ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง 149-155

ตอนที่ 149 โกรธจัด

 

หลังจากถังซีกับเฉียวเหลียงเดินไปได้สักพักหนึ่ง จู่ๆ เฉียวเหลียงก็อุ้มเธอขึ้น เธอยกแขนโอบรอบคอเขาและมองหน้าเขาโดยไม่รู้ตัว เฉียวเหลียงก้มลงมองเธอ จากนั้นก็มองที่เท้าเธอซึ่งมีเลือดไหลโชก ดวงตาเขาค่อยๆ เข้มขึ้นด้วยความโกรธ “คุณควรดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้” 


 


 


ถังซีทำตัวว่าง่ายอยู่ในอ้อมแขนเขา และหัวเราะเบาๆ “ฉันไม่เคยกล้าดูแลตัวเองไม่ดีเวลามีคุณอยู่ใกล้ๆ” 


 


 


เฉียวเหลียงจ้องหน้าเธออีกครั้ง หากเธอทำตัวดี เธอคงไม่ได้รับบาดเจ็บ! 


 


 


เฉียวเหลียงเตือนว่า “ถังซี ผมขอบอกคุณเป็นครั้งสุดท้ายนะ อย่าให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บอีกไม่อย่างนั้นผมไม่รู้ว่าผมจะทำอะไรบ้าๆ หรือเปล่า!” เขากอดถังซีที่ตัวเปียกโชก โดยไม่สนใจว่าเสื้อผ้าเขาจะเปียกไปด้วยหรือไม่ และกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ถ้าคุณอยากแก้แค้น และสืบหาว่าใครฆ่าคุณ ผมสามารถช่วยคุณได้ แต่คุณทำร้ายตัวเองไม่ได้ เข้าใจไหม” 


 


 


ถังซีนิ่งขึง เลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะมองหน้าเฉียวเหลียง จากนั้นเธอก็ยิ้ม แต่สายตาเธอเยือกเย็นขณะจ้องหน้าเฉียวเหลียง และกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน “เฉียวเหลียง เราคบกัน อยู่ด้วยกันเพราะฉันรักคุณ แต่ฉันต้องการแก้ปัญหาของฉันด้วยตัวฉันเอง คุณไม่สามารถตัดสินใจแทนฉันได้ ถ้าคุณทำไม่ได้ ฉันจะไปจากคุณ!” 


 


 


เฉียวเหลียงหยุดเดิน บรรยากาศรอบตัวเขาเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที ราวกับถูกรายล้อมด้วยพายุ เฉียวเหลียงมองถังซีด้วยสายตาโกรธจัด และกล่าวอย่างจริงจัง “พูดอีกครั้งสิ!” 


 


 


ถังซีเชิดคางขึ้น ส่งสายตาเยือกเย็นและเด็ดเดี่ยวให้เฉียวเหลียง ราวกับว่าผู้ชายที่เธอกำลังเผชิญหน้าไม่ใช่คนที่เธอรัก แต่เป็นศัตรูทางธุรกิจ เธอกล่าวอย่างเย็นชา “ฉันบอกว่า ถ้าคุณต้องการให้ฉันเป็นนกในกรงทอง ฉันจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อหลบหนีไปจากคุณ แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม!” 


 


 


คำพูดของเธอทำให้เฉียวเหลียงโกรธจัดจนถึงที่สุด อารมณ์เขาพลุ่งพล่านราวกับพายุ เขาหยุดยืนอยู่กับที่ กอดถังซีแน่น ขณะก้มมองดูเธอเขาคำรามอย่างเจ็บปวด “ผมต้องเป็นบ้า…” 


 


 


คำพูดของเขาถูกกลืนหายลงไปในลำคอด้วยจูบอย่างฉับพลันของถังซี ความโกรธของเขาลดลงทันที ถูกแทนที่ด้วยความประหลาดใจและตกใจ ถังซียังคงโอบแขนรอบคอเขา แต่สีหน้าเธอไม่ดุดันและเยือกเย็นเหมือนเมื่อกี้ เธอยิ้มอย่างอ่อนโยนกล่าวว่า “อาเหลียง ฉันก็อยากยืนอยู่บนยอดปิรามิด แล้วมองลงมาดูผู้คนกับคุณ แทนที่จะยืนอยู่ข้างล่างแหงนหน้าขึ้นไปมองดูคุณ คุณเข้าใจฉันไหม” 


 


 


เฉียวเหลียงรู้สึกว่าหัวใจเขากระตุกอย่างแรง “เพราะเหตุนี้หรือ” 


 


 


ถังซีพยักหน้า “ใช่ คุณรู้ไหมว่าตัวตนในอดีตของฉันแตกต่างจากตัวตนในปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง ในอดีตคนใหญ่คนโตทุกคนในโลกโค้งคำนับให้ฉัน แม้ว่าฉันจะนอนเล่นอยู่บ้าน แต่ตอนนี้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ฉันกลายเป็นคนที่ทีมงานตัวเล็กๆ ก็ยังกล้ารังแก ถ้าฉันเอาแต่หลบอยู่ข้างหลังคุณ ฉันคงจะกลายเป็นเศษขยะไปสักวันหนึ่ง” 


 


 


เฉียวเหลียงมองหน้าถังซีด้วยสายตาใช้ความคิดหนัก แต่ไม่พูดอะไร สุดท้ายเขาก็พาถังซีไปที่ห้องนั่งเล่นในเรือนรับรอง วางเธอลงบนโซฟา จากนั้นก็ไปหาเสื้อผ้ามาให้เธอเปลี่ยน หลังจากถังซีออกมาจากห้องแต่งตัว เขาก็หยิบชุดปฐมพยาบาลมาเริ่มทำแผลที่เท้าให้เธอ 


 


 


เมื่อคิดถึงว่าเฉียวเหลียงไม่ได้โยนเธอลงบนพื้น แต่ยังคงอุ้มเธอไว้ในอ้อมกอดอย่างแน่นหนา แม้แต่ในช่วงเวลาที่โกรธจัด ถังซีก็อดยิ้มไม่ได้ เธอเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าเขาด้วยรอยยิ้มแสนหวาน “อาเหลียง ฉันรู้ว่าคุณงานยุ่งมาก ไม่ต้องมาอยู่เคียงข้างฉันทุกวันก็ได้ ฉันโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ฉันจะไม่หลงทางหายไปไหน…” 


 


 


“ไม่ คุณเคยหายไป” หลังจากจบคำพูดเฉียวเหลียงก็ก้มลงทำแผลให้เธอต่อไป 


 


 


ถังซีอึ้งไปกับคำพูดของเขา… เขาหมายความว่าเขาเคยเสียเธอไปแล้วครั้งหนึ่ง เพราะฉะนั้นเขาจะไม่ยอมเสียเธอไปอีกแล้วใช่ไหม 


 


 


ถังซีรู้สึกเศร้าขึ้นมาอย่างฉับพลัน… 


 


 


ในขณะนั้นประตูห้องนั่งเล่นก็เปิดออก ถังซีเงยหน้าขึ้นมอง เห็นหนิงเหยี่ยน เฮ่อหว่านหนิง และพี่น้อง ตระกูลเซียวเดินเข้ามา ถังซีเลิกคิ้ว ขณะที่เฉียวเหลียงยังคงทำแผลให้เธอต่อไปราวกับว่าไม่มีใครกำลังมองดู เซียวจิ่งมองหน้าถังซีซึ่งพยักหน้าให้เขาด้วยรอยยิ้ม แล้วกล่าวว่า “เราเจอตัวการแล้ว เซียวจิ้นหนิงจ้างพนักงานชายในบริษัทของหนิงเหยี่ยน เพื่อทำร้ายนางแบบที่ทำให้เธอถูกยกเลิกสัญญา โดยที่เธอไม่รู้ว่านางแบบคนใหม่คือโหรวโหรว” 


 


 


“เธอเองเหรอ” ถังซีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอไม่ได้เจอเซียวจิ้นหนิงมานานแล้ว หลังจากเรื่องลูกสาวตัวจริงตัวปลอมถูกเปิดเผย เธอก็ไม่ได้พบเซียวจิ้นหนิงอีกเลย เธอจึงประหลาดใจที่เซียวจิ้นหนิงมาปรากฏตัวอีกครั้ง โดยเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ 


 


 


หนิงเหยี่ยนยกมือขึ้นปิดปากกระแอมอย่างละอายใจ ก่อนส่งสายตาขอโทษไปให้ถังซี “เป็นความผิดของฉันเอง ถ้าฉันรอบคอบกว่านี้จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น พนักงานคนนั้นถูกไล่ออกแล้ว และสำหรับเซียวจิ้นหนิง ฉันจะแจ้งความจับเธอ ด้วยหลักฐานจากคำสารภาพของพนักงาน และบันทึกการโอนเงิน” 


 


 


ถังซียิ้มและพยักหน้า “ตกลงค่ะ ขอโทษด้วยนะคะที่สร้างความยุ่งยากให้คุณ” 


 


 


หนิงเหยี่ยนโบกมือไปมา “เป็นความผิดของฉัน เพราะฉะนั้นฉันมีหน้าที่ต้องจัดการ” เมื่อมองดูบาดแผลที่เฉียวเหลียงใช้ผ้าพันแผลพันไว้เขาก็เลิกคิ้วขึ้น “แต่ฉันอยากเตือนให้เธอรู้ว่า เซียวจิ้นหนิงเป็นคนอันตราย เธอควรกำจัดผู้หญิงคนนี้ให้เร็วที่สุด” 


 


 


ถังซีพยักหน้า กำลังจะพูดอะไรบางอย่างเมื่อหยางจิ้งเสียนโทรมาหาเธอ ถังซีรับโทรศัพท์ ขณะฟังคำพูดของหยางจิ้งเสียนทางโทรศัพท์ เธอหน้าบึ้งทันทีและผลุดลุกขึ้น “หนูเข้าใจแล้วค่ะ หนูจะไปเดี๋ยวนี้” 


 


 


เซียวส่ากับเซียวจิ่งมองหน้าเธอพร้อมกัน “มีอะไร” 


 


 


ถังซีขมวดคิ้ว ตอบอย่างเคร่งเครียดว่า “คุณป้าได้รับบาดเจ็บ แม่ของคุณป้าผลักเธอตกบันได” 


 


 


“อะไรนะ!” เซียวจิ่งกับเซียวส่าก็ตกใจเช่นกัน “ผลักคุณป้าตกบันได!” 


 


 


เฉียวเหลียงมองหน้าถังซีด้วยสีหน้าเคร่งขรึม กล่าวว่า “ผมจะไปส่งคุณที่นั่น” จากนั้นเขาก็ก้มลงประคองถังซี พาเธอเดินออกไปข้างนอก 


 


 


ถังซีตรวจดูโทรศัพท์มือถือ พบว่ามีสายเรียกเข้าที่ไม่ได้รับจำนวนมากจากหยางจิ้งเสียน อุบัติเหตุน่าจะเกิดขึ้นนานแล้ว 


 


 


เซียวจิ่งกับเซียวส่าก็อยากกลับเดี๋ยวนี้เช่นกัน พวกเขาบอกเฮ่อหว่านหนิงว่าให้โทรหาพวกเขาถ้ามีปัญหาอะไร แล้วรีบออกไป 


 


 


เมื่อเห็นพวกเขากลับกันไปอย่างเร่งรีบ หนิงเหยี่ยนก็ถอนหายใจแล้วส่ายศีรษะ “คิดไม่ถึงเลยว่าตระกูลเซียวจะมีเรื่องยุ่งเหยิงขนาดนี้” เขาเดาะลิ้นแล้วพูดต่อว่า “แล้วที่ทำให้ฉันประหลาดใจมากกว่านั้นคือ เฉียวเหลียงเต็มใจที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับครอบครัวที่ยุ่งเหยิงนี้” 


 


 


เขาเคยคิดว่าเฉียวเหลียงเป็นคนประเภทที่ไม่สนใจใยดีผู้หญิง แต่ภาพที่เห็นจากช่วงเวลาที่เซียวโหรวตกลงไปในน้ำ เขารู้ทันทีเลยว่า เฉียวเหลียงตกหลุมรักสาวน้อยผู้ขโมยหัวใจเขาไปคนนี้เข้าให้แล้ว 


 


 


หลังจากเฉียวเหลียงให้ถังซีขี่หลังลงจากภูเขา ทั้งสี่ก็ขึ้นรถ เซียวส่าเป็นคนขับรถตรงไปที่โรงพยาบาล 


 


 


ไม่นานพวกเขาก็มาถึงโรงพยาบาล เพราะเซียวส่าแล่นตะบึงมาราวกับขับรถแข่ง ทันทีที่ทั้งหมดเข้าไปในโรงพยาบาล จู่ๆ ถังซีก็คิดอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง เธอจึงหยุดเดิน  

 

 


ตอนที่ 150 พบเจอบุคคลที่น่ารังเกียจอี...

 

เซียวจิ่งหันกลับไปมองถังซี และถามด้วยความสงสัย “มีอะไรหรือ”


 


 


ถังซีมองหน้าเฉียวเหลียงและกล่าวอย่างจริงจัง “คุณไม่ควรอยู่ที่นี่ กลับไปก่อนดีกว่าค่ะ” เมื่อเห็นเฉียวเหลียงขมวดคิ้ว ถังซีก็คว้ามือเขา อ้อนวอนด้วยสายตาที่แสดงถึงความไม่สบายใจ “ได้โปรดเถอะนะ อาเหลียง”


 


 


เฉียวเหลียงมองลึกลงไปในดวงตาถังซี แต่สุดท้ายก็ไม่พูดอะไร เขาเพียงหันหลังเดินจากไป


 


 


หลังจากมองดูเฉียวเหลียงกลับไปแล้ว ถังซีก็หันไปหาพี่ๆ และถามว่า “พี่ส่า พี่จิ่ง พี่สองคนช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม”


 


 


เซียวจิ่งดูท่าทางสับสน “ช่วยอะไรล่ะ”


 


 


ถังซียิ้มเยือกเย็น หรี่ตาลง “ฉันอยากเจอเซียวจิ้นหนิง พวกพี่พาเธอมาที่โรงพยาบาลให้หน่อยสิคะ”


 


 


เซียวส่ามองถังซี ซึ่งยืนกอดอกด้วยดวงตาส่องประกายวาววับอย่างเยือกเย็น ขณะกล่าวต่อไป “เซียวจิ้นหนิงต้องมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ ฉันตรวจสอบข้อมูลเธอดูแล้ว เธอมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตายายของเธอ ที่สองคนนั้นอุตส่าห์เดินทางมาสร้างปัญหาถึงที่นี่ ต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอแน่ๆ ไปพาตัวเธอมาค่ะ”


 


 


แม้เซียวส่ากับเซียวจิ่งจะคิดว่า ไม่เป็นการดีสำหรับน้องสาวของพวกเขาที่จะทะเลาะกับเซียวจิ้นหนิงในโรงพยาบาล แต่ทั้งสองไม่อยากขัดเธอ และตกลงตามที่เธอขอ หลังจากบอกให้เธอระวังตัวขณะอยู่ในโรงพยาบาลแล้ว ทั้งสองก็ออกไป


 


 


ถังซีพยักหน้า ยืนมองดูพี่ชายทั้งสองเดินออกไป แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา โทรหาหยางจิ้งเสียน ถามว่าหลินหรูอยู่ที่แผนกไหน จากนั้นก็เดินไปที่ลิฟต์


 


 


หลินหรูได้รับการผ่าตัด และถูกส่งไปพักฟื้นที่หอผู้ป่วย เมื่อถังซีมาถึงชั้นสิบของอาคารผู้ป่วยใน ซึ่งเป็นชั้นของผู้ป่วยวีไอพี เธอเห็นหยางจิ้งเสียน เซียวหงลี่ เซียวหงอี้ และเซียวเจี่ยน รออยู่ที่หน้าประตูห้องพักของหลินหรู นอกจากพวกเขาแล้วยังมีหญิงชราคนหนึ่งกับชายชราคนหนึ่ง ซึ่งทั้งคู่ยังดูแข็งแรง ขณะนั้นหญิงชรากำลังโต้เถียงกับเซียวหงอี้ “ฉันแค่แนะนำเธอเล็กๆ น้อยๆ ตามความคิดของฉัน แต่เธอตะโกนใส่ฉัน! ฉันเป็นแม่เธอนะ เธอพูดกับฉันแบบนั้นได้ยังไง แล้วถึงยังไงคุณก็เลี้ยงดูจิ้นหนิงมานาน ทำไมถึงไม่ให้ จิ้นหนิงอยู่ที่บ้านคุณ บ้านคุณมีห้องตั้งมากมาย”


 


 


เมื่อได้ยินประโยคนี้ทุกคนก็ขมวดคิ้ว เซียวหงอี้หน้าเครียดจ้องมองหญิงชรา และกล่าวด้วยความโมโห “คุณแม่มาพูดแบบนี้ได้ยังไง หลินหรูพยายามอธิบายให้ฟัง แต่คุณแม่ผลักเธอตกบันได! รู้ไหมว่านี่เป็นการทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บโดยเจตนา”


 


 


เมื่อได้ยินอย่างนี้หญิงชราก็หน้าบึ้งอย่างโกรธแค้น นางชี้หน้าเซียวหงอี้และตะโกนว่า “พวกคนรวยจะรังแกคนจนใช่ไหม ฉันทำเธอตกบันไดโดยไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นความผิดของเธอ! เธอไปยืนอยู่บนบันไดทำไมล่ะ ฉันแค่สะกิด แต่เธอเสียหลักตกลงไปเอง จะโทษฉันได้ยังไง”


 


 


ด้วยความรู้สึกทนไม่ไหวกับคำพูดไร้สำนึกของหญิงชรา หยางจิ้งเสียนขมวดคิ้ว กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ป้าหลิน อาหรูอยากตกบันไดหรือคะ ป้าหมายความว่าเธอตั้งใจจะตกบันไดอย่างนั้นหรือ ถ้าป้าไม่ผลักเธอ เธอก็คงไม่ตกหรอก!”


 


 


ยายหลินมองเธอด้วยสายตาเคียดแค้น และตะโกนอย่างหยาบคาย “นี่มันเรื่องภายในครอบครัวเรา ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเธอที่จะเข้ามายุ่ง!”


 


 


“แต่ผมไม่คิดอย่างนั้น!” เซียวเจี่ยนมองหน้ายายของเขาและขมวดคิ้วอย่างใจเย็น ตั้งแต่เป็นเด็กมาแล้ว ยายเขารักเซียวจิ้นหนิงมากกว่าเขา… ไม่ใช่สิ นางรักแต่เซียวจิ้นหนิงคนเดียว ไม่เคยชายตามองเขาเลยด้วยซ้ำ ถึงแม้เขาจะเป็นหลานชายของนางก็ตาม แล้วตอนนี้เป็นที่ยืนยันแน่ชัดแล้วว่า เซียวจิ้นหนิงไม่ใช่ลูกสาวตระกูลเซียว แต่นางก็ยังอุตส่าห์เดินทางมาที่นี่ เพียงเพื่อมาสร้างปัญหา เพื่อหาทางช่วยเหลือผู้หญิงคนนั้น นางบ้าหรือเปล่า เซียวเจี่ยนก้าวออกไปข้างหน้า เผชิญหน้ากับยายหลิน เขาหรี่ตาลง กล่าวอย่างเยือกเย็น “ถ้ายายไม่ได้มาขอให้คุณแม่โอนหุ้นเซียวกรุปให้ยาย เพื่อยายจะได้โอนให้เซียวจิ้นหนิง คุณแม่จะทะเลาะกับยายหรือ ผมจะบอกยายให้ก็ได้ อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเซียวกรุป นั่นคือเรื่องของสมาชิกทุกคนในตระกูลเซียว และยายเป็นคนนอก! ยายไม่ใช่คนในตระกูลเรา!”


 


 


“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน พูดกับยายของเธอแบบนี้ได้ยังไง!” ยายหลินหันไปมองสามีของนางที่ยืนนิ่งเฉยอยู่ข้างๆ และด่าเขา “ไม่มีสมองหรือไง ไม่เห็นหรือว่าทุกคนกำลังรุมด่าฉัน ทำไมไม่ช่วยฉัน”


 


 


เซียวหงอี้กล่าวขึ้นอย่างเย็นชา “ผมคิดว่าคุณแม่เองก็รู้ เราให้เงินคุณแม่มามากมายแค่ไหนแล้ว ตั้งแต่ผมแต่งงานกับหลินหรู เราอดทนกับคุณแม่เสมอมา ไม่ว่าคุณแม่จะนำปัญหามาให้เรามากแค่ไหนก็ตาม แต่เซียวจิ้นหนิงไม่ใช่ลูกเรา และเธอเกือบจะฆ่าลูกสาวเราด้วยซ้ำ แน่นอน ผมไม่มีวันให้เธอได้เงินจากเราแม้แต่สตางค์เดียว!” จากนั้นเขาก็เสริมอย่างดุดัน “แต่ผมมีความเมตตาพอที่จะไม่ฟ้องเธอ!”


 


 


ยายหลินตอบด้วยเสียงตะโกนดังยิ่งขึ้นกว่าเดิม “เด็กผู้หญิงคนนั้นอยู่กับคุณมานานกว่ายี่สิบปี คุณจะไม่ชดเชยให้เธอบ้างเลยหรือ! ทำไมคุณถึงพูดได้อย่างไร้หัวใจอย่างนี้! เด็กคนนั้นถูกขับไล่ออกจากตระกูลเซียว เธอจะมีชีวิตอยู่รอดได้ยังไง! คุณควรจะชดเชยให้เธอ!”


 


 


“แล้วลูกสาวของผมล่ะ!” เซียวหงอี้จ้องหน้ายายหลิน และกล่าวอย่างเยือกเย็น “ชีวิตลูกสาวของเราก็ถูกขโมยมานานกว่ายี่สิบปีเหมือนกัน เธอต้องทนทุกข์ทรมานมานานเหมือนกัน ใครจะเป็นคนชดใช้ให้เธอ ผมยอมให้เซียวจิ้นหนิงพักอยู่ต่อไปในตระกูลเซียว แล้วเธอทำอย่างไร เธอเกือบจะฆ่าลูกสาวผม แล้วผมจะเลี้ยงเธอไว้ต่อไปได้ยังไง”


 


 


“” แก!” ยายหลินโกรธตัวสั่นจนพูดไม่ออก


 


 


ถังซียืนกอดอก เอนตัวพิงผนังที่มุมห้อง นิ่งฟังขณะที่พวกเขาทะเลาะกัน สามีภรรยาคู่นี้โหดร้ายกับหลินหรู เช่นเดียวกับที่หลินหรูเคยโหดร้ายกับเซียวโหรว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าได้พบเจอบุคคลที่น่ารังเกียจขนาดนี้


 


 


แล้วเกิดอะไรขึ้นกับยายหลินคนนี้หรือ นางใจดีกับเซียวจิ้นหนิงมากจนน่าสงสัย… ลูกสาวนางกำลังป่วยอยู่ แต่นางไม่สนใจเธอเลย ห่วงแต่ความอยู่รอดของเด็กที่ไม่เกี่ยวข้องโดยสายเลือดกับนางเลย


 


 


ความอยุติธรรมของนางนั้นผิดปกติอย่างแรง


 


 


เซียวหงลี่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆ ไม่พูดอะไรจนกระทั่งหยางจิ้งเสียนสะกิดมือเขา เขาก้าวออกไปข้างหน้า กล่าวอย่างเคร่งขรึม “เนื่องจากเรื่องนี้ถึงขั้นคดีความแล้ว เราจะโทรหาตำรวจ ดูสิว่าตำรวจจะว่ายังไง ยายหลิน ที่นี่เป็นโรงพยาบาล ห้ามส่งเสียงดัง กรุณาจำไว้ด้วย”


 


 


เมื่อยายหลินได้ยินว่าพวกเขาจะเรียกตำรวจ นางก็นั่งลงกับพื้น ร้องเสียงดังว่า “ดูสิ คนพวกนี้รังแกฉัน! คนพวกนี้จะใช้อิทธิพลจับคนจนอย่างเราไปขังคุก!”


 


 


เมื่อเห็นยายหลินนั่งลงกับพื้น แล้วจากนั้นตาหลินก็ทำอย่างเดียวกัน หยางจิ้งเสียนจึงขมวดคิ้วกล่าวเสียดสีว่า “ถ้าฉันเป็นหลินรู ฉันคงตัดความสัมพันธ์จากพวกคุณไปนานแล้ว!”


 


 


“อาหรูกลายเป็นคนไร้ความปราณี เพราะอยู่ใกล้กับเธอนานเกินไป! ไม่อย่างนั้นอาหรูจะทิ้งลูกสาวที่เลี้ยงดูมานานกว่ายี่สิบปี เพื่อเด็กผู้หญิงบ้านนอกสารเลวมาจากไหนก็ไม่รู้ อย่างนี้หรือ” 

 

 


ตอนที่ 151 มีเรื่อง

 

เมื่อได้ยินแบบนี้หยางจิ้งเสียนก็โมโห และมองยายหลินด้วยสายตาเหยียดหยาม “คนอย่างฉันมีอะไรไม่ดีหรือ คนอย่างฉันจะไม่มีวันทิ้งลูกสาวตัวเองเพื่องูพิษหรอก และคนอย่างฉันจะไม่ผลักลูกสาวตัวเองให้ตกบันได ทำให้เธออยู่ในอาการโคม่า เพื่อคนนอกครอบครัวที่ไร้ยางอายด้วย!”


 


 


“เธอหมายความว่ายังไง! เธอว่าฉันไร้ยางอายหรือ” ยายหลินลุกขึ้น พรวดพราดเข้าไปทุบตีหยางจิ้งเสียน แต่เซียวหงลี่ก้าวออกไปจับมือนางไว้ สายตาเขาโกรธเกรี้ยวขณะกล่าวอย่างเยือกเย็น “คุณเหยา ผมไม่เหมือนพี่ชายของผมหรอกนะ ถ้าคุณกล้าแตะต้องภรรยาผม ผมจะส่งคุณไปอยู่สถานกักกันแห่งเมือง A ให้ลองไปลิ้มรสอาหารที่นั่นดู!” แล้วเหวี่ยงมือยายหลินออกไป


 


 


เซียวหงลี่โกรธมากจนเขาเรียกนางว่า คุณเหยา แทนที่จะเรียกว่า ยายหลิน


 


 


เถาเจี่ยนจ้องหน้าเซียวหงลี่ทั้งด้วยความประหลาดใจและตกใจ นางตะโกนออกมา “จับฉันเลย! เอาฉันไปเข้าคุกเลย! ทุกคนจะได้รู้ว่าคุณรังแกพวกเราขนาดไหน! ให้ประชาชนช่วยเรียกร้องความยุติธรรมให้ฉัน!”


 


 


“ฮ่าๆ …” ถังซีซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น เดินออกมาจากมุมห้อง ด้วยรัศมีเปล่งปลั่งส่งออกมาจากร่างของเธอ ถังซีเดินกอดอกตรงไปที่เถาเจี่ยนกับหลินรั่วจื่อ ด้วยก้าวเดินช้าๆ ไม่รีบร้อน แม้เธอจะตัวเล็ก แต่เธอก็สูงกว่าพวกเขาสองคน และเพราะเธอสวยเหลือเกิน การปรากฏตัวของเธอจึงดูยิ่งใหญ่กว่าคนทั่วไปมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอต้องการสร้างความหวาดกลัวให้ใครบางคน รัศมีเจิดจ้าของเธอนั้นน่ากลัวอย่างที่สุด


 


 


เมื่อเถาเจี่ยนและหลินรั่วจื่อเห็นหญิงสาวแสนสวยคนนี้เดินเข้ามาหา หัวใจพวกเขาก็กระตุกอย่างแรง หลินรั่วจื่อลุกขึ้นจากพื้น แล้วคู่สามีภรรยาสูงอายุก็ก้าวถอยหลังพร้อมกัน ขณะมองดูการเคลื่อนไหวของทั้งสอง ถังซียิ้มเยาะด้วยสายตาเยือกเย็น


 


 


เซียวหงอี้รู้สึกโล่งอกอย่างมากเมื่อเห็นถังซีมาที่นี่ ราวกับได้เห็นพระมาโปรด เขาอยากก้าวออกไปข้างหน้าแต่ก็ไม่กล้า เมื่อเห็นสายตาคมปลาบของถังซี


 


 


เซียวเจี่ยนยิ้มอย่างสะใจ เขารู้ว่าน้องสาวของเขาจะไม่ทำให้ผิดหวัง เธอเป็นลูกสาวคุณพ่อคุณแม่ เมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับครอบครัว เธอจะลุกขึ้นสู้ และแสวงหาความยุติธรรมให้ครอบครัวของเธอ


 


 


เมื่อเห็นถังซีมุ่งตรงเข้าไปหาเถาเจี่ยนและหลินรั่วจื่อ หยางจิ้งเสียนกับเซียวหงลี่ก็ขยับริมฝีปาก แต่ไม่ได้พูดอะไร


 


 


ในนาทีนี้ ถังซีมีความรู้สึกหลากหลาย เซียวโหรวโชคดีมากทีเดียวที่ตามหาพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดพบในช่วงวัยยี่สิบ แต่หลินหรู… ยังคงถูกเรียกร้องเอาประโยชน์ และอยู่ในความมืดมนโดยคนสองคนนี้


 


 


ทั้งสองไม่ได้ปิดบังความตั้งใจชั่วร้ายที่มีต่อหลินหรูเลย มิหนำซ้ำยังลงเอยด้วยการทำอันตรายต่อชีวิตเธออีกด้วย!


 


 


ถังซีคิดว่าระบบได้รับการซ่อมแซมมาสามวันแล้ว เธอจึงอยากลองดูว่าจะเริ่มเปิดใช้ได้หรือยัง ถ้าเปิดได้เธอจะตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างหลินหรูกับตระกูลหลิน ท่ามกลางความประหลาดใจของเธอ… ข้อมูลที่ 008 เก็บรวบรวมได้นั้นสมบูรณ์มาก แสดงให้เห็นชัดเจนแม้แต่ความสัมพันธ์ที่พวกเขาไม่มีความเกี่ยวข้องกันโดยสายเลือด


 


 


ถังซียังคงก้าวเดินเข้าไปหาเถาเจี่ยนและหลินรั่วจื่อต่อไปไม่หยุด ด้วยสายตาเย็นชา และรอยยิ้มเยือกเย็น เธอหยุดเมื่อต้อนพวกเขาเข้ามุมได้แล้ว เธอเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “คุณสองคนคิดว่าจะหนีพ้นจากโทษที่ต้องได้รับ เพียงเพราะเวลาผ่านมาหลายทศวรรษแล้วอย่างนั้นหรือ”


 


 


เถาเจี่ยนขมวดคิ้วและกล่าวอย่างหยาบคาย “นี่แกบ้าไปแล้วหรือ ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่แกพูด!”


 


 


ถังซีมองหน้าเถาเจี่ยน จากนั้นก็มองหลินรั่วจื่อ ก่อนจะกล่าวต่อไปอย่างเยือกเย็น “หลินรั่วจื่อ คุณจะสารภาพเอง หรือจะให้ฉันพูดแทนคุณ”


 


 


ด้วยความรู้สึกอันแปลกประหลาดภายในใจ หยางจิ้งเสียนอยากก้าวออกมาข้างหน้า ห้ามไม่ให้ถังซีหยาบคายจนเกินไป แต่ท้ายที่สุดเธอก็ไม่ขยับเขยื้อน ถังซีไม่ให้โอกาสพวกเขาพูด เธอก้าวไปข้างหน้า ดึงเส้นผมของคู่สามีภรรยาผู้สูงอายุขณะที่พวกเขาไม่ทันตั้งตัว เถาเจี่ยนตะโกนเสียงดังทันที “เฮ้ นังเด็กสารเลว แกมาดึงผมฉันทำไม”


 


 


ถังซีมองดูพวกเขาและยิ้มเยาะ “เพราะ…” เธอหยุดชั่วครู่ หันไปมองหยางจิ้งเสียนและเซียวหงอี้ จากนั้นก็หันกลับมาที่เถาเจี่ยนซึ่งร้องตะโกนเสียงดัง แล้วเธอก็กล่าวต่อไป “เพราะฉันต้องการตรวจสอบความเป็นพ่อแม่ของพวกคุณ ที่มีต่อคุณแม่ของฉันด้วยเส้นผมไงล่ะ ไม่อย่างนั้นฉันจะอยากได้เอาไปทำอะไรเหรอ”


 


 


“อย่ามาอ้างความเป็นญาติกับฉัน ฉันไม่รู้จักแม่ของแก!” เมื่อเห็นว่าไม่มีใครในตระกูลเซียวทักทายถังซีตอนที่เธอเดินเข้ามา เถาเจี่ยนจึงคิดว่าถังซีเป็นแค่คนแปลกหน้า นางจึงไม่สนใจ และด่าทอ


 


 


ถังซียิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน “ใช่ คุณไม่รู้จักฉัน” วินาทีต่อมาเธอก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที “แต่หลินหรูซึ่งนอนอยู่ในห้องคนไข้คือแม่ของฉัน เพราะฉะนั้นฉันรู้จักเธอแน่นอน ในเมื่อคุณเพิ่งบอกเมื่อกี้ว่าคุณไม่รู้จักคุณแม่ฉัน ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่ลองตรวจสอบความเป็นพ่อแม่ลูกดูล่ะ ฉันคิดว่าฉันสวยเกินไป และคุณแม่ของฉันก็สง่างามเกินไป ที่จะมีแม่อย่างคุณ” จากนั้นเธอก็หันไปมองหลินรั่วจื่อ และกล่าวจนจบ “และพ่ออย่างคุณ”


 


 


เมื่อเถาเจี่ยนได้ยินคำพูดของเธอ ประกายความสับสนก็ฉายอยู่ในดวงตาของนาง ทันใดนั้นนางก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้และดูตื่นตระหนก นางเอื้อมมือไปคว้าเส้นผมในมือถังซี และตะโกนว่า “ฉันเป็นแม่ของเธอ! เอาเส้นผมฉันคืนมา! แก นังเด็กชั่วร้าย ฉันเป็นยายของแกนะ! ทำไมแกถึงกล้าทำกับฉันแบบนี้!”


 


 


เซียวหงลี่และคนอื่นๆ มองถังซีด้วยความประหลาดใจ แต่เมื่อนึกถึงว่าถังซีเคยช่วยชีวิตเซียวเหยาไว้ก่อนหน้านี้ พวกเขาก็เชื่อมั่นในตัวเธอ หลินหรูอาจไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของเถาเจี่ยนและหลินรั่วจื่อก็ได้… หยางจิ้งเสียนมองดูใบหน้าอันน่าเกลียดของเถาเจี่ยนแล้วขมวดคิ้ว หลินหรูไม่มีอะไรเหมือนคนคู่นี้แม้แต่น้อยเลยจริงๆ!


 


 


เซียวหงอี้อ้าปากค้าง ขณะก้าวไปข้างหน้า คว้าแขนถังซีและถามด้วยความตื่นเต้น “โหรวโหรว ลูกหมายความว่าอย่างไร”


 


 


โดยไม่รอให้ถังซีตอบ เถาเจี่ยนเข้ามาลากเซียวหงอี้ออกไป พร้อมกับตะโกนว่า “อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระของมัน ฉันเป็นคนคลอดหลินหรูออกมา ฉันรู้แน่นอนว่าเธอเป็นลูกสาวของฉันหรือเปล่า!” นางไม่กล้ามองสบตาถังซี ขณะพยายามเอาเส้นผมในมือเธอกลับคืนมา


 


 


ถังซีกำเส้นผมแน่น เข้าไปซ่อนอยู่ข้างหลังเซียวเจี่ยน เธอยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่และเท้าก็บาดเจ็บ ถ้าถูกหญิงชราคนนี้ผลักล้ม เธอคงจะอับอาย


 


 


เมื่อเห็นท่าทางที่ถังซีมาซ่อนอยู่ข้างหลังเขา เซียวเจี่ยนก็ยิ้มออกมา เขาปกป้องถังซีไว้ด้านหลัง และก้าวไปข้างหน้าเพื่อห้ามเถาเจี่ยน พร้อมกับกล่าวอย่างเยือกเย็น “ในเมื่อยายก็บอกว่าคุณแม่เป็นลูกสาวแท้ๆ ของยาย ทำไมยายถึงไม่กล้าให้ตรวจสอบความเป็นพ่อแม่ล่ะครับ ยายกลัวอะไร”


 


 


สีหน้าหลินรั่วจื่อซีดเผือด เขาก้าวออกมาและพูดด้วยน้ำเสียงใจดีมีเมตตา ขณะพยายามยุยงเซียวหงอี้ “หงอี้ห้าม…” เขาจำชื่อเซียวโหรวไม่ได้ จึงพูดต่อไปได้แค่ “ห้ามลูกสาวคุณสิ เด็กคนนี้กำลังพยายามทำให้ทุกคนอับอายนะ พ่อกับแม่จะไม่ใช่พ่อแม่แท้ๆ ของหลินหรูได้อย่างไร อาหรูยังอยู่ในอาการโคม่า เธอจะผิดหวังนะ ถ้าเธอรู้ทีหลังว่าคุณต้องการทำแบบนี้กับเธอ หลังจากที่เธอฟื้นขึ้นมา” 

 

 


ตอนที่ 152 การขู่เข็ญ

 

ถังซีมองหน้าเถาเจี่ยน ขณะที่เธอหลบอยู่ข้างหลังเซียวเจี่ยน และกล่าวอย่างดุดัน “ฉันคิดว่าคุณแม่ของฉันจะต้องผิดหวังเมื่อฟื้นขึ้นมา และเห็นว่าคุณสองคนยังคงต่อสู้เพื่อเซียวจิ้นหนิง!”


 


 


“เอาล่ะ ถ้าคุณไม่อยากจ่ายค่าเลี้ยงดูจิ้นหนิงก็ไม่เป็นไร แต่คุณอย่าทำอย่างนี้เลย มันไร้สาระเกินไป!” หลินรั่วจื่อต่อรอง


 


 


เมื่อได้ยินคำพูดของสามี เถาเจี่ยนก็คว้าแขนหลินรั่วจื่อทันที แล้วตะโกนว่า “ไม่ได้สิ พวกเขาจะต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูให้จิ้นหนิง! พวกคุณเป็นหนี้เธอ! พวกคุณทำลายเธอ! เธอหาเงินได้มากมายก่อนหน้านี้ แต่เพราะพวกคุณ ตอนนี้ทุกคนพากันกล่าวร้ายต่อเธอ และหัวเราะเยาะเธอ! เธอจะมีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้ยังไงในอนาคต”


 


 


เมื่อเห็นแบบนี้ถังซีก็หรี่ตาลง หันหลังเดินไปที่แผนกตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดามารดา ขณะเดินไปเธอกล่าวกับเซียวหงอี้ว่า “ไปเอาตัวอย่างดีเอ็นเอจากคุณแม่มาค่ะ แล้วเอาไปให้ฉัน วันนี้เราจะได้รู้ความลับที่ซ่อนเร้นมาสี่สิบหรือห้าสิบปี!”


 


 


เมื่อได้ยินคำพูดของถังซี เถาเจี่ยนก็รีบเข้าไปหาเธอ แต่ถูกเซียวหงลี่กับเซียวเจี่ยนขวางไว้ ขณะที่หลินรั่วจื่อมองหน้าเซียวเจี่ยนแล้วกล่าวว่า “เซียวเจี่ยนไปห้ามน้องสาวของเธอและพ่อของเธอสิ พวกเขาจะต้องอับอายขายหน้า ถ้าทำแบบนี้ ถึงแม้แม่ของเธอจะไม่ใช่ลูกสาวของเรา แต่เราก็เลี้ยงดูเธอมานานกว่ายี่สิบปี เธอ…”


 


 


หยางจิ้งเสียนก้าวไปข้างหน้าด้วยดวงตาคมปลาบ ถามอย่างเย็นชา “คุณหมายความว่ายังไง ถ้าอย่างนั้นหลินหรูก็ไม่ใช่ลูกสาวของพวกคุณจริงๆ น่ะสิ!”


 


 


เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่กล้าสบตาเธอ หยางจิ้งเสียนก็มองอย่างเหยียดหยาม และกล่าวกับถังซี “โหรวโหรว แม่ว่าไม่จำเป็นต้องตรวจพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่แล้วล่ะ”


 


 


ถังซีหยุดเดิน มองย้อนกลับไปที่ถาเจี่ยนกับหลินรั่วจื่อ จากนั้นก็หรี่ตาลง “แต่หนูคิดว่าจำเป็นค่ะ ถ้าคุณแม่ของหนูอยากตัดความสัมพันธ์กับพวกเขา จะเป็นการดีกว่าที่จะมีผลการตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดามารดา ซึ่งศาลและตำรวจอาจเรียกเอาหลักฐานถ้าเราฟ้องร้อง ไม่อย่างนั้นที่คุณแม่หลินหรูต้องทนทุกข์ทรมานมาเป็นเวลาหลายปีก็จะสูญเปล่า!”


 


 


เซียวโหรวกับพ่อแม่ของเธอพรากจากกันมากว่ายี่สิบปี แม้ว่าตอนจบจะไม่ดีนัก แต่อย่างน้อยเธอก็ได้เห็นหน้าพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด ในทางกลับกันหลินหรูอายุเกือบห้าสิบปีแล้ว แม้เธอจะได้รู้ว่าพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอไม่ใช่เถาเจี่ยนและหลินรั่วจื่อ แต่ก็เป็นไปได้ที่เธอจะไม่มีโอกาสพบกับพ่อแม่ที่แท้จริง เพราะทั้งสองอาจเสียชีวิตไปแล้ว หลังจากพยายามตามหาเธอมานานหลายปี


 


 


นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไม คนอย่างเถาเจี่ยนและหลินรั่วจื่อที่ขโมยลูกของคนอื่น จะต้องถูกลงโทษ!


 


 


เมื่อได้ยินคำพูดของถังซี หลินรั่วจื่อและเถาเจี่ยนก็กลัวขึ้นมาทันที ความกลัวทำให้เถาเจี่ยนตะโกนออกมาว่า “ฉันเลี้ยงเธอมาหลายสิบปี แต่ฉันจะได้รับการตอบแทนด้วยการถูกจำคุกอย่างนั้นหรือ น่าหัวเราะสิ้นดี!”


 


 


พยาบาลคนหนึ่งเดินเข้ามาและเห็นเถาเจี่ยนส่งเสียงดัง มีร่องรอยความรังเกียจในสายตาเธอ เธอกล่าวอย่างเย็นชา “ที่นี่คือโรงพยาบาลนะคะ อย่าทำเสียงดังที่นี่ ถ้าคุณอยากทะเลาะกันก็ออกไปค่ะ!”


 


 


เถาเจี่ยนจ้องหน้าพยาบาล “นี่ไม่ใช่ธุระของเธอ ฉันมาที่นี่…”


 


 


ถังซีขัดจังหวะนาง ด้วยการยิ้มขอโทษกับพยาบาล “ฉันขอโทษด้วยนะคะ เดี๋ยวเราก็จะไปแล้วค่ะ แต่คุณคงเห็นแล้วว่าเรากำลังมีปัญหาในการสื่อสารกับเธอ ขอเวลาให้เราสักครู่นะคะ”


 


 


พยาบาลไม่โกรธอีกต่อไป เมื่อเธอเห็นถังซีซึ่งทั้งสวยงามและสุภาพมาก เธอขอให้พวกเขาแก้ปัญหาโดยเร็วที่สุด และอย่าทำเสียงดังที่นี่


 


 


ถังซีพยักหน้ารับ แล้วส่งเส้นผมของคนทั้งสองในมือให้เซียวหงอี้ และกล่าวอย่างจริงจัง “เอาไปตรวจสอบเพื่อพิสูจน์ความเป็นบิดามารดานะคะ แล้วเอาผลให้คุณแม่ดูเมื่อเธอฟื้นขึ้นมา” เมื่อกล่าวจบ เธอก็เหลือบดูนาฬิกาข้อมือ และจบประโยคด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันมีอะไรบางอย่างต้องไปทำค่ะ”


 


 


เซียวหงอี้ไม่เคยคิดมาก่อนว่าลูกสาวจะเปิดเผยความจริงที่น่าตกใจ ซึ่งทำให้เขารู้สึกดีมาก หลังจากต้องมีปฏิสัมพันธ์กับพ่อตาแบบนี้มาเป็นเวลาหลายปี เขาก็ได้รู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของหลินหรู! นี่เป็นข่าวที่ดีที่สุดที่เขาได้รับในรอบสองสามวันที่ผ่านมา!


 


 


เขาจึงรีบนำเส้นผมไปที่แผนกตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดามารดาโดยไม่คัดค้านใดๆ


 


 


เมื่อเห็นว่าไม่สามารถทำอะไรได้เพื่อไม่ให้มีการตรวจพิสูจน์ เถาเจี่ยนและหลินรั่วจื่อก็จะออกไปจากที่นี่ แต่ถังซียิ้มแล้วถามพวกเขาว่า “คุณสองคนไม่อยากรู้หรือ ว่าฉันจะทำอะไรในอีกไม่กี่นาทีนี้”


 


 


คู่สามีภรรยาสูงอายุหยุดชะงัก เถาเจี่ยนมองหน้าถังซี “แกจะทำอะไร”


 


 


ถังซีเย้ยหยัน “ฉันจะจัดการกับหลานสาวสุดที่รักของพวกคุณ เซียวจิ้นหนิงไงล่ะ ถึงเวลาที่จะเปิดโปงสิ่งที่เธอทำกับฉันแล้ว ที่ฉันมาช้าเพราะฉันไปตรวจบาดแผลและขอใบรับรองมา วันนี้เซียวจิ้นนิ่งพยายามทำร้ายฉัน ด้วยการให้คนเอาเศษแก้วไปใส่ไว้ในบ่อน้ำพุร้อน ฉันเรียกตำรวจมาแล้ว”


 


 


สีหน้าเถาเจี่ยนเปลี่ยนไป “ตอแหล ไม่เห็นแกจะได้รับบาดเจ็บอะไรเลย! แกใส่ร้ายเธอ! “


 


 


“อ้อ แล้วอีกอย่าง คุณไม่สามารถหลบหนีจากโทษที่คุณจะได้รับหรอก คุณยอมรับว่าผลักคุณแม่ฉันตกบันได คุณคิดว่าคุณจะไม่ต้องรับโทษทางอาญาหรอกหรือ” ถังซีมองดูพวกเขาอย่างเย็นชา แล้วกล่าวต่อไป “อุตส่าห์มาถึงเมือง A เพื่อสร้างเรื่องแบบนั้น เพียงเพื่อเห็นแก่ชีวิตในอนาคตของเซียวจิ้นหนิง ถูกไหม แต่นั่นง่ายมากเลย ฉันจะส่งเธอไปอยู่ในคุกเอง รัฐบาลจะให้อาหารและที่พักฟรีแก่เธอ เพราะฉะนั้นพวกคุณไม่ต้องเป็นห่วงว่าเธอจะหิวหรือหนาว”


 


 


ขณะถังซีกล่าวคำเหล่านั้น ดวงตาเธอดูเย็นยะเยือกจนเซียวหงลี่และคนอื่นๆ แทบช็อค


 


 


“เธอ…” หลินรั่วจื่อรีบใช้ข้อศอกสะกิดเถาเจี่ยน ซึ่งกำลังจะพูด แล้วมองหน้าถังซีพร้อมกับกล่าวเบาๆ ว่า “เสี่ยว… เอ้อ… ยายของหนูไม่อยากเห็นหลานๆ ทำร้ายกันแบบนี้ เธออยากให้ครอบครัวปรองดองกัน เธอไม่ได้ตั้งใจ…”


 


 


“อ้อ อย่างนั้นหรือ” ถังซีขัดจังหวะหลินรั่วจื่อ และถามเขาอย่างเย็นชา “แล้วเธอทำยังไงล่ะ เธอต้องการความปรองดองในครอบครัว ก็เลยมาสร้างเรื่องราวที่บ้านของเราเหรอ เฮ้ พวกคุณเป็นบ้าไปแล้วหรือไง คิดว่าถ้าพวกคุณสร้างเรื่องขึ้นมา จะบังคับให้คุณแม่ของฉันพาเซียวจิ้นหนิงกลับมาอยู่ที่บ้านได้อย่างนั้นหรือ”


 


 


“อ้อ…” มีประกายเยือกเย็นวาววับในดวงตาถังซี “ฉันลืมไปว่าเซียวจิ้นหนิงตอนนี้ต้องเรียกว่า เหยาจิ้นหนิง ไม่ใช่เซียวจิ้นหนิง เราแลกเปลี่ยนชีวิตกันแล้วไม่ใช่หรือ ถ้าอย่างนั้นครอบครัวเหยาที่เคยเป็นครอบครัวฉัน ก็คือบ้านที่แท้จริงของเธอแล้วในตอนนี้…”


 


 


“ไร้สาระ! นามสกุลของเธอไม่ใช่เหยา!” เถาเจี่ยนตะโกน


 


 


ถังซีหรี่ตาแล้วก้าวออกไปข้างหน้า “นามสกุลของเธอไม่ใช่เหยา แล้วคืออะไรล่ะ เซียวจิ้นหนิงเกี่ยวข้องกับคุณใช่ไหม เป็นเพราะคุณใช่ไหม ฉันถึงถูกส่งไปอยู่กับตระกูลเหยาบนภูเขาในเมือง W!”


 


 


เถาเจี่ยนหลบสายตาเธอขณะตอบ “ฉันไม่รู้ว่าแกกำลังพูดถึงอะไร ฉันไม่เข้าใจคำพูดของแก ครอบครัวเหยาอะไร การที่แกถูกส่งไปให้คนพวกนั้น ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน!”


 


 


ดวงตาถังซีวาววับขึ้นมาทันที เพราะเธอสงสัยพวกเขา ไม่ว่าอย่างไรเธอก็จะค้นหาความจริงต่อไป ตอนนี้ในเมื่อเธอตัดสินใจแล้วว่าจะแก้แค้น เธอก็จะแก้แค้นให้กับใครก็ตามที่เธอห่วงใย ไม่ว่าจะเป็นเซียวโหรว ตัวเธอเอง หรือคนอื่นๆ!

 

 

 


ตอนที่ 153 เสียใจด้วย เธอจะไม่มีวันได...

 

ในที่นี้ไม่มีใครโง่ เมื่อเห็นสายตาลอกแลกของเถาเจี่ยน ทุกคนก็รู้ว่านางต้องกลัวอะไรบางอย่างอย่างแน่นอน แต่พวกเขาก็ยังไม่กล้าเชื่อการคาดเดาอย่างมั่นอกมั่นใจของถังซี ถ้าเป็นอย่างที่เธอพูดจริงๆ แล้วอุบายชั่วร้ายนี้เริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไร เมื่อกี่ปีมาแล้ว


 


 


เมื่อรู้ตัวว่าเถียงไม่ออก เถาเจี่ยนก็จะรีบออกไปจากที่นี่ แต่แล้วทันใดนั้นนางก็เห็นเซียวจิ้นหนิงถูกผลักเข้ามาในโรงพยาบาลโดยเซียวจิ่งและเซียวส่า นางจึงหยุดชะงัก มองถังซีและร้องออกมาว่า “แกต้องการอะไร!”


 


 


ถังซีหัวเราะเยาะ มองดูคนเหล่านี้อย่างเย็นชา “กลัวเหรอ น่าเสียดายนะ สายเกินไปเสียแล้ว” ขณะมองไปที่เซียวจิ้นหนิง ซึ่งเดินหน้านิ่วคิ้วขมวดเข้ามา เธอกล่าวอย่างเยือกเย็น “ที่นี่มีคนเยอะเกินไป ไปหาที่อื่นคุยกันดีกว่า ตรงนี้เป็นโรงพยาบาล เราควรหาฉากที่ดีกว่านี้”


 


 


เมื่อพูดจบเธอก็เดินกอดอกนำหน้าไปโดยไม่มองคนอื่นๆ เซียวส่ากับเซียวจิ่งเฝ้ามองถังซีเดินไปที่ลิฟต์ ก่อนจะผลักเซียวจิ้นหนิงให้ตามเธอไป โดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ


 


 


ที่นี่คือโรงพยาบาลหลินอัน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเซียวหงลี่และครอบครัว ดังนั้นพวกเขาจึงมีห้องทำงานที่นี่ เซียวส่ากับเซียวจิ่งรู้ดีแน่นอนว่าถังซีต้องการอะไร พวกเขาจึงผลักเซียวจิ้นหนิงเข้าไปในห้องทำงานของประธานโรงพยาบาล ถังซีนั่งลงบนโซฟาสีดำแล้วจ้องหน้าเซียวจิ้นหนิง ซึ่งนิ่งเงียบตลอดเวลา จากนั้นเธอก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ยินดีด้วยนะ ถึงแม้เธอจะถูกไล่ออกจากตระกูลเซียว แต่ก็ยังมีคนพยายามปกป้องและช่วยเหลือเธอแก้ปัญหาค่าครองชีพ”


 


 


เซียวจิ้นหนิงหัวเราะเยาะ เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจึงหัวเราะอย่างเยือกเย็นแล้วพูดว่า “อะไรกัน เธออิจฉาหรือ เสียใจด้วยนะ คุณตาคุณยายจะยืนเคียงข้างฉันเสมอ ไม่ว่าเธอจะ…”


 


 


คำพูดของเธอถูกขัดจังหวะโดยถังซี ซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาหนังสีดำตัวใหญ่ ที่มีพนักพิงขนาดใหญ่ดูเหมือนเธอเป็นราชินี เซียวส่ากับเซียวจิ่งคนหนึ่งยืนพิงประตู อีกคนนั่งอยู่บนที่วางแขนโซฟา มองไปที่เธอทั้งสอง ถังซีกล่าวพร้อมด้วยรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้า “ทำไมฉันถึงต้องสนใจคนที่เธอเรียกว่าคุณตาคุณยาย ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับฉันโดยสายเลือดด้วยล่ะ เพื่ออะไรเหรอ ขอโทษนะ คุณตาของฉันคือท่านนายพลหยาง ไม่ใช่เศษขยะไร้การศึกษา”


 


 


“เธอหมายความว่ายังไง” เซียวจิ้นหนิงขมวดคิ้ว จากนั้นเธอก็คิดอะไรขึ้นมาได้ เธอเย้ยหยัน “ถึงแม้คุณตาคุณยายจะไม่เกี่ยวข้องกับฉันโดยสายเลือด แต่พวกท่านก็ยังอยู่ข้างฉัน ในขณะที่เธอ หลานสาวแท้ๆ ของพวกท่าน ไม่อยู่ในสายตา!”


 


 


“เซียวจิ้นหนิง ในเมื่อเธอรักคุณตาคุณยายของเธอมาก ก็ดูแลพวกเขาให้ดี อย่าปล่อยให้พวกเขาออกไปไหน สร้างเรื่องน่าอับอายให้ตัวเอง และตัดหนทางอู่ข้าวอู่น้ำของตัวเองล่ะ!” ถังซีจ้องมองเธอด้วยสายตาเย็นชา


 


 


เมื่อสังเกตเห็นความหมายแฝงในคำพูดของถังซี เซียวจิ้นหนิงก็ขมวดคิ้ว ถามเสียงต่ำว่า “เธอหมายความว่ายังไง”


 


 


ถังซีเลิกคิ้วเป็นตอบ จากนั้นเปิดประตูห้องทำงานก็เปิดออก และหยางจิ้วเสียนพาเถาเจี่ยนกับหลินรั่วจื่อเข้ามา ถังซีมองพวกเขาและกล่าวอย่างเฉยเมย “เธอก็ลองถามพวกเขาดูสิ”


 


 


เถาเจี่ยนรู้สึกโล่งอกเมื่อเห็นว่าเซียวจิ้นหนิงไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ นางก้าวออกมาจับมือเซียวจิ้นหนิงไว้ และปลอบโยนเธอเบาๆ “จิ้นหนิงไม่ต้องกลัวนะ ยายอยู่นี่ ตราบใดที่ยายอยู่ตรงนี้ จะไม่มีใครทำร้ายเธอได้”


 


 


เซียวจิ้นหนิงรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างมากกับคำพูดของถังซี เธอไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะฟังคำพูดเสแสร้งของเถาเจี่ยน เธอตอบด้วยเสียงฮื่อในลำคอขณะจ้องมองถังซี และกล่าวอย่างใจเย็น “พูดให้เข้าใจชัดๆ ไปเลยสิ!”


 


 


“เธอไม่รู้หรือว่ายายเธอผลักคุณแม่ฉันตกบันได และตอนนี้ท่านกำลังนอนอยู่ในห้องพักคนไข้ข้างล่าง ฉันจะบอกให้เธอมั่นใจได้เลยว่า ยายที่แสนดีของเธอจะถูกลงโทษ ไม่อย่างนั้นคุณแม่ฉันจะถูกผลักตกบันไดฟรี”


 


 


เซียวจิ้นหนิงมองหน้าเถาเจี่ยน ซึ่งไม่กล้าทำตัวหยาบคายต่อหน้าเธอ ได้แต่กล่าวตะกุกตะกักว่า “จิ้นหนิง ยายไม่ได้ตั้งใจจะทำอย่างนั้น ยายแค่สะกิดนิดหน่อยอาหรูก็ตกบันไดไปเอง ยายทำเพื่อหนู หนูก็รู้ พวกเขาต้องรับผิดชอบต่อสถานภาพของหนูในปัจจุบัน…”


 


 


เซียวจิ้นหนิงหันไปมองถังซีแล้วกล่าวว่า “แล้วไงล่ะ คุณยายไม่ได้ตั้งใจทำ”


 


 


“ถ้าอย่างนั้นแล้วเธอล่ะ ตอนนี้เธอได้รับข้อกล่าวหาทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บโดยเจตนา” ถังซีเปลี่ยนประเด็นขณะมองหน้าเซียวจิ้นหนิงและกล่าวช้าๆ “ฉันคิดว่าเธอรู้แน่ชัดในสิ่งที่เธอทำ… วันนี้เธอให้คนเอาเศษแก้วไปใส่ในบ่อน้ำพุร้อน ทำให้ฉันลื่นล้ม ซึ่งถือว่าเป็นการทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บโดยเจตนา ฉันสงสัยว่าเธอจะแก้ข้อกล่าวหาให้ตัวเองยังไง เพราะฉันมีทั้งพยานบุคคลและพยานวัตถุ!”


 


 


“พูดบ้าอะไร” เสียงเถาเจี่ยนดังขึ้น


 


 


ถังซีไม่สนใจเถาเจี่ยน เธอจ้องมองแต่เซียวจิ้นหนิงด้วยสายตาเย็นชา เซียวจิ้นหนิงชะงัก ก่อนจะทะลึ่งพรวดไปข้างหน้าพร้อมกับอุทาน “คนๆ นั้นคือเธอ! นางแบบที่มาแทนที่ฉันคือเธอ!”


 


 


“ประหลาดใจเหรอ” ถังซีซึ่งนั่งนิ่งเหมือนราชินีลุกขึ้นยืนในฉับพลัน แล้วจ้องมองเข้าไปในดวงตาเซียวจิ้นหนิง “เธอเอาทุกอย่างไปจากฉัน ทุกอย่างที่ฉันจะทำหลังจากนี้คือสิ่งที่ได้เรียนรู้มาจากเธอ นอกจากนี้ฉันจะทำอย่างเปิดเผย และไม่ทำอะไรผิดกฎหมาย!”


 


 


“เยี่ยม!” เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ เถาเจี่ยนก็เดินออกไปข้างหน้าสองก้าว “แปลว่าแกคือคนที่เอาทุกอย่างไปจากจิ้นหนิง แกคือคนกล่าวโทษเธอ ทำให้เธอต้องเดือดร้อนแบบนี้! ทำไมแกถึงได้ชั่วร้ายอย่างนี้!”


 


 


เมื่อเห็นว่าเถาเจี่ยนเข้าข้างเธอ ประกายความพึงพอใจก็แวบผ่านดวงตาเซียวจิ้นหนิง เธอมองหน้าถังซีอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง ใช่ แกเอาทุกสิ่งทุกอย่างไปจากฉัน แล้วไงล่ะ คุณตาคุณยายจะดุด่าสาปแช่งแกอย่างนี้ตลอดไป! แกคิดว่าแกจะมีความสุขอยู่ได้หรือ


 


 


อย่างไรก็ตาม สีหน้าถังซีไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อเธอจ้องหน้าเถาเจี่ยน ยิ้มให้นางอย่างเย็นชา และกล่าวอย่างเฉียบคม “ฉันไม่คิดว่าฉันจะสู้คุณได้หรอกนะ ในเรื่องความชั่วร้าย คุณเถา คุณขโมยลูกของครอบครัวอื่นไป เก็บเธอไว้เป็นทาส บังคับให้คุณแม่ของฉันทำงานในไร่ และงานบ้านทุกอย่าง แม้แต่เมื่อคุณแม่ของฉันหาค่าเล่าเรียนด้วยตัวเอง คุณก็ทุบตีท่านอย่างหนัก และเอาเงินท่านไป ถ้าท่านไม่ฉลาดพอ ซ่อนเงินเล็กๆ น้อยๆ ที่ท่านหาได้จากข้างนอกไว้ ท่านจะประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ไหม!” เมื่อเห็นสีหน้าเถาเจี่ยนเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน ถังซีก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาต่อไป “คุณคิดว่าจะไม่มีใครรู้ว่าคุณทำอะไรไว้ เพราะเวลาผ่านไปหลายปีแล้วอย่างนั้นหรือ…


 


 


…พวกคุณมีลูกสาวตั้งสองคน คุณยังจะมีหน้ามาขอเงินคุณแม่ฉัน ทั้งๆ ที่ข่มเหงทำร้ายท่านมาตลอดเวลาอีกหรือ แล้วลูกสาวแท้ๆ ของคุณล่ะเป็นอย่างไร เธอหันหลังให้คุณอย่างเย็นชาใช่ไหมล่ะ”


 


 


เซียวจิ้นหนิงมองหน้าถังซีอย่างตกตะลึง และถามว่า “เธอว่าอะไรนะ”


 


 


ถังซียิ้ม เมื่อเห็นเซียวจิ้นหนิงตกตะลึง เธอก็กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ว่า “ผิดหวังไหมล่ะ เธอคิดว่าเธอสามารถใช้ให้เถาเจี่ยนกับหลินรั่วจื่อมาทำให้ชีวิตในอนาคตของฉันยากลำบาก แต่พวกเขากลับมาตัดหนทางที่เหลืออยู่เพียงทางเดียวของเธอเสียนี่ เช่นเดียวกับหนทางของพวกเขาเองด้วย”


 


 


ถังซีเอ่ยชัดๆ ทีละคำ ที่ตามมาพร้อมด้วยคมมีดในดวงตาเธอ “ฉันเสียใจด้วยนะ เธอจะไม่มีวันได้ในสิ่งที่เธอต้องการ” 

 

 


ตอนที่ 154 พบกับหลิวเฉิงอวี่อีกครั้ง

 

“ตอแหล!” เถาเยี่ยนมองถังซีอย่างเกลียดชัง “อย่าไปเชื่อมัน! หลินหรูคือ…”


 


 


“หุบปาก!” เซียวจิ้นหนิงตะคอกใส่เถาเยี่ยนอย่างรุนแรง แล้วหันไปมองถังซีด้วยสายตาเกรี้ยวกราดขณะถามว่า “เซียวโหรว เธอหมายความว่ายังไง ทำไมหลินหรูถึงไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของพวกเขา”


 


 


“จิ้นหนิงอย่าฟังเรื่องไร้สาระของมัน หลินหรูเป็นลูกสาวเรา เธอต้องฟังเรา หนูไม่ต้องห่วงนะ ตากับยายจะบอกให้เธอจ่ายค่าเลี้ยงดูให้หนู หนู…”


 


 


“ยังไม่เลิกอีก” ถังซีขมวดคิ้วมองเถาเยี่ยนซึ่งยังไม่ยอมแพ้ เธอยิ้มอย่างเย็นชา “ถ้าคุณบอกเราเสียตอนนี้ว่าคุณขโมยคุณแม่ฉันมาอย่างไร ฉันอาจไม่เอาผิดทางอาญา ไม่อย่างนั้นพวกคุณจะไม่มีใครหนีรอดไปได้” น้ำเสียงเธอกระด้างเมื่อเธอกล่าวต่อจนจบ “คิดดูให้ดีๆ ก่อนจะพูด!”


 


 


เมื่อจบคำพูดนี้ถังซีก็ออกไปจากห้อง เธอขอให้เซียวจิ่งกับเซียวส่าโทรแจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้คอยเฝ้าไว้ ไม่อนุญาตให้เซียวจิ้นหนิงและเถาเยี่ยนออกจากห้องทำงาน


 


 


เซียวเจี่ยนมองตามแผ่นหลังตั้งตรงของถังซี เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง และเดินตามเธอออกไป หยางจิ้งเสียนก็เช่นกัน เมื่อเห็นถังซีเดินไปที่ลิฟต์เธอก็ก้าวไปข้างหน้าจับแขนถังซีไว้ ถามเบาๆ ว่า “โหรวโหรว ลูกดูไม่ค่อยดีเลย มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า”


 


 


ถังซีส่ายศีรษะแล้วยิ้ม “หนูสบายดีค่ะ หนูแค่เหยียบเศษแก้วในบ่อน้ำพุร้อน เลยเดินลำบากนิดหน่อย”


 


 


หยางจิ้งเสียนลูบผมถังซีด้วยความสงสาร กล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “แม่ขอโทษนะจ๊ะ ที่ทำให้ลูกต้องมาเห็นสถานการณ์แย่ๆ แบบนี้ เมื่อลูกมาถึงโรงพยาบาล”


 


 


ถังซีส่ายศีรษะขณะจับมือหยางจิ้งเสียนไว้ และถามเบาๆ ว่า “คุณ… เธอเป็นยังไงบ้างคะ”


 


 


หยางจิ้งเสียนรู้ว่าถังซีกำลังถามถึงหลินหรู โหรวโหรวไม่เรียกหลินหรูว่า ‘แม่’ เพราะใส่ใจความรู้สึกของเธอ ถึงแม้สาวน้อยคนนี้จะไม่ใช่เซียวโหรวตัวจริง เป็นนางฟ้าน้อย แต่ร่างกายเธอคือเซียวโหรว นอกจากนี้เพราะเธอเป็นนางฟ้าเธอจึงรักทุกคน ด้วยความคิดนี้ ในที่สุดหยางจิ้งเสียนก็ปลดปล่อยความโกรธเคืองที่มีต่อหลินหรู เธอมองเซียวเจี่ยนซึ่งยืนอยู่ข้างๆ และพูดกับถังซีว่า “คุณแม่ของหนูตกบันได บาดเจ็บที่ซี่โครงและกระดูกสันหลัง เธอเพิ่งผ่าตัดและตอนนี้พักอยู่ในหอผู้ป่วย เธออาจฟื้นขึ้นมาคืนนี้ หนูอยู่ที่นี่สิจ๊ะ จะได้ดูแลเธอ”


 


 


ถังซีพยักหน้าและขอให้หยางจิ้งเสียนกลับไปพักผ่อน แต่หยางจิ้งเสียนตอบว่าเธอจะรอเซียวหงลี่อยู่ที่นี่ ถังซีพยักหน้าแล้วเดินไปทางห้องคนไข้ของหลินหรู เซียวเจี่ยนเดินตามไป มองตามหลังเธอ แต่ไม่พูดอะไร ถังซีหันกลับมาและยิ้มให้เขาโดยถามว่า “พี่คะ มีอะไรจะพูดไหม”


 


 


เซียวเจี่ยนรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยที่ได้ยินถังซีเรียกเขาว่าพี่ “เมื่อกี้เธอเรียกพี่ว่าพี่ ไม่ใช่ลูกผู้พี่ใช่ไหม”


 


 


ถังซียิ้ม “เป็นเพียงแค่ชื่อเรียก ไม่สำคัญหรอกค่ะ ตอนนี้ดูเหมือนว่าคุณแม่จะต้องการให้ฉันกลับมา เพราะท่านรักฉัน ไม่ใช่เพราะผลประโยชน์ที่ฉันจะสามารถนำมาให้ท่านได้”


 


 


เซียวเจี่ยนพยักหน้าด้วยรอยยิ้มเป็นคำตอบ ขณะเอนตัวพิงราวระเบียงโถงทางเดิน กล่าวเสียงเบา “พี่ใจแคบเกินไป” จากนั้นเขาก็ถามว่า “เธอรู้ได้ยังไงว่าพวกเขาไม่ใช่ตายายที่แท้จริงของเรา”


 


 


ถังซีเลิกคิ้วมองหน้าเซียวเจี่ยนพร้อมกับยิ้ม แล้วตอบว่า “ฉันเดาเอาน่ะ”


 


 


เซียวเจี่ยนหยุดชะงักนิดหนึ่งก่อนจะหัวเราะออกมา และหยิบบุหรี่ออกมาจุด “นี่เป็นแค่การคาดเดาของเธอเหรอ โอ…จริงสิ พี่เองก็ควรจะเดาออก เพราะตั้งแต่เด็กๆ แล้ว พวกเขารักเซียวจิ้นหนิงมากกว่าพี่ แต่… ถ้าพี่กับจิ้นหนิงไม่ใช่ลูกหลานที่แท้จริงของพวกเขาทั้งคู่ ทำไมพวกเขาถึงรักเซียวจิ้นหนิงมากล่ะ”


 


 


ถังซีถอยกลับไปยืนรับลมที่หน้าต่างห้องโถง จากนั้นก็มองกลับไปที่เซียวเจี่ยน กล่าวด้วยรอยยิ้มน้อยๆ “แล้วถ้าเซียวจิ้นหนิงเป็นหลานแท้ๆ ของพวกเขาล่ะคะ”


 


 


เซียวเจี่ยนตัวแข็งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วเบิกตาโต เขายกบุหรี่ขึ้นมาคาบที่ปากและสูบเข้าไปหลังจากนั้นก็จ้องมองถังซีและถามว่า “โหรวโหรว เธอรู้หรือเปล่าว่าเมื่อกี้เธอพูดอะไรออกมา”


 


 


ถังซีพยักหน้าอย่างจริงจัง มองเซียวเจี่ยนด้วยสายตาแน่วแน่ “ฉันคิดว่านี่อาจเป็นอุบายอันชั่วร้ายที่พวกเขาสมคบคิดกัน”


 


 


เซียวเจี่ยนยิ้มเมื่อสูบบุหรี่เสร็จ เขาดับบุหรี่แล้วโยนก้นบุหรี่ลงถังขยะ ขณะปล่อยควันออกจากปากเขาจ้องหน้าถังซี “อุบายชั่วร้ายหรือ ถ้าเป็นอุบายชั่วร้ายจริงๆ นี่จะเป็นระเบิดลูกใหญ่สำหรับคุณแม่”


 


 


ถังซีเลิกคิ้ว “แต่ความเจ็บปวดรุนแรงระยะสั้น ก็ดีกว่าความเจ็บปวดน้อยๆ ในระยะยาวไม่ใช่เหรอคะ อย่างน้อยพวกเราทุกคนก็พร้อมเป็นกำลังใจให้ท่าน”


 


 


ถังซียิ้มขณะสูดลมหายใจ “ฉันคิดว่าเราจะรู้ผลเร็วๆ นี้” เธอเงยคางขึ้นเล็กน้อย ทำท่าส่งสัญญาณให้เซียวเจี่ยนมองไปทางเซียวหงอี้ ซึ่งกำลังเดินออกมาจากแผนกตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดามารดา เซียวเจี่ยนหันหน้าไปมอง และเห็นเซียวหงอี้เดินออกมาหน้านิ่วคิ้วขมวด เขาสามารถบอกผลการตรวจได้เลยจากสีหน้าของบิดา


 


 


เซียวเจี่ยนหันกลับไปมองถังซีซึ่งดูสงบนิ่ง แล้วขมวดคิ้ว “เธอรู้ไหม การคาดเดาของเธออาจเป็นการเปิดเผยความจริงที่คนบางคนปกปิดมานานหลายสิบปี”


 


 


ถังซียิ้ม มองเซียวเจี่ยนอย่างเคร่งขรึม “ฉันมาที่นี่เพื่อเปิดเผยแผนการชั่วร้ายทุกเรื่อง รวมถึงเปิดโปงใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับแผนการเหล่านั้น”


 


 


เซียวหงอี้เดินมาพร้อมกับรายงานการตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดามารดาสองฉบับ และเสียงคำราม “น่าไม่อายจริงๆ พวกเขาไม่ใช่พ่อแม่ของคุณแม่พวกลูก เป็นแค่คนหาประโยชน์จากเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมา! คุณแม่จะเผชิญความจริงได้ยังไงเมื่อฟื้นขึ้นมา”


 


 


เท่าที่เซียวหงอี้จำได้ หลินหรูเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งและดื้อรั้น ไม่ยอมขอความช่วยเหลือจากใคร ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ…


 


 


เมื่อถึงตอนนี้หลิวเฉิงอวี่กับซีลั่วเสียนก็มาถึง ซีลั่วเสียนท่าทางโกรธมาก เธอกับหลินหรูเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยด้วย เธอรู้ดีว่าหลินหรูเคยมีชีวิตที่น่าสงสารแค่ไหน ทุกวันหยุดทั้งฤดูร้อนและฤดูหนาว เพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆ จะได้กลับบ้านไปพักผ่อนกับครอบครัว ขณะที่หลินหรูต้องอยู่ในเมือง A และทำงานนอกเวลาหาค่าเล่าเรียน ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังต้องส่งเงินบางส่วนที่หาได้ไปให้พ่อแม่อีกด้วย ไม่เช่นนั้นคู่สามีภรรยาจะไปยังที่ทำงานของเธอและสร้างเรื่องวุ่นวาย


 


 


ซีลั่วเสียนรีบเดินเข้ามา ตรงไปหาเซียวหงอี้และถามเสียงเบา “เธอเป็นยังไงบ้าง อาหรูบาดเจ็บสาหัสหรือเปล่า”


 


 


อย่างไรก็ตาม หลิวเฉิงอวี่ไม่สนใจอะไร จับตาอยู่แต่ใบหน้าถังซี หัวใจเขาเต้นเร็วกว่าปกติ เธออยู่ที่นี่ด้วย นั่นหมายความว่าเธอยอมรับน้าหลินในฐานะแม่แล้วใช่ไหม


 


 


นั่นก็หมายความว่าเขากำลังจะกลายเป็นคู่หมั้นของเธอ


 


 


เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ หลิวเฉิงอวี่ก็รู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วยิ่งขึ้น เขาจ้องมองใบหน้าแสนสวยของถังซี ความพึงพอใจในหัวใจเขาเพิ่มขึ้นถึงขีดสุดในทันที


 


 


เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาหลิวเฉิงอวี่ที่จ้องมองมา ถังซีก็เลิกคิ้ว เธอใจหายวาบ ดูเหมือนเธอต้องรีบสร้างเงื่อนไข ก่อนจะยอมรับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอเสียแล้ว! 

 

 


ตอนที่ 155 เราต้องสืบสวน

 

ตอนที่ 155 เราต้องสืบสวน


 


 


เซียวหงอี้ส่งรายงานผลการตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดามารดาให้ซีลั่วเสียน พร้อมกับเล่าอาการภรรยาด้วยท่าทางเคร่งเครียด “ซี่โครงหักสองซี่ กระดูกสันหลังร้าว เธอเพิ่งได้รับการผ่าตัด หมอบอกว่ายังไม่พ้นขีดอันตราย ผมไม่รู้ว่าคืนนี้เธอจะฟื้นไหม”


 


 


ซีลั่วเสียนขมวดคิ้วขณะมองดูรายงาน “ป้าเถาเป็นคนผลักเธอ…” ก่อนจะกล่าวจบเธอจ้องมองรายงานผลด้วยดวงตาเบิกกว้าง มือจับแผ่นกระดาษแน่นถามว่า “นี่ผลตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดามารดาของอาหรูกับพ่อแม่ของเธอเหรอคะ”


 


 


เซียวหงอี้พยักหน้า พูดอะไรไม่ออก ซีลั่วเสียนมองหน้ากระดาษสองหน้าในมือด้วยความตกใจ “พระเจ้า! เป็นไปได้อย่างไร ทำไมพวกเขา…”


 


 


“ถ้าโหรวโหรวไม่ได้มาที่นี่ และตั้งข้อสังเกตแก่พวกเรา ผมก็ไม่เคยคิดจะตรวจสอบความเป็นพ่อแม่ของพวกเขา และสองคนนั้นก็คงยังหลอกเราไปได้เรื่อยๆ” เซียวหงอี้ถอนหายใจ ใบหน้าเคร่งเครียด “ตอนนี้ผมยังคิดไม่ออกว่าจะบอกอาหรูยังไง ถ้าเธอรู้ผมกลัวว่า…”


 


 


ซีลั่วเสียนส่ายศีรษะ “บางทีอาหรูอาจหายเร็วขึ้นค่ะ ถ้าได้รู้เรื่องนี้”


 


 


ไม่มีใครอยากมีพ่อแม่อย่างเถาเยี่ยนและหลินรั่วจื้อหรอก ตอนนี้ผลตรวจพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ออกมาแล้ว ถึงเวลาแล้วที่หลินหรูจะตัดความสัมพันธ์กับตระกูลหลิน หากพวกเขายังคงคุกคามเธอ หลินหรูก็สามารถแจ้งความตำรวจได้


 


 


เมื่อคิดเช่นนี้ซีลั่วเสียนก็หันไปมองถังซี ซึ่งแต่งตัวง่ายๆ ดูเท่และสวยน่ารัก ดวงตาเธอแจ่มใสขึ้นทันที ขณะเดินเข้าไปจับมือถังซีด้วยรอยยิ้ม ถามอย่างอ่อนโยนว่า “หนูคือโหรวโหรวใช่ไหม ป้าคือป้าซี เป็นเพื่อนร่วมชั้นของคุณแม่หนูเมื่อครั้งที่เราเรียนมหาวิทยาลัยจ้ะ หนูคล้ายๆ คุณแม่หนูเลยนะ หนูเหมือนเธอจริงๆ ตอนที่เธอเรียนมหาวิทยาลัย”


 


 


ถังซีทักทายซีลั่วเสียนด้วยรอยยิ้ม ซีลั่วเสียนถามว่า “โหรวโหรว หนูรู้ได้อย่างไรว่าคุณแม่ไม่ได้เกี่ยวข้องทางสายเลือดกับตระกูลหลิน”


 


 


ถังซีเห็นความพิศวงในสายตาซีลั่วเสียน เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยและเม้มริมฝีปากก่อนตอบ “หนูไม่ทราบหรอกค่ะ หนูแค่เดา… เลยขอให้คุณพ่อไปจัดการตรวจสอบ พวกเขาก็เลยโป๊ะแตก ปรากฏว่าหนูเดาถูก”


 


 


“เธอเป็นคนที่มีสายตาเฉียบแหลมเหลือเกิน ชี้ให้เห็นได้เสมอว่าอะไรคือปัญหา” หลิวเฉิงอวี่ ยืนอยู่ข้างๆ จ้องมองถังซีดวงตาเป็นประกาย รู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นไปอีก นี่คือผู้หญิงที่เขาชอบ เธอจะไม่ทำให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก ช่างเป็นผู้หญิงที่ฉลาดอะไรเช่นนี้


 


 


ถังซีเลิกคิ้วมองหลิวเฉิงอวี่ เธอมีรอยยิ้มเหนือริมฝีปากขณะกล่าวว่า “ประธานหลิว เจอกันอีกแล้วนะคะ ครั้งสุดท้ายที่ฉันพบคุณ ประธานหลิวพยายามอย่างหนักเพื่อปกป้องเซียวจิ้นหนิง ฉันไม่คิดเลยว่าจะรวดเร็วอย่างนี้ที่… เราได้เจอกันอีกครั้ง”


 


 


หลิวเฉิงอวี่รู้แก่ใจว่าถังซีกำลังพูดถึงอะไร เขาดูอับอายเล็กน้อยขณะหัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “คราวก่อนนั้นพี่เข้าใจเธอผิด ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอกับเซียวจิ้นหนิง และไม่รู้ว่าเซียวจิ้นหนิงหลอกลวงพวกเรา พี่ก็เลย…” เขาเงยหน้าขึ้นมองถังซีด้วยสายตาจริงใจขณะกล่าวต่อจนจบ “ได้โปรดยกโทษให้พี่ด้วย กับความสะเพร่าและโง่เขลาของพี่”


 


 


ถังซีขมวดคิ้ว เขาหมายความว่าอย่างไรที่พูดแบบนี้ ทำไมต้องมาขอให้เธอ ‘ให้อภัยในความสะเพร่าและโง่เขลา’


 


 


ถังซียิ้มเยาะ ขณะนึกเดาความคิดเขาที่น่าจะเป็นไปได้ “เซียวจิ้นหนิงอยู่ชั้นบนค่ะ”


 


 


เมื่อได้ยินชื่อผู้หญิงคนนั้นทั้งซีลั่วเสียนและหลิวเฉิงอวี่ก็ดูโกรธขึ้นมา ซีลั่วเสียนกล่าวกับถังซีว่า “เซียวโหรว ป้าโทษคุณพ่อคุณแม่หนูและโทษเฉิงอวี่ สำหรับความไม่เป็นธรรมที่พวกเขาทำกับหนู แต่หนูอย่าเก็บ เรื่องนี้ไว้ในใจอีกเลยนะจ๊ะ ถ้ามีเรื่องอะไรขอให้บอกป้า ป้าจะให้ความยุติธรรมกับหนูเอง”


 


 


ถังซียิ้มแล้วตอบว่า “ขอบคุณค่ะ คุณป้าซี แต่หนูหาความยุติธรรมให้ตัวเองได้ค่ะ”


 


 


เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ซีลั่วเสียนก็รู้ว่าเซียวโหรวไม่อยากพูดถึงชีวิตในอดีต เธอถูกพ่อแม่แท้ๆ ไล่ออกจากบ้านในเวลาที่เธอต้องการการดูแลเอาใจใส่มากที่สุด คงไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอนสำหรับหลินหรูกับเซียวหงอี้ที่จะพาเธอกลับไปอยู่กับครอบครัวในตอนนี้ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ซีลั่วเสียนก็ไม่อยากกดดันถังซี จึงหันไปยิ้มให้หยางจิ้งเสียนแล้วกล่าวเบาๆ ว่า “จิ้งเสียน ขอบคุณนะที่รับเซียวโหรวไปอยู่ด้วย”


 


 


หยางจิ้งเสียนยิ้มตอบ “เซียวโหรวเป็นลูกสาวฉัน เธอไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก”


 


 


ถังซีขมวดคิ้วกับคำพูดของซีลั่วเสียน และกล่าวอย่างจริงจังว่า “ป้าซีคะ หนูขอบคุณสำหรับความห่วงใยนะคะ แต่ถ้าคุณป้าพูดกับคุณแม่แบบนี้ จะทำให้คุณแม่เสียใจนะคะ”


 


 


ซีลั่วเสียนหยุดพูด รู้ทันทีว่าถังซีไม่ชอบสิ่งที่เธอพูดกับหยางจิ้งเสียน เธอจึงยิ้มขอโทษถังซี “ป้าขอโทษนะจ๊ะ ป้าไม่ควรพูดแบบนั้น”


 


 


ถังซีตอบด้วยการยักไหล่ ก่อนจะพาหยางจิ้งเสียนเดินไปทางอีกด้านหนึ่ง และขอให้เธอกลับบ้าน ถังซียังกลับบ้านไม่ได้ในวันนี้ เพราะยังมีปัญหาบางอย่างต้องจัดการที่นี่


 


 


หยางจิ้งเสียนรู้สึกอบอุ่นเมื่อเห็นว่าถังซีใส่ใจเธอมากแค่ไหน เธอจับมือถังซีและกล่าวว่า “อย่าเก็บคำพูดของใครมาทำให้ตัวเองเครียด อย่าปล่อยอารมณ์ให้โกรธง่าย หนูยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ เพราะฉะนั้นห้ามโกรธเลยเด็ดขาด ตกลงไหมจ๊ะ”


 


 


เมื่อคืนหยางจิ้งเสียนค้นหาข้อมูลบนอินเตอร์เน็ต พบว่านางฟ้าบางตนอาจอ่อนแอหลังจากสูญเสียพลัง นอกจากนั้นถ้านางฟ้าโกรธจะเป็นการทำร้ายร่างกายตนเอง เพราะฉะนั้นโหรวโหรวไม่ควรโกรธง่ายนัก เมื่อคิดเช่นนี้หยางจิ้งเสียนจึงต้องการพาถังซีกลับบ้าน ไม่อยากทิ้งเธอไว้ที่นี่เพียงลำพัง


 


 


ถังซียิ้มหวานให้กับคำพูดของหยางจิ้งเสียน เธอกอดแขนหยางจิ้งเสียนกระซิบว่า “คุณแม่ไม่ต้องห่วงหนูหรอกค่ะ ด้วยพลังของหนู จะไม่มีใครทำให้หนูโกรธได้ค่ะ”


 


 


หยางจิ้งเสียนรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินอย่างนี้ เธอบอกให้ถังซีดูแลตัวเอง ก่อนจะหันหลังเดินลงบันไดไป พร้อมกันนั้นเธอก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเซียวหงลี่ ขณะเดินออกจากโรงพยาบาล


 


 


ถังซีหันไปมองที่ประตูห้องพักของหลินหรู ซีลั่วเสียนยังคงถามเซียวหงอี้ว่าเขาจะทำอย่างไรต่อไปกับเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เซียวหงอี้เม้มริมฝีปาก ก่อนจะตอบว่า “ผมก็ยังไม่รู้เหมือนกัน ต้องถามอาหรูเมื่อเธอฟื้น เพราะนี่เป็นเรื่องของเธอ”


 


 


ถังซีขมวดคิ้ว “ใช่ค่ะ เราควรถามความคิดเห็นของคุณแม่เมื่อเธอฟื้นขึ้นมา แต่ตอนนี้คุณพ่อต้องโทรหาตำรวจก่อน เพื่อจัดการกับเรื่องคุณแม่ถูกผลักตกบันได ถ้าคุณพ่อไม่จัดการกับเรื่องนี้อย่างถูกต้อง เรื่องอื่นก็จะไม่สามารถแก้ไขได้เหมือนกัน”


 


 


ซีลั่วเสียนเลิกคิ้วมองถังซี ซึ่งมองสบตาเธอกลับมาและกล่าวต่อไปทั้งที่ยังขมวดคิ้ว “ถ้ายังไม่จัดการเรื่องนี้อย่างถูกต้อง ตำรวจจะไม่มีทางสืบสวนเรื่องอื่นได้ หลังจากที่พวกเขาถูกจำคุกแล้วเท่านั้น เราถึงจะสืบสวนเรื่องพวกนั้นได้ค่ะ”


 


 


ซีลั่วเสียนขมวดคิ้วขณะมองถังซีอย่างครุ่นคิดและถามว่า “หนูจะสืบสวนเรื่องอะไรจ๊ะ”


 


 


“ทำไมเซียวโหรวกับเซียวจิ้นหนิงถึงได้สลับตัวกันเมื่อยี่สิบสามปีที่แล้วค่ะ”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม