ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ 1476-1483

 ตอนที่ 1476 เก็บเกี่ยวอย่างเต็มที่ (1)


 


 


เหยียนเข่อจ้องหน้าซูจวิ้นอย่างโมโห “ทำไมล่ะ แม่นางอวิ๋นเป็นคนปราบเหยี่ยวนภาได้ เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาห้ามนางเอาสมบัติอื่นกัน”


 


 


“ตามจริงแล้ว…ตอนนี้นางไม่มีความสามารถพอจะต่อกรกับพรรคจำนวนมากได้หรอก” ซูจวิ้นยิ้มเยาะแล้วทำสีหน้าเคร่งเครียด แผ่กลิ่นอายน่าขนลุกออกมาขณะมองอวิ๋นลั่วเฟิงและคนอื่นๆ


 


 


ตอนนี้นอกจากสำนักเสวียนชิงแล้วยังมียอดฝีมือจากสำนักอื่นอีก ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดของพรรค แต่ส่วนใหญ่พวกเขาก็เป็นผู้ฝึกฌานขั้นเซียนปราชญ์ ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้พวกเขาร่วมมือกันแล้วก็ยังเอาชนะผู้คุ้มกันของอวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้ แต่นาง….จะกล้ามีปัญหากับทุกพรรคในเมืองวิญญาณจริงหรือ


 


 


“เสี่ยวไป๋” หลังจากขู่อวิ๋นลั่วเฟิงเสร็จ ซูจวิ้นก็หันไปหาหลินรั่วไป๋แล้วเผยรอยยิ้มอ่อนโยน “เจ้าสบายใจได้ ข้าจะให้ของที่เจ้าควรได้รับ เจ้ามาร่วมกลุ่มกับข้าดีกว่า”


 


 


“ไม่!” หลินรั่วไป๋ทำปากยื่นอย่างไม่พอใจ “ข้าติดตามแค่อาจารย์เท่านั้น”


 


 


“เสี่ยวไป๋ ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นแบบนี้เพราะข้าทำตัวคลุมเครือ ข้ารู้ว่าเจ้ารักข้า แล้วที่เจ้าอยู่ใกล้เด็กหนุ่มคนนั้นก็เพียงเพื่อจะยั่วโมโหข้า ตอนนี้เจ้าทำสำเร็จแล้ว เจ้ากลับมาได้หรือไม่” ซูจวิ้นพูดด้วยน้ำเสียงถ่อมตัวที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ ดังนั้นท่าทีของเขาจึงแฝงความเว้าวอนไปด้วย


 


 


ในฐานะคุณชายใหญ่ของสำนักเสวียนชิง เขาเคยทำตัวเองให้ต่ำกว่าคนอื่นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่สำหรับหลินรั่วไป๋แล้ว นางก็สมควรได้รับมัน


 


 


หลินรั่วไป๋ตะลึงงัน ข้าทำตัวสนิทสนมกับเสี่ยวโม่เพื่อให้ซูจวิ้นโมโหงั้นหรือ ทำไมนางไม่เคยรู้ตัวมาก่อนเลย


 


 


“เสี่ยวไป๋ เจ้าอยู่กับคนงี่เง่าขนาดนี้เป็นปีได้อย่างไร” ดวงตาของเสี่ยวโม่เป็นประกายเย็นเยียบ เขาจับมือหลินรั่วไป๋แน่นเหมือนตั้งใจจะแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของขณะที่เชิดหน้าขึ้นมองซูจวิ้น


 


 


ซูจวิ้นไม่ได้สนใจเสี่ยวโม่ ในใจเขา เสี่ยวโม่ก็เป็นแค่ชายน่าสงสารที่หลินรั่วไป๋หาประโยชน์เท่านั้นเอง นางจะต้องกลับมาอยู่ข้างเขาอย่างแน่นอน


 


 


“แต่ว่า…” เสี่ยวไป๋ทำปากยื่นอย่างโมโห นางรู้สึกมีอะไรแปลกๆ “เมื่อก่อนข้าไม่รู้ว่าเขาโง่ขนาดนี้”


 


 


ซูจวิ้นโกรธจนไฟลุกหลังจากได้ยินคำพูดของเสี่ยวไป๋ เขาใช้สายตาเย็นชามองเสี่ยวโม่ “หยุดสอนเรื่องแย่ๆ ให้เสี่ยวไป๋ได้แล้ว นางเป็นแค่เด็กผู้หญิงใสซื่อจิตใจดี การอยู่กับคนแบบเจ้า ไม่ช้าก็เร็วนางจะเดินไปทางที่ผิด”


 


 


“อวิ๋นอี้!” ตอนนั้นเอง เสียงร้ายกาจของหญิงสาวก็ดังขึ้น แล้วร่างสูงแข็งแกร่งก็มายืนข้างหน้านาง ร่างกายแข็งแรงทรงพลังของเขากดดันคนอื่นอย่างมาก


 


 


สีหน้าซูจวิ้นเปลี่ยนไปทันที แล้วเขาก็มีความรู้สึกว่าตัวเองหายใจไม่ออกราวกับชายทรงพลังคนนี้สามารถปลิดชีพเขาได้อย่างง่ายดาย!


 


 


“เสี่ยวโม่หมั้นกับเสี๋ยวไป๋ตั้งแต่หลายปีก่อน” อวิ๋นลั่วเฟิงจ้องหน้าซูจวิ้น “ดังนั้นถ้าเจ้ากล้ายุ่งกับเสี่ยวไป๋ อวิ๋นอี้จะหักคอเจ้าทันที!”


 


 


ซูจวิ้นตกใจจนพูดไม่ออก ตอนนั้นผู้อาวุโสสำนักเสวียนชิงก็ไม่กล้าเข้ามายุ่งเพราะแรงกดดันที่อวิ๋นอี้ส่งมาให้พวกเขาทรงพลังมาก ที่สำคัญกว่านั้นยังมีฝูงเหยี่ยวนภาคอยจ้องพวกเขาเหมือนเป็นเหยื่ออันโอชะอีก


 


 


“ใครก็ตามที่มีความสามารถพอก็เอาสมบัติจากภูเขาอ้ายไปได้ แต่ถ้าไม่ เจ้าก็อย่าโทษคนอื่น!” อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มร้าย “เสี่ยวไป๋ เสี่ยวโม่ ในเมื่อพวกเขาตั้งใจจะฉกฉวยสมบัติ ตั้งแต่นี้พวกเราก็เดินทางกันเองเถอะ”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1477 เก็บเกี่ยวอย่างเต็มที่ (2)


 


 


พูดจบนางก็เดินไปหาไข่ของราชาเหยี่ยวนภา เมื่อเหยี่ยวนภาเห็นนางเดินเข้ามาก็แหวกทางเดินให้นางทันที


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงหยิบไข่ออกมาโดยไม่ต้องออกแรงแล้วโยนมันให้หลินรั่วไป๋ ตอนนั้นอย่าว่าแต่มนุษย์เลยแม้แต่หัวใจของเหยี่ยวนภาก็บีบแน่นแล้วมองไข่ที่โยนอยู่กลางอากาศอย่างวิตกเพราะกลัวว่ามันจะตก…


 


 


สุดท้ายไข่ก็มาถึงมือเสี่ยวโม่อย่างปลอดภัยก็เขาจะวางมันไว้บนมือเสี่ยวไป๋


 


 


“อาจารย์ ไข่ราชาเหยี่ยวนภาเป็นของข้าจริงหรือ” หลินรั่วไป๋มีความสุขมากขณะมองอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างตื่นเต้น


 


 


“ใช่แล้ว นั่นเป็นของขวัญของเจ้า”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงยกยิ้ม “ยิ่งไปกว่านั้น ของขวัญนี้ก็ได้มาอย่างง่ายดายไม่ต่างกับหยิบขึ้นมาตามพื้น” คนจากสำนักเสวียนชิงทุกคนเกือบจะกระอักเลือดแล้วใบหน้าพวกเขาก็ซีดเผือด


 


 


พวกเขาทุ่มเทแรงกายแรงใจแล้วเสียคนไปมากมายแต่ไม่ได้ไข่ แต่ในสายตาของนางนี่เป็นเรื่องง่ายมากงั้นหรือ ผู้หญิงคนนี้ตั้งใจจะยั่วโมโหคนแน่ๆ!


 


 


เหยี่ยวนภาตัวหนึ่งบินมาหาอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วเปลี่ยนร่างเป็นชายหนุ่มหล่อเหลา เหยี่ยวนภาตัวนี้คือคนที่สู้กับสำนักเสวียนชิง


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงรู้ว่าเหยี่ยวนภาต้องการอะไรจึงถาม “เจ้าต้องการติดตามพวกเรางั้นหรือ”


 


 


ชายหนุ่มหล่อเหลาพยักหน้า “ข้าเป็นผู้คุ้มกันของราชาเหยี่ยวนภา แต่ตอนนี้ราชาของข้าก็จากโลกนี้ไปแล้ว หน้าที่ของข้าคือการปกป้องฝ่าบาท! ไม่ว่าฝ่าบาทจะอยู่ที่ไหน ข้าก็จะติดตามเขาไปอย่างแน่นอน”


 


 


สายตาของเขาจ้องไปที่ไข่ของราชาเหยี่ยวนภาในอ้อมกอดของเสี่ยวไป๋ขณะที่สีหน้ามาดร้ายดุดันของเขาเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน


 


 


“ไข่ของราชาเหยี่ยวนภาไม่ใช่ของข้า” อวิ๋นลั่วเฟิงชี้นิ้วไปที่หลินรั่วไป๋ “ถ้าเจ้าอยากติดตาม นางจะเป็นเจ้านายใหม่ของเจ้า”


 


 


เมื่อได้ยินคำพูดของนาง ชายหนุ่มก็คุกเข่าข้างหนึ่งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น “ข้าชื่ออิ๋นจั้ว! การปกป้องเจ้านายของฝ่าบาทเป็นหน้าที่ของข้า”


 


 


ดวงตาของซูจวิ้นแดงก่ำเพราะความอิจฉา


 


 


สัตว์อสูรวิญญาณขั้นเซียนปราชญ์ระดับสูงและไข่ลึกลับของราชาเหยี่ยวนภา ถ้าสองอย่างนี้เป็นของเขาอิทธิพลของสำนักเสวียนชิงก็คงพุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุด! แต่ว่าทั้งหมดกลับเป็นของอวิ๋นลั่วเฟิง


 


 


ซูจวิ้นกำหมัดแน่นแล้วมองแผ่นหลังของอวิ๋นลั่วเฟิงด้วยสายตาลุกเป็นไฟ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเอาชนะอวิ๋นอี้ไม่ได้ เขาก็คงพุ่งเข้าไปฉีกหญิงชั่วร้ายคนนี้ออกเป็นชิ้นๆ ไปแล้ว!


 


 


“พวกเราไปกันเถอะ” ที่ผ่านมาอวิ๋นลั่วเฟิงไม่ใส่ใจการมีตัวตนของซูจวิ้นขณะพูดกับเสี่ยวโม่และคนอื่น


 


 


ฟู่จิ๋นเหม่ออยู่แปปนึงก่อนจะถามอย่างลังเล “พวกเราควรตามนางไปไหม”


 


 


เหยียนเข่อคิดอยู่สักพักแล้วสรุป “ถ้าพวกเราอยู่ที่นี่ สำนักเสวียนชิงไม่มีทางปล่อยพวกเราแน่ ทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้คือตามแม่นางอวิ๋นไป” หลังจากนั้นนางก็รีบก้าวตามอวิ๋นลั่วเฟิงไปทันที


 


 


เมื่อเห็นว่าอวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้ปฏิเสธที่พวกเขาติดตามนาง พวกเขาก็รีบติดตามนางไปติดๆ


 


 


ภูเขาอ้ายอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสมุนไพร ตลอดทางอวิ๋นลั่วเฟิงเจอสมุนไพรล้ำค่ามากมาย แต่โชคไม่ดีที่นางยังไม่เจอสมุนไพรอายุพันปี


 


 


“หือ?” จู่ๆ อวิ๋นลั่วเฟิงก็จ้องไปที่สมุนไพรสีเขียวเข้มต้นหนึ่ง สมุนไพรชนิดนี้คล้ายกับอสรพิษน้ำมันส่องแสงเปล่งประกายราวกับมีชีวิต


 


 


“นี่มันหญ้าอสรพิษหยก!” นางจำได้รางๆ ว่าภายในมิติคัมภีร์เซียนเขียนว่าหญ้าชนิดนี้สามารถพัฒนาเป็นหญ้าอสรพิษวิญญาณได้ถ้าปลูกไว้ในมิติ


ตอนที่ 1478 เก็บเกี่ยวอย่างเต็มที่ (3)


 


 


ผลของหญ้าอสรพิษวิญญาณทำให้เร่งการฝึกพลังฌาน


 


 


ตัวอย่างเช่น ถ้าการฝึกพลังจากผู้ฝึกฌานขั้นราชันปราชญ์ระดับต่ำไปเป็นระดับกลาง นางต้องใช้เวลาสามเดือนแต่ถ้ามีหญ้าอสรพิษวิญญาณแค่ครึ่งเดือนก็เพียงพอ! ไม่ใช่แค่นั้น ถ้าสกัดน้ำจากหญ้าอสรพิษวิญญาณก็จะช่วยให้ผ่านช่วงคอขวดแล้วสามารถเลื่อนระดับได้ทันที!


 


 


แน่นอนว่าหญ้าอสรพิษวิญญาณนี้สามารถกินได้เพียงสองเดือนครั้งเท่านั้น แล้วฤทธิ์ยาก็อยู่ได้แค่ครึ่งเดือน! ถ้ากินต่อเนื่องอีกครั้งตรงครึ่งเดือนที่เหลือก็จะทำให้เกิดผลข้างเคียงในทางตรงกันข้าม


 


 


ส่วนน้ำสกัดก็ต้องใช้หญ้าอสรพิษวิญญาณจำนวนมหาศาล ทั้งชีวิตคนคนหนึ่งสามารถดื่มได้เพียงขวดเดียว หากดื่มมากกว่านั้นจะส่งผลให้พัฒนาได้ยากขึ้นในอนาคต


 


 


“นี่เป็นของดี” เสี่ยวโม่เองก็เห็นหญ้าอสรพิษหยกเหมือนกัน


 


 


“แม่นางอวิ๋น” แพทย์คนเดียวภายในกลุ่มเล็กๆ อย่างฉีเซ่ามีความรู้เรื่องสมุนไพรเพียงคร่าวๆ เท่านั้น เมื่อเห็นอวิ๋นลั่วเฟิงเดินไปเก็บหญ้าอสรพิษหยก เขาก็แปลกใจ


 


 


“นี่คือหญ้าอสรพิษหยก ถึงแม้ว่าจะช่วยเพิ่มพลังฌานแต่ก็เพิ่มได้เพียงเล็กน้อย สำหรับระดับพวกเรา มันไม่ค่อยมีประโยชน์”


 


 


ตอนแรกพวกเขาอาจจะคิดว่าอวิ๋นลั่วเฟิงอ่อนแอ แต่หลังจากเห็นความแข็งแกร่งของอวิ๋นอี้ก็ไม่มีใครกล้าดูถูกอวิ๋นลั่วเฟิงอีก การที่นางมีผู้คุ้มกันแข็งแกร่งขนาดนี้แล้วนางจะอ่อนแอได้อย่างไร


 


 


“หญ้าอสรพิษหยกนี่อาจจะไร้ประโยชน์สำหรับพวกเจ้าแต่มันมีประโยชน์มากสำหรับข้า”


 


 


อาจจะเป็นเพราะนางได้หญ้าอสรพิษหยกมาจึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เลยตอบคำถามของฉีเซ่าอย่างมีความสุข ดวงตาเขาเป็นประกายสงสัยดูเหมือนว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าหญ้าอสรพิษจะมีประโยชน์กับนางอย่างไร


 


 



 


 


ขณะที่อวิ๋นลั่วเฟิงคอยเก็บสมุนไพรตามทาง พรรคอื่นๆ ก็ค่อยๆ เดินตามมา พวกเขาแสดงสีหน้าดูไม่ได้เมื่อเดินทางมาถึงไม่ใช่แค่สมบัติถูกเอาไปแม้แต่สมุนไพรสักต้นพวกเขาก็ไม่เจอ! ไม่ต้องเสียเวลาคิดพวกเขาก็รู้ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงเก็บทุกอย่างไปหมดแล้ว!


 


 


แต่ว่าทุกคนก็รู้ถึงความแข็งแกร่งของอวิ๋นอี้และเหยี่ยวนภาดี ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้ามีปัญหากับอวิ๋นลั่วเฟิง พวกเขาเดินทางต่อแล้วคอยสาปแช่งนางไปตลอดทางที่เดินตามหลัง


 


 


“สตรีผู้นี้จะเลวร้ายเกินไปแล้ว นางไม่เหลือสมุนไพรสักต้นไว้ให้เรา!”


 


 


“ถ้ายอดฝีมือทั้งหมดของสำนักมา ข้าก็อยากจะรู้นักว่านางจะยังทำตัวโอหังได้แบบนี้หรือไม่!” เมื่อได้ยินคำสาปแช่งซูจวิ้นก็เงียบขรึม แล้วจู่ๆ ก็ยิ้มเยาะก่อนพูดว่า “น้องรอง เจ้าสังเกตเห็นสมุนไพรที่นางเก็บไปหรือเปล่า”


 


 


“ท่านหมายถึงหญ้าอสรพิษหยกหรือ” ซูลั่วเฉินหรี่ตาแล้วถาม


 


 


“ใช่แล้ว” ซูจวิ้นพยักหน้า “ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่ใช่แพทย์แต่พวกเราก็อ่านตำราแพทย์มาหลายเล่ม หญ้าอสรพิษหยกไม่มีผลต่อผู้ฝึกฌานระดับพวกเราแต่กลับมีประโยชน์กับนาง!”


 


 


รอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏบนใบหน้าของซูจวิน “ก็หมายความว่าสตรีผู้นี้อ่อนแอมาก แล้วก็น่าจะอยู่ต่ำกว่าขั้นนภา!”


 


 


“พรูด!” ซูลั่วเฉินพ่นน้ำออกมาจากปากอย่างห้ามไม่ได้ “ท่านพี่ ท่านล้อข้าเล่นหรือ ความแข็งแกร่งของนางอยู่ต่ำกว่าขั้นนภา ไม่ถึงแม้แต่ขั้นเซียนหรือปราชญ์เลยหรือ”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1479 เก็บเกี่ยวอย่างเต็มที่ (4)


 


 


ในแผ่นดิที่อวิ๋นลั่วเฟิงเคยอยู่นั้น ผู้ฝึกฌานขั้นนภาถือว่าแข็งแกร่งแล้ว เพราะในแผ่นดินหลงเซียว ผู้ฝึกฌานที่แข็งแกร่งที่สุดก็เป็นแค่ผู้ฝึกฌานขั้นเซียนเท่านั้น


 


 


แต่ว่า…


 


 


ที่นี่คือแคว้นเจ็ดเมืองที่มีอัจฉริยะและยอดฝีมือมากมายอยู่รวมกัน ผู้ฝึกฌานขั้นนภาคือขั้นต่ำสุดที่มี! แม้แต่คนรับใช้ธรรมดาตามพรรคใหญ่ก็เป็นผู้ฝึกฌานขั้นนภาแล้ว!


 


 


“หญ้าอสรพิษหยกมีผลแค่กับผู้ฝึกฌานขั้นนภาหรือต่ำกว่า ต่อให้พวกมันอายุมากก็ยังไม่มีผลกับพวกเรา”


 


 


ซูจวิ้นขมวดคิ้วเล็กน้อย “ดังนั้นแล้วให้ผู้อาวุโสล่อผู้คุ้มกันคนนั้นออกไป ก็จะเป็นเรื่องง่ายที่พวกเราจะสังหารอวิ๋นลั่วเฟิง”


 


 


ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมเขาไม่ทำเอง…


 


 


ด้วยความแข็งแกร่งของผู้คุ้มกันคนนั้น การลงมือด้วยตัวเองไม่ใช่การรนหาที่ตายหรอกหรือ งานที่อันตรายแบบนี้ก็ให้ผู้อาวุโสทำไปเถอะ เขาแค่รอจัดการอวิ๋นลั่วเฟิงก็พอ


 


 


“ท่านพี่” ซูลั่วเฉินรู้สึกตื่นเต้น “ท่านอย่าเพิ่งสังหารนางทันทีนะขอรับ ยกนางให้ข้าแล้วข้าจะทำให้นางใช้ชีวิตเหมือนอยู่ในนรก!”


 


 


ซูจวิ้นส่งเสียงเหอะแล้วแสดงสีหน้าเคร่งเครียด “การให้นางอยู่มิสู้ตายจะใจดีกับนางมากเกินไป ผู้ฝึกฌานขยะขั้นนภากล้ามีเรื่องกับข้างั้นหรือ อย่างน้อยข้าเป็นถึงผู้ฝึกฌานขั้นราชันปราชญ์ แล้วขยะอย่างนางจะมาเทียบกับข้าได้อย่างไร”


 


 


“ท่านพี่” ซูลั่วเฉินนึกอะไรบางอย่างแล้วพูดต่อ “ผู้คุ้มกันข้างกายนางทรงพลังมาก หรือว่านางจะมาจากพรรคใหญ่สักพรรคหนึ่ง”


 


 


“เป็นไปไม่ได้! พรรคที่ใหญ่ที่สุดในเมืองวิญญาณคือตระกูลจวิน ข้าเคยเจอแม่นางหลิงเอ๋อร์จากตระกูลจวินมาก่อน ดังนั้นต้องไม่ใช่นางแน่ๆ” ซูจวิ้นส่ายหน้า “ยิ่งไปกว่านั้นข้าจะกำจัดทุกคน แล้วตอนนั้นต่อให้นางมีเบื้องหลังที่น่ากลัวขนาดไหน พวกเขาก็ไม่รู้อยู่ดีว่าใครทำ”


 


 


แน่นอนว่าที่เขากล้าพูดอย่างนี้ก็เพราะพรรคอื่นๆ ได้มุ่งหน้าไปตามทางแล้ว ไม่อย่างนั้นถ้าพวกเขารู้เรื่องนี้ก็จะเกิดความขัดแย้งขึ้นก่อนจะจัดการกับอวิ๋นลั่วเฟิง


 


 


“แล้วแม่นางหลินล่ะ” ซูลั่วเฉินถามอย่างลังเล


 


 


ซูจวิ้นทำสีหน้ามั่นใจมาก “เสี่ยวไป๋รักข้า ข้าเชื่อว่านางไม่มีทางหักหลังข้า ตอนนี้นางแค่กำลังโกรธ แต่จะมีสักวันที่นางรู้ว่าคนที่นางรักก็คือข้า” อีกอย่างเขาคิดว่ามีแค่เขาเท่านั้นที่คู่ควรกับเสี่ยวไป๋


 


 



 


 


ที่ใดก็ตามที่อวิ๋นลั่วเฟิงเดินผ่าน แม้แต่สมุนไพรทั่วไปสักต้นก็ไม่เหลือ สำหรับนาง สมุนไพรทุกต้นสามารถยกให้เผ่าหนูได้ แล้วนางก็ไม่ใช่คนที่จะปล่อยให้อาหารเสียเปล่า


 


 


เพราะฉะนั้นคนที่ตามนางมาไม่มีโอกาสได้เก็บสมุนไพรสักต้นเดียว พวกเขาทุกคนจึงส่งเสียงไม่พอใจ


 


 


“นั่นคือ…ผลไม้วิญญาณ?”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงเหม่อมอง แล้วทันใดนั้นนางก็หยุด สายตาของนางจ้องกลีบดอกสีเลือดหมูที่กำลังเปล่งแสงจางๆ บนยอดเขา


 


 


ผลไม้ถูกปกคลุมด้วยกลีบดอกสีเลือดหมูแล้วกลิ่นอายที่ปล่อยออกมาก็ทำให้จิตวิญญาณของทุกคนสั่น


 


 


“เดี๋ยวก่อนนะ…”


 


 


ทันทีที่อวิ๋นลั่วเฟิงกำลังจะก้าวเท้าไปข้างหน้า นางก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างแล้วเดินถอยหลังออกมา นางถอนสายตาออกจากผลไม้วิญญาณแล้วหันไปหาต้นไม้สีเขียวดั่งหยกที่อยู่ข้างๆ


 


 


เสี่ยวโม่ขมวดคิ้วแล้วพูดกับอวิ๋นลั่วเฟิงผ่านการสื่อสารทางจิต “นี่คือต้นไม้แห่งชีวิตของเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์! แต่ทำไมต้นไม้นี้ถึงมาปรากฏที่นี่”


 


 


มีข่าวลือว่าต้นไม้แห่งชีวิตสามารถออกผลไม้แห่งชีวิตได้ แล้วเมื่อกินมันเข้าไปก็จะยืดอายุคนที่กินไปอีกร้อยปี


 


 


ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือผลไม้แห่งชีวิตนี้ต่างจากน้ำสกัดของหญ้าอสรพิษวิญญาณเพราะไม่มีผลเสียจากการกินมันทุกร้อยปี


ตอนที่ 1480 เก็บเกี่ยวอย่างเต็มที่ (5)


 


 


ข้อเสียเพียงอย่างเดียวก็คือ…ผลไม้แห่งชีวิตจะออกผลทุกสิบปี ซึ่งหมายความว่าหนึ่งร้อยปีจะมีผลไม้แห่งชีวิตแค่สิบผล ก็คือมีเพียงสิบคนเท่านั้นที่สามารถยืดอายุตัวเองได้!


 


 


“แม่นางอวิ๋น” เหยียนเข่อเดินมาหาอวิ๋นลั่วเฟิง “สองสามวันก่อนข้าได้ยินว่าสัญญาณของสมบัติเทพเซียนปรากฏเป็นแสงสีเขียวเข้มที่ปกคลุมไปทั่วทั้งท้องฟ้าเหนือภูเขาอ้าย ดังนั้นยอดฝีมือมากมายจึงเดินทางมาที่นี่เพื่อตามหาสมบัติของเทพเซียน ถ้าข้าเดาไม่ผิด ต้นไม้ต้นนี้น่าจะเป็นสาเหตุของข่าวลือเรื่องสมบัติเทพเซียน”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้พูดอะไร แต่นางจ้องไปที่ต้นไม้แห่งชีวิตอยู่ตลอดเวลา


 


 


นางกำลังโดนล่อลวง!


 


 


ช่วงชีวิตของมนุษย์ต่างจากสัตว์อสูรวิญญาณแล้วก็มีข้อจำกัด ถ้าพวกเขาไม่ได้เลื่อนระดับในช่วงที่รุ่งเรือง ช่วงชีวิตของพวกเขาก็จะหมดไป


 


 


ตัวอย่างเช่นแม่ทัพอวิ๋นที่เป็นเพียงผู้ฝึกฌานขั้นพิภพตอนอายุขนาดนั้นแล้วยังห่างไกลกว่าจะไปถึงขั้นนภา ถ้ายึดตามธรรมชาติของช่วงชีวิตมนุษย์เขาก็ควรมีชีวิตถึงแปดสิบปี แล้วตอนนั้นเขาเองก็อายุเจ็ดสิบปีแล้วถ้าเขาไม่ได้เจอกับเหตุการณ์เลวร้าย เขาก็มีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกสิบปี แต่ว่าต้นไม้แห่งชีวิตนี้ต่างออกไป


 


 


ต้นไม้ต้นนี้ทำให้ช่วงชีวิตของคนเพิ่มขึ้นร้อยปี แล้วหลังจากนั้นเขาก็จะมีชีวิตเป็นอมตะถ้าแม่ทัพอวิ๋นกินผลไม้ต่อไปเรื่อยๆ


 


 


“ร่องรอยของเทพเซียนอยู่ที่ไหน ไม่ใช่เขาบอกกันว่าร่องรอยของเทพเซียนอยู่แถวนี้หรอกหรือ ทำไมที่มีแค่ผลไม้หนึ่งผลและต้นไม้เ**่ยวๆ ต้นหนึ่ง”


 


 


คนจากพรรคอื่นก็มาถึงแล้ว แต่ตอนนี้พวกเขาเห็นแค่ผลไม้วิญญาณและต้นไม้เ**่ยวแห้งต้นหนึ่ง


 


 


ถึงแม้ว่าผลไม้วิญญาณจะมีค่า แต่ก็ต่างจากที่พวกเขาคาดหวังไว้มาก ดังนั้นพวกเขาจะไม่รู้สึกผิดหวังจนขมขื่นได้อย่างไร


 


 


“เป็นไปไม่ได้ ข้าเห็นแสงสีเขียวพุ่งขึ้นจากขอบฟ้าแต่ทำไมถึงไม่มีอะไรเลย” ชายหนุ่มคนหนึ่งรู้สึกผิดหวังแล้วแสดงสีหน้าขมขื่น “การเดินทางมาที่ภูเขาอ้ายทำให้ข้าเสียผู้ติดตามไปจำนวนมาก อย่าบอกนะว่าข้าจะต้องกลับไปมือเปล่า”


 


 


ต้นไม้ที่ตายแล้วต้นหนึ่งจะทำอะไรได้ ถึงแม้ว่าจะยกให้พวกเขา พวกเขาก็คงรังเกียจ


 


 


“ต้องเป็นเจ้าแน่!” ดวงตาของซูจวิ้นแดงก่ำทันที “เจ้ามาถึงที่นี่ก่อนพวกเรา ดังนั้นเจ้าต้องซ่อนสมบัติเอาไว้! เอามันออกมาเดี๋ยวนี้ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!”


 


 


หลังจากที่ซูจวิ้นพูดจบ ทุกคนก็หันมาหาอวิ๋นลั่วเฟิง ตอนนี้ความแข็งแกร่งของอวิ๋นอี้ก็ไม่สำคัญในสายตาพวกเขาอีกต่อไป! พวกเขาเป็นแค่กลุ่มคนโลภมากที่ต้องการสมบัติ!


 


 


“เอาสมบัติออกมา!”


 


 


“ใช่แล้ว พวกเรามาที่ภูเขาอ้ายด้วยกัน เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาเอาทุกอย่างไป ลืมเรื่องสมุนไพรไปเถอะ แต่เจ้าต้องเอาสมบัติของเทพเซียนออกมา ไม่อย่างนั้นพวกเราจะไม่ปล่อยเจ้าไป!”


 


 


“เจ้าคนเดียวจะสู้กับพวกเราได้อย่างไร ถ้าเจ้าไม่เอาสมบัติของเทพเซียนออกมา แม้แต่ครอบครัวของเจ้าก็จะไม่ได้รับการละเว้น!”


 


 


หลังจากที่นางสัมผัสถึงความมุ่งร้ายจากต้นไม้แห่งชีวิตไม่ได้ นางก็เดินไปเด็ดผลไม้วิญญาณอย่างง่ายดาย


 


 


ปกติแล้วจะต้องมีสัตว์อสูรพิทักษ์ทรงพลังคอยปกป้องผลไม้วิญญาณ แต่ว่าด้วยเหตุผลบางอย่างสัตว์อสูรพิทักษ์ที่ควรจะเกิดมาพร้อมกับผลไม้วิญญาณกลับหายไป


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงทำเป็นหูหนวกเหมือนไม่ได้ยินคำดุด่าของพวกเขา เมื่อเก็บผลไม้วิญญาณมาแล้ว นางก็เดินไปหาหลินรั่วไป๋แล้วยื่นให้นาง


 


 


“นี่คือผลไม้วิญญาณผลสุดท้าย หลังจากที่เจ้ากินเข้าไปแล้วเจ้าก็หายดี ปล่อยเรื่องหลังจากนี้ให้ข้าจัดการแล้วหลับพักผ่อนให้สบาย”


 


 


หลินรั่วไป๋เข้าใจว่าอวิ๋นลั่วเฟิงไม่อยากให้นางเห็นฉากนองเลือดตรงหน้า


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1481 เก็บเกี่ยวอย่างเต็มที่ (6)


 


 


ดังนั้นนางจึงกินผลไม้วิญญาณอย่างเชื่อฟัง


 


 


พรวด!


 


 


หลังจากกินผลไม้วิญญาณเข้าไป หลินรั่วไป๋ก็กระอักเลือดออกมา ร่างของนางโซเซก่อนจะล้มลงในอ้อมกอดของเสี่ยวโม่


 


 


ซูจวิ้นเห็นหลินรั่วไป๋ในอ้อมกอดของเสี่ยวโม่ก็โกรธจนควันออกหู แต่จู่ๆ ก็เหมือนว่าเขาจะนึกอะไรออกแล้วเขาก็หัวเราะเยาะ “ตามที่ข้ารู้มา คนที่กินผลไม้วิญญาณจะตกอยู่ในภาวะนอนหลับไปหลายวัน จำนวนวันที่นางนอนก็ขึ้นอยู่กับว่านางแข็งแกร่งแค่ไหน ดูเหมือนว่ากว่านางจะฟื้นขึ้นมาก็ต้องใช้เวลาถึงครึ่งปี”


 


 


ดวงตาของซูจวิ้นเป็นประกายแวบหนึ่ง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าทำเรื่องผิดมากแค่ไหน”


 


 


“ข้าไม่รู้ว่าข้าทำอะไรผิด” อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้วก่อนหันไปมองซูจวิ้นแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ข้ารู้แค่ว่าเจ้าได้ทำเรื่องผิดผลาดที่ให้อภัยไม่ได้! อวิ๋นอี้สังหารทุกคนที่อยู่ที่นี่วันนี้โดยไม่มีข้อยกเว้น”


 


 


เหยียนเข่อและพรรคพวกตกใจอาจจะเพราะไม่คิดว่าอวิ๋นลั่วเฟิงตั้งใจจะกำจัดทุกคน แต่ว่าเมื่อคิดดีๆ พวกเขาก็เข้าใจ นางมีนิสัยที่จะตอบแทนทุกอย่างที่นางได้รับ แล้วจะแปลกอะไรถ้านางจะสังหารคนที่จะสังหารนาง


 


 


คนอ่อนแอมักจะถูกรังแกแล้วการทำตัวโหดร้ายก็เป็นทางเดียวที่จะทำให้คนอื่นกลัวเจ้า!


 


 


พริบตาเดียวอวิ๋นอี้ก็พุ่งไปข้างหน้าแล้วลงมือสังหาร เงาร่างของเขาเหมือนกับเทพสังหารที่ทำให้พวกเขากลายเป็นศพได้เพียงแค่ยกมือ


 


 


ซูจวิ้นส่งสายตาให้ซูลั่วเฉินแล้วหลังจากที่เข้าใจวัตถุประสงค์ เขาก็พุ่งเข้าไปโจมตีอวิ๋นลั่วเฟิงที่อยู่หลังอวิ๋นอี้


 


 


“หญิงชั่วช้า วันนี้ข้าจะหักแขนขาเจ้า แล้วมาดูกันว่าเจ้ายังจะกล้าทำตัววางอำนาจอยู่ไหม!”


 


 


เมื่อซูลั่วเฉินพุ่งเข้ามาหาอวิ๋นลั่วเฟิง เหยียนเข่อและคนอื่นๆ ก็ตะโกนอย่างรีบร้อน “แม่นางอวิ๋นระวัง!”


 


 


ถึงแม้อวิ๋นอี้จะแข็งแกร่ง แต่พวกเขาไม่เคยรับรู้ความแข็งแกร่งของอวิ๋นลั่วเฟิง ดังนั้นหลังจากที่เห็นซูลั่วเฉินลงมือ พวกเขาก็รีบตะโกนเตือน


 


 


หญิงสาวยืนอยู่กลางสายลมแล้วไม่ขยับไปไหนแม้แต่น้อย อาภรณ์สีขาวที่สะบัดไปตามลมทำให้เกิดกลิ่นอายเ**้ยมโหด เมื่อการโจมตีของซูลั่วเฉินมาถึงตัวนาง นางก็เลิกคิ้วแล้วมองชายที่คิดร้ายกับนางอย่างเฉยชา


 


 


นางยกมือขึ้น…


 


 


เพียะ!


 


 


…แล้วตบหน้าซูลั่วเฉิน นางตบเบามากๆ จนดูเหมือนไม่ได้ออกแรงสักนิดเดียว


 


 


พรรคทั้งหลายที่เห็นเหตุการณ์ก็ส่ายหน้าแล้วหัวเราะเยาะ มีแค่เหยียนเข่อและคนอื่นๆ เท่านั้นที่ยิ้มอย่างขมขื่น พวกเขาอยู่ไกลจากอวิ๋นลั่วเฟิงและไม่สามารถช่วยนางได้ มีแค่ตอนนี้เท่านั้นที่พวกเขามีเวลาหยุดซูลั่วเฉินได้แต่ว่าสิ่งที่ตามมาทำให้ทุกคนตกใจจนโง่งม


 


 


ศีรษะของซูลั่วเฉินหมุนไม่หยุดเหมือนลูกข่างจากการตบเบาๆ และอ่อนโยนของอวิ๋นลั่วเฟิง


 


 


เขาอยากจะตะโกนร้องขอความช่วยเหลือแต่ไม่สามารถส่งเสียงอะไรได้ จนสุดท้ายศีรษะเขาก็ส่งเสียงดังกร๊อบแล้วระเบิดออก ร่างเขากระตุกอยู่ที่พื้นแล้วเลือดก็สาดกระจายไปทั่ว ปลดปล่อยเขาออกจากความมึนงง


 


 


บนยอดเขา ทุกอย่างเงียบสนิทมีเพียงเสียงลมพัดเท่านั้นที่ได้ยิน


 


 


ซูจวิ้นตกใจจนพูดไม่ออก แล้วสิ่งที่ตามมาจากความกลัวในใจก็คือความดีใจ เขากลัวความแข็งแกร่งของอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วก็รู้สึกดีใจที่เขาไม่ได้เป็นคนโจมตีนางก่อนหน้านี้…


 


 


ไม่อย่างนั้นด้วยการตบนี้คงเป็นเรื่องยากที่เขาจะรอดชีวิต ที่น่าหัวเราะเยาะก็คือที่จริงเขาเชื่อว่าอวิ๋นลั่วเฟิงเป็นผู้ฝึกฌานขั้นนภา!


 


 


ทันใดนั้นซูจวิ้นก็เหมือนนึกอะไรบางอย่างออก “เจ้าตั้งใจทำแบบนี้! เจ้าต้องตั้งใจเก็บหญ้าอสรพิษเพื่อทำให้พวกเราลดการระวังตัวลงแล้วตกอยู่ในกับดักของเจ้า! สตรีแบบเจ้าทำไมชั่วร้ายเช่นนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าก็คงไม่มีคนตายขนาดนี้!”


ตอนที่ 1482 เก็บเกี่ยวอย่างเต็มที่ (7)


 


 


ใช่แล้ว ถ้าอวิ๋นลั่วเฟิงไม่เก็บหญ้าอสรพิษหยกแล้วบังเอิญให้พวกเขาเห็นการกระทำของนางจนทำให้พวกเขาคิดว่านางอ่อนแอ เขาก็คงไม่ใช้ให้คนอื่นล้อมแล้วกำจัดอวิ๋นลั่วเฟิง


 


 


ดังนั้นทุกอย่างเป็นความผิดของอวิ๋นลั่วเฟิง!


 


 


“ตั้งใจ?” อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มเยาะแล้วพูดด้วยน้ำเสียงน่ากลัว “เจ้ามีค่าพอหรือ”


 


 


สีหน้าของซูจวิ้นซีดเผือด เขาถอยหลังแล้วมองอวิ๋นลั่วเฟิงด้วยความกลัวเพราะว่าเขาเพิ่งสังเกตว่าร่างของอวิ๋นลั่วเฟิงค่อยๆ หายไป…


 


 


ใช่แล้ว! ร่างของนางค่อยๆ จางหายไปตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนว่านางค่อยๆ รวมกับสิ่งของรอบๆ


 


 


“นายหญิง!” เสี่ยวโม่เห็นปรากฏการณ์ผิดปกติที่เกิดกับอวิ๋นลั่วเฟิง เขาก็พุ่งมาหานางโดยไม่ลังเลขณะที่อุ้มหลินรั่วไป๋ จากนั้นก็รีบจับมือนางไว้ หลังจากที่เขาสัมผัสอวิ๋นลั่วเฟิง ร่างกายของเสี่ยวโม่ก็เริ่มจางแล้วค่อยๆ หายไปเหมือนกัน…


 


 


“แม่นางอวิ๋น!” เหยียนเข่อและคนอื่นๆ ตั้งใจจะพุ่งเข้ามาเหมือนกัน แต่เมื่อพวกเขาไปถึง อวิ๋นลั่วเฟิงก็หายไปแล้ว…


 


 


เมื่อไร้คำสั่งของอวิ๋นลั่วเฟิง อวิ๋นอี้ก็เริ่มแกว่งหมัดด้วยความสับสน เขาเป็นแค่เครื่องมือไร้สมอง แล้วการสังหารของเขาก็เริ่มผิดปกติ


 


 


“พวกเรา ไป!” ซูจวิ้นไม่กล้าสู้กับอวิ๋นอี้แล้วฉวยโอกาสที่เขากำลังโจมตีคนอื่นนำคนของสำนักเสวียนชิงหนีไปอย่างรวดเร็ว นี่คือผลของการที่อวิ๋นอี้ไม่มีสติปัญญา


 


 


หุ่นเชิดที่ไร้สติปัญญาทำได้แค่ต่อสู้ตามที่เจ้านายสั่ง ไม่สามารถคิดด้วยตัวเองได้ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าตอนนี้เขาต้องหยุดสำนักเสวียนชิงไม่ให้หนี


 


 


แน่นนอนว่ายังมีหุ่นเชิดแบบอื่นที่คล้ายกับเด็กหญิงตัวน้อยที่อวิ๋นลั่วเฟิงยกให้ผู้เฒ่าหาน เมื่อเจ้านายของพวกเขาตกอยู่ในอันตรายหรือบาดเจ็บ พวกเขาก็จะโจมตีทันทีโดยไม่ต้องออกคำสั่ง แต่ว่าพวกเขาก็ยังคิดด้วยตัวเองไม่ได้อยู่ดี ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีร่างกายที่แข็งแกร่งแต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะใช้พวกมันอย่างไร


 


 


“เอาอย่างไรต่อ” เหยียนเข่อมองจุดที่อวิ๋นลั่วเฟิงและเสี่ยวโม่หายตัวไปอย่างโง่งมด้วยสายตาสับสน เห็นได้ชัดว่านางไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร


 


 


“พวกเขาแค่หายไปไม่ได้ตาย” ฟู่จิ่นกัดฟัน “พวกเรารอพวกนางที่นี่ได้ พวกนางจะกลับมา”


 


 


เหยียนเข่อถอนหายใจ “ตอนนี้ก็มีแต่ต้องทำแบบนั้นเท่านั้น โชคไม่ดีที่คนของสำนักเสวียนชิงหนีไปได้ ถ้าพวกเขารู้ที่อยู่ของครอบครัวแม่นางอวิ๋น บางทีพวกเขาอาจจะไปสร้างปัญหาให้ได้ พูดแล้วเรื่องนี้ก็เกิดเพราะพวกเรา”


 


 


เมื่อได้ยินคำพูดของนาง ทั้งสี่ก็แบกความรู้สึกผิดไว้บนหน้า ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขา อวิ๋นลั่วเฟิงก็คงไม่มีปัญหากับสำนักเสวียนชิง


 


 


……


 


 


ขณะที่เหยียนเข่อและคนอื่นกำลังรู้สึกสับสนที่อวิ๋นลั่วเฟิงหายไป อวิ๋นลั่วเฟิงก็มาปรากฏตัวในห้องห้องหนึ่ง


 


 


ภายในห้องตกแต่งแบบโบราณ มีหนังสือสองสามเล่มวางอยู่บนโต๊ะและมีต้นไม้สองสามต้นทำหน้าที่เป็นเตียง เห็นได้ชัดว่ามีไว้ให้ใครสักคนพักผ่อน


 


 


“ในที่สุดข้ารอจนถึงวันที่ท่านมา ผู้สืบทอดเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์” มีเสียงดังขึ้นจากไกลๆ เหมือนพูดจากช่วงเวลาและมิติที่อยู่ไกลออกไปเป็นพันปีก่อนจะมาเข้าหูอวิ๋นลั่วเฟิง


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงหันไปก็เห็นสตรีในชุดอาภรณ์สีเขียวพร้อมใบไม้สีเขียวมรกตบนศีรษะเดินเข้ามาช้าๆ รูปร่างของนางดูสง่างามและสดใส งดงามเหมือนต้นไม้อมตะที่เดินออกมาจากภาพวาดจนอยากจะลืมเลือน


 


 


“ที่นี่คือภายในต้นไม้แห่งชีวิตงั้นหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้วแล้วมองสตรีที่อยู่ที่นี่ “เหตุใดเจ้าถึงพาพวกเราเข้ามาในร่างของต้นไม้แห่งชีวิต”


 


 


หญิงสาวยิ้มอ่อนโยนแล้วเดินไปหาหลิวรั่วไป๋ที่กำลังสลบอยู่ช้าๆ


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1483 เก็บเกี่ยวอย่างเต็มที่ (8)


 


 


“ช่วงนี้มีคนจำนวนมากที่เข้ามาสำรวจ แต่พวกเขาไม่ใช่คนที่ข้ารอ ดังนั้นข้าเลยสังหารพวกเขาทั้งหมดแล้วทำให้ศพพวกเขาหายไป”


 


 


ในที่สุดอวิ๋นลั่วเฟิงก็เข้าใจว่าทำไมนางถึงเห็นศพจำนวนมากระหว่างทาง แต่พอขึ้นมาถึงยอดเขากลับไม่มีแม้แต่ศพเดียว กลายเป็นว่าเป็นต้นไม้วิญญาณที่ทำนี่เอง


 


 


“สัตว์อสูรพิทักษ์ผลไม้วิญญาณก็ถูกเจ้าสังหารเหมือนกันหรือ”


 


 


“ใช่แล้ว” หญิงสาวยิ้มเยาะ “ใครก็ตามที่เห็นต้นไม้แห่งชีวิตต้องตาย แน่นอนว่ายกเว้นนาง” หญิงสาวเชิดหน้าขณะพูดด้วยน้ำเสียงหยิ่งยโส “ข้าไว้ชีวิตเจ้าก็เพราะเจ้ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนาง”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงหรี่ตา ประกายเย็นชาพาดผ่านดวงตา “เจ้าหมายถึงถ้าไม่มีเสี่ยวไป๋ เจ้าก็จะสังหารข้าเหมือนกันงั้นหรือ”


 


 


“ใช่แล้ว มีแค่เผ่าสตรีศักดิ์ทธิ์เท่านั้นที่เป็นเจ้าของต้นไม้แห่งชีวิต” หญิงสาวชุดเขียวแสดงสีหน้าดูถูก “แต่ว่าผู้สืบทอดเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ยังไม่ฟื้น แล้วข้าก็อยากให้นางอยู่ในต้นไม้ ในฐานะเพื่อนของนางก็คงเลี่ยงไม่ได้ที่ข้าต้องยอมให้เจ้าอยู่ที่นี่กับนาง”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงส่งสายตาเย็นเยียบไปให้สตรีชุดเขียวแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “แล้วถ้าข้าปฏิเสธ”


 


 


“มนุษย์โอหัง!” สตรีชุดเขียวส่งเสียงขึ้นจมูก ทันใดนั้นเมื่อนางยกมือขึ้นสายลมแรงก็ปรากฏแล้วเข้าโจมตีอวิ๋นลั่วเฟิง


 


 


ปัง!


 


 


ถึงแม้ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงจะกันการโจมตีไว้ได้ แต่นางก็ถูกแรงผลักจนถอยหลังไปด้วยความเร็วสูงจนชนเข้ากับผนัง


 


 


“นายหญิง!” สีหน้าของเสี่ยวโม่เปลี่ยนไปทันที เขาจ้องหน้าสตรีชุดเขียวอย่างโกรธแค้น “เจ้าก็เป็นแค่ต้นไม้ที่เกิดขึ้นเพราะพลังวิญญาณ แต่เจ้ากล้าโจมตีนายหญิงของข้างั้นหรือ! อย่าคิดว่าข้าไม่กล้าเด็ดใบไม้ของเจ้าทิ้งทั้งหมด!”


 


 


สตรีสีชุดเขียวยิ้มเยาะอย่างดูถูก “ด้วยพลังของเจ้านะหรือ ถ้าข้าเข้าใจไม่ผิด เจ้าน่าจะตกหลุมรักผู้สืบทอดของเผ่าข้า น่าเสียดายที่เผ่าของเราไม่ได้รับอนุญาตให้ยุ่งเกี่ยวกับบุรุษจากโลกภายนอก อย่าได้หวังว่าเจ้าจะได้มีนางในชีวิต!”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงหยุดเสี่ยวโม่ที่กำลังเดือดดาล แล้วดวงตาร้ายกาจของนางก็ค่อยๆ หันไปหาสตรีชุดเขียว


 


 


“ข้าจะไม่อยู่ที่นี่ แล้วก็ไม่ยกเสี่ยวไป๋ให้เจ้าด้วย”


 


 


ตอนแรกอวิ๋นลั่วเฟิงถูกต้นไม้แห่งชีวิตล่อลวง แต่ว่าหลังจากรู้ว่ามีวิญญาณต้นไม้ข้างใน นางก็ทิ้งความคิดชั่วคราว สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือพาเสี่ยวไป๋และเสี่ยวโม่ออกไปจากที่นี่!


 


 


“หลังจากเข้ามาแล้วเจ้าคิดว่าตัวเองจะออกไปได้หรือ” สตรีชุดเขียวหัวเราะอย่างชั่วร้าย “เป็นเพราะผู้สืบทอด ข้าก็เลยไม่สังหารเจ้า! เจ้ามันได้คืบจะเอาศอก!”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มเย็น “ถ้าเจ้าไม่ปล่อยพวกเราไป ถึงแม้ว่าข้าจะต้องทำลายขวากหนามเพื่อหาทางออก ข้าก็ต้องออกไปให้ได้!”


 


 


ไม่มีใครหยุดนางได้!


 


 


“คิกๆ!” สตรีชุดเขียวหัวเราะเยาะ “ถ้าอย่างนั้นก็แสดงให้ดูหน่อยว่าเจ้าแข็งแกร่งแค่ไหน”


 


 


ตูม!


 


 


พริบตาเดียวนางก็พุ่งเข้าไปหาอวิ๋นลั่วเฟิง ฝีเท้ารวดเร็วดุจสายลม นางเตะเข้าที่ท้องของอวิ๋นลั่วเฟิงด้วยความเร็วสูง


 


 


ถึงแม้ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงจะไวพอที่ใช้แขนกันการโจมตีไว้ได้แต่นางก็ยังโดยเตะจนลอยไปไกล สุดท้ายร่างของนางกระแทกกับผนังเย็นเยียบอย่างแรง


 


 


สตรีผู้นี้แข็งแกร่งมาก…นางน่าจะแข็งแกร่งกว่าหั่วหั่ว! แต่ว่านางก็ยังไม่ได้อยู่สูงกว่าขั้นจักรพรรดิปราชญ์ แล้วยังอยู่ในขอบเขตที่เอาชนะได้


 


 


“นายหญิง!” เสี่ยวโม่กังวลมากจนเสียงของเขาเต็มไปด้วยความวิตก


 


 


“อย่าเข้ามา!” อวิ๋นลั่วเฟิงยืนขึ้นช้าๆ แล้วมองตรงไปที่สตรีชุดเขียว


 


 


“ความแข็งแกร่งของเจ้ามีแค่นี้เองหรือ”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม