ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ 1468-1475

 ตอนที่ 1468 เสี่ยวโม่คนขี้หึง (6)


 


 


ระหว่างพี่น้องทั้งสองของสำนักเสวียนชิง ซูลั่วเฉินทั้งยโสและมั่นใจในตัวเองมากเกินไป เขาสร้างปัญหาทุกที่ที่เขาไปและใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายไปทั่ว ส่วนซูจวิ้นจะหยิ่งทระนงกว่าและยกตัวเองสูงกว่าคนอื่น ปีที่แล้วหลินรั่วไป๋ติดตามเขาอยู่ตลอด ทำให้เขามั่นใจว่าหัวใจนางเป็นของเขา


 


 


ครั้งนี้หลินรั่วไป๋พยายามจะขอติดตามเขามา ถ้านางไม่ได้รักเขาแล้วทำไมเด็กผู้หญิงคนนี้ถึงพยายามทำตัวติดกับเขาเล่า


 


 


ซูจวิ้นผู้แสนทระนงไม่ได้รู้เลยสักนิดว่าหลินรั่วไป๋แค่มีนิสัยรักสนุก แล้วนางจะยอมทนอยู่ในสถานที่น่าเบื่ออย่างสำนักเสวียนชิงได้อย่างไร ถ้านางมีโอกาสได้ออกไป นางย่อมไม่มีทางปฏิเสธ!


 


 


“แต่ว่า…” ซูลั่วเฉินมองซูจวิ้นอย่างระมัดระวัง “จากเหตุการณ์วันนี้ ดูเหมือนว่าหลินรั่วไป๋จะสนิทกับอาจารย์นางมาก นางจะยอมทรยศอาจารย์เพื่อสำนักเสวียนชิงหรือ”


 


 


ซูจวิ้นยิ้มด้วยความมั่นใจ “อาจารย์และศิษย์คู่นี้ไม่ได้เจอกันนาน เพราะฉะนั้นตอนนี้พวกนางก็ต้องมีเรื่องให้คุยกันเยอะ ข้าจะปล่อยให้พวกนางอยู่ด้วยกันสักสองสามวัน หลังจากนั้นเสี่ยวไป๋ก็จะกลับมาอยู่ข้างกายข้าเอง ถึงตอนนั้นเมื่อไหร่ ตราบใดที่ข้าสัญญาว่าจะแต่งงานกับนาง นางจะต้องร้องไห้ด้วยความดีใจแน่นอน”


 


 


ซูลั่วเฉินลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนพูดต่อ “ท่านพี่ ท่านแน่ใจหรือว่าแม่นางหลินจะแต่งงานกับท่าน”


 


 


“แล้วนางจะแต่งงานกับใครได้ถ้าไม่ใช่ข้า ตลอดปีที่ผ่านมา ข้าสัมผัสได้ถึงความรักใคร่ที่นางมีให้ข้า เพราะข้าต้องการให้นางหลงใหลข้ามากกว่านี้ ข้าจึงต้องแสร้งปล่อยนางไปเพื่อจับนางให้อยู่หมัด”


 


 


น้ำเสียงของซูจวิ้นเต็มไปด้วยความมั่นใจ เห็นได้ชัดว่าเขาตัดสินแล้วว่าหลินรั่วไป๋เป็นผู้หญิงของเขาถึงแม้ว่าเสี่ยวไป๋จะไม่เคยสารภาพความในใจ แต่เขาก็เชื่อมั่นมากว่านางรักเขาสุดหัวใจ


 


 


“ท่านพี่ ข้ารู้แค่ว่าท่านพ่อสั่งให้ท่านเอาชนะใจแม่นางหลิน แต่ข้าไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลัง” ซูลั่วเฉินขมวดคิ้วแล้วถามคำถามที่ติดใจเขาอยู่นาน


 


 


ซูจวิ้นมองน้องชายเขาแล้วตอบด้วยน้ำเสียงไม่เดือดเนื้อร้อนใจ “ดูเหมือนว่าหลินรั่วไปจะเป็นคนที่มาจากที่นั่น ถ้าข้าได้แต่งงานกับนาง สำนักเสวียนชิงของพวกเราก็จะยกระดับขึ้นแล้วอยู่เหนือตระกูลจวินได้”


 


 


คนจากที่นั่น?


 


 


ซูลั่วเฉินเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เขาไม่แปลกใจเลยที่ท่านพ่อที่หัวสูงของเขาสั่งให้ท่านพี่ทำตัวดีกับหลินรั่วไป๋เพราะว่านางเป็นคนจากที่แห่งนั้นนี่เอง…


 


 



 


 


เหนือเทือกเขา เหยียนเข่อและคนอื่นๆ มองอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างแปลกใจ ดูเหมือนพวกเขาจะไม่คิดว่าผู้คุ้มกันข้างกายนางจะแข็งแกร่งขนาดนี้


 


 


ฟู่จิ่นรู้สึกอับอาย เขาเดินออกมาเอ่ยขอโทษอวิ๋นลั่วเฟิง “ข้าขอโทษด้วยแม่นางอวิ๋น ก่อนหน้านี้ข้าไม่ควรดูถูกท่าน ถ้าเมื่อกี้ท่านไม่ช่วย ข้าเกรงว่าพวกเราคงหนีความตายได้ยาก”


 


 


นางพูดด้วยน้ำเสียงชั่วร้ายและเข้มงวดขณะดวงตาสีดำสนิทของนางกระจ่างใส “ข้าขอยืมกระโจมเจ้าได้หรือไม่”


 


 


เมื่อได้ยินคำขอของนาง ฟู่จิ่นก็รีบพูด “แม่นางอวิ๋น เชิญท่านใช้ตามสบาย”


 


 


หลังจากอวิ๋นลั่วเฟิงได้รับคำอนุญาตจากเขา นางก็ใช้มือหนึ่งดึงเสี่ยวซู่ ส่วนอีกมือก็ลากหลินรั่วไป๋แล้วเดินไปยังกระโจม เมื่อฟู่จิ่นและคนอื่นๆ ทำท่าจะเข้ามา หุ่นเชิดสุดแกร่งก็ยืนคุ้มกันอยู่หน้าประตู สีหน้าเคร่งเครียดของเขาทำให้ฟู่จิ่นและคนอื่นๆ ถอยออกไป


 


 


“ฟู่จิ่น” เหยียนเข่อถอนหายใจ “ครั้งนี้ต้องขอบคุณแม่นางอวิ๋นที่ทำให้พวกเราไล่ซูลั่วเฉินและคนอื่นๆ ไปได้”


 


 


“อันที่จริงการช่วยบุตรชายของนางก็ไม่ใช่เรื่องยาก ทำไมนางต้องทำร้ายพวกเขาและมีเรื่องกับสำนักด้วย!” ฟู่จิ่นพยายามไม่เข้าข้างสำนักเสวียนชิง ในใจเขาปรารถนาจะทำลายสำนักออกเป็นพันๆ ชิ้นมานานแล้ว


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1469 เสี่ยวโม่คนขี้หึง (7)


 


 


การต่อต้านสำนักเสวียนชิงจะนำพาปัญหามากมายมาให้นาง มันคุ้มค่าหรือ


 


 


“ฟู่จิ่น เจ้าควรจะดีใจที่เจ้าเลือกตำหนิเสี่ยวซู่เมื่อตอนนั้น” เหยียนเข่อยิ้มขมขื่น “ถ้าไม่ใช่เพราะการกระทำของเจ้าที่ขอให้เสี่ยวซู่ออกไป ไม่แน่แม่นางอวิ๋นอาจจะไม่ช่วยพวกเราก็ได้”


 


 


ถึงแม้ว่าตอนนั้นฟู่จิ่นจะดุเสี่ยวซู่ แต่ก็เพื่อตัวเสี่ยวซู่เอง อวิ๋นลั่วเฟิงเองก็น่าจะรู้ดี แต่พวกเขาไม่รู้ว่านั่นเป็นแค่หนึ่งในเหตุผล เหตุผลอีกข้อก็คืออวิ๋นลั่วเฟิงจะตอบแทนศัตรูทุกคนที่ต่อต้านนางเสมอ! ผู้อาวุโสนั่นต้องชดใช้ที่คิดจะแตะต้องตัวเสี่ยวซู่!


 


 



 


 


เมื่อหลินรั่วไป๋เห็นเสี่ยวโม่ปรากฏตัวขึ้นจากอากาศว่างเปล่าภายในกระโจม นางก็ฉีกยิ้มก่อนจะรีบเข้าไปกอดชายหนุ่มร่างผอมบางอย่างแนบแน่นแล้วหอมแก้มเขา


 


 


เสี่ยวโม่หน้าแดงทันทีแล้วรีบผลักหลินรั่วไป๋ออกไปก่อนจะจ้องหน้านาง “เจ้ารู้จักสิ่งที่เรียกว่าการเว้นระยะห่างระหว่างชายหญิงหรือไม่”


 


 


หลินรั่วไป๋ไม่รู้ว่าทำไมเสี่ยวโม่ถึงโกรธ นางทำหน้าเสียใจ “ข้าดีใจเกินไปที่เห็นเจ้า ดังนั้นข้าก็เลยกลั้นความตื่นเต้นเอาไว้ไม่ได้”


 


 


สีหน้าของเสี่ยวโม่ยิ่งดูไม่ได้ “เจ้าจูบคนอื่นเวลาเจอพวกเขาหรือ”


 


 


ที่จริงแล้วเขาอยากจะถามเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างนางกับชายที่ชื่อซูจวิ้น ตอนนี้เสี่ยวโม่ยังไม่รู้ตัวว่าเขาเริ่มสนใจว่าชายคนอื่นที่จะมาชอบเสี่ยวไป๋เข้าเสียแล้ว


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงนั่งลงแล้วหยิบถ้วยชาออกมารินจนเต็ม นางมองทั้งคู่พร้อมฉีกยิ้มกว้างสดใส


 


 


“เปล่า” หลินรั่วไป๋รู้สึกผิด “ข้าทำแค่กับเจ้า”


 


 


เมื่อเสี่ยวโม่ได้ยินคำพูดของนาง ในที่สุดเขาก็ผ่อนคลายเสียที เขาเดินไปหาอวิ๋นลั่วเฟิงช้าๆ แล้วเผยรอยยิ้มบนใบหน้าอ่อยเยาว์ “นายหญิง ตั้งแต่วันนี้ข้าอยากจะอยู่กับท่านแล้วไม่คิดจะกลับไปอยู่ในมิติคัมภีร์เซียนอีก”


 


 


“เอาอย่างนั้นหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้ว “ก่อนหน้านี้เจ้าหลบเสี่ยวไป๋อยู่ไม่ใช่หรือ”


 


 


เสี่ยวโม่แสดงสีหน้ากระอักกระอ่วน “เพราะว่าก่อนหน้านี้เสี่ยวไป๋น่ากลัวเกินไปต่างหาก ข้ารู้สึกว่าเสี่ยวไป๋ตอนนี้น่าเอ็นดู”


 


 


“อ้อ” ดวงตาของอวิ๋นลั่วเฟิงเป็นประกายหยอกล้อ “น้ำส้มสายชู [1] รสชาติเป็นอย่างไรบ้าง”


 


 


“นายหญิง ข้าไปกินน้ำส้มสายชูตอนไหน ท่านก็รู้ว่าข้าไม่ได้กินอะไรเลย”


 


 


“แล้วทำไมข้าถึงได้กลิ่นน้ำส้มสายชูจากตัวเจ้า”


 


 


แต่แล้วเสี่ยวโม่ก็เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดนาง ใบหน้ของเขาก็แดงเถือก “นายหญิง ท่านแกล้งข้าอีกแล้ว ข้าจะไปมีความรู้สึกหึงหวงได้อย่าง เป็นไปไม่ได้!”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงเหลือบตามองเสี่ยวโม่ที่ไม่ยอมรับความรู้สึกของตัวเองก่อนจะย้ายความสนใจไปที่หลินรั่วไป๋


 


 


“หูหลีจากไปพร้อมกับอู๋งั้นหรือ”


 


 


หลินรั่วไป๋พยักหน้า “หูหลีบอกว่าเขารู้สึกไม่สบายใจถ้าทิ้งข้าไว้กับอู๋ ก็เลยพาเขาไปด้วย อาจารย์ ข้ารู้สึกมาตลอดว่าอู๋มีอะไรแปลกๆ แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร”


 


 


“ช่วงนี้อู๋คงไม่เป็นอันตรายกับหูหลี ตอนนี้ข้าต้องการรู้ที่อยู่ของอวิ๋นเซียวและหงหลวนก่อน เจ้ารู้ไหมว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน”


 


 


หลินรั่วไป๋หยุดคิดไปชั่วครู่ก่อนจะส่ายหน้า “ข้าไม่รู้” นางไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ


 


 


“คำถามสุดท้าย เจ้ามีความสัมพันธ์อย่างไรกับซูจวิ้น” คำถามนี้เป็นคำถามที่เสี่ยวโม่ก็อยากถาม แต่อวิ๋นลั่วเฟิงถามแทนเขาแล้ว


 


 


“อาจารย์ เหตุใดท่านถึงถามอย่างนั้น” หลินรั่วไป๋มองอย่างงุนงง “เขาช่วยชีวิตข้าไว้แล้วก็ดูแลข้าอย่างดี คนของสำนักเสวียนชิงก็ดีกับข้าเหมือนกัน แต่ตอนนี้ข้าเริ่มเกลียดพวกเขาแล้ว”


 


 


 


 


——


 


 


[1] ในภาษาจีนมีสำนวน ‘กินน้ำส้มสายชู’ หมายถึง หึงหวง อิจฉา


ตอนที่ 1470 เสี่ยวโม่คนขี้หึง (8)


 


 


“ทำไมล่ะ”


 


 


“พวกเขากล่าวหาว่าอาจารย์ทำผิดแล้วก็ต้องการให้ท่านขอโทษ ท่านจะทำผิดได้อย่างไร ต้องเป็นความผิดของพวกเขาต่างหาก!” หลินรั่วไป๋พูดอย่างเดือดดาล


 


 


เมื่อนางนึกว่าพวกเขารังแกอาจารย์นางอย่างไร นางก็อารมณ์เสีย นางลืมไปนานแล้วว่าตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาซูจวิ้นดูแลนางดีแค่ไหน


 


 


ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าอาจารย์ของนาง!


 


 


“ข้าถามทุกอย่างที่อยากรู้แล้ว เสี่ยวไป๋ พวกเราไปกันเถอะ” อวิ๋นลั่วเฟิงวางถ้วยชาลงแล้วหันหลังเดินออกจากกระโจม


 


 



 


 


เมื่อฟู่จิ่นและคนอื่นเห็นอวิ๋นลั่วเฟิงอยู่ข้างนอกกระโจม ดวงตาเขาก็ฉายแววสับสนเพราะพวกเขาไม่เคยเห็นเสี่ยวโม่มาก่อน แต่ตอนนี้จู่ๆ เด็กหนุ่มก็ปรากฏตัวขึ้น แล้วพวกเขาจะไม่สงสัยได้อย่างไร


 


 


แต่ว่า…พวกเขาคงทำใจยอมรับได้นานแล้ว จึงไม่มีใครตั้งคำถาม


 


 


“แม่นางอวิ๋นเจ้าคุยกับศิษย์เสร็จแล้วหรือ” เหยียนเข่อเดินมาหาอย่างมีความสุข “พวกเราเองก็ควรออกเดินทางแล้วหมือนกันใช่หรือไม่”


 


 


ตอนนี้ทั้งสี่คนนับถืออวิ๋นลั่วเฟิงเป็นหัวหน้ากลุ่มไปแล้วโดยไม่รู้ตัว พวกเขาถามความคิดเห็นนางถึงเวลาออกเดินทาง


 


 


“พวกเราไปกันเถอะ” อวิ๋นลั่วเฟิงมองเทือกเขาสูงจรดก้อนเมฆแล้วแสดงสีหน้าจริงจัง


 


 


ตอนที่ทุกคนกำลังจะออกเดินทางก็มีกลุ่มคนมาขวางทางพวกเขาไว้


 


 


“เจ้าต้องการอะไรอีก” เหยียนเข่อพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “ไสหัวไปได้แล้ว!”


 


 


ซูจวิ้นไม่ได้เหลือบตามองนางแม้แต่น้อยแต่ใช้สีหน้าจริงจังมองไปที่หลินรั่วไป๋ ทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนภูเขาน้ำแข็งกำลังละลายเพราะความอบอุ่น


 


 


“เสี่ยวไป๋ ข้าสัญญาแล้วว่าจะปกป้องเจ้า เจ้ามาอยู่กับพวกเราจะปลอดภัยกว่า”


 


 


ตอนแรกเขาตั้งใจจะปล่อยให้หลินรั่วไป๋อยู่กับอวิ๋นลั่วเฟิงสักสองสามวัน แต่หลังจากที่คิดอย่างรอบคอบแล้วเขาก็รู้สึกได้ว่าเขาจะสบายใจกว่าถ้าหลินรั่วไป๋ติดตามเขา


 


 


หลินรั่วไป๋ส่ายหน้า “ขอบคุณสำหรับการดูแลและเป็นห่วงมาตลอดหนึ่งปี ตอนนี้ข้าเจออาจารย์แล้ว ข้าจะติดตามนางแล้วจะไม่กลับไปที่สำนักเสวียนชิงอีก”


 


 


ซูจวิ้นขมวดคิ้ว เขาคิดว่าถ้าเขาเอ่ยปาก นางจะต้องรีบกลับมาอยู่ข้างเขาแน่นอน แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะถูกปฏิเสธ! ทว่าพอเขาคิดได้อะไรบางอย่างได้ ซูจวิ้นก็คลายคิ้วที่ขมวดอยู่ “ในเมื่อเจ้าว่าอย่างนั้น ข้าก็ไม่อยากบังคับ ถ้าเจ้าต้องการอะไรก็สามารถกลับมาที่สำนักเสวียนชิงได้ทุกเมื่อ ประตูของพวกเราจะเปิดไว้ให้เจ้าเสมอ”


 


 


หลินรั่วไป๋ส่งเสียงขึ้นจมูก ถ้าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่เกิดขึ้น นางอาจจะขอให้อวิ๋นลั่วเฟิงเดินทางไปกับซูจวิ้น แต่เพราะสำนักเสวียนชิงทำผิด นางเลยตัดสินใจว่านางจะเว้นระยะห่างกับพวกเขา!


 


 


“เสี่ยวไป๋” เสี่ยวโม่ส่งสายตาให้ซูจวิ้นแล้วยื่นออกไปจับมือเสี่ยวไป๋ “พวกเราไปกันเถอะ อย่าเสียเวลาคุยกับพวกเขาเลย”


 


 


ซูจวิ้นขมวดคิ้วอีกครั้งขณะส่งสายตาคมๆ ไปให้เสี่ยวโม่ เจ้าเด็กบ้านี่โผล่มาจากไหน เขามีดวงตาที่ขึงขังแล้วยังกล้าจับมือเสี่ยวไป๋อีก! ถ้าไม่ใช่เพื่อเสี่ยวไป๋ ข้าคงตีเด็กบ้านี่จนตาย!


 


 


“ท่านพี่” เมื่อซูลั่วเฉินเห็นว่าพวกเขากำลังจะออกเดินทางแล้วก็เดินเข้าไปยืนข้างซูจวิ้นช้าๆ ก่อนถามอย่างระมัดระวัง “แม่นางหลินตั้งใจจะไม่กลับสำนักเสวียนชิงอีกจริงหรือขอรับ”


 


 


“นางจะกลับมา” ซูจวิ้นมองอย่างมั่นใจ “ข้าให้เวลานางได้ นางจะต้องกลับมาแน่นอน”


 


 


“ท่านพี่ เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างแม่นางหลินดูเหมือนอยากจะแย่งนางไปจากท่านนะ” ซูลั่วเฉินไม่มีความสุข เด็กบ้านี่มาจากไหนถึงกล้าขโมยนางไปจากสำนักเสวียนชิง!


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1471 เสี่ยวโม่คนขี้หึง (9)


 


 


ซูจวิ้นส่งเสียงขึ้นจมูก “ถึงแม้ว่าเขาอยากจะยุ่งกับของของข้า แต่ก็ต้องดูว่าเขามีความสามารถหรือไม่! เสี่ยวไป๋ต้องรู้สึกว่าข้าลงมือช้าไปแล้วรู้สึกผิดหวัง ดังนั้นจึงหาเด็กบ้านั่นมาเพื่อยั่วโมโหข้า! เป็นเรื่องน่าเสียดายสำหรับพวกเขาแล้วที่ข้าอ่านเกมออก”


 


 


เขาใช้คำว่ายุ่งก็หมายความว่าลึกๆ แล้วเขาก็นับว่าหลินรั่วไป๋เป็นผู้หญิงของเขา ยิ่งไปกว่านั้นเขามั่นใจมากว่าเสี่ยวโม่ไม่มีความสามารถพอจะแข่งกับเขาด้วย! ส่วนที่ว่าทำไมหลินรั่วไป๋ถึงไม่พยายามดึงมือออกจากมือของเสี่ยวโม่ นั่นก็แค่อยากจะยั่วโมโหเขาแล้วบังคับให้เขาเผยความรู้สึก


 


 


ไม่ไกลจากพวกเขา มือของหลินรั่วไป๋ถูกมือของเสี่ยวโม่จับไว้แน่น ทำให้หัวใจของนางเต้นแรงจนรู้สึกไม่สบาย นางอยากจะดึงมือออกแต่ใครจะคิดว่าเสี่ยวโม่จะจับแน่นขนาดนี้


 


 


“อาจารย์…” ดวงตาของหลินรั่วไป๋แดงก่ำแล้วส่งสายตาน่าสงสารมาให้อวิ๋นลั่วเฟิงเพื่อขอความช่วยเหลือ


 


 


“เสี่ยวไป๋” อวิ๋นลั่วเฟิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนถาม “ซูจวิ้นชอบเจ้าหรือ” คำพูดของนางตรงมากจนคล้ายว่ากำลังขู่หลินรั่วไป๋


 


 


ผ่านไปนาน หลินรั่วไป๋ก็ได้สติ “อาจารย์ ไม่ว่าเขาจะชอบข้าหรือไม่ ข้าก็ไม่ได้ชอบเขา”


 


 


“เหตุผลล่ะ”


 


 


“ข้าก็ไม่แน่ใจ แต่ข้ารู้สึกไม่ดีเวลาอยู่ข้างเขา ถ้าไม่ใช่เพื่อออกมาเที่ยวเล่น ข้าก็คงไม่ติดตามเขาอยู่บ่อยๆ” ว่ากันตามตรง เสี่ยวโม่ทำให้นางรู้สึกสบายใจมากกว่า


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงลูบคางเบาๆ “ดูเหมือนว่าพวกเราต้องรีบหาผลไม้วิญญาณให้เร็วที่สุดเพื่อช่วยฟื้นความทรงจำของเสี่ยวไป๋ ไม่อย่างนั้นด้วยความฉลาดของนางในตอนนี้นางสามารถถูกคนอื่นหลอกได้ง่ายๆ”


 


 


“ผลไม้วิญญาณ?” ฟู่จวินรู้สึกแปลกใจ “เจ้ากำลังหาผลไม้วิญญาณหรือ”


 


 


หัวใจของอวิ๋นลั่วเฟิงลิงโลดแล้วถาม “เจ้ารู้เรื่องผลไม้วิญญาณด้วยหรือ”


 


 


“มีข่าวลือว่ามีผลไม้วิญญาณอยู่บนยอดเขาอ้าย แต่ว่าข้าก็ไม่เคยเห็นด้วยตาตัวเอง ดังนั้นข้าไม่มั่นใจว่าข่าวลือนี้จริงหรือไม่”


 


 


“ไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริง ข้าก็จะไปตรวจดู” ถึงแม้ว่าจะมีความหวังน้อยนิดสักแค่ไหนก็ตาม


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงมองหลินรั่วไป๋ที่บริสุทธิ์เหมือนกระดาษขาวแล้วก็ยิ่งมุ่งมั่นมากขึ้น นางจะรู้สึกสบายใจก็ต่อเมื่อนางได้ผลไม้วิญญาณสุดท้ายมาแล้ว…


 


 


“แกวกๆ!”


 


 


จู่ๆ ก็มีเสียงเหยี่ยวร้องตอนที่ทุกคนกำลังสับสนอยู่ แล้วนกตัวใหญ่ก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าก่อนจะร่อนลงมาตรงหน้าพวกเขาอย่างแรง


 


 


“อ๊ะ ไม่นะ นั่นมันเหยี่ยวนภา! มันไม่ควรเริ่มโจมตีถ้าไม่มีคนไปทำร้ายมันก่อน ทำไมเหยี่ยวนภาถึงมาขวางทางพวกเรา”


 


 


นอกจากเหยียนเข่อและคนอื่นๆ ก็ยังมียอดฝีมือจากพรรคใหญ่อีกมาก หลังจากที่เห็นเหยี่ยวนภาขวางทาง พวกเขาก็สับสน


 


 


“เหยี่ยวนภาขวางทางอยู่ก็หมายความว่ามันมีไข่ของเหยี่ยวนภา” ซูจวิ้นรีบนำคนจากสำนักเสวียนชิงพุ่งไปข้างหน้า เขาหันมาหาหลินรั่วไป๋แล้วยิ้ม “เสี่ยวไป๋ เจ้าเคยบอกว่าเจ้าอยากได้สัตว์อสูรวิญญาณ ถ้าข้าเอาไข่เหยี่ยวนภามาให้ เจ้าคิดว่าอย่างไร”


 


 


ซูลั่วเฉินที่ตามรั้งท้ายก็พูดขึ้น “สำนักเสวียนชิงต้องการไข่ของเหยี่ยวนภา ถ้าเจ้าไม่อยากมีปัญหากับพวกเราก็เดินอ้อมไป!”


 


 


คำพูดและการกระทำของพวกเขาแสดงออกชัดเจนว่าต้องการไข่ของเหยี่ยวนภา!


 


 


เมื่อเห็นดวงตาอ่อนโยนของซูจวิ้น หลินรั่วไป๋ก็ส่งเสียงขึ้นจมูก “ถ้าข้าต้องการสัตว์อสูรวิญญาณ อาจารย์ข้าก็หาให้ข้าได้ เจ้าไม่เจ้าเป็นต้องยื่นจมูกเข้ามายุ่งหรอก”


 


 


“เสี่ยวไป๋ เจ้าโกรธอะไรข้าหรือ” รอยยิ้มของซูจวิ้นยิ่งอ่อนโยนมากขึ้น “ถึงแม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าโกรธอะไร ข้าก็ต้องง้อเจ้าอยู่ดี ไข่ใบนี้เป็นคำขอโทษของข้าเจ้ายอมยกโทษให้ข้าหรือไม่”


ตอนที่ 1472 เสี่ยวโม่คนขี้หึง (10)


 


 


หลินรั่วไป๋ขมวดคิ้ว ในอดีตซูจวิ้นแค่ทำให้นางรู้สึกไม่ดี แต่นางไม่เคยคิดว่าเขาจะน่ารำคาญขนาดนี้!


 


 


ความเงียบของหลินรั่วไป๋ทำให้ซูจวิ้นคิดว่านางยอมรับ เขากวาดสายตาคมไปที่ทุกคนแล้วพูดอย่างเย็นชา “ทำไมพวกเจ้ายังอยู่ที่นี่อีก ไสหัวไป!”


 


 


หลังจากที่ได้ยินคำพูดของซูจวิ้น พวกเขาก็รีบพาตัวเองถอยห่างออกไปทันที นี่เป็นทางเดียวที่ไปถึงยอดเขาได้ พวกเขาจึงไม่ได้จากไปแต่แค่ทำให้รู้ว่าพวกเขาไม่สู้กับสำนักเสวียนชิง


 


 


“เจ้าเองก็ควรไสหัวไปเหมือนกัน” ซูจวิ้นเลื่อนสายตาไปที่เหยียนเข่อและพรรคพวก


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงเป็นอาจารย์ของหลินรั่วไป๋ ดังนั้นเขาจึงไล่นางไปไม่ได้ แต่คนอื่นๆ ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่นี่


 


 


ฟู่จิ่นส่งเสียงขึ้นจมูก เขาไม่ขยับขาแม้แต่ก้าวเดียว


 


 


สีหน้าของซูจวิ้นมืดลงทันที เขาตั้งใจจะสั่งให้คนของเขาไล่พวกเขาออกไป แต่ก็มีเสียงร้ายกาจเย็นชาดังขึ้นทำให้พวกเขาหยุดเดินทันที


 


 


“อวิ๋นอี้ หักขาใครก็ตามที่กล้าเดินเข้ามา!” อาจเป็นเพราะความแข็งแกร่งของอวิ๋นอี้ที่แสดงให้เห็นก่อนหน้านี้ ทำให้ทุกคนกลัวจนไม่กล้าเข้ามาใกล้เพราะกลัวว่าชายแข็งแกร่งคนนี้จะหักขาพวกเขา…


 


 


“เจ้าจะไม่ออกไปก็ไม่เป็นไร” ซูจวิ้นเลิกพยายามบังคับให้พวกเขาออกไปแล้วหันไปหาหลินรั่วไป๋ “เสี่ยวไป๋ รอข้านะ ไม่นานข้าจะเอาไข่ของสัตว์อสูรวิญญาณมาให้เจ้า”


 


 


เหยี่ยวนภาทรงพลังมาก มันเป็นสัตว์อสูรวิญญาณขั้นเซียนปราชญ์ระดับกลาง อีกเพียงก้าวเดียวก็จะผ่านด่านเลื่อนเป็นระดับสูง ดังนั้นซูจวิ้นจึงยอมเสี่ยงทุกอย่างเพื่อเอาใจเสี่ยวไป๋


 


 


“โจมตีแล้วสังหารเหยี่ยวนภา ขโมยไข่สัตว์อสูรวิญญาณมาให้ได้!” ซูจวิ้นกัดฟันแล้วออกคำสั่งอย่างเคร่งเครียด


 


 


ทันใดนั้นคนจากสำนักเสวียนชิงทุกคนก็หยิบอาวุธออกมาแล้วนำกลุ่มคนเข้าโจมตี


 


 


เมื่อเห็นการกระทำนี้ อวิ๋นลั่วเฟิงก็ไม่ได้หยุดพวกเขา นางเผยรอยยิ้มร้ายกาจและดวงตานางก็ส่องประกายชั่วร้าย “ตอนนี้เหยี่ยวนภาเป็นสัตว์อสรูญวิญญาณขั้นเซียนปราชญ์ระดับกลาง แต่อีกไม่นานมันก็จะเลื่อนเป็นระดับสูงแล้ว! เมื่อรวมกับท่าทางปกป้องตัวเองของมัน การต่อสู้ครั้งนี้จะทำให้มันเลื่อนระดับเร็วขึ้น การกระทำของสำนักเสวียนชิงไม่ต่างกับการรนหาที่ตาย”


 


 


ในช่วงเวลาวิกฤตหรือตอนที่พวกเขาตกอยู่ในอันตราย ทุกคนจะระเบิดพลังที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา สัตว์อสูรวิญญาณก็เหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นสัตว์อสูรวิญญาณที่ใกล้จะผ่านด่านแล้ว การต่อสู้กับมันก็ไม่ต่างจากการรนหาที่ตาย!


 


 


“ซูจวิ้นคนนี้ไม่ได้ดูเป็นคนดีแต่เขากล้าที่จะทำเพื่อเสี่ยวไป๋งั้นหรือ” เสี่ยวโม่ส่งเสียงขึ้นจมูก “พวกเขาสมควรได้รับบทเรียนในอนาคต จะได้ไม่มารังควานเสี่ยวไป๋อีก!”


 


 


ถ้าพูดจริงๆ ก็คือเสี่ยวโม่ไม่อยากให้พวกเขาตาย ถึงแม้ว่าพวกเขาจะวางแผนใช้เสี่ยวไป๋ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็เคยช่วยเหลือนาง ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ เสี่ยวโม่ก็คงโจมตีพวกเขาไปแล้ว


 


 


เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของสำนักเสวียนชิง พรรคทั่วไปนั้นเทียบไม่ได้เลย ถึงแม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับเหยี่ยวนภาที่กำลังปกป้องพวกตัวเอง พวกเขาก็ยังถือไพ่เหนือกว่าและสามารถเอาชนะเหยี่ยวนภาได้แบบเฉียดฉิว


 


 


แน่นอนว่านั่นเป็นกรณีหนึ่ง ภายใต้ความกังวลและความโกรธเหยี่ยวนภาก็เข้าสู่การผ่านด่าน! พลังฌานจำนวนมหาศาลถูกดึงเข้าสู่ร่างของมันทำให้เกิดพายุที่ปีก มันเงยหน้าแล้วกรีดร้องปลดปล่อยเสียงร้องอย่างโกรธแค้นแล้วมองคนที่อยู่ข้างหน้าพวกมันอย่างมาดร้าย…


 


 


“บ้าเอ๊ย! ทำไมมันถึงต้องมาเลื่อนระดับตอนนี้” สีหน้าของซูจวิ้นเปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันที


 


 


ผู้อาวุโสถอยหลังแล้วพูดด้วยสีหน้าดูไม่ได้ “คุณชายใหญ่ ถ้าเป็นเหยี่ยวนภาก่อนหน้านี้ พวกเราก็มั่นใจได้ว่าพวกเราจะเอาชนะได้แน่นอน แต่ว่าตอนนี้มันเลื่อนระดับแล้วดังนั้นพวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้มันอีกต่อไป”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1473 เสี่ยวไป๋กลายเป็นคนสองหน้า (1)


 


 


ข้างในซูจวิ้นรู้สึกขมขื่น ถ้าเขารู้ว่าเหยี่ยวนภาตัวนี้กำลังจะเลื่อนระดับ เขาก็คงไม่พยายามคุยโม้เรื่องความเก่งกาจของเขา ตอนนี้หลังจากที่ได้ยินคำเตือนก็ไม่มีใครกล้าจัดการกับเหยี่ยวนภาอีก ซูจวิ้นก็ตั้งใจจะไม่เอาไข่ของเหยี่ยวนภาตัวนี้แล้วแต่ว่า…


 


 


เมื่อเขาหันไปหาหลินรั่วไป๋ เขาก็สัมผัสได้ว่านางกำลังมองเขาอย่างเหลืออด ประกายในดวงตานางทำให้หัวใจของซูจวิ้นรู้สึกกล้าหาญแล้วเขาก็กัดฟันออกคำสั่ง “ข้าไม่มีทางยอมแพ้เรื่องไข่ของเหยี่ยวนภา! โจมตีต่อไป ข้าไม่เชื่อว่าด้วยจำนวนคนของพวกเราจะจัดการเหยี่ยวนภาตัวเดียวไม่ได้!”


 


 


คนของสำนักเสวียนชิงเผยรอยยิ้มขมขื่น พวกเขาไม่กล้าขัดคำสั่งของซูจวิ้น ทำได้แค่เตรียมใจออกไปสู้


 


 


ทันทีที่ซูจวิ้นหันไปหาเหยี่ยวนภา หลินรั่วไป๋ก็หันหน้าหนีด้วยความดูถูก “ใครขอให้เจ้าคอยรบกวนข้ามาตลอดล่ะ! ครั้งนี้เจ้าต้องทนทุกข์ทรมานแล้ว!”


 


 


อย่างไรก็ตามหัวใจของนางก็มีแค่อาจารย์เท่านั้น ถึงแม้ว่าซูจวิ้นจะช่วยนางไว้นางก็ไม่สนว่าพวกเขาจะดูแลนางดีขนาดไหน


 


 


ใครใช้ให้ไอ้เลวนั่นรังแกอาจารย์นางล่ะ! ใครก็ตามที่รังแกอาจารย์นางก็ไม่ใช่คนดีทั้งนั้น!


 


 


“แกวกๆ!”


 


 


เหยี่ยวนภาส่งเสียงร้องออกมาขณะกระพือปีกแล้วพุ่งเข้ามาหามนุษย์พวกนี้ที่กล้ายั่วโมโหมัน ดวงตาฉายแววดุร้าย มันตีปีกจนเกิดพายุพัดซูจวิ้นอย่างแรง ทันใดนั้นร่างของซูจวิ้นก็ลอยออกไปแล้วกระอักเลือดออกมาด้วยสีหน้าซีดเผือด


 


 


“คุณชายใหญ่!” ทุกคนตกใจแต่ก็ไม่สามารถดูแลซูจวิ้นได้ พวกเขาทำได้แค่รับการโจมตีของเหยี่ยวนภาที่โจมตีเข้ามารวดเร็วดุจสายฟ้า


 


 


“พวกเจ้ามองอะไรกัน” ในที่สุดผู้อาวุโสก็ทนต่อไม่ไหวแล้วคำรามใส่กลุ่มคนที่ยืนดู “ทำไมพวกเจ้าไม่มาช่วยข้าจัดการกับเหยี่ยวนภา”


 


 


ทุกคนลังเลไม่รู้ว่าพวกเขาควรเข้าไปช่วยดีหรือไม่แต่ว่าหลายคนก็ตัดสินใจเข้าไปช่วยสำนักเสวียนชิงแต่ทันทีที่พวกเขากำลังจะก้าวขา สายตาเย็นคู่หนึ่งก็กวาดมองพวกเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น


 


 


“อย่าลืมคำพูดของพวกเขาก่อนหน้านี้ ถ้าเจ้าช่วยพวกเขา พวกเขาอาจจะคิดว่าเจ้าตั้งใจขโมยไข่ไปเพราะถึงอย่างไรสำนักเสวียนชิงก็เป็นพวกไร้เหตุผลอยู่แล้ว”


 


 


ชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่ตั้งใจจะเข้าไปช่วยก็ถอยหลังทันทีที่ได้ยินคำพูดนาง นางพูดไม่ผิดจะเกิดอะไรขึ้นถ้าสำนักเสวียนชิงคิดว่าเขาต้องการจะขโมยไข่ ถ้าเรื่องนั้นเกิดขึ้นเขาไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ ยิ่งไปกว่านั้นการเสี่ยงชีวิตจัดการกับเหยี่ยวนภาแต่ไม่ได้อะไรตอบแทนก็ทำให้เขาตัดสินใจไม่ช่วย


 


 


ผู้อาวุโสจากสำนักเสวียนชิงใกล้จะโกรธจนเป็นบ้าเพราะคำพูดของอวิ๋นลั่วเฟิง เขาหวังว่าตัวเองจะผ่านางออกเป็นสองส่วนแต่ว่าแค่เขาต้องจัดการกับเหยี่ยวนภาเขาก็ไม่มีเวลาไปจัดการกับนางแล้ว


 


 


“ถ้าพวกเราไม่สังหารเหยี่ยวนภา ใครก็อย่าคิดจะได้ขึ้นเขาไป” ผู้อาวุโสกัดฟันแล้วมองอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างเดือดดาล


 


 


นางเผยรอยยิ้มร้ายแล้วพูดขึ้น “ข้าค่อยโจมตีหลังจากพวกเจ้าถูกกำจัดหมดแล้ว”


 


 


“เจ้า…” ผู้อาวุโสตัวสั่นด้วยความโกรธ “เจ้าต้องการอะไรถึงจะยอมช่วย”


 


 


ชายแข็งแกร่งด้านหลังทรงพลังมากถ้าเขาช่วยอาจจะเอาชนะเหยี่ยวนภาได้


 


 


“สิ่งของที่มีค่าเท่าชีวิต ถ้าเจ้ามีของที่มีค่าเท่ากับชีวิตก็เอามันออกมาแลกเปลี่ยน แล้วข้าจะช่วยพวกเจ้า”


 


 


ผู้อาวุโสสำนักเสวียนชิงเกือบจะกระอักเลือด พวกเขารู้ดีว่าในบรรดาคนทั้งหมด มีแค่อวิ๋นลั่วเฟิงที่ช่วยพวกเขาได้


ตอนที่ 1474 เสี่ยวไป๋กลายเป็นคนสองหน้า (2)


 


 


พรรคอื่นๆ จะจัดการกับเหยี่ยวนภาตัวนี้ได้อย่างไรในเมื่อพวกเขาอ่อนแอกว่าสำนักเสวียนชิง


 


 


“ข้ามีสมุนไพรอายุพันปี มันสามารถแลกเปลี่ยนได้กี่ชีวิต” ผู้อาวุโสกัดฟันขณะพูดเห็นได้ชัดว่าเขาโมโหกับการกระทำของอวิ๋นลั่วเฟิงมาก


 


 


“เจ้าคิดว่าสมุนไพรพันปีแลกเปลี่ยนได้กี่ชีวิตกันล่ะ” อวิ๋นลั่วเฟิงดวงตาเป็นประกาย “แต่ว่าข้าจะไม่ต่อรองราคากับเจ้า ส่งธำมรงค์มิติในมือเจ้ามาแล้วข้าจะช่วย”


 


 


“เจ้า…” สีหน้าของผู้อาวุโสซีดเผือด


 


 


ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสำหรับผู้ฝึกฌานในโลกนี้ สมบัติทั้งหมดของพวกเขาต้องอยู่ในธำมรงค์มิติ แล้วสตรีผู้นี้กำลังขอธำมรงค์มิติของพวกเขางั้นหรือ


 


 


เมื่อเห็นสีหน้าโกรธจัดของเขา อวิ๋นลั่วเฟิงก็ยิ้มบาง “เจ้าลองคิดเอาว่าธำมรงค์มิติหรือชีวิตเจ้าสำคัญกว่ากัน”


 


 


ผู้อาวุโสสองสามคนสูดหายใจเข้าลึกๆ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจ แต่พวกเขาก็ถอดธำมรงค์มิติออกมาแล้วโยนให้อวิ๋นลั่วเฟิง


 


 


“พวกเรายกมันให้เจ้าแล้ว เจ้าช่วยพวกเราได้หรือยัง”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงเหลือบมองผู้อาวุโสที่ถาม “ข้าขอตรวจสอบของก่อน”


 


 


ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ ธำมรงค์มิติจะทำสัญญากับผู้ถือครองเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกขโมย นอกจากผู้ถือครองแล้ว ใครก็เอาของข้างในไปไม่ได้ แต่ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนประหลาดใจจนพูดไม่ออก


 


 


นางส่งพลังจิตเข้าไปในแหวนเพียงนิดเดียว สัญญาเดิมของธำมรงค์มิติก็หายไปทันที จากนั้นนางก็โยนของที่ไร้ค่าออกจากแหวน


 


 


ผู้อาวุโสสองสามคนกระอักเลือดออกมาเพราะสัญญาโดนทำลาย สีหน้าของพวกเขาซีดลงไปถนัด การที่นางสามารถทำลายร่องรอยทางจิตของพวกเขาตรงๆ ได้นี่…


 


 


ความแข็งแกร่งของนางน่ากลัวขนาดไหนกัน


 


 


สำนักเสวียนชิงมาเจอสัตว์ประหลาดแบบไหนกันนี่


 


 


ชายชราสองสามคนก็เหมาะสมกับตำหน่งผู้อาวุโสสำนักเสวียนชิงเพราะของของพวกเขามีค่ามาก


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกสนใจธำมรงค์มิติของพวกเขาขณะส่งสายตาเย็นชาไปที่เหยี่ยวนภา จากนั้นนางก็ตะโกนด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “หยุด!”


 


 


ไม่คิดว่าจะมีมนุษย์คนไหนกล้าตะโกนใส่มัน เหยี่ยวนภาจึงยิ่งเดือดดาล มันกระพือปีกเพื่อพุ่งมาหาอวิ๋นลั่วเฟิง


 


 


แต่ว่า…


 


 


ทันทีที่มันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายจากอวิ๋นลั่วเฟิง ร่างของมันก็ชะงักไป ดวงตาฉายแววหวาดกลัว


 


 


“เจ้าโง่หรือเปล่า” เมื่อเห็นอวิ๋นลั่วเฟิงทำแค่ตะโกนโดยไม่ทำอะไรอื่นอีก เขาก็ไม่สามารถกลั้นความโกรธไว้ได้แล้วพูดอย่างโมโหว่า “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงคิดว่ามันจะหยุดตามที่เจ้าตะโกนออกคำสั่ง เจ้าสั่งให้ผู้คุ้มกันของเจ้าโจมตีมันเดี๋ยวนี้! พวกเราทนต่อไปไม่ไหวแล้ว”


 


 


เขารู้สึกเสียใจมาก เสียใจที่ขอความช่วยเหลือจากคนโง่! เหยี่ยวนภาทรงพลังมาก แล้วมันจะเชื่อฟังคำสั่งของมนุษย์ได้อย่างไร น่าตลกเสียจริง!


 


 


แต่ว่าตอนที่เขากำลังสาปแช่งตัวเองในใจ วินาทีต่อมาเขาก็ได้ยินเสียงเหมือนตัวเองถูกตบหน้าอย่างแรงจนทำให้เขาตะลึงจนโง่งม เพราะว่า…เหยี่ยวนภาที่ตอนแรกเกรี้ยวกราดก็ถอนกลิ่นอายออกไปทันทีแล้วหยุดอยู่กับที่ สีหน้าที่มันมองอวิ๋นลั่วเฟิงแสดงถึงความหวาดกลัว


 


 


ทุกคนตะลึงจนโง่งม


 


 


นี่มัน…เกิดอะไรขึ้นกันแน่


 


 


มนุษย์สามารถสั่งเหยี่ยวนภาได้อย่างไร


 


 


เหยี่ยวนภาไม่ได้สนใจความคิดของพวกเขา เขารู้แค่ว่ากลิ่นอายที่แพร่ออกมาจากสตรีสง่างามคนนั้นไม่ได้เป็นของมนุษย์


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1475 เสี่ยวไป๋กลายเป็นคนสองหน้า (3)


 


 


มีแค่สัตว์อสูรวิญญาณขั้นจักรพรรดิเท่านั้นถึงจะมีกลิ่นอายแบบนี้…


 


 


แน่น่อนว่าเขาไม่รู้ว่ากลิ่นอายกดดันนี้ไม่ใช่ของอวิ๋นลั่วเฟิงแต่เป็นของหั่วหั่ว ความแตกต่างระหว่างสัตว์อสูรวิญญาณแต่ละระดับเห็นได้ชัดมาก และเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งกว่า พวกมันก็จะหยุดการโจมตี ไม่อย่างนั้นสิ่งที่รอพวกมันอยู่ก็มีความทรมานเท่านั้น!


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงมองเหยี่ยวนภาก่อนจะย้ายสายตาไปที่ซูจวิ้น นางใช้เสียงชั่วร้ายของตัวเองพูดอย่างเย็นชาว่า “ข้าไม่ได้ขอแหวนเจ้าก็เพื่อตอบแทนที่ในอดีตเจ้าช่วยเสี่ยวไป๋เอาไว้ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ถ้าสำนักเสวียนชิงกล้ายั่วโมโหข้า ข้าจะทำลายสำนักเจ้าซะ!”


 


 


คำพูดของหญิงสาวทำให้หลินรั่วไป๋หวั่นไหว ถึงแม้ว่าตอนนี้นางจะไม่ฉลาดแต่นางก็ไม่ได้โง่


 


 


ครั้งนี้อวิ๋นลั่วเฟิงละเว้นซูจวิ้นก็เพื่อใช้หนี้บุญคุณแทนนาง ถึงแม้ว่านายหญิงของนางจะไม่ได้กลัวคนอื่นคิดไม่ดี แต่นางก็เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับบุญคุณ ถ้านางใช้หนี้บุญคุณที่นี่แล้ว ต่อให้ในอนาคตสำนักเสวียนชิงยังพยายามมาหาเรื่องนาง นางก็ไม่ต้องกลัวที่จะทำลายพวกเขา!


 


 


ซูจวิ้นมองอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างเย็นชา “ข้าไม่ได้ขอให้เจ้าช่วย!”


 


 


“ไม่ว่าเจ้าจะพูดอย่างไรข้าก็ต้องตอบแทนที่ช่วยเสี่ยวไป๋” อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มแล้วหันหน้าไปหาเหยี่ยวนภา “พาข้าไปหาไข่ของเหยี่ยวนภา”


 


 


สีหน้าของซูจวิ้นเปลี่ยนไปทันที เขาพยายามลุกขึ้นแล้วพูดอย่างเย็นชา “ไข่เหยี่ยวนภาควรจะเป็นของข้า! เจ้าคิดว่าตัวเองจะขโมยมันไปได้หรือ!” เพื่อไข่ของเหยี่ยวนภา สำนักเสวียนชิงเสียยอดฝีมือไปหลายคนแล้วพวกจะยอมยกมันให้คนอื่นเฉยๆ ได้อย่างไร


 


 


“ข้าเป็นคนปราบเหยี่ยวนภา” อวิ๋นลั่วเฟิงหัวเราะเยาะ


 


 


ซูจวิ้นส่งเสียงขึ้นจมูก “เจ้ายอมรับค่าตอบแทนและทำงานเสร็จแล้ว สำนักเสวียนชิงของพวกเรามอบของล้ำค่าให้เจ้ามากมายเพื่อจ้างให้เจ้าจัดการกับเหยี่ยวนภา ส่วนเรื่องของที่ได้หลังการต่อสู้ก็ต้องเป็นของสำนักเสวียนชิง!”


 


 


“เช่นนั้นหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงยักไหล่ “ข้าแค่สัญญาว่าจะยอมช่วยชีวิตพวกเจ้าเท่านั้น ไม่ได้สัญญาอย่างอื่นอีก ถ้าเจ้าอยากจะได้ไข่ของเหยี่ยวนภา เจ้าก็ไปขอเหยี่ยวนภาเองสิ”


 


 


เมื่อเหยี่ยวนภาได้ยินคำพูดของนางก็ตวัดสายตาไปที่ซูจวิ้นและพรรคพวก ดวงตาดุร้ายของมันเข้มขึ้นเหมือนว่าพร้อมที่จะกระโจนเข้ามาฉีกพวกเขาออกเป็นพันๆ ชิ้น


 


 


“เจ้ามันหน้าไม่อาย!” ซูจวิ้นพูดขณะขบฟัน เขาลงแรงไปครึ่งวันแต่ผลประโยชน์กลับตกอยู่ในมือคนอื่น


 


 


“พวกเราไปกันเถอะ พาข้าไปที่รังเจ้า” อวิ๋นลั่วเฟิงเมินซูจวิ้นแล้วหันไปพูดกับเหยี่ยวนภา


 


 


เหยี่ยวนภาเงียบไปพักหนึ่ง สุดท้ายก็หันหน้าพาอวิ๋นลั่วเฟิงและคนอื่นเดินลึกเข้าไปในป่า ภายในป่า รังของเหยี่ยวถูกสร้างขึ้นระหว่างต้นไม้สองต้น ไข่ใบใหญ่ของมันอยู่ในรังขณะที่มีเหยี่ยวนภาจำนวนมากล้อมบริเวณเอาไว้…


 


 


ถึงแม้พวกมันจะแข็งแกร่งไม่เท่าหัวหน้าฝูงที่พวกนางเจอ แต่พวกมันก็เป็นสัตว์อสูรวิญญาณขั้นราชันปราชญ์กันหมด ไข่ของเหยี่ยวนภาที่ถูกเหยี่ยวนภาจำนวนมากปกป้องต้องไม่ใช่ไข่ธรรมดาแน่นอน


 


 


เสี่ยวโม่เงียบไปชั่วครู่แล้วก็พูดขึ้นมา “นั่นเป็นไข่ของราชาเหยี่ยวนภา”


 


 


ราชาเหยี่ยวนภา?


 


 


คำนี้ทำให้ทุกคนที่ได้ยินตะลึงส่วนคนจากสำนักเสวียนชิงก็รู้สึกเสียดาย พวกเขาเสียดายมากจนท้องไส้ปั่นป่วน นี่ไม่ใช่แค่ไข่เหยี่ยวนภาธรรมดา แต่เป็นไข่ของราชาเหยี่ยวนภา! ถ้าพวกเขาไม่ได้ขอให้อวิ๋นลั่วเฟิงช่วยไข่ใบนี้คงเป็นของพวกเขา


 


 


ซูจวิ้นกำหมัดด้วยความเกลียดชัง ทันทีที่เขาไป เขาก็เหลือบเห็นเสี่ยวโม่และเสี่ยวไป๋กำลังกระชิบกระซาบกัน และนั่นก็ยิ่งทำให้เขาเดือดดาล ซูจวิ้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ในเมื่อเจ้าได้ไข่เหยี่ยวนภาไปแล้ว เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์เอาสมบัติอื่นๆ ในภูเขาอ้ายอีก!”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม