ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ 1436-1443

 ตอนที่ 1436 สมบัติของเจวี๋ยเชียน (1)


 


 


ตอนนั้นเองท้องฟ้าก็มืดมัวเหมือนถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นละอองจนบดบังดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ทำให้บรรยากาศขมุกขมัวและเย็นยะเยือก


 


 


โม่เชียนเฉิงคล้ายโดนปีศาจครอบงำจนสูญเสียสติแล้วโจมตีจีจิ่วเทียนเหมือนคนบ้า เส้นผมสีดำสนิทของเขาปลิวไปตามสายลมที่พัดแรง


 


 


ปัง!


 


 


จีจิ่วเทียนถูกหมัดทรงพลังที่สามารถทลายปฐพีได้ของเขากระแทกเข้าที่หน้าอกจนกระอักเลือด แต่ใบหน้างดงามที่เชิดขึ้นยังคงมีรอยยิ้มเย้ยหยันประดับอยู่


 


 


“โม่เชียนเฉิง ข้าพูดความจริง ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม!”


 


 


“หุบปาก หุบปาก!”


 


 


โม่เชียนเฉิงปล่อยกลิ่นอายทรงพลังอีกครั้งแล้วใช้พลังฌานโจมตีจีจิ่วเทียนจน ละอองฝุ่นหนาแน่นในอากาศพลันฟุ้งกระจายแล้วทิ้งหลุมลึกไว้บนพื้น


 


 


ตูม!


 


 


จีจิ่วเทียนยกมือกันการโจมตี เขาทำได้แค่ถอยหลังหลบการโจมตี แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังแสดงสีหน้าเหยียดหยามอยู่เหมือนเดิม


 


 


โม่เชียนเฉิงโกรธจนตัวสั่น น่าขำจริงๆ ที่จีจิ่วเทียนบอกว่าเจ้าโง่เจวี๋ยเชียนขังเขาไว้ในสถานที่รกร้างแห่งนี้เพื่อปกป้องเขา!


 


 


เจวี๋ยเชียนแค่ต้องการแก้แค้นข้าเท่านั้น!


 


 


จีจิ่วเทียนโกหก!


 


 


สิ่งที่เขาพูดเหลวไหลทั้งเพ!


 


 


ขณะที่ชายหนุ่มกำลังพยายามโน้มน้าวตัวเองก็พุ่งไปข้างหน้าจีจิ่วเทียนแล้วตวัดขาเตะเข้าที่อกเขาอย่างแรง


 


 


จีจิ่วเทียนยกมือขึ้นกันการโจมตี แต่ความแข็งแกร่งของโม่เชียนเฉิงนั้นมีมากกว่าเขา เขาเตะจีจิ่วเทียนจนปลิวไปไกล มุมปากเขามีเลือดไหลออกมา


 


 


“เสี่ยวโม่ เจ้ามีวิธีจัดการกับเขาหรือไม่”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงกำหมัดด้วยความกังวล


 


 


โม่เชียนเฉิงเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่นางเคยเจอมา…


 


 


ตูม ตูม ตูม!


 


 


โม่เชียนเฉิงโจมตีไม่หยุด เขาใช้ขาทั้งสองข้างเตะจีจิ่วเทียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนตะคอกด้วยเสียงสั่นๆ จากความโกรธ “จีจิ่วเทียน ข้าอยากให้เจ้าบอกว่าเจวี๋ยเชียนเกลียดข้า!”


 


 


“เขาไม่ได้เกลียดเจ้า”


 


 


จีจิ่วเทียนพูดด้วยเสียงเบาอย่างอ่อนแรงแต่ก็ทำให้หัวใจของโม่เชียนเฉิงสั่นสะท้านอย่างมาก


 


 


“เขาไม่มีทางเกลียดเจ้า!”


 


 


“ไม่! เจ้าโกหก!” ดวงตาของชายหนุ่มยิ่งแดงก่ำแล้วลงมือโจมตีรุนแรงขึ้น


 


 


แต่ว่าเขาโจมตีสะเปะสะปะไปเรื่อยด้วยความกระวนกระวายใจ เห็นได้ชัดว่าคำพูดของจีจิ่วเทียนทำให้เขาว่อกแว่ก


 


 


ปัง!


 


 


การเตะครั้งสุดท้ายของเขาทำให้จีจิ่วเทียนทนการโจมตีต่อไปไม่ได้แล้วล้มลงพื้นอย่างแรงจนเกิดเป็นหลุมลึก


 


 


ชายหนุ่มนอนอยู่ในหลุม เสื้อคลุมสีแดงของเขาถูกย้อมไปด้วยเลือดแต่เขาก็ยังรักษารอยยิ้มเยาะเย้ยไว้บนใบหน้างดงามอยู่ดี


 


 


“จีจิ่วเทียน พูดออกมาว่าเจ้าโกหกข้า! เจวี๋ยเชียนไม่เคยเป็นห่วงข้า เขาแค่ต้องการแก้แค้นเท่านั้น!” ชายหนุ่มกัดฟัน ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขายกมือขึ้นเล็กน้อยแล้วพายุรุนแรงก็ปรากฏขึ้นในมือเขา


 


 


พายุลูกนี้รุนแรงจนทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน ใครก็ตามที่โดนการโจมตีนี้ วิญญาณของเขาจะต้องแตกสลายแล้วไม่สามารถกลับมาเกิดใหม่ได้อีก!


 


 


“ถ้าเจ้ายอมพูดออกมา ข้าจะปล่อยเจ้าไป ไม่อย่างนั้นข้าจะสังหารเจ้าทันที!”


 


 


เสื้อคลุมของเขาสะบัดไปตามแรงลมทำให้เขาดูบ้าคลั่งแต่ขณะเดียวกันก็ทรงพลัง


 


 


จีจิ่วเทียนหัวเราะเยาะแล้วจ้องดวงตาแดงก่ำของโม่เชียนเฉิงก่อนจะเปิดปากพูดอย่างใจเย็น “ข้าไม่เคยกลับคำพูดของตัวเอง”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1437 สมบัติของเจวี๋ยเชียน (2)


 


 


ภายใต้ท้องฟ้าสีเทา เสียงฟ้าร้องดังขึ้นแล้วสายฟ้าก็ปรากฏขึ้น สายลมแรงจำนวนหลายสายมารวมตัวกันในฝ่ามือของชายหนุ่มแล้วก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พายุดูรุนแรงเหมือนว่ามันสามารถทำลายทุกอย่างให้ราบเป็นหน้ากลอง


 


 


“จีจิ่วเทียน!” อวิ๋นลั่วเฟิงขมวดคิ้วแล้วรีบวิ่งไปหาจีจิ่วเทียน นางพยุงร่างที่อ่อนแรงของเขาแล้วขมวดคิ้ว “ให้ข้าพาเจ้าออกไปเถอะ”


 


 


จีจิ่วเทียนยิ้ม “เฟิงเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าพวกเรายังจะหลบหนีออกไปจากที่นี่ได้อีกหรือ”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงเงียบ เป็นครั้งแรกที่นางรู้เสียใจ นางเสียใจที่เลือกเข้ามาในดินแดนแห่งจินตนาการ…แล้วลากจีจิ่วเทียนเข้ามาเกี่ยวด้วย


 


 


“ฮึ่ม!” โม่เชียนเฉิงจ้องคนทั้งคู่ที่อยู่ในหลุมแล้วดวงตาแดงก่ำของเขาก็ส่องประกายสังหาร “จีจิ่วเทียน ในเมื่อเจ้าเลือกที่จะไม่พูดก็ปล่อยข้าส่งเจ้าไปยังโลกหลังความตายเพื่อไปอยู่กับเจวี๋ยเชียนเถอะ!”


 


 


สายลมรุนแรงพุ่งขึ้นฟ้าแล้วกระจายไปทั่วทั้งหุบเขา อวิ๋นลั่วเฟิงพยายามยืนอยู่ท่ามกลางแรงลมแต่ก็ไม่สามารถขยับไปไหนได้


 


 


นี่เป็นความแข็งแกร่งของโม่เชียนเฉิง!


 


 


ไม่มีใครแข็งแกร่งไปกว่าเขาอีกแล้ว!


 


 


“ไปตายซะ!”


 


 


เสียงของโม่เชียนเฉิงเต็มไปด้วยควมโกรธ พายุในมือเขาเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ไม่มีใครต้านทานพลังเขาได้ ตอนนี้พวกนางไม่ต่างกับลูกแกะที่กำลังจะถูกเชือด


 


 


“ไม่นะ!” อวิ๋นลั่วเฟิงตกใจ “ข้าจะมาตายที่นี่ไม่ได้ อวิ๋นเซียวยังรอข้าอยู่ แล้วข้าก็ทนมองจีจิ่วเทียนต้องตายเพราะข้าไม่ได้…”


 


 


ดังนั้นนางจะมายืนรอความตายอยู่เฉยๆ ไม่ได้


 


 


เมื่อคิดได้อย่างนั้นอวิ๋นลั่วเฟิงก็วางตัวจีจิ่วเทียนลงแล้วจ้องใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงกลางพายุก่อนจะเดินโซเซไปหาเขา


 


 


“เจ้าคิดจะทำอะไร”


 


 


เมื่อจีจิ่วเทียนเห็นท่าทางของอวิ๋นลั่วเฟิง สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปก่อนพยายามลุกขึ้นยืน “เจ้าสู้เขาไม่ได้!”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงยังคงใช้ดวงตาสีดำสนิทจับจ้องไปที่โม่เชียนเฉิงเหมือนไม่ได้ยินเสียงเตือนของเขา


 


 


“โม่เชียนเฉิง เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมข้าถึงได้เป็นผู้สืบทอดของเจวี๋ยเชียน” เสียงสงบนิ่งและเย็นชาของนางดังขึ้นท่ามกลางพายุ


 


 


โม่เชียนเฉิงชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเสียดสี “เจ้าคิดว่าข้าจะยอมปล่อยเจ้าเพราะเจ้าเป็นผู้สืบทอดของเจวี๋ยเชียนงั้นหรือ เจ้าคิดผิดแล้ว ถ้าเจ้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเจวี๋ยเชียน ข้าก็อาจจะยอมปล่อยเจ้าไป แต่ในเมื่อเจ้าเป็นผู้สืบทอดของเขา ข้าก็ต้องสังหารเจ้า!”


 


 


พูดจบโม่เชียนเฉิงก็ปล่อยกลิ่นอายสังหารรุนแรงออกมาอีกครั้ง


 


 


ดวงตาของอวิ๋นลั่วเฟิงหยุดอยู่ที่โม่เชียนเฉิงก่อนดวงตาร้ายกาจของนางจะส่องประกายบางอย่าง ถึงแม้ว่านางจะต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตแต่นางก็ยังคงความใจเย็น สงบนิ่งและไม่รีบร้อน


 


 


“เจ้าคิดว่าคนที่รักสันโดษแบบเจวี๋ยเชียนจะรับใครก็ไม่รู้มาเป็นผู้สืบทอดจริงหรือ”


 


 


โม่เชียนเฉิงขมวดคิ้วแต่ในมือเขายังรวมรรวบพลังเอาไว้อยู่


 


 


“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”


 


 


เมื่อโม่เชียนเฉิงพูดจบ พายุในมือเขาก็รวมกันเป็นรูปร่างเหมือนลูกบอลขนาดยักษ์แล้วขว้างใส่อวิ๋นลั่วเฟิง


 


 


เมื่อฉาฉาเห็นอวิ๋นลั่วเฟิงตกอยู่ในอันตราย มันก็พุ่งเข้ามาแล้วเห่าใส่โม่เชียนเฉิง ดวงตามันจับจ้องไปที่ลูกบอลลมยักษ์ มันไม่ยอมถอยหนีไปไหนถึงแม้ว่ามันจะตัวสั่นด้วยความกลัว


 


 


“นั่นก็เพราะว่า…” อวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้สนใจฉาฉาแล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “ข้าคือเจวี๋ยเชียนที่กลับชาติมาเกิดใหม่ ดังนั้นวิญญาณที่หลงเหลืออยู่ของเขาจึงมอบทรัพย์สมบัติของเขาให้ข้า”


ตอนที่ 1438 สมบัติของเจวี๋ยเชียน (3)


 


 


ตูม!


 


 


ความคิดของโม่เชียนเฉิงว่างเปล่าขณะที่คำพูดของอวิ๋นลั่วเฟิงยังคงดังสะท้อนอยู่ในความคิดเขา


 


 


เพราะว่าข้าคือเจวี๋ยเชียนที่กลับชาติมาเกิดใหม่ เขาเลยให้ข้าเป็นผู้สืบทอด…


 


 


ใช่แล้ว คนหวาดระแวงและทระนงอย่างเจวี๋ยเชียนจะยอมยกวิชาให้คนอื่นได้อย่างไร


 


 


เพราะเด็กสาวตรงหน้าเขาทำให้ความคิดเขาไม่อยู่กับร่องกับรอย


 


 


ทว่าเมื่อโม่เชียนเฉิงได้สติกลับมา เขาก็เห็นพลังรุนแรงกำลังพุ่งไปหาอวิ๋นลั่วเฟิงเหมือนยักษ์กำลังอ้าปากกลืนเด็กสาวที่ยืนปกป้องจีจิ่วเทียนยู่


 


 


“ไม่ ไม่!” ในที่สุดโม่เชียนเฉิงก็ตื่นตระหนก เขาพุ่งเข้าหาอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนชีวิตตัวเองเพื่อจะไปถึงอวิ๋นลั่วเฟิงก่อนก้อนพลังนั่น เมื่อเขาไปถึงเขาก็กางแขนป้องกันพลังที่รุนแรงพอจะทำลายสวรรค์เอาไว้


 


 


ตูม!


 


 


พลังปะทะเข้ากับแผ่นหลังของโม่เชียนเฉิงจนเขากระอักเลือดออกมาโดนคอเสื้อของอวิ๋นลัวเฟิงและย้อมมันเป็นสีแดง


 


 


เด็กหนุ่มที่เคยเต็มไปด้วยความยโสและแข็งแกร่งตอนนี้ ใบหน้าหล่อเหลาของเขากลับซีดเผือด ท่าทางของเขาเหมือนตุ๊กตาบอบบางจนทำให้คนที่เห็นรู้สึกเจ็บปวดใจ


 


 


“ข้าควรจะเกลียดเจ้า เจ้าทำร้ายข้าหลายครั้ง ทั้งยังขังข้าไว้ในนี้เป็นพันปี… แต่ทำไมแม้แต่ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ข้าก็เกลียดเจ้าไม่ลง


 


 


“แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ถ้าข้าตาย ข้าก็ไม่ต้องทนเจ็บปวดอีกต่อไป แล้วก็ไม่ทนรออยู่ที่นี่ เจ้าทำให้ข้าไม่แก่ไม่ตายเพื่อลงโทษข้า แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าปรารถนาที่จะตายมานานแล้ว เจวี๋ยเชียน ถ้าเกิดใหม่ชาติหน้า ข้าจะไม่ตกหลุมรักเจ้าอีก ไม่มีทาง!”


 


 


การรอคอยเป็นพันปี…คนอื่นจะรับรู้ความเจ็บปวดในใจเขาได้อย่างไร


 


 


หลังจากเขาก้าวก้าวแรกพลาด ก้าวอื่นๆ ก็พลาดตามไปด้วย ถ้าตอนนั้นความรักของเขาไม่ได้แปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชัง…เขาก็จะไม่สูญเสียเจวี๋ยเชียนไปใช่หรือไม่


 


 


“เจวี๋ยเชียน ความจริงแล้วตอนนั้นข้าตัดสินใจจะตายพร้อมกับเจ้า! ถ้าชาติหน้าเจ้าเกิดเป็นบุรุษ ข้าก็จะเกิดเป็นสตรี ถ้าเจ้าเกิดเป็นสตรีข้าก็จะไปเกิดเป็นบุรุษ แบบนี้…เจ้าก็จะไม่มีโอกาสปฏิเสธข้าใช่หรือไม่”


 


 


ในที่สุดชายหนุ่มก็เซแล้วทิ้งศีรษะลงพื้นอย่างแรง แต่ขณะที่เขากำลังจะล้ม เขาก็สัมผัสได้ว่ามีคนดึงตัวเขาไว้ แล้วสีหน้าของอีกฝ่ายก็แสดงความว้าวุ่นใจ…


 


 


แค่นี้ยังไม่พออีกหรือ


 


 


แม้เขาจะยืนกรานว่าตัวเองเกลียดเจวี๋ยเชียน แต่เขาจะเกลียดเจวี๋ยเชียนลงจริงๆ ได้อย่างไร พันปีที่ผ่านมาเขาก็แค่หลอกตัวเองเท่านั้น!


 


 


วิญญาณของมังกรยักษ์รับรู้ถึงความเจ็บปวดของชายหนุ่มได้อย่างชัดเจนจึงส่งเสียงคร่ำครวญอย่างต่อเนื่อง เสียงร้องของมันสั่นสะเทือนชั้นเมฆจนปรากฏท้องฟ้าสีครามอีกครั้ง


 


 


“จีจิ่วเทียน ข้าทำผิดหรือไม่” อวิ๋นลั่วเฟิงหลุบตาต่ำแล้วถามอย่างเย็นชา


 


 


“ไม่ เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด เจ้าแค่ต้องการอยู่รอดเท่านั้น!”


 


 


ถูกต้อง นางก็แค่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป นั่นจึงทำให้นางยอมเสี่ยง! นางลองเดิมพันดูว่าโม่เชียนเฉิงจะยังมีความรู้สึกให้กับเจวี๋ยเชียนอยู่หรือไม่ แล้วก็ดูเหมือนว่านางจะเดาถูก! เจวี๋ยเชียนยังคงมีอิทธิพลในใจของโม่เชียนเฉิงอยู่มาก ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางยอมให้เจวี๋ยเชียนมาตายที่นี่ นั่นทำให้นางกุเรื่องนี้ขึ้น


 


 


“ขอโทษด้วย” อวิ๋นลั่วเฟิงค่อยๆ วางชายหนุ่มลงที่พื้น “ทุกคนต่างก็เห็นแก่ตัว ข้าเองก็เห็นแก่ตัวมากเหมือนกัน ข้าไม่อยากมาตายที่นี่ ดังนั้นข้าจึงต้องหลอกเจ้า”


 


 


ทันใดนั้นพื้นดินก็สั่นสะเทือน แล้วก้อนหินจำนวนมากก็ร่วงลงมาจากท้องฟ้าราวกับว่าต้องการจะฝังโลกใบนี้


 


 


“ท่าไม่ดีแล้ว!” สีหน้าของจีจิ่วเทียนเปลี่ยนไปทันที “โม่เชียนเฉิงจะตายไม่ได้ ถ้าเขาตายพวกเราจะถูกขังอยู่ในมิติลวงตานี้ตลอดไป!”


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1439 สมบัติของเจวี๋ยเชียน (4)


 


 


“หืม?” เมื่อจีจิ่วเทียนสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ดวงตาเขาก็ปรากฏประกายสงสัย “แหล่งกำเนิดของมิติลวงตาแห่งนี้คือตัวของโม่เชียนเฉิงหรือนี่ เจวี๋ยเชียนถึงกับใช้ตัวโม่เชียนเฉิงเป็นแก่นพลังแล้วสร้างมิติลวงตาขึ้นมางั้นหรือ”


 


 


ถ้าโม่เชียนเฉิงตาย พวกเขาก็ต้องติดอยู่ที่นี่ตลอดไปแน่นอน!


 


 


“ถ้าเจ้าอยากช่วยโม่เชียนเฉิง สักวันหนึ่งเขาก็จะรู้ว่าเจ้าแสร้งเป็นเจวี๋ยเชียน เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าอยากจะช่วยเขา” จีจิ่วเทียนถามเสียงเบาหลังจากเขารับรู้ความคิดของนาง


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงเงียบ ถ้าเก็บโม่เชียนเฉิงไว้ข้างตัว เขาก็จะไม่ต่างกับระเบิดเวลาที่ไม่รู้ว่าจะทำลายตัวเองเมื่อไหร่ แล้วจะส่งผลกระทบกับชีวิตนางในอนาคตอย่างใหญ่หลวงแน่นอน แต่ว่า…


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงเงยหน้า “โม่เชียนเฉิงจะตายไม่ได้! ข้าเองต้องออกไปจากที่นี่เหมือนกัน!”


 


 


“เข้าใจแล้ว” มุมปากของจีจิ่วเทียนยกขึ้น “ไม่ว่าเจ้าจะตัดสินใจทำอะไร ใต้เท้าก็จะสนับสนุนเจ้า”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงจึงไม่ลังเลอีกแล้ววางมือลงบนแผ่นหลังของโม่เชียนเฉิงก่อนส่งพลังฌานเข้าไปในแผล


 


 


โชคดีที่นางมีดอกเบญจมาศของเสี่ยวซู่ที่คอยเติมพลังฌานให้กับมิติคัมภีร์เซียนโดยไม่มีวันหมด ดังนั้นนางจึงมีพลังฌานเพียงพอที่จะนำมาใช้แต่ขณะที่นางรักษาโม่เชียนเฉิง นางก็ไม่ได้ใส่ใจเท่ากับตอนรักษาอวิ๋นเซียวเพียงแค่ทำให้เขาไม่ตายก็พอ


 


 


ไม่นานเปลือกตาของชายหนุ่มที่นอนอยู่กับพื้นก็ขยับ แล้วเขาก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น


 


 


สิ่งแรกที่สะท้อนเข้าสายตาเขาคือใบหน้างดงามไร้ที่ติ เส้นผมของนางปลิวไปตามลมเบาๆ แล้วนัยน์ตาสีดำสนิทของนางก็ปรากฏประกายยากที่จะเข้าใจ


 


 


“เจ้าเป็นอะไรหรือไม่”


 


 


โม่เชียนเฉิงสะดุ้งแล้วกัดริมฝีปากเบาๆ “เหตุใดเจ้าถึงช่วยข้า”


 


 


“ถ้าเจ้าตาย ข้ากับจีจิ่วเทียนจะถูกขังอยู่ในมิติลวงตานี้ตลอดไปแล้วออกจากที่นี่ไม่ได้”


 


 


ครั้งนี้อวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้โกหกเขาแล้วบอกเหตุผลที่ช่วยชีวิตเขาไว้


 


 


โม่เชียนเฉิงหลุบตาแล้วเผยรอยยิ้มเย้ยหยันบนใบหน้างดงามหล่อเหลา “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่มีทางเป็นห่วงข้า! สิ่งเดียวที่เจ้ามีให้ข้าคือความรังเกียจ แล้วเจ้าจะมาใส่ใจความเป็นความตายของข้าไปทำไม”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงเหวี่ยงโม่เชียนเฉิงลงพื้นอย่างไร้ความปรานี ความเจ็บปวดที่เกิดจากการกระแทกพื้นทำให้เขาร้องออกมา โม่เชียนเฉิงขมวดคิ้วบางแน่น เขารู้ได้ทันทีว่าอวิ๋นลั่วเฟิงมีความคิดที่เกินรับได้จริงๆ


 


 


“ข้าไม่เหมือนกับเจวี๋ยเชียน ข้าไม่ได้มีความรู้สึกใดๆ กับเจ้า ดังนั้นข้าจึงไม่สนว่าเจ้าจะอยู่หรือตาย!” เด็กสาวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “ถึงแม้ว่าเจ้าจะบาดเจ็บเพราะช่วยเหลือข้า แต่ข้าก็ไม่ลืมว่าเจ้าต้องการสังหารข้าและจีจิ่วเทียน เจ้าคิดว่าข้าจะมีความเมตตากับศัตรูของตัวเองงั้นหรือ”


 


 


โม่เชียนเฉิงก้มหน้าตัวสั่นเทา ถึงแม้ว่านางจะไม่ใช่เจวี๋ยเชียนเมื่อพันปีที่แล้วแต่นางก็ยังรังเกียจเขา…


 


 


“แต่ว่า…” อวิ๋นลั่วเฟิงเว้นช่วงไปชั่วครู่ก่อนพูดต่อ “ตอนนั้นเจวี๋ยเชียนขังเจ้าไว้ในนี้เพื่อความปลอดภัยของเจ้าเป็นเรื่องจริง จีจิ่วเทียนพูดถูกแล้ว”


 


 


“เจ้ากำลังจะบอกว่า…” โม่เชียนเฉิงกัดปากแล้วเงยหน้ามองอวิ๋นลั่วเฟิง “เมื่อก่อนเจ้าไม่ได้รังเกียจข้างั้นหรือ”


 


 


เมื่อเห็นสีหน้าดีใจของชายหนุ่ม อวิ๋นลั่วเฟิงก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองจะโหดร้ายขนาดนั้น


 


 


“เจวี๋ยเชียนก็คือเจวี๋ยเชียน ข้าก็คือข้า”


 


 


ถึงอย่างไรนางก็ไม่ใช่เจวี๋ยเชียนตัวจริงจึงไม่ได้คิดว่าตัวเองมีความสัมพันธ์ใดๆ ต่อโม่เชียนเฉิง


 


 


“ข้าเข้าใจ…” โม่เชียนเฉิงหัวเราะอย่างขมขื่น “เจ้าในตอนนี้ไม่ใช่เจวี๋ยเชียน เจ้าไม่ได้แข็งแกร่งเท่าเขาแล้วเจ้าก็กลายเป็นสตรีไปแล้ว ข้าเองก็สัมผัสความรู้สึกคุ้นเคยจากตัวเจ้าไม่ได้…”


ตอนที่ 1440 สมบัติของเจวี๋ยเชียน (5)


 


 


“แต่ว่าข้าพอใจที่จะอยู่เคียงข้างเจ้าเหมือนเมื่อก่อน เจ้า…เจ้าช่วยให้โอกาสข้าอีกครั้งได้หรือไม่” ชายหนุ่มใช้น้ำเสียงวิงวอน เขาอยู่อย่างเดียวดายมาตลอดพันปี… เขาไม่อยากอยู่คนเดียวอีกต่อไปแล้ว


 


 


“ไม่” อวิ๋นลั่วเฟิงปฏิเสธโม่เชียนเฉิงอย่างไร้เมตตา


 


 


ใครจะรู้ว่าถ้าโม่เชียนเฉิงเห็นอวิ๋นเซียว เขาจะสติแตกหรือไม่ นางไม่มีทางยอมเก็บระเบิดเวลาไว้ข้างตัว


 


 


ในใจโม่เชียนเฉิงรู้สึกผิดหวัง “ข้ารู้ว่าเจ้าต้องไม่ยกโทษให้ข้า ครั้งหนึ่งข้าเคยช่วยคนอื่นทำร้ายเจ้า แล้วตอนนี้ก็ยังต้องการจะสังหารเจ้าอีก ถึงแม้จะทำไปเพราะไม่รู้ว่าเป็นเจ้าก็ตาม แต่เจ้าจะให้อภัยข้าได้อย่างไร”


 


 


ไม่แน่ว่าเขาอาจจะไม่ได้รับการให้อภัยต่อให้ใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อแลกเปลี่ยน


 


 


“แต่ถึงอย่างนั้น…” ชายหนุ่มยกมุมปากขึ้น ใบหน้าซีดเผือดของเขาสะท้อนกับแสงแดดจนเป็นประกาย “ข้าจะพยายามทำให้เจ้าเห็นถึงความแน่วแน่ของข้า สักวันหนึ่งเจ้าจะต้องยอมรับข้า”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้ตอบอะไรชายหนุ่มแล้วเดินไปหาจีจิ่วเทียนที่อยู่ในหลุม นางพยุงตัวเขาขึ้นอย่างระมัดระวังแล้วป้อนสมุนไพรพลังฌานเข้าปากเขา


 


 


พลังฌานภายในมิติคัมภีร์เซียนรักษาอาการบาดเจ็บไม่ได้ทุกอย่างมีแค่การบาดเจ็บภายนอกเหมือนแผลที่หลังของโม่เชียนเฉิงเท่านั้นที่พลังฌานสามารถหยุดการไหลของเลือดได้ ดังนั้นตอนนั้นนางถึงต้องใช้พลังฌานห้ามเลือดเขา


 


 


อาการบาดเจ็บของจีจิ่วเทียนเป็นการบาดเจ็บภายใน ดังนั้นพลังฌานจึงทำได้แค่เป็นตัวช่วยเสริมเท่านั้น นางยังต้องใช้สมุนไพรพลังฌานเพื่อรักษา


 


 


เมื่อเห็นอวิ๋นลั่วเฟิงป้อนสมุนไพรจีจิ่วเทียน ความโกรธก็ปกคลุมทั่วใบหน้าของโม่เชียนเฉิง เส้นผมสีเงินของเขาปลิวไปตามลมแล้วดวงตาของเขาก็ส่อประกายเดือดดาล “เจวี๋ยเชียน เจ้า…”


 


 


“ข้าชื่ออวิ๋นลั่วเฟิง” อวิ๋นลั่วเฟิงพูดอย่างเย็นชาขณะส่งสายตาไปให้โม่เชียนเฉิง


 


 


สายตาของนางทำให้ความโกรธของโม่เชียนเฉิงหายไปอย่างน่าประหลาด แต่เขายังคงสีหน้าไม่พอใจเอาไว้ ถ้าเขาไม่ได้กลัวว่าอวิ๋นลั่วเฟิงจะโกรธ ไม่แน่เขาอาจจะลงมือกับจีจิ่วเทียนไปแล้ว


 


 


เหตุการณ์ครั้งนี้ก็เหมือนเมื่อพันปีที่แล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาเจอเจวี๋ยเชียนก่อน แต่ความสัมพันธ์ของจีจิ่วเทียนกับเจวี๋ยเชียนนั้นกลับดีกว่า แล้วยิ่งหลังจากเขาสารภาพรักกับเจวี๋ยเชียน ชายหนุ่มก็ทำตัวเฉยชากับเขามากๆ ตอนนี้ก็เหมือนกัน แล้วเขาจะมีความสุขได้อย่างไร


 


 


“เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าจะออกไปจากมิติลวงตานี้ได้อย่างไร” หลังจากอวิ๋นลั่วเฟิงให้สมุนไพรจีจิ่วเทียนกินเสร็จแล้ว นางก็หันหน้าไปหาโม่เชียนเฉิง


 


 


โม่เชียนเฉิงพูดด้วยดวงตาสับสน “เจ้าเป็นคนสร้างมิติลวงตานี้ขึ้นมาเองไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้าถึงไม่รู้วิธีออกไป”


 


 


หัวใจของอวิ๋นลั่วเฟิงกระตุก นางพยายามทำใจให้สงบแล้วพูดว่า “ข้าไม่ได้มีความทรงจำในอดีต”


 


 


“อ้อ ข้าลืมไป เจ้ากลับมาเกิดใหม่ ดังนั้นเจ้าจะจำเรื่องราวเมื่อพันปีก่อนได้อย่างไร” โม่เชียนเฉิงพลันเข้าใจ “ไม่ไกลจากถ้ำมีกลไกอยู่ ถ้าเจ้าทำให้กลไกนั้นทำงานได้ เจ้าก็ออกไปได้”


 


 


โม่เชียนเฉิงเม้มปากก่อนจะพูดต่อ “โชคร้ายที่ข้าออกไปจากที่นี่ไม่ได้ เมื่อใดก็ตามที่ข้าเข้าใกล้มัน ร่างกายข้าก็จะเริ่มชา แม้แต่สัตว์อสูรวิญญาณก็เข้าใกล้ไม่ได้เหมือนกัน ไม่อย่างนั้นข้าก็คงสั่งให้สัตว์อสูรวิญญาณในมิติลวงตานี้เปิดทางให้ข้าออกไปนานแล้ว”


 


 


“ฉาฉา เจ้ารออยู่ที่นี่” อวิ๋นลั่วเฟิงมองฉาฉาแล้วออกคำสั่ง


 


 


“โฮ่งๆ” ฉาฉาเห่าแล้วนั่งลงอย่างเชื่อฟังขณะส่งสายตากังวลไปให้อวิ๋นลั่วเฟิง


 


 


“ไม่ต้องห่วง ข้าจะพาเจ้าออกไปด้วยแน่นอน”


 


 


ส่วนสัตว์อสูรวิญญาณทั้งหลายภายในมิติคัมภีร์เซียน ถ้าพวกเขาไม่ออกมาจากมิติก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1441 สมบัติของเจวี๋ยเชียน (6)


 


 


“ข้าจะไปกับเจ้าด้วย” จีจิ่วเทียนพยายามลุกขึ้นเดินไปหาอวิ๋นลั่วเฟิง


 


 


“อาการบาดเจ็บของเจ้า…”


 


 


“ข้าไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”


 


 


“ก็ได้” อวิ๋นลั่วเฟิงพยักหน้าแล้วออกเดิน


 


 


ถ้ำลึกมากราวกับหุบเขานี้มีขนาดใหญ่โตมโหฬารไร้จุดสิ้นสุดจนคนที่เดินเข้ามามองไม่เห็นปลายทาง


 


 


“ถ้าพวกเราออกไปได้ก็หมายความว่าโม่เชียนเฉิงจะก็ไปจากที่นี่ได้เหมือนกันสินะ” อวิ๋นลั่วเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ตอนที่นางป้อนสมุนไพรใส่ปากจีจิ่วเทียน นางก็สัมผัสได้ถึงความโกรธและเจตนาสังหารภายในดวงตาของโม่เชียนเฉิง การเก็บระเบิดเวลาแบบเขาไว้ข้างตัวนับเป็นเรื่องอันตรายเกินไป


 


 


“มันก็มีทางกำจัดเขาอยู่นะ” มุมปากของจีจิ่วเทียนยกขึ้น “ตามหาร่างที่เจวี๋ยเชียนกลับมาเกิดใหม่ ทันทีที่พวกเราหาเจอก็โยนปัญหาให้เขาไป ตอนนั้นถึงแม้ว่าโม่เชียนเฉิงจะรู้แล้วว่าเจ้าแสร้งทำตัวเป็นเจวี๋ยเชียนแต่เจ้าก็ให้เจวี๋ยเชียนตัวจริงทดแทนเขาแล้ว”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงเหลือบมองจีจิ่วเทียน “เจ้ากำลังขายพี่น้องของตัวเองงั้นหรือ”


 


 


“ก็เป็นเเรื่องที่ช่วยไม่ได้” จีจิ่วเทียนยกยิ้มร้ายกาจน่ามอง “การโยนเขาให้เจวี๋ยเชียนก็ดีกว่าให้เขาติดตามเรา เจ้าไม่คิดอย่างนั้นหรือ”


 


 


“อันที่จริงนั่นเป็นความคิดที่ดีที่สุดแล้ว”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงลูบคางเบาๆ ไม่แน่นางอาจจะสามารถสลัดโม่เชียนได้ถ้านางเจอร่างที่เจวี๋ยเชียนกลับมาเกิดใหม่ ดูเหมือนว่านางจะต้องตามหาเจวี๋ยเชียนหลังจากออกจากที่นี่…


 


 


“จริงสิ แล้วถ้าเจวี๋ยเชียนไม่ยอมรับรักโม่เชียเฉิงอีกจะทำอย่างไร”


 


 


จีจิ่วเทียนเงียบ ผ่านไปสักพักดวงตาเขาเป็นประกายเลือดเย็น


 


 


“ไม่ใช่ว่าเจ้ามียาที่เปลี่ยนเพศคนได้หรอกหรือ ถ้าเจ้าเปลี่ยนโม่เชียนเฉิงเป็นสตรีไม่แน่เจ้าอาจจะได้เป็นแม่สื่อให้คู่รักหยวนยางก็ได้”


 


 


หน้าผากของอวิ๋นลั่วเฟิงกระตุก “ถ้าข้ามียาแบบนั้นจริงข้าคงเปลี่ยนเจ้าเป็นคนแรก ไม่แน่ว่าเจ้าอาจจะได้แต่งงานกับใครสักคนทันทีแล้วลาออกจากชีวิตพรหมจรรย์เสียที”


 


 


สีหน้าของจีจิ่วเทียนมืดลงทันที สตรีผู้นี้จะตายหรือถ้าไม่ได้พูดอย่างนั้น


 


 


ประตูสีดำปรากฏขึ้นข้างหน้าพวกนาง อวิ๋นลั่วเฟิงผลักประตูเบาๆ แล้วเดินเข้าไปช้าๆ เมื่อนางเห็นสภาพภายใน นางก็สะดุ้ง


 


 


ทรัพย์สมบัติมากมายล้นเต็มห้องไม่ว่าจะเป็นสมุนไพร คัมภีร์หรืออาวุธภายในห้องนี้มีทุกอย่าง แล้วตรงกลางห้องก็มีน้ำพุโลหิตอยู่ เสียงของน้ำที่ตกลงมาเหมือนเสียงของเลือดที่กำลังหยดจนทำให้คนที่ได้ยินขนลุก


 


 


ทว่าน้ำพุไม่ได้มีกลิ่นสนิม แต่กลับมีกลิ่นหอมบางเบา เมื่ออวิ๋นลั่วเฟิงสูดกลิ่นเข้าไป พลังฌานภายในร่างนางก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อย


 


 


“นายหญิง นี่คือน้ำพุฌานโลหิต! ถ้าท่านแช่ในน้ำพุนี้ ความแข็งแกร่งของท่านจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว! สุดยอด ครั้งนี้โชคหล่นทับพวกเราแล้ว!” เสี่ยวโม่ตะโกนอย่างตื่นเต้น


 


 


เสียงของเขาเหมือนคนหิวโซที่เห็นอาหารเลิศรสแล้วไม่ต้องการอะไรนอกจากได้กินมัน


 


 


จีจิ่วเทียนที่อยู่ข้างๆ นางไม่ได้มีท่าทีตกใจแล้วรอยยิ้มยังคงฉายอยู่ในดวงตาเขา


 


 


“ข้าไม่คิดเลยว่าเจวี๋ยเชียนจะซ่อนสมบัติของเขาเอาไว้ในมิติลวงตานี้ ไม่แปลกใจเลยที่ยอดฝีมือพวกนั้นออกตามหาแล้วไม่พบอะไรเลยแม้จะใช้คนไปมากมาย เฟิงเอ๋อร์ ในฐานะที่เจ้าเป็นผู้สืบทอดของเขา ของพวกนี้ก็สมควรจะเป็นของเจ้า”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงเงียบ ไม่รู้ทำไม แต่นางรู้สึกว่าทุกอย่างนั้นราวกับโชคชะตาได้กำหนดไว้แล้ว เหตุผลที่นางมาที่มิติลวงตานี้ก็เพราะวิชาหุ่นเชิดของเจวี๋ยเชียนทำให้จำเป็นต้องมาเอากระดูกผู้ใช้เวทเพื่อสร้างหุ่นเชิด


ตอนที่ 1442 สมบัติของเจวี๋ยเชียน (7)


 


 


ตอนที่นางเพิ่งก้าวขาเข้ามาในที่แห่งนี้แล้วก็เห็นสมบัติทั้งหมดของเจวี๋ยเชียนที่เอาไว้ใช้สำหรับสร้างหุ่นเชิด


 


 


“ฮ่าๆๆ!” แล้วจู่ๆ เสียงหัวเราะบ้าคลั่งก็ดังขึ้น ทันใดนั้นร่างเซี่ยงเฟยที่หนีออกมาก่อนหน้านี้ก็พุ่งเข้ามาเหมือนคนบ้าแล้วหัวเราะเสียงดังอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ ขณะที่สายตาจับจ้องไปที่สมบัติที่อยู่เต็มห้อง


 


 


“โชคดีเป็นบ้า! ครั้งนี้ข้าได้โชคก้อนใหญ่แล้ว! ทุกอย่างเป็นของข้า ของข้าทั้งหมด!” ดวงตาเขาแดงก่ำเมื่อหันมามองอวิ๋นลั่วเฟิงและจีจิ่วเทียนโดยไม่ละสายตา “ใครก็ตามที่กล้าสู้เพื่อแย่งสมบัติพวกนี้กับข้า ข้าจะลากพวกมันลงมา!”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงจ้องเซี่ยงเฟยอย่างเย็นชา แล้วใบหน้าของนางก็ฉายแววชั่วร้ายเย็นยะเยือก ความจริงแล้วนางสัมผัสได้ถึงตัวตนของเซี่ยงเฟยที่แอบตามพวกนางมา แต่นางไม่ได้สนใจเขา นางไม่คาดคิดว่าเขาจะเสียสติเพราะสมบัติพวกนี้จนเผยตัวออกมา


 


 


ดวงตาของเขาแดงก่ำ ความโลภเขียนอยู่เต็มใบหน้า


 


 


เซี่ยงเฟยกอดกระบี่ยาวเล่มหนึ่งไว้แล้วตั้งใจจะเลียกระบี่ทั้งเล่ม แต่ว่าเขาก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากกอดกระบี่ในกองสมบัติไว้แน่นแล้วจ้องหน้าพวกนางด้วยดวงตาแดงก่ำ


 


 


“ฮึ่ม! ทุกอย่างที่นี่เป็นของข้า ไสหัวไป! อย่ามาแตะต้องสมบัติของข้า!”


 


 


ตราบใดที่เขาได้สมบัติพวกนี้ความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วในแผ่นดินนี้จะมีใครต่อกรกับเขาได้อีก


 


 


“ฮ่าๆๆ!” เมื่อเซี่ยงเฟยคิดถึงตรงนี้ เขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ผมเผ้าของเขาสะบัดไปตามเสียงหัวเราะจนยุ่งเหยิงยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของเขาดูเสียสติมากขึ้น


 


 


“สวะ! พวกเจ้าทุกคนไสหัวไป!” เมื่อเขาเห็นอวิ๋นลั่วเฟิงและจีจิ่วเทียนไม่ตอบสนอง เขาก็ร้องเสียงดังเพื่อที่จะขับไล่พวกนางออกไปจากเขตของตัวเอง


 


 


ใช่แล้ว หลังจากที่เซี่ยงเฟยเห็นสมบัติเหล่านี้เขาก็เสียสติไปแล้ว เขาไม่หลงเหลือความกลัวต่อจีจิ่วเทียนแล้วหลงคิดว่าห้องตรงหน้าเขาเป็นของของตนเอง!


 


 


“ตอนแรกใต้เท้าตั้งใจจะจัดการกับเขาหลังจากที่เราออกจากที่นี่ แต่ตอนนี้…” จีจิ่วเทียนยกยิ้มน่าขนลุก “…ใต้เท้าจะสังหารเขาก่อน”


 


 


ตูม!


 


 


กลิ่นอายทรงพลังระเบิดออกมาทันที แรงกดดันทำให้เซี่ยงเฟยสั่นสะท้านแล้วทรุดลงพื้นอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง


 


 


ตอนที่เขากำลังจะล้ม เขาก็ควานหาอะไรบางอย่างเพื่อยึดไว้ แต่บังเอิญล้มไปโดนแจกันดินเผาที่อยู่ด้านข้างจนเผยให้เห็นปุ่มที่ซ่อนอยู่ด้านบน ตอนนั้นเองมือเขาก็เผลอไปกดปุ่มจนระเบิดออกแล้วกระแทกร่างเขาลอยไปไกล


 


 


ตูม!


 


 


พื้นทั้งหมดเริ่มแตกร้าวแล้วห้องก็เริ่มสั่นสะเทือนราวกับว่าสามารถพังได้ทุกเมื่อ


 


 


“เกิด…เกิดอะไรขึ้น” อวิ๋นลั่วเฟิงขมวดคิ้วดวงตาเป็นประกายเคร่งเครียด


 


 


“ไม่นะ!”


 


 


ทันใดนั้นก็เสียงหวาดกลัวก็ดังขึ้นจากด้านหน้าพวกเขา เมื่ออวิ๋นลั่วเฟิงหันไปมองนางก็เห็นร่างของเซี่ยงเฟยค่อยๆ เลือนหายไปราวกับว่าถ้าเขาโดนสัมผัสร่างของเขาก็จะแตกสลาย ดวงตาเขาฉายแววตระหนกเมื่อเห็นร่างของตัวเองค่อยๆ หายไป ไม่นานสายตาของเขาก็เริ่มฝ้าฟางแล้วร่างของเขาก็หายไปจากห้อง


 


 


“เขาหายไปแล้วงั้นหรือ” อวิ๋นลั่วเฟิงขมวดคิ้วเป็นโบแล้วดวงตานางเป็นประกายขึ้นมาแวบหนึ่ง “เขาตายแล้วหรือว่า…”


 


 


ก่อนที่นางจะเอ่ยปากถามเสร็จเสียงหยิ่งยโสที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมา


 


 


“ผู้สืบทอดของข้า ดูเหมือนว่าเจ้าจะได้รับคัมภีร์ของข้าแล้วจึงมาตามหากระดูกผู้ใช้เวทสินะ”


 


 


ร่างสง่างามแต่โปร่งแสงค่อยๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกนาง


 


 


 


 


 


 


ตอนที่ 1443 สมบัติของเจวี๋ยเชียน (8)


 


 


บุรุษที่อยู่ด้านพวกเขาเองก็สวมเสื้อสีแดงเหมือนกัน แต่เมื่อเทียบกับรูปร่างท่าทางราวจิ้งจอกของจีจิ่วเทียนแล้ว ชายคนนี้กลับดูสง่างามและหยิ่งยโสกว่า! สายตาของเขาเหมือนกำลังดูถูกโลกใบนี้ราวกับว่าเขาเป็นประมุขที่กำลังเหลือบตามองสิ่งมีชีวิตไร้ค่าเบื้องล่างเขาอย่างหยิ่งทระนง


 


 


ถูกแล้ว หยิ่งทระนง!


 


 


มีแค่ประมุขสูงสุดที่ตัวจริงเท่านั้นที่สามารถดูถูกโลกได้แบบนี้ราวกับว่าแค่สายตาเพียงอย่างเดียวก็สามารถสังหารทุกคนได้เพียงชั่วพริบตา!


 


 


“เจวี๋ยเชียน” สีหน้าของจีจิ่วเทียนแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างมาก “ตอนนั้น ข้าก็สงสัยอยู่แล้วว่าทำไมวิญญาณของเจ้าถึงอ่อนแอขนาดนั้น ไม่ว่าจะบาดเจ็บสักแค่ไหนก็ไม่ควรจะอ่อนแอขนาดนั้น! แต่ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะแบ่งวิญญาณออกเป็นหลายส่วน เจ้ารู้หรือไม่ว่าการกระทำของเจ้าจะส่งผลต่อพรสวรรค์ของเจ้าเมื่อเจ้าเกิดใหม่”


 


 


เจวี๋นเชียนเชิดคางขึ้นอย่างยโส รูปร่างของเขาทั้งสูงและทรงพลัง คล้ายกับหุบเขาขนาดใหญ่ที่คอยกดทับผู้คนจนหายใจไม่ออก


 


 


นี่คือเจวี๋ยเชียน!


 


 


เทพแห่งการแพทย์เจวี๋ยเชียนที่ทำให้ทุกคนหวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อเขา!


 


 


“หลังจากที่เข้ามาในมิติลวงตาแห่งนี้ก็มีเพียงทางเดียวเท่านั้นที่จะออกไปได้ นั่นคือสืบทอดความสามารถทั้งหมดของข้า ถ้าเจ้าผ่านบททดสอบ เจ้าก็สามารถออกไปได้!”


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงหรี่ตาเล็กน้อย “โม่เชียนเฉิงบอกข้าว่ากลไกที่นี่จะทำให้ข้าออกไปได้ เขาโกหกข้าหรือว่า…”


 


 


“เปล่า เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย”


 


 


ความจริงแล้วเป็นเจวี๋ยเชียนที่สร้างมิติลวงตาแห่งนี้ขึ้น โม่เชียนเฉิงรู้แค่ว่าเขาเข้ามายุ่งกับที่นี่ไม่ได้ดังนั้นเขาจึงคิดไปเองว่ากลไกที่จะทำให้ออกไปได้อยู่ที่นี่ เขาไม่รู้หรอกว่ามีเพียงหนทางเดียวเท่านั้นที่จะออกไปจากที่ได้


 


 


“เข้าใจแล้ว” อวิ๋นลั่วเฟิงสูดหายใจเข้าเบาๆ “บอกข้าเลยว่าข้าจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร”


 


 


ถึงแม้ว่าร่างของเจวี๋ยเชียนจะโปร่งแสง แต่ก็ไม่อาจซุกซ่อนกลิ่นอายทรงอำนาจของเขาเอาไว้ได้ กลิ่นอายเขาแข็งแกร่งมากจนทำให้คนที่ยืนอยู่เบื้องหน้ารู้สึกกดดัน


 


 


“เริ่มจากเจ้าต้องผ่านด่านเลื่อนขั้นให้ได้สามระดับ!”


 


 


ผ่านด่านเลื่อนขั้นสามระดับ หรือก็คือนางต้องเลื่อนระดับจากผู้ฝึกฌานขั้นราชันปราชญ์ระดับกลางไปเป็นขั้นจักรพรรดิปราชญ์ระดับกลาง


 


 


“คนรักของข้ารอข้าอยู่ข้างนอก ท่านยอมให้ข้าได้บอกลาเขาก่อนเริ่มบทดสอบได้หรือไม่”


 


 


เสียงของเจวี๋ยเชียนยังคงสง่างาม “เจ้าออกไปจากที่นี่ไม่ได้จนกว่าจะผ่านบททดสอบทั้งหมด”


 


 


เมื่ออวิ๋นลั่วเฟิงได้ยินคำตอบของเขา คิ้วนางก็กระตุกอีกครั้ง นางพลันนึกถึงบุรุษที่อยู่ในกระจกแห่งความว่างเปล่า เขาก็ดื้อรั้นและวางอำนาจเหมือนกับเจวี๋ยเชียนเลย!


 


 


หลังจากที่อวิ๋นเซียวให้กระจกแห่งความว่างเปล่านาง นางก็บังเอิญหลุดเข้าไปในกระจกแห่งความว่างเปล่าระหว่างที่เดินทางไปหาเขา ตอนแรกนางก็ขอร้องให้บุรุษในกระจกแห่งความว่างเปล่ายอมให้นางออกไปช่วยชีวิตอวิ๋นเซียวก่อนจะเริ่มบททดสอบ แต่คนคนนั้นก็ดื้อรั้นเหลือเกิน ถ้านางไม่ผ่านภารกิจทั้งหมดก็อย่าหวังว่านางจะได้ออกมา!


 


 


โชคดีที่เวลาในกระจกแห่งความว่างเปล่าไม่ตรงกับเวลาข้างนอก ดังนั้นนางจึงไปช่วยอวิ๋นเซียวแล้วเผชิญหน้ากับศัตรูแข็งแกร่งได้ทัน…


 


 


“ท่านบอกแค่บททดสอบแรก แล้วบททดสอบที่สองคืออะไร” อวิ๋นลั่วเฟิงถาม


 


 


“บททดสอบที่สองก็คือเจ้าต้องสร้างหุ่นเชิดให้ได้ ถ้าเจ้าสร้างหุ่นเชิดไม่ได้ เจ้าก็จากมิติลวงตาแห่งนี้ไปไม่ได้”


 


 


บททดสอบแรกต้องใช้เวลานาน แต่บททดสอบที่สองกลับต้องใช้ความทุ่มเท ใครจะรู้ว่านางจะสร้างหุ่นเชิดเสร็จเมื่อไหร่


 


 


อวิ๋นลั่วเฟิงครุ่นคิดอยู่สักพัก “ข้าสามารถอยู่ทำบททดสอบที่นี่ได้ แต่ข้ามีเรื่องจะขอร้อง ข้าหวังว่าสัตว์อสูรวิญญาณของข้าจะสามารถมาที่นี่ได้”


 


 


เมื่อมีของล้ำค่าอย่างน้ำพุฌานโลหิต นางก็ต้องหารแบ่งให้กับสัตว์อสูรวิญญาณของตัวเอง ไม่แน่ว่าในระหว่างนี้ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรวิญญาณอาจจะเพิ่มขึ้นสักสองสามระดับ…


 


 


เจวี๋ยเชียนส่งสายตาทรงอำนาจไปให้อวิ๋นลั่วเฟิง “สัตว์อสูรวิญญาณสามารถมาที่นี่ได้ตั้งแต่แรก ข้าแค่ไม่อนุญาตให้สัตว์อสูรวิญญาณที่อาศัยอยู่ในมิติลวงตาเข้ามาเท่านั้น ส่วนสัตว์อสูรวิญญาณที่เจ้าพามาก็มีสิทธิ์มาที่นี่อยู่แล้ว โม่เชียนเฉิงเข้าใจผิดไปเอง”

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม