ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ 1452-1459

 ตอนที่ 1452 เวลาไหลผ่านดั่งสายน้ำ (9)


 


 


“แม่นาง นั่นเจ้าหรือ” ชายชรายืนขึ้นแล้วหัวเราะเบาๆ “ต้องใช่อยู่แล้ว เมื่อไม่นานมานี้ ข้าก็เห็นแม่นางอิงอิง นางร้องไห้กลับมาเกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ”


 


 


บ้านของชายชราคนนี้คือที่ที่อวิ๋นลั่วเฟิงแวะตอนที่นางมาถึงภูผาผู้ใช้เวท ซึ่งที่แห่งนี้เป็นที่ที่นางเจอหวงอิงอิงด้วย


 


 


หวงอิงอิงร้องไห้กลับมางั้นหรือ


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงงุนงงแล้วขมวดคิ้ว หรือว่ามีอะไรเกิดขึ้นตอนที่นางไม่อยู่


 


 


“ข้ามาที่นี่เพื่อรักษาสัญญา”


 


 


สัญญา?


 


 


ชายชราชะงักแล้วมองอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างงุนงง


 


 


“ตอนนั้นข้าไม่ได้จ่ายค่าที่พัก” อวิ๋นลั่วเฟิงพูดช้าๆ “ดังนั้นก่อนที่ข้าจะไปเลยสัญญาว่าจะหาเพื่อนให้ท่าน”


 


 


ชายชราไม่เข้าใจความหมายเบื้องหลังคำพูดของอวิ๋นลั่วเฟิง ขณะที่เขากำลังครุ่นคิด เขาก็เห็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ เดินออกมาจากด้านหลังเด็กสาว เด็กหญิงตัวน้อยมีหน้าตาน่ารัก อายุราวหกเจ็ดปี แต่ว่าใบหน้านุ่มนิ่มบอบบางของนางแสดงสีหน้าเฉยชาและดวงตานางก็เหม่อลอยเหมือนหุ่นเชิดที่โดยควบคุม


 


 


“ตั้งแต่นี้ไป นางเป็นของท่าน”


 


 


ชายชราชะงัก และตอนที่เขากำลังจะเอ่ยปากถามเพิ่มเติม เขาก็เพิ่งรู้ตัวว่าเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างหน้าเข้าเมื่อกี้ได้หายไปแล้วแบบไร้ร่องรอย เหลือไว้แต่เด็กหญิงตัวน้อย


 


 


“เด็กน้อย” ชายชรารู้สึกดีใจแต่ก็ยังไม่สบายใจอยู่ “ถ้าเจ้ายินดี ตั้งแต่วันนี้ไป เจ้าจะอยู่ที่นี่ก็ได้”


 


 


เด็กหญิงตัวน้อยไม่ตอบสนอง อีกทั้งสีหน้ายังคงเฉยชาอยู่


 


 


“เจ้าพูดไม่ได้หรือ” ชายชราเข้าใจทันที “ไม่มีปัญหา แค่เจ้าอยู่เคียงข้างข้าก็พอแล้ว”


 


 


ชายชรากำลังจะพาเด็กหญิงตัวน้อยเข้าบ้านพร้อมรอยยิ้ม แต่นักเลงหลายคนก็พุ่งเข้ามาจากด้านหลัง


 


 


“ไอ้แก่ เจ้าติดหนี้ค่าคุ้มครองเดือนนี้กับพวกเราอยู่! ถ้าเดือนนี้เจ้าไม่จ่าย ข้าจะโยนเจ้าเข้าภูผาผู้ใช้เวทให้เป็นอาหารสัตว์อสูรวิญญาณ” ชายตัวใหญ่เดินเข้ามาด้วยท่าทางป่าเถื่อนแล้วข่มขู่เขาอย่างเย็นชา มีดในมือเขาปักลงที่พื้นอย่างแรง


 


 


ชายชราตัวสั่นด้วยความกลัว “ข้าจ่ายเดือนหน้าไม่ได้หรือ”


 


 


“ฮึ่ม!” ชายหนุ่มส่งเสียงขึ้นจมูก เขาใช้สายตาหื่นกามมองเด็กหญิงที่อยู่ข้างชายชรา “ถ้าเจ้าอยากจะยืดเวลาจ่ายไปอีกหนึ่งเดือนก็ใช่ว่าจะไม่ได้… ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ใช้เด็กหญิงตัวน้อยนี่มาจ่ายก่อนแล้วกัน เจ้าว่าอย่างไร”


 


 


เมื่อได้ยินว่าคนพวกนี้ต้องการเอาตัวเด็กหญิงไป ดวงตาของชายชราก็แดงก่ำด้วยความตระหนก “ไม่มีทาง! เด็กคนนี้เป็นหลานสาวข้า เจ้าเอานางไปไม่ได้”


 


 


“หลานสาว?” ชายหนุ่มระเบิดเสียงหัวเราะแล้วยกมือขึ้นเพื่อยื่นไปหาเด็กหญิง “มีใครไม่รู้บ้างว่าเจ้าเป็นชายแก่ตัวคนเดียว เจ้าไม่มีบุตรชายแล้วจะมีหลานสาวได้อย่างไร ไม่แน่เจ้าอาจจะลักพาตัวเด็กคนนี้มาก็ได้ ส่งนางมาข้าเดี๋ยวนี้!”


 


 


ตูม!


 


 


แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะเข้ามาดึงตัวเด็กหญิงไปได้ กำปั้นของเด็กหญิงก็พุ่งไปที่อกเขา ทันใดนั้นก็บังเกิดหลุมขึ้นบนหน้าจนเลือดทะลัก ดวงเขาเบิกกว้างแล้วล้มไปข้างหลังก่อนสิ้นชีพด้วยความเสียใจ สีหน้าของเด็กหญิงตัวน้อยยังคงเฉยชา ดวงตาของนางก็ยังเหม่อลอยขณะที่มองชายที่นอนอยู่ที่พื้นข้างหน้าอย่างเย็นชา


 


 


ถึงแม้ว่าหุ่นเชิดที่อวิ๋นลั่วเฟิงสร้างจะยังไม่มีสติปัญญาแต่ก็เชื่อฟังคำสั่งและปกป้องเจ้านายจนกว่าจะตาย! ทุกคนชะงักแล้วสติหลุด แม้แต่ชายชราเองก็ด้วย ไม่มีใครคิดว่าเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่ดูบริสุทธิ์ไร้พิษสงจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ตอนนั้นเอง ชายชราก็เข้าใจว่าสมบัติที่อวิ๋นลั่วเฟิงยกให้เขาเป็นอย่างไร


 


 


“สมบัติแบบนี้อยู่กับข้าไปก็ไร้ประโยชน์ ค่าที่พักไม่ได้แพงขนาดนั้น” ชายชราถอนหายใจ ภายในจิตใจเขารู้สึกขอบคุณนาง เขารู้ว่าเขาติดหนี้นางครั้งใหญ่แล้ว


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1453 เวลาไหลผ่านดั่งสายน้ำ (10)


 


 


“เจ้าไปที่ไหนมา” จีจิ่วเทียนเลิกคิ้วถามเมื่อเห็นอวิ๋นลั่วเฟิงเดินเข้ามาหาเขาจากที่ไกลๆ


 


 


“ใช้หนี้” อวิ๋นลั่วเฟิงยักไหล่ ดวงตาร้ายกาจของนางหยุดอยู่ที่ใบหน้ามีเสน่ห์ของจีจิ่วเทียน “เจ้ายังไม่ไปอีกหรือ”


 


 


รอยยิ้มของจีจิ่วเทียนดูน่าดึงดูดอย่างมาก “เจ้าไม่ต้องการให้ข้าติดตามเจ้าหรือ”


 


 


“ข้ากำลังไปหาคนรัก เจ้าอยากจะตามไปหรือ”


 


 


ทันทีที่นางพูดจบ สายตาของจีจิ่วเทียนก็เศร้าโศก “สาวน้อย นี่เจ้าจะทิ้งข้าทันทีที่เจ้าบรรลุเป้าหมายแล้วงั้นหรือ”


 


 


“หากเจ้าจะตามมา ข้าก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ข้าไม่คิดมาก” อวิ๋นลั่วเฟิงมองใบหน้าเสียใจของจีจิ่วเทียนด้วยรอยยิ้มสดใส ดวงตาสีดำสนิทของนางเป็นประกาย


 


 


จีจิ่วเทียนยิ้มร้าย “ช่างมันเถอะ ใต้เท้าผู้นี้จะไม่ยุ่งกับเจ้าแล้ว แต่ถ้าเจ้าตกอยู่ในอันตรายเมื่อไหร่ เจ้าสามารถไปหาใต้เท้าได้ที่เมืองบูรพา ข้าจะไม่ออกจากเมืองบูรพาสักพัก”


 


 


“ตกลง” สายตาของอวิ๋นลั่วเฟิงที่มองจีจิ่วเทียนเปลี่ยนจากหยอกล้อเป็นหวั่นไหว “ขอบคุณ”


 


 


จีจิ่วเทียนช่วยนางมาหลายครั้งหลายครา ถึงแม้เขาจะช่วยนางด้วยเหตุผลหลายอย่าง แต่นางก็ยังติดหนี้เขาอยู่ดี หลังจากพวกนางบอกลากัน ทั้งคู่ก็แยกย้าย


 


 


แต่ที่อวิ๋นลั่วเฟิงไม่รู้ก็คือหลังจากที่นางเดินออกมาสองสามก้าว จีจิ่วเทียนก็หันกลับมามองแผ่นหลังของนางจนกระทั่งร่างของนางหายลับไปจากสายตา


 


 



 


 


“นายหญิง ตอนนี้พวกเราจะไปที่ใด” เสี่ยวโม่พูดผ่านจิตนาง


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงเงียบไปสักพัก “ข้าหายตัวไปสามปี ดังนั้นใครจะรู้ว่าอวิ๋นเซียวยังอยู่ที่เมืองคูหลงอยู่หรือไม่ ข้าจะไปดูที่นั่นก่อน แล้วข้าก็ต้องเดินทางไปที่ตระกูลจวินแห่งเมืองวิญญาณด้วย”


 


 


นางเพิ่มความแข็งแกร่งจนถึงขั้นที่ยอมรับได้แล้ว ดังนั้นครั้งนี้นางจะไปตระกูลจวินเพื่อสืบเบื้องหลังของจวินเฟิ่งหลิง แต่ว่านางหายตัวไปสามปี นางจึงไม่คุ้นเคยกับสถานการณ์ปัจจุบันของแคว้นนี้ นางจึงสุ่มคว้าใครสักคนมาถาม “สามปีที่ผ่านเกิดอะไรขึ้นในแคว้นนี้บ้าง”


 


 


เห็นได้ชัดว่าอวิ๋นลั่วเฟิงทำให้เขาตกใจ แต่เมื่อเขาหันมาเห็นสตรีงดงาม เขาก็ตอบคำถามอย่างกระตือรือร้น “ถ้าเจ้าหมายถึงเรื่องใหญ่ๆ ละก็ จวนเจ้าเมืองบูรพาร่วมมือกับสำนักศึกษาเมืองประจิมโจมตีหุบเขาพิษ อ้อ ใช่แล้ว ข้าได้ยินว่าผู้อาวุโสจวินจากตระกูลจวินก็ลงมือด้วยเหมือนกัน”


 


 


สองขั้วอำนาจใหญ่ร่วมมือกันโจมตีหุบเขาพิษงั้นหรือ หรือว่าตอนที่นางไม่อยู่ หุบเขาพิษจะไปยั่วโมโหใครเข้า


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของหุบเขาพิษ ที่จริงนางคิดว่าคนของหุบเขาพิษทั้งหมดตายแล้ว นางเองก็ไม่ได้ถูกหุบเขาพิษทำร้ายหรืออะไร เช่นนั้นแล้วทำไมขั้วอำนาจพวกนั้นถึงตามแก้แค้นหุบเขาพิษด้วยความหุนหันพลันแล่น


 


 


หลังจากเงียบไปสักพัก อวิ๋นลั่วเฟิงก็ถาม “เจ้ารู้เหตุผลหรือไม่”


 


 


ชายหนุ่มสะดุ้งตัวโยนแล้วตอบอย่างระมัดระวัง “เจ้าไม่ควรถามคำถามนี้ ทุกคนถูกสั่งห้ามไม่ให้พูดถึงเหตุการณ์นี้ภายในแคว้น ไม่อย่างนั้นหากเจ้าเกิดไปยั่วยุขั้วอำนาจทั้งสอง เจ้าจะเจอกับโชคร้าย”


 


 


ทุกคนคิดว่าอวิ๋นลั่วเฟิงตายจากไปแล้วจึงใจแตกสลายด้วยความโศกเศร้า คนทั่วไปต่างกลัวว่าจะไปเหยียบนิ้วเท้าพวกเขา เลยไม่กล้าเอ่ยชื่อ ‘อวิ๋นลั่วเฟิง’


 


 


เหตุผลก็เพราะตอนแรกมีคนพูดคุยกันเรื่องการตายของอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วหงหลวนมาได้ยิน หงหลวนจึงตีคนผู้นั้นจนเกือบตายด้วยความโกรธ แล้วออกคำสั่งว่านางจะไม่ปล่อยใครไปหากได้ยินพวกเขาพูดกันเรื่องการตายของเพื่อนนางอีก


ตอนที่ 1454 การเปลี่ยนแปลงของหวงอิงอิง (1)


 


 


“แม่นาง ข้าแนะนำว่าเจ้าอย่าถามคำถามนี้กับใครอีก ไม่มีใครยอมตอบคำถามเช่นนี้หรอก” ชายหนุ่มรีบโบกมือแล้วหลบหนีไปด้วยกลัวว่าอวิ๋นลั่วเฟิงจะถามอะไรอื่นอีก


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงสะดุ้งแล้วขมวดคิ้วน้อยๆ นางคว้าคนอื่นมาถามแล้วก็ได้คำตอบไม่ต่างกัน ทำให้นางสับสนมาก ตกลงว่าเกิดอะไรขึ้นจนทำให้คนเหล่านี้ปิดปากเงียบสนิทขนาดนี้


 


 


เอาเถอะ เมื่อนางเจออวิ๋นเซียวและหงหลวนก็คงเข้าใจเอง นางไม่อ้อยอิ่งอยู่ต่อแล้วรีบหันหน้ามุ่งไปยังมณฑลคูหลง…


 


 



 


 


ภายในหุบเขาผู้ใช้เวท


 


 


หัวหน้าเผ่ากำลังนอนอยู่บนเตียงเพราะอาการบาดเจ็บสาหัส ใบหน้าเขาซีดเซียวไร้ชีวิต เห็นได้ชัดว่าอาการเขาหมดทางเยียวยาแล้ว


 


 


ผู้คุ้มกันรีบเข้ามารายงาน “หัวหน้าเผ่าขอรับ แย่แล้ว! เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ!”


 


 


เมื่อได้ยินดังนั้น ใบหน้าของชายชราที่ยืนเฝ้าหัวหน้าเผ่าก็มืดครึ้มลงทันที ดวงตาชายชราหันมองผู้คุ้มกันที่พุ่งเข้ามาด้วยสีหน้าโกรธเคือง


 


 


“ผู้อาวุโสอย่างข้าสั่งไว้แล้วว่าไม่ว่าใครก็ห้ามเข้ามารบกวนหัวหน้าเผ่า เจ้าลืมแล้วหรือ” ยิ่งพูดเขาก็ยิ่งโกรธ หัวหน้าเผ่าป่วยร้ายแรงมากแต่คนพวกนี้ก็ยังกล้าเข้ามารบกวนท่าน


 


 


ผลุบ!


 


 


ผู้คุ้มกันรีบคุกเข่าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ “หัวหน้าเผ่าขอรับ…ดินแดนแห่งจินตนาการที่เก็บกระดูกผู้ใช้เวทหายไปแล้วขอรับ!”


 


 


“อะไรนะ”


 


 


ดินแดนแห่งจินตนาการหายไปแล้วงั้นหรือ เป็นไปได้อย่างไร!


 


 


สมบัติมากมายโดนผู้คนขโมยไปแต่พวกเขาไม่เคยได้ยินว่ามิติลวงตาอย่างดินแดนแห่งจินตนาการจะถูกขโมยไปได้เหมือนกัน ดังนั้นพวกเขาก็สรุปได้เพียงอย่างเดียว นั่นคือดินแดนแห่งจินตนาการหายไป! ใช่แล้ว ดินแดนแห่งจินตนาการไม่ได้ถูกขโมยแต่หายไปจากโลกแบบไม่กลับมาอีก!


 


 


เมื่อคิดถึงตรงนี้ สีหน้าของผู้อาวุโสก็ดูไม่ได้ เขาเผลอหันไปมองชายวัยกลางคนที่นอนอยู่บนเตียงแล้วก็สังเกตเห็นว่าดวงตาอ่อนล้าของเขาลืมขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้


 


 


“ดินแดนแห่งจินตนาการ…หายไปจริงหรือ” เสียงของเขาอ่อนแรงจนฟังแทบไม่ได้ยิน เหมือนกับว่าเขาสามารถหยุดหายใจได้ทุกเมื่อ


 


 


“รายงานหัวหน้าเผ่า ดินแดนแห่งจินตนาการหายไปจริงๆ ขอรับ!” ผู้คุ้มกันรีบก้มหน้ารายงานทันที


 


 


หัวหน้าเผ่าหัวเราะแห้งๆ เสียงหัวเราะของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง


 


 


“สามปีที่แล้วคนจากหุบเขาพิษกล่าวว่าอวิ๋นลั่วเฟิงตายแล้ว แต่ความจริงสามปีที่ผ่านมา หลายคนยังมีความหวังและเชื่อว่านางแค่ติดอยู่ในดินแดนแห่งจินตนาการเท่านั้น ทว่าตอนนี้…”


 


 


หัวหน้าเผ่าหลับตา ใบหน้าซีดขาวของเขาแสดงความอับจนหนทาง “แต่ตอนนี้ดินแดนแห่งจินตนาการไม่มีอีกแล้ว แม่นางอวิ๋นก็คงไม่ได้อยู่บนโลกนี้อีกต่อไปเหมือนกัน”


 


 


“หัวหน้าเผ่าขอรับ พวกเราควรแจ้งให้ท่านนักบุญหญิงทราบเรื่องนี้หรือไม่ขอรับ” ผู้อาวุโสถามหลังจากเงียบไปเนิ่นนาน


 


 


หัวหน้าเผ่าส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่ได้ สามปีที่แล้วหลังจากที่ท่านนักบุญหญิงรู้ข่าวการตายของอวิ๋นลั่วเฟิง ท่านก็รีบออกไปด้านนอกโดยที่ไม่มีใครสามารถหยุดยั้งได้ เพื่อปกป้องท่านนักบุญหญิง ข้าจึงโกหกไปว่าอวิ๋นลั่วเฟิงยังไม่ตาย เพียงแค่ติดอยู่ในดินแดนแห่งจินตนาการเท่านั้น แล้วอวิ๋นลั่วเฟิงก็จะกลับมาถ้าท่านนักบุญหญิงทำพิธีสืบทอดสำเร็จ


 


 


“นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมท่านนักบุญหญิงถึงยอมเข้าพิธีสืบทอด ตอนนี้ก็ผ่านไปสามปีแล้วท่านกำลังอยู่ในช่วงสำคัญ พวกเราไม่สามารถรบกวนท่านได้ ไม่อย่างนั้นพวกเราจะทำลายทุกอย่าง”


 


 


ตูม!


 


 


ทันใดนั้นก็มีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นบนท้องฟ้าไม่ไกลจากภูผาผู้ใช้เวท พลังฌานทั้งหมดพุ่งไปที่จุดนั้นแล้วสร้างพายุหมุนบนฟ้า เกิดเป็นภาพน่าตื่นตาตื่นใจ


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1455 การเปลี่ยนแปลงของหวงอิงอิง (2)


 


 


“ท่านนักบุญหญิงทำสำเร็จแล้วหรือ” หัวหน้าเผ่ามีความสุข หากท่านนักบุญหญิงทำพิธีสืบทอดเสร็จสิ้น นั่นก็หมายความเผ่าผู้ใช้เวทมีหนทางรอดแน่นอน


 


 


“แค่กๆ!” หัวหน้าเผ่าไอแล้วพยายามปีนลงจากเตียง “พาข้าไปที่ด้านหลังภูเขา ข้าต้องการพบท่านนักบุญหญิง”


 


 


“หัวหน้าเผ่า!” ผู้อาวุโสรีบเข้าไปพยุงร่างที่อ่อนแอมากของหัวหน้าเผ่า “สภาพร่างกายของท่านตอนนี้ย่ำแย่มาก ท่านควรพักผ่อนอยู่ที่นี่ ข้าจะไปพบท่านนักบุญหญิงแทนเองขอรับ”


 


 


“ไม่” หัวหน้าเผ่าฝืนยืนขึ้น “เมื่อท่านนักบุญหญิงทำพิธีสืบทอดเรียบร้อยแล้ว ตำแหน่งของนางก็อยู่สูงกว่าข้า ในฐานะผู้ติดตามของนาง ข้าควรไปพบท่านนักบุญหญิง”


 


 


เมื่อผู้อาวุโสเห็นหัวหน้าเผ่าดื้อรั้นขนาดไหนจึงไม่พูดอะไรอีกแล้วถอนหายใจก่อนจะพยุงหัวหน้าเผ่าออกจากห้อง


 


 


ร่างของหัวหน้าเผ่าสั่นเทาเหมือนจะล้มอยู่ตลอดเวลา บุรุษที่มีความกระตือรือร้นแบบเมื่อก่อนหายไปตั้งแต่สามปีที่แล้ว


 


 



 


 


ด้านหลังภูเขา


 


 


ประตูหินเปิดออก แล้วร่างเล็กๆ ในชุดสีเหลืองก็เดินออกมา เด็กหญิงไม่ได้ดูอ่อนแอไร้ประสบการณ์เหมือนเมื่อสามปีที่แล้วอีกต่อไป ใบหน้าเล็กๆ ของนางฉายแววเย็นชาและหยิ่งยโส พลังทรงอำนาจที่ปล่อยออกมาจากร่างนางทำให้คนของเผ่าผู้ใช้เวทที่มาต้อนรับนางต้องคุกเข่าลง


 


 


“พวกเราขอแสดงความเคารพท่านบุญหญิงผู้สูงส่ง!” ทุกคนเอ่ยออกมาพร้อมกัน เสียงของพวกเขาดังก้องขึ้นฟ้า


 


 


“ลุกขึ้นได้” เด็กหญิงสะบัดมือ แล้วผู้คนที่กำลังคุกเข่าอยู่ก็รู้สึกเหมือนมีพลังบางอย่างดึงพวกเขาขึ้นมา ดวงตาของคนในเผ่าเบิกกว้างด้วยความตกใจทันที


 


 


หลังจากที่นางเข้าพิธีสืบทอดแล้ว เด็กผู้หญิงอ่อนแอก็ฟักออกจากรังไหมแล้วกลายเป็นผีเสื้อแสนสวยที่ทรงพลัง


 


 


“ท่านนักบุญหญิง”


 


 


หัวหน้าเผ่าที่ได้ผู้อาวุโสพยุงก็รีบก้าวเท้ามาอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความปีติยินดี “ยินดีด้วยที่ท่านบุญนักหญิงทำพิธีสืบทอดสำเร็จได้ด้วยดี”


 


 


เด็กหญิงกวาดสายตาไปรอบๆ ก่อนจะกลับมาหยุดที่หัวหน้าเผ่า ในที่สุดนางเผยรอยยิ้มบนใบหน้าเฉยชาของนาง


 


 


“หัวหน้าเผ่า ตอนนี้ข้าไปช่วยแม่นางอวิ๋นจากดินแดนแห่งจินตนาการได้หรือยัง”


 


 


หวงอิงอิงถูกอบรมสั่งสอนมาอย่างดี ดังนั้นนางจึงเข้าใจความหมายของการแสดงความขอบคุณและตอบแทนบุญคุณ ถ้าไม่ได้อวิ๋นลั่วเฟิงช่วย นางก็คงไม่มีวันนี้ อย่าว่าแต่แก้แค้นได้สำเร็จเลย ไม่แน่นางอาจจะตายภายใต้น้ำมือของโอวหย่าไปแล้ว ด้วยเหตุนี้นางจึงไม่มีทางลืมอวิ๋นลั่วเฟิงที่ทำให้นางมีทุกวันนี้ได้


 


 


ตอนที่นางใจสลายเพราะได้รับข่าวการจากไปของอวิ๋นลั่วเฟิง นางก็รีบกลับมาโดยไม่ลังเลเพื่อแก้แค้นหัวหน้าเผ่า แต่ใครจะนึกว่าหัวหน้าเผ่าจะบอกนางว่าอวิ๋นลั่วเฟิงยังไม่ตาย นางแค่ติดอยู่ในดินแดนแห่งจินตนาการ


 


 


แล้วตราบใดที่นางเข้ารับพิธีสืบทอดได้สำเร็จ นางก็สามารถไปช่วยอวิ๋นลั่วเฟิงได้ นี่เป็นเหตุผลที่นางมาอาศัยอยู่ที่ด้านหลังภูเขาถึงสามปี


 


 


“เรื่องนี้…” สีหน้าของหัวหน้าเผ่าแสดงความลังเล แต่เขาก็กลั้นใจพูดออกมา “ท่านนักบุญหญิงผู้สูงส่ง วันนี้มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น ดินแดนแห่งจินตนาการ…ดินแดนแห่งจินตนาการหายไปแล้วขอรับ”


 


 


ดินแดนแห่งจินตนาการหายไปงั้นหรือ


 


 


หวงอิงอิงยิ้มค้าง “ดินแดนแห่งจินตนาการจะหายไปได้อย่างไร เจ้าโกหกข้า! พาข้าไปที่ดินแดนแห่งจินตนาการเดี๋ยวนี้!”


 


 


“ท่านนักบุญหญิง” หัวหน้าเผ่าหัวเราะอย่างขมขื่น “ข้าพูดความจริงขอรับ ดินแดนแห่งจิตนาการหายไปจริงๆ ส่วนชะตากรรมของอวิ๋นลั่วเฟิงยังไม่มีใครรู้ขอรับ”


 


 


จนถึงตอนนี้หัวหน้าเผ่าก็ไม่ได้พูดอะไรเจาะจงแต่ใช้คำว่า ‘ชะตากรรมของนางยังไม่มีใครรู้’


 


 


แต่…ไม่ว่าหวงอิงอิงจะไร้เดียงสาขนาดไหน นางก็ยังเข้าใจความหมายของคำพูดแบบนี้


 


 


ดินแดนแห่งจินตนาการหายไปแล้ว หากเป็นเช่นนั้น อวิ๋นลั่วเฟิงจะยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร


 


 


หวงอิงอิงตัวสั่นแล้วเดินโซเซถอยหลังไปสองสามก้าว ใบหน้าของนางซีดเผือดจนทำให้ผิวของนางดูเหมือนกระดาษบางๆ


ตอนที่ 1456 การเปลี่ยนแปลงของหวงอิงอิง (3)


 


 


“ตอนนั้น โอวหย่าทำให้คนในครอบครัวข้าทั้งหมดเสียชีวิต ข้าต้องทรมานกับความยากลำบากมากมายจากโลกภายนอก ไม่มีใครสักคนแสดงความใส่ใจหรือช่วยเหลือข้า แต่แล้วอวิ๋นลั่วเฟิงก็ปรากฏตัวขึ้น นางไม่ได้ทำเพียงแค่รักษาอาการบาดเจ็บของข้า แต่ยังให้ความอบอุ่นกับข้าอีกด้วย นางเป็นความอบอุ่นเดียวที่มี และตั้งแต่นั้นนางก็เป็นญาติเพียงคนเดียวของข้า…”


 


 


ถ้าอวิ๋นลั่วเฟิงแค่ให้ความช่วยเหลือนาง นางก็อาจจะไม่ได้จัดอวิ๋นลั่วเฟิงไว้ในตำแหน่งที่สำคัญขนาดนี้แต่ลองจินตนาการดูแล้วกัน ว่าถ้าหากเจ้าสูญเสียบิดามารดาและไม่มีญาติหลงเหลืออยู่อีกต่อไป ต้องทรมานเพราะโดนดูถูกและทำร้าย ไม่ใช่แค่เพียงลำคอที่บาดเจ็บ แต่ร่างกายก็เต็มไปด้วยบาดแผล ถึงอย่างนั้นก็ยังต้องเห็นศัตรูมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายโดยที่ทำอะไรไม่ได้ ทั้งยังเกือบถูกศัตรูสังหารอีก…


 


 


แล้วจู่ๆ ก็มีคนปรากฏตัวขึ้น นางรักษาอาการบาดเจ็บให้ อีกทั้งช่วยแก้แค้นและให้ความอบอุ่นด้วยการกางปีกปกป้อง ไม่ยอมให้ศัตรูมีโอกาสได้ทำร้าย…


 


 


ถ้าหากคนแบบนางมีอยู่จริง แล้วเจ้าจะไม่ดูแลนางเหมือนนางเป็นครอบครัวที่สำคัญที่สุดในชีวิตหรือ


 


 


แล้วตอนนี้ชะตากรรมของครอบครัวของเจ้าก็ไม่มีใครรู้ เจ้าจะไม่จมอยู่กับความสิ้นหวังได้อย่างไร เห็นได้ชัดว่าในใจของหวงอิงอิง อวิ๋นลั่วเฟิงเป็นครอบครัวคนสุดท้ายของนาง…


 


 


“ท่านนักบุญหญิง!”


 


 


ทุกคนชะงักก่อนรีบตามไป ทว่าฝีเท้าของพวกเขาก็ถูกเสียงตะโกนเย็นเยือกของเด็กหญิงหยุดเอาไว้ก่อน


 


 


“พวกเจ้าทุกคนยืนอยู่ที่นี่ ข้าสั่งห้ามไม่ให้พวกเจ้าตามมา!” หวงอิงอิงพูดเสียงสั่น นางเงยหน้ามองหัวหน้าเผ่าที่อ่อนแอถึงขีดสุดแล้วพูดลอดไรฟัน “ทำไมเจ้าถึงโกหกข้า”


 


 


หัวหน้าเผ่าพูดไม่ออก แต่ในใจเขาก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป ถ้าหวงอิงอิงไม่แข็งแกร่งพอ อย่าว่าแต่การปกป้องตัวเอง นางไม่สามารถช่วยเหลือเผ่าผู้ใช้เวทได้ นี่เป็นเหตุผลที่เขาให้นางเข้าพิธีสืบทอดตั้งแต่แรก…


 


 


หวงอิงอิงมองหัวหน้าเผ่าอย่างเย็นชา “เจ้าบอกไว้อย่างชัดเจน ว่าเจ้าจะเปิดดินแดนแห่งจินตนาการให้ได้ตราบใดที่ข้ายอมเข้าพิธีสืบทอด เหตุใดเจ้าต้องโกหกข้าด้วย”


 


 


สามปีที่แล้วไม่ใช่ว่าหัวหน้าเผ่าไม่อยากเข้าไปดูสถานการณ์ในดินแดนแห่งจินตนาการ แต่เมื่อพวกเขาตั้งใจจะเปิดดินแดนแห่งจินตนาการอีกครั้งก็ไม่คิดว่าดินแดนแห่งจินตนาการจะไม่ทำงานแล้ว


 


 


ดังนั้นเขาจึงตั้งความหวังไว้ว่าไม่แน่ท่านนักบุญหญิงอาจจะเปิดดินแดนแห่งจินตนาการได้…


 


 


แต่ใครจะคาดคิดว่าดินแดนแห่งจินตนาการจะหายไปก่อนที่ท่านนักบุญหญิงจะสำเร็จพิธีสืบทอด


 


 


“ท่านนักบุญหญิง ท่านจะไปที่ไหนขอรับ” เมื่อเห็นว่าท่านนักบุญกำลังจากไป สีหน้าของหัวหน้าเผ่าก็แข็งค้างแล้วตะโกนอย่างตื่นตระหนก


 


 


หวงอิงอิงหยุดแต่ไม่ได้หันกลับมา “ข้าจะไปหาแม่นางหงหลวน” พูดจบนางก็เดินต่อเพื่อไปยังตีนเขา


 


 


“ท่านนักบุญหญิง!” หัวหน้าเผ่าหน้าซีด เขาพยายามจะก้าวตามหวงอิงอิงแต่จู่ๆ ร่างเขาก็หมดแรงแล้วล้มลงพื้น


 


 


“ท่านหัวหน้าเผ่า!” ผู้อาวุโสหน้าซีดด้วยความหวาดกลัวแล้วรีบเข้าไปพยุงร่างหัวหน้าเผ่า เหงื่อเย็นๆ ไหลด้วยความตระหนก


 


 


“เร็วเข้า รีบพาหัวหน้าเผ่ากลับ”


 


 


เผ่าผู้ใช้เวทกำลังตกอยู่ในภาวะตื่นตระหนก ไม่นานก็มีกลุ่มคนอุ้มหัวหน้าเผ่ากลับไปที่ห้องนอน


 


 


“ไม่มีใครรู้ว่าร่างกายของหัวหน้าเผ่าจะทนได้อีกนานแค่ไหน…” หนึ่งในผู้อาวุโสพูดด้วยความสิ้นหวังดวงตาเขสฉายแวววิตกกังวล


 


 


“ท่านนักบุญหญิงทำอะไรไม่คิดจริงๆ หัวหน้าเผ่ากำลังป่วยหนักแต่นางก็ไม่ใส่ใจ” ผู้อาวุโสอีกคนขมวดคิ้วเห็นได้ชัดว่าไม่พอใจการกระทำของหวงอิงอิง


 


 


“ที่จริงพวกเราจะโทษท่านนักบุญหญิงก็ไม่ถูก เผ่าผู้ใช้เวทของเราสังหารบิดามารดาของท่าน ถึงแม้ว่าคนผิดจะถูกลงโทษแล้วแต่ถ้าไม่ใช่เพราะความผิดพลาดของเผ่าผู้ใช้เวท บิดามารดาท่านก็คงไม่ต้องตาย ดังนั้นนางจึงไม่ใส่ใจเผ่าผู้ใช้เวทมาตั้งแต่แรก แล้วเรื่องนี้ก็มาเกิดขึ้นอีก…” ผู้อาวุโสถอนหายใจ


 


 


ถ้าไม่ใช่เพื่ออวิ๋นลั่วเฟิง ไม่แน่ท่านนักบุญหญิงอาจจะไม่มาที่เผ่าผู้ใช้เวทอีก แต่อวิ๋นลั่วเฟิงกลับต้องมาเผชิญอันตรายที่นี่ แล้วนางจะให้อภัยพวกเขาได้อย่างไร


 


 


ทั่วทั้งเผ่าถูกปกคลุมด้วยเมฆครึ้ม การเดินทางออกไปของนักบุญหญิงทำให้ความตื่นเต้นของเผ่าผู้ใช้เวทก่อนหน้านี้กลายเป็นตื่นตระหนกและไร้ชีวิตชีวา…


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1457 การเปลี่ยนแปลงของหวงอิงอิง (4)


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงเรียกฉาฉาออกมาแล้วปีนขึ้นหลังสัตว์อสูรก่อนเดินทางไปมณฑลคูหลง นางไม่คิดว่ามณฑลคูหลงที่เคยร้างจะกลับมามีผู้อยู่อาศัยอีก ทว่าคนที่นางตามหาได้ออกไปจากเมืองแล้ว


 


 


“ดูเหมือนว่าข้าจะมาช้าไป พวกเขาออกไปแล้ว” อวิ๋นลั่วเฟิงสำรวจบ้านที่ว่างเปล่า “คงง่ายกว่าถ้าข้าไปตามหาหงหลวน ข้าน่าจะเจอนางถ้าไปเมืองบูรพา เพียงแต่ข้ากลัวว่าการตามหาตัวอวิ๋นเซียวจะไม่ง่ายแบบนั้น”


 


 


ที่อยู่ของอวิ๋นเซียวมักไม่แน่นอนเสมอ ดังนั้นการตามหาเขาจึงเป็นเรื่องยากมาก อวิ๋นลั่วเฟิงคิดสักพักก่อนจะตัดสินใจ


 


 


“แต่ว่าเมืองหลวงอยู่ระหว่างเมืองบูรพาและเมืองวิญญาณ เช่นนั้นแล้วการไปเมืองบูรพาจะทำให้ข้าเสียเวลา คงดีกว่าถ้าข้ามุ่งหน้าไปตระกูลจวินก่อน ถ้าโชคดีข้าอาจจะเจอนางระหว่างทาง”


 


 


จู่ๆ เสี่ยวซู่ก็สร้างความวุ่นวายภายในจิตนางจนทำให้นางขมวดคิ้ว “เสี่ยวซู่ เจ้าอยากออกมาหรือ”


 


 


“ท่านแม่ ข้าอยากไปอยู่กับท่าน” เสียงของเสี่ยวซู่นุ่มนิ่ม แล้วความน่ารักของเขาก็ทำให้คนอยากเข้ามากอดแล้วป้อนขนมเขา หลังจากที่อวิ๋นลั่วเฟิงได้ยินเสียงเขา หัวใจของนางก็อ่อนยวบลง สุดท้ายนางก็คิดถึงเสี่ยวซู่แล้วยอมให้เขาออกมายืนข้างๆ นาง


 


 


“ท่านแม่…” เสี่ยวซู่กระโจนเข้าไปหาอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วใช้มือบอบบางทั้งสองข้างโอบกอดนางไว้ก่อนเผยรอยยิ้มสดใสเต็มใบหน้าน่ารักสีชมพูเปล่งปลั่ง


 


 


“หงิงๆ” ฉาฉาถูหัวของตนกับขาของอวิ๋นลั่วเฟิง มันส่งสายตาน่าสงสารมาให้นางเหมือนว่ามันอิจฉาเสี่ยวซู่


 


 


“นี่!” เสี่ยวซู่เอามือเท้าเอวแล้วจ้องฉาฉาอย่างโมโห “เจ้าหมาโง่ อย่าคิดที่จะขโมยท่านแม่ของข้านะ เจ้าตัวโตขนาดนี้ ท่านแแม่ไม่มีทางชอบเจ้าหรอก!”


 


 


เมื่อเทียบกับเสี่ยวซู่เมื่อสามปีที่แล้ว เขาพูดชัดและเก่งขึ้นมาก แม้เขาจะอายุได้แค่สี่ปีแต่ก็ดูเหมือนเด็กอายุเจ็ดแปดปีแล้ว แก้มอวบๆ นั่นดูเป็นรูปร่างมากขึ้น ท่าทางของเขาเหมือนอวิ๋นเซียวและสง่างามมาก


 


 


ฉาฉาหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะม้วนร่างแล้วเปล่งแสงออกมา พริบตาเดียวมันก็กลายร่างเป็นลูกสุนัขน่ารักตัวเท่าฝ่ามือ ดวงตากลมโตที่มีน้ำตาคลอของมันจ้องมองมาที่อวิ๋นลั่วเฟิง


 


 


ตอนแรกเสี่ยวซู่ตั้งใจจะเตะฉาฉากลับเข้าไปในมิติคัมภีร์เซียน แต่เมื่อเขาเห็นสุนัขตัวใหญ่กลายเป็นสุนัขตัวเล็กน่ารัก ดวงตาเขาก็เป็นประกาย


 


 


“ท่านแม่ ท่านยกเขาให้ข้าเลี้ยงเถอะ” พูดจบเสี่ยวซู่ก็กระโดดเข้าไปหาฉาฉาแล้วใช้มือหนึ่งอุ้มเขาขึ้น ส่วนอีกมือก็ลูบหัวอย่างเอ็นดู


 


 


“จริงสิ ทำไมคนพวกนี้ถึงเอาแต่มองพวกเรา” เสี่ยวซู่ถามอย่างไม่เข้าใจ ใบหน้าน่ารักของเขาบิดเบี้ยวเมื่อรับรู้ถึงสายตาของคนที่เดินผ่านไปมา


 


 


“อาจจะเป็นเพราะว่าเจ้าหน้าตาดีก็ได้” อวิ๋นลั่วเฟิงตอบพร้อมรอยยิ้มขณะบีบแก้มนุ่มนิ่มทั้งสองข้างของเสี่ยวซู่


 


 


เสี่ยวซู่กะพริบตาปริบๆ ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าคนพวกนี้มองหุ่นเชิดชายที่เดินตามท่านแม่มากกว่าล่ะ


 


 


เพราะว่าอวิ๋นลั่วเฟิงพาหุ่นเชิดออกมาพร้อมเสี่ยวซู่


 


 


แต่ว่าเสี่ยวซู่ผู้ชาญฉลาดก็ไม่ได้ถามอะไรกลับไป เขายื่นไปจับมือของอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วฉีกยิ้มกว้างเต็มใบหน้าน่ารักของเขา


 


 


“ท่านแม่ เมื่อไหร่พวกเราจะออกไปตามหาท่านพ่อ”


 


 


“พวกเราจะไปเมืองวิญญาณกันก่อน ข้าตั้งใจจะไปไขข้อข้องใจ พวกเราสามารถคอยถามหาข่าวท่านพ่อของเจ้าได้ระหว่างทาง” อวิ๋นลั่วเฟิงถอนหายใจในใจแล้วหลุบตา


ตอนที่ 1458 การเปลี่ยนแปลงของหวงอิงอิง (5)


 


 


หลังจากที่นางพยายามออกมาจากมิติลวงตาอย่างยากลำบาก นางก็ไม่พบร่องรอยของอวิ๋นเซียว นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแคว้นจนทำให้ผู้คนปิดปากเงียบ


 


 


ถ้ามิติลวงตาส่งนางไปที่ภูผาผู้ใช้เวท นางอาจจะถามหัวหน้าเผ่าได้ แต่ใครจะรคิดเล่า ว่ามันจะส่งนางมาที่ตีนเขาแทน อวิ๋นลั่วเฟิงต้องการหาอวิ๋นเซียวโดยเร็วจึงไม่อยากเสียเวลาปีนเขากลับขึ้นไปใหม่


 


 


“เจ้าได้ยินข่าวหรือยัง หัวหน้าเผ่าผู้ใช้เวทใกล้จะลาโลกแล้ว”


 


 


ทันใดนั้นอวิ๋นลั่วเฟิงก็ได้ยินคนสองคนคุยกัน ทำให้นางหยุดเดิน


 


 


หัวหน้าเผ่าผู้ใช้เวท?


 


 


“มันก็ไม่ใช่ความลับอะไรของแคว้นเจ็ดเมืองนี่ เผ่าผู้ใช้เวทแข็งแกร่งมาก ข้าสงสัยจริงๆ ว่าใครลงมือกับหัวหน้าเผ่า”


 


 


“ฮ่าๆ ข้ารู้เรื่องนี้มานิดหน่อย เขาพูดกันว่ามีคนทรยศในเผ่าผู้ใช้เวทแล้ววางยาจ้าวปรสิตในร่างหัวหน้าเผ่าทำให้จ้าวปรสิตโจมตีเจ้านายมันเองจนทำร้ายหัวหน้าเผ่า”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงขมวดคิ้วแน่น ตอนที่อยู่ในมิติลวงตา นางก็สงสัยอยู่ว่าทำไมคนของเผ่าผู้ใช้เวทถึงไปร่วมมือกับหุบเขาพิษ กลายเป็นว่าเพราะเขาทรยศเผ่าผู้ใช้เวทนี่เอง…


 


 


ขณะที่อวิ๋นลั่วเฟิงกำลังใคร่ครวญ นางก็เห็นชายกล้ามโตคนหนึ่งเดินตรงมาหานาง ชายคนนั้นไม่ได้สนใจมองทาง เขาหันหน้าไปทางอื่นแล้วเดินเร็วมาก แม้กระทั่งตอนที่เขามาถึงหน้าอวิ๋นลั่วเฟิง เขาก็ยังไม่หยุดฝีเท้า


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงหมุนตัวหลบชายคนนั้นแต่ว่าด้านหลังอวิ๋นลั่วเฟิงดันมีก้อนอิฐอยู่ ชายผู้นั้นไม่ได้มองทางจึงสะดุดล้มดังพลั่กแล้วส่งเสียงร้องโหยหวนดังลั่นจนถึงท้องฟ้า


 


 


ชายหนุ่มกำนิ้วเท้าแน่นแล้วมองอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างเดือดดาล “นางชั่ว เจ้ากล้าลอบโจมตีข้าหรือ!”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้มองชายหนุ่มแล้วก้าวเดินต่อไปราวกับคนที่อยู่ข้างหลังไม่มีตัวตน


 


 


“หยุดเดี๋ยวนี้!” ชายหนุ่มรีบคว้าไหล่ของอวิ๋นลั่วเฟิงเอาไว้แต่ก่อนที่มีเขาจะได้แตะตัวอวิ๋นลั่วเฟิงก็มีมือทรงพลังและอำมหิตจับข้อมือของเขาไว้แน่น เขาเจ็บจนต้องส่งเสียงร้องอีกครั้ง


 


 


หุ่นเชิดชายมองชายหนุ่มอย่างเย็นชา เขาใช้แรงมหาศาลจนทำให้ได้ยินเสียงกระดูกแตกละเอียด


 


 


“เจ้าก็ตัวใหญ่เสียเปล่าแต่กลับมองไม่เห็นทางที่ตัวเองเดิน ยังกล้ามาโทษคนอื่นอีกหรือ” เด็กชายตัวน้อยหัวเราะเยาะแล้วหันหน้าไปมองชายหนุ่ม


 


 


ชายหนุ่มไม่ยอมรับว่าตัวเองผิดแล้วแก้ตัวว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะนางชั่วนี่ ข้าก็คงไม่สะดุดก้อนอิฐหรอก ข้าควรจะชนนาง ดังนั้นนางจึงเป็นคนผิด!”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงหยุดเดินแล้วหันกลับมามองชายคนนี้ “เจ้าหมายความว่าข้าควรยืนอยู่เฉยๆ ให้เจ้าชนงั้นหรือ”


 


 


ชายหนุ่มกัดฟัน “ถ้าข้าชนเจ้า เจ้าก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่ ดีกว่าให้ข้าสะดุดก้อนอิฐ”


 


 


“ขอโทษที” อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้ว “ข้าคิดว่าการที่เจ้าชนข้าเป็นเรื่องเสียเกียรติ”


 


 


“เจ้า…” ชายหนุ่มเคยแต่รังแกและกระทืบผู้อื่น ดังนั้นแม้ตอนนี้เขาจะโดนหุ่นเชิดจับอยู่ เขาก็ยังใจแข็ง ทว่าครั้งนี้หุ่นเชิดชายไม่ปล่อยให้เขาได้มีโอกาสพูดแล้วกำข้อมือของชายหนุ่มแน่นจนเกือบจะทำลายกระดูกของเขา ความเจ็บปวดซัดเข้าหาชายหนุ่มจนทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก


 


 


“อวิ๋นอี้”


 


 


อวิ๋นอี้เป็นชื่อของหุ่นเชิดชาย หลังจากที่เขาได้ยินชื่อตัวเอง หุ่นเชิดก็ไม่ได้ลงมืออีก กระนั้นเขาก็ส่งสายตาน่าขนลุกไปให้ชายหนุ่ม ทำให้เขาตัวสั่นสะท้าน


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงค่อยๆ เดินไปหาชายหนุ่มแล้วหยิบยาออกมาจากที่ไหนสักแห่ง จากนั้นก็ยัดมันเข้าไปในปากเขา


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1459 การเปลี่ยนแปลงของหวงอิงอิง (6)


 


 


ชายร่างใหญ่ไอแห้งๆ ด้วยความหวังจะคลายยาออกมาได้ แต่ว่าเม็ดยาได้ละลายในปากเข้าสู่ปอดเขาเรียบร้อย


 


 


“เจ้าเอาอะไรให้ข้ากิน” ชายร่างใหญ่เบิกตากว้างแล้วตะโกนด้วยความโกรธ


 


 


“ยาพิษ” เด็กสาวยกยิ้มร้าย พอรวมกับน้ำเสียงขณะพูดก็ยิ่งให้ความรู้สึกน่ากลัว


 


 


สีหน้าของชายร่างใหญ่เต็มไปด้วยความกลัว ตอนนี้เองเขาถึงเพิ่งเข้าใจว่าเขากำลังหาเรื่องคนแบบไหน


 


 


“ข้าถามเจ้าแค่สองสามคำถามแต่เจ้ากลับต้องการจะสังหารข้างั้นหรือ”


 


 


“เปล่า” อวิ๋นลั่วเฟิงส่ายหน้า “ถ้าข้าอยากจะสังหารเจ้า ข้าคงโจมตีเจ้าไปแล้ว ข้าให้ยาพิษก็เพราะอยากให้เจ้าช่วยอะไรสักหน่อย”


 


 


ชายร่างใหญ่กลัวจนพูดไม่ออกแล้วร่างก็สั่นอย่างควบคุมไม่ได้


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงหยิบก้านสมุนไพรสีม่วงออกมาจากธำมรงค์มิติแล้วยื่นให้ชายร่างใหญ่


 


 


“ไปส่งสมุนไพรนี้ให้เผ่าผู้ใช้เวทแล้วมอบให้หัวหน้าเผ่า แล้วตอนนั้นคนจากเผ่าผู้ใช้เวทก็จะรักษาให้เจ้าเอง” อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มเยาะเมื่อเห็นสีหน้าของชายร่างใหญ่ขณะที่จับจ้องสมุนไพรแก้พิษในมือนาง “สมุนไพรแก้พิษนี้ไม่ได้รักษาพิษได้ทุกอย่าง แล้วพิษที่ข้าให้เจ้าก็มีแค่ปรสิตของเผ่าผู้ใช้เวทเท่านั้นที่ขับพิษออกได้ ถ้าเจ้าใช้วิธีอื่นก็จะตายทันที!”


 


 


ชายร่างใหญ่ตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้อีกครั้ง เขายื่นมือสั่นๆ ออกไปรับสมุนไพรแก้พิษ เขากลัวความตายมาก ดังนั้นเขาไม่มีทางลองใช้วิธีขับพิษอื่นเป็นแน่


 


 


“ไปกันเถอะ” อวิ๋นลั่วเฟิงหันหลังเดินไปยังท้ายถนนโดยไม่แม้แต่จะเหลือบตากลับมามองเขาอีก


 


 


เสี่ยวซู่ตามนางไปอย่างเชื่อฟังแล้วจับมือนางขณะแย้มยิ้มสดใสบนใบหน้าน่าทะนุถนอมของเขาขณะที่ฉาฉานอนอยู่บนศีรษะของเขา ฉาฉาทำหูตั้งแล้วใช้สีหน้าเสียใจมองอวิ๋นลั่วเฟิงอยู่เป็นพักๆ


 


 


หงิงๆ …


 


 


มันไม่อยากติดตามเสี่ยวซู่แต่ถูกบังคับไม่ให้กระโดดเข้าไปหาอ้อมกอดของเจ้านาย


 


 


“จะว่าไปแล้ว ท่านแม่” เสี่ยวซู่นึกอะไรบางอย่างออกจึงยื่นมือเล็กๆ ของเขาไปเกาก้นแล้วดึงผลไม้ออกมาก่อนยื่นให้อวิ๋นลั่วเฟิง “นี่เป็นผลเปลี่ยนร่างมนุษย์ที่ข้าสร้างขึ้นมาใหม่ ท่านเอาไปให้เหมิงเหมิงกินได้”


 


 


สัตว์อสูรวิญญาณทุกตัวแข็งแกร่งพอจะเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้แล้ว แต่โชคไม่ดีที่ผลเปลี่ยนร่างมีน้อยมาก จนถึงวันนี้ก็มีออกมาแค่ผลเดียว ดังนั้นก็ควรยกให้เหมิงเหมิง


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงหน้ามืดครึ้มขณะมองผลเปลี่ยนร่างมนุษย์ที่เสี่ยวซู่ดึงออกมาจากก้น “เจ้าเอาให้เหมิงเหมิงเองเถอะ”


 


 


เสี่ยวซู่ไม่รู้ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงรังเกียจผลไม้นี้จึงยิ้มอย่างมีความสุข “ขอรับ ข้าจะเข้าไปในมิติคัมภีร์เซียนสักพักแล้วยกมันให้เหมิงเหมิง”


 


 


“เสี่ยวซู่” ดวงตาของอวิ๋นลั่วเฟิงส่องประกายบางอย่าง “เจ้าผลิตผลเปลี่ยนร่างมนุษย์ออกมาเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร”


 


 


“เรื่องนี้…” เสี่ยวซู่เงียบไปแล้วหันหน้าหนีไปข้างหนึ่ง “เอาสมุนไพรพลังฌานให้ข้า ยิ่งสมุนไพรคุณภาพดีเท่าไรก็ยิ่งดี ไม่ใช่แค่ข้าสามารถผลิตผลเปลี่ยนร่างได้ แต่ยังสร้างผลไม้อย่างอื่นได้ด้วย แล้วก็คงไม่ใช้เวลาสร้างนานเท่านี้”


 


 


สมุนไพรพลังฌาน? จู่ๆ อวิ๋นลั่วเฟิงก็รู้สึกว่าเส้นทางการหาสมุนไพรพลังฌานของนางไม่มีทางสิ้นสุด


 


 


……


 


 


ภายในตระกูลจวินแห่งเมืองวิญญาณ ประมุขตระกูลกำลังนั่งขมวดคิ้วอยู่ในห้องทำงานด้วยสีหน้าวิตกกังวล เมื่อเขาเห็นเด็กสาวน่าเอ็นดูเดินเข้ามาในห้อง สีหน้าเขาก็อ่อนลง


 


 


“หลิงเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ เจ้าหาที่อยู่ท่านปู่เจ้าเจอแล้วหรือ”


 


 


ที่จริงหลิงเอ๋อร์รู้ดีว่าท่านปู่อยู่ที่ไหนแต่นางก็ไม่เคยเปิดเผยที่อยู่เขาเพราะนางสัญญากับท่านปู่ไว้แล้ว ดังนั้นหลิงเอ๋อร์จึงโกหกหน้าซื่อ “ข้าไม่รู้เจ้าค่ะ ท่านปู่ไม่ได้บอกข้าไว้”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม