่อลังการไปเลย ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องน่ากลัวอะไรขึ้นบ้างนะ”


 


 


หลินหว่านเบิ่งตากลมกว้าง เธอคิดไม่ถึงว่าอันโฮ่วสยงจะใช้เรื่องแม่ของเธอมาข่มขู่เธอ ชั่วขณะนั้นหลินหว่านไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี แม่เธอเป็นจุดตายของเธอจริงๆ ซะด้วย


 


 


หลินหว่านนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง เหม่อมองอันโฮ่วสยงนิ่งอยู่


 


 


อันโฮ่วสยงลุกขึ้นยืนยิ้มเย็นชาแล้วพูดว่า “หลินหว่าน ฉันเชื่อว่าเธอเป็นคนฉลาด รู้ดีว่าควรจะทำอย่างไร ในเมื่อพูดจบแล้ว ฉันก็ไปล่ะ”


 


 


หลินหว่านมองดูเงาหลังของอันโฮ่วสยงจากไป กำหมัดแน่น เธอเกลียดการถูกคนอื่นข่มขู่เป็นที่สุด แต่ตอนนี้เธอกลับต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้


 


 


หลินหว่านคิดเรื่องนี้กลับไปกลับมาหลายตลบ เธอไม่กล้าไปพบเซียวจิ่งสือด้วยซ้ำ


 


 


อีกทางหนึ่งก็รู้ว่าโอกาสครั้งนี้ของเซียวจิ่งสือได้มาไม่ง่ายเลย บางทีเขาใกล้จะล้มเครือบริษัทตระกูลอันได้อยู่แล้ว หลินหว่านตัดใจไม่ขาด เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี จะไปขอให้เซียวจิ่งสือยั้งมือให้บ้านตระกูลอันดีไหม


 


 


วันนี้พอดีกับเซียวจิ่งสือนัดหลินหว่านออกไป หลินหว่านรู้สึกอึดอัดเมื่ออยู่ต่อหน้าเซียวจิ่งสือ รู้สึกว่าการที่ตัวเองไปพบอันโฮ่วสยงเป็นการส่วนตัวเป็นเรื่องผิดต่อเซียวจิ่งสืออยู่บ้าง ในตอนทานข้าวหลินหว่านมัวแต่คิดเรื่องนี้อยู่ทำอะไรก็ผิดพลาดตกหล่นไปหมด ดูแล้วป้ำๆ เป๋อๆ เหม่อลอยอยู่บ้าง


 


 


เซียวจิ่งสือสังเกตเห็นความผิดปกติทั้งหมดนี้ เขาเข้าใจหลินหว่านดี ตอนที่เธอเพิ่งเข้ามาเขาก็ดูออกแล้วว่าหลินหว่านมีเรื่องปิดบังเขา


 


 


“หลินหว่าน คุณบอกผมได้ไหมว่าเจอเรื่องลำบากอะไรเข้า? วันนี้ผมรู้สึกว่าคุณผิดไปจากเดิม มีเรื่องอะไรก็บอกผม ผมจะช่วยคุณเต็มที่เลย แต่ผมรู้สึกว่าเหมือนคุณมีเรื่องปิดบังผม ไม่กล้าสบสายตาผม คุณยิ่งทำแบบนี้ผมก็ยิ่งอยากรู้มากขึ้น บอกผมไม่ได้เหรอว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” เซียวจิ่งสือพูดพลางมองดูหลินหว่านด้วยสายตาอ่อนโยน


 


 


หลายวันมานี้หลินหว่านทุกข์ใจกับเรื่องนี้มาตลอด เมื่อเธอได้ยินเซียวจิ่งสือพูดเช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่าเพราะซาบซึ้งใจหรืออะไร น้ำตาเธอไหลพรากออกมา


 


 


“อันโฮ่วสยงมาหาฉัน เขาขู่ฉันเรื่องของแม่ จะให้ฉันห้ามคุณไม่ให้โจมตีบริษัทของเขาอีก แต่ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะทำอย่างไรดี ฉันไม่อยากห้ามคุณแต่ก็กลัวว่าเรื่องของแม่จะถูกขุดคุ้ย” หลินหว่าพูดเสียงเครือ


 


 


เซียวจิ่งสือปลอบหลินหว่าน พอถึงบริษัท เขาก็รีบหยุดแผนจัดการบ้านตระกูลอันไปบางส่วน เขาไม่อยากให้หลินหว่านต้องมารับเคราะห์เพราะเรื่องของเขา จึงหยุดการลงมือกับบ้านตระกูลอัน


 


 


หลินหว่านก็รู้เรื่องนี้ และเธอก็ขอบคุณเซียวจิ่งสือที่เข้าใจความรู้สึกของเธอ


 


 


เซียวเฉียงพอรู้เรื่องนี้ เขาไม่พอใจหลินหว่านอย่างมาก จึงไปหาหลินหว่าน ทั้งสองนัดพบกันที่ร้านกาแฟที่อยู่ลับตาคนแห่งหนึ่ง


 


 


เซียวเฉียงพูดกับหลินหว่าน “หลินหว่าน ฉันรู้ว่าเธอชอบเซียวจิ่งสือ แต่ถ้าอยู่ข้างกายเขาแล้วเป็นการทำร้ายเขา ฉันก็หวังว่าเธอจะไปจากเซียวจิ่งสือเอง อย่าสร้างเรื่องยุ่งยากอะไรให้เขาอีก”


 


 


หลินหว่านเดาได้เลยว่าเซียวเฉียงมาหาเธอด้วยเรื่องนี้ แต่เมื่อเธอตัดสินใจแล้วกลับพูดไม่ออก หลินหว่านก้มหน้านึกถึงเซียวจิ่งสือ แอบนึกเจ็บปวดใจ 

 

 


ตอนที่ 162 ยอมลาจาก

 

“ประธานเซียว คุณบอกฉันได้ไหมคะว่าทำไมต้องให้ฉันไปจากเซียวจิ่งสือ” หลินหว่านพอฟังว่าเซียวเฉียงให้เธอไปจากเซียวจิ่งสือ ก็รู้สึกสับสนจนบอกไม่ถูก เธอถามอย่างสงสัยอยากรู้


 


 


เซียวเฉียงฟังแล้ว ปรายตามองหลินหว่านอย่างดูถูก พูดว่า “ทำไมฉันต้องให้เธอไปจากเซียวจิ่งสือ? ฮึ! เพราะเธอมีอิทธิพลต่อเขามากเกินไปแล้ว! บ้านตระกูลเซียวกำลังปฏิบัติการซื้อกิจการเทียนซิงกรุ๊ป แต่เขากับยอมละเว้นบ้านตระกูลอันเพราะเธอ ทำให้แผนการทั้งหมดแทบจะล้มเหลว”


 


 


“นี่…” หลินหว่านสะดุ้งตกใจ เรื่องนี้…เป็นความจริงงั้นเหรอ เซียวจิ่งสือยอมวางมือกับบ้านตระกูลอันเพราะเธอจริงๆ เหรอ?


 


 


“จิ่งสือ เขาเป็นผู้สืบทอดกิจการของบ้านตระกูลเซียว ต่อไปต้องดูแลกิจการทั้งหมดของบ้านตระกูลเซียว รวมทั้งวั่นหย่ากรุ๊ป ฉันไม่อยากเห็นและหวังว่าคราวหน้าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้อีก! ส่วนเธอ…” เซียวเฉียงใช้สายตารังเกียจกวาดมองหลินหว่านแวบหนึ่ง แล้วพูดเสียงเย็นว่า “เธอเป็นจุดอ่อนเพียงหนึ่งเดียวของเขา การที่เธออยู่ข้างๆ เขา ถ้าเขายังจะทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้เพราะเธออีก จะช้าเร็วเขาคงต้องถูกเธอทำลายแน่!”


 


 


“ฉัน…” หลินหว่านคิดจะอธิบายกับเซียวเฉียงว่าเธอไม่รู้ว่าเซียวจิ่งสือจะปล่อยบ้านตระกูลอันเพราะเธอ “ประธานเซียวคะ ขอโทษค่ะ เรื่องนี้ฉันไม่ทราบเรื่องจริงๆ ”


 


 


“งั้นเหรอ?” เซียวเฉียงพอฟังคำอธิบายของหลินหว่านก็มองเธอแล้วพูดอีกว่า “แต่ก็ไม่เป็นไร คุณหลินคงเคยได้ยินคำว่า ‘ชาติตระกูลที่เหมาะสมทัดเทียมกัน’ มาบ้างล่ะมั้ง การแต่งงานของจิ่งสือเขาไม่อาจกำหนดได้เองหรอกนะ ต่อให้เขาไม่ได้แต่งกับคนของบ้านตระกูลอัน ก็ต้องเป็นตระกูลมีชื่อเสียงอื่นๆ สรุปก็คือ ผู้หญิงที่เขาจะแต่งงานด้วย ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่ใช่เธอแน่ๆ!”


 


 


หลินหว่านฟังคำพูดของเซียวเฉียงแล้ว สีหน้าทุกข์ใจสุดๆ หัวใจตกวูบเหมือนหล่นลงเหวลึกอย่างนั้น ใบหน้ากลายเป็นขาวซีด นิ่งอึ้งพูดไม่ออกไปชั่วครู่


 


 


เซียวเฉียงเห็นว่าหลินหว่านไม่พูดอะไร นึกว่าเธอยังไม่ยินยอมพร้อมใจ จึงตวัดสายตาคมราวกับเหยี่ยวมาที่เธอ แล้วเอ่ยปากว่า “คุณหลิน คุณลองคิดดูให้ดีเถอะ คุณกับจิ่งสืออยู่ด้วยกันก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้ แถมยังกลับเป็นตัวถ่วงเขาอีก เพียงแค่คุณไปจากเขาจึงจะเป็นการช่วยเขาที่ดีที่สุด”


 


 


เขารู้สึกได้ว่าผู้หญิงตรงหน้าเขานี้มีอิทธิพลต่อลูกชายเขาเกินกว่าที่คาดคิดไว้มาก อิทธิพลเช่นนี้ถ้าหากไม่ตัดขาดเสียก่อน ปล่อยให้แผ่ขยายออกแล้ว จะช้าเร็วเซียวจิ่งสือจะพังด้วยมือของหลินหว่าน


 


 


“ค่ะ…ประธานเซียว ฉันรับปากคุณ ฉ…ฉันจะไปจากเซียวจิ่งสือ” แต่คิดไม่ถึงว่า หลินหว่านแค่ชะงักไปครู่หนึ่งก็รีบรับปากตกลง


 


 


หลินหว่านรู้ว่าเรื่องนี้ล้วนมีเหตุมาจากเธอ ดังนั้นเธอจึงตอบตกลงไปจากเซียวจิ่งสือ


 


 


เซียวเฉียงเห็นแล้วรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง แต่อยู่ต่อหน้าเธอ กลับพูดด้วยท่าทางเป็นปกติว่า “ดีมาก คุณหลิน ดูท่าแล้วคุณคงจะรู้ตัวดีนี่”


 


 


“ประธานเซียวชมเกินไปแล้วค่ะ” หลินหว่านยิ้มขื่น พูดอีกว่า “งั้น ประธานเซียวคะ ถ้าหากคุณไม่มีเรื่องอื่น ฉันขอตัวกลับก่อนค่ะ”


 


 


“รอเดี๋ยว” เสียงของเซียวเฉียงยับยั้งหลินหว่านที่กำลังจะจากไป “คุณหลิน ยังไงคุณก็รับนี่ไปเถอะนะ” พูดพลาง เซียวเฉียงก็ยื่นตั๋วเครื่องบินใบหนึ่งให้หลินหว่าน


 


 


“ฉันทำเรื่องนี้ก็เพื่อรับรองว่าเธอจะไปจากจิ่งสืออย่างเด็ดขาดได้จริงๆ ต่อไปจะไม่มาปรากฏตัวที่ข้างเขาอีก” เซียวเฉียงเอ่ยขึ้น ขณะมองดูหลินหว่านที่นิ่งงันไป


 


 


หลินหว่านยิ้มขื่นอยู่ในใจ พูดว่า “ประธานเซียวนี่ ช่างคิดได้รอบคอบจังนะคะ”


 


 


พูดจบ เธอก็หยิบตั๋วเครื่องบิน แล้วจากไปอย่างเงียบงัน


 


 


เซียวเฉียงนิ่งมองดูเงาหลังที่จากไปของหลินหว่าน คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้ให้เธอไปจากเซียวจิ่งสือจะพูดง่ายขนาดนี้


 


 


พอหลินหว่านจากมาแล้ว ก็หยิบตั๋วเครื่องบินขึ้นมาดูอย่างละเอียด เที่ยวบินพรุ่งนี้บ่าย ปลายทางเป็นเมืองเล็กๆ ในต่างประเทศแห่งหนึ่ง


 


 


เห็นได้ชัดเลยว่าเซียวเฉียงอยากจะให้เธอไปจากเซียวจิ่งสือโดยเร็วขนาดไหน


 


 


หลินหว่านเรียกแท็กซี่คันหนึ่ง พอขึ้นรถ คนขับก็ถามเธอว่าจะไปไหน หลินหว่านลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็บอกที่อยู่ของบริษัทเซียวจิ่งสือ


 


 


ถึงอย่างไรพรุ่งนี้ก็จะไปแล้ว เธออยากทำตามใจตัวเองบ้าง พบหน้าเซียวจิ่งสือ บอกลากันด้วยดี ได้อยู่ร่วมกันในโอกาสสุดท้าย


 


 


“คุณหนู คุณหนูครับ ถึงแล้วครับ” เสียงของคนขับปลุกให้หลินหว่านตื่นจากความทรงจำที่เธอกับเซียวจิ่งสือเคยมีร่วมกัน หลินหว่านกล่าวขอบคุณ ชำระค่าโดยสารแล้วลงจากรถ


 


 


เซียวจิ่งสือเห็นหลินหว่านมาหาเขาถึงบริษัท ก็รู้สึกดีใจกับประหลาดใจมาก เขาวางมือจากเอกสารตรงหน้า พูดอย่างดีใจว่า “หว่านหว่าน คุณมาได้อย่างไรน่ะ”


 


 


“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่อยากจะมาหาคุณเท่านั้นน่ะ” หลินหว่านพยายามทำตัวให้เหมือนปกติ ยิ้มพลางตอบเขา จากนั้นเธอแอบปรายตามองเอกสารบนโต๊ะ เมื่อครู่เอกสารที่เซียวจิ่งสือดูอยู่เป็นเอกสารที่เกี่ยวกับการซื้อเทียนซิงกรุ๊ปหรือเปล่านะ? เขายังไม่ยอมทิ้งแผนการซื้อเทียนซิงกรุ๊ปอีกเหรอ


 


 


เซียวจิ่งสือเห็นท่าทีผิดปกติของหลินหว่านทันที ปกติเธอจะไม่เป็นฝ่ายมาหาเขา และไม่มีท่าทีต่อเขาแบบนี้


 


 


เซียวจิ่งสือมองดูหลินหว่าน จากนั้นแกล้งทำเหมือนไม่รู้ว่าเธอผิดปกติ พูดว่า “งั้นดีเลย หว่านหว่าน คุณพักผ่อนที่นี่สักครู่ก่อน เดี๋ยวพอผมดูเอกสารนี้เสร็จ ค่อยไปทานข้าวกับคุณนะ”


 


 


หลินหว่านมองดูนาฬิกาติดผนังห้องทำงานของเซียวจิ่งสือ ยังมีเวลาก่อนเซียวจิ่งสือจะเลิกงานอีกช่วงเวลาหนึ่ง ดูท่าว่าเธอมานี่กะทันหันไปจริงๆ เธอผงกศีรษะ ยิ้มแล้วพูดว่า “ค่ะ”


 


 


หลินหว่านมองดูใบหน้าด้านข้างของเซียวจิ่งสือที่กำลังอ่านเอกสารอย่างสงบ จู่ๆ หลินหว่านก็ใจเต้นระทึกขึ้นมา นึกถึงเมื่อครู่เซียวเฉียงบีบให้เธอไปจากเซียวจิ่งสือ เธอถอนใจออกมาเบาๆ


 


 


“เซียวจิ่งสือ คุณรู้ไหมคะว่าพ่อแม่ของฉันท่านเป็นคนอย่างไร?” จู่ๆ ในห้องทำงานที่เงียบสงบ เซียวจิ่งสือได้ยินเสียงของหลินหว่านถามขึ้น


 


 


เซียวจิ่งสือหยุดพลิกหน้าเอกสาร ขมวดคิ้ว เงยหน้าขึ้นพูดกับหลินหว่าน “ผมไม่รู้หรอก คุณเป็นอะไรเหรอ หว่านหว่าน?”


 


 


เขาเห็นว่าหลินหว่านมองดูเขาอยู่ แต่กลับไม่พูดอะไร สีหน้าหม่นหมอง เขาเดาว่าวันนี้เธออาจจะมาด้วยเรื่องแผนการซื้อเทียนซิงกรุ๊ป เซียวจิ่งสือพูดปลอบหลินหว่าน “หว่านหว่าน ถึงผมจะไม่รู้ แต่คุณบอกผมได้นี่นา ผมอยากจะฟังเรื่องของพ่อแม่คุณมากเลยนะ”


 


 


จากนั้น หลินหว่านก็เริ่มเล่าความทรงจำในวัยเด็กของเธอ


 


 


“แม่ของฉันคุณก็รู้จัก ตอนยังมีชีวิตเธอเป็นราชินีจอเงินในยุคหนึ่งเชียวนะ แต่หลังจากเธอให้กำเนิดฉันแล้วก็มีชื่อเสียงตกต่ำลงไปมาก อันโฮ่วสยงเห็นว่าฉันกับแม่เป็นความอัปยศของบ้านตระกูลอัน


 


 


“ส่วนพ่อของฉัน…”


 


 


หลินหว่านเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง เหมือนจมอยู่กับความทรงจำในอดีต จากนั้นพูดต่อว่า “ฉันไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใคร แต่ว่าตอนที่ฉันยังเล็กมากๆ นั้น แม่ฉันเคยพูดถึงเขาให้ฉันฟังครั้งหนึ่ง เธอบอกว่า เขาเป็นคนรูปร่างสูงแล้วก็หล่อมากคนหนึ่ง ฉันเป็นลูกของเขา แต่เธอไม่ยอมพูดออกไปหรอก เพราะเธอจะปกป้องเขา…” 

 

 


ตอนที่ 163 ไม่ยอมซื้อ

 

หลินหว่านพูดไปน้ำตาก็ไหลพรั่งพรูออกมาโดยไม่รู้ตัว


 


 


เซียวจิ่งสือเห็นแล้วปวดใจมาก เข้าไปเช็ดน้ำตาให้หลินหว่านอย่างเบามือ เขากอดเธอไว้ปลอบว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรนะ หว่านๆ อย่าร้องไห้ไปเลย เราไม่พูดเรื่องพ่อแม่ของคุณกันดีไหม”


 


 


หลินหว่านซบกับไหล่ของเซียวจิ่งสือ สะอื้นพลางพูดว่า “ขอโทษนะ…”


 


 


“ไม่เป็นไรหรอก ต่อให้พ่อแม่ของคุณไม่อยู่กับคุณ คุณก็ยังมีผมไม่ใช่เหรอ ผมจะอยู่เคียงข้างคุณตลอดไปเลย”


 


 


“ขอบคุณนะ” หลินหว่านได้ฟังก็สะเทือนใจมาก แต่พรุ่งนี้เธอจะต้องไปจากที่นี่แล้ว ไม่อาจอยู่ข้างกายเซียวจิ่งสือตลอดเวลาได้อีก


 


 


“เซียวจิ่งสือ…”


 


 


“หืม? ทำไมเหรอ” เซียวจิ่งสือได้ยินเสียงหลินหว่านเรียกชื่อเขาด้วยเสียงเศร้า เขาคลายมือจากหลินหว่าน มองดูเธออย่างไม่เข้าใจ


 


 


“เราไปทานข้าวกันเถอะค่ะ วันนี้ฉันอยากจะทำกับข้าวให้คุณทานสักมื้อ”


 


 


ในเมื่อกำลังจะไปจากเซียวจิ่งสือแล้ว หลินหว่านตัดสินใจว่าจะตามใจตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย


 


 


“ได้เลยครับ” พอรับฟังความต้องการของหลินหว่าน เซียวจิ่งสือก็ไม่มีกะจิตกะใจจะอ่านเอกสารอะไรอีก เขาจูงมือเธอออกจากห้องทำงานไปอย่างดีใจ “ขอบคุณนะ หว่านหว่าน เราไปกันเถอะ”


 


 


เซียวจิ่งสือขับรถพาหลินหว่านมาที่ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง พวกเขามาที่แผนกขายผักด้วยกัน จากนั้นทั้งสองก็พูดคุยกันอย่างชื่นมื่นพลางเลือกซื้ออาหารไปมากมาย จากนั้นกลับมาที่บ้านของเซียวจิ่งสือด้วยกัน


 


 


หลินหว่านสวมผ้ากันเปื้อน สาละวนอยู่ในห้องครัว ส่วนเซียวจิ่งสือก็คอยเป็นลูกมืออยู่ด้านข้าง ตอนนี้ ดูเหมือนเขาจะมองเห็นชีวิตคู่ของเขากับหลินหว่านเมื่ออยู่ด้วยกันในอนาคต


 


 


หลังจากยุ่งวุ่นวายพักหนึ่ง อาหารเย็นแสนอร่อยและดูเลิศหรูอลังการก็ทยอยถูกนำขึ้นโต๊ะอาหาร เซียวจิ่งสือมองดูอาหารค่ำฝีมือหลินหว่านแล้วรู้สึกมีความสุขที่สุด เพื่อเป็นการเพิ่มบรรยากาศ หลินหว่านให้เซียวจิ่งสือหยิบไวน์แดงขวดหนึ่งออกมา


 


 


อาหารเย็นบรรยากาศรื่นรมย์สุดๆ หลินหว่านดื่มไปค่อนข้างมากโดยไม่รู้ตัว เธอหมุนแก้วไวน์ไปมา แล้วหัวข้อสนทนาก็ย้อนกลับมาที่เรื่องของพ่อแม่เธออีกครั้ง “เซียวจิ่งสือคะ คุณรู้ไหม พ่อแม่ของฉันล้วนแต่เป็นคนดีมากเลยนะ พวกท่านต้องไม่ใช่คนประเภทที่ยอมทำร้ายคนอื่นเพื่อผลประโยชน์เด็ดขาด…”


 


 


“ผมรู้…” เซียวจิ่งสือพอฟังว่าหลินหว่านพูดถึงพ่อแม่ของเธออีก ก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง เขาตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะให้ผู้ช่วยไปสืบดูว่าเรื่องมันเป็นมาอย่างไรกันแน่


 


 


“เซียวจิ่งสือ คุณเชื่อฉันไหมคะ เชื่อในตัวพ่อแม่ของฉันไหมคะ”


 


 


“ผมเชื่อสิ ทำไมผมจะไม่เชื่อคุณล่ะ” เซียวจิ่งสือมองดูหลินหว่านที่เมาจนเลอะเลือน เธอพูดมาคำหนึ่ง เขาก็รับคำหนึ่ง เขาไม่เคยสงสัยคำพูดของหลินหว่านอย่าว่าแต่เป็นเรื่องพ่อแม่ของเธอเลย


 


 


เพียงแต่เขากลับรู้สึกว่าหลินหว่านเหมือนมีความในใจอะไรสักอย่าง ตอนนี้เขามองเธอไม่ออกเอาซะเลย


 


 


หลินหว่านดื่มไวน์แดงในแก้วที่เหลือรวดเดียวจนหมด ชั่วครู่หนึ่ง เธอเอ่ยปากอีกว่า “แต่คราวที่แล้ว อันโฮ่วสยงกลับใช้เรื่องของพ่อแม่ฉันมาข่มขู่ฉัน ให้ฉันขอให้คุณอย่าซื้อเทียนซิงกรุ๊ป…”


 


 


เซียวจิ่งสือฟังแล้วไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร ระหว่างการซื้อเทียนซิงกรุ๊ปกับหลินหว่าน เขาไม่รู้ว่าจะเลือกฝ่ายไหนจริงๆ


 


 


การซื้อเทียนซิงกรุ๊ปเป็นคำสั่งของพ่อเขา ตอนแรกเขาก็ทำตามอย่างกระตือรือร้น เพราะการล้มบ้านตระกูลอันได้ก็เท่ากับหลินหว่านได้แก้แค้น เขายังเข้าใจว่าหลินหว่านจะดีใจเสียอีก


 


 


แต่ตอนนี้ดูไปแล้ว หลินหว่านดูเหมือนจะไม่รู้สึกดีใจเพราะเรื่องนี้ ถ้าอย่างนั้น เขายังจะเดินหน้าซื้อเทียนซิงกรุ๊ปต่อไปอีกไหม


 


 


หลินหว่านมองดูเซียวจิ่งสือ เขาขมวดคิ้ว เหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง หลินหว่านมองไล่ไปตามคิ้วคางทั่วใบหน้าของเขาอย่างละเอียด จากนั้นพูดงึมงำด้วยอาการมึนเมาว่า “เซียวจิ่งสือ ลาก่อนนะ รักษาตัวดีๆ ล่ะ”


 


 


เซียวจิ่งสือกำลังหมกมุ่นครุ่นคิดอยู่กับการซื้อเทียนซิงกรุ๊ป จึงไม่ทันได้สนใจ และแน่นอนว่าไม่ทันได้ฟังคำพูดนี้ของหลินหว่าน


 


 


หลังอาหารค่ำ เซียวจิ่งสือส่งหลินหว่านกลับบ้าน พอเห็นหลินหว่านกลับเข้าบ้านแล้ว เซียวจิ่งสือก็ขับรถกลับบ้านตัวเองด้วยอารมณ์ขุ่นมัว


 


 


เขาครุ่นคิดตลอดเวลา ระหว่างการซื้อเทียนซิงกรุ๊ปกับหลินหว่านเขาควรจะเลือกอย่างไหนกันแน่?


 


 


แต่เขาคิดตลอดคืนก็ยังนึกหาวิธีการที่ดีพร้อมทั้งสองฝ่ายไม่ได้


 


 


รุ่งเช้า เซียวจิ่งสือมาถึงบริษัท พลิกดูเอกสารที่เมื่อวานอ่านค้างไว้ต่อจนจบ ตอนนั้นเอง ผู้ช่วยก็มาที่ห้องทำงานเขา รายงานว่า “ท่านประธานเซียวครับ การประชุมเพื่อเร่งดำเนินการซื้อเทียนซิงกรุ๊ปกำลังจะเริ่มแล้วครับ”


 


 


เซียวจิ่งสือฟังแล้วนิ่งงันไปชั่วครู่ จากนั้น เหมือนกับเขาจะตัดสินใจได้ในที่สุด เขาพูดอย่างหงุดหงิดว่า “ยกเลิกการประชุม ต่อไปหยุดเรื่องการซื้อกิจการเทียนซิงกรุ๊ปทั้งหมด”


 


 


ความคิดนี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืน แต่เขายังไม่อาจตัดสินใจได้ แต่ตอนนี้ เขาตัดสินใจแล้ว เพื่อหลินหว่าน ต้องหยุดการซื้อกิจการเทียนซิงกรุ๊ป


 


 


ผู้ช่วยตกใจมาก การซื้อกิจการเทียนซิงกรุ๊ปเป็นแผนการดำเนินงานที่สำคัญที่สุดของบริษัทในระยะนี้ การดำเนินงานก็ราบรื่นดีมาก ทำไมจู่ๆ ประธานเซียวจึงสั่งหยุดกะทันหันนะ


 


 


แม้ว่าผู้ช่วยจะสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามให้มากความอะไร การเชื่อฟังเป็นคุณสมบัติที่ลูกน้องพึงมี ในเมื่อประธานเซียวสั่งมาแบบนี้แล้ว ภารกิจของเขาก็คือถ่ายทอดคำสั่งของประธานเซียวให้กับทุกคนทราบ


 


 


“ได้ครับ ท่านประธานเซียว” ผู้ช่วยรับคำอย่างนอบน้อม ขณะกำลังจะออกจากห้องทำงานของเซียวจิ่งสือ ก็ถูกเขาเรียกตัวเอาไว้


 


 


“ส่งคนไปสืบเรื่องของพ่อแม่หลินหว่าน ต้องสืบให้ได้เรื่องว่าในตอนนั้นเกิดเรื่องอะไรกันแน่” เรื่องนี้เขารู้สึกสงสัยตั้งแต่เมื่อวานที่หลินหว่านพูดเรื่องพ่อแม่เธอกับเขา เขาอยากจะรู้ว่าทำไมเมื่อวานหลินหว่านจึงพูดถึงพ่อแม่ของเธอไม่หยุด และอยากจะรู้ความจริงที่เกิดขึ้นในตอนนั้นด้วย


 


 


ผู้ช่วยจากไปพร้อมกับคำสั่งของเขา เซียวจิ่งสือพลิกดูเอกสารในมือที่เมื่อวานอ่านไม่จบ เป็นเรื่องการซื้อกิจการเทียนซิงกรุ๊ป เขากระแทกปิดอย่างแรง ไม่อยากจะดูอีก ตอนนั้นเอง เขาได้ยินเสียงเรียกจากมือถือ จึงหยิบขึ้นมาดู พ่อเขาโทรหานั่นเอง


 


 


พ่อเขาโทรมาหาเขาในเวลานี้ทำไมกันนะ เซียวจิ่งสือรับสาย เสียงพ่อของเขาดังผ่านโทรศัพท์มา “จิ่งสือ เรื่องซื้อกิจการเทียนซิงกรุ๊ปดำเนินการไปถึงไหนแล้ว”


 


 


เป็นดังคาด เพราะเรื่องของเทียนซิงกรุ๊ป เซียวจิ่งสือฟังแล้วเอนร่างพิงกับพนักเก้าอี้ พูดกับพ่อเขาเสียงเย็นว่า “พ่อครับ ผมตัดสินใจ หยุดการซื้อกิจการเทียนซิงกรุ๊ปไปแล้ว”


 


 


“แกพูดอะไรนะ” เซียวเฉียงถามอย่างเหลือเชื่อ


 


 


เซียวจิ่งสือพูดย้ำไปอีกครั้ง เซียวเฉียงตวาดอย่างโมโหว่า “ฉันไม่อนุญาตให้แกหยุดการซื้อกิจการเทียน


 


 


ซิงกรุ๊ป! ตอนนี้เป็นเวลาที่กิจการภายในของพวกเขาอ่อนแอที่สุด แกต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ ซื้อกิจการมาด้วยเวลาอันสั้นที่สุด ไม่อย่างนั้น ถ้าพลาดโอกาสนี้ก็เท่ากับรอให้บ้านตระกูลอันฟื้นตัวอีกครั้ง คราวหน้าจะไม่มีโอกาสดีแบบนี้อีก!”


 


 


พ่อของเขาพูดได้ถูกต้องมาก นาทีนี้เป็นโอกาสดีที่สุดที่จะซื้อกิจการของเทียนซิงกรุ๊ป แม้ว่าตระกูลอันจะยืนหยัดรับการโจมตีจากบ้านตระกูลเซียวไปรอบหนึ่ง แต่บริษัทเสียหายอย่างหนัก ย่อมจะรับการโจมตีระลอกสองจากบ้านตระกูลเซียวไม่ได้แน่ ตอนนี้ถ้าจะซื้อกิจการของเทียนซิงกรุ๊ป เขามีความมั่นใจถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว


 


 


แต่ว่า เขาต้องซื้อกิจการของเทียนซิงกรุ๊ปงั้นเหรอ


 


 


เซียวจิ่งสือกำมือถือแน่น พูดกับพ่อของเขาว่า “พ่อครับ พ่อไม่ต้องพูดแล้ว เรื่องนี้ผมตัดสินใจไปแล้ว”


 


 


พูดจบ เขาก็วางสายไปอย่างเฉยชา 

 

 


ตอนที่ 164 น้ำโหของท่านประธานใหญ่เซียว

 

เซียวเฉียงพบว่าเซียวจิ่งสือถึงกับกล้าวางสายของเขา ก็รู้สึกโกรธมาก


 


 


เขาเป็นคนมอบภารกิจซื้อกิจการเทียนซิงกรุ๊ปให้กับเซียวจิ่งสือเอง เขาย่อมจะรู้ว่าด้วยบุญคุณความแค้นของบ้านตระกูลอันกับหลินหว่าน เซียวจิ่งสือจะไม่ยอมรับปากแน่


 


 


ในตอนแรก เป็นอย่างที่เขาคาดเอาไว้ เซียวจิ่งสือแสดงออกว่ากระตือรือร้นอย่างมากต่อการซื้อกิจการเทียนซิงกรุ๊ป เขาบีบตระกูลอันทุกทางมาตลอด ราคาหุ้นของเทียนซิงกรุ๊ปล่วงดิ่งลงแบบฉุดไม่อยู่ภายในเวลาไม่กี่วันเท่านั้น


 


 


ความสำเร็จที่จะได้ซื้อเทียนซิงกรุ๊ปมาอยู่ตรงหน้า แต่จู่ๆ เซียวจิ่งสือกลับมาบอกว่าเขาตัดสินใจหยุดการซื้อกิจการของเทียนซิงกรุ๊ป เซียวเฉียงรู้สึกไม่เข้าใจเอามากๆ ว่าเพราะอะไรกันแน่ ท่าทีของเซียวจิ่งสือจึงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือในเวลาเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น


 


 


เขาเรียกหาพ่อบ้านอย่างโมโห ให้พ่อบ้านไปสืบมาว่าระยะนี้เซียวจิ่งสือพบกับใครมาบ้าง ทำอะไรบ้าง ทำไมจึงเกิดการพลิกผันขนาดนี้


 


 


พ่อบ้านส่งคนไปสืบจนได้ความแล้ว กลับมารายงานเซียวเฉียงด้วยอาการลังเล “นายท่าน นายน้อยเขา…เขา…”


 


 


“เขาทำไม?” เซียวเฉียงเห็นท่าทางยึกยักของพ่อบ้านแล้วถามอย่างรำคาญ


 


 


“เมื่อวานนายน้อยเขา…อยู่กับคุณหลินตลอดเวลา” พ่อบ้านรายงานไปตามจริง


 


 


“หลินหว่าน?” เซียวเฉียงได้ฟังคำพูดของพ่อบ้านก็ขมวดคิ้วฉับ “ไอ้ลูกหัวดื้อ!”


 


 


ต้องเป็นหลินหว่านแน่ ที่พูดอะไรให้เซียวจิ่งสือเปลี่ยนความตั้งใจกะทันหันขนาดนี้! นอกจากนี้แล้วเซียวเฉียงนึกไม่ออกว่าจะมีเหตุผลอะไรที่เปลี่ยนการตัดสินใจของเซียวจิ่งสือได้


 


 


เซียวเฉียงคิดพลาง โมโหจนเขวี้ยงถ้วยชาใกล้มือไปใบหนึ่ง


 


 


พ่อบ้านแอบถอนใจเฮือก จากนั้นเรียกคนงานมาเก็บกวาดทำความสะอาด ชุดถ้วยชาหายากคิดจะ


 


 


เขวี้ยงก็เขวี้ยงทิ้ง ดูท่าว่านายท่านจะไม่ชอบคุณหลินเอามากๆ เลยนะ


 


 


“พ่อบ้าน ให้คนรถเตรียมเอารถออก ฉันจะไปบริษัทของเซียวจิ่งสือ” เสียงของเซียวเฉียงดังขึ้น ยังบอกถึงอารมณ์โกรธนั้นอยู่


 


 


“ครับ” พ่อบ้านรับคำอย่างนอบน้อม จากนั้นออกไปถ่ายทอดคำสั่งของเซียวเฉียงด้วยอาการหวาดหวั่น


 


 


เซียวเฉียงมาถึงบริษัทของเซียวจิ่งสือ ทำเอาเหล่าพนักงานบริษัทพากันแตกตื่นไม่ได้ตั้งตัวกันทีเดียว พวกเขาต่างพากันรีบเร่งทำงานในมือของตัวเองด้วยท่าทีหวั่นเกรง เนื่องจากนี่เป็นพ่อของเจ้านายพวกเขา ผู้ก่อตั้งวั่นหย่ากรุ๊ป ผู้กุมอำนาจสิทธิ์ขาดของบ้านตระกูลเซียว! ถ้าหากเขาเกิดไม่ชอบหน้าใครขึ้นมา ก็สามารถไล่ออกได้ทุกเมื่อ


 


 


พวกพนักงานบ้างคอยจ้องมาที่เซียวเฉียงอย่างเคารพนบนอบ บ้างก็แอบมองเขาอย่างหวาดๆ และบ้างก็มองสำรวจอย่างประหลาดใจ เซียวเฉียงไม่ได้มองคนพวกนั้นเลยสักแวบเดียว เขาเดินตรงดิ่งเข้าห้องทำงานของเซียวจิ่งสือ จากนั้นปิดประตูห้องดัง ‘ปัง’ ทิ้งพ่อบ้านกับคนขับรถที่มาด้วยไว้ด้านนอก


 


 


เซียวจิ่งสือได้ยินเสียงดังขนาดนี้ ก็เงยหน้าขึ้นมอง แล้วถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “พ่อ ทำไมมานี่ได้?”


 


 


เซียวเฉียงมองเซียวจิ่งสืออย่างโมโห เค้นถามเขาว่า “เมื่อวานแกอยู่กับหลินหว่านตลอดเลยเหรอ?”


 


 


“ครับ” เซียวจิ่งสือตอบตามจริง จากนั้นขมวดคิ้ว พูดอีกว่า “พ่อครับ ในเมื่อพ่อก็สืบมาแล้ว งั้นคำถามที่พ่อเองก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องถามหรอกครับ”


 


 


นี่มันชัดเจนมาก พอเขาบอกพ่อว่าตัดสินใจหยุดการซื้อเทียนซิงกรุ๊ป พ่อเขาก็มาบริษัทเค้นถามว่าเมื่อวานเขาอยู่กับหลินหว่านหรือเปล่า นี่เป็นการบอกว่าพ่อเขาได้สืบทราบความเคลื่อนไหวของเขาในช่วงหลายวันนี้จนแจ่มแจ้งชัดเจนแล้ว และสงสัยว่าหลินหว่านทำให้เขาเปลี่ยนความตั้งใจที่จะซื้อกิจการของเทียนซิงกรุ๊ป


 


 


เซียวเฉียงถูกคำพูดของเซียวจิ่งสือจุดประกายความโกรธขึ้นอีก เขาลดดีกรีความฉุนเฉียวลง ถามอีกว่า “ดี งั้นฉันถามแกว่า เมื่อวานหลินหว่านพูดอะไรกับแกเหรอ เธอให้แกปล่อยมือจากเทียนซิงกรุ๊ปงั้นสินะ?”


 


 


“ถ้าใช่แล้วจะทำไม? หรือถ้าไม่ใช่แล้วจะทำไม?” เซียวจิ่งสือคัดง้างกับพ่อของเขา “พ่อ สรุปก็คือ เรื่องการซื้อเทียนซิงกรุ๊ปนี่ผมตัดสินใจวางมือแล้ว พ่อไม่ต้องยุ่งยากลำบากใจเรื่องนี้อีกแล้ว”


 


 


“แก…แกนี่มันน่าโมโหนัก!” เซียวเฉียงเห็นว่าเซียวจิ่งสือยอมรับอย่างเปิดเผยว่าเขายอมวางมือจากเทียนซิงกรุ๊ปเพราะหลินหว่าน กลับยิ่งโมโหหนักกว่าเดิม “เซียวจิ่งสือ ฉันเลี้ยงดูสั่งสอนแกมาอย่างลำบากจนโตขนาดนี้ ไม่ใช่ให้แกมายั่วน้ำโหฉันเพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง!”


 


 


“แกเป็นผู้สืบทอดกิจการในอนาคตของบ้านตระกูลเซียว ต่อไปต้องดูแลวั่นหย่ากรุ๊ปและกิจการทั้งหมดของตระกูลเซียว ทำไมแกถึงยอมละทิ้งผลประโยชน์ตรงหน้าเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งแบบนี้ล่ะ?” เซียวเฉียงพูดกับเซียวจิ่งสืออย่างขัดเคืองที่ไม่ได้ดั่งใจ


 


 


“พ่อ…” เซียวจิ่งสือกำลังจะโต้กลับ ก็ได้ยินเสียงแค่นหัวเราะของพ่อเขา เยาะหยันว่า “เมื่อวานหลินหว่านพูดถึงพ่อแม่ของเธอให้แกฟังหรือเปล่า?”


 


 


เซียวจิ่งสือได้ยินก็รู้สึกประหลาดใจมาก เขากับหลินหว่านคุยกันทำไมพ่อเขารู้ด้วย? เซียวจิ่งสือมองพ่อเขาอย่างสงสัย “พ่อรู้ได้อย่างไร?”


 


 


“แกยังดูไม่ออกหรือไง? หลินหว่านเธอใช้ประโยชน์จากแก! ใช้แกให้แก้แค้นบ้านตระกูลอันแทนพ่อแม่ของเธอ!” เซียวเฉียงเห็นว่าส่วนหนึ่งของสาเหตุเป็นไปตามความคาดหมายของเขา ก็พูดกับเซียวจิ่งสืออ่อนใจ


 


 


“เป็นไปได้อย่างไรกัน? หว่านหว่านไม่ใช่คนแบบนั้น” เซียวจิ่งสือรีบแย้งขึ้น


 


 


“ฮึ! ตอนนี้พ่อแม่ของหลินหว่านอยู่ในมือของบ้านตระกูลอัน เธอย่อมจะหวังให้แกยอมปล่อยบ้านตระกูลอัน แต่ว่าแกจะไม่รู้ได้อย่างไร เมื่อก่อนตอนที่แกเผชิญหน้ากับบ้านตระกูลอัน เธอขัดขวางแกหรือเปล่า เธอกำลังใช้ประโยชน์แกอยู่หรือเปล่า!” เซียวเฉียงพูดอย่างขุ่นเคือง


 


 


หลินหว่านจะเป็นคนแบบนี้ไปได้อย่างไรกันนะ? เซียวจิ่งสือไม่เชื่อคำพูดของพ่อ แต่กลับได้ยินพ่อเขาพูดว่า “แกดูตัวแกซิ สารรูปแกตอนนี้มันถูกความรักบดบังจนตามืดบอดไปหมด คิดอะไรไม่เป็นแล้ว ช่างเหมือนกับพวกผู้หญิงโง่ๆ ไร้สมองที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อความรักพวกนั้น! ฉันจะบอกแกนะ ต้องมีสักวันที่แกจะได้รู้ว่าหลินหว่านเป็นจอมหลอกลวง เธอหลอกใช้แกมาตลอด! ถึงตอนนั้น แกอย่ามานั่งเสียใจทีหลังก็แล้วกัน!”


 


 


พูดจบ เซียวเฉียงก็มองเซียวจิ่งสือด้วยสายตาขัดเคืองใจแต่พูดไม่ออก จากนั้นสะบัดหน้าจากไป


 


 


เซียวเฉียงจากไปแล้ว เซียวจิ่งสือก็พลิกดูเอกสารในมือต่อ เพียงแต่ในใจเขารู้สึกเหมือนถูกบางอย่างรบกวนจิตใจอยู่ตลอดเวลาจนไม่อาจสงบใจลงได้


 


 


พักเที่ยง เซียวจิ่งสือนึกถึงคำพูดของพ่อเขา จึงตัดสินใจว่าจะโทรคุยกับหลินหว่านให้ชัดเจนกันไปเลย เขาหยิบโทรศัพท์มือถือมาโทรหาหลินหว่าน แต่ก็มีเสียง ‘ตู๊ด’ ‘ตู๊ด’ ดังจากปลายสาย ตามมาด้วยเสียงจากระบบว่าไม่มีผู้รับสาย


 


 


เซียวจิ่งสือโทรหาอีกหลายครั้ง ยังคงเป็นเช่นเดิม เขาสงสัยมาก ทำไมหลินหว่านไม่รับสายเขานะ?


 


 


เซียวจิ่งสือจึงไปที่บ้านของหลินหว่านซะเลย พร้อมกันนั้นก็ให้ผู้ช่วยส่งคนออกไปหาตัวเธอตามสถานที่ที่เธอไปเป็นประจำ


 


 


แต่ว่า ผลสุดท้ายกลับทำให้เซียวจิ่งสือตื่นตกใจสุดๆ …หลินหว่านหายตัวไปแล้ว!


 


 


เซียวจิ่งสือกลัวว่าหลินหว่านอาจเจอกับอันตรายอะไรเข้า จึงเพิ่มกำลังคนออกไปค้นหาตัวเธอ ส่วนตัวเองก็ไปหาหลินหว่านตามสถานที่ในความทรงจำของพวกเขา แต่ไม่นานนัก เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากผู้ช่วย ยังไม่มีข่าวของหลินหว่าน


 


 


เซียวจิ่งสือโมโหและร้อนใจมาก ตวาดใส่ผู้ช่วยว่า “จำไว้นะ ไม่ว่าพวกคุณจะใช้วิธีการอะไร ต้องหาตัวหลินหว่านให้พบ หาไม่เจอก็หาต่อไป จนกว่าจะพบตัวเธอ!”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม